คาํ นาํ
หนังสือเรื่อง “การประชันวงปพาทยบานดุริยประณีต” มีวัตถุประสงค คือ 1) เพ่ือศึกษาประวัติ และ
พัฒนาการดานการประชันวงปพาทยบานดุริยประณีต 2) เพื่อศึกษาคุณคา และปรากฏการณดานการประชัน
วงปพาทยบ า นดุริยประณีต กําหนดขอบเขตการเขียนเนื้อหาไวในชวง พ.ศ. 2489 – พ.ศ. 2506 โดยหวังวาทาน
ผอู า นจะไดรบั ประโยชนอ นั สงู สุด ดงั นี้ 1) ประโยชนต อดา นประวัติศาสตรดนตรีไทย คือขอมูลดังท่ีปรากฏในหนังสือ
เลมน้ี สามารถเปน หลกั ฐานสําคัญทางประวตั ิศาสตรดนตรไี ทย และสามารถนําไปสูการสรางรากฐานสําคัญทางดาน
วิชาดนตรีไทย เปนขอมูลท่ีเปนความรูตอการศึกษาของนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือบุคคลท่ัวไปท่ีสนใจจะศึกษา
ดนตรีไทย 2) ประโยชนตอดานการศึกษาของชาติ คือการประชัน วงปพาทยบานดุริยประณีต เปนรูปแบบ และ
วิธีการของการประชันในอดีตท่ีมีความแตกตางจากปจจุบัน การประชันในอดีตสะทอนใหเห็นถึงความฉลาด
ทางดานดนตรีไทยของผูเปนหัวหนาวง อีกท้ังบริบทที่ทําใหบานดุริยประณีตมีช่ือเสียงในการประชันนั้นเปนความลับ
ทีใ่ นอดีตไมสามารถเปดเผยได เนอื่ งจากการวางแผนผูบรรเลง การเลือกเพลง แนวคดิ ทเี่ ก่ียวของกับการประชัน และ
วธิ ีการบรหิ ารวงปพาทยบานดุริยประณีตน้ัน เปนขอมูลเฉพาะ และเปล่ียนแปลงตามการประชันในแตละคร้ัง ดังน้ัน
การประชันวงปพาทยบานดุริยประณีต จึงสมควรอยางยิ่งที่จะนําเขาสูในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสืบไป
3) ประโยชนตอ ดา นการอนุรักษวัฒนธรรมของประเทศชาติ คือสิ่งสําคัญของนักปพาทยไมแพการเขารวมพิธีไหวครู
ดนตรีไทย เพราะในการประชันนัน้ เต็มไปดวยคําวา “ประสบการณ” มีคณุ คา และมีความหมายตอประเทศชาติอยาง
มาก เน่ืองจากการประชันวงปพาทยนั้นทําใหคนไทยไดฟงเพลงไทย และรับชมดนตรีไทย เมื่อคร้ังสมัยท่ีแตละวัง
ประชันกนั ผูที่เปนเจา ของวงั เปนนกั ดนตรี หรอื ชาวบา น สามารถฟง เปนวิจารณได ดว ยเหตุนี้การวิจัยคร้ังนี้จึงมุงเนน
ใหเกิดประโยชนการฟง และเขาใจเพลงไทยมากข้ึน หากฟงเพลงไทยไมเปน ไมเขาใจเพลงไทย
แลว จะอนรุ ักษดนตรีไทยทีเ่ ปนเอกลักษณวฒั นธรรมชองประเทศชาติไดอ ยางไร
นายศภุ ณฐั นตุ มากลุ
16 มกราคม 2563
สารบญั หนา
เรอ่ื ง 1
ประวตั ิ และพฒั นาการดา นการประชนั วงปพ าทยบ า นดรุ ยิ ประณตี 14
86
- ประวัติ และพฒั นาการบา นดุรยิ ประณตี
- ประวตั ินกั ดนตรปี ระจาํ วงปพาทยบ า นดุริยประณตี 106
- ประวตั ิ และพฒั นาการดา นการประชนั วงปพ าทยบานดุรยิ ประณตี 116
คณุ คา และปรากฏการณด า นการประชนั วงปพ าทยบ า นดรุ ยิ ประณตี 122
- คณุ คา ดานการประชันวงปพ าทยบา นดรุ ยิ ประณตี 128
- ปรากฏการณดา นการประชันวงปพาทยบ านดุริยประณีต
บรรณานกุ รม
บคุ ลานกุ รม
ประวตั ิ และพฒั นาการดา นการประชนั วงปพ าทยบ า นดรุ ยิ ประณตี
ประวตั ิ และพฒั นาการบา นดรุ ยิ ประณตี
ในการศึกษาประวตั ิ และพัฒนาการบานดุริยประณีต ผูวิจัยนําเสนอขอมูลเพียงพอสังเขป เนื่องจากไดกําหนด
ขอบเขตการวิจัยไวเ พียง พ.ศ. 2489 – พ.ศ. 2506 ดังน้ันการวิเคราะหประวัติ และพัฒนาการบานดุริยประณีต ผูวิจัย
วิเคราะหขอมูลจากการสัมภาษณบุคคลขอมูล หนังสืออนุสรณงานพระราชทานเพลิงศพของบุคคลในสายตระกูล
ดุริยประณตี หนงั สอื อนสุ รณง านพระราชทานเพลงิ ศพของผทู ีม่ สี วนเกี่ยวของกับบานดุริยประณีต และงานวิจัยที่เก่ียวของ
กบั ดุริยประณตี ดงั นนั้ ขอ มลู ตอไปน้จี ะเปนการเขยี นจากการวเิ คราะหผลของผวู จิ ัย สังเคราะหขอมูลใหมเพื่อเปนการเขียน
ในเชิงวิชาการ ภาพประกอบตาง ๆ เปนภาพถายที่มีการตกแตงภาพเพื่อใหอยูในลักษณะสมบูรณ ซ่ึงการอนุเคราะห
ภาพถายตาง ๆ ผูวิจัยไดรับจากทายาท คือ นางชยันตี อนันตกุล ประธานมูลนิธิดุริยประณีต ผูท่ีเปนบุตรีของ
นางสดุ จติ ต ดรุ ยิ ประณีต ศลิ ปนแหงชาติ พ.ศ. 2536 (สาขาคตี ศลิ ปไ ทย)
ชอ่ื ภาพ : พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6
ที่มา : แฟม ภาพถา ยทายาทดุริยประณีต (นางชยันตี อนันตกุล) เปนผูมอบให, 2562
1|ห น า
“บานดุริยประณีต” เปนบานดนตรีไทยที่มีตนตระกูลมาจาก นายศุข ผูท่ีเปนขาราชการในกรมมหรสพ
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชการท่ี 6 ในตําแหนงมหาดเล็ก (ขาราชการ) และตําแหนง
ระนาดทุมเหลก็ (วงดนตรีไทย)
ชอ่ื ภาพ : ปูศ ุข และยา แถม
ท่มี า : นางชยันตี อนนั ตกลุ , 2562
ป พ.ศ.2448 นายศุข อายุ 20 ป ไดสมรสกับนางแถม ที่พบกันในขณะท่ีนายศุข รับงานพิเศษ
(ตีระนาดเอกประกอบการแสดง) หลังจากหมดเวลาราชการ เน่ืองจากนางแถม ไดมาเรียนรําอยูที่วังเจาเจก
แลวในขณะท่ีนางแถม ไดรับโอกาสขึ้นแสดงเปนตัวเอกของเรื่อง จึงทําใหนายศุข ไดพบเจอกับนางแถม และ
จากนั้นก็ไดสมรสกันในทีส่ ุด
2|ห น า
ชอ่ื ภาพ : นางชบุ (ดุรยิ ประณีต) ชุม ชศู าสตร
ท่ีมา : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
ป พ.ศ. 2450 นายศุข และนางแถม มีบุตรีดวยกัน 1 คน ช่ือวา ชุบ ซึ่งนางชุบ ถือเปนบุตรีคนที่ 1
ของนายศขุ และนางแถม แตเ ดิมนางชบุ เรียนซอดวง และซออู จนบรรเลงไดดีเย่ียม จนกระท่ังนางชุบ แตงงานก็เลิกเลน
ดนตรีไทย หาหนทางประกอบอาชีพอื่นจนไดมาเรียนวิชาการทําอาหาร และขนมจาก ปาหวล ผูเปนแมครัวในวังของ
พระเจาบรมวงศเธอกรมหม่ืนมเหศวรศิววิลาศ (วังเจาเจก) แลวทําขนมกลีบลําดวนสงขายท่ีตลาดบางลําพู
จนเปน ทเ่ี รือ่ งลือวา รสชาตดิ เี ย่ยี ม
3|ห น า
ชอื่ ภาพ : นายโชติ ดุรยิ ประณีต
ท่มี า : นางชยันตี อนนั ตกลุ , 2562
ป พ.ศ. 2452 มบี ุตร 1 คน ช่อื โชติ เมอื่ นายโชติ อายุ 54ป ไดรบั หนาที่อันสําคัญที่เปรียบเสมือนเสาหลักของ
บานดุริยประณีต น้ันคือผูดูแลบานดุริยประณีต และตองคอยบริหารวงดุริยประณีตตอจาก นายศุข ผูเปนบิดา
ในป พ.ศ. 2506 เน่ืองจากในป พ.ศ. 2506 นายศุข ไดรับอุบัติเหตุรถยนตพลิกควํ่าที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อําเภอวังนอย ขณะที่นําวงดนตรีไทยเดินทางไปทําหนาที่บรรเลงดนตรีไทยที่จังหวัดลพบุรี และเกิดเหตุการณ
ทไี่ มค าดคดิ ขนึ้ คือ เคร่อื งดนตรไี ทยท่วี างมาบนรถหลนทบั จนเสยี ชวี ิต
4|ห น า
ชอื่ ภาพ : นายชืน้ ดุรยิ ประณีต
ท่ีมา : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
ป พ.ศ. 2454 มีบุตรเพิ่มอีก 1 คน ช่ือ ช้ืน ซึ่งนายช้ืน เปนบุตรคนสําคัญอีกคนหนึ่งในบานดุริยประณีต
เนอื่ งจากเปน นกั ระนาดเอกประจําบา น มีปฏิภาณไหวพรบิ ทักษะ ความฉลาด และ การขดขํา ที่ถือไดวาเปนพรสวรรคติด
ตวั ออกมาแตก ําเนิด จนทําใหถ ูกบันทึกไวใ นตาํ นานนักระนาด ในเรอื่ งราวของการประชันที่วังลดาวัลย ในเหตุการณคร้ังน้ัน
นายชื้น อายุเพียง 19ป ก็สามารถบรรเลงระนาดเอกไดในระดับที่สามารถข้ึนประชัน จึงไดรับการชักชวนจาก นายโชติ
ผเู ปน พช่ี าย ซึ่งไดขออนญุ าตจาก นายศขุ ผเู ปน บดิ า และไดรบั การอนุญาตใหไปประชันในตําแหนงระนาดเอก ครั้งนั้นเปน
การประชันในงาน “ประชันปพาทยฉลองพระชนมครบ 4 รอบ” สมเด็จฯ เจาฟากรมหลวงลพบุรีราเมศวร โดยเปนการ
ประชันรูปแบบที่เรียกวา “การประชันหนาพระท่ีนั่ง” ในวังลดาวัลย มีการจัดใหบรรเลงท้ังหมด 3 วง ระหวาง
วงหลวง (พระยาเสนาะดุริยางค ผูควบคุมวง) ซึ่งวงนี้เปนวงที่นายชื้น ดุริยประณีต ข้ึนประชันหนาพระที่น่ังเปนคร้ังแรก
ในตําแหนงระนาดเอก ,วงพาทยโกศล (จางวางทั่ว พาทยโกศล ผูควบคุมวง) และวงวังบางคอแหลม
(หลวงประดิษฐไพเราะ ผูควบคุมวง) ซ่ึงในการประชัน คร้ังนี้ไมมีผลการตัดสินใด ๆ หลังจากนั้น นายช้ืน ดุริยประณีต
เร่ิมมีชื่อเสียงโดงดัง และไดเปนท่ียอมรับในวงการดนตรีไทยยุคสมัยนั้น หลังจากเสร็จส้ินการประชันครั้งนี้ทําให
วงดุริยประณตี มีงานมากข้ึน เชญิ ไปบรรเลงประกอบพิธีตาง ๆ และเชญิ ไปบรรเลงเพือ่ การแสดงตา ง ๆ
5|ห น า
ชอื่ ภาพ : หลักฐานอักขรานุกรมพระราชทานนามสกุล “ดูรยปรณีต”
ที่มา : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
ป พ.ศ. 2457 มีเหตุการณคร้ังสําคัญของตระกูลบานดุริยประณีต พระบามสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลท่ี6 ไดโปรดเกลาฯ ใหพระราชบัญญัติการใชนามสกุล นายศุขจึงไดรับพระราชทานนามสกุลวา “ดูรยปรณีต”
(เปน คําเขียนตามราชกิจจานุเบกษา) ซึ่งในขณะนั้นนายศุข รับราชการอยกู รมมหรสพในรชั กาลที่ 6
ชอ่ื ภาพ : นายช้ัน ดรุ ยิ ประณีต
ทม่ี า : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
พรอมกันนั้นเร่ืองที่นายินดีก็ยังเกิดขึ้นอีก คือในปเดียวกัน พ.ศ. 2457 นายศุขมีบุตรเพ่ิมอีก 1 คน ชื่อ ช้ัน
ถือไดวา นายช้ัน เกิดขึ้นมาพรอมกับนามสกุลพระราชทาน “ดูรยปรณีต” นายชั้น เปนคนท่ีมีพรสรรคมาก
6|ห น า
เพราะสามารถบรรเลงปพาทยไ ดร อบวง ยกเวน ป จนมโี อกาสไดเ ขา รบั ราชการในสงั กดั วงปพ าทย และมหรสพหลวงประจํา
ทายวังหลวงตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 7 โดยมีพระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สุนทรวาทิน) เปนผูคอยสอนวิชาความรูทางดานดนตรีไทย จนนายชั้น แตกฉานทางดานปพาทย ท่ีสําคัญอีกหน่ึง
นายชัน้ คอื คนฆอ งวงใหญ ประจาํ ใหกบั วงดรุ ิยประณตี ในยุคสมัยนัน้
ชอื่ ภาพ : วงมโหรีขาหลวง ในพระบาทสมเด็จพระปกเกลา เจา อยูหัว รชั กาลท่ี 7
ทีม่ า : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
ชอื่ ภาพ : นางสุดา (ดรุ ยิ ประณีต) เขียววจิ ิตร
ที่มา : นางชยันตี อนนั ตกลุ , 2562
