ถึงแม้ “เกาหลีจะไม่ได้มีแต่กิมจิ” แต่การสัญจรสู่เกาหลีเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ทําให้ผมยอมรับโดย ดุษณีว่า เกาหลี คือ สุดยอดจอมยุทธ์แห่งกิมจิบนผืนพิภพนี้ เพราะอาหารเกาหลีทุกมื้อ ไม่เพียงต้องมีกิมจิเป็น เครื่องเคียง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีกิมจิได้สารพัดรส สารพัดแบบมากมายขนาดนี้คือไม่ได้มีแต่กิมจิผักกาดขาวกับ พริกแดง ๆ ที่คุ้นเคย แต่ยังมีกิมจิถั่วงอก กิมจิสาหร่าย กิมจิปลาหมึก กิมจิ... ฯลฯ เป็นร้อยแบบ ซึ่งหากเข้าใจ ภูมิศาสตร์เกาหลีที่มีอากาศหนาวเสียค่อนปี ก็จะรู้ซึ้งว่ากิมจิคือสุดยอดภูมิปัญญาการถนอมรักษาอาหาร และยัง ทรงคุณค่าล้ําเลิศทางโภชนาการ ชาวเกาหลีจึงภูมิใจในความชาญฉลาดของบรรพชนของเขายิ่งนัก ถึงขนาดมี “พิพิธภัณฑ์กิมจิ” ให้ศึกษาเรียนรู้เป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว แล้วผมก็ยังจั่วหัวไว้อีกว่าเกาหลีไม่ได้มีแต่นายเรน ทว่าโรงแรมที่ผมพักอยูใกล้ห้างสรรพสินค้า “ล็อตเต้” ที่มีนายเรนเป็นพรีเซนเตอร์ ผมก็เลยเจอหน้านายเรนทุกเย็นและเช้าที่เข้า-ออกโรงแรม เลยทําให้คนเชย ๆ อย่าง ผมเพิ่งรู้แจ้งว่า พระเอกหน้านิ่งในหนัง “ฟูล เฮ้าส์” ที่ผมกดรีโมทไปเจอแล้วติดใจดูโดยบังเอิญทางช่องเจ็ดสีเป็น คนเดียวกับนักร้องจอมฉีกเสื้อที่ชื่อ “เรน” ซึ่งไม่เพียงแต่ทําให้มีคนยอมจ่ายเงินเป็นแสน เพื่อได้นอนบนเตียงที่ เรนเคยนอน แต่ยังทําให้นักท่องเที่ยวยอมนั่งเรือเป็นชัวโมง ๆ แห่ไปดูหองพักในรีสอร์ตที่เป็นฉากตอนพระเอก กับนางเอก “ฟูล เฮ้าส์” ไปสวีทกัน ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “ฮัลลิว” หรือกระแสความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีจาก หนังและละคร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดประกายขึ้นโดย “แดจังกึม” จอมนางในวังหลวงผู้ยิ่งใหญ่ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ความสําเร็จของการ “ส่งออก” วัฒนธรรมเกาหลีนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลเกาหลีเอาจริงเอาจังโดยรวม กระทรวงท่องเที่ยวกับกระทรวงวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน “ฮัลลิว” จึงไม่เพียงทําเงินมหาศาลให้เกาหลี แต่ยังทําให้ ชาวเกาหลีภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองด้วย เรื่องแบบนี้เลียนแบบกันไม่ได้ แต่กระทรวงที่ เกี่ยวข้องของไทยน่าศึกษาเรียนรู้นะครับ เรื่องนี้โชเฟอร์รถทัวร์ของผมแสดงตัวอย่างด้วยการจอดรถลงไปผลักอก คนขับเบนซ์ที่ขับปาดหน้าตะแกให้คณะของผมเห็นกันจะ ๆ คุณพี่ลงไปดัน ๆ กันสักห้านาที พอมีตํารวจมา ไกล่เกลี่ยก็เลิกรากัน เพราะถ้าถึงขั้นลงมือลงไม้ เรื่องจะยาวเป็นหนังชีวิตทีเดียวเชียว สรุปแล้วเกาหลีไม่ได้มีแต่กิมจิ แดจังกึม และนายเรน แล้วเกาหลีมีอะไรอีก เรื่องแรกที่อยากเล่าคือใน กรุงโซลมีรถติดเหมือนกรุงเทพ แต่ไม่ว่าจะติดหนึบแค่ไหน ถนนสายสําคัญในเกาหลีจะมีเลนพิเศษซ้ายสุ ด ว่างไว้ สําหรับรถที่มีผู้โดยสารเกินหกคนขึ้นไป (Car Pool) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถเมล์ รถนักท่องเที่ยว รวมถึงรถฉุกเฉิน ที่มีผู้ป่วยหรือคนจะคลอด ฯลฯ ผมได้เห็นความวิเศษของเลนนี้ ในวันที่กลับจากชานเมืองจะเข้าสู่กรุงโซล เย็นวัน นั้นรถติดหนึบ แต่รถทัวร์ ที่ผมนั่งวิ่งฉลุยในเลนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่แค่ 2-3-4 หรือ 5 กิโลเมตร แต่ยาวเป็นสิบ ๆ ก.