The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by k.wongdontree, 2020-06-10 00:34:08

หนังสือ กรมป่าไม้ 123 ปี รักป่า รักประชาชน

รักปา รักประชาชน





ภาคนา








๑ ป่าสัก - ต้นสัก ๘ สารจาก พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
ปฐมเหตุแห่งการก่อก�าเนิดกรมป่าไม้ ๙ สารจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา
๒ พระปฐมบรมราชโองการ รัชกาลที่ ๑๐ ๑๐ สารจาก นายวิจารย์ สิมาฉายา

๓ พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จ ๑๑ สารจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์




พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ตั้งกรมปาไม ้ ๑๒ สารจาก นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ
๔ ตราประจ�ากรมป่าไม้ ๑๓ โลโก้ ประจ�าหนังสืออนุสรณ์
๕ ตราประจ�าต�าแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ กรมป่าไม้ ๑๒๓ ปี "รักป่า รักประชาชน"
๖ วิสัยทัศน์ พันธกิจ กรมป่าไม้ ๑๔ ค�าน�าจาก อธิบดีกรมป่าไม้
๗ สารจาก พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ








PB 1


ภาพโดย : ตรีภพ ทิพยศักด์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ป่าสัก - ต้นสัก

ปฐมเหตุแห่งการก่อก�าเนิดกรมป่าไม้

"เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม



เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"








พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

































4 5

4 5

๑๒ - ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เสด็จพระราชดาเนินไปทอดพระเนตร




โครงการในพระราชดาริในพ้นท่ อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร

6 7

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร สวนทุ่งเกวียน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จังหวัดลาปาง

๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ เสด็จพระราชดาเนินไป


มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดาเนิน
ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นท่ป่าไม้ และถ่นทุรกันดาร








6 7

สารบัญ









ภาคนา ภาคท่ ๑ ภาคท่ ๒







๑ ป่าสัก - ต้นสัก ๓ การป่าไม้ของไทย ยุคแรกเร่ม กรมป่าไม้ ยุคสืบสาน

ปฐมเหตุแห่งการก่อกาเนิดกรมป่าไม้ ก่อต้งกรมป่าไม้ การพัฒนากิจการต่อเน่อง



๒ พระปฐมบรมราชโองการ รัชกาลท่ ๑๐ ๔ ๑ สถานการณ์ป่าไม้สยาม ๒๖ ๔ กรมป่าไม้ช่วงสร้างเสริมรากฐาน ๔๐
๓ พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จ ๑๐

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หัว ต้งกรมป่าไม้ ก่อนการถือกาเนิดกรมป่าไม้ ๓๐ ตามหลักวิชาการสมัยใหม่


๔ ตราประจากรมป่าไม้ ๑๒ ๒ การสถาปนากรมป่าไม้ (พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๕๐๓) ๔๘




๕ ตราประจาตาแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๑๓ สมัยรัชกาลท่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) ๕ กรมป่าไม้ช่วงสานต่อการพัฒนา

๖ วิสัยทัศน์ พันธกิจ กรมป่าไม้ ๑๔ ๓ กรมป่าไม้ช่วงวางรากฐานภายใต้ ๓๒ ตามสภาวะการเปล่ยนแปลง
๗ สารจาก พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ๑๖ การบริหารของสามเจ้ากรมชาว (พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๔๕) ๖๔

๘ สารจาก พลเอก สุรศักด์ กาญจนรัตน์ ๑๗ อังกฤษ (พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๖๖) ๖ กรมป่าไม้ช่วงภารกิจใหม่หลังจาก
๙ สารจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา ๑๘ แบ่งส่วนราชการออกเป็น ๓ กรม
๑๐ สารจาก นายวิจารย์ สิมาฉายา ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๕๗)
๑๑ สารจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ๒๐
๑๒ สารจาก นายธีรภัทร ประยูรสิทธ ิ ๒๑

๑๓ โลโก้ ประจาหนังสืออนุสรณ์ ๒๒
กรมป่าไม้ ๑๒๓ ปี "รักป่า รักประชาชน"


๑๔ คานาจาก อธิบดีกรมป่าไม้ ๒๓
















8 9

ภาคท่ ๓ ภาคเสริม





๑ พจนานุสรณ์ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้ ๙๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร
กรมป่าไม้ ยุคปัจจุบัน "รักป่า รักประชาชน" ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


และก้าวสู่อนาคต ๒ โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ ๑๐๗ เน่องในวันสถาปนากรมป่าไม้
กรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครบรอบ ๑๒๓ ปี
๗ กรมป่าไม้ช่วงมุ่งสู่เป้าหมายตาม ๗๒ ๓ ผู้บริหารกรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๐๘ ๑๓ ประมวลภาพงานฉลองวันสถาปนา ๑๑๘
ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ๔ ผู้บริหารกรมป่าไม้ ส่วนกลางในภูมิภาค ๑๐๙ กรมป่าไม้ ครบรอบ ๑๒๓ ปี
(พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ วันท่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒



๘ สถานการณ์พ้นท่ป่าไม้ใน ๘๒ ๕ เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกสวนป่า ๑๑๐ ๑๔ คาถวายสัตย์ปฏิญาณของ ๑๒๑

ประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๑) จังหวัดเลย ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าราชการ และพนักงานกรมป่าไม้

๙ การบริหารงานจัดการป่าไม้ ๘๘ ๖ ป่าชุมชนบ้านเหล่าเหนือ : รางวัล ๑๑๑ ๑๕ กาลานุกรม เหตุการณ์สาคัญ ๑๒๒



เพ่อความย่งยืนในปัจจุบันและ ป่าชุมชนชนะเลิศระดับประเทศ กรมป่าไม้ในรอบ ๑๒๓ ปี
อนาคต (พ.ศ.๒๕๖๒ เป็นต้นไป) ๗ สัมภาษณ์พิเศษ นายต๋ เทพวันด ี ๑๑๒ ๑๖ นามานุกรม นายกรัฐมนตรี รัฐมนตร ๑๒๔


เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกสวนป่า และอธิบดีกรมป่าไม้ในรอบ ๑๒๓ ปี
จังหวัดเลย พ.ศ. ๒๕๖๑ (พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๕๖๒)

๘ บทสัมภาษณ์เครือข่ายป่าชุมชน ๑๑๓ ๑๗ ต้นรวงผ้ง : พรรณไม้มงคลใน ๑๒๖
พ.ศ. ๒๕๖๒ รัชกาลท่ ๑๐


๙ หน่วยป้องกันรักษาป่าและเจ้าหน้าท ี ่ ๑๑๔ ๑๘ ผลการประกวดต้นรวงผ้ง : ๑๒๘


ท่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน รักษาป่า "พรรณไม้มงคลใน รัชกาลท่ ๑๐”
ดีเด่น พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๖๒

๑๐ การดาเนินงาน คทช. ในพ้นท ่ ี ๑๑๕ ๑๙ วนพฤกษ์ แสดงการแบ่งส่วน ๑๓๐

ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ราชการ กรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๖๒

๑๑ คากล่าวรายงานของ ๑๑๖ ๒๐ ผังแสดงเครือข่ายพันธมิตร ๑๓๑
นายอรรถพล เจริญชันษา ของกรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๖๒



อธิบดีกรมป่าไม้ เน่องในวันสถาปนา ๒๑ "ปลูกต้นไม้ในวันน้ จะม่งมีในวันหน้า"๑๓๒
กรมป่าไม้ ครบรอบ ๑๒๓ ปี ๒๒ บรรณานุกรม ๑๓๔
๑๒ คากล่าวของ นายวราวุธ ศิลปอาชา ๑๑๗ ๒๓ จากบรรณาธิการ ๑๓๗


8 9

พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หัว ต้งกรมป่าไม้



ท่ ๖๒/๓๘๕
พระท่น่งจักรีมหาปราสาท


วันท่ ๑๘ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๕


ถึงกรมหมื่นดํารงราชานุภาพ ด้วยจดหมายท่ ๘๘/๑๙๓๓๗ ลงวันท่ ๖ เดือนน้ ส่งรายงาน มิสเตอร์สเลด


ตรวจการป่าไม้ มีความเห็นที่จะจัดการต่อไป มหาดไทยเห็นชอบด้วย ขออนุญาตจัดการนั้นได้ตรวจดูตลอด
แล้ว เห็นว่าความคิดมิสเตอร์สเลด เป็นความถูกต้องดีแท้ทุกประการ เป็นอันอนุญาตให้จัดตามที่ว่า
การซ่งจะถือป่าไม้เป็นของหลวงท้งสิ้นน้น เห็นว่าเป็นการมีตัวอย่างอยู่เช่นแต่ก่อน ป่าไม้ท่ตกเป็น




มรฎกแก่บุตรหลานเจ้าผู้ครองเมือง เจ้าของป่าไม้มีอํานาจ ที่จะหาผู้รับเช่าทําเองตามลําพัง ภายหลังเกิดความ
ด้วยเร่องให้เช่าหลายรายชุกชุมหนักขึ้น จึงได้ตัดสินมอบท่ป่าให้เจ้าผู้ครองเมืองเป็นผู้ให้อนุญาตแต่คนเดียว



เมื่อได้ค่าตอมาเท่าใดให้ปันจ่ายให้เจ้าของป่าเป็นส่วน ๆ การท่ปันเงินน้นก็ไม่เรียบร้อย เพราะไปติดค้างอย ่ ู

เสียที่ผู้รับทําป่าบ้าง ที่พนักงานผู้ตรวจเก็บค่าตอบ้าง ละลายไปในคลังบ้าง เงินแผ่นดินก็พลอยสาบสูญไป
ด้วย การที่กอเวอนเมนนต์จะรับเก็บเงินค่าตอนี้ ก็เพื่อจะให้ได้เงินมากเต็มตามที่ควรจะได้ แลจะแบ่งส่วนให้
เจ้าผู้ครองเมืองแลเจ้าของป่าตามที่ควรจะได้แลเคยได้ จะขาดประโยชน์ไปก็แต่ผลประโยชน์ซึ่งได้โดยนอกทาง
คือเงินนํ้าใจแลอะไรอื่น ๆ ถ้าเงินที่ได้โดยทางตรงได้รับเต็มบริบูรณ์แล้ว ถึงจะขาดโดยทางลับไปก็จะไม่เป็นที่
เสียใจอันใดมาก จะเป็นอยู่ก็แต่แรก ๆ เมื่อยังไม่ได้รับเงิน
แต่ส่วนการรับเงินจ่ายเงินในเมืองเชียงใหม่ ที่ข้าหลวงทําอยู่ทุกวันนี้ต้องขอกล่าวซํ้าอีกว่า ไม่ได้รู้


ว่าทํากันประการใดเลยช้านานมาแล้ว ถามก็หาได้ความอันใดไม่ ฝ่ายการคลงทเมืองเชียงใหม่ ข้าหลวงเอง


ก็กล่าวโทษอยู่ว่ามีท่ร่วไหลไม่เป็นการเรียบร้อย ถ้าหากว่าจัดการรวบรวมเก็บเงินขึ้นเช่นน้แล้ว เงินค่าตอจะส่ง


ที่ข้าหลวง ๆ จะส่งให้ คลังเมืองเชียงใหม่เก็บ ข้าหลวงได้รับเท่าใดก็ไม่ต้องบอกให้รู้ จ่ายก็ไม่ต้องบอกให้รู้

จะสูญหายไปในคลังเท่าใดก็ไม่ต้องรู้เห็น หามีประโยชน์แก่นสารอันใดไม่ ส่วนเงินค่าตอไม้ขอนสักท่ทําอยู่บัดน ้ ี
เป็นการหละหลวมจริง ท่จะให้ยกไปอยู่กระทรวงมหาดไทย ก็เพ่อประสงค์จะได้จัดการรวมกันกับป่าไม้ เพราะ


การตรวจตรา อาศัยกันแลกัน รักษาประโยชน์ได้ทั้งสองฝ่าย แต่การรับเงินส่งเงินนั้น ถ้าส่งทางมหาดไทย
ก็ต้องเป็นการอ้อม รือ มหาดไทยต้องไปคลํา ๆ เงินอยู่เสียก่อนแล้วจึงส่งคลังเป็นการเพ่มธุระในกระทรวงมหาดไทย

เกิดขึ้นอีกหน้าหนึ่ง แลไม่เป็นการเรียบร้อยถูกต้องตามแบบความคิดที่จะจัดการคลัง
เพราะฉะนั้นการป่าไม้แลภาษีไม้ขอนสักนี้ ถ้าจะว่าแล้วควรขึ้นอยู่ในคลัง แต่เพราะเหตุว่าคลังเพิ่ง


จะลงมือจัดการเปล่ยนแปลงใหม่ แลยังไม่มีอํานาจท่วถึงไปในหัวเมือง ถ้าจะให้จัดการแต่แรกก็จะเป็นท ่ ี
ถอคความพระราชหัตถเลขาที่ ๖๒/๓๘๕ ขัดข้องด้วยอํานาจท่จะจัดการให้ตลอดได้ จึงเห็นว่าควรแล้วท่จะให้ขึ้นอยู่ในกระทรวงมหาดไทยไปพลางก่อน


วันที่ ๑๘ กันยายน ร.ศ. ๑๑๕
แต่ให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพระคลังปฤกษาหาฤากันในเรื่องที่จะรับเงินส่งเงิน แลให้งบ
ประมาณรับแลจ่าย ซึ่งควรแลได้สั่งแล้ว ให้ข้าหลวงเมืองลาวเฉียงยื่นอย่าให้เป็นการหละหลวมเหมือนอย่าง
เช่นเป็นอยู่ทุกวันนี้

10 11

ตามข้อความซึ่งมิสเตอร์สเลดแนะนํา ข้อ ๑ ควรให้แจ้งแก่รัฐบาลต่างประเทศ ว่าจะไม่ลงดวงตรา


อนุญาตให้รับเช่าทําป่าไม้อีกน้น ให้แจ้งความไปยังกระทรวงต่างประเทศ การท่จะไม่ลงดวงตรารับเช่าทํา

ป่าไม้ต่อไปนั้น ก็เป็นน่าที่ของกระทรวงมหาดไทยป้องกันอยู่แล้ว
ร่างสัญญาป่าไม้ใหม่นี้ ให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยนําขึ้นปฤกษาในที่ประชุมเสนาบดี
กรมป่าไม้นั้น เป็นตกลงให้ตั้ง บันดาป่าไม้ทั้งปวง แลด่านภาษีเมืองไชยนาท ให้อยู่ในกระทรวง
มหาดไทย
ให้นําร่างพระราชบัญญัติการป่าไม้เสนอที่ประชุมรัฐมนตรี
การทั้งปวงนี้ได้สั่งไปยังกระทรวงพระคลังมหาสมบัติด้วยแล้ว ให้ส่งหนังสือต่าง ๆ ตามที่ได้ส่งมานี้
ไปให้เสนาบดีกระทรวงการคลังมหาสมบัติพิจารณาข้อความแล ปฤกษาหาฤๅกันให้ตลอด
สยามินทร์




































พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หัว (ประทับหัวแถว ซ้ายสุด) ทรงฉายร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์


เจ้านาย และข้าราชบริพาร ระหว่างการเสด็จประพาสต้นคร้งท่สอง เมืองกําแพงเพชร พุทธศักราช ๒๔๔๙
10 11

ตราประจากรมป่าไม้


รูปตราประจ�ากรมป่าไม้ คือ ตราพระราชลัญจกรประจ�าแผ่นดิน



ในรัชกาลท่ ๕ กรมป่าไม้ใช้ตราน้เป็นตราประจากรมเพราะเป็นหน่วย


ราชการท่สถาปนาต้งข้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า


เจ้าอยู่หัวโดยมีช่อกรมอยู่ด้านล่าง
พระราชลัญจกรประจาแผ่นดิน หรือ ตราแผ่นดินองค์น้ พระบาท



สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้นจัดอยู่ในประเภท
ตราสมัยใหม่เรียกว่า ตราอาร์ม
ผู้ออกแบบคือ หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย
ส่วนรูปปลายของตรา เป็นรูปเครื่องขัตติยราชอิสริยยศ
ส่วนที่อยู่ตรงกลางของตรา เป็นรูปโล่แบ่งเป็น ๓ ส่วน ประกอบด้วย
ส่วนบน เป็นรูปช้างไอยราพต
ตราพระราชลัญจกรประจ�าแผ่นดิน ในรัชกาลท่ ๕

ด้านล่างซ้าย คือ ช้างเผือก

ด้านล่างขวา คือ กริช ซ่งหมายถึง ขอบขัณฑสีมาในรัชสมัยของ
พระองค์ อันประกอบด้วย สยามส่วนกลาง ส่วนเหนือ และสยามส่วนใต้



