แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง เวลา ๙ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙/๙ เรื่อง การอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านอย่างมีวิจารณญาณมีหลักและวิธีการอ่านสารแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป ผู้อ่านควร เข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องหรือสิ่งที่ผู้ส่งสารต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบ และผู้อ่านต้องสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินค่าเรื่องที่อ่านได้ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.4-6/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) จําแนกประเภทของสารที่ได้รับด้วยการอ่านได้ 2) วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่านได้อย่างมีเหตุผล 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3) ทักษะการตีความ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทํางานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ
4. มุ่งมั่นในการทํางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ: เทคนิคการต่อเรื่องราว (Jigsaw )) ๑. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาเล่าความรู้เกี่ยวกับวิจารณญาณกับการอ่านที่ได้เรียนไปให้เพื่อน ฟังที่หน้าชั้นเรียน เพื่อเป็นการประเมินความรู้เดิมของนักเรียน ๒. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกําหนดหมายเลขประจําตัวของสมาชิกในกลุ่มเป็นหมายเลข 1-3 ตามลําดับ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มบ้าน ๓. ครูให้นักเรียนที่มีหมายเลขเดียวกันมารวมกันเป็นกลุ่มใหม่ เรียกกลุ่มนี้ว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ แล้วให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่กําหนดให้ ดังนี้ - กลุ่มหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารให้ความรู้อย่างมีวิจารณญาณ - กลุ่มหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารโน้มน้าวใจอย่างมีวิจารณญาณ - กลุ่มหมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการอ่านสารจรรโลงใจอย่างมีวิจารณญาณ โดยให้นักเรียนศึกษาความรู้จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม ตามความเหมาะสม จากนั้นให้สมาชิก ในกลุ่มผลัดกันอธิบายความรู้จนมีความเข้าใจกระจ่างชัดเจน ๔. ให้นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับเข้าสู่กลุ่มบ้าน แล้วนําความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเล่าให้เพื่อนใน กลุ่มบ้านฟังเรียงตามลําดับหมายเลข จากนั้นให้สมาชิกในกลุ่มผลัดกันซักถาม ข้อสงสัย จนมีความเข้าใจที่ชัดเจน ๕.. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานําเสนอผลการศึกษาที่หน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนกลุ่มอื่น ที่มีความ คิดเห็นแตกต่างกันได้นําเสนอเพิ่มเติม จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียน มีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ๖. ครูยกตัวอย่างข่าว หรือบทความ (หาตัวอย่างบทความที่ให้ความรู้ โน้มน้าวใจ จรรโลงใจ) ให้นักเรียน ดูจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าตามหลักที่ได้เรียนมา แล้วครูอธิบายเพิ่มเติม ๗. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทําใบงานที่ ๓.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เมื่อทําใบงาน เสร็จแล้ว ให้ตรวจความถูกต้องก่อนนําส่งครูตรวจ ๘. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ๙. ครูให้นักเรียนเลือกบทความที่ตนเองสนใจ ประเภทละ 1 บทความ แล้วนํามาวิเคราะห์และวิจารณ์ ให้ถูกต้องตามหลักการ จากนั้นนําผลจากการวิเคราะห์วิจารณ์มาจัดทําเป็นหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์ และวิจารณ์บทความที่อ่าน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนในชั้นเรียน ๑๐. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ ๓.1 ใบงานที่ ๓.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์และวิจารณ์ บทความที่อ่าน แบบประเมินหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความที่ อ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม (1) สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. เอกสารการสอนชุดวิชาการอ่านภาษาไทย หน่วยที่ 1-15. นนทบุรี : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545. (2) สมบัติ จําปาเงิน และสําเนียง มณีกาญจน์. หลักนักอ่าน. กรุงเทพฯ: บริษัท ต้นอ้อ 1999 จํากัด, 2542. 3) ตัวอย่างบทความ 4) ใบงานที่ ๓.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&op=course_detail&sid=501
ใบงานที่ ๓.1 เรื่อง การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกบทความที่ให้ความรู้ บทความโน้มน้าว หรือบทความจรรโลงใจ มา 1 บทความ แล้ววิเคราะห์และวิจารณ์บทความอย่างมีวิจารณญาณ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. ข้อใดให้ความหมายของวิจารณญาณได้ ก. รู้จักคิดใคร่ครวญและไตร่ตรองเมื่อรับข่าวสาร ข. พิจารณาสารที่รับว่ามีความเป็นไปได้ทุกกรณี ค. แยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นของผู้เขียน ง. พยายามทําความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่อง 2. ข้อใด ไม่ใช่เหตุผลสําคัญที่ต้องอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก. เพราะเป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องที่อ่านมีความน่าเชื่อถือ ข. เพราะต้องมีการถ่ายทอดความรู้จากเรื่องที่อ่านไปยังผู้อื่นที่ถูกต้อง ค. เพราะเป็นการเชื่อมโยงความคิดไปยังเรื่องอื่น ๆ และได้มุมมองจากเรื่องที่อ่าน ง. เพราะต้องการความบันเทิงและความเพลิดเพลินทางอารมณ์จากการอ่านเป็นสําคัญ 3. ข้อใด ไม่ใช่หลักการอ่านสารให้ความรู้อย่างมีวิจารณญาณ ก. การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น รวมถึงหลักฐานอ้างอิง ข. การประเมินคุณค่าของเรื่องที่อ่าน ค. การวิเคราะห์ชื่อเสียงของผู้แต่ง ง. การอ่านอย่างตั้งใจ 4. ข้อใด ไม่เป็นลักษณะของสารโน้มน้าวใจ ก. คําขวัญ ข. โฆษณา ค. เพลง ง. นวนิยาย 5. “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทําสิ่งนั้นให้ดีที่สุด” เนื้อเพลงดังกล่าวเป็นสารประเภทใด้ ก. โน้มน้าวใจ ข. จรรโลงใจ ค. ให้ความรู้ ง. ให้ความบันเทิง 6. “รวมพลังสามัคคีเพื่อตอบแทนแผ่นดิน โดยเริ่มที่ตัวคุณ” ข้อความดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายใด ก. กระตุ้นจิตสํานึก ข. ปลุกใจให้รักแผ่นดิน ค. พลังแห่งความสามัคคี ง. คุณค่าของประเทศชาติ 7. ข้อใด ไม่ใช้วิธีการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก. กบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ํา มีผิวหนังขรุขระ ไม่มีขนและเกล็ด ข. คนญี่ปุนเวลารับประทานอาหารจะมีเสียงดัง เพื่อแสดงว่าอร่อย ค. น้ําชาไม่ควรรินลงถ้วยให้มากหรือน้อยจนเกินไปดั่งเช่นสมองมนุษย์ ง. ผิวหน้าจะกระจ่างใส ชวนมองได้ด้วยครีมสมุนไพรตราส้มจุกเท่านั้น 8. “โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่มีรูปแบบที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ครบถ้วนแต่ปัญหาก็ เกิดขึ้นเพราะวัยรุ่นไทยนิยมนําโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องประดับโดยห้อยไว้ที่คอ จึงเป็นเหตุให้เกิดการโจรกรรม” ข้อความดังกล่าว ต้องการนําเสนอประเด็นใด ก. กระแสนิยมความแปลกใหม่และความทันสมัยของวิทยาการ ข. ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่นิยมวัตถุมากกว่าจิตใจ ค. วัยรุ่นที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องประดับ ง. ทัศนคติทางลบกับการพัฒนาเทคโนโลยี
9. “เพลงไทยกล่าวได้ว่ายังมีลักษณะร้อยเนื้อทํานองเดียวอยู่” ข้อความดังกล่าวหมายความว่าอย่างไร ก. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อเพลงยังคงเหมือนเดิม แต่ทํานองเพลงมีหลายรูปแบบ ข. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อหาเพลงมีหลากหลาย แต่ยังคงทํานองเพลงแบบเดิม ค. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อหาเพลงแม้เปลี่ยนไปแต่ทํานองยังคงแบบเดิม ง. ลักษณะเพลงไทยนั้นเนื้อเพลงและทํานองเพลงยังคงเหมือนเดิม 10. ข้อใดมีวิธีการอ่านอย่างมีวิจารณญาณต่างจากข้ออื่น ก. อุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนทางภาคใต้ว่าจะมีพายุเข้าและมีฝนตกชุกหนาแน่น ข. น้ําท่วมและอากาศหนาวส่งผลให้ผักมีราคาแพงกว่าปกติ รวมถึงราคาน้ํามันด้วย ค. ระดับน้ําแม่น้ํามูลยังคงทรงตัว มวลน้ําก้อนใหญ่ยังไม่ไหลมาถึงจังหวัดอุบลราชธานี ง. พระภิกษุสามเณรในจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวลงอย่างรวดเร็ว เฉลย 1. ข 6. ก 2. ง 7. ก 3. ค 8. ค 4. ง 9. ค 5. ข 10. ข
นายว ี รว ั ฒน ์ ยกด ี กล ่ ุ มสาระการเร ี ยนร ู ้ ภาษาไทย โรงเร ี ยนสวายว ิ ทยาคาร สํ าน ั กงานเขตพ ื นท ี การศึ กษาม ั ธยมศึ กษาส ุ ร ิ นทร ์ ต ํ าแหน ่ ง คร ู จ ั ดทา ํ โดย แผนการจด ั การเรย ี นร ู ้ ว ิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ช ั นม ั ธยมศึ กษาปท ี๕ หน ่ วยท ี๒ ลข ิ ต ิ ความตามทา ํ นอง จา ํ นวน ๑๑ แผน เวลาเรย ี น ๑๑ ช ั วโมง
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนสวายวิทยาคาร ต าบลสวาย อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ที่.............../............... วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ขออนุญาตใช้แผนการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เรียน ผู้อ านวยการโรงเรียนสวายวิทยาคาร ข้าพเจ้า นายวีรวัฒน์ ยกดี ต าแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ได้จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จ านวน ๒ หน่วยการเรียนรู้โดยในเล่มนี้คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตาม ท านอง ซึ่งประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้จ านวน ๑๑ แผน เวลา ๑๑ ชั่วโมง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดัง เอกสารแนบมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาอนุญาตให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ลงชื่อ..................................................... (นายวีรวัฒน์ ยกดี) ต าแหน่ง ครู ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางรัศมี มีพร้อม) ................../................/.................... ความคิดเห็นหัวหน้างานพัฒนากระบวนการเรียนรู้ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ................................................................. (นางนารีรัตน์ สุบินดี) ................../................/.................... ความคิดเห็นกรรมการนิเทศแผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (..........................................................) ................../................/.................... ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มบริหารวิชาการ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางสิริกานต์ วายโศรก) ................../................/.................... ความคิดเห็นรองผู้อ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นายประหยัด เขียวหวาน) ................../................/.................... ความคิดเห็นผู้อ านวยการโรงเรียนสวายวิทยาคาร .............................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางสาวทองใบ ตลับทอง) ................../................/....................