หลังจากทีไ่ ดร บั พระราชทานนามสกลุ 3 ป พ.ศ. 2460 นายศุข ก็มบี ุตรี อีก 1 คน ช่ือ สุดา (เช่ือม) ถือวาเปน
บตุ รคี นท่ี 2 ของตระกลู ดุรยิ ประณีต ในสมยั ท่จี ะเกดิ การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) จัดตั้งวงมโหรีหลวงขึ้น เรียกวา
7|ห น า
วงมโหรีขาหลวง เปนขาฯ ในพระองคโดยเฉพาะ ซ่ึงไดคัดเลือกนักรอง และนักดนตรีท่ีเปนสตรีเพศทั้งวง นางสุดา
จึงมโี อกาสไดเ ขา รวมใน “วงมโหรีขาหลวง” นนั้ เอง
ชอ่ื ภาพ : นางแชม (แชม ชอ ย) (ดรุ ิยประณีต) ดรุ ิยพันธุ
ที่มา : นางชยันตี อนนั ตกลุ , 2562
ป พ.ศ. 2461 นายศุข ก็ออกจากราชการเนื่องจาก มีบุตร – ธิดา รวมกันมาก และมีความตองการ
จะเปล่ียนอาชีพ จึงลาออกจากกรมมหรสพ มาตั้งวงดนตรีไทยข้ึนท่ีบานของตนเองโดยใชช่ือวา “วงดุริยประณีต”
ตามทีไ่ ดรับพระราชทานนามสกุล ในการนี้ที่ไดลาออกมาจากขาราชการนายศุข ไดเร่ิมทําธุรกิจคาขายเครื่องดนตรีไทย
และรับงานบรรเลงท่ัวไป หลังจากตั้งวงไดเพียง 1 ป พ.ศ. 2462 ก็มีบุตรีเพ่ิมมาอีก 1 คน ช่ือ แชม (แชมชอย)
ผูท่ไี ดร ับราชการถวายตัวเปนขา หลวงอยูวงมโหรหี ญิง ในสมเด็จพระนางเจา รําไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7
8|ห น า
ชอ่ื ภาพ : นางชม (ดุริยประณีต) รุงเรือง
ทมี่ า : นางชยันตี อนนั ตกลุ , 2562
ป พ.ศ. 2464 ไดเกิดบุตรี ชื่อ ชม ซึ่ง นางชม เปนบุตรีคนที่ 3 ของตระกูลดุริยประณีต นางชมไดรับราชการ
สอนขบั รองอยูท ่โี รงเรยี นสตรสี ดั ระฆัง และไดเ รยี นขบั รองจากพระยาเสนาะดรุ ิยางค (แชม สุนทรวาทนิ )
ป พ.ศ. 2466 มีบุตรี ชอื่ ตกุ ตา แตเ ปน เรื่องทโ่ี ศกเศราของตระกูลดุริยประณีต เพราะเด็กหญิงตุกตา เสียชีวิต
ตงั้ แตยงั เดก็ และยังไมทันไดเลาเรยี นวชิ าการทางดนตรีไทยจากตระกลู
ชอ่ื ภาพ : นางทัศนยี (ดุริยประณีต) พณิ พาทย
ท่มี า : นางชยันตี อนันตกลุ , 2562
ถัดมาอกี 2 ป พ.ศ. 2468 มบี ุตรีเพม่ิ อกี 1 คน ช่อื ทัศนยี (หรั่ง) นางทศั นยี เปนผูท่ีมีพรสวรรคดานขับรองเปน
อยางมาก และไดสรา งคุณประโยชนไวหลายประการ เชน ทางดานการศกึ ษา คือ การบันทึกสื่อการสอนเพลงสําหรับสอน
ขับรอ งเพลงไทยของกระทรวงศึกษาธกิ าร เปนตน
9|ห น า
ชอ่ื ภาพ : นางสุดจติ ต (ดรุ ยิ ประณตี ) อนันตกลุ
ที่มา : นางชยันตี อนันตกุล, 2562
ป พ.ศ. 2471 นายศุขมีบุตรี อกี 1 คน ชอื่ สุดจิตต เปนบุตรีคนสุดทายของตระกูลดุริยประณีต มีผลงาน และ
คุณงามความดีมากมายจนถึงปจจุบัน ที่เปนประจักษที่สุด คือ รางวัลยกยองเชิดชูเกียรติจากสํานักงานคณะกรรมการ
วฒั นธรรมแหงชาติ ใหเ ปนศิลปนแหงชาติ สาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลปไทย) ไดรับเมื่อป พ.ศ. 2536 นับเปนคนแรก
ในสายตระกลู ดุรยิ ประณีตท่ไี ดรับตาํ แหนง อนั ทรงเกียรติน้ี
ชอ่ื ภาพ : นายสบื สดุ ดุรยิ ประณตี (ไก)
ที่มา : นางชยันตี อนันตกลุ , 2562
ป พ.ศ. 2478 นายศขุ กม็ ีบตุ ร อีก 1 คน ชื่อ สืบสุด (ไก) ซ่ึงเปนบุตรชายคนสุดทาย และเปนบุตรคนสุดทอง
ของตระกูลดุริยประณีตที่เกิดจาก นายศุข และนางแถม นายสืบสุด ดุริยประณีต (นายไก) เปนผูที่เรียกวา
10|ห น า
ตํานานนกั ระนาดเอกของวงการดนตรไี ทย เปนผูท่ีมีพรสวรรคมากท่ีสุด และบรรเลงระนาดเอกไดเร็ว ชัด หนักแนน ท่ีสุด
ของนักระนาดเอกในประเทศไทย นายสืบสุด ดุริยประณีต (นายไก) เดี่ยวระนาดเอก 5ราง ออกอากาศทางรายการ
โทรทัศนชอง 4 บางขุนพรหม ถือวาในยุคสมัยนั้นเปนการเดี่ยวระนาดเอกไดมากรางที่สุด จึงทําให
นายสบื สุด ดุริยประณีต (นายไก) มีชอ่ื เสียงตอ สาธารณชนต้งั แตนั้นมา
จากประวตั ิบา นดรุ ิยประณตี จดั ลาํ ดบั บุตร และธิดา ท่ีเกิดจากนายศุข ดุริยประณีต และนางแถม ดุริยประณีต
รวมกนั 11 คน ดังน้ี
ลาํ ดบั ชอ่ื นามสกลุ เดมิ นามสกลุ ใหม ชาตะ – มรณะ (ป พ.ศ.)
1 นางชบุ ดรุ ิยประณตี ชุม ชูศาสตร 2450 – 2538
2 นายโชติ ดรุ ยิ ประณตี - 2452 – 2516
3 นายชื้น ดรุ ยิ ประณีต - 2454 – 2507
4 นายชนั้ ดรุ ิยประณีต - 2457 – 2496
5 นางเช่อื ม (สุดา) ดรุ ิยประณตี เขยี ววจิ ิตร 2460 – 2540
6 นางแชม (แชม ชอ ย) ดุริยประณีต ดุริยพันธุ 2462 – 2526
7 นางชม ดรุ ิยประณีต รุงเรือง 2464 – 2556
8 ด.ญ.ตุกตา ดุริยประณีต - 2466 – ไมทราบปมรณะ
9 นางทัศนยี ดรุ ิยประณีต พิณพาทย 2468 – 2500
10 นางสดุ จิตต ดรุ ิยประณีต อนันตกลุ 2471 – 2555
11 นายสบื สดุ ดุรยิ ประณตี - 2478 – 2506
11|ห น า
จากการจดั ลําดับบตุ ร และธิดา ทเ่ี กิดจากนายศุข ดุรยิ ประณีต และนางแถม ดุรยิ ประณีต สามารถลําดับขนั้
พัฒนาการบา นดุรยิ ประณีตได ดังนี้
ลาํ ดับ ป พ.ศ. เหตกุ ารณ
1. 2428 เกดิ นายศขุ จากนายอิน และนางสมุ
2. 2438 นายศุข เริ่มหดั ปพ าทยกับ ครูหงส ที่วัดลมุ
3. 2445 รับราชการช้นั แรกในกรมมหาดเลก็ วรฤทธ์ิ ในตําแหนง คนระนาดเอก โดยเปนการบรรจุราชการ
ของเจาพระยาเทเวศว งศว ิวฒั น (หมอมราลวงศห ลาน กญุ ชร)
4. 2448 สมรสกับนางแถม เชยเกษ
5. 2457 นายศุข ไดรับพระราชทานนามสกลุ วา “ดรู ยปรณีต” (เขยี นตามราชกจิ จานเุ บกษา)
6. 2461 นายศุข ไดลาออกจากขาราชการ และเริ่มกอต้ังวงดุริยประณีตข้ึน เร่ิมทําธุรกิจการคาขาย
เครือ่ งดนตรี และรับงานบรรเลงตาง ๆ
7. 2464 นายชน้ื ดุริยประณตี เริม่ เรยี นดนตรีไทยกบั บิดา (นายศขุ )
8. 2467 นายชั้น ดุริยประณีต เขาฝกหัดดนตรีปพาทยในกรมปพาทย และโขนหลวง เนื่องจาก
เจา พระยาวรพงศพพิ ฒั น เสนาบดีกระทรวงวัง ใหรับเยาวชนเขา ฝก หัดโขน ละคร และดนตรไี ทย
9. 2469 นายโชติ ดุริยประณีต ไดถวายตัวเขารับราชการเปนมหาดเล็กฝายมหรสพในพระบาทสมเด็จ
พระปกเกลาเจา อยหู วั รชั กาลที่ 7
10. 2469 นายช้ืน ดุริยประณีต เร่ิมตีระนาดไดคลองแคลว ถึงข้ันชํานาญ และไดเขารับราชการจาก
การแนะนําของพระศลุ สี วามภิ กั ด์ิ โดยเขาถวายตวั เปนมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระปกเกลา
เจา อยหู ัว รัชกาลที่ 7
11. 2473 นายช้ืน ดุริยประณีต ไดลงประชันในตําแหนงคนระนาดเอก ใหกับวงวังหลวง ในงาน
“ประชันปพาทยฉลองพระชนมค รบ 4 รอบ” สมเด็จฯ เจา ฟา กรมหลวงลพบุรีราเมศวร
12. 2475 เปล่ียนแปลงการปกครอง และยกเลิกการอปุ ถัมภน ักดนตรไี ทยประจาํ วังตาง ๆ
13. 2476 นางแชม ชอ ย ดุรยิ ประณตี เขา รับราชการทีก่ รมศิลปากร ในตําแหนงคตี ศิลปไทย
14. 2477 นางสุดา ดรุ ยิ ประณตี เขา มารบั ราชการทกี่ รมศิลปากร ในตาํ แหนงคีตศิลปไ ทย
12|ห น า
ลําดับ ป พ.ศ. เหตกุ ารณ
15. 2478 ทางสํานักพระราชวังไดโอนงานการชาง ละมหรสพใหมาข้ึนอยูในกรมศิลปากร
นายชืน้ ดรุ ยิ ประณีต ยังคงอยใู นราชการตอ หลังจากโอนยายสงั กดั
16. 2484 เกดิ สงครามโลกครงั้ ที่ 2 (สงครามมหาเอเชยี บูรพา)
17. 2485 นายชนื้ ดรุ ยิ ประณตี ลาออกจากราชการ และมารบั งานอิสระ
18. 2487 ครอบครัวดุริยประณีตยายท่ีอยูอาศัยมาอยูท่ี บริเวณคลองบางขุนกลอง ใกลวัดจําปา
จังหวัดนนทบุรี ดวยเหตุการณสงครามโลกจากการหนีระเบิด และสงครามโลกคร้ังที่ 2
(สงครามมหาเอเชยี บูรพา) ก็จบลง
19. 2489 นายสืบสุด ดรุ ิยประณตึ จับมอื สาธุการจากบดิ า หัดเรยี นดนตรไี ทยปพาทยอ ยา งจริงจัง
20. 2492 นายสืบสุด ดุริยประณีต สามารถตีระนาดเอกถึงข้ันชํานาญ และสามารถเริ่มรับหนาที่
ตีระนาดเอกใหกับวงดุริยประณีต ดวยพรสวรรคท่ีติดมาแตกําเนิดจึงทําใหมีการพัฒนาการท่ี
รวดเรว็
21. 2493 นายวิเชียร พรหมจรรย ไดรับการฝากตัวเปนศิษยจากผูเปนบิดา ใหมากราบ
นายศขุ ดรุ ยิ ประณตี และเริม่ เรียนดนตรีไทยในบา นดุริยประณตี
22. 2496 นายสืบสุด ดุริยประณีต เขารับราชการที่กรมประชาสัมพันธ แผนกดนตรีไทย ตําแหนงระนาด
เอก
23. 2497 นายสบื สดุ ดรุ ิยประณีต เรมิ่ ประชันกับกาํ นนั แสวง คลา ยทิม ทจ่ี ังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
24. 2506 นายศุข ดุริยประณีต และนายสืบสุด ดุรยิ ประณตี เสยี ชวี ิตลงจากอุบัตเิ หตทุ างรถยนต
จากประวตั ิ และพัฒนาการบา นดรุ ยิ ประณีตท้งั หมดท่ผี ูวิจัยไดนําเสนอนนั้ เปน ขอ มลู ที่ไดจากการคนควาเอกสาร
ตํารา หนังสือที่เก่ียวของตาง ๆ การสัมภาษณซํ้าจากการคนพบขอมูลทางเอกสาร ตํารา หนังสือ เพ่ือการยืนยันขอมูล
ท่ีเท็จจริง และสัมภาษณเพ่ิมเติมจากขอมูลที่ไมสามารถคนควาจากเอกสาร ตํารา หนังสือ ผูวิจัยจึงสรุปประวัติ และ
พฒั นาการบานดุรยิ ประณตี ไดต ามตารางขา งตน
13|ห น า
ประวัตินักดนตรีประจําวงปพ าทยบ านดรุ ิยประณตี (พ.ศ.2489 – พ.ศ.2506)
จากการที่ผูวิจัยไดศึกษาคนควา สืบคนขอมูล จากตํารา และการสัมภาษณบุคคลขอมูลผูวิจัย
ไดขอมูลชวี ประวตั ขิ องผทู รี่ วมวงบรรเลง และมีสวนเกี่ยวของกับการประชันวงปพาทยบานดุริยประณีต ทราบวามีจํานวน
ท้ังสิ้น 28 คน โดยผูวิจัยไดจําแนกผูนําวงทางฝายดนตรีไทยออกเปน 4 ยุค ไดแกยุคท่ี 1 นายศุข ดุริยประณีต
(พ.ศ.2461 – พ.ศ.2506) ยุคที่ 2 นายโชติ ดุริยประณีต (พ.ศ.2506 – 2516) ยุคที่ 3 นางสุดจิตต ดุริยประณีต
(พ.ศ.2516 – พ.ศ.2555) และยุคที่ 4 นายสืบศักดิ์ ดุริยประณีต (พ.ศ.2555 – ปจจุบัน) ซึ่งในงานวิจัยเลมน้ี
ผวู จิ ยั ไดกาํ หนดขอบเขตการศกึ ษาทางดานเวลาไวใ นชว ง พ.ศ. 2489 – พ.ศ.2506 ดงั นั้นงานวิจยั เลม น้ีจะกลาวถึงเพียง
ระยะเวลาน้ีเทานั้น โดยผูวิจัยนําเสนอประวัตินักดนตรีไทยประจําวงปพาทยประชันบานดุริยประณีต
ประวัติครูผูทําการสอนในชวงการประชันท่ีบา นดุริยประณตี และประวตั ผิ ูควบคุมวงปพาทยป ระชันบานดุริยประณีต
