The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นงลักษณ์ ใจกล้า, 2019-07-27 00:10:48

คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

คู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน

Page 51

คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 41

4.7 การตนุ (stewing) หมายถงึ การนําวัตถดุ บิ สมนุ ไพรที่สะอาดมาตนุ กบั สารปรุงแตง ที่เปน

ของเหลวในภาชนะตนุ ทมี่ ฝี าปดมิดชดิ ตนุ จนกระทั่งสารปรงุ แตงซมึ เขาไปในตวั ยาอยา งทว่ั ถงึ นําออกมา

ทาํ ใหแ หง
4.8 การลวกดว ยนาํ้ เดอื ด (blanching in boiling water) หมายถึงการนาํ วตั ถดุ บิ สมุนไพรท่ี

สะอาดใสล งในนํา้ เดอื ด คนสกั ครแู ลวนาํ สมุนไพรออกจากน้าํ (สําหรบั สมุนไพรบางชนิดเปลือกเมล็ดชน้ั นอก

มีลักษณะยนและแหง จะตองใสนา้ํ เดือดคนจนกระท่ังเปลือกเมล็ดพองตัวและมีผิวเรียบสามารถแยก
ออกมาได) จากนนั้ นาํ ไปแชในนา้ํ เย็นเพอื่ ลอกเอาเปลือกเมล็ดชนั้ นอกออก แลว นําไปตากแดด

4.9 การแปรรปู โดยใชเ หลา (processing with wine) หมายถงึ กระบวนการแปรรูปโดยใชเหลา
เปนสารปรงุ แตง (ปกตจิ ะใชเ หลา เหลือง) ไดแ ก การผดั การตนุ การนงึ่ ฯลฯ

4.10 การแปรรปู โดยใชนา้ํ สม (processing with vinegar) หมายถงึ กระบวนการแปรรูปโดย
ใชน า้ํ สมเปน สารปรุงแตง (ปกตนิ ํา้ สม ทีใ่ ชม ักทํามาจากการหมกั กล่ันขา ว หรือขา วสาลี หรอื ขา วเกาเหลยี ง
หรือหวั เหลา) ไดแก การผัด การตม การนง่ึ ฯลฯ

4.11 การแปรรปู โดยใชนาํ้ เกลอื (processing with salt-water) หมายถงึ กระบวนการแปรรปู

โดยใชน ้ําเกลอื เปนสารปรุงแตง ไดแ ก การผดั การน่งึ ฯลฯ
4.12 การผดั ดวยนา้ํ ขิง (stir-baking with ginger juice) หมายถึงการผัดวตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ี

สะอาดโดยใชน าํ้ ขิงเปนสารปรุงแตง ซึง่ อาจใชน าํ้ คน้ั ขิงสด หรอื นํ้าตมจากขงิ แหง (ใชข ิงแหง บดแลวตม นํ้า
2 คร้ัง รวมนา้ํ ตมจะไดน้าํ ขงิ ) เตรยี มโดยเติมน้ําขงิ ลงบนวตั ถดุ บิ สมุนไพรทสี่ ะอาด คลุกเคลาใหเ ขากัน

นําไปผดั ในภาชนะทเี่ หมาะสมดวยไฟออน ๆ จนกระท่ังน้าํ ขิงซมึ เขาเน้อื ในตัวยา นาํ ออกมาตากแหง ปกติ
ใชข งิ สด 10 กโิ ลกรัม หรอื ขิงแหง 3 กิโลกรัม ตอ สมนุ ไพร 100 กโิ ลกรัม

4.13 การผัดดว ยนา้ํ ผงึ้ (stir-baking with honey) หมายถึงการผดั วัตถดุ บิ สมนุ ไพรที่สะอาด

โดยใชน ํา้ ผ้ึงเปนสารปรุงแตง เตรียมโดยนํานาํ้ ผงึ้ บรสิ ุทธ์ิมาเจอื จางดว ยนา้ํ ตมในปริมาณที่เหมาะสม ใส

วัตถุดบิ สมนุ ไพรท่สี ะอาด แลวคลุกเคลา ใหเ ขากัน หมักไวสกั ครเู พอ่ื ใหนา้ํ ผึ้งซึมเขาไปในตวั ยา จากน้นั

นําไปผัดในภาชนะท่เี หมาะสมโดยใชไฟออน ๆ ผัดจนกระท่ังมสี เี หลืองเขมและไมเ หนยี วตดิ มือ นําออก
จากเตา แลว ต้ังทงิ้ ไวใ หเยน็ ปกตใิ ชนํา้ ผ้งึ บริสุทธิ์ 25 กิโลกรัม ตอ สมุนไพร 100 กโิ ลกรัม

4.14 การเตรยี มผงสีขาวเหมือนนาํ้ คา งแข็ง (frost-like powder) หมายถงึ การขจัดนา้ํ มันออก

จากสมนุ ไพรโดยการบดวัตถุดบิ สมุนไพรทสี่ ะอาดจนมลี กั ษณะเหมอื นแปงเปย ก แลว ใหค วามรอ นโดยใชไฟ

ออ น ๆ จากน้นั บบี นํ้ามนั ในสมุนไพรออกสว นหนึง่ จนกระทั่งไดต วั ยาทมี่ ีลักษณะเปน ผงสขี าวละเอียด

Page 52

42 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

4.15 การบดดว ยนาํ้ ใหละเอยี ด (levigating) หมายถึงการบดสมนุ ไพรใหเ ปนผงละเอียดโดย

การเติมน้าํ ลงในวตั ถดุ บิ สมุนไพรที่สะอาด ดาํ เนนิ การบดใหเปนผงละเอียด แลว เติมนํ้าเพิ่มอีก คนใหทัว่

จากนน้ั ตักเอาเฉพาะตะกอนท่ีแขวนลอยอยูในน้ําออกมาเก็บไว ใหทาํ ซา้ํ หลาย ๆ คร้ังจนกระท่ังสามารถ

แยกสงิ่ แปลกปลอมออก นําตะกอนแขวนลอยที่เก็บไวมารวมกนั ต้งั ทงิ้ ไวใ หนอนกน แยกเอาเฉพาะตะกอน

นําไปตากแหง บดเปนผงละเอียดมาก

5. 5-9

สารปรงุ แตงทใ่ี ชบอยในกระบวนการแปรรปู เฉพาะของสมนุ ไพร

สารปรงุ แตงมี 2 ประเภท คือ สารปรุงแตงทใ่ี ชใ นการผลติ ยารปู แบบตา ง ๆ ซึ่งสารปรุงแตง

ประเภทนค้ี อ นขา งเสถยี รหรอื มคี วามคงตวั และไมมผี ลตอ ตวั ยาหลกั ในการแตกตัว การดดู ซึม หรอื ปริมาณ

สารสาํ คญั สว นสารปรงุ แตง อกี ประเภทหนงึ่ จะมผี ลตอ ตวั ยา เชน เสริมฤทธ์ิหรือลดพษิ ของตวั ยา ลดอาการ

ขางเคียงของตัวยา และมผี ลตอ การเปลย่ี นแปลงทงั้ ทางกายภาพและทางเคมีของตวั ยาได สารปรงุ แตงมี

ทัง้ รปู แบบท่ีเปน ของเหลวและเปนของแขง็ โดยท่ัวไปสารปรงุ แตง ท่ีใชบอยมดี ังนี้
5.1 เหลา ในยคุ โบราณใชเ หลาเหลอื ง ปจ จบุ ันใชเหลาเหลอื งและเหลา ขาว เหลา มคี ุณสมบตั ิ

รอนแรง รสหวานเผ็ด มสี รรพคุณเพ่มิ การไหลเวยี นของเลอื ด ขับความเย็นสลายลม ดับกลิ่นและรสของ

สารตา ง ๆ และยงั ชว ยใหสารอนินทรยี บ างอยา งแตกตัวและละลายนา้ํ ไดด ีขึ้น
5.2 น้ําสม มีคุณสมบัติอุน รสเปรี้ยวขม เปนตวั นําพาใหต ัวยา (กระสายยา) เขาตบั ไดด ี มี

สรรพคุณชวยใหชไี่ หลเวยี น หามเลือด ลดบวม แกปวด ชวยปรับกลนิ่ และรสใหด ีขน้ึ กรดน้ําสม จะจบั

ตัวกับแอลคาลอยดไ ดสารประเภทเกลอื ทําใหละลายนํา้ ไดด ี เม่ือตม จะทําใหตวั ยาละลายออกมาเร็ว

5.3 นํ้าผึ้ง มีคุณสมบตั ิเยน็ รสหวาน สรรพคุณขบั พษิ รอ น ลดไข หากนํามาตมใหส กุ มี
คุณสมบตั ิอนุ รสหวานกลมกลอ ม สรรพคณุ บาํ รุงจงเจียว (หมายถึงสว นกลางของรา งกาย ตง้ั แตสะดือ
ขน้ึ ไปจนถงึ ล้ินป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถุงนาํ้ ดี และมา ม) สามารถขจดั พิษและใหค วามชุมชื้น แก

ปวด ชวยปรบั กลิ่นและรส เหมาะในการรักษาอวัยวะทงั้ หลาย น้ําผึ้งจึงมคี ุณสมบตั ชิ ว ยปรบั ประสานตัว

ยาในตํารับใหเขา กนั
5.4 เกลอื มีคณุ สมบตั เิ ย็น รสเคม็ สรรพคณุ เสริมเอน็ กระดกู ใหแ ขง็ แรง ชว ยสลายตมุ กอ น

ใหอ อ นลง ขจัดรอนทําใหโ ลหติ เย็น แกพิษ ปอ งกันการเนา ตวั ยาทแี่ ปรรูปโดยใชเกลือจะทําใหค ณุ สมบตั ิ

ของตัวยาเปลีย่ นไปและเพม่ิ ฤทธ์ขิ องยาใหด ขี ้ึน
5.5 ขงิ (น้ําขิงสด) สว นมากจะใชน า้ํ คั้นขงิ สด มคี ณุ สมบัติอุน รสเผ็ด สรรพคณุ กระจาย

ลมตามผิวหนงั ดงั นนั้ จึงใชรกั ษาระยะแรกของโรคท่เี กดิ จากปจจยั ภายนอก สลายความเยน็ อุนจงเจียว

Page 53

คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 43

แกอ าเจียน ขับเสมหะ ตัวยาท่แี ปรรูปโดยใชน าํ้ ขิงสามารถยับยงั้ คณุ สมบัตเิ ยน็ และลดพษิ ของตวั ยาได
5.6 นา้ํ ชะเอมเทศ มีคุณสมบตั ิเปนกลาง รสหวาน มสี รรพคณุ บาํ รุงมาม บํารงุ ช่ี แกพษิ ไข

แกไ อขับเสมหะ บรรเทาอาการปวดเฉยี บพลนั ตวั ยาทีแ่ ปรรปู โดยใชน ํา้ ชะเอมเทศจะชว ยปรับคุณสมบัติ

ของตวั ยาใหสขุ มุ และลดพิษของตัวยาได
5.7 น้าํ ถว่ั ดํา มีคณุ สมบัตเิ ปน กลาง รสหวาน สรรพคุณชว ยใหเลือดไหลเวียน ขับนํา้ แกพษิ

บํารงุ ตบั และไต ตัวยาทแ่ี ปรรูปโดยใชน้ําถวั่ ดาํ จะชว ยใหส รรพคณุ ของตวั ยาดขี ้ึนและลดพษิ หรอื ผลขางเคยี ง

ของตัวยาได
5.8 นํ้าซาวขาว มคี ุณสมบตั ิเยน็ รสหวาน สรรพคณุ บาํ รงุ ช่ี ลดอาการกระวนกระวาย แก

กระหายน้าํ ขจดั พิษ นาํ้ ซาวขา วยังสามารถดดู ซับไขมันไดด ี จงึ มกั ใชก ับตัวยาที่มไี ขมนั มากและตัวยาที่มี

รสเผ็ด จะชว ยบาํ รงุ มา ม ปรับธาตุไดด ี
5.9 น้ํามันงา มคี ณุ สมบัติเย็นเล็กนอ ย รสหวาน สรรพคณุ ขจัดความรอ น ทาํ ใหชุมชนื้ ชว ย

สรา งเนื้อเยื่อ เนอื่ งจากนํา้ มันงามจี ุดเดือดสูง จึงมักนาํ มาแปรรปู ตัวยาทีม่ ีเปลอื กแขง็ มากหรือมีพษิ เพื่อ

ทาํ ใหต วั ยากรอบและลดพิษของตวั ยา

เอกสารอางองิ

1. วิชัย โชควิวฒั น, ชวลิต สนั ติกิจรุง เรอื ง, เย็นจติ ร เตชะดาํ รงสิน (คณะบรรณาธกิ าร). ตํารับยาจนี ท่ีใชบอยในประเทศไทย เลม 1.
พมิ พค รั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั งานกจิ การโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2549.

2. สถาบันการแพทยแผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก. หลกั เกณฑขององคการอนามัยโลกเก่ียวกับเกษตร
และการเก็บเก่ยี วท่ีดเี หมาะสมสําหรบั พืชสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พองคการรบั สง สินคา และพัสดุภณั ฑ (ร.ส.พ.), 2548.

3. กันทมิ า สทิ ธธิ ัญกจิ , พรทพิ ย เติมวเิ ศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูม ือประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพค ร้ังที่ 2.
กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพิมพองคก ารทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.

4. วฒุ ิ วุฒิธรรมเวช. คัมภีรเ ภสัชรัตนโกสนิ ทร. พมิ พครง้ั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปส ยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จาํ กดั ,
2547.

5. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

6. Xu CJ, Ye DJ. Zhongyao Paozhi Xue. 18th ed. Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional
Chinese Medicine, 2003.

7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Zhongyao Paozhi Xue. 7th ed. Shanghai: Publishing
House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.

8. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
9. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.

Page 54

44 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

การใชส มนุ ไพรรายชนดิ

Page 55

คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จนี 45

กระวาน : Doukou (豆蔻)

กระวาน หรือ โตวโคว คือ ผลสุกของพืชท่ีมีช่ือวิทยาศาสตรวา Amomum kravanh Pierre
ex Gagnep. หรือ A. compactum Soland ex Maton วงศ Zingiberaceae1

1 เซนติเมตร

ลูกกระวาน (Fructus Amomi Rotundus)

ช่ือไทย: กระวาน (จนั ทบรุ ี, ปต ตาน)ี ; ปลากอ (ปต ตาน)ี ; กระวานขาว, กระวานโพธิสตั ว (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: โตวโคว (จีนกลาง), เตาโขว (จีนแตจิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Round Cardamon Fruit1
ชื่อเครื่องยา: Fructus Amomi Rotundus1
การเกบ็ เกย่ี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกีย่ วผลสกุ ระหวางฤดรู อ นกบั ฤดใู บไมร ว ง แยกสง่ิ ทีป่ ะปนมาออก ตากแดดหรอื ทาํ ใหแ หงท่ี

อณุ หภูมิต่ํา เกบ็ รักษาผลแหง ในกระสอบปา นหรอื ถุงพลาสติก เกบ็ ไวใ นท่มี ีอากาศเย็นและแหง มีการ
ระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

การเตรยี มตัวยาพรอ มใชมี 3 วธิ ี ดังน้ี
วิธีท่ี 1 ผลกระวาน เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมนุ ไพรมาคดั เอาสง่ิ ปนปลอมและกา นผลทง้ิ รอนเอา
เศษเลก็ ๆ ออก ทุบใหแตกกอ นใช3 ,4

Page 56

46 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

วิธีท่ี 2 เนื้อผลกระวาน เตรียมโดยนาํ ตวั ยาท่ไี ดจากวิธีท่ี 1 มากะเทาะเอาเปลือกผลออก ใช
3,4

เฉพาะสวนเน้ือผล ทุบใหแตกกอนใช

วิธีที่ 3 เปลอื กผลกระวาน เตรยี มโดยนําเปลอื กผลท่ไี ดจากวธิ ที ่ี 2 มาใช 3,4

โดยทบุ ใหแ ตกกอนใช

คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาที่มีคุณภาพดี ผลตองมีขนาดใหญ มีเน้ือมาก เปลือกผลบางและไมแตก สีขาวสะอาด
กล่ินหอมฉุน3-5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

ผลกระวาน รสเผ็ด อุน มีฤทธิ์สลายความชื้น ทาํ ใหชีห่ มุนเวยี น แกอ าการจกุ เสียด แนน ล้ินป
เบือ่ อาหาร และมีฤทธิ์ใหความอบอนุ แกก ระเพาะอาหารและลําไส แกอ าเจยี น1

เน้ือผลกระวาน รสเผ็ดเยน็ มีกล่นิ หอม มสี รรพคณุ เหมอื นผลกระวาน3,4

เปลอื กผลกระวาน รสเผ็ด มีกลน่ิ หอมออน ๆ มสี รรพคณุ เหมือนผลกระวาน แตค ณุ สมบตั อิ ุน
นอยมาก และฤทธิ์ของยาออนมากเชนกนั 3,4

สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:

ผลกระวาน รสเผ็ดรอนหอม ใชแกอาการทองอืด ทองเฟอ และแนนจุกเสียด เปนยาขับ

เสมหะ บาํ รุงธาตุ กระจายเลือดและลมใหซาน ผสมยาถายอื่น ๆ ปองกันไมใหจุกเสียดและไซทอง6,7

ขนาดที่ใชและวิธีใช:
การแพทยแ ผนจีน ใช 3-6 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม (ถาตมกับยาอ่ืนควรใสทีหลัง)1
การแพทยแผนไทย ใชผลแกจัดบดเปนผงรับประทานคร้ังละ 1.5-3 ชอนชา (1-2 กรัม) ชง

กบั น้ําอุน หรอื นาํ มาแชในแอลกอฮอลไ ดน าํ้ ยาสแี ดง รบั ประทานบํารงุ ธาตุ แกธาตุพิการ อาหารไมย อ ย

ทองอืดทองเฟอ8-10

ขอมูลวิชาการที่เก่ียวของ:
1. ผลแกข องกระวานประกอบดว ยนา้ํ มนั หอมระเหย 5-9% ซึง่ มีสารสาํ คัญคอื borneol,

camphor, 1,8-cineole, linalool, pinene เปนตน มฤี ทธิ์ขับลม ลดการบีบตวั ของลําไส จากการทดลอง
พบวามคี วามปลอดภยั และไมม ฤี ทธกิ์ อกลายพนั ธ9ุ

2. สารสกดั เอทานอลและสารสกัดคลอโรฟอรม มฤี ทธ์ิตา นเช้ือรา Microsporum gypsicum,
Trichophyton rubrum, Epiderphyton floccosum, Candida albicans และ Cryptococcus neoformans11

Page 57

คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 47

3. การทดสอบพิษเฉยี บพลนั ของสารสกัดดวย 40% เอทานอล นํ้าเหลาจากเมล็ดกระวานใน
หนถู ีบจกั ร โดยปอ นสารสกดั เขม ขน เทยี บเทา 0.5 กรมั ผงกระวาน/มลิ ลลิ ติ ร ในขนาด 1, 2 และ 10
มิลลิลติ ร/นํา้ หนกั ตวั แกหนูถบี จักรไมพ บอาการพษิ และทดสอบพิษก่งึ เฉยี บพลันโดยใหในขนาด 2
มิลลกิ รัม/กโิ ลกรัม แกหนขู าวเพศผู เปนเวลา 14 วัน พบวา ไมทาํ ใหสตั วทดลองตาย สว นพษิ เฉียบพลัน
ของนา้ํ มนั หอมระเหยเมื่อใหทางปากแกห นูถบี จักร มีคา LD50 เทา กบั 2.52 และ 2.65 กรมั /กิโลกรมั ใน

เพศผูและเพศเมยี ตามลาํ ดบั อาการพิษท่ีพบเมอ่ื ใหในขนาดสงู คือ นํา้ ลายฟูมปาก ชักเกรง็ หายใจ

กระตกุ หยดุ หายใจและตายในท่ีสดุ 10 และยงั พบวา เม่ือใหส ารสกดั ผลแหงดวยแอลกอฮอลในขนาด 2

มลิ ลิลติ ร/กิโลกรัม เปนเวลา 2 สปั ดาห 12

ไมพ บพษิ

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1.
English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000.

