-2-
สถานพยาบาลของเอกชน หมายความว่า สถานพยาบาลท่ีมีลักษณะการให้บริการเป็นโรงพยาบาล
ซ่งึ ไดร้ บั อนุญาตให้ประกอบกจิ การและดาํ เนินการตามกฎหมายวา่ ด้วยสถานพยาบาล
ผมู้ ีสทิ ธิได้รับเงินสวสั ดกิ ารเกี่ยวกับการรกั ษาพยาบาล ประกอบด้วย 3 ประเภท ดังนี้
1. ข้าราชการและลูกจ้างประจําซึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างประจําจากเงินงบประมาณรายจ่าย
งบบุคลากรของกระทรวง ทบวง กรม เว้นแต่ข้าราชการตํารวจชั้นพลตํารวจซึ่งอยู่ในระหว่างรับการศึกษาอบรม
ในสถานศึกษาของสํานักงานตาํ รวจแห่งชาติก่อนเขา้ ปฏบิ ัติหน้าทร่ี าชการประจํา
2. ลูกจ้างชาวต่างประเทศซ่ึงมีหนังสือสัญญาจ้างท่ีได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่าย
และสัญญาจ้างนน้ั มไิ ดร้ ะบุเกี่ยวกับค่ารกั ษาพยาบาลไว้
3. ผู้ได้รับบํานาญปกติหรือผู้ได้รับบํานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จ
บํานาญข้าราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ และทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัดตาม
ข้อบงั คับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงนิ เบ้ียหวดั
อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิสามารถนําค่ารักษาพยาบาลของบุคคลในครอบครัว (ผู้อาศัยสิทธิ) มาเบิกเงิน
สวสั ดิการเกี่ยวกบั การรักษาพยาบาลได้ บคุ คลในครอบครัว (ผอู้ าศยั สทิ ธ)ิ ได้แก่
1. บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีสิทธิซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เป็นคนไร้
ความสามารถหรอื เสมอื นไรค้ วามสามารถซง่ึ อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีสิทธิ แต่ทั้งน้ีไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม
หรือบุตรซ่งึ ได้ยกให้เป็นบตุ รบุญธรรมของบุคคลอ่นื
2. คสู่ มรสทช่ี อบดว้ ยกฎหมายของผูม้ ีสทิ ธิ
3. บิดาหรือมารดาที่ชอบดว้ ยกฎหมายของผมู้ ีสิทธิ
ใหผ้ มู้ สี ทิ ธิมสี ิทธิได้รับเงินสวสั ดกิ ารเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสําหรับบุตรได้เพียงคนท่ี 1 ถึง คนที่ 3
ผู้มีสิทธิผู้ใดมีบุตรเกิน 3 คน และต่อมาบุตรคนหนึ่งคนใดในจํานวน 3 คนตายลงก่อนท่ีจะบรรลุนิติภาวะ ให้ผู้น้ัน
มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสําหรับบุตรเพ่ิมขึ้นอีกเท่าจํานวนบุตรท่ีตาย โดยให้นับบุตร
คนทอี่ ยู่ในลําดับถัดไปก่อน การนับลําดับบุตรให้นับเรียงตามลําดับการเกิดก่อนหลัง ท้ังน้ี ไม่ว่าเป็นบุตรท่ีเกิดจาก
การสมรสคร้ังใดหรืออยู่ในอาํ นาจปกครองของตนหรือไม่
ผ้มู สี ิทธิผู้ใดยงั ไมม่ ีบุตรหรือมบี ตุ รที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาลยังไม่ถึง 3 คน
ถ้าต่อมามีบุตรแฝดซ่ึงทําให้มีจํานวนบุตรเกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิผู้น้ันมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการ
รักษาพยาบาลสําหรับบุตรคนท่ี 1 ถึงคนสุดท้าย แต่บุตรแฝดดังกล่าวต้องเป็นบุตรซ่ึงเกิดจากคู่สมรสหรือเป็นบุตร
ของตนเองในกรณีท่ีหญิงเป็นผู้ใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาล ในกรณีท่ีบุตรคนหนึ่งคนใด
ของผู้มีสิทธิตายลงก่อนท่ีจะบรรลุนิติภาวะ ให้ลดจํานวนบุตรท่ีได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
ลงจนกว่าจํานวนบุตรท่ีได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเหลือไม่เกิน 3 คน และหลังจากนั้นผู้มีสิทธิ
จงึ จะมีสทิ ธิไดร้ ับเงินสวัสดิการเกย่ี วกับการรักษาพยาบาลเพ่ิมข้ึนได้
ผู้มีสิทธิสามารถเขา้ รับรักษาพยาบาล ได้ในกรณดี ังต่อไปน้ี
1. การเขา้ รับการรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ทงั้ ประเภทผ้ปู ว่ ยนอกหรือผปู้ ว่ ยใน
2. การเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนตามหลักเกณฑ์ท่ีกระทรวงการคลังกําหนด
ประเภทผู้ปว่ ยใน
3. การเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนที่มิใช่สถานพยาบาลตาม 2. ประเภท
ผู้ป่วยใน เฉพาะกรณที ่ผี มู้ ีสิทธิหรอื บคุ คลในครอบครัวประสบอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือมีความจําเป็นรีบด่วน ซ่ึงหาก
มไิ ด้รบั การรักษาพยาบาลในทันทีทันใดอาจเปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ิต
-3-
4. การเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนตามท่ีกระทรวงการคลังกําหนด
ประเภทตู้ป่วยนอก เป็นคร้ังคราว เพราะเหตุที่สถานพยาบาลของทางราชการมีความจําเป็นต้องส่ งตัวให้แก่
สถานพยาบาลของเอกชนนน้ั ทง้ั นี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลของเอกชนดามพระราชกฤษฎกี านห้ี รือไมก่ ็ตาม
การใชส้ ิทธิสวัสดิการเกี่ยวกับการรกั ษาพยาบาล
1. การใช้สิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้มีสิทธิมีบุคคลในครอบครัวเป็นผู้มีสิทธิเช่นเดียวกันให้
ตา่ งฝ่ายต่างใชส้ ิทธเิ บกิ เงินค่ารกั ษาพยาบาลของตนเอง
2. การใช้สิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลสําหรับบุตรในกรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรสเป็นผู้มีสิทธิเช่นเดียวกัน
ให้คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเป็นผู้ใช้สิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลสําหรับบุตรทุกคนแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยผู้ใช้สิทธิ
ตอ้ งรับรองตนเองในใบเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลว่าตนเป็นผ้ใู ช้สทิ ธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลดังกลา่ วแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ถ้าคู่สมรสตามข้อ 2 อยู่ต่างส่วนราซการผู้เบิก หรือต่างส่วนราชกาปสําสังกัด หรือมีการเปล่ียน
สว่ นราชการภายหลงั จากท่ีมีการใชส้ ทิ ธิเบิกเงนิ ค่ารกั ษาพยาบาลไปแล้ว คสู่ มรสฝา่ ยทเี่ ปน็ ผใู้ ช้สทิ ธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาล
ตอ้ งขอใหส้ ว่ นราชการของตน แจ้งการใช้สิทธใิ ห้สว่ นราชการของคสู่ มรสอีกฝา่ ยหนง่ึ ทราบแล้วแต่กรณี และให้ส่วนราชการ
ทไ่ี ดร้ ับแจง้ ดําเนนิ การตอบรบั ตามแบบท่กี รมบญั ชีกลางกาํ หนด
4. การใช้สิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลสําหรับบุคคลในครอบครัวกรณีผู้มีสิทธิมีหลายราย ผู้มีสิทธิ
คนหนงึ่ คนใดอาจเปน็ ผู้ขอใช้สิทธิเบิกเงินค่ารกั ษาพยาบาลให้กบั บุคคลดังกล่าวแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ได้
การเบิกเงนิ คา่ รกั ษาพยาบาล สามารถเบกิ ได้ 2 กรณี ดังนี้
1. ผู้มีสิทธิอาจนําหลักฐานการรับเงินท่ีสถานพยาบาลซึ่งตนเองหรือบุคคลในครอบครัวข้ารับการ
รกั ษาพยาบาลออกให้มาย่นื ตอ่ สว่ นราชการเจ้าสงั กดั