รายนามครูผูสอน ผคู วบคมุ วง และผูบรรเลงในการประชันของวงปพาทยบานดุริยประณีต พ.ศ. 2489 – พ.ศ. 2506
ลาํ ดบั ชอ่ื นามสกลุ เครอ่ื งมอื / หนา ท่ี
ครหู ลกั ของบา นดุรยิ ประณตี
1. พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทนิ )
ผคู วบคุมวง
2. นายศุข ดรุ ยิ ประณตี ผคู วบคมุ วง
ครผู สู อน
3. นางแถม ดุริยประณีต ผคู วบคุมวง / ปรับวง / เคร่อื งหนัง /
เครอ่ื งเปา
4. นายสอน วงฆอง และเคร่อื งประกอบจงั หวะ
ผฝู ก สอน / ปรบั วง
5. นายโชติ ดรุ ยิ ประณีต ผูฝ ก สอน / ปรับวง
ผฝู กสอน / ปรับวง
6. นายชืน้ ดรุ ยิ ประณตี
7. นายชั้น ดุริยประณตี ขับรอ ง
8. นายบุญยงค เกตคุ ง
9. นางเชื่อม (สดุ า) ดรุ ยิ ประณีต (เขียววิจติ ร)
14|ห น า
ลาํ ดบั ชอ่ื นามสกลุ เครอื่ งมอื / หนา ที่
10. นางชมช่ืน (ชม) ดุรยิ ประณตี (รุงเรอื ง) ขบั รอ ง
11. นางสุดจิตต ดรุ ิยประณตี (อนนั ตกลุ ) ขบั รอ ง
12. นายศิริ วิชเวช ขบั รอง
13. นายสืบสุด ดุริยประณีต ระนาดเอก
14. นายสมนกึ บุญจาํ เริญ
15. นายจาํ เนียร ศรีไทยพันธุ เคร่อื งเปาไทย
16. นายสมาน ทองสุโชติ เคร่ืองเปาไทย
17. นายสมชาย ดรุ ยิ ประณตี ฆองวงใหญ
ฆอ งวงใหญ /
18. นายวเิ ชียร พรหมจรรย เคร่อื งหนงั ไทย – มอญ
ฆอ งวงเลก็ /
19. นายแจง คลายสีทอง เครอ่ื งหนงั ไทย – มอญ
20. นายสุพจน โตสงา ฆอ งวงเล็ก
21. นายเผชญิ กองโชค ฆอ งวงเลก็
22. นายสชุ าติ คลายจินดา ฆอ งวงเลก็
23. นายสมพงษ นุชพิจารณ ระนาดทุม
24. หมอมหลวงสุรักษ สวสั ดิกุล ณ อยุธยา เคร่ืองหนังไทย – มอญ
เครื่องหนังไทย – มอญ / เคร่อื ง
25. นายมนู เขยี ววิจติ ร ประกอบจังหวะ
27. นายชนะ ดรุ ยิ พนั ธุ เครื่องหนังไทย – มอญ
28. นายอนันต ดรุ ิยพนั ธุ เครอ่ื งหนังไทย – มอญ
เครอ่ื งหนงั ไทย – มอญ
จากตารางขางตน เปนรายชื่อ นามสกุล และหนาที่ สําหรับผูท่ีมีสวนเกี่ยวของกับการประชันวงปพาทย
บานดุริยประณีต ในชว ง พ.ศ. 2489 – พ.ศ.2506 ตามขอบเขตงานวจิ ยั ท่กี ําหนดไว
15|ห น า
ครูผสู อนหลักของบา นดรุ ิยประณตี
พระยาเสนาะดุรยิ างค (แชม สนุ ทรวาทิน)
ชอื่ ภาพ : แชม สนุ ทรวาทิน, พระยาเสนาะดรุ ิยางค (พ.ศ. 2409 - 2492)
ทีม่ า : ราชบณั ฑติ ยสถาน “ภาคประวัตินักดนตรแี ละนักรอง ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน”, 2542
พระยาเสนาะดุริยางค นามเดิม แชม นามสกุล สุนทรวาทิน เปนบุตรคนหัวปของครูชอย และ
นางไผ สุนทรวาทิน เกิดเม่ือเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2409 ตรงกับเดือน 9 ปขาลท่ีตําบลสวนมะลิใกลวัดเทพศิรินทราวาส
เรียนวิชาดนตรีจากครูชอย สุนทรวาทิน ผูเปนบิดา จนมีความแตกฉาน ตอมาเจาพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน
(ม.ร.ว. หลาน กุญชร) ผูบัญชาการกรมโขนตั้งคณะละครข้ึนที่บานจึงไดขอตัวมาเปนนักดนตรีในวงปพาทยของทาน
ก็ยิง่ ทาํ ใหพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สนุ ทรวาทิน) มีความเชียวชาญในการขบั รอ ง และดรุ ิยางคศิลปเปนอยางมาก
นายแชม สุนทรวาทิน เร่ิมเขารับราชการเม่ือพุทธศักราช 2422 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา
เจาอยูหัว รัชกาลท่ี 5 ตอมาไดรับพระราชทานบรรดาศักดิ์เปน "ขุนเสนาะดุริยางค" เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2446
ในตําแหนงเจา กรมพณิ พาทยหลวง และโปรดเลื่อนเปน "หลวงเสนาะดุริยางค" เม่ือ พ.ศ. 2453 ในตําแหนงเดิม คร้ันถึง
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 โปรดใหเลื่อนเปน "พระเสนาะดุริยางค" รับราชการ
ในกรมมหรสพหลวง และไดรบั พระราชทานเหรียญดษุ ฎมี าลาเขม็ ศิลปวิทยา ดวยความซื่อตรงตอ หนาท่ีราชการ จงรักภักดี
ในพระมหากษัต ริย แล ะความสามารถในดุริ ยางคศิล ป ทานจึงไดรั บพระราชทานบรรดาศักด์ิเป น
16|ห น า
"พระยาเสนาะดุริยางค" เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2468 นับเปนหนึ่งในสอง “พระยา” ทางดุริยางคไทยของ
กรุงรัตนโกสินทร แมภายหลังจะเกษียณอายุราชการแลว พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 7
ก็ยังทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ เรียกเขารับราชการตอไปอีกจนส้ินรัชกาลจึงไดออกรับบํานาญ นับไดวาเปนที่ไววาง
พระราชหฤทัยย่งิ
หนา ท่ีการงานของพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) น้ันมีมาตลอดต้ังแตเริ่มรับราชการ จนสิ้นอายุขัย
แบงตามรชั สมัยไดดังนี้
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 5 นอกจากงานประจําควบคุมฝกสอน
และการบรรเลงในงานพระราชพิธีตาง ๆ ยังโปรดใหเปนครูสอนดนตรีถวายพระราชวงศฝายใน
เจาจอมในพระบรมมหาราชวัง เปนประจําเจาจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย เลาวาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา
เจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 โปรดใหต้ังมโหรีหญิงวงหลวงข้ึนเปนวงแรก อยูในพระอนุเคราะหของพระวิมาดาเธอกรม
พระสุทธาสินีนาฎ และไดทรงพระราชนิพนธกลอนบทละครเรื่องเงาะปาข้ึน เมื่อทรงจบตอนใดก็โปรดใหเจาจอมสดับ
เชญิ พระราชนพิ นธต อนนัน้ มาใหทา นพระยาเสนาะดรุ ิยางค (แชม สนุ ทรวาทนิ ) บรรจเุ พลงรอง และเพลงหนาพาทยแลวจึง
ฝกสอนวงมโหรีฝายในขับรอง และบรรเลงปพาทยถวายใหทรงฟงแตละตอน เพื่อทรงพระราชวิจารณแกไข
เปนอยางนี้จนทรงพระราชนิพนธจบเร่ือง พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) รับราชการสนอง
พระยุคลบาทใกลชิดตลอดรัชกาล ไดรับพระมหากรุณา พระราชทานรางวัล เปนพิเศษหลายคร้ัง อาทิ
ดุมเสอื้ พระปรมาภไิ ธยยอ จปร. นาฬกิ ายอ จปร.
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน)
ไดรับมอบหมายใหควบคุมวงพิณพาทยของเจาพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง
ซึ่งมีนักดนตรีสวนใหญเปนทหารรักษาวัง วงพิณพาทยน้ี นับไดวารวบรวมผูมีฝมือ ซึ่งตอมาไดเปนครูผูหลักผูใหญ
เปนท่ีรูจักนับถือโดยท่ัวไป ในวงการดุริยางคศิลป เชน นายเทียบ คงลายทอง ,นายพร้ิง ดนตรีรส ,นายสอน วงฆอง
,นายมิ ทรัพยเย็น ,นายแสวง โสภา ,นายผิว ใบไม ,นายเช้ือ นักรอง และนายทองสุข (คงศกด์ิ) คําศิริ เปนตน
ปลายรชั กาลท่ี 6 พระยาเสนาะดรุ ยิ างค (แชม สุนทรวาทิน) ไดรับพระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ ใหฝกสอนควบคุม
วงมโหรีหญิงซ่ึงมีนางพระกํานัลเปนนักดนตรี คร้ันเม่ือพระนางเจาสุวัทนาพระวรราชเทวี ใกลจะครบกําหนด
มีพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 ทรงพระราชนิพนธเนื้อรองเพลงปลาทอง
ไวสมโภชพระราชทานสมเด็จพระเจาลูกเธอ จึงโปรดใหพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ฝกมโหรีหญิงวงนี้
ไวบ รรเลงถวายเม่ือมีพระประสตู กิ าล
17|ห น า
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 7 พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน)
ยังไดสนองพระกรุณาธิคุณฝกซอมมโหรีหญิงท่ีตําหนักพระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎ ในวังสุนันทาลัย
และบรรเลงถวายทุกคืนวันพุธ ตราบจนเสด็จพระราชดําเนนิ สปู ระเทศองั กฤษ
นอกจากน้ีพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ยังไดรับเชิญจากนายศุข ดุริยประณีต
ผทู ่ีเคยเปนผรู วมงานกันในวังเจาพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) ใหทานมาเปนครูของบานดุริยประณีต
เพื่อตอเพลงการตาง ๆ ท้ังทางรอง และทางเครื่อง รูปแบบท่ีทานตอเพลง ทางรอง คือมีการปรับเปล่ียนจากเดิมที่รอง
ตรง ๆ หรือการรอ ง ซา้ํ คํา ใหมีการเอือ้ นอยางสละสลวย งดงาม และวรรคคําใหมีชองไฟ สวนทางเคร่ือง รูปแบบน้ัน คือ
ตอจาก โหมโรงเชา โหมโรงเย็น เพลงเร่ือง (เร่ืองตะโพน) จนหมดกระบวนความของทานแลว จึงตอเพลงตาง ๆ เชน
พมาหาทอ น ส่ีบท บหุ ลัน จระเขหางยาว เปน ตน
ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลท่ี 9 เม่ือกรมศิลปากรบันทึก
โนตเพลงไทยในป พ.ศ. 2479 ก็ไดเชิญพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เปนผูบอกเพลง และทานไดเปน
กรรมการของราชบณั ฑิตยสถานอยูจนตลอดชวี ติ
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เปนนักดนตรีท่ีมีฝมือเปนเลิศถึงท่ีสุด ท้ังทางเครื่องและทางขับรอง
โดยจะสังเกตไดจากบรรดาศิษยท้ังหลายของทาน ซ่ึงในระยะตอมาไดกลายเปนเอตทัคคะในแตละแขนง
ของดุริยางคศาสตร จนเปนท่ียอมรับนับถือกันโดยท่ัวไป ทั้งน้ีเปนผลมาจากฉันทะวิริยะของทานพระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สุนทรวาทิน) ที่ไดพร่ําสอนอบรม ดวยความละเมียดละไมรวมทั้งเต็มเปยมในความรูแจงเห็นจริงโดยแท
อน่งึ อจั ฉรยิ ภาพสวนตวั ของพระยาเสนาะดรุ ยิ างค (แชม สนุ ทรวาทนิ ) กม็ ีหลายประการ เชน
นายมิ ทรัพยเย็น ศิษยใกลชิดของทานเลาวา “พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) มีโสตประสาท
แมน ยาํ ยงิ่ นกั แมไ ดย นิ เสยี งเคาะระนาดเพยี งครงั้ เดยี ว ทา นก็สามารถบอกไดถกู ตอ งวา เปน ลกู ท่ีเทา ไร เพลงการทัง้ หลาย
นน้ั ทา นไดย นิ เพยี งคร้งั เดียวก็จาํ ไดไ มขาดตกบกพรอง”
นายสอน วงฆอง เลาวา “เมอ่ื ตอนเดก็ ทา นเลน ปลากดั อยใู ตถุนเรอื น ในขณะทีน่ กั ดนตรอี น่ื ๆ กาํ ลงั เรยี นดนตรี
กับครชู อ ย สุนทรวาทนิ ผเู ปน บดิ าอยูบนบาน ทานกลบั จําเพลงที่พอกําลังตอ ใหแกนกั ดนตรเี หลา นัน้ ไดก อนเสียอีก”