2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บญุ ทวคี ณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไ ขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.

3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
4. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. ลดั ดาวลั ย บุญรัตนกรกจิ . สมนุ ไพรนา ใช เลม 1. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ แทนทองปรนิ้ ต้ิงเซอรวิส, 2535.
7. สาํ นักงานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ . คูมือการใชสมุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527.
8. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภีรเภสัชรตั นโกสินทร. พมิ พครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ศิลปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จาํ กัด,

2547.
9. กันทิมา สทิ ธิธัญกิจ, พรทพิ ย เตมิ วิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมือประชาชนในการดูแลสุขภาพดว ยการแพทยแ ผนไทย. พมิ พครัง้ ท่ี 2

กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกิจการโรงพิมพองคการทหารผา นศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.
10. พรอ มจิต ศรลัมภ, วงศส ถติ ย ฉว่ั กุล, สมภพ ประธานธุรารกั ษ (คณะบรรณาธิการ). สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ สารานกุ รมสมุนไพร

เลม 1. พมิ พคร้งั ที่ 3. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท อมรินทรพร้ินติ้งแอนดพับลิชชิง่ จาํ กัด (มหาชน), 2543.
11. กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . เอกสารวิชาการสมนุ ไพร. นนทบรุ ี : สถาบันวิจัยสมุนไพร, 2543.
12. Kwanjaipanich S, Likitaporn T, Wongkrajang Y, Jaiarj P, Wacharakup O. Toxicity test of Amomum krervanh Pierre.

Undergraduate Special Project Report, Fac Pharm, Mahidol Univ 1989.

Page 58

48 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

กะเมง็ : Hanliancao (旱莲草)

กะเม็ง หรือ ฮ่ันเหลียนเฉา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Eclipta
prostrate L. วงศ Compositae1

1 เซนติเมตร

ตนกะเม็ง (Herba Ecliptae)

ชื่อไทย: กะเม็ง, กะเม็งตัวเมีย, คัดเม็ง (ภาคกลาง); หญาสับ, ฮอมเก่ียว (ภาคเหนือ)2
ชื่อจีน: ฮ่ันเหลียนเฉา (จีนกลาง), อั่วโหนยเชา (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Yerbadetajo Herb1
ช่ือเครื่องยา: Herba Ecliptae1
การเก็บเกยี่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก ตากแดดหรือตากในที่รมใหแหง เก็บรักษาไวใ นที่มี
อากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

หลงั เก็บเกยี่ วสมนุ ไพรแลว แยกสงิ่ อน่ื ท่ีปะปนออก ลางนาํ้ อยา งรวดเรว็ ใหส ะอาด ผ่ึงไวใ หแหง
หมาด ๆ นํามาหนั่ เปนทอ น ๆ ตากใหแหง1,3
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีลําตนกลมสีเขียวเขม มีลายเสนตามแนวยาว เมื่อนําลําตนและใบ
มาแชนํ้าจะมีสีเขียวผสมสีหมึก3

Page 59

คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 49

สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน:

กะเม็ง รสเปรยี้ วอมหวาน เยน็ มฤี ทธิ์บํารงุ ตับและไต ใชแกอาการมึนศรี ษะ ตาลาย ผมหงอก

เร็ว ปวดเม่ือยบริเวณเอวและหัวเขา หูอ้ือ ฝนเปยกจากภาวะยินของตับและไตพรอง และมีฤทธิ์หาม

เลือด ทําใหเลือดเย็น ใชแกอาการเลือดออกเพราะภาวะยินพรอง ทาํ ใหเลือดรอน เชน เลือดกาํ เดา
ไหล ไอเปนเลือด ปสสาวะ ถายเปนเลือด ตกเลือดในสตรี1
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:

ตนกะเม็ง รสขมเฝอ นเย็น สรรพคุณ แกลมใหกระจาย แกจ กุ เสียดแนน เฟอ หา มเลือด บํารุง

เลอื ด แกโรคโลหิตจาง แกไ อเปนเลอื ด อาเจียนเปน เลอื ด ปสสาวะเปนเลือด อุจจาระเปนเลือด แกไ อ
กรน แกรดิ สีดวงทวาร แกเ จ็บตา แกเ จบ็ คอ ใชทาพอก แกผ่ืนคัน แกฝพพุ อง รกั ษาแผลตกเลอื ด4
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:

การแพทยแผนจีน ใช 6-12 กรัม ตมเอาน้ําดื่ม1
ขอ หามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง:

การแพทยแผนจีน หา มใชในผูปว ยท่มี ามพรอ ง ไตยินพรอ ง และพวกปส สาวะบอย ๆ ไมหยดุ
หรือถา ยเปนน้ํามาก ๆ5
ขอ มูลวชิ าการทเี่ กีย่ วของ:

1. มีรายงานวาสารสกัดน้ําและสารสกัดบิวทานอลมีฤทธิ์ตานเชื้อ Staphylococcus aureus
และ Escherichia coli ในหลอดทดลอง และสารสกดั มฤี ทธ์ปิ กปอ งตบั จากสารพษิ carbontetrachloride

5,6

ในหนูตะเภาเพศเมียไดผ ลดี ยาตม จากตน กะเมง็ มสี รรพคุณแกโรคบดิ โดยท่ัวไปรับประทานครัง้ เดียว
ก็เร่ิมเหน็ ผล6

2. ตนกะเมง็ ผงมีฤทธิ์หามเลอื ดในสนุ ขั เม่อื ใชภายนอกไดผ ลดี และยังชวยใหการไหลเวียนของ
เลอื ดไปเลย้ี งหวั ใจของหนตู ะเภาดขี ้ึน เมอ่ื ใหหนขู าวทีไ่ ดร บั สาร cyclandelate ขนาด 100 มิลลกิ รัม/
กิโลกรัม รับประทานสารสกดั แอลกอฮอลใ นขนาด 0.4 มลิ ลลิ ติ ร เทียบเทากบั ผงสมนุ ไพร 60 กรมั /
กโิ ลกรัม ทุกวนั ตดิ ตอ กนั 4 วนั พบวาจาํ นวนเซลลเม็ดเลอื ดขาวเพ่ิมข้ึน 483 เซลล/ตารางมิลลเิ มตร
แสดงวา สารสกดั แอลกอฮอลสามารถลดฤทธข์ิ อง cyclandelate ตอ การลดจํานวนเซลลเมด็ เลือดขาวได6

3. การศึกษาพษิ เฉยี บพลันโดยใหผ งยาทางปากหนถู บี จกั ร พบวา คา LD50 มีคา เทากบั 163.4
กรมั /กิโลกรัม6

Page 60

50 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

4. การทดลองทางคลนิ กิ พบวา เมอ่ื ใหผ ูปวยโรคหวั ใจรบั ประทานสารสกัดตนกะเมง็ ในขนาด
15 กรัม/ครั้ง (เทียบเทา ผงยา 30 กรมั ) วันละ 2 คร้ัง ตดิ ตอกนั นาน 1 เดือน พบวา สารสกดั ดงั กลาว
สามารถบรรเทาอาการวงิ เวียนศรี ษะ ปวดเคนอก ปวดหลงั หายใจขดั หรือแนนหนา อกไดผ ลดี นอกจากน้ี
ตน กะเม็งมสี รรพคุณลดไขใ นเดก็ สามารถใชรบั ประทานหรือตมน้ําอาบก็ได6 ,7

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.1.
English Edition. Beijing: Chemical Industry Press, 2000.

2. ลีนา ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ชอื่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544.

3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
4. วฒุ ิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภีรเภสัชรัตนโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศลิ ปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.
5. ชยั โย ชยั ชาญทพิ ยทุ ธ, วชริ า แดนตะวัน, สนุ ทรี วิทยานารถไพศาล, สําลี ใจดี, วบิ ูลย โชคชยั วัฒนพร, นภาพร วิทิตภัทรภาคย,

ขวญั จติ ภสู าระ. การใชส มนุ ไพร เลม 1: รายงานการรวบรวมขอ มลู เบือ้ งตน สาํ หรับงานวจิ ยั ของโครงการพัฒนาเทคนิคการทาํ ยา
สมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั , 2522.
6. Zhang Y, Lin ZB. Herba Ecliptae: mo han lian In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).
Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press,
1999.
7. Institute of Medicinal Plant Development and Institute of Materia Medica, Chinese Academy of Medicinal Sciences.
Chinese Materia Medica. Vol. IV. 2nd ed. Beijing: Renmin Weisheng Publishing House, 1988.

Page 61

คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 51

กานพลู: Dingxiang (丁香)

กานพลู หรอื ติงเซียง คอื ดอกตูมแหงของพืชทีม่ ีช่ือวทิ ยาศาสตรวา Syzygium aromaticum
(L.) Merr. et Perry. วงศ Myrtaceae1

2 เซนติเมตร

กานพลู (Flos Caryophylli)

ชื่อไทย: กานพลู (ภาคกลาง)2,3
ชื่อจีน: ติงเซียง (จีนกลาง), เต็งเฮีย (จีนแตจ๋ิว)1
ช่ืออังกฤษ: Clove1
ช่ือเครื่องยา: Flos Caryophylli1
การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกี่ยวดอกตมู เม่ือกานดอกเร่ิมเปล่ียนจากสเี ขียวเปน สีแดงอฐิ ตากแดดใหแหง เก็บรกั ษาไว
ในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มกี ารระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

นําวัตถุดิบสมุนไพรมาคัดแยกเอาสิง่ ปนปลอมออก รอ นเอาเศษเล็ก ๆ ออก ทบุ ใหแตกกอ นใช1
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตวั ยาทม่ี คี ณุ ภาพดีตองเปนดอกขนาดใหญ แหงสนิท สแี ดงอมมวง มนี ้ํามันมากและมไิ ดส กดั
เอานํ้ามันออก (กานพลทู ีผ่ า นการสกัดเอานํ้ามนั ออกแลว จะมีสรรพคุณทางยาตาํ่ ) กลิน่ ฉนุ รสเผ็ดจัด3-5

Page 62

52 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน:
กานพลู รสเผด็ อุน มฤี ทธิ์ใหความอบอุนแกกระเพาะอาหาร กระจายความเย็น ระงับปวด

สรรพคุณแกอ าเจียน แกสะอึกเน่ืองจากความเย็น แกป วดทองนอ ยเนอ่ื งจากระบบกระเพาะอาหารเยน็
นอกจากนยี้ งั มฤี ทธิใ์ หความอบอนุ แกร ะบบไต เสรมิ หยาง แกอวยั วะเพศไมแขง็ ตวั มดลกู เยน็ เปนตน1
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:

ดอกกานพลแู หง ทย่ี งั ไมไ ดสกัดเอาน้ํามนั ออก รสเผด็ รอ น กล่นิ หอมจัด สรรพคณุ แกทอ งเสยี ขบั

ลม แกทองอืดทอ งเฟอ ใชดับกลนิ่ ปาก นํ้ามันกานพลใู ชเ ปน ยาขบั ลม ยาฆา เชือ้ โรค ใสฟ น ฆา เชอื้ และเปน

6,7

ยาชาเฉพาะที่ ชว ยระงบั อาการปวดฟน ใชแ กโรครํามะนาด ใชร ะงับกลน่ิ ปาก
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:

การแพทยแผนจีน ใชขนาด 1-3 กรมั ตมเอานาํ้ ดื่ม1
การแพทยแผนไทย ใชด อกแหง 5-8 ดอก (0.12-0.16 กรมั ) ตมเอานํา้ ดืม่ หรือบดเปนผง ชง
น้าํ ดืม่ หรือเคยี้ วกานพลูแหง 1-2 ดอก หลังอาหาร เพือ่ ชวยลดกลนิ่ ปาก ชว ยใหปากสะอาด และชว ยลด

อาการทองอืดจากอาหารไมย อ ย นอกจากนีด้ อกกานพลูยังชว ยปอ งกันไมใ หเ ด็กออนทอ งอดื ทอ งเฟอได โดย
ใชด อกแหง 1 ดอก แชไวใ นกระตกิ นํ้ารอนที่ใชชงนมใหเด็กออน การใชน ํา้ มันกานพลูเปนยาแกป วดฟน ทํา

โดยใชส าํ ลีชุบนํ้ามันกานพลอู ุดตรงฟน ทปี่ วด หรือใชดอกแหง ตําพอแหลก ผสมเหลาขาวเลก็ นอย ใชสาํ ลี
ชุบอดุ รฟู น4,6,8,9
ขอหามใช ขอควรระวัง และอาการขางเคียง:

หามใชในผูเปนไข อาเจียน รอ นใน และหามใชก านพลูรว มกบั วา นนางคํา เนอ่ื งจากกานพลจู ะถกู
ขมดวยวานนางคํา (การแพทยแผนจนี )1,9
ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:

1. น้าํ มนั หอมระเหยซ่ึงสกัดจากดอกกานพลดู ว ยการกลัน่ มฤี ทธิ์ตา นเชอื้ แบคทเี รยี ได 25 ชนดิ
(ประกอบดว ยแบคทีเรยี แกรมลบ 9 ชนิด และแกรมบวก 16 ชนิด ซ่งึ เปนแบคทีเรยี ทีก่ อใหเกิดโรคใน
สตั ว พืช และแบคทีเรียท่ีทําใหอาหารเนา เสีย) โดยความกวา งของโซนที่ยบั ยงั้ การเจริญของเชอื้ อยใู นชว ง
7-28 มลิ ลิเมตร10

2. สารสกัดเมทานอลจากดอกตูมของกานพลูมีฤทธ์ิตานเช้ือจุลินทรียตอ oral pathogen ท่ี
ทําใหเ กดิ ฟน ผุและโรคเหงอื กและฟน ได 2 ชนดิ คือ Prevotella intermedia และ Porphyromonas
gingivalis โดยมคี า MIC เทากับ 156 และ 625 ไมโครกรมั /มลิ ลลิ ิตร ตามลําดับ แตส ารสกดั ดงั กลา ว

Page 63

คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จีน 53

ไมมีฤทธติ์ อแบคทเี รยี ทท่ี ําใหฟ นผุอกี 2 ชนิดคือ Streptococcus mutans และ Actinomyces viscosus
(MIC > 2.5 มิลลกิ รมั /มิลลลิ ติ ร)10

3. สาร eugeniin ทไี่ ดจากสารสกัดกานพลมู ีฤทธิใ์ นการตานเชือ้ ไวรสั ชนดิ wild herpes virus
type 1 โดยมคี า EC50 เทา กบั 5 ไมโครกรมั /มิลลิลิตร และสามารถตา นเชือ้ ไวรสั ชนดิ acyclovir-
phosphonoacetic acid-resistant herpes virus type 1, thymidine kinase-deficient herpes virus
type 1 และ wild herpes virus type 2 ไดด ว ย10

4. สารสกัดเมทานอลจากดอกกานพลูมีฤทธ์ยิ ับยง้ั IL-8 ไดม ากกวา 50% ซึ่ง IL-8 เปน
neutrophil chemoattractant และเกี่ยวขอ งกบั กระบวนการอกั เสบได ดังนนั้ สารสกดั กานพลนู จี้ ึงอาจมี

ฤทธ์ติ า นการอักเสบ แตอยางไรกต็ ามกระบวนการอกั เสบเปนกระบวนการทเ่ี กีย่ วของกับสารหลายชนิด

ดวยกนั ดงั นน้ั การยับย้งั สารเพยี งชนิดใดชนดิ หนง่ึ จึงยงั ไมส ามารถบงชถ้ี งึ ประสิทธิภาพในการตา นการ
อกั เสบได1 0

5. สาร eugenol บรสิ ุทธิ์ มคี า LD50 ในหนขู าว เทา กบั 1.93 กรัม/กโิ ลกรัม อาการพิษที่พบ

ไดแ ก อมั พาตทีข่ าหลงั และกรามลาง เฉ่อื ยชา เคลือ่ นไหวชา หรอื เคลอ่ื นไหวไมไ ดเ ลย กล้ันปส สาวะไมไ ด
มปี สสาวะเปนเลอื ด และโคมา ซ่งึ จะมีอาการหายใจขัด และหวั ใจวาย10

6. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลันในหนถู ีบจักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากดอกกานพลู
พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรือฉดี เขา ใตผวิ หนงั 11

7. จากการศึกษาในหนขู าวพบวา สารสกัดนํา้ จากดอกกานพลสู ามารถยบั ยั้งการเกิด systemic
anaphylaxis โดยมีคา IC50 เทา กบั 31.25 มิลลิกรัม/กิโลกรมั และสามารถยบั ย้ังการเกิด local Ig E-
mediated passive cutaneous anaphylaxis reaction ได โดยมีคา IC50 เทากับ 17.78 และ 19.81

มลิ ลิกรัม/กิโลกรมั เมือ่ ใหโ ดยฉีดเขา เสน เลอื ดดํา และใหทางปาก ตามลาํ ดับ และจากการศึกษาในหลอด
ทดลอง สารสกดั นีย้ ังสามารถลดการหลงั่ ฮสี ตามนี จาก RMPC ไดอ กี ดว ย ดังนน้ั สารสกดั กานพลูน้ีมี
ประสิทธิภาพในการลดการเกิดภูมิคุมกนั ไวเกนิ ไดจากการศกึ ษา model ดงั กลา ว10

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลีนา ผพู ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวฒั น บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินนั ทน
ฉบับแกไ ขเพ่มิ เตมิ พ.ศ. 2544). สาํ นักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จํากัด, 2544.