ม. ประหยัดเวลาได้เป็นชั่วโมงโดยไม่ตองมีตํารวจจราจรคอยยืนซุ่มจับผู้ฝ่าฝื น เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดทุกหัว ถนนพร้อมใบสั่งปรับ จะส่งถึงบ้านคุณภายในวันรุ่งขึ้นจากการทําผิดกฎจราจร อีกอย่างหนึ่งคือคนขับรถในเกาหลีจะไม่บีบแตรพร่ําเพรื่อ และจะหยุดรถให้คนข้ามถนนอย่างเคร่งครัด แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องไม่มีราวกันเสียทีเดียว เพราะเกาหลีก็มีคนใจร้อน มีขับรถปาดหน้ากันเหมือนที่ ไหน ๆ แต่เวลามีเรื่องกันหรือทะเลาะกันรุนแรงเพียงใด ส่วนใหญ่จะไม่ชกต่อย อย่างมากก็แค่ผลักอกหรือเอาไหล่ กระแทกกัน เพราะกฎหมายเกาหลีลงโทษรุนแรงสําหรับฝ่ายที่เริ่มชกก่อนจนคู่กรณีมีเลือดออก แม้ว่าคนที่เริ่มชก จะเป็นฝ่ายถูกในความขัดแย้งก็ตาม เพราะเขาถือว่าการตัดสินถูกผิดเป็นหน้าที่ของศาล ผมว่ามาตรการนี้ น่าสนใจมาก เพราะช่วยลดความรุนแรงถึงเลือดตกยางออกได้ เรื่องนี้โชเฟอร์รถทัวร์ของผมแสดงตัวอย่าง ด้วยการจอดรถลงไปผลักอกคนขับเบนซ์ที่ขับปาดหน้าตะแก ให้คณะของผมเห็นกันจะ ๆ คุณพี่ลงไปดัน ๆ กันสักห้านาที พอมีตารวจมาไกล่เกลี่ยก็เลิกรากัน เพราะถ้าถึงขั้น ลงมือลงไม้ เรื่องจะยาวเป็นหนังชีวิตทีเดียวเชียว ที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง คือวันที่ไปชมคอนเสิร์ตดนตรี พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นคนหนุ่มสาวเป็น อาสาสมัครพาผู้พิการทางสายตามาฟังคอนเสิร์ตด้วย ทราบว่ายังมีอาสาสมัครคนอื่น ๆ พาผู้พิการแขนขาไปชม พิพิธภัณฑ์ แล้ววันที่ผมไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นมีแม่บ้านใช้เวลาว่างตอนกลางวันที่สามีทํางาน
ลูก ๆ ไปเรียนหนังสือ แทนที่จะไปสุมหัวจั่วไพ่นกกระจอก ก็่กลายเป็ น “เทรนด์” ใหม่ของแม่บ้าน คือมุ่งหน้าหา ความรู้ความเพลิดเพลินจากพิพิธภัณฑ์แทน เกาหลีวันนี้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพียงใด เราได้คุ้นเคยจาก “ซัมซุง” “ฮุนได” ฯลฯ อยู่แล้ว แต่กระนั้น เกาหลีก็ยังให้ความสําคัญกับสถาบันครอบครัวอย่างเหนียวแน่นเช่นในอดีต การโทรศัพท์คุยธุรกิจการงานในวัน อาทิตย์ ซึ่งถือเป็นวันครอบครัว ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง และการรวมชาติเกาหลีเหนือกับใต้เป็นหนึ่ง เดียว เพื่อญาติพี่น้องที่พลัดพรากกันเพราะสงครามในอดีตได้มาพบกัน จึงถือเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของชาว เกาหลี แต่กระนั้นคติความเชื่อเก่า ๆ บางอย่างก็ยังดํารงอยู่อย่างเหนียวแน่นเช่นกัน โดยเฉพาะการยกผู้ชาย เป็นใหญ่ ทําให้สังคมเกาหลียังยึดถือว่า หากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น ถือเป็นความผิดของผู้หญิงฝ่ายเดียวล้วน ๆ เล่า ขานกันว่าเมื่อไม่นานมานี้ สาวไฮโซเกาหลีที่ทั้งรวย สวยและการศึกษาสูงคนหนึ่ง แต่งงานแล้วพบความจริง ภายหลังว่าสามีมีหนี้สินพะรุงพะรัง แม่ของสาวไฮโซไม่อยากให้ลูกสาวเสียหน้า ถึงขั้นลงทุนส่งลูกเขยไปเมืองนอก แล้วป่าวประกาศว่าลูกเขยไปมีหญิงอื่น จึงต้องหย่าร้าง แต่...จะมีผู้หญิงเกาหลีกี่คนทําเช่นนี้ได้ ? และอาจเป็น ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางสรีระของชาวเกาหลี ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานอย่างที่พวกตะวันตกชี้นํา กระแสที่มาแรง มากในวันนี้ คือ การทําศัลยกรรมความงาม เริ่มจากดาราซึ่งว่ากันว่าร้อยทั้งร้อย สวยและหล่อเพราะมีดหมอ หลัก ๆ คือเหลากราม ทําตาสองชั้น ทําจมูกและหน้าอก แต่ที่น่าตกใจคือสถิติที่ว่า 90% ของผู้หญิงเกาหลีจะ ทําศัลยกรรมทันทีที่จบมหาวิทยาลัย นัยว่าเพื่องานและคนรัก ดังนั้นใครไปแดนกิมจิวันนี้แล้วเห็นสาวเกาหลีสวย อย่าลืมกลับมาเปิดเพลง “ดอกไม้พลาสติก” ของพี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันท์ ฟังหลาย ๆ รอบหน่อยก็แล้วกันครับ (จาก http://www.goodfoodgoodlife.in.th/time-for-myself-detail.aspx?tid=47)