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑/๑๑ เรื่อง การเขียนเรียงความ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด เรียงความ เป็นงานเขียนร้อยแก้วที่นําเสนอเรื่องราวต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการคิด กลวิธีในการเขียนที่ เป็นระบบสู่ผู้อ่าน 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/2 เขียนเรียงความ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายกระบวนการคิดในการเขียนเรียงความได้ 2) บอกขั้นตอนและกลวิธีการเขียนเรียงความได้ 3) บอกหลักในการพิจารณาและการใช้ภาษาเรียงความได้ 4) เขียนเรียงความได้ถูกต้องและสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การเขียนเรียงความ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 1. ครูนําแจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู มาวางไว้หน้าห้องเรียน แล้วถามนักเรียนว่า เมื่อนักเรียนเห็นแจกัน กุหลาบ นักเรียนมีความรู้สึกหรือนึกถึงอะไร แล้วให้นักเรียนตอบอย่างอิสระเพื่อไม่ให้เป็นการปิดกั้นความรู้สึก และจินตนาการของนักเรียน 2. ครูสรุปผลการตอบคําถามของนักเรียนในประเด็นที่แตกต่างกัน เช่น - แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู ให้ความรู้สึกถึงความรักของหนุ่มสาว - แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพูให้ความรู้สึกสดชื่น มีความสุข 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สิ่งที่นักเรียนได้ตอบไปนั้นถือว่าเป็นกระบวนการคิด และสามารถ นํามาจัดระบบ เรียบเรียง แล้วสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความรู้สึกของตนเองสู่ผู้อื่นได้โดยเฉพาะการใช้ กระบวนการคิดในการเขียนเรียงความ 4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง กระบวนการคิดในการเขียนเรียงความ จากหนังสือเรียน 5. ให้นักเรียนเปรียบเทียบความแตกต่างของกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการคิดสังเคราะห์และ กระบวนการคิดสร้างสรรค์ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรแล้วให้นักเรียนช่วยกันสรุปผลการเปรียบเทียบ กระบวนการคิด 6. ครูกําหนดหัวข้อในการเขียนเรียงความเพื่อให้นักเรียนฝึกวางโครงเรื่องร่วมกันได้อย่างถูกต้อง โดยใช้ กลวิธีการเขียนเป็นผังมโนทัศน์ แล้วให้ตัวแทนออกมาเขียนบนกระดาน 7. นักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง หรือแก้ไขผังมโนทัศน์ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น 8. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง กระบวนการคิดในการเขียนเรียงความ แล้วครูช่วยเสนอแนะ เพิ่มเติมหากนักเรียนสรุปความรู้บกพร่อง 9. ให้นักเรียนทําใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว เมื่อนักเรียนทําใบงานเสร็จแล้วให้ ตรวจสอบความถูกต้อง ความสะอาดเรียบร้อย ก่อนนําส่งครูตรวจ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนเรียงความ แบบประเมินการเขียนเรียงความ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย: หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู 3) ตัวอย่างการเขียนเรียงความ 4) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว 5) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เรียงความอย่างมีกลวิธี
8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.dtl-law.com/index.php?lay=show&ac=article www.eppo.go.th/encon/contest/index.html
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว เพื่อแสดงกระบวนการคิดในการเขียนเรียงความ
แนวค าตอบ ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว เพื่อแสดงกระบวนการคิดในการเขียนเรียงความ
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การเขียนเรียงความ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. กระบวนการคิดที่ดีมีลักษณะอย่างไร ก. คิดต่อยอด ข. คิดนอกกรอบ ค. คิดอย่างเป็นระบบ ง. คิดแบบย้ําคิดย้ําทํา 2. การเขียนเรียงความที่เกิดจากกระบวนการคิดที่ดี จะมีลักษณะอย่างไร ก. เขียนเรียงความได้อย่างเป็นระบบ ข. เขียนเรียงความให้เกิดจินตนาการได้ง่าย ค. เขียนเรียงความให้เรื่องมีความสลับซับซ้อน น่าติดตาม ง. เขียนเรียงความได้อย่างเป็นระบบและร้อยเรียงความคิดได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน 3. การกําหนดหัวข้อในการเขียนเรียงความ จะต้องคํานึงถึงสิ่งใดเป็นอันดับแรก ก. จะเขียนเรื่องอะไร ข. จะหาข้อมูลการเขียนที่ใด ค. จะใช้เวลาในการเขียนเท่าใด ง. จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจหรือไม่ 4. การเขียนเรียงความ ควรเลือกเรื่องที่จะเขียนอย่างไร ก. เลือกเรื่องที่คนในสังคมกําลังสนใจ ข. เลือกเรื่องที่สนใจ และหาข้อมูลได้ง่าย ค. เลือกเรื่องที่ลี้ลับและไม่มีใครพิสูจน์ได้ ง. เลือกเรื่องไกลตัว และมีความแปลกใหม่ 5. การทําเกษตรแบบพอเพียง เป็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร ก. เรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ข. เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ค. เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ง. เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. ปัญหาหมอกควันในการเผาป่า เป็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร ก. เรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ข. เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ค. เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ง. เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7. “กุหลาบ เป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว” ข้อความข้างต้นเป็นการเขียนคํานําเรียงความโดยใช้กลวิธีใด ก. เริ่มต้นด้วยคําถาม ข. เริ่มต้นด้วยการอธิบาย ค. เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่อง ง. เริ่มต้นด้วยการให้ความหมาย 8. การเขียนเรียงความที่ดี จะต้องมีลักษณะอย่างไร ก. เขียนด้วยภาษาระดับทางการ ข. เขียนให้เกิดเอกภาพและจินตนาการ ค. เขียนเนื้อเรื่องที่แบ่งได้เป็นสัดส่วนชัดเจน ง. เขียนอย่างมีเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ 9. การเขียนเรียงความเรื่องภัยจากโรคเอดส์ ควรเขียนสรุปจบด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสม และเกิดประโยชน์ ต่อผู้อ่าน ก. สรุปด้วยการอธิบายให้เข้าใจภัยจากโรคเอดส์ ข. สรุปด้วยการชี้ให้เห็นภัยที่เกิดจากโรคเอดส์ ค. สรุปด้วยการสั่งสอน และฝากให้คิด ง. สรุปด้วยการฝากคําถามให้คิด
10. การพิจารณาเนื้อหาสาระในการเขียนเรียงความ มีหลักในการพิจารณาอย่างไร ก. พิจารณาจากการสะกดคํา การใช้คํา ข. พิจารณาจากการใช้ประโยคที่กระชับ เข้าใจง่าย ค. พิจารณาจากจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และความสอดคล้องของเนื้อเรื่อง ง. พิจารณาจากการใช้สํานวนโวหารที่สอดคล้อง ละสื่อความหมายได้ดี เฉลย 1. ค 6. ง 2. ง 7. ข 3. ก 8. ง 4. ข 9. ข 5. ก 10. ค