3. ชยนั ต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.

Page 64

54 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

4. กองวจิ ัยและพัฒนาสมุนไพร กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . สมุนไพรพนื้ บา นฉบับรวม. พิมพค รงั้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร :
Text and Journal Corporation Co., Ltd., 2533.

5. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
6. กันทมิ า สิทธิธัญกิจ, พรทิพย เติมวิเศษ (คณะบรรณาธกิ าร). คูมอื ประชาชนในการดแู ลสุขภาพดว ยการแพทยแผนไทย. พิมพครั้งท่ี 2.

กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกิจการโรงพิมพองคการทหารผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ, 2547.
7. พเยาว เหมือนวงษญ าต.ิ สมนุ ไพรกาวใหม. พิมพค รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ท.ี พ.ี พร้ิน จํากดั , 2537.
8. วันดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธ,ุ เสาวณี สุริยาภณานนท. สมุนไพรในสวนครัว. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักพิมพเมดคิ ัล มเี ดยี ,

2541.
9. บรษิ ทั หลกั ทรัพยจัดการกองทุน กสกิ รไทย จํากดั . มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ซีเอ็ดยเู คชั่น จํากัด มหาชน,

2550.
10. บพติ ร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศ ลิ ป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา

จากสมุนไพร. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรนิ้ ติง้ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยทุ ธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล

ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อตั ตวิชญ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวจิ ัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ัยสมุนไพร เลม 1. พิมพครั้งท่ี 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก ารศาสนา, 2546.

Page 65

คูมือการใชส มุนไพรไทย-จนี 55

ก่ิงหมอน : Sangzhi (桑枝)

ก่ิงหมอน หรือ ซังจือ คือ ก่ิงออนที่ทําใหแหงของพืชท่ีมีชื่อวิทยาศาสตรวา Morus alba L.
วงศ Moraceae1

1 เซนติเมตร

ก่ิงหมอน (Ramulus Mori)

ช่ือไทย: กิ่งหมอน (ทั่วไป)2
ชื่อจีน: ซังจือ (จีนกลาง), ซึงกี (จีนแตจิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Mulberry Twig1
ชื่อเครื่องยา: Ramulus Mori1
การเก็บเกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเก่ียว:

เก็บเกี่ยวกิ่งออนไดตลอดป แตระยะที่เหมาะสมควรเก็บตอนตนฤดูรอน ริดใบออก ตาก
แดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1,3
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี
วธิ ที ี่ 1 กิง่ หมอน เตรยี มโดยนําวัตถดุ ิบสมุนไพรทีป่ ราศจากส่ิงปนปลอมมาลางนํ้าใหส ะอาด ใส
ภาชนะหมกั ไวสกั ครเู พอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนแวนหนา ๆ นําไปตากแดดใหแหง1,4
วิธีท่ี 2 ก่ิงหมอนผัด เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีท่ี 1 ใสกระทะ นาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับ
ปานกลาง ผดั จนกระทัง่ ตวั ยามสี ีเหลือง นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม 1,4
วิธีท่ี 3 ก่ิงหมอนผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม

Page 66

56 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

เหลาเหลอื งปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลุกเคลาใหเ ขากัน จนกระทั่งเหลา แทรกซึมเขาเนื้อของตวั ยา จากนน้ั
นําไปผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ตัวยามีสเี หลอื ง นาํ ออกจากเตา ตากใหแ หงในที่รม (ใช
เหลา เหลอื ง 12 กิโลกรมั ตอ ตวั ยา 100 กิโลกรมั )1,4
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่ีมคี ุณภาพดตี อ งเปน กิง่ ออน ดา นหนา ตดั สขี าวอมเหลือง แขง็ และเหนียว3,5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

ก่ิงหมอน รสขม สุขุม มีฤทธ์ิขับลม ทําใหเสนลมปราณคลองตัว ใชรักษาอาการปวดขอ เสน
เอ็น หรือกลามเน้ือ และมีฤทธ์ิคลายอาการขัดของขอตอ ใชแกอาการมือเทาเปนตะคริว1

ก่งิ หมอ นผัด มฤี ทธชิ์ วยใหเสน ลมปราณแขนขาไหลเวยี นดี สวนใหญใชรกั ษาอาการปวดเมื่อย
และชาตามหัวไหลแ ละแขน1,4

กิ่งหมอนผัดเหลา มีฤทธิ์แรงในการขับลมและระบายความช้ืน ชว ยใหเสนลมปราณไหลเวยี น
และระงับปวดไดดี ใชรกั ษาอาการปวดขอตอ แขนขาหดเกรง็ หรือชกั กระตกุ 4
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:

การแพทยแผนจีน ใช 9-15 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม1
ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ:

มรี ายงานการวจิ ยั วาสารสกดั กงิ่ ออ นหมอนมีฤทธ์ิยบั ย้งั เอนไซม tyrosinase และการสราง
melanin แตไมมีผลยับย้ังการสรา งเอนไซมห รอื ตอ gene expression ของเอนไซม สารสกดั นี้สามารถ
ลดการสรา ง melanin บนผวิ หนตู ะเภาทีไ่ ดร ับรงั สี UV ได โดยสารสาํ คญั ทีอ่ อกฤทธ์ิคือ 2,3’,4,5’-
tetrahydroxystilbene (2-oxyresveratrol) IC50 มีคาเทา กบั 0.23 กรมั /มิลลลิ ติ ร ผลการทดสอบความ
เปน พิษของสารสกดั พบวา ไมทาํ ใหเกิดพษิ เม่อื ทดสอบพิษเฉียบพลนั การระคายเคืองผวิ หนงั การกอใหเ กดิ
อาการแพ สาร 2-oxyresveratrol มฤี ทธ์ิยับยงั้ tyrosinase ไดแ รงกวา resveratrol (3,4’,5- trihydroxy-
stilbene) 150 เทา6

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแหง ประเทศไทย (เตม็ สมิตินันทน
ฉบับแกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากัด, 2544.

3. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมุนไพรไทย-จนี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2547.
4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. Lee KT, Lee KS, Jeong JH, et al. Inhibitory effects of Ramulus mori extracts on melanogenesis. J Cosmet Sci 2003,

54(2): 133-42.

Page 67

คมู อื การใชส มุนไพรไทย-จีน 57

กง่ิ อบเชยจีน : Guizhi (桂枝)

ก่งิ อบเชยจีน หรอื กุย จือ คอื กิง่ ออ นแหง ของพืชทีม่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Cinnamomum cassia
Presl วงศ Lauraceae1

2 เซนตเิ มตร

ก่งิ อบเชยจนี (Ramulus Cinnamomi)

ช่ือไทย: กิ่งอบเชยจีน2
ชื่อจีน: กยุ จอื (จีนกลาง), กุย กี (จีนแตจ ว๋ิ )1
ช่ืออังกฤษ: Cassia Twig1
ชื่อเครื่องยา: Ramulus Cinnamomi1
การเก็บเก่ียวและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกย่ี วกิ่งออ นในฤดใู บไมผ ลแิ ละฤดูรอ น แยกเอาใบออก ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวใน

1

สถานทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

การเตรียมตวั ยาพรอมใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วธิ ที ่ี 1 ก่งิ อบเชยจนี เตรียมโดยนาํ วัตถุดบิ สมุนไพรทีไ่ ด มาลางดวยนํ้าสะอาด แชน้าํ สักครู
เพื่อใหออนนุม หั่นเปน แวนหนา ๆ และนาํ ไปทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภูมิหอ ง1,3
วิธีท่ี 2 กิ่งอบเชยจีนผัดนา้ํ ผ้งึ เตรียมโดยนาํ น้ําผึ้งบริสุทธิ์มาเจือจางดวยน้ําตมในปริมาณที่
เหมาะสม ใสตวั ยาทไ่ี ดจ ากวิธีท่ี 1 แลว คลุกใหเ ขา กนั หมักไวส ักครูเพือ่ ใหนาํ้ ผงึ้ ซมึ เขาในตัวยา จากนั้น

นําไปผดั ในกระทะโดยใชร ะดับไฟปานกลาง ผดั จนกระทงั่ มสี เี หลอื งเขมและไมเ หนยี วติดมือ นาํ ออกจาก

Page 68

58 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

เตา แลว ตงั้ ทิง้ ไวใหเยน็ (ใชนาํ้ ผง้ึ บริสุทธ์ิ 15 กโิ ลกรมั ตอตัวยา 100 กิโลกรมั )3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาที่มคี ณุ ภาพดี หนา ตดั มีสขี าวอมเหลือง แข็ง เหนียว และเปราะ4
สรรพคุณตามตําราการแพทยแ ผนจีน:

กงิ่ อบเชยจีน รสเผ็ดอมหวาน อนุ มีฤทธิข์ บั เหง่อื ผอ นคลายกลา มเน้อื ใหค วามอบอุน ชวยให

เลือดหมุนเวยี น เสริมหยาง ปรบั ชี่ สรรพคุณแกหวัดจากการกระทบความเย็น แกปวดจากการกระทบ
ความเยน็ เลอื ดค่ัง ขับเสมหะ ความช้นื และของเหลวตกคาง แกใ จสนั่ หัวใจออน1

ก่งิ อบเชยจนี ผัดนํ้าผ้งึ รสเผ็ดจะลดลง มีฤทธิ์บาํ รงุ และใหความอบอุนแกส ว นกลางของรางกาย
(ตงั้ แตสะดอื ขนึ้ ไปถงึ ลิน้ ป ไดแก กระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ําดี และมาม) และมีฤทธ์สิ ลายความเยน็ ระงับ
ปวด ใชเปนยาบาํ รงุ สําหรับสตรหี ลังคลอดแลว รางกายออนแอ3
ขนาดท่ีใชและวธิ ใี ช:

การแพทยแ ผนจนี ใช 3-9 กรัม ตม เอานาํ้ ดมื่ 1
ขอหามใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง:

การแพทยแผนจีน ระมดั ระวังในการใชใ นผปู ว ยที่รอ นในมาก ตกเลอื ดงา ย1
ขอมูลวิชาการท่เี กยี่ วขอ ง:

1. สารสกัดนาํ้ มฤี ทธล์ิ ดไขแ ละระบายความรอนอยา งออ น ๆ ในหนูถบี จกั รและกระตาย เมอ่ื ใช
รว มกับหมาหวงจะเพ่มิ ฤทธิข์ บั เหงือ่ ของหมาหวงใหแ รงขนึ้ ในหนขู าว สารสกัดขนาดเทียบเทา ผงยา 0.01-
0.2 กรัม มีฤทธ์ิตานการแข็งตัวของเลอื ดในหลอดทดลอง สารสกดั นํ้ายงั มฤี ทธิต์ านเช้อื แบคทีเรยี และเชอ้ื
ไวรสั บางชนิด5

2. โดยทว่ั ไปกิ่งอบเชยจีนมกั ไมใชเดีย่ ว สวนใหญจะเปนสว นประกอบในตาํ รับยาตา ง ๆ เชน ยา

รักษาอาการไขหวัดจากการกระทบลมเย็นภายนอก โรคติดเช้ือระบบทางเดินหายใจในเด็ก อาการหอบ
เน่อื งจากหลอดลมอักเสบ เปน ตน6

3. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลันโดยฉีดสารสกัดน้ําท่ีมีสวนประกอบของนาํ้ มันหอมระเหยเขาชองทอง
หนถู ีบจักร พบวา ขนาดของสารสกัดทท่ี ําใหห นูถบี จกั รตายหมด ตายรอ ยละ 50 (LD50) และไมมตี ัวใด
ตาย เม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางวัน มีคาเทากับ 1,400, 624.7 และ 200 มลิ ลกิ รัม/กโิ ลกรมั ตามลําดับ
แตเม่อื ใหส ารสกัดในเวลากลางคนื มคี า เทากับ 1,600, 773.6 และ 400 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรมั ตามลาํ ดับ
แสดงใหเหน็ วา ชวงเวลาของวันมีผลตอการออกฤทธิ์ของสารสกดั 6

Page 69

คูมอื การใชสมนุ ไพรไทย-จนี 59

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมนมาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พคร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พมิ พอมรินทร, 2548.

3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
5. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica. Revised edition. Washington: Eastland Press,

1993.
6. Ma JK. Ramulus Cinnamomi: gui zhi. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study

of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.

Page 70

60 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

เกสรบวั หลวง : Lianxu (莲须)

เกสรบวั หลวง หรอื เหลยี นซู คอื เกสรตวั ผูที่ทาํ ใหแ หง ของพืชทมี่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรวา Nelumbo
nucifera Gaertn. วงศ Nymphaeaceae1

2 เซนติเมตร 1 เซนติเมตร

เกสรบัวหลวง (Stamen Nelumbinis)

ชอ่ื ไทย: เกสรบัวหลวง, เกสรบัว (ทั่วไป); เกสรสัตตบงกช, เกสรสัตตบษุ ย (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: เหลียนซู (จีนกลาง), โหนยชิว (จีนแตจ๋ิว)1
ช่ืออังกฤษ: Lotus Stamen1
ชื่อเคร่ืองยา: Stamen Nelumbinis1
การเก็บเกย่ี วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว:

เก็บดอกบัวที่บานเต็มที่ในวันที่ทองฟาแจมใสในฤดูรอน แยกเอาเฉพาะเกสรตัวผู คลุมดวย
กระดาษ ตากแดดหรือผ่ึงใหแหงในที่รม เกบ็ รกั ษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตัวยาพรอ มใช:

นําวตั ถุดบิ สมนุ ไพรมาคดั แยกเอาสง่ิ ปนปลอมออก รอ นเอาฝุนและเศษเล็ก ๆ ออก3,4
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาที่มีคุณภาพดี เกสรตองแหงและไมแตกหัก สีเหลืองออน เหนียวนุม มีนาํ้ หนักเบา3,4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

เกสรบัวหลวง มีสรรพคุณแกอาการฝนเปยก เลือดกําเดาไหล ประจําเดือนมามากกวาปกติ

Page 71

คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จีน 61

แกระดูขาว และแกอาการทองเสีย3
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:

เกสรบัวหลวง มีกล่ินหอม รสฝาด สรรพคุณเปนยาบํารุงหัวใจ ทําใหชุมชื่น บาํ รุงปอด บํารุง
ตับ บํารุงกําลัง คุมธาตุ แกลม บํารุงครรภ และแกไข3

ขนาดที่ใชและวิธีใช

การแพทยแผนจีน ใช 3-5 กรัม ตมเอานํ้าดื่มหรือบดเปนผงรับประทาน1

การแพทยแ ผนไทย ใชเ กสรบวั หลวงสดหรอื แหง ประมาณ 1 หยบิ มือชงกบั นาํ้ รอ น 1 แกว

(ประมาณ 240 มลิ ลลิ ติ ร) แชท ้ิงไว 10-15 นาที ด่มื ขณะทีย่ ังอนุ อยู วันละ 3-4 คร้ัง ๆ ละ 1 แกว หรอื

ใชเ กสรบวั หลวงแหง บดเปนผง รบั ประทานคร้ังละ 0.5-1 ชอ นชา 3

ชงนํา้ รอนดื่มแกลม

ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:

1. จากการศกึ ษาพษิ เฉียบพลันในหนถู ีบจกั รของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเกสรแหง พบวา

คา LD50 มีคามากกวา 10 กรัม/กิโลกรมั เมือ่ ใหโ ดยการปอนหรอื ฉดี เขาใตผ ิวหนัง5
2. สารสกัดน้ําจากเกสรบวั หลวงสามารถตานเชอ้ื Staphylococcus aureus ไดอ ยางออ น5

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่อื พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพมิ่ เติม พ.ศ. 2544). สํานกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากดั , 2544.

3. กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสุข. สมนุ ไพรไทย-จนี . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2547.
4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
5. บพิตร กลางกัลยา, นงลักษณ สขุ วาณชิ ยศ ิลป. รายงานผลการศกึ ษาโครงการการประเมนิ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา

จากสมนุ ไพร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท เอส อาร พร้นิ ตง้ิ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.

