The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความหลากหลายทางชีวภาพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BIOLOGY 6, 2019-12-22 12:09:27

ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ

• Excavata • Archaeplastida

– Diplomonads – Green algae
– Parabasalids – Red algae
– Euglenozoans
• Unikonta
• Kinetoplastid
• Euglenid – Amoebozoans

• SAR „ Tubulinid

– Stramenopila „ Entameba

• Diatom, Oomycetes, Brown algae, Glod algae „ Slime mold

– Alveolates – Opisthokonts

• Dinoflagellate
• Apicomplexan
• Ciliated

– Rhizarians

• Radiolarain
• foramminiferain

 Archaeplastida

1) Green algae

„ เป็นสาหร่ายทม่ี คี วามคลา้ ยคลงึ กบั พชื มากทส่ี ุด
ส่วนใหญ่ดาํ รงชวี ติ ในนาํ้ จดื

„ บางชนิดอาศยั อยู่ร่วมกบั ราเรยี กวา่ Lichens
„ เกอื บทกุ ชนิดมกี ารสบื พนั ธุแ์ บบอาศยั เพศ โดย

เซลลส์ บื พนั ธุจ์ ะมี flagella 2 เสน้
„ แบง่ ออกเป็น 2 กลมุ่ คอื

‟ Chlorophyte สาหรา่ ยสเี ขียวทวั่ ไป
‟ Charophyceans สาหร่ายไฟ (บรรพบรุ ษุ ของพชื )

 Chlorophyta (Green algae)

Chlamydomonas Volvox Caulerpa

Ulva Spirogyra (เทาน้า)

(Green algae)

2) Rhodophyta (Red algae)

‟ มสี แี ดงถงึ ดาํ โดยมสี ารสชี ่อื วา่
Phycoerythrin

‟ ส่วนใหญ่จะมหี ลายเซลล์ สามารถมขี นาดใหญ่
‟ เซลลส์ บื พนั ธุเ์ คลอ่ื นทแ่ี บบ amoeba

„ Porphyra- Japanese Nori
„ Gracilaria - สาหรา่ ยผมนาง

• Excavata • Archaeplastida

– Diplomonads – Green algae
– Parabasalids – Red algae
– Euglenozoans
• Unikonta
• Kinetoplastid
• Euglenid – Amoebozoans

• SAR „ Tubulinid

– Stamenopiles „ Entameba

• Diatom, Oomycetes, Brown algae, Glod algae „ Slime mold

– Alveolates – Opisthokonts

• Dinoflagellate
• Apicomplexan
• Ciliated

– Rhizarians

• Radiolarain
• foramminiferain

 Unikonta
„ Amebozoan

‟ อะมบี าท่แี ทจ้ รงิ
‟ แบง่ เป็น 3 กลมุ่

„ Tubulinid
„ Entameba
„ Slime mold

„ 1) Tubulinid

‟ อะมบี าท่แี ทจ้ รงิ
‟ สว่ นมากเป็นผูบ้ รโิ ภค กนิ สง่ิ มชี วี ติ ขนาด

เลก็ ๆเป็นอาหาร
‟ บางชนดิ เป็นผูย้ อ่ ยสลาย
‟ ไมค่ ่อยก่อโรคในมนุษย์

Ex. Amoeba proteus

2) ENTAMOEBAS

‟ เป็นอะมบี าทก่ี ่อโรคในมนุษย์

‟ ตวั อย่างเช่น

„ Entamoeba histolytica
เป็นปรสติ ก่อโรคบดิ มตี วั ผลแทรกซอ้ นอาจทาํ
ใหแ้ ป็นฝีในตบั

„ Entamoeba gingivalis
อาศยั อยู่ในช่องปากก่อใหเ้กดิ กลน่ิ ปาก

3) SLIME MOLD (ราเมอื ก)

