แผนการจัดการเรียนรู ้ หน่วยที่ ๑ การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง นายวีรวัฒน ์ ยกดี จํานวน ๙ แผน เวลาเรียน ๙ ชั่วโมง วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ ่มสาระการเรียนรู ้ภาษาไทย โรงเรียนสวายวิทยาคาร สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร ์
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนสวายวิทยาคาร ต าบลสวาย อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ที่.............../............... วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เรียน ผู้อ านวยการโรงเรียนสวายวิทยาคาร ข้าพเจ้า นายวีรวัฒน์ ยกดี ต าแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ได้จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จ านวน ๒ หน่วยการเรียนรู้โดยในเล่มนี้คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อ พัฒนาตนเองซึ่งประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้จ านวน ๙ แผน เวลา ๙ ชั่วโมง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดัง เอกสารแนบมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาอนุญาตให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ลงชื่อ..................................................... (นายวีรวัฒน์ ยกดี) ต าแหน่ง ครู ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางรัศมี มีพร้อม) ................../................/.................... ความคิดเห็นหัวหน้างานพัฒนากระบวนการเรียนรู้ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ................................................................. (นางนารีรัตน์ สุบินดี) ................../................/.................... ความคิดเห็นกรรมการนิเทศแผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (..........................................................) ................../................/.................... ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มบริหารวิชาการ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางสิริกานต์ วายโศรก) ................../................/.................... ความคิดเห็นรองผู้อ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายประหยัด เขียวหวาน) ................../................/.................... ความคิดเห็นผู้อ านวยการโรงเรียนสวายวิทยาคาร .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางสาวทองใบ ตลับทอง) ................../................/....................
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑/๙ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 2. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านร้อยแก้วและร้อยกรอง จะต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง เหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน จึงจะเกิดความ ไพเราะ และสามารถสื่อให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจเรื่องราว หรืออรรถรสของบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองที่อ่าน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย - บทร้อยแก้วประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ นวนิยาย และความเรียง - บทร้อยกรอง เช่น โคลง ร่าย และลิลิต 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 4. มีความรับผิดชอบ 5. รักความเป็นไทย 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) สมุดบันทึกนักอ่าน
7. การวัดและการประเมินผล 7.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 7.2 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านร้อยแก้ว 2) ประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว 3) ประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง 4) สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม 7.3 การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินสมุดบันทึกนักอ่าน 8. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 1. ครูตั้งประเด็นคําถามเพื่อประเมินความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการอ่าน โดยครูคอยกระตุ้นให้ นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการตอบคําถาม ซึ่งนักเรียนสามารถตอบได้อย่างหลากหลาย 2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การอ่านออกเสียง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การอ่านออกเสียง บทร้อยแก้ว และการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ตาม ความเหมาะสม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอความรู้ที่ได้จากการศึกษาให้เพื่อนฟังที่หน้าชั้นเรียน แล้วให้กลุ่ม อื่นได้นําเสนอเพิ่มเติมในส่วนที่แตกต่างกันออกไป โดยครูคอยอธิบายเพิ่มเติม 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกอ่านออกเสียงร้อยแก้วตามที่กําหนดจนสามารถอ่านได้คล่องและถูกต้อง แล้วผลัดกันประเมินผลการอ่านออกเสียงร้อยแก้วตามเกณฑ์ที่กําหนดให้ในแบบประเมินการอ่านออกเสียงบท ร้อยแก้ว 7. ครูคัดเลือกนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับ มาอ่านออกเสียงให้เพื่อนฟังที่หน้าชั้นเรียน แล้วให้ แต่ละคนแนะนําวิธีการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องให้เพื่อนฟังด้วย จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติม 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว พร้อม เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา 9. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2 - 3 กลุ่ม ออกมานําเสนอปัญหาการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว และแนวทางแก้ไข ปัญหาให้เพื่อนฟังที่หน้าชั้นเรียน จากนั้นครูเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาการอ่านออกเสียงให้นักเรียนนําไป ปฏิบัติ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านของตนเองให้ดีขึ้น 10. นักเรียนทํา ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านร้อยแก้ว เสร็จแล้วนําส่งครูตรวจ จากนั้นครูแนะนําให้ นักเรียนฝึกอ่านร้อยแก้วอย่างสม่ําเสมอ
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) วิชาการ, กรม, กระทรวงศึกษาธิการ. อ่านอย่างไรให้ได้รส. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภา, มปท. (2) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาการอ่าน ภาษาไทย. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2543. 3) ตัวอย่างบทอ่านร้อยแก้ว 4) ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรอง 5) แถบบันทึกเสียง หรือซีดีการอ่านทํานองเสนาะของบทร้อยกรองชนิดต่าง ๆ 6) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านร้อยแก้ว 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file... http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วิชาภาษาไทย
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านร้อยแก้ว วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนตอบคําถามต่อไปนี้ 1. ร้อยแก้ว คืออะไร แบ่งได้เป็นกี่ประเภท ................................................................................................................................................ ................................. .................................................................................................. ............................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. 2. การอ่านร้อยแก้ว มีหลักการอ่านอย่างไร .................................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................................................................
แนวทางค าตอบ ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การอ่านร้อยแก้ว 1. ร้อยแก้ว คืออะไร แบ่งได้เป็นกี่ประเภท ร้อยแก้ว หมายถึง ถ้อยคําที่เรียบเรียงอย่างสละสลวย ไพเราะด้วยเสียงและความหมาย แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ บันเทิงคดี และสารคดี 2. การอ่านร้อยแก้ว มีหลักการอ่านอย่างไร การอ่านร้อยแก้ว มีหลักการดังนี้ 1) ศึกษาเรื่องที่อ่านให้เข้าใจ 2) ต้องรู้หลักการอ่านคําให้ถูกต้องตามอักขรวิธี 3) มีสมาธิในการอ่านและมีความมั่นใจ 4) อ่านด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติ เน้นเสียงหนักเบา สูงต่ําให้เป็นธรรมชาติ 5) อ่านออกเสียงให้ดังพอประมาณ 6) อ่านเว้นวรรคตอนให้ถูกต้องและกําหนดจังหวะความเร็วในการอ่านให้เหมาะสม 7) อ่านอย่างมีลีลาและอารมณ์ตามเนื้อเรื่อง 8) อ่านเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การอ่านออกเสียง ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. การอ่านออกเสียงที่ดี ควรมีลักษณะการอ่านอย่างไร ก. ควรตีความเรื่องที่อ่านให้เข้าใจตามความรู้สึกของตน ข. ควรอ่านแบบบีบเสียงบ้างเพื่อให้เหมาะกับเนื้อหาที่อ่าน ค. ควรอ่านออกเสียงดังพอสมควร และถูกต้องตามอักขรวิธี ง. ควรเข้าใจเนื้อหาและมีความรู้เรื่องท่วงทํานองการอ่านแต่ละประเภท 2. งานเขียนร้อยแก้วประเภทใดที่มีวิธีการอ่านต่างจากข้ออื่น ก. พงศาวดาร ข. ความเรียง ค. กฎหมาย ง. ตํานาน 3. ข้อใดกล่าวถึงวิธีการอ่านออกเสียงร้อยแก้วที่ไม่ถูกต้อง ก. ควรอ่านตามความรู้สึกและความเข้าใจของผู้อ่าน ข. ควรมีจังหวะและเน้นเสียงหนักเบาตามเนื้อเรื่องที่อ่าน ค. ควรควบคุมสายตาเพื่อไม่ให้อ่านผิดบรรทัดและอ่านตก ง. ควรทําเครื่องหมายวรรคตอนเพื่อให้อ่านเว้นวรรคได้ถูกต้อง 4. การอ่านออกเสียงร้อยกรอง ผู้อ่านควรมีการเตรียมตัวอย่างไร ก. ฝึกอ่านให้ถูกจังหวะ จับใจความและอารมณ์ของเนื้อเรื่อง ข. มีความรู้ฉันทลักษณ์คําประพันธ์แต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ ค. จดจําเนื้อเรื่องได้อย่างแม่นยํา และอ่านได้มีอรรถรส ง. มีแก้วเสียงที่ดี และมีน้ําเสียงไพเราะกับบทร้อยกรอง 5. คําในข้อใดที่อ่านออกเสียงได้ 3 พยางค์ทุกคํา ก. พยาธิ ปรัชญา นพปฎล ข. เพชรหึง อัตลัด ญาติกา ค. สนธยา บทมาลย์ ราชสกุล ง. ลักษมี สมุฏฐาน ทิพจักขุ 6. “เตยหอมเดินลงจากบ้านได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ท้องทุ่งสงบนิ่งอยูในแสงแดดยามบ่าย” ข้อใดอ่านเว้นวรรคตอนข้อความข้างต้นได้ถูกต้อง ก. เตยหอม // เดินลงจากบ้าน // ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่ง / อยู่ในแสงแดดยามบ่าย ข. เตยหอม / เดินลงจากบ้าน / ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่ง // อยู่ในแสงแดดยามบ่าย ค. เตยหอมเดินลงจากบ้าน / ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ // ท้องทุ่งสงบนิ่งอยู่ในแสงแดดยามบ่าย ง. เตยหอมเดินลงจากบ้าน // ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่งอยู่ในแสงแดดยามบ่าย 7. “หุ่นละครเล็กคณะของครูโจหลุยส์เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยทัวไป ด้วยลักษณะพิเศษที่เคลื่อนไหวได้ทุกส่วน คล้ายคนจริง รวมทั้งความสวยงามของเครื่องแต่งกายแบบโขนละครจริง ประกอบกับศิลปะการเชิดที่แตกต่าง จากการเชิดหุ่นกระบอก ทําให้หุ่นละครเล็กของนายสาคร ยังเขียวสด มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในและ ต่างประเทศ” ข้อใดอธิบายวิธีการอ่านออกเสียงข้อความข้างต้นได้ถูกต้อง ก. อ่านออกเสียงโดยเน้นหนักที่ตอนท้ายของเรื่อง ข. อ่านออกเสียงโดยเน้นเฉพาะคําสําคัญของเรื่อง ค. อ่านออกเสียงโดยแบ่งวรรคตามที่เว้นวรรคไว้ ง. อ่านออกเสียงให้นุ่ม และแทรกอารมณ์ความรู้สึก
