46
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ ผลการเรยี นร้ทู ่คี าดหวัง
มาตรฐานที่ 2.2 มคี วามรู้ความเขา้ ใจ และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกบั คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง
คณิตศาสตร์
มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับจา้ นวนและการ 1. ระบุ หรอื ยกตัวอย่างเกย่ี วกับจา้ นวนและการด้าเนินการ
ดา้ เนินการ เศษสว่ นและทศนยิ ม เลขยกก้าลงั เศษส่วน และทศนิยม เลขยกกา้ ลงั อัตราสว่ น สดั สว่ น และ
อัตราส่วนสัดส่วน และร้อยละ การวัด ปริมาตรและ ร้อยละ การวัด การหาปรมิ าตรและพื้นทผี่ ิว ค่อู ันดแบัละ
พืน้ ทีผ่ วิ คู่อนั ดับและกราฟ ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง กราฟความสมั พนั รธะ์ หวา่ งรูปเรขาคณิตสองมติ ิและเรขาคณติ
รูปเรขาคณิตสองมติ แิ ละเรขาคณิตสามมติ ิ สถติ ิ สามมติ ิ สถติ ิและ ความน่าจะเปน็
และความน่าจะเปน็ 2. สามารถคดิ ค้านวณและแก้โจทย์ปญั หาท่ใี ชใ้ น
ชีวิตประจา้ วนั
47
รายวชิ าบงั คบั
สาระความรพู้ ืน้ ฐาน คณติ ศาสตร์
มาตรฐานที่ รหสั รายวชิ า ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หนว่ ยกิต
2.2 พค21001 รายวิชา 4
คณติ ศาสตร์ 4
รวม
48
คาอธบิ ายรายวิชา พค21002 คณิตศาสตร์ จานวน 4 หนว่ ยกิต
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
มาตรฐานที่ 2.2 มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกี่ยวกบั คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั จ้านวนและการด้าเนนิ การ เศษสว่ นและทศนิยม เลขยกก้าลัง อัตราส่วน
สัดส่วน และร้อยละ การวดั ปรมิ าตรและพ้ืนท่ผี วิ คู่อันดบั และกราฟ ความสมั พันธ์ระหว่างรูปเรขาคณติ สองมิตแิ ละ
เรขาคณติ สามมิติ สถิตแิ ละความนา่ จะเปน็
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกย่ี วกบั เร่อื งดังตอ่ ไปน้ี
จานวนและการดาเนนิ การ จา้ นวนเต็มบวก จา้ นวนเต็มลบ และศูนย์ การเปรียบเทียบจา้ นวนเต็ม
การบวก ลบ คณู และหารจา้ นวนเต็ม สมบตั ขิ องจา้ นวนเต็มและการนา้ ไปใช้
เศษสว่ นและทศนยิ ม ความหมายของเศษส่วนและทศนยิ ม การเขียนเศษสว่ นและทศนยิ ม และ
เขยี นทศนยิ มซ้าเป็นเศษสว่ น การเปรียบเทียบเศษส่วนและทศนิยม การบวก ลบ คณู หาร เศษสว่ นและทศนิยม
โจทยป์ ัญหาหรอื สถานการณเ์ กีย่ วกับเศษส่วนและทศนิยม
เลขยกกาลงั ความหมายของเลขยกก้าลัง การเขยี นแสดงจ้านวนในรปู สัญกรณว์ ิทยาศาสตร์ การ
คณู และการหารเลขยกก้าลังทีม่ ฐี านเดยี วกัน และเลขชก้ี ้าลงั เป็นจา้ นวนเต็ม
อตั ราส่วน สัดส่วน และร้อยละ การแกโ้ จทย์ปญั หาเกีย่ วกบั อัตราส่วน สดั สว่ นและรอ้ ยละ
การวัด หน่วยความยาว พ้นื ท่ี การหาพ้นื ท่ขี องรูปเรขาคณติ การแก้ปัญหา หรือสถานการณใ์ น
ชวี ิตประจา้ วนั โดยใชค้ วามรู้เก่ยี วกบั พนื้ ทีแ่ ละการคาดคะเน
ปริมาตรและพืน้ ท่ผี ิว การหาพน้ื ที่ผิว และปรมิ าตรของปรซิ มึ ทรงกระบอก การหาปรมิ าตรของ
พรี ะมิด กรวย และทรงกลม การเปรียบเทียบหน่วยปริมาตร การแกโ้ จทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั พ้ืนทผี่ ิว และปรมิ าตร
ค่อู ันดบั และกราฟ คู่อันดับและกราฟ การนา้ ไปใช้
ความสมั พันธ์ของรปู เรขาคณิตสองมติ ิและสามมติ ิ ภาพของรปู เรขาคณิตสองมิตทิ เ่ี กิดจากการคลรี่ ปู
เรขาคณติ สามมิติ ภาพทไ่ี ดจ้ ากการมองทางดา้ นหนา้ ด้านขา้ งหรือด้านบนของรูปเรขาคณติ สามมิติ การวาดหรอื ประดษิ ฐ์
รูปเรขาคณิตทปี่ ระกอบข้ึนจากลูกบาศก์
สถิติ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การน้าเสนอขอ้ มลู การหาคา่ กลางของขอ้ มูล การเลอื กใชค้ ่ากลางของ
ขอ้ มลู การอา่ น การแปลความหมายและการวิเคราะห์ข้อมลู การใชข้ ้อมลู สารสนเทศ
ความน่าจะเปน็ การทดลองสุ่มและเหตุการณ์ การหาความนา่ จะเป็นของเหตุการณแ์ ละการ
นา้ ไปใช้
49
การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
จัดประสบการณห์ รอื สถานการณใ์ นชวี ติ ประจา้ วันใหผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ โดยการปฏบิ ัติจริง
ทดลอง สรปุ รายงาน เพอื่ พฒั นาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคา้ นวณ การแก้ปญั หา การให้เหตุผล การสือ่
ความหมายทางคณติ ศาสตรแ์ ละนา้ ประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการที่ไดไ้ ปใชใ้ นการเรยี นรู้
ส่งิ ตา่ ง ๆ และใช้ ในชีวติ ประจ้าวนั อย่างสรา้ งสรรค์ รวมทงั้ เหน็ คณุ คา่ และมีเจตคติทด่ี ตี อ่ คณิตศาสตร์ สามารถทา้ งาน
อย่างเปน็ ระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มวี จิ ารณญาณและมคี วามเช่อื มัน่ ในตนเอง
การวดั และประเมนิ ผล
ใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคลอ้ งกับเน้อื หาและทกั ษะทต่ี อ้ งการวัด
50
รายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า พค21001 คณิตศาสตร์ จานวน 4 หน่วยกิต
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
มาตรฐานท่ี 2.2 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกบั คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชวี้ ัด เน้อื หา จานวน
1 จ้านวนและ (ชั่วโมง)
1. ระบหุ รอื ยกตวั อยา่ งจ้านวนเต็มบวก 1. จ้านวนเต็มบวก จ้านวน
การด้าเนนิ การ จา้ นวนเต็มลบ และศนู ย์ได้ เตม็ ลบ และศูนย์ 3
(25) 3
2. เปรยี บเทยี บจา้ นวนเตม็ ได้ 2. การเปรยี บเทยี บจ้านวนเต็ม 13
2 เศษสว่ นและ 3. บวก ลบ คณู หาร จ้านวนเต็ม 3. การบวก ลบ คณู และหาร 6
ทศนยิ ม
(22) และอธิบายผลทเี่ กดิ ขึ้นได้ จา้ นวนเต็ม 1
4. บอกสมบตั ิของจ้านวนเตม็ และ 4. สมบัติของจ้านวนเตม็ และ 2
3 เลขยกกา้ ลงั
(13) นา้ ความรเู้ ก่ยี วกบั สมบตั ิของจา้ นวน การน้าไปใช้ 2
เต็มไปใช้ได้ 12
1. บอกความหมายของเศษส่วน และ 1. ความหมายของเศษสว่ น 5
ทศนยิ มได้ และทศนยิ ม
2. เขียนเศษสว่ นในรูปทศนยิ มและเขยี น 2
ทศนยิ มซ้าในรูปเศษสว่ นได้ 2. การเขยี นเศษสว่ นดว้ ย
ทศนยิ ม และการเขยี น 4
3. เปรียบเทียบเศษสว่ นและทศนยิ มได้ ทศนยิ มซา้ เป็นเศษสว่ น
4. บวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ นและ 3. การเปรยี บเทียบเศษส่วน
ทศนยิ มได้ และอธิบายผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ได้ และทศนิยม
5. น้าความรเู้ กยี่ วกบั เศษสว่ นและ 4. การบวก ลบ คณู หาร
ทศนยิ มไปใชแ้ ก้โจทยป์ ัญหา รวมทั้ง เศษสว่ นและทศนยิ ม
สถานการณเ์ กี่ยวกบั ความนา่ จะเป็นได้
5. โจทยป์ ัญหาหรอื
1. บอกและเขยี นเลขยกกา้ ลงั ทม่ี ีเลข สถานการณ์ เกีย่ วกบั การ
ชกี้ ้าลังเป็นจ้านวนเตม็ แทนจา้ นวน บวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน
ทกี่ า้ หนดให้ได้ และทศนยิ ม
2. บอกและน้าเลขยกกา้ ลังมาใช้ ใน 1. ความหมายของเลขยก
ก้าลงั
2. การเขยี นแสดงจา้ นวนใน
51
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ดั เนอื้ หา จานวน
(ชัว่ โมง)
4 อัตราสว่ นและ การเขียนแสดงจ้านวนใน รปู สญั กรณ์ รปู สญั กรณ์วทิ ยาศาสตร์
รอ้ ยละ วิทยาศาสตรไ์ ด้ 3. การคูณและการหารเลขยก 7
(20) 3. คณู และหารของเลขยกกา้ ลงั ทมี่ ีฐาน
เดียวกัน และเลขชีก้ ้าลงั เป็นจ้านวน ก้าลังท่มี ฐี านเดยี วกัน และ 5
5 การวัด เต็มได้ เลขชีก้ ้าลังเปน็ จา้ นวนเต็ม 3
1. กา้ หนดอตั ราส่วนได้ 5