Page 72

62 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

โกฐขแ้ี มว: Dihuang (地黄)

โกฐขีแ้ มว หรือ ต้ีหวง คอื รากสดหรอื แหงของพืชทม่ี ชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า Rehmannia glutinosa
(Gaertn.) Libosch. วงศ Scrophulariaceae1

2 เซนตเิ มตร โกฐข้แี มวนง่ึ เหลา (Radix Rehmanniae2Pเrซeนpติเaมrตaรta)

โกฐขแ้ี มว (Radix Rehmanniae)

ช่ือไทย: โกฐขแี้ มว (ทัว่ ไป)2
ชื่อจีน: ต้ีหวง (จีนกลาง), ตี่อง๊ึ (จีนแตจ ว๋ิ )1
ชื่อองั กฤษ: Rehmannia Root1
ชอ่ื เคร่อื งยา: Radix Rehmanniae1
การเก็บเกยี่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังเก็บเกยี่ ว:

เก็บเกี่ยวรากในฤดใู บไมรว ง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก นาํ ไปปงไฟออน ๆ จนกระท่งั เน้อื

ในเปลย่ี นเปนสดี ําและเกือบแหง เก็บรักษาไวในที่มีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1

การเตรียมตัวยาพรอ มใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 5 วธิ ี ดังน้ี
วิธที ี่ 1 โกฐข้ีแมวสด เตรยี มโดยนาํ รากโกฐข้ีแมวสด มาแยกเอารากแขนงและดนิ ออก ลา งน้ํา

ใหส ะอาด กอนใชใหน าํ มาห่ันเปนชน้ิ หนา ๆ หรือคัน้ เอานํ้ามาใช3

วธิ ที ่ี 2 โกฐข้ีแมว เตรยี มโดยนาํ สมุนไพรที่ไดจากการเกบ็ เก่ยี วและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
มาลางนาํ้ ใหส ะอาด ใสภ าชนะปดฝาไวเพอ่ื ใหออ นนมุ ห่นั เปน ชิ้นหนา ๆ และนําไปทาํ ใหแ หง 1,3

วิธีที่ 3 โกฐขี้แมวน่ึงเหลา เตรียมโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 เติมเหลาเหลืองหรือเหลาขาว

คลกุ เคลาใหเ ขากัน แลวใสใ นหมอน่ึงท่ีมฝี าปด มิดชิด นึง่ จนกระทัง่ เหลาแทรกซมึ เขา ในเนือ้ ตวั ยา สังเกต

Page 73

คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จีน 63

ไดจ ากสีของสมนุ ไพรจะเปล่ียนเปน สีดาํ เขมมาก เปน มัน และมีรสออกหวาน หลงั จากนั้นนาํ ไปตากแดด
จนกระท่งั ผิวนอกคอนขา งแหง ไมเ หนยี วตดิ มือ หั่นเปนชิ้นหนา ๆ แลวนาํ ไปทาํ ใหแ หง (ใชเหลา เหลอื ง
หรอื เหลาขาว 30 กิโลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรัม)1,3,4

นอกจากการนึ่งเหลา แลว โกฐข้ีแมวยงั สามารถนึ่งโดยไมต อ งใชสารปรงุ แตง เตรียมโดยนาํ ตวั ยา
ทีไ่ ดจากวิธีท่ี 1 มาใสใ นภาชนะน่งึ ทีม่ ีฝาปด มิดชิด นึง่ จนกระทงั่ ตัวยาดา นนอกและเนอื้ ในมีสดี าํ นําออก
จากเตา และนําไปทาํ ใหแ หง ประมาณ 80% ห่ันเปนชนิ้ หนา ๆ แลวนาํ ไปทาํ ใหแ หง1,3

วิธีที่ 4 โกฐข้ีแมวถาน เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีท่ี 2 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง ผัด

3

จนกระทัง่ ผิวนอกของตวั ยามีสดี าํ เกรยี มและพองตวั นําออกจากเตา ต้ังท้งิ ไวใหเ ย็น
วิธที ่ี 5 โกฐข้ีแมวน่ึงเหลา ถา น เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 3 ใสกระทะ ผัดโดยใชไฟแรง

ผัดจนกระทงั่ ผวิ นอกของตวั ยามสี ดี ําเกรยี มและพองตวั นาํ ออกจากเตา ต้ังทิง้ ไวใ หเ ย็น3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่มี ีคณุ ภาพดจี ะตองมนี าํ้ หนัก ออ นนุม ชุมช้นื เปน มัน ดา นหนาตัดสดี าํ และมรี สหวาน5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน:

โกฐขแี้ มวสด รสอมหวาน ขม เยน็ มีฤทธ์ริ ะบายความรอ น เสริมธาตุน้าํ ทําใหเลอื ดเยน็ และ
หามเลอื ด รักษาโรคทีม่ อี าการยินพรองทาํ ใหล น้ิ แดง กระหายน้ํา เปนจาํ้ เลอื ด และอาเจยี นเปนเลือด3

โกฐขแี้ มว รสอมหวาน ขม เย็น มีฤทธ์ิระบายความรอน ทําใหเลือดเย็น รกั ษาโรคท่ีความรอ นเขา
กระแสเลือด (เชน ปากแหง ลนิ้ แดง) เลือดรอ นและออกนอกระบบ (เชน ตกเลือด จํา้ เลือด อาเจียนเปน
เลอื ด เลอื ดกาํ เดาไหล) มีฤทธเิ์ สรมิ ยินและธาตนุ ํ้า รกั ษาโรคที่เสียธาตนุ ํ้า (รอ นใน กระหายนาํ้ คอแหง)6

โกฐขี้แมวน่ึงเหลา มรี สอมหวาน อนุ เล็กนอย มฤี ทธิ์บาํ รงุ เลอื ด เสริมยิน รกั ษาโรคทเี่ ลอื ดพรอ ง
(ซดี เหลือง วงิ เวยี น นอนไมห ลบั ประจําเดือนไมป กติ ตกเลือด) ยินของไตพรอง (เหง่ือออกตอนหลับ
ฝนเปยก กระหายนาํ้ ) และมฤี ทธิ์บาํ รงุ ธาตนุ า้ํ และไขกระดกู รกั ษาโรคทธ่ี าตุนํา้ และเลือดของตบั และไตพรอง
(เอวและเขา ปวดเม่ือยออ นแรง วงิ เวยี น หอู ือ้ หนวดและผมขาวกอ นวยั )3,6

โกฐขีแ้ มวถา น จะชว ยใหต วั ยาเขา สรู ะบบเลอื ด มีฤทธิท์ ําใหเลอื ดเยน็ และหา มเลอื ด เหมาะสาํ หรบั
ผปู วยท่ีมีอาการอาเจยี นเปนเลือด เลอื ดกําเดาไหล ปส สาวะมีเลอื ดปน และประจาํ เดอื นมามากผดิ ปกต3ิ

โกฐขแ้ี มวนง่ึ เหลา ถา น มฤี ทธบิ์ ํารุงเลอื ดและหา มเลือดเปน หลัก เหมาะสําหรับสตรีท่ีประจาํ เดอื น
มามากผดิ ปกติ3

Page 74

64 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

ขนาดท่ใี ชและวธิ ใี ช:
การแพทยแผนจีน ใชข นาด 9-15 กรัม ตม เอานํา้ ด่มื 1

ขอหามใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคยี ง:

ควรระมดั ระวงั ในการใชในผปู วยทีม่ ภี าวะกระเพาะและมามเย็นพรอ ง ถายเหลว การรบั ประทาน

โกฐข้ีแมวในปริมาณสูง อาจทําใหผูปวยบางรายเกิดอาการปวดทอง ทองเสีย วงิ เวียนศรี ษะ ออ นเพลยี
และใจสั่น หากรับประทานยาไประยะหนง่ึ อาการดงั กลา วจะคอ ย ๆ ลดลง (การแพทยแผนจีน)6
ขอ มูลวชิ าการทีเ่ ก่ยี วของ:

1 สารสกัดนํ้าโกฐขแ้ี มวมีฤทธย์ิ ับย้งั การลดลงของคอรท โิ คสเตอโรน (corticosterone) ในซรี ัม
ของกระตา ยเมอ่ื ฉีดยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) และปอ งกนั เนือ้ ตอมหมวกไตฝอ นอกจากน้ี

สารสกัดนํา้ ยงั มฤี ทธ์ิชะลอความแกแ ละเสริมภูมคิ ุมกนั ในหนูขาว เพ่ิมการไหลเวยี นของเลอื ดไปเลีย้ งหัวใจ
ในหนูถบี จกั ร และตา นเชอ้ื Staphylococcus aureus หรือ Escherichia coli ในหลอดทดลอง6,7

2 เมื่อใหผูปวยโรคไขขออักเสบรับประทานโกฐขี้แมว ขนาด 60-90 กรัม พบวามีผลเพิ่มภูมิ

6

ตานทาน บรรเทาอาการปวด ลดบวม และแกโ รคผวิ หนงั
3. เมือ่ นาํ โกฐข้ีแมวไปนง่ึ กับเหลา จะทาํ ใหสารกลมุ อริ ดิ อยดไ กลโคไซด (iridoid glycosides)

แตกตัวเปน อิริดอยดและนํา้ ตาลเชิงซอน ซง่ึ นา้ํ ตาลเชิงซอ นบางสวนจะแตกตัวตอ ไปเปน นาํ้ ตาลเชิงเด่ยี ว
ทําใหป รมิ าณนาํ้ ตาลเชงิ เดย่ี วในโกฐขแี้ มวนง่ึ เหลา สงู กวา โกฐขแ้ี มว 2 เทา นอกจากน้โี กฐขแี้ มวนง่ึ เหลา จะมี
ปริมาณกรดอะมิโนลดลง แตป รมิ าณแรธ าตแุ ละสารสาํ คญั ในสมุนไพรไมแ ตกตา งกัน6 มีรายงานวา เม่อื

รับประทานโกฐขี้แมวนึง่ เหลา อาจทาํ ใหเกิดอาการขา งเคียงเล็กนอ ย เชน ทองเสยี ปวดทอง วงิ เวียนศรี ษะ
ออ นเพลยี เปน ตน แตอาการดังกลาวจะหายไปเมอ่ื รบั ประทานยาอยา งตอเน่อื ง8

4. สารสกัดนํา้ ในขนาด 25.0 ไมโครลติ ร/มิลลิลิตร แสดงฤทธ์ิตานเช้ือไวรัส hepatitis B ใน
เซลลเ พาะเล้ียง และสารสกัด 80% เมทานอลในขนาด 1.0 มิลลิกรัม/มิลลลิ ติ ร สามารถปกปอ งตับของ
หนูขาวจากสารพิษ carbontetrachloride ได9

5. สารสกดั น้ํา (สกดั โดยไมใ ชค วามรอ น) หรอื สารสกดั เมทานอลเมอื่ ใหทางกระเพาะอาหารหนู
ขาวในขนาด 111.5 หรอื 200.0 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรมั แสดงฤทธลิ์ ดนํ้าตาลในเลอื ดในสัตวท ดลองทถ่ี กู ทําใหเปน
เบาหวานจาก streptozocin อยา งไรก็ตามสารสกัดนํา้ ท่ีสกดั โดยวิธใี ชค วามรอน เมื่อใหท างปากหนูขาวท่ถี กู
ทําใหเปนเบาหวานในขนาด 1.6-2.0 กรมั /กโิ ลกรมั ทกุ วัน ติดตอ กนั นาน 8 วนั ไมแ สดงฤทธ์ิดังกลาว
แสดงใหเ หน็ วาสารสาํ คญั ทีแ่ สดงฤทธิล์ ดน้าํ ตาลในเลอื ดเปน สารท่ไี มทนความรอน9

Page 75

คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 65

6. เมื่อใหสารสกดั นา้ํ ทางกระเพาะอาหารหนูถบี จักรในขนาด 60 กรัม/กโิ ลกรัม วันละครงั้
ตดิ ตอกันนาน 3 วนั ไมพบอาการผดิ ปกติใด ๆ และไมมสี ตั วท ดลองตวั ใดตาย และเมื่อใหสารสกดั
ดังกลาวในขนาด 18 กรัม/กโิ ลกรัม วนั ละคร้ัง ติดตอกนั นาน 45 วนั ไมท ําใหเ กิดการเปล่ยี นแปลงของ
นา้ํ หนกั ตัวและเอนไซมข องตับ เมอื่ ใหสารสกดั 90% เมทานอลทางกระเพาะอาหารหนถู บี จกั รในขนาด
600.0 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม วนั ละครง้ั ติดตอ กนั นาน 4 วนั ไมพ บอาการพษิ ใด ๆ และไมทาํ ใหน าํ้ หนักตวั
ลดลง นอกจากนี้ยงั พบวาขนาดของสารสกัด 70% เมทานอลท่ที ําใหหนถู ีบจักรตายรอยละ 50 (LD50)
เม่อื ใหโ ดยการปอ นมีคามากกวา 2.0 กรัม/กโิ ลกรัม9

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชือ่ พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบบั แกไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544.

3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.

Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. Hou JY. Radix Rehmanniae: di huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study

of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
7. มานพ เลิศสุทธิรักษ, ผจงจิต เลิศสุทธริ กั ษ (คณะบรรณาธกิ าร). ยาสมุนไพรจีน. [เอกสารประกอบการฝก อบรมหลักสูตรยาและ

สมุนไพรจนี วันท่ี 12-24 มิถนุ ายน 2547]. สถาบนั การแพทยไทย-จนี เอเชียตะวันออกเฉียงใต กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและ
การแพทยท างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : รานพุม ทอง, 2547.
8. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993.
9. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Volume 3. Geneva: World Health
Organization, 2002.

Page 76

66 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

โกฐเขมา: Cangzhu (苍术)

โกฐเขมา หรอื ชงั จู คือ เหงา แหงของพชื ที่มชี อื่ วทิ ยาศาสตรว า Atractylodes lancea (Thunb.)
DC. หรือ A. chinensis (DC.) Koidz. วงศ Compositae1

2 เซนตเิ มตร 1 เซนตเิ มตร

โกฐเขมา (Rhizoma Atractylodis)

ช่ือไทย: โกฐเขมา (กรุงเทพฯ)2,3
ชื่อจีน: ชงั จู (จีนกลาง), ชังตกุ (จีนแตจ ว๋ิ )1
ช่ืออังกฤษ: Atractylodes Rhizome1
ช่ือเคร่ืองยา: Rhizoma Atractylodis1
การเก็บเก่ยี วและการปฏิบตั หิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว:

เกบ็ เก่ียวเหงาในฤดูใบไมผ ลแิ ละฤดใู บไมร ว ง แยกเอาดนิ และทรายออก ตากแดดใหแ หง แลว

ตัดรากฝอยทิ้ง เก็บรกั ษาไวใ นท่ีมอี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1

การเตรียมตัวยาพรอมใช:
การเตรียมตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดังน้ี
วิธีที่ 1 โกฐเขมา เตรียมโดยนําวตั ถดุ บิ สมนุ ไพรทไ่ี ดม าแชน ํา้ สกั ครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใสภ าชนะ

ปดฝาไวเ พื่อใหอ อ นนุม หัน่ เปน แวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง1,4

วธิ ีท่ี 2 โกฐเขมาผดั รําขา วสาลี เตรียมโดยนําราํ ขาวสาลใี สล งในภาชนะที่เหมาะสม ใหค วามรอ น
โดยใชร ะดับไฟปานกลางจนกระท่ังมคี วันออกมา ใสต ัวยาทไี่ ดจากวธิ ีที่ 1 ลงไป คนอยางรวดเรว็ จนกระทง่ั
ผวิ ของตวั ยาเปน สเี หลืองเขม นาํ ออกจากเตา แลวรอ นเอารําขาวสาลอี อก ตัง้ ทงิ้ ไวใ หเ ย็น4

Page 77

คมู ือการใชส มุนไพรไทย-จนี 67

วธิ ที ี่ 3 โกฐเขมาผัดเกรยี ม เตรยี มโดยนําตวั ยาท่ีไดจากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไ ฟระดับ

ปานกลาง ผดั จนกระทง่ั ผวิ นอกของตวั ยามสี ีนา้ํ ตาลไหม พรมน้ําเลก็ นอ ย แลว ผดั ตอ โดยใชไฟออน ๆ
ผัดจนตวั ยาแหง นําออกจากเตา ตง้ั ทง้ิ ไวใ หเ ยน็ แลว รอ นเอาเศษเล็ก ๆ ออก4
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาทีม่ คี ณุ ภาพดี ตองมคี ณุ สมบตั ิแข็งและเหนียว หนาตดั มจี ดุ สีแดงจํานวนมาก (สแี ดงเหมอื น
สารซินนาบาร cinnabar) มกี ลิ่นหอมมาก5
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

โกฐเขมา รสเผด็ ขม อนุ มีฤทธ์ิขบั ความชน้ื เสรมิ ระบบการยอยอาหาร สรรพคุณแกความชื้น
กระทบสว นกลาง (จุกเสยี ด อึดอัดลน้ิ ป อาเจยี น เบื่ออาหาร ทองเสยี ) และมีฤทธิ์ขบั ลมและความชนื้ แก
ปวดขอและกลา มเนือ้ บรรเทาอาการไขหวัดจากลมเย็นหรือความช้นื (จบั ไข หนาว ๆ รอ น ๆ ปวดศรี ษะ
ปวดเมื่อยตัว)1,6

โกฐเขมาผัดราํ ขา วสาลี รสเผด็ จะลดลง แตค ุณสมบัติแหงจะนมุ นวลขน้ึ และมีกลิน่ หอม เพมิ่

ฤทธชิ์ วยใหก ารทํางานของมามและกระเพาะอาหารดีขึ้น ใชร กั ษาอาการของมามและกระเพาะอาหารทาํ งานไม
สมั พันธกัน (กระเพาะอาหารทําหนา ทยี่ อยอาหารจนไดสารจาํ เปน สวนมา มทําหนา ท่ลี ําเลยี งสารจาํ เปนน้ี
ไปใชทว่ั รา งกาย) แกเสมหะเหนียวหนืด แกต อหนิ แกต าบอดกลางคืน4

โกฐเขมาผดั เกรยี ม รสเผ็ดและคุณสมบตั แิ หง จะลดลงมาก มฤี ทธชิ์ ว ยใหก ารทาํ งานของลําไส
แข็งแรง แกทองเสียเปนหลัก ใชร ักษาอาการทองเสียเนือ่ งจากมา มพรอง โรคบิดเรอ้ื รัง4
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:

โกฐเขมา มีกล่ินหอม รสรอน ใชเปนยาบํารุงธาตุ แกโรคเขาขอ แกโรคในปาก เปนยาเจริญ

อาหาร ยาขับปสสาวะ แกโรคในปากในคอ ระงับอาการหอบ แกหวัดคัดจมูก แกไข แกเหงื่อออกมาก
และแกไขรากสาดเร้ือรัง6
ขนาดท่ีใชและวิธีใช:

การแพทยแผนจีน ใชขนาด 3-9 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม1
ขอมูลวิชาการท่ีเกี่ยวของ:

1. สารสกัดน้าํ มีฤทธิ์กระตุนระบบภูมคิ ุมกนั ในหนูทที่ าํ ใหติดเชือ้ Candida albicans ทําให
หนมู ชี วี ติ รอดมากขึ้น และสารสกัดดงั กลา วมฤี ทธิท์ าํ ใหอาหารอยูในกระเพาะนานขน้ึ 7,8

Page 78

68 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

2. สาร β-eudesmol มีฤทธิต์ านปวดในหนทู ดลอง และพบวา มผี ลตอ กลามเนื้อของหนูท่ีเปน
เบาหวานมากกวา หนปู กต9ิ ,10

3. จากการศกึ ษาพิษเฉยี บพลนั ในหนูถบี จักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอลจ ากเหงา โกฐเขมา
พบวา คา LD50 มคี า มากกวา 10 กรัม/กโิ ลกรัม เม่อื ใหโดยการปอนหรอื ฉดี เขา ใตผิวหนงั 11 น้ํามนั หอม
ระเหยเปน พษิ ตอหนถู บี จักรเมือ่ ฉีดเขาใตผวิ หนัง12 ขนาดของสารสกัดดวยนํา้ รอ นทีท่ าํ ใหหนูถีบจกั รหรือ
หนขู าวตายคร่ึงหนึ่งของจาํ นวนทง้ั หมดมคี า เทากับ 15 กรัม/กโิ ลกรมั เมือ่ ใหกนิ 13

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย (เตม็ สมิตินนั ทน
ฉบับแกไขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั , 2544.

