The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มจริงรายงานปี 2566 ฉบับแก้(ล่าสุด) 29.012567

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by psdg0224, 2024-01-31 05:29:25

รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปีงบประมาณ 2566

เล่มจริงรายงานปี 2566 ฉบับแก้(ล่าสุด) 29.012567

รายงานการพัฒนาระบบราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ก


คำนำ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 - 2580 ด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบการบริหาร จัดการภาครัฐ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนา ประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการภาครัฐให้มีความเหมาะสม มีความทันสมัย พร้อมปรับตัวให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล มีการนำนวัตกรรม ประยุกต์ใช้ในการทำงาน ยึดหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และมีวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม อีกทั้งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดทำรายงานผลการพัฒนาระบบราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 256๖ ขึ้น โดย กลุ่มพัฒนา ระบบบริหาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รวบรวมผลการขับเคลื่อนและการพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนการพัฒนา ประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต่อไป กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มกราคม ๒๕๖๗ ก ข


สารบัญ คำนำ ก สารบัญ ข ส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมองค์การ และประเด็นยุทธศาสตร์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑ ข้อมูลทั่วไป วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมองค์การ และประเด็นยุทธศาสตร์ ส่วนที่ ๒ ผลการพัฒนาระบบราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ๓ 2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของหน่วยงาน ๔ สรุปภาพรวมผลการดำเนินนโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดีของหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๕ 1) นโยบายกำกับดูแลองค์กรที่ดี ๖ 2) การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติราชการ ๑8 3) การประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ ๔.๐ (PMQA 4.0) ๔4 4) การจัดการความรู้ในการพัฒนาระบบบริหาร ๗9 5) การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงาน ภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) 100 6) การตรวจสอบและประเมินผลของคณะกรรมการตรวจสอบและ ประเมินผลประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑02 7) การดำเนินงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) ๑๑8 2.2 การปรับบทบาทภารกิจโครงสร้างหน่วยงานให้ทันสมัย ยืดหยุ่นรองรับ การเปลี่ยนแปลง ๑๒3 1) การถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๒4 2) การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานปลัดกระทรวง ๑๒6 ส่วนที่ ๓ ภาคผนวก - รายงานการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ๑๒7 ๑๒8 - รายชื่อคณะผู้จัดทำรายงานการพัฒนาระบบราชการกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑๓4 ข


1


ส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมองค์การ และประเด็นยุทธศาสตร์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑


๑.๑ ข้อมูลทั่วไป กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกระทรวงที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นกระทรวงภาคสังคมในการทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนา สังคม การสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคในสังคม การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและความมั่นคง ในชีวิต สถาบันครอบครัวและชุมชนโดยรวมส่วนราชการด้านนโยบายและการปฏิบัติประกอบด้วย ๑. กรมประชาสงเคราะห์ สังกัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ๒. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ (สยช.) ๓. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ๔. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กองพัฒนาสตรี เด็ก และเยาวชน กรมการพัฒนาชุมชน ๕. การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ๖. สังกัดกระทรวงมหาดไทย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ๗. สังกัดกระทรวงการคลัง เป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นองค์การ และกลไกด้านสังคมในการบรรลุนโยบายของรัฐบาลที่ให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน สตรี ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ มีความมั่นคงในการดำรงชีวิต ให้มีการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิตาม กรอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยบูรณาการแนวคิด ทิศทาง และการบริหารให้เป็น ระบบจากภาคีทุกภาคส่วนและทุกระดับ ๑.๒ วิสัยทัศน์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประชาชนเข้าถึงโอกาส และการคุ้มครองทางสังคม มีความมั่นคงในชีวิต ๑.๓ พันธกิจกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑. เสริมสร้างศักยภาพคนและสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ๒. เสริมสร้างโอกาสและการคุ้มครองทางสังคมอย่างเท่าเทียม ๓. ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ๔. ยกระดับองค์กรให้มีผลสัมฤทธิ์สูงด้วยธรรมาภิบาลและเทคโนโลยีดิจิทัล ๑.๔ ค่านิยมองค์การกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อุทิศตน อาสางาน เอื้ออาทร อำนวยประโยชน์สุข ๑.๕ ประเด็นยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑. พัฒนาศักยภาพคนและสร้างความเข้มแข็ง ของสถาบันครอบครัวอย่างยั่งยืน ๒. สร้างโอกาสและยกระดับการคุ้มครอง ทางสังคมสำหรับคนทุกช่วงวัย ๓. พัฒนาทุนทางสังคม สร้างการมีส่วนร่วมเสริมเศรษฐกิจฐานราก สู่การเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาสังคม ที่ยั่งยืน ๔. มุ่งพัฒนาองค์กร ให้มีสมรรถนะและผลสัมฤทธิ์สูง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 2 ๒


