Page 201
คูมอื การใชส มุนไพรไทย-จีน 191
ผลไมแรงนักตอ พยาธิเขม็ หมุด โดยทดลองกบั พยาธเิ ข็มหมดุ นอกรางกายของหนู ทาํ ใหพยาธิเปนอัมพาตได
นอกจากน้ี arecoline ยงั เปน พิษตอพยาธิไสเดอื น 3
แตไ มม ผี ลตอ พยาธปิ ากขอ
2. จากการทดลองในหลอดทดลองพบวา นํ้าแชสกัดจากเมลด็ มฤี ทธย์ิ ับยงั้ การเจริญของเชอื้
Staphylococcus aureus เช้อื ราที่ทําใหเปนกลากเกลอื้ น และราทีท่ าํ ใหเ กดิ โรคผวิ หนังอ่ืนอีกได นอกจาก
นนั้ สารตม สกดั และนํ้าแชส กดั ยังมีฤทธิ์ทําลายพิษของเชอื้ โรคพวกบาซิลลัสไดอ ยา งมีนยั สาํ คญั สารสกดั
แอลกอฮอลสามารถยับย้ังการเจรญิ ของเช้อื Escherichia coli, Candida albicans, C. tropicalis และ
Triphophyton interdigitate สว นสารละลาย arecoline ความเขม ขน 2% ไมสามารถยับยงั้ การเจริญ
ของเช้ือ S. aureus แตส ารสกดั นา้ํ สามารถยับย้งั การเจริญของเชอื้ นไ้ี ด แมใ นขนาดความเขมขน 1 ตอ
10,000 สวน ดังนัน้ ฤทธิฆ์ า เชอื้ อาจเนอ่ื งจากสารพวกฟนอลและแทนนนิ ทมี่ ีมากในเมลด็ ก็ได3
3. สารสกดั น้ํา สารสกดั แอลกอฮอล สารสกัดดว ยกรด และสารสกดั ดว ยดา งจากเมลด็ มฤี ทธ์ิ
ทาํ ใหหลอดเลือดฝอยขาหลงั ของหนูทดลองหดตวั สารสกัดดว ยดา งจะมีฤทธ์แิ รงและนานท่สี ดุ สารสกดั
ดวยแอลกอฮอลมีฤทธิร์ องลงมา สารสกดั นา้ํ และสารสกัดดวยกรดมีฤทธิ์ไมแ รงนกั สารสกดั นํ้าจะเพมิ่
ฤทธิข์ อง adrenaline ท่ีมตี อ หลอดเลอื ดฝอยขาหลงั ของหนทู ดลอง ทงั้ เพม่ิ ความแรงและระยะเวลาใน
การออกฤทธ์ไิ ดน านขนึ้ สารพวกฟนอลจากหมากสามารถเพิ่มฤทธิข์ อง adrenaline แตต วั ของมนั เองไม
3
แสดงฤทธ์ิทําใหห ลอดเลือดหดตวั
4. หมากมีสารทีท่ ําใหเ กดิ มะเรง็ ทีเ่ ยอื่ เมือกในชองปาก ปกติเมอื่ เคีย้ วหมาก จะทําใหการรับรู
ตอรสนอ ยลง ความอยากอาหารลดลง ฟน ดาํ และโยกคลอนงาย ทอ งผูก เจ็บคอนอยลง และยังแกป วด
ทองอกี ดวย อาจเนื่องจากหมากมีแทนนินปรมิ าณมาก ในกลมุ คนทเ่ี คีย้ วหมากเปนประจํา พยาธลิ าํ ไสจะ
ลดลง อาการกระหายนาํ้ ลดลง อาจเนอ่ื งจากฤทธขิ์ อง adrenaline3
5. เมอื่ รับ adrenaline มากเกินไป ทาํ ใหมีอาการพิษเกิดขึน้ มีอาการน้าํ ลายออกมาก น้ําลาย
ยืด อาเจยี น ปสสาวะมาก มึนงง สลบ ชกั ถาเกดิ จากกนิ มากไป แกโดยใชส ารละลายดางทบั ทมิ เจือจาง
ลา งกระเพาะอาหารและฉีด atropine แกอาการพษิ ตา ง ๆ ที่เกดิ ขน้ึ 3
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลนี า ผพู ฒั นพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วัฒน บุญทวีคณุ (คณะบรรณาธิการ). ชอ่ื พรรณไมแ หง ประเทศไทย (เตม็ สมิตินันทน
ฉบับแกไ ขเพิ่มเตมิ พ.ศ. 2544). สํานักวชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พมิ พคร้งั ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ประชาชน จํากดั , 2544.