3. ชยันต พเิ ชยี รสุนทร, แมน มาส ชวลติ , วเิ ชียร จีรวงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร :
สํานักพมิ พอมรินทร, 2548.

4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. เยน็ จิตร เตชะดํารงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน

พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.
7. Inagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, Ishibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S. Acidic

polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-Infected mice. Planta Med
2001; 67(5): 428-31.
8. Nakai Y, Kido T, Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara I, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes
lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003; 84(1): 51-5.
9. Kimura M, Diwan PV, Yanagi S, Kon-No Y, Nojima H, Kimura I. Potentiating effect of β-eudesmol-related
cyclohexylidene derivatives on succinylcholine-induced neuromuscular block in isolated phrenic nerve-diaphragm
muscles of normal and alloxan-diabetic mice. Biol Pharm Bull 1995; 18(3): 407-10.
10. Kimura M, Kimura I, Moroi M, Tanaka K, Nojima H, Uwano T. Different modes of potentiation by beta-eudesmol, a
main compound from Atractylodes lancea, depending on neuromuscular blocking actions of p-phenylene-
polymethylene bis-ammonium derivatives in isolated phrenic nerve-diaphragm muscles of normal and alloxan-
diabetic mice. Jpn J Pharmacol 1992; 60(1): 19-24.
11. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศกึ ษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธํารง, ทรงพล
ชวี ะพัฒน, เอมมนัส อัตตวิชญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวจิ ัยดานพษิ วิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เลม 1. พิมพคร้ังท่ี 1.
กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546.
12. Kim S. The pharmacological action of the essential oils from Atractylis ovata Thunb. Acta Med Keijo 1928; 11:83-
104.
13. Aburada M, Takeda S, Ito E, Nakamura M, Hosoya E. Protective effects of juzentaihoto, dried decoction of 10
Chinese herbs mixture, upon the adverse effects of mitomycin C in mice. J Pharmacobio Dyn 1983; 6(12): 1000-4.

Page 79

คูมือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 69

โกฐจฬุ าลําพา: Qinghao (青蒿)

โกฐจุฬาลําพา หรือ ชิงเฮา คือ สวนเหนือดินแหงของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตรวา Artemisia
annua L. วงศ Compositae1

โกฐจุฬาลาํ พา (Herba Artemisia3eเซAนตnิเnมuตรae)

ชื่อไทย: โกฐจุฬาลําพา (ภาคกลาง)2,3
ช่ือจีน: ชิงเฮา (จีนกลาง), แชเฮา (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Sweet Wormwood Herb1
ชื่อเครื่องยา: Herba Artemisiae Annuae1
การเก็บเก่ยี วและการปฏบิ ัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกี่ยวสวนเหนือดินในระยะออกดอก คัดแยกเอาลาํ ตนแกทิ้ง ทําใหแหงในที่รม เก็บรักษา

1

ไวในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี
การเตรียมตัวยาพรอมใช:

นาํ สมุนไพรวตั ถดุ บิ มาพรมนํา้ ทิง้ ไวสกั ครู เพอ่ื ใหอ อ นนุม หั่นเปนทอน ๆ ขนาดพอเหมาะ และ
นําไปตากแหง 1
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีสีเขียว มีปริมาณใบมาก กล่ินหอมฉุน4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

โกฐจุฬาลําพา รสเผด็ ขม เย็น มฤี ทธร์ิ ะบายความรอนพรอ ง (รอนใน) ใชแ กไ ขจ ากยินถกู กระทบ

Page 80

70 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

(รอนตอนกลางคืน ชวงเชา ไขล ด ไขเ ซื่องซึม) แกไขเร้ือรงั เน่ืองจากยินพรอง (ตวั รอ น ไขเ รอ้ื รงั ผอมแหง
5
มีไขต อนบาย) แกไ ขจ ากกระทบความรอนอบอา วระอุ (ปวดศรี ษะ ตวั รอน คอแหง)
และแกไ ขมาลาเรีย

สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:

โกฐจุฬาลาํ พา รสสุขมุ หอม รอ น ใชแ กไ ขเ จรยี ง (ไขจับวนั เวนวนั เปนไขจ บั ส่ันประเภทหนึง่ )

แกไขเพ่ือเสมหะ แกหืด แกไอ เปนยาขับเหง่ือ5

ขนาดท่ีใชและวิธีใช:

การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-12 กรัม ตมเอานาํ้ ดื่ม1

ขอมูลวิชาการท่ีเก่ียวของ:

1. สาร artemisinin และอนุพนั ธ จะถกู เปลยี่ นแปลงในรา งกายเปน dihydro-artemisinin ที่

มฤี ทธิ์ตา นเชื้อมาลาเรยี โดยออกฤทธิ์ฆาเชือ้ มาลาเรยี ในระยะทเี่ ปน blood schizont สารกลุม นอี้ อกฤทธ์ิ
ตอเชือ้ Plasmodium ทกุ species ทั้งทด่ี ้อื และไมด อื้ ตอยาคลอโรควิน6 สารสกัดตน โกฐจุฬาลาํ พาดวย
แอลกอฮอลม ีพษิ ตอหนถู บี จักรเมอ่ื ฉดี เขาทางชองทองหนถู ีบจกั รในขนาด 400 มิลลกิ รัม/กโิ ลกรมั 7

ในปจ จบุ นั สารกลมุ นไี้ ดมีการศกึ ษาอยางกวา งขวาง ทั้งในสัตวทดลองและการทดลองทางคลินิก

ทัง้ สร่ี ะยะ จนไดร ับการอนุมัติจากองคก ารอาหารและยาของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยใหใ ชร กั ษา

โรคมาลาเรียท่ีเกดิ จากเชอ้ื Plasmodium falciparum ท่ดี อื้ ตอยาคลอโรควิน ซึ่งพบมากในประเทศไทย6
2. มรี ายงานการศึกษาพิษเฉียบพลนั ของสารสกัดหยาบจากตนโกฐจฬุ าลําพาในหนถู ีบจกั ร เม่ือ

ใหสารทางชองทอ งหรอื ใหทางปาก พบวา คา LD50 มากกวา 5 กรมั /กโิ ลกรมั เมื่อใหทางปาก และ 0.8485
กรัม/กิโลกรัม เม่ือใหท างชองทอ ง ในหนถู ีบจกั รทั้งสองเพศ6

การให artemether ฉดี เขา กลา มเน้อื ทคี่ วามเขมขน 25 มิลลกิ รัม/กิโลกรมั /วนั ในหนขู าว ทาํ
ใหพ ยาธิสภาพตอ brainstem โดยพบวา auditory nuclei ถูกทาํ ลาย6

มกี ารศกึ ษา teratogenic effect ในหนู เมอื่ ให artemisinin ในขนาด 1/200-1/400 ของคา
LD50 โดยใหห ลงั gestation 6 วัน พบวายานที้ าํ ใหเกดิ foetal resorption6

แตเมอื่ นาํ มาใชกบั คน มรี ายงานการเกิดอาการขางเคียงนอ ยมาก และเปน อาการขางเคยี งทไ่ี ม

รนุ แรง อาการทพี่ บคอื มไี ข คลื่นไส อาการที่พบนอยคอื เมด็ เลอื ดแดงลดลง มกี ารเปล่ียนแปลงของ
คลืน่ ไฟฟา หัวใจ (EKG) คอื หัวใจเตนชาลง6

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

Page 81

คูมอื การใชสมุนไพรไทย-จีน 71

2. ลีนา ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแ หงประเทศไทย (เตม็ สมติ ินันทน
ฉบบั แกไ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จาํ กัด, 2544.

3. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชียร จีรวงศ. คาํ อธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พครั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร:
สํานกั พมิ พอมรนิ ทร, 2548.

4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.

5. เย็นจติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพฒั นาสมนุ ไพรแบบบูรณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานักงานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน
พระบรมราชปู ถัมภ, 2550.

6. บพิตร กลางกลั ยา, นงลักษณ สขุ วาณิชยศิลป. รายงานผลการศึกษาโครงการการประเมนิ ประสิทธภิ าพและความปลอดภัยของยา
จากสมุนไพร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอส อาร พรน้ิ ติ้ง แมสโปรดกั ส จาํ กดั , 2544.

7. Fransworth NR, Henry LK, Svoboda GH, Blomster RN, Yates MJ, Euler KL. Biological and phytochemical
evaluation of plants. I. Biological test procedures and results from 200 accessions. Lloydia 1966; 29: 101-22.

Page 82

72 กรมพัฒนาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

โกฐเชียง: Danggui (当归)

โกฐเชยี ง หรือ ตังกยุ คือ รากแหง ของพืชท่มี ชี อ่ื วิทยาศาสตรว า Angelica sinensis (Oliv.)
Diels วงศ Umbelliferae1

5 เซนติเมตร

ตังกยุ เซนิ (Radix Angelicae Sinensis) 2 เซนติเมตร

โกฐเชียง หรือ ตังกุยเหวย (Radix Angelicae Sinensis)

2 เซนตเิ มตร 2 เซนตเิ มตร

ตังกุยโถว (Radix Angelicae Sinensis)

ชอื่ ไทย: โกฐเชยี ง (ภาคกลาง)2-4
ชื่อจีน: ตังกยุ (จีนกลาง, จีนแตจ ว๋ิ )1
ชือ่ องั กฤษ: Chinese Angelica1
ชอ่ื เครอ่ื งยา: Radix Angelicae Sinensis1
การเกบ็ เกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลงั การเกบ็ เกี่ยว:

เก็บเก่ียวรากปลายฤดใู บไมรวง แยกเอารากแขนงและดนิ ออก ทําใหแ หงหมาด ๆ มัดเปนมัดเล็ก ๆ
วางไวบนชน้ั แลว รมควนั ใหแหง เก็บรักษาไวในท่ีมีอากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1

Page 83

คูมอื การใชสมุนไพรไทย-จนี 73

การเตรียมตัวยาพรอ มใช:
การเตรยี มตัวยาพรอ มใชม ี 7 วธิ ี ดังนี้
วิธที ี่ 1 ตังกยุ (ทงั้ ราก หรือ ทุกสวน) เตรียมโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรทไี่ ด มาลา งนํ้าใหส ะอาด

ใสภ าชนะปดฝาไวเพอื่ ใหอ อ นนมุ ฝานเปนแผน บาง ๆ และนาํ ไปทําใหแหง โดยใชอณุ หภูมิตํ่า1,5
วิธที ี่ 2 ตงั กยุ โถว (สวนหวั หรอื สว นเหงาอวบสัน้ ท่ีอยตู อนบนสดุ ) เตรยี มโดยนาํ วัตถดุ ิบสมนุ ไพร

ที่ได มาลา งน้ําใหสะอาด ใสภ าชนะปดฝาไวเ พอ่ื ใหออ นนุม แลว ตดั เอาเฉพาะสว นหัวมาฝานเปน แผนบาง ๆ
ประมาณ 4-6 แผน ตอหัว (หรอื อาจฝานตามยาวเปนแผน บาง ๆ) นําไปทําใหแ หง โดยใชอ ณุ หภูมิตาํ่ 5

วธิ ีที่ 3 ตงั กยุ เซนิ หรอื อาจเรยี กวา ตงั กุย (สวนรากแกวหลกั ) เตรยี มโดยนําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพร

ทีไ่ ด มาลา งนํา้ ใหสะอาด ใสภ าชนะปด ฝาไวเ พอ่ื ใหอ อนนุม ปอกเอาเปลอื กรากทิ้ง เอาเฉพาะสวนรากแกว
หลัก นํามาฝานเปนแผนบาง ๆ นาํ ไปทาํ ใหแ หงโดยใชอ ณุ หภูมติ า่ํ 5

วธิ ที ่ี 4 โกฐเชยี ง หรอื ตงั กยุ เหวย (สวนหาง หรอื สว นรากฝอย) เตรยี มโดยนาํ วตั ถุดบิ สมนุ ไพร

ทไ่ี ด มาลางน้ําใหส ะอาด ใสภาชนะปดฝาไวเพอื่ ใหอ อ นนุม แยกเอาเฉพาะสวนรากฝอย ฝานเปนแผน และ
นําไปทาํ ใหแ หง โดยใชอ ุณหภูมิตํา่ 5

วธิ ที ี่ 5 ตงั กยุ ผดั เหลา เตรียมโดยนําตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 3 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติมเหลา

เหลอื งปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลา ใหเขากนั จนกระท่ังเหลา แทรกซึมเขา ไปในเน้ือตัวยา จากนั้นนาํ ไป
ผดั โดยใชไ ฟระดบั ปานกลาง ผัดจนกระทงั่ ตวั ยามีสีเหลอื งเขม นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทีร่ ม (ใช
เหลาเหลือง 10 กิโลกรัม ตอตัวยา 100 กโิ ลกรมั )5

วิธที ี่ 6 ตงั กุยผัดดนิ (เปน ดนิ ทอ่ี ยใู นเตาเผาไฟเปนระยะเวลานานมาก มักมฤี ทธิ์เปน ดา งออ น คน
จนี เรยี กดนิ ชนดิ นี้วา ฝูหลงกาน) เตรยี มโดยนําดนิ ใสใ นภาชนะท่เี หมาะสม ผัดจนกระทงั่ ดินรอน ใสตัวยาที่
ไดจากวิธีท่ี 3 ลงไป ผัดจนกระทั่งดินเกาะติดตัวยาจนท่ัว นําออกจากเตา รอ นเอาดินออก นําตัวยาท่ีได
ไปวางแผออก ตง้ั ทง้ิ ไวใ หเ ย็น (ใชด ินฝูหลงกาน 30 กโิ ลกรมั ตอ ตัวยา 100 กิโลกรมั )5

วธิ ที ่ี 7 ตงั กยุ ถา น เตรียมโดยนาํ ตวั ยาทไ่ี ดจากวธิ ที ี่ 3 ใสก ระทะ ผดั โดยใชไฟระดบั ปานกลาง
ผัดจนกระทั่งผิวนอกของตวั ยามีสีดําจาง ๆ นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทรี่ ม5
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่มี คี ุณภาพดี ผิวนอกตอ งมสี นี ้ําตาลเหลอื ง ชุมชืน้ เปนมนั ดานหนาตัดสขี าวอมเหลอื ง และ

6

มีกลนิ่ หอมกรนุ
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:

ตงั กุย มีรสเผด็ อมหวาน อุน มีฤทธ์บิ าํ รุงเลือด ทาํ ใหเ ลอื ดหมนุ เวียน รกั ษาโรคทเี่ ลือดในระบบ

Page 84

74 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

หัวใจและตับพรอง (มีอาการหนาซีดเหลือง วิงเวียน ใจส่ัน) การไหลเวียนของเลือดติดขัด (มีอาการ
ประจําเดือนไมปกติ ปวดประจําเดือน ประจําเดอื นไมมา) เลือดพรอ งตาง ๆ เชน การไหลเวยี นของเลือด
ติดขัดและมีความเย็นจับ (มีอาการเลือดคงั่ ฟกชํ้า ชํา้ ใน ปวดไขขอ ไขขออกั เสบ) ใหค วามชมุ ช้ืนกับลําไส
(ลําไสแ หง รอ น ทอ งผูก) และมีฤทธิร์ ะงับปวด รักษาโรคแผลฝหนอง ลดอาการบวม แกป วด เปนตน7

นอกจากนี้แพทยแผนจนี นยิ มใชใ นตํารบั ยาเกย่ี วกบั โรคทางนรีเวช เชน ใชเปนยาขับระดู แกรกตี

ขึ้น ขบั รกและแกไ ขใ นเรอื นไฟ ยาเกยี่ วกบั อาการเลือดออกทกุ ชนดิ แกห วัด แกทอ งขนึ้ ทอ งเฟอ ตกมกู
เลือด4