6 ปริมาตรและ 2. คา้ นวณสดั ส่วนได้ 1. อัตราสว่ น 7
พน้ื ท่ผี วิ (16) 3. หาค่าของรอ้ ยละได้ 2. สดั สว่ น
4. แก้โจทยป์ ญั หาในสถานการณ์ตา่ งๆ 3. ร้อยละ 1
เก่ยี วกบั อัตราสว่ น สัดส่วน และ 4. การแกโ้ จทย์ปญั หาเกีย่ วกับ 1
รอ้ ยละได้ 2
1. เปรียบเทยี บหน่วยความยาวพนื้ ท่ใี น อัตราสว่ น สัดสว่ น และ 4
ระบบเดียวกันและตา่ งระบบได้ ร้อยละ
2. เลือกใช้หนว่ ยการวดั เก่ยี วกับความ 1. การเปรยี บเทยี บหน่วย 2
ยาวและพืน้ ทไี่ ด้อย่างเหมาะสม ความยาวพ้ืนที่ 3
3. หาพ้ืนท่ขี องรูปเรขาคณติ ได้ 2. การเลอื กใชห้ น่วยการวดั
เกยี่ วกับความยาวและพ้ืนท่ี 2
4. แก้โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกับพนื้ ท่ี 3. การหาพนื้ ที่ของรปู 5
สถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจา้ วนั ได้ เรขาคณิต
4. การแก้โจทย์ปัญหาเก่ียวกบั
5. อธิบายวธิ ีการคาดคะเนและนา้ วธิ กี าร พื้นทใ่ี นสถานการณต์ า่ งๆ
ไปใชใ้ นการคาดคะเนเวลา ระยะทาง 5. การคาดคะเนเวลา
ขนาด น้าหนกั ได้ ระยะทาง ขนาด น้าหนกั
1. อธิบายลกั ษณะและสมบัตขิ องปรซิ ึม 1. การหาพื้นที่ผิวและ
พรี ะมดิ ทรงกระบอก กรวย ทรงกลม ปริมาตรของปรซิ ึม
หาปริมาตรและพื้นท่ีผิวของปริซึมได้
2. การหาปรมิ าตรและพ้นื ที่
2. หาปริมาตรและพืน้ ทผี่ วิ ของ ผวิ ของทรงกระบอก
ทรงกระบอกได้
3. การหาปรมิ าตรของพีระมดิ
3. หาปรมิ าตรของพีระมิด กรวย และ กรวยและทรงกลม
ทรงกลมได้
52
ท่ี หวั เรื่อง ตวั ช้วี ัด เน้อื หา จานวน
(ช่วั โมง)
7 คู่อนั ดับและ 4. เปรยี บเทยี บหนว่ ย ความจุ หรอื หนว่ ย 4. การเปรียบเทยี บหนว่ ย
กราฟ (8) ปริมาตรในระบบเดียวกนั หรือต่าง ปริมาตร 2
ระบบ และเลอื กใชห้ นว่ ยการวดั
8 ความสัมพนั ธ์ เก่ยี วกับความจหุ รอื ปริมาตรไดอ้ ยา่ ง 5. การแก้โจทย์ปัญหาเกย่ี วกับ 2
ระหวา่ งรูป เหมาะสม ปริมาตรและพื้นทผี่ ิว
เรขาคณิตสอง 2
มิตแิ ละสามมิติ 5. ใชค้ วามร้เู ก่ียวกบั ปริมาตรและพ้นื ที่ผิว 6. การคาดคะเนปริมาตรและ 2
(10) แก้ปญั หาในสถานการณต์ ่างๆ ได้ พน้ื ที่ผิว 3
3
9 สถติ ิ (21) 6. ใช้การคาดคะเนเกี่ยวกับปรมิ าตรและ 1. คู่อนั ดบั 4
พ้ืนทผ่ี ิวในสถานการณ์ตา่ งๆ ได้อย่าง 2. กราฟ
เหมาะสม 3. การน้าคู่อนั ดับและกราฟ 4
1. อา่ นและอธบิ ายความหมายคูอ่ ันดับได้ ไปใช้ 2
2. อ่านและแปลความหมายกราฟบน
1. ภาพของรปู เรขาคณติ สอง 2
ระนาบพกิ ัดฉากทก่ี ้าหนดให้ได้ มติ ทิ เ่ี กิดจากการคลร่ี ูป 6
3. เขียนกราฟแสดงความเกยี่ วขอ้ งของ เรขาคณิตสามมติ ิ
ปรมิ าณสองชดุ ท่ีกา้ หนดใหไ้ ด้ 2. ภาพของมิติที่ไดจ้ ากการ
1. อธิบายลกั ษณะของรูปเรขาคณติ สาม มองด้านหน้า ด้านข้าง หรือ
ด้านบนของรูปเรขาคณติ
มิติจากภาพสองมติ ิที่ก้าหนดใหไ้ ด้ สามมติ ิ
2. ระบุภาพสองมติ ทิ ไี่ ดจ้ ากการมอง
3. การวาดหรือประดิษฐร์ ปู
ดา้ นหน้า ดา้ นขา้ ง ดา้ นบน ของรปู เรขาคณิตท่ีประกอบขึน้
เรขาคณติ สามมติ ิทกี่ า้ หนดให้ได้ จากลูกบาศก์
3. วาดหรอื ประดษิ ฐ์รปู เรขาคณิตท่ี 1. การรวบรวมข้อมูล
ประกอบข้นึ จากลูกบาศก์ เม่ือกา้ หนด 2. การน้าเสนอข้อมลู
ภาพสองมิติท่ีไดจ้ ากการมองทาง
ด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านบนได้
1. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี หมาะสมได้
2. นา้ เสนอข้อมูลในรูปแบบท่เี หมาะสม
ได้
53
ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ชีว้ ดั เนอื้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
3. การหาค่ากลางของข้อมลู ที่ ไม่ 3. การหาค่ากลางของข้อมูล
แจกแจงความถไี่ ด้ 7
4. การเลือกใชค้ า่ กลาง ของ 2
4. เลือกและใชค้ า่ กลางของขอ้ มูล ขอ้ มลู 2
ทกี่ ้าหนดให้ไดอ้ ย่างเหมาะสม
5. การอา่ น การแปล 2
5. อา่ น แปลความหมาย และวิเคราะห์ ความหมายและ
ข้อมูล จากการน้าเสนอขอ้ มลู การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 3
ทีก่ า้ หนดใหไ้ ด้ 7
6. การใชข้ ้อมูลสารสนเทศ 5
6. อภิปรายและให้ข้อคิดเหน็ เก่ียวกบั
ข้อมูลข่าวสารทางสถติ ิที่สมเหตสุ มผล 1. การทดลองสุ่ม และ
ได้ เหตกุ ารณ์
10 ความน่าจะเป็น 1. อธิบายเกี่ยวกบั การทดลองสมุ่ และ 2. การหาความนา่ จะเปน็ ของ
(15) เหตกุ ารณ์ได้ เหตกุ ารณ์
2. หาคา่ ความน่าจะเป็นของ เหตกุ ารณ์
ได้ 3. การน้าความน่าจะเปน็ ของ
3. ใชค้ วามรู้เกย่ี วกับความน่าจะ เป็นใน เหตุการณต์ ่างๆ ไปใช้
การคาดการณ์ได้อย่าง สมเหตุสมผล
1. ลักษณะประเภทของงาน
11 การใช้ทกั ษะ 1. สามารถวิเคราะห์งานอาชีพใน อาชีพทใ่ี ช้ทักษะทาง
กระบวนการ สังคมทีใช้ทกั ษะทาง คณิตศาสตร์
ทางคณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์
ในงานอาชพี 2. มคี วามสามารถในการ 2. การนา้ ความรทู้ าง
เชือ่ มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ทาง คณิตศาสตร์ไป เชอ่ื มโยง
คณติ ศาสตรก์ ับงานอาชพี ได้ กับงานอาชพี ในสังคม
54
รายวชิ าภาษาภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวัน
55
56
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
มาตรฐานท่ี 2.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกบั ภาษาและการส่อื สาร
มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกย่ี วกับ ภาษา 1. เขา้ ใจเก่ียวกับภาษา ท่าทาง ฟัง พดู อา่ น เขียน
ทา่ ทาง การฟงั พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ย ด้วยประโยคทซี่ บั ซ้อนในชวี ติ ประจา้ วนั และงานอาชีพ
ประโยคทซ่ี ับซอ้ นในชีวิตประจ้าวนั และงานอาชพี ของตน 2. จัดระบบความสมั พนั ธข์ องการติดตอ่ ส่อื สารดว้ ย
ได้ ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของ ประโยคที่ซบั ซอ้ นในชวี ติ ประจ้าวนั และงานอาชีพ
เจา้ ของภาษา 3. มีทกั ษะที่ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา วฒั นธรรม และ
กาลเทศะของเจ้าของภาษา
57
รายวชิ าบงั คับ
สาระความรพู้ ้นื ฐาน ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจาวนั
มาตรฐานที่ รหสั รายวชิ า ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน่วยกิต
2.1 พต21001 รายวชิ า 4
4
ภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั
รวม
58
คาอธบิ ายรายวชิ า พต 21001 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวนั จานวน 4 หน่วยกิต
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติเก่ยี วกับ ภาษาทา่ ทาง การฟัง พูด อา่ น เขยี น
ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคท่ีซับซอ้ นในชีวติ ประจา้ วัน และงานอาชีพของตนได้ ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม
และกาลเทศะของเจ้าของภาษา
ศึกษาและฝกึ ทักษะเกย่ี วกับเร่ืองดังต่อไปนี้
1. การใช้ภาษาท่าทางในการสือ่ ความหมาย วธิ ีการรบั -ตอบโทรศัพท์อย่างงา่ ย ๆ การแสดง
ความรู้สึกดใี จ เสยี ใจ เขา้ ใจ พอใจ ไมพ่ อใจ ให้ก้าลังใจ สนใจ และไม่สนใจ วธิ กี ารพูดแทรก พูดขอบคณุ และการตอบ
รบั วิธีการพูดแสดงความคดิ เห็น ความตอ้ งการ และการเสนอใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื พรอ้ มกบั การตอบรบั รวมท้งั
ลักษณะของประโยคบอกเล่า ประโยคค้าถาม ประโยคปฏิเสธ ประโยคคา้ ส่ังและประโยคอุทาน ซง่ึ ใชใ้ น
ชีวติ ประจา้ วันในสถานการณต์ ่าง ๆ
2. ลักษณะและการใช้ ประโยคความรวม ( Compound Sentence) Past Tense ในรปู ต่าง