3. ชัยโย ชยั ชาญทพิ ยุทธ, วชิรา แดนตะวัน, สถาพร ล้ิมมณ,ี ชะนะ ครองรักษา, ทิพวัลย ทรัพยเจริญ. สมนุ ไพร อันดบั ที่ 03: การ
4. รGวoบnรgวมQขFอ .มูลZเhบo้อื nงgตyนaสoําPหaรoบั zงhาiนวXจิ uัยeข.อ2งnโdคeรdง.กาBรศeึกijษinาgว:ิจNยั สatมioนุ nไaพlรC. hกinรeงุ sเทeพTมraหdาiนtiคonรa:lจMฬุ eาdลiงcกinรณe Pมuหbาlวisิทhยinาลgยั H, o2u5s2e7,.2003.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
Page 202
192 กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
โหราเดือยไก: Fuzi (附子)
โหราเดือยไก หรือ ฟูจ่ือ คือ รากแขนงแหงท่ีผานการฆาฤทธิ์ของพืชที่มีช่ือวิทยาศาสตรวา
Aconitum carmichaeli Debx. วงศ Ranunculaceae1
2 เซนตเิ มตร
โหราเดือยไก (Radix Aconiti Lateralis Preparata)
ช่ือไทย: โหราเดอื ยไก (ภาคกลาง)2,3
ชอื่ จนี : ฟูจอ่ื (จีนกลาง), หูจื้อ (จีนแตจ๋วิ )1
ชื่ออังกฤษ: Prepared Common Monkshood Daughter Root1
ชอื่ เครือ่ งยา: Radix Aconiti Lateralis Preparata1
การเกบ็ เกีย่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เกี่ยว:
เก็บเกี่ยวรากในฤดูรอน แยกเอารากแกว รากฝอย และดินออก เอาเฉพาะรากแขนงมาลางน้ํา
ใหสะอาด นาํ ไปตากแหง เกบ็ รกั ษาไวใ นทม่ี อี ากาศเย็นและแหง มีการระบายอากาศดี1
การเตรยี มตัวยาพรอมใช:
การเตรียมตัวยาพรอมใชม ี 5 วธิ ี ดังนี้
วธิ ที ี่ 1 โหราเดือยไกแชน ํ้าเกลอื เตรียมโดยนาํ วัตถุดบิ สมุนไพรท่ปี ราศจากสิ่งปนปลอม มาลา ง
นาํ้ ใหส ะอาด ใสภาชนะที่มีฝาปด เตมิ นา้ํ เกลอื ปรมิ าณท่เี หมาะสม แชท งิ้ ไวขา มคืน แลว เตมิ เกลอื บรสิ ุทธิ์
ลงไปอกี แชอ ยางตอเนอ่ื ง โดยใหน าํ ตัวยาออกมาตากแดดหรือผ่งึ ใหแหง ทุกวัน จากนั้นนําตัวยาไปแชใ น
นาํ้ เกลือใหม แชจ นกระทงั่ ผวิ นอกของตวั ยามผี ลึกของเกลอื เกาะติดอยูเ ม่ือตัวยาแหงแลว และเน้ือในของ
ตัวยามีลักษณะแขง็ 1,4
Page 203
คูมอื การใชส มนุ ไพรไทย-จนี 193
วิธีท่ี 2 โหราเดอื ยไกแวนสดี าํ (ทางการคาเรียก เฮยซุนเพ่ยี น) เตรียมโดยนําวตั ถดุ บิ สมุนไพรท่ี
ปราศจากส่ิงปนปลอม มาลางนํ้าใหส ะอาด นํามาแชใ นนํ้าเกลือหลาย ๆ วัน แลวนาํ ไปตมจนกระท่ังเน้อื ใน
ใส นาํ ตัวยาออกมาลา งดวยนาํ้ สะอาด ห่ันเปนแวนตามยาวขนาดหนาประมาณ 5 มลิ ลิเมตร จากนัน้ นําไป
แชน ํา้ อกี คร้ัง แลว ลางนํ้าใหส ะอาด ยอ มสตี ัวยาดวยสผี สมอาหารใหไ ดสชี าเขม แลวนาํ ไปนง่ึ จนกระท่งั ผวิ
