Page 51
คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 41
4.7 การตนุ (stewing) หมายถงึ การนําวัตถดุ บิ สมนุ ไพรที่สะอาดมาตนุ กบั สารปรุงแตง ที่เปน
ของเหลวในภาชนะตนุ ทมี่ ฝี าปดมิดชดิ ตนุ จนกระทั่งสารปรงุ แตงซมึ เขาไปในตวั ยาอยา งทว่ั ถงึ นําออกมา
ทาํ ใหแ หง
4.8 การลวกดว ยนาํ้ เดอื ด (blanching in boiling water) หมายถึงการนาํ วตั ถดุ บิ สมุนไพรท่ี
สะอาดใสล งในนํา้ เดอื ด คนสกั ครแู ลวนาํ สมุนไพรออกจากน้าํ (สําหรบั สมุนไพรบางชนิดเปลือกเมล็ดชน้ั นอก
มีลักษณะยนและแหง จะตองใสนา้ํ เดือดคนจนกระท่ังเปลือกเมล็ดพองตัวและมีผิวเรียบสามารถแยก
ออกมาได) จากนนั้ นาํ ไปแชในนา้ํ เย็นเพอื่ ลอกเอาเปลือกเมล็ดชนั้ นอกออก แลว นําไปตากแดด
4.9 การแปรรปู โดยใชเ หลา (processing with wine) หมายถงึ กระบวนการแปรรูปโดยใชเหลา
เปนสารปรงุ แตง (ปกตจิ ะใชเ หลา เหลือง) ไดแ ก การผดั การตนุ การนงึ่ ฯลฯ
4.10 การแปรรปู โดยใชนา้ํ สม (processing with vinegar) หมายถงึ กระบวนการแปรรูปโดย
ใชน า้ํ สมเปน สารปรุงแตง (ปกตนิ ํา้ สม ทีใ่ ชม ักทํามาจากการหมกั กล่ันขา ว หรือขา วสาลี หรอื ขา วเกาเหลยี ง
หรือหวั เหลา) ไดแก การผัด การตม การนง่ึ ฯลฯ
4.11 การแปรรปู โดยใชนาํ้ เกลอื (processing with salt-water) หมายถงึ กระบวนการแปรรปู
โดยใชน ้ําเกลอื เปนสารปรุงแตง ไดแ ก การผดั การน่งึ ฯลฯ
4.12 การผดั ดวยนา้ํ ขิง (stir-baking with ginger juice) หมายถึงการผัดวตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ี
สะอาดโดยใชน าํ้ ขิงเปนสารปรุงแตง ซึง่ อาจใชน าํ้ คน้ั ขิงสด หรอื นํ้าตมจากขงิ แหง (ใชข ิงแหง บดแลวตม นํ้า
2 คร้ัง รวมนา้ํ ตมจะไดน้าํ ขงิ ) เตรยี มโดยเติมน้ําขงิ ลงบนวตั ถดุ บิ สมุนไพรทสี่ ะอาด คลุกเคลาใหเ ขากัน
นําไปผดั ในภาชนะทเี่ หมาะสมดวยไฟออน ๆ จนกระท่ังน้าํ ขิงซมึ เขาเน้อื ในตัวยา นาํ ออกมาตากแหง ปกติ
ใชข งิ สด 10 กโิ ลกรัม หรอื ขิงแหง 3 กิโลกรัม ตอ สมนุ ไพร 100 กโิ ลกรัม
4.13 การผัดดว ยนา้ํ ผงึ้ (stir-baking with honey) หมายถึงการผดั วัตถดุ บิ สมนุ ไพรที่สะอาด
โดยใชน ํา้ ผ้ึงเปนสารปรุงแตง เตรียมโดยนํานาํ้ ผงึ้ บรสิ ุทธ์ิมาเจอื จางดว ยนา้ํ ตมในปริมาณที่เหมาะสม ใส
วัตถุดบิ สมนุ ไพรท่สี ะอาด แลวคลุกเคลา ใหเ ขากัน หมักไวสกั ครเู พอ่ื ใหนา้ํ ผึ้งซึมเขาไปในตวั ยา จากน้นั
นําไปผัดในภาชนะท่เี หมาะสมโดยใชไฟออน ๆ ผัดจนกระท่ังมสี เี หลืองเขมและไมเ หนยี วตดิ มือ นําออก
จากเตา แลว ต้ังทงิ้ ไวใ หเยน็ ปกตใิ ชนํา้ ผ้งึ บริสุทธิ์ 25 กิโลกรัม ตอ สมุนไพร 100 กโิ ลกรัม
4.14 การเตรยี มผงสีขาวเหมือนนาํ้ คา งแข็ง (frost-like powder) หมายถงึ การขจัดนา้ํ มันออก
จากสมนุ ไพรโดยการบดวัตถุดบิ สมุนไพรทสี่ ะอาดจนมลี กั ษณะเหมอื นแปงเปย ก แลว ใหค วามรอ นโดยใชไฟ
ออ น ๆ จากน้นั บบี นํ้ามนั ในสมุนไพรออกสว นหนึง่ จนกระทั่งไดต วั ยาทมี่ ีลักษณะเปน ผงสขี าวละเอียด
Page 52
42 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
4.15 การบดดว ยนาํ้ ใหละเอยี ด (levigating) หมายถึงการบดสมนุ ไพรใหเ ปนผงละเอียดโดย
การเติมน้าํ ลงในวตั ถดุ บิ สมุนไพรที่สะอาด ดาํ เนนิ การบดใหเปนผงละเอียด แลว เติมนํ้าเพิ่มอีก คนใหทัว่
จากนน้ั ตักเอาเฉพาะตะกอนท่ีแขวนลอยอยูในน้ําออกมาเก็บไว ใหทาํ ซา้ํ หลาย ๆ คร้ังจนกระท่ังสามารถ
แยกสงิ่ แปลกปลอมออก นําตะกอนแขวนลอยที่เก็บไวมารวมกนั ต้งั ทงิ้ ไวใ หนอนกน แยกเอาเฉพาะตะกอน
นําไปตากแหง บดเปนผงละเอียดมาก
5. 5-9
สารปรงุ แตงทใ่ี ชบอยในกระบวนการแปรรปู เฉพาะของสมนุ ไพร
สารปรงุ แตงมี 2 ประเภท คือ สารปรุงแตงทใ่ี ชใ นการผลติ ยารปู แบบตา ง ๆ ซึ่งสารปรุงแตง
ประเภทนค้ี อ นขา งเสถยี รหรอื มคี วามคงตวั และไมมผี ลตอ ตวั ยาหลกั ในการแตกตัว การดดู ซึม หรอื ปริมาณ
สารสาํ คญั สว นสารปรงุ แตง อกี ประเภทหนงึ่ จะมผี ลตอ ตวั ยา เชน เสริมฤทธ์ิหรือลดพษิ ของตวั ยา ลดอาการ
ขางเคียงของตัวยา และมผี ลตอ การเปลย่ี นแปลงทงั้ ทางกายภาพและทางเคมีของตวั ยาได สารปรงุ แตงมี
ทัง้ รปู แบบท่ีเปน ของเหลวและเปนของแขง็ โดยท่ัวไปสารปรงุ แตง ท่ีใชบอยมดี ังนี้
5.1 เหลา ในยคุ โบราณใชเ หลาเหลอื ง ปจ จบุ ันใชเหลาเหลอื งและเหลา ขาว เหลา มคี ุณสมบตั ิ
รอนแรง รสหวานเผ็ด มสี รรพคุณเพ่มิ การไหลเวยี นของเลอื ด ขับความเย็นสลายลม ดับกลิ่นและรสของ
สารตา ง ๆ และยงั ชว ยใหสารอนินทรยี บ างอยา งแตกตัวและละลายนา้ํ ไดด ีขึ้น
5.2 น้ําสม มีคุณสมบัติอุน รสเปรี้ยวขม เปนตวั นําพาใหต ัวยา (กระสายยา) เขาตบั ไดด ี มี
สรรพคุณชวยใหชไี่ หลเวยี น หามเลือด ลดบวม แกปวด ชวยปรับกลนิ่ และรสใหด ีขน้ึ กรดน้ําสม จะจบั
ตัวกับแอลคาลอยดไ ดสารประเภทเกลอื ทําใหละลายนํา้ ไดด ี เม่ือตม จะทําใหตวั ยาละลายออกมาเร็ว
5.3 นํ้าผึ้ง มีคุณสมบตั ิเยน็ รสหวาน สรรพคุณขบั พษิ รอ น ลดไข หากนํามาตมใหส กุ มี
คุณสมบตั ิอนุ รสหวานกลมกลอ ม สรรพคณุ บาํ รุงจงเจียว (หมายถึงสว นกลางของรา งกาย ตง้ั แตสะดือ
ขน้ึ ไปจนถงึ ล้ินป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถุงนาํ้ ดี และมา ม) สามารถขจดั พิษและใหค วามชุมชื้น แก
ปวด ชวยปรบั กลิ่นและรส เหมาะในการรักษาอวัยวะทงั้ หลาย น้ําผึ้งจึงมคี ุณสมบตั ชิ ว ยปรบั ประสานตัว
ยาในตํารับใหเขา กนั
5.4 เกลอื มีคณุ สมบตั เิ ย็น รสเคม็ สรรพคณุ เสริมเอน็ กระดกู ใหแ ขง็ แรง ชว ยสลายตมุ กอ น
ใหอ อ นลง ขจัดรอนทําใหโ ลหติ เย็น แกพิษ ปอ งกันการเนา ตวั ยาทแี่ ปรรูปโดยใชเกลือจะทําใหค ณุ สมบตั ิ
ของตัวยาเปลีย่ นไปและเพม่ิ ฤทธ์ขิ องยาใหด ขี ้ึน
5.5 ขงิ (น้ําขิงสด) สว นมากจะใชน า้ํ คั้นขงิ สด มคี ณุ สมบัติอุน รสเผ็ด สรรพคณุ กระจาย
ลมตามผิวหนงั ดงั นนั้ จึงใชรกั ษาระยะแรกของโรคท่เี กดิ จากปจจยั ภายนอก สลายความเยน็ อุนจงเจียว
Page 53
คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 43
แกอ าเจียน ขับเสมหะ ตัวยาท่แี ปรรูปโดยใชน าํ้ ขิงสามารถยับยงั้ คณุ สมบัตเิ ยน็ และลดพษิ ของตวั ยาได
5.6 นา้ํ ชะเอมเทศ มีคุณสมบตั ิเปนกลาง รสหวาน มสี รรพคณุ บาํ รุงมาม บํารงุ ช่ี แกพษิ ไข
แกไ อขับเสมหะ บรรเทาอาการปวดเฉยี บพลนั ตวั ยาทีแ่ ปรรปู โดยใชน ํา้ ชะเอมเทศจะชว ยปรับคุณสมบัติ
ของตวั ยาใหสขุ มุ และลดพิษของตัวยาได
5.7 น้าํ ถว่ั ดํา มีคณุ สมบัตเิ ปน กลาง รสหวาน สรรพคุณชว ยใหเลือดไหลเวียน ขับนํา้ แกพษิ
บํารงุ ตบั และไต ตัวยาทแ่ี ปรรูปโดยใชน้ําถวั่ ดาํ จะชว ยใหส รรพคณุ ของตวั ยาดขี ้ึนและลดพษิ หรอื ผลขางเคยี ง
ของตัวยาได
5.8 นํ้าซาวขาว มคี ุณสมบตั ิเยน็ รสหวาน สรรพคณุ บาํ รงุ ช่ี ลดอาการกระวนกระวาย แก
กระหายน้าํ ขจดั พิษ นาํ้ ซาวขา วยังสามารถดดู ซับไขมันไดด ี จงึ มกั ใชก ับตัวยาที่มไี ขมนั มากและตัวยาที่มี
รสเผ็ด จะชว ยบาํ รงุ มา ม ปรับธาตุไดด ี
5.9 น้ํามันงา มคี ณุ สมบัติเย็นเล็กนอ ย รสหวาน สรรพคณุ ขจัดความรอ น ทาํ ใหชุมชนื้ ชว ย
สรา งเนื้อเยื่อ เนอื่ งจากนํา้ มันงามจี ุดเดือดสูง จึงมักนาํ มาแปรรปู ตัวยาทีม่ ีเปลอื กแขง็ มากหรือมีพษิ เพื่อ
ทาํ ใหต วั ยากรอบและลดพิษของตวั ยา
เอกสารอางองิ
1. วิชัย โชควิวฒั น, ชวลิต สนั ติกิจรุง เรอื ง, เย็นจติ ร เตชะดาํ รงสิน (คณะบรรณาธกิ าร). ตํารับยาจนี ท่ีใชบอยในประเทศไทย เลม 1.
พมิ พค รั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั งานกจิ การโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2549.
2. สถาบันการแพทยแผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก. หลกั เกณฑขององคการอนามัยโลกเก่ียวกับเกษตร
และการเก็บเก่ยี วท่ีดเี หมาะสมสําหรบั พืชสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พองคการรบั สง สินคา และพัสดุภณั ฑ (ร.ส.พ.), 2548.
3. กันทมิ า สทิ ธธิ ัญกจิ , พรทพิ ย เติมวเิ ศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูม ือประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพค ร้ังที่ 2.
กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพิมพองคก ารทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.
4. วฒุ ิ วุฒิธรรมเวช. คัมภีรเ ภสัชรัตนโกสนิ ทร. พมิ พครง้ั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปส ยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จาํ กดั ,
2547.
5. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
6. Xu CJ, Ye DJ. Zhongyao Paozhi Xue. 18th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional
Chinese Medicine, 2003.
7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Zhongyao Paozhi Xue. 7th ed. Shanghai: Publishing
House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
8. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
9. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
Page 54
44 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
การใชส มนุ ไพรรายชนดิ
Page 55
คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 45
กระวาน : Doukou (豆蔻)
กระวาน หรือ โตวโคว คือ ผลสุกของพืชท่ีมีช่ือวิทยาศาสตรวา Amomum kravanh Pierre
ex Gagnep. หรือ A. compactum Soland ex Maton วงศ Zingiberaceae1
1 เซนติเมตร
ลูกกระวาน (Fructus Amomi Rotundus)
ช่ือไทย: กระวาน (จนั ทบรุ ี, ปต ตาน)ี ; ปลากอ (ปต ตาน)ี ; กระวานขาว, กระวานโพธิสตั ว (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: โตวโคว (จีนกลาง), เตาโขว (จีนแตจิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Round Cardamon Fruit1
ชื่อเครื่องยา: Fructus Amomi Rotundus1
การเกบ็ เกย่ี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกีย่ วผลสกุ ระหวางฤดรู อ นกบั ฤดใู บไมร ว ง แยกสง่ิ ทีป่ ะปนมาออก ตากแดดหรอื ทาํ ใหแ หงท่ี
อณุ หภูมิต่ํา เกบ็ รักษาผลแหง ในกระสอบปา นหรอื ถุงพลาสติก เกบ็ ไวใ นท่มี ีอากาศเย็นและแหง มีการ
ระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
การเตรยี มตัวยาพรอ มใชมี 3 วธิ ี ดังน้ี
วิธีท่ี 1 ผลกระวาน เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมนุ ไพรมาคดั เอาสง่ิ ปนปลอมและกา นผลทง้ิ รอนเอา
เศษเลก็ ๆ ออก ทุบใหแตกกอ นใช3 ,4
Page 56
46 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
วิธีท่ี 2 เนื้อผลกระวาน เตรียมโดยนาํ ตวั ยาท่ไี ดจากวิธีท่ี 1 มากะเทาะเอาเปลือกผลออก ใช
3,4
เฉพาะสวนเน้ือผล ทุบใหแตกกอนใช
วิธีที่ 3 เปลอื กผลกระวาน เตรยี มโดยนําเปลอื กผลท่ไี ดจากวธิ ที ่ี 2 มาใช 3,4
โดยทบุ ใหแ ตกกอนใช
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาที่มีคุณภาพดี ผลตองมีขนาดใหญ มีเน้ือมาก เปลือกผลบางและไมแตก สีขาวสะอาด
กล่ินหอมฉุน3-5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
ผลกระวาน รสเผ็ด อุน มีฤทธิ์สลายความชื้น ทาํ ใหชีห่ มุนเวยี น แกอ าการจกุ เสียด แนน ล้ินป
เบือ่ อาหาร และมีฤทธิ์ใหความอบอนุ แกก ระเพาะอาหารและลําไส แกอ าเจยี น1
เน้ือผลกระวาน รสเผ็ดเยน็ มีกล่นิ หอม มสี รรพคณุ เหมอื นผลกระวาน3,4
เปลอื กผลกระวาน รสเผ็ด มีกลน่ิ หอมออน ๆ มสี รรพคณุ เหมือนผลกระวาน แตค ณุ สมบตั อิ ุน
นอยมาก และฤทธิ์ของยาออนมากเชนกนั 3,4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:
ผลกระวาน รสเผ็ดรอนหอม ใชแกอาการทองอืด ทองเฟอ และแนนจุกเสียด เปนยาขับ
เสมหะ บาํ รุงธาตุ กระจายเลือดและลมใหซาน ผสมยาถายอื่น ๆ ปองกันไมใหจุกเสียดและไซทอง6,7
ขนาดที่ใชและวิธีใช:
การแพทยแ ผนจีน ใช 3-6 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม (ถาตมกับยาอ่ืนควรใสทีหลัง)1
การแพทยแผนไทย ใชผลแกจัดบดเปนผงรับประทานคร้ังละ 1.5-3 ชอนชา (1-2 กรัม) ชง
กบั น้ําอุน หรอื นาํ มาแชในแอลกอฮอลไ ดน าํ้ ยาสแี ดง รบั ประทานบํารงุ ธาตุ แกธาตุพิการ อาหารไมย อ ย
ทองอืดทองเฟอ8-10
ขอมูลวิชาการที่เก่ียวของ:
1. ผลแกข องกระวานประกอบดว ยนา้ํ มนั หอมระเหย 5-9% ซึง่ มีสารสาํ คัญคอื borneol,
camphor, 1,8-cineole, linalool, pinene เปนตน มฤี ทธิ์ขับลม ลดการบีบตวั ของลําไส จากการทดลอง
พบวามคี วามปลอดภยั และไมม ฤี ทธกิ์ อกลายพนั ธ9ุ
2. สารสกดั เอทานอลและสารสกัดคลอโรฟอรม มฤี ทธ์ิตา นเช้ือรา Microsporum gypsicum,
Trichophyton rubrum, Epiderphyton floccosum, Candida albicans และ Cryptococcus neoformans11
Page 57
คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 47
3. การทดสอบพิษเฉยี บพลนั ของสารสกัดดวย 40% เอทานอล นํ้าเหลาจากเมล็ดกระวานใน
หนถู ีบจกั ร โดยปอ นสารสกดั เขม ขน เทยี บเทา 0.5 กรมั ผงกระวาน/มลิ ลลิ ติ ร ในขนาด 1, 2 และ 10
มิลลิลติ ร/นํา้ หนกั ตวั แกหนูถบี จักรไมพ บอาการพษิ และทดสอบพิษก่งึ เฉยี บพลันโดยใหในขนาด 2
มิลลกิ รัม/กโิ ลกรัม แกหนขู าวเพศผู เปนเวลา 14 วัน พบวา ไมทาํ ใหสตั วทดลองตาย สว นพษิ เฉียบพลัน
ของนา้ํ มนั หอมระเหยเมื่อใหทางปากแกห นูถบี จักร มีคา LD50 เทา กบั 2.52 และ 2.65 กรมั /กิโลกรมั ใน
เพศผูและเพศเมยี ตามลาํ ดบั อาการพิษท่ีพบเมอ่ื ใหในขนาดสงู คือ นํา้ ลายฟูมปาก ชักเกรง็ หายใจ
กระตกุ หยดุ หายใจและตายในท่ีสดุ 10 และยงั พบวา เม่ือใหส ารสกดั ผลแหงดวยแอลกอฮอลในขนาด 2
มลิ ลิลติ ร/กิโลกรัม เปนเวลา 2 สปั ดาห 12
ไมพ บพษิ
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1.