คา้ กรยิ า ค้ากริยาวิเศษณ์ คา้ สันธาน และคา้ อุทาน โดยสามารถนา้ ไปใชใ้ นการเล่าเรอื่ งราวเก่ียวกับชีวิตประจ้าวนั และ
การประกอบอาชพี การอา่ นขา่ วสารขอ้ มลู จากสอ่ื ประเภทต่างๆ การอ่านสลากสินค้าและการตคี วามหมายของ
สัญลักษณต์ า่ งๆ ได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์ รวมทง้ั เข้าใจการใช้ Internet เพ่ือสืบค้นขอ้ มูล
การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้
1. ฝกึ ฟัง พดู อา่ น เขยี น ภาษาองั กฤษในสถานการณ์ตา่ ง ๆ โดยใช้สถานการณ์จา้ ลอง และ/หรอื
สื่อ ท่ีเหมาะสม
2. ฝกึ ฟงั พูด อา่ น เขยี น จากสถานการณจ์ ้าลองโดยใช้สือ่ ตา่ ง ๆ ทเี่ หมาะสม และสอดคลอ้ งกับ
สถานการณ์
การวัดและประเมินผล
1. ตรวจสอบจากการน้าไปใช้ได้ถกู ตอ้ งและเหมาะสมตามสถานการณ์
2. สามารถใชภ้ าษาในการสื่อสารได้ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์
59
รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา
พต 21001 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจาวนั จานวน 4 หน่วยกิต
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานทีก่ ารเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตเิ กี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พูด อา่ น เขยี น
ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคทีซ่ ับซอ้ นในชีวิตประจา้ วัน และงานอาชพี ของตนได้ ถูกตอ้ งตามหลักภาษาวัฒนธรรม
และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา
ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ชีว้ ัด เนื้อหา จานวน
(ชัว่ โมง)
1 ภาษาท่าทาง เขา้ ใจและใช้ 1. ภาษาตามมารยาทสงั คมเพ่ือสร้างความสัมพันธ์
15
ในการสือ่ สารใน ภาษาในการ ระหวา่ งบุคคลในสถานการณต์ า่ งๆ ดงั น้ี
ชวี ติ ประจ้าวนั ส่อื สารใน 1.1 การทักทาย การกลา่ วลา เชน่
(Language in daily life) ชีวติ ประจ้าวนั - Good morning.
- Good afternoon.
- Good evening.
- Hi / Hello.
- How are you?
- How are you today?
- I’ m fine, thank you and you?
- Nice to see you.
- Nice to see you too.
- Glad to see you.
- Glad to see you too.
- Good bye. Bye.
- See you soon.
- See you on…(Day)…
60
ท่ี หัวเร่อื ง ตัวช้ีวัด เนอื้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
1.2 การแนะน้าตนเองและผอู้ นื่ เช่น
Pat : Hello, I’m Pat.
Suda : Hi, my name is Suda. How do
you do? หรอื
A : Bob, this is John, my friend
from New Zealand.
B : How do you do? Nice to meet
you.
John : How do you do? Nice to meet
you, too. etc.
1.3 การกลา่ วขอบคุณและตอบรับ เช่น
- Thank you for your help.
- Thank you every much for your
kindness.
- Thank you for your invitation.
etc.
1.4 การพดู ขออนุญาตและตอบรับ
- May I interrupt you for a moment?
- May I come in?
- Can I borrow your pen?
- (It’s) my pleasure.
- Don’t mention it.
- Yes, you can. etc.
1.5 การพูดขอโทษและตอบรับ
- I’m very sorry to be late.
- I’m lost your box, I’m so sorry.
- Forget it.
- Don’t worry.
- It doesn’t matter. etc.
61
ท่ี หวั เร่ือง ตวั ชว้ี ดั เน้อื หา จานวน
(ชว่ั โมง)
1.6 การพดู แทรกอย่างสภุ าพ เช่น
- Excuse me, sir. Could you speak
louder?
- Excuse me, madam.
- Could you show me that book?
etc.
2. ภาษาทา่ ทางทใ่ี ช้ในโอกาสตา่ งๆ ดังน้ี 5
2.1 ท่าทางทสี่ อ่ื ความหมายทางภาษา เช่น
กวักมือ = Come here.
โบกมอื = Bye-bye.
ชู 2 นว้ิ = Victory
ผายมอื = This way, please etc.
2.2 ทา่ ทางการปฏบิ ัตติ ามวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษา เช่น
- Hand Shaking.
- Waving good-bye.
- Good-bye hug/kiss
- Good night hug/kiss etc.
2.3 ค้าศัพท์ จา้ นวน ประโยคและทา่ ทางทใ่ี ช้
ส่ือสารในโอกาสตา่ ง ๆ เชน่
- Merry Christmas.
- Happy New Year.
62
ที่ หัวเรือ่ ง ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา จานวน
(ชวั่ โมง)
2 การโตต้ อบ รับ-ตอบ โทรศัพท์
โทรศพั ท์ อยา่ งงา่ ย ๆ ได้ - Happy Valentine’s.
(Telephone
Conversation) - Happy Birthday.
- Congratulations on your graduation.
- Thanks.
- Thank you very much.
- The same to you.
- Many happy returns. etc.
1. ค้าศัพท์ ส้านวน ประโยคตา่ งๆ ทีใ่ ช้ในการสื่อสารใน 10
การรับโทรศพั ทอ์ ย่างงา่ ยรวมกนั การรับฝาก
ข้อความทางโทรศัพท์
- Is Miss/Mrs./Mr. Robert home?
- I’m speaking.
- He / She is out.
- He / She will be back soon. Would you
like to wait? etc.
2. การรับฝากข้อความทางโทรศัพท์
A : Hello, may I speak to Mrs. Wanida?
B : Sorry, she’s not here now.
Would you like to leave her a
massage?
A : My name is Somsri.
Please tell her to call me to 02-728-
8888 etc.
63
ที่ หวั เร่ือง ตัวชวี้ ดั เนื้อหา จานวน
(ชว่ั โมง)
3 การแสดงความรสู้ ึก ใช้ภาษาองั กฤษใน 1. ค้า วลี ประโยค บทสนทนาที่แสดงอารมณ์
ตา่ ง ๆ (Expression 10
of feelings)
การแสดงความรสู้ กึ ความรสู้ กึ ต่างๆ
ได้ 1.1 เข้าใจ/ไมเ่ ข้าใจ
(ดีใจ/เสยี ใจ/เข้าใจ/ - Oh, I see.
พอใจ/ - I get it now.
ไมพ่ อใจ/ - I beg you pardon.
ใหก้ า้ ลงั ใจ/สนใจ/ไม่ - Pardon me. Can you say that again?
สนใจ) - I don’t understand that.
- I don’t get it. etc.
1.2 พอใจ/ไมพ่ อใจ
- That’s great./ That’s bad.
- How wonderful!
- How awful!
- I am so pleased to hear that.
- I am afraid I don’t like it.
- I love/like/enjoy it.
- I am disappointed to see that.
etc.
1.3 สนใจ/ไม่สนใจ
- I’m interested in.......................
- I’m not interested in......................
- I don’t care (about that)....................
- I have no idea.
etc.
64
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ัด เน้ือหา จานวน
(ช่วั โมง)
1.4 ให้กา้ ลงั ใจ/เห็นใจ/ปลอบใจ
- Don’t worry.
- Cheer up.
- Take it easy.
- Relaxed.
- You will be fine.
- Well done.
- You did a good job. etc.
1.5 ดใี จ/เสยี ใจ
4 การพูดแสดง พูดแสดงความ - I’m glad that you can come. 20
ความคิดรูปแบบ คดิ เห็นและแสดง - I’m so pleased to see you.
ต่าง ๆ ความตอ้ งการ - I’m glad to hear from you.
(Expression of รวมทั้งการเสนอ - I’m so sorry for being late.
opinion, ideas / - I’m terrible sorry for.....................
wishes / offering - Sorry, it’s my fault.
helps, etc.) - Please forgive me for being late.
etc.
ภาษาเพ่อื แสดงความคิดเหน็ ความตอ้ งการ
1. การแสดงความคิดเห็น (เห็นดว้ ย/ไมเ่ ห็นด้วย/
ยอมรับ/ ไม่ยอมรับ)
A : The weather in Bangkok is hotter than
Singapore.
B : I think so./ I don’t think so./ I agree with
you.
A : Living in Bangkok is not so pleasant,
don’t you think that?
B : Yes, but living in rural areas is less
65
ที่ หวั เร่ือง ตวั ช้ีวดั เน้ือหา จานวน
convenient. etc. (ชั่วโมง)
5 ประโยคต่างๆ ใน รู้จักลกั ษณะของ 2. การแสดงความต้องการและตอบรบั เชน่ 20
ภาษาองั กฤษ ประโยคใน - I’d like some more coffee.