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒/๑๑ เรื่อง เรียงร้อยถ้อยความ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด เรียงความ เป็นงานเขียนร้อยแก้วที่นําเสนอเรื่องราวต่างๆ โดยใช้กระบวนการคิด กลวิธีในการเขียนที่ เป็นระบบสู่ผู้อ่าน 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/2 เขียนเรียงความ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายกระบวนการคิดในการเขียนเรียงความได้ 2) บอกขั้นตอนและกลวิธีการเขียนเรียงความได้ 3) บอกหลักในการพิจารณาและการใช้ภาษาเรียงความได้ 4) เขียนเรียงความได้ถูกต้องและสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การเขียนเรียงความ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) 1. ครูให้นักเรียนอธิบายขั้นตอนการเขียนเรียงความ แล้วร่วมกันบอกความหมายตามประเด็นที่ครู กําหนด - การกําหนดหัวเรื่อง และการกําหนดจุดประสงค์ มีประโยชน์ต่อการเขียนเรียงความอย่างไร - การจัดลําดับความคิดจะทําให้เรียงความมีลักษณะอย่างไร - การเขียนเรียงความจําเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลความรู้ก่อนลงมือเขียนหรือไม่ อย่างไร 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนทราบว่า การเขียนเรียงความที่ดีนั้นจะต้องมีขั้นตอนในการเขียน เพื่อ ช่วยในการจัดลําดับ เรียบเรียงเนื้อหาและสามารถปรับปรุงแก้ไขเรียงความได้ง่ายขึ้น 3. ครูนําตัวอย่างการเขียนเรียงความ 2 แบบ มาอ่านให้นักเรียนฟัง แล้วอ่านความนําให้นักเรียนฟังใหม่ อีกครั้ง เช่น - ความนําหมายเลข 1 คุณรู้จักคนไทยดีแค่ไหน - ความนําหมายเลข 2 ใครหลายคนคงได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง 4. ครูถามนักเรียนว่า การเขียนเรียงความแต่ละหมายเลขนั้นมีความแตกต่างกัน นักเรียนคิดว่า การ เขียนเรียงความแต่ละหมายเลขใช้กลวิธีการเขียนแตกต่างกันอย่างไร 5. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า กลวิธีที่ใช้ในการเขียนเรียงความ หมายเลข 1 ใช้การเริ่มต้นด้วย คําถาม ชวนให้ผู้อ่านติดตามเรื่องราวของเรียงความ ส่วนหมายเลข 2 ใช้กลวิธีการเขียนเรียงความด้วยการยก คําพังเพยขึ้นมากล่าวอ้าง เพื่อให้ผู้อ่านมีความคล้อยตามหรือเห็นด้วย 6. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง กลวิธีการเขียนเรียงความ จากหนังสือเรียน เมื่อศึกษาจบแล้วให้ ร่วมกันสรุปความรู้ 7. ให้นักเรียนทําใบงานที่ 1.2 เรื่อง เรียงความอย่างมีกลวิธี เมื่อทําเสร็จแล้วให้อ่านทบทวนก่อนนําส่ง ครูตรวจ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนเรียงความ แบบประเมินการเขียนเรียงความ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู ๓) ตัวอย่างการเขียนเรียงความ ๔) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว
๕) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เรียงความอย่างมีกลวิธี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.dtl-law.com/index.php?lay=show&ac=article www.eppo.go.th/encon/contest/index.html
ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เรียงความอย่างมีกลวิธี วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกเขียนเรียงความในหัวเรื่องที่กําหนดโดยใช้กลวิธีการเขียนเรียงความที่เหมาะสม และสอดคล้องกับเรื่อง
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓/๑๑ เรื่อง เรียงความตามกระบวน เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด เรียงความ เป็นงานเขียนร้อยแก้วที่นําเสนอเรื่องราวต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการคิด กลวิธีในการเขียนที่ เป็นระบบสู่ผู้อ่าน 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/2 เขียนเรียงความ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายกระบวนการคิดในการเขียนเรียงความได้ 2) บอกขั้นตอนและกลวิธีการเขียนเรียงความได้ 3) บอกหลักในการพิจารณาและการใช้ภาษาเรียงความได้ 4) เขียนเรียงความได้ถูกต้องและสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง การเขียนเรียงความ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) 1. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนอ่านเรียงความนักเรียนจะตัดสินใจว่า เรียงความดี หรือไม่ดี จะมี หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกหลักเกณฑ์ในการพิจารณา 2. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่า การอ่านเรียงความนั้นจะต้องมีหลักในการพิจารณาและการใช้ภาษาใน เรียงความนั้น ๆ ด้วย 3. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง หลักในการพิจารณาและการใช้ภาษาเรียงความ จากหนังสือเรียน 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนวางโครงเรื่องเรียงความในเรื่องที่สนใจ 1 เรื่อง แล้วตรวจสอบว่าครอบคลุม เนื้อหาหรือไม่ แล้วนํามาเขียนเรียงความอย่างสร้างสรรค์ เสร็จแล้วนําส่งครูตรวจเพื่อประเมินผล ๕. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนเรียงความ แบบประเมินการเขียนเรียงความ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย: หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) แจกันใส่ดอกกุหลาบสีชมพู ๓) ตัวอย่างการเขียนเรียงความ ๔) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ผังมโนทัศน์เกี่ยวกับข้าว ๕) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เรียงความอย่างมีกลวิธี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.dtl-law.com/index.php?lay=show&ac=article www.eppo.go.th/encon/contest/index.html
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง การเขียนเรียงความ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. กระบวนการคิดที่ดีมีลักษณะอย่างไร ก. คิดต่อยอด ข. คิดนอกกรอบ ค. คิดอย่างเป็นระบบ ง. คิดแบบย้ําคิดย้ําทํา 2. การเขียนเรียงความที่เกิดจากกระบวนการคิดที่ดี จะมีลักษณะอย่างไร ก. เขียนเรียงความได้อย่างเป็นระบบ ข. เขียนเรียงความให้เกิดจินตนาการได้ง่าย ค. เขียนเรียงความให้เรื่องมีความสลับซับซ้อน น่าติดตาม ง. เขียนเรียงความได้อย่างเป็นระบบและร้อยเรียงความคิดได้อย่างเหมาะสมกลมกลืน 3. การกําหนดหัวข้อในการเขียนเรียงความ จะต้องคํานึงถึงสิ่งใดเป็นอันดับแรก ก. จะเขียนเรื่องอะไร ข. จะหาข้อมูลการเขียนที่ใด ค. จะใช้เวลาในการเขียนเท่าใด ง. จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจหรือไม่ 4. การเขียนเรียงความ ควรเลือกเรื่องที่จะเขียนอย่างไร ก. เลือกเรื่องที่คนในสังคมกําลังสนใจ ข. เลือกเรื่องที่สนใจ และหาข้อมูลได้ง่าย ค. เลือกเรื่องที่ลี้ลับและไม่มีใครพิสูจน์ได้ ง. เลือกเรื่องไกลตัว และมีความแปลกใหม่ 5. การทําเกษตรแบบพอเพียง เป็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร ก. เรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ข. เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ค. เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ง. เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. ปัญหาหมอกควันในการเผาป่า เป็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร ก. เรื่องเกี่ยวกับอาชีพ ข. เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ค. เรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ง. เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7. “กุหลาบ เป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว” ข้อความข้างต้นเป็นการเขียนคํานําเรียงความโดยใช้กลวิธีใด ก. เริ่มต้นด้วยคําถาม ข. เริ่มต้นด้วยการอธิบาย ค. เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่อง ง. เริ่มต้นด้วยการให้ความหมาย 8. การเขียนเรียงความที่ดี จะต้องมีลักษณะอย่างไร ก. เขียนด้วยภาษาระดับทางการ ข. เขียนให้เกิดเอกภาพและจินตนาการ ค. เขียนเนื้อเรื่องที่แบ่งได้เป็นสัดส่วนชัดเจน ง. เขียนอย่างมีเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ 9. การเขียนเรียงความเรื่องภัยจากโรคเอดส์ ควรเขียนสรุปจบด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสม และเกิดประโยชน์ ต่อผู้อ่าน ก. สรุปด้วยการอธิบายให้เข้าใจภัยจากโรคเอดส์ ข. สรุปด้วยการชี้ให้เห็นภัยที่เกิดจากโรคเอดส์ ค. สรุปด้วยการสั่งสอน และฝากให้คิด ง. สรุปด้วยการฝากคําถามให้คิด
10. การพิจารณาเนื้อหาสาระในการเขียนเรียงความ มีหลักในการพิจารณาอย่างไร ก. พิจารณาจากการสะกดคํา การใช้คํา ข. พิจารณาจากการใช้ประโยคที่กระชับ เข้าใจง่าย ค. พิจารณาจากจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และความสอดคล้องของเนื้อเรื่อง ง. พิจารณาจากการใช้สํานวนโวหารที่สอดคล้อง ละสื่อความหมายได้ดี เฉลย 1. ค 6. ง 2. ง 7. ข 3. ก 8. ง 4. ข 9. ข 5. ก 10. ค