ตงั กุยโถว มีสรรพคณุ บํารงุ เลือด4
โกฐเชยี ง หรอื ตังกยุ เหวย มสี รรพคุณชว ยใหก ารไหลเวยี นของเลือดไมตดิ ขัด4

ตังกุยผดั เหลา จะชวยเพิม่ ฤทธิก์ ารไหลเวยี นของเลือดดีข้นึ เหมาะสําหรับผปู ว ยทม่ี ีอาการเลือด
พรอ ง เลอื ดไหลเวยี นไมส ะดวก สตรปี ระจาํ เดือนไมปกติ โรคปวดไขขอ และไขขออักเสบ7

ตงั กุยผดั ดนิ (ดนิ ฝหู ลงกาน) จะชวยใหต ัวยาเขา สมู ามไดด ีข้ึนโดยมฤี ทธิบ์ ํารงุ เลอื ด เหมาะสําหรับ

5

ผูปวยที่มีอาการเลือดพรอ งถา ยเหลว ปวดทอ ง

ตงั กยุ ถา น มฤี ทธ์ิหามเลือดและบํารุงเลือด เหมาะสําหรับผูปวยทมี่ ีอาการตกเลือดจากมดลกู และ
สตรปี ระจาํ เดอื นมามากผดิ ปกติ5
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:

โกฐเชียง (สว นรากฝอย) มกี ลนิ่ หอม รสหวานขม สรรพคณุ แกไ ข แกสะอกึ แกไ อ แกเสยี ด

8

แทงสองราวขาง
ขนาดทใ่ี ชแ ละวธิ ีใช:

การแพทยแผนจีน ใชขนาด 6-12 กรมั ตมเอาน้ําด่มื 1
ขอ หามใช ขอ ควรระวงั และอาการขา งเคยี ง:

สตรมี คี รรภห รือใหน มบุตร หรือผทู ่รี ะบบขบั ถา ยไมดี ทอ งเสียบอย รอ นใน อาเจยี นเปน เลอื ด
ไมควรรบั ประทาน9
ขอ มลู วชิ าการที่เก่ียวของ:

1. สารสกดั น้าํ มฤี ทธิ์ยับย้ังการรวมตวั ของเกลด็ เลอื ดและการปลอยสาร serotonin ในหนขู าว10
เมอื่ ฉดี สารสกดั นํ้าเขาหลอดเลอื ดดําสุนัขในขนาดเทยี บเทาผงยา 10 กรัม/กิโลกรมั พบวามีฤทธ์ิกระตุน

การหดตวั ของกลา มเนอ้ื เรียบกระเพาะปส สาวะ ลําไสแ ละมดลกู เม่อื ฉีดสารสกดั นํ้าและสารสกดั แอลกอฮอล

Page 85

คูมือการใชส มุนไพรไทย-จีน 75

เขา หลอดเลือดดําแมว หนูขาว และกระตา ย พบวา มีฤทธิ์เพมิ่ การหดตัวของกลามเนอ้ื เรยี บของมดลกู
นอกจากนีย้ ังพบวา สาร polysaccharides มฤี ทธใ์ิ นการสรางเมด็ เลอื ด11

2. เมื่อใหส ารสกัดน้าํ ครั้งละ 5 มลิ ลลิ ิตร วันละ 3 ครัง้ ติดตอ กันนาน 1 สัปดาห จะลดอาการ

ปวดประจําเดือน และชวยขับประจาํ เดือน จงึ ไมค วรใชก บั ผปู ว ยที่ใชย าปอ งกันเลอื ดแขง็ ตวั สารสกัดนา้ํ

ยงั มีฤทธ์กิ ระตนุ กลามเนอ้ื เรียบของมดลกู และลดความหนดื ของเลอื ดในสตรี และเมอื่ ฉดี สารสกัดนาํ้ เขา
หลอดเลือดดาํ ผูปวยจํานวน 40 ราย ในขนาด 240 มลิ ลลิ ติ ร/คน/วัน ติดตอ กนั นาน 30 วัน ไมทําใหเ กิด
อาการผดิ ปกตใิ ด ๆ11

3. มรี ายงานการวจิ ัยพบวา โกฐเชยี งชว ยยับยัง้ การเจริญของเนอ้ื งอกและเซลลม ะเรง็ ตานการ
อกั เสบ และรักษาโรคหอบหดื 9

4. เมื่อฉีดสารสกดั เขา หลอดเลือดดาํ หนูถบี จักร ขนาดสารสกดั เทียบเทาผงยาทท่ี าํ ใหห นูถีบจักร
ตายรอ ยละ 50 (LD50) มีคาเทากับ 100.6 กรมั /กิโลกรมั 12

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลนี า ผูพัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บญุ ทวีคณุ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอื่ พรรณไมแหงประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากัด, 2544.

3. ชยันต พิเชยี รสนุ ทร, แมนมาส ชวลติ , วเิ ชียร จรี วงศ. คําอธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค ร้ังท่ี 2. กรุงเทพมหานคร :
สาํ นักพมิ พอมรินทร, 2548.

4. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมนุ ไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกจิ การโรงพมิ พ องคการทหารผานศกึ ใน
พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.

5. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
6. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
7. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.

Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
8. วุฒิ วฒุ ิธรรมเวช. คัมภรี เภสัชรตั นโกสินทร. กรงุ เทพมหานคร: บริษัท ศลิ ปสยามบรรจุภัณฑและการพิมพ จาํ กดั , 2547.
9. บรษิ ัท หลกั ทรพั ยจดั การกองทนุ กสกิ รไทย จาํ กัด. มหัศจรรยสมนุ ไพรจนี . กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ซเี อ็ดยูเคช่นั จํากดั มหาชน,

2550.
10. Tang W, Eisenbrand G. Chinese drugs of plant origin. 1st ed. Berlin Heidelberg: Springer-Verlag, 1992.
11. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Vol.2. Geneva: World Health

Organization, 2002.
12. Ru K, Jiang JM. Siwu tang. In: Xia M (ed.). Modern study of the medical formulae in traditional Chinese medicine.

Vol.1. 1st ed. Beijing: Xue Yuan Press, 1997.

Page 86

76 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

โกฐน้ําเตา: Dahuang (大黄)

โกฐนํา้ เตา หรือ ตาหวง คือ รากและเหงาแหงของพืชท่ีมีชอื่ วทิ ยาศาสตรว า Rheum palmatum
L. หรือ R. tanguticum Maxim. ex Balf. หรอื R. officinale Baill. วงศ Polygonaceae1

2 เซนตเิ มตร

โกฐน้ําเตา (Radix et Rhizoma Rhei)

ชื่อไทย: โกฐนาํ้ เตา (ภาคกลาง)2
ชื่อจีน: ตาหวง (จีนกลาง), ต่ัวอึ๊ง (จีนแตจ๋ิว)1
ชื่ออังกฤษ: Rhubarb1
ช่ือเคร่ืองยา: Radix et Rhizoma Rhei1
การเกบ็ เกี่ยวและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เกี่ยว:

เกบ็ เก่ียวรากและเหงาปลายฤดใู บไมร ว งเม่ือลาํ ตน และใบเห่ยี วหรอื เกบ็ เกย่ี วในฤดใู บไมผ ลถิ ัดไป
กอ นแตกหนอ แยกรากฝอยและเปลือกนอกทิ้ง นําสมุนไพรมาหนั่ เปนแวน หรือเปน ทอ น ๆ ตากแดดให
แหง เก็บรักษาไวในสถานทม่ี ีอากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตัวยาพรอมใช:

การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชม ี 5 วธิ ี ดังนี้
วิธีที่ 1 โกฐนา้ํ เตา เตรยี มโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรท่ีไดม าแชน ้าํ สกั ครู ลางนํ้าใหส ะอาด ใสภ าชนะ
ปด ฝาไวเพอื่ ใหอ อนนมุ ห่นั เปน แวน หนา ๆ หรือห่ันเปนชิน้ ๆ และนาํ ไปทําใหแ หง 1,3
วิธีที่ 2 โกฐนาํ้ เตาผัดเหลา เตรียมโดยนาํ ตัวยาที่ไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะท่ีเหมาะสม เติม
เหลา เหลืองหรือเหลา ขาวปรมิ าณพอเหมาะ แลวคลกุ เคลาใหเขา กนั จากน้ันนาํ ไปผัดโดยใชไ ฟออ น ๆ ผัด

Page 87

คูมือการใชสมนุ ไพรไทย-จีน 77

จนกระทง่ั ตวั ยาแหงและมีสเี ขม นําออกจากเตา ตากใหแ หง ในทร่ี ม (ใชเ หลา เหลอื งหรือเหลาขาว 10
กิโลกรัม ตอ ตัวยา 100 กโิ ลกรมั )1,3

วธิ ีท่ี 3 โกฐนํ้าเตา ผดั น้ําสม เตรียมโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจากวิธีที่ 1 ใสในภาชนะที่เหมาะสม เติม
น้าํ สม (ซง่ึ ไดมาจากการหมักกลน่ั ขาว) ปริมาณพอเหมาะ แลว คลุกเคลาใหเขากนั จนกระทง่ั นาํ้ สม แทรกซึม

เขาไปในเนื้อตัวยา จากนั้นนาํ ไปผัดโดยใชไฟระดับปานกลาง ผัดจนกระทั่งตัวยาแหง นาํ ออกจากเตา
ตากใหแหง ในทรี่ ม (ใชน ้าํ สม 15 กิโลกรัม ตอ ตัวยา 100 กิโลกรัม)1,3

วิธีที่ 4 โกฐน้ําเตา ถาน เตรยี มโดยนําตัวยาทไ่ี ดจ ากวิธีที่ 1 ใสก ระทะ ผัดโดยใชไ ฟระดบั แรง

ผัดจนกระทั่งผิวนอกของตัวยามีสดี าํ เกรยี มเล็กนอย ภายในเปล่ียนเปนสีนํา้ ตาลเขม พรมน้ําเลก็ นอ ย นาํ
ออกจากเตา ตากใหแหงในทร่ี ม 1,3

วิธที ี่ 5 โกฐนาํ้ เตานึ่งเหลา เตรยี มโดยนาํ ตัวยาท่ีไดจ ากวิธที ่ี 1 มาคลุกเคลาใหเ ขา กนั กบั เหลา
เหลืองปรมิ าณพอเหมาะ หมักทิ้งไวป ระมาณ 1-2 ชว่ั โมง จนกระทงั่ เหลาแทรกซมึ เขา ไปในเน้ือตวั ยา แลว
ใสในภาชนะนึ่งทม่ี ีฝาปดมิดชิด นง่ึ ประมาณ 24-32 ชั่วโมง จนกระทง่ั มสี ีดาํ ทั้งดานนอกและเนอ้ื ในของ
ตวั ยา นาํ ออกจากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง (ใชเ หลา เหลอื ง 30 กิโลกรมั ตอตัวยา 100 กโิ ลกรมั )1,3

นอกจากการนง่ึ เหลาแลว โกฐน้ําเตา ยงั สามารถนึ่งโดยไมตองใชส ารปรุงแตง เตรียมโดยนําตัวยา
ที่ไดจ ากวธิ ีท่ี 1 มาใสในภาชนะน่งึ ท่ีมีฝาปด มิดชดิ น่งึ จนกระทงั่ ตัวยาดานนอกและเนื้อในมสี ดี าํ นาํ ออก
จากเตา และนาํ ไปทาํ ใหแ หง 1,3

หมายเหต:ุ เหลา เหลอื งผลติ จากขาว ขาวสาลี ขา วโพด มีปรมิ าณแอลกอฮอล 15-20% และเจือ

ปนดว ยนาํ้ ไขมนั กรดอะมิโน และแรธ าตุอ่ืน ๆ สว นเหลาขาวผลติ จากขาว ขา วสาลี มนั ฯลฯ โดยการ
กลั่นโดยมีปริมาณแอลกอฮอล 50-60% และเจือปนดว ยกรดอนิ ทรยี  ไขมนั ฯลฯ1

คณุ สมบัติของเหลารอ นแรง รสหวานเผด็ สรรพคุณเพ่ิมการไหลเวียนของเลอื ด ขบั ความเยน็

ดบั กลน่ิ และรส ชวยใหสารอินทรยี บางอยางละลายแตกตวั ไดด ีขึ้น โดยทวั่ ไปเหลาขาวใชในการเตรยี มยา
ดอง เหลา เหลืองมักใชใ นการเตรียมตัวยาพรอ มใช1
คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ผิวนอกตองมีสีน้าํ ตาลเหลือง มีนํ้าหนัก มีคุณสมบัติแข็งและเหนียว มี

ลายเสนและมีจดุ ลกั ษณะเหมือนดาวชดั เจน มีน้าํ มัน มกี ล่นิ หอมจรุงใจ รสขมแตไ มฝ าด เมื่อเค้ยี วจะมี
ลกั ษณะเหนยี ว4

Page 88

78 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:
โกฐนา้ํ เตา รสขม เยน็ มฤี ทธ์ิระบาย ขบั ของเสียตกคา ง สรรพคุณแกข องเสยี ตกคา งภายใน

กระเพาะอาหารและลําไส (ทอ งผูกจากภาวะรอ น ตวั รอนจดั ) หยางของระบบมามไมเ พยี งพอ มีของเสีย
และความเยน็ ตกคาง ทําใหท อ งผกู อาหารตกคาง ปวดทองนอย ถายไมส ะดวก และมฤี ทธิ์ระบายความ
รอ น ขับพษิ รอน ขับพษิ ใชในผูป ว ยท่ีมีระบบโลหิตรอน (อาเจียนเปน เลอื ด เลอื ดกําเดา ตาแดง คอบวม
เหงือกบวม) ขบั พษิ รอน แผลฝห นองบวม นอกจากนี้ยงั มีฤทธิช์ วยใหเ ลือดหมุนเวียน กระจายเลอื ดค่ัง
ใชแ กส ตรีประจาํ เดือนไมมาเนอื่ งจากมเี ลือดคัง่ แกฟกช้ํา ช้ําใน เลอื ดคง่ั ปวด บวม เปนตน 1

โกฐนาํ้ เตา ผัดเหลา มสี รรพคุณขบั พิษรอนในเลือด โดยเฉพาะสว นบนของรา งกาย (ต้ังแตลนิ้ ป
ข้นึ ไป ไดแก ปอด หัวใจ)1

โกฐนาํ้ เตา ผดั นาํ้ สม มีสรรพคณุ ขับของเสยี ตกคางภายในกระเพาะอาหารและลําไส3
โกฐนา้ํ เตา ถา น มสี รรพคุณระบายความรอ นในระบบเลอื ด ชว ยใหเ ลือดหมนุ เวยี น และหา มเลอื ด1
โกฐนา้ํ เตาน่ึงเหลา มีสรรพคุณระบายความรอนและขับสารพิษ ชวยลดฤทธิ์ถายที่รุนแรงให

1

นอ ยลง
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนไทย:

โกฐน้าํ เตา รสฝาดมนั สุขุม สรรพคณุ บาํ รุงธาตุ แกธ าตพุ กิ าร อาหารไมย อย ระบายทอง รถู า ย
รปู ด เอง แกท องเสีย ขับลมในลาํ ไส ขบั ปสสาวะและอจุ จาระใหเ ดนิ สะดวก แกต าเจบ็ แกรดิ สดี วงทวาร
เปนยาระบายท่ีดี ไมม ฤี ทธร์ิ ะคายเคืองลําไส และยงั ชวยสมานลาํ ไสไ ดอ กี ดว ย5
ขนาดทใี่ ชและวธิ ีใช:

การแพทยแ ผนจนี ใชขนาด 3-30 กรมั ตม เอานา้ํ ดมื่ 1
เนอ่ื งจากโกฐนาํ้ เตามฤี ทธ์ถิ ายรุนแรง ดงั น้นั เวลาตม ใหใ สท หี ลงั และหากนาํ ไปนึง่ กบั เหลาจะทํา
ใหฤทธถ์ิ า ยนอ ยลง แตช ว ยปรบั การหมุนเวยี นของเลอื ดใหดีขน้ึ 1
ขอหา มใช ขอ ควรระวงั และอาการขางเคยี ง:
การใชโกฐน้ําเตาเกินขนาดอาจทําใหเกิดอาการปวดเฉียบพลันและมวนเกร็งในลําไสใหญและ
อจุ จาระเหลวเหมือนนาํ้ ดงั น้ันควรใชโ กฐนํ้าเตา เฉพาะเมอ่ื ไมส ามารถแกอ าการทอ งผกู ไดดว ยการปรบั เปลย่ี น
โภชนาการ หรอื ใชย าระบายชนิดเพิม่ กาก ในกรณที ีใ่ ชโ กฐน้ําเตา แลว มเี ลอื ดออกทางทวารหนัก หรือเมื่อ
ใชใ นขนาดสูงแลว ลําไสยังไมมีการเคลอ่ื นไหว อาจบงถงึ ภาวะรุนแรงทอี่ าจเกิดอันตรายได นอกจากน้ัน
การใชติดตอกนั เปน เวลานานเกนิ กวาทก่ี ําหนดยงั อาจจะทาํ ใหล าํ ไสเ กดิ ความเคยชนิ ได และหา มใชโ กฐนาํ้ เตา
ในผูปว ยทม่ี ีอาการปวดเกรง็ หรอื ปวดเฉยี บพลนั ในชองทอง ไตอกั เสบ หรอื มอี าการปวดทอ ง คลื่นไสอ าเจยี น

Page 89

คมู อื การใชสมุนไพรไทย-จนี 79

โดยไมทราบสาเหตุ6-8
ขอ มลู วชิ าการท่เี ก่ยี วของ:

1. สารสาํ คัญในโกฐนา้ํ เตาโดยเฉพาะสารเซนโนไซด (sennosides) และสารเรอนิ โนไซด (rheinosides)

มฤี ทธิเ์ ปน ยาถา ยโดยออกฤทธก์ิ ระตุน การบบี ตวั ของลาํ ไสใ หญ ชวยเรง การขบั กากอาหารออกจากลาํ ไสใหญ
และเพิม่ การซมึ ผา นของของเหลวผา นเยอ่ื เมอื กลาํ ไสใ หญ ทาํ ใหมีปริมาณนาํ้ ในลาํ ไสใ หญมากขนึ้ 9,10 และ
แทนนนิ ในโกฐนาํ้ เตามีฤทธิ์ฝาดสมาน ทาํ ใหห ยดุ ถาย6

2. โกฐนาํ้ เตามีสรรพคณุ รกั ษาอาการทอ งผูก เลือดออกในระบบทางเดนิ อาหารสว นบนกระเพาะ
อาหารและลําไสอ ักเสบเฉยี บพลัน11

3. เม่อื ปอนสารสกดั โกฐนํา้ เตา ดวย 70% เมทานอลใหห นถู ีบจกั ร พบวาขนาดทที่ าํ ใหสัตวท ดลอง
ตายเปน จาํ นวนครึ่งหน่งึ มคี ามากกวา 2.0 กรมั /กิโลกรัม12 เมื่อคนรับประทานสารสกดั ดว ยนาํ้ ในขนาด 5
มิลลิลติ ร ไมพบพษิ ตอ ตับ13 เมื่อปอ นสารสกดั ใหหนูถีบจักรหรอื หนขู าวในขนาด 200 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรมั
ไมพบพิษ14

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน บญุ ทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมติ ินันทน
ฉบับแกไขเพิ่มเตมิ พ.ศ. 2544). สํานกั วิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พค รัง้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.

3. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภรี เภสชั รตั นโกสินทร. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศิลปส ยามบรรจภุ ัณฑและการพิมพ จํากดั , 2547.
6. World Health Organization. WHO monograph on selected medicinal plants. Vol. 1. Geneva: World Health

Organization, 1999.
7. Reynolds JEF (ed.). Martindale: The extra pharmacopoeia. 30th ed.. London: Pharmaceutical Press, 1993.
8. Blumenthal M, Busse WR, Goldberg A, Gruenwald J, Hall T, Riggins CW, Rister RS (eds.) The complete German

Commission E monographs, Therapeutic guide to herbal medicine. Austin (TX): American Botanical Council, 1988.
9. Leng-Peschlow E. Dual effect of orally administered sennosides on large intestine transit and fluid absorption in the

rat. J Pharm Pharmacol. 1986; 38: 606-10.
10. De Witte P. Metabolism and pharmacokinetics of anthranoids, Pharmacology. 1993; 47 (Suppl. 1): 86-97.
11. Li R, Wang BX. Radix et Rhizomarbei: da huang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).

Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press,
1999.
12. Lee EB. Teratogenicity of the extracts of crude drugs. Korean J Pharmacog 1982; 13: 116-21.
13. Yang SH. Influence of Artemisia-Rheum-Gardeniae (A.R.G.) and Coptidis Rhizoma on neonatal jaundice in Chinese
newborn infants-preliminary observations. Thesis-MS, College Trad Chinese Med 1982; 24 pp.
14. Brocq-Rousseau D. Rhubarb poisoning. Bull Acad Med 1941; 124: 605-11.

Page 90

80 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

โกฐสอ: Baizhi (白芷)

โกฐสอ หรอื ไปจื่อ คือ รากแหงของพชื ที่มีชือ่ วทิ ยาศาสตรวา Angelica dahurica (Fisch.ex
Hoffm.) Benth. et Hook. f. หรือ A. dahurica (Fisch.ex Hoffm.) Benth. et Hook. f. var.
formosana (Boiss.) Shan et Yuan วงศ Umbelliferae1

2 เซนติเมตร 2 เซนติเมตร

โกฐสอ (Radix Angelicae Dahuricae)

ช่ือไทย: โกฐสอ (ท่ัวไป); โกฐสอจีน2,3
ชื่อจีน: ไปจ ่ือ (จนี กลาง), แปะจี้ (จนี แตจ ิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Dahurian Angelica Root1
ชื่อเคร่ืองยา: Radix Angelicae Dahuricae1
การเก็บเกีย่ วและการปฏิบัตหิ ลังการเกบ็ เก่ียว:

เก็บเกี่ยวรากในฤดรู อ นถึงฤดใู บไมร วงเมื่อใบเรมิ่ เปล่ียนเปนสีเหลือง แยกเอารากแขนง ดนิ และ

1

ทรายออก ตากแดดหรือทาํ ใหแ หงที่อณุ หภูมิตํา่ เกบ็ รกั ษาไวใ นทม่ี อี ากาศเยน็ และแหง มกี ารระบายอากาศดี

การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
นําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพรทไ่ี ดม าลางนาํ้ ใหสะอาด แลวแชน าํ้ นานประมาณ 1-2 ชว่ั โมง นําออกมาผ่งึ

ใหแหงหมาด ๆ หนั่ เปนแวนหนา ๆ และนําไปทําใหแ หง 1,4

คณุ ภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
ตวั ยาที่มคี ณุ ภาพดี ตอ งมสี ขี าว เนื้อแข็ง มนี ํา้ หนกั มแี ปงมาก มีกล่ินหอม รสชาติเขม ขน 5

Page 91

คูมอื การใชส มุนไพรไทย-จนี 81

สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนจีน:
โกฐสอ รสเผ็ด อุน มฤี ทธขิ์ บั เหงอื่ แกอาการหวดั จากการกระทบลมเย็นภายนอก (ปวดศีรษะ

คัดจมกู ) มฤี ทธ์ิเปด ทวาร บรรเทาปวด แกอ าการปวดศีรษะ (โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะดานหนา ) ปวด

ฟน ลดอาการคดั จมกู จากไขหวดั หรอื โรคโพรงอากาศอกั เสบ นอกจากนี้ยงั มฤี ทธ์ลิ ดบวม ขับหนอง แก
พิษแผลฝหนอง บวมเปน พษิ 1,6
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนไทย:

โกฐสอ มกี ลนิ่ หอม รสขมมนั มีสรรพคณุ แกไข แกห ืด แกไอ บาํ รงุ หวั ใจ แกเ สมหะเปน พษิ แก

6-8

สะอึก แกห ลอดลมอักเสบ แกไ ขจบั สนั่

ขนาดท่ใี ชแ ละวิธใี ช:

การแพทยแ ผนจีน ใชขนาด 3-9 กรัม ตม เอานํ้าดื่ม1

ขอมูลวชิ าการท่เี กีย่ วขอ ง:

1. สาร byakangelicol และ imperatorin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอมีฤทธต์ิ า นการอกั เสบในหนู

9,10 สวนสาร byakangelicol, byakangelicin, oxypeucedanin และ imperatorin มฤี ทธิ์

ทดลอง

ปกปองตบั จากสาร tacrine ในหลอดทดลอง11

2. สาร angelicotoxin ทแ่ี ยกไดจากโกฐสอ เมื่อใชใ นปริมาณนอ ยมฤี ทธกิ์ ระตุนศูนยการหายใจ

และประสาทสว นกลาง ทําใหอ ตั ราการหายใจเร็วข้นึ ทาํ ใหความดันโลหติ สงู ขนึ้ และทาํ ใหอาเจยี น และ
หากใชใ นปรมิ าณมากจะทําใหชกั และเกิดอัมพาต12

3. จากการศึกษาพิษเฉียบพลันในหนถู ีบจักรของสารสกดั 50% แอลกอฮอลจ ากเหงาโกฐสอ
พบวา คา LD50 มีคามากกวา 10 กรมั /กิโลกรัม เม่ือใหโ ดยการปอ นหรือฉีดเขาใตผ ิวหนงั 13

เอกสารอางอิง

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลนี า ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ช่ือพรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมติ ินนั ทน
ฉบับแกไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). สํานักวิชาการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพค ร้งั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จาํ กดั , 2544.

3. ชยันต พิเชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลติ , วิเชยี ร จรี วงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค รั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานักพิมพอมรนิ ทร, 2548.

4. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมุนไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักงานกจิ การโรงพิมพ องคการทหารผานศึกใน

พระบรมราชปู ถมั ภ, 2550.

Page 92

82 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

7. เสง่ียม พงษบ ุญรอด. ไมเ ทศ เมอื งไทย. กรุงเทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ, 2514.
8. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภรี เภสชั รัตนโกสนิ ทร. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ศิลปสยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.
9. Lin CH, Chang CW, Wang CC, Chang MS, Yang LL. Byakangelicol, isolated from Angelica dahurica, inhibits both

the activity and induction of cyclooxygenase-2 in human pulmonary epithelial cells. J Pharm Pharmacol 2002; 54(9):
1271-8.
10. Kang OH, Lee GH, Choi HJ, Park PS, Chae HS, Jeong SI, Kim YC, Sohn DH, Park H, Lee JH, Kwon DY. Ethyl
acetate extract from Angelica Dahuricae Radix inhibits lipopolysaccharide-induced production of nitric oxide,
prostaglandin E2 and tumor necrosis factor-alphavia mitogen-activated protein kinases and nuclear factor-kappa B in
macrophages. Pharmacol Res 2007; 55(4): 263-70.
11. Oh H, Lee HS, Kim T, Chai KY, Chung HT, Kwon TO, Jun JY, Jeong OS, Kim YC, Yun YG. Furocoumarins from
Angelica dahurica with hepatoprotective activity on tacrine-induced cytoxocity in Hep G2 cells. Planta Med 2002;
68(5): 463-4.
12. Yeung HC. Handbook of Chinese Herbs (Chinese Materia Medica). California: Los Angeles County, 1996.
13. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล
ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวชิ ญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดา นพิษวิทยาของสถาบันวจิ ยั สมนุ ไพร เลม 1. พมิ พคร้ังที่ 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก ารศาสนา, 2546.

Page 93

คูมือการใชสมุนไพรไทย-จนี 83

โกฐหัวบัว: Chuanxiong (川芎)

โกฐหัวบวั หรอื ชวนซฺยง คอื เหงาแหง ของพชื ท่มี ีช่ือวิทยาศาสตรวา Ligusticum chuanxiong
Hort. วงศ Umbelliferae1

3 เซนตเิ มตร 2 เซนติเมตร

โกฐหัวบัว (Rhizoma Chuanxiong)

ชื่อไทย: โกฐหัวบัว (ทัว่ ไป)2,3
ชอ่ื จีน: ชวนซยฺ ง (จีนกลาง), ชวนเกยี ง (จนี แตจิ๋ว)1
ชอื่ อังกฤษ: Szechwan Lovage Rhizome1
ช่ือเครอื่ งยา: Rhizoma Chuanxiong1
การเกบ็ เก่ียวและการปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเกี่ยว:

เก็บเกยี่ วเหงาสดในฤดูรอ นเมอ่ื ตาของลําตนเรมิ่ เหน็ เปนตมุ ชดั เจนและมีสมี ว งออ น ๆ แยกลาํ ตน

ใบ และดินออก นําไปตากในทรี่ มจนตวั ยาแหง ประมาณรอยละ 50 แลวนําไปปงไฟออ น ๆ จนกระท่ังแหง
แยกเอารากฝอยท้งิ เก็บรักษาไวในท่มี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1

การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
การเตรยี มตวั ยาพรอ มใชมี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วิธีที่ 1 โกฐหัวบัว เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรที่ได มาแชนํา้ สักครู ลางนา้ํ ใหสะอาด ใส

1,4

ภาชนะปดฝาไวเพื่อใหออนนมุ หน่ั เปนแวน บาง ๆ และนําไปทําใหแหง

วิธีที่ 2 โกฐหวั บวั ผดั เหลา เตรยี มโดยนําตวั ยาท่ไี ดจ ากวธิ ีที่ 1 ใสใ นภาชนะที่เหมาะสม เติมเหลา

เหลืองปริมาณพอเหมาะ แลว คลกุ เคลาใหเ ขากนั หมกั ไวจนกระทงั่ เหลาแทรกซมึ เขา ในเนือ้ ตัวยา จากน้นั

Page 94

84 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

นําไปผดั โดยใชไ ฟระดับปานกลาง ผดั จนกระท่ังตวั ยามีสเี หลืองอมนา้ํ ตาล นาํ ออกจากเตา ตากใหแหงใน

ทร่ี ม (ใชเหลาเหลอื ง 10 กโิ ลกรมั ตอตวั ยา 100 กโิ ลกรมั )1,4
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

ตวั ยาทม่ี ีคุณภาพดี ตองเปนแวนขนาดใหญ อวบอิม่ เนอื้ แข็ง มีกลน่ิ หอมฉนุ และมนี ํา้ มันมาก5

สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:

โกฐหัวบัว รสเผ็ด อุน มีฤทธ์ิชวยการไหลเวียนของชี่และเลือด รักษาอาการปวดจากเลือดคั่ง

กระจายการตบี ของเสน เลอื ด (ประจําเดือนมาไมเปน ปกติ ปวดประจําเดือน ขบั นาํ้ คาวปลาหลงั คลอด
เจบ็ ชายโครง เจบ็ บริเวณหวั ใจ เจ็บหนาอก เจบ็ จากการฟกชํา้ ชาํ้ บวมจากฝห นอง) และมีฤทธ์ิขบั ลม บรรเทา
ปวด รกั ษาอาการปวดศีรษะ อาการปวดจากการคั่งของช่แี ละเลอื ด1,4

โกฐหวั บวั ผัดเหลา จะชว ยนําตวั ยาขนึ้ สว นบนของรา งกาย มฤี ทธแ์ิ รงในการระงับปวด ชว ยใหก าร

ไหลเวียนของเลอื ดและชีภ่ ายในรา งกายดีขน้ึ โดยทวั่ ไปใชรกั ษาอาการปวดศีรษะจากการคั่งของเลือด และ

โรคไมเกรน4

สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:

โกฐหัวบัว มีกล่ินหอม รสมัน สรรพคณุ แกลมในกองรดิ สดี วง และกระจายลมทงั้ ปวง (หมายถึง

ลมทีค่ งั่ อยูใ นลําไสเปนตอน ๆ ทาํ ใหผ ายหรือเรอออกมา) ยาไทยมกั ไมใชโ กฐหัวบวั เดีย่ ว แตม ักใชร วมกับ

ยาอนื่ ในตาํ รับ3

ขนาดท่ใี ชแ ละวธิ ีใช:

การแพทยแ ผนจนี ใชข นาด 3-9 กรมั 1

ตม เอานํ้าดมื่

ขอ มลู วิชาการที่เกยี่ วขอ ง:

1. สารสกัดน้ําเมอ่ื ใหท างปากหนขู าวในขนาดเทยี บเทาผงยา 25-50 กรมั /กโิ ลกรมั มฤี ทธิ์สงบ

ประสาท และจะเห็นผลชัดเจนข้ึนในหนถู ีบจักร สารสกดั มฤี ทธิล์ ดระดับคอเลสเตอรอลในเลอื ด6 โกฐหัวบวั

ในขนาดต่าํ ๆ มฤี ทธ์ิกระตนุ การบีบตัวของมดลกู ของกระตาย แตเ ม่ือใหใ นขนาดสูงจะยบั ย้ังการบบี ตวั
อยางสมบูรณ7

2. โกฐหัวบวั มปี ระสิทธิภาพในการยับย้ังการรวมตัวของเกล็ดเลือด8 บรรเทาอาการปวดหลังคลอด

ชว ยใหร กหรือเนอ้ื เย่อื ของมดลกู ทีต่ ายแลว ถกู ขับออกมาไดดี สารสกัดมีฤทธ์ิเพมิ่ การบีบตวั ของมดลูก ทําให
ประจาํ เดือนมาเร็วขนึ้ จงึ ไมแนะนาํ ใหใ ชข ณะมีอาการปวดประจาํ เดอื น หรอื โรคที่เกี่ยวกับการตกเลอื ดอนื่ ๆ3

Page 95

คูม อื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 85

3. การศกึ ษาพษิ เฉยี บพลันโดยฉีดสารสกัดน้ําเขาชอ งทองและกลา มเน้ือหนถู บี จกั ร พบวาขนาด
ของสารสกดั ทที่ าํ ใหห นูถีบจกั รตายรอยละ 50 (LD50) มคี าเทากบั 65.86 และ 66.42 กรมั /กิโลกรมั
ตามลาํ ดบั 9 กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ ไดศกึ ษาพิษเฉียบพลนั ในหนถู ีบจกั รของ
สารสกดั 50% แอลกอฮอลจากเหงาโกฐหวั บวั พบวาคา LD50 มคี ามากกวา 10 กรัม/กโิ ลกรัม เมอื่ ให
โดยการปอ นหรอื ฉดี เขาใตผ วิ หนงั 10

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ชยันต พเิ ชียรสนุ ทร, แมน มาส ชวลิต, วิเชยี ร จรี วงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พิมพค รั้งที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :
สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.

3. เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมนุ ไพรแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานกิจการโรงพมิ พ องคการทหารผา นศึกใน
พระบรมราชูปถมั ภ, 2550.

4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
6. Huang KC. The pharmacology of Chinese herbs. 2nd ed. Boca Raton: CRC Press, 1993.
7. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica, Revised edition. Washington: Eastland Press, 1993.
8. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of traditional Chinese medicine. 7th ed.

Shanghai: Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
9. Li R. Rhizoma Chuan Xiong. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of

pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
10. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพษิ ของสมนุ ไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธาํ รง, ทรงพล

ชีวะพัฒน, เอมมนัส อัตตวชิ ญ (คณะบรรณาธกิ าร). ประมวลผลงานวิจัยดา นพษิ วิทยาของสถาบันวจิ ยั สมุนไพร เลม 1. พมิ พครั้งท่ี 1.
กรมวิทยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พการศาสนา, 2546.