‟ มกี ารสรา้ งสปอรค์ ลา้ ยรา
‟ ววิ ฒั นาการมาจาก Gymnamoebas
‟ แบง่ ออกเป็น 2 กลมุ่ ตามช่วงวงชวี ติ คอื

plasmodium slime mold และ cellular
slime mold

 Amebozoa
„ SLIME MOLD

‟ plasmodium slime
mold

„ SLIME MOLD

‟ cellular slime
mold

„ Opisthokon

‟ Choaoflagellate
‟ บรรพบรุ ุษของสตั ว์
‟ อยูเ่ ซลลเ์ ดียวหรอื โคโลนีรวมกนั อยูบ่ นกา้ นชู
‟ มหี นวด 1 เสน้
‟ มี collar

•Kingdom
Plantae

ลกั ษณะสาคญั ของสง่ิ มีชีวติ ในอาณาจกั รพชื สรุปไดด้ งั น้ี
„ Eukaryotic cell
„ การดาํ รงชวี ติ เป็นแบบสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ (autotroph)
„ พชื มผี นงั เซลล์ (cell wall) เป็นสารพวกเซลลโู ลส
„ วฏั จกั รชวี ติ ของพชื เป็นวงชพี แบบสลบั (alternation of generation) ระหว่าง

ระยะสปอรโ์ รไฟต์ (sporophyte, 2n) กบั ระยะแกมมโี ตไฟต์ (gametophyte, n)



การปรบั ตวั ของพชื
- การสรา้ งสารควิ ทนิ (cutin) และสปอโรพอลเลนิน (sporopollenin)
- การมเี น้ือเย่อื ท่ที าหนา้ ท่ใี นการลาเลยี งน้าและสารอาหารโดยเฉพาะ
- การววิ ฒั นาการของปากใบ (stoma) เพอ่ื ควบคมุ การลาํ เลยี งนาํ้ ในตน้ พชื
- การมโี ครงสรา้ งเฉพาะสาํ หรบั เซลลส์ บื พนั ธุ์ (gamete)
- การมวี ฏั จกั รชวี ติ แบบสลบั เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการขยายพนั ธุ์

อาณาจกั รพืช

พชื ไมม่ ีเน้อื เยอ่ื ลาเลยี ง พืชมีเน้อื เยื่อลาเลียง

P. Hepatophyta พืชไม่มีเมลด็ พชื มเี มลด็

P. Bryophyta P. Lycophyta พชื เมล็ดเปลอื ย พชื มเี ปลือกหุ้มเมล็ด
P. Anthocerophyta P.Pterophyta (gymnosperm) (angiosperm)

P. Cycadophyta

P.Ginkgophyta

P.Coniferophyta

P.Gnetophyta

พชื ท่ไี ม่มเี น้ือเย่อื ลาเลยี ง (Non-vascular plant
หรอื Bryophyte)

„ พชื สเี ขยี วขนาดเลก็ มกั พบในบรเิ วณทม่ี คี วามช้นื สูง

„ ไมม่ รี าก ลาํ ตน้ และใบทแ่ี ทจ้ รงิ

„ มโี ครงสรา้ งคลา้ ยรากทเ่ี รยี กวา่ rhizoid ช่วยในการดูดซมึ นาํ้
„ สว่ นทค่ี ลา้ ยใบจะมคี วิ ตนิ บางๆเคลอื บไว้

„ ในวฏั วงชพี แบบสลบั จะพบระยะแกมโี ตไฟต์ (gametophyte) เด่น
ตลอดชวี ติ ขณะทร่ี ะยะสปอโรไฟต์ (sporophyte) จะพบเพยี งแค่
บางช่วงของชวี ติ เท่านน้ั และจะเจรญิ อยู่บนระยะแกมมโี ตไฟต์

„ Phylum Hepatophyta

‟ พชื ในกลมุ่ น้ไี ดแ้ ก่ liverwort
‟ ตน้ แกมโี ตไฟตม์ ที ง้ั แบบทม่ี สี ว่ นคลา้ ยใบและท่ี