8. “สรวมสวัสดิวิชัย เกริกกรุงไกรเกรียงยศ เกียรติปรากฏขจรขจาย สบายทั่วแหล่งหล้า ฝนฟ้าฉ่าชุ่มชล ไพศรพณ์ผลพูนเพิ่ม เหิมใจราษฎร์บําเทิง” ข้อความข้างต้นเป็นคําประพันธ์ประเภทใด ก. กลอน ข. โคลง ค. กาพย์ ง. ร่าย 9. “จงจรเที่ยวเทียวบทไปพงพนไพรไศลลําเนาดุ่มบถด่วนชวนจิตเพลินใดบ่มิเกินเชิญบทจร” ข้อใดอ่านบทร้อยกรองข้างต้นได้ถูกต้อง ก. จง-จะ-ระ-เที่ยว / เทียว-บด-ทะ-ไป / พง-พะ-นะ-ไพร / ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บะ-ถะ-ด่วน / ่ ชวน-จิด-ตะ-เพลิน / ใด-บ่-มิ-เกิน / เชิญ-บะ-ทะ-จร ข. จง-จร-เที่ยว- เทียว-บท-ไป /พง-พน-ไพร -ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บถ-ด่วน-ชวน-จิต-เพลิน/ ใด-บ่-มิ-เกิน-เชิญ-บท-จร ค. จง-จะ-ระ-เที่ยว-เทียว-บด-ทะ-ไป-พง-พะ-นะ-ไพร-ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บะ-ถะ-ด่วน-ชวน-จิด ตะ-เพลิน-ใด-บ่-มิ-เกิน-เชิญ-บะ-ทะ-จร ง. จง-จร-เที่ยว/ เทียว-บท-ไป /พง-พน-ไพร /ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บถ-ด่วน /ชวน-จิต-เพลิน / ใด-บ่-มิ-เกิน / เชิญ-บท-จร 10. “ดูผิวสีนวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดําไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคิน นางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดงใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุบผาเบ่งบาน” คําประพันธ์ข้างต้น ควรอ่านด้วยน้ําเสียงอย่างไร ก. เรียบ ๆ ช้า ๆ ข. เศร้าโศกสลด ค. เข้มแข็ง ดุดัน ง. นุ่มนวล อ่อนหวาน เฉลย 1. ค 6. ค 2. ง 7. ข 3. ก 8. ง 4. ก 9. ก 5. ข 10. ง
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒/๙ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ควรมีความรู้ความเข้าใจคําประพันธ์แต่ละชนิด จึงจะสามารถถ่ายทอด เรื่องราวและอารมณ์ของคําประพันธ์ต่าง ๆ ไปยังผู้ฟังได้อย่างไพเราะ ถูกต้องและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 2. ตัวชี้วด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกกลวิธีการอ่านบทร้อยกรองได้ 2) อธิบายลักษณะของบทร้อยกรองชนิดต่าง ๆ ได้ 3) อ่านบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย - บทร้อยกรอง เช่น โคลง ร่าย และลิลิต 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ 4. รักความเป็นไทย 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย และวิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบัติ) 1. ครูถามคําถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ตัวอย่างคําถาม เช่น - หลักในการอ่านร้อยแก้ว ได้แก่อะไรบ้าง - นักเรียนสามารถฝึกทักษะการอ่านร้อยแก้วได้อย่างไรบ้าง 2. ครูให้นักเรียนฟังแถบบันทึกเสียง หรือซีดีการอ่านทํานองเสนาะบทร้อยกรองชนิดต่าง ๆ แล้วให้ นักเรียนช่วยกันบอกชนิดของคําประพันธ์นั้น ๆ 3. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้า เพิ่มเติมตามความเหมาะสม แล้วให้นักเรียนฝึกสังเกตฉันทลักษณ์ของคําประพันธ์ชนิดต่าง ๆ 4. ครูชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจว่า การอ่านร้อยกรองจะมีวิธีการอ่านแตกต่างกันไปตามชนิดของ คําประพันธ์ เราจึงต้องรู้จักคําประพันธ์แต่ละชนิด เพื่อจะได้อ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง 5. ครูให้นักเรียนศึกษาแผนผังฉันทลักษณ์ของคําประพันธ์ชนิดต่าง ๆ แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ประเมินสมุดบันทึกนักอ่าน แบบประเมินสมุดบันทึกนักอ่าน ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประเมินการอ่านออกเสียงบทร้อย กรอง แบบประเมินการอ่านออกเสียงบท ร้อยกรอง ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพติกรรมการทํางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) วิชาการ, กรม, กระทรวงศึกษาธิการ. อ่านอย่างไรให้ได้รส. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภา. มปท. (2) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาการอ่าน ภาษาไทย. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2543. 3) ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรอง 4) แถบบันทึกสียง หรือซีดีการอ่านทํานองเสนาะของบทร้อยกรองชนิดต่างๆ 8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file... http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วิชาภาษาไทย
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓/๙ เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (๒) เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ควรมีความรู้ความเข้าใจคําประพันธ์แต่ละชนิด จึงจะสามารถถ่ายทอด เรื่องราวและอารมณ์ของคําประพันธ์ต่าง ๆ ไปยังผู้ฟังได้อย่างไพเราะ ถูกต้อง และเหมาะสมกับ เรื่องที่อ่าน 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกกลวิธีการอ่านบทร้อยกรองได้ 2) อธิบายลักษณะของบทร้อยกรองชนิดต่าง ๆ ได้ 3) อ่านบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน 3. สาระการเรียนรู้ 3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย - บทร้อยกรอง เช่น โคลง ร่าย และลิลิต 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ 4. รักความเป็นไทย 7. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย และวิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ: กระบวนการปฏิบัติ) 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน คละกันตามความสามารถ จากนั้นกําหนดหมายเลข ประจําตัวของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเป็น 1-6 ตามลําดับ แล้วให้นักเรียนศึกษาและฝึกอ่านออกเสียงบท ร้อยกรองตามที่กําหนด ดังนี้ - หมายเลข 1 และ 2 ศึกษาและฝึกอ่านบทร้อยกรองประเภทลิลิต - หมายเลข 3 และ 4 ศึกษาและฝึกอ่านบทร้อยกรองประเภทฉันท์ - หมายเลข 5 และ 6 ศึกษาและฝึกอ่านบทร้อยกรองประเภทร่ายยาว 2. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่กําหนดจากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติมหรือ แหล่งข้อมูลสารสนเทศตามความเหมาะสม แล้วฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรองจนสามารถออกเสียงได้อย่าง ถูกต้อง จากนั้นนําไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกในกลุ่ม จนทุกคนสามารถอ่านบทร้อยกรองทุกประเภทได้คล่อง 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการอ่านบทร้อยกรองแต่ละประเภท และแนะนําเทคนิคการออก เสียงที่ถูกต้องเพื่อให้นักเรียนนําไปฝึกอ่าน 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกซ้อม และประเมินการอ่านออกเสียงร้อยกรองลงในแบบประเมินการ อ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่ครูแจกให้ จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะข้อ ปรับปรุงแก้ไขการอ่านของกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบท ร้อยกรอง แล้วให้นักเรียนนําไปฝึกปฏิบัติเป็นรายบุคคล ตามระยะเวลาที่กําหนด 6. เมื่อครบกําหนดเวลาแล้วให้นักเรียนมาทดสอบอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองกับครู จํานวน 5 ครั้ง (ครูอาจพิจารณาเพิ่มขึ้นได้ตามความเหมาะสม) เมื่อทดสอบการอ่านครบตามที่ครูกําหนดแล้ว ให้ นักเรียนนําผลการอ่านแต่ละครั้งมารวมกัน แล้วบันทึกผลลงในสมุดบันทึกนักอ่านจากนั้นนําส่งครูผู้สอน ๗. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ประเมินสมุดบันทึกนักอ่าน แบบประเมินสมุดบันทึกนักอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง แบบประเมินการอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) วิชาการ, กรม, กระทรวงศึกษาธิการ. อ่านอย่างไรให้ได้รส. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา, มปท. (2) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาการอ่าน ภาษาไทย. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2543. ๓) ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรอง ๔) แถบบันทึกสียง หรือซีดีการอ่านทํานองเสนาะของบทร้อยกรองชนิดต่างๆ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file... http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วิชาภาษาไทย
ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรองประเภทฉันท์ งามผิวประไพผ่อง กลทาบสุภาพรรณ งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน งามเกศะดําขํา กลน้ํา ณ ท้องละหาน งามเนตรพินิจปาน สุมณีมะโนหะรา งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมาลีเลิศประเสริฐกว่า วรุบลสะโรชะมาศ งามเอวอนงค์ราว สุริศิลปิชาญฉลาด เกลากลึงประหนึ่งวาด วรรูปวิไลพะวง งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรําระบําระเบง ซ้ําไพเราะน้ําเสียง อรเพียงภิรมย์ประเลง ได้ฟังก็วังเวง บมิว่างมิวายถวิล นางใดจะมีเทียบ มะทะนา ฟ้า ณ ดิน เป็นยอดและจอดจิน- ตะนะแน่ว ณ อก ณ ใจ ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรองประเภทร่ายยาว อนิจจา ๆ เอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยืนระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกัน แกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาหาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส อิมา ตา โปกฺขรณี รมฺมา เจ้าเคยมาประพาสสรง สนานในสระศรี โบกขรณี ตําแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาศไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ําเอ๋ยเคยมา เปี่ยมขอบเป็นไรจึ่งขอดข้นลงขุ่นหมอง พระพายเจ้าเอ๋ย เคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ํา ฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ําดําแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยูลอยเลื่อนชมแสง เดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่วายเวียนวง นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่ เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไล ล่วงตําบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลาเนาเนินป่า ทุกสุมทุมพุมพฤกษาป่าสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็น ยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้า ร้องขานอยูแว่ว ๆ ให้หวาดว่าสําเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา
ตัวอย่างบทอ่านร้อยกรองประเภทร่ายสุภาพ ร่ายสุภาพ ๏ ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่อง ชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออก ฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหันหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษ สุขบําเทิง สําเริงราชสถาน สําราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพ ดับยุค สนุกสืบสีมา ส่ําเสนานอบเกล้า ส่ําสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ําพลไกรเกริกหาญ ส่ําพลสารสินธพ สบศาสตรา ศรเพลิง เถกิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี โคลงสี่สุภาพ ๏ บุญเจ้าจอมภพพื้น แผ่นสยาม แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว พระฤทธิ์ดงฤทธิ์ราม รอนราพณ์แลฤๅ ราญอริราชแผ้ว แผกแพ้ทุกภาย ๏ ไพรินทรนาศเพี้ยง พลมาร พระดั่งองค์อวตาร แต่กี้ แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤๅ ดาลตระดกเดชลี้ ปลาตหล้าแหล่งสถาน ๏ เสร็จเสวยศวรรเยศอ้าง ไอศูรย์ สรวงฤๅ เย็นพระยศปูนเดือน เด่นฟ้า เกษมสุขส่องสมบูรณ์ บานทวีป สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า แหล่งล้วนสรรเสริญ