ดานนอกของตัวยามีนํา้ มัน และเปน มัน นาํ ไปปงตอ ใหแ หง ประมาณ 50% แลว นําไปตากแหง หรอื ปงตอ
จนตัวยาแหง1,4
วิธที ี่ 3 โหราเดือยไกแวน สขี าว เตรยี มโดยนาํ วัตถดุ บิ สมนุ ไพรท่ีปราศจากสิ่งปนปลอมมาลา ง
นา้ํ ใหสะอาด นาํ มาแชใ นนาํ้ เกลือหลาย ๆ วนั แลว นําไปตม จนกระท่ังเนือ้ ในใส นาํ ตวั ยาออกมา ปอกเอา
ผวิ นอกออก หนั่ เปนแวนตามยาวขนาดหนาประมาณ 3 มลิ ลเิ มตร จากนัน้ นําไปแชน ํ้าอีกครัง้ ลา งน้าํ ให
สะอาด นําไปนึง่ จนกระท่ังมองเหน็ เน้อื ในตวั ยา ตากแดดใหแหงประมาณ 50% แลวรมดว ยควันกํามะถัน
ตากแดดใหแหง 1,4
วธิ ที ่ี 4 โหราเดอื ยไกค ่วั เตรยี มโดยนาํ ทรายท่ีสะอาดใสใ นภาชนะท่เี หมาะสม แลว ใหความรอ น
ทอ่ี ุณหภูมิสูง ใสต ัวยาทไี่ ดจ ากวิธที ี่ 3 คนอยางสมา่ํ เสมอจนกระทงั่ ตัวยาเร่ิมพองตวั และเปลย่ี นสเี ลก็ นอย
นําออกจากเตา รอ นเอาทรายออก แลวตงั้ ทง้ิ ไวใหเย็น4
วิธีท่ี 5 โหราเดือยไกจืด เตรยี มโดยนําตวั ยาทไี่ ดจ ากวิธที ี่ 1 มาแชนํ้าสะอาดในภาชนะท่ีเหมาะสม
โดยเปลย่ี นนํ้าทกุ วนั วนั ละ 2-3 คร้ัง จนกระทัง่ ตวั ยาไมม รี สเคม็ ของเกลอื แลว นําไปนึ่งพรอมกบั ถั่วดาํ
ชะเอมเทศ และน้าํ ในปริมาณท่ีเหมาะสม น่ึงจนกระทง่ั มองเห็นเนอ้ื ในตวั ยา เมื่อนาํ มาห่ันและชิมดูจะไม
รูส กึ ชาทล่ี น้ิ จากนน้ั นาํ ออกจากเตา แยกเอาถั่วดาํ และชะเอมเทศออก เอาเฉพาะตัวยา นํามาหั่นเปนแผน
บาง ๆ ตากใหแ หง (ใชถ ั่วดาํ 10 กิโลกรมั และชะเอมเทศ 5 กโิ ลกรัม ตอตวั ยาทเี่ ตรยี มโดยวิธีท่ี 1 หนกั
100 กโิ ลกรมั )4
คุณภาพของตวั ยาจากลักษณะภายนอก:
6
ตัวยาท่มี คี ณุ ภาพดี ตอ งเปนแวน ขนาดหนาสมํ่าเสมอ หนาตัดสีเหลอื งอมนํ้าตาลเปน มนั
สรรพคณุ ตามตาํ ราการแพทยแ ผนจีน:
โหราเดือยไก รสเผ็ด รอน มฤี ทธเ์ิ สริมหยางใหร ะบบหวั ใจ ใหค วามอบอุนแกก ระเพาะอาหาร
เสรมิ ความแขง็ แรงของไต บํารุงธาตุไฟ กระจายความเย็นท่ีมาจับ บรรเทาอาการปวด รางกายออนแอจาก
ปวยเร้อื รัง เหงอ่ื ออกมาก อาเจยี นมาก ถา ยมาก มอื เทา เยน็ ปวดปส สาวะบอยตอนกลางคนื 1
โหราเดือยไกเปน สมุนไพรทีม่ พี ษิ จึงตองฆา ฤทธ์ยิ ากอ นใช ซง่ึ ทาํ ไดหลายวธิ โี ดยมวี ตั ถปุ ระสงค
1
เพื่อลดพิษของยาและเพือ่ สะดวกในการใช
Page 204
194 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
โหราเดอื ยไกแ ชนํา้ เกลอื มีวัตถปุ ระสงคเพื่อปองกันใหต วั ยาไมเนาเสยี สะดวกในการเก็บรักษา4