2. อาจให้สถานพยาบาลน้นั เบกิ เงนิ คา่ รกั ษาพยาบาลแทนโดยระบบการเบิกจา่ ยตรงก็ได้
การขอเบิกเงินค่ารักษาพยาบาล ณ ส่วนราชการเจ้าสังกัด ให้ย่ืนใบเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลพร้อมด้วย
หลกั ฐานการรบั เงนิ ของสถานพยาบาลต่อผมู้ ีอํานาจอนุมตั ภิ ายในระยะเวลา 1 ปีนับถัดจากวันท่ีปรากฏในหลักฐาน
การรบั เงนิ หากพน้ กาํ หนดเวลาดงั กล่าว ให้ถอื ว่าผมู้ ีสทิ ธิไม่ประสงคเ์ บกิ เงนิ ค่ารกั ษาพยาบาลในครัง้ นัน้
-4-
อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพ่ือใช้สาหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสิทธิสวัสดิการ
รักษาพยาบาลข้าราชการ : ค่าหอ้ งและค่าอาหาร
-4-
หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินในสถานพยาบาลของเอกชน
(หนงั สอื กรมบัญชีกลาง ดว่ นทส่ี ุด ที่ กค 0416.4/ว 333 ลงวันท่ี 31 สิงหาคม 2560)
1. ในกรณีที่ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวซ่ึงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีความ
จําเป็นตอ้ งเขา้ รบั การรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนเกินกว่า 72 ชั่วโมง นับแต่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้า
รับการรักษาพยาบาล ใหผ้ มู้ สี ิทธมิ ีสทิ ธิไดร้ บั เงินสวสั ดิการเกย่ี วกับการรักษาพยาบาลภายหลงั เวลา 72 ช่วั โมง ดังน้ี
1.1 กรณีได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ายังไม่พ้นภาวะวิกฤต และไม่สามารถย้ายกลับไปยัง
สถานพยาบาลของทางราชการได้ ให้ผมู้ สี ทิ ธมิ สี ทิ ธไิ ด้รบั เงนิ สวัสดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล ดงั นี้
1.1.1 ค่าห้องและค่าอาหาร ให้เบิกได้เช่นเดียวกับกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลใน
สถานพยาบาลของทางราซการ
1.1.2 ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบําบัดรักษาโรคให้เบิกได้เช่นเดียวกับกรณีเข้ารับ
การรกั ษาพยาบาถในสถานพยาบาลของทางราชการ
1.1.3 ค่ารักษาพยาบาลประเททอ่ืน ๆ ให้เบิกได้คร่งึ หนง่ึ ของจํานวนเงินทัง้ หมดที่ไดจ้ ่ายไปจริง
1.2 กรณีได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทําการรักษาว่าพ้นภาวะวิกฤตและสามารถย้ายกลับไปยัง
สถานพยาบาลของทางราชการได้ แต่ไม่มีเตียงสถานพยาบาลของทางราชการรับย้าย ให้ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงิน
สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล ตามขอ้ 2
2. ในกรณีท่ีผลการวินิจฉัยจากระบบการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉิน (Emergency Preauthorize) ของ
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ปรากฏว่าผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วนหรือผู้ป่วย
ฉุกเฉินไม่รุนแรง ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เร่ือง หลักเกณฑ์การประเมินเพ่ือคัดแยกระดับ
ความฉกุ เฉินและมาตรฐานการปฏิบตั ิการฉุกเฉิน ให้ผู้มสี ทิ ธิมีสทิ ธไิ ด้รบั เงนิ สวัสดกิ ารเกย่ี วกับการรกั ษาพยาบาล ดงั น้ี
2.1 ค่าห้องและค่าอาหาร ให้เบิกได้เช่นเดียวกับกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล
ของทางราชการ
2.2 ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบําบัดรักษาโรคให้เบิกได้เช่นเดียวกับกรณีเข้ารับการ
รักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ
2.3 คา่ รักษาพยาบาลประเภทอื่น ๆ ให้เบิกได้คร่ึงหนึ่งของจํานวนเงินทั้งหมดที่ได้ถ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน
แปดพนั บาท
-5-
สว่ นที่ 2 กระบวนการเบิกจ่ายเงนิ สวัสดกิ ารเก่ยี วกบั การรักษาพยาบาลขา้ ราชการ
การเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลข้าราชการ ปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้ 2 กรณี คือ
การเบิกจ่ายท่ีอยู่ในระบบการจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล และการเบิกจ่ายที่ไม่ได้อยู่ในระบบการจ่ายตรงท่ีผู้มีสิทธิ
ได้รับเงินสวัสดิการเก่ียว กับการรักษาพยาบาลจะต้องนําหลักฐาน การจ่ายเงินจากสถานพยาบาลมาเบิกกับ
สว่ นราชการ โดยมกี ระบวนการเบกิ จ่ายเงนิ ดงั น้ี
1. ผู้มีสิทธิย่ืนเอกสารขอเบิกค่ารักษาพยาบาล โดยผู้มีสิทธิรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
ย่นื ใบเบิกเงนิ สวสั ดกิ ารเก่ยี วกบั การรกั ษาพยาบาลตามแบบท่ีกรมบัญชีกลางกําหนด (ใบเบิกเงินสวัสดิการเก่ียวกับ
การรักษาพยาบาล แบบ 7131) พร้อมด้วยหลักฐานการรับเงินของสถานพยาบาลภายในระยะเวลา 1 ปีนับถัดจาก
วันทีป่ รากฏในหลักฐานการรบั เงนิ ใหเ้ สนอผมู้ อี ํานาจอนมุ ัติตอ่ ไป
2. รับและตรวจสอบเอกสารใบสําคัญ เจ้าหน้าท่ีการเงินของส่วนราชการบันทึกการรับเอกสารใบสําคัญ
ขอเบิกจากผู้มีสิทธิไว้ในทะเบียนคุมหลักฐานขอเบิกเพ่ือประโยชน์ในการควบคุมมิให้เอกสาร สูญหาย และเร่ง
ดําเนนิ การเบิกจา่ ยเงินโดยตามลําดับกอ่ นหลังและตรวจสอบเอกสารใบสําคัญ ดังน้ี
2.1 ใบเบิกเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาล (แบบ 7131) ตรวจสอบในเรื่องช่ือและตําแหน่ง
ผูม้ ีสิทธขิ อเบิก โรคและรหัสโรค สทิ ธิการเบกิ บคุ คลในครอบครวั ของผมู้ ีสทิ ธิ จาํ นวนเงนิ ลายมอื ช่ือผู้ขอเบิก ฯลฯ
2.2 ใบเสรจ็ รับเงินจากสถานพยาบาล อย่างน้อยต้องมีรายการดงั ต่อไปนี้
2.2.1 ช่อื สถานทอ่ี ยู่ หรอื ทท่ี ําการของผรู้ บั เงิน
2.2.2 วัน เดอื น ปีทรี่ บั เงิน
2.2.3 รายการแสดงการรบั เงินระบุว่าเป็นค่ารกั ษาพยาบาลอะไร
2.2.4 จาํ นวนเงนิ ท้งั ตัวเลขและตวั อักษร
2.2.5 ลายมอื ชื่อของผรู้ ับเงนิ
ถา้ ไมถ่ ูกต้องสง่ กลับให้ผู้มสี ิทธิเพอ่ื แกไ้ ขใหม่ และถา้ ถูกตอ้ งใหร้ วบรวมเอกสารใบสําคัญเพื่อขอเบกิ ต่อไป
3. ขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน เจ้าหน้าท่ีการเงินจัดทําเรื่องขออนุมัติเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากหัวหน้า
หน่วยงานผเู้ บกิ หรือผ้ทู ่หี น่วยงานผู้เบิกมอบหมาย
ส่วนท่ี 3 แนวทางการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงนิ สวสั ดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลขา้ ราชการของส่วนราชการ
แนวทางการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาลข้าราชการของส่วนราชการ
ท่ีจะกล่าวถึงนี้จะเป็นแนวทางการตรวจสอบเฉพาะกรณีผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาลนํา
หลกั ฐานการรบั เงินจากสถานพยาบาลมาเบกิ กับสว่ นราชการ และส่วนราชการจะเบกิ จา่ ยเงินให้กับผู้มีสิทธิที่ขอย่ืน
เบกิ เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรักษาพยาบาล
ประเด็นการตรวจสอบ