(Different Types ภาษาองั กฤษ - I want to go to........................
of English (ประโยคบอกเลา่ / - I wish you should go with me.
Sentences) ประโยคคา้ ถาม/ - I need.......................
ประโยคปฏิเสธ/ - Yes, .................please do. / Sure.
ประโยคคา้ สงั่ / etc.
3. การแสดงความช่วยเหลือและบรกิ ารผูอ้ ื่น รวมทัง้
ตอบรับ เชน่
- What can I do for you?
- Can I help you?
- Need some help?
- If you need anything, please tell me./
let me know.
- Certainly.
- Yes, of course.
- I’m afraid..........................
- Sorry, but............................
etc.
- ประโยค/สว่ นประกอบของประโยคชนิดต่าง ๆ
และรปู แบบการจดั ลาดับคาในประโยค
1. ประโยคบอกเลา่
โครงสร้างของประโยคบอกเลา่
Subject + Verb
เชน่
66
ที่ หัวเร่อื ง ตัวช้วี ดั เน้อื หา จานวน
(ชว่ั โมง)
ประโยคอุทาน) และ - Bob smokes.
สามารถนา้ ไปใช้ใน
ชวี ิตประจ้าวนั ได้ หรือ
Subject + Verb + Complement
เชน่
- They are students.
หรอื
Subject + Verb + Object.
เชน่
- Suda likes John.
2. ประโยคคาถาม
คา้ ทใ่ี ช้ในการตั้งคา้ ถาม ไดแ้ ก่ Who, When,
Where, Why, What, Whom, How เช่น
- What is your name?
- Where do you teach?
- When did he leave school?
- How do you like it?
etc.
3. ประโยคปฏเิ สธ
รูปแบบประโยคปฏเิ สธและคา้ กรยิ าที่ใช้ เชน่
- They are not farmer.
- He doesn’t like Bobby.
- I don’t want to go with him.
etc.
67
ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ชีว้ ดั เน้ือหา จานวน
(ชวั่ โมง)
4. ประโยคคาสั่ง
รปู แบบประโยคคา้ สัง่ /กลมุ่ ค้าท่ีใช้และตวั อยา่ ง
ประโยค เชน่
- Come here.
- Let’s go now.
- Open the door, please.
- Please sit down.
- Come hear right now.
etc.
6 ประโยคความรวม รู้จักลกั ษณะของ 5. ประโยคอุทาน 40
(Compound Compound รูปแบบประโยคอุทานและตัวอย่างประโยค เชน่
Sentence) Sentence และ - Oh! My god.
สามารถนา้ ไปใชใ้ น - Oh, my god!
ชีวิตประจา้ วันได้ - How marvelous!
- What a wonderful party! etc.
1. ส่วนประกอบของ Compound Sentence
(Independent Clause)
2. ประโยค 2 ประโยคมารวมกันด้วยค้าเชื่อมท่ี
เหมาะสม คอื and, but, or เชน่
- We tried our best but we lost the
game.
- Both they and we tried hard.
- I’ll go to the cinema or visit my
parent.
68
ท่ี หัวเร่ือง ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
3. การเช่ือมประโยคให้เป็น Compound Sentence
โดยใช้เครื่องหมาย/ค้าเชอ่ื ม ตอ่ ไปนี้
3.1 , (Comma) + คา้ สันธาน เช่น
- They tried their best, yet they didn’t
succeed.
; (Semicolon) ใชใ้ นกรณีที่มีเครือ่ งหมายอน่ื ๆ
อยดู่ ้วยหลายแหง่ เชน่
- I also bought her a new car ; I have
not yet, nowhere, given it to her.
Correlative Conjunction ได้แก่ค้า
ตอ่ ไปน้ี
both……..and………
either…….or……….
neither…..nor………
not only...........but also.........
เช่น
- Neither did he listen, nor did he
improve.
- Not only the English teacher get
him
a bad grade, but also the social
teacher
did so.
69
ที่ หัวเรื่อง ตัวชว้ี ัด เนอ้ื หา จานวน
7 Past Tense (ช่ัวโมง)
ใช้ Past Tense ใน Past Tense ในรปู แบบตา่ งๆ
รปู แบบ 1. Past Simple Tense 40
ต่าง ๆ ได้
Subject + V2
Subject +wwearse +V3
1.1 เหตุการณ์ทเ่ี กิดข้ึนในอดตี และจบลงไปแล้ว
กอ่ นพูดประโยคนนั้ เชน่
- He spoke.
- She came here yesterday.
1.2 แสดงการกระทา้ ทก่ี ระทา้ เปน็ ประจา้ ในอดีต
โดยมีค้าที่แสดงความบ่อย ความเปน็ ประจา้
อยูด่ ว้ ย เชน่
- He always got up late when he was
young.
70
ที่ หวั เร่ือง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน
(ช่วั โมง)
8 ภาษาองั กฤษ 2. Past continuous tense
สา้ หรบั อาชพี Subject +wweasre + V ing + conj. + Subject
พนกั งานขับรถ + V2
รบั จา้ ง
กล่าวถงึ เหตุการณ์ 2 อยา่ ง ในอดตี โดยขณะท่ี
เหตกุ ารณ์หนง่ึ ดา้ เนินอยู่มีอีกเหตกุ ารณแ์ ทรกเข้ามา
- เหตกุ ารณ์ทดี่ ้าเนนิ อยู่ ใชP้ ast continuous tense
- เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดใหมแ่ ทรกเขา้ มาใช้
Past simple tense
- ค้าท่ีเช่ือมเหตุการณ์ทส่ี องเข้าด้วยกนั คือ
when หรือ while เช่น
- I was reading a book when she came
in.
- While I was reading a book, she came in.
ใช้ภาษาองั กฤษตาม - การพูดภาษาองั กฤษตามมารยาทสงั คมและ 5
มารยาท สังคมและ เหมาะสมกับสถานการณ์
เหมาะสมกับ - การพดู แสดงความรู้สกึ และแสดงความ
สถานการณ์ พดู คิดเหน็
แสดง - การพูดแสดงความชว่ ยเหลือ
ความร้สู ึก แสดง - การขออนญุ าต
ความ - การพูดแทรกอย่างสภุ าพ
คิดเหน็ แสดงความ
ชว่ ยเหลอื ขอ
อนญุ าต
พดู แทรกอยา่ งสภุ าพ
ในอาชพี พนกั งานขับ
รถรบั จา้ ง
71
ที่ หวั เร่ือง ตวั ชว้ี ัด เนือ้ หา จานวน
(ช่ัวโมง)
9 ภาษาอังกฤษ ส้าหรับ 1. ใชป้ ระโยค - การกล่าวตอ้ นรับทกั ทายลกู ค้าของพนักงาน บรกิ าร 5
พนักงานบรกิ ารใน ตอ้ นรับ ลูกค้าใน - ประโยคการใหบ้ รกิ ารความช่วยเหลือ และ บริการ
สถานที ต่าง ๆ สถานบรกิ ารตา่ ง ๆ ในสถานบริการตา่ ง ๆ เช่น ท่ีท้าการ ไปรษณีย์ สถานี
2. ใชป้ ระโยค/ รถไฟ โรงแรม เป็นต้น เชน่ What can I do for
สา้ นวน เสนอความ you? May I help you? etc.