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การอ่านออกเสียง ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. การอ่านออกเสียงที่ดี ควรมีลักษณะการอ่านอย่างไร ก. ควรตีความเรื่องที่อ่านให้เข้าใจตามความรู้สึกของตน ข. ควรอ่านแบบบีบเสียงบ้างเพื่อให้เหมาะกับเนื้อหาที่อ่าน ค. ควรอ่านออกเสียงดังพอสมควร และถูกต้องตามอักขรวิธี ง. ควรเข้าใจเนื้อหาและมีความรู้เรื่องท่วงทํานองการอ่านแต่ละประเภท 2. งานเขียนร้อยแก้วประเภทใดที่มีวิธีการอ่านต่างจากข้ออื่น ก. พงศาวดาร ข. ความเรียง ค. กฎหมาย ง. ตํานาน 3. ข้อใดกล่าวถึงวิธีการอ่านออกเสียงร้อยแก้วที่ไม่ถูกต้อง ก. ควรอ่านตามความรู้สึกและความเข้าใจของผู้อ่าน ข. ควรมีจังหวะและเน้นเสียงหนักเบาตามเนื้อเรื่องที่อ่าน ค. ควรควบคุมสายตาเพื่อไม่ให้อ่านผิดบรรทัดและอ่านตก ง. ควรทําเครื่องหมายวรรคตอนเพื่อให้อ่านเว้นวรรคได้ถูกต้อง 4. การอ่านออกเสียงร้อยกรอง ผู้อ่านควรมีการเตรียมตัวอย่างไร ก. ฝึกอ่านให้ถูกจังหวะ จับใจความและอารมณ์ของเนื้อเรื่อง ข. มีความรู้ฉันทลักษณ์คําประพันธ์แต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ ค. จดจําเนื้อเรื่องได้อย่างแม่นยํา และอ่านได้มีอรรถรส ง. มีแก้วเสียงที่ดี และมีน้ําเสียงไพเราะกับบทร้อยกรอง 5. คําในข้อใดที่อ่านออกเสียงได้ 3 พยางค์ทุกคํา ก. พยาธิ ปรัชญา นพปฎล ข. เพชรหึง อัตลัด ญาติกา ค. สนธยา บทมาลย์ ราชสกุล ง. ลักษมี สมุฏฐาน ทิพจักขุ 6. “เตยหอมเดินลงจากบ้านได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ท้องทุ่งสงบนิ่งอยูในแสงแดดยามบ่าย” ข้อใดอ่านเว้นวรรคตอนข้อความข้างต้นได้ถูกต้อง ก. เตยหอม // เดินลงจากบ้าน // ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่ง / อยู่ในแสงแดดยามบ่าย ข. เตยหอม / เดินลงจากบ้าน / ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่ง // อยู่ในแสงแดดยามบ่าย ค. เตยหอมเดินลงจากบ้าน / ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ // ท้องทุ่งสงบนิ่งอยู่ในแสงแดดยามบ่าย ง. เตยหอมเดินลงจากบ้าน // ได้ยินเสียงลมพัดทิวไม้ / ท้องทุ่งสงบนิ่งอยู่ในแสงแดดยามบ่าย 7. “หุ่นละครเล็กคณะของครูโจหลุยส์เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยทัวไป ด้วยลักษณะพิเศษที่เคลื่อนไหวได้ทุกส่วน คล้ายคนจริง รวมทั้งความสวยงามของเครื่องแต่งกายแบบโขนละครจริง ประกอบกับศิลปะการเชิดที่แตกต่าง จากการเชิดหุ่นกระบอก ทําให้หุ่นละครเล็กของนายสาคร ยังเขียวสด มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในและ ต่างประเทศ” ข้อใดอธิบายวิธีการอ่านออกเสียงข้อความข้างต้นได้ถูกต้อง ก. อ่านออกเสียงโดยเน้นหนักที่ตอนท้ายของเรื่อง ข. อ่านออกเสียงโดยเน้นเฉพาะคําสําคัญของเรื่อง ค. อ่านออกเสียงโดยแบ่งวรรคตามที่เว้นวรรคไว้ ง. อ่านออกเสียงให้นุ่ม และแทรกอารมณ์ความรู้สึก
8. “สรวมสวัสดิวิชัย เกริกกรุงไกรเกรียงยศ เกียรติปรากฏขจรขจาย สบายทั่วแหล่งหล้า ฝนฟ้าฉ่าชุ่มชล ไพศรพณ์ผลพูนเพิ่ม เหิมใจราษฎร์บําเทิง” ข้อความข้างต้นเป็นคําประพันธ์ประเภทใด ก. กลอน ข. โคลง ค. กาพย์ ง. ร่าย 9. “จงจรเที่ยวเทียวบทไปพงพนไพรไศลลําเนาดุ่มบถด่วนชวนจิตเพลินใดบ่มิเกินเชิญบทจร” ข้อใดอ่านบทร้อยกรองข้างต้นได้ถูกต้อง ก. จง-จะ-ระ-เที่ยว / เทียว-บด-ทะ-ไป / พง-พะ-นะ-ไพร / ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บะ-ถะ-ด่วน / ่ ชวน-จิด-ตะ-เพลิน / ใด-บ่-มิ-เกิน / เชิญ-บะ-ทะ-จร ข. จง-จร-เที่ยว- เทียว-บท-ไป /พง-พน-ไพร -ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บถ-ด่วน-ชวน-จิต-เพลิน/ ใด-บ่-มิ-เกิน-เชิญ-บท-จร ค. จง-จะ-ระ-เที่ยว-เทียว-บด-ทะ-ไป-พง-พะ-นะ-ไพร-ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บะ-ถะ-ด่วน-ชวน-จิด ตะ-เพลิน-ใด-บ่-มิ-เกิน-เชิญ-บะ-ทะ-จร ง. จง-จร-เที่ยว/ เทียว-บท-ไป /พง-พน-ไพร /ไศ-ละ-ลํา-เนา // ดุ่ม-บถ-ด่วน /ชวน-จิต-เพลิน / ใด-บ่-มิ-เกิน / เชิญ-บท-จร 10. “ดูผิวสีนวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดําไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคิน นางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดงใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุบผาเบ่งบาน” คําประพันธ์ข้างต้น ควรอ่านด้วยน้ําเสียงอย่างไร ก. เรียบ ๆ ช้า ๆ ข. เศร้าโศกสลด ค. เข้มแข็ง ดุดัน ง. นุ่มนวล อ่อนหวาน เฉลย 1. ค 6. ค 2. ง 7. ข 3. ก 8. ง 4. ก 9. ก 5. ข 10. ง
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔/๙ เรื่อง การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านเป็นทักษะที่สําคัญในการรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ผู้อ่านควรมีทักษะในการตีความ แปลความ ขยาย ความเรื่อง และจับใจความของเรื่องที่อ่านให้ได้ เพื่อให้สามารถคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และประเมินค่าเรื่องที่อ่าน ได้ถูกต้อง 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์ การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่านได้ 2) สรุปใจความสําคัญของเรื่องที่อ่านได้ 3) วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่างๆ เช่น - วรรณคดีในบทเรียน - เรื่องสั้น 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการทํางานกลุ่ม
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน ๖. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวน : กระบวนการคิดวิเคราะห์ ) นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นครูแจกข่าวสถานการณ์ประจําวัน ให้นักเรียนกลุ่มละ 1 ข่าว (ข่าวอาจซ้ํากันได้) 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านข่าวที่กลุ่มของตนได้รับให้เพื่อนฟัง จากนั้นช่วยกันสรุปสาระสําคัญของข่าว แล้วออกมานําเสนอผลการสรุปสาระสําคัญที่หน้าชั้นเรียน 3. ครูให้นักเรียนกลุ่มที่ฟังแสดงความคิดเห็นว่า จากข่าวที่ได้ฟังนั้นเพื่อนสรุปสาระสําคัญได้ถูกต้อง หรือไม่ 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การอ่านในชีวิตประจําวันส่วนใหญ่จะเป็นการอ่านเพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ต่าง ๆ ซึ่งนักเรียนจะต้องสรุปสาระสําคัญและจับใจความสําคัญของเรื่องให้ได้ก่อนเพื่อเป็นพื้นฐานในการอ่าน ต่อไป 5. ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์คืออะไร โดยครูเปิดโอกาส ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นได้อย่างหลากหลาย 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านข่าวที่ได้รับในข้อ 1 อีกครั้ง แล้ววิเคราะห์วิจารณ์ข่าวโดยใช้หลักการ อ่านเพื่อการวิเคราะห์วิจารณ์ที่ได้เรียนไป 7. ครูให้นักเรียนทําใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องสั้น : ตึกกรอสส์ เสร็จแล้วนําส่งครูผู้สอน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคําตอบในใบงาน จากนั้นร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านเพื่อวิเคราะห์ วิจารณ์ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) แววมยุรา เหมือนนิล. การอ่านจับใจความ. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก, 2541. (2) ศิวกานท์ ปทุมสูติ. การอ่านเพื่อชีวิต. กรุงเทพฯ: บริษัทต้นอ้อ 1999, 2542. (3) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย 7 (วรรณคดี วิจารณ์สาหรับครู). นนทบุรี : มหาวิทยาลัย, 2538. (4) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545.
3) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องสั้น: ตึกกรอสส์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file=showcontent&cid=665&sid=601
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์ วิจารณ์ เรื่องสั้น : ตึกกรอสส์ ค าชี้แจง ให้นักเรียนอ่านเรื่องสั้นที่กําหนด แล้ววิเคราะห์วิจารณ์ตามประเด็นที่กําหนดให้ ตึกกรอสส์ ความตื่นเต้นของเธอฉายออกมาอย่างชัดเจนทั้งดวงตาและท่าทาง ขณะที่ผลักบังตาเข้าไปอย่างร้อนรน “เจษ-“ เธอพูดเสียงเร็วปรื่อ “วิทยามาแล้ว” นักเรียนแพทย์ผู้นั้นเงยหน้าขึ้นจากกล้องจุลทรรศน์อย่างรวดเร็ว “อะไรนะต้อย?” เมื่อหญิงสาวทวน ประโยคนั้นเจษฎางค์กระโดดขึ้นยืนอย่างลืมตัว แต่ชั่วขณะที่เขามองใบหน้าของผู้ที่เขาเรียกว่าต้อยอย่างเต็มตา เห็นใบหน้าซึ่งเผือดและซีดขาวราวกับเสื้อกาวน์ที่เธอสวมอยู่ เห็นริมฝีปากที่สั่นระริก และเห็นขอบตาที่แดงช้้า ประกายปีติของเขาก็วูบลงเหมือนดาวที่หล่นจากท้องฟ้า เสียงเครือไปด้วยส้านึกในท่าทีนั้น “วิทยามาแล้วท้าไมหรือ?” เสียงของหญิงสาวเกือบจะเป็นสะอื้น ขณะที่เธอตอบ “ป่วยหนักอยู่ที่ตึกอายุรกรรม อยากพบเจษเดี๋ยวนี้ ฉันตามหาเธอตั้งนาน ไปซิ” เจษฎางค์เม้มริมฝีปาก เขาดึงสไลด์ออกจากกล้องและเก็บเข้าที่อย่างรีบร้อน ปิดหนังสือเล่มขนาดยักษ์ที่ กางอยู่ตรงหน้าและผลักไปรวมกันอยู่ทางหนึ่ง เลื่อนกล้องเข้าไปในหีบไม้เบอร์ 4 แล้วก้าวตามหญิงสาวออกมา ติด ๆ “เป็นอะไรนะ ต้อย?” “Pulmonary embolism” หญิงสาวตอบเสียงเกือบไม่ได้ยิน เจษฎางค์ขบกรามจนโปนออกมาเห็นชัด เขาก้าวเท้าถี่ ๆ ตามหญิงสาวซึ่งเดินเกือบจะเป็นวิ่งไปตาม ถนนปูน “ใครเป็นเจ้าของไข้?” “ฉันเอง” หญิงสาวหันมาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย “แต่อย่าเพิ่งถามเลย, เจษ, ฉันเหนื่อยจะตาย อยู่แล้ว” แสงแดดในยามเย็นทอดเงาของนักเรียนแพทย์ทั้งสองนั้นทาบติดอยู่กับพื้นถนน และไหวไปมาไม่หยุด หย่อน นักเรียนพยาบาลสองสามคนเดินสวนมาช้าเลืองอาการรีบร้อนนั้นอย่างประหลาดใจ เมื่อเขาเลี้ยวและเธอก้าวขึ้นไปบนบันไดตึกด้านใต้ของตึกอายุรกรรม ความเงียบแผ่ซ่านบริเวณตึกนั้นจน สะดุดใจ กลิ่นอายของอีเทอร์ล่องลอยมาจากที่ใดที่หนึ่ง ขณะที่พยาบาลในชุดสีขาวบริสุทธิ์ก้าลังแจกยาหลัง อาหารแก่คนไข้อย่างเงียบ ๆ เจษฎางค์หันมาทางหญิงสาว ถามด้วยเสียงหอบ “ไหน?” หญิงสาวชี้ไปยังเตียงหนึ่งซึ่งกั้นม่านไว้อย่างมิดชิด และโดยไม่พูดจนค้าเดียวเธอสาวเท้าไปยังที่นั่น เปิด ม่านสีขาวนั้นออก “นั่นอย่างไร” จบค้าพูดนั้นน้้าตาเธอไหลพราก “นั่นอย่างไรวิทยา” เธอพูดซ้้าคล้ายคนไร้สติ เจษฎางค์เบือนหน้าไปจากภาพที่เห็นนั้นอย่างสลดใจ ร่างนั้นด้าเกรียมจนเกือบจะเหมือนต้นไม้ที่ถูกสุม ผอมจนเกือบจะไม่มีหนังพอที่จะหุ้มกระดูกเส้นเอ็นปรากฏที่นั่นและที่นี่เหมือนขดเชือก ผมยาวเป็นกระเซิง เช่นเดียวกับหนวดเคราซึ่งปล่อยไว้รุงรังและสกปรก วิทยาอยู่ในเสื้อและกางเกงสีขาวเนื้อหยาบ ๆ ของ โรงพยาบาล เหมือนกับคนไข้อนาถาทั้งหลาย นอกจากอาการหายใจหอบอย่างน่ากลัวของเขานั้นแล้ว ไม่มี เครื่องหมายอันใดเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ พยาบาลผู้หนึ่งก้าวมาหยุดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เธอมองดูคนไข้และหันมาทางนักเรียนแพทย์สาว กล่าว ขึ้นด้วยส้าเนียงสุภาพ “หลับค่ะ ดิฉันฉีดมอร์ฟีนให้แกเมื่อครู่นี้เอง คุณหมอชัยสั่งไว้” หญิงสาวพยักหน้าและเบือนออกไปนอกหน้าต่าง เจษฎางค์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้าเตียงนั้น เขา มองดูคนไข้อย่างสมเพชเป็นนาน แล้วเขาจึงหันมาทางหญิงสาว และถามด้วยส้าเนียงต่าง ๆ และแผ่วเบา “วิทยามาถึงที่นี่เมื่อไร?”