English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000.
2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บญุ ทวคี ณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไ ขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.
3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
4. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. ลดั ดาวลั ย บุญรัตนกรกจิ . สมนุ ไพรนา ใช เลม 1. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ แทนทองปรนิ้ ต้ิงเซอรวิส, 2535.
7. สาํ นักงานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ . คูมือการใชสมุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527.
8. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภีรเภสัชรตั นโกสินทร. พมิ พครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ศิลปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จาํ กัด,
2547.
9. กันทิมา สทิ ธิธัญกิจ, พรทพิ ย เตมิ วิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมือประชาชนในการดูแลสุขภาพดว ยการแพทยแ ผนไทย. พมิ พครัง้ ท่ี 2
กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกิจการโรงพิมพองคการทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.
10. พรอ มจิต ศรลัมภ, วงศส ถติ ย ฉว่ั กุล, สมภพ ประธานธุรารกั ษ (คณะบรรณาธิการ). สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ สารานกุ รมสมุนไพร
เลม 1. พมิ พคร้งั ที่ 3. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท อมรินทรพร้ินติ้งแอนดพับลิชชิง่ จาํ กัด (มหาชน), 2543.
11. กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . เอกสารวิชาการสมนุ ไพร. นนทบรุ ี : สถาบันวิจัยสมุนไพร, 2543.
12. Kwanjaipanich S, Likitaporn T, Wongkrajang Y, Jaiarj P, Wacharakup O. Toxicity test of Amomum krervanh Pierre.
Undergraduate Special Project Report, Fac Pharm, Mahidol Univ 1989.
Page 58
48 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
กะเมง็ : Hanliancao (旱莲草)
กะเม็ง หรือ ฮ่ันเหลียนเฉา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Eclipta
prostrate L. วงศ Compositae1
1 เซนติเมตร
ตนกะเม็ง (Herba Ecliptae)
ชื่อไทย: กะเม็ง, กะเม็งตัวเมีย, คัดเม็ง (ภาคกลาง); หญาสับ, ฮอมเก่ียว (ภาคเหนือ)2
ชื่อจีน: ฮ่ันเหลียนเฉา (จีนกลาง), อั่วโหนยเชา (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Yerbadetajo Herb1
ช่ือเครื่องยา: Herba Ecliptae1
การเก็บเกยี่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก ตากแดดหรือตากในที่รมใหแหง เก็บรักษาไวใ นที่มี
อากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
หลงั เก็บเกยี่ วสมนุ ไพรแลว แยกสงิ่ อน่ื ท่ีปะปนออก ลางนาํ้ อยา งรวดเรว็ ใหส ะอาด ผ่ึงไวใ หแหง
หมาด ๆ นํามาหนั่ เปนทอ น ๆ ตากใหแหง1,3
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีลําตนกลมสีเขียวเขม มีลายเสนตามแนวยาว เมื่อนําลําตนและใบ
มาแชนํ้าจะมีสีเขียวผสมสีหมึก3
Page 59
คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 49
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน:
กะเม็ง รสเปรยี้ วอมหวาน เยน็ มฤี ทธิ์บํารงุ ตับและไต ใชแกอาการมึนศรี ษะ ตาลาย ผมหงอก
เร็ว ปวดเม่ือยบริเวณเอวและหัวเขา หูอ้ือ ฝนเปยกจากภาวะยินของตับและไตพรอง และมีฤทธิ์หาม
เลือด ทําใหเลือดเย็น ใชแกอาการเลือดออกเพราะภาวะยินพรอง ทาํ ใหเลือดรอน เชน เลือดกาํ เดา
ไหล ไอเปนเลือด ปสสาวะ ถายเปนเลือด ตกเลือดในสตรี1
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:
ตนกะเม็ง รสขมเฝอ นเย็น สรรพคุณ แกลมใหกระจาย แกจ กุ เสียดแนน เฟอ หา มเลือด บํารุง
เลอื ด แกโรคโลหิตจาง แกไ อเปนเลอื ด อาเจียนเปน เลอื ด ปสสาวะเปนเลือด อุจจาระเปนเลือด แกไ อ
กรน แกรดิ สีดวงทวาร แกเ จ็บตา แกเ จบ็ คอ ใชทาพอก แกผ่ืนคัน แกฝพพุ อง รกั ษาแผลตกเลอื ด4
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใช 6-12 กรัม ตมเอาน้ําดื่ม1
ขอ หามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง:
การแพทยแผนจีน หา มใชในผูปว ยท่มี ามพรอ ง ไตยินพรอ ง และพวกปส สาวะบอย ๆ ไมหยดุ
หรือถา ยเปนน้ํามาก ๆ5
ขอ มูลวชิ าการทเี่ กีย่ วของ:
1. มีรายงานวาสารสกัดน้ําและสารสกัดบิวทานอลมีฤทธิ์ตานเชื้อ Staphylococcus aureus
และ Escherichia coli ในหลอดทดลอง และสารสกดั มฤี ทธ์ปิ กปอ งตบั จากสารพษิ carbontetrachloride
5,6
ในหนูตะเภาเพศเมียไดผ ลดี ยาตม จากตน กะเมง็ มสี รรพคุณแกโรคบดิ โดยท่ัวไปรับประทานครัง้ เดียว
ก็เร่ิมเหน็ ผล6
2. ตนกะเมง็ ผงมีฤทธิ์หามเลอื ดในสนุ ขั เม่อื ใชภายนอกไดผ ลดี และยังชวยใหการไหลเวียนของ
เลอื ดไปเลย้ี งหวั ใจของหนตู ะเภาดขี ้ึน เมอ่ื ใหหนขู าวทีไ่ ดร บั สาร cyclandelate ขนาด 100 มิลลกิ รัม/
กิโลกรัม รับประทานสารสกดั แอลกอฮอลใ นขนาด 0.4 มลิ ลลิ ติ ร เทียบเทากบั ผงสมนุ ไพร 60 กรมั /
กโิ ลกรัม ทุกวนั ตดิ ตอ กนั 4 วนั พบวาจาํ นวนเซลลเม็ดเลอื ดขาวเพ่ิมข้ึน 483 เซลล/ตารางมิลลเิ มตร
แสดงวา สารสกดั แอลกอฮอลสามารถลดฤทธข์ิ อง cyclandelate ตอ การลดจํานวนเซลลเมด็ เลือดขาวได6
3. การศึกษาพษิ เฉยี บพลันโดยใหผ งยาทางปากหนถู บี จกั ร พบวา คา LD50 มีคา เทากบั 163.4
กรมั /กิโลกรัม6
Page 60
50 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
4. การทดลองทางคลนิ กิ พบวา เมอ่ื ใหผ ูปวยโรคหวั ใจรบั ประทานสารสกัดตนกะเมง็ ในขนาด
15 กรัม/ครั้ง (เทียบเทา ผงยา 30 กรมั ) วันละ 2 คร้ัง ตดิ ตอกนั นาน 1 เดือน พบวา สารสกดั ดงั กลาว
สามารถบรรเทาอาการวงิ เวียนศรี ษะ ปวดเคนอก ปวดหลงั หายใจขดั หรือแนนหนา อกไดผ ลดี นอกจากน้ี
ตน กะเม็งมสี รรพคุณลดไขใ นเดก็ สามารถใชรบั ประทานหรือตมน้ําอาบก็ได6 ,7
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1.
English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000.
2. ลีนา ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ชอื่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544.
3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
4. วฒุ ิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภีรเภสัชรัตนโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศลิ ปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.
5. ชยั โย ชยั ชาญทพิ ยทุ ธ, วชริ า แดนตะวัน, สนุ ทรี วิทยานารถไพศาล, สําลี ใจดี, วบิ ูลย โชคชยั วัฒนพร, นภาพร วิทิตภัทรภาคย,
ขวญั จติ ภสู าระ. การใชส มนุ ไพร เลม 1: รายงานการรวบรวมขอ มลู เบือ้ งตน สาํ หรับงานวจิ ยั ของโครงการพัฒนาเทคนิคการทาํ ยา
สมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั , 2522.
6. Zhang Y, Lin ZB. Herba Ecliptae: mo han lian In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).
Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press,
1999.
7. Institute of Medicinal Plant Development and Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences.
Chinese Materia Medica. Vol. IV. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1988.
Page 61
คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 51
กานพลู: Dingxiang (丁香)
กานพลู หรอื ติงเซียง คอื ดอกตูมแหงของพืชทีม่ ีช่ือวทิ ยาศาสตรวา Syzygium aromaticum
(L.) Merr. et Perry. วงศ Myrtaceae1
2 เซนติเมตร
กานพลู (Flos Caryophylli)
ชื่อไทย: กานพลู (ภาคกลาง)2,3
ชื่อจีน: ติงเซียง (จีนกลาง), เต็งเฮีย (จีนแตจ๋ิว)1
ช่ืออังกฤษ: Clove1
ช่ือเครื่องยา: Flos Caryophylli1
การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกี่ยวดอกตมู เม่ือกานดอกเร่ิมเปล่ียนจากสเี ขียวเปน สีแดงอฐิ ตากแดดใหแหง เก็บรกั ษาไว
ในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
นําวัตถุดิบสมุนไพรมาคัดแยกเอาสิง่ ปนปลอมออก รอ นเอาเศษเล็ก ๆ ออก ทบุ ใหแตกกอ นใช1
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตวั ยาทม่ี คี ณุ ภาพดีตองเปนดอกขนาดใหญ แหงสนิท สแี ดงอมมวง มนี ้ํามันมากและมไิ ดส กดั
เอานํ้ามันออก (กานพลทู ีผ่ า นการสกัดเอานํ้ามนั ออกแลว จะมีสรรพคุณทางยาตาํ่ ) กลิน่ ฉนุ รสเผ็ดจัด3-5
Page 62
52 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน:
กานพลู รสเผด็ อุน มฤี ทธิ์ใหความอบอุนแกกระเพาะอาหาร กระจายความเย็น ระงับปวด
สรรพคุณแกอ าเจียน แกสะอึกเน่ืองจากความเย็น แกป วดทองนอ ยเนอ่ื งจากระบบกระเพาะอาหารเยน็
นอกจากนยี้ งั มฤี ทธิใ์ หความอบอนุ แกร ะบบไต เสรมิ หยาง แกอวยั วะเพศไมแขง็ ตวั มดลกู เยน็ เปนตน1
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:
ดอกกานพลแู หง ทย่ี งั ไมไ ดสกัดเอาน้ํามนั ออก รสเผด็ รอ น กล่นิ หอมจัด สรรพคณุ แกทอ งเสยี ขบั
ลม แกทองอืดทอ งเฟอ ใชดับกลนิ่ ปาก นํ้ามันกานพลใู ชเ ปน ยาขบั ลม ยาฆา เชือ้ โรค ใสฟ น ฆา เชอื้ และเปน
6,7
ยาชาเฉพาะที่ ชว ยระงบั อาการปวดฟน ใชแ กโรครํามะนาด ใชร ะงับกลน่ิ ปาก
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใชขนาด 1-3 กรมั ตมเอานาํ้ ดื่ม1
การแพทยแผนไทย ใชด อกแหง 5-8 ดอก (0.12-0.16 กรมั ) ตมเอานํา้ ดืม่ หรือบดเปนผง ชง
น้าํ ดืม่ หรือเคยี้ วกานพลูแหง 1-2 ดอก หลังอาหาร เพือ่ ชวยลดกลนิ่ ปาก ชว ยใหปากสะอาด และชว ยลด
อาการทองอืดจากอาหารไมย อ ย นอกจากนีด้ อกกานพลูยังชว ยปอ งกันไมใ หเ ด็กออนทอ งอดื ทอ งเฟอได โดย
ใชด อกแหง 1 ดอก แชไวใ นกระตกิ นํ้ารอนที่ใชชงนมใหเด็กออน การใชน ํา้ มันกานพลูเปนยาแกป วดฟน ทํา
โดยใชส าํ ลีชุบนํ้ามันกานพลอู ุดตรงฟน ทปี่ วด หรือใชดอกแหง ตําพอแหลก ผสมเหลาขาวเลก็ นอย ใชสาํ ลี
ชุบอดุ รฟู น4,6,8,9
ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง:
หามใชในผูเปนไข อาเจียน รอ นใน และหามใชก านพลูรว มกบั วา นนางคํา เนอ่ื งจากกานพลจู ะถกู
ขมดวยวานนางคํา (การแพทยแผนจนี )1,9
ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:
1. น้าํ มนั หอมระเหยซ่ึงสกัดจากดอกกานพลดู ว ยการกลัน่ มฤี ทธิ์ตา นเชอื้ แบคทเี รยี ได 25 ชนดิ
(ประกอบดว ยแบคทีเรยี แกรมลบ 9 ชนิด และแกรมบวก 16 ชนิด ซ่งึ เปนแบคทีเรยี ทีก่ อใหเกิดโรคใน
สตั ว พืช และแบคทีเรียท่ีทําใหอาหารเนา เสีย) โดยความกวา งของโซนที่ยบั ยงั้ การเจริญของเชอื้ อยใู นชว ง
7-28 มลิ ลิเมตร10
2. สารสกัดเมทานอลจากดอกตูมของกานพลูมีฤทธ์ิตานเช้ือจุลินทรียตอ oral pathogen ท่ี
ทําใหเ กดิ ฟน ผุและโรคเหงอื กและฟน ได 2 ชนดิ คือ Prevotella intermedia และ Porphyromonas
gingivalis โดยมคี า MIC เทากับ 156 และ 625 ไมโครกรมั /มลิ ลลิ ิตร ตามลําดับ แตส ารสกดั ดงั กลา ว
Page 63
คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จีน 53
ไมมีฤทธติ์ อแบคทเี รยี ทท่ี ําใหฟ นผุอกี 2 ชนิดคือ Streptococcus mutans และ Actinomyces viscosus
(MIC > 2.5 มิลลกิ รมั /มิลลลิ ติ ร)10
3. สาร eugeniin ทไี่ ดจากสารสกัดกานพลมู ีฤทธิใ์ นการตานเชือ้ ไวรสั ชนดิ wild herpes virus
type 1 โดยมคี า EC50 เทา กบั 5 ไมโครกรมั /มิลลิลิตร และสามารถตา นเชือ้ ไวรสั ชนดิ acyclovir-
phosphonoacetic acid-resistant herpes virus type 1, thymidine kinase-deficient herpes virus
type 1 และ wild herpes virus type 2 ไดด ว ย10
4. สารสกัดเมทานอลจากดอกกานพลูมีฤทธ์ยิ ับยง้ั IL-8 ไดม ากกวา 50% ซึ่ง IL-8 เปน
neutrophil chemoattractant และเกี่ยวขอ งกบั กระบวนการอกั เสบได ดังนนั้ สารสกดั กานพลนู จี้ ึงอาจมี
ฤทธ์ติ า นการอักเสบ แตอยางไรกต็ ามกระบวนการอกั เสบเปนกระบวนการทเ่ี กีย่ วของกับสารหลายชนิด
ดวยกนั ดงั นน้ั การยับย้งั สารเพยี งชนิดใดชนดิ หนง่ึ จึงยงั ไมส ามารถบงชถ้ี งึ ประสิทธิภาพในการตา นการ
อกั เสบได1 0
5. สาร eugenol บรสิ ุทธิ์ มคี า LD50 ในหนขู าว เทา กบั 1.93 กรัม/กโิ ลกรัม อาการพิษที่พบ
ไดแ ก อมั พาตทีข่ าหลงั และกรามลาง เฉ่อื ยชา เคลือ่ นไหวชา หรอื เคลอ่ื นไหวไมไ ดเ ลย กล้ันปส สาวะไมไ ด
มปี สสาวะเปนเลอื ด และโคมา ซ่งึ จะมีอาการหายใจขัด และหวั ใจวาย10
6. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลันในหนถู ีบจักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากดอกกานพลู
พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรือฉดี เขา ใตผวิ หนงั 11
7. จากการศึกษาในหนขู าวพบวา สารสกัดนํา้ จากดอกกานพลสู ามารถยบั ยั้งการเกิด systemic
anaphylaxis โดยมีคา IC50 เทา กบั 31.25 มิลลิกรัม/กิโลกรมั และสามารถยบั ย้ังการเกิด local Ig E-
mediated passive cutaneous anaphylaxis reaction ได โดยมีคา IC50 เทากับ 17.78 และ 19.81
มลิ ลิกรัม/กิโลกรมั เมือ่ ใหโ ดยฉีดเขา เสน เลอื ดดํา และใหทางปาก ตามลาํ ดับ และจากการศึกษาในหลอด
ทดลอง สารสกดั นีย้ ังสามารถลดการหลงั่ ฮสี ตามนี จาก RMPC ไดอ กี ดว ย ดังนน้ั สารสกดั กานพลูน้ีมี
ประสิทธิภาพในการลดการเกิดภูมิคุมกนั ไวเกนิ ไดจากการศกึ ษา model ดงั กลา ว10
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลีนา ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินนั ทน
ฉบับแกไ ขเพ่มิ เตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จํากัด, 2544.