ชว่ ยเหลอื /ให้ข้อมูล
แกล่ ูกคา้ ในสถาน
บรกิ ารตา่ ง ๆ
72
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์
73
74
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวัง
มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ความเข้าใจและทักษะพ้ืนฐานเกีย่ วกบั คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเหน็ 1. ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะ
คุณคา่ เกี่ยวกบั กระบวนการทาง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ และทา้ โครงงาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งมีชีวติ ระบบ วิทยาศาสตร์ได้
นเิ วศทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม2. อธิบายเกี่ยวกบั เซลล์ กระบวนการด้ารงชวี ติ ของพืช และระบบต่างๆ ของ
ในท้องถ่ินและประเทศ สาร แรง พลงั งานสัตว์
กระบวนการเปลย่ี นแปลงของโลก และ 3. อธิบายเกี่ยวกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงิ่ มชี วี ิตกับสง่ิ แวดล้อม ในระบบนเิ วศ
ดาราศาสตร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตรแ์ ละนา้ การถ่ายทอดพลงั งาน การใช้ ปญั หา การดแู ลรักษา และการอนุรักษ์ทรพั ยากร
ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ในการดา้ เนินชวี ติ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของท้องถ่ินและประเทศ
4. อธิบายเกีย่ วกบั โลก และบรรยากาศปรากฏการณท์ างธรรมชาติ การกระทา้
ของมนุษย์ท่ีมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของโลกในปัจจบุ นั การปูองกนั ภยั ท่เี กดิ
จากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ
5. อธิบายเก่ยี วกบั สมบตัทิ างกายภาพและทางเคมีของสาร การจแา้ นกสาร กรด
เบส ธาตุ สารประกอบ สารละลาแยละของผสม และใชส้ ารและผลติ ภณั ฑ์ใน
ชีวติ ประจ้าวนั ได้อยา่ งถกู ต้องและปลอดภยั ต่อชีวติ
6. อธบิ ายเก่ียวกับแรง และการใช้ประโยชน์ ของแรง
7. เกีย่ วกับพลังงานไฟ ฟูา การต่อวงจรไฟฟูาเคร่อื งใชไ้ ฟฟูาในชวี ิตประจ้าวัน
แสงและสมบัตขิ องแสง เลนส์ ประโยชน์และโทษจากแสง การเปลี่ยนรูป
พลังงาน พลังงานความรอ้ นและแหลง่ ก้าเนิด การน้าพลังงานไปใช้ประโยชนใ์ น
ชีวติ ประจ้าวัน และการอนุรักษ์พลงั งานได้
8. อธบิ ายเกย่ี วกบั ดวงดาว และการใช้ประโยชน์
75
รายวชิ าบังคับ
สาระความรพู้ นื้ ฐาน วิทยาศาสตร์
มาตรฐานที่ รหสั รายวิชา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หน่วยกิต
2.1 พว21001 รายวิชา 4
4
วทิ ยาศาสตร์
รวม
76
คาอธิบายรายวชิ า พว21001 วิทยาศาสตร์ จานวน 4 หนว่ ยกติ
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเหน็ คณุ ค่าเกย่ี วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สง่ิ มชี วี ติ ระบบนิเว
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ในทอ้ งถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลีย่ นแปลงของโลก และดาราศาส
มีจิตวิทยาศาสตรแ์ ละนา้ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในการด้าเนินชีวิต
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกี่ยวกับเรือ่ งต่อไปนี้
1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงงานวทิ ยาศาสตร์
2. ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เซลล์ กระบวนการดา้ รงชวี ิตของพชื และสตั ว์ ระบบนิเวศ โลก บรรยากาศ ปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
3. สารเพ่ือชวี ิต
การจ้าแนกสาร ธาตุและสารประกอบ สารละลาย กรด-เบส สารและผลิตภัณฑ์ในชีวติ
4. แรงและพลงั งานเพือ่ ชีวติ
แรงและการใช้ประโยชนข์ องแรง งานและพลังงาน
5. ดาราศาสตร์เพ่อื ชวี ิต
6. อาชีพชา่ งไฟฟูา ความรู้เกยี่ วกบั ชา่ งไฟฟาู การบรหิ ารจัดการและการบริการ โครงงานวิทยาศาสตร์สู่
อาชีพ ค้าศพั ท์ทางไฟฟาู
ดวงดาวกับชวี ิต
เพอ่ื ให้ผู้เรียนเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิด และทักษะ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ น้า
ความรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ประจา้ วัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม
การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้
ใหผ้ ้เู รยี น ศกึ ษา คน้ ควา้ สา้ รวจ ตรวจสอบ ทดลอง จา้ แนก อธบิ าย อภปิ ราย นา้ เสนอด้วยการจดั
กระบวนการเรียนร้ดู ว้ ยการพบกลุ่ม การสอนเสริม การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง การรายงาน การศกึ ษา จากแหลง่ เรียนรู้
ประสบการณ์ตรงโดยใชส้ ถานการณ์จริง ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณจ์ ากผเู้ รยี น
77
การวัดและประเมินผล
ประเมนิ จากการสังเกต การอภิปราย การสมั ภาษณ์ ทกั ษะปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลองการมสี ่วน
ร่วมในกิจกรรมการเรยี นรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมิน การน้าไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจา้ วนั
78
รายละเอยี ด คาอธิบายรายวชิ า พว21001 วิทยาศาสตร์ จานวน 4 หน่วยกติ
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
มาตรฐานทีก่ ารเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเหน็ คุณคา่ เกยี่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สง่ิ มีชวี ติ ระบบ
นเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ในทอ้ งถิ่นและประเทศ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลก และดา
ศาสตร์ มจี ิตวิทยาศาสตร์และนา้ ความรู้ไปใช้ประโใยนชกนา์รดา้ เนนิ ชีวติ
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนอ้ื หา จานวน
(ชั่วโมง)
1 กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยี
1.1 กระบวนการทาง 1. อธิบายธรรมชาตแิ ละ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5
วทิ ยาศาสตร์ และ ความส้าคญั ของวิทยาศาสตร์ 1.1 ความหมายและความสา้ คัญ
เทคโนโลยี และเทคโนโลยไี ด้ ของวิทยาศาสตแรล์ ะเทคโนโลยี
2. อธิบายกระบวนการทาง 1.2 กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วิธีการทาง วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ทกั ษะ 1.2.1วิธีการทาง
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 5 ขั้น
และเจตคตทิ างวิทยาศาสตรไ์ ด้ 1.2.2 ทักษะกระบวน
3. นา้ ความรู้ และกระบวนการ การทางวิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ
ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้แกป้ ัญหา 1.2.3 เจตคตทิ าง
ตา่ งๆ ได้ วทิ ยาศาสตร์ 6 ลกั ษณะ
4. อธบิ ายความหมาย 2. เทคโนโลยี
ความส้าคญั และความสมั พนั ธ์ 2.1 ความหมาย และ
ของเทคโนโลยีตอ่ ชีวิต และ ความสมั พนั ธข์ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
สังคมได้ เทคโนโยลตี ่อชวี ิตและสงั คม
5. นา้ ความรู้ และเลือกใช้ 2.2 ความก้าวหน้าของ
เทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม เทคโนโลยีในปัจจบุ ัน
6. เลือกใชว้ สั ดุ และอุปกรณท์ าง 2.3 เทคโนโลยกี ับการประกอบ
วทิ ยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและ อาชพี และการนา้ เทคโนโลยีไปใช้
เหมาะสม ในชวี ติ
79
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เน้ือหา จานวน
(ช่วั โมง)
1.2 โครงงาน 7. เกดิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3. วัสดุ และอุปกรณท์ าง
วทิ ยาศาสตร์ 5
8. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
2 สิ่งมชี ีวติ และ
สิง่ แวดล้อม 3.1 ประเภทของวัสดุและ
2.1 เซลล์
อปุ กรณ์
3.2 วธิ ีใช้วสั ดุ และอุปกรณ์
1. อธิบายประเภท เลอื กหวั ขอ้ 1. โครงงานวทิ ยาศาสตร์
วางแผน วิธีท้า น้าเสนอและ 1.1 ประเภทของโครงงาน
ประโยชนข์ องโครงงานได้ 1.2 การเลือกหวั ขอ้ โครงงาน