จริยาวัตรของพระยาเสนาะดุริยางค(แชม สุนทรวาทิน) ก็เต็มไปดวยความเมตตากรุณา นายสอน วงฆอง
เลาวา ทานมักจะกลาวแกศิษยเปนเนือง ๆ วา “ยามขัดสนไมจําเปนตองลําบากไปงานปลีก ใหมาเอาสตางค
ท่ที านไดเสมอ”
18|ห น า
นอกจากความสามารถในทางปพ าทยแ ลว นายมิ ทรัพยเ ยน็ เคยพูดถึงวา “คร้ังหนึ่งมีการบรรเลงซอมเปนการ
ลําลองในหมพู นักงานดนตรีของหลวงแหง หนึง่ พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทนิ ) ผานมาพอดนี กึ สนุกจึงนั่งลง
ดีดจะเขด ว ยนว้ิ เปลา มไิ ดใ ชไ มดดี กระแสเสียงนัน้ กงั วาน และไหวจดั จนคนระนาดวางไมกมลงกราบดวยความเสอื่ มใส”
ผลงานทางดนตรีของทานนั้นเปนแนวอนุรักษนิยม ทานพรํ่าสอนแกบรรดาศิษยท้ังหลายเสมอวา เรียนรูรักษา
ของเกาใหหมดสิ้นกอนจึงคอยแตงของใหม ตลอดชีวิตของทานจึงมิไดแตงเพลงใด ๆ ข้ึนใหม นอกจากทางเด่ียว
ของเคร่ืองมือตาง ๆ และการเรียบเรียงตับมอญกละ นอกจากน้ีแลวเปนการปรับปรุงรักษาทั้งสิ้น กลาวไดวาทาน
เปนคนแรกท่ีปรับปรุงการขับรองของสยามประเทศใหละเมียดละไม นุมนวลจะแจง มีชีวิตจิตใจ และไพเราะตองหูผูฟง
โดยทั่วไป สมเปนศิลปะการดนตรีช้ันสูงตางจากการขับรองท่ีมีมาแตเดิม หลักฐานน้ีจะเห็นไดจากความสําเร็จของ
นายโชติ ดุริยประณีต นางสุดา เขียววิจิตร นายเหนี่ยว ดุริยพันธุ ผูเปนศิษย และนางเจริญใจ สุนทรวาทิน ผูเปนบุตรี
ไดอ ยา งชัดเจน
เมื่อครั้งที่ นายศุข ดุริยประณีต ลาออกจากราชการ มากอต้ังวงดุริยประณีต ไดเชิญ พระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สนุ ทรวาทนิ ) ใหม าเปนครูผสู อน ตอเพลงใหก บั ลูก ๆ ที่บาน โดยทา นจะเดินทางมาทางเร่ือ มารับประทานอาหารเชา
ทีบ่ า นดรุ ิยประณตี กอ นทีจ่ ะไปรับราชการทุกวัน เมื่อมาถึง นางแถม ดุริยประณีต จะคอยเตรียมสํารับอาหารใหทาน และ
ทานก็จะสอ นดนตรีให กับบานดุริ ยประณีตกอ นท่ีจะไปรั บราชการ แบบแผนการเรียนการสอนขอ ง
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ที่บานดุริยประณีตไดรับนั้น จะตองเริ่มจากเพลงเร่ืองตะโพนไทยกอน
อยางนอย 4 – 5 เรื่อง หนึ่งในนั้น จําเปนตองไดเพลงเร่ืองฉิ่งพระฉันเชา แลวจึงตอเพลงพิธีกรรมตาง ๆ เพิ่มเพื่อใช
ออกงานประกอบอาชีพเลี้ยงตนตอไป สวนเพลงเด่ียว พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ทานไดตอไวใหกับ
นายช้ืน ดุริยประณีต เพียงไมก่ีเดี่ยว เน่ืองจากทานไมชอบการประชันขันแขง และอยางในชวงเวลาน้ัน
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ถือเปนครูผูใหญในวงการดนตรีไทย จึงสอนส่ังบานดุริยประณีตเพียงแต
เพลงการ เพื่อประกอบเลี้ยงชีพก็เทานั้น วันหนึ่ง นายช้ืน ดุริยประณีต จะตองไปประชันจึงมาเดี่ยวให
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) ฟงเพ่ือปรับแก แตทายสุด พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน)
ทานฟง จบ แลวทานกล็ ุกออกจากบา น โดยไมบ อกกลา ว แตแสดงกิริยานัน้ เปน นยั วา ทานไมพอใจที่ตีทางแบบน้ัน เพราะดู
ไมเรียบรอย กาวราว นายชื่น ดุริยประณีต เปนคนฉลาด มีไหวพริบ จึงทราบดีวาส่ิงท่ี พระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สุนทรวาทิน) ทานกระทําน้ันหมายถึงอะไร จึงเปลี่ยนใหม และตีใหฟงในวันรุงขึ้น จึงถูกใจพระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สุนทรวาทิน) และทานก็ปรับแตงแกไขใหเพียงแตนิด เพื่อให นายช้ืน ดุริยประณีต น้ันบรรเลงออกไปอยางคําท่ีวา
“คมในฝก”
19|ห น า
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สนุ ทรวาทนิ ) เกดิ มาเพอื่ ดนตรี อยูก ับดนตรี และส้ินชีวิตลงดวยความรักใครหวงใย
ในดนตรียิ่งนัก นายสอน วงฆอง เลาวา เม่ือทานปวยดวยโรคมะเร็งกอนจะส้ินลมยังเรียกนายสอน วงฆอง
เขาไปหา และพยายามรองทํานองเชิดฝร่ัง เพื่อใหนายสอน วงฆอง จดจําไวใหได จนกระทั่งถึงแกอนิจกรรม
เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2492 ณ บานเลขท่ี 1561 หนาโรงเรียนบานสมเด็จเจาพระยา
จังหวัดธนบรุ ี สิริอายุได 83 ป
ชอื่ ภาพ : ปพ าทยเ ครื่องหา : พระยาเสนาะดุรยิ างค (แชม สุนทรวาทิน) เปาป ,หลวงบาํ รุงจิตเจริญ (ธปู สารทวิลยั ) ตีฆองวง
,หมน่ื คนธรรพประสิทธสิ าร (แตะ กาญจนผลนิ ) ตีกลองทดั ,พระพาทยบ รรเลงรมย (พิมพ พมิ พวาทนิ ) ตกี ลองสองหนา และตะโพนไทย
,พระเพลงไพเราะ (โสม สุตวาทิน) ตรี ะนาด และหม่ืนขบั คาํ หวาน (เจิม นาคมาลัย) ตกี รับขบั เสภา
ที่มา : นางชยันตี อนนั ตกุล, 2562
20|ห น า
ผูควบคุมวง
นายศขุ ดุรยิ ประณตี
ชอ่ื ภาพ : ศุข ดุริยประณีต, นาย (พ.ศ. 2428 - 2506)
ท่มี า : อนสุ รณงานฌาปนกิจศพนายศขุ ดุรยิ ประณตี และนายสบื สุด (ไก) ดุรยิ ประณีต, 2507
เกิดเมื่อวันจันทรที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2428 เปนบุตรนายอิน กับนางสุม ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตําบลกบเจา อําเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีภรรยาช่ือ แถม (สกุลเดิม เชยเกษ) ซึ่งมีความสามารถ
ในการขับรอง และแสดงละคร
นายศุข ดุริ ยป ระณีต เ ร่ิมเ รี ยนด นต รี กั บ ครู หงส (ไ มท ราบ นามส กุล ) แ ล ะพ่ี ชาย ตอ ม า
เจา พระยาเทเวศรว งศวิวัฒน (ม.ร.ว. หลาน กุญชร) ขณะนั้นดํารงตําแหนงเปนผูบัญชาการกรมโขน และต้ังคณะละครที่
บานของทานเอง ตอนนั้นทานผูบัญชาการกําลังตองการนักดนตรี นายศุข ดุริยประณีต จึงไดถูกเรียกเขาอยูเปน
นกั ดนตรีไทยประจาํ วังเจา พระยาเทเวศรฯ แตนน้ั มา
ครน้ั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงตั้งกรมมหรสพข้ึน โปรดเกลาฯ
ใหโอนขาราชการในกรมโขน และกรมปพาทยจากบานเจาพระยาเทเวศรฯ มารวมในกรมมหรสพที่ต้ังข้ึนใหม
นายศุข ดุรยิ ประณีต กไ็ ดเ ขารบั ราชการในกรมมหรสพ จัดเปน พวกมหาดเลก็ พวกหนง่ึ และทรงโปรดเกลาโปรดกระหมอม
21|ห น า
พระราชทานนามสกุล ดุริยประณีต เมื่อ พ.ศ. 2457 นายศุข ดุริยประณีต ไดลาออกจากราชการเพ่ือเปลี่ยนอาชีพ
เม่ือ พ.ศ. 2461
นายศุข ดุริยประณีต มีบุตร และธิดารวม 10 คน เปนหญิง 6 คน ชาย 4 คน ซ่ึงเกิดจาก
นางแถม ดุรยิ ประณตี ภรยิ าคชู ีวติ คือ
1. นางชุบ ดุริยประณตี
2. นายโชติ ดรุ ิยประณตี
3. นายช้นื ดุรยิ ประณตี
4. นายชัน้ ดุรยิ ประณตี
5. นางเช่อื ม ดุริยประณีต
6. นางแชม ชอย ดรุ ยิ ประณีต
7. นางชมชนื่ ดรุ ยิ ประณตี
8. ด.ญ. ตกุ ตา ดรุ ยิ ประณีต
9. นางทัศนีย ดุริยประณตี
10. นางสดุ จิตต ดุริยประณีต
11. นายสืบสุด ดุรยิ ประณีต
รวม 10 คนที่กลาวมานี้ ลวนเปนศิลปนทุกคน สันนิษฐานวาเปนพันธุกรรมจากบิดา และมารดา โดยการ
สืบสายโลหิตศิลปนโดยตรง เพราะนางแถมภริยาคูชีวิตน้ัน ทั้งปู และพอก็เปนศิลปนแท มีช่ือเสียงเปนครูอยูวังหนา
(วทิ ยาลัยนาฏศลิ ป ในปจ จุบัน) คือปูชื่อคลาย พอชื่อคลอย ทั้งปู และพอของนางแถม เปนครูสอนกลองแขกปชวา และ
กระบี่กระบองในสมัยพระบาทสมเด็จพระปนเกลาเจาอยูหัวในรัชกาลท่ี 4 และหลานเหลนท้ัง 10 คน ของทาน
ก็เปนศลิ ปน ทุกคน
บ้ันปลายชีวิตของนายศุข ดุริยประณีต นั้นเปนเร่ืองที่นาสลดใจย่ิง เพราะการจากไปของนายศุข ดุริยประณีต
นั้น ไมไดจากไปอยางคนชราทั่วไป หรือเปนโรคภัยใด ๆ แตการจากไปน้ันเกิดขึ้น เพราะอุบัติเหตุ จากการสัมภาษณ
นายวิเชียร พรหมจรรย (บุคคลในตุการณคร้ังนั้น) ผูวิจัยจะส่ือประโยคจากการสังเคราะหแลว มิใชเปนคําพูดตาม
นายวิเชียร พรหมจรรย คือ วันหน่ึงในเดือนกุมภาพันธ นายศุข ดุริยประณีต ไดรับการวาจางใหไปทําปพาทยประกอบ
การแสดงลิเก ที่จังหวัดลพบุรี ในคายทหาร เวลา 19.00 น. ในวันน้ันมีรถจากคายทหารมารับ รถนั้นมีลักษณะคันใหญ
น่ังหนาได 3 คน (รวมคนขับ) ดานหลังไวใสเครื่องดนตรี และน่ังไปดวยได (รถ JEEP ทหาร) พลขับ ช่ือวา
22|ห น า
สิบโทเฉลี่ยว (ไมทราบนามสกุล) ตองการจะขับเรงเพ่ือแซงรถคันหนา แตดวยเคราะหกรรมอันใด รถยนตเสียหลัก
พลิกควํ่า (ในขณะที่อยูอําเภอวังนอย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) ทุกคนบนรถหมดสติ แตแลว นายวิเชียร พรหมจรรย
ไดส ตเิ ปน คนแรก จึงรีบลุกไปปลุกนายสมชาย ดุริยประณีต (นายหมัด) ใหชวยกันไปปลุก และตรวจสอบสภาพรางกาย
ของแตละคนที่เดินทางมาดวยกัน สิ่งท่ี นายวิเชียร พรหมจรรย เห็นส่ิงแรก คือรางของนายศุข ดุริยประณีต
กระเด็นออกจากรถ นอนนิ่งอยูริมทางท่ีเปนดินโคลน และถูกกลองทัดใบใหญทับศีรษะ มีเลือดออกตามใบหนา
พอเขาไปเรียก เขยา ตวั กไ็ มท ันการเสยี แลว เนอ่ื งจาก นายศขุ ดุรยิ ประณตี ไดจากไปแลว
ชีวิต ข อ งน ายศุข ดุริ ยป ระ ณี ต น้ั นคร้ั งมี ชี วิ ต คื อ ศิ ล ป น เ ว ล าจ ากไ ป ก็ จา กไ ป อ ย าง ศิล ป น
เมอื่ วันพฤหัสบดี 28 กมุ ภาพนั ธ 2506 สริ ิรวม อายุได 78ป
ชอ่ื ภาพ : หนังสืออนสุ รณงานฌาปนกิจศพนายศุข ดรุ ยิ ประณีต และนายสบื สดุ (ไก) ดุริยประณีต
ที่มา : อนุสรณงานฌาปนกิจศพนายศขุ ดุรยิ ประณตี และนายสบื สุด (ไก) ดรุ ิยประณีต, 2507
23|ห น า
นางแถม ดรุ ิยประณตี
ชอื่ ภาพ : แถม ดรุ ิยประณีต, นาง (พ.ศ. 2433 - 2515)
ที่มา : อนสุ รณใ นการฌาปนกิจศพคุณแมแถม ดุรยิ ประณตี , 2516
นางแถม นามสกุลเดิม คือ เชยเกตุ เกิดวันศุกรท่ี 24 มกราคม พ.ศ. 2433 ตําบลตาคลี
จังหวดั นครสวรรค เปนบตุ รคนโตของนายคลอย กับนางลิ้นจ่ี สกลุ เชยเกตุ เม่ือ พ.ศ. 2448 อายุได 15 ป ก็ยายถิ่นฐาน
มาอยูท่กี รุงเทพมหานครกับคุณลุง (คุณพระภิรมยราชชาสุทธภิ าค) ท่หี ลงั วัดแจงขางกุฎีเจา เซ็น ตอมานางแถมไดหัดละคร