3. ชยนั ต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.
Page 64
54 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
4. กองวจิ ัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมุนไพรพนื้ บา นฉบับรวม. พิมพค รงั้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร :
Text and Journal Corporation Co., Ltd., 2533.
5. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
6. กันทมิ า สิทธิธัญกิจ, พรทิพย เติมวิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมอื ประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพครั้งท่ี 2.
กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกิจการโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.
7. พเยาว เหมือนวงษญ าต.ิ สมนุ ไพรกาวใหม. พิมพค รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ท.ี พ.ี พร้ิน จํากดั , 2537.
8. วันดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธ,ุ เสาวณี สุริยาภณานนท. สมุนไพรในสวนครัว. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักพิมพเมดคิ ัล มเี ดยี ,
2541.
9. บรษิ ทั หลกั ทรัพยจัดการกองทุน กสกิ รไทย จํากดั . มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ซีเอ็ดยเู คชั่น จํากัด มหาชน,
2550.
10. บพติ ร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศ ลิ ป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา
จากสมุนไพร. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรนิ้ ติง้ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล
ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อตั ตวิชญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ัยสมุนไพร เลม 1. พิมพครั้งท่ี 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก ารศาสนา, 2546.
Page 65
คูมือการใชส มุนไพรไทย-จนี 55
ก่ิงหมอน : Sangzhi (桑枝)
ก่ิงหมอน หรือ ซังจือ คือ ก่ิงออนที่ทําใหแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Morus alba L.
วงศ Moraceae1
1 เซนติเมตร
ก่ิงหมอน (Ramulus Mori)
ช่ือไทย: กิ่งหมอน (ทั่วไป)2
ชื่อจีน: ซังจือ (จีนกลาง), ซึงกี (จีนแตจิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Mulberry Twig1
ชื่อเครื่องยา: Ramulus Mori1
การเก็บเกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเก่ียว:
เก็บเกี่ยวกิ่งออนไดตลอดป แตระยะที่เหมาะสมควรเก็บตอนตนฤดูรอน ริดใบออก ตาก
แดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1,3
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี
วธิ ที ี่ 1 กิง่ หมอน เตรยี มโดยนําวัตถดุ ิบสมุนไพรทีป่ ราศจากส่ิงปนปลอมมาลางนํ้าใหส ะอาด ใส
ภาชนะหมกั ไวสกั ครเู พอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนแวนหนา ๆ นําไปตากแดดใหแหง1,4
วิธีท่ี 2 ก่ิงหมอนผัด เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับ
ปานกลาง ผดั จนกระทัง่ ตวั ยามสี ีเหลือง นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม 1,4
วิธีท่ี 3 ก่ิงหมอนผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม
Page 66
56 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
เหลาเหลอื งปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลุกเคลาใหเ ขากัน จนกระทั่งเหลา แทรกซึมเขาเนื้อของตวั ยา จากนน้ั
นําไปผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ตัวยามีสเี หลอื ง นาํ ออกจากเตา ตากใหแ หงในที่รม (ใช
เหลา เหลอื ง 12 กิโลกรมั ตอ ตวั ยา 100 กิโลกรมั )1,4
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่ีมคี ุณภาพดตี อ งเปน กิง่ ออน ดา นหนา ตดั สขี าวอมเหลือง แขง็ และเหนียว3,5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
ก่ิงหมอน รสขม สุขุม มีฤทธ์ิขับลม ทําใหเสนลมปราณคลองตัว ใชรักษาอาการปวดขอ เสน
เอ็น หรือกลามเน้ือ และมีฤทธ์ิคลายอาการขัดของขอตอ ใชแกอาการมือเทาเปนตะคริว1
ก่งิ หมอ นผัด มฤี ทธชิ์ วยใหเสน ลมปราณแขนขาไหลเวยี นดี สวนใหญใชรกั ษาอาการปวดเมื่อย
และชาตามหัวไหลแ ละแขน1,4
กิ่งหมอนผัดเหลา มีฤทธิ์แรงในการขับลมและระบายความช้ืน ชว ยใหเสนลมปราณไหลเวยี น
และระงับปวดไดดี ใชรกั ษาอาการปวดขอตอ แขนขาหดเกรง็ หรือชกั กระตกุ 4
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใช 9-15 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม1
ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ:
มรี ายงานการวจิ ยั วาสารสกดั กงิ่ ออ นหมอนมีฤทธ์ิยบั ย้งั เอนไซม tyrosinase และการสราง
melanin แตไมมีผลยับย้ังการสรา งเอนไซมห รอื ตอ gene expression ของเอนไซม สารสกดั นี้สามารถ
ลดการสรา ง melanin บนผวิ หนตู ะเภาทีไ่ ดร ับรงั สี UV ได โดยสารสาํ คญั ทีอ่ อกฤทธ์ิคือ 2,3’,4,5’-
tetrahydroxystilbene (2-oxyresveratrol) IC50 มีคาเทา กบั 0.23 กรมั /มิลลลิ ติ ร ผลการทดสอบความ
เปน พิษของสารสกดั พบวา ไมทาํ ใหเกิดพษิ เม่อื ทดสอบพิษเฉียบพลนั การระคายเคืองผวิ หนงั การกอใหเ กดิ
อาการแพ สาร 2-oxyresveratrol มฤี ทธ์ิยับยงั้ tyrosinase ไดแ รงกวา resveratrol (3,4’,5- trihydroxy-
stilbene) 150 เทา6
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมิตินันทน
ฉบับแกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544.
3. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมุนไพรไทย-จนี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2547.
4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. Lee KT, Lee KS, Jeong JH, et al. Inhibitory effects of Ramulus mori extracts on melanogenesis. J Cosmet Sci 2003,
54(2): 133-42.
Page 67
คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 57
กง่ิ อบเชยจีน : Guizhi (桂枝)
ก่งิ อบเชยจีน หรอื กุย จือ คอื กิง่ ออ นแหง ของพืชทีม่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Cinnamomum cassia
Presl วงศ Lauraceae1
2 เซนตเิ มตร
ก่งิ อบเชยจนี (Ramulus Cinnamomi)
ช่ือไทย: กิ่งอบเชยจีน2
ชื่อจีน: กยุ จอื (จีนกลาง), กุย กี (จีนแตจ ว๋ิ )1
ช่ืออังกฤษ: Cassia Twig1
ชื่อเครื่องยา: Ramulus Cinnamomi1
การเก็บเก่ียวและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกย่ี วกิ่งออ นในฤดใู บไมผ ลแิ ละฤดูรอ น แยกเอาใบออก ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวใน
1
สถานทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
การเตรียมตวั ยาพรอมใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วธิ ที ่ี 1 ก่งิ อบเชยจนี เตรียมโดยนาํ วัตถุดบิ สมุนไพรทีไ่ ด มาลางดวยนํ้าสะอาด แชน้าํ สักครู
เพื่อใหออนนุม หั่นเปน แวนหนา ๆ และนาํ ไปทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภูมิหอ ง1,3
วิธีท่ี 2 กิ่งอบเชยจีนผัดนา้ํ ผ้งึ เตรียมโดยนาํ น้ําผึ้งบริสุทธิ์มาเจือจางดวยน้ําตมในปริมาณที่
เหมาะสม ใสตวั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีท่ี 1 แลว คลุกใหเ ขา กนั หมักไวส ักครูเพือ่ ใหนาํ้ ผงึ้ ซมึ เขาในตัวยา จากนั้น
นําไปผดั ในกระทะโดยใชร ะดับไฟปานกลาง ผดั จนกระทงั่ มสี เี หลอื งเขมและไมเ หนยี วติดมือ นาํ ออกจาก
Page 68
58 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
เตา แลว ตงั้ ทิง้ ไวใหเยน็ (ใชนาํ้ ผง้ึ บริสุทธ์ิ 15 กโิ ลกรมั ตอตัวยา 100 กิโลกรมั )3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาที่มคี ณุ ภาพดี หนา ตดั มีสขี าวอมเหลือง แข็ง เหนียว และเปราะ4
สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนจีน:
กงิ่ อบเชยจีน รสเผ็ดอมหวาน อนุ มีฤทธิข์ บั เหง่อื ผอ นคลายกลา มเน้อื ใหค วามอบอุน ชวยให
เลือดหมุนเวยี น เสริมหยาง ปรบั ชี่ สรรพคุณแกหวัดจากการกระทบความเย็น แกปวดจากการกระทบ
ความเยน็ เลอื ดค่ัง ขับเสมหะ ความช้นื และของเหลวตกคาง แกใ จสนั่ หัวใจออน1
ก่งิ อบเชยจนี ผัดนํ้าผ้งึ รสเผ็ดจะลดลง มีฤทธิ์บาํ รงุ และใหความอบอุนแกส ว นกลางของรางกาย
(ตงั้ แตสะดอื ขนึ้ ไปถงึ ลิน้ ป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ําดี และมาม) และมีฤทธ์สิ ลายความเยน็ ระงับ
ปวด ใชเปนยาบาํ รงุ สําหรับสตรหี ลังคลอดแลว รางกายออนแอ3
ขนาดท่ีใชและวธิ ใี ช:
การแพทยแ ผนจนี ใช 3-9 กรัม ตม เอานาํ้ ดมื่ 1
ขอหามใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง:
การแพทยแผนจีน ระมดั ระวังในการใชใ นผปู ว ยที่รอ นในมาก ตกเลอื ดงา ย1
ขอมูลวิชาการท่เี กยี่ วขอ ง:
1. สารสกัดนาํ้ มฤี ทธล์ิ ดไขแ ละระบายความรอนอยา งออ น ๆ ในหนูถบี จกั รและกระตาย เมอ่ื ใช
รว มกับหมาหวงจะเพ่มิ ฤทธิข์ บั เหงือ่ ของหมาหวงใหแ รงขนึ้ ในหนขู าว สารสกัดขนาดเทียบเทา ผงยา 0.01-
0.2 กรัม มีฤทธ์ิตานการแข็งตัวของเลอื ดในหลอดทดลอง สารสกดั นํ้ายงั มฤี ทธิต์ านเช้อื แบคทีเรยี และเชอ้ื
ไวรสั บางชนิด5
2. โดยทว่ั ไปกิ่งอบเชยจีนมกั ไมใชเดีย่ ว สวนใหญจะเปนสว นประกอบในตาํ รับยาตา ง ๆ เชน ยา
รักษาอาการไขหวัดจากการกระทบลมเย็นภายนอก โรคติดเช้ือระบบทางเดินหายใจในเด็ก อาการหอบ
เน่อื งจากหลอดลมอักเสบ เปน ตน6
3. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลันโดยฉีดสารสกัดน้ําท่ีมีสวนประกอบของนาํ้ มันหอมระเหยเขาชองทอง
หนถู ีบจักร พบวา ขนาดของสารสกัดทท่ี ําใหห นูถบี จกั รตายหมด ตายรอ ยละ 50 (LD50) และไมมตี ัวใด
ตาย เม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางวัน มีคาเทากับ 1,400, 624.7 และ 200 มลิ ลกิ รัม/กโิ ลกรมั ตามลําดับ
แตเม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางคนื มคี า เทากับ 1,600, 773.6 และ 400 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรมั ตามลาํ ดับ
แสดงใหเหน็ วา ชวงเวลาของวันมีผลตอการออกฤทธิ์ของสารสกดั 6
Page 69
คูมอื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 59
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมนมาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พคร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พมิ พอมรินทร, 2548.
3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
5. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica. Revised edition. Washington: Eastland Press,
1993.
6. Ma JK. Ramulus Cinnamomi: gui zhi. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study
of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
Page 70
60 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
เกสรบวั หลวง : Lianxu (莲须)
เกสรบวั หลวง หรอื เหลยี นซู คอื เกสรตวั ผูที่ทาํ ใหแ หง ของพืชทมี่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรวา Nelumbo
nucifera Gaertn. วงศ Nymphaeaceae1
2 เซนติเมตร 1 เซนติเมตร
เกสรบัวหลวง (Stamen Nelumbinis)
ชอ่ื ไทย: เกสรบัวหลวง, เกสรบัว (ทั่วไป); เกสรสัตตบงกช, เกสรสัตตบษุ ย (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: เหลียนซู (จีนกลาง), โหนยชิว (จีนแตจ๋ิว)1
ช่ืออังกฤษ: Lotus Stamen1
ชื่อเคร่ืองยา: Stamen Nelumbinis1
การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว:
เก็บดอกบัวที่บานเต็มที่ในวันที่ทองฟาแจมใสในฤดูรอน แยกเอาเฉพาะเกสรตัวผู คลุมดวย
กระดาษ ตากแดดหรือผ่ึงใหแหงในที่รม เกบ็ รกั ษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตัวยาพรอ มใช:
นําวตั ถุดบิ สมนุ ไพรมาคดั แยกเอาสง่ิ ปนปลอมออก รอ นเอาฝุนและเศษเล็ก ๆ ออก3,4
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาที่มีคุณภาพดี เกสรตองแหงและไมแตกหัก สีเหลืองออน เหนียวนุม มีนาํ้ หนักเบา3,4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
เกสรบัวหลวง มีสรรพคุณแกอาการฝนเปยก เลือดกําเดาไหล ประจําเดือนมามากกวาปกติ
Page 71
คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จีน 61
แกระดูขาว และแกอาการทองเสีย3
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:
เกสรบัวหลวง มีกล่ินหอม รสฝาด สรรพคุณเปนยาบํารุงหัวใจ ทําใหชุมชื่น บาํ รุงปอด บํารุง
ตับ บํารุงกําลัง คุมธาตุ แกลม บํารุงครรภ และแกไข3
ขนาดที่ใชและวิธีใช
การแพทยแผนจีน ใช 3-5 กรัม ตมเอานํ้าดื่มหรือบดเปนผงรับประทาน1
การแพทยแ ผนไทย ใชเ กสรบวั หลวงสดหรอื แหง ประมาณ 1 หยบิ มือชงกบั นาํ้ รอ น 1 แกว
(ประมาณ 240 มลิ ลลิ ติ ร) แชท ้ิงไว 10-15 นาที ด่มื ขณะทีย่ ังอนุ อยู วันละ 3-4 คร้ัง ๆ ละ 1 แกว หรอื
ใชเ กสรบวั หลวงแหง บดเปนผง รบั ประทานคร้ังละ 0.5-1 ชอ นชา 3
ชงนํา้ รอนดื่มแกลม
ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:
1. จากการศกึ ษาพษิ เฉียบพลันในหนถู ีบจกั รของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเกสรแหง พบวา
คา LD50 มีคามากกวา 10 กรัม/กิโลกรมั เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรอื ฉดี เขาใตผ ิวหนัง5
2. สารสกัดน้ําจากเกสรบวั หลวงสามารถตานเชอ้ื Staphylococcus aureus ไดอ ยางออ น5
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพมิ่ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากดั , 2544.
3. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมนุ ไพรไทย-จนี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2547.
4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
5. บพิตร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณชิ ยศ ิลป. รายงานผลการศกึ ษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา
จากสมนุ ไพร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท เอส อาร พร้นิ ตง้ิ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
Page 72
62 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
โกฐขแ้ี มว: Dihuang (地黄)
โกฐขีแ้ มว หรือ ต้ีหวง คอื รากสดหรอื แหงของพืชทม่ี ชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า Rehmannia glutinosa
(Gaertn.) Libosch. วงศ Scrophulariaceae1
2 เซนตเิ มตร โกฐข้แี มวนง่ึ เหลา (Radix Rehmanniae2Pเrซeนpติเaมrตaรta)
โกฐขแ้ี มว (Radix Rehmanniae)
ช่ือไทย: โกฐขแี้ มว (ทัว่ ไป)2
ชื่อจีน: ต้ีหวง (จีนกลาง), ตี่อง๊ึ (จีนแตจ ว๋ิ )1
ชื่อองั กฤษ: Rehmannia Root1
ชอ่ื เคร่อื งยา: Radix Rehmanniae1
การเก็บเกยี่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังเก็บเกยี่ ว:
เก็บเกี่ยวรากในฤดใู บไมรว ง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก นาํ ไปปงไฟออน ๆ จนกระท่งั เน้อื
ในเปลย่ี นเปนสดี ําและเกือบแหง เก็บรักษาไวในที่มีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอ มใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 5 วธิ ี ดังน้ี
วิธที ี่ 1 โกฐข้ีแมวสด เตรยี มโดยนาํ รากโกฐข้ีแมวสด มาแยกเอารากแขนงและดนิ ออก ลา งน้ํา
ใหส ะอาด กอนใชใหน าํ มาห่ันเปนชน้ิ หนา ๆ หรือคัน้ เอานํ้ามาใช3
วธิ ที ่ี 2 โกฐข้ีแมว เตรยี มโดยนาํ สมุนไพรที่ไดจากการเกบ็ เก่ยี วและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
มาลางนาํ้ ใหส ะอาด ใสภ าชนะปดฝาไวเพอ่ื ใหออ นนมุ ห่นั เปน ชิ้นหนา ๆ และนําไปทาํ ใหแ หง 1,3
วิธีที่ 3 โกฐขี้แมวน่ึงเหลา เตรียมโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 เติมเหลาเหลืองหรือเหลาขาว
คลกุ เคลาใหเ ขากัน แลวใสใ นหมอน่ึงท่ีมฝี าปด มิดชิด นึง่ จนกระทัง่ เหลาแทรกซมึ เขา ในเนือ้ ตวั ยา สังเกต
Page 73
คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จีน 63
ไดจ ากสีของสมนุ ไพรจะเปล่ียนเปน สีดาํ เขมมาก เปน มัน และมีรสออกหวาน หลงั จากนั้นนาํ ไปตากแดด
จนกระท่งั ผิวนอกคอนขา งแหง ไมเ หนยี วตดิ มือ หั่นเปนชิ้นหนา ๆ แลวนาํ ไปทาํ ใหแ หง (ใชเหลา เหลอื ง
หรอื เหลาขาว 30 กิโลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรัม)1,3,4
นอกจากการนึ่งเหลา แลว โกฐข้ีแมวยงั สามารถนึ่งโดยไมต อ งใชสารปรงุ แตง เตรียมโดยนาํ ตวั ยา
ทีไ่ ดจากวิธีท่ี 1 มาใสใ นภาชนะน่งึ ทีม่ ีฝาปด มิดชิด นึง่ จนกระทงั่ ตัวยาดา นนอกและเนอื้ ในมีสดี าํ นําออก
จากเตา และนําไปทาํ ใหแ หง ประมาณ 80% ห่ันเปนชนิ้ หนา ๆ แลวนาํ ไปทาํ ใหแ หง1,3
วิธีที่ 4 โกฐข้ีแมวถาน เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีท่ี 2 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง ผัด
3
จนกระทัง่ ผิวนอกของตวั ยามีสดี าํ เกรยี มและพองตวั นําออกจากเตา ต้ังท้งิ ไวใหเ ย็น
วิธที ่ี 5 โกฐข้ีแมวน่ึงเหลา ถา น เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 3 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง
ผัดจนกระทงั่ ผวิ นอกของตวั ยามสี ดี ําเกรยี มและพองตวั นาํ ออกจากเตา ต้ังทิง้ ไวใ หเ ย็น3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่มี ีคณุ ภาพดจี ะตองมนี าํ้ หนัก ออ นนุม ชุมช้นื เปน มัน ดา นหนาตัดสดี าํ และมรี สหวาน5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน:
โกฐขแี้ มวสด รสอมหวาน ขม เยน็ มีฤทธ์ริ ะบายความรอ น เสริมธาตุน้าํ ทําใหเลอื ดเยน็ และ
หามเลอื ด รักษาโรคทีม่ อี าการยินพรองทาํ ใหล น้ิ แดง กระหายน้ํา เปนจาํ้ เลอื ด และอาเจยี นเปนเลือด3
โกฐขแี้ มว รสอมหวาน ขม เย็น มีฤทธ์ิระบายความรอน ทําใหเลือดเย็น รกั ษาโรคท่ีความรอ นเขา
กระแสเลือด (เชน ปากแหง ลนิ้ แดง) เลือดรอ นและออกนอกระบบ (เชน ตกเลือด จํา้ เลือด อาเจียนเปน
เลอื ด เลอื ดกาํ เดาไหล) มีฤทธเิ์ สรมิ ยินและธาตนุ ํ้า รกั ษาโรคที่เสียธาตนุ ํ้า (รอ นใน กระหายนาํ้ คอแหง)6
โกฐขี้แมวน่ึงเหลา มรี สอมหวาน อนุ เล็กนอย มฤี ทธิ์บาํ รงุ เลอื ด เสริมยิน รกั ษาโรคทเี่ ลอื ดพรอ ง
(ซดี เหลือง วงิ เวยี น นอนไมห ลบั ประจําเดือนไมป กติ ตกเลือด) ยินของไตพรอง (เหง่ือออกตอนหลับ
ฝนเปยก กระหายนาํ้ ) และมฤี ทธิ์บาํ รงุ ธาตนุ า้ํ และไขกระดกู รกั ษาโรคทธ่ี าตุนํา้ และเลือดของตบั และไตพรอง
(เอวและเขา ปวดเม่ือยออ นแรง วงิ เวยี น หอู ือ้ หนวดและผมขาวกอ นวยั )3,6
โกฐขีแ้ มวถา น จะชว ยใหต วั ยาเขา สรู ะบบเลอื ด มีฤทธิท์ ําใหเลอื ดเยน็ และหา มเลอื ด เหมาะสาํ หรบั
ผปู วยท่ีมีอาการอาเจยี นเปนเลือด เลอื ดกําเดาไหล ปส สาวะมีเลอื ดปน และประจาํ เดอื นมามากผดิ ปกต3ิ
โกฐขแ้ี มวนง่ึ เหลา ถา น มฤี ทธบิ์ ํารุงเลอื ดและหา มเลือดเปน หลัก เหมาะสําหรับสตรีท่ีประจาํ เดอื น
มามากผดิ ปกติ3
Page 74
64 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
ขนาดท่ใี ชและวธิ ใี ช:
การแพทยแผนจีน ใชข นาด 9-15 กรัม ตม เอานํา้ ด่มื 1
ขอหามใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคยี ง:
ควรระมดั ระวงั ในการใชในผปู วยทีม่ ภี าวะกระเพาะและมามเย็นพรอ ง ถายเหลว การรบั ประทาน
โกฐข้ีแมวในปริมาณสูง อาจทําใหผูปวยบางรายเกิดอาการปวดทอง ทองเสีย วงิ เวียนศรี ษะ ออ นเพลยี
และใจสั่น หากรับประทานยาไประยะหนง่ึ อาการดงั กลา วจะคอ ย ๆ ลดลง (การแพทยแผนจีน)6
ขอ มูลวชิ าการทีเ่ ก่ยี วของ:
1 สารสกัดนํ้าโกฐขแ้ี มวมีฤทธย์ิ ับย้งั การลดลงของคอรท โิ คสเตอโรน (corticosterone) ในซรี ัม
ของกระตา ยเมอ่ื ฉีดยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) และปอ งกนั เนือ้ ตอมหมวกไตฝอ นอกจากน้ี
สารสกัดนํา้ ยงั มฤี ทธ์ิชะลอความแกแ ละเสริมภูมคิ ุมกนั ในหนูขาว เพ่ิมการไหลเวยี นของเลอื ดไปเลีย้ งหัวใจ
ในหนูถบี จกั ร และตา นเชอ้ื Staphylococcus aureus หรือ Escherichia coli ในหลอดทดลอง6,7
2 เมื่อใหผูปวยโรคไขขออักเสบรับประทานโกฐขี้แมว ขนาด 60-90 กรัม พบวามีผลเพิ่มภูมิ
6
ตานทาน บรรเทาอาการปวด ลดบวม และแกโ รคผวิ หนงั
3. เมือ่ นาํ โกฐข้ีแมวไปนง่ึ กับเหลา จะทาํ ใหสารกลมุ อริ ดิ อยดไ กลโคไซด (iridoid glycosides)
แตกตัวเปน อิริดอยดและนํา้ ตาลเชิงซอน ซง่ึ นา้ํ ตาลเชิงซอ นบางสวนจะแตกตัวตอ ไปเปน นาํ้ ตาลเชิงเด่ยี ว
ทําใหป รมิ าณนาํ้ ตาลเชงิ เดย่ี วในโกฐขแี้ มวนง่ึ เหลา สงู กวา โกฐขแ้ี มว 2 เทา นอกจากน้โี กฐขแี้ มวนง่ึ เหลา จะมี
ปริมาณกรดอะมิโนลดลง แตป รมิ าณแรธ าตแุ ละสารสาํ คญั ในสมุนไพรไมแ ตกตา งกัน6 มีรายงานวา เม่อื
รับประทานโกฐขี้แมวนึง่ เหลา อาจทาํ ใหเกิดอาการขา งเคียงเล็กนอ ย เชน ทองเสยี ปวดทอง วงิ เวียนศรี ษะ
ออ นเพลยี เปน ตน แตอาการดังกลาวจะหายไปเมอ่ื รบั ประทานยาอยา งตอเน่อื ง8
4. สารสกัดนํา้ ในขนาด 25.0 ไมโครลติ ร/มิลลิลิตร แสดงฤทธ์ิตานเช้ือไวรัส hepatitis B ใน
เซลลเ พาะเล้ียง และสารสกัด 80% เมทานอลในขนาด 1.0 มิลลิกรัม/มิลลลิ ติ ร สามารถปกปอ งตับของ
หนูขาวจากสารพิษ carbontetrachloride ได9
5. สารสกดั น้ํา (สกดั โดยไมใ ชค วามรอ น) หรอื สารสกดั เมทานอลเมอื่ ใหทางกระเพาะอาหารหนู
ขาวในขนาด 111.5 หรอื 200.0 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรมั แสดงฤทธลิ์ ดนํ้าตาลในเลอื ดในสัตวท ดลองทถ่ี กู ทําใหเปน
เบาหวานจาก streptozocin อยา งไรก็ตามสารสกัดนํา้ ท่ีสกดั โดยวิธใี ชค วามรอน เมื่อใหท างปากหนูขาวท่ถี กู
ทําใหเปนเบาหวานในขนาด 1.6-2.0 กรมั /กโิ ลกรมั ทกุ วัน ติดตอ กนั นาน 8 วนั ไมแ สดงฤทธ์ิดังกลาว
แสดงใหเ หน็ วาสารสาํ คญั ทีแ่ สดงฤทธิล์ ดน้าํ ตาลในเลอื ดเปน สารท่ไี มทนความรอน9
Page 75
คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 65
6. เมื่อใหสารสกดั นา้ํ ทางกระเพาะอาหารหนูถบี จักรในขนาด 60 กรัม/กโิ ลกรัม วันละครงั้
ตดิ ตอกันนาน 3 วนั ไมพบอาการผดิ ปกติใด ๆ และไมมสี ตั วท ดลองตวั ใดตาย และเมื่อใหสารสกดั
ดังกลาวในขนาด 18 กรัม/กโิ ลกรัม วนั ละคร้ัง ติดตอกนั นาน 45 วนั ไมท ําใหเ กิดการเปล่ยี นแปลงของ
นา้ํ หนกั ตัวและเอนไซมข องตับ เมอื่ ใหสารสกดั 90% เมทานอลทางกระเพาะอาหารหนถู บี จกั รในขนาด
600.0 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม วนั ละครง้ั ติดตอ กนั นาน 4 วนั ไมพ บอาการพษิ ใด ๆ และไมทาํ ใหน าํ้ หนักตวั
ลดลง นอกจากนี้ยงั พบวาขนาดของสารสกัด 70% เมทานอลท่ที ําใหหนถู ีบจักรตายรอยละ 50 (LD50)
เม่อื ใหโ ดยการปอ นมีคามากกวา 2.0 กรัม/กโิ ลกรัม9
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบบั แกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544.
3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.
Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. Hou JY. Radix Rehmanniae: di huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study
of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
7. มานพ เลิศสุทธิรักษ, ผจงจิต เลิศสุทธริ กั ษ (คณะบรรณาธกิ าร). ยาสมุนไพรจีน. [เอกสารประกอบการฝก อบรมหลักสูตรยาและ
สมุนไพรจนี วันท่ี 12-24 มิถนุ ายน 2547]. สถาบนั การแพทยไทย-จนี เอเชียตะวันออกเฉียงใต กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและ
การแพทยท างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : รานพุม ทอง, 2547.
8. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993.
9. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Volume 3. Geneva: World Health
Organization, 2002.
Page 76
66 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
โกฐเขมา: Cangzhu (苍术)
โกฐเขมา หรอื ชงั จู คือ เหงา แหงของพชื ที่มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า Atractylodes lancea (Thunb.)