โหราเดือยไกแ วน สีดาํ และโหราเดอื ยไกแ วน สีขาว ไดผานกระบวนการฆา ฤทธย์ิ าแลว จงึ สามารถ
4
นํามาใชเขาตํารบั ยาไดเลย
โหราเดือยไกคั่ว มีฤทธ์ิใหความอบอุนแกไตเพื่อใหมามฟนคืนสูสภาพปกติเปนหลัก เหมาะ
สาํ หรบั ผปู ว ยทมี่ ีอาการหนาวเย็นปวดทองและทรวงอก อาเจยี นและทอ งเสยี 4
โหราเดือยไกจืด มีฤทธ์ิแรงในการชวยเสริมหยางเพ่ือใหผูปวยหนักฟนตัว บรรเทาอาการปวด
เหมาะสาํ หรับผปู วยที่หยางพรองมาก มือเทาเย็น ชีพจรเตนจังหวะออน เกิดอาการบวมนา้ํ 4
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแผนไทย:
โหราเดือยไก มีสรรพคณุ แกลมจับโปง (แกปวดตามขอ ) และใชภ ายนอกเปนยาชาเฉพาะที่3
ขนาดท่ใี ชและวิธีใช:
การแพทยแผนจีน ใชขนาด 3-15 กรัม ตมเอานํ้าดื่ม1
ขอ หามใช ขอควรระวัง และอาการขา งเคยี ง:
หามใชในหญงิ มคี รรภ และหามใชรว มกบั ตัวยา ปน เซ่ยี เปยห มู กวาโหลว ไปจี๋ เพราะเมือ่ ใช
รว มกันแลว จะทาํ ใหฤทธข์ิ องตัวยาหมดไป (การแพทยแผนจีน)1
ขอ มูลวิชาการท่ีเกี่ยวขอ ง:
1. โหราเดอื ยไก มีฤทธ์ิลดความดันโลหิตในสุนัข ตานอักเสบในหนูถีบจักร และหนขู าว7 ระงับ
8
ปวดในหนูถีบจักร และเสรมิ ภมู ติ า นทานในหนขู าว
2. โหราเดอื ยไก มสี รรพคุณรกั ษาโรคหัวใจ8
3. โหราเดือยไกมีพิษมาก ความเปนพิษแตกตางกันมากหรือนอยจะขึ้นอยูกับแหลง ปลกู อายุ
เก็บเกีย่ ว วิธีฆา ฤทธ์ขิ องยา และระยะเวลาในการตม มีรายงานวา โหราเดอื ยไกจ ากแหลง ตา ง ๆ มคี วาม
เปนพิษแตกตางกันถึง 8 เทา เม่ือฆาฤทธิ์ของยาแลวจะสามารถลดพิษไดมากถึง 81% โดยทั่วไปขนาด
ของยาที่ทาํ ใหเ ปนพิษจะสูงกวา ขนาดรับประทานมาก3 การศกึ ษาพษิ เฉียบพลันในหนูถีบจกั ร โดยฉีดสาร
สกัดน้าํ เขาหลอดเลือดดําพบวา ขนาดสารสกัดเทยี บเทา ผงยาที่ทําใหห นถู บี จกั รตายรอยละ 50 (LD50) มี
คา เทากับ 13.75 กรมั /กโิ ลกรมั และขนาดของสารสกดั ตํ่าสดุ ที่ทําใหหนขู าวตายเทยี บเทาผงยา 23.40
กรัม/กิโลกรมั 8
เอกสารอางอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
Page 205
คมู ือการใชสมนุ ไพรไทย-จนี 195
2. ลีนา ผูพ ัฒนพงศ, กองกานดา ชยามฤต, ธรี วฒั น บุญทวคี ุณ (คณะบรรณาธกิ าร). ชอ่ื พรรณไมแหง ประเทศไทย (เต็ม สมิตินนั ทน
ฉบับแกไ ขเพม่ิ เติม พ.ศ. 2544). สาํ นกั วชิ าการปา ไม. กรมปา ไม. พิมพครัง้ ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษทั ประชาชน จํากดั , 2544.