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์ กลวิธีการเขียนสารคดี วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนอ่านสารคดีเชิงท่องเที่ยวที่กําหนด แล้ววิเคราะห์กลวิธีในการเขียนให้ถูกต้อง ปราสาทหินพนมรุ้ง วิสานสีชมพูแห่งองค์ศิวะเทพ ธีรภาพ โลหิตกลุ หากจะจัดอันดับปราสาทหินในเขตแดนไทยที่สวยที่สุด และ ตั้งอยู่ ณ ปราสาทใดไปไม่ได้ นอกเสียจากปราสาทพนมรุ้ง อําเภอเฉลิม พระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์สร้างบนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วเมื่อ หลายพันปีจึงห่างไกลจากชุมชนเมือง อีกทั้งยังจงใจคัดสรรหินทรายสี ชมพูมาสร้าง และยังมีหลักฐานว่าสลักเสลาลวดลายวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือ ช่างหลวงจากราชสํานัก ทั้งนี้เพราะผูสร้างเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ขอมยุค รุ่งเรืองเมื่อราว 900 กว่าปีก่อน พลันที่ก้าวพ้นลานจอดรถของอุทยานประวัติศาสตร์ แทบไม่มีใครที่ไม่ตื่นตะลึง กับภาพทางเดินปูด้วยก้อน ศิลา นําสายตาเราพุ่งตรงไปยังองค์ปราสาทบนภูเขาสูง ซึ่งก่อร่างสร้างด้วยหินทรายสีชมพูล้วน ยิ่งเข้าไปเพ่งพิศใกล้ ๆ ก็ยิ่งเห็นลายละเอียดของลวดลายพรรณพฤกษา และภาพเทพปกรณัม (เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้า) อลังการตระการ ตาไม่แพ้ฝีมือช่างแห่งนครวัด ผู้แกะเกลาหินทรายอันแข็งแกร่งราวกับแกะไม้หรือแกะเปลือกแตงโม และแกะ ละเอียดแทบทุกตารางนิ้ว จนนักประวัติศาสตร์ – ศิลป์บางคนประชดประเทียดว่า เป็นพวกลัทธิ “รังเกียจที่วาง” ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวการทวงคืน “ทับหลัง” หรือแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทับอยูบนหลังประตูทางเข้า ปราสาท ซึ่งแกะสลักภาพ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่ถูกขโมยไป จนได้คืนมาจากพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา ก็ยังทํา ให้ผู้คนหลั่งไหลมาพิสูจน์ความงามของปราสาทพนมรุ้งในฐานะ “วิมานสีชมพู” แห่งมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ การค้นพบศิลาจารึกของนักโบราณคดี ทําให้เรารู้ว่าชื่อพนมรุ้งในภาษาขอมโบราณ คือ “วฺนํมรุง” (วะ-นํารุง) แปลว่าภูเขาใหญ่ เทวาลัยแห่งนี้สร้างโดย “นเรนทราทิตย์” ราชนิ กุลขอมผู้ปกครองดินแดนอดีตภูเขาไฟ ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์สาย “มหิธรปุระ” วงศ์เดียวกับพระเจ้าสุริยรวรมันที่สอง กษัตริย์ผู้สร้าง ปราสาทนครวัดในพุทธศตวรรษที่ 17 นครวัดกับพนมรุ้งจึงมีอายุ ไล่เลี่ยกันคือราว 900 ปีเศษ ต่างกันตรงที่นครวัดสร้างถวายพระ นารายณ์หรือพระวิษณุ แต่พนมรุ้งสร้างถวายพระศิวะ เนื่องด้วย “นเรนทราทิตย์” นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุดที่ใจกลางปรางค์ ประธานปราสาทพนมรุ้งจึงประดิษฐาน “ศิวลึงค์บนฐานโยนี” รูปเคารพพระศิวะและพระชายา-ศรีอุมาเทวี และยังมี ภาพ “ศิวะนาฏราช” หรือพระศิวะทรงร่ายรํา เพื่อรักษาสมดุลโลก หมายความว่าหากทรงร่ายรําในจังหวะรุนแรง โลกจะสะเทือน ปรากฏอยู่ที่หน้าบันเหนือกรอบประตูทางเข้าปรางค์ประธาน แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่า “นเรนทรา ทิตย์” จะไม่นับถือเทพฮินดูองค์อื่น หากแต่นับถือรองลงมา ดังนั้นภาพ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” (เล่าเรื่องการนอน ของพระนารายณ์ทําให้เกิดพระพรหมขึ้นมาทําหน้าที่สร้าง่โลก) จึงอยู่ในตําแหน่งต่ํากว่า “ศิวะนาฏราช” ความเปล่งปลั่งอลังการของเทวาลัยสีชมพูบนปากปล่องภูเขาไฟ ทําให้เกิดคํากล่าวว่า หากใคร่ได้ไปสัมผัส ความยิ่งใหญ่อย่างโอฬารของมหาปราสาทนครวัด แล้วมิได้มาชมความงามอันละเอียดอ่อนของปราสาทพนมรุ้ง ก็ นับเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นยิ่งนัก
การเลือกเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. การเขียนบทน าเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ ................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. การเขียนเนื้อเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................ การเขียนสรุป ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. (พิจารณาตามคําตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙/๑๑ เรื่อง ประเมินค่าสารคดี เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนสารคดี เป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ โดยนําข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้ามา เรียบเรียงและถ่ายทอดโดยใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่างๆ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความแตกต่างของสารคดีแต่ละประเภทได้ 2) บอกลักษณะของการเขียนสารคดีที่ดีได้ 3) บอกแนวทางการประเมินคุณค่าสารคดีได้ 4) ประเมินคุณค่างานเขียนสารคดีได้ 5) เขียนสารคดีได้อย่างสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การเขียนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สารคดี 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดเชื่อมโยง 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีจิตสาธารณะ
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการคิดวิเคราะห์ , กระบวนการปฏิบัติ ) 1. ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า งานเขียนสารคดีที่มีคุณค่า มีลักษณะอย่างไรแล้วอธิบายเหตุผล ประกอบ 2. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง สารคดีที่ดีและแนวทางการประเมินคุณค่า จากหนังสือเรียน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของสารคดีที่ดี และสรุปประเด็นที่สําคัญ ดังนี้ 1) มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน 2) ชื่อเรื่องมีความสอดคล้องกับเนื้อหา 3) ระดับภาษาที่ใช้ถูกต้องเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง 4) สาระความรู้ที่นําเสนอถูกต้อง 5) ใช้ถ้อยคํา สํานวน โวหาร คําคม คติพจน์ประกอบการเขียน 6) มีสัดส่วนที่พอเหมาะ 7) หากเป็นสารคดีเชิงบทความวิพากษ์วิจารณ์ จะต้องเขียนหรือนําเสนอเนื้อหา หรือเรื่องราว ด้วยความเป็นกลาง 4. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนอ่านบทความ 1 บทความจบแล้ว นักเรียนสามารถที่จะประเมิน คุณค่างานเขียนนั้น ๆ ได้เลยหรือไม่ เพราะเหตุใด 5. ครูชี้แจงให้นักเรียนทราบว่า การประเมินคุณค่างานเขียนนั้น จะต้องทําใจให้เป็นกลาง ไม่มีอคติและ ประเมินคุณค่าอย่างมีหลักการ และพึงระลึกอยู่เสมอว่า การติเพื่อก่อจะทําให้เกิดการพัฒนางานเขียนที่มี คุณภาพและสร้างสรรค์ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนเขียนสารคดีเรื่องที่นักเรียนสนใจ 1 เรื่อง โดยให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลใน เรื่องที่สนใจ เพื่อนํามาใช้เป็นข้อมูลในการเขียนสารคดี แล้วครูนัดหมายการส่งผลงาน ๗. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนสารคดี แบบประเมินการเขียนสารคดี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความเรื่องเกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” ๓) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์กลวิธีการเขียนสารคดี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.goodfoodgoodlife.in.th/time-for-myself-detail.aspx?tid=30