DC. หรือ A. chinensis (DC.) Koidz. วงศ Compositae1
2 เซนตเิ มตร 1 เซนตเิ มตร
โกฐเขมา (Rhizoma Atractylodis)
ช่ือไทย: โกฐเขมา (กรุงเทพฯ)2,3
ชื่อจีน: ชงั จู (จีนกลาง), ชังตกุ (จีนแตจ ว๋ิ )1
ช่ืออังกฤษ: Atractylodes Rhizome1
ช่ือเคร่ืองยา: Rhizoma Atractylodis1
การเก็บเก่ยี วและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว:
เกบ็ เก่ียวเหงาในฤดูใบไมผ ลแิ ละฤดใู บไมร ว ง แยกเอาดนิ และทรายออก ตากแดดใหแ หง แลว
ตัดรากฝอยทิ้ง เก็บรกั ษาไวใ นท่ีมอี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
การเตรียมตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี
วิธีที่ 1 โกฐเขมา เตรียมโดยนําวตั ถดุ บิ สมนุ ไพรทไ่ี ดม าแชน ํา้ สกั ครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใสภ าชนะ
ปดฝาไวเ พื่อใหอ อ นนุม หัน่ เปน แวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง1,4
วธิ ีท่ี 2 โกฐเขมาผดั รําขา วสาลี เตรียมโดยนําราํ ขาวสาลใี สล งในภาชนะที่เหมาะสม ใหค วามรอ น
โดยใชร ะดับไฟปานกลางจนกระท่ังมคี วันออกมา ใสต ัวยาทไี่ ดจากวธิ ีที่ 1 ลงไป คนอยางรวดเรว็ จนกระทง่ั
ผวิ ของตวั ยาเปน สเี หลืองเขม นาํ ออกจากเตา แลวรอ นเอารําขาวสาลอี อก ตัง้ ทงิ้ ไวใ หเ ย็น4
Page 77
คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จนี 67
วธิ ที ี่ 3 โกฐเขมาผัดเกรยี ม เตรยี มโดยนําตวั ยาท่ีไดจากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดับ
ปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ผวิ นอกของตวั ยามสี ีนา้ํ ตาลไหม พรมน้ําเลก็ นอ ย แลว ผดั ตอ โดยใชไฟออน ๆ
ผัดจนตวั ยาแหง นําออกจากเตา ตง้ั ทง้ิ ไวใ หเ ยน็ แลว รอ นเอาเศษเล็ก ๆ ออก4
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาทีม่ คี ณุ ภาพดี ตองมคี ณุ สมบตั ิแข็งและเหนียว หนาตดั มจี ดุ สีแดงจํานวนมาก (สแี ดงเหมอื น
สารซินนาบาร cinnabar) มกี ลิ่นหอมมาก5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
โกฐเขมา รสเผด็ ขม อนุ มีฤทธ์ิขบั ความชน้ื เสรมิ ระบบการยอยอาหาร สรรพคุณแกความชื้น
กระทบสว นกลาง (จุกเสยี ด อึดอัดลน้ิ ป อาเจยี น เบื่ออาหาร ทองเสยี ) และมีฤทธิ์ขบั ลมและความชนื้ แก
ปวดขอและกลา มเนือ้ บรรเทาอาการไขหวัดจากลมเย็นหรือความช้นื (จบั ไข หนาว ๆ รอ น ๆ ปวดศรี ษะ
ปวดเมื่อยตัว)1,6
โกฐเขมาผัดราํ ขา วสาลี รสเผด็ จะลดลง แตค ุณสมบัติแหงจะนมุ นวลขน้ึ และมีกลิน่ หอม เพมิ่
ฤทธชิ์ วยใหก ารทํางานของมามและกระเพาะอาหารดีขึ้น ใชร กั ษาอาการของมามและกระเพาะอาหารทาํ งานไม
สมั พันธกัน (กระเพาะอาหารทําหนา ทยี่ อยอาหารจนไดสารจาํ เปน สวนมา มทําหนา ท่ลี ําเลยี งสารจาํ เปนน้ี
ไปใชทว่ั รา งกาย) แกเสมหะเหนียวหนืด แกต อหนิ แกต าบอดกลางคืน4
โกฐเขมาผดั เกรยี ม รสเผ็ดและคุณสมบตั แิ หง จะลดลงมาก มฤี ทธชิ์ ว ยใหก ารทาํ งานของลําไส
แข็งแรง แกทองเสียเปนหลัก ใชร ักษาอาการทองเสียเนือ่ งจากมา มพรอง โรคบิดเรอ้ื รัง4
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:
โกฐเขมา มีกล่ินหอม รสรอน ใชเปนยาบํารุงธาตุ แกโรคเขาขอ แกโรคในปาก เปนยาเจริญ
อาหาร ยาขับปสสาวะ แกโรคในปากในคอ ระงับอาการหอบ แกหวัดคัดจมูก แกไข แกเหงื่อออกมาก
และแกไขรากสาดเร้ือรัง6
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใชขนาด 3-9 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม1
ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:
1. สารสกัดน้าํ มีฤทธิ์กระตุนระบบภูมคิ ุมกนั ในหนูทที่ าํ ใหติดเชือ้ Candida albicans ทําให
หนมู ชี วี ติ รอดมากขึ้น และสารสกัดดงั กลา วมฤี ทธิท์ าํ ใหอาหารอยูในกระเพาะนานขน้ึ 7,8
Page 78
68 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
2. สาร β-eudesmol มีฤทธิต์ านปวดในหนทู ดลอง และพบวา มผี ลตอ กลามเนื้อของหนูท่ีเปน
เบาหวานมากกวา หนปู กต9ิ ,10
3. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลนั ในหนูถบี จักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากเหงา โกฐเขมา
พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรัม/กโิ ลกรัม เม่อื ใหโดยการปอนหรอื ฉดี เขา ใตผิวหนงั 11 น้ํามนั หอม
ระเหยเปน พษิ ตอหนถู บี จักรเมือ่ ฉีดเขาใตผวิ หนัง12 ขนาดของสารสกัดดวยนํา้ รอ นทีท่ าํ ใหหนูถีบจกั รหรือ
หนขู าวตายคร่ึงหนึ่งของจาํ นวนทง้ั หมดมคี า เทากับ 15 กรัม/กโิ ลกรมั เมือ่ ใหกนิ 13
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมิตินนั ทน
ฉบับแกไขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544.
3. ชยันต พเิ ชยี รสุนทร, แมน มาส ชวลติ , วเิ ชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร :
สํานักพมิ พอมรินทร, 2548.
4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. เยน็ จิตร เตชะดํารงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน
พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.
7. Inagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, Ishibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S. Acidic
polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-Infected mice. Planta Med
2001; 67(5): 428-31.
8. Nakai Y, Kido T, Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara I, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes
lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003; 84(1): 51-5.
9. Kimura M, Diwan PV, Yanagi S, Kon-No Y, Nojima H, Kimura I. Potentiating effect of β-eudesmol-related
cyclohexylidene derivatives on succinylcholine-induced neuromuscular block in isolated phrenic nerve-diaphragm
muscles of normal and alloxan-diabetic mice. Biol Pharm Bull 1995; 18(3): 407-10.
10. Kimura M, Kimura I, Moroi M, Tanaka K, Nojima H, Uwano T. Different modes of potentiation by beta-eudesmol, a
main compound from Atractylodes lancea, depending on neuromuscular blocking actions of p-phenylene-
polymethylene bis-ammonium derivatives in isolated phrenic nerve-diaphragm muscles of normal and alloxan-
diabetic mice. Jpn J Pharmacol 1992; 60(1): 19-24.
11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศกึ ษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล
ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อัตตวิชญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวจิ ัยดานพษิ วิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เลม 1. พิมพคร้ังท่ี 1.
กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546.
12. Kim S. The pharmacological action of the essential oils from Atractylis ovata Thunb. Acta Med Keijo 1928; 11:83-
104.
13. Aburada M, Takeda S, Ito E, Nakamura M, Hosoya E. Protective effects of juzentaihoto, dried decoction of 10
Chinese herbs mixture, upon the adverse effects of mitomycin C in mice. J Pharmacobio Dyn 1983; 6(12): 1000-4.
Page 79
คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 69
โกฐจฬุ าลําพา: Qinghao (青蒿)
โกฐจุฬาลําพา หรือ ชิงเฮา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตรวา Artemisia
annua L. วงศ Compositae1
โกฐจุฬาลาํ พา (Herba Artemisia3eเซAนตnิเnมuตรae)
ชื่อไทย: โกฐจุฬาลําพา (ภาคกลาง)2,3
ช่ือจีน: ชิงเฮา (จีนกลาง), แชเฮา (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Sweet Wormwood Herb1
ชื่อเครื่องยา: Herba Artemisiae Annuae1
การเก็บเก่ยี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก คัดแยกเอาลาํ ตนแกทิ้ง ทําใหแหงในที่รม เก็บรักษา
1
ไวในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
นาํ สมุนไพรวตั ถดุ บิ มาพรมนํา้ ทิง้ ไวสกั ครู เพอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนทอน ๆ ขนาดพอเหมาะ และ
นําไปตากแหง 1
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีสีเขียว มีปริมาณใบมาก กล่ินหอมฉุน4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
โกฐจุฬาลําพา รสเผด็ ขม เย็น มฤี ทธร์ิ ะบายความรอนพรอ ง (รอนใน) ใชแ กไ ขจ ากยินถกู กระทบ
Page 80
70 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
(รอนตอนกลางคืน ชวงเชา ไขล ด ไขเ ซื่องซึม) แกไขเร้ือรงั เน่ืองจากยินพรอง (ตวั รอ น ไขเ รอ้ื รงั ผอมแหง
5
มีไขต อนบาย) แกไ ขจ ากกระทบความรอนอบอา วระอุ (ปวดศรี ษะ ตวั รอน คอแหง)
และแกไ ขมาลาเรีย
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:
โกฐจุฬาลาํ พา รสสุขมุ หอม รอ น ใชแ กไ ขเ จรยี ง (ไขจับวนั เวนวนั เปนไขจ บั ส่ันประเภทหนึง่ )
แกไขเพ่ือเสมหะ แกหืด แกไอ เปนยาขับเหง่ือ5
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-12 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม1
ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ:
1. สาร artemisinin และอนุพนั ธ จะถกู เปลยี่ นแปลงในรา งกายเปน dihydro-artemisinin ที่
มฤี ทธิ์ตา นเชื้อมาลาเรยี โดยออกฤทธิ์ฆาเชือ้ มาลาเรยี ในระยะทเี่ ปน blood schizont สารกลุม นอี้ อกฤทธ์ิ
ตอเชือ้ Plasmodium ทกุ species ทั้งทด่ี ้อื และไมด อื้ ตอยาคลอโรควิน6 สารสกัดตน โกฐจุฬาลาํ พาดวย
แอลกอฮอลม ีพษิ ตอหนถู บี จักรเมอ่ื ฉดี เขาทางชองทองหนถู ีบจกั รในขนาด 400 มิลลกิ รัม/กโิ ลกรมั 7
ในปจ จบุ นั สารกลมุ นไี้ ดมีการศกึ ษาอยางกวา งขวาง ทั้งในสัตวทดลองและการทดลองทางคลินิก
ทัง้ สร่ี ะยะ จนไดร ับการอนุมัติจากองคก ารอาหารและยาของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยใหใ ชร กั ษา
โรคมาลาเรียท่ีเกดิ จากเชอ้ื Plasmodium falciparum ท่ดี อื้ ตอยาคลอโรควิน ซึ่งพบมากในประเทศไทย6
2. มรี ายงานการศึกษาพิษเฉียบพลนั ของสารสกัดหยาบจากตนโกฐจฬุ าลําพาในหนถู ีบจกั ร เม่ือ
ใหสารทางชองทอ งหรอื ใหทางปาก พบวา คา LD50 มากกวา 5 กรมั /กโิ ลกรมั เมื่อใหทางปาก และ 0.8485
กรัม/กิโลกรัม เม่ือใหท างชองทอ ง ในหนถู ีบจกั รทั้งสองเพศ6
การให artemether ฉดี เขา กลา มเน้อื ทคี่ วามเขมขน 25 มิลลกิ รัม/กิโลกรมั /วนั ในหนขู าว ทาํ
ใหพ ยาธิสภาพตอ brainstem โดยพบวา auditory nuclei ถูกทาํ ลาย6
มกี ารศกึ ษา teratogenic effect ในหนู เมอื่ ให artemisinin ในขนาด 1/200-1/400 ของคา
LD50 โดยใหห ลงั gestation 6 วัน พบวายานที้ าํ ใหเกดิ foetal resorption6
แตเมอื่ นาํ มาใชกบั คน มรี ายงานการเกิดอาการขางเคียงนอ ยมาก และเปน อาการขางเคยี งทไ่ี ม
รนุ แรง อาการทพี่ บคอื มไี ข คลื่นไส อาการที่พบนอยคอื เมด็ เลอื ดแดงลดลง มกี ารเปล่ียนแปลงของ
คลืน่ ไฟฟา หัวใจ (EKG) คอื หัวใจเตนชาลง6
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
Page 81
คูมอื การใชสมุนไพรไทย-จีน 71
2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแ หงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กัด, 2544.
3. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คาํ อธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร:
สํานกั พมิ พอมรนิ ทร, 2548.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
5. เย็นจติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน
พระบรมราชปู ถัมภ, 2550.
6. บพิตร กลางกลั ยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศิลป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธภิ าพและความปลอดภัยของยา
จากสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรน้ิ ติ้ง แมสโปรดกั ส จาํ กดั , 2544.
7. Fransworth NR, Henry LK, Svoboda GH, Blomster RN, Yates MJ, Euler KL. Biological and phytochemical
evaluation of plants. I. Biological test procedures and results from 200 accessions. Lloydia 1966; 29: 101-22.
Page 82
72 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
โกฐเชียง: Danggui (当归)
โกฐเชยี ง หรือ ตังกยุ คือ รากแหง ของพืชท่มี ชี อ่ื วิทยาศาสตรว า Angelica sinensis (Oliv.)
Diels วงศ Umbelliferae1
5 เซนติเมตร
ตังกยุ เซนิ (Radix Angelicae Sinensis) 2 เซนติเมตร
โกฐเชียง หรือ ตังกุยเหวย (Radix Angelicae Sinensis)
2 เซนตเิ มตร 2 เซนตเิ มตร
ตังกุยโถว (Radix Angelicae Sinensis)
ชอื่ ไทย: โกฐเชยี ง (ภาคกลาง)2-4
ชื่อจีน: ตังกยุ (จีนกลาง, จีนแตจ ว๋ิ )1
ชือ่ องั กฤษ: Chinese Angelica1
ชอ่ื เครอ่ื งยา: Radix Angelicae Sinensis1
การเกบ็ เกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว:
เก็บเก่ียวรากปลายฤดใู บไมรวง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก ทําใหแ หงหมาด ๆ มัดเปนมัดเล็ก ๆ
วางไวบนชน้ั แลว รมควนั ใหแหง เก็บรักษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
Page 83
คูมอื การใชสมุนไพรไทย-จนี 73
การเตรียมตัวยาพรอ มใช:
การเตรยี มตัวยาพรอ มใชม ี 7 วธิ ี ดังนี้
วิธที ี่ 1 ตังกยุ (ทงั้ ราก หรือ ทุกสวน) เตรียมโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรทไี่ ด มาลา งนํ้าใหส ะอาด
ใสภ าชนะปดฝาไวเพอื่ ใหอ อ นนมุ ฝานเปนแผน บาง ๆ และนาํ ไปทําใหแหง โดยใชอณุ หภูมิตํ่า1,5
วิธที ี่ 2 ตงั กยุ โถว (สวนหวั หรอื สว นเหงาอวบสัน้ ท่ีอยตู อนบนสดุ ) เตรยี มโดยนาํ วัตถดุ ิบสมนุ ไพร
ที่ได มาลา งน้ําใหสะอาด ใสภ าชนะปดฝาไวเ พอ่ื ใหออ นนุม แลว ตดั เอาเฉพาะสว นหัวมาฝานเปน แผนบาง ๆ
ประมาณ 4-6 แผน ตอหัว (หรอื อาจฝานตามยาวเปนแผน บาง ๆ) นําไปทําใหแ หง โดยใชอ ณุ หภูมิตาํ่ 5
วธิ ีที่ 3 ตงั กยุ เซนิ หรอื อาจเรยี กวา ตงั กุย (สวนรากแกวหลกั ) เตรยี มโดยนําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพร
ทีไ่ ด มาลา งนํา้ ใหสะอาด ใสภ าชนะปด ฝาไวเ พอ่ื ใหอ อนนุม ปอกเอาเปลอื กรากทิ้ง เอาเฉพาะสวนรากแกว
หลัก นํามาฝานเปนแผนบาง ๆ นาํ ไปทาํ ใหแ หงโดยใชอ ณุ หภูมติ า่ํ 5
วธิ ที ่ี 4 โกฐเชยี ง หรอื ตงั กยุ เหวย (สวนหาง หรอื สว นรากฝอย) เตรยี มโดยนาํ วตั ถุดบิ สมนุ ไพร
ทไ่ี ด มาลางน้ําใหส ะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเพอื่ ใหอ อ นนุม แยกเอาเฉพาะสวนรากฝอย ฝานเปนแผน และ
นําไปทาํ ใหแ หง โดยใชอ ุณหภูมิตํา่ 5
วธิ ที ี่ 5 ตงั กยุ ผดั เหลา เตรียมโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 3 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติมเหลา
เหลอื งปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลา ใหเขากนั จนกระท่ังเหลา แทรกซึมเขา ไปในเน้ือตัวยา จากนั้นนาํ ไป
ผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผัดจนกระทงั่ ตวั ยามีสีเหลอื งเขม นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทีร่ ม (ใช
เหลาเหลือง 10 กิโลกรัม ตอตัวยา 100 กโิ ลกรมั )5
วิธที ี่ 6 ตงั กุยผัดดนิ (เปน ดนิ ทอ่ี ยใู นเตาเผาไฟเปนระยะเวลานานมาก มักมฤี ทธิ์เปน ดา งออ น คน
จนี เรยี กดนิ ชนดิ นี้วา ฝูหลงกาน) เตรยี มโดยนําดนิ ใสใ นภาชนะท่เี หมาะสม ผัดจนกระทงั่ ดินรอน ใสตัวยาที่
ไดจากวิธีท่ี 3 ลงไป ผัดจนกระทั่งดินเกาะติดตัวยาจนท่ัว นําออกจากเตา รอ นเอาดินออก นําตัวยาท่ีได
ไปวางแผออก ตง้ั ทง้ิ ไวใ หเ ย็น (ใชด ินฝูหลงกาน 30 กโิ ลกรมั ตอ ตัวยา 100 กิโลกรมั )5
วธิ ที ่ี 7 ตงั กยุ ถา น เตรียมโดยนาํ ตวั ยาทไ่ี ดจากวธิ ที ี่ 3 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไฟระดบั ปานกลาง
ผัดจนกระทั่งผิวนอกของตวั ยามีสีดําจาง ๆ นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม5
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่มี คี ุณภาพดี ผิวนอกตอ งมสี นี ้ําตาลเหลอื ง ชุมชืน้ เปนมนั ดานหนาตัดสขี าวอมเหลอื ง และ
6
มีกลนิ่ หอมกรนุ
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
ตงั กุย มีรสเผด็ อมหวาน อุน มีฤทธ์บิ าํ รุงเลือด ทาํ ใหเ ลอื ดหมนุ เวียน รกั ษาโรคทเี่ ลือดในระบบ
Page 84
74 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
หัวใจและตับพรอง (มีอาการหนาซีดเหลือง วิงเวียน ใจส่ัน) การไหลเวียนของเลือดติดขัด (มีอาการ
ประจําเดือนไมปกติ ปวดประจําเดือน ประจําเดอื นไมมา) เลือดพรอ งตาง ๆ เชน การไหลเวยี นของเลือด
ติดขัดและมีความเย็นจับ (มีอาการเลือดคงั่ ฟกชํ้า ชํา้ ใน ปวดไขขอ ไขขออกั เสบ) ใหค วามชมุ ช้ืนกับลําไส
(ลําไสแ หง รอ น ทอ งผูก) และมีฤทธิร์ ะงับปวด รักษาโรคแผลฝหนอง ลดอาการบวม แกป วด เปนตน7
นอกจากนี้แพทยแผนจนี นยิ มใชใ นตํารบั ยาเกย่ี วกบั โรคทางนรีเวช เชน ใชเปนยาขับระดู แกรกตี
ขึ้น ขบั รกและแกไ ขใ นเรอื นไฟ ยาเกยี่ วกบั อาการเลือดออกทกุ ชนดิ แกห วัด แกทอ งขนึ้ ทอ งเฟอ ตกมกู
เลือด4
ตงั กุยโถว มีสรรพคณุ บํารงุ เลือด4
โกฐเชยี ง หรอื ตังกยุ เหวย มสี รรพคุณชว ยใหก ารไหลเวยี นของเลือดไมตดิ ขัด4
ตังกุยผดั เหลา จะชวยเพิม่ ฤทธิก์ ารไหลเวยี นของเลือดดีข้นึ เหมาะสําหรับผปู ว ยทม่ี ีอาการเลือด
พรอ ง เลอื ดไหลเวยี นไมส ะดวก สตรปี ระจาํ เดือนไมปกติ โรคปวดไขขอ และไขขออักเสบ7
ตงั กุยผดั ดนิ (ดนิ ฝหู ลงกาน) จะชวยใหต ัวยาเขา สมู ามไดด ีข้ึนโดยมฤี ทธิบ์ ํารงุ เลอื ด เหมาะสําหรับ
5
ผูปวยที่มีอาการเลือดพรอ งถา ยเหลว ปวดทอ ง
ตงั กยุ ถา น มฤี ทธ์ิหามเลือดและบํารุงเลือด เหมาะสําหรับผูปวยทมี่ ีอาการตกเลือดจากมดลกู และ
สตรปี ระจาํ เดอื นมามากผดิ ปกติ5
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:
โกฐเชียง (สว นรากฝอย) มกี ลนิ่ หอม รสหวานขม สรรพคณุ แกไ ข แกสะอกึ แกไ อ แกเสยี ด
8
แทงสองราวขาง
ขนาดทใ่ี ชแ ละวธิ ีใช:
การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-12 กรมั ตมเอาน้ําด่มื 1
ขอ หามใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคยี ง:
สตรมี คี รรภห รือใหน มบุตร หรือผทู ่รี ะบบขบั ถา ยไมดี ทอ งเสียบอย รอ นใน อาเจยี นเปน เลอื ด
ไมควรรบั ประทาน9
ขอ มลู วชิ าการที่เก่ียวของ:
1. สารสกดั น้าํ มฤี ทธิ์ยับย้ังการรวมตวั ของเกลด็ เลอื ดและการปลอยสาร serotonin ในหนขู าว10
เมอื่ ฉดี สารสกดั นํ้าเขาหลอดเลอื ดดําสุนัขในขนาดเทยี บเทาผงยา 10 กรัม/กิโลกรมั พบวามีฤทธ์ิกระตุน
การหดตวั ของกลา มเนอ้ื เรียบกระเพาะปส สาวะ ลําไสแ ละมดลกู เม่อื ฉีดสารสกดั นํ้าและสารสกดั แอลกอฮอล
Page 85
คูมือการใชส มุนไพรไทย-จีน 75
เขา หลอดเลือดดําแมว หนูขาว และกระตา ย พบวา มีฤทธิ์เพมิ่ การหดตัวของกลามเนอ้ื เรยี บของมดลกู
นอกจากนีย้ ังพบวา สาร polysaccharides มฤี ทธใ์ิ นการสรางเมด็ เลอื ด11
2. เมื่อใหส ารสกัดน้าํ ครั้งละ 5 มลิ ลลิ ิตร วันละ 3 ครัง้ ติดตอ กันนาน 1 สัปดาห จะลดอาการ
ปวดประจําเดือน และชวยขับประจาํ เดือน จงึ ไมค วรใชก บั ผปู ว ยที่ใชย าปอ งกันเลอื ดแขง็ ตวั สารสกัดนา้ํ
ยงั มีฤทธ์กิ ระตนุ กลามเนอ้ื เรียบของมดลกู และลดความหนดื ของเลอื ดในสตรี และเมอื่ ฉดี สารสกัดนาํ้ เขา
หลอดเลือดดาํ ผูปวยจํานวน 40 ราย ในขนาด 240 มลิ ลลิ ติ ร/คน/วัน ติดตอ กนั นาน 30 วัน ไมทําใหเ กิด
อาการผดิ ปกตใิ ด ๆ11
3. มรี ายงานการวจิ ัยพบวา โกฐเชยี งชว ยยับยัง้ การเจริญของเนอ้ื งอกและเซลลม ะเรง็ ตานการ
อกั เสบ และรักษาโรคหอบหดื 9
4. เมื่อฉีดสารสกดั เขา หลอดเลือดดาํ หนูถบี จักร ขนาดสารสกดั เทียบเทาผงยาทท่ี าํ ใหห นูถีบจักร
ตายรอ ยละ 50 (LD50) มีคาเทากับ 100.6 กรมั /กิโลกรมั 12
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากัด, 2544.
3. ชยันต พิเชยี รสนุ ทร, แมนมาส ชวลติ , วเิ ชียร จรี วงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร :
สาํ นักพมิ พอมรินทร, 2548.
4. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมนุ ไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผานศกึ ใน
พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.
5. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
6. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.
Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
8. วุฒิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภรี เภสัชรตั นโกสินทร. กรงุ เทพมหานคร: บริษัท ศลิ ปสยามบรรจุภัณฑและการพิมพ จาํ กดั , 2547.
9. บรษิ ัท หลกั ทรพั ยจดั การกองทนุ กสกิ รไทย จาํ กัด. มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ซเี อ็ดยูเคช่นั จํากดั มหาชน,
2550.
10. Tang W, Eisenbrand G. Chinese drugs of plant origin. 1st ed. Berlin Heidelberg: Springer-Verlag, 1992.
11. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Vol.2. Geneva: World Health
Organization, 2002.
12. Ru K, Jiang JM. Siwu tang. In: Xia M (ed.). Modern study of the medical formulae in traditional Chinese medicine.
Vol.1. 1st ed. Beijing: Xue Yuan Press, 1997.
Page 86
76 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
โกฐน้ําเตา: Dahuang (大黄)
โกฐนํา้ เตา หรือ ตาหวง คือ รากและเหงาแหงของพืชท่ีมีชอื่ วทิ ยาศาสตรว า Rheum palmatum
L. หรือ R. tanguticum Maxim. ex Balf. หรอื R. officinale Baill. วงศ Polygonaceae1
2 เซนตเิ มตร
โกฐน้ําเตา (Radix et Rhizoma Rhei)
ชื่อไทย: โกฐนาํ้ เตา (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: ตาหวง (จีนกลาง), ต่ัวอึ๊ง (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Rhubarb1
ช่ือเคร่ืองยา: Radix et Rhizoma Rhei1
การเกบ็ เกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เกี่ยว:
เกบ็ เก่ียวรากและเหงาปลายฤดใู บไมร ว งเม่ือลาํ ตน และใบเห่ยี วหรอื เกบ็ เกย่ี วในฤดใู บไมผ ลถิ ัดไป
กอ นแตกหนอ แยกรากฝอยและเปลือกนอกทิ้ง นําสมุนไพรมาหนั่ เปนแวน หรือเปน ทอ น ๆ ตากแดดให
แหง เก็บรักษาไวในสถานทม่ี ีอากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตัวยาพรอมใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 5 วธิ ี ดังนี้
วิธีที่ 1 โกฐนา้ํ เตา เตรยี มโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรท่ีไดม าแชน ้าํ สกั ครู ลางนํ้าใหส ะอาด ใสภ าชนะ
ปด ฝาไวเพอื่ ใหอ อนนมุ ห่นั เปน แวน หนา ๆ หรือห่ันเปนชิน้ ๆ และนาํ ไปทําใหแ หง 1,3
วิธีที่ 2 โกฐนาํ้ เตาผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติม
เหลา เหลืองหรือเหลา ขาวปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลกุ เคลาใหเขา กนั จากน้ันนาํ ไปผัดโดยใชไ ฟออ น ๆ ผัด
Page 87
คูมือการใชสมนุ ไพรไทย-จีน 77
จนกระทง่ั ตวั ยาแหงและมีสเี ขม นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทร่ี ม (ใชเ หลา เหลอื งหรือเหลาขาว 10
กิโลกรัม ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรมั )1,3
วธิ ีท่ี 3 โกฐนํ้าเตา ผดั น้ําสม เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม
น้าํ สม (ซง่ึ ไดมาจากการหมักกลน่ั ขาว) ปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลาใหเขากนั จนกระทง่ั นาํ้ สม แทรกซึม
เขาไปในเนื้อตัวยา จากนั้นนาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทั่งตัวยาแหง นาํ ออกจากเตา
ตากใหแหง ในทรี่ ม (ใชน ้าํ สม 15 กิโลกรัม ตอ ตัวยา 100 กิโลกรัม)1,3
วิธีที่ 4 โกฐน้ําเตา ถาน เตรยี มโดยนําตัวยาทไ่ี ดจ ากวิธีที่ 1 ใสก ระทะ ผัดโดยใชไ ฟระดบั แรง
ผัดจนกระทั่งผิวนอกของตัวยามีสดี าํ เกรยี มเล็กนอย ภายในเปล่ียนเปนสีนํา้ ตาลเขม พรมน้ําเลก็ นอ ย นาํ
ออกจากเตา ตากใหแหงในทร่ี ม 1,3
วิธที ี่ 5 โกฐนาํ้ เตานึ่งเหลา เตรยี มโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจ ากวิธที ่ี 1 มาคลุกเคลาใหเ ขา กนั กบั เหลา
เหลืองปรมิ าณพอเหมาะ หมักทิ้งไวป ระมาณ 1-2 ชว่ั โมง จนกระทงั่ เหลาแทรกซมึ เขา ไปในเน้ือตวั ยา แลว
ใสในภาชนะนึ่งทม่ี ีฝาปดมิดชิด นง่ึ ประมาณ 24-32 ชั่วโมง จนกระทง่ั มสี ีดาํ ทั้งดานนอกและเนอ้ื ในของ
ตวั ยา นาํ ออกจากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง (ใชเ หลา เหลอื ง 30 กิโลกรมั ตอตัวยา 100 กโิ ลกรมั )1,3
นอกจากการนง่ึ เหลาแลว โกฐน้ําเตา ยงั สามารถนึ่งโดยไมตองใชส ารปรุงแตง เตรียมโดยนําตัวยา
ที่ไดจ ากวธิ ีท่ี 1 มาใสในภาชนะน่งึ ท่ีมีฝาปด มิดชดิ น่งึ จนกระทงั่ ตัวยาดานนอกและเนื้อในมสี ดี าํ นาํ ออก
จากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง 1,3
หมายเหต:ุ เหลา เหลอื งผลติ จากขาว ขาวสาลี ขา วโพด มีปรมิ าณแอลกอฮอล 15-20% และเจือ
ปนดว ยนาํ้ ไขมนั กรดอะมิโน และแรธ าตุอ่ืน ๆ สว นเหลาขาวผลติ จากขาว ขา วสาลี มนั ฯลฯ โดยการ
กลั่นโดยมีปริมาณแอลกอฮอล 50-60% และเจือปนดว ยกรดอนิ ทรยี ไขมนั ฯลฯ1
คณุ สมบัติของเหลารอ นแรง รสหวานเผด็ สรรพคุณเพ่ิมการไหลเวียนของเลอื ด ขบั ความเยน็
ดบั กลน่ิ และรส ชวยใหสารอินทรยี บางอยางละลายแตกตวั ไดด ีขึ้น โดยทวั่ ไปเหลาขาวใชในการเตรยี มยา
ดอง เหลา เหลืองมักใชใ นการเตรียมตัวยาพรอ มใช1
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ผิวนอกตองมีสีน้าํ ตาลเหลือง มีนํ้าหนัก มีคุณสมบัติแข็งและเหนียว มี
ลายเสนและมีจดุ ลกั ษณะเหมือนดาวชดั เจน มีน้าํ มัน มกี ล่นิ หอมจรุงใจ รสขมแตไ มฝ าด เมื่อเค้ยี วจะมี
ลกั ษณะเหนยี ว4
Page 88
78 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:
โกฐนา้ํ เตา รสขม เยน็ มฤี ทธ์ิระบาย ขบั ของเสียตกคา ง สรรพคุณแกข องเสยี ตกคา งภายใน
กระเพาะอาหารและลําไส (ทอ งผูกจากภาวะรอ น ตวั รอนจดั ) หยางของระบบมามไมเ พยี งพอ มีของเสีย
และความเยน็ ตกคาง ทําใหท อ งผกู อาหารตกคาง ปวดทองนอย ถายไมส ะดวก และมฤี ทธิ์ระบายความ
รอ น ขับพษิ รอน ขับพษิ ใชในผูป ว ยท่ีมีระบบโลหิตรอน (อาเจียนเปน เลอื ด เลอื ดกําเดา ตาแดง คอบวม
เหงือกบวม) ขบั พษิ รอน แผลฝห นองบวม นอกจากนี้ยงั มีฤทธิช์ วยใหเ ลือดหมุนเวียน กระจายเลอื ดค่ัง
ใชแ กส ตรีประจาํ เดือนไมมาเนอื่ งจากมเี ลือดคัง่ แกฟกช้ํา ช้ําใน เลอื ดคง่ั ปวด บวม เปนตน 1
โกฐนาํ้ เตา ผัดเหลา มสี รรพคุณขบั พิษรอนในเลือด โดยเฉพาะสว นบนของรา งกาย (ต้ังแตลนิ้ ป
ข้นึ ไป ไดแก ปอด หัวใจ)1
โกฐนาํ้ เตา ผดั นาํ้ สม มีสรรพคณุ ขับของเสยี ตกคางภายในกระเพาะอาหารและลําไส3
โกฐนา้ํ เตา ถา น มสี รรพคุณระบายความรอ นในระบบเลอื ด ชว ยใหเ ลือดหมนุ เวยี น และหา มเลอื ด1
โกฐนา้ํ เตาน่ึงเหลา มีสรรพคุณระบายความรอนและขับสารพิษ ชวยลดฤทธิ์ถายที่รุนแรงให
1
นอ ยลง
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:
โกฐน้าํ เตา รสฝาดมนั สุขุม สรรพคณุ บาํ รุงธาตุ แกธ าตพุ กิ าร อาหารไมย อย ระบายทอง รถู า ย
รปู ด เอง แกท องเสีย ขับลมในลาํ ไส ขบั ปสสาวะและอจุ จาระใหเ ดนิ สะดวก แกต าเจบ็ แกรดิ สดี วงทวาร
เปนยาระบายท่ีดี ไมม ฤี ทธร์ิ ะคายเคืองลําไส และยงั ชวยสมานลาํ ไสไ ดอ กี ดว ย5
ขนาดทใี่ ชและวธิ ีใช:
การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 3-30 กรมั ตม เอานา้ํ ดมื่ 1
เนอ่ื งจากโกฐนาํ้ เตามฤี ทธ์ถิ ายรุนแรง ดงั น้นั เวลาตม ใหใ สท หี ลงั และหากนาํ ไปนึง่ กบั เหลาจะทํา
ใหฤทธถ์ิ า ยนอ ยลง แตช ว ยปรบั การหมุนเวยี นของเลอื ดใหดีขน้ึ 1
ขอหา มใช ขอ ควรระวงั และอาการขางเคยี ง:
การใชโกฐน้ําเตาเกินขนาดอาจทําใหเกิดอาการปวดเฉียบพลันและมวนเกร็งในลําไสใหญและ
อจุ จาระเหลวเหมือนนาํ้ ดงั น้ันควรใชโ กฐนํ้าเตา เฉพาะเมอ่ื ไมส ามารถแกอ าการทอ งผกู ไดดว ยการปรบั เปลย่ี น
โภชนาการ หรอื ใชย าระบายชนิดเพิม่ กาก ในกรณที ีใ่ ชโ กฐน้ําเตา แลว มเี ลอื ดออกทางทวารหนัก หรือเมื่อ
ใชใ นขนาดสูงแลว ลําไสยังไมมีการเคลอ่ื นไหว อาจบงถงึ ภาวะรุนแรงทอี่ าจเกิดอันตรายได นอกจากน้ัน
การใชติดตอกนั เปน เวลานานเกนิ กวาทก่ี ําหนดยงั อาจจะทาํ ใหล าํ ไสเ กดิ ความเคยชนิ ได และหา มใชโ กฐนาํ้ เตา
ในผูปว ยทม่ี ีอาการปวดเกรง็ หรอื ปวดเฉยี บพลนั ในชองทอง ไตอกั เสบ หรอื มอี าการปวดทอ ง คลื่นไสอ าเจยี น
Page 89
คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 79
โดยไมทราบสาเหตุ6-8
ขอ มลู วชิ าการท่เี ก่ยี วของ:
1. สารสาํ คัญในโกฐนา้ํ เตาโดยเฉพาะสารเซนโนไซด (sennosides) และสารเรอนิ โนไซด (rheinosides)
มฤี ทธิเ์ ปน ยาถา ยโดยออกฤทธก์ิ ระตุน การบบี ตวั ของลาํ ไสใ หญ ชวยเรง การขบั กากอาหารออกจากลาํ ไสใหญ
และเพิม่ การซมึ ผา นของของเหลวผา นเยอ่ื เมอื กลาํ ไสใ หญ ทาํ ใหมีปริมาณนาํ้ ในลาํ ไสใ หญมากขนึ้ 9,10 และ
แทนนนิ ในโกฐนาํ้ เตามีฤทธิ์ฝาดสมาน ทาํ ใหห ยดุ ถาย6
2. โกฐนาํ้ เตามีสรรพคณุ รกั ษาอาการทอ งผูก เลือดออกในระบบทางเดนิ อาหารสว นบนกระเพาะ
อาหารและลําไสอ ักเสบเฉยี บพลัน11
3. เม่อื ปอนสารสกดั โกฐนํา้ เตา ดวย 70% เมทานอลใหห นถู ีบจกั ร พบวาขนาดทที่ าํ ใหสัตวท ดลอง
ตายเปน จาํ นวนครึ่งหน่งึ มคี ามากกวา 2.0 กรมั /กิโลกรัม12 เมื่อคนรับประทานสารสกดั ดว ยนาํ้ ในขนาด 5
มิลลิลติ ร ไมพบพษิ ตอ ตับ13 เมื่อปอ นสารสกดั ใหหนูถีบจักรหรอื หนขู าวในขนาด 200 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรมั
ไมพบพิษ14
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพิ่มเตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.