ผู้ตรวจสอบภายในควรกําหนดประเด็นการตรวจสอบว่าการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเก่ียวกับการ
รักษาพยาบาลข้าราชการมปี ระเดน็ ใดบ้างทเ่ี ป็นปญั หาอุปสรรคที่อาจทําให้การดําเนินงานไม่เป็นไปตามท่ีกฎหมาย
กําหนด หรืออาจก่อใหเ้ กดิ ความเส่ียงในการดาํ เนนิ งาน อันจะทําให้เกิดผลเสียหายต่อทางราชการหรืออาจเกิดการ
ทจุ ริตจากการปฏิบตั หิ น้าทข่ี องผูท้ ่ีเกย่ี วข้องได้ ซงึ่ ขอ้ ผิดพลาดท่ีพบบอ่ ยในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล
เช่น การเบิกจ่ายเกินสิทธิหรือไม่มีสิทธิเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง การเบิกจ่ายซํ้า ซ้อน
ในใบเสร็จรับเงิน 1 ใบ ผู้มีสิทธิ/บุคลากรด้านการเงินและบัญชีไม่ปฏิบัติตามกระบวนการเบิกจ่ายเงินของ
ทางราชการ และระบบการควบคุมภายในที่กําหนด ทําให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้อง เป็นต้น
ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่จึงเป็นเร่ืองเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้อง และการไม่ ปฏิบัติตาม
-6-
กระบวนการเบิกจ่ายเงินของทางราชการและระบบการควบคุมภายในท่ีกําหนด ดังนั้น การกําหนดประเด็นการ
ตรวจสอบจึงควรครอบคลุมถึงการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน กระบวนการ และระบบการควบคุมภายใน ท้ังนี้
ประเด็นการตรวจสอบที่ควรกําหนด เช่น
- ความถูกต้อง ครบถ้วน และน่าเช่ือถือของข้อมูลการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
ข้าราชการ
- ความเหมาะสมของกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ตามระเบียบของทางราชการ
- ความเพียงพอและเหมาะสมของระบบการควบคุมภายในในกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเก่ียวกับ
การรักษาพยาบาลขา้ ราชการ
แนวทางการตรวจสอบ
ตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน และรายงานที่เก่ียวข้องกับการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
ว่ามีการจัดทําอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ เพื่อป้องกันการเบิกจ่ายท่ีไม่ถูกต้อง
โดยตรวจสอบเอกสาร หลกั ฐาน และรายงานตามขอบเขตการตรวจสอบทก่ี ําหนด ดังน้ี
1. ใบเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (แบบ 7131) ว่ามีการบันทึกข้อมูลถูกต้องและข้อมูล
ตรงกบั หลกั ฐานการรับเงินของสถานพยาบาลในเรื่อง ช่ือและตําแหน่งของผู้ขอเบิก โรคและรหัสโรค สิทธิการเบิก
บุคคลในครอบครวั ของผู้มีสิทธิ จํานวนเงิน รวมท้ังมีการลงลายมือช่ือผู้ขอเบิก และลายมือช่ือผู้อนุมัติอย่างถูกต้อง
หรือไม่ ตลอดจนหลักฐานการเบิกดงั กล่าวได้มกี ารบนั ทึกไว้ในทะเบียนคุมการขอเบิกจากระบบ GFMIS อย่างครบถ้วน
และถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ควรเน้นตรวจสอบสิทธิการเบิกว่าถูกต้องตามระเบียบของทางราชการหรือไม่ (มีการ
เบิกเกินสทิ ธ/ิ ไม่มีสิทธแิ ล้วนํามาเบกิ หรอื ไม่ หรอื มกี ารเบกิ จา่ ยซ้ําซอ้ นในใบเสรจ็ รบั เงนิ 1 ใบหรือไมฯ่ ลฯ)
2. ใบเสร็จรับเงินจากสถานพยาบาลมีรายการตามท่ีกําหนดหรือไม่ และวันท่ีที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงิน
หมดอายหุ รือไม่
3. อตั ราการเบิกจ่ายอัตราค่าบริการสาธารณสุขได้ท่ีเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง หรือตามหนังสือส่ังการท่ี
กาํ หนด
4. รายงานการขอเบิกเงินคงคลัง/ขบ.02-ขอเบิกเงินงบประมาณที่ไม่อ้างอิงใบส่ังซื้อจากระบบ GFMIS
ที่เกี่ยวข้องกับรายการเบิกเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลมีรายการที่ถูกต้องตรงกับใบเบิกเงินสวัสดิการเก่ียวกับการ
รักษาพยาบาล และมีลายมือชื่อผู้บันทึก/ผู้ตรวจสอบและลายมือชื่อผู้อนุมัติอย่างถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
รวมทง้ั มีการบนั ทกึ ขอ้ มลู การขอเบกิ ไวใ้ นทะเบยี นคุมการขอเบิกจากระบบ GFMIS อยา่ งถกู ตอ้ งและครบถ้วนหรือไม่
5. การเรียกรายงานจากระบบ KTB Corporate Online และเกบ็ ไว้เป็นหลักฐานการจ่ายเงนิ
6. หลักฐานการจ่ายเงนิ สวัสดกิ ารรักษาพยาบาลมีการประทับตราจ่ายเงินแลว้ ทกุ ฉบบั และทุกประเภท
7. การอนุมัติจากผู้มีอํานาจก่อนการเบิกจ่ายทุกคร้ัง และผู้มีอํานาจอนุมัติเป็นไปตามระเบียบหรือคําสั่ง
มอบอํานาจหรือไม่
สอบทานกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลว่ามีการกํา หนดขั้นตอนอย่าง
เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายเก่ียวกับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กฎหมายเก่ียวกับการเบิก
จ่ายเงนิ จากคลังฯ และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมท้ังบุคลากรที่เก่ียวข้องมีการปฏิบัติตามกระบวนการเบิกจ่ายฯ
ดงั กลา่ วเพียงใด เพื่อป้องกันไมใ่ ห้เกดิ ช่องทางการทุจรติ ของ ผูท้ ่ีเกี่ยวขอ้ ง โดยสอบทานกระบวนการ ดังนี้
1. มีการตรวจสอบหลกั ฐานการเบิกจ่ายเงินสวัสดกิ ารรกั ษาพยาบาลกอ่ นการเบิกจ่ายเงิน ทุกครั้งว่าเป็นไป
ตามระเบยี บของทางราชการหรือไม่
2. มีการอนุมัติโดยผู้มีอํานาจทุกครั้งท่ีมีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล (รวมถึงการเบิกจ่ายเงิน
ในระบบ GFMIS) และผมู้ อี าํ นาจได้ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บของทางราชการอย่าง ครบถว้ นหรือไม่
-7-
3. มีการแบ่งแยกหน้าท่รี ะหว่างผูบ้ ันทึกขอ้ มูลขอเบกิ และผู้มีอาํ นาจอนมุ ัตกิ ารขอเบิก และระหว่างผู้บันทึก
ข้อมูลขอจ่ายและผู้มีอํานาจอนุมัติการขอจ่าย ท่ีเก่ียวกับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล ในระบบ GFMIS ว่ามีการกําหนด
อย่างเหมาะสมหรือไม่ (ซึ่งจะต้องไม่ใช่บุคคลเดียวดําเนินการท้ังหมด) เพ่ือป้องกันความเส่ียงที่อาจเกิดการทุจริต
ทงั้ นเ้ี มื่อมีการแบง่ แยกหน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบแล้ว ผทู้ เ่ี ก่ยี วข้อง ทัง้ ผ้บู นั ทึกและผู้อนุมัติได้ทําการตรวจสอบเอกสาร
หลักฐานทเ่ี กี่ยวขอ้ งก่อนท่จี ะได้บนั ทกึ และอนมุ ตั ิ ในระบบ GFMIS ตามระเบียบของทางราชการหรอื ไม่
4. มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลก่อนอนุมัติให้โอน
เงินใหก้ บั ผูม้ สี ทิ ธิในระบบ KTB Corporate Online หรอื ไม่
5. มกี ารประทบั ตรา “จา่ ยเงินแลว้ ” ไวใ้ นหลักฐานการจา่ ยเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล และหลักฐานการ
จา่ ยเงินทุกประเภทหรือไม่
แนวทางการตรวจสอบการเบิกจา่ ยเงินสวัสดกิ ารเกี่ยวกบั
การศกึ ษาของบตุ ร
สว่ นท่ี 1 ความรู้ทั่วไปเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงนิ สวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
เงนิ สวัสดกิ ารการศึกษาของบตุ ร
เป็นเงินสวัสดิการท่ีรัฐกําหนดให้มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาสําหรับบุตรของ
ข้าราชการ ข้าราชการบํานาญ และลูกจ้างประจํา โดยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรให้ถือ
ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาเงนิ สวัสดกิ ารเกยี่ วกบั การศกึ ษาของบตุ ร พ.ศ. 2562 และระเบยี บกระทรวงการคลังว่า
ดว้ ยการเบิกจ่ายเงินสวสั ดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2560 และหนังสือกระทรวงการคลังท่ีเกี่ยวข้อง ซึ่ง
เบ้อื งตน้ จะใหท้ ราบถงึ คําจาํ กดั ความของคาํ ต่าง ๆ ท่คี วรรู้ดงั นี้
สถานศกึ ษาของทางราชการ หมายความวา่
1. มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการหรือ
ส่วนราชการอ่ืน หรือท่อี ยู่ในกํากบั ของรฐั
2. วิทยาลัยหรือสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนซ่ึงมีฐานะเทียบเท่าวิทยาลัยในสังกัดหรืออยู่ในกํากับ
ของกระทรวงศึกษาธิการ หรอื สว่ นราชการอ่ืนท่ี ก.พ. รบั รองคุณวุฒิ
3. โรงเรียนในสงั กดั หรอื อยู่ในกาํ กับของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร มหาวิทยาลัย วิทยาลัย องค์การบริหาร
ส่วนจังหวดั เทศบาล องค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ่ืน
ทม่ี กี ฎหมายจัดต้ัง และใหห้ มายความรวมถึงโรงเรียนท่ีเรยี กช่อื อยา่ งอ่นื ที่มกี ารจัดระดับช้นั เรียนดว้ ย
4. โรงเรียนในสังกัดหรืออยู่ในกํากับของส่วนราชการอื่น หรือองค์การของรัฐบาลท่ี ก.พ. รับรอง
คุณวฒุ ิ
5. โรงเรยี นในสงั กดั ส่วนราชการท่กี ระทรวงการคลงั กาํ หนด
6. สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยท่ีมกี ารจัดระดับชั้นเรยี นในสังกัดส่วนราชการ
สถานศกึ ษาของเอกชน หมายความวา่
1. สถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนตามกฎหมายวา่ ด้วยสถาบนั อุดมศึกษาเอกชน
2. โรงเรยี นในระบบตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงเรียนเอกชน
เงินบารุงการศึกษา หมายความว่า เงินประเภทต่าง ๆ ที่สถานศึกษาของทางราชการเรียกเก็บ
ตามอัตราทีไ่ ดร้ ับอนมุ ัตจิ ากกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนราชการเจ้าสังกัดหรือท่ีกํากับ มหาวิทยาลัย องค์การบริหาร
ส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มี
กฎหมายจัดตงั้ หรือองค์การของรัฐบาล
เงินค่าเล่าเรียน หมายความว่า เงินค่าธรรมเนียมการเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งสถานศึกษา
ของเอกชนเรยี กเกบ็ ตามอตั ราทสี่ ถานศกึ ษากําหนด
ค่าธรรมเนยี มการเรียน หมายความว่า เงินท่ีสถานศึกษาของเอกชนเรียกเก็บตามอัตราที่ได้รับอนุมัติ
จากส่วนราชการที่ควบคุมดูแลสถานศึกษาน้ัน และให้หมายความรวมถึงค่าธรรมเนียมอ่ืนเพื่อพัฒนาคุณภาพ
การศกึ ษาดว้ ย
-2-
ปีการศึกษา หมายความว่า ปีการศึกษาท่ีกําหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนราชการเจ้าสังกัด
หรือที่กํากับ มหาวิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร
เมืองพัทยา และองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นที่มีกฎหมายจดั ตั้ง หรอื องคก์ ารของรฐั บาล
ผู้มสี ิทธิได้รบั เงนิ สวสั ดกิ ารศึกษาบตุ ร ประกอบดว้ ย 3 ประเภท ดังน้ี
1. ข้าราชการหรือลูกจ้างประจําซึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างประจําจากเงินงบประมาณรายจ่าย
งบบุคลากรของกระทรวง ทบวง กรม เว้นแต่ข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการตํารวจช้ันพลตํารวจซึ่งอยู่ใน
ระหวา่ งรับการศกึ ษาอบรมในสถานศึกษาของสํานักงานตํารวจแห่งชาติก่อนเขา้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่รี าชการประจาํ
2. ลูกจ้างชาวต่างประเทศซ่ึงมีหนังสือสัญญาจ้างท่ีได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณรายจ่าย
และสญั ญาจ้างนน้ั มไิ ดร้ ะบุเกยี่ วกบั การไดร้ บั เงินสวัสดิการเก่ยี วกบั การศึกษาของบุตรไวเ้ ปน็ พิเศษ
3. ผู้ได้รับบํานาญปกติหรือผู้ได้รับบํานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จ
บํานาญข้าราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ และทหารกองหนุนมีเบ้ียหวัดตาม
ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมวา่ ดว้ ยเงินเบีย้ หวัด
บุตร หมายความว่า บุตรโดยชอบดว้ ยกฎหมายซึ่งมอี ายุครบ 3 ปีแต่ไมเ่ กิน 25 ปี ทั้งน้ี ไม่รวมถึงบุตร
บญุ ธรรมและบุตรซงึ่ บิดามารดาได้ยกใหเ้ ป็นบุตรบุญธรรมของผู้อ่ืน
ใหผ้ ู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้เพียงคนที่ 1 ถึงคนที่3 ผู้มีสิทธิผู้ใด
มีบตุ รเกนิ 3 คน และต่อมาบุตรคนหนง่ึ คนใดในจํานวน 3 คนตาย กายพิการจนไม่สามารถเล่าเรียนได้ หรือเป็นคน
ไรค้ วามสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถท่มี ิได้ศกึ ษาในสถานศกึ ษาที่มีสทิ ธิได้รบั เงินสวสั ดิการเก่ียวกับการศึกษา
ของบุตร วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ ก่อนอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการ
เก่ียวกับการศึกษาของบุตรเพ่ิมขึ้นอีกเท่าจํานวนบุตรที่ตาย กายพิการ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้
ความสามารถ วิกลจรติ หรือจติ ฟน่ั เฟือนไมส่ มประกอบน้นั โดยให้นับบุตรคนท่อี ย่ใู นลาํ ดบั ถัดไปก่อน
การนับลําดับบุตร ให้นับเรียงตามลําดับการเกิดก่อนหลัง ทั้งนี้ ไม่ว่าเป็นบุตรท่ีเกิดจากการสมรส
ครัง้ ใด หรืออยใู่ นอํานาจปกครองของตนหรอื ไม่
ผูม้ สี ทิ ธผิ ู้ใดยงั ไม่มีบตุ รหรอื มีบตุ รที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรยังไม่ถึง 3 คน
ถ้าต่อมามีบุตรแฝดซ่ึงทําให้มีจํานวนบุตรเกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิผู้น้ันมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษา
ของบุตรสําหรับบุตรแฝดดังกล่าวทุกคน เม่ือบุตรแฝดดังกล่าวเป็นบุตรที่เกิดจากคู่สมรสในกรณีที่ผู้มีสิทธิเป็นชาย
หรือเป็นบุตรของตนเองในกรณีท่ีผู้มีสิทธิเป็นหญิง ในกรณีที่บุตรคนใดคนหนึ่งของผู้มีสิทธิตาย กายพิการจนไม่
สามารถเล่าเรียนได้ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถท่ีมิได้ศึกษาในสถานศึกษาท่ีมีสิทธิ
ได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตร วิกลจริต หรือจิตฟ่ันเฟือนไม่สมประกอบ ก่อนอายุครบ 25 ปี
บริบูรณ์ ให้ลดจํานวนบุตรที่ได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรลงจนกว่าจํานวนบุตรท่ีได้รับเงิน
สวสั ดกิ ารดงั กลา่ วเหลือไมเ่ กนิ 3 คน และหลังจากนน้ั ผมู้ สี ทิ ธจิ ึงจะมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของ
บตุ รเพมิ่ ขน้ึ ได้
การใชส้ ทิ ธิเก่ียวกบั สวสั ดกิ ารศึกษาของบตุ ร
1. กรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรสเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจํา หรือผู้ได้รับบํานาญ เบ้ียหวัด ให้คู่สมรส
ฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่งเปน็ ผใู้ ชส้ ิทธขิ อรบั เงินสวัสดิการเกี่ยวกบั การศกึ ษาของบตุ รทกุ คนแต่เพยี งฝา่ ยเดยี ว
1.1 กรณีที่ผู้มีสิทธิมีคู่สมรสเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจํา หรือผู้ได้รับบํานาญ เบี้ยหวัด
ที่อยู่ในสว่ นราชการผู้เบิกแห่งเดียวกัน ผู้ใช้สิทธิจะต้องรับรองตนเองในใบเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของ
บตุ รวา่ ตนเป็นผู้ใช้สิทธิเบิกเงนิ สวสั ดกิ ารเกยี่ วกับการศกึ ษาของบุตรแตเ่ พยี งฝา่ ยเดียว
-3-
1.2 กรณีผู้ใช้สิทธิมีคู่สมรสเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจํา หรือผู้ได้รับบํานาญ เบี้ยหวัด
อยู่ต่างส่วนราชการผู้เบิก หรือมีการเปล่ียนส่วนราชการผู้เบิกหลังจากที่มีการใช้สิทธิเบิกเงินสวัสดิการไปแล้ว
คสู่ มรสฝ่ายทเี่ ป็นผู้ใชส้ ทิ ธิเบิกสวัสดิการตอ้ งแจ้งขอให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดหรือส่วนราชการผู้เบิกบํานาญหรือเบี้ยหวัด
แจ้งการใช้สิทธินั้นให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดหรือส่วนราชการผู้เบิกบํานาญหรือเบ้ียหวัดของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง
แลว้ แต่กรณที ราบ และใหส้ ่วนราชการทีไ่ ด้รบั แจ้งดาํ เนนิ การตอบรบั ตามแบบที่กรมบัญชีกําหนด
1.3 กรณีทค่ี ู่สมรสประสงค์จะเปล่ียนแปลงผู้ใช้สิทธิเบิกเงินสวัสดิการตามท่ีเคยได้ดําเนินการแล้ว
เป็นอีกฝ่ายหนึ่งให้ผู้ประสงค์จะใช้สิทธิเบิกเงินสวัสดิการอีกฝ่ายหนึ่งน้ันแจ้งขอให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดหรือ
ส่วนราชการผู้เบิกบํานาญหรือเบี้ยหวัดของผู้นั้นพร้อมทั้งหลักฐานแสดงความยินยอมของคู่สมรสเพ่ือให้
สว่ นราชการนัน้ แจง้ การใชส้ ิทธดิ ังกลา่ วให้สว่ นราชการเจา้ สังกดั หรือสว่ นราชการผู้เบิกบํานาญหรือเบ้ียหวัดของผู้ใช้สิทธิ
เบกิ เงนิ สวสั ดิการเดิมแลว้ แต่กรณีทราบแ ละให้ส่วนราชการท่ีได้รับแจ้งดําเนินการตอบรับตามแบบท่ีกรมบัญชีกลาง
กาํ หนด
2. กรณีผู้มีสิทธิมีคู่สมรสท่ีมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรและใช้สิทธิจาก
หน่วยงานอน่ื แลว้ ผู้นั้นไมม่ ีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ตามพระราชกฤษฎีกาเว้นแต่ผู้มีสิทธิ
สามารถใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรได้ เฉพาะส่วนที่ตํ่ากว่าสิทธิที่พึงจะได้รับตามที่
กาํ หนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ด้วยเงนิ สวสั ดกิ ารเก่ยี วกบั การศึกษาของบุตร
3. กรณีบิดาหรือมารดาท่ีชอบด้วยกฎหมายของบุตรที่ได้หย่า หรือแยกกันอยู่โดยมิได้หย่ากันตาม
กฎหมาย (หนังสือกรมบัญชีกลาง ท่ี กค 0417/ว 36 ลงวันที่ 6 กันยายน 2549 เร่ือง การเบิกจ่ายเงินสวสัดิการ
เกย่ี วกบั การศกึ ษาของบุตรและการรกั ษาพยาบาลสําหรับบุตรในกรณีที่ผู้มีสิทธิและคู่สมรสได้หย่ากันหรือแยกกันอยู่
โดยมิได้ไหยา่ กนั ตามกฎหมาย)
การขอเบกิ เงนิ ค่าการศึกษาของบตุ ร ใหย้ ่ืนใบเบกิ เงนิ สวสั ดกิ ารตามแบบท่ีกรมบัญชีกลางกําหนด
พรอ้ มด้วยหลักฐานการรับเงินของสถานศกึ ษา ต่อผู้มอี ํานาจอนมุ ัติใหเ้ บิกจา่ ยเงนิ สวัสดิการ ณ ส่วนราชการเจ้าสังกัด
หรอื สว่ นราชการผู้เบิกบํานาญหรือเบย้ี หวัด
ประเภทและอัตราการเบกิ จ่าย
-4-
หลกั ฐานการรบั เงินของสถานศกึ ษาอยา่ งน้อยต้องมรี ายการดังตอ่ ไปน้ี
1. ชือ่ สถานท่อี ยหู่ รือทที่ ําการของสถานศกึ ษาผรู้ บั เงนิ
2. วันเดือนปีท่ีรบั เงิน
3. รายการแสดงการรับเงินระบรุ ายละเอยี ดแตล่ ะรายการ
4. จาํ นวนเงนิ ทง้ั ตัวเลขและตัวอกั ษร
5. ลายมอื ช่อื ของผรู้ ับเงิน
กรณีท่ีสถานศึกษามีข้อตกลงกับธนาคารในการรับชําระเงินบํารุงการศึกษาหรือเงินค่าเล่าเรียน
ของสถานศึกษาให้ใช้ใบแจ้งการชําระเงินและหรือใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาซ่ึงมีรายการตาม 1 ถึง 5
เปน็ หลกั ฐานการรบั เงนิ ของสถานศกึ ษา
กรณที ผี่ มู้ ีสิทธไิ ดร้ บั หลกั ฐานการรับเงินของสถานศึกษาแล้วแต่เกิดสูญหายให้ใช้สําเนาหลักฐาน
การรบั เงนิ ของสถานศึกษา ซ่งึ ผรู้ ับเงนิ ของสถานศึกษารับรองเป็นเอกสารประกอบการขอเบิกเงนิ แทนได้
กรณีท่ีหลักฐานการรับเงินเป็นภาษาต่างประเทศให้มีคําแปลเป็นภาษาไทยซ่ึงมีรายการตาม 1
ถึง 5 ไว้ดว้ ย และให้ผใู้ ชส้ ทิ ธขิ อเบกิ เงนิ ลงลายมอื ชือ่ รับรองคาํ แปลดว้ ย
กรณีที่หลักฐานการรับเงินของสถานศึกษาท่ีลงลายมือชื่อผู้รับเงินของสถานศึกษาด้วยลายเซ็น
อิเลก็ ทรอนิกส์ตอ้ งมรี ายการตาม 1 ถงึ 4 ในหลักฐานการรบั เงนิ ดว้ ย
กรณีที่สถานศึกษาในต่างประเทศเป็นผู้ออกหลักฐานการรับเงินตามหลักสูตรการศึกษาที่เป็น
ความร่วมมือ ข้อตกลง โครงการพิเศษของสถานศึกษาในประเทศที่ได้กําหนดให้ผู้ศึกษาต้องไปศึกษาหรือสมัครไป
ศกึ ษาในสถานศกึ ษาในต่างประเทศ ใหส้ ถานศึกษาในประเทศต้องรบั รองรายการท่ีเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามหลักสูตร
ที่กาํ หนด ระบภุ าคการศกึ ษา ปีการศึกษา และให้มีคําแปลเปน็ ภาษาไทยด้วย
การยืน่ ใบเบิกเงินสวสั ดิการให้กระทําภายในกําหนดเวลา ดังน้ี
1. ภายใน 1 ปกี ารศกึ ษานบั แตว่ ันเปิดภาคเรียนแต่ละภาคในกรณีที่สถานศึกษาเรียกเก็บเงินค่า
การศึกษาเปน็ รายภาคเรยี น
2. ภายใน 1 ปีการศึกษานับแต่วันเปิดภาคเรียนภาคที่ 1 ของปีการศึกษาในกรณีท่ีสถานศึกษา
เรียกเก็บเงินคา่ การศกึ ษาคร้งั เดยี วตลอดปี
หากพ้นกําหนดเวลาตามวรรคหน่ึงให้ถือว่าหมดสิทธิในการย่ืนใบเบิกเงินสวัสดิการสํา หรับ
ภาคการศกึ ษาหรือปีการศึกษาน้นั แลว้ แต่กรณี
หลกั เกณฑ์ประเภทและอัตราการจา่ ยเงนิ สวสั ดกิ ารศกึ ษาของบตุ ร
1. บุตรท่ีศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการในหลักสูตรระดับไม่สูงกว่าอนุปริญญาหรือ
เทยี บเท่า และหลักสูตรน้ันแยกต่างหากจากหลักสูตรระดับปริญญาตรี ให้ใด้รับเงินบํารุงการศึกษาเต็มจํานวนที่ได้
จา่ ยไปจรงิ แต่ทัง้ นี้ ตอ้ งเปน็ ไปตามประเภทและไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลงั กําหนด
2. บุตรท่ีศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการในหลักสูตรระดับปริญญาตรี ให้ได้รับเงินบํารุง
การศกึ ษาเตม็ จาํ นวนทีไ่ ดจ้ ่ายไปจริง แตท่ ัง้ น้ี ต้องเป็นไปตามประเภทและไมเ่ กนิ อัตราทก่ี ระทรวงการคลังกาํ หนด
3. บตุ รทศ่ี กึ ษาในสถานศึกษาของเอกชนในหลักสูตรระดับไม่สูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือ
เทียบเท่า ให้ได้รับเงินค่าเล่าเรียนเต็มจํานวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามประเภทและไม่เกินอัตราท่ี
กระทรวงการคลงั กาํ หนด