ส่วนที่ ๒ ผลการพัฒนาระบบราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ 3 ๓


๒.๑ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของหน่วยงาน 4 ๔


๕ ๒.๑ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของหน่วยงาน สรุปภาพรวมผลการดำเนินงานนโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดีของหน่วยงานในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ หน่วยงาน หน่วยนับ การดำเนินงาน รายละเอียด โครงการ ด้านรัฐ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ด้านผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ด้านองค์กร ด้าน ผู้ปฏิบัติงาน รวม สำนักงาน ปลัดกระทรวง การพัฒนาสังคม และความมั่นคง ของมนุษย์ (สป.พม.) จำนวน (โครงการ) ๓ ๒ ๓ ๓ ๑๑ กรมพัฒนาสังคม และสวัสดิการ (พส.) จำนวน (โครงการ) ๑ ๑5 7 12 ๔๔ กรมกิจการเด็ก และเยาวชน (ดย.) จำนวน (โครงการ) 22 15 76 15 ๑28 กรมกิจการ ผู้สูงอายุ (ผส.) จำนวน (โครงการ) ๑๑ ๘ ๘ ๘ ๓๕ กรมกิจการสตรี และสถาบัน ครอบครัว (สค.) จำนวน (โครงการ) ๓ ๓ ๒ ๓ ๑๑ กรมส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพ ชีวิตคนพิการ (พก.) จำนวน (โครงการ) ๕ ๕ ๖ ๘ ๒๔ 1


๖ 1) นโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดี นโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดี เป็นการดำเนินการที่ตอบสนองต่อระบบการบริหารจัดการบ้านเมือง ที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้องค์กรมีกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ มุ่งผลประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความมั่นใจศรัทธาและไว้วางใจ ในการบริหารงานภาครัฐ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พุทธศักราช ๒๕๔๖ รวมทั้งให้สอดคล้อง กับเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาระบบราชการตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้การ บริหารราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาหน่วยงานภาครัฐให้เป็นระบบราชการ ๔.๐ เพื่อยกระดับการทำงานของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่าง รวดเร็วทันสมัย ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นผู้ขับเคลื่อนและได้พัฒนากรอบ แนวทางการยกระดับสู่ระบบราชการ ๔.๐ เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ มีการพัฒนาราชการไปสู่ “ระบบราชการ ๔.๐” ที่ทำงานอย่างเปิดกว้างและเชื่อมโยง (Open & Connected Government) มีการทำงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen - Centric Government) และเป็นองค์การที่มีขีดสมรรถนะสูงและ ทันสมัย (Smart & High Performance Government) ซึ่งใช้เกณฑ์คุณภาพบริหารจัดการภาครัฐ ๔.๐ (PMQA ๔.๐) เป็นเครื่องมือในการดำเนินการ และการดำเนินการที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว หน่วยงานต้อง ดำเนินการขับเคลื่อนองค์การอย่างมีระบบ กล่าวคือ ต้องมีนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดีที่เกิดการพัฒนา องค์การของผู้บริหาร ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมโยง และไว้วางใจในการทำงานและยกระดับการพัฒนา คุณภาพบริหารจัดการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพทั้งองค์การ ดังนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแล องค์การที่ดีทั่วทุกองค์การ ประกอบด้วยนโยบายหลัก ๔ ด้าน คือ ๑) ด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้าน ๒) ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ๓) ด้านองค์การ และ ๔) ด้านผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ ตามนโยบายหลักด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติและค่านิยมร่วมสำหรับองค์การ และบุคลากรทุกคนพึงยึดถือ เป็นแนวทางปฏิบัติควบคู่กับกฎข้อบังคับอื่น ๆ อย่างทั่วถึง 1.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(สป.พม.) การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดี ของสำนักงาน ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ นั้น มีแนวทางปฏิบัติรวม ๑๑ แนวทาง โดยแยกตามนโยบายแต่ละด้าน จำนวน ๔ ด้าน คือ ๑) ด้านนโยบายรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเสร็จ จำนวน ๓ แนวทาง ๒) นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวน ๒ แนวทาง ๓) นโยบายด้านองค์กร จำนวน ๓ แนวทาง และ ๔) นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน จำนวน ๓ แนวทาง ดังนี้ 1. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลักที่ ๑ มุ่ง เสริมพลัง สร้างโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ได้รับ การคุ้มครองทางสังคมและพัฒนาศักยภาพสามารถช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว สังคม และชุมชมได้อย่างยั่งยืน