3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภรี เภสชั รตั นโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑและการพิมพ จํากดั , 2547.
6. World Health Organization. WHO monograph on selected medicinal plants. Vol. 1. Geneva: World Health
Organization, 1999.
7. Reynolds JEF (ed.). Martindale: The extra pharmacopoeia. 30th ed.. London: Pharmaceutical Press, 1993.
8. Blumenthal M, Busse WR, Goldberg A, Gruenwald J, Hall T, Riggins CW, Rister RS (eds.) The complete German
Commission E monographs, Therapeutic guide to herbal medicine. Austin (TX): American Botanical Council, 1988.
9. Leng-Peschlow E. Dual effect of orally administered sennosides on large intestine transit and fluid absorption in the
rat. J Pharm Pharmacol. 1986; 38: 606-10.
10. De Witte P. Metabolism and pharmacokinetics of anthranoids, Pharmacology. 1993; 47 (Suppl. 1): 86-97.
11. Li R, Wang BX. Radix et Rhizomarbei: da huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).
Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press,
1999.
12. Lee EB. Teratogenicity of the extracts of crude drugs. Korean J Pharmacog 1982; 13: 116-21.
13. Yang SH. Influence of Artemisia-Rheum-Gardeniae (A.R.G.) and Coptidis Rhizoma on neonatal jaundice in Chinese
newborn infants-preliminary observations. Thesis-MS, College Trad Chinese Med 1982; 24 pp.
14. Brocq-Rousseau D. Rhubarb poisoning. Bull Acad Med 1941; 124: 605-11.
Page 90
80 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
โกฐสอ: Baizhi (白芷)
โกฐสอ หรอื ไปจื่อ คือ รากแหงของพชื ที่มีชือ่ วทิ ยาศาสตรวา Angelica dahurica (Fisch.ex
Hoffm.) Benth. et Hook. f. หรือ A. dahurica (Fisch.ex Hoffm.) Benth. et Hook. f. var.
formosana (Boiss.) Shan et Yuan วงศ Umbelliferae1
2 เซนติเมตร 2 เซนติเมตร
โกฐสอ (Radix Angelicae Dahuricae)
ช่ือไทย: โกฐสอ (ท่ัวไป); โกฐสอจีน2,3
ชื่อจีน: ไปจ ่ือ (จนี กลาง), แปะจี้ (จนี แตจ ิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Dahurian Angelica Root1
ชื่อเคร่ืองยา: Radix Angelicae Dahuricae1
การเก็บเกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:
เก็บเกี่ยวรากในฤดรู อ นถึงฤดใู บไมร วงเมื่อใบเรมิ่ เปล่ียนเปนสีเหลือง แยกเอารากแขนง ดนิ และ
1
ทรายออก ตากแดดหรือทาํ ใหแ หงที่อณุ หภูมิตํา่ เกบ็ รกั ษาไวใ นทม่ี อี ากาศเยน็ และแหง มกี ารระบายอากาศดี
การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
นําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพรทไ่ี ดม าลางนาํ้ ใหสะอาด แลวแชน าํ้ นานประมาณ 1-2 ชว่ั โมง นําออกมาผ่งึ
ใหแหงหมาด ๆ หนั่ เปนแวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง 1,4
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตวั ยาที่มคี ณุ ภาพดี ตอ งมสี ขี าว เนื้อแข็ง มนี ํา้ หนกั มแี ปงมาก มีกล่ินหอม รสชาติเขม ขน 5
Page 91
คูมอื การใชส มุนไพรไทย-จนี 81
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
โกฐสอ รสเผ็ด อุน มฤี ทธขิ์ บั เหงอื่ แกอาการหวดั จากการกระทบลมเย็นภายนอก (ปวดศีรษะ
คัดจมกู ) มฤี ทธ์ิเปด ทวาร บรรเทาปวด แกอ าการปวดศีรษะ (โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะดานหนา ) ปวด
ฟน ลดอาการคดั จมกู จากไขหวดั หรอื โรคโพรงอากาศอกั เสบ นอกจากนี้ยงั มฤี ทธ์ลิ ดบวม ขับหนอง แก
พิษแผลฝหนอง บวมเปน พษิ 1,6
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนไทย:
โกฐสอ มกี ลนิ่ หอม รสขมมนั มีสรรพคณุ แกไข แกห ืด แกไอ บาํ รงุ หวั ใจ แกเ สมหะเปน พษิ แก
6-8
สะอึก แกห ลอดลมอักเสบ แกไ ขจบั สนั่
ขนาดท่ใี ชแ ละวิธใี ช:
การแพทยแ ผนจีน ใชขนาด 3-9 กรัม ตม เอานํ้าดื่ม1
ขอมูลวชิ าการท่เี กีย่ วขอ ง:
1. สาร byakangelicol และ imperatorin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอมีฤทธต์ิ า นการอกั เสบในหนู
9,10 สวนสาร byakangelicol, byakangelicin, oxypeucedanin และ imperatorin มฤี ทธิ์
ทดลอง
ปกปองตบั จากสาร tacrine ในหลอดทดลอง11
2. สาร angelicotoxin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอ เมื่อใชใ นปริมาณนอ ยมฤี ทธกิ์ ระตุนศูนยการหายใจ
และประสาทสว นกลาง ทําใหอ ตั ราการหายใจเร็วข้นึ ทาํ ใหความดันโลหติ สงู ขนึ้ และทาํ ใหอาเจยี น และ
หากใชใ นปรมิ าณมากจะทําใหชกั และเกิดอัมพาต12
3. จากการศึกษาพิษเฉียบพลันในหนถู ีบจักรของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเหงาโกฐสอ
พบวา คา LD50 มีคามากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เม่ือใหโ ดยการปอ นหรือฉีดเขาใตผ ิวหนงั 13
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินนั ทน
ฉบับแกไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.
3. ชยันต พิเชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลติ , วิเชยี ร จรี วงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค รั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานักพิมพอมรนิ ทร, 2548.
4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมุนไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักงานกจิ การโรงพิมพ องคการทหารผานศึกใน
พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.
Page 92
82 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
7. เสง่ียม พงษบ ุญรอด. ไมเ ทศ เมอื งไทย. กรุงเทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ, 2514.
8. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภรี เภสชั รัตนโกสนิ ทร. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปสยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.
9. Lin CH, Chang CW, Wang CC, Chang MS, Yang LL. Byakangelicol, isolated from Angelica dahurica, inhibits both
the activity and induction of cyclooxygenase-2 in human pulmonary epithelial cells. J Pharm Pharmacol 2002; 54(9):
1271-8.
10. Kang OH, Lee GH, Choi HJ, Park PS, Chae HS, Jeong SI, Kim YC, Sohn DH, Park H, Lee JH, Kwon DY. Ethyl
acetate extract from Angelica Dahuricae Radix inhibits lipopolysaccharide-induced production of nitric oxide,
prostaglandin E2 and tumor necrosis factor-alphavia mitogen-activated protein kinases and nuclear factor-kappa B in
macrophages. Pharmacol Res 2007; 55(4): 263-70.
11. Oh H, Lee HS, Kim T, Chai KY, Chung HT, Kwon TO, Jun JY, Jeong OS, Kim YC, Yun YG. Furocoumarins from
Angelica dahurica with hepatoprotective activity on tacrine-induced cytoxocity in Hep G2 cells. Planta Med 2002;
68(5): 463-4.
12. Yeung HC. Handbook of Chinese Herbs (Chinese Materia Medica). California: Los Angeles County, 1996.
13. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล
ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวชิ ญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดา นพิษวิทยาของสถาบันวจิ ยั สมนุ ไพร เลม 1. พมิ พคร้ังที่ 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546.
Page 93
คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 83
โกฐหัวบัว: Chuanxiong (川芎)
โกฐหัวบวั หรอื ชวนซฺยง คอื เหงาแหง ของพชื ท่มี ีช่ือวิทยาศาสตรวา Ligusticum chuanxiong
Hort. วงศ Umbelliferae1
3 เซนตเิ มตร 2 เซนติเมตร
โกฐหัวบัว (Rhizoma Chuanxiong)
ชื่อไทย: โกฐหัวบัว (ทัว่ ไป)2,3
ชอ่ื จีน: ชวนซยฺ ง (จีนกลาง), ชวนเกยี ง (จนี แตจิ๋ว)1
ชอื่ อังกฤษ: Szechwan Lovage Rhizome1
ช่ือเครอื่ งยา: Rhizoma Chuanxiong1
การเกบ็ เก่ียวและการปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเกี่ยว:
เก็บเกยี่ วเหงาสดในฤดูรอ นเมอ่ื ตาของลําตนเรมิ่ เหน็ เปนตมุ ชดั เจนและมีสมี ว งออ น ๆ แยกลาํ ตน
ใบ และดินออก นําไปตากในทรี่ มจนตวั ยาแหง ประมาณรอยละ 50 แลวนําไปปงไฟออ น ๆ จนกระท่ังแหง
แยกเอารากฝอยท้งิ เก็บรักษาไวในท่มี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วิธีที่ 1 โกฐหัวบัว เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรที่ได มาแชนํา้ สักครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใส
1,4
ภาชนะปดฝาไวเพื่อใหออนนมุ หน่ั เปนแวน บาง ๆ และนําไปทําใหแหง
วิธีที่ 2 โกฐหวั บวั ผดั เหลา เตรยี มโดยนําตวั ยาท่ไี ดจ ากวธิ ีที่ 1 ใสใ นภาชนะที่เหมาะสม เติมเหลา
เหลืองปริมาณพอเหมาะ แลว คลกุ เคลาใหเ ขากนั หมกั ไวจนกระทงั่ เหลาแทรกซมึ เขา ในเนือ้ ตัวยา จากน้นั
Page 94
84 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
นําไปผดั โดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผดั จนกระท่ังตวั ยามีสเี หลืองอมนา้ํ ตาล นาํ ออกจากเตา ตากใหแหงใน
ทร่ี ม (ใชเหลาเหลอื ง 10 กโิ ลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,4
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตวั ยาทม่ี ีคุณภาพดี ตองเปนแวนขนาดใหญ อวบอิม่ เนอื้ แข็ง มีกลน่ิ หอมฉนุ และมนี ํา้ มันมาก5
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:
โกฐหัวบัว รสเผ็ด อุน มีฤทธ์ิชวยการไหลเวียนของชี่และเลือด รักษาอาการปวดจากเลือดคั่ง
กระจายการตบี ของเสน เลอื ด (ประจําเดือนมาไมเปน ปกติ ปวดประจําเดือน ขบั นาํ้ คาวปลาหลงั คลอด
เจบ็ ชายโครง เจบ็ บริเวณหวั ใจ เจ็บหนาอก เจบ็ จากการฟกชํา้ ชาํ้ บวมจากฝห นอง) และมีฤทธ์ิขบั ลม บรรเทา
ปวด รกั ษาอาการปวดศีรษะ อาการปวดจากการคั่งของช่แี ละเลอื ด1,4
โกฐหวั บวั ผัดเหลา จะชว ยนําตวั ยาขนึ้ สว นบนของรา งกาย มฤี ทธแ์ิ รงในการระงับปวด ชว ยใหก าร
ไหลเวียนของเลอื ดและชีภ่ ายในรา งกายดีขน้ึ โดยทวั่ ไปใชรกั ษาอาการปวดศีรษะจากการคั่งของเลือด และ
โรคไมเกรน4
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:
โกฐหัวบัว มีกล่ินหอม รสมัน สรรพคณุ แกลมในกองรดิ สดี วง และกระจายลมทงั้ ปวง (หมายถึง
ลมทีค่ งั่ อยูใ นลําไสเปนตอน ๆ ทาํ ใหผ ายหรือเรอออกมา) ยาไทยมกั ไมใชโ กฐหัวบวั เดีย่ ว แตม ักใชร วมกับ
ยาอนื่ ในตาํ รับ3
ขนาดท่ใี ชแ ละวธิ ีใช:
การแพทยแ ผนจนี ใชข นาด 3-9 กรมั 1
ตม เอานํ้าดมื่
ขอ มลู วิชาการที่เกยี่ วขอ ง:
1. สารสกัดน้ําเมอ่ื ใหท างปากหนขู าวในขนาดเทยี บเทาผงยา 25-50 กรมั /กโิ ลกรมั มฤี ทธิ์สงบ
ประสาท และจะเห็นผลชัดเจนข้ึนในหนถู ีบจักร สารสกดั มฤี ทธิล์ ดระดับคอเลสเตอรอลในเลอื ด6 โกฐหัวบวั
ในขนาดต่าํ ๆ มฤี ทธ์ิกระตนุ การบีบตัวของมดลกู ของกระตาย แตเ ม่ือใหใ นขนาดสูงจะยบั ย้ังการบบี ตวั
อยางสมบูรณ7
2. โกฐหัวบวั มปี ระสิทธิภาพในการยับย้ังการรวมตัวของเกล็ดเลือด8 บรรเทาอาการปวดหลังคลอด
ชว ยใหร กหรือเนอ้ื เย่อื ของมดลกู ทีต่ ายแลว ถกู ขับออกมาไดดี สารสกัดมีฤทธ์ิเพมิ่ การบีบตวั ของมดลูก ทําให
ประจาํ เดือนมาเร็วขนึ้ จงึ ไมแนะนาํ ใหใ ชข ณะมีอาการปวดประจาํ เดอื น หรอื โรคที่เกี่ยวกับการตกเลอื ดอนื่ ๆ3
Page 95
คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 85
3. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลันโดยฉีดสารสกัดน้ําเขาชอ งทองและกลา มเน้ือหนถู บี จกั ร พบวาขนาด
ของสารสกดั ทที่ าํ ใหห นูถีบจกั รตายรอยละ 50 (LD50) มคี าเทากบั 65.86 และ 66.42 กรมั /กิโลกรมั
ตามลาํ ดบั 9 กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ ไดศกึ ษาพิษเฉียบพลนั ในหนถู ีบจกั รของ
สารสกดั 50% แอลกอฮอลจากเหงาโกฐหวั บวั พบวาคา LD50 มคี ามากกวา 10 กรัม/กโิ ลกรัม เมอื่ ให
โดยการปอ นหรอื ฉดี เขาใตผ วิ หนงั 10
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ชยันต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชยี ร จรี วงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พิมพค รั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.
3. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมนุ ไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกิจการโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน
พระบรมราชูปถมั ภ, 2550.
4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. Huang KC. The pharmacology of Chinese herbs. 2nd ed. Boca Raton: CRC Press, 1993.
7. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993.
8. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.
Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
9. Li R. Rhizoma Chuan Xiong. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of
pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
10. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล
ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวชิ ญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ยั สมุนไพร เลม 1. พมิ พครั้งท่ี 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2546.