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การเขียนสารคดี ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. การเขียนรายงานการวิจัย จัดเป็นการเขียนสารคดีประเภทใด ก. สารคดีเชิงวิชาการ ข. สารคดีเชิงบทความ ค. สารคดีเชิงท่องเที่ยว ง. สารคดีอัตชีวประวัติ 2. การเขียนสารคดีประเภทใด ที่มักใช้โวหารเชิงพรรณนาในเขียนมากที่สุด ก. สารคดีเชิงวิชาการ ข. สารคดีเชิงบทความ ค. สารคดีเชิงท่องเที่ยว ง. สารคดีอัตชีวประวัติ 3. “จงจรเที่ยว” ผลงานพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจัดเป็นหนังสือ ประเภทใด ก. สารคดีเชิงวิชาการ ข. สารคดีเชิงบทความ ค. สารคดีเชิงท่องเที่ยว ง. สารคดีอัตชีวประวัติ 4. การเขียนสารคดีเชิงบทความ มีลักษณะอย่างไร ก. ใช้โวหารแบบบรรยายให้เห็นภาพและเกิดจินตนาการ ข. อธิบายและเสนอแนะความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ค. อธิบายขั้นตอน หรือบรรยายรายละเอียดอย่างชัดเจน ง. บรรยายตามลําดับเวลา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง 5. ส่วนประกอบที่สําคัญที่สุดของการเขียนสารคดี คืออะไร ก. บทนํา ข. เนื้อเรื่อง ค. บทสรุป ง. บทนํา และบทสรุป 6. หากมีความจําเป็นจะต้องใช้ภาษาถิ่นในการเขียนสารคดี จะต้องทําอย่างไร ก. เขียนแบบห้วนสั้น ข. เขียนบรรยายลักษณะสิ่งที่กล่าวถึงกํากับด้วย ค. ใช้ศัพท์ที่เป็นภาษาถิ่นทั้งหมด เพื่อความเป็นเอกภาพ ง. ไม่ใช้ศัพท์ยากเกินไป หรือวงเล็บความหมายกํากับด้วย 7. การตั้งชื่อเรื่องของสารคดี ควรมีลักษณะอย่างไร ก. ชื่อเรื่องควรสอดคล้องกับเนื้อหา ข. ชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจได้ดี ค. ชื่อเรื่องควรเป็นปริศนา ง. ชื่อเรื่องควรจําง่าย 8. การอ่านหนังสืออย่างหลากหลาย มีประโยชน์ต่อการเขียนอย่างไร ก. สามารถเลียนแบบงานเขียนได้ดี ข. สามารถเขียนวิพากษ์วิจารณ์ได้ดี ค. สามารถนํามาดัดแปลงงานเขียนของตนเอง ง. สามารถนํามาพัฒนางานเขียนของตนให้ดีขึ้น 9. การวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนที่ดี ควรมีลักษณะอย่างไร ก. การติ หรือเสนอแนะเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนางานเขียนที่ดี ข. การเสนอแนะให้ปรับปรุงงานเขียนให้สอดคล้องกับเหตุการณ์นั้นๆ ค. การตีความงานเขียนตามความเข้าใจของผู้อ่าน และเสนอแนะให้แก้ไข ง. การตําหนิ หรือเสนอแนะเพื่อให้แก้ไขตามแนวความคิดเห็นของแต่ละบุคคล 10. ข้อใดจัดเป็นหนังสือประเภทสารคดี ก. ทัวร์อินเดียออกเนปาล ข. ความสุขของกะทิ ค. ในรอยทราย ง. ธาราหิมาลัย
เฉลย1. ก 6. ง2. ค 7. ก3. ค 8. ง4. ข 9. ก5. ข 10. ก
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐/๑๑ เรื่อง ประเมินค่าร้อยแก้ว เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การประเมินคุณค่างานเขียน จะต้องพิจารณาการใช้ถ้อยคํา การเรียบเรียง สํานวนโวหาร กลวิธีในการ เขียน การมีทักษะในการประเมินคุณค่างานเขียนจะช่วยให้สามารถนําความรู้มาพัฒนางานเขียนของตนเองได้ เป็นอย่างดี 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกแนวทางการประเมินคุณค่างานเขียนร้อยแก้วและร้อยกรองได้ 2) ประเมินคุณค่างานเขียนร้อยแก้วและร้อยกรองได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การประเมินคุณค่างานเขียนในด้านต่าง ๆ เช่น แนวคิดของผู้เขียน การใช้ถ้อยคํา การเรียบเรียง สํานวนโวหาร กลวิธีในการเขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการนําความรู้ไปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีจิตสาธารณะ
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน) 1. ครูเล่าความประทับใจเกี่ยวกับการอ่านนวนิยาย โดยการเล่าเรื่องย่อและข้อคิดหรือคุณค่าที่ได้รับ จกนวนิยายเรื่องนั้น ๆ เช่น - นวนิยายเรื่อง ข้ามสีทันดร เป็นเรื่องราวของความผิดพลาดของผู้ตกเป็นทาสยาเสพติด ซึ่ง ส่งผลกระทบทั้งแก่ตนเอง บุคคลรอบข้าง และสังคม สะท้อนภาพของครอบครัวที่ไม่มีความเอื้ออาทร ขาดการ เอาใจใส่ดูแลกันและกัน ความแตกร้าวก็ย่อมเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นพิษภัยสารเสพติด และชีวิตคนติดสาร เสพติดที่เข้ารับการรักษา แล้วต้องฟื้นฟูด้านร่างกายและจิตใจ พอรักษาตัวหายแล้วเวลาออกมาเผชิญโลก ภายนอกต้องปรับตัวหลายอย่าง รวมถึงคนรอบข้างต้องคอยให้กําลังใจพวกเขาให้ผ่านวิกฤต ทั้งนี้ชื่อเรื่องข้าม สีทันดร มีความหมายที่แฝงแนวปรัชญา สีทันดร หมายถึง มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ยากนักที่ใครจะข้ามได้พ้น หากจะข้ามให้ผ่านพ้นไป บุคคลนั้นก็ต้องใช้ความพยายามและอุตสาหะอย่างหนัก โดยเฉพาะต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่น อย่างแท้จริงถึงจะข้ามสําเร็จ เปรียบเช่นตัวละครอย่างเที่ยงวันที่จะต้องหลีกหนีให้ตัวเองพ้นจากการเป็นทาส ยาเสพติด ทั้งเจ็บปวดและทรมานแสนสาหัส จึงเป็นที่มาของชื่อเรื่องข้ามสีทันดร 2. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนชอบหรือมีความประทับใจเรื่องสั้น หรือนวนิยายเรื่องใด เพราะเหตุใด แล้วให้อาสาสมัครนักเรียนออกมาเล่าให้เพื่อนฟัง 2-3 คน แล้วครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า การอ่านงานเขียน ประเภทต่าง ๆ เป็นการเปิดโลกทัศน์ของผู้อ่าน และทําให้ได้รับอรรถรสจากการอ่าน 3. ครูถามนักเรียนว่า เรื่องสั้นหรือนวนิยายที่นักเรียนอ่านนั้นให้คุณค่าแก่นักเรียนอย่างไร และมีเกณฑ์ ในการประเมินว่า เรื่องสั้นหรือนวนิยายเรื่องนั้น ๆ ดีหรือมีคุณค่ามากกว่าหรือน้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ อย่างไร 4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง แนวทางการประเมินคุณค่างานเขียน จากหนังสือเรียน 5. ให้นักเรียนสรุปขั้นตอนในการอ่านประเมินค่า จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนทราบว่าการ ประเมินคุณค่างานเขียนจะต้องคํานึงถึงรูปแบบการนําเสนอว่า เป็นงานเขียนวรรณกรรมร้อยแก้ว หรือ วรรณกรรมร้อยกรอง เพราะงานเขียนแต่ละประเภทมีหลักในการประเมินคุณค่าแตกต่างกันไปตามรายละเอียด ของงานเขียนนั้น ๆ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเรื่องสั้นมาล่วงหน้า โดยครูกําหนดเรื่องสั้นตามความสนใจของนักเรียน ส่วนใหญ่ เพราะจะทําให้นักเรียนมีความสุขกับการอ่านและเกิดความกระตือรือร้น 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินสมุดยอดนักอ่าน แบบประเมินสมุดยอดนักอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) ตัวอย่างบทร้อยกรอง ๓) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ประเมินคุณค่านวนิยาย ๔) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่างานเขียนร้อยกรอง
8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?p=26211 kc.hri.tu.ac.th/index.php?title=จิระนันท์_พิตรปรีชา
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การประเมินคุณค่านวนิยาย วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกอ่านนวนิยายเรื่องที่สนใจ 1 เรื่อง แล้วประเมินคุณค่าโดยพิจารณาจากองค์ประกอบ ของนวนิยาย นวนิยายเรื่อง.......................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑/๑๑ เรื่อง ประเมินค่าร้อยกรอง เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การประเมินคุณค่างานเขียน จะต้องพิจารณาการใช้ถ้อยคํา การเรียบเรียง สํานวนโวหาร กลวิธีในการ เขียน การมีทักษะในการประเมินคุณค่างานเขียนจะช่วยให้สามารถนําความรู้มาพัฒนางานเขียนของตนเองได้ เป็นอย่างดี 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผู้อื่น แล้วนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกแนวทางการประเมินคุณค่างานเขียนร้อยแก้วและร้อยกรองได้ 2) ประเมินคุณค่างานเขียนร้อยแก้วและร้อยกรองได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การประเมินคุณค่างานเขียนในด้านต่าง ๆ เช่น แนวคิดของผู้เขียน การใช้ถ้อยคํา การเรียบเรียง สํานวนโวหาร กลวิธีในการเขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการนําความรู้ไปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีจิตสาธารณะ
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน) 1. ครูนําตัวอย่างบทร้อยกรองมาให้นักเรียนอ่าน แล้วถามนักเรียนว่า บทร้อยกรองนี้มีคุณค่าอย่างไร ตามความเข้าใจของนักเรียน ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่ ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้ําลําคลอง (บนพรมใบไผ่ : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) 2. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การประเมินคุณค่างานเขียนร้อยกรอง จากหนังสือเรียน 3. ครูอธิบายแนวทางการประเมินคุณค่างานเขียนร้อยกรอง ดังนี้ 1) การพิจารณารสคํา เป็นการพิจารณาความไพเราะของบทประพันธ์ที่เกิดจากคําที่อ่าน เช่น การสรรคํา รสเสียง (การเลียนเสียงธรรมชาติ การซ้ําคํา การเล่นคํา การหลากคํา การสัมผัส เสียงสระ และสัมผัส พยัญชนะ) 2) การพิจารณารสความ เป็นการพิจารณาความไพเราะของการใช้สํานวนโวหารต่าง ๆ 4. เมื่อศึกษาจบแล้วให้นักเรียนนําความรู้และแนวทางการประเมินคุณค่ามาพิจารณาตัวอย่างบท ร้อยกรองข้างต้น 5. ให้นักเรียนสรุปผลการประเมินคุณค่าบทร้อยกรองตัวอย่าง จากนั้นทําใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมิน คุณค่างานเขียนร้อยกรองเมื่อทําใบงานเสร็จแล้วให้นักเรียนนําส่งครูตรวจ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือประเภทร้อยแก้ว และร้อยกรองที่สนใจ คนละ 1 เรื่องแล้ว ประเมินคุณค่างานเขียน จัดทําเป็นสมุดยอดนักอ่าน เสร็จแล้วนํามาส่งครูตามระยะเวลาที่กําหนด ๗. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินสมุดยอดนักอ่าน แบบประเมินสมุดยอดนักอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) ตัวอย่างบทร้อยกรอง ๓) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่างานเขียนร้อยกรอง 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?p=26211 kc.hri.tu.ac.th/index.php?title=จิระนันท์_พิตรปรีชา
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่างานเขียนร้อยกรอง วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทร้อยกรองที่กําหนด แล้วประเมินคุณค่างานเขียนบทร้อยกรอง ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่ แน่วแน่แก้ไขจุดไฟศรัทธา เรียนรู้ ต่อสู้มายา ก้าวไปข้างหน้าเข้าหามวลชน ชีวิตอุทิศยอมตน ฝ่าความสับสนเพื่อผลประชา ดอกไม้ บานให้คุณค่า ่ ่ จงบานช้า ๆ แต่ว่ายั่งยืน ที่นี่ และที่อื่น ๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน... ่ (จีระนันท์ พิตรปรีชา) การประเมินคุณค่างานเขียน ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................