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑/๑๑ เรื่อง รายงานเชิงวิชาการ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เป็นการนําเสนอผลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดและมีแบบ แผน แล้วนํามาเรียบเรียงตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/6 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจตามหลักการเขียนเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง ม.4-6/7 บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อนําไปพัฒนาตนเองอย่างสม่ําเสมอ ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขียน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายขั้นตอนการเขียนรายงานเชิงวิชาการได้ 2) บอกวิธีจดบันทึกความรู้จากการศึกษาค้นคว้าได้ 3) บอกวิธีการเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศได้ 4) เขียนรายงานเชิงวิชาการเรื่องที่สนใจได้อย่างมีมารยาท 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) การเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2) การเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศ 3) การเขียนบันทึกความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย 4) มารยาทในการเขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดสังเคราะห์ 3) ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 1. ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับการทําโครงงานว่า นักเรียนมีวิธีการในการดําเนินการอย่างไร แล้วให้ นักเรียนออกมาเล่าถึงวิธีการในการดําเนินการทําโครงงานให้เพื่อนฟัง 2. ครูอธิบายว่า การทําโครงงานจะต้องมีการเขียนรายงานโครงงาน ซึ่งจัดเป็นการเขียนเชิงวิชาการ ประเภทหนึ่ง ที่จัดทําอย่างมีระเบียบแบบแผน ใช้ภาษาที่เป็นทางการ 3. ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างงานเขียนเชิงวิชาการ แล้วครูอธิบายความหมายของการเขียนเชิง วิชาการให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง 4. ให้นักเรียนศึกษาความรู้ เรื่อง การเขียนรายงานเชิงวิชาการ จากหนังสือเรียน เมื่อศึกษาจบแล้วให้ นักเรียนสรุปขั้นตอนในการเขียนรายงานเชิงวิชาการโดยมีแนวทางในการสรุป ดังนี้ 1) การเลือกหัวข้อรายงาน 2) กําหนดจุดมุ่งหมายและขอบเขตของเรื่อง 3) การค้นคว้าและรวบรวมความรู้ 4) การวางโครงเรื่อง 5) การรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุป และเรียบเรียงข้อมูล 6) การเขียนรายงานเป็นรูปเล่ม 5. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเขียนบรรณานุกรม หรือการเขียนอ้างอิงที่ถูกต้อง เพื่อให้นักเรียนสามารถ นําไปเขียนบรรณานุกรม หรือเขียนอ้างอิงได้อย่างถูกต้อง 6. ให้นักเรียนทํา ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง เมื่อนักเรียนทําเสร็จแล้วให้แลกเปลี่ยนกัน ตรวจใบงาน และร่วมกันเฉลยคําตอบที่ถูกต้อง 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ แบบประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย: หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความอย่าปล่อยใจให้มืดมิด ๓) หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ๔) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.nmc.ac.th/Link_research/download/guide.doc www.oknation.net/blog/suthathip/2008/04/23/entry-1
อย่าปล่อยใจให้มืดมิด มีเรื่องเล่าว่า ชายผู้หนึ่งเดินคอตกอยู่บนสะพานสูงเมื่อถึงกลางสะพานเขาก็หยุด แล้วก้มลงมองสายน้ํา เชี่ยวเบื้องล่าง ขณะที่กําลังครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก็สังเกตเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเดินร้องห่มร้องไห้แล้วมายืนเกาะราว สะพานไม่ไกลจากเขาเท่าไร พอเธอทําท่าจะปีนขึ้นราวสะพาน เขาก็รีบวิ่งไปฉุดตัวเธอเอาไว้ หญิงผู้นี้ตั้งใจจะฆ่า ตัวตาย เธอเพิ่งถูกชายคนรักทิ้งไป หลังจากรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน เขาจึงปลอบใจเธอว่า ชีวิตนี้ยังมีหวัง คนเราถ้าไม่ย่อท้อต่อชีวิต ย่อมพบกับความสมหวังในที่สุด ไม่มีใครที่จะล้มเหลวไปได้ตลอด เธอฟังแล้วก็กลับมีกําลังใจอีกครั้งเธอขอบคุณเขามากที่ทําให้เธอได้คิด จากนั้นก็เดินหายลับไปชายผู้นั้น กลับมายืนนิ่งอยู่กลางสะพานอีกครั้ง เขาเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ จากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิด เขาปีนราวสะพานแล้วทิ้งร่างจมหายไปในสายน้ําเชี่ยว มีผู้พบจดหมายลาตายของเขาในบ้านพักเขาขอโทษพ่อแม่และภรรยาที่ตัดสินใจคิดสั้น อนาคตของเขา หมดสิ้นแล้ว เพราะธุรกิจล้มละลาย เป็นหนี้หลายสิบล้าน อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่า แต่ก็สะท้อนความจริงบางอย่างของมนุษย์เมื่อเห็นใครประสบปัญหาชีวิต เรา สามารถแนะนําเขาได้ว่า ควรทําใจอย่างไร แต่หากปัญหานั้นเกิดขึ้นกับเราเอง เรากลับช่วยตัวเองไม่ได้เลย เช่นเดียวกับชายในเรื่องที่พูดเตือนใจให้หญิงสาวมีความหวังกับชีวิตจนเลิกฆ่าตัวตาย แต่เขาเองกลับไม่สามารถ ทําเช่นนั้นกับตัวเองได้อย่าว่าแต่เรื่องหนักหนาสาหัสจนคิดฆ่าตัวตายเลย แม้แต่เรื่องที่เบากว่านั้น ก็เหมือนกัน เวลาลูกทําเงินหายไม่กี่ร้อยบาท เราสามารถปลอบใจลูกได้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย ดีที่ไม่หายมากกว่านั้น ฯลฯ แต่พอเงินของเราหายเองกลับเสียดายและเสียใจเป็นวัน ๆ เวลาเพื่อนเศร้าโศกเสียใจเพราะสูญเสียคนรัก เราแนะนําเพื่อนได้ทันทีว่า ทําใจเถิดชีวิตนี้ไม่เที่ยง ทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เขาไปดีแล้ว ฯลฯ แต่พอเรา สูญเสียคนรักบ้าง กลับเศร้าซึมไม่เป็นอันกินอันนอน เหตุใดเมื่อประสบปัญหากับตัวเอง เราจึงไม่สามารถสอนตัวเองได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะแนะนําคนอื่นได้ อย่างไรหากประสบปัญหาอย่างเดียวกัน คําตอบน่าจะเป็นเพราะว่าอารมณ์ต่าง ๆ ครอบงําใจเราจนไม่สามารถ คิดอะไรออกได้คนเรานั้นจะมีปัญญาต่อเมื่อจิตใจแจ่มใส สามารถคิดหาเหตุผลดี ๆ ได้ แต่เมื่อใดที่จิตใจนั้นถูก อารมณ์ฝุายลบ เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความหดหู่ครอบงํา ก็จะตกอยู่ในภาวะ “มืดแปดด้าน” คือคิดอะไรไม่ ออก ใช่แต่เท่านั้น บ่อยครั้งยังไม่สามารถรับฟังคําแนะนําที่มีเหตุผลจากใคร ๆ ได้เลย เปรียบเสมือนแก้ว ที่เต็มไป ด้วยน้ําขุ่น เติมน้ําใสเข้าไปก็ล้นออกมาหมด ดังนั้นคิดเก่งหรือรู้มากอย่างเดียวย่อมไม่พอ แต่จะต้องรู้จักเท่าทันอารมณ์ของตัวด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะถูก อารมณ์เหล่านั้นครอบงําจนคิดไม่ออก หรือเอาความรู้ที่มีอยู่มาใช้แก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ เข้าทํานอง “ความรู้ ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” น้อยคนนักที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ของตัว เพราะคนส่วนใหญ่มักสนใจสิ่งนอกตัวมากกว่าจะรู้ ใจตนเอง ดังนั้นการมีเพื่อนที่คอยแนะนํา ให้กําลังใจ หรือเรียกสติของเรากลับคืนมาเป็นสิ่งสําคัญ บ่อยครั้งเราก็ ไม่ได้ต้องการคําแนะนําที่ฉลาดหลักแหลม แค่ความเข้าใจจากเพื่อนก็มีความหมายอย่างยิ่งแล้ว ขอเพียงแค่ความ เข้าใจหรือความเห็นใจกันเท่านั้น ปาฏิหาริย์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็ทําให้เรื่องจริงจบลงอย่างงดงาม ยิ่งกว่าเรื่องเล่าข้างบน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนุ่มรัสเซียผู้หนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากสูญเสียแฟนสาวเนื่องจาก อุบัติเหตุ แต่ขณะที่เขากําลังจะกระโดดสะพาน ก็เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งเตรียมจะทําอย่างเดียวกัน เธอหมดหวังกับ ชีวิตเพราะนอกจากท้องไม่มีพ่อ แล้วยังถูกครอบครัวขับไล่ ชายหนุ่มจึงเข้าไปห้ามหญิงสาว หลังจากปลอบโยน และให้กําลังใจตลอดค่ําคืน ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักและปลงใจแต่งงานกัน การได้เห็นความทุกข์ของกันและกัน สามารถเปิดใจให้เราเห็นใจกัน จนสามารถขับไล่ความหดหู่สิ้นหวัง ไปจากใจได้ ตราบใดที่ไม่ปล่อยใจให้อารมณ์ครอบงําจนมืดมิด ชีวิตย่อมมีทางออกได้ในที่สุด (อย่าปล่อยใจให้มืดมิด : ภาวัน นิตยสาร IMAGE สิงหาคม 2553)