อยูใ นวงั เจาเจก (หลงั ตลาดนานา) จนกระทั่งมีชอื่ เสยี งเปนท่รี ูจักกันดีในบทบาทตัวละคร “พระสงั ขทอง”
จากน้ันไดยายมาอยูกับคุณปา (คุณหญิงผาด ภริยาพระยาโยธาไพจิตร) ท่ีคลองบางหลวง
จนไดม าเจอกับ นายศุข และไดสมรสกัน มีบุตร – ธิดา ท้ังหมด 11 คน (ดังท่ีกลาวไวในประวัติ นายศุข ดุริยประณีต)
แมนางแถม จะเปน นกั ละคร แตเมอื่ ไดสมรสมคี รอบครวั กไ็ ดร ิเริ่มธรุ กจิ คือ การคา ขายเคร่ืองดนตรีปพาทย เนื่องจากรูจัก
กบั ชา งไมช าวจนี ที่มีความประณีตในการสรา งงานไม นางแถม จึงวา จางใหมาประกอบเครื่องดนตรีปพาทยเพ่ือจําหนาย
สมัยน้ันถือไดวา บานดุริยประณีตเปนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก และเปนรานจําหนายเคร่ืองดนตรีไทยรานแรก
โดยอาศัยความชํานาญทางเสียงจากนายศุข ดุริยประณีต (สามี) จนกระท่ังมีช่ือเสียงเปนที่ลํ่าลือกันท่ัวไป
แมจะสรา งโรงงานคา ขายเคร่ืองดนตรไี ทย
24|ห น า
นางแถมมีความตองการไดบุตรที่สามารถขับรองได จึงเกิดการบนบานศาลกลาวในขณะที่
เกดิ นางชุบ ดรุ ยิ ประณตี (บตุ รีคนแรก) จงึ บนบานวา “หากขามีลูกสาว ขอใหลูกสาวทุกคนที่เกิดมานั้นเปนนักรองทุกคน)
สุดทายเปนจริงอยางเชนการบนบานศาลกลาวทุกประการ เม่ือถึงยามวางก็ไดตอทารํา ทางรอง และการแสดงตาง ๆ
ใหก บั บุตรีของตน ซ่ึงบุตรีของนางแถมมีความรูแตกฉานทางคีตศิลปมาก และมีชื่อเสียงเปนท่ีรูจักกันอยางแพรหลายใน
นาม “คณะดุรยิ ประณีต”
ในวัย 70ปเศษ ๆ นางแถมเริ่มปวยโดยโรคภัยตาง ๆ จึงไมสามารถเดินทางไปไหนได และไดรับความกรุณา
เยยี วยาจากแพทยผ เู ชีย่ วชาญ คือ ศาสตราจารย นายแพทยสเุ อ็ด คชเสนี ,รองศาสตราจารย นายแพทยสพุ จน อางแกว ,
นายแพทยพนู พิศ อมาตยกุล ,นายแพทยส ุขุม พันธเุ พ็ง และแพทยห ญงิ อัญชลี ยาตรมงคราญ ดว ยความเอาใจใสตลอดมา
จนกระท่ังวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2515 เวลา 10 นาฬิกาเศษ ๆ นางแถม ไดถึงแกกรรมดวยอาการสงบ ณ
บานดุรยิ ประณตี รวมอายุ 82 ป 7 เดือน 23 วนั
ชอื่ ภาพ : ตง้ั บาํ เพญ็ กุศลศพนางแถม ดรุ ิยประณีต ณ บา นดุริยประณตี
ทมี่ า : อนุสรณในการฌาปนกิจศพคณุ แมแ ถม ดรุ ิยประณีต, 2516
25|ห น า
นายสอน วงฆอ ง
ชอ่ื ภาพ : สอน วงฆอง, นาย (พ.ศ. 2445 - 2518)
ท่มี า : นายชูเกียรต์ิ วงฆอง, 2556
นายสอน วงฆอง เกิดวันจันทรที่ 17 กุมภาพันธ พ.ศ. 2445 ตําบลเจาเจ็ด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เร่ิมเรียนดนตรีกับนายทอง ฤทธิรณ ซึ่งเปนครูปพาทยใกลบาน จากน้ันไดเขามาเรียนกับกับพระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สนุ ทรวาทนิ ) ขณะท่ดี าํ รงตาํ แหนง เจากรมปพาทยห ลวงในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาล
ที่ 5
นายสอน วงฆอง เปนคนมีไหวพริบปฏิภาณ และความเฉลียวฉลาดแมนยํา สามารถบรรเลงเคร่ืองปพาทย
ไดดีเยี่ยมทกุ เคร่ืองมือยกเวนป แตท ีด่ เี ปน พเิ ศษ คือฆอ งวงใหญ ถึงกับพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูหัว รชั กาลท่ี 6
ตรัสประทางนามสกลุ ใหว า "วงฆอง" เพราะตฆี อ งดีเลศิ นายสอน วงฆอง มคี วามแมนยําดเี ปน ทสี่ ุด ซ่ึงเปนคุณสมบัติหลัก
ของผูบรรเลงฆองวงใหญ คือ แมนเพลง แมนปุม และแมนจังหวะ ท่ีวาแมนปุม คือแมนคูแปด และตีลงถูกปุมฆอง
ทกุ ครง้ั ไมพ ลาดไปโดนฉัตร หรอื ทอ่ี ืน่ ๆ สําหรับการแมนจังหวะน้ันเปนคณุ สมบัตขิ องคนฆองวงใหญ ซ่ึงจะตอ งยืนจังหวะไว
ใหมั่นคง ไมร ุกหนา หรือลาหลัง ไมว า จะถกู เหลื่อมถูกลอ ก็ตาม คุณสมบตั ทิ ั้งหมดนนี้ ายสอน วงฆอง มีครบถวนอยางดีเลิศ
ดวยเหตุนนี้ ายสอน วงฆอ ง จึงสามารถรบั วิชาความรจู ากพระยาเสนาะดรุ ิยางค (แชม สนุ ทรวาทิน) มากกวาศิษยคนอื่น ๆ
นายพริ้ง ดนตรีรส คนระนาดฝมือเลิศ ผูเปนศิษยของพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เคยกลาวไววา
"มีสอนไปดวย ผมไมกลัวใคร" เพราะนายสอน วงฆอง เปนที่อุนใจ และเปนหลักของวงไดวิเศษมาก นอกจากนี้
26|ห น า
นายสอน วงฆอง ยังไดสมญานามวาเปน "ตูเพลงของวงการดุริยางคไทย” เพราะไมวาจะเรียกถามเพลงใด
นายสอน วงฆอง สามารถบรรเลงไดค รบถวนไมมพี ลาด เปรยี บเสมือนคน หาหนังสือในตเู ก็บ หรอื จอ เขม็ ลงบนแผนเสียง
หนา ท่ีการงานของนายสอน วงฆอง เร่มิ จากเจาพระยาธรรมธกิ รณาธิบดี (หมอมราชวงศปุม มาลากุล) เสนาบดี
กระทรวงวังในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 ไปขอตัวมาเปนคนฆองวงใหญประจําวงปพาทย
ของทา น เมือ่ อายคุ รบเกณฑท หารไดเ ขารบั ราชการเปน ทหารรักษาวังรนุ เดยี วกบั นายเทียบ คงลายทอง ,นายมิ ทรัพยเย็น
เปนตน เม่ือพนราชการทหารแลวจึงเขาถวายตัวเปนมหาดเล็กในกรมปพาทย และโขนหลวง
เม่อื วนั เสาร ท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ. 2470 หลังเปล่ียนแปลงการปกครองแลวจึงไดโอนมาสังกัดกรมศิลปากรจนเกษียณอายุ
ราชการ และไดร ับการจา งตอ ใหเปน ครพู เิ ศษในวทิ ยาลยั นาฎศิลป จนถึงแกกรรมเมื่อวันศุกร ท่ี 10 มกราคม พ.ศ. 2518
ดว ยโรคหวั ใจลม เหลว สริ อิ ายไุ ด 73 ป กอ นจะถงึ แกก รรมนั้นถอื เปน ครง้ั สุดทายท่ี นายสอน วงฆอ ง ไดบรรเลงฆอ งวงใหญ
เน่ืองจากทางกรมศิลปากรไดเชิญนายสอน วงฆอง บรรเลงฆองวงใหญ ประเภทเพลงเด่ียว จํานวนหลายเพลง
เพ่ือเก็บรักษาไวเปนสมบัติของชาติ นายสอน วงฆอง ก็ใหความรวมมือดวยดี โดยมิไดปดบังความรูแตอยางใด
ครั้งที่ไปบันทึกเสียงน้ัน นายสอน วงฆอง พูดความดังกลาวไวในระหวางท่ีบันทึกเสียงไปไดเกือบแลวเสร็จวา
"เหนอ่ื ยเหลือเกินอยากใหเสร็จเสียที" ส่ิงที่ไมคาดคิดก็เกิดขึ้นฉับพลันไมมีใครทราบไดวาการบันทึกเสียงครั้งนี้จะเปน
การบรรเลงฆองวงใหญครัง้ สดุ ทา ยของ นายสอน วงฆอง ณ หองอัดเสียงของพลตํารวจตรีวิลาส หงสเวส ซอยนวลนอย
เอกมัย เม่ืออัดถึงเด่ียวเพลงกราวใน 3ช้ัน ซ่ึงเปนเพลงท่ียาว และใชกําลังอยางมาก ยังไมทันบรรเลงจบ
นายสอน วงฆอง เกิดอาการมือสั่น และหมดสติลงกลางวงฆองที่บรรเลงอยู ผูท่ีอยู ณ ตรงน้ัน รีบนํานายสอน วงฆอง
ไปรักษาที่โรงพยาบาล แตไมทันการ นายสอน วงฆอง ก็สิ้นใจที่โรงพยาบาลเมื่อขาวการเสียชีวิตของนายสอน วงฆอง
ถึงหู นายพริง้ ดนตรีรส ก็เกดิ คาํ ปรารภข้ึนวา "หมดสอนเสยี คนหนง่ึ ผมไมอ ยากตรี ะนาด"
ดานชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเยื้อน มีบุตรธิดา 3 คน คือ สายหยุด (หญิง) พรทิพย (หญิง)
และชูเกียรติ (ชาย)
27|ห น า
นายโชติ ดุริยประณีต
ชอื่ ภาพ : โชติ ดรุ ิยประณีต, นาย (พ.ศ. 2452 - 2516)
ท่ีมา : อนุสรณง านพระราชทานเพลิงศพ โชติ ดุริยประณีต, 2517
นายโชติ ดุริยประณีต เปนบุตรคนท่ี 2 ของ นายศุข และนางแถม ดุริยประณีต เกิดเม่ือวันอาทิตยท่ี
6 กุมภาพันธ พ.ศ. 2452 เม่ือวัยเยาวเรียนหนังสืออยูที่วัดสามพระยา สมัยน้ันเจาอาวาสเปนครูผูสอนหนังสือ
นายโชติ ดรุ ิยประณีต เรียนจบช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 3 จากน้ันจึงประกอบอาชีพนักดนตรีไทยมาตลอด เน่ืองจากทางบาน
มอี าชีพเปนนกั ดนตรีไทยกนั ทง้ั หมด และนายโชติ ดรุ ยิ ประณตี ถอื ไดวาเปนกําลงั สาํ คัญของครอบครัวทจ่ี ะมาชวยตีปพาทย
ประกอบเปนอาชีพหลักเพ่ือเลี้ยงดูครอบครัว และนอง ๆ ที่ยังไมสามารถชวยเหลือตนเองได เพราะบิดา และมารดา
มีบุตรกนั มาก
ชีวิตนักดนตรีของ นายโชติ ดุริยประณีต เริ่มตนจากการที่ นายศุข ดุริยประณีต ผูเปนบิดาจับมือฆองวงใหญ
เพลงสาธุการใหเปนปฐมตามขนบธรรมเนยี มของดนตรีไทย จากน้ันเมื่อมีความรูพ้ืนฐานมากพอ บิดาผูเปนเพ่ือนรวมงาน
กบั พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) จึงฝากนายโชติ ดุริยประณีต ใหกราบเปนศิษยกับพระยาเสนาะดุริยางค
(แชม สนุ ทรวาทิน) เพ่ือเรยี นป โดยเฉพาะ พาไปกราบเปน ศิษยก ับพระพาทยบ รรเลงรมย (พิม วาทิน) เพอื่ เรียนเครื่องหนัง
โดยเฉพาะ เรยี นขับรองกับ ขนุ ระทึก ,แมส ม แปน และครูก่ิง เรียนเพลงมอญพรอมท้ังรําเจารําผี และหนาทับตะโพนมอญ
เปงมางคอก กับครูจําปา นับไดวาเปนมอญแท ๆ ซึ่งทานเปนครูปพาทยมอญ อยูที่ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นับไดวา
นายโชติ ดุริยประณีตเปนผูท่ีมีความรูแตกฉาน และเพียบพรอมไปดวยสรรพวิชาการทางดนตรีไทยเปนอยางมาก
สมกบั เกยี รติที่ไดรีบเปน ผสู บื ทอดในตาํ แหนง หวั หนา วงบา นดรุ ิยประณตี ตอ จากบดิ า
28|ห น า
นายโชติ ดุริยประณีต เขารับราชการเปนมหาดเล็กฝายมหรสพในพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2469 – พ.ศ. 2478 จากน้ันทางราชการโอนแผนกปพาทย และโขนหลวงมาเปนแผนก
ดุริยางคไทย และนาฏศิลปไทย ขึ้นกับกองการสังคีต กรมศิลปากร ในระหวาง พ.ศ. 2500 – 2510
นายโชติ ดุริยประณีต ไดรบั หนาทีอ่ ันทรงเกยี รตแิ ตง ตงั้ ใหด าํ รงตําแหนง หวั หนาแผนกดรุ ยิ างคไทย เปนคนที่ 4 ตั้งแตกอต้ัง
แผนกดุริยางคไทยขึ้น ตอจากนายโองการ กลีบชื่น ผูท่ีดํารงตําแหนงหัวหนาแผนกดุริยางคไทย คนที่ 3 สวนผูที่ดํารง
ตําแหนงหัวหนาแผนกดุริยางคไทย คนท่ี 2 คือ นายมนตรี ตราโมท และท่ีดํารงตําแหนงหัวหนาแผนกดุริยางคไทย
คนท่ี 1 คอื หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
นายโชติ ดุริยประณีต ถึงแกกรรมดวยอาการสงบ เมื่อวันอาทิตย ท่ี 10 มิถุนายน พ.ศ. 2516
สิริรวมอายุได 64ป
ชอื่ ภาพ : บทกลอนทปี่ ระพนั ธถึงเสนทางชวี ติ นักดนตรีของ นายโชติ ดุรยิ ประณตี
ทีม่ า : อนุสรณง านพระราชทานเพลิงศพ โชติ ดุรยิ ประณตี , 2517
29|ห น า