Page 96
86 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
ขิง: Jiang (姜)
ขงิ หรือ เจียง คอื เหงา ของพชื ทมี่ ีชอ่ื วทิ ยาศาสตรว า Zingiber officinale (Willd.) Rosc. วงศ
Zingiberaceae1
ขิงสด (Rhizoma Zingiberis Recens3)เซนตเิ มตร 3 เซนติเมตร
ขิงแหง (Rhizoma Zingiberis)
2 เซนตเิ มตร
ขิงปง (Rhizoma Zingiberis Preparatum)
ชื่อไทย: ขิง, ขงิ แกลง, ขิงแดง (จันทบุร)ี ; ขงิ เผอื ก (เชียงใหม) ; สะเอ (กระเหรยี่ งแมฮอ งสอน)2
ชอ่ื จีน: เจยี ง (จนี กลาง), เกยี (จีนแตจ ว๋ิ )1
ชื่ออังกฤษ: Zingiber (Dried Ginger)1
ชื่อเครอ่ื งยา: Rhizoma Zingiberis1
การเกบ็ เก่ียวและการปฏิบัตหิ ลังการเก็บเก่ียว:
เก็บเกยี่ วเหงา ในฤดหู นาวเม่อื ใบเห่ยี วเฉา แยกเอาใบ รากฝอย ดนิ และทรายออก ตากแดดหรอื
ทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภมู ติ ํ่า เกบ็ รกั ษาไวใ นที่มอี ากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศด1ี
Page 97
คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 87
การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
การเตรียมตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดงั นี้
วธิ ีที่ 1 ขิงแหง เตรยี มโดยนาํ วัตถดุ ิบสมุนไพรมาลา งนํ้าใหส ะอาด หมกั ไวจนกระท่ังนํ้าแทรกซึม
เขาไปในเนอ้ื ตวั ยา หน่ั เปน แวน หนา ๆ หรอื เปนช้นิ ๆ นาํ ไปตากใหแหง ในท่รี ม 1,3
วิธีท่ี 2 ขิงปง (ขิงคั่ว) เตรียมโดยนาํ ทรายที่สะอาดใสในภาชนะท่ีเหมาะสม ใหความรอนท่ี
อุณหภมู สิ ูง เตมิ ตวั ยาท่ีไดจากวธิ ที ่ี 1 ลงไป คนอยา งสมํ่าเสมอ จนกระทัง่ ตัวยากรอบ ผิวดา นนอกเปน
สนี ้ําตาลดาํ นาํ ออกจากเตา ตั้งท้ิงใหเยน็ 3
วธิ ที ี่ 3 ขิงถา น เตรียมโดยนําตวั ยาที่ไดจ ากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ นําไปผดั โดยใชไ ฟแรง ผดั จนกระทง่ั
ผวิ นอกของตัวยามสี ดี าํ ไหม เนื้อในเปล่ียนเปน สีน้าํ ตาลเขม พรมน้าํ เลก็ นอ ย นําออกจากเตา ทิ้งไวใ หเยน็ 3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
4
ตัวยาที่มีคุณภาพดี จะตอ งเปนช้นิ ใหญ สมบูรณ และอวบหนา
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:
ขงิ สด รสเผด็ อนุ มีฤทธ์ิขบั เหงื่อ กระทงุ พิษ สรรพคณุ แกห วัดจากการกระทบความเย็น มฤี ทธ์ิ
ใหความอบอุนแกก ระเพาะอาหาร แกอ าการคลน่ื ไสอ าเจยี นจากภาวะท่ีกระเพาะมคี วามเยน็ สงู มฤี ทธใ์ิ ห
ความอบอุนแกป อด ระงับไอ แกไ อจากการกระทบความเย็น1
ขิงแหง รสเผ็ด รอน มฤี ทธิเ์ สรมิ ความอบอนุ ขบั ความเยน็ และฟนฟหู ยางชีข่ องมามและกระเพาะ
อาหาร สมานระบบกระเพาะอาหารทําใหช ีล่ งต่ํา ระงับอาการคลน่ื ไสอาเจียน1,3
ขงิ ปง รสเผ็ด อนุ มฤี ทธใิ์ หค วามอบอุนแกเสนลมปราณ หามเลือด ใชรักษาอาการเย็นพรองแลว
อาเจยี นเปนเลอื ด ถายเปน เลือด ตกเลือดทง้ั เฉียบพลนั และเรอื้ รงั นอกจากนย้ี งั มฤี ทธใ์ิ หความอบอนุ แก
กระเพาะอาหาร แกป วด หยดุ ถาย1,3
ขงิ ถา น รสขม อุน มฤี ทธห์ิ ามเลือดแรงกวา ขงิ ปง แตฤ ทธ์ใิ หความอบอุน แกเ สนลมปราณออนกวา
3
ขงิ ปง จงึ ใชรกั ษาอาการเย็นพรอ งแลว ทําใหเ ลอื ดออก เชน เลือดออกมาก และเลือดออกชนิดเฉียบพลนั
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนไทย:
ขงิ สด รสหวาน เผ็ดรอน มีสรรพคุณแกปวดทอง บาํ รงุ ธาตุ ขบั ลมในลําไสใหผ ายออกและเรอ5,6
ขงิ แหง รสหวาน เผ็ดรอ น สรรพคณุ แกไ ข แกล ม แกจ กุ เสยี ด แกเ สมหะ บํารุงธาตุ แกค ลื่นเหยี น
อาเจียน5,6
ขนาดทใ่ี ชแ ละวิธใี ช:
การแพทยแผนจนี ใชข นาด 3-9 กรัม ตมเอาน้ําด่ืม1
Page 98
88 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก
การแพทยแ ผนไทย ใชเ หงาแก 5 กรัม ทุบพอแตก ฝานเปนแวน ๆ ชงนํา้ รอ น 1 ถว ย ปดฝา
ไว 5 นาที ใชนา้ํ ทชี่ งไดด ม่ื วนั ละ 3 ครงั้ หลงั อาหาร หรือใชผ งขงิ แหง 0.6 กรัม ชงน้าํ ด่มื หลงั อาหาร แก
คลน่ื ไสอ าเจยี น แกจกุ เสียด แนนเฟอ ใชเ หงา สดตาํ คัน้ เอาน้ําผสมกับมะนาว เตมิ เกลือเลก็ นอย ใชกวาด
คอหรอื จบิ แกไ อ ขบั เสมหะ5,7,8
ขอหา มใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง:
นาํ้ ขงิ ท่เี ขมขน จะออกฤทธิ์ตรงขา มกนั ควรใชใ นปริมาณท่ีไมเ ขม ขน เกนิ ไป (การแพทยแ ผนไทย)5
ขอมลู วชิ าการทีเ่ กีย่ วของ:
1. นํ้าคัน้ ขงิ สดมีฤทธติ์ า นการอาเจยี นไดผลดี และนา้ํ ค้นั ในระดบั ความเขม ขน ต่าํ ๆ จะเพมิ่ แรง
บบี ตวั ของลําไสห นโู ดยไมท าํ ใหค วามตงึ ตวั ของลําไสเ ปลยี่ นแปลง แตในระดบั ความเขม ขน สงู ๆ จะลดแรง
7
บีบตวั และความตงึ ตวั ของลาํ ไสอ ยางชัดเจน รวมทงั้ สามารถเพิม่ แรงบีบตวั ของลาํ ไสเลก็ สุนัข นอกจากนนี้ ้ํา
ค้ันขงิ แกย งั มีฤทธ์ิยบั ย้ังเชือ้ ราในชองปาก9
2. เมื่อใหสารสกัด 50 % แอลกอฮอลท างปากหนูถบี จักรในขนาด 25 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม เปน
เวลาตดิ ตอกัน 7 วนั พบวา มฤี ทธิก์ ระตุนภมู ิคุมกัน เม่อื ใหในขนาด 200 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม พบวามีฤทธ์ิ
ระงับปวดไดอยางมีนัยสําคัญ และเม่ือใหสารสกัดดังกลาวทางปากกระตายในขนาด 500 มลิ ลิกรัม/
กโิ ลกรมั พบวามฤี ทธ์ลิ ดไขมันในเลือดและมีฤทธ์ติ า นการเกิดภาวะหลอดเลอื ดแขง็ สารสกดั อะซโี ตนหรือ
50% แอลกอฮอล เมอ่ื ใหแ กส ุนัขทางปากในขนาด 25, 50, 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรมั สามารถลด
จาํ นวนคร้งั ของการอาเจียนท่ีเกดิ จากยาตา นมะเรง็ ได สวนผลตอการชะลอการเริ่มเกิดการอาเจียนครงั้ แรก
น้ัน เฉพาะสารสกัดอะซีโตนขนาด 100 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรัม หรอื สารสกัด 50% แอลกอฮอลข นาด 25, 50
และ 100 มลิ ลิกรมั /กิโลกรมั เทานน้ั ท่สี ามารถชะลอการเรม่ิ เกดิ การอาเจียนไดอ ยางมนี ัยสาํ คญั 10
3. ขงิ สดมีสรรพคณุ รกั ษาโรคไขหวัดจากการกระทบลมเยน็ แกคลนื่ ไสอาเจยี น แกกระเพาะ
อาหารอกั เสบเรื้อรัง แกท อ งเสยี 11
4. ผงขิงในขนาด 940 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพในการปองกันและลดอาการเมารถเมาเรือ
ไดดี เมอื่ ใหห ญิงมคี รรภร บั ประทานขิงผงบรรจแุ คปซลู ขนาด 1 กรมั นาน 4 วนั ใหผลในการตา นการ
อาเจียนเนือ่ งจากตง้ั ครรภ และไมพบอาการขางเคียงแตประการใด8 นอกจากนี้ยงั พบวาขงิ ชวยบรรเทา
อาการปวดและลดการบวมของขอ และยงั ทาํ ใหก ารทาํ งานของขอ ฟนตวั ดขี ึ้นในผปู ว ยโรคปวดขอ รูมาตอยด
และผปู ว ยทม่ี อี าการปวดหลังเรอ้ื รงั 11
5. การทดสอบความเปน พษิ พบวา เมอื่ ฉีดนํา้ คนั้ ขงิ สดทม่ี คี วามเขมขน 20% เขาหลอดเลอื ดดํา
หนูถีบจกั ร ขนาดท่ที าํ ใหหนูถบี จกั รตายรอ ยละ 50 (LD50) มีคาเทา กับ 1500 มิลลกิ รัม/กโิ ลกรมั อาการ
Page 99
คมู ือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 89
พิษท่ที ําใหส ตั วตาย คอื ชกั และหยดุ หายใจ12 เม่ือปอ นสารสกัด 80% แอลกอฮอล ขนาด 3 กรมั /กิโลกรัม
13
การใชส ารสกัด 50% หรือ 90% แอลกอฮอล ฉีดเขา ชอ งทอ งหนู
จะทาํ ใหเกิดอาการพิษในหนูถบี จักร
ถบี จักร ขนาดทที่ าํ ใหสตั วท ดลองตาย 50% เทา กับ 178 และ 1,000 มลิ ลิกรมั /กิโลกรมั 14,15
ตามลาํ ดับ
การฉีดสารสกดั 90% แอลกอฮอลเขาหลอดเลอื ดดํากระตายขนาด 2 มิลลิลติ ร ทําใหกระตายตาย16 สาร
สกัดดว ยอเี ทอรเ ม่อื ใหผ ูใหญรบั ประทานมีอาการพิษเกดิ ข้นึ ได1 7
6. ยังไมพบรายงานเกี่ยวกับการเกิดพิษจากการใชขิงแหงเพียงอยางเดยี ว และผลการศึกษา
ทางคลินิกในผปู ว ยกลุมตาง ๆ ไมพบวา ขงิ กอ ใหเ กดิ อาการพิษแตอยา งใด เมอื่ ใหส ารสกดั ขงิ ดว ยน้ํามันงา
ในขนาดสงู ถงึ 1 กรัม/กิโลกรัม แกหนขู าวทต่ี งั้ ทองในชว งที่ตวั ออ นมีการสรางอวยั วะ ไมพบพิษตอ ตวั แม
และตัวออนในทอง10
7. ขิงสดปงมีสรรพคณุ แกคลื่นไสอาเจียน แกกระเพาะอาหารอกั เสบเรือ้ รงั แกท องเสีย11
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน
3. ฉGบoบัnแgกQไ ขFเ.พ่ิมZเตhoมิ nพgy.ศa.o2P5a4o4z).hiสXาํ นuักeว. ชิ 2าnกdาeรdป.า ไมB. eiกjiรnมgป: าNไมat. ioพnิมalพCคhรi้ังnทeี่ s2e. กTรrุงaเdทiพtioมnหaาlนMครe:diบcรinิษeัทPปuรbะlชisาชhนingจําHกดัou, s2e5,4240.03.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสชั รตั นโกสนิ ทร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ศลิ ปส ยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากดั , 2547.
6. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมนมาส ชวลติ , วิเชยี ร จีรวงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พิมพครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สาํ นกั พมิ พอมรินทร, 2548.
7. สํานกั งานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข. คมู อื การใชสมุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527.
8. วนั ดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธ,ุ เสาวณี สุรยิ าภณานนท. สมนุ ไพรในสวนครวั . กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พิมพเ มดคิ ัล มเี ดีย,
2541.
9. สรอยศิริ ทวีบรู ณ. ขงิ . ใน: บพติ ร กลางกัลยา นงลกั ษณ สุขวาณิชยศ ลิ ป (คณะบรรณาธิการ). รายงานผลการศึกษาโครงการ การ
ประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสมุนไพร. นนทบรุ ี : บริษทั เอส อาร พริ้นตง้ิ แมสโปรดกั ส จาํ กัด, 2544.
10. นงลักษณ สุขวาณิชยศลิ ป. ขิง. ใน: บพติ ร กลางกัลยา นงลกั ษณ สุขวาณิชยศ ิลป (คณะบรรณาธกิ าร). รายงานผลการศึกษาโครงการ
การประเมนิ ประสทิ ธิภาพและความปลอดภัยของยาสมุนไพร. นนทบรุ ี : บริษัท เอส อาร พร้ินตง้ิ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
11. Zhao GB. Rhizoma Zingiberis Recens: sheng jiang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).
Modern study of pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
12. สถาบนั วจิ ัยสมนุ ไพร. เอกสารวิชาการสมุนไพร. นนทบุรี : กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข, 2543.
13. Mascolo N, Jain R, Jain SC, Capasso F. Ethnopharmacologic investigation of ginger (Zingiber officinale). J
Ethnopharmacol 1989; 27(1/2): 129-40.
14. Aswal BS, Bhakuni DS, Goel AK, Kar K, Mehrotra BN, Mukherjee KC. Screening of Indian plants for biological
activity: Part X. Indian J Exp Biol 1984; 22(6): 312-32.
15. Woo WS, Lee EB, Han BH. Biological evaluation of Korean medicinal plants. III. Arch Pharm Res 1979; 2: 127-31.
16. Emig HM. The pharmacological action of ginger. J Amer Pharm Ass 1931; 20: 114-6.
17. Weber ML. A follow-up study of thirty-five cases of paralysis caused by adulterated Jamaica-ginger extract. Med
Bull Vet Admin 1937; 13: 228-42.
Page 100
90 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก
คนทสี อ: Manjingzi (蔓荆子)
คนทีสอ หรอื มานจงิ จอ่ื คอื ผลสกุ ทีท่ าํ ใหแ หง ของพชื ทมี่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Vitex trifolia L.
var. simplicifolia Cham. หรือ V. trifolia L. วงศ Verbenaceae1
0.5 เซนติเมตร
คนทีสอ (Fructus Viticis)
ช่ือไทย: คนทีสอ, ดินสอ (ภาคกลาง); คนทีสอขาว (ชลบุรี); คุนตีสอ (สตูล); โคนดินสอ (จันทบุรี,
ภาคกลาง); ดอกสมุทร, สีเสื้อนอย (เชียงใหม) ; ทสิ อ, เทยี นขาว (พษิ ณุโลก); ผเี ส้ือ (เลย), ผีเสอื้ นอ ย
(ภาคเหนือ); มูดเพิ่ง (ตาก); สีสอ (ประจวบคีรีขันธ)2
ชื่อจีน: มานจิงจื่อ (จีนกลาง), หม่ังเก็งจี้ (จีนแตจิ๋ว)1
ชื่ออังกฤษ: Shrub Chastetree Fruit1
ชื่อเคร่ืองยา: Fructus Viticis1
การเกบ็ เกี่ยวและการปฏิบตั หิ ลังการเก็บเกี่ยว:
เก็บเกี่ยวผลสุกในฤดใู บไมรวง แยกสิง่ ท่ีปะปนท้ิง ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในที่มีอากาศเยน็
และแหง มีการระบายอากาศด1ี
การเตรียมตัวยาพรอ มใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วิธที ี่ 1 คนทีสอ เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรทีป่ ราศจากสงิ่ ปนปลอมมารอ นเอาเศษเลก็ ๆ
ออก แลว ทบุ ใหแตกกอ นใช1,3