“บ่ายสามโมง” เธอตอบ “ใครเป็นคนพามา?” “คนเรือโยงสองคนจ้ะ, เจษ วิทยาโดยสารเข้ามาจากปากน้้าโพ ป่วยหนักมาแต่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นฉัน เขา ดีใจมากเหลือเกิน เขาจับมือฉันไว้และบีบแน่นขณะที่บอกว่า “เท่านี้ก็พอแล้วส้าหรับบั้นท้ายแห่งชีวิตของพี่ เพียงแต่ได้แลเห็นต้อย เห็นศิริราช และหากเจษอีกคนหนึ่ง เขายังอยู่มิใช่หรือ? พี่คงตายอย่างเป็นสุข” น้้าตาของ หญิงสาวไหลพราก เมื่อเธอกล่าวประโยคต่อไป “วิทยาหายใจหอบอย่างน่ากลัวเหลือเกิน กระนั้นยังอุตสาห์ถาม ฉันว่า เคยคิดถึงเขาบ้างไหม” เจษฎางค์นิ่งงัน ขณะที่หญิงสาวก้าวมาใกล้เขาและกระซิบเสียงสั่นสะท้าน “และเดี๋ยวนี้ ต่อปัญหาว่า ท้าไมวิทยาจึงหายหน้าจากเราไปหลังจากคืนวันนั้นบนตึกกรอสส์ ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วเจษ ดูนี่ซิวิทยา เป็นคนมอบให้ฉันเองเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว วิทยาพบกระดาษแผ่นนี้คั่นอยู่ในหนังสือของคุณอาของเขา, พระอรรถ ธรรมธาดา เธอยังจ้าได้มิใช่หรือ ก่อนหน้าที่เขาจะจากเราไปวันหนึ่ง เมื่อสามปีที่แล้ว?” เจษฎางค์รับกระดาษสีเทานั้นจากหญิงสาวและคลี่อ่านอย่างลุกลน เมื่ออ่านจบเขาถอนสายตาขึ้นและ ทอดออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉยเมย ใบไม้สีเขียวขจีสองสามใบหล่นลงมาจากกิ่งและระไปตามรั้วสังกะสี ซึ่งกั้น เขตโรงพยาบาลออกจากบริเวณภายนอก ซึ่งบางครั้งมีเสียงนกร้องจากต้นไม้ครึ้มนั้น เมฆฝนแห่งต้นเดือน สิงหาคมปรากฏขึ้นราง ๆ ที่ขอบฟ้าขณะที่สีแสดแกมทองของฟ้าก้าลังเปลี่ยนไปเป็นสีของกลางคืน ความเงียบแผ่ มนต์มหัศจรรย์ไปแทรกแซงอยู่กับบรรยากาศเหนือตึกอายุรกรรม มันวังเวงอย่างประหลาด จนครั้งหนึ่งเจษฎางค์ ต้องหันมาจ้องดูคนไข้ซึ่งนอนแบบอยู่บนเตียงอย่างไม่แน่ใจ ลมหอบกลิ่นเหม็นอย่างฉุนเฉียวของเนื้อที่ถูกช้าแหละออกจากศพ ซึ่งนักเรียนแพทย์ใช้เรียนในแล็บ กรอสส์และถูกเผาอยู่ในเตาเผาหลังตึกกรอสส์นั้นมาวูบหนึ่ง เจษฎางค์ลุกขึ้นยืนอย่างอิดโรย ตึกกรอสส์… อนิจจา… วิทยากับคืนวันหนึ่งที่ตึกกรอสส์ คืนที่เจษฎางค์คิดว่าเขาจะลืมไม่ได้จนชั่วชีวิต เมื่อสามปีก่อน วิทยาเป็นนักเรียนแพทย์ซึ่งข้ามฟากมาพร้อม ๆ กับเจษฎางค์และต้อย เขาเป็นคนเรียน หนังสือเก่งมาก แต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่เตรียมอุดมฯ ตั้งแต่ที่จุฬา กระนั้นวิทยายังขะมักเขม้นเป็นพิเศษเมื่อข้าม มาเรียนที่ศิริราชทุกวิชา, ทุกห้องที่ตึกกรอสส์, โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องช้าแหละศพ, เป็นห้องที่วิทยาหลงใหล อย่างยิ่ง วิทยามีวิธีการใช้ disecting needle และ forcepts ได้ประณีตจนใคร ๆ มหัศจรรย์ ศพที่โต๊ะเบอร์ 11 ของเขา ซึ่งมีต้อย เจษฎางค์ และเพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของ มักจะมีนักเรียนแพทย์อื่น ๆ มามุงอยู่เสมอและ บ่อย ๆ ครั้งที่อาจารย์ใช้เป็น sample เพราะนอกจาก nerve และ blood vessels ทุกชิ้นจะปรากฏอยู่อย่าง ชัดเจนด้วยฝีมือของวิทยาแล้ว ศพนั้นยังใหญ่โตเป็นพิเศษ ที่บอร์ดซึ่งติดประจ้าศพในห้องช้าแหละนั้น ปรากฏว่า เจ้าของศพนั้นเป็นนักโทษชื่อแจ้ง ชัยงาม ตายด้วยโรคมาลาเรียและอุทิศศพของตนให้โรงพยาบาลด้วยสมัครใจ ทั้งอาจารย์และนักเรียนแพทย์ทั้งหลายพากันหวังว่า ในอนาคตอันใกล้ ศิริราชพยาบาลจะได้นายแพทย์ที่ดี ไว้ใช้อีกคนหนึ่ง หลายคนเชื่อว่าวิทยาจะต้องได้ไปเรียนต่อต่างประเทศและทุกคนเชื่อว่าวิทยาจะต้องได้เหรียญ ทอง แต่ท่ามกลางความหวังเหล่านี้ วิทยาได้สร้างความมหัศจรรย์แก่ตัวของเขาเองในคืนหนึ่งภายในความมืด ทะมึนของตึกกรอสส์และในระหว่างความประหลาดใจอันใหญ่หลวงนั้น วิทยาหายไปจากมหาวิทยาลัยอย่างเงียบ เชียบ ไม่มีใครรู้ว่าวิทยาอยู่ที่ไหน แม้แต่เพื่อนรักของเขาอย่างเจษฎางค์ แม้แต่คนรักของเขาอย่างต้อย และแม้แต่ คุณอาผู้ที่เลี้ยงเขามาแต่เล็ก ๆ อย่างพระอรรถธรรมธาดา…กระทั่งบัดนี้-บัดนี้ขณะที่เขาใกล้จะตายอยู่แล้ว เจษฎางค์จ้าได้อย่างติดตา คืนนั้น… เดือนกระจ่างฟ้าระลอกเล็ก ๆ ในล้าแม่น้้าเจ้าพระยาเต้นพราย คล้ายอาบด้วยเงินยวง ขณะที่เรือแจวล้าหนึ่งพุ่งหัวออกจากท่าศิริราช แม้เวลาจะเลยสามทุ่มไปนานแล้วก็ตาม แต่พวกนักเรียนแพทย์ปี 1 กรุ๊ป บี ก็เพิ่งจะออกจากแล็บกรอสส์เดี๋ยวนี้เอง ระหว่างนั้นเป็นระยะเวลาระหว่าง สงคราม การที่มหาวิทยาลัยต้องยืดก้าหนดเปิดภาคช้าไปกว่าปรกติท้าให้ต้องเพิ่มเวลาเรียนกันให้มากขึ้นไปอีก จากเดิม ดังนั้น ทั้งแล็บ physiology หรือแล็บกรอสส์ในบางวันของสัปดาห์จึงต้องใช้เวลากลางคืนเช่นนี้ด้วย และด้วยจ้านวนนักเรียนแพทย์ที่ข้ามมาล้นหลามผิดปรกติในปีนั้น จึงท้าให้นักเรียนแพทย์ปีที่ 1 เกือบทั้งหมดไม่มี
หออยู่ ในเรือแจวล้านี้จึงเต็มไปด้วยนักเรียนแพทย์ทั้งหญิงและชาย ซึ่งเพิ่งลงจากตึกกรอสส์ เมื่อครู่ แต่อย่างไรใน เรือล้านั้นไม่มีวิทยารวมอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ได้มามหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า หลายคนแปลกใจ เพราะวิทยาไม่เคย ขาดเรียนแม้แต่วันเดียว ตั้งแต่เปิดภาคเรียนที่ 1 และที่ 2 ซึ่งก้าลังด้าเนินอยู่นี้ต้อยขรึมกว่าทุกๆ วัน เธอนั่งเงียบ เชียบอยู่กับเจษฎางค์ที่หัวเรือนั้น กระทั่งเมื่อเรือเทียบท่าพระจันทร์ซึ่งที่นี้เองเขาทั้งสองต้องร้องอย่างสนเท่ห์เมื่อ เห็นวิทยายืนอยู่ที่โปฺะนั้น จากแสงไฟซึ่งพรางไว้อย่างสลัว หญิงสาวสังเกตเห็นใบหน้าอันฉายแววตระหนกของเขา ได้อย่างชัดเจน วิทยาแต่งกายลวก ๆ ชายเสื้อข้างหนึ่งยังแลบออกมาจากกางเกง ผมยุ่งเหยิงเหมือนไม่เคยได้พบ กับแปรง เธอถามเขาทันทีที่ก้าวขึ้นจากเรือ “วิทยา ท้าไม ไม่มาเรียนหนังสือ?” วิทยาไม่ตอบ แต่ถามสวนขึ้นอย่างลุกลน “แล็บกรอสส์ปิดหรือยังจ๊ะ, ต้อย?” ต้อยดูเขาอย่างไม่เข้าใจ “ก้าลังปิด ท้าไมหรือ?” วิทยาก้าวพรวดลงไปในเรือ หน้าของเขาเครียดขณะที่บอกเจษฎางค์ว่า “เจษ, อย่าเพิ่งขึ้นไปตึกกรอสส์ กับกัน เดี๋ยว” ตึกกรอสส์, ตึกแห่งเดียวในประเทศไทยซึ่งสะสมศพดองไว้เป็นจ้านวนนับสิบในโรงมหึมาราวกับฮวงซุ้ย ของจอมจักรพรรดิโบราณแห่งไอยคุปต์ ตึกซึ่งซากและอวัยวะเฉพาะส่วนของมนุษย์นับเป็นจ้านวนร้อยพันชิ้นถูก เก็บไว้ในสภาพเดิมในโลงที่เปี่ยมด้วยน้้ายา และตึกซึ่งระเกะระกะด้วยกระดูกและกะโหลกมนุษย์นั้น, ยืนทะมึน ขาวพร่าอยู่ท่ามกลางแสงอร่ามของดวงจันทร์ขณะที่เสียงครางเบา ๆ ของคนไข้และกลิ่นจาง ๆ ของอีเทอร์ที่ถูก ลมพัดหอบมาแต่ตึกศัลยกรรมท้าให้บรรยากาศตึงเครียดลงไปอีก วิทยาวิ่งขึ้นบันไดตึกอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแสงไฟในห้องช้าแหละศพวูบลง “เร็วหน่อย, เจษ” เขาตะโกน “เดี๋ยวคนงานจะปิดห้องเสีย” อย่างไรทั้งวิทยาและเจษฎางค์มาถึงห้องช้าแหละศพ พอดีขณะที่คนงานก้าลังจะใส่ กุญแจห้อง “ประเดี๋ยว” วิทยาร้อง “ขอเข้าไปสักครู่เถอะ มีธุระ” เจษฎางค์ก้าวตามวิทยาเข้าไปติด ๆ ทั้ง ๆ ที่เคยเข้าห้องนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วน เขาก็อดสะท้านใจไม่ได้ กลิ่นน้้ายาอาบศพล่องลอยอยู่อับ ๆ แสงเดือนที่ฉายลอดบานกระจกเข้ามาส่องให้เห็นเงาตะคุ่มของศพซึ่งคลุม ด้วยผ้าอาบยาไว้บนโต๊ะช้าแหละเป็นแถวยาวยืด โครงกระดูกที่ประกอบไว้ยืนจังก้าขาวโพลนอยู่ท่ามกลางความ มืดสลัว ๆ นั้นคล้ายจะหลอกหลอน แต่วิทยาไม่เอาใจใส่สิ่งเหล่านี้แต่อย่างใดเลย เขาก้าวเท้าไปที่โต๊ะช้าแหละ เบอร์ 11 ของเขาอย่างเร่งร้อน เปิดไฟเหนือศพนั้นขึ้น และด้วยอาการอันลุกลน เขาดึงผ้าคลุมศพผืนใหญ่นั้นออก อย่างแรง คลายผ้าอาบยาที่พันหน้าและศีรษะนั้นออกอย่างรวดเร็ว ยกหัวศพนั้นขึ้น พยายามพลิกกระทั่งศพนั้น คว่้าหน้าลง ด้วยอาการของคนบ้า วิทยาดึงดวงไฟลงมาจนชิดท้ายทอยของศพ และก้มลงจ้องดูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไฝสามเม็ดซึ่งเรียงอยู่เป็นแถวที่ท้ายทอยอันมีผมเกรียนของศพนั้นปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน วิทยาร้องเสียงแหลม คล้ายสัตว์ที่เจ็บปวด เขาล้มลงอย่างแรงหัวฟาดโต๊ะช้าแหละตัวซึ่งอยู่ติด ๆ กันนั้นเสียงสนั่นมันก้องไปในความ เงียบและสะท้อนกลับมา เสียงกึงกังเหมือนจะหลอน นั้นเอง คือ คืนอวสานแห่งชีวิตนักเรียนแพทย์ของวิทยาไม่มีใครพบเขาที่มหาวิทยาลัยอีกนับแต่วันนั้น เขาหายไปจากมหาวิทยาลัยและเตลิดไปจากบ้านคล้ายกับจะหลีกลี้ต่อทวารปรภพ ไม่มีใครทราบว่าท้าไมวิทยา ไปที่ตึกกรอสส์ในคืนนั้น ไม่มีใครทราบว่าท้าไมวิทยาจึงต้องหายหน้าไปจากมหาวิทยาลัยและเตลิดไปจากบ้าน ไม่ ยอมให้ใครเห็นหน้าแม้แต่คนที่เขารักอย่างสุดสวาทขาดใจเช่นต้อย ทุกอย่างยังคงเป็นเรื่องลี้ลับกระทั่งสองปี ต่อมา ขณะที่เพื่อนและคนรักของเขาเป็นนักเรียนแพทย์ปีที่ 3 ขณะที่เขาก้าลังจะตายเช่นในขณะนี้เอง เขา กลับมาศิริราชอีกครั้งหนึ่งด้วยหวังจะเห็นคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย และในวินาทีเหล่านี้เอง ความลับเหล่านั้น คลี่คลายออกด้วยเพียงกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียวที่เขาส่งให้หญิงที่เขารักด้วยสมัครใจ เสียงพูดปนเสียงหอบดังขึ้นจากเตียง “เจษ, นั่นแกหรือ?” ในห้องเล็กเชอร์ซึ่งถูกใช้เป็นห้องประชุมคราวนั้นเงียบกริบเหมือนโบสถ์ร้าง เฟรชชี่ทั้งหญิงและชายซึ่งนั่ง ติดกันและซ้อนเป็นแถวยาวยืดตัวตั้งตรงและดูเหมือนเกือบจะไม่เต็มใจ บรรยากาศเหนือสถานที่ประชุมนั้นเต็ม ไปด้วยกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นครั้งแรกในปีนั้นที่มีการประชุมเฟรชชี่ ซึ่งเพิ่งข้ามฟากมาจากจุฬาฯ
ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายได้เห็นและได้ฟังเป็นสิ่งใหม่ซึ่งให้ความตื่นเต้นมากเหลือเกิน ซีเนียร์ซึ่งสวมเสื้อกาวน์สีขาว บริสุทธิ์ และยืนเรียงรายอยู่ที่ผนังห้องประชุมด้วยอิริยาบถต่าง ๆ กันนั้น ท้าให้เขาพากันคิดถึงบาทหลวงในโบสถ์ วินเชสเตอร์ ขณะที่มีงานราชพิธีอันโอ่อ่า หลังโต๊ะเล็กเชอร์และเบื้องหน้ากระดานด้าแผ่นใหญ่นั้นหัวหน้านักเรียนแพทย์ยืนตระหง่านอยู่ เขาก้าลัง พูดด้วยเสียงที่มีจังหวะจะโคนและดื่มด่้าเข้าไปในความรู้สึกของผู้ฟังอย่างประหลาด แววตาของเขาฉายแสงกล้า ขณะที่ย้้าถึง seniority, unity, order และ spirit ซึ่งเป็น tradition ของมหาวิทยาลัย เขาพูดถึงคณบดี คณาจารย์ และนายแพทย์ทั้งหลาย ซึ่งด้ารงต้าแหน่งต่าง ๆ ในโรงพยาบาล พูดถึงงานต้อนรับน้องใหม่ ซึ่งจะมีขึ้น ต่อไปในต้นเดือนหน้า และที่สุดหัวหน้านักเรียนแพทย์แนะน้าให้เฟรชชี่รู้จักกับประธานแผนกต่าง ๆ ของ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งแต่งตั้งขึ้นจากซีเนียร์และยืนอยู่ในที่นั้น เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อมีการขานชื่อประธานแผนกแต่ละคน สายตาทุกคู่เบนจากที่นั้นมาสู่ที่นี้ แล้วแต่ว่า ประธานแผนกนั้นจะยืนอยู่ ณ ที่ใด ทุกครั้งเขาได้รับการก้มศีรษะและยิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ใจ และเสียงปรบมือที่ยืด ยาวและกึกก้องที่สุดในวันนั้นดังขึ้นเมื่อหัวหน้าขานชื่อวรนาถ เวชการพิทักษ์, หัวหน้านักเรียนแพทย์หญิง เฟรชชี่ เหล่านั้นพากันคิดว่าเขาจ้าผู้ที่กล่าวนามหลังนี้ได้ดีกว่าใคร ๆ เพราะว่าเจ้าของร่างแบบบางและมีใบหน้าหวานผุด ผ่องนั้นมีประกายตาเศร้าอยู่เป็นนิจ แม้ในขณะที่ก้มศีรษะให้อย่างแช่มช้อยและพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนหวานก็ ตาม การเลือกหัวหน้านักเรียนปี 1 ได้เริ่มขึ้นภายหลังนั้นและเมื่อมันสุดสิ้นเรียบร้อยไป การประชุมก็มีท่าทีจะ ยุติลง หัวหน้าก้าลังกล่าวปิดประชุมอย่างเพราะพริ้ง แต่ในวินาทีซึ่งนักเรียนแพทย์ทั้งหลายคาดกันว่าจะได้ฟังค้า สุดท้ายจากผู้กล่าวปิดประชุมนั้นเอง เขาพบว่าค้านั้นขาดไปจากริมฝีปากของผู้พูดเฉยๆ หัวหน้านักเรียนแพทย์ หยุดพูดโดยกะทันหัน และเปลี่ยนส้าเนียงใหม่อย่างร้อนรน “ประทานโทษ…ขอเวลาผมอีกสักครู่ ช่วยบอกผมหน่อยว่า ใครเป็นเจ้าของศพโต๊ะที่ 11 ในห้อง ช้าแหละ?” อย่างประหลาดใจ เสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องนั้นคล้ายเสียงลมครางขณะพัดไปตามกิ่งลู่ของต้นไม้ และ อย่างเงียบ ๆ นักเรียนแพทย์ปีที่ 1 สี่คนยืนขึ้นจากที่นั่ง ใครคนหนึ่งในจ้านวนนั้นแนะน้าเขาเหล่านั้นให้หัวหน้า รู้จัก