เป็นแผน่ บางๆ แยกออกเป็นพลูๆ
‟ เซลลแ์ ต่ละเซลลภ์ ายในลเิ วอรเ์ วริ ต์ จะ

มีหยดน้ามนั สะสมอยู่
‟ ไม่มปี ากใบสาํ หรบั ใชใ้ นการแลกเปลย่ี นกา๊ ซ
‟ มโี ครงสรา้ งทเ่ี รยี กวา่ elater ช่วยในการกระจาย

spore







„ Phylum Bryophyta

„ พชื กลมุ่ น้ไี ดแ้ ก่ มอสชนิดต่างๆ เช่น ขา้ วตอกฤาษี ทใ่ี ชเ้ป็น
พชื คลมุ ดนิ

„ มลี กั ษณะขนาดเลก็ เรยี งกนั มองดูคลา้ ยพรม อยู่ท่บี รเิ วณช้นื
„ ระยะแกมโี ตไฟตพ์ บไดต้ ลอดชีวิต

„ ระยะสปอโรไฟตข์ องมอสประกอบดว้ ย foot ทาํ หนา้ ทใ่ี นการ
ยดึ กบั ตน้ แกมโี ตไฟต์ ส่วนกา้ นชู (stalk) และสว่ นทเ่ี ป็นอบั
สปอร์ (sporangium) ซง่ึ มฝี าปิด (operculum) และมี
โครงสรา้ งคลา้ ยฟนั เรยี กว่า peristome teeth ช่วยในการ
กระจายสปอร์







„ Phylum Anthocerophyta

‟ พชื ในกลมุ่ น้ไี ดแ้ ก่ Hornwort

‟ ตน้ แกมโี ตไฟตม์ ลี กั ษณะเป็นแผ่น มี
รอยหยกั ทบ่ี รเิ วณขอบ
มีคลอโรพลาสต์ 1 อนั ต่อ 1 เซลล์

‟ ตน้ สปอโรไฟตม์ ลี กั ษณะเป็ นท่อ
แหลมบรเิ วณทป่ี ลายคลา้ ยเขาสตั ว์

‟ ภายในเซลลม์ โี ครงสรา้ งของโปรตนี ท่ี
เรยี กว่า ไพรนี อยด์ (pyrenoid)
คลา้ ยกบั สาหร่าย



อาณาจักรพืช

พชื ไมม่ ีเน้อื เยอ่ื ลาเลยี ง พชื มเี นือ้ เย่ือลาเลยี ง

P. Hepataphyta พชื ไม่มีเมล็ด พืชมเี มล็ด

P. Bryophyta P. Lycophyta พชื เมลด็ เปลือย พืชดอก(angiosperm)
P. Anthocerophyta P.Pterophyta (gymnosperm) P. Anthophyta

P. Cycadophyta

P.Ginkgophyta

P.Coniferophyta

P.Gnetophyta

พชื มเี น้ือเย่อื ลาเลยี ง (Vascular plant)
แตไ่ ม่มเี มลด็

„ กลมุ่ ของพชื ทม่ี ที ่อลาํ เลยี งนาํ้ (xylem) ท่อลาํ เลยี ง
อาหาร (phloem) และมกี ารสะสมลกิ นินข้นึ

„ ระยะ sporophyte ของพชื กลมุ่ น้มี ลี กั ษณะเด่นและ
แยกออกจากระยะ gametophyte ทม่ี แี ค่ช่วงสนั้ ๆ

„ เร่มิ มกี ารพฒั นาของโครงสรา้ งของรากสาํ หรบั ใชใ้ น
การดูดนาํ้ และแร่ธาตเุ ขา้ สูภ่ ายในพชื

„ ใบของพชื ในกลมุ่ ทม่ี เี น้อื เยอ่ื
ลาํ เลยี งแบง่ ออกเป็น 2 แบบคอื

‟ ใบแบบไมโครฟิ ลล์ (microphyll)
ใบขนาดเลก็ เสน้ ใบเพยี ง 1 เสน้
และไมม่ กี ารแตกแขนง