3. ชยันต วเิ ชยี รสุนทร, แมนมาส ชวลติ , วิเชียร จรี วงศ. คาํ อธิบายตําราพระโอสถพระนารายณ. พิมพค รงั้ ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร :
สํานกั พิมพอมรนิ ทร, 2548.
4. Gong QF. Zhongyao Paozhi Xue. 2nd ed. Beijing: National Chinese Traditional Medicine Publishing House, 2003.
5. Ye DJ, Zhang SC, Huang WL, Pan SH, Gong QF, Chen Q. Processing of Traditional Medicine. 7th ed. Shanghai:
Publishing House of Shanghai College of Traditional Chinese Medicine, 2001.
6. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
7. Bensky D, Gamble A. Chinese herbal medicine: Materia medica. Revised edition. Washington: Eastland Press,
1993.
8. Qu SY. Radix Aconiti Lateralis Preparata: fu zi. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.).
Modern study of pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press,
1999.
Page 206
196 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
อบเชยจนี : Rougui (肉桂)
อบเชยจีน หรือ โรวกุย คือ เปลือกตนของพืชที่มีช่ือวิทยาศาสตรวา Cinnamomum cassia
Presl วงศ Lauraceae1
5 เซนติเมตร 2 เซนติเมตร
อบเชยจีน (Cortex Cinnamomi)
ชื่อไทย: อบเชยจีน2,3
ชื่อจีน: โรวกุย (จีนกลาง), เหน็กกุย (จีนแตจิ๋ว)1
ช่ืออังกฤษ: Cassia Bark1
ชื่อเคร่ืองยา: Cortex Cinnamomi1
การเกบ็ เกีย่ วและการปฏบิ ตั หิ ลังการเก็บเก่ียว:
เก็บเกี่ยวเปลือกตนในฤดูใบไมรวง ทําใหแหงในที่รม เก็บรักษาไวในทีม่ ีอากาศเย็นและแหง
มีการระบายอากาศดี1
การเตรียมตัวยาพรอมใช:
นําวตั ถดุ ิบสมนุ ไพรมาขูดผวิ สว นที่ขรุขระออก แลว หัน่ เปน ชิน้ บาง ๆ หรือทุบใหแ ตกกอ นใช1 ,4
คุณภาพของตัวยาจากลักษณะภายนอก:
ตัวยาท่ีมีคุณภาพดี ตองมีน้ําหนัก ผิวนอกละเอียด เน้ือหนา ดานหนาตัดสีมวงแดงหรือสี
แดงเขม มีน้ํามันมาก กลิ่นหอมฉุนมาก รสเผ็ดอมหวาน เมื่อเค้ียวจะมีกากนอย5
สรรพคุณตามตําราการแพทยแผนจีน:
อบเชยจีน รสเผด็ อมหวาน รอน มฤี ทธเ์ิ สรมิ หยาง บาํ รุงธาตไุ ฟในระบบไต แกอวยั วะเพศไม
แขง็ ตัว มดลกู เย็น ปสสาวะบอยตอนกลางคนื หลั่งเรว็ กลั้นปส สาวะไมอ ยู และมีฤทธ์กิ ระจายความเย็น
Page 207
คมู ือการใชสมุนไพรไทย-จีน 197
ระงับปวด รกั ษาอาการหยางของมา มและไตพรอ ง (ปวดทอ งนอ ย คลน่ื ไสอ าเจียน มือเทา เย็น อุจจาระ
เหลว) รวมทั้งมีฤทธิ์ใหความอบอุนและทะลวงจิงลั่ว ทาํ ใหระบบหมุนเวียนท้ังเลือดและชี่หมุนเวียนดี
กระจายความเยน็ ระงบั ปวด ชาเนอ่ื งจากความเย็น แกประจาํ เดือนไมม าเนือ่ งจากภาวะพรอง เยน็ ทาํ ให
การหมุนเวยี นของเลอื ดตดิ ขัด ปวดประจาํ เดอื น เปน ตน 1,3
สรรพคุณตามตาํ ราการแพทยแ ผนไทย:
อบเชยจีน รสเผ็ด หวาน สรรพคุณแกลมอัณฑพฤกษ ปลกุ ธาตอุ ันดับใหเจริญ แกไขสันนิบาต
แกออนเพลยี ขบั ผายลม6
ขนาดทใ่ี ชแ ละวิธใี ช:
การแพทยแ ผนจีน ใชข นาด 1-4.5 กรัม ตม เอานํา้ ดม่ื 1
ขอหา มใช ขอควรระวงั และอาการขางเคยี ง:
ควรระมดั ระวังในการใชใ นผปู ว ยท่ีมีแนวโนม เลือดออกงาย1 หา มใชในผปู วยทเ่ี ปน ไขโ ดยไมรู
สาเหตุ หรือในสตรีมีครรภ และผปู วยทเ่ี ปนแผลในกระเพาะอาหาร รวมท้งั ผูปวยที่แพอ บเชยจีน7 ในทาง
การแพทยแ ผนจนี ไมใ ชอบเชยจีนรวมกับช่ือสอื จือ เพราะจะถกู ลางฤทธิ์ได1
ขอมูลวิชาการทีเ่ กี่ยวขอ ง:
1. สารสกัดน้าํ ขนาดเทียบเทา ผงยา 20 กรัม/กโิ ลกรัม มฤี ทธิ์ลดไข บรรเทาอาการปวดในหนูถบี
จักร และสาร cinnamic acid ทีแ่ ยกไดจากเปลอื กตนอบเชยจนี แสดงฤทธ์ิระงับปวดในหนูทดลอง และ
แสดงฤทธ์ลิ ดไขใ นกระตาย8
2. เมอ่ื ใหกระตา ยรบั ประทานผงอบเชยจนี ขนาด 1.2 กรัม/กโิ ลกรมั ติดตอกนั นาน 6 วนั พบวา
มฤี ทธชิ์ ว ยใหอ าการขาดออกซิเจนของกลา มเนื้อหวั ใจดีข้ึน และสารสกดั สามารถเพิ่มการไหลเวยี นของเลอื ด
ทไ่ี ปเลี้ยงหวั ใจในหนูตะเภา นอกจากน้ีเมอื่ ใหหนขู าวรบั ประทานสารสกดั นํา้ ขนาดเทยี บเทาผงยา 10 กรัม/
กโิ ลกรมั หรอื สารสกัดอีเทอร (น้าํ มันหอมระเหย) ขนาด 0.8 มลิ ลลิ ติ ร/กิโลกรมั วนั ละคร้งั ติดตอกนั
นาน 5 วนั พบวา สามารถตานการแข็งตวั ของเลือดได8
3. สารสกัดนาํ้ ยังมีฤทธติ์ า นเชอ้ื แบคทีเรยี และเชื้อไวรสั บางชนดิ ในหลอดทดลอง3
4. การศกึ ษาพิษเฉยี บพลันในหนูถีบจกั ร โดยฉดี สารสกัดน้ําเขาหลอดเลือดดํา และใหโ ดยวิธี
รับประทาน พบวาขนาดของสารสกดั นํา้ เทยี บเทา ผงยาท่ีทาํ ใหหนูถีบจกั รตายรอยละ 50 (LD50) มคี า
เทา กับ 18.48 และ 120 กรมั /กโิ ลกรมั ตามลาํ ดบั และเมอ่ื ใหสาร cinnamic acid แกห นูถบี จกั รโดยวิธี
รับประทาน ฉีดเขาหลอดเลือดดาํ และ ฉดี เขาชอ งทอ ง พบวา ขนาดของสารดังกลาวท่ีทาํ ใหห นูถีบจกั ร
ตายรอ ยละ 50 (LD50) มคี าเทา กับ 225, 132 และ 610 มลิ ลิกรมั /กโิ ลกรมั ตามลาํ ดบั 8
Page 208
198 กรมพฒั นาการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
5. การทดสอบความเปนพษิ พบวา เม่ือปอนสารสกัดเปลือกอบเชยจนี ดวย 70% แอลกอฮอล
9
ใหหนขู าวในขนาด 500 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม และขนาดทท่ี าํ ใหห นถู บี จักรตายมีคา
ไมเปน พิษตอ ตวั ออ น
มากกวา 2 กรมั /กโิ ลกรมั เม่ือปอ นสารสกัดยาตํารับดวยนํ้าใหหนูถบี จกั รหรือหนูขาว ขนาดทที่ าํ ใหหนู
ตายครึง่ หนึ่งคือ 15 กรัม/กโิ ลกรัม10 เมื่อปอ นยาตํารับใหกระตายในขนาด 0.8 กรมั /กโิ ลกรมั ไมพบพิษ11
เมอ่ื ฉีดสารสกดั เปลอื กอบเชยจนี ดวยแอลกอฮอลเ ขาชอ งทองหนูถีบจักร พบวาขนาดท่ที ําใหห นตู ายเปน
จาํ นวนคร่งึ หนึ่งคือ 1 กรมั /กโิ ลกรมั 12 และการฉดี ยาตํารบั เขาชองทองหนถู บี จักร พบวา ขนาดท่ที ําให
สตั วทดลองตายเปนจํานวนครง่ึ หน่ึงคือ 23.6 กรัม/กิโลกรัม13
6. มีรายงานการศึกษาวิจัยทางคลินิกในประเทศจีนวา เม่ือใหผูปวยโรคบิดชนิดเฉียบพลัน