เหนือโล่ข้นไป คือ จักรและตรี เป็นเคร่องหมายแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
เหนือรูปจักรและตร เป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ สองข้างของพระมงกุฎ

เป็นรูปฉัตร ๗ ชั้น มีราชสีห์ประคองอยู่
ด้านบนซ้ายของโล่ เป็นพระแสงกระบี่อาญาสิทธิ์
ด้านบนขวาของโล่ เป็นพระแสงดาบอาญาสิทธิ์

รอบโล่ เป็นพระมหาสังวาลนพรัตน์และสังวาลเคร่องราชอิสริยากรณ์




จลจอมเกล้า เคร่องประกอบพระราชอิสริยาภรณ์ท้งหมดน้มีฉลอง

พระครุยโอบเบ้องหลัง

ตราประจากรมป่าไม้
หมายเหตุ :
๑) กรมป่าไม้ได้มีหนังสือ ที่ กษ ๐๗๐๑/๒๒๖๔๐ ลงวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ถึงกรมศิลปากร ขอความร่วมมือในการค้นประวัติความเป็นมาของเครื่องหมาย
กรมป่าไม้หรือตราประจ�ากรมป่าไม้
๒) กรมศิลปากรได้มีหนังสือ ที่ ศธ.๐๗๐๕/๒๔๗๕ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
แจ้งว่าได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ท�าให้ทราบประวัติความเป็นมาของ
ตราประจ�ากรมป่าไม้ดังกล่าวข้างต้น
๓) ปัจจุบันตราประจากรมป่าไม้แบบด้งเดิมน้ ยังคงให้ประกอบเคร่องหมายท่หน้าหมวก





ส�าหรับเครื่องแบบข้าราชการ ชุดอนุรักษ์ ๒/๒
12 13


ตราประจาตาแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้

รูปพระพิรุณทรงนาคอยู่ภายในเรือนแก้ว มีต้นสักอยู่ท้งสอง

ข้างของเรือนแก้ว เบ้องล่างเป็นรูปท่อนซุงต้นสัก และท่อนซุงหมาย

ความถึงการป่าไม้ (๑)

รูปกลมศูนย์กลางกว้าง ๖ เซนติเมตร ลายกลางเป็นรูปพระ
พิรุณทรงนาคอยู่ในเรือนแก้วมีต้นไม้สักอยู่สองข้างของเรือนแก้ว เบ้องล่าง

มีรูปท่อนซุงวางเรียงอยู่ (๒)




รูปพระพิรุณทรงนาคอยู่ในเรือนแก้ว เป็นเคร่องหมายของ

กระทรวงเกษตราธิการ ส่วนต้นไม้สักอยู่สองข้างของเรือนแก้ว เบ้องล่าง

มีรูปท่อนซุงเรียงอยู่เป็นเคร่องหมายของกรมป่าไม้ ซ่งมีหน้าท่บารุง



รักษาป่าไม้ ซึ่งโดยเฉพาะไม้สักอันเป็นทรัพยากรส�าคัญของประเทศให้
เจริญยั่งยืนและสามารถให้ผลิตผลโดยสม�่าเสมอเป็นการถาวร (๓)























หมายเหตุ :


๑) คัดจากคาช้แจงรายละเอียด ในดวงตราประจาตาแหน่ง ราชการต่างๆในกระทรวง



เกษตราธิการ เอกสารแนบท้าย พระราชบัญญัติ เครื่องหมายราชการ พุทธศักราช
๒๔๘๒ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๖ หน้า ๑๓๘๙ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๒
๒) คัดจากราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ ๒๐ เล่ม ๖๔ หน้า ๗๘๘ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๐


๓) คัดจากหนังสือกระทรวงเกษตราธิการ ท่ ๑๐๘/๒๔๙๕ วันท่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕
๔) ปัจจุบันกรมป่าไม้ ได้ใช้ตราประจ�าต�าแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้นี้ เป็นตราประจ�ากรมป่าไม้
ในราชการทั่วไป โดยมีค�าว่ากรมป่าไม้อยู่ด้านล่างของตรา
12 13

วิสัยทัศน์ พันธกิจ






เป็นหน่วยงานมุ่งม่นรักษาป่า ส่งเสริมไม้มีค่า ป่าชุมชน ๑. ป้องกัน และรักษาพ้นท่ป่าไม้ให้คงอยู่


คนอยู่กับป่า เพ่มพ้นท่สีเขียว เพ่อความสุขของคนไทย ๒. เพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ สนับสนุนการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และฟื้นฟู พื้นที่


ปาไมให้อุดมสมบูรณ์ ตอบสนองความต้องการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม


และส่งแวดล้อม

๓. บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้โดยการมีส่วนร่วม
๔. บริการจัดการที่ดินป่าไม้อย่างเป็นระบบและเป็นธรรม เพื่อให้คนอยู่ร่วม
กับป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน
๕. วิจัยและพัฒนา เพ่อสร้างนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยี ในการ

อนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้

๖. พัฒนาความสามารถเชิงรุกขององค์กร ท้งระบบ กลไก ข้อมูลสารสนเทศ
และปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ให้ทันสมัย ให้เหมาะกับภาวการณ์
ปัจจุบัน

14 15

เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ร่วมพิธีสวนสนามเนื่องในวัน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา
รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน
ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒













14 15


สารจากองคมนตร


อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร

ธรรมชาติและส่งแวดล้อม

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนา






จดตงกรมปาไม เม่อวันท่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๓๙ (ร.ศ. ๑๑๕) เพ่อให้กรมป่าไม้เป็นหน่วยงานหลัก


ในการปกปักรักษาและดูแลทรัพยากรป่าไม้อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของประเทศ จึงต้องมีการบริหารจัดการให้
เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
จวบจนวันนี้ ความคาดหวังของประชาชนต่อกรมป่าไม้ในการรักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติที่ส�าคัญยิ่ง







นยงคงไมเปลยนแปลง อีกท้งยังคาดหวังให้กรมป่าไม้ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรใน
พื้นที่ป่าไม้ให้ส�าเร็จสมบูรณ์เพิ่มมาด้วยอีกประการหนึ่ง จึงขอให้กรมป่าไม้ได้น้อมน�าแนวทางพระราชด�าริของ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนาง
เจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ท่พระราชทานไว้เก่ยวกับการแก้ไขปัญหาและ






ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศป่าไม้ รวมถึงการแก้ไข ปัญหาเชิงพ้นท่เพ่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่าง




สมดุลและย่งยืน และท่สาคัญคือ ขอให้น้อมนาแนวทางพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามา

ธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม
บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ที่ทรงตั้งพระราชปณิธานแน่วแน่ในการสืบสานรักษา
ต่อยอด ให้เกิดการพัฒนาเพื่อสร้างความผาสุกให้พสกนิกรของพระองค์ ดังนี้แล้ว กรมป่าไม้จึงเป็น หน่วยงาน







สาคัญหน่วยงานหนึ่งท่จะปฏิบัตราชการเพ่อบาบัดทุกข์บารุงสุขให้ ประชาชนตามบทบาทและอานาจหน้าท ่ ี
อันเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาท่สุดมิได้



เน่องในโอกาสท่กรมป่าไม้ ครบรอบ ๑๒๓ ปี กระผมจึงขอส่งความปรารถนาดีมายังผู้บริหาร

ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าท่กรมป่าไม้ทุกท่าน ให้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพท้งกายและ

ใจท่แข็งแรง เปี่ยมด้วยพลังอันเกิดจากความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย และจิตอาสาในการปกป้องดูแล

ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศให้ม่นคงสถาพร เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานสืบไป คิดหวังส่งใดอันเป็นมงคล


จงประสบแต่ความสาเร็จโดยถ้วนท่วกัน


พลเอก
ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
องคมนตรี
16

สารจากอดีต



อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและส่งแวดล้อม


จากอดีตจวบจนปัจจุบันกรมป่าไม้ได้มีการปรับโครงสร้างและบทบาทภารกิจให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นหน่วยงานหลักของประเทศในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ เป็นฐานการ



พัฒนาประเทศท้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่งแวดล้อม ให้ได้อย่างสมดุลและย่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติเป็นสาคัญ

ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การน�าของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีนโยบายมุ่งเน้นการปฏิรูปประเทศไปสู่ความ
มั่นคง มังคั่ง และยั่งยืน ด้วยการเปลี่ยนแนวคิดในการบริหารจัดการ การแก้ไขกฎหมาย การสร้างสมดุลธรรมชาติ และให้น�า
เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านการดูแล ป้องกัน และจัดการทรัพยากรป่าไม้ โดยน�าเอาความสุขของ
ประชาชนเป็นตัวตั้ง มุ่งเน้นให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงจากความหวาดระแวงให้เกิดเป็น
ความไว้วางใจ และพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และให้สามารถน�าแนวคิดที่ปรับเปลี่ยนไปสู่การปฏิบัติ
สนองความต้องการของประชาชน โดยได้เปลี่ยนพื้นที่ผิดกฎหมายเป็นพื้นที่อนุญาต เปลี่ยนไม้หวงห้ามเป็นไม้มีค่า สร้างการ
มีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาป่า และใช้ประโยชน์จากป่าได้เท่าที่จ�าเป็นตาม พ.ร.บ. ป่าชุมชน แก้ไขปัญหาที่ดินท�ากิน
ลดความเหลื่อมล�้า ตามแนวทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ "รัฐได้ป่า ประชาชนได้ที่ท�ากิน บนผืนดินเดียวกัน" ภายใต้
แนวคิด "ไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า" เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชน และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และหวังเป็น

อย่างย่งว่ากรมป่าไม้ยุคใหม่จะยังคงเป็นหน่วยงานท่มีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นในการป้องกันดูแลรักษาป่าของประเทศให้เกิด

ความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนตลอดไป
ในพุทธศักราช ๒๕๖๒ นี้ นับเป็นปีมหามงคลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ตลอดจน

วาระครบรอบ ๑๒๓ ปี ของการก่อตั้งกรมป่าไม้ ผมขอส่งความปรารถนาดีมายังคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกคน
ด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งขออวยพรให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ เพื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มก�าลังความสามารถ
สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ สืบไป


พลเอก


สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม








17

สารจาก


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและส่งแวดล้อม






ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่มีความสาคัญและจาเป็นต่อการดารงชีวิตของทุกสรรพส่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทร



มหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๕ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ต้งกรมป่าไม้ข้นเมื่อวันท่ ๑๘

กันยายน ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) เพื่อบริหารจัดการด้านป่าไม้ให้ประเทศชาติได้รับผลประโยชน์สูงสุด จวบจนปัจจุบัน กรมป่าไม้

ครบรอบ ๑๒๓ ปี ถือเป็นหน่วยงานท่มีภารกิจสาคัญย่งในการดูแล รักษา ป้องกัน สร้างความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ให้เกิดความ




สมดุลและย่งยืน ระหว่างการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ และการสร้างคุณภาพชีวิตท่ดีให้กับประชาชน
กรมป่าไม้ในก้าวย่างปีที่ ๑๒๔ นี้ การด�าเนินงานของหน่วยงานให้ถือเอาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และช่วยเหลือพี่น้อง
ประชาชนเป็นส�าคัญอันดับแรก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาคนรุกป่า หรือป่ารุกคน ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อน ต้องท�าอย่างละมุน
ละม่อม อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน หัวใจส�าคัญของการอนุรักษ์ ต้องท�าให้คนที่อยู่ในพื้นที่ คนที่อยู่กับป่า ไม่รู้สึกว่า ค�าว่าอนุรักษ์นั้น
มารุกรานชีวิตเขา ดังนั้นการสร้างการมีส่วนร่วมและการแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ อปท.
จังหวัด NGOs และองค์กรภาคประชาสังคม ซึ่งมีส่วนส�าคัญในการรับฟังและสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อน�าไปสู่
การแก้ไข ปัญหาร่วมกันให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการดูแลรักษาป่าไม้นั้น การป้องกันมีความส�าคัญกว่าการปราบปราม เพราะถ้าหาก
ต้นไม้ถูกตัด หรือสัตว์ป่าถูกล่าไปแล้ว ไม่สามารถเอาสิ่งเหล่านั้นกลับคืนมาได้ ดังนั้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน




ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยลดความสูญเสียของทรัพยากรธรรมชาติและเพ่มความปลอดภัยกับเจ้าหน้าท่ได้ รวมท้งการเร่งรัดจัดทาอนุบัญญัต ิ
ตามกฎหมายท่ออกใหม่ การปรับปรุงการแก้ไข และยกเลิกระเบียบ มติ ครม. และกฎหมายเพ่อให้มีผลการบังคับใช้ท่สอดคล้องกับสถานการณ์




ปัจจุบัน ในยุคโลกาภิวัตน์ท่โลกมีการเปล่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ได้อย่างทันท่วงที เป็นสิ่งท่หน่วยงานต้องเร่งดาเนินการ รวมถึงต้อง



ท�าการประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจบทบาทอ�านาจ หน้าที่ของหน่วยงานตลอดจน




เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และผลการดาเนินงานของหน่วยงานให้เป็นท่ประจักษ์แก่สาธารณชน และขอให้หน่วยงานน้อมนาแนวพระราชดาร ิ
มาเป็นกรอบในการด�าเนินงาน และบูรณาการด�าเนินงานร่วมกับจิตอาสา พระราชทาน ๙๐๔ วปร. และความเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่ระดับ
ล่างสุด ถือเป็นหัวใจส�าคัญของการดูแลรักษาป่าไม้ของประเทศ หากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมีก�าลังใจและก�าลังกายในการท�างาน ความเข้มแข็ง
ของกรมป่าไม้และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะเกิดขึ้นตามไปด้วย
เนื่องในโอกาสวาระอันเป็นมงคลยิ่ง กรมป่าไม้ ครบรอบ ๑๒๓ ปี ข้าพเจ้าจึงขอให้ค�ามั่นกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทุกท่านว่า จะท�า
ทุกอย่างในอานาจหน้าท่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งแวดล้อม ดูแลเจ้าหน้าท่ทุกคนให้มีแรงกายแรงใจ





ในการดาเนินงาน และขอส่งความปรารถนาดีมายังทุกท่าน ขอให้ประสบแต่ความสุข มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เจริญด้วย
สติปัญญา เพื่อต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนผู้ไม่หวังดีกับป่าไม้ เพื่อด�ารงรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศ
ไว้เป็นมรดกให้กับลูกหลานสืบไป
นายวราวุธ ศิลปอาชา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
18

สารจาก


อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและส่งแวดล้อม




พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความสาคัญของทรัพยากรป่าไม้และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดต้งกรมป่าไม้ข้น



เม่อวันท่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ (ร.ศ. ๑๑๕) เพ่อให้เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติ และให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย




โดยรวมจากวันน้นถึงวันน้ กรมป่าไม้ได้รับการสถาปนาจัดต้งมา ครบรอบ ๑๒๓ ปี ซ่งเป็นห้วงเวลาท่ยาวนาน และการดาเนินงานกรมป่าไม้


ท่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นประจักษ์ ถึงความมุ่งม่น หวงแหน ท่จะควบคุมดูแล รักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้คงอยู่และรักษาสภาพแวดล้อม







เพ่อประโยชน์แก่ประชาชนสืบไป ท้งในด้านการป้องกันรักษาป่า การฟื้นฟูสภาพป่าท่เส่อมโทรม การส่งเสริมการปลูกป่าและเพ่มพ้นท่สีเขียว




ในทุกพ้นท่ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ โดยนาเทคโนโลยีท่ทันสมัยมาใช้ใน



การปฏิบัติงาน แม้บางช่วงจะมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้างก็สามารถฝ่าฟันมาได้จนวันน้ ท่เป็นยุคของการเปล่ยนแปลงระบบ บริหารจัดการ










ทรัพยากรปาไมที่เนนการมีสวนรวมของภาคสวนตาง ๆ ที่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
ก�าหนดให้บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ในการบ�ารุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐต้องอนุรักษ์คุ้มครอง
บริหารจัดการให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุลและย่งยืน และยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี

(พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ยุทธศาสตร์ท่ ๕ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม กาหนดให้มีพื้นท่ป่าไม้และพ้นท ่ ี









สีเขียวไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๕๕ ของพ้นท่ประเทศท่สอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ กาหนดให้เพ่มสัดส่วนพ้นท่ป่าไม้




ลดอัตราการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้จากเป้าหมายส�าคัญของประเทศน�าไปสู่การจัดท�านโยบายลงไปสู่การปฏิบัติ กรมป่าไม้ในยุคนี้จึงเป็นช่วงของ
การเปลี่ยนแปลงรองรับกับกฎหมายใหม่ ที่จะให้คนอยู่กับป่าและใช้ประโยชน์จากป่าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนที่เป็นภารกิจของ
กรมป่าไม้ที่จะต้องขับเคลื่อนการท�างานควบคู่ไปกับการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ดังนั้นการปรับตัว ปรับเปลี่ยนมุมมองและ





แนวทางการทางานของเจ้าหน้าท่กรมป่าไม้และเครือข่ายต่าง ๆ จึงเป็นส่งจาเป็นอย่างย่งท่จะนาพากรมป่าไม้ให้สามารถตอบสนองต่อ



ความต้องการของประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ ดังน้นการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานท่ชัดเจน การปรับเปล่ยน


การทางานตามหลักธรรมาภิบาล และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ จะสามารถตอบสนองงานด้านต่าง ๆ อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

การลดข้นตอนการบริการระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน หรือประชาชนได้ และให้สอดคล้องกับภารกิจใหม่ท่สาคัญ ประกอบด้วย การส่งเสรม






ป่าเศรษฐกิจ (ชุมชนไม้มีค่า) การบริหารจัดการป่าชุมชน (ป่ากับชุมชนเพ่อคุณภาพชีวิต) การจัดการท่ดินป่าไม้ (คนอยู่กับป่าอย่างเก้อกูล)



และการเพ่มพ้นท่สีเขียว ควบคู่ไปกับการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทาลายทรัพยากรป่าไม้


ในโอกาส ครบรอบ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงการท�างานในหลายเรื่อง การน้อมน�าแนวทางการพัฒนาตาม
พระราชด�าริมาปรับใช้ในการท�างาน การปรับโครงสร้างที่เหมาะสมกับการท�างาน การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเข้มแข็งและความรัก
ความสามัคคีของเจ้าหน้าที่ การท�างานใกล้ชิดประชาชน และการน�าความต้องการของประชาชนมาเป็นที่ตั้ง ทั้งหมดนี้ ผมขอชื่นชมและ
เป็นก�าลังใจเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทุกท่านที่ทุ่มเทก�าลังกายก�าลังใจให้กับการท�างาน จนท�าให้ปัจจุบัน กรมป่าไม้มีผลการท�างานที่ประจักษ์
ต่อส่วนรวมและเพื่อให้ก้าวต่อไปในปีที่ ๑๒๔ และปีต่อ ๆ ไปอย่างมั่นคง ขอให้ทุกท่านร่วมมือร่วมใจกันท�างานด้วยความรักความสามัคคี
เพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของประชาชนทั้งประเทศส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานไทย และเป็นกรมป่าไม้ยุคใหม่ที่รักป่า
และรักประชาชนอย่างแท้จริง
นายวิจารย์ สิมาฉายา
อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
19

สารจาก



ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งแวดล้อม





พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๕ ได้ทรงม ี
พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมป่าไม้ขึ้นเมื่อ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ เพื่อบริหารจัดการ
ป่าไม้ทั้งปวงให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ โดยกรมป่าไม้ได้มีแนวทางการด�าเนินงานเปลี่ยนแปลง และ
สอดคล้องตามสถานการณ์บ้านเมืองแต่ละยุคสมัย
ในช่วงเวลาท่ผ่านมากรมป่าไม้ได้ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าท่ของหน่วยงาน เพ่อให้สามารถ



ด�าเนินการเชิงรุก ตอบสนองความต้องการและให้เกิดความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น และในการบริหารจัดการ




ต่อจากน้น้น ขอให้นานโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งแวดล้อม
(นายวราวุธ ศิลปอาชา) ไปสู่การปฏิบัติและขับเคล่อนให้สาเร็จเป็นรูปธรรม คานึงถึงปัญหาความเดือดร้อน







ของพ่น้องประชาชนเป็นหลัก โดยต้องประสานการดาเนินงานกับหน่วยงานท่เก่ยวข้อง เพ่อเช่อมโยงการปฏิบัติงาน







ในระดับพ้นท่ รวมท้งต้องสร้างการรับรู้ในการทางานและวิธีการนาเสนอผลงาน และต้องทาความเข้าใจและ


ปรับทัศนคติในการทางานให้ยึดหลัก "ความถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้อง" ทางานอย่างเต็มท่โดยยึดถือ


ประชาชน จารีตประเพณี ท�าสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด มองไปข้างหน้า มองเป้าหมาย
ของการท�างานเป็นหลักและชัดเจนตามบริบทหน้าที่ของแต่ละคน ทุกคนมีคุณค่าในการท�างาน การไปสู่ความส�าเร็จ
วิธีการอาจแตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน และที่ส�าคัญที่สุดต้องมี ความสามัคคีปรองดอง ไม่มีการแบ่งแยก
เพ่อร่วมกันปกป้องและบารุงรักษาทรัพยากรป่าไม้อันเป็นสมบัติของประเทศชาติให้ม่นคงสถาพรเป็นมรดก



ตกทอดไปยังลูกหลานสืบไป
เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้ ขอส่งความปรารถนาดีมายังผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน
และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทุกคน ให้มีสุขภาพใจ และสุขภาพกายสมบูรณ์แข็งแรง และคิดหวังสิ่งใดอันที่เป็นมงคล
จงประสบแต่ความส�าเร็จสมหวังโดยทั่วกัน
นายจตุพร บุรุษพัฒน์
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


20

สารจาก

ปลัดสานักนายกรัฐมนตร ี






นับเป็นเรื่องดีที่ปี ๒๕๖๑ รัฐบาลมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีและมีแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและ






ส่งแวดล้อมท่เก่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ครบทุกมิติ บางเร่องได้ขับเคล่อนไปจนสาเร็จ และหลายเร่องกาลังเร่ม



ด�าเนินการ หน่วยเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพรท�าหน้าที่เฝ้าระวังและท�างานเชิงรุกอย่างเข้มข้น โดยมีการน�าภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้






ในการติดตามการเปล่ยนแปลงพ้นท่ป่าอย่างต่อเน่อง ทาให้อัตราการท�าลายป่าท่เคยสูงมากได้ลดลง การจัดการป่าชุมชน
มีประสิทธิภาพมากข้นหลังมีพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมท้งการแก้ไขปัญหาท่ดินป่าไม้และฟื้นฟูเขาหัวโล้น



มีรูปธรรมท่ชัดเจนข้น


การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศโดยกรมป่าไม้หน่วยงานเดียวอาจไม่ทันสถานการณ์ จึงมีความ


จาเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันทางาน เพ่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ


ข้าราชการกรมป่าไม้ทุกระดับมีความสาคัญและมีส่วนร่วมในการขับเคล่อนงาน ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจแผนและข้นตอน


การปฏิบัติอย่างชัดเจน
ในวาระที่กรมป่าไม้เวียนมาครบรอบ ๑๒๓ ปี ขอเป็นก�าลังใจให้อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ทุกคนในการบูรณาการปฏิบัติภารกิจที่ซับซ้อนและมีแรงกดดันจากทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันรักษาป่าสมบูรณ์ที่เหลืออยู่ไว้ให้ได้
น้อมน�าศาสตร์พระราชามาฟื้นฟูเขาหัวโล้นทั่วประเทศ และเร่งสนับสนุนการปลูกป่าภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ





ให้มากข้น การดาเนินงานท้งหมดน้เพ่ออนาคตท่ดีของคนไทยและประเทศไทยต่อไป

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ
ปลัดส�านักนายกรัฐมนตรี






21

โลโก้ ประจาหนังสืออนุสรณ์ กรมป่าไม้ ๑๒๓ ปี

“รักป่า รักประชาชน”



แนวคิดการออกแบบ




๑. กรมป่าไม้และต้นไม้ใช้สีเขียวซ่งเป็นสีประจากรมป่าไม้
๒. ตัวเลข ๑๒๓ ปีเป็นเลขไทยเด่นชัดแสดงถึงอนุสรณ์การสถาปนา
กรมป่าไม้ครบรอบ ๑๒๓ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒

๓. ด้านล่างมีค�าขวัญ สีแดง ว่า รักป่า รักประชาชน ซึ่งเป็นแนวคิดของ
อธิบดีกรมป่าไม้คนปัจจุบัน



๔. ฐานล่างเป็นเส้นหนาลักษณะย้มสีนาตาล แสดงถึงผืนแผ่นดินท ่ ี
รองรับประชาชน และแผ่นดินไทย
๕. ล�าต้นของต้นไม้เป็นรูปคนเคียงข้าง ด้วยคนที่แสดงความยินดีต่อ
ต้นไม้ที่เติบใหญ่
























22 23

คานา


อธิบดีกรมป่าไม้


ในโอกาสวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ ๑๒๓ ปี ในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ ได้จัดท�าหนังสือ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้
“รักป่า รักประชาชน” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการท�างาน กรมป่าไม้ในห้วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่ได้เอาความสุขของ
พี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้งโดยได้มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานให้มีความใกล้ชิดกับประชาชน สามารถให้บริการงานทุกด้าน

แบบเบ็ดเสร็จได้ในระดับพ้นท่ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ตอบสนองประชาชนที่ต้องการความรวดเร็วให้ได้อย่างทันท่วงท ี

เพื่อป้องกันรักษาพื้นที่ป่าไม้อันเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งของประเทศ สร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์
จากทรัพยากรป่าไม้ให้ได้อย่างยั่งยืน




กรมป่าไม้ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมกับประชาชนในพ้นท เพ่อร่วมกันแก้ไขปัญหา


ความเดือดร้อนของพ่น้องประชาชน ให้คนอยู่กับป่าได้อย่างย่งยืน เพ่อสร้างความสุขให้กับประชาชนชนคนไทยทุกคน โดยมีกิจกรรม

และผลงานที่เป็นเชิงประจักษ์แก่สาธารณชนในหลายด้าน อาทิเช่น การหยุดยั้งการบุกรุกท�าลายป่า การใช้ข้อมูลจากภาพถ่าย
ดาวเทียมเพื่อติดตามการบุกรุกพื้นที่ป่า และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและจับกุมให้ได้อย่างทันท่วงที


การจัดท่ดินทากินให้ราษฎรตามแนวทางคณะกรรมการนโยบายท่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซ่งถือได้ว่าเป็นนโยบายท่ส�าคัญของ







รัฐบาลเพ่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ไม่มีท่ดินทากิน ให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยและทากินในพ้นท่ได้อย่างถูกกฎหมาย


การตราพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ ยกเลิกไม้หวงห้ามในที่ดินกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และที่ดิน

ท่รัฐอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ และการแก้ไขปัญหาอุปสรรค กฎ ระเบียบ ท่เก่ยวข้องกับการท�าธุรกิจไม้จากป่าปลูกตลอดจน


ผลักดันให้ส่งไม้ไปขายต่างประเทศได้ จนเกิดกระแสการปลูกต้นไม้ มีประชาชนมารับกล้าไม้ไปปลูกเป็นจ�านวนมากอย่างไม่เคย



ปรากฏมาก่อน ซ่งจะช่วยเพ่มพ้นท่สีเขียวของประเทศให้ได้ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ การตราพระราชบัญญัติป่าชุมชน



พ.ศ. ๒๕๖๒ เพ่อให้มีกฎหมายรองรับการดาเนินการป่าชุมชนท่มีการเรียกร้องมาหลายสิบปี จากความมุ่งม่นแก้ไขกฎหมาย


และปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ท�าให้ได้รับความไว้วางใจและความช่วยเหลือจากพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมกันป้องกันรักษาและฟื้นฟู
ทรัพยากรป่าไม้ ให้อุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป และที่ส�าคัญที่สุด พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน

พระราชกระแสชมเชย เจ้าหน้าท่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่าและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรต เน่องในโอกาส


มหามงคลพระบรมราชาภิเษก “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพ่อแผ่นดิน” เชิญชวนคนไทยร่วมปลูกต้นไม้แห่งความจงรักภักด ี

๑๐ ล้านต้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ข้าพเจ้าขอขอบคุณ พี่น้องข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้
ทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการด�าเนินงานต่าง ๆ จนบรรลุผลส�าเร็จ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเพื่อร่วมกัน
ด�าเนินการ “ มุ่งมั่นรักษาป่า ส่งเสริมไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อความสุขของคนไทย” ในก้าวต่อไป
เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้ และก้าวย่างสู่ปีที่ ๑๒๔ ข้าพเจ้าขอให้ พี่น้อง ข้าราชการ พนักงาน และ
เจ้าหน้าท่กรมป่าไม้ ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพกายท่สมบูรณ์แข็งแรงมีสุขภาพใจและกาลังสติปัญญาท่เป็นเลิศ





พร้อมท้ง น้อมนาพระราชกระแสทรงชมเชยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นขวัญกาลังใจและเป็นพลังในการ




ปฏิบัติหน้าท่เพ่อการอนุรักษ์ สนับสนุนการพัฒนาประเทศ ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมเพ่อความสุขของประชาชนสืบไป

นายอรรถพล เจริญชันษา
อธิบดีกรมป่าไม้
22 23

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี (พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๕๓)

























พระเจ้าอินทวิชยานนท์ พหลเทพยภักดี ศรีโยนางคราชวงษาธิปไตย์ มหาอ�ามาตย์โท พลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ
มโหดดรพิไสยธุรสิทธิธาดา ประเทศราชานุภาวบริหารภูบาลบพิตร ราชวงศ์ทิพย์จักรและองค์สุดท้ายแห่งนครเชียงใหม่

สถิตยชิยางคราชวงษ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ ๙ (พ.ศ. ๒๔๕๔ - ๒๔๘๒)
พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๑๖ - ๒๔๔๐)





24

การป่าไม้ของไทย











ก่อต้งกรมป่าไม้







๑ สถานการณ์ป่าไม้สยามก่อนการถือกาเนิดกรมป่าไม้


๒ การสถาปนากรมป่าไม้ในสมัยรัชกาลท่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙)
๓ กรมป่าไม้ช่วงวางรากฐานภายใต้การบริหารของ

สามเจ้ากรมชาวอังกฤษ (พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๖๖)











25

๑ สถานการณ์ป่าไม้สยามก่อนการถือกาเนิดกรมป่าไม้














ป่าไม้เป็นของขวัญจากธรรมชาติ เป็นสมบัติอันลาค่าท่ทา ใน พุทธศตวรรษท่ ๑๑ - ๑๖ ก่อกาเนิดอาณาจักรทวาราวด ี








ประโยชน์แก่แผ่นดินถ่นประเทศท่ไม้น้น ๆ หย่งรากลงความอุดมสมบูรณ ์ ข้นในแหลมทอง และต่อมาเร่มมีชนชาติไทยต้งอาณาจักรสุโขทัยใน
ของผืนป่า นับต้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเร่อยมาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยมีพ่อขุนศรีนาวน�าถุม รวบรวมบ้านเมืองใน


การค้าไม้และของป่า น�ามาซึ่งผลประโยชน์ทางการค้า และความมั่งคั่ง ลุ่มแม่นายม - น่าน และสถาปนาแคว้นสุโขทัย - ศรีสัชนาลัยข้น



แห่งรัฐรวมท้ง ความเส่ยงในการตกเป็นอาณานิคม ของประเทศมหาอ�านาจ เป็นปึกแผ่น และมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นปกครองอาณาจักรสุโขทัย


ท่ต้องการประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติน้ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ ใน พ.ศ. ๑๗๘๐ - ๑๘๐๑ ซ่งนับว่าเป็นยุคเร่มต้นประวัติศาสตร์ของ




ของพระมหากษัตริย์ไทย สยามจึงรอดพ้นจากวิกฤตได้อย่างสง่างามและ ประเทศไทยที่ชัดเจนมากขึ้น


สามารถก่อต้ง “กรมป่าไม้” เพ่อบริหารจัดการกิจการป่าไม้ไทยได้อย่าง ในสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๒ - ๑๘๔๒)
เป็นระบบและยุติธรรมยิ่ง มบันทึกไว้ว่า เร่มมีการปลูกสร้างสวนป่าตาลข้นเป็นคร้งแรก ใช้เวลา




นาน ๑๔ ปี
๑ ป่าไม้บนพื้นพิภพยุคบรรพกาล ต่อมาในสมัยอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เร่มมีบันทึกท่แสดงให้เห็น



โลก เป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาล ท่อุบัติข้นมา ว่าไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าเป็นของที่มีมากเก็บหาง่ายและใช้ประโยชน์

ราว ๔,๕๐๐ ล้านปี และก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตซึ่งเริ่มวิวัฒนาการจากทะเล ได้หลากหลาย และยังปรากฏว่ามีการรู้จัก "ไม้หอม" และ "อาพันทอง"