นายชื้น ดรุ ยิ ประณตี
ชอ่ื ภาพ : ชน้ื ดรุ ิยประณตี , นาย (พ.ศ. 2454 - 2507)
ที่มา : อนุสรณงานฌาปนกจิ ศพ นางชน้ื ดุรยิ ประณีต, 2509
นายชั้น ดุริยประณีต เปนบุตรคนที่ 3 ของนายศุข และนางแถม ดุริยประณีต เกิดวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม
พ.ศ. 2454 ไดเขา ศกึ ษาวิชาการสามัญท่ีโรงเรียนพานิชการสามพระยา เม่ืออายุ 10 ป พรอมกับเรียนวิชาการทางดาน
ดนตรีไทย โดยมีนายศุข ดุริยประณีต ผูเปนบิดาเปนผูจับมือฆองวงใหญเพลงสาธุการใหตามขนบธรรมเนียมดนตรีไทย
จนกระทั่งอายุ 15 ป นายชื้น ดุริยประณีต มีความแตกฉานอยางรวดเร็วในดานปพาทย บิดาเห็นถึงความพรอม
จึงมอบหมายใหน ายชนื้ ดุรยิ ประณีต บุตรคนท่ี 3 นี้รับหนาที่บรรเลงระนาดเอกประจําวงดุริยประณีต ต้ังแตน้ันมา ตอมา
เมือ่ มีทักษะที่ดีขน้ึ เรอื่ ย ๆ บดิ าจงึ นาํ นายชื้น ดุริยประณีต ไปกราบพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เพ่ือฝากตัว
เปนศิษยเม่ือคร้ังที่เรียนอยูกับพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) นายช้ืน ดุริยประณีต เปนที่รักของ
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) มาก เพราะนายช้ัน ดุริยประณีต เปนผูท่ีมีความจําดี ทักษะดี รสมือเย่ียม
มคี วามไหวมาก พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน)ทานสอนอะไร นายชื้น ดุริยประณีต ก็สามารถปฏิบัติตามได
ถกู ตอ งตามคําสอน คําแนะนาํ ทง้ั สน้ิ
ครั้งประชันในแตละคราว นายชื้น ดุริยประณีต สามารถเอาตัวรอดไดไมวาจะไดเพลง หรือไมไดก็ตาม
ดวยปฏิภาณไหวพริบที่เปนเลิศจากพรสวรรค และประสบการณตาง ๆ ท่ีไดผานมา ท้ังการประชันแบบบังเอิญ
30|ห น า
หรือเจตนาประชัน นายช้นื ดรุ ยิ ประณตี กส็ ามารถนําชัยชนะมาใหก ับวงดรุ ยิ ประณีตไดทุกครั้งไป ถอื ไดวาเปนคนธงประจํา
บา นดรุ ยิ ประณีต
เมื่อ พ.ศ. 2469 เขารบั ราชการเขาถวายตัวเปนมหาดเลก็ ในพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 7
และในระหวางรับราชการอยนู น้ั มีการประชนั คร้งั สาํ คญั ข้นึ น้นั คือ การประชันท่ีวังลดาวัลย มีวงปพาทยอยูดวยกัน 3 วง
ไดแก วงบางคอแหลม (สมเด็จเจาฟากรมหลวงสงขลานัครินทร) วงบางขุนพรหม (สมเด็จเจาฟากรมพระนครสวรรค
วรพินิจ) และวงหลวง (พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 7) ซ่ึงการประชันครั้งน้ี นายชื้น ดุริยประณีต
อยใู นวงหลวง ทสี่ ําคัญคอื รับหนา ที่บรรเลงระนาดเอก ดวยเหตุการณคร้ังนี้ นายชื้น ดุริยประณีต จึงไดครูเพ่ิมมา 1 ทาน
คือ หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งทานรับหนาที่ในการปรับวง และตอเพลงเด่ียวอาเฮีย โดยเหลือเวลา
การตอ เพลง และปรับเพลงอยูเพียงแค 7 วันเทาน้ัน แตอยางใดนายช้ืน ดุริยประณีต ก็ไมทําใหผิดหวัง เพราะงานคร้ังน้ี
ผานไปไดอยางเรียบรอยดี ตอมาใน พ.ศ. 2478 ทางสํานักพระราชวังไดโอนงานการชาง และมหรสพใหมาข้ึนอยูใน
กรมศลิ ปากร นายช้ืน ดุริยประณีต ก็ยังคงรับราชการตอมา ดวยความรักอิสระของนายช้ืน ดุริยประณีต ทําใหตัดสินใจ
ลาออกจากขา ราชการ เมื่อ พ.ศ. 2485 และกลายมาเปนครูสอนปพาทยในสถานที่ตาง ๆ อีกหลายจังหวัดจนเปนที่รูจัก
กนั มากขึน้ ในหมูนกั ดนตรไี ทย
ชวงสุดทายของชีวิตไดยายมาอาศัยท่ี จังหวัดลพบุรี และลมปวยดวยโรคมะเร็งท่ีคอ จึงยายกลับมายัง
บานดุริยประณีตซ่ึงเปนบานเกิดเดิม โดยมีแพทยคอยใหความชวยเหลือดูแลรักษาอยางใกลชิด แตอาการนั้นก็ไมมี
การทเุ ลาลงแตอ ยา ง แมจะเปน มะเร็งท่คี อ นายชื้น ดรุ ิยประณีต ก็ยังคงเปนครูอยูในสายเลือด คอยตรวจเพลงที่ลูกหลาน
หัดเพลงกันอยูในช้ันลาง สวนนายช้ืน ดุริยประณีต นอนอยูบนช้ัน 2 หากบรรเลงผิด หรือตอเพลงกันผิด
นายชน้ื ดรุ ิยประณีต จะอาศยั การหยบิ สง่ิ ของใกลต วั กระแทกลงกับพน้ื บา นที่เปนไม ใหทราบทว่ั กันวา เพลงที่ตออยูตรงน้ัน
ผดิ ไมถ ูกตอง ในที่สดุ ก็ถึงแกก รรมดวยโรคมะเร็งทค่ี อ ในวนั พฤหสั บดี ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2507 สิริรวมได 53ป
31|ห น า
นายชั้น ดุรยิ ประณีต
ชอื่ ภาพ : ชัน้ ดรุ ิยประณีต, นาย (พ.ศ. 2457 - 2496)
ท่ีมา : อนสุ รณง านฌาปนกิจศพ นางชัน้ ดุรยิ ประณีต, 2597
นายช้ัน ดุริยประณีต เปนบุตรคนที่ 4 ของนายศุข และนางแถม ดุริยประณีต เกิดวันจันทรที่ 4 พฤษภาคม
พ.ศ. 2457 เมื่อถงึ วยั ทตี่ อ งเรียนหนงั สอื บิดา และมารดา สง ใหไ ปเรยี นหนังสือท่โี รงเรยี นแนบวิทยา สว นวิชาการดนตรีนั้น
ก็เรียนอยูกับบาน เพราะในบานเปนครอบครัวนักดนตรีไทย เมื่ออายุ 12 ป ใน พ.ศ. 2469 เจาพระยาวรพงศพิพัฒน
เสนาบดกี ระทรวงวงั รบั สมัครเยาวชนเขาฝกหดั โขน ละคร ดนตรปี พ าทย ในกรมปพาทย และโขนหลวง สังกัดกระทรวงวัง
เพิ่มเติมจากขา ราชการทร่ี บั ทอดมาจากกรมมหรสพ นายช้ัน ดุริยประณีต ไดรับราชการในกรมน้ีดวย เมื่อป พ.ศ. 2480
ไดโอนมาอยูในกรมศิลปากร นายช้ัน ดุริยประณีต จึงโอนยายมาอยูในแผนกดุริยางคไทย กรมศิลปากร และ
รบั ราชการในแผนกดรุ ยิ างคไ ทย กรมศลิ ปากร มาตลอดชีวิต
นายชน้ั ดุรยิ ประณตี เปน ผทู ีม่ ีจติ ใจดี มีเมตา เคารพผมู ีพระคุณ และกตญั ูเปนอยางมาก เปนผูที่เพียรพยายาม
ในการแสวงหาความรูอยูเสมอ จนแตกฉานในสรรพวิชาการทางดานปพาทยทุกแขนง และยังเปนผูท่ีเปดกวาง
เปน อยางมาก เพอ่ื ใหด นตรไี ทยนั้นพัฒนาไปตลอดไมหยุดนิ่ง คร้ังเม่ือการกระจายเสียงเจริญย่ิงข้ึน นายชั้น ดุริยประณีต
ไดรวบรวมคนดนตรไี ทยต้ังเปนคณะทาํ การสง กระจายเสียง ชื่อคณะวา “ศิลปะดรุ ิยางค”
32|ห น า
ชว งสุดทา ยของชีวติ น้ัน นายช้นั ปวยเปน โรคตบั พิการ ต้ังแตเ ดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2496 อาการปวยน้ันทรุดลง
เร่ือย ๆ ตามลําดับ จนกระทั่งวันพุธ ท่ี 19 สิงหาคม พ.ศ. 2496 นายช้ัน ดุริยประณีต ถึงแกกรรมลงดวยโรงตับพิการ
สริ ิรวมได 39ป
ชอื่ ภาพ : หนงั สอื ที่ระลกึ ในงานฌาปนกจิ ศพ นายช้นั ดุริยประณีต
ทมี่ า : อนสุ รณงานฌาปนกจิ ศพ นางชน้ั ดุรยิ ประณตี , 2597
33|ห น า
นายบญุ ยงค เกตคุ ง
ชอื่ ภาพ : บญุ ยงค เกตคุ ง, นาย (พ.ศ. 2463 - 2539)
ที่มา : อนสุ รณงานพระราชทานเพลิงศพ นายบุญยงค เกตคุ ง ศิลปน แหง ชาต,ิ 2539
นายบุญยงค เกตุคง เปน บุตรชายชองนายเท่ียง และนางเขียน เกตคุ ง เกดิ วนั อังคาร เดือน 4 ปว อก พ.ศ. 2463
ตําบลวัดสิงห กรุงเทพมหานคร บิดา และมารดามีอาชีพเปนนักแสดงจําเปนตองยายสถานที่ประกอบอาชีพอยูบอยคร้ัง
นายบุญยงค เกตุคง จึงตอ งอาศัยอยูกบั ตา และยาย ทีจ่ ังหวัดสมทุ รสาคร เรยี นหนังสือท่วี ดั ชองลม จนจบการศึกษาช้ันตน
เริ่มหัดดนตรีไทยกับ ครูละมาย (ไมทราบนามสกุล) ซ่ึงเปนครูอยูท่ีจังหวัดสมุทรสาคร บานครูละมาย
อยูตดิ กับวดั หวั แหลม
เมื่ออายุ 10 ป นายบุญยงค เกตุคง สามารถบรรเลงฆองวงใหญไดจนจบโหมโรงเชา และโหมโรงเย็น
เม่ือบดิ าเห็นวาบรรเลงในขน้ั พืน้ ฐานไดแลว จึงนําไปฝากเปนศิษยกับ ครูหร่ัง พุมทองสุข ซ่ึงเปนครูดนตรีไทยท่ีมีช่ือเสียง
ในปากนํ้าภาษีเจริญ ตอนนั้น นายบุญยงค เกตุคง อายุได 11 ป โดยมีนองชาย (นายบุญยัง เกตุคง) ติดตามไปเรียน
ดวยเสมอ ในขณะที่ นายบุญยงค เกตุคง เรียนดนตรีไทยที่บานครูหรั่ง พุมทองสุข น้ันไดพบเพ่ือนใหม 1 คน
ชื่อ นายสมาน ทองสุโชติ แตอยูไดเพียง 2 ป เพราะนายบุญยงค เกตุคง เปนผูที่มีความจําดี และทักษะที่พัฒนา
อยางรวดเร็ว จงึ ยา ยไปเรียนกบั พระอาจารยเ ท้มิ (ไมทราบนามสกลุ ) ท่วี ัดชอ งลม จังหวัดสมุทรสาคร นับวาในยุคสมัยนั้น
สถานทเ่ี รียนนีม้ ีชือ่ เสียงมาก เมื่อ นายบุญยงค เกตคุ ง อายุ 16 ป บดิ าเห็นวาสามารถรับงานดนตรีไดแล จึงชักชวนใหมา
บรรเลงดนตรีในคณะนาฏดนตรีของบิดา บรรเลงประจําท่ีวิกลิเกบางลําพู กรุงเทพมหานคร เริ่มจากตําแหนงฆองวงใหญ
แลวจึงพัฒนามาเปนตําแหนงระนาดเอก ทั้งนี้ไดรับการฝกฝน ส่ังสอนจากนายประสิทธิ์ เกตุคง (อา)
34|ห น า
ใหมีความรูทางดานเพลง 2 ชั้น ตามท่ีลิเกใชรองเปนประจํา จึงทําให นายบุญยงค เกตุคง เปนผูที่มีไหวพริบดีเยี่ยม
ในดา นการบรรเลงระนาดประกอบลเิ ก
ในยานบางลําพูท่ี นายบุญยงค เกตุคง อยูน้ันเปนที่ใกลชิดกับบานดนตรีบานหน่ึงท่ีมีช่ือเสียงมาก คือ
“บานดรุ ยิ ประณีต” ซง่ึ มนี ายชนื้ ดุริยประณตี และนายช้ัน ดุรยิ ประณีต บุตรชายของ นายศุข ดุริยประณีต มาชวยบรรเลง
ดนตรีใหกับบิดาของ นายบุญยงค เกตุคง ที่วิกลิเกน้ีบอยครั้งจึงเปนเหตุให นายบุญยงค เกตุคง มีความสนิทสนมกับ
สายตระกูลดรุ ยิ ประณตี
ในสมัยที่พลโทหมอมหลวงขาบ กุญชร เปนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ นายบุญยงค เกตุคง ไดสมัครเขาเปน
นกั ดนตรีไทยประจําวงดนตรีไทยกรมประชาสัมพนั ธ และไดร ับการคัดเลือก ดวยเหตุนี้นับเปนเหตุการณคร้ังสําคัญท่ีทําให
นายบุญยงค เกตุคง มีความรู ความสามารถมากเพ่ิมข้ึนไปอยางย่ิง เพราะเหตุท่ีไดเจอกับ ครูพุม บาปุยะวาทย
หวั หนาแผนกดนตรไี ทยกรมประชาสมั พนั ธ ทา นจงึ คอยเพิ่มเตมิ ความรู ประสบการณอีกหลายดา น ไมวาจะเปนการปรับวง
การบรรเลงเครือ่ งดนตรีไทยในแตล ะช้ิน หรือการคดิ เพลงเดี่ยวกต็ าม
“ตระนาฏราช”เปนเพลงหนาพาทยท่ี นายบุญยงค เกตุคง เปนผูประพันธไว เกิดขึ้นจากเหตุจําเปนท่ี
นายบุญยงค เกตุคง เปนนักดนตรีไทยประกอบละครของคณะนาฏราช ท่ีอยูในความควบคุมของ พระเจาวรวงศเธอ
พระองคเจาภาณุพันธยุคล รับสั่งใหประพันธเพลงหนาพาทยน้ีเพื่อประกอบละครที่ออกแสดงทางโทรทัศนขาวดํา
ชอง 4 บางขนุ พรหม