2. วางแผนการท้าโครงงานได้ 1.3 การวางแผนการกระท้า
3. ท้าโครงงานวทิ ยาศาสตร์กลุ่ม โครงงาน
ได้ 1.4 การน้าเสนอโครงงาน
4. อธบิ ายและบอกแนวได้ใน 1.5 ประโยชน์ของโครงงานเพอ่ื
การน้าผลจากโครงงานไปใชไ้ ด้ การพัฒนาคุณภาพชีวิต
5. นา้ ความร้เู ก่ยี วกบั
วิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และโครงงานไป
ใชไ้ ด้
1. อธิบายลักษณะ โครงสร้าง 1. ลักษณะ รูปร่างของเซลล์พชื 10
องค์ประกอบ และหนา้ ทข่ี อง และสัตว์
เซลล์ได้
1.1 สิง่ มชี ีวติ เซลลเด์ ียว
2. เปรยี บเทียบความแตกต่าง 1.2 ส่ิงมีชวี ิตหลายเซลล์
ระหวา่ งเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ 2. องคป์ ระกอโบครงสรา้ ง และ
ได้ หนา้ ท่ขี องเซลลพ์ ชื และ
เซลล์สตั ว์
3. กระบวนการท่ีสารผ่านเซลล์
3.1 การแพร่
3.2 การออสโมซสิ
80
ที่ หวั เรื่อง ตัวชว้ี ัด เน้อื หา จานวน
(ช่ัวโมง)
2.2 กระบวนการ 1. อธบิ ายกระบวนการแพร่และ 1. การด้ารงชวี ติ ของพืช 20
ด้ารงชวี ิตของพืชและ ออสโมซิสได้ 1.1 ระบบการล้าเลยี งน้า
สตั ว์ 2. อธบิ ายโครงสร้างและการ อาหาร และแรธ่ าตขุ องพชื
ทา้ งานของระบบล้าเลียงในพืชได้ 1.2 โครงสรา้ งและการท้างาน
3. อธบิ ายความส้าคัญและปจั จัย ของระบบลา้ เลยี งนา้
ทีจ่ า้ เปน็ ส้าหรับกระบวนการ ในพชื
สงั เคราะหด์ ้วยแสงได้ 1.3 โครงสรา้ งและการท้างาน
4. อธิบายโครงสรา้ งและการ ของระบบล้าเลยี งอาหารในพืช
ท้างานของระบบสืบพนั ธุ์ในพชื 1.4 กระบวนการสังเคราะห์
ในท้องถน่ิ ได้ ด้วยแสง
5. อธบิ ายการทา้ งานของระบบ 1.4.1ความส้าคัญของ
ต่างๆ ในสตั ว์ได้ กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง
1.4.2 ปัจจัยท่ีจา้ เปน็
สา้ หรับกระบวนการสังเคราะห์
ดว้ ยแสง
1.5 ระบบสบื พนั ธพุใ์ ืชน
1.5.1 โครงสรา้ งและการ
ท้างานของระบบสบื พนั ธุข์ องพืชไร้
ดอก
1.5.2 โครงสร้างและการ
ท้างานของระบบสบื พันธ์ุของพชื มี
ดอก
2. การด้ารงชีวิตของสตั ว์
2.1 โครงสรา้ งและการท้างาน
ของระบบตา่ งๆ ของสตั ว์
2.1.1 ระบหบายใจ
2.1.2 ระบบยอ่ ยอาหาร
2.1.3 ระบขบับถ่าย
2.1.4 ระบบสืบพันธ์ ฯลฯ
81
ที่ หวั เรื่อง ตัวชว้ี ัด เน้อื หา จานวน
2.3 ระบบนิเวศ (ช่วั โมง)
1. อธิบายเก่ียวกับความสมั พนั ธ์ 1. ความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวติ ตา่ งๆ
2.4 โลก บรรยากาศ 10
ปรากฏการณท์ าง ของสิ่งมชี วี ติ ต่างๆ ในระบบ ในระบบนิเวศ
ธรรมชาติ สง่ิ แวด 20
ลอ้ ม และทรัพยากร นิเวศในท้องถนิ่ และการ 2. การถา่ ยทอดพลงั งาน
ธรรมชาติ
ถา่ ยทอดพลงั งานได้ 3. สายใยอาหาร
2. อธิบายและเขยี นแผนภมู ิ 4. วฏั จักรของน้า
แสดงสายใยอาหารของระบบ 5. วัฏจักรคารบ์ อน
นิเวศตา่ งๆ ในท้องถิน่ ได้
3. อธบิ ายวฏั จักรของนา้ และ
คารบ์ อนได้
1. บอกสว่ นประกอบและวธิ กี าร 1.โลก
แบง่ ช้ันของโลกได้ 1.1โลก ส่วนประกอบและการ
2. อธิบายการเปลย่ี นแปลงของ แบง่ ช้นั ของโลก
เปลือกโลกโดยกระบวนการ 1.2 ทรัพยากรธรณใี นทอ้ งถิ่น
ต่างๆ ได้ และประเทศ
3. บอกองคป์ ระกอบและการ 1.3 การเปล่ยี นแปลงของ
แบง่ ชน้ั บรรยากาศได้ เปลอื กโลก
4. บอกความหมายและ 1.3.1 กระบวนการยกตวั
ความส้าคัญของอณุ หภมู ิ และการยบุ ตัว
ความช้ืนและความกดอากาศได้ 1.3.2 การผพุ ังอยูก่ ับท่ี
5. อธบิ ายความสัมพนั ธข์ อง 1.3.3 การกร่อน
อณุ หภมู ิ ความช้นื และความกด 1.3.4 การพดั พา
อากาศต่อชีวติ ความเป็นอยไู่ ด้ 1.3.5 การทบั ถม
6. บอกชนดิ ของลมได้ 1.3.6 กรณศี ึกษาภัยจาก
7. อธิบายอทิ ธิพลของลมตอ่ การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
มนุษย์และสง่ิ แวดล้อมได้ เชน่ แผน่ ดินไหว การเกดิ
8. บอกวธิ กี ารปูองกันภยั ทเ่ี กิด ปรากฏการณ์สึนามิ
จากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ 2. บรรยากาศ
ได้ 2.1 ช้นั บรรยากาศ
9. บอกประโยชน์ของการ องค์ประกอบและการแบง่ ชัน้
82
ท่ี หัวเร่ือง ตวั ชีว้ ัด เน้ือหา จานวน
(ชั่วโมง)
พยากรณ์อากาศได้ บรรยากาศ
10. อธิบาย เกี่ยวกบั สภาพ 2.2 อณุ หภูมิ ความชื้น และ
ปัญหา การใชแ้ ละการแก้ไข ความกดอากาศในทอ้ งถิน่
สิ่งแวดลอ้ ม และทรพั ยากร 2.3 ความสมั พนั ธ์ของอุณหภูมิ
ธรรมชาติในท้องถิ่น และ ความชืน้ และความกดอากาศ ทมี่ ี
ประเทศ ผลกระทบตอ่ ชวี ิตความเปน็ อยู่
11.อธิบาย สรปุ แนวคิดในการ 3. ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
รกั ษาสมดุลของระบบนิเวศ การ 3.1 ชนดิ ของลม
อนรุ ักษ์สง่ิ แวดล้อมและการใช้ 3.1.1 ลมมรสุม
ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยืน 3.1.2 ลมพายุหมนุ
ได้ เขตรอ้ น ฯลฯ
3.1.3 กรณศี ึกษากรา
เกิดพายุนากสี พายุงวงช้าง
พายุนาคเลน่ น้า ฯลฯ
3.2 อทิ ธพิ ลของลมตอ่
มนษุ ย์และส่ิงแวดลอ้ ม
3.3 การปูองกันภัยท่เี กดิ จาก
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
3.4 ความสา้ คัญและประโยชน์
ของการพยากรณ์อากาศ
4. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
ส่งิ แวดล้อม
4.1 การใช้และปัญหาเก่ียวกับ
ทรัพยากรธรรมชาติของทอ้ งถิ่น
และประเทศ
4.2 การดแู ลรักษา
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถิน่
4.2.1 ขยะ
4.2.2 นา้ เสยี
83
ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ชี้วัด เนอื้ หา จานวน
(ชวั่ โมง)
4.2.3 ดนิ ถลม่
4.2.4 การกดั เซาะชายฝง่ั ฯลฯ
4.3 สภาพสิง่ แวดลอ้ มในท้องถนิ่
และประเทศ
4.4 ปัญหาและการแก้ไข
สิ่งแวดลอ้ มในท้องถ่นิ และประเทศ
4.5 การอนุรกั ษส์ ิง่ แวดล้อมและการ
ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอย่างยัง่ ยนื
4.6 สภาวะโลกรอ้ น สาเหตแุ ละ
ผลกระทบ การปอู งกนั และแกไ้ ข
ปญั หาโลกรอ้ น
3 สารเพอื่ ชวี ิต 1. อธิบายสมบัติทางกายภาพ 1.สมบตั ิของสาร 10
3.1 สารและการ 10
จ้าแนกสาร และสมบัตทิ างเคมไี ด้ 1.1 สมบตั ิทางกายภาพของสาร
3.2 ธาตแุ ละ 2. อธิบายความแตกต่าง และ 1.2 สมบตั ิทางเคมีของสาร
สารประกอบ
จ้าแนกธาตุ สารประกอบ 2. เกณฑใ์ นการจา้ แนกสาร
สารละลาย และสารผสมได้ 2.1 ใช้สถานะ
3. จา้ แนกสารโดยใช้เน้ือสาร 2.2 ใชเ้ นอื้ สาร
และสถานะเปน็ เกณฑ์ได้ 3. สมบัตขิ องธาตุ สารประกอบ
สารละลาย สารผสม
1. อธบิ ายและจา้ แนกธาตุ 1. ความหมายและสมบัตขิ องธาตุ
สารประกอบ โลหะ อโลหะ และ กมั มนั ตรงั สี
โลหะก่ึงอโลหะได้ 2. สมบตั ขิ องโลหะ อโลหะ และ
2. บอกผลกระทบท่ีเกดิ จากธาตุ โลหะกงึ่ อโลหะ
กัมมันตรังสีได้ 3. ธาตุกมั มนั ตรงั สี
3. อธิบายการเกดิ สารประกอบ 4. สารประกอบ
ได้ 4.1 ความหมาย
4. บอกธาตแุ ละสารประกอบที่ 4.2 การเกิดสารประกอบ
84
ที่ หัวเรอื่ ง ตัวชวี้ ัด เนอ้ื หา จานวน
3.3 สารละลาย (ชัว่ โมง)
ใชใ้ นชีวติ ประจ้าวันได้ 4.3 ธาตุและสารใน
3.4 สารและ 10
ผลิตภัณฑ์ในชีวิต ชีวิตประจ้าวัน
10
1. อธบิ ายสมบัตแิ ละ 1. สารละลาย
องคป์ ระกอบของสารละลายได้ 1.1 สมบตั ขิ องสารละลาย และ
2. อธบิ ายปจั จัยทีม่ ผี ลตอ่ การ องคป์ ระกอบของสารละลาย
ละลายของสารได้ 1.2 ความสามารถในการ
3. หาความเขม้ ข้นของ ละลายของสาร
สารละลายได้ 1.3 ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การละลาย
4. อธบิ ายและเตรียมสารละลาย ของสาร
บางชนดิ ได้ 1.4 ความเข้มขน้ ของ
5. อธบิ ายและจ้าแนกกรด เบส สารละลาย
และเกลอื ได้ 1.5 การเตรียมสารละลาย
6. อธบิ ายและตรวจสอบความ 2. กรด-เบส
เปน็ กรด-เบส ของสารได้ 2.1 ความหมายและสมบตั ขิ อง
7. อธบิ ายการใช้กรด-เบส บาง กรด-เบส และเกลอื ได้
ชนิดในชีวติ ได้ 2.2 ความเป็นกรด-เบสของสาร
2.3 กรด – เบส ของสารใน
ชีวิตประจ้าวัน
2.4 กรณศี ึกษากรด-เบสทีม่ ผี ล
ต่อคณุ สมบตั ขิ องดนิ
1. อธบิ ายสาระและสาร 1. สาร
สังเคราะหไ์ ด้ 1.1 สารอาหาร
2. อธบิ ายการใชส้ ารและ 1.2 สารปรุงแตง่
ผลิตภณั ฑข์ องสารบางชนิดใน 1.3 สารปนเปื้อน
ชวี ิตประจ้าวนั และเลอื กใชไ้ ด้ 1.4 สารเจอื ปน
3. อธิบายผลกระทบท่ีเกดิ จาก 1.5 สารพิษ
การใช้สาร และผลติ ภัณฑ์ท่ีมตี อ่ 2. สารสงั เคราะห์