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาการเขียนบรรณานุกรมที่กําหนด แล้วนํามาจัดเรียงลําดับใหม่ให้ถูกต้อง ตามหลักการเขียนบรรณานุกรม
เฉลย ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาการเขียนบรรณานุกรมที่กําหนด แล้วนํามาจัดเรียงลําดับใหม่ให้ถูกต้อง ตามหลักการเขียนบรรณานุกรม
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง รายงานเชิงวิชาการ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. งานเขียนข้อใด ไม่ใช่การเขียนเชิงวิชาการ ก. การเขียนบันทึก ข. รายงานการวิจัย ค. รายงานการทดลอง ง. สารคดีเชิงวิชาการ 2. ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ก. วางโครงเรื่อง ข. กําหนดจุดมุ่งหมาย ค. เลือกหัวข้อรายงาน ง. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 3. การกําหนดว่าจะเขียนเรื่องอะไร เขียนแนวไหน และประเด็นใด จัดอยู่ในขั้นตอนใดของการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ ก. วางโครงเรื่อง ข. เลือกหัวข้อรายงาน ค. กําหนดจุดมุ่งหมาย ง. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 4. การกําหนดบุคลากรที่รับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆ ในการทําโครงงาน จัดอยู่ในขั้นตอนใด ก. ขั้นเตรียมการ ข. ขั้นดําเนินงาน ค. ขั้นรวบรวมข้อมูล ง. ขั้นสรุปและรายงานผล 5. การจดแบบชวเลข เป็นการจดบันทึกในลักษณะใด ก. การจดบันทึกย่อ ข. การจดบันทึกประจําวัน ค. การจดบันทึกค่าใช้จ่าย ง. การจดบันทึกการประชุม 6. ภาคผนวกของการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ควรจะแสดงข้อมูลในข้อใด ก. บอกลําดับเนื้อหา ข. สารบัญภาพ ค. รายละเอียดในการลําดับเนื้อหา ง. แสดงจุดประสงค์ในการเขียนรายงาน 7. การเขียนรายงานเป็นรูปเล่ม ใบรองปกรองมีความสําคัญอย่างไร ก. เพิ่มจํานวนหน้า ข. แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายงาน ค. ใช้คั่นหน้าเพื่อความเรียบร้อย ง. แสดงสาระสําคัญของรายงายโดยสังเขป 8. การเขียนบรรณานุกรมในข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. เรียงลําดับตามปีที่พิมพ์ที่ล่าสุดก่อน ข. เรียงลําดับชื่อ ชื่อสกุลผู้แต่งตามลําดับตัวอักษร ก-ฮ ค. เรียงลําดับการเขียนบรรณานุกรมภาษาไทยก่อนภาษาต่างประเทศ ง. หนังสืออ้างอิงภาษาต่างประเทศจะเขียนเป็นเชิงอรรถไม่ใส่บรรณานุกรม 9. ข้อใดจัดเป็นข้อมูลปฐมภูมิ ก. ข้อมูลจากสารานุกรม ข. ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ค. ข้อมูลจากผลการสํารวจขององค์กรต่าง ๆ ง. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์วิทยากรภูมิปัญญาท้องถิ่น
10. การเขียนบรรณานุกรมข้อใดถูกต้อง ก. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: อักษรสยาม, 2521. ข. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. 2521 . กรุงเทพฯ: อักษรสยาม. ค. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. กรุงเทพฯ, 2521 : อักษรสยาม. ง. ประคอง นิมมานเหมินท์. กรุงเทพฯ: อักษรสยาม, การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรม ท้องถิ่น. 2521. เฉลย 1. ก 6. ข 2. ค 7. ค 3. ก 8. ง 4. ข 9. ง 5. ก 10. ก
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕/๑๑ เรื่อง บันทึกจากการศึกษาค้นคว้า เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เป็นการนําเสนอผลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดและมีแบบ แผน แล้วนํามาเรียบเรียงตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/6 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจตามหลักการเขียนเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง ม.4-6/7 บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อนําไปพัฒนาตนเองอย่างสม่ําเสมอ ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขียน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายขั้นตอนการเขียนรายงานเชิงวิชาการได้ 2) บอกวิธีจดบันทึกความรู้จากการศึกษาค้นคว้าได้ 3) บอกวิธีการเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศได้ 4) เขียนรายงานเชิงวิชาการเรื่องที่สนใจได้อย่างมีมารยาท 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) การเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2) การเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศ 3) การเขียนบันทึกความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย 4) มารยาทในการเขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดสังเคราะห์ 3) ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) 1. ครูนําบทความ อย่าปล่อยให้ใจมืดมิด มาอ่านให้นักเรียนฟัง หรือคัดเลือกนักเรียนที่มีทักษะในการ อ่านออกมาอ่านให้เพื่อนฟังที่หน้าชั้นเรียน พร้อมบอกที่มาของบทความดังกล่าว แล้วให้นักเรียนจดบันทึก สาระสําคัญจากการฟัง 2. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2 คน อ่านสาระสําคัญที่จดบันทึกจากการฟังบทความ เมื่อนักเรียนอ่านจบแล้ว ให้บอกวิธีการจดบันทึกดังกล่าว แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การเขียนบันทึกความรู้จากช่องทางในการรับรู้ต่าง ๆ เช่น จากการฟัง การดู การอ่าน ควรรู้จักการบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถนําความรู้ไปใช้ในงาน วิชาการและนําไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น 3. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนบันทึกการศึกษาค้นคว้า และการเขียนอ้างอิงข้อมูล สารสนเทศ จากหนังสือเรียนแล้วร่วมกันสรุปเป็นองค์ความรู้ 4. ให้นักเรียนรวมกลุ่มกัน กลุ่มละ 3-5 คน แล้วครูนําหนังสือพิมพ์ นิตยสาร มาแจกให้นักเรียนแต่ละ กลุ่ม โดยให้สมาชิกช่วยกันเลือกข่าว หรือบทความที่นักเรียนสนใจร่วมกัน 1 รายการ อ่านแล้วเขียนบันทึก ความรู้ลงในแบบบันทึกความรู้ให้ถูกต้อง 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอผลงานการบันทึกความรู้ พร้อมบอกประเด็นที่น่าสนใจที่กลุ่มตัดสินใจ เลือกข่าว หรือบทความดังกล่าว 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอธิบายและเปรียบเทียบการเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศทั้ง 2 ลักษณะ คือ การอ้างอิงในตัวเรื่องและการอ้างอิงในท้ายเรื่อง แล้วครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ แบบประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความอย่าปล่อยใจให้มืดมิด ๓) หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ๔) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.nmc.ac.th/Link_research/download/guide.doc www.oknation.net/blog/suthathip/2008/04/23/entry-1