4. บุตรท่ีศึกษาในสถานศึกษาของเอกชนในหลักสูตรระดับสูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือ
เทียบเท่าแต่ไม่สูงกว่าอนุปริญญาหรือเทียบเท่า และหลักสูตรน้ันแยกต่างหากจากหลักสูตรระดับปริญญาตรี
ให้ได้รับเงินค่าเล่าเรียนคร่ึงหน่ึงของจํานวนท่ีใด้จ่ายไปจริง แต่ทั้งน้ี ต้องเป็นไปตามประเภทและไม่เกินอัตราที่
กระทรวงการคลังกําหนด
-5-
5. บุตรที่ศึกษาในสถานศึกษาของเอกชนในหลักสูตระดับปริญญาตรี ให้ได้รับเงินค่าเล่าเรียน
ครึ่งหนึง่ ของจํานวนที่ได้จายไปจริง แตท่ ้ังนี้ ต้องเป็นไปตามประเภทและไมเ่ กินอัตราทกี่ ระทรวงการคลงั กําหนด
6. บุตรที่ศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการหรือสถานศึกษาของเอกชนในหลักสูตรอ่ืน
นอกจาก 1 ถึง 5 และไม่สูงกว่าระดับปริญญาตรี ให้ได้รับเงินบํารุงการศึกษาหรือเงินค่าเล่าเรียนตามประเภท
และไม่เกนิ อตั ราทกี่ ระทรวงการคลงั กาํ หนด
ทง้ั นี้ บุตรทีศ่ กึ ษาในสถานศึกษาของทางราชการหรือเอกชนในหลักสูตรระตับปริญญาตรีตาม 2
5 หรือ 6 จะตอ้ งเป็นการศกึ ษาในระดับปริญญาตรีเป็นหลักสูตรแรกทน่ี ํามาเบิกจากทางราชการเทา่ น้ัน
ประเภทและอตั ราการจ่ายเงินสวัสดิการศึกษาของบุตร (หนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ท่ี
กค 0422.3/ว 257 ลงวนั ที่ 28 มถิ ุนายน 2559)
1. ประเภทและอัตราเงินบํารงุ การศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการ
เงินบํารุงการศึกษา ท่ีให้เบิกจ่ายได้จะต้องเป็นเงินประเภทต่าง ๆ ที่สถานศึกษาของทาง
ราชการเรียกเก็บตามอตั ราท่ีไดร้ ับอนุมตั ิจากกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนราชการเจ้าสังกัด หรือที่กํากับมหาวิทยาลัย
องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิน่ อืน่ ทมี่ ีกฎหมายจดั ตง้ั หรอื องคก์ ารรฐั บาล
2. ประเภทและอตั ราเงนิ ค่าเลา่ เรียนในสถานศึกษาของเอกชน
2.1 ประเภทสามัญศึกษา
-6-
2.2 ประเภทอาชีวศึกษา
2.2.1 หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) หรือเทียบเท่า
2.2.2 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า และหลักสูตร
ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพเทคนคิ (ปวท.) หรอื เทียบเทา่
สําหรับรายละเอียดของสาขาวิชาตามประเภทวิชาหรือสายวิชาของหลักสูตรที่
กําหนดดังกลา่ วให้เปน็ ไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้สถานศึกษาเอกชนทําการเปดิ สอนในสาขาวิชาน้ัน ๆ
2.3 หลกั สตู รปรญิ ญาตรี
ให้เบิกจ่ายได้ครึ่งหนึ่งของจํานวนที่ได้จ่ายไปจริงของค่าเล่าเรียน ปีการศึกษาละไม่เกิน
25,000 บาท
ค่าเล่าเรียน ท่ีให้เบิกจ่ายได้จะต้องเป็นค่าธรรมเนียมการเรียนหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ซึง่ สถานศึกษาเอกชนเรียกเกบ็ ตามอตั ราทไ่ี ดร้ บั อนมุ ตั ิจากกระทรวงศึกษาธิการ หรอื มหาวทิ ยาลัย
แนวทางการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร กรณีบุตรของผู้มีสิทธิ
เปลี่ยนประเภทสถานศึกษาในระหว่างปีการศึกษา (หนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนท่ีสุด ที่ กค 0408.5/ว 371
ลงวันท่ี 22 กันยายน 2560)
กรณีในปีการศึกษาเดียวกัน บุตรของผู้มีสิทธิมีการเปล่ียนประเภทสถานศึกษาใน
ภาคเรยี นใดภาคเรยี นหนงึ่ ให้ผมู้ สี ทิ ธิเบิกจ่ายเงนิ สวัสดกิ ารเก่ยี วกับการศึกษาของบุตรเป็นรายภาคเรียนตามที่จ่ายจริง
หรือคร่ึงหนึ่งของจํานวนท่ีจ่ายจริง แต่ไม่เกินสัดส่วนจํานวนภาคเรียนของอัตราเบิกทั้งปีการศึกษาตามประเภท
สถานศึกษาของทางราชการหรือสถานศึกษาของเอกชน ส่วนในกรณีท่ีเป็นสถานศึกษาเรียกเก็บเงินค่าการศึกษา
คร้ังเดียวตลอดปี ให้มีสิทธิขอเบิกไม่เกินคร่ึงหน่ึงของอัตราเบิกทั้งปีการศึกษาตามประเภทของสถานศึกษาของ
ทางราชการหรอื สถานศกึ ษาของเอกชน แล้วแตก่ รณี
-7-
สว่ นที่ 2 กระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบตุ ร
การเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร จะต้องนําหลักฐานการจ่ายเงินจากสถานศึกษามา
เบิกกบั สว่ นราชการ โดยมกี ระบวนการเบิกจ่ายเงินดังน้ี
1. ผูม้ ีสทิ ธิย่ืนเอกสารขอเบิกเงนิ คา่ การศึกษาของบุตร โดยผู้มีสิทธิรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของ
บุตรย่ืนใบเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามแบบท่ีกรมบัญชีกลางกําหนด (ใบเบิกเงินสวัสดิการ
เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร แบบ 7223) พร้อมด้วยหลักฐานการรับเงินของสถานศึกษา และประกาศประเภท
และอัตราเงินบาํ รุงการศกึ ษาและค่าเล่าเรียนจากสถานศกึ ษาภายใน 1 ปีการศึกษานับแต่วันเปิดภาคเรียนแต่ละภาค
ในกรณที ีส่ ถานศึกษาเรียกเก็บเงนิ ค่าการศึกษาเป็นรายภาคเรียน หรือภายใน 1 ปีการศึกษานับแต่วันเปิดภาคเรียน
ภาคที่ 1 ของปีการศึกษาในกรณีท่ีสถานศึกษาเรียกเก็บเงินค่าการศึกษาครั้งเดียวตลอดปี แล้วแต่กรณี ให้เสนอ
ผ้มู อี ํานาจอนมุ ตั ิตอ่ ไป
2. รับและตรวจสอบเอกสารใบสําคัญ เจ้าหน้าท่ีการเงินของส่วนราชการบันทึกการรับเอกสารใบสําคัญ
ขอเบิกจากผู้มีสิทธิไว้ในทะเบียนคุมหลักฐานขอเบิกเพ่ือประโยชน์ในการควบคุมมิให้เอกสาร สูญหาย และเร่ง
ดาํ เนินการเบกิ จ่ายเงนิ โดยตามลําดับกอ่ นหลังและตรวจสอบเอกสารใบสาํ คัญ ดังน้ี
2.1 ใบเบิกเงินสวัสดิการเก่ียวกับการรักษาพยาบาล (แบบ 7223) ตรวจสอบในเร่ืองช่ือและชื่อบุตร
ของผูม้ สี ทิ ธิ จาํ นวนเงิน ลายมอื ชอ่ื ผ้ขู อเบกิ ฯลฯ
2.2 ใบเสร็จรบั เงนิ จากสถานศกึ ษา อย่างนอ้ ยตอ้ งมีรายการดงั ตอ่ ไปนี้
2.2.1 ชือ่ สถานท่อี ยหู่ รือที่ทาํ การของสถานศึกษาผูร้ บั เงนิ
2.2.2 วนั เดอื น ปที รี่ ับเงนิ
2.2.3 รายการแสดงการรบั เงนิ ระบุรายละเอยี ดแต่ละรายการ
2.2.4 จาํ นวนเงินทงั้ ตัวเลขและตัวอักษร
2.2.5 ลายมือชอื่ ของผรู้ บั เงนิ
2.3 รายการในประกาศประเภทและอตั ราเงินบาํ รุงการศึกษาและคา่ เล่าเรียนจากสถานศึกษา
ถา้ ไม่ถูกต้องสง่ กลบั ใหผ้ ู้มสี ทิ ธิเพื่อแกไ้ ขใหม่ และถ้าถูกตอ้ งให้รวบรวมเอกสารใบสาํ คัญเพ่ือขอเบกิ ต่อไป
3. ขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน เจ้าหน้าท่ีการเงินจัดทําเร่ืองขออนุมัติเบิกจ่ายค่าการศึกษาของบุตรจากหัวหน้า
หนว่ ยงานผเู้ บิกหรือผู้ทห่ี นว่ ยงานผเู้ บิกมอบหมาย
ส่วนท่ี 3 แนวทางการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงนิ สวสั ดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรของส่วนราชการ
แนวทางการตรวจสอบการเบกิ จ่ายเงินสวัสดิการเก่ยี วกับการศึกษาของบตุ รของส่วนราชการ เป็นแนวทาง
การตรวจสอบผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรนําหลักฐานการรับเงินจากสถานศึกษามาเบิก
กบั สว่ นราชการ และส่วนราชการจะเบกิ จ่ายเงินใหก้ บั ผ้มู ีสิทธิทขี่ อย่ืนเบิกเงนิ สวัสดกิ ารเก่ียวกับการศึกษาของบตุ ร