ร่างตระหง่านซึ่งสวมเสื้อกาวน์ขาวโพลนอยู่หน้ากระดานด้าแผ่นนั้นนิ่งอึ้ง สายตากวาดลงต่้า มันมี ประกายหมอง บรรยากาศเคร่งเครียดไปโดยฉับพลัน เสียงหวูดเรือจากล้าแม่น้้าเจ้าพระยาดังครวญครางเสียง แหลม ขณะที่ลมฝนพัดมาปะทะแผ่นกระจกที่หน้าต่างดังอู้ไม่ขาดระยะ และท่ามกลางความเงียบงันคล้ายถูก มนต์สะกดนี้เอง วรนาถก้าวเท้าเดินออกจากห้องนั้นอย่างแช่มช้า แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหม่นหมองและ รันทด ฝีเท้าของเธอดังไกลออกไปทุกทีๆ และเงียบหายไปในที่สุด หัวหน้านักเรียนแพทย์เม้มริมฝีปาก ขณะที่จ้องดูนักเรียนแพทย์ปีที่ 1 ทั้งสี่นั้นเขม็ง เขาเริ่มพูดต่อไป แต่ ครั้งนี้เขารู้สึกแต่เพียงได้ยินเสียงของเขาล่องลอยมาจากที่ใดที่หนึ่งไกลเหลือเกินจากที่เขายืนอยู่นั้น “ผมอยากจะขอร้องให้คุณใส่ใจเป็นพิเศษส้าหรับศพนั้น โดยปรกติเราก็ถือกันอยู่แล้วว่า ศพที่ใช้ช้าแหละ ในแล็บกรอสส์นั้นมีค่าเท่ากับครูของเราเอง และดังที่คุณเคยทราบ เราย่อมไม่แสดงกิริยาใดซึ่งแสดงถึงการดูถูกดู แคลน ล้อเลียน หรือแสดงท่าทีอันน่าบัดสีต่อศพนั้น หลายศพอาจจะได้มาจากศพที่ไม่มีญาติ แต่หลายศพเรา ได้มาจากความสมัครใจของผู้ที่เป็นศพนั้นเอง” กรามของผู้พูดโปนขึ้นมาจนเห็นชัด “ด้วยความตั้งใจอย่างแรง กล้าที่จะอุทิศร่างของตนให้เป็นบริการของสาธารณะและโดยเฉพาะโต๊ะ 11” เสียงเขาสะท้านไปด้วยความทรงจ้า “ผมอยากจะบอกให้คุณทราบด้วยตัวผมเองว่า เราถือเป็นโต๊ะศักดิ์สิทธิ์ …ตั้งแต่นานมาแล้วกระทั่งปีนี้, ทราบได้ ด้วยว่าศพโต๊ะ 11 นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเรียนแพทย์เช่นเดียวกับคุณ นักเรียนแพทย์ที่รู้จักวิธีใช้ disecting needle และ forceps กระทั่งเป็นที่เลื่องลือในรุ่นผมนั้น เขาต้องออกจากการเป็นนักเรียนแพทย์ด้วย” เสียง ชะงัก “ด้วยอุปัทวเหตุ และเป็นนักเรียนแพทย์ที่ท้าพินัยกรรมมอบศพตัวของเขาเองให้แก่ตึกกรอสส์…”
เมื่อการประชุมได้สิ้นสุดลง หัวหน้านักเรียนแพทย์ก้าวเท้าลงจากตึก pathology และอย่างเงียบๆ เขา เดินก้มศีรษะอย่างจะใช้ความคิดไปตามถนนปูนเล็ก ๆ วันคืนอาจจะผ่านไป แต่เขาคิดว่าเขาไม่อาจจะลืมเสียง ของวิทยาที่ร้องอย่างเจ็บปวดในความมืดของห้องช้าแหละศพเมื่อสามปีก่อน ไม่อาจลืมร่างอันด้าเกรียมซึ่ง ปราศจากลมหายใจบนตึกอายุรกรรมและการหลั่งน้้าตาอย่างเป็นสายเลือดของต้อยเมื่อหกเดือนที่แล้วมานั้นได้ เลย เขาเหลือบมองดูตึกกรอสส์แวบหนึ่งขณะที่จะเลี้ยวผ่านหน้าหอนักเรียนแพทย์หญิง และเม้มริมฝีปาก ที่นี่เอง ซิ เป็นที่ซึ่งครั้งหนึ่งด้วยกาลและอาจจะตลอดไปด้วยความทรงจ้าเป็นที่ซึ่งบันทึกความรักของมนุษย์อันจะพึงให้ และแสดงออกต่อกันได้ด้วยรูปแตกต่างออกไปอีกแบบหนึ่งมือเขาเย็นเฉียบเมื่อคิด ขณะที่เขาก้าวขึ้นบันไดตึกอ้านวยการ วรนาถก็ก้าวเข้ามาขอบตายังแดงช้้าเห็นถนัด เธอดึงชายเสื้อของ เขาและพูดอย่างเหน็ดเหนื่อยว่า “เธอบอกเรื่องอะไรของวิทยาแก่เด็กใหม่เหล่านั้นหรือ, เจษ?” หัวหน้านักเรียนแพทย์สั่นศีรษะ “ฉันบอกเขาเพียงให้ใส่ใจในศพเท่านั้นเอง” เขาหยุดและมองวรนาถ อย่างเต็มที่ “เธอคิดว่าฉันเล่าเรื่องกระดาษสีเทาแผ่นนั้นแก่พวกเขาหรือ, ต้อย ฉันจะบอกเขาได้อย่างไรเมื่อค่าของ กระดาษแผ่นนั้นมันหมายถึงความหลังของชีวิตหนึ่ง, และบางทีสองชีวิตจะถูกกว่า, บนโต๊ะช้าแหละที่ 11” วรนาถมองเจษฎางค์อย่างเซื่องซึม “เธอยังเก็บมันไว้อยู่หรือ?” เจษฎางค์พยักหน้า วรนาถบิดมือตัวเองอย่างร้าวใจและพูดเกือบจะกระซิบ “ท้าลายมันเสีย, เจษ ไม่มี ประโยชน์อะไรที่จะเก็บมันไว้อีก มันควรจะเป็นความลับอยู่เช่นนั้นตลอดกาลมากกว่า แม้ว่าวิทยายินดีจะให้ เปิดเผยก็ตาม” เมื่อแยกทางกับวรนาถ เจษฎางค์ก็มุ่งตรงไปยังหอ เขาไขกุญแจ ผลักประตูห้องเข้าไป ดึงลิ้นชักออก หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาลูบคล้าอยู่ครู่ใหญ่ และคลี่มันออกมาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายด้วยพินิจพิเคราะห์ คล้ายจะฝัง มันไว้กับความทรงจ้า ลายมือนั้นยุ่งและเลือนไปด้วยกาลเวลา ถึงพระอรรถธรรมธาดา จดหมายฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้ายที่ฉันจะได้เขียนถึงเธอ เพราะว่าไข้ก้าเริบขึ้นทุกขณะ แต่ดีใจว่าจะ หมดเวรหมดกรรมเสียที ถ้าไม่ตายเสียก็คงจะรับทุกข์ทรมานต่อไปอีก ฉันเบื่อเต็มที แต่อย่างไรก็ดีฉันคิดถึงลูก วิทยาคงหลงว่าพ่อของเขานั้นตายมานานแล้ว แต่ดีละ เขารู้อย่างนั้นดีกว่าจะรู้ว่าพ่อของเขาเป็นนักโทษตลอด ชีวิต เพราะฆ่าคนที่ท้าลายเกียรติยศของแม่เขา ฉันตั้งใจจะอุทิศศพของฉันเองให้โรงพยาบาลศิริราชเพื่อเป็นบริการของนักเรียนแพทย์ วิทยาคงจะข้าม ฟากปีหน้าใช่ไหม? ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเลยเกือบตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ดังนั้น ฉันภาวนาว่าขอให้ได้อยู่ ใกล้ ๆ กับเขาสักหน่อยเถิด แม้ว่าจะสิ้นชีวิตไปแล้วก็ตาม อย่าลืมท้าลายเอกสารที่มีรูปและรอยต้าหนิของฉันเสีย ทั้ง ๆ ที่ฉันอยากจะอยู่ใกล้ๆ ลูกเมื่อตายไปแล้ว แต่ก็คงไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นใครอยู่ดี ไฝสามเม็ดที่ท้ายทอยของฉันไม่เหมือนใคร อย่าให้วิทยารู้จักพ่อของเขา ได้จากต้าหนินั้น หากเขาจะได้ช้าหละศพพ่อของเขาด้วยมือของเขาเอง ลาก่อน ขอให้เธอและวิทยาจงเป็นสุข จากพี่แจ้ง ชัยงาม เจษฎางค์ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมวิทยาใช้เวลาถึงสามปีและกับชีวิตของเขาอีกชีวิตหนึ่ง ซึ่งแพงมาก เหลือเกินส้าหรับเพื่อเพียงที่จะส้านึกในความภาคภูมิในความรักอันจะหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลยของบิดาที่มีต่อเขา และกว่าที่จะทราบว่ามันมีค่าเหนือสิ่งใด แม้แต่ความอับอายขายหน้าอันควรจะได้รับในการที่มีพ่อเป็นนักโทษ ตลอดชีวิตนั้น เจษฎางค์จุดไม้ขีด เปลวไฟลุกขึ้นวูบหนึ่ง กระดาษนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปสิ้น และสีของมันด้า เหมือนสีของกลางคืน (ที่มา : อ. อุดากร. ตึกกรอสส์: รวมเรื่องเอก. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2546 หน้า 3-15.)