ใน ๔,๐๐๐ ล้านปีต่อมา สาหรับต้นไม้และพืชพรรณเร่มเกิดข้นบน นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานว่าในปี พ.ศ. ๒๑๔๘ ในรัชสมัยสมเด็จ

พื้นพิภพมาตั้งแต่ยุคไซลูเรียนแห่งธรณีกาล หรือประมาณ ๔๔๔ ล้านปี พระเอกาทศรถ (พ.ศ. ๒๑๔๔-๒๑๕๓) กษัตริย์องค์ท่ ๑๙ แห่งกรุงศรีอยุธยา

และขยายตัวเติบโตข้นเป็นป่าสมบูรณ์ในยุคคาร์บอนิฟอรัส เม่อประมาณ และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีชาติมหาอานาจ เช่น เนเธอร์แลนด์


๓๕๙ ล้านปี ดังนั้น ป่าไม้จึงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เพื่อสร้างสมดุล โปรตุเกส สเปน เดนมาร์ก ญี่ปุ่น เป็นต้น ได้แผ่อิทธิพลทางการค้า


แก่โลกต้งแต่ยุคดึกดาบรรพ์ก่อนท่จะก่อกาเนิดมนุษย์โบราณเกิดข้น เครื่องเทศ และการค้าของป่า (forest products) ได้แก่ งาช้าง น�้าผึ้ง



มาบนโลกเสียอีก ดังนั้น เมื่อมนุษย์ถือก�าเนิดขึ้นมา จึงใช้ประโยชน์ เร่ว กระวาน ฝาง รังนกนางแอ่น และอื่น ๆ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ทรัพยากรป่าไม้ในการเก็บหาของป่าและล่าสัตว์เป็นอาหาร เป็นสมุนไพร
รักษาโรค และใช้ไม้ก่อสร้างบ้านเรือน ท่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยใน ๓ กิจการป่าไม้ไทยยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ยุคแรก ๆ ไม่มี ผู้ใดเป็นเจ้าของ หรือครอบครองป่าที่แท้จริง จนถึงรัชกาลที่ ๔
ราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ เป็นอาณาจักรท่ส่ในประวัติศาสตร์


๒ ป่าไทยบนแหลมอินโดจีน ของไทย เร่มต้งแต่การย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรีมายังกรุงเทพมหานคร


อาณาจักรสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยา




แหลมอินโดจีนท่ต้งของประเทศไทยในปัจจุบัน ในยุคบรรพกาล ซ่งต้งอยู่ทางตะวันออกของแม่นาเจ้าพระยา โดยมีพระบาทสมเด็จ ี


พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักร
เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน ต่อมาเมื่อมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของ โดยเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ (ร.ศ.๑)

เปลือกโลกเม่อราว ๒๐๐ ล้านปี จึงยกตัวข้นเป็นแผ่นดิน มีผืนป่า ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีบันทึกชาวต่างชาติหลายท่าน

ปกคลุม และเป็นท่อยู่อาศัยของมนุษย์โบราณยุคหิน จนกระท่ง บันทึกว่าประเทศสยามมีการส่งออกไม้สักและไม้พะยูง มาต้งแต่ปี




มีเกิดการต้งถิ่นฐานของมนุษย์ในดินแดนแหลมทองขึ้น พ.ศ. ๒๓๖๒ จากจดหมายเหตุของไทย พบว่ามีกิจการป่าไม้ที่น่าสนใจ
26 27

ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๓ คือมีการส่งไม้เป็นส่วยของหัวเมืองฝ่ายเหนือ

รวมท้งมีการส่งไม้สักเป็นส่วยแทนทองคาด้วย แสดงให้เห็นว่าไม้สัก

มีค่าสูงมากประดุจทองค�า
ในปี พ.ศ. ๒๓๗๒ รัชกาลที่ ๓ เริ่มตระหนักว่าไม้สักและไม้

อ่น ๆ จากผืนป่า นับว่าเป็นผลประโยชน์สาคัญของแผ่นดิน จึงเห็นสมควร

ที่จะควบคุมกิจการป่าไม้ให้เป็นกิจลักษณะรัดกุมมากขึ้น โดยการเก็บ


"ภาษีขอนไม้สัก" ท่จะผ่านจากกรุงเทพออกไปต่างประเทศ ท้งน้ได้มีการ

ตั้ง ขุนจ�าเริญรักษา เป็นเจ้าภาษีไม้ขอนสัก นอกจากไม้สักแล้ว ยังพบ
ว่ามีการส่งออกไม้กระยาเลยชนิดต่างๆ เช่น ตะแบก ตะเคียน ยาง และ
อุโลก ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาท�าไม้ในประเทศสยามนั้น มีหลายชาติ
ด้วยกัน เช่น มอญ พม่า และอังกฤษ ส�าหรับ "สักใหญ่" ที่ใช้งานใน กองเกวียนบรรทุกไม้
ประเทศนั้น ก็มีการแปรรูปใช้งานก่อสร้างทั่วไป สร้างบ้านเรือน ท�าไม้

หลักแพ เสากระโดง เพลาใบ และทวน เป็นต้น พายัพของสยาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน ๕ นครสาคัญ อันได้แก่
จะเห็นว่า ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ ไม้และผลิตผลจาก นครเชียงใหม่ ล�าพูน ล�าปาง แพร่ และน่าน
ป่าไม้ในประเทศเป็นของท่มีมาก เก็บหามาใช้ประโยชน์ได้หลายประเภท เจ้าผู้ครองนครเหล่าน้ ซ่งมีศักด์เทียบเท่าประเทศราชของ




นับตั้งแต่สร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เป็นฟืนหุงต้มอาหาร เป็นอาวุธในการ กรุงเทพฯ ได้ยืดถือเอาว่า ป่าไม้สักในเขตท้องที่ดังกล่าวเป็นทรัพย์สิน
ล่าสัตว์ ตลอดจนการเก็บผลิตผลท่ได้จากป่า สมุนไพร กระวาน พริกไทย ส่วนของตน ผู้ใดจะท�าไม้สักในป่าท้องที่ใด จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้า




อาพันทอง ไม้หอม งาช้าง และเขาสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น เพ่อการยังชีพ ผู้ครองนครนั้น ๆ โดยยอมเสียเงิน ที่เรียกว่า “ค่าตอไม้” ตามจ�านวน
คนไทยจึงคุ้นเคยกับใช้ประโยชน์จากป่าไม้โดยไม่มีข้อจากัด แต่การ ต้นที่ตัดฟันลง โดยเจ้าของป่าจะส่งคนของตน ออกไปเก็บเงินค่าตอไม้

จัดการเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากป่าไม้นั้น ยังมิได้มีกฎเกณฑ์ใด จากผู้ตัดฟันตามก�าหนด แล้วน�าเอาเงินมาให้กับเจ้าของป่า เพื่อน�าขึ้น
กาหนดแน่นอน และมิได้อยู่ในความควบคุมของรัฐบาล ราษฎรต่าง ถวายเจ้าผู้ครองนคร ทั้งนี้ เจ้าผู้ครองนครจะแบ่งเงินจ�านวนนั้นออก


ตัดฟันเอาไปใช้สอยหรือซ้อขายกันโดยเสรี ผลประโยชน์จึงตกอยู่กับ เป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนหนึ่งเป็นของเจ้าป่า ส่วนที่สองให้กับคนเก็บ
บุคคลบางกลุ่ม มิใช่รัฐบาลหรือประชาชนของประเทศโดยรวม ค่าตอไม้ และส่วนท่สามเป็นของเจ้าผู้ครองนคร นอกจากน้ เจ้าผู้



ในปี พ.ศ. ๒๓๙๕ สมัยรัชกาลที่ ๔ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๑๑) ครองนครจะยก ป่าใดในท้องที่ของตนให้แก่ผู้ใดก็ได้ และเมื่อเจ้าของ
ภายหลังการท�าสนธิสัญญาบาวริ่ง (Bowring Treaty) ระหว่างอังกฤษ ป่าถึงแก่กรรมลงป่าไม้นั้นก็ตกเป็นทรัพย์สินอยู่ในกองมรดกด้วย

กับไทย ส่งผลให้บรรดาบริษัทสัญชาติอังกฤษท่มีกิจการทาไม้สัก แต่ในการทาไม้น้น มิได้มีการควบคุมให้ถูกต้องตามหลักทาง





ท่พม่าขยายกิจการทาไม้สัก เข้ามาทางภาคเหนือของประเทศไทย วิชาการ เช่น ไม่มีการก�าหนดว่าจะตัดไม้จากป่าใด เป็นจ�านวนเท่าใด




แต่อานาจการอนุญาตให้สัมปทานการทาไม้แก่ต่างชาติ ยังคงเป็น มีขนาดโตอย่างตาท่สุดเท่าใด หรือจะตัดฟันในตอนไหน ส่งผลทาให้


ของเจ้าผู้ครองนครฝ่ายเหนือท้งหมด ทรัพยากรป่าไม้ลดลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การอนุญาตให้ท�าป่าไม้ของผู้เป็นเจ้าของป่าต่างๆ
๔ สถานการณ์การท�าป่าไม้สักทางภาคเหนือ ก็มิได้เป็นไปโดยยุติธรรม เป็นเหตุให้มีขัดแย้งและการพิพาทระหว่าง
ยุคเจ้าผู้ครองนคร ในสมัยรัชกาลที่ ๔
ผู้ขออนุญาต ผู้รับอนุญาต และเจ้าของป่าเสมอจนมีผู้เดือดร้อนย่น


จากบันทึกต่าง ๆ พบว่าป่าสักมีมากทางภาคเหนือหรือทาง เร่องราวร้องทุกข์ต่อรัฐบาลสยามท่กรุงเทพฯ อยู่เสมอ ื
26 27

๖ สถานการณ์ปัญหายุ่งเหยิงของการทาไม้ในภาคเหนือ


ยุคสมัยรัชกาลท่ ๕
เหตุการณ์ ความยุ่งเหยิงของการเช่าป่าท�าไม้สักใน ๕ นคร
ภาคเหนือเกิดขึ้นตลอดในรัชกาลที่ ๔ ต่อเนื่องจนมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๕
รัฐบาลจึงได้ ตราพระราชบัญญัติผู้รักษาเมือง จุลศักราช ๑๒๓๖


(พ.ศ.๒๔๑๗) ว่าด้วยการอนุญาตทาป่าไม้สักและการทาสัญญากับ
ชาวต่างประเทศ โดยบัญญัติว่าสัญญาที่ผู้รักษาเมือง หรือผู้ครองนคร

จะกระทากับชาวต่างประเทศน้น จะต้องได้รับสัตยาบันจากรัฐบาล

ท่กรุงเทพฯก่อน จึงจะมีผลใช้บังคับได้ นอกจากน้ พระบาทสมเด็จ


พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงมี พระบรมราชโองการว่าด้วยภาษ ี
ไม้ขอนสักและไม้กระยาเลย จ.ศ. ๑๒๓๖ (พ.ศ. ๒๔๑๗) ว่าด้วย

การออกใบอนุญาตทาไม้และจัดเก็บภาษีให้มีระเบียบ และมาตรฐาน
เดียวกันและรัฐบาลได้แห่งหนึ่งให้แก่บุคคลเกินกว่า ๑ คน ไว้ในสัญญา
ทางพระราชไมตรีอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๖ อีกด้วย
อน่ง รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจาเป็นในการท่จะควบคุม



การท�าป่าไม้ให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ พระเจ้าน้องยาเธอ
กรมหลวงพิชิตปรีชากร เสด็จขึ้นมาจัดราชการที่นครเชียงใหม่ ได้ทรง



พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปลยนแปลง ให้มีข้อสัญญารัติไฟ (Ratify - การให้สัตยาบัน) ข้นโดย
เงินค่าตอ ให้ตกเป็นของรัฐบาลทั้งสิ้น
๕ รัชกาลที่ ๕ ทรงแต่งตั้งพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ซื้อไม้ขอนสัก และในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง
ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ รัฐบาลได้ประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง
เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ไม้ขอนสักอีกสองฉบับ ทั้งนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ (ร.ศ.๑๑๑) พระยาทรง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ ตั้งเจ้าอุปราชอินทนนท์ขึ้นเป็นเจ้านครเชียงใหม่ทรงยศ สุรเดช ได้ขึ้นมาเป็นข้าหลวงใหญ่รักษาราชการมณฑลพายัพ ได้จัดให้



และพระนามว่า “พระเจ้าอินทวิชยานนท์ พหลเทพยภักดี ศรีโยนาง- มีข้อสัญญาเพ่มข้นอีกหลายข้อ เช่น เม่อผู้รับเช่าตัดฟันต้นไม้สักลง
คราชวงษาธิปไตย์ มโหดดรพิไสยธุรสิทธิธาดา ประเทศราชานุภาว- ต้นหนึ่งต้องปลูกไม้สักเล็กแทน ๔ ต้น เป็นล�าดับไป
บริหารภูบาลบพิตร สถิตยชิยางคราชวงษ พระเจ้านครเชียงใหม่ การที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องดังกล่าว นอกจากจะเป็น



องค์ที่ ๗ (พ.ศ.๒๔๑๖ - ๒๔๔๐) สืบต่อจากพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ หนทางให้ผลประโยชน์ของแผ่นดินเพ่มพูนงอกเงยข้นแล้ว ยังทาให้

นอกจากน้ทรงขอเจ้าหญิงดารารัศมีพระราชธิดาองค์สุดท้อง ของพระเจ้า กิจการท�าไม้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย ต่อมาเมื่อต่างประเทศได้ทราบ
อินทวิชยานนท์ มาเป็นพระราชชายาด้วย นับเป็นพระราชวิเทโศบาย ว่าประเทศไทยมีป่าไม้อันมีค่ามาก ก็พากันเข้ามาขออนุญาตประกอบ


ในการสร้างสัมพันธไมตรีกับเจ้านครเชียงใหม่ เพ่อประโยชน์ในการ อาชีพทาไม้มากข้น จนเกิดการแข่งขันแก่งแย่งกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา







บริหารปกครอง และการโอนอ�านาจการครอบครองสิทธิ์ในพื้นที่ป่าไม้ เพอให้ได้รับอนุญาตในการทาไม้ จนทาให้บรรดาผู้ทาไม้ท่ได้รับ


และการบริหารกิจการป่าไม้ของเจ้านครทางภาคเหนือ เป็นของแผ่นดิน ความเดือดร้อน แจ้งเร่องราวร้องทุกข์ไปยัง กระทรวงมหาดไทยเป็นจานวน
ส่วนกลางต่อไปในภายหน้า มากเพื่อขอให้เข้าควบคุมการท�าไม้ให้พ้นจากความวุ่นวายดังกล่าว
28 29

ในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสตรวจสภาพป่าไม้




อน่ง ในปี พ.ศ. ๒๔๓๒ พระยาดารงราชพลขันธ์ ดารงตาแหน่ง ตกเป็นของหลวง แต่คร้นจ้างมาแล้วจึงมอบให้เอกชนทากิจการไม้



ราชทูตสยามประจากรุงเบอร์ลิน ท่านได้เห็นความเจริญก้าวหน้า นั้นแทน และมอบหมายให้นายเอฟ. เตอ แคสเตนสกอยด์ ช่วยราชการ
ของกิจการป่าไม้ในประเทศเยอรมนี ท่านได้ให้ความสนใจและเล็งเห็น กระทรวงมหาดไทยต่อไป
ถึงความสาคัญของการป่าไม้ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ของประเทศจึง ใน พ.ศ. ๒๔๓๕ กระทรวงเกษตรพานิชการ ได้แต่งตั้ง นายษร

เสนอข้อคิดเห็นผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ประเทศไทย เป็นข้าหลวงตรวจการป่าไม้ ออกไปตรวจการป่าไม้ แขวงเมืองตาก
ปรับปรุงเกี่ยวกับกิจการป่าไม้ใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และดูกิจการเพาะปลูก การทาไม้ และศึกษาวิชาป่าไม้ในประเทศอินเดีย




จากปัญหาป่าไม้ และความรู้เร่องการสอนวิชาการป่าไม้ดังกล่าว และพม่า ท่านออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เม่อวันท่ ๒๑ ตุลาคม
รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจาเป็นใน การแก้ปัญหาการทาไม้ และกาหนด ร.ศ. ๑๑๑* ผ่านนครสวรรค์ ตาก แม่สอด จนถึงพม่า และเมืองโกลกาตา





ระเบียบให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยการว่าจ้างผู้มีความรู้ และประสบการณ์ ประเทศอินเดีย เม่อวันท่ ๒๗ มีนาคม ร.ศ. ๑๑๑ และได้ทารายงาน



ทางป่าไม้มาจากต่างประเทศ เพ่อช่วยจัดการเร่องป่าไม้ให้มีหลักเกณฑ์ เสนอรัฐบาลเมื่อ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ร.ศ. ๑๑๒* มีข้อความถึง ๖๒ หน้า
ท่ถูกท่ควร และในช่วงเวลาน้นเองมีบุตรขุนนางชาวเดนมาร์ก รับราชการ และส่วนหน่งได้รายงานว่า ในประเทศอินเดีย มีการเรียนการสอน






อยู่ในประเทศไทยคนหนึ่งชื่อ นายเอฟ. เตอ แคสเตนสกอยด์ (Mr.F. วิชาการป่าไม้อยู่ท่ตาบลเดราดูน

de Casten jold) โดยเร่มแรกรับราชการเป็นทหารจนมียศเป็นกัปตัน ใน พ.ศ.๒๔๓๖ กระทรวงมหาดไทยได้ว่าจ้างให้ นายเอฟ.