หลังจากเกษยี ณอายรุ าชการ นายบญุ ยงค เกตุคง ไดรวมมือกับ นายบรูซ แกสตัน กอตั้งวงดนตรีไทยรวมสมัย
ชื่อวา “วงฟองน้ํา” เพื่อบรรเลงเพลงไทยแทในรูปแบบดนตรีรวมสมัย คือดนตรีไทย ประสมกับดนตรีสากล ในป
พ.ศ. 2531 นายบุญยงค เกตุคง ไดรับการยกยองเชิดชูเกียรติเปนศิลปนแหงชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย)
ดว ยผลงาน และคุณงามความดีทกุ ประการท้งั ปวง
บ้ันปลายชีวิตของ นายบุญยงค เกตุคง ศิลปนแหงชาติ ลมปวยดวยโรคสมองเส่ือม ไดรับการรักษาตัว ณ
โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และเมื่อวันพฤหัสบดี ท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 นายบุญยงค เกตุคง ศิลปนแหงชาติ
ไดถงึ แกกรรมในที่สุด สิริอายไุ ด 76 ป
35|ห น า
ขบั รอ ง
นางสดุ า เขียววจิ ติ ร
ชอ่ื ภาพ : สุดา เขียววิจิตร, นาง (พ.ศ. 2460 - 2540)
ทม่ี า : อนสุ รณง านพระราชทานเพลิงศพ นางสดุ า เขยี ววิจติ ร, 2540
นามเดิมวา เช่ือม สกุลเดิม ดุริยประณีต เกิดวันอาทิตยที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 เปนบุตรี ลําดับที่ 2
ตอจาก นางชุบ ดรุ ิยประณีต แตเปนบตุ รลาํ ดบั ที่ 5 ของนายศุข ดุรยิ ประณตี กับนางแถม ดรุ ิยประณตี
เม่อื วยั เยาวศ ึกษาทโ่ี รงเรยี นแนบวทิ ยา และหัดขับรองจากมารดา (นางแถม ดุริยประณีต) ตอมาเม่ือมีพ้ืนฐาน
พอสมควรมารดาจึงใหไปเรียนกับ พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) นับไดวาเปนการวางรากฐานการขับรอง
ทสี่ ําคญั ที่สุดของชวี ติ กอ นการเปล่ียนแปลงการปกครองพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลาเจา อยูห วั รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกลา
ใหพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) จัดตั้งวงมโหรีขาหลวง เปนขาในพระองคโดยเฉพาะ
ซ่ึงพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) คัดเลือกเฉพาะสตรีเพศเทาน้ัน นางสุดา เขียววิจิตร ไดรับการคัดเลือก
ในคร้ังนี้ใหเปนนักรองประจําวงมโหรีขาหลวง ภายหลังการเปล่ียนแปลงการปกครอง และยุบกรมมหรสพ
นางสุดา เขียววิจิตร ไดยายเขามา รับราชการในกรมศิลปากร เม่ือเสาร ท่ี 1 ธันวาคม พ.ศ.2477 จากการไดเขามา
รับราชการที่กรมศิลปากร ทําใหนางสุดา เขียววิจิตร พบเจอครูอีกหลายทาน และไดเรียนขับรองเพ่ิมเติมจากครูที่
กรมศิลปากร คอื หลวงเสยี งเสนาะกรรณ (พัน มุกตวาภัย) ,หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ,นายมนตรี ตราโมท
36|ห น า
,คุณหญิงเทศนฏั กานรุ กั ษ ,หมอ มจนั ทร กุญชร ณ อยุธยา และหมอมหลวงตวน วรวรรณ นางสุดา เขียววิจิตร สามารถตี
ระนาดเอก และฆองวงใหญไดดี เน่ืองจากเปนนองสาวของ นายโชติ นายชื้น และนายช้ัน ดุริยประณีต ผูเปนพ่ี
ท่ีไดประสทิ ธิประสาทวชิ าการทางดา นปพ าทยไห
บั้นปลายชีวิตของนางสุดา เขียววิจิตร ปวยเปนโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง แตดวยความที่
นางสุดา เขียววิจิตร เปนผูท่ีชอบเดิน ทํางานบาน นางสุดา เขียววิจิตร จึงสูกับโรคภัยนี้ไดมาเปนระยะเวลานาน
แตดวยอาการท่ีกําเริบหนักข้ึนเร่ือย ๆ จึงทําใหมีอาการออนเพลีย และเบ่ืออาหาร จนกระท่ังเที่ยงคืนเศษของ
วนั เสาร ท่ี 19 เมษายน พ.ศ. 2540 นางสดุ า เขยี ววจิ ติ ร กถ็ งึ แกกรรมอยา งสงบท่ี โรงพยาบาลธนบุรี รวมอายได 80ป
ชอื่ ภาพ : นางสุดา เขียววิจติ ร บรรเลงฆอ งวงใหญ ออกรายการโทรทัศน ชอ ง 4 บางขนุ พรหม
วงมโหรคี รอู าวุโส รายการคันธรรพศาลา
ที่มา : อนุสรณง านพระราชทานเพลิงศพ นางสุดา เขียววิจิตร, 2540
37|ห น า
นางชม รงุ เรือง
ชอ่ื ภาพ : ชม รงุ เรอื ง, นาง (พ.ศ. 2463 - 2556)
ทม่ี า : อนสุ รณง านพระราชทานเพลิงศพ ครชู ม ดุริยประณีต รุงเรอื ง, 2556
นางชม ดุรยิ ประณตี รุง เรอื ง หรอื ท่ีรจู ักกันวา “ครชู ม ยายชม หรือยายเขียว” เปน บตุ รขี องนายศขุ และนางแถม
ดุริยประณีต เกิดวันศุกร ท่ี 2 มกราคม พ.ศ. 2463 เม่ือวัยเยาวไดเรียนหนังสือที่โรงเรียนแนบวิทยา
จนจบช้ันประถมศึกษาปที่ 4 บิดาจึงใหลาออกจากโรงเรียนเพ่ือมาชวยกิจการคาขายเครื่องดนตรีไทยอยูที่บาน และ
เปน นกั รอ งประจําวงดรุ ิยประณีต
เมื่อ พ.ศ. 2470 อายุได 7 ป นางชม ดุริยประณีต รุงเรือง ไดติดตามนายช้ัน ดุริยประณีต
ผูเปน พ่ีชาย ไปยงั เกาะเกรด็ จังหวัดนนทบุรี เพ่ือเรียนขับรองเพลงมอญกับ คุณปามณเฑียร ซ่ึงเปนพี่สะใภ และสามารถ
พูดภาษามอญได อีกท้ังยังจดจําทารํามอญของเกากลับมาอีกดวย ตอจากนั้นเม่ือโตข้ึนบิดาไดพาไปกราบ
พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เพื่อฝากตัวเปนศิษยเรียนวิชาการขับรองจนสามารถขับรอง
เพลงตับลาวเจริญศรี 2ชัน้ ไดเ ปนทพ่ี อใจของ พระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เมื่อรองเพลงไดมากระดับหน่ึง
พรอ มกับรับหนาที่เปนผูขับรองประจําวงดุริยประณีต จึงจําเปนตองแสวงหาวิชาความรูเพ่ิม จึงไดขอใหพี่สาว 2 คน คือ
นางสุดา เขียววิจิตร ,นางแชมชอย ดุริยพันธุ และนายเหนี่ยว ดุริยพันธุ (พ่ีเขย) สอนเพ่ิมเติมใหจนสามารถขับรอง
เพลงไทยทกุ ประเภท (เพลงเถา ,เพลงตบั ,เพลงประกอบละคร และเพลงเด่ียว) รวมถึงเพลงมอญอีกดว ย
38|ห น า
เมอ่ื พ.ศ. 2493 – พ.ศ. 2496 นางชม ดรุ ยิ ประณตี รุงเรือง ไดเขารับราชการเปนครูสอนขับรองเพลงไทย ณ
โรงเรียนวรวุฒิ และไดยายไปสอนที่โรงเรียนโฆษิตระยะหน่ึง จากน้ันอาจารยใหญโรงเรียนสตรัดระฆัง
(อาจารยบุญฉวี พรหมปกรณกิจ) ไดเชิญใหไปสอนขับรองเพลงไทยที่น่ัน จึงไดยายไปรับราชการตอท่ี
โรงเรยี นสตรีวัดระฆงั จนกระทัง่ เกษยี ณอายุราชการ
บ้ันปลายชีวิต นางชม ดุริยประณีต รุงเรือง ไดเขารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา
ดวยอาการน้ําทวมปอด จนถึงแกกรรม เม่ือวันอาทิตย ท่ี 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลาประมาณ
23 นาฬิกา สิริอายุได 93ป
ชอื่ ภาพ : กอ ยรักแมน ะ
ทีม่ า : อนุสรณง านพระราชทานเพลงิ ศพครชู ม ดรุ ิยประณีต รงุ เรือง ,2556
39|ห น า
นางสุดจติ ต ดรุ ิยประณีต
ชอื่ ภาพ : สุดจิตต ดุรยิ ประณตี , นาง (พ.ศ. 2471 - 2555)
ท่มี า : อนุสรณง านพระราชทานเพลงิ ศพ นางสดุ จิตต ดรุ ยิ ประณตี อนันตกุล ศิลปนแหง ชาติ
สาขาศลิ ปการแสดง (คีตศิลป) , 2556
น า ง สุ ด จิ ต ต ดุ ริ ย ป ร ะ ณี ต เ ป น บุ ต รี ค น สุ ด ท า ย ข อ ง น า ย ศุ ข แ ล ะ น า ง แ ถ ม ดุ ริ ย ป ร ะ ณี ต
เกดิ วนั จันทรท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2471 เปนครอบครัวนักดนตรีไทย เกิดมาก็อยูกับเสียงเพลงเสียงดนตรีเมื่อตอนอายุ
8 ป เริ่มหัดรองเพลงกับ มารดา และพี่ ๆ (นางแถม ดุริยประณีต ,นายโชติ ดุริยประณีต ,นางสุดา ดุริยประณีต
,นางแชมชอย ดรุ ิยประณีต ,นางชม ดุริยประณีต ,นางทัศนีย ดุริยประณีต และนายเหน่ียว ดุริยพันธุ) วางจากการเรียน
ขับรอง ก็ไดเรียนฆองวงใหญ ระนาดเอก จาก บิดา และพี่ ๆ (นายศุข ดุริยประณีต ,นายช้ืน ดุริยประณีต
และนายช้ัน ดุริยประณีต) ตอมาเมื่อมีพ้ืนฐานทางการขับรองท่ีมั่นคง นายศุข ดุริยประณีต ผูเปนบิดาไดพา
นางสุดจติ ต ดุรยิ ประณตี ไปกราบพระยาเสนาะดุริยางค (แชม สุนทรวาทิน) เพ่ือฝากตัวเปนศิษย เรียนขับรองเพลงไทย
กับ พระยาภูมีเสวนิ (จิตร จิตตเสว)ี หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ครูมนตรี ตราโมท และเมื่อมารับราชการ
ท่ีกรมประชาสัมพันธจึงไดมีโอกาสเรียนกับครูพุม บาปุยะวาทย และครูคงศักด์ิ คําสิริ เรียนเพลงละครรอง
จากครูเยื้อน สีไกวิน ,แมชมอย (ไมทราบนามสกุล) และแมบุนนาก (ไมทราบนามสกุล) เรียนเพลงหุนกระบอกกับ
แมละมอ ม อสิ รางกรู ณ อยธุ ยา เรยี นนาฏศลิ ปกับ ครเู ฉลย ศุขะวนชิ และครูละมุล ยมะคุปต
40|ห น า
เมื่ออายุครบ 19 ป กรมโฆษณาการไดจัดการประกวดขับรองเพลงไทยขึ้นเปนครั้งแรก และ
ถือเปน การประกวดครั้งแรกของ นางสุดจิตต ดุริยประณีต ผลประกาศออกมาไดรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นับเปน
การเริ่มตนท่ีดียิ่งของการประกวดครั้งแรก ตอมาเมื่ออายุ 22 ป เขารับราชการที่โรงเรียนทวีธาภิเษก ตําแหนง
ครูสอนขับรองเพลงไทย เปนเวลา 7 ป จึงโอนยายจากขาราชการครู มารับราชการอยูที่สถานีวิทยุกระจายเสียง
แหงประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ ฝายกระจายเสียงในประเทศ หนวยงานบันเทิง จนกระท่ังดํารงตําแหนงหัวหนา
งานดนตรีไทย ฝา ยกระจายเสยี งในประเทศ และไดเ กษยี ณอายรุ าชการ
นางสุดจิตต ดุริยประณีต เปนผูที่มีคุณูปการอยูมากในวงการดนตรีไทย และการขับรองเพลงไทย เนื่องจาก
เปนผูที่มีจติ ใจเมตตา และสอนลกู ศษิ ยหมดทกุ อยางไมม ีการปกปด แตอยางใดท้งั ยังเปนผูรเิ ริ่มกอ ต้ัง “มลู นธิ ิดรุ ิยประณีต”
ขนึ้ และคงอยูมาจนปจ จบุ นั (พ.ศ. 2562) ดวยความเพียรของ นางสุดจิตต ดุริยประณีต พยายามฝกฝนพากเพียรเรียน
ขบั รอง และหาประสบการณตา ง ๆ อยเู สมอ ทาํ ให นางสุดจิตต ดุริยประณีต มีผลงานทางดานดนตรีไทยเปนจํานวนมาก
จนไดรบั การยกยองเชดิ ชูเกียรตเิ ปนศิลปนแหงชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (คตี ศลิ ป) ในปพ ทุ ธศักราช 2536
วาระสุดทายของ นางสดุ จิตต ดุริยประณตี ศิลปนแหง ชาติ ลมปว ยดว ยโรคเลอื ดออกในสมอง เม่ือ พ.ศ. 2553
โดยไดรับการผาตัดจากแพทยผูเชี่ยวชาญ โรงพยาบาลศิริราช จากนั้นเมื่อป พ.ศ. 2555 ไดเขารับการรักษาอีกคร้ังท่ี