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖/๑๑ เรื่อง เขียนรายงานตามขั้นตอน เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เป็นการนําเสนอผลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดและมีแบบ แผน แล้วนํามาเรียบเรียงตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/6 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจตามหลักการเขียนเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง ม.4-6/7 บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อนําไปพัฒนาตนเองอย่างสม่ําเสมอ ม.4-6/8 มีมารยาทในการเขียน 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายขั้นตอนการเขียนรายงานเชิงวิชาการได้ 2) บอกวิธีจดบันทึกความรู้จากการศึกษาค้นคว้าได้ 3) บอกวิธีการเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศได้ 4) เขียนรายงานเชิงวิชาการเรื่องที่สนใจได้อย่างมีมารยาท 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) การเขียนรายงานเชิงวิชาการ 2) การเขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศ 3) การเขียนบันทึกความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย 4) มารยาทในการเขียน 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดสังเคราะห์ 3) ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบบรรยาย) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกมารยาทที่ดีในการเขียนเชิงวิชาการ และยกตัวอย่างประกอบ เช่น การ คัดลอกข้อความจากหนังสือมาประกอบการเขียน จะต้องบอกชื่อและแหล่งที่มาของข้อความเพื่อให้เกียรติกับ เจ้าของผลงาน 2. ครูตั้งประเด็นคําถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเช่น - เหตุใดการเขียนอ้างอิง จําเป็นจะต้องอ้างอิงจากข้อมูลปฐมภูมิ - การคัดลอก หรือเลียนแบบงานของบุคคลอื่น จัดเป็นการเขียนเชิงวิชาการที่สร้างสรรค์หรือไม่ เพราะเหตุใด 3. ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง การเขียนงานวิชาการเรื่อง ช่างมัน เมื่อศึกษาจบแล้วให้นักเรียนแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับภาษา และประโยชน์ที่รับจากงานวิชาการเรื่อง ช่างมัน 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับหลักการเขียนเชิงวิชาการ 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนเขียนรายงานเชิงวิชาการเรื่องที่ตนเองสนใจ 1 เรื่อง โดยกําหนดให้นักเรียน ปฏิบัติตามลําดับขั้นตอนที่ครูกําหนดดังนี้ 1) ศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลจากแหล่งสารสนเทศที่หลากหลาย 2) สรุปและบันทึกข้อมูลที่ได้จากแหล่งสารสนเทศ 3) เขียนอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศ 4) เรียบเรียงข้อมูลเพื่อเขียนเป็นรายงานเชิงวิชาการ และจัดทําเป็นรูปเล่มที่สวยงาม 6. ครูนัดหมายการส่งงานเขียนรายงานเชิงวิชาการ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ๗. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ แบบประเมินการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความอย่าปล่อยใจให้มืดมิด ๓) หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ๔) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง การเรียงรายการอ้างอิง 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ www.nmc.ac.th/Link_research/download/guide.doc www.oknation.net/blog/suthathip/2008/04/23/entry-1
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การเขียนรายงานเชิงวิชาการ ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1. งานเขียนข้อใด ไม่ใช่การเขียนเชิงวิชาการ ก. การเขียนบันทึก ข. รายงานการวิจัย ค. รายงานการทดลอง ง. สารคดีเชิงวิชาการ 2. ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ก. วางโครงเรื่อง ข. กําหนดจุดมุ่งหมาย ค. เลือกหัวข้อรายงาน ง. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 3. การกําหนดว่าจะเขียนเรื่องอะไร เขียนแนวไหน และประเด็นใด จัดอยู่ในขั้นตอนใดของการเขียนรายงาน เชิงวิชาการ ก. วางโครงเรื่อง ข. เลือกหัวข้อรายงาน ค. กําหนดจุดมุ่งหมาย ง. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 4. การกําหนดบุคลากรที่รับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆ ในการทําโครงงาน จัดอยู่ในขั้นตอนใด ก. ขั้นเตรียมการ ข. ขั้นดําเนินงาน ค. ขั้นรวบรวมข้อมูล ง. ขั้นสรุปและรายงานผล 5. การจดแบบชวเลข เป็นการจดบันทึกในลักษณะใด ก. การจดบันทึกย่อ ข. การจดบันทึกประจําวัน ค. การจดบันทึกค่าใช้จ่าย ง. การจดบันทึกการประชุม 6. ภาคผนวกของการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ควรจะแสดงข้อมูลในข้อใด ก. บอกลําดับเนื้อหา ข. สารบัญภาพ ค. รายละเอียดในการลําดับเนื้อหา ง. แสดงจุดประสงค์ในการเขียนรายงาน 7. การเขียนรายงานเป็นรูปเล่ม ใบรองปกรองมีความสําคัญอย่างไร ก. เพิ่มจํานวนหน้า ข. แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายงาน ค. ใช้คั่นหน้าเพื่อความเรียบร้อย ง. แสดงสาระสําคัญของรายงายโดยสังเขป 8. การเขียนบรรณานุกรมในข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. เรียงลําดับตามปีที่พิมพ์ที่ล่าสุดก่อน ข. เรียงลําดับชื่อ ชื่อสกุลผู้แต่งตามลําดับตัวอักษร ก-ฮ ค. เรียงลําดับการเขียนบรรณานุกรมภาษาไทยก่อนภาษาต่างประเทศ ง. หนังสืออ้างอิงภาษาต่างประเทศจะเขียนเป็นเชิงอรรถไม่ใส่บรรณานุกรม 9. ข้อใดจัดเป็นข้อมูลปฐมภูมิ ก. ข้อมูลจากสารานุกรม ข. ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ค. ข้อมูลจากผลการสํารวจขององค์กรต่าง ๆ ง. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์วิทยากรภูมิปัญญาท้องถิ่น
10. การเขียนบรรณานุกรมข้อใดถูกต้อง ก. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: อักษรสยาม, 2521. ข. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. 2521 . กรุงเทพฯ: อักษรสยาม. ค. ประคอง นิมมานเหมินท์. การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรมท้องถิ่น. กรุงเทพฯ, 2521 : อักษรสยาม. ง. ประคอง นิมมานเหมินท์. กรุงเทพฯ: อักษรสยาม, การศึกษามหาชาติลานนาในฐานะวรรณกรรม ท้องถิ่น. 2521. เฉลย 1. ก 6. ข 2. ค 7. ค 3. ก 8. ง 4. ข 9. ง 5. ก 10. ก
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗/๑๑ เรื่อง สารคดีมีหลักการ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนสารคดี เป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ โดยนําข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้ามา เรียบเรียงและถ่ายทอดโดยใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่างๆ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความแตกต่างของสารคดีแต่ละประเภทได้ 2) บอกลักษณะของการเขียนสารคดีที่ดีได้ 3) บอกแนวทางการประเมินคุณค่าสารคดีได้ 4) ประเมินคุณค่างานเขียนสารคดีได้ 5) เขียนสารคดีได้อย่างสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การเขียนในรูปแบบต่างๆ เช่น สารคดี 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดเชื่อมโยง 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้
3. มีจิตสาธารณะ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการคิดวิเคราะห์ , กระบวนการปฏิบัติ ) 1. ครูนําบทความสารคดีเชิงท่องเที่ยว เรื่องเกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” มาให้นักเรียน อ่าน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีในการนําเสนอ และสรุปความรู้ที่ได้จากบทความสารคดีเชิงท่องเที่ยว ดังกล่าว 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมายของสารคดี และเอกลักษณ์ของงานเขียนประเภทสารคดี 3. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง ประเภทของสารคดี จากหนังสือเรียนเมื่อศึกษาจบแล้วให้นักเรียน อธิบายความแตกต่างของสารคดีแต่ละประเภท 4. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การเขียนสารคดี ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างภายนอก และ โครงสร้างภายใน 5. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง กลวิธีในการเขียนสารคดี จากหนังสือเรียน 6. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เรื่อง กลวิธีในการเขียนสารคดี แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนสามารถ วิเคราะห์กลวิธีการเขียนในงานเขียนสารคดีที่อ่านได้ 7. ให้นักเรียนทํา ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์กลวิธีการเขียนสารคดี เมื่อนักเรียนทําใบงานเสร็จแล้วให้ นําส่งครูตรวจ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนสารคดี แบบประเมินการเขียนสารคดี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความเรื่องเกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” ๓) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์กลวิธีการเขียนสารคดี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.goodfoodgoodlife.in.th/time-for-myself-detail.aspx?tid=30