ท�าหน้าที่เป็นครูอยู่ในกองทหารล้อมพระราชวัง แต่ด้วยที่มีความสนใจ เตอ แคสเตนสกอยด์ เป็นผู้พิจารณาจัดการเก่ยวกับการป่าไม้

ในการป่าไม้ จึงได้สารวจเส้นทางล่องไม้ตามลานาโขง ต้งแต่ เชียงแสนไป ในภาคเหนือ ท่านผู้น้เสนอขอเดินทางไปตรวจ และศึกษางานป่าไม้







จนถึงไซ่ง่อน และภายหลังได้ขออนุญาตเช่าป่าเขตลุ่มแม่นาโขงซ่งไม่เคย ในประเทศพม่า แล้วจะกลับมาช่วยจัดการเร่องป่าไม้ของไทย จึงได้


มีใครคิดท�ามาก่อนทั้งหมด แต่รัฐบาลไทยไม่อนุญาต รับพระบรมราชานุญาต แต่เป็นท่น่าเสียดายท่านผู้น้ได้ล้มป่วยและ


ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ กระทรวงการคลัง ได้จ้าง นายเอฟ. ถึงแก่กรรมที่จังหวัดตากก่อนจะเริ่มด�าเนินการใด
เตอ แคสเตนสกอยด์ เพ่อช่วยจัดการเก็บไม้และทาไม้ของหมอจิก





(Mr. M.A. Cheek) ชาวอเมริกัน โดยใช้เงินในพระคลังมหาสมบัต ิ *หมายเหตุ : การนับ ร.ศ. เร่มจาก วันท่ ๑ เม.ย. ถึงวันท่ ๓๑ มี.ค. ของปีถัดไป


ในการลงทุนทาไม้ แต่ไม่ประสบผลสาเร็จ จนรัฐบาลต้องริบไม้ให้
28 29

๒ การสถาปนากรมป่าไม้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙)










๑ การสรรหาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยปรับปรุง จะได้รับค่าตอบแทนประมาณ ๒๐๐รูปี โดยได้ศึกษาข้อมูลทั่วไปของ

กิจการป่าไม้ในประเทศสยาม
การป่าไม้ในประเทศไทยเป็นประการแรก เพ่อทราบถึงปัญหา และ


จากปัญหาการทาไม้สักในภาคเหนือ และความรู้เร่องวิชา อุปสรรคของการจัดการป่าไม้ในทันที ื



การป่าไม้ท่ก้าวหน้าในประเทศอ่น ๆ ทาให้รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึง ต่อมาในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๙ (ร.ศ. ๑๑๔)* เขาได้

ความจาเป็นในการแก้ปัญหาการทาไม้ และการกาหนดระเบียบกฎเกณฑ์ ออกเดินทางไปภาคเหนือเป็นเวลานานประมาณ ๕ เดือน เพื่อท�าการ







การสัมปทานไม้ให้รัดกุมย่งข้น โดยท่ประเทศไทยเวลาน้น ขาดผู้ม ส�ารวจกิจการป่าไม้สัก โดยเรือกลไฟลากจูง และมีนักเรียนป่าไม้ฝึกหัด
ความรู้และประสบการณ์ท่เพียงพอ ดังน้น รัฐบาลจึงว่าจ้างผู้เช่ยวชาญ ติดตามไปด้วยจานวน ๕ นาย ตามข้อความท่เขาได้บันทึกไว้ใน “รายงาน







ทางป่าไม้จากต่างประเทศ เพ่อมาปรับปรุงระบบการจัดการป่าไม้ของไทย ของ มร.เอช.เอ. สะเลด เร่องการสารวจป่าไม้ของประเทศสยาม ร.ศ. ๑๑๔



ให้มีหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการมากขึ้น (พ.ศ. ๒๔๓๙) ” (ต้นฉบับแปลสานวนเดิม โดย พระสฤษด์พจนกร) ใน
ในชั้นต้น กระทรวงมหาดไทยก็ได้ว่าจ้างให้ นายเอฟ. เตอ คราวนั้น ดังจะคัดข้อความส่วนหนึ่งดังนี้
แคสเตนสกอยด์ เป็นผู้พิจารณาจัดการเกี่ยวกับการป่าไม้ในภาคเหนือ "วันท่ ๑ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๑๔ เวลาบ่าย


ในปี พ.ศ. ๒๔๓๖ แต่ท่านผู้น้ได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนขณะเดินทาง ๒ โมง ข้าพเจ้าออกจากกรุงเทพฯ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นด�ารง



สารวจกิจการป่าไม้ท่จังหวัดตาก รัฐบาลจึงต้องจัดหาผู้เช่ยวชาญท่านอ่น ราชานุภาพ ประทานเรือแม่ปะให้ไป ๓ ล�า ส�าหรับข้าพเจ้าไปบนเรือ



ให้ดาเนินการต่อไป โดยขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดียของอังกฤษ สบายดี อีก ๒ ล�าน้นเป็นเรือนักเรียน ๕ นาย ที่จัดให้ไปฝึกหัดกับ

กรมพระยาดารงราชานุภาพ ซ่งในขณะน้นดารงตาแหน่ง ข้าพเจ้าลา ๑ อีกลา ๑ เป็นเรือครัวแลคนใช้ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า







เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายความเห็น และได้รบ ใช้เรือกลไฟชื่อ "ออเรียลตัล" จูงไป ล�า ๑ เรือกลไฟจูงเรือ ๓ ล�า ไปจน



พระบรมราชานญาต จากพระบาทสมเด็จพระจลจอมเกล้าเจ้าอย่หว ถึงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๔ เวลาเช้า ๔ โมง ถึงที่น�้าตื้นต้องส่ง

ให้สรรหาผู้ท่จบการศึกษาทางด้านการป่าไม้มารับราชการ โดยมีแนวคิด เรือกลไฟกลับมากรุงเทพฯ แล้วใช้ถ่อขึ้นตามล�าแม่น�้าต่อไป”


ท่จะจัดต้งหน่วยงานด้านการป่าไม้ข้นในประเทศไทย มร.เอช.เอ. สะเลด ได้เดินทางมาถึงเมืองชัยนาทในวันท ๕





กรมพระยาดารงราชานุภาพได้เจรจาขอยืมตัว Mr.H.A. กุมภาพันธ์ ตรวจดูวิธีเก็บภาษีไม้ท่ด่านชัยนาท จากน้นล่องเรือไป


Slade (มร.เอช.เอ. สะเลด) ผู้เชี่ยวชาญทางกิจการป่าไม้ของอังกฤษ ปากน�้าโพ นครสวรรค์ ต่อไปถึงอุตรดิตถ์ในวันที่ ๓ มีนาคม จากนั้นก็
ข้าราชการ สังกัดกรมป่าไม้พม่า จากรัฐบาลอินเดีย ซึ่งรัฐบาลอินเดีย เดินทางด้วยช้างไปถึงจังหวัดแพร่ในวันท่ ๘ มีนาคม และต่อไปยังลาปาง



ก็ได้เอ้อเฟื้อให้รัฐบาลไทยยืมตัว มร.เอช.เอ. สะเลด มาช่วยงานใน ล�าพูน และเดินทางถึงเชียงใหม่ในวันที่ ๒ เมษายน ร.ศ. ๑๑๕ ได้มีเวลา

ประเทศไทย ชั่วคราวในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ มีก�าหนดเวลา ๓ ปี ไต่สวนสอบถามวิธีการจัดการป่าไม้ในเมืองเชียงใหม่ รวมท้งสืบถามผู้รับ
เช่าท�าไม้และคนท�าไม้ ได้ข้อมูลสมควรแก่เวลา
๒ การเดินทางส�ารวจข้อมูลด้านการป่าไม้ในภาคเหนือโดย เชียงใหม่ และได้พักอยู่เมืองตาก ๕ วัน แล้วกลับถึงกรุงเทพฯ ใน

“วันท่ ๒ มิถุนายน ร.ศ. ๑๑๕* ข้าพเจ้ากลับจากเมือง
มร.เอช.เอ. สะเลด เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙
มร. เอช.เอ. สะเลด ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ในเดือน มกราคม วันที่ ๒๑ มิถุนายน ร.ศ.๑๑๕”



พ.ศ.๒๔๓๙ (ร.ศ. ๑๑๔) เม่อแรกเข้ารับราชการได้รับเงนเดอนและ *หมายเหตุ : วันท่ ๑ ก.พ. ร.ศ. ๑๑๔ และ ๒ มิ.ย. ร.ศ. ๑๑๕ ยังคงเป็นปี พ.ศ. ๒๔๓๙



เบ้ยเล้ยงรวมกันเดือนละ ๑,๗๕๐ รูปี ในขณะท่ข้าราชการกรมป่าไม้ โดยท่การข้น ร.ศ.ใหม่ของไทยจะเปล่ยนในวันท่ ๑ เม.ย.





30 31




รวมเวลาท่ มร.เอช.เอ. สะเลด เดินทางไปศึกษาข้อมูลและ รัฐบาลโดยสิทธ์ขาด เพ่อให้การจัดการป่าไม้ของประเทศมีเสถียรภาพ





ส�ารวจไม้ทางภาคเหนือเป็นเวลา ๔ เดือน ๒๑ วัน โดยได้มีโอกาสตรวจ อันม่นคง และรักษาสภาพเช่นน้นไว้ได้ จึงจาเป็นอย่างย่งท่จะต้องต้ง ั


ท่ทาการป่าไม้สาคัญ ๆ ท้งหมด เว้นแต่เมืองน่านกับเมืองสวรรคโลก องค์การในรูปทบวงการเมืองของรัฐบาล ควบคุมและบริหารป่าไม้ข้น




เขาได้พบปะพูดจาไต่สวนโต้ตอบ ในการทาการป่าไม้กับผู้อานวยการของ โดยให้พนักงานท่ได้รับการศึกษาด้านการจัดการป่าไม้มาโดยเฉพาะเป็น




บริษัทท�าไม้ทุกบริษัท และผู้อ�านวยการท�าป่าไม้ฝ่ายไทยและพม่าด้วย ผู้ดาเนินการเพราะการป่าไม้เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหน่ง และควรม ี


ซึ่งทุกแห่งที่เขาเดินทางไปเขาจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี กฎหมายสาหรับควบคุมกิจการป่าไม้ด้วย นอกจากน้ ยังได้เสนอให้ม ี
๓ รายงานการสารวจการป่าไม้ในภาคเหนือ โดย บทบัญญัติ ด้านการจัดการป่าสงวน การบันทึกสิทธิต่างๆ ที่มีอยู่เหนือ




พ้นท่ป่าไม้ การป้องกันป่าไม้ให้พ้นจากการถูกบุกรุกทาลาย การเก็บ





มร. เอช.เอ. สะเลด ได้ทารายงานการเดินทางสารวจกิจการป่าไม้
ม.ร.เอช.เอ. สะเลด เม่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ � เงินผลประโยชน์และการควบคุมไม้ระหว่างเคลอนท และการแก้ไข


แบบสัญญาอนุญาตทาป่าไม้ท่ใช้อยู่ โดยมุ่งเน้นการคุ้มครองรักษาป่าไม้

ในภาคเหนือ และได้กราบทูลถวายความเห็นต่อสมเด็จฯ กรมพระยา มากกว่าการบารุงป่า พร้อมระบุว่าการบารุงป่าน้นควรเป็นหน้าท่ของ




ด�ารงราชานุภาพ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๙ ความยาวรายงาน เจ้าหน้าท่ป่าไม้ รวมถึงค่าตอไม้ควรให้เจ้าหน้าท่ของรัฐบาลเป็นผู้


ถึง ๗๗ หน้า แสดงถึงข้อบกพร่องและข้อเสนอแนะในการทาป่าไม้ จดเก็บแทนพนักงานของเจ้าของป่าดาเนินการ เพ่อแก้ปัญหาการทุจริต




หลายประการ สรุปเป็น ๒ ประการหลัก ดังนี้


๑. การจัดการป่าไม้ในสมัยน้นยังไม่มีระเบียบแบบแผนในการ ๔ รัชกาลท่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา



ควบคุมและคุ้มครองป่าตามหลักการวางโครงการป่าไม้ เพ่อผลระยะยาว กรมป่าไม้ข้นเม่อ พ.ศ. ๒๔๓๙

เป็นเหตุให้สภาพป่าเส่อมโทรมลง ดังน้น ควรดาเนินการสารวจป่า เมื่อ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ



เพื่อก�าหนดจ�านวนต้นไม้ที่จะอนุญาตให้ตัดฟันเป็นรายปี ส่งเสริมให้ใช้ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานของ มร.เอช.เอ. สะเลด โดย
ประโยชน์ไม้กระยาเลย แทนไม้สัก และไม่ควรตัดฟันไม้สักต้นเล็ก ๆ ที่ พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว จึงได้นาความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จ

ยังไม่ได้ขนาด เนื่องจากสถานการณ์ท�าไม้ ณ ขณะนั้น ปรากฏว่ามีการ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพ่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย

ท�าไม้สักออกจากป่าเกินก�าลังผลิตของป่าประมาณ ๓ เท่าครึ่ง รัฐบาล พระองค์มีพระราชด�าริเห็นชอบ และพระราชทานพระราชหัตถเลขา ที่

จึงควรหาวิธีการที่จะลดการท�าไม้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ๖๒/๓๘๕ ลงวันท่ ๑๘ กันยายน ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ.๒๔๓๙) ถึง สมเด็จฯ


๒. ป่าไม้สักทางเหนือของสยามเป็นกรรมสิทธ์ของเจ้าผู้ครองนคร กรมพระยาดารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงพระกรุณา
แทนที่จะเป็นกรรมสิทธิ์ของแผ่นดิน ท�าให้ไม่มีการคุ้มครอง ดูแลรักษา โปรดเกล้าฯ สถาปนากรมป่าไม้ข้น โดยให้สังกัดกระทรวงมหาดไทย

ป่าไม้ตามหลักวิชาการ มีแต่เพียงการเก็บผลประโยชน์จากค่าตอไม้ ดังข้อความในพระราชหัตถเลขาตอนส�าคัญนี้ว่า




ค่าเปิดป่าเท่าน้น การท่เจ้าผู้ครองนครอนุญาตให้บุคคลเช่าทาไม้ได้ “กรมป่าไม้น้น เป็นตกลงให้ต้ง บันดาไม้ท้งปวงแลด่าน




และส่งสัญญา มาประทับดวงตราสัตยาบันจากรัฐบาลท่กรุงเทพฯ ภาษีเมืองไชยนาท ให้สังกัดอยู่ในกระทรวงมหาดไทย ให้นาร่าง


เท่ากับว่า รัฐบาลรับรองว่าป่าไม้เป็นกรรมสิทธ์ของเจ้าผู้ครองนคร พระราชบัญญัติการป่าไม้เสนอท่ประชุมรัฐมนตรี”
ซึ่ง ตามระเบียบแล้วคนต่างประเทศจะสามารถดาเนินการทาป่าไม้ได้ นับแต่บัดน้นเป็นต้นมา กรมป่าไม้ มีช่อภาษาอังกฤษว่า




เมื่อได้รับสัญญาอนุญาตที่รัฐบาลได้ลงดวงตราสัตยาบันให้แล้วเท่านั้น “The Royal Forest Department” เป็นหน่วยงานราชการท ่ ี
ตามที่ มร. เอช.เอ. สะเลด ได้ชี้แจงข้อบกพร่องดังกล่าวแล้ว ควบคุมกิจการป่าไม้ของประเทศไทยโดยเฉพาะ และทางราชการ

ได้เสนอวิธีการแก้ไขที่ส�าคัญคือ รัฐบาลควรต้องเข้าด�าเนินการจัดการ ก็ได้ถือเอาวันท่ ๑๘ กันยายน ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) เป็น