ชีวิตและสงิ่ แวดล้อม 2.1 ประเภท และการเกิด
2.2 สมบตั ิและประโยชน์
85
ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ชีว้ ัด เน้ือหา จานวน
(ช่วั โมง)
3. สารและผลิตภัณฑท์ ใี่ ช้ในชีวิต
4. การเลือกใช้สารในชวี ิต
5. ผลกระทบที่เกดิ จากการใชส้ าร
ตอ่ ชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
4 แรงและพลงั งาน
เพอ่ื ชีวติ
4.1 แรงและการใช้ 1. ระบปุ ระเภทและความหมาย 1. แรง 20
ประโยชน์ ของแรงประเภทต่างๆ ได้ 1.1 ความหมายและหนว่ ยของ
2. อธบิ ายการกระทา้ ของแรง แรง
และโมเมนต์ของแรงได้ 1.2 ผลการกระทา้ ของแรง
3. บอกระบปุ ระโยชน์ของแรงใน 2.โมเมนต์
ชีวิตประจา้ วนั ได้ 1.2 ความหมายและ ชนดิ ของ
4. การหาค่าผลจากการกระทบ โมเมนต์
ของแรง และโมเมนตไ์ ด้ 2.2 การหาค่าโมเมนต์
5. ให้ความรใู้ นเรื่องโมเมนตใ์ น 2.3 การใช้โมเมนต์ใน
ชวี ิตประจ้าวันได้ ชวี ิตประจ้าวันได้
4.2 งานและพลังงาน 1. อธบิ ายความหมายของงาน 1. ความหมายของงานและ 20
และพลงั งานในรูปแบบ พลังงาน
ต่างๆ ได้ 2. รูปของพลังงาน
2. การต่อวงจรไฟฟูา 3. ไฟฟาู
อย่างง่าย ได้ 3.1 พลงั งานไฟฟูา
3. ใช้กฎของโอหม์ ในการ 3.2 กฎของโอห์ม
ค้านวณได้ 3.3 การต่อความต้านทานแบบ
4. บอกวธิ ีการอนรุ ักษ์และ ต่างๆ
ประหยดั พลังงานได้ 3.4 การหาคา่ ความต้านทาน
5. อธิบายสมบัตขิ องแสง พลัง 3.5 ไฟฟาู ในชวี ติ ประจา้ วนั
งานความรอ้ น และนา้ ประโยชน์ 3.6 การอนุรักษ์พลังงานไฟฟูา
ไปใชใ้ นชวี ิตประจา้ วันได้ 4. แสง
6.อธิบายพลงั งานทดแทน และ 4.1 แสง และสมบัติของแสง
86
ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ชีว้ ดั เนือ้ หา จานวน
(ชวั่ โมง)
เลอื กใช้ได้ 4.2 เลนส์
4.3 ประโยชน์ และโทษ
ของแสง
5. พลังงานความรอ้ น และ
แหลง่ กา้ เนิด
5.1 พลังงานความรอ้ น และ
แหล่งกา้ เนดิ
5.2 อณุ หภมู ิ และการวดั
การขยายตวั ของวัตถุ
5.3 การนา้ ไปใช้ประโยชน์
5.4 พลังงานทดแทนและ
การใชป้ ระโยชน์เชน่ เอททานอล
ไบโอดีเซล พลงั งานนวิ เคลยี รฯ์ ลฯ
5 ดาราศาสตร์เพ่ือชวี ติ 1. ระบุชอื่ ของกลุ่มจกั ราศไี ด้ 1. กลุ่มดาวจักราศี
ดวงดาวกบั ชวี ติ 2. อธบิ ายวิธีการหาดาวเหนอื ได้ 2. การสงั เกตตา้ แหน่งของดาว 10
3. อธบิ ายการใชแ้ ผนที่ดาวได้ ฤกษ์
4. อธิบายประโยชน์จากกลมุ่ 3. วิธีการหาดาวเหนือ
ดาวฤกษ์ตอ่ การดา้ รง 4. แผนทดี่ าว
ชวี ิตประจา้ วนั ได้ 5. การใช้ประโยชน์จากกลุ่มดาว
ฤกษ์
6 อาชีพช่างไฟฟาู อธบิ าย การออกแบบ วางแผน 1. ประเภทของไฟฟูา 10
(หมายเหตุ : บูรณา ทดลอง ทดสอบ ปฏบิ ัตกิ ารเรือง 2. วสั ดอุ ุปกรณเ์ คร่อื งมือช่างไฟฟูา
การใชเ้ วลาการ ไฟฟูาได้อยา่ งถกู ต้องและ 3. วัสดุอปุ กรณท์ ใี ช้ในวงจรไฟฟูา
เรียนการสอนใน ปลอดภยั คดิ วิเคราะห์ การตอ่ วงจรไฟฟาู อยา่ งงา่ ย
มาตรฐานการ เปรียบเทยี บขอ้ ดี ข้อเสีย ของ 4. กฎของโอหม์
เรยี นรู้เรอื ง แรงและ การต่อวงจรไฟฟูาแบบอนกุ รม 5. การเดนิ สายไฟฟูาอยา่ งง่าย
พลงั งานเพือ่ ชีวิต แบบขนาน แบบผสม ประยุกต์ 6. การใชเ้ ครอ่ื งใช้ไฟฟาู อยา่ ง
ในหัวขอ้ พลงั งาน และเลือกใชค้ วามรู้ และทกั ษะ ง่าย
87
ท่ี หวั เรือ่ ง ตัวชีว้ ดั เนื้อหา จานวน
ไฟฟาู 10 ชังโมง) (ชว่ั โมง)
อาชพี ชา่ งไฟฟูา ใหเ้ หมาะสมกับ 7. ความปลอดภยั และอุบัตเิ หตุ
ดา้ นบรหิ ารจัดการและการ จากอาชีพชา่ งไฟฟาู
บรกิ าร 8. การบรหิ ารจัดการและการ
บริการ
9. โครงงานวทิ ยาศาสตรส์ ูอ่ าชีพ
10. ค้าศพั ทท์ างไฟฟูา
รายวชิ าเลอื กบังคับ 88
สาระความรู้พนื้ ฐาน (วิทยาศาสตร์)
หนว่ ยกิต
มาตรฐานท่ี รหสั รายวิชา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 3
พว22002 รายวิชา 3
2.2 พว22003 6
2.2 การใช้พลงั งานไฟฟาู ในชวี ิตประจา้ วนั 2
วัสดศุ าสตร์ 2
รวม
89
คาอธิบายรายวิชา พว22002 การใชพ้ ลังงานไฟฟ้าในชีวติ ประจาวัน 2
จานวน 3 หนว่ ยกติ
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเหน็ คณุ ค่าเก่ยี วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี
สง่ิ มีชวี ติ ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการ
เปลี่ยนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ และนา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการด้าเนนิ ชวี ติ
ศกึ ษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั เรอื่ งตอ่ ไปน้ี
1. พลงั งานไฟฟาู การก้าเนิดของไฟฟาู สถานการณพ์ ลังงานไฟฟาู ของประเทศไทย และประเทศใน
อาเซียน
2. ไฟฟูามาจากไหน หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งดา้ นพลงั งานไฟฟูาในประเทศไทย เช้อื เพลิงและพลงั งาน
ทีใ่ ช้ในการผลติ ไฟฟูา
3. อุปกรณ์ไฟฟูาและวงจรไฟฟูา
4. การใช้และการประหยัดพลังงานไฟฟาู โรงไฟฟูากับการจดั การดา้ นสงิ่ แวดล้อม
การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้
ให้ผูเ้ รียน ศกึ ษา คน้ ควา้ สา้ รวจ ตรวจสอบ ทดลอง จา้ แนก อธบิ าย อภปิ ราย นา้ เสนอดว้ ยการจดั
กระบวนการเรียนรู้ดว้ ยการพบกลุ่ม การสอนเสริม การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง การรายงาน การศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้
ประสบการณ์ตรงโดยใชส้ ถานการณ์จรงิ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณ์จากผูเ้ รียน
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินจากการสงั เกต การอภิปราย การสัมภาษณ์ ทักษะปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลอง การมสี ่วน
รว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมิน การนา้ ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจ้าวนั
90
รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา พว22002 การใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวติ ประจาวัน 2
จานวน 3 หน่วยกติ
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเกยี่ วกบั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
สิ่งมีชีวติ ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในท้องถนิ่ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการ
เปลย่ี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ และน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการด้าเนินชวี ติ
ที่ หวั เร่อื ง ตัวช้วี ดั เนอ้ื หา จานวน
(ชัว่ โมง)
การก้าเนิดของไฟฟูา
1 การก้าเนดิ ของ บอกการกา้ เนิดของไฟฟูา 1. ไฟฟาู ท่ีเกิดจากการเสียดสี
ไฟฟาู ของวัตถุ
2. ไฟฟูาที่เกดิ จากการทา้
ปฏกิ ิริยาทางเคมี
3. ไฟฟูาที่เกดิ จากความรอ้ น
4. ไฟฟูาทเี่ กดิ จากพลังงาน
แสงอาทิตย์
5. ไฟฟาู ที่เกิดจากพลังงาน
แมเ่ หล็กไฟฟูา
2 สถานการณ 1. บอกสัดส่วนเช้ือเพลงิ ที่ใชใ้ น 1. สถานการณ์พลังงานไฟฟาู ของ
ประเทศไทย
พลงั งานไฟฟาู การผลิตไฟฟูาของประเทศไทย 1.1 สดั สว่ นการผลิตไฟฟาู จาก
ของประเทศไทย 2. ตระหนกั ถงึ สถานการณข์ อง เช้อื เพลงิ ประเภทตา่ งๆของ
ประเทศไทย
และประเทศใน เช้ือเพลิงทใ่ี ช้ในการผลิตไฟฟาู 1.2 ความต้องการใช้ไฟฟูาในแต่ละ
ชว่ งเวลาในหนงึ่ วนั ของประเทศ
อาเซยี น ของประเทศไทย ไทย
1.3 สภาพปัจจุบันและแนวโน้มการ
3. วเิ คราะห์สถานการณพ์ ลงั งาน ใช้พลงั งานไฟฟูา
ไฟฟาู ของประเทศไทย
4. เปรยี บเทยี บสถานการณ์
พลังงานไฟฟูาของไทยและ
ประเทศในอาเซียน
91
ท่ี หวั เรือ่ ง ตัวชี้วดั เนื้อหา จานวน
(ชว่ั โมง)
3 หนว่ ยงานที่ 1. ระบชุ ือ่ และสงั กดั ของ 2. สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟูาของ
เก่ยี วขอ้ งด้าน หน่วยงานทีเ่ กยี่ วข้องด้าน ประเทศในอาเซียน
พลงั งานไฟฟาู ใน พลงั งานไฟฟูาในประเทศไทย
ประเทศไทย 2. บอกบทบาทหนา้ ท่ีของ หน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องดา้ น
หน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องด้าน พลงั งานไฟฟาู ในประเทศไทย
พลงั งานไฟฟาู 1. คณะกรรมการก้ากับ
กิจการพลงั งาน (กกพ.)