เอกสารประกอบการสอน บทความ 1. เกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” โดย ธีรภาพ โลหิตกุล ถึงแม้ “เกาหลีจะไม่ได้มีแต่กิมจิ” แต่การสัญจรสู่เกาหลีเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ทําให้ผมยอมรับโดย ดุษณีว่า เกาหลี คือ สุดยอดจอมยุทธ์แห่งกิมจิบนผืนพิภพนี้ เพราะอาหารเกาหลีทุกมื้อ ไม่เพียงต้องมีกิมจิเป็น เครื่องเคียง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีกิมจิได้สารพัดรส สารพัดแบบมากมายขนาดนี้คือไม่ได้มีแต่กิมจิผักกาดขาวกับ พริกแดง ๆ ที่คุ้นเคย แต่ยังมีกิมจิถั่วงอก กิมจิสาหร่าย กิมจิปลาหมึก กิมจิ... ฯลฯ เป็นร้อยแบบ ซึ่งหากเข้าใจ ภูมิศาสตร์เกาหลีที่มีอากาศหนาวเสียค่อนปี ก็จะรู้ซึ้งว่ากิมจิคือสุดยอดภูมิปัญญาการถนอมรักษาอาหาร และยัง ทรงคุณค่าล้ําเลิศทางโภชนาการ ชาวเกาหลีจึงภูมิใจในความชาญฉลาดของบรรพชนของเขายิ่งนัก ถึงขนาดมี “พิพิธภัณฑ์กิมจิ” ให้ศึกษาเรียนรู้เป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว แล้วผมก็ยังจั่วหัวไว้อีกว่าเกาหลีไม่ได้มีแต่นายเรน ทว่าโรงแรมที่ผมพักอยูใกล้ห้างสรรพสินค้า “ล็อตเต้” ที่มีนายเรนเป็นพรีเซนเตอร์ ผมก็เลยเจอหน้านายเรนทุกเย็นและเช้าที่เข้า-ออกโรงแรม เลยทําให้คนเชย ๆ อย่าง ผมเพิ่งรู้แจ้งว่า พระเอกหน้านิ่งในหนัง “ฟูล เฮ้าส์” ที่ผมกดรีโมทไปเจอแล้วติดใจดูโดยบังเอิญทางช่องเจ็ดสีเป็น คนเดียวกับนักร้องจอมฉีกเสื้อที่ชื่อ “เรน” ซึ่งไม่เพียงแต่ทําให้มีคนยอมจ่ายเงินเป็นแสน เพื่อได้นอนบนเตียงที่ เรนเคยนอน แต่ยังทําให้นักท่องเที่ยวยอมนั่งเรือเป็นชัวโมง ๆ แห่ไปดูหองพักในรีสอร์ตที่เป็นฉากตอนพระเอก กับนางเอก “ฟูล เฮ้าส์” ไปสวีทกัน ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “ฮัลลิว” หรือกระแสความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีจาก หนังและละคร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดประกายขึ้นโดย “แดจังกึม” จอมนางในวังหลวงผู้ยิ่งใหญ่ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ความสําเร็จของการ “ส่งออก” วัฒนธรรมเกาหลีนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลเกาหลีเอาจริงเอาจังโดยรวม กระทรวงท่องเที่ยวกับกระทรวงวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน “ฮัลลิว” จึงไม่เพียงทําเงินมหาศาลให้เกาหลี แต่ยังทําให้ ชาวเกาหลีภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองด้วย เรื่องแบบนี้เลียนแบบกันไม่ได้ แต่กระทรวงที่ เกี่ยวข้องของไทยน่าศึกษาเรียนรู้นะครับ เรื่องนี้โชเฟอร์รถทัวร์ของผมแสดงตัวอย่างด้วยการจอดรถลงไปผลักอก คนขับเบนซ์ที่ขับปาดหน้าตะแกให้คณะของผมเห็นกันจะ ๆ คุณพี่ลงไปดัน ๆ กันสักห้านาที พอมีตํารวจมา ไกล่เกลี่ยก็เลิกรากัน เพราะถ้าถึงขั้นลงมือลงไม้ เรื่องจะยาวเป็นหนังชีวิตทีเดียวเชียว สรุปแล้วเกาหลีไม่ได้มีแต่กิมจิ แดจังกึม และนายเรน แล้วเกาหลีมีอะไรอีก เรื่องแรกที่อยากเล่าคือใน กรุงโซลมีรถติดเหมือนกรุงเทพ แต่ไม่ว่าจะติดหนึบแค่ไหน ถนนสายสําคัญในเกาหลีจะมีเลนพิเศษซ้ายสุ ด ว่างไว้ สําหรับรถที่มีผู้โดยสารเกินหกคนขึ้นไป (Car Pool) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถเมล์ รถนักท่องเที่ยว รวมถึงรถฉุกเฉิน ที่มีผู้ป่วยหรือคนจะคลอด ฯลฯ ผมได้เห็นความวิเศษของเลนนี้ ในวันที่กลับจากชานเมืองจะเข้าสู่กรุงโซล เย็นวัน นั้นรถติดหนึบ แต่รถทัวร์ ที่ผมนั่งวิ่งฉลุยในเลนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่แค่ 2-3-4 หรือ 5 กิโลเมตร แต่ยาวเป็นสิบ ๆ ก.ม. ประหยัดเวลาได้เป็นชั่วโมงโดยไม่ตองมีตํารวจจราจรคอยยืนซุ่มจับผู้ฝ่าฝื น เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดทุกหัว ถนนพร้อมใบสั่งปรับ จะส่งถึงบ้านคุณภายในวันรุ่งขึ้นจากการทําผิดกฎจราจร อีกอย่างหนึ่งคือคนขับรถในเกาหลีจะไม่บีบแตรพร่ําเพรื่อ และจะหยุดรถให้คนข้ามถนนอย่างเคร่งครัด แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องไม่มีราวกันเสียทีเดียว เพราะเกาหลีก็มีคนใจร้อน มีขับรถปาดหน้ากันเหมือนที่ ไหน ๆ แต่เวลามีเรื่องกันหรือทะเลาะกันรุนแรงเพียงใด ส่วนใหญ่จะไม่ชกต่อย อย่างมากก็แค่ผลักอกหรือเอาไหล่ กระแทกกัน เพราะกฎหมายเกาหลีลงโทษรุนแรงสําหรับฝ่ายที่เริ่มชกก่อนจนคู่กรณีมีเลือดออก แม้ว่าคนที่เริ่มชก จะเป็นฝ่ายถูกในความขัดแย้งก็ตาม เพราะเขาถือว่าการตัดสินถูกผิดเป็นหน้าที่ของศาล ผมว่ามาตรการนี้ น่าสนใจมาก เพราะช่วยลดความรุนแรงถึงเลือดตกยางออกได้ เรื่องนี้โชเฟอร์รถทัวร์ของผมแสดงตัวอย่าง ด้วยการจอดรถลงไปผลักอกคนขับเบนซ์ที่ขับปาดหน้าตะแก ให้คณะของผมเห็นกันจะ ๆ คุณพี่ลงไปดัน ๆ กันสักห้านาที พอมีตารวจมาไกล่เกลี่ยก็เลิกรากัน เพราะถ้าถึงขั้น ลงมือลงไม้ เรื่องจะยาวเป็นหนังชีวิตทีเดียวเชียว
ที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง คือวันที่ไปชมคอนเสิร์ตดนตรี พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นคนหนุ่มสาวเป็น อาสาสมัครพาผู้พิการทางสายตามาฟังคอนเสิร์ตด้วย ทราบว่ายังมีอาสาสมัครคนอื่น ๆ พาผู้พิการแขนขาไปชม พิพิธภัณฑ์ แล้ววันที่ผมไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นมีแม่บ้านใช้เวลาว่างตอนกลางวันที่สามีทํางาน ลูก ๆ ไปเรียนหนังสือ แทนที่จะไปสุมหัวจั่วไพ่นกกระจอก ก็่กลายเป็ น “เทรนด์” ใหม่ของแม่บ้าน คือมุ่งหน้าหา ความรู้ความเพลิดเพลินจากพิพิธภัณฑ์แทน เกาหลีวันนี้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพียงใด เราได้คุ้นเคยจาก “ซัมซุง” “ฮุนได” ฯลฯ อยู่แล้ว แต่กระนั้น เกาหลีก็ยังให้ความสําคัญกับสถาบันครอบครัวอย่างเหนียวแน่นเช่นในอดีต การโทรศัพท์คุยธุรกิจการงานในวัน อาทิตย์ ซึ่งถือเป็นวันครอบครัว ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง และการรวมชาติเกาหลีเหนือกับใต้เป็นหนึ่ง เดียว เพื่อญาติพี่น้องที่พลัดพรากกันเพราะสงครามในอดีตได้มาพบกัน จึงถือเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของชาว เกาหลี แต่กระนั้นคติความเชื่อเก่า ๆ บางอย่างก็ยังดํารงอยู่อย่างเหนียวแน่นเช่นกัน โดยเฉพาะการยกผู้ชาย เป็นใหญ่ ทําให้สังคมเกาหลียังยึดถือว่า หากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น ถือเป็นความผิดของผู้หญิงฝ่ายเดียวล้วน ๆ เล่า ขานกันว่าเมื่อไม่นานมานี้ สาวไฮโซเกาหลีที่ทั้งรวย สวยและการศึกษาสูงคนหนึ่ง แต่งงานแล้วพบความจริง ภายหลังว่าสามีมีหนี้สินพะรุงพะรัง แม่ของสาวไฮโซไม่อยากให้ลูกสาวเสียหน้า ถึงขั้นลงทุนส่งลูกเขยไปเมืองนอก แล้วป่าวประกาศว่าลูกเขยไปมีหญิงอื่น จึงต้องหย่าร้าง แต่...จะมีผู้หญิงเกาหลีกี่คนทําเช่นนี้ได้ ? และอาจเป็น ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางสรีระของชาวเกาหลี ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานอย่างที่พวกตะวันตกชี้นํา กระแสที่มาแรง มากในวันนี้ คือ การทําศัลยกรรมความงาม เริ่มจากดาราซึ่งว่ากันว่าร้อยทั้งร้อย สวยและหล่อเพราะมีดหมอ หลัก ๆ คือเหลากราม ทําตาสองชั้น ทําจมูกและหน้าอก แต่ที่น่าตกใจคือสถิติที่ว่า 90% ของผู้หญิงเกาหลีจะ ทําศัลยกรรมทันทีที่จบมหาวิทยาลัย นัยว่าเพื่องานและคนรัก ดังนั้นใครไปแดนกิมจิวันนี้แล้วเห็นสาวเกาหลีสวย อย่าลืมกลับมาเปิดเพลง “ดอกไม้พลาสติก” ของพี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันท์ ฟังหลาย ๆ รอบหน่อยก็แล้วกันครับ (จาก http://www.goodfoodgoodlife.in.th/time-for-myself-detail.aspx?tid=47)
ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์ กลวิธีการเขียนสารคดี วิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ โรงเรียนสวายวิทยาคาร อ าเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง **************************************************************************************************** ชื่อ-สกุล...................................................................... ชั้น ม.๕/........ เลขที่........... วันที่............................... ค าชี้แจง ให้นักเรียนอ่านสารคดีเชิงท่องเที่ยวที่กําหนด แล้ววิเคราะห์กลวิธีในการเขียนให้ถูกต้อง ปราสาทหินพนมรุ้ง วิสานสีชมพูแห่งองค์ศิวะเทพ ธีรภาพ โลหิตกลุ หากจะจัดอันดับปราสาทหินในเขตแดนไทยที่สวยที่สุด และ ตั้งอยู่ ณ ปราสาทใดไปไม่ได้ นอกเสียจากปราสาทพนมรุ้ง อําเภอเฉลิม พระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์สร้างบนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วเมื่อ หลายพันปีจึงห่างไกลจากชุมชนเมือง อีกทั้งยังจงใจคัดสรรหินทรายสี ชมพูมาสร้าง และยังมีหลักฐานว่าสลักเสลาลวดลายวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือ ช่างหลวงจากราชสํานัก ทั้งนี้เพราะผูสร้างเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ขอมยุค รุ่งเรืองเมื่อราว 900 กว่าปีก่อน พลันที่ก้าวพ้นลานจอดรถของอุทยานประวัติศาสตร์ แทบไม่มีใครที่ไม่ตื่นตะลึง กับภาพทางเดินปูด้วยก้อน ศิลา นําสายตาเราพุ่งตรงไปยังองค์ปราสาทบนภูเขาสูง ซึ่งก่อร่างสร้างด้วยหินทรายสีชมพูล้วน ยิ่งเข้าไปเพ่งพิศใกล้ ๆ ก็ยิ่งเห็นลายละเอียดของลวดลายพรรณพฤกษา และภาพเทพปกรณัม (เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้า) อลังการตระการ ตาไม่แพ้ฝีมือช่างแห่งนครวัด ผู้แกะเกลาหินทรายอันแข็งแกร่งราวกับแกะไม้หรือแกะเปลือกแตงโม และแกะ ละเอียดแทบทุกตารางนิ้ว จนนักประวัติศาสตร์ – ศิลป์บางคนประชดประเทียดว่า เป็นพวกลัทธิ “รังเกียจที่วาง” ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวการทวงคืน “ทับหลัง” หรือแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทับอยูบนหลังประตูทางเข้า ปราสาท ซึ่งแกะสลักภาพ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่ถูกขโมยไป จนได้คืนมาจากพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา ก็ยังทํา ให้ผู้คนหลั่งไหลมาพิสูจน์ความงามของปราสาทพนมรุ้งในฐานะ “วิมานสีชมพู” แห่งมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ การค้นพบศิลาจารึกของนักโบราณคดี ทําให้เรารู้ว่าชื่อพนมรุ้งในภาษาขอมโบราณ คือ “วฺนํมรุง” (วะ-นํารุง) แปลว่าภูเขาใหญ่ เทวาลัยแห่งนี้สร้างโดย “นเรนทราทิตย์” ราชนิ กุลขอมผู้ปกครองดินแดนอดีตภูเขาไฟ ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์สาย “มหิธรปุระ” วงศ์เดียวกับพระเจ้าสุริยรวรมันที่สอง กษัตริย์ผู้สร้าง ปราสาทนครวัดในพุทธศตวรรษที่ 17 นครวัดกับพนมรุ้งจึงมีอายุ ไล่เลี่ยกันคือราว 900 ปีเศษ ต่างกันตรงที่นครวัดสร้างถวายพระ นารายณ์หรือพระวิษณุ แต่พนมรุ้งสร้างถวายพระศิวะ เนื่องด้วย “นเรนทราทิตย์” นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุดที่ใจกลางปรางค์ ประธานปราสาทพนมรุ้งจึงประดิษฐาน “ศิวลึงค์บนฐานโยนี” รูปเคารพพระศิวะและพระชายา-ศรีอุมาเทวี และยังมี ภาพ “ศิวะนาฏราช” หรือพระศิวะทรงร่ายรํา เพื่อรักษาสมดุลโลก หมายความว่าหากทรงร่ายรําในจังหวะรุนแรง โลกจะสะเทือน ปรากฏอยู่ที่หน้าบันเหนือกรอบประตูทางเข้าปรางค์ประธาน แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่า “นเรนทรา ทิตย์” จะไม่นับถือเทพฮินดูองค์อื่น หากแต่นับถือรองลงมา ดังนั้นภาพ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” (เล่าเรื่องการนอน ของพระนารายณ์ทําให้เกิดพระพรหมขึ้นมาทําหน้าที่สร้าง่โลก) จึงอยู่ในตําแหน่งต่ํากว่า “ศิวะนาฏราช” ความเปล่งปลั่งอลังการของเทวาลัยสีชมพูบนปากปล่องภูเขาไฟ ทําให้เกิดคํากล่าวว่า หากใคร่ได้ไปสัมผัส ความยิ่งใหญ่อย่างโอฬารของมหาปราสาทนครวัด แล้วมิได้มาชมความงามอันละเอียดอ่อนของปราสาทพนมรุ้ง ก็ นับเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นยิ่งนัก
การเลือกเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. การเขียนบทน าเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ ................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. การเขียนเนื้อเรื่อง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................ การเขียนสรุป ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. (พิจารณาตามคําตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนสวายวิทยาคาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ลิขิตความตามท านอง เวลา ๑๑ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘/๑๑ เรื่อง สร้างสรรค์สารคดี เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นายวีรวัฒน์ ยกดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๒ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๓ สอนวัน.......................... ที่............. เดือน.................................. พ.ศ................... 1. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนสารคดี เป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ โดยนําข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้ามา เรียบเรียงและถ่ายทอดโดยใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์ 2. ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ 2.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายความแตกต่างของสารคดีแต่ละประเภทได้ 2) บอกลักษณะของการเขียนสารคดีที่ดีได้ 3) บอกแนวทางการประเมินคุณค่าสารคดีได้ 4) ประเมินคุณค่างานเขียนสารคดีได้ 5) เขียนสารคดีได้อย่างสร้างสรรค์ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การเขียนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สารคดี 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ 2) ทักษะการคิดเชื่อมโยง 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบัติ 2) ทักษะกระบวนการทางภาษา 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้
3. มีจิตสาธารณะ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการคิดวิเคราะห์ , กระบวนการปฏิบัติ ) 1. ครูนําบทความสารคดีเชิงท่องเที่ยว เรื่องเกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” มาให้นักเรียน อ่าน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีในการนําเสนอ และสรุปความรู้ที่ได้จากบทความสารคดีเชิงท่องเที่ยว ดังกล่าว 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมายของสารคดี และเอกลักษณ์ของงานเขียนประเภทสารคดี 3. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง ประเภทของสารคดี จากหนังสือเรียนเมื่อศึกษาจบแล้วให้นักเรียน อธิบายความแตกต่างของสารคดีแต่ละประเภท 4. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การเขียนสารคดี ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างภายนอก และ โครงสร้างภายใน 5. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง กลวิธีในการเขียนสารคดี จากหนังสือเรียน 6. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เรื่อง กลวิธีในการเขียนสารคดี แล้วครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนสามารถ วิเคราะห์กลวิธีการเขียนในงานเขียนสารคดีที่อ่านได้ 7. ให้นักเรียนทํา ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์กลวิธีการเขียนสารคดี เมื่อนักเรียนทําใบงานเสร็จแล้ว ให้นําส่งครูตรวจ 7. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการเขียนสารคดี แบบประเมินการเขียนสารคดี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.5 2) บทความเรื่องเกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” ๓) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง วิเคราะห์กลวิธีการเขียนสารคดี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.goodfoodgoodlife.in.th/time-for-myself-detail.aspx?tid=30 เอกสารประกอบการสอน บทความ 1. เกาหลีไม่ได้มีแต่ “กิมจิ” และ “นายเรน” โดย ธีรภาพ โลหิตกุล