ป่าไม้เสียเอง ไม่ควรปล่อยให้อยู่ในมือของเอกชนคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น วนสถาปนากรมป่าไม้
ป่าไม้สักอันมีค่าของไทยควรจะต้องโอนมาอยู่ในความดูแล ควบคุมของ
30 31

๓ กรมป่าไม้ช่วงวางรากฐานภายใต้การบริหารของ




สามเจ้ากรมชาวอังกฤษ (พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๖๖)






ตามประวัติกรมป่าไม้หลังจากท่สถาปนามาครบรอบ ๑๒๓ ปี ในด้านอัตราก�าลัง จ�าเป็นต้องจัดหาก�าลังให้พอเพียงส�าหรับ
ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ นี้ พบว่าอธิบดีกรมป่าไม้ ๓ คนแรก เป็นชาวอังกฤษ การปฏิบัติงาน โดยใน พ.ศ. ๒๔๔๔ นายทอทเทนแฮม เจ้ากรมป่าไม้



ที่เข้ามาช่วยราชการกรมป่าไม้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๙ - คนท่สองได้เสนอเร่องต่อรัฐบาลขอเพ่ม อัตรากาลังเจ้าหน้าท่ของกรมป่าไม้





๒๔๖๖ รวมเป็นระยะเวลานาน ๒๗ ปี โดยในสมัยน้นเรียกตาแหน่งอธิบด จากเดิมที่มี ๒๕ นาย (คนต่างชาติ ๑๖ นาย และคนไทย ๙ นาย) เพิ่มเป็น
กรมป่าไม้ว่า “Conservator of Forests” หรือ “เจ้ากรมป่าไม้” (ใน ๔๗ นาย และขยายงานจาก ๗ ภาค เป็น ๑๖ ภาค


พ.ศ.๒๔๖๗ จึงเปล่ยนช่อเรียกเป็น “อธิบดีกรมป่าไม้” หรือ “Director ในสมัย มร.ดับบลิว.เอฟ.ลอยด์ เจ้ากรมป่าไม้คนที่ ๓ ด�ารง
General of the Royal Forest Department” จนถึงปัจจุบัน) ตาแหน่งนานถึง ๑๘ ปีน้ ได้ดาเนินการวางรากฐานกรมป่าไม้ด้านต่าง ๆ



เพิ่มเติมอีกหลายประการ เช่น การบ�ารุงป่าโดยการตัดเถาวัลย์ และ
เจ้ากรมป่าไม้ชาวอังกฤษ ๓ คนแรก คือ หว่านเมล็ดพันธุ์ไม้สักบริเวณพ้นท่ว่างในป่า การริเร่มปลูกสวนสัก



๑. Mr. H.A. Slade (เอช.เอ. สะเลด) พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๔๔ เป็นครั้งแรกในท้องที่จังหวัดแพร่ การเปลี่ยนรอบตัดฟันไม้สักจากเดิม

๒. Mr. W.F.L. Tottenham (ดับบลิว.เอฟ.แอล. ทอทเทนแฮม) ๑๒ ปี เป็น ๓๐ ปี การส่งนักเรียนไทยไปศึกษาวิชาการป่าไม้ท้งท ่ ี

พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๔๔๗ วิทยาลัยอิมพีเรียล ฟอเรสต์ ประเทศอินเดีย และท่โรงเรียนเบอร์มา

๓. Mr. W F. Lloyd (ดับบลิว.เอฟ.ลอยด์) พ.ศ. ๒๔๔๘ - ๒๔๖๖ ฟอเรสต์ ประเทศพม่า การย้ายท่ทาการสานักงานกรมป่าไม้จากเชียงใหม่



มาอยูกรุงเทพฯ การตรา พ.ร.บ. รักษาป่า เพื่อเป็นหลักในการควบคุม

เหตุจาเป็นท่ต้องเชิญ นักวิชาการป่าไม้ชาวอังกฤษหรือชาว และรักษาป่าไม้และของป่าต่าง ๆ การริเร่มจัดท�ารายงานกิจกรรมป่าไม้


ตะวันตกเข้ามาบริหารงานป่าไม้ในประเทศไทย เน่องจากสมัยน้น ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๕๗ โดยท�าเป็นภาษาอังกฤษ นับเป็นหนังสือ


คนไทยยังไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ในการจัดการป่าไม้ตามหลัก ประวัติกรมป่าไม้เล่มแรก การจัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาป่าไม้ขึ้นครั้งแรก
วิชาการป่าไม้แผนใหม่ ตามแบบตะวันตกที่ก้าวหน้ามาก่อน ในแผนกยันตรศึกษา โรงเรียนข้าราชการพลเรือนที่วังใหม่สระปทุม
ในยุควางรากฐานกรมป่าไม้นั้น มร.เอช.เอ. สะเลด ได้ด�าเนิน ท�าการสอนวิชาป่าไม้เบื้องต้น หลักสูตร ๒ ปี เป็นต้น ดังรายละเอียด
การจัดระบบ และโครงสร้างการบริหารงานกรมป่าไม้ตามแบบอย่าง เหตุการณ์ส�าคัญในแต่ละสมัยเจ้ากรมต่อไปนี้
ของประเทศพม่าเป็นหลัก และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานร่วมกับชาวต่างชาติ รวมถึง มีชื่อเรียก
ต�าแหน่งต่าง ๆ และใช้หนังสือราชการเป็นภาษาอังกฤษด้วย ในส่วนของ
ส�านักงานที่ตั้งกรมป่าไม้ ก็เริ่มต้นปลูกสร้างอาคารที่จังหวัดเชียงใหม่
ก่อนมีพนักงานเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษ และชาวไทยท�างานร่วมกัน โดย
สมัยปฐมอธิบดีน้ รัฐบาลได้ออกกฎหมายท่เก่ยวข้องกับกิจการป่าไม้





จานวน ๙ ฉบับ ซ่งเป็นรากฐานเร่มต้นท่สาคัญในการกากับดูแลการทาไม้





ในราชอาณาจักรไทย และเร่มวางรากฐานการศึกษาให้กับกรมป่าไม้

โดยขอให้รัฐบาล จัดส่งนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงชาวไทยชุดแรก จ�านวน
๔ นาย ไปศึกษาวิชาการป่าไม้ ณ วิทยาลัยอิมพีเรียล ฟอเรสต์ เมือง
เดห์ราดูน ประเทศอินเดีย
32 33


การทาไม้ในอดีต
32 33

บริหารงานกรมป่าไม้ตามแบบอย่างจากประเทศพม่า โดยมีต�าแหน่ง

อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๑ ต่างๆ ลดหลั่นไปตามล�าดับ ได้แก่ เจ้ากรมป่าไม้ ปลัดกรมป่าไม้ ผู้ช่วย
พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๔๔ เจ้ากรมป่าไม้ รองผู้ช่วยเจ้ากรมป่าไม้ ก�านันป่า และผู้ใหญ่ป่า เป็นต้น
รัฐบาลไทยได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการป่าไม้ไว้รวม ๙ ฉบับ
มร. เอช.เอ. สะเลด* พ.ศ. ๒๔๓๙ ออก พ.ร.บ. ไม้ซุงและไม้ท่อนท่ดวงตราลบเลอน


Mr. H.A. Slade ร.ศ. ๑๑๕
พ.ศ. ๒๔๔๐ ออก พ.ร.บ. รักษาป่า ร.ศ. ๑๑๖ และ พ.ร.บ. รักษา
ต้นไม้สัก ร.ศ. ๑๑๖

การศึกษา พ.ศ. ๒๔๔๑ ออก พ.ร.บ. ป้องกันการลักลอบตีตราไม้ ร.ศ. ๑๑๗

มร.เอช.เอ. สะเลด* เป็นชาวอังกฤษ ผู้เช่ยวชาญการป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๔๒ ออก พ.ร.บ. ป้องกันการลักลอบชักลากไม้สักออก

ท�างานราชการสังกัดกรมป่าไม้ ประเทศพม่า จากป่าท่ยังมิได้เสียค่าตอและภาษีไม้ ร.ศ. ๑๑๘


พ.ศ. ๒๔๔๒ กรมป่าไม้เร่มทดลองการทาไม้สัก โดยภาครัฐ

ประวัติสังเขป พ.ศ. ๒๔๔๓ ออก พ.ร.บ. เปล่ยนวิธีเก็บภาษีไม้กระยาเลย



เม่อต้งกรมป่าไม้ข้นแล้ว รัฐบาลสยามจึงได้ร้องขอไปทาง ร.ศ. ๑๑๙
รัฐบาลอินเดียของอังกฤษ หรือ British India ขอให้ Mr. H.A. Slade พ.ศ. ๒๔๔๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุน


(มร.เอช.เอ. สะเลด) มาช่วยปฏิบัติงานในประเทศสยามเป็นการช่วคราว เล่าเรียนหลวงส่งนักเรียนไทยชุดแรกจานวน ๔ นาย ไปศึกษาวิชา
และในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา การป่าไม้ที่วิทยาลัยอิมพีเรียล ฟอเรสต์ เมืองเดห์ราดูน ประเทศอินเดีย
โปรดเกล้าฯ แต่งต้งให้ Mr. H.A. Slade เป็นเจ้ากรมป่าไม้ คนแรก หลักสูตร ๒ ปี คือนายทองค�า เศวตศิลา (พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์)

เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๙ ในสมัยนั้นชื่อต�าแหน่งต่าง ๆ ใช้เป็น นายวาศ วินทุพราหมณกุล (พระยาพนพลารักษ์) นายเอื้อ ศุภมิตร

ภาษาอังกฤษ เรียกตาแหน่งอธิบดี กรมป่าไม้ว่า “Conservator of (พระยาสมบัติบริหาร) และนายลภ นิยมฤกษ์ (ขุนวนขันท์ประเวศ)
Forests” หรือ “เจ้ากรมป่าไม้” (ใน พ.ศ.๒๔๖๗ จึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น
“อธิบดีกรมป่าไม้” หรือ “Director General of the Royal Forest
Department”)


ด�ารงต�าแหน่ง
๑๖ ตุลาคม ๒๔๓๙ - ๒๔๔๔


เหตุการณ์ส�าคัญ

พ.ศ.๒๔๓๙ เน่องจากพ้นท่ป่าไม้ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ


ของประเทศ มร.เอช.เอ. สะเลด จึงขอให้รัฐบาลไทย จัดตั้งส�านักงาน
กรมป่าไม้ ในท้องท่จังหวัดเชียงใหม่ เพ่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน กรมป่าไม้แห่งแรก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปัจจุบันคือส�านักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ (เชียงใหม่)
* Mr. H.A. Slade สะกดชื่อแปลภาษาไทยเป็น มร.เอช.เอ.สะเลด ตาม
ให้จัดสร้างส�านักงานกรมป่าไม้ขึ้น เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๔๓๙ พระสฤษดิ์พจนกร ที่แปลรายงานของ มร.เอช.เอ.สะเลด เรื่องการป่าไม้ของ
พ.ศ. ๒๔๓๙ มร.เอช.เอ.สะเลด จัดระบบและโครงสร้างการ ประเทศสยาม สมัยก่อนตั้งกรมป่าไม้ ร.ศ. ๑๑๔ (พ.ศ. ๒๔๓๙)
34 35

พ.ศ. ๒๔๔๕ พระยาสถลสถานพิทักษ์ (คอยู่เกียด ณ ระนอง)
อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๒ เป็นผู้น�าพันธุ์ยางพารา จากเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มาปลูก

พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๔๔๗ ในประเทศไทยคร้งแรกท่จังหวัดตรัง



พ.ศ. ๒๔๔๖ นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงชาวไทยชุดแรกจานวน
มร.ดับบลิว.เอฟ.แอล. ทอทเทนแฮม ๔ นาย คือ นายทองด�า เศวตศิลา (พระยาวันพฤกษ์พิจารย์) นายวาศ
Mr. W.F. L. Tottenham วินทุพราหมณกุล นายเอื้อ ศุภมิตร (พระยาสมบัติบริหาร) และนายลพ



นิยมฤกษ์ (ขุนวนขันธ์ประเวศ) ท่ไปศึกษาวิชาการป่าไม้ท่วิทยาลัย
* ปัจจุบันยังไม่ปรากฏภาพของ มร.ดับบลิว.เอฟ.แอล. ทอทเทนแฮม ในเอกสารใด
อิมพีเรียล ฟอเรสต์ เมืองเดห์ราดูน ประเทศอินเดีย หลักสูตร ๒ ปี
การศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ส�าเร็จการศึกษาและกลับมารับราชการในกรม

มร.ดับบลิว.เอฟ.แอล. ทอทเทนแฮม เป็นชาวอังกฤษ ผู้เช่ยวชาญ ป่าไม้


การป่าไม้ ท่ทางานราชการสังกัดกรมป่าไม้ของประเทศพม่า แต่ไม่ปรากฏ พ.ศ. ๒๔๔๖ นายสนิท พุกกะมาน (พระยาดรุพันพิทักษ์) นักเรียน
หลักฐานว่าท่านได้จบการศึกษาวนศาสตร์จากที่ใด และเมื่อใด ทุนหลวงในวิชาการป่าไม้คนแรก จบการศึกษาวิชาการป่าไม้จาก Royal
Indain Engineering College เมือง Cooper’s Hill ได้กลับมารับ
ประวัติสังเขป ราชการกรมป่าไม้
มร. ดับบลิว.เอฟ.แอล. ทอทเทนแฮม (Mr. W.F. L. Tottenham) พ.ศ. ๒๔๔๗ มร. ทอทเทนแฮม เจ้ากรมป่าไม้กราบบังคมทูล
(ในจดหมายเหตุเรียก มร.ตอด หรือ ตอดเตนฮาม) เป็นชาวอังกฤษ ลาออกจากราชการ
รับราชการสังกัดกรมป่าไม้ ประเทศพม่า รัฐบาลไทยได้ว่าจ้างมาช่วยงาน
มร.เอช.เอ.สะเลด ต่อมา เมื่อ มร. เอช.เอ. สะเลด กราบบังคมทูลลาออก

จากราชการ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้งให้ มร. ทอทเทนแฮม
เป็นเจ้ากรมป่าไม้สืบต่อมา

ด�ารงต�าแหน่ง
พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๔๔๗


เหตุการณ์ส�าคัญ
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๔ มร.ทอทเทนแฮม เจ้ากรมป่าไม้
เสนอเร่องต่อรัฐบาล ขอเพ่มอัตรากาลังเจ้าหน้าท่ของกรมป่าไม้ จากเดิม




๒๕ นาย (คนต่างประเทศ ๑๖ นาย คนไทย ๙ นาย) เพิ่มเป็น ๔๗ คน
และขยายงานจาก ๗ ภาค เป็น ๑๖ ภาค
พ.ศ. ๒๔๔๔ กรมป่าไม้ประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยการให้ท�าไม้
ขอนสักและไม้ที่ตัดโค่นไว้แล้ว นับเป็นครั้งแรกของการท�าไม้ “ล้างป่า”
หรือ “ไม้ล้มขอนนอนไพร” พระยาสถลสถานพิทักษ์

ผู้นาพันธุ์ยางพารามาปลูก

ในประเทศไทยคร้งแรก


34 35

พ.ศ. ๒๔๕๐ - ๒๔๕๒ เปล่ยนแปลงรอบตัดฟันจากเดิม ๑๒ ป ี

อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๓ เป็น ๓๐ ปี โดยอนุญาตให้เช่าพื้นที่ปลูกไม้ เป็น ๒ ช่วงๆ ละ ๑๕ ปี เมื่อ

พ.ศ. ๒๔๔๘ - ๒๔๖๖ ครบก�าหนดแล้วจึงให้เช่าใน ช่วงที่ ๒ ต่อไป

พ.ศ. ๒๔๕๑ - ๒๔๖๘ ส่งนักเรียนไทยไปศึกษาวิชาการป่าไม้
มร.ดับบลิว.เอฟ. ลอยด์ ที่วิทยาลัยอิมพีเรียล ฟอเรสต์ ประเทศอินเดีย จนกระทั่งประเทศพม่า
Mr. W. F. Lloyd ตั้งโรงเรียนเบอร์มา ฟอเรสต์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ รัฐบาลก็ส่งนักเรียนป่าไม้

คนไทยไปเรียนที่โรงเรียนนี้


พ.ศ. ๒๔๕๓ ย้ายท่ทาการจากจังหวัดเชียงใหม่มาอยู่จังหวัด
การศึกษา กรุงเทพฯ
มร.ดับบลิว.เอฟ. ลอยด์ เป็นชาวอังกฤษ ผู้เชี่ยวชาญการป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๕๕ กรมป่าไม้ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้เข้าไปทา