‟ ใบแบบเมกะฟิ ลล์ (megaphyll)
ใบขนาดใหญ่ มกี ารเช่อื มต่อกนั
ของเสน้ ใบทาํ ใหเ้หน็ เป็นร่างแห

„ รูปแบบการสรา้ งสปอรข์ องพชื มเี น้อื เยอ่ื ลาํ เลยี ง
สามารถเกดิ ได้ 2 รูปแบคอื

‟ กลมุ่ ท่มี กี ารสรา้ งสปอรแ์ บบเดยี ว
(homosporous plant)

‟ กลมุ่ ท่มี กี ารสรา้ งสปอรส์ องแบบท่มี ีขนาดไม่เท่ากนั
(heterosporous plant)

„ *สปอรข์ นาดใหญ่ (megaspore) เจรญิ ไปเป็น
ตน้ แกมมโี ตไฟตเ์ พศเมยี (female gametophyte)

„ *สปอรข์ นาดเลก็ (microspore) เจรญิ ไปเป็น
ตน้ แกมโี ตไฟตเ์ พศผู้ (male gametophyte)

„ Phylum Lycophyta

‟ พชื ทม่ี ลี าํ ตน้ และใบทแ่ี ทจ้ รงิ มใี บขนาดเลก็ มเี สน้ ใบ 1 เสน้
‟ บรเิ วณปลายก่งิ มกี ลมุ่ สปอโรฟิลล์ (sporophyll) รวมกนั อยู่สาํ หรบั สรา้ งสปอร์

เรยี กวา่ สโตรบลิ สั (strobilus) ยกเวน้ ในกลมุ่ กระเทยี มนาํ้
‟ สามารถจาํ แนกออกไดเ้ป็น 3 กลมุ่ ย่อยดงั น้ี

„ 1) กลมุ่ ไลโคโพเดียม (Lycopodium sp.)

‟ ชอ่ื สามญั ของกลมุ่ น้คี ือ club moss หรอื ground pine
‟ พชื กลมุ่ น้ี เช่น สนหางสงิ ห์ สรอ้ ยนางกรอง สามรอ้ ยยอด
‟ ใบเป็นแบบไมโครฟิลล์ (microphyll) เรยี งเป็นวงรอบลาํ ตน้

มี strobilus ทบ่ี รเิ วณปลายใบ
‟ พชื กลมุ่ น้เี ป็นกลมุ่ เดยี วทส่ี รา้ งสปอรแ์ บบเดยี ว (homosporous plant)





„ 2) กลมุ่ ซแี ลกจเิ นลลา (Selaginella sp.)

‟ ช่อื สามญั ของกลมุ่ น้คี อื spike moss
‟ พชื ในกลมุ่ น้ี เช่น ตนี ตกุ๊ แก พอ่ คา้ ตเี มยี
‟ ใบเป็นแบบไมโครฟิ ลล์ (microphyll) เรยี งตวั ใน

ลกั ษณะทด่ี ูคลา้ ยเป็นแถว 4 แถวและบดิ กลบั ไป
กลบั มาอยู่ในระนาบเดยี วกนั ทง้ั หมด
‟ พชื กลมุ่ น้มี กี ารสรา้ งสปอรแ์ บบ 2 ชนดิ
(heterosporous plant)





„ 3) กลมุ่ กระเทยี มน้า (Isoetes sp.)

‟ ชอ่ื สามญั ของกลมุ่ น้คี อื quillwort
‟ พชื กลมุ่ น้ไี ดแ้ ก่ กระเทยี มนาํ้
‟ ไม่มโี ครงสรา้ งสโตรบลิ สั แต่มกี ารสรา้ ง

สปอร์ 2 ชนดิ (heterosporous plant)
ทอ่ี ปั สปอรต์ รงโคนใบ



Phylum Pterophyta

1) กลมุ่ หวายทะนอย (Psilotum sp.)