โรงพยาบาลศิริราช จากโรคปอดอักเสบ สุดทายแลวนางสุดจิตต ดุริยประณีต ศิลปนแหงชาติ ไดถึงแกกรรม
ในวันเสาร ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 สริ ิอายุ 84 ป
41|ห น า
ชอื่ ภาพ : นางสุดจติ ต ดุรยิ ประณตี ศิลปนแหง ชาติ ตีระนาดเอก
ท่มี า : อนสุ รณง านพระราชทานเพลิงศพ นางสดุ จิตต ดุริยประณตี อนันตกลุ ศลิ ปน แหงชาติ
สาขาศิลปการแสดง (คตี ศิลป) , 2556
ชอื่ ภาพ : สญั ลกั ษณม ลู นิธดิ ุริยประณีต
ที่มา : ประธานมลู นิธดิ รุ ยิ ประณีต นางชยันตี อนันตกลุ , 2562
42|ห น า
นางสุรางค ดรุ ิยพนั ธุ
ชอื่ ภาพ : สุรางค ดุริยพันธุ ,นาง ( พ.ศ. 2480 – ปจ จบุ นั )
ทมี่ า : นายศุภณัฐ นตุ มากุล, 2557
นางสรุ างค ดรุ ิยพนั ธุ เกิดเม่ือวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2480 ที่บานดุริยประณีต กรุงเทพมหานคร เปนบุตรีของ
นายเหน่ียว ดุริยพันธุ และนางแชมชอย ดุริยพันธุ สําเร็จการการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ท่ีโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ
กรุงเทพฯ เริ่มตนทํางานเปนครูสอนขับรองเพลงไทยท่ีโรงเรียนราชินี ตั้งแต พ.ศ. 2502 ตอมา พ.ศ. 2505 ไดบรรจุ
เขาทํางาน ในฝายจัดรายการโทรทัศนท่ีสถานีโทรทัศนไทยทีวีชอง 4 บางขุนพรหม จนกระทั่งเกษียณอายุในฝายผลิต
รายการโทรทัศน ไทยทีวีสชี อ ง 9 องคก ารสือ่ สารมวลชนแหงประเทศไทย และเปน อาจารยสอนพเิ ศษวิชาขับรองเพลงไทย
ในสถาบันการศึกษาหลายแหง จนถงึ ปจจุบนั
เริ่มเรียนขับรองเพลงไทยตั้งแตอายุ 8 ขวบ จนมีความสามารถในการขับรองออกงานกับ วงดุริยประณีตได
อยางดี เม่ือเขาศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชาลัย ไดเขาประกวดขับรองเพลงไทยในงานกาชาดและงานศิลปหัตถกรรม
ไดรับรางวัลชนะเลิศทั้งเพลงเดี่ยว และเพลงหมูตอเนื่องกันหลายป ไดรับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถสมเด็จ
พระนางเจาสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ จนบิดา และมารดาเห็นถึงความพรอมที่จะถายทอดกลวิธีการขับรองเพลงไทย
43|ห น า
อยางจริงจัง รวมทั้งไดศึกษาเพิ่มเติมจากครูดนตรีหลายทาน นางสุรางค ดุริยพันธุ ไดรับการสนับสนุนจาก
นายสืบสุด ดุริยประณีต (นายไก) ผูเปนนา ใหเปนนักรองประจําวงประชันปพาทยดุริยประณีต มีความเชี่ยวชาญ
การขับรองเพลงไทยหลายประเภท ไมวาจะเปนเพลงเกร็ด เพลงเถา เพลงละคร ขับเสภา หรือเพลงหุนกระบอก
มีผลงานในการบันทึกเสียง เร่ิมตนตั้งแตครั้งท่ีเรียนอยู ณ โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ ไดรับความกรุณาจาก
หมอ มเจา พูนศรเี กษม เกษมศรี ซ่งึ โปรดนํา้ เสียง และการขับรองของนางสรุ างค ดุริยพนั ธุ เปนอยางมาก
ความภาคภูมิใจในเกียรติประวัติของนางสุรางค ดุริยพันธุ คือการไดรับรางวัลอันทรงเกียรตินั้นคือ
“ศลิ ปนแหง ชาต”ิ เมอ่ื พ.ศ. 2560 สาขาศิลปะการแสดง (คีตศลิ ป)
ชอ่ื ภาพ : ครสู ุรางค ดุริยพนั ธุ ศิลปนแหง ชาติ ใหเ กียรตถิ ายภาพรวมกบั ผูวจิ ยั
เมอื่ ครั้งสําเรจ็ การศึกษาระดับปริญญาตรี ณ จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั
ทม่ี า : นางธิราดา นตุ มากลุ , 2557
44|ห น า
นายศิริ วชิ เวช
ชอื่ ภาพ : ศิริ วิชเวช ,นาย ( พ.ศ. 2475 – ปจ จุบนั )
ทีม่ า : นายศุภณฐั นตุ มากลุ , 2562
นายศิริ วิชเวช เกิดวันอังคาร ท่ี 1 มีนาคม พ.ศ. 2475 เปนบุตรของนายฟุง และนางโป วิชเวช
เกิดที่ตาํ บลบางโคล อาํ เภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งนามสกุลเดิมของนายศิริ วิชเวช คอื พรหมบุปผา แตเน่ืองจากปู
ของนายศิริ วชิ เวช คอื แพทยแผนไทย ชือ่ วา “ชุม” เปนแพทยแผนไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
รัชกาลท่ี 6 พระองคทานพระราชทานนามสกุล วิชเวช ซ่ึงหมายถึงวิชาแหงการแพทย ใหแทนนามสกุลเดิม
(พรหมบุปผา) จากเหตุการณที่ คร้ังหนึ่งในเวลา 13 นาฬิกา บุตรชายของนายชุม วิ่งตัดหนารถยนตพระท่ีนั่งของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 จนเกิดอุบัติเหตุรถยนตทับหนาอกจนยุบลงไป
เจา พระยารามราฆพรบี นาํ เด็กคนนนี้ าํ สง แพทยห ลวง (แพทยฝ รัง่ ) แตทางคณะแพทยห ลวงลงความเห็นกันวารักษาไมได
เนือ่ งจากอวยั วะภายในไดรับบาดเจ็บสาหสั ไมเ กิน 18 นาฬิกา ก็คงเสยี ชวี ิต นายชุม จงึ ขอตัวบุตรกลับมารักษาเองท่ีบาน
และทําการรักษามาตลอด 3 เดือน จนหายดีเปนปกติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6
รับสั่งใหเจาพระยารามราฆพนําเงินไปมอบใหกับ นายชุม เพราะคิดวาเด็กที่โดนรถทับนั้นเสียชีวิตแลว แตนายชุม
มิไดรบั เงนิ นนั้ และกราบบังคมทลู ให พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 ทราบวา บุตรชายยังมีชีวิตอยู
จากน้ันเมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ทราบวาเด็กชายคนนั้นยังมีชีวิตอยูจึงรับส่ังให
นายชุมเขา เผาฯ และจะให นายชมุ เปนแพทยหลวง แตนายชมุ กลวั หวาย จงึ ปฏเิ สธการเปน แพทยห ลวงไปในครั้งนั้น และ
45|ห น า
ในท่ีสุดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานนามสกุลใหกับ นายชุม พรหมบุปผา วา
“วิชเวช” แปลวา วิชาแหงการแพทย จากนั้นนายชุม พรหมบุปผา จึงเปล่ียนมาใชเปน นายชุม วิชเวช
นบั เปนประวัตคิ วามเปน มาของนามสกลพุ ระราชทานท่ีวา “วิชเวช”
นายศิริ วิชเวช เรียนดนตรีในชวงชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 เม่ือปพ.ศ. 2486 ซ่ึงเปนชวงสงครามโลกครั้งท่ี 2
ซึ่งไดเรียนท้ังขับรอง และปพาทย เพลงแรกที่นายศิริ วิชเวช หัดขับรอง กับนายฟุง วิชเวช ผูเปนบิดา คือ ตับนางลอย
หัดปพาทยทางฆองวงใหญ เพลงโหมโรงเชากับบิดาเปนเพลงแรกเชนกัน และไดมีโอกาสออกงานกับวงของครูกลํ้า
ท่บี างโคล โดยทาํ หนา ท่เี ปน นกั รอ ง และตีระนาดทมุ เม่อื นายศิริ วิชเวช มคี วามสามารถในการขับรอง และบรรเลงปพาทย
ระดบั หนง่ึ แลว จงึ ไดเ ขา ไปกราบ นายเหน่ียว ดุริยพนั ธุ ในป พ.ศ. 2498 ในเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2498 เพื่อขอเปนศิษย
ในการเรียนขับรองเพลงไทย นายเหนี่ยว ดุริยพันธุ รับนายศิริ วิชเวช เปนศิษย และถายทอดเพลงครอบจักรวาล 2 ชั้น
ในละครเรื่องพระไวยแตกทัพ ใหเปนเพลงแรก และเปนเพลงสุดทาย เนื่องจากนายเหนี่ยว ดุริยพันธุ เสียชีวิตลง
ในวันองั คาร ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498
หลังจากนายเหน่ียว ดุริยพันธุ เสียชีวิตลง หมอสวรรค วรรณบูรณ ไดนิมิต ถึง นายเหนี่ยว ดุริยพันธุ วา
“คณุ หมอ ซอ มแผงเพชรใหห นอย (เพชรนัน้ มีลักษณะหมองขนุ )” ในนมิ ติ น้ัน หมอสวรรค วรรณบูรณ ไดทําการขัดเพชร
ที่หมองขุนใหกลับมาเงางามอีกคร้ัง เมื่อขัดเสร็จก็น่ังรอ นายเหนี่ยว ดุริยพันธุ ใหมารับจนกระท่ังตอนเชา 7 นาฬิกา
ไดตื่นข้ึนจากนิมิต ก็รีบตาม นายศิริ วิชเวช มาหาที่บาน และเลานิมิตนั้นใหฟง หลังจากท่ีเลานิมิตจบ
หมอสวรรค วรรณบูรณ หยิบหีบที่เก็บเพลงท้ังหมดของนายเหนี่ยว ดุริยพันธุ มาเปด และพานายศิริ วิชเวช จุดธูป
บอกกลาวกับรูปของ นายเหนี่ยว ดุริยพันธุ วาจะสอน และมอบสมบัติอันล้ําคา (เพลงท้ังหมด) น้ีไวกับนายศิริ วิชเวช
โดยทาํ การตอเพลงทั้งหมด 7 วนั 7 คืน ไมหยุดพักแตอ ยา งใด หลงั จากสาํ เร็จการเรยี นในครั้งนี้กับหมอสวรรค วรรณบูรณ
นายศิริ วิชเวช จึงสามารถรับงานตาง ๆ ได และนายสืบสุด ดุริยประณีต (นายไก) ก็เร่ิมรับการประชันมากข้ึน
จึงไดชักชวนให นายศิริ วิชเวช มาเปนผูขับรองใหกับวงปพาทยประชันบานดุริยประณีต เพราะเห็นวาเปนลูกศิษย
นายเหน่ียว ดรุ ิยพนั ธุ
หลังจากที่บิดายอมรับการเรียนขับรองเพลงของนายศิริ วิชเวช แลวจึงเห็นวา นายศิริ วิชเวช นาจะไดเรียน
วิชาการขับเสภา ซึ่งเปนวิชาที่นักรอง และนายเหนี่ยว ดุริยพันธุ ก็เคยขับเสภาไวเปนที่เลื่องลือ จึงพานายศิริ วิชเวช
ไปฝากตวั เรียนขยับกรับกับ นายเจอื นาคมาลยั หลานของหม่นื ขับคําหวาน (เจมิ นาคมาลยั ) ซง่ึ นายศริ ิ วิชเวช ก็สามารถ
เรียนไดอยางแตกฉาน เรียกไดว าเปนศิษยคนเดียวที่สามารถเรียนรูกระบวนกรับของ หม่ืนขับคําหวาน (เจิม นาคมาลัย)
46|ห น า
ไดอยางครบถวน ภายหลังนายเจือ นาคมาลัย ไดทําพินัยกรรมยกกรับเสภาของ หมื่นขับคําหวาน (เจิม นาคมาลัย)
ใหนายศรฺ ิ วิชเวช รักษาไว
นอกจากการเรียนขับรอง ปพาทย และกรับเสภาแลว อาจารยศิริ วิชเวช ยังไดฝกหัดทางเคร่ืองสาย
โดยหดั การบรรเลงซออู และซอดว งจากบดิ า ซง่ึ บิดาอออกปากชมกบั มารดาวา “นายศริ ิ วิชเวช นั้นนิ้วมพี ษิ ไมว าจะเรยี น
จับเสน หรือเรียนวิชาที่ตองใชน้ิวจะดีนัก” หลังจากน้ันนายศิริ วิชเวช จึงมาเรียนกับ นายลาภ มณีลดา ท่ีคุรุสภา
โดยเรียนซอดวง และกอ ตง้ั วงดนตรไี ทยบรรเลงออกวทิ ยุในสมัยน้ัน นายศริ ิ วชิ เวช ไดคิดคนนวัตกรรมดานการสอนดนตรี
ใหมีงายตอการเรียนการสอน เปนผูท่ีอุทิศแรงกายแรงใจในการสอน และมีความสามารถในการแยกแยะทางเพลง
ของครูทานตาง ๆ อยางชัดเจน นอกจากนั้น นายศิริ วิชเวช ยังเปนผูรักษาทางเพลงของครูทานตาง ๆ ไวเปนอยางดี
ดวยเหตุน้ี นายศิริ วิชเวช จึงไดรับการยกยองเชิดชูเกียรติเปนศิลปนแหงชาติ สาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลป)
พ.ศ. 2551 ดวยผลงาน และคณุ งามความดที กุ ประการท้ังปวง
ชอื่ ภาพ : นายศิริ วชิ เวช พบศษิ ย ในงาน “ศษิ ยพบครู เชิดชศู ิริ วชิ เวช”
ทีม่ า : หนังสือที่ระลกึ ในงาน “ศิษยพบครู เชดิ ชูศริ ิ วิชเวช”, 2551
47|ห น า