1. สรุปใจความสําคัญ 2. องค์ประกอบของเรื่องสั้นเป็นอย่างไร 3. .การกระทําของตัวละครเอกของเรื่องเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร 4. นักเรียนคิดว่า เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่ดีหรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบาย 5. นักเรียนคิดว่า ตัวละครในเรื่องนี้ ใครแก้ปัญหาชีวิตได้ดีที่สุด นักเรียนจะนํามาใช้เป็นแบบอย่างได้อย่างไร
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข้อใดกล่าวถึงการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ได้ถูกต้อง ก. เป็นการอ่านเพื่อจับประเด็นสําคัญของเรื่องที่อ่าน ข. เป็นการอ่านเพื่อพัฒนาจิตใจและก่อให้เกิดความจรรโลงใจ ค. เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าอย่างมีเหตุผล ง. เป็นการอ่านเพื่อขยายความจากเรื่องที่อ่านให้ครอบคลุมมากขึ้น 2. สารใดควรใช้หลักการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์มากที่สุด ก. แผ่นพับหน่วยงานราชการ ข. ข่าวประชาสัมพันธ์ ค. หนังสือเรียน ง. กวีนิพนธ์ 3. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ ก. ดึงเฉพาะจุดเด่นของเรื่องเพื่อวิจารณ์ ข. อ่านเรื่องที่ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ค. มีประเด็นเพื่อตั้งคําถามกับเรื่องที่อ่าน ง. เรียงลําดับประเด็นสําคัญให้เหมาะสม 4. ทักษะการอ่านใด ไม่ใช่ทักษะสําคัญสําหรับการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ ก. การอ่านจับใจความ ข. การอ่านขยายความ ค. การอ่านถอดความ ง. การอ่านตีความ 5. การประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ไม่ควรใช้หลักการใด ก. พิจารณาองค์ประกอบของเรื่อง ข. พิจารณาแนวคิดที่ผู้เขียนนําเสนอ ค. พิจารณาเนื้อหาและวิธีการนําเสนอ ง. พิจารณาสภาพสังคมที่ปรากฏในเรื่อง 6. เพราะเหตุใดการศึกษาประวัติผู้แต่งจึงเป็นหลักในการประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ก. เพราะทําให้เรื่องสนุกสนานเพลิดเพลิน ข. เพราะช่วยให้เข้าใจเรื่องที่แต่งชัดเจนยิ่งขึ้น ค. เพราะช่วยให้เกิดความจรรโลงใจขณะอ่าน ง. เพราะจะทําให้รู้แนวการเขียนและคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ 7. ข้อใด ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ที่ดี ก. สุดาหาแก่นเรื่องที่ผู้เขียนต้องการนําเสนอจากการตั้งชื่อตัวละคร ข. ทิวาพิจารณาจุดเด่นและจุดด้อยของวรรณกรรมอย่างเป็นกลาง ค. จริยาประเมินค่างานเขียนยึดประสบการณ์ของตนเองเป็นหลัก ง. ธาราศึกษาสภาพสังคมที่ปรากฏเป็นฉากหนึ่งในวรรณกรรม 8. ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มคอยคนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน ! “ดอกไม้” ในบทร้อยกรองดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด ก. สตรี ข. ความรัก ค. ความสงบสุข ง. ความสวยงาม
9. ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้ ลิงลมไล่ลมติง ลิงโลด หนีนา แลลูกลิงลางไหล้ ลอดเลี้ยวลางลิง บทร้อยกรองดังกล่าวมีคุณค่าด้านใด ก. การให้ความรู้เรื่องธรรมชาติ ข. การใช้โวหารบรรยายเพื่อเล่าเรื่อง ค. การเล่นเสียง สัมผัสในและสัมผัสนอก ง. การใช้ภาพพจน์เพื่อทําให้เกิดจินตภาพ 10. สูบบุหรี่ มีแต่ จะคอยบั่น ทอนอายุ ให้สั้น นั้นแน่แน่ กําลังจิต ถูกตัดรอน ให้อ่อนแอ เพราะต้องแพ้ แก่ความเงี่ยน ราบเตียนไป จากวาทะของท่านพุทธทาสภิกขุนีให้ข้อคิดอย่างไร้ ก. คนเราควรตัดความอยากเพื่อเลิกบุหรี่ ข. การสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี จึงควรเลิก ค. บุหรี่ทําให้จิตใจอ่อนแอและไร้พลัง ง. การสูบบุหรี่ทําให้สุขภาพไม่แย่ลง เฉลย 1. ค 2. ง 3. ก 4. ค 5. ง 6. ข 7. ค 8. ก 9. ง 10. ข
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕/๙ เรื่อง ขั้นตอนการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1.สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์เป็นการอ่านที่ต้องใช้ทักษะหลายด้าน เพื่อวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่า เรื่องที่อ่าน ทั้งนี้ควรมีการพิจารณาเรื่องที่อ่านอย่างละเอียด มีเหตุผลในการประเมิน และนําความรู้ ความคิดไป ใช้ในการดําเนินชีวิตได้ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์ การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายขั้นตอนและหลักการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ได้ 2) วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล 3) วิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ เช่น - วรรณคดีในบทเรียน - เรื่องสั้น 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4) ทักษะการสร้างความรู้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ: กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ, กระบวนการกลุ่ม) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างงานเขียนเรื่องที่นักเรียนชื่นชอบ แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น ในประเด็นต่อไปนี้ - เพราะเหตุใด นักเรียนจึงชื่นชอบงานเขียนเรื่องดังกล่าว - งานเขียนเรื่องดังกล่าวมีจุดเด่นและจุดด้อยอย่างไรบ้าง 2. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม จากหนังสือ เรียนหรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ตามความเหมาะสม 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนํา ความรู้ที่ได้จากการศึกษามาร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ใน ประเด็นต่อไปนี้ - ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ - หลักการวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปผลการอภิปราย แล้วส่งตัวแทนออกมานําเสนอผลการอภิปรายที่หน้า ชั้นเรียน และให้นักเรียนกลุ่มอื่นได้นําเสนอเพิ่มเติมในส่วนที่แตกต่างกันออกไป 5. ครูอธิบายความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ หลักการวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่า วรรณคดีและวรรณกรรม ให้นักเรียนฟัง 6. ครูให้นักเรียนทํา ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ เมื่อทําเสร็จแล้วให้แลกเปลี่ยน ผลงานกันดูระหว่างเพื่อนในกลุ่ม จากนั้นให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันปรับปรุง แก้ไขผลงาน แล้วนําส่งครูตรวจ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินบทความวิเคราะห์วิจารณ์ วรรณคดี เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แบบประเมินบทความวิเคราะห์ วิจารณ์วรรณคดีเรื่อง มหา เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย: หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) แววมยุรา เหมือนนิล. การอ่านจับใจความ. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก, 2541. (2) ศิวกานท์ ปทุมสูติ. การอ่านเพื่อชีวิต. กรุงเทพฯ : บริษัทต้นอ้อ 1999, 2542. (3) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย 7 (วรรณคดี วิจารณ์สาหรับครู). นนทบุรี : มหาวิทยาลัย, 2538. (4) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. 3) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ 4) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง การวิเคราะห์วิจารณ์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file=showcontent&cid=665&sid=601
ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการวิเคราะห์ วิจารณ์ วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด แสดงขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ ขั้นตอนการ วิเคราะห์ วิจารณ์ ๑. ๒.๓. ๔. ๗.๖. ๕. ๘.
แนวทางค าตอบ ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการวิเคราะห์ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิด แสดงขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ หลักการวิเคราะห์ วิจารณ์ ๑. ศึกษาความรู้ ๒. หาแนวคิดหลัก/แก่นเรื่อง ๓. ทาความเข้าใจ ๔. ตั้งคําถาม ๕. เรียงลําดับความสําคัญ ๖. แยกแยะข้อดี ข้อบกพร่อง ๗. จัดลําดับประเด็นวิเคราะห์วิจารณ์ ๘. สรุปประเด็นการวิเคราะห์วิจารณ์
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖/๙ เรื่อง ฝึกอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ๑. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์เป็นการอ่านที่ต้องใช้ทักษะหลายด้าน เพื่อวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่า เรื่องที่อ่าน ทั้งนี้ควรมีการพิจารณาเรื่องที่อ่านอย่างละเอียด มีเหตุผลในการประเมิน และนําความรู้ ความคิดไป ใช้ในการดําเนินชีวิตได้ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องที่อ่าน ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายขั้นตอนและหลักการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ได้ 2) วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล 3) วิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ เช่น - วรรณคดีในบทเรียน - เรื่องสั้น 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4) ทักษะการสร้างความรู้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ
2) กระบวนการทํางานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ: กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ, กระบวนการกลุ่ม) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาตัวอย่างการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม จากหนังสือ เรียน แล้วครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามหากมีข้อสงสัย จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทําใบงานที่ 2.2 เรื่อง การวิเคราะห์วิจารณ์ เมื่อทําเสร็จแล้วให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานําเสนอผลงานในใบงานที่หน้าชั้นเรียน โดยครูและเพื่อนนักเรียนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมนั้น นอกจาก การวิเคราะห์รูปแบบการประพันธ์ แนวคิดสําคัญของเรื่อง ตัวละคร เนื้อหา คุณค่าด้านวรรณศิลป์แล้วการศึกษา ภูมิหลังของผู้แต่งก็มีส่วนสําคัญที่ช่วยให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์แนวคิดสําคัญของเรื่องได้มากยิ่งขึ้นด้วย แล้ว ครูแนะนําให้นักเรียนฝึกฝนทักษะการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์อย่างสม่ําเสมอ 4. ครูให้นักเรียนเขียนบทความวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี เสร็จ แล้วนําส่งครู เพื่อประเมินผล ๕. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินบทความวิเคราะห์วิจารณ์ วรรณคดี เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แบบประเมินบทความวิเคราะห์ วิจารณ์วรรณคดี เรื่อง มหา เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) แววมยุรา เหมือนนิล. การอ่านจับใจความ. กรุงเทพฯ : ชมรมเด็ก, 2541. (2) ศิวกานท์ ปทุมสูติ. การอ่านเพื่อชีวิต. กรุงเทพฯ : บริษัทต้นอ้อ 1999, 2542.
(3) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย 7 (วรรณคดี วิจารณ์สําหรับครู). นนทบุรี : มหาวิทยาลัย, 2538. (4) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. 3) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ 4) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง การวิเคราะห์วิจารณ์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file=showcontent&cid=665&sid=601
ใบงานที่ 2.2 เรื่อง การวิเคราะห์ วิจารณ์ วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมที่นักเรียนสนใจ 1 เรื่องตามประเด็นที่กําหนด 1. แนวคิดหลัก/แก่นเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................ ..................................... ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. องค์ประกอบของเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ................... ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ ......................................... ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 3. ข้อดี/ข้อบกพร่อง ............................................................................................................................................................................ ..... ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ...........................