จํานวน 110 คน รับประทานยาแคปซลู อบเชยจีน 1.2-1.5 กรมั ติดตอ กัน 2 ครัง้ โดยใหห า งกันครัง้ ละ
1 ช่วั โมง หลังจากน้ันใหรบั ประทานอีก 1.2-1.5 กรมั ติดตอ กัน 3 ครัง้ โดยใหห างกนั ครงั้ ละ 2 ชวั่ โมง
พบวา ยาแคปซูลอบเชยจีนสามารถรกั ษาโรคบดิ ชนดิ เฉียบพลนั ไดอยางมนี ัยสําคญั เมื่อเปรยี บเทยี บกบั
กลุมควบคุม8
เอกสารอางองิ
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I.
English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ชยันต พิเชียรสุนทร, แมน มาส ชวลติ , วเิ ชยี ร จีรวงศ. คําอธิบายตาํ ราพระโอสถพระนารายณ. พมิ พค รั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร :
สํานักพิมพอมรนิ ทร, 2548.
3. เยน็ จิตร เตชะดาํ รงสิน. การพัฒนาสมุนไพรแบบบรู ณาการ. กรุงเทพมหานคร: สํานกั งานกิจการโรงพมิ พ องคการทหารผานศึกใน
พระบรมราชูปถมั ภ, 2550.
4. Lei GL, Dun BS. Zhongyao Paozhi Jishu Zhinan. 1st ed. Xi-an: World Library Publishing House, 2002.
5. Liu TS, Pan QP, Zhou YS, Wu ZY. XiuZhen Zhongyaoyinpian Caise Tuben. 1st ed. Hunan: Hunan Science &
Technology Publishing House, 2006.
6. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภรี เภสัชรัตนโกสนิ ทร. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ัท ศลิ ปสยามบรรจภุ ัณฑแ ละการพิมพ จํากัด, 2547.
7. World Health Organization. WHO monographs on selected medicinal plants. Volume 1. Geneva: World Health
Organization, 1999.
8. Qu SY. Cortex Cinnamomi: rou gui. In: Wang BX, Ma JK, Zheng WL, Qu SY, Li R, Li YK (eds.). Modern study of
pharmacology in traditional Chinese medicine. 2nd ed. Tianjin: Tianjin Science & Technology Press, 1999.
9. Yamasaki K, Hokoyama H, Nunoura Y, Umezawa C, Yoneda K. Studies on effect of crude drugs on enzyme
activities. 1. Influence of cinnamon bark upon protein digestive action by pancreatin. Shoyakugaku Zasshi 1982;
36:11-6.
10. Aburada M, Takeda S, Ito E, Nakamura M, Hosoya E. Protective effects of juzentaihoto, dried decoction of 10
Chinese herbs mixture, upon the adverse effects of mitomycin C in mice. J Pharmacobio Dyn 1983; 6(12): 1000-4.
11. Akhtar MS. Hypoglycaemic activities of some indigenous medicinal plants traditionally used as antidiabetic drugs. J
Pak Med Ass 1992; 42(11): 271-7.
12. Woo WS, Lee EB, Han BH. Biological evaluation of Korean medicinal plants. III. Arch Pharm Res 1979; 2: 127-31.
13. Shin KH, Lee EB, Chung MS, Kim OJ, Yoon KY. The acute and subacute toxicities and pharmacological actions of
Gami Ssanghwa Tang preparations. Korean J Pharmacog 1990; 21(2): 179-85.