ประเดน็ การตรวจสอบ
ผู้ตรวจสอบภายในควรกําหนดประเด็นการตรวจสอบว่าการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
มีประเด็นใดบ้างที่เป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจทําให้การดําเนินงานไม่เป็นไปตามท่ีกฎหมายกําหนด หรืออาจ
ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการดําเนินงาน อันจะทําให้เกิดผลเสียหายต่อทางราชการหรืออาจเกิดการทุจริตจากการ
ปฏิบัติหน้าท่ีของผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งข้อผิดพลาดท่ีพบบ่อยในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาของลุตร เช่น
การเบิกจ่ายเกินสิทธิหรือไม่มีสิทธิเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง การเบิกจ่ายซํ้า ซ้อนใน
ใบเสร็จรบั เงนิ 1 ใบ ผมู้ ีสทิ ธ/ิ บคุ ลากรดา้ นการเงินและบญั ชไี มป่ ฏิบตั ติ ามกระบวนการเบิกจ่ายเงินของทางราชการ
และระบบการควบคุมภายในทกี่ ําหนด ทาํ ให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้อง เป็นต้น ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่
-8-
จงึ เปน็ เร่ืองเกีย่ วกับเอกสารหลกั ฐานการเบิกจ่ายเงินไม่ถูกต้อง และการไม่ปฏิบัติตามกระบวนการเบิกจ่ายเงินของ
ทางราชการและระบบการควบคุมภายในท่ีกําหนด ดังน้ัน การกําหนดประเด็นการตรวจสอบจึงควรครอบคลุมถึง
การตรวจสอบเอกสารหลักฐาน กระบวนการ และระบบการควบคุมภายใน ท้ังน้ีประเด็นการตรวจสอบที่ควร
กําหนด เชน่
- ความถกู ตอ้ ง ครบถว้ น และน่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู การเบิกจ่ายเงินสวัสดกิ ารเก่ียวกับการศึกษาของบตุ ร
- ความเหมาะสมของกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรตามระเบียบของทาง
ราชการ
- ความเพียงพอและเหมาะสมของระบบการควบคุมภายในในกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับ
การศึกษาของบุตร
แนวทางการตรวจสอบ
ตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน และรายงานที่เก่ียวข้องกับการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
ว่ามีการจัดทําอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ เพื่อป้องกันการเบิกจ่ายที่ไม่ถูกต้อง
โดยตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน และรายงานตามขอบเขตการตรวจสอบทีก่ ําหนด ดังนี้
1. ใบเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (แบบ 7223) ว่ามีการบันทึกข้อมูลถูกต้องและข้อมูล
ตรงกับหลักฐานการรับเงินของสถานศึกษาในเรื่องชื่อและช่ือบุตรของผู้มีสิทธิ จํานวนเงิน ลายมือช่ือผู้ขอเบิก
รวมท้ังมีการลงลายมือช่ือผู้ขอเบิก และลายมือชื่อผู้อนุมัติอย่างถูกต้องหรือไม่ ตลอดจนหลักฐานการเบิกดังกล่าว
ได้มีการบันทึกไว้ในทะเบียนคุมการขอเบิกจากระบบ GFMIS อย่างครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่ ทั้งน้ีควรเน้น
ตรวจสอบสิทธิการเบิกว่าถูกต้องตามระเบียบของทางราชการหรือไม่ (มีการเบิกเกินสิทธิ/ไม่มีสิทธิแล้วนํามาเบิก
หรือไม่ หรอื มกี ารเบิกจ่ายซาํ้ ซ้อนภาคเรยี นหรือไม่ฯลฯ)
2. ใบเสร็จรบั เงินจากสถานศกึ ษามีรายการตามที่กําหนดหรือไม่ และเป็นของภาคเรียนใด และรายการใน
ประกาศจากสถานศึกษา
3. ประเภทสถานศึกษา ระดับ และอัตราการเบิกจ่ายเงินบํารุงการศึกษาหรือค่าเล่าเรียนตามท่ี
กรมบัญชกี ลาง หรือตามหนงั สอื สงั่ การทกี่ าํ หนด
4. รายงานการขอเบิกเงินคงคลัง/ขบ.02-ขอเบิกเงินงบประมาณท่ีไม่อ้างอิงใบส่ังซื้อจากระบบ GFMIS
ท่ีเก่ียวข้องกับรายการเบิกเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรมีรายการที่ถูกต้องตรงกับใบเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับ
การรักษาของบุตร และมีลายมือช่ือผู้บันทึก/ผู้ตรวจสอบและลายมือชื่อผู้อนุมัติอย่างถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
รวมทงั้ มกี ารบนั ทกึ ข้อมลู การขอเบิกไว้ในทะเบยี นคุมการขอเบิกจากระบบ GFMIS อยา่ งถกู ต้องและครบถว้ นหรือไม่
5. การเรียกรายงานจากระบบ KTB Corporate Online และเก็บไว้เปน็ หลกั ฐานการจ่ายเงนิ
6. หลกั ฐานการจา่ ยเงนิ สวสั ดิการการศึกษาของบุตรมีการประทับตราจา่ ยเงินแล้วทุกฉบบั และทกุ ประเภท
7. การอนุมัติจากผู้มีอํานาจก่อนการเบิกจ่ายทุกคร้ัง และผู้มีอํานาจอนุมัติเป็นไปตามระเบียบหรือคําส่ัง
มอบอาํ นาจหรอื ไม่
สอบทานกระบวนการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตรว่ามีการกําหนดขั้นตอนอย่าง
เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายเกี่ยวกับเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตร กฎหมายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงิน
จากคลังฯ และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องอ่ืน ๆ รวมท้ังบุคลากรที่เก่ียวข้องมีการปฏิบัติตามกระบวนการเบิกจ่ายฯ
ดงั กลา่ วเพยี งใด เพื่อป้องกันไมใ่ หเ้ กดิ ชอ่ งทางการทจุ รติ ของ ผทู้ ีเ่ กีย่ วขอ้ ง โดยสอบทานกระบวนการ ดังน้ี
1. มีการตรวจสอบหลักฐานการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรก่อนการเบิกจ่ายเงิน ทุกคร้ัง
วา่ เปน็ ไปตามระเบียบของทางราชการหรอื ไม่
-9-
2. มีการอนุมัติโดยผู้มีอํานาจทุกคร้ังท่ีมีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตร (รวมถึงการ
เบิกจา่ ยเงนิ ในระบบ GFMIS) และผมู้ อี ํานาจได้ปฏิบตั ิตามระเบยี บของทางราชการอย่าง ครบถว้ นหรือไม่
3. มกี ารแบง่ แยกหน้าท่ีระหวา่ งผู้บันทกึ ข้อมลู ขอเบิกและผูม้ อี าํ นาจอนมุ ัติการขอเบิก และระหว่างผู้บันทึก
ขอ้ มูลขอจา่ ยและผู้มอี าํ นาจอนุมตั กิ ารขอจา่ ย ทเี่ กีย่ วกบั เงนิ สวัสดกิ ารการศึกษาของบตุ ร ในระบบ GFMIS ว่ามีการ
กาํ หนดอย่างเหมาะสมหรือไม่ (ซึ่งจะต้องไม่ใช่บุคคลเดียวดําเนินการท้ังหมด) เพ่ือป้องกันความเส่ียงท่ีอาจเกิดการ
ทจุ ริต ท้งั นเ้ี ม่อื มีการแบ่งแยกหน้าท่ีความรับผิดชอบแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้อง ท้ังผู้บันทึกและผู้อนุมัติได้ทําการตรวจสอบ
เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวขอ้ งกอ่ นท่จี ะได้บนั ทึกและอนุมัติ ในระบบ GFMIS ตามระเบียบของทางราชการหรอื ไม่
4. มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรก่อนอนุมัติ
ให้โอนเงินให้กับผ้มู ีสทิ ธิในระบบ KTB Corporate Online หรือไม่
5. มกี ารประทับตรา “จา่ ยเงินแลว้ ” ไวใ้ นหลักฐานการจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาล และหลักฐานการ
จ่ายเงินทกุ ประเภทหรอื ไม่
กอ
ก
หมวด : แนวท
องพั ฒนาและส่งเสริม
การบริหารงานท้องถิ่น
ทางการดำเนินโครงการเมืองอิจฉริยะ
(SMART CITY)
ฐานข้อมลู คลงั คว
........................