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข้อใดกล่าวถึงการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ได้ถูกต้อง ก. เป็นการอ่านเพื่อจับประเด็นสําคัญของเรื่องที่อ่าน ข. เป็นการอ่านเพื่อพัฒนาจิตใจและก่อให้เกิดความจรรโลงใจ ค. เป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าอย่างมีเหตุผล ง. เป็นการอ่านเพื่อขยายความจากเรื่องที่อ่านให้ครอบคลุมมากขึ้น 2. สารใดควรใช้หลักการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์มากที่สุด ก. แผ่นพับหน่วยงานราชการ ข. ข่าวประชาสัมพันธ์ ค. หนังสือเรียน ง. กวีนิพนธ์ 3. ข้อใด ไม่ใช่ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ ก. ดึงเฉพาะจุดเด่นของเรื่องเพื่อวิจารณ์ ข. อ่านเรื่องที่ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ค. มีประเด็นเพื่อตั้งคําถามกับเรื่องที่อ่าน ง. เรียงลําดับประเด็นสําคัญให้เหมาะสม 4. ทักษะการอ่านใด ไม่ใช่ทักษะสําคัญสําหรับการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ ก. การอ่านจับใจความ ข. การอ่านขยายความ ค. การอ่านถอดความ ง. การอ่านตีความ 5. การประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ไม่ควรใช้หลักการใด ก. พิจารณาองค์ประกอบของเรื่อง ข. พิจารณาแนวคิดที่ผู้เขียนนําเสนอ ค. พิจารณาเนื้อหาและวิธีการนําเสนอ ง. พิจารณาสภาพสังคมที่ปรากฏในเรื่อง 6. เพราะเหตุใดการศึกษาประวัติผู้แต่งจึงเป็นหลักในการประเมินค่าวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ก. เพราะทําให้เรื่องสนุกสนานเพลิดเพลิน ข. เพราะช่วยให้เข้าใจเรื่องที่แต่งชัดเจนยิ่งขึ้น ค. เพราะช่วยให้เกิดความจรรโลงใจขณะอ่าน ง. เพราะจะทําให้รู้แนวการเขียนและคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ 7. ข้อใด ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ที่ดี ก. สุดาหาแก่นเรื่องที่ผู้เขียนต้องการนําเสนอจากการตั้งชื่อตัวละคร ข. ทิวาพิจารณาจุดเด่นและจุดด้อยของวรรณกรรมอย่างเป็นกลาง ค. จริยาประเมินค่างานเขียนยึดประสบการณ์ของตนเองเป็นหลัก ง. ธาราศึกษาสภาพสังคมที่ปรากฏเป็นฉากหนึ่งในวรรณกรรม 8. ดอกไม้มีหนามแหลม มิใช่แย้มคอยคนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน ! “ดอกไม้” ในบทร้อยกรองดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด ก. สตรี ข. ความรัก ค. ความสงบสุข ง. ความสวยงาม
9. ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้ ลิงลมไล่ลมติงลิงโลด หนีนา แลลูกลิงลางไหล้ ลอดเลี้ยวลางลิงฯ บทร้อยกรองดังกล่าวมีคุณค่าด้านใด ก. การให้ความรู้เรื่องธรรมชาติ ข. การใช้โวหารบรรยายเพื่อเล่าเรื่อง ค. การเล่นเสียง สัมผัสในและสัมผัสนอก ง. การใช้ภาพพจน์เพื่อทําให้เกิดจินตภาพ ๑๐. สูบบุหรี่ มีแต่ จะคอยบั่น ทอนอายุ ให้สั้น นั้นแน่แน่ กําลังจิต ถูกตัดรอน ให้อ่อนแอ เพราะต้องแพ้แก่ ความเงี่ยน ราบเตียนไป จากวาทะของท่านพุทธทาสภิกขุนี้ให้ข้อคิดอย่างไร ก. คนเราควรตัดความอยากเพื่อเลิกบุหรี่ ข. การสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี จึงควรเลิก ค. บุหรี่ทําให้จิตใจอ่อนแอและไร้พลัง ง. การสูบบุหรี่ทําให้สุขภาพไม่แย่ลง เฉลย 1. ค 6. ข 2. ง 7. ค 3. ก 8. ก 4. ค 9. ง 5. ง 10. ข
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗/๙ เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านเป็นการพัฒนาทักษะการคิดอย่างหนึ่ง ผู้อ่านจึงควรพินิจพิจารณาและไตร่ตรองเรื่องที่อ่านให้ ถี่ถ้วนและควรมีการฝึกทักษะการอ่าน และวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผล 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความหมายของคําว่า วิจารณญาณ ได้ 2) อธิบายขั้นตอนการคิดอย่างมีวิจารณญาณได้ 3) อธิบายหลักในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน
๖. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ: กระบวนการคิดวิเคราะห์) นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า วิจารณญาณกับการอ่านมีความสัมพันธ์กันอย่างไร โดย ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ครูอธิบายความหมายของคําว่า “วิจารณญาณ” ให้นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง วิจารณญาณกับการอ่าน จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมบทความ เกี่ยวกับการศึกษา จากหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารที่ครูแจกให้ มากลุ่มละ 2 เรื่อง แล้วให้นักเรียนวิเคราะห์ ประโยชน์และคุณค่าจากการอ่านบทความดังกล่าว 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอผลการวิเคราะห์ประโยชน์และคุณค่าของบทความของกลุ่มตนเอง ที่หน้าชั้นเรียน โดยครูและเพื่อนนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ 5. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่าปัจจุบันนักเรียนบริโภคข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย ผู้รับสารจึงต้องรับสารอย่างระมัดระวัง คิดวิเคราะห์ก่อนที่จะรับข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ ซึ่งนักเรียนสามารถนํา ความรู้เรื่อง ขั้นตอนการคิดอย่างมีวิจารณญาณมาปรับใช้ได้ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. (2) สมบัติ จําปาเงิน และสําเนียง มณีกาญจน์. หลักนักอ่าน. กรุงเทพฯ: บริษัท ต้นอ้อ 1999 จํากัด, 2542. 3) หนังสือพิมพ์ นิตยสาร 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&op=course_detail&sid=501
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข้อใดให้ความหมายของวิจารณญาณได้ ก. รู้จักคิดใคร่ครวญและไตร่ตรองเมื่อรับข่าวสาร ข. พิจารณาสารที่รับว่ามีความเป็นไปได้ทุกกรณี ค. แยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นของผู้เขียน ง. พยายามทําความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่อง 2. ข้อใด ไม่ใช่เหตุผลสําคัญที่ต้องอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก. เพราะเป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องที่อ่านมีความน่าเชื่อถือ ข. เพราะต้องมีการถ่ายทอดความรู้จากเรื่องที่อ่านไปยังผู้อื่นที่ถูกต้อง ค. เพราะเป็นการเชื่อมโยงความคิดไปยังเรื่องอื่น ๆ และได้มุมมองจากเรื่องที่อ่าน ง. เพราะต้องการความบันเทิงและความเพลิดเพลินทางอารมณ์จากการอ่านเป็นสําคัญ 3. ข้อใด ไม่ใช่หลักการอ่านสารให้ความรู้อย่างมีวิจารณญาณ ก. การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น รวมถึงหลักฐานอ้างอิง ข. การประเมินคุณค่าของเรื่องที่อ่าน ค. การวิเคราะห์ชื่อเสียงของผู้แต่ง ง. การอ่านอย่างตั้งใจ 4. ข้อใด ไม่เป็นลักษณะของสารโน้มน้าวใจ ก. คําขวัญ ข. โฆษณา ค. เพลง ง. นวนิยาย 5. “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทําสิ่งนั้นให้ดีที่สุด” เนื้อเพลงดังกล่าวเป็นสารประเภทใด้ ก. โน้มน้าวใจ ข. จรรโลงใจ ค. ให้ความรู้ ง. ให้ความบันเทิง 6. “รวมพลังสามัคคีเพื่อตอบแทนแผ่นดิน โดยเริ่มที่ตัวคุณ” ข้อความดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายใด ก. กระตุ้นจิตสํานึก ข. ปลุกใจให้รักแผ่นดิน ค. พลังแห่งความสามัคคี ง. คุณค่าของประเทศชาติ 7. ข้อใด ไม่ใช้วิธีการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก. กบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ํา มีผิวหนังขรุขระ ไม่มีขนและเกล็ด ข. คนญี่ปุนเวลารับประทานอาหารจะมีเสียงดัง เพื่อแสดงว่าอร่อย ค. น้ําชาไม่ควรรินลงถ้วยให้มากหรือน้อยจนเกินไปดั่งเช่นสมองมนุษย์ ง. ผิวหน้าจะกระจ่างใส ชวนมองได้ด้วยครีมสมุนไพรตราส้มจุกเท่านั้น 8. “โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่มีรูปแบบที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ครบถ้วนแต่ปัญหาก็ เกิดขึ้นเพราะวัยรุ่นไทยนิยมนําโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องประดับโดยห้อยไว้ที่คอ จึงเป็นเหตุให้เกิดการโจรกรรม” ข้อความดังกล่าว ต้องการนําเสนอประเด็นใด ก. กระแสนิยมความแปลกใหม่และความทันสมัยของวิทยาการ ข. ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่นิยมวัตถุมากกว่าจิตใจ ค. วัยรุ่นที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องประดับ ง. ทัศนคติทางลบกับการพัฒนาเทคโนโลยี
9. “เพลงไทยกล่าวได้ว่ายังมีลักษณะร้อยเนื้อทํานองเดียวอยู่” ข้อความดังกล่าวหมายความว่าอย่างไร ก. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อเพลงยังคงเหมือนเดิม แต่ทํานองเพลงมีหลายรูปแบบ ข. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อหาเพลงมีหลากหลาย แต่ยังคงทํานองเพลงแบบเดิม ค. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อหาเพลงแม้เปลี่ยนไปแต่ทํานองยังคงแบบเดิม ง. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อเพลงและทํานองเพลงยังคงเหมือนเดิม 10. ข้อใดมีวิธีการอ่านอย่างมีวิจารณญาณต่างจากข้ออื่น ก. อุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนทางภาคใต้ว่าจะมีพายุเข้าและมีฝนตกชุกหนาแน่น ข. น้ําท่วมและอากาศหนาวส่งผลให้ผักมีราคาแพงกว่าปกติ รวมถึงราคาน้ํามันด้วย ค. ระดับน้ําแม่น้ํามูลยังคงทรงตัว มวลน้ําก้อนใหญ่ยังไม่ไหลมาถึงจังหวัดอุบลราชธานี ง. พระภิกษุสามเณรในจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวลงอย่างรวดเร็ว เฉลย 1. ข 6. ก 2. ง 7. ก 3. ค 8. ค 4. ง 9. ค 5. ข 10. ข
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘/๙ เรื่อง ฝึกอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านอย่างมีวิจารณญาณมีหลักและวิธีการอ่านสารแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป ผู้อ่านควร เข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องหรือสิ่งที่ผู้ส่งสารต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบ และผู้อ่านต้องสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินค่าเรื่องที่อ่านได้ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุกๆด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) จําแนกประเภทของสารที่ได้รับด้วยการอ่านได้ 2) วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ
4. มุ่งมั่นในการทํางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ: เทคนิคการต่อเรื่องราว (Jigsaw )) 1. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาเล่าความรู้เกี่ยวกับวิจารณญาณกับการอ่านที่ได้เรียนไปให้เพื่อน ฟังที่หน้าชั้นเรียน เพื่อเป็นการประเมินความรู้เดิมของนักเรียน 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกําหนดหมายเลขประจําตัวของสมาชิกในกลุ่มเป็นหมายเลข 1-3 ตามลําดับ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มบ้าน 3. ครูให้นักเรียนที่มีหมายเลขเดียวกันมารวมกันเป็นกลุ่มใหม่ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ แล้วให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่กําหนดให้ ดังนี้ - กลุ่มหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารให้ความรู้อย่างมีวิจารณญาณ - กลุ่มหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารโน้มน้าวใจอย่างมีวิจารณญาณ - กลุ่มหมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารจรรโลงใจอย่างมีวิจารณญาณ โดยให้นักเรียนศึกษาความรู้จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ตามความเหมาะสม จากนั้นให้สมาชิก ในกลุ่มผลัดกันอธิบายความรู้จนมีความเข้าใจกระจ่างชัดเจน 4. ให้นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับเข้าสู่กลุ่มบ้าน แล้วนําความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเล่าให้เพื่อนใน กลุ่มบ้านฟังเรียงตามลําดับหมายเลข จากนั้นให้สมาชิกในกลุ่มผลัดกันซักถาม ข้อสงสัย จนมีความเข้าใจที่ชัดเจน 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอผลการศึกษาที่หน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนกลุ่มอื่น ที่มีความ คิดเห็นแตกต่างกันได้นําเสนอเพิ่มเติม จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียน มีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 6. ครูยกตัวอย่างข่าว หรือบทความ (หาตัวอย่างบทความที่ให้ความรู้ โน้มน้าวใจ จรรโลงใจ) ให้นักเรียน ดูจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าตามหลักที่ได้เรียนมา แล้วครูอธิบายเพิ่มเติม 7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทํา ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เมื่อทําใบงาน เสร็จแล้ว ให้ตรวจความถูกต้องก่อนนําส่งครูตรวจ 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 9. ครูให้นักเรียนเลือกบทความที่ตนเองสนใจ ประเภทละ 1 บทความ แล้วนํามาวิเคราะห์และวิจารณ์ ให้ถูกต้องตามหลักการ จากนั้นนําผลจากการวิเคราะห์วิจารณ์มาจัดทําเป็นหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์ และวิจารณ์บทความที่อ่าน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนในชั้นเรียน 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ ๓.1 ใบงานที่ ๓.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์และวิจารณ์ บทความที่อ่าน แบบประเมินหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความที่ อ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. (2) สมบัติ จําปาเงิน และสําเนียง มณีกาญจน์. หลักนักอ่าน. กรุงเทพฯ: บริษัท ต้นอ้อ 1999 จํากัด, 2542. 3) ตัวอย่างบทความ 4) ใบงานที่ ๓.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&op=course_detail&sid=501 .
ใบงานที่ ๓.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกบทความที่ให้ความรู้ บทความโน้มน้าว หรือบทความจรรโลงใจ มา 1 บทความ แล้ววิเคราะห์และวิจารณ์บทความอย่างมีวิจารณญาณ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................