Page 96

86 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก

ขิง: Jiang (姜)

ขงิ หรือ เจียง คอื เหงา ของพชื ทมี่ ีชอ่ื วทิ ยาศาสตรว า Zingiber officinale (Willd.) Rosc. วงศ
Zingiberaceae1

ขิงสด (Rhizoma Zingiberis Recens3)เซนตเิ มตร 3 เซนติเมตร

ขิงแหง (Rhizoma Zingiberis)

2 เซนตเิ มตร

ขิงปง (Rhizoma Zingiberis Preparatum)

ชื่อไทย: ขิง, ขงิ แกลง, ขิงแดง (จันทบุร)ี ; ขงิ เผอื ก (เชียงใหม) ; สะเอ (กระเหรยี่ งแมฮอ งสอน)2
ชอ่ื จีน: เจยี ง (จนี กลาง), เกยี (จีนแตจ ว๋ิ )1
ชื่ออังกฤษ: Zingiber (Dried Ginger)1
ชื่อเครอ่ื งยา: Rhizoma Zingiberis1
การเกบ็ เก่ียวและการปฏิบัตหิ ลังการเก็บเก่ียว:

เก็บเกยี่ วเหงา ในฤดหู นาวเม่อื ใบเห่ยี วเฉา แยกเอาใบ รากฝอย ดนิ และทรายออก ตากแดดหรอื
ทาํ ใหแ หง ท่ีอณุ หภมู ติ ํ่า เกบ็ รกั ษาไวใ นที่มอี ากาศเยน็ และแหง มีการระบายอากาศด1ี

Page 97

คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 87

การเตรยี มตวั ยาพรอมใช:
การเตรียมตวั ยาพรอมใชม ี 3 วธิ ี ดงั นี้
วธิ ีที่ 1 ขิงแหง เตรยี มโดยนาํ วัตถดุ ิบสมุนไพรมาลา งนํ้าใหส ะอาด หมกั ไวจนกระท่ังนํ้าแทรกซึม

เขาไปในเนอ้ื ตวั ยา หน่ั เปน แวน หนา ๆ หรอื เปนช้นิ ๆ นาํ ไปตากใหแหง ในท่รี ม 1,3
วิธีท่ี 2 ขิงปง (ขิงคั่ว) เตรียมโดยนาํ ทรายที่สะอาดใสในภาชนะท่ีเหมาะสม ใหความรอนท่ี

อุณหภมู สิ ูง เตมิ ตวั ยาท่ีไดจากวธิ ที ่ี 1 ลงไป คนอยา งสมํ่าเสมอ จนกระทัง่ ตัวยากรอบ ผิวดา นนอกเปน
สนี ้ําตาลดาํ นาํ ออกจากเตา ตั้งท้ิงใหเยน็ 3

วธิ ที ี่ 3 ขิงถา น เตรียมโดยนําตวั ยาที่ไดจ ากวธิ ที ี่ 1 ใสก ระทะ นําไปผดั โดยใชไ ฟแรง ผดั จนกระทง่ั
ผวิ นอกของตัวยามสี ดี าํ ไหม เนื้อในเปล่ียนเปน สีน้าํ ตาลเขม พรมน้าํ เลก็ นอ ย นําออกจากเตา ทิ้งไวใ หเยน็ 3
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:

4

ตัวยาที่มีคุณภาพดี จะตอ งเปนช้นิ ใหญ สมบูรณ และอวบหนา
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแ ผนจีน:

ขงิ สด รสเผด็ อนุ มีฤทธ์ิขบั เหงื่อ กระทงุ พิษ สรรพคณุ แกห วัดจากการกระทบความเย็น มฤี ทธ์ิ

ใหความอบอุนแกก ระเพาะอาหาร แกอ าการคลน่ื ไสอ าเจยี นจากภาวะท่ีกระเพาะมคี วามเยน็ สงู มฤี ทธใ์ิ ห
ความอบอุนแกป อด ระงับไอ แกไ อจากการกระทบความเย็น1

ขิงแหง รสเผ็ด รอน มฤี ทธิเ์ สรมิ ความอบอนุ ขบั ความเยน็ และฟนฟหู ยางชีข่ องมามและกระเพาะ
อาหาร สมานระบบกระเพาะอาหารทําใหช ีล่ งต่ํา ระงับอาการคลน่ื ไสอาเจียน1,3

ขงิ ปง รสเผ็ด อนุ มฤี ทธใิ์ หค วามอบอุนแกเสนลมปราณ หามเลือด ใชรักษาอาการเย็นพรองแลว

อาเจยี นเปนเลอื ด ถายเปน เลือด ตกเลือดทง้ั เฉียบพลนั และเรอื้ รงั นอกจากนย้ี งั มฤี ทธใ์ิ หความอบอนุ แก
กระเพาะอาหาร แกป วด หยดุ ถาย1,3

ขงิ ถา น รสขม อุน มฤี ทธห์ิ ามเลือดแรงกวา ขงิ ปง แตฤ ทธ์ใิ หความอบอุน แกเ สนลมปราณออนกวา

3

ขงิ ปง จงึ ใชรกั ษาอาการเย็นพรอ งแลว ทําใหเ ลอื ดออก เชน เลือดออกมาก และเลือดออกชนิดเฉียบพลนั
สรรพคณุ ตามตําราการแพทยแผนไทย:

ขงิ สด รสหวาน เผ็ดรอน มีสรรพคุณแกปวดทอง บาํ รงุ ธาตุ ขบั ลมในลําไสใหผ ายออกและเรอ5,6

ขงิ แหง รสหวาน เผ็ดรอ น สรรพคณุ แกไ ข แกล ม แกจ กุ เสยี ด แกเ สมหะ บํารุงธาตุ แกค ลื่นเหยี น
อาเจียน5,6
ขนาดทใ่ี ชแ ละวิธใี ช:

การแพทยแผนจนี ใชข นาด 3-9 กรัม ตมเอาน้ําด่ืม1

Page 98

88 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือก

การแพทยแ ผนไทย ใชเ หงาแก 5 กรัม ทุบพอแตก ฝานเปนแวน ๆ ชงนํา้ รอ น 1 ถว ย ปดฝา
ไว 5 นาที ใชนา้ํ ทชี่ งไดด ม่ื วนั ละ 3 ครงั้ หลงั อาหาร หรือใชผ งขงิ แหง 0.6 กรัม ชงน้าํ ด่มื หลงั อาหาร แก

คลน่ื ไสอ าเจยี น แกจกุ เสียด แนนเฟอ ใชเ หงา สดตาํ คัน้ เอาน้ําผสมกับมะนาว เตมิ เกลือเลก็ นอย ใชกวาด
คอหรอื จบิ แกไ อ ขบั เสมหะ5,7,8
ขอหา มใช ขอ ควรระวัง และอาการขางเคยี ง:

นาํ้ ขงิ ท่เี ขมขน จะออกฤทธิ์ตรงขา มกนั ควรใชใ นปริมาณท่ีไมเ ขม ขน เกนิ ไป (การแพทยแ ผนไทย)5
ขอมลู วชิ าการทีเ่ กีย่ วของ:

1. นํ้าคัน้ ขงิ สดมีฤทธติ์ า นการอาเจยี นไดผลดี และนา้ํ ค้นั ในระดบั ความเขม ขน ต่าํ ๆ จะเพมิ่ แรง

บบี ตวั ของลําไสห นโู ดยไมท าํ ใหค วามตงึ ตวั ของลําไสเ ปลยี่ นแปลง แตในระดบั ความเขม ขน สงู ๆ จะลดแรง

7

บีบตวั และความตงึ ตวั ของลาํ ไสอ ยางชัดเจน รวมทงั้ สามารถเพิม่ แรงบีบตวั ของลาํ ไสเลก็ สุนัข นอกจากนนี้ ้ํา
ค้ันขงิ แกย งั มีฤทธ์ิยบั ย้ังเชือ้ ราในชองปาก9

2. เมื่อใหสารสกัด 50 % แอลกอฮอลท างปากหนูถบี จักรในขนาด 25 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรัม เปน
เวลาตดิ ตอกัน 7 วนั พบวา มฤี ทธิก์ ระตุนภมู ิคุมกัน เม่อื ใหในขนาด 200 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม พบวามีฤทธ์ิ
ระงับปวดไดอยางมีนัยสําคัญ และเม่ือใหสารสกัดดังกลาวทางปากกระตายในขนาด 500 มลิ ลิกรัม/

กโิ ลกรมั พบวามฤี ทธ์ลิ ดไขมันในเลือดและมีฤทธ์ติ า นการเกิดภาวะหลอดเลอื ดแขง็ สารสกดั อะซโี ตนหรือ
50% แอลกอฮอล เมอ่ื ใหแ กส ุนัขทางปากในขนาด 25, 50, 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรมั สามารถลด

จาํ นวนคร้งั ของการอาเจียนท่ีเกดิ จากยาตา นมะเรง็ ได สวนผลตอการชะลอการเริ่มเกิดการอาเจียนครงั้ แรก
น้ัน เฉพาะสารสกัดอะซีโตนขนาด 100 มลิ ลกิ รมั /กโิ ลกรัม หรอื สารสกัด 50% แอลกอฮอลข นาด 25, 50
และ 100 มลิ ลิกรมั /กิโลกรมั เทานน้ั ท่สี ามารถชะลอการเรม่ิ เกดิ การอาเจียนไดอ ยางมนี ัยสาํ คญั 10

3. ขงิ สดมีสรรพคณุ รกั ษาโรคไขหวัดจากการกระทบลมเยน็ แกคลนื่ ไสอาเจยี น แกกระเพาะ
อาหารอกั เสบเรื้อรัง แกท อ งเสยี 11

4. ผงขิงในขนาด 940 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพในการปองกันและลดอาการเมารถเมาเรือ
ไดดี เมอื่ ใหห ญิงมคี รรภร บั ประทานขิงผงบรรจแุ คปซลู ขนาด 1 กรมั นาน 4 วนั ใหผลในการตา นการ
อาเจียนเนือ่ งจากตง้ั ครรภ และไมพบอาการขางเคียงแตประการใด8 นอกจากนี้ยงั พบวาขงิ ชวยบรรเทา

อาการปวดและลดการบวมของขอ และยงั ทาํ ใหก ารทาํ งานของขอ ฟนตวั ดขี ึ้นในผปู ว ยโรคปวดขอ รูมาตอยด
และผปู ว ยทม่ี อี าการปวดหลังเรอ้ื รงั 11

5. การทดสอบความเปน พษิ พบวา เมอื่ ฉีดนํา้ คนั้ ขงิ สดทม่ี คี วามเขมขน 20% เขาหลอดเลอื ดดํา
หนูถีบจกั ร ขนาดท่ที าํ ใหหนูถบี จกั รตายรอ ยละ 50 (LD50) มีคาเทา กับ 1500 มิลลกิ รัม/กโิ ลกรมั อาการ

Page 99

คมู ือการใชส มนุ ไพรไทย-จีน 89

พิษท่ที ําใหส ตั วตาย คอื ชกั และหยดุ หายใจ12 เม่ือปอ นสารสกัด 80% แอลกอฮอล ขนาด 3 กรมั /กิโลกรัม
13
การใชส ารสกัด 50% หรือ 90% แอลกอฮอล ฉีดเขา ชอ งทอ งหนู
จะทาํ ใหเกิดอาการพิษในหนูถบี จักร

ถบี จักร ขนาดทที่ าํ ใหสตั วท ดลองตาย 50% เทา กับ 178 และ 1,000 มลิ ลิกรมั /กิโลกรมั 14,15

ตามลาํ ดับ

การฉีดสารสกดั 90% แอลกอฮอลเขาหลอดเลอื ดดํากระตายขนาด 2 มิลลิลติ ร ทําใหกระตายตาย16 สาร
สกัดดว ยอเี ทอรเ ม่อื ใหผ ูใหญรบั ประทานมีอาการพิษเกดิ ข้นึ ได1 7

6. ยังไมพบรายงานเกี่ยวกับการเกิดพิษจากการใชขิงแหงเพียงอยางเดยี ว และผลการศึกษา

ทางคลินิกในผปู ว ยกลุมตาง ๆ ไมพบวา ขงิ กอ ใหเ กดิ อาการพิษแตอยา งใด เมอื่ ใหส ารสกดั ขงิ ดว ยน้ํามันงา
ในขนาดสงู ถงึ 1 กรัม/กิโลกรัม แกหนขู าวทต่ี งั้ ทองในชว งที่ตวั ออ นมีการสรางอวยั วะ ไมพบพิษตอ ตวั แม
และตัวออนในทอง10

7. ขิงสดปงมีสรรพคณุ แกคลื่นไสอาเจียน แกกระเพาะอาหารอกั เสบเรือ้ รงั แกท องเสีย11

เอกสารอางองิ

1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.

2. ลีนา ผูพฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ช่ือพรรณไมแ หงประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน
3. ฉGบoบัnแgกQไ ขFเ.พ่ิมZเตhoมิ nพgy.ศa.o2P5a4o4z).hiสXาํ นuักeว. ชิ 2าnกdาeรdป.า ไมB. eiกjiรnมgป: าNไมat. ioพnิมalพCคhรi้ังnทeี่ s2e. กTรrุงaเdทiพtioมnหaาlนMครe:diบcรinิษeัทPปuรbะlชisาชhนingจําHกดัou, s2e5,4240.03.
4. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &

Technology Publishing House, 2006.
5. วุฒิ วุฒธิ รรมเวช. คัมภีรเภสชั รตั นโกสนิ ทร. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ศลิ ปส ยามบรรจุภัณฑแ ละการพิมพ จํากดั , 2547.
6. ชยนั ต พิเชียรสุนทร, แมนมาส ชวลติ , วิเชยี ร จีรวงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พิมพครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร :

สาํ นกั พมิ พอมรินทร, 2548.
7. สํานกั งานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข. คมู อื การใชสมุนไพร เลม 1. กรงุ เทพมหานคร : หจก. เอช-เอน การพิมพ, 2527.
8. วนั ดี กฤษณพันธ, เอมอร โสมนะพันธ,ุ เสาวณี สุรยิ าภณานนท. สมนุ ไพรในสวนครวั . กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พิมพเ มดคิ ัล มเี ดีย,

2541.
9. สรอยศิริ ทวีบรู ณ. ขงิ . ใน: บพติ ร กลางกัลยา นงลกั ษณ สุขวาณิชยศ ลิ ป (คณะบรรณาธิการ). รายงานผลการศึกษาโครงการ การ

ประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสมุนไพร. นนทบรุ ี : บริษทั เอส อาร พริ้นตง้ิ แมสโปรดกั ส จาํ กัด, 2544.
10. นงลักษณ สุขวาณิชยศลิ ป. ขิง. ใน: บพติ ร กลางกัลยา นงลกั ษณ สุขวาณิชยศ ิลป (คณะบรรณาธกิ าร). รายงานผลการศึกษาโครงการ

การประเมนิ ประสทิ ธิภาพและความปลอดภัยของยาสมุนไพร. นนทบรุ ี : บริษัท เอส อาร พร้ินตง้ิ แมสโปรดกั ส จํากัด, 2544.
11. Zhao GB. Rhizoma Zingiberis Recens: sheng jiang. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).

Modern study of pharmacology in traditional medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
12. สถาบนั วจิ ัยสมนุ ไพร. เอกสารวิชาการสมุนไพร. นนทบุรี : กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข, 2543.
13. Mascolo N, Jain R, Jain SC, Capasso F. Ethnopharmacologic investigation of ginger (Zingiber officinale). J

Ethnopharmacol 1989; 27(1/2): 129-40.
14. Aswal BS, Bhakuni DS, Goel AK, Kar K, Mehrotra BN, Mukherjee KC. Screening of Indian plants for biological

activity: Part X. Indian J Exp Biol 1984; 22(6): 312-32.
15. Woo WS, Lee EB, Han BH. Biological evaluation of Korean medicinal plants. III. Arch Pharm Res 1979; 2: 127-31.
16. Emig HM. The pharmacological action of ginger. J Amer Pharm Ass 1931; 20: 114-6.
17. Weber ML. A follow-up study of thirty-five cases of paralysis caused by adulterated Jamaica-ginger extract. Med

Bull Vet Admin 1937; 13: 228-42.

Page 100

90 กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก

คนทสี อ: Manjingzi (蔓荆子)

คนทีสอ หรอื มานจงิ จอ่ื คอื ผลสกุ ทีท่ าํ ใหแ หง ของพชื ทมี่ ีชือ่ วทิ ยาศาสตรว า Vitex trifolia L.
var. simplicifolia Cham. หรือ V. trifolia L. วงศ Verbenaceae1

0.5 เซนติเมตร

คนทีสอ (Fructus Viticis)

ช่ือไทย: คนทีสอ, ดินสอ (ภาคกลาง); คนทีสอขาว (ชลบุรี); คุนตีสอ (สตูล); โคนดินสอ (จันทบุรี,
ภาคกลาง); ดอกสมุทร, สีเสื้อนอย (เชียงใหม) ; ทสิ อ, เทยี นขาว (พษิ ณุโลก); ผเี ส้ือ (เลย), ผีเสอื้ นอ ย
(ภาคเหนือ); มูดเพิ่ง (ตาก); สีสอ (ประจวบคีรีขันธ)2
ชื่อจีน: มานจิงจื่อ (จีนกลาง), หม่ังเก็งจี้ (จีนแตจิ๋ว)1
ชื่ออังกฤษ: Shrub Chastetree Fruit1
ชื่อเคร่ืองยา: Fructus Viticis1
การเกบ็ เกี่ยวและการปฏิบตั หิ ลังการเก็บเกี่ยว:

เก็บเกี่ยวผลสุกในฤดใู บไมรวง แยกสิง่ ท่ีปะปนท้ิง ตากแดดใหแหง เกบ็ รกั ษาไวในที่มีอากาศเยน็
และแหง มีการระบายอากาศด1ี
การเตรียมตัวยาพรอ มใช:

การเตรยี มตวั ยาพรอมใชม ี 2 วธิ ี ดงั น้ี
วิธที ี่ 1 คนทีสอ เตรียมโดยนําวัตถุดิบสมุนไพรทีป่ ราศจากสงิ่ ปนปลอมมารอ นเอาเศษเลก็ ๆ
ออก แลว ทบุ ใหแตกกอ นใช1,3


Click to View FlipBook Version