รับราชการสังกัดกรมป่าไม้ ประเทศพม่า แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่าน ป่าไม้ในป่าแม่แฮด จังหวัดแพร่
ได้จบการศึกษาวนศาสตร์จากที่ใด และเมื่อใด พ.ศ. ๒๔๕๖ กรมป่าไม้ขยายการควบคุมการทาไม้ออกไปจน





ถึงไม้กระยาเลยและอ่นๆ และเร่มเก็บภาษีของป่า เช่น นายาง และ
ประวัติสังเขป สีเสียด
มร.ดับบลิว.เอฟ. ลอยด์ รัฐบาลไทยได้ว่าจ้างมาช่วยงาน พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรา พ.ร.บ. รักษาป่า เพ่อเป็นหลักในการควบคุม

กรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ต่อมา เมื่อ มร.ทอทเทนแฮม กราบบังคมทูล และรักษาป่าไม้และของป่าต่างๆ



ลาออกจากราชการ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้งให้ มร. พ.ศ. ๒๔๕๘ กรมป่าไม้ริเร่มจัดทารายงานกิจกรรมป่าไม้ต้งแต่

ดับบลิว.เอฟ. ลอยด์ เป็นเจ้ากรมป่าไม้สืบต่อมา เร่มแรก พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๕๗ นับเป็นหนังสือประวัติกรมป่าไม้เล่มแรก

โดยจัดท�าเป็นภาษาอังกฤษ
ด�ารงต�าแหน่ง พ.ศ. ๒๔๕๘ ต้งโรงเรียนสอนวิชาป่าไม้ข้นคร้งแรกในแผนก



พ.ศ. ๒๔๔๘ - ๒๔๖๖ นับว่าเป็นเจ้ากรมป่าไม้ที่ ด�ารงต�าแหน่ง ยันตรศึกษา โรงเรียนข้าราชการพลเรือน วังใหม่สระปทุม ท�าการสอน

นานท่สุดในประวัติศาสตร์กรมป่าไม้ (๑๘ ปี) วิชาป่าไม้เบื้องต้น หลักสูตร ๒ ปี แต่ตั้งมาได้เพียง ๓ ปี ก็ถูกยกเลิก
เพราะขาดผู้สนใจมาเรียน ด้วยเห็นว่างานป่าไม้เป็นงานหนัก และยาก
เหตุการณ์ส�าคัญ ล�าบาก
พ.ศ. ๒๔๔๘ ตั้งส่วนราชการป่าไม้เพื่อดูแลพื้นที่ในแต่ละภาค พ.ศ. ๒๔๕๙ กรมป่าไม้เสนอร่าง พ.ร.บ. สงวนป่า ต่อรัฐบาล
(Circles) ของประเทศไทย ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคตะวันออก แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ผู้ดาเนินงาน คือ เจ้าพนักงาน พ.ศ. ๒๔๖๔ กรมป่าไม้ย้ายสังกัดจากกระทรวงมหาดไทย
บารุงป่าไม้ภาค มาอยู่กระทรวงเกษตราธิการ

พ.ศ. ๒๔๔๙ กรมป่าไม้ได้ริเริ่มปลูกสวนสักเป็นครั้งแรกในท้องที่ พ.ศ. ๒๔๖๕ กรมป่าไม้ทาความตกลงกับกองทะเบียนท่ดิน



จังหวัดแพร่ ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ โดยพระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (นายทองคา กระทรวงมหาดไทย เรื่องการออกโฉนดที่ดินที่ต้องได้รับความเห็นชอบ
เศวตศิลา) จากกรมป่าไม้ก่อน อันเป็นระเบียบที่ยังได้รับการปฏิบัติสืบต่อมาจนถึง
ปัจจุบัน

36 37

การชักลากไม้ด้วยแรงช้างในอดีต

36 37

เริ่มก่อสร้างอาคารส�านักงานกรมป่าไม้แห่งใหม่ ที่บางเขน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘
สมัย นายเทียม คมกฤส อธิบดีท่านที่ ๙ และเปิดท�าการใน พ.ศ. ๒๕๐๑
สมัยนายเฉลิม ศิริวรรณ อธิบดีกรมป่าไม้คนที่ ๑๐ ในโอกาสที่กรมป่าไม้
ครบรอบการสถาปนาปีที่ ๖๒







38

กรมป่าไม้











การพัฒนากิจการต่อเน่อง




๔ กรมป่าไม้ช่วงเสริมสร้างรากฐานตามหลักวิชาการสมัยใหม่

(พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๕๐๓)

๕ กรมป่าไม้ช่วงสานต่อการพัฒนาตามสภาวะ

การเปล่ยนแปลง (พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๔๕)
๖ กรมป่าไม้ช่วงภารกิจใหม่หลังจากแบ่งส่วนราชการ

ออกเป็น ๓ กรม (พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๕๗)




39

๔ กรมป่าไม้ช่วงสร้างเสริมรากฐานตามหลักวิชาการสมัยใหม่




(พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๕๐๓)








ในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๕๐๓ นับเป็นยุคท่สองของการพัฒนา

กรมป่าไม้ ถือว่าเป็นยุคเสริมสร้างรากฐานการพัฒนาต่อเน่องจาก
ยุคแรก โดยในยุคที่สองนี้ มีอธิบดีกรมป่าไม้จ�านวน ๗ คน ครอบคลุม


ระยะเวลายาวนาน ๓๖ ปี ได้แก่ อธิบดีกรมป่าไม้ ลาดับท่ ๔ คือ

พระยาดรุพันพิทักษ์ (สนิท พุกกะมาน) คนไทยคนแรก ท่จบการ
ศึกษาด้านวิชาการป่าไม้จาก Royal Indian Engineering College เมือง
Cooper’s Hill ประเทศอังกฤษ อธิบดีกรมป่าไม้คนท่ ๕ คือ พระยา

พนานุจร (เปล่ง สาครบุตร) จบจากวิทยาลัยอิมพีเรียล ฟอเรสต์ เมือง

เดห์ราดูน ประเทศอินเดีย อธิบดีกรมป่าไม้คนท่ ๖ คือ พันเอก เพียร
สฤษฎ์ยุทธศิลป์ พิริยะโยธิน อธิบดีกรมป่าไม้คนแรกท่ไม่ได้จบการศึกษา

ด้านวิชาการป่าไม้ หรือรับราชการกรมป่าไม้มาก่อน สาหรับอธิบด ี




กรมป่าไม้ คนท่ ๗ - ๑๐ คือ ม.จ. สืบสุขสวัสด์ สุขสวัสด์, หลวง
สมานวนกิจ (เจริญ สมานวนกิจ), นายเทียม คมกฤส, นายเฉลิม
ศิริวรรณ ตามล�าดับ จบการศึกษาวิชาการป่าไม้ จากประเทศพม่า
ในยุคน้ นับว่ากรมป่าไม้ได้วางรากฐานต่างๆ อย่างม่นคง ป่าสัก






แข็งแรงมากข้น โดยริเร่มกิจการของกรมป่าไม้ท่สาคัญหลายประการ

เช่น การเปล่ยนวิธีเก็บค่าภาคหลวง (ค่าตอ) ไม้สัก จากรายต้น มาเป็น

ต่อหน่วยปริมาตร การจัดต้งกองปราบปรามพิเศษด้านป่าไม้ การอนุญาตให้
ท�าป่าไม้สักสัมปทานโดยวิธีเปิดประมูลเป็นครั้งแรก การจัดตั้งโรงเรียน
ป่าไม้ ท่จังหวัดแพร่ การออกวารสารวิชาการของกรมป่าไม้คือ “วนสาร”

เป็นครั้งแรก การชักชวนประชาชนปลูกต้นไม้ในวันอาร์บอ เดย์ (Arbor

Day: วันต้นไม้ประจาปีของชาติ) ตามแบบต่างประเทศ การเร่มงาน



จัดต้งสวนพฤกษศาสตร์ การเร่มกิจการเช่าโรงเล่อยเพ่อทาการแปรรูปไม้




การจัดต้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การจัดต้งองค์การสวนยางนาบอน


การจัดสร้างอาคารท่ทาการกรมป่าไม้แห่งใหม่ท่บางเขน การสนับสนุนให้


เปิดการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เป็นต้น ดังรายละเอียดเหตุการณ์สาคัญในแต่ละสมัยอธิบดีกรมป่าไม้

ต่อไปนี้
โรงเลื่อยเพื่อท�าการแปรรูปไม้
40 41


เจ้าหน้าท่ป่าไม้ในอดีต
40 41

อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๔ พ.ศ. ๒๔๗๖ เปิดสาขากองท�าไม้ของรัฐบาล เพิ่มอีก ๒ แห่ง



พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๔๗๗ คือ อาเภอท่าหลวง จังหวัดพิจิตร และอาเภอแกลง จังหวัดระยอง
และมีการขยายอู่ไม้บางปะอินให้กว้างขวาง เพื่อให้สามารถเก็บไม้ได้


มากข้น และจาหน่ายได้รวดเร็วตามนโยบายรัฐบาล ทาให้ไม้สักและ

พระยาดรุพันพิทักษ์ ไม้กระยาเลยถูกตัด และแปรรูปมากข้น (ส่งผลกระทบให้พ้นท่ป่าไม้ของ



(สนิท พุกกะมาน) ประเทศไทยลดลงเป็นล�าดับด้วย)

พ.ศ. ๒๔๗๖ จากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเปล่ยนแปลง


ทางการเมืองการปกครองนาไปสู่การเปล่ยนแปลง การแบ่งส่วนราชการ
การศึกษา ระดับกระทรวงหลายครั้ง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายการท�าป่าไม้




พระยาดรพนพทกษ เป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงด้านวิชา ในเชิงพาณิชย์ จึงมีการย้ายสังกัดของกรมป่าไม้จากกระทรวงมหาดไทย


การป่าไม้คนแรก จบการศึกษาวิชาการป่าไม้จาก Royal Indian ไปสังกัดกระทรวงเศรษฐการ ซ่งเป็นการรวมส่วนราชการระหว่าง
Engineering College เมือง Cooper’s Hill ประเทศอังกฤษ กระทรวงเกษตราธิการ พาณิชย์ และคมนาคมเข้าด้วยกัน
พ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบาลอนุญาตให้ท�าไม้สักสัมปทาน โดยวิธีเปิด
ด�ารงต�าแหน่ง ประมูลเป็นครั้งแรก ที่ป่าคลองตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ นับเป็น พ.ศ. ๒๔๗๗ กรมป่าไม้ย้ายมาสังกัดทบวงเกษตราธิการ
อธิบดีกรมป่าไม้คนไทยคนแรก กระทรวงเศรษฐการ
พ.ศ. ๒๔๗๘ กรมป่าไม้ย้ายมาสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ

เหตุการณ์ส�าคัญ ซ่งแยกออกมาจากกระทรวงเศรษฐการ โดยถือว่าไม้เป็นผลผลิตภาค
พ.ศ. ๒๔๖๗ กรมป่าไม้ได้เปลี่ยนวิธีเก็บค่าภาคหลวง (ค่าตอ) การเกษตรอย่างหนี่ง
ไม้สัก จากรายต้น มาเป็นต่อหน่วยปริมาตร

พ.ศ. ๒๔๗๐ อนุญาตให้ บริษัท อีสต์เอเชียต๊ก จากัด ของ

ฝรั่งเศส รับช่วงสัมปทานท�าไม้ ที่อ�าเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเดิม
เป็นของรัฐบาล ท�าให้รัฐได้ค่าสัมปทานท�าไม้จากป่านี้จ�านวนมาก
พ.ศ. ๒๔๗๔ กรมป่าไม้ต้ง อู่ไม้บางปะอิน จังหวัดพระนครศร ี




อยุธยา มาเพ่มอีกแห่ง เพ่อเป็นสถานท่เก็บไม้ไว้จาหน่ายในฤดูแล้ง

ซึ่งเดิมมี อู่ไม้อยู่แห่งเดียวที่ปากน�้าโพ จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. ๒๔๗๕ มีการปรับปรุงส่วนราชการในกรมป่าไม้ โดยยกเลิก
ส่วนราชการเดิม คือ แขวง และประจ�าป่า มาตั้งเป็นสาขา ท�าให้กิจการ
ป่าไม้ได้ขยายไปทั่วพระราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก
พ.ศ. ๒๔๗๕ กรมป่าไม้ได้จัดตั้ง กองปราบปรามพิเศษ ด้าน
ป่าไม้ ประกอบด้วย พนักงานป่าไม้ ตารวจ และเจ้าหน้าท่อาเภอ ร่วมกัน



ปฏิบัติงานในการปราบปราม โดยมีด่านป่าไม้ท่วประเทศ รวม ๒๑๖ แห่ง

อาคารที่ท�าการกรมป่าไม้ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘

42 43

อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๕ พ.ศ. ๒๔๘๑ สภาผู้แทนราษฏรได้ลงมติให้ประกาศใช้เป็น

พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๘๔ กฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ นับได้ว่า


เป็นก้าวสาคัญอย่างย่งก้าวหน่ง ในประวัติการป่าไม้ของประเทศไทย

ซ่ง Mr. Slade ได้เสนอแนะนาไว้เม่อ พ.ศ. ๒๔๓๙



พระยาพนานุจร พ.ศ. ๒๔๘๒ รัฐบาลได้เร่มกิจการเช่าโรงเล่อยเพ่อทาการ




(เปล่ง สาครบุตร) แปรรูปไม้ได้เอง คือโรงเลื่อยเกษตร ๑ ที่จังหวัดธนบุรี และโรงเลื่อย
เกษตร ๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ภายหลังได้น�าไปสู่การด�าเนิน
การด้านอุตสาหกรรมป่าไม้อย่างครบวงจรของรัฐบาล น้นคือ ผลิต

การศึกษา แปรรูป และจ�าหน่าย)
จบการศึกษาจาก วิทยาลัยป่าไม้เดห์ราดูน ประเทศอินเดีย พ.ศ. ๒๔๘๒ กรมป่าไม้ได้จ้างเจ้าหน้าที่ต�ารวจส�าหรับตรวจ
(Imperial Forestry College, Dehradun) จับกุมผู้ลักลอบตัดไม้โดยให้ประจ�าที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อท�าหน้าที่
ปราบปรามและรักษาผลประโยชน์ในกิจการป่าไม้ และต่อมาได้ขอโอน
ด�ารงต�าแหน่ง ข้าราชการต�ารวจมารับราชการในกรมป่าไม้เป็นครั้งคราว (เป็นที่มา
๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ของต�ารวจป่าไม้ในเวลาต่อมา)
พ.ศ. ๒๔๘๓ ได้จัดตั้งสมาคมฌาปนกิจข้าราชการกรมป่าไม้




เหตุการณ์ส�าคัญ ข้น มีวัตถุประสงค์ เพ่อช่วยเหลือในเม่อราชการกรมป่าไม้ ท่เป็นสมาชิก
พ.ศ. ๒๔๗๘ กรมป่าไม้ได้ก่อตั้งกองใหม่ ๔ กอง ประกอบ สมาคมได้ถึงแก่กรรมลง
ด้วยกองค้นคว้าของป่า กองโรงเรียนป่าไม้ กองบ�ารุง (ปรับจากกอง
กานไม้) และกองคุ้มครอง (ปรับจากกองท�าไม้)
พ.ศ. ๒๔๗๘ รัฐบาลอนุมัติให้กรมป่าไม้จัดต้งโรงเรียนป่าไม้

ขึ้นที่จังหวัดแพร่ มีหลักสูตร ๒ ปี โดยเริ่มเปิดเรียนเป็นปีแรก ในวันที่
๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยมีหลวงวิลาสวนวิทย์ (เมธ รัตนประสิทธิ์)
ป่าไม้ภาคแพร่ ท�าหน้าที่เป็นผู้อ�านวยการโรงเรียนป่าไม้อีกต�าแหนงหนึ่ง


และวารสารวิชาการของกรมป่าไม้คือ “วนสาร” ถือกาเนิดข้นเป็นคร้งแรก


พ.ศ. ๒๔๘๑ เปลี่ยนชื่อโรงเรียนป่าไม้เป็นโรงเรียนวนศาสตร์

และในปี ๒๔๘๒ จึงได้รวมเข้าเป็นแผนกหน่งในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

และขยายหลักสูตรการศึกษาข้นเป็น ๓ ปี
พ.ศ. ๒๔๘๑ หลวงสมานวนกิจ ป่าไม้ภาคล�าปางได้เชิญชวน
ข้าราชการพ่อค้าและประชาชนปลูกต้นไม้เน่องในวันชาติ (๒๔ มิถุนายน

พ.ศ. ๒๔๘๑) นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการชักชวนกันปลูกตนไมตามแบบ