4 เชื้อเพลงิ และ 1. บอกประเภทเชื้อเพลงิ และ 2. การไฟฟาู ฝุายผลติ แห่ง
พลงั งานท่ใี ช้ใน พลังงานท่ใี ชใ้ นการผลติ ไฟฟูา ประเทศไทย (กฟผ.)
การผลิตไฟฟูา 2. เปรียบเทยี บข้อดี ขอ้ จา้ กัด 3. การไฟฟาู สว่ นภูมิภาค
ของเชือ้ เพลิงและพลังงานท่ใี ชใ้ น (กฟภ.)
การผลิตไฟฟาู 4. การไฟฟาู นครหลวง
3. ยกตัวอย่างพลงั งานทดแทนท่ี (กฟน.)
มใี นชมุ ชนของตนเอง 1. เชอ้ื เพลงิ ฟอสซิล
1.1 ถ่านหนิ
1.2 น้ามนั
1.3 ก๊าซธรรมชาติ
2. พลงั งานทดแทน
2.1 ความสา้ คัญของพลังงาน
ทดแทน
2.2 ประเภทของพลงั งาน
ทดแทน
2.3 หลักการท้างานของ
พลังงานทดแทน
2.3.1 พลงั งานลม
2.3.2 พลังงานน้า
2.3.3 พลังงานแสงอาทติ ย์
2.3.4 พลังงาน ชวี มวล
2.3.5 พลงั งานความร้อน
ใต้พภิ พ
92
ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชว้ี ดั เนื้อหา จานวน
(ชัว่ โมง)
2.3.1 พลงั งานนวิ เคลียร์
5 โรงไฟฟูากับการ 1. บอกผลกระทบดา้ น 2.4 ข้อดี ข้อจา้ กัดของพลังงาน
จัดการด้าน ส่งิ แวดล้อมท่ีเกดิ จากโรงไฟฟาู 1. บอกผลกระทบดา้ น
สิง่ แวดล้อม 2. บอกการจดั การด้าน สง่ิ แวดล้อมที่เกดิ จากโรงไฟฟูา
สิง่ แวดล้อมของโรงไฟฟูา 2. บอกการจดั การดา้ น
3. มีเจตคติที่ดตี ่อโรงไฟฟาู แตล่ ะ สิ่งแวดลอ้ มของโรงไฟฟูา
ประเภท 3. มีเจตคติทดี่ ตี อ่ โรงไฟฟูาแตล่ ะ
ประเภท
6 อุปกรณ์ไฟฟา 1. ต่อวงจรไฟฟูาแบบตา่ ง ๆ 1. อุปกรณไ์ ฟฟูา
และวงจรไฟฟาู 2. เลอื กใชอ้ ุปกรณไ์ ฟฟาู ได้ 1.1 สายไฟ
ถกู ตอ้ ง 1.2 ฟิวส์
1.3 อปุ กรณ์ตัดตอนหรอื
7 การใช้และการ 1. อธบิ ายกลยทุ ธ์การประหยดั เบรกเกอร์
ประหยัด พลงั งานไฟฟูา 1.4 สวิตซ์
พลังงานไฟฟาู 2. จา้ แนกฉลากเบอร์ 5 ของแท้ 1.5 เคร่อื งตดั ไฟฟูารว่ั
กับของลอกเลยี นแบบ 1.6 เตา้ รับ เตา้ เสียบ
3. เลอื กใช้เครอื่ งใช้ไฟฟูาได้ 2. วงจรไฟฟาู
เหมาะสมกบั สถานการณท์ ่ี 2.1 แบบอนุกรม
2.2 แบบขนาน
2.3 แบบผสม
3. สายดินและหลกั ดิน
3.1 สายดนิ
3.2 หลกั ดนิ
1. กลยทุ ธ์การประหยดั พลงั งาน
ไฟฟาู 3 อ.
1.1 กลยุทธ์ อ. 1 อปุ กรณ์
ประหยดั ไฟฟูา
1.2 กลยทุ ธ์ อ. 2 อาคาร
ประหยัดไฟฟูา
93
ท่ี หัวเร่ือง ตัวชี้วดั เนอื้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
1.3 กลยทุ ธ์ อ. 3 อปุ นิสยั
ก้าหนดให้ ประหยัดไฟฟาู
4. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ประหยดั 2. การเลอื กซือ้ เลือกใช้ และดูแล
พลังงานไฟฟูาในครวั เรือน
5. อธบิ ายวธิ กี ารดูแลรกั ษา รักษาเคร่อื งไฟฟาู ในครัวเรือน
เครือ่ งใช้ไฟฟาู ในครวั เรอื น 2.1 เครือ่ งท้าน้าอุน่ ไฟฟาู
6. บอกองคป์ ระกอบของคา่ ไฟฟาู 2.2 กระติกน้ารอ้ นไฟฟูา
7. คา้ นวณคา่ ไฟฟาู ในครวั เรือน 2.3 พดั ลม
2.4 โทรทัศน์
2.5 เตารีดไฟฟูา
2.6 ตู้เยน็
3. การค้านวณคา่ ไฟฟูาใน
ครวั เรอื น
3.1 องค์ประกอบของคา่ ไฟ
3.2 อตั ราค่าไฟฟาู
3.3 การค้านวณการใชไ้ ฟฟูา
94
คาอธิบายรายวิชา พว22003 วสั ดศุ าสตร์ 2 จานวน 3 หน่วยกิต
ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดับ
มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะและเห็นคณุ คา่ เก่ียวกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งมชี ีวิต ระบบ
นเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น สาร แรงพลังงาน กระบวนการ เปล่ยี นแปลงของโลกและดารา
ศาสตร์ มีจิตวทิ ยาศาสตรแ์ ละนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนินชีวติ
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะ
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเก่ียวกบั เรื่องต่อไปน้ี วัสดุรอบตวั การใชป้ ระโยชน์และผลกระทบจากการใช้ วสั ดุ การ
จัดการวัสดทุ ใ่ี ชแ้ ล้ว การคดั แยกและการรีไซเคิลวัสดุ การจดั การวัสดอุ นั ตราย
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยการบรรยาย ศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองจากส่อื ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง แหลง่ เรยี นร้ใู นชมุ ชน
พบกล่มุ อภปิ ราย แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ลงมือปฏิบัติจริงดว้ ยการทดลอง วเิ คราะห์ และ สรุปการเรียนรู้ทไี่ ดล้ งใน
เอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.)
การวัดและประเมินผล
ประเมนิ ความกา้ วหน้าผ้เู รยี นด้วยวิธีการสังเกต ซกั ถาม ตอบคาถาม ตรวจเอกสารการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง
(กรต.) และประเมนิ ผลรวมผูเ้ รียนดว้ ยการตอบคาถามกจิ กรรมทา้ ยหน่วยและใช้แบบทดสอบ วดั ความรู้
95
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา พว22003 วัสดศุ าสตร์ 2 จานวน 3 หน่วยกติ
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเห็นคุณคา่ เก่ียวกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี
ส่ิงมีชีวติ ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมในทอ้ งถนิ่ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการ
เปล่ียนแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจติ วิทยาศาสตร์ และนา้ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดา้ เนินชีวติ
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เนื้อหา จานวน
(ชัว่ โมง)
1. วสั ดุศาสตร์ 1. บอกความหมายของวสั ดุศาสตรไ์ ด้ 1. วัสดุศาสตร์รอบตวั
1.1 ความหมายของวสั ดศุ าสตร์ 30
รอบตวั 1.2 ประเภทของวัสดุ
1.3 สมบตั ขิ องวัสดุ 20
2. จ้าแนกประเภทของวัสดศุ าสตรไ์ ด้ 2. การใช้ประโยชนแ์ ละผลกระทบ
จากการใชว้ ัสดุ 15
3. เปรียบเทยี บสมบัตขิ องวัสดุได้ 2.1 การนา้ วสั ดศุ าสตรไ์ ปใช้ใน
ชวี ติ ประจ้าวนั
2. การใช้ 1. อธิบายประโยชนข์ องวสั ดศุ าสตร์ 2.2 ผลกระทบจากการใช้วสั ดุ
2.3 เลือกใชผ้ ลติ ภัณฑท์ เ่ี ป็นมิตร
ประโยชน์ ในชวี ิตประจ้าวันได้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม
3. การจดั การเศษซากวัสดุ
และผลกระทบ 2. บอกผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมจาก 3.1 การจัดการเศษซากวัสดุ
3.2 อตั รายอ่ ยสลายของเศษ
จากการใช้วสั ดุ การใชว้ ัสดุในชีวิตประจา้ วันได้ ซากวสั ดุ
3.3 หลกั 3R ในการจดั การเศษ
3. เลอื กใช้ผลติ ภณั ฑ์ทเี่ ปน็ มิตรกับ ซากวสั ดุ
ส่งิ แวดลอ้ มได้ 3.4 ภาชนะรองรบั เศษซากวสั ดุ
3. การจดั การ 1. อธิบายหลกั ส้าคญั ในการจดั การเศษ
เศษซากวัสดุ ซากวัสดุ 3.5 เทคโนโลยกี ารกาจัดเศษซาก
2. บอกอัตราเรว็ ในการยอ่ ยสลายเศษ วัสดุ
ซากวัสดุ
3. อธบิ ายหลกั 3R ในการจดั การเศษ
ซากวัสดุ
4. ระบปุ ระเภทของภาชนะรองรับเศษ
ซากวสั ดุ
5. อธิบายเทคโนโลยกี ารก้าจดั เศษซาก
วสั ดุ