‟ ลาํ ตน้ มสี เี ขยี นสามารถสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ ใบขนาดเลก็ เป็นใบเกลด็ ไมม่ ี
รากทแ่ี ทจ้ รงิ แต่มลี าํ ตน้ ใตด้ นิ (rhizome) ทม่ี โี ครงสรา้ งของส่วนไรซอยด์
(rhiziod) สาํ หรบั ช่วยในการดูดซมึ นาํ้ และแร่ธาตุ

‟ dichotomous branching
‟ synangium
‟ มกี ารสรา้ งสปอรช์ นดิ เดยี ว (homosporous plant)





„ 2) กลมุ่ หญา้ ถอดปลอ้ ง (Equisetum sp.)

‟ พชื กลมุ่ น้ไี ดแ้ ก่ หญา้ ถอดปลอ้ ง สนหางมา้
‟ ลาํ ตน้ สว่ นทอ่ี ยูเ่ หนือดนิ เหน็ เป็นขอ้ ปลอ้ งชดั เจน มีใบเกลด็ เป็นวงอยูร่ อบๆขอ้ เป็ นชน้ั ๆ
‟ ผวิ ของลาํ ตน้ เมอ่ื จบั จะมลี กั ษณะหยาบและสาก เพราะมกี ารสะสมของสารพวกซลิ กิ า

อยู่ในผนงั เซลล์
‟ ใบของหญา้ ถอดปลอ้ งจดั เป็นไมโครฟิลล์ (microphyll)
‟ บรเิ วณปลายก่งิ จะมกี ารสรา้ งสโตรบลิ สั (strobilus) ทม่ี อี ปั สปอร์ (sporangium)
‟ พชื กลมุ่ น้มี กี ารสรา้ งสปอรช์ นดิ เดยี ว (homosporous plant)





„ 3) กลมุ่ เฟิรน์ แท้ (true fern)

‟ พชื ในกลมุ่ น้ีไดแ้ ก่ เฟร์นิ ชนดิ ต่างๆ มตี งั้ แต่ขนาดทเ่ี ป็นพชื ลม้ ลกุ จนถงึ เฟิรน์ ทเ่ี ป็นไมย้ นื ตน้
นอกจากน้ยี งั มแี บบทอ่ี ยู่ในนาํ้ อกี ดว้ ย เช่น ผกั กูด ผกั แวน่

„ ใบอ่อนมลี กั ษณะมว้ นงอเรยี กวา่ circinate vernation

„ ใบของเฟิรน์ เป็นใบแบบเมกะฟิลล์ (megaphyll)

„ กลมุ่ ของอปั สปอร์ (sporangium) ของเฟิรน์ มกั อยูใ่ ตใ้ บ เรยี กวา่
ซอรสั (sorus)

„ แกมโี ตไฟตข์ องเฟิ รน์ มลี กั ษณะคลา้ ยรูปหวั ใจมสี เี ขียว เรยี กว่า
โปรทลั ลสั (prothallus) ซง่ึ มที ง้ั ส่วนของ antheridium สาํ หรบั
สรา้ ง sperm และ archegonium สาํ หรบั สรา้ ง egg

„ เฟิรน์ สว่ นใหญ่มกี ารสรา้ งสปอรช์ นดิ เดยี ว (homosporous plant)
ยกเวน้ เฟิรน์ นาํ้ ทม่ี กี ารสรา้ งการสรา้ งสปอร์ 2 ชนดิ
(heterosporous plant)



อาณาจกั รพืช

พชื ไมม่ ีเน้อื เยอ่ื ลาเลยี ง พืชมีเน้อื เยื่อลาเลียง

P. Hepatophyta พืชไม่มีเมลด็ พชื มเี มลด็

P. Bryophyta P. Lycophyta พชื เมล็ดเปลอื ย พชื มเี ปลือกหุ้มเมล็ด
P. Anthocerophyta P.Pterophyta (gymnosperm) (angiosperm)

P. Cycadophyta

P.Ginkgophyta

P.Coniferophyta

P.Gnetophyta


Click to View FlipBook Version