ฉบับท่ทากันอยู่ ในต่างประเทศซ่งเรียกว่า อาร์บอ เดย์ (Arbor Day)
โรงเรียนป่าไม้แพร่


42 43

อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๖ พ.ศ. ๒๔๘๔ กรมป่าไม้ได้ริเริ่มให้มีการปลูกต้นไม้ประจ�าปีขึ้น

พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๙๐ ท�านองเดียวกับ Arbor Day ของสหรัฐอเมริกา โดยก�าหนดเอาวันชาติ
คือ วันที่ ๒๔ มิถุนายน เป็นวันปลูกต้นไม้โดยทั่วไป
พ.ศ. ๒๔๘๙ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติลง กรมป่าไม้ต้องรับ
พันเอก เพียร สฤษฎ์ยุทธศิลป์ ภาระหนักในการชดใช้ค่าเสียหายท่ดาเนินการยึดสัมปทานป่าไม้ของ


พิริยะโยธิน ชาติตะวันตกระหว่างสงคราม กรมป่าไม้ต้องยอมออกสัมปทานให้
ใหม่ตามจานวนป่าท่บริษัททาไม้ค้างไว้ ส่งไม้ซุงท่ตกค้างกลับคืน ท ่ ี




จ�าหน่ายจ่ายโอนไปแล้วต้องซื้อกลับมาใช้ ส่วนที่ขาดต้องกานไม้สักใน
การศึกษา ป่าชดเชยให้
พันเอก เพียร สฤษฎ์ยุทธศิลป์ พิริยะโยธิน อธิบดีกรมป่าไม้ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๐ รัฐบาลได้ยุบกองกานไม้และ

คนแรกท่ไม่ได้จบการศึกษาด้านวิชาการป่าไม้ หรือรับราชการกรมป่าไม้ จัดตั้ง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรีแทนบริษัท
มาก่อน ท่านปฏิบัติงานในสังกัดทหารบกที่มีบทบาทสูงในคณะราษฎร ไม้ไทย จ�ากัด โดยให้สังกัดกรมป่าไม้ ทั้งนี้ได้รวมเอากิจการของกอง
ผู้ท�าการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท�าไม้ โรงเลื่อยไม้ของกระทรวงกลาโหม โรงเลื่อยเกษตร และการท�า
ยางสนจากกรมป่าไม้ ไปร่วมด�าเนินการด้วยกัน
ด�ารงต�าแหน่ง พ.ศ. ๒๔๙๕ คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติให้มี "วันต้นไม้ประจ�าปี
๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ ของชาติ" โดยก�าหนดให้ วันที่ ๒๔ มิถุนายน คือวันชาติของทุกปี เป็น
วันต้นไม้ประจ�าปีของชาติด้วย
เหตุการณ์ส�าคัญ
พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๘ เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะ


สงครามโลกคร้งท่ ๒ มีเหตุการณ์สาคัญเกิดข้นโดยเฉพาะในปี พ.ศ.


๒๔๘๔ ได้แก่
๑. สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.
๒๔๘๔ ยกเลิกกฎหมายฉบับก่อน ๆ รวม ๑๙ ฉบับ มารวมเป็น

กฎหมายฉบับเดียว ซ่งเปรียบประดุจ ประมวลกฎหมายว่าด้วยการ
ป่าไม้ และยังคงมีผลบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพ่ม

เติมต่อมาอีกหลายคร้ง ั
๒. รัฐบาลอนุมัติให้เพิกถอนสัมปทานป่าไม้สักบริษัทชาวอังกฤษ
๔ บริษัท คือ บริษัท บอมเบย์ เบอร์มา จ�ากัด บริษัท บอเนียว จ�ากัด
บริษัท แองโกลไทย จ�ากัด และบริษัท หลุย ตี เลียวโนเวนส์ จ�ากัด เพื่อ
รักษาสถานะทางการเงินของรัฐบาล โดยกรมป่าไม้ได้เสนอรัฐบาลจัดต้ง

บริษัท ไม้ไทย จ�ากัด รับช่วงด�าเนินการแทนบริษัททั้งสี่

โรงเลื่อยแบบทันสมัยในอดีต




44 45


อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๗ อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๘

พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๒ พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๔


ม.จ.สืบสุขสวัสด์ สุขสวัสด ิ ์ หลวงสมานวนกิจ

(เจริญ สมานวนกิจ)




การศึกษา การศึกษา


สาเร็จการศึกษาวิชาการป่าไม้จากโรงเรียนเบอร์มาฟอเรสต์ สาเร็จการศึกษาวิชาการป่าไม้จากโรงเรียนเบอร์มาฟอเรสต์
ประเทศพม่ารุ่นแรก ประเทศพม่า

ด�ารงต�าแหน่ง ด�ารงต�าแหน่ง
๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕


เหตุการณ์ส�าคัญ เหตุการณ์ส�าคัญ
พ.ศ. ๒๔๙๑ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ พ.ศ ๒๔๙๓ ได้มีการลงนามข้อตกลงทางวิธีการ ระหว่าง
(Food and Agriculture Organization - FAO) ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญ องค์การสหประชาชาติกับรัฐบาลไทยในเดือนธันวาคม เพ่อให้ความ

ชาวเนเธอร์แลนด์เข้ามาสารวจสถานการณ์การเกษตรในสาขาต่าง ๆ ช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศไทย

โดย นายจี เอ็น ดานฮอฟ (Mr. G.N. Danhof) ได้เสนอแนะให้กรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๙๔ ออกหนังสือพิมพ์วนสารอีกคร้ง หลังจากยุติไป

สงวนพื้นที่ป่าไม้ไว้ให้ได้ ร้อยละ ๔๐ ของพื้นที่ประเทศ และใช้แผนที่ เพราะสงครามโลก
ทางอากาศ ในกิจการป่าไม้ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๔ รัฐบาลจัดตั้งบริษัท ไม้อัดไทย
พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้มีการเฉลิมฉลองกรมป่าไม้เนื่องในวันคล้าย จากด โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สัมปทานป่าบ้านไร่-ทับทัน อาเภอ




วันก่อตั้งเป็นปีแรก บ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ให้กับบริษัท ไม้อัดไทย จากัด
พ.ศ. ๒๔๙๓ มีการจัดพิมพ์หนังสือชื่อ พันธุ์ไม้ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกาศใช้ พ.ร.บ.
ตอนที่ ๑ และหนังสือประโยชน์ไม้และของป่าบางชนิดในประเทศไทย ป่าไม้ (ฉบับท่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไข

ขึ้นเผยแพร่เป็นครั้งแรก ก�าหนดให้ไม้สักทั่วราชอาณาจักรเป็นไม้

พ.ศ. ๒๔๙๒ เปล่ยนช่อองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นองค์การยาง หวงห้ามประเภท ก และมีบัญญัติให้อานาจ


สังกัดกรมป่าไม้ และมีการจัดต้ง องค์การสวนยางนาบอน ตามมติคณะ รัฐมนตรีเรียกเก็บเงินบ�ารุง ได้นอกเหนือ


รัฐมนตรี เม่อวันท่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ จากเงินค่าภาคหลวง


ปกหน้าหนังสือ "วนสาร" ฉบับแรก
ปีที่ ๑ เล่มที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙

44 45


อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๙
พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๕๐๐



ศาสตราจารย์เทียม คมกฤส





การศึกษา

สาเร็จการศึกษาวิชาการป่าไม้ จากโรงเรียนเบอร์มาฟอเรสต์
ประเทศพม่า

ด�ารงต�าแหน่ง
๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๐


เหตุการณ์ส�าคัญ
พ.ศ. ๒๔๙๕ มี พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.


๒๔๙๕ เปล่ยนช่อกระทรวงเกษตราธิการเป็น “กระทรวงเกษตร”

มีการปรับปรุงกอง และแผนกในสังกัดกรมป่าไม้ โดยได้เพ่มจานวน

ป่าไม้เขตเป็น ๒๑ เขต คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. ๒๔๙๖ กรมป่าไม้รับงบประมาณส�าหรับการจัดซื้อที่ดิน
๖๐ ไร่เศษ เพื่อสร้างที่ท�าการกรมป่าไม้ บางเขน
๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เวลา ๐๙.๑๗ น. ประกอบพิธีวาง
ศิลาฤกษ์ที่ท�าการกรมป่าไม้ ได้รับการตั้งชื่อว่า “อาคารเทียมคมกฤส”

เพ่อเป็นเกียรติและระลึกถึงศาสตราจารย์เทียม คมกฤส อธิบดีกรมป่าไม้
ในขณะนั้น
พ.ศ. ๒๔๙๘ สัมปทานป่าไม้ของบริษัทต่างประเทศสิ้นสุดลง
ถือเป็นการสิ้นสุดยุคการท�าไม้สัก ภายใต้ระบอบอาณานิคมยุโรป และ
ก้าวสู่บริบทใหม่ของการป่าไม้ไทยในการจัดการทรัพยากรธรรมชาต ิ
ของประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๘ เปิดการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถ่ายภาพร่วมกับอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศาสตราจารย์เทียม คมกฤส
พ.ศ. ๒๔๙๙ คณะวนศาสตร์ แพร่ ย้ายกิจการมาอยู่ท ี ่ ทั้ง ๔ ท่าน หน้าประตูกรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้ พิธีวางศิลาฤกษ์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ ในวันท�าพิธีวางศิลาฤกษ์ ที่ท�าการถาวร ที่ท�าการกรมป่าไม้
ของกรมป่าไม้ ปี พ.ศ. ๒๔๙๘
46 47

๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๓ คณะรัฐมนตรีมีมติ เรื่องการท�า
อธิบดีกรมป่าไม้ คนท่ ๑๐ ไม้สักและการออกใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ความว่า “การท�า

พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๓ ไม้สักมอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ทาแต่ผู้เดียว การต้งโรงงาน


แปรรูปไม้เพิ่มขึ้นใหม่นั้น ให้ระงับเสียโดยเด็ดขาด”
พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้มีประกาศเร่อง แผนพัฒนาการเศรษฐกิจ

นายเฉลิม ศิริวรรณ แห่งชาติระยะแรก เม่อวันท่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ ให้ปฏิบัต ิ


ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๙ มีสาระสาคัญคือ ให้กรมป่าไม้

กรมที่ดิน และกรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ด�าเนินการจ�าแนกที่ดินทั่วประเทศ



การศึกษา ให้ได้ท่ป่าไว้ในช้นต้น ๑๕๖ ล้านไร่ (๔๘.๓% ของพ้นท่ประเทศ)

ส�าเร็จการศึกษาวิชาการป่าไม้จากโรงเรียนเบอร์มา ฟอเรสต์ ภายหลังเม่อพลเมืองเพ่มข้นให้ลดลงเหลือ ๑๒๕ ล้านไร่ (๓๘.๗%



ประเทศพม่า ของพื้นที่ประเทศ) และให้เป็นป่าผลิตผลและป่าต้นน�้าล�าธารเสียอย่าง

ละคร่ง ท่ดิน ๓๐ ล้านไร่ สงวนไว้เพ่อความต้องการของพลเมืองใน


ด�ารงต�าแหน่ง อนาคต

๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ จนถึงวันท่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๓ พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้มีการเปลี่ยนระบบงบประมาณเป็นแบบใหม่
(รักษาการต�าแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๐๑) โดยเริ่มปีงบประมาณตั้งแต่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ไปสิ้นสุดในเดือน
กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยงบประมาณรายจ่ายมีการจ�าแนกเป็นงาน
เหตุการณ์ส�าคัญ และแผนงานด้วย

พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๒ คณะปฏิวัตินาโดยจอมพล สฤษด์ ธนะรัชต์

ด�ารงต�าแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้ความส�าคัญด้าน การคุ้มครอง ป้องกัน

รักษาป่า การสงวนคุ้มครองสัตว์ป่า และการจัดตั้งวนอุทยาน เปนกรณี

พิเศษ โดยมีคาขวัญเก่ยวกับการป่าไม้ว่า “ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาต ิ

อันสาคัญย่งสาหรับชีวิตของชาวไทย และความคงอยู่ของประเทศไทย



ผู้ใดท�าลายป่า ผู้นั้นเป็นศัตรูบ่อนท�าลายความมั่นคงของประเทศไทย”
พ.ศ. ๒๕๐๑ พิธีเปิดอาคาร “เทียมคมกฤส” กรมป่าไม้ โดย
ฯพณฯ พลเอก ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน
พ.ศ.๒๕๐๑ อันเป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบปีที่ ๖๒
๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๒ คณะรัฐมนตรีมีมติให้แต่งตั้ง คณะ
กรรมการอุทยานแห่งชาติ เพื่อจัดท�าโครงการและด�าเนินงานเกี่ยวกับ
การสงวนและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้มีส�านักกฎหมายขึ้นในกรมป่าไม้เป็นครั้งแรก
ตามค�าสั่งกรมป่าไม้ที่ ๔๕๕/ ๒๕๐๒ ลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
มีหน้าที่ควบคุมและด�าเนินงานเกี่ยวกับคดีแพ่งและอาญา รวมทั้งปัญหา
ทางกฎหมายต่าง ๆ ของกรมป่าไม้
อาคาร “เทียมคมกฤส” กรมป่าไม้ เปิดท�าการ
เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๑
46 47

๕ กรมป่าไม้ช่วงสานต่อการพัฒนาตามสภาวะการเปล่ยนแปลง



(พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๔๕)






ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๔๕ เป็นยุคสมัยอธิบดีคนท่ ๑๑ - ๒๘
เริ่มจากนายวิเชียร กุญชร ณ อยุธยา จนถึง ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
นับว่าเป็นยุคการพัฒนาต่อเนื่อง จากยุคที่สองจนเติบใหญ่สู่ความมั่นคง
โดยในยุคที่สามนี้ครอบคลุมเวลายาวนาน ๔๒ ปี โดยมีอธิบดีกรมป่าไม้
จ�านวนมากถึง ๑๘ คน ทั้งนี้ อธิบดีส่วนใหญ่ จบการศึกษาวิชาการปาไม้
จากโรงเรียนป่าไม้แพร่และคณะวนศาสตร์เป็นหลัก
ในยุคสมัยที่สาม กรมป่าไม้ได้พัฒนามาจนเติบโต อย่างมั่นคง
แข็งแรง มีการเปลี่ยนแปลงบทบาทและภารกิจที่ส�าคัญหลายประการ
ท้งการปรับปรุงระบบการบริหารงาน การออกกฎหมายและการปรับ

โครงสร้างองค์กร เช่น การประกาศใช้ พ.ร.บ. สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๐๓ การจัดตั้งกองต�ารวจป่าไม้ การประกาศใช้ พ.ร.บ. อุทยาน
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ การประกาศให้เขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก
ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๕ การประกาศใช้ พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาต ิ
พ.ศ.๒๕๐๗ การจัดตั้งสถาบันวิจัยป่าไม้ การเริ่มงานศูนย์เพาะช�ากล้าไม้
ขึ้นแห่งแรกที่แม่งาว จังหวัดล�าปาง การจัดตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติและ



สัตว์ป่าข้นเป็นแห่งแรกท่เขาเขียว การกาหนดให้ วันวิสาขบูชาของทุกปี
เป็นวันต้นไม้ประจ�าปีของชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมา การจัด
ต้งศูนย์วิจัยและฝึกอบรมการปลูกสร้างสวนป่า ท่ตาบลอุดมทรัพย์ อาเภอ







วังนาเขียว จังหวัดนครราชสีมา (สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช) การเร่ม





กาหนดให้มีพ้นท่ป่าไม้ ท่วประเทศอย่างน้อยอัตราร้อยละ ๔๐ ของพ้นท ่ ี


ประเทศ ต้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ การให้มีการสารวจทรัพยากรป่าไม้และ

ส่งแวดล้อมท่วประเทศ ต้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๑ การออกกฏหมายปิดป่าและ





ยกเลิกการทาไม้ของผู้รับสัมปทานท่วประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๒ (พระราชกาหนด
แก้ไขเพ่มเติมพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช ๒๔๘๔ พ.ศ.๒๕๓๒)

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงส�าคัญที่สุดในช่วงปลายของยุคสมัยนี้

คือเม่อ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐบาลได้ดาเนินการปฏิรูประบบบริหารราชการ

แผ่นดิน โดยรวม หน่วยงานท่ปฏิบัติงาน ด้านการบริหารจัดการทรัพยากร


ธรรมชาติและส่งแวดล้อม ให้มาสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ

ส่งแวดล้อม รวมท้งได้แบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ออกเป็น ๓ กรม คือ

กรมป่าไม้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝั่ง
48 49


Click to View FlipBook Version