กพส. ไดน้ าฐานความรู้ เรอื่ ง “แนวทางก
ลงประชาสมั พันธใ์ นเวบ็ ไซตข์ อง กพส. หัวขอ้ “การ
ทั้งไฟล์เอกสารและขอ้ มูลในรูป
วามรู้ ของ กพส.
......................
การดาเนินโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart city)”
รจัดการความรู้ (KM) กพส.” โดยได้มกี ารนาขอ้ มูล
ปแบบสือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ดงั นี ้
1. หมวดระเบียบ คู่มอื แนวทาง
1.1 คาสัง่ นายกรฐั มนตรี ท่ี ๒๙๖/๒๕๖๒ ลงวนั ท่ี ๑๐ ตุลาคม
1.2 คาส่ังสานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ท่ี ค 22
ดาเนนิ การตามบนั ทึกขอ้ ตกลงความรว่ มมือการขับเคล่อื นและพฒั นาเมอื
1.3 แนวทางการดาเนนิ โครงการเมอื งอจั ฉริยะ (Smart Cit
1.4 บันทึกขอ้ ตกลงความร่วมมือ เรื่องการขับเคล่อื น
เศรษฐกจิ ดิจทิ ัลกบั กรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถ่นิ
1.5 ข้อมูลประกอบการจัดทาวารสารดารงราชานุภาพฉ
ในปี พ.ศ. 2565 Chapter 2 : 130 ปี มหาดไทย พรอ้ มใจ Change
2. หมวดองคค์ วามรผู้ า่ นส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์
2.1 การดาเนนิ โครงการนวัตกรรม Phang E-Smart Servic
(ESS) เพอื่ ขับเคล่อื นนวัตกรรมการบรกิ ารสาธารณะโดยระบบดจิ ทิ ลั
เพอื่ ลดการเดนิ ทางและความลา่ ชา้ ในการบริการประชาชน
ขององค์การบรหิ ารส่วนตาบลปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ม ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งต้ังคณะกรรมการขับเคล่ือนการพฒั นาเมืองอจั ฉรยิ ะ
2/๒๕๖๓ ลงวันที่ 31 กรกฎาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งต้ังคณะทางานเพ่ือ
องน่าอยู่อัจฉรยิ ะ (Smart City)
ty)
นและพัฒนาเมืองน่าอยู่อจั ฉริยะ (Smart City) ระหว่างสานักงานส่งเสริม
ฉบับพิเศษ เน่ืองในโอกาสการสถาปนากระทรวงมหาดไทย ครบ 130 ปี
for good : New normal ผลกั ดนั การเปล่ยี นแปลง
ce
2.2 การดาเนนิ โครงการ “ภเู กต็ Smart City” ซ่งึ ไดม้ กี ารดาเนนิ
นโครงการครอบคลมุ ทั้ง 7 ดา้ น
2.3 การดาเนินโครงการ “ขอนแก่น Smart City” ซึ่งมีการดาเนิน
KhonKaen Smart Living, ขอนแก่น ไปดี มาดี : KhonKaen
Governance, ขอนแก่น พลเมืองพัฒนา KhonKaen Smart Citize
และ ขอนแกน่ เศรษฐกิจย่ังยนื : KhonKaen Smart Economy
นโครงการในหลายๆ ด้าน ประกอบด้วย ขอนแก่น เมืองมีสุขภาวะ :
Mobility, ขอนแก่น ราชการ รับฟงั พัฒนา : KhonKaen Smart
en, ขอนแก่น ส่งิ แวดล้อมยั่งยืน : KhonKaen Smart Environment,
2.4 พิธีมอบรางวัลการประกวดนวัตกรรมท้องถิ่นดิจิทัล ประจาปี พ
DGA จดั งานมอบรางวัลการประกวดนวัตกรรม “ท้องถน่ิ ดจิ ิทัล” ประ
ภายใต้ ‘โครงการขับเคลือ่ นการพัฒนาท้องถิน่ ดิจิทัล เมื่อวันท่ี 27 ธัน
ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นไดร้ บั รางวลั จานวน 10 แห่ง
พ.ศ. 2564 ซ่ึงสานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ
ะจาปี 2564 หรือ “DGTi Local Government Awards 2021”
นวาคม 2564 ณ Nation Studio ในรูปแบบ Virtual โดยมีองค์กร
2.5 ยะลาเมอื งอัจฉริยะเพอื่ การมีส่วนรว่ มของประชาชน ซง่ึ เสนอโ
1) ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม (Smart Environment), 2) ด้านเศรษฐกจิ อัจฉ
(Smart Governance) และ 4) ด้านการดารงชีวติ อัจฉรยิ ะ (Smar
โดยเทศบาลนครยะลา ประกอบด้วยระบบอจั ฉริยะใน 4 ด้าน ไดแ้ ก่
ฉริยะ (Smart Economy), 3) ดา้ นการบริหารภาครฐั อัจฉรยิ ะ
rt Living)
2.6 แสนสุข Smart City ซึ่งได้เน้นโครงการจดั บรกิ ารสขุ ภาพผู้สงู อ
พรอ้ มใหข้ ้อมูลเชงิ ลึกเพือ่ ช่วยให้รฐั บาลจดั สรรทรพั ยากรในการพยา
และมปี ระสิทธิภาพยิ่งข้ึน
อายุด้วย Smart Technology โดยมุง่ เนน้ ท่ีการตรวจตราดแู ลคนไข้
าบาลและดาเนนิ การเรื่องการบริการดูแลสขุ ภาพได้อย่างเหมาะสม
2.7 Smart City คืออะไร ซึ่งเปน็ การอธบิ ายวา่ เมืองอจั ฉริยะคอื
ออะไร มอี งค์ประกอบใดบา้ ง
2.8 การบรรยาย หวั ขอ้ “บทบาทความทา้ ทายเพื่อพฒั นาเมอื งอ
อจั ฉริยะของหนว่ ยงานทอ้ งถิ่น โดยนางคณติ า ราษฎร์น้ยุ
2.9 คู่มอื แนวทางการดาเนินโครงการเมืองอจั ฉรยิ ะ
กองยุ
ยุทธศาสตร์และแผนงาน
หมวด : ติดตามประเมินผล
คูม่ ือการใชง้ านระบบตดิ ตามและ
ประเมินผลแหง่ ชาติ (eMENSCR)
กองยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงาน
กลุ่มงานติดตามประเมินผล (กง.ตป.)
•ก
หวั ข้อการบรรยาย
•e
กฎหมาย/ระเบยี บ ท่ีเกี่ยวข้องกบั ยุทธศาสตรช์ าติ
แผนระดบั ต่าง ๆ
eMENSCR คอื อะไร สาคัญอยา่ งไร
กฎห
ทเี่ กีย่
และ
หมายและระเบยี บ
ยวขอ้ งกบั ยุทธศาสตรช์ าติ
ะการปฏริ ูปประเทศ
รฐั
ระดบั ของ