แนวทางค าตอบ ใบงานที่ 1.2 เรื่อง ประเมินคุณค่างานเขียนบทร้ อยกรอง วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทร้อยกรองที่กําหนด แล้วประเมินคุณค่างานเขียนบทร้อยกรอง ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่ แน่วแน่แก้ไขจุดไฟศรัทธา เรียนรู้ ต่อสู้มายา ก้าวไปข้างหน้าเข้าหามวลชน ชีวิตอุทิศยอมตน ฝ่าความสับสนเพื่อผลประชา ดอกไม้ บานให้คุณค่า ่ ่ จงบานช้า ๆ แต่ว่ายั่งยืน ที่นี่ และที่อื่น ๆ ดอกไม้สดชื่น ยื่นให้มวลชน... ่ (จีระนันท์ พิตรปรีชา) การประเมินคุณค่างานเขียน เลือกใช้คําว่า “ดอกไม้” เป็นการซ้ําความ เพื่อสื่อความหมายให้มีความชัดเจน และใช้คําว่า “ดอกไม้” เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงวัยหนุ่มสาว บทร้อยกรองสะท้อนความคิด ความหวัง และปลุกจิตสํานึกของหนุ่มสาวใน ยุค 14 ตุลา ให้เชื่อมั่นในศรัทธาอันบริสุทธิ์ของตนเองว่า สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมที่มืดมนให้สว่างไสวด้วย พลังของหนุ่มสาว (พิจารณาตามคําตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การประเมินค่างานเขียน ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. การพิจารณาคุณค่าของนวนิยาย ตามแนวคิดแบบคลาสสิก มีลักษณะอย่างไร ก. สร้างสรรค์สังคมในแนวทางที่ประณีต งดงาม สุภาพ ข. นําเสนอแนวคิดในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของสังคม ค. ส่งเสริมความเสมอภาคในสังคม และไม่ยอมรับข้อบกพร่องของสังคม ง. สร้างอารยธรรมให้เกิดขึ้นใหม่ในสังคมโดยมีความแปลกใหม่ ส่งเสริมจินตนาการ 2. เรื่องสั้นที่เน้นการแสดงความคิดเห็น จะต้องพิจารณาในเรื่องใดเป็นหลัก ก. พิจารณาลักษณะแง่มุม ชั้นเชิงในการแสดงความคิดเห็น ข. พิจารณาว่า การแสดงความคิดเห็นมีความเอนเอียงอย่างไร ค. พิจารณาความสอดคล้องของเหตุและผลในการแสดงความคิดเห็น ง. พิจารณาความชัดเจนประเด็นในการแสดงความคิดเห็นว่า เสนอแนวคิดใดเป็นหลัก 3. ความเป็นเอกภาพของบทความ มีลักษณะอย่างไร ก. มีการจัดลําดับเรื่อง และความสําคัญก่อน-หลัง ข. ใช้ภาษาในการนําเสนอบทความได้เข้าใจง่าย มีความสละสลวย ค. บทความในแต่ละย่อหน้ามีสัมพันธภาพ และเรียงลําดับก่อน-หลัง ง. ส่วนนําเรื่อง เนื้อเรื่อง และการลงท้ายของบทความมีความสอดคล้องกัน 4. รสคํา หมายถึงอะไร ก. ความสม่ําเสมอในการใช้คําซ้ําในบทประพันธ์ ข. ความไพเราะของบทประพันธ์ที่เกิดจากคําที่อ่าน ค. การเลือกใช้ถ้อยคําที่ไพเราะมากกว่าการใช้ในงานเขียนทั่วไป ง. ความซาบซึ้งที่ได้รับจากการอ่านบทประพันธ์จนเกิดจินตภาพ 5. คําที่มีลักษณะพิเศษของภาษากวี มีลักษณะอย่างไร ก. คํา หรือศัพท์เฉพาะที่ใช้กันในแต่ละกลุ่ม ข. ภาษาสแลงที่ปรากฏ และใช้ในแต่ละท้องถิ่น ค. ภาษาที่ไม่ได้ใช้เป็นปกติทั่วไปในชีวิตประจําวัน ง. ภาษาที่คิดขึ้นมาใหม่ และนํามาใช้ในชีวิตประจําวัน อ่านบทประพันธ์ที่ก าหนด แล้วตอบคาถามข้อ 6 - 7 สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า กี่คืนกี่วนวาย วางเทวษ ราแม่ ถวิลทุกขวบค่ําเช้า หยุดได้ฉันใด 6. บทประพันธ์ที่กําหนด มีการเล่นคําใด ก. เล่นคําว่า สาย ข. เล่นคําว่า หยุด ค. เล่นคําว่า ฉันใด ง. เล่นคําว่า กี่คืนกี่วัน 7. จากคําตอบในข้อ 6 คําที่นํามาเล่นมีความหมายอย่างไร ก. มีความหมายว่า สายหยุด (ชื่อดอกไม้) สาย (เวลาสาย) สาย (สายใย) ข. มีความหมายว่า การรอคอยที่ทรมาน ค. มีความหมายที่เป็นลักษณะคําถาม ง. มีความหมายว่า หยุดรัก หยุดไว้
8. การประเมินค่าสารคดี มีแนวทางในการพิจารณาเนื้อหาอย่างไร ก. เทคนิคที่ใช้ในการเปิดเรื่อง ข. รายละเอียดส่วนต่าง ๆ ของเรื่อง ค. ความรู้ทางวิชาการที่มีเนื้อหาครบถ้วน ง. สาระความรู้ แง่คิด และประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ 9. แก่นของเรื่อง พิจารณาได้จากส่วนใด ก. ฉาก ข. แนวคิด ค. ตัวละคร ง. กลวิธีการดําเนินเรื่อง 10. การประเมินค่าบทสนทนาของนวนิยาย มีหลักในการพิจารณาอย่างไร ก. พิจารณาจากการเลือกใช้คํา สํานวนโวหาร ข. พิจารณาจากการบรรยายที่ชัดเจน และเกิดจินตภาพ ค. พิจารณาจากการเปิด การปิดเรื่อง และการลําดับเรื่องราว ง. พิจารณาภาษาที่ตัวละครใช้ว่า มีความสมจริง ความสอดคล้องกับลักษณะนิสัยหรือไม่ เฉลย 1. ก 6. ก 2. ง 7. ก 3. ง 8. ง 4. ข 9. ข 5. ค 10. ง