๗ แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์และ นโยบายของประเทศด้านการพัฒนาสังคม โดยสามารถชี้นำทิศทางการพัฒนาสังคม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางปฏิบัติ : เร่งสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเป้าหมายในทุกมิติอย่าง ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ แนวทางปฏิบัติ : สร้างการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกระดับให้เป็นหุ้นส่วนการพัฒนา สังคมเพื่อให้เกิดความมั่นคง และยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ได้อย่างยั่งยืน ๒. นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลักที่ ๑ เร่งพัฒนาระบบการใช้บริการด้วยกระบวนการทางดิจิทัลในภาครัฐ และส่งเสริม การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการให้บริการกลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างมั่นคง และปลอดภัย แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาระบบและกระบวนการให้บริการกลุ่มเป้าหมายด้วยนวัตกรรม และ เทคโนโลยีที่เหมาะสมและมั่นคงปลอดภัย แนวทางปฏิบัติ : พัฒนานวัตกรรมทางสังคม เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ๓. นโยบายด้านองค์กร นโยบายหลักที่ ๑ ยกระดับองค์กรให้มีผลสัมฤทธิ์สูงรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล บนพื้นฐานของ ความโปร่งใสมีธรรมาภิบาลในองค์กรทุกระดับ แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลสารสนเทศให้ได้มาตรฐาน เพื่อมุ่งสู่การเป็น องค์กรดิจิทัลที่มีสมรรถนะสูง แนวทางปฏิบัติ : เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานให้เป็นองค์กรธรรมภิบาลปราศจากการทุจริต แนวทางปฏิบัติ : เร่งพัฒนาและปรับปรุง กฎ/ระเบียบ กฎหมาย และประกาศ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ๔. นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ ๑ มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะขั้นสูงและพร้อมในการทำงานยุคศตวรรษที่ 21 พร้อมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในการทำงานและการดำเนินชีวิต แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาทักษะบุคลากร (Skillset) ในการทำงานยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ 21 รวมถึงการปลูกฝังบุคลากรให้มีกรอบความคิด (Mindset) ในการเรียนรู้และพัฒนา ตนเองตลอดเวลา แนวทางปฏิบัติ : ส่งเสริมบุคลากรให้มีคุณธรรม จริยธรรม และธรรมภิบาลในการปฏิบัติงาน


๘ 1.๒ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มีระบบการบริหารจัดการองค์กรที่ดี มี ความชัดเจน โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ศรัทธา และไว้วางใจ ผู้บริหาร กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแลองค์กรที่ดี โดยยึดหลักธรรมาภิบาล เป็นพื้นฐานครอบคลุมทั้ง ๔ ด้าน ดังนี้ ๑. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลักที่ ๑ ยึดหลักกฎหมาย ยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐบาลในการปฏิบัติราชการ แนวทางปฏิบัติ: สร้างกลไกกำกับดูแลการดำเนินการตามภารกิจต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลัก กฎหมายยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐบาล นโยบายหลักที่ ๒ สร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แนวทางปฏิบัติที่ ๑ : จัดทำแนวทางมาตรการเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรตระหนักถึงความสำคัญของ สังคมและสิ่งแวดล้อม แนวทางปฏิบัติที่ ๒ : รณรงค์ให้บุคลากรในองค์กรมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แนวทางปฏิบัติที่ ๓ : รณรงค์ให้บุคลากรในองค์กรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม นโยบายหลักที่ ๓ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ แนวทางในการปฏิบัติ: ผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายและแผนไปสู่การปฏิบัติ และเป็นรูปธรรมมากขึ้น ๒. นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลักที่ ๑ ให้ความสำคัญกับผู้รับบริการเพื่อสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาอย่างยั่งยืน แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาศักยภาพผู้รับบริการในพื้นที่ นโยบายหลักที่ ๒ ให้ความสำคัญกับเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ แนวทางการปฏิบัติ: พัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง และ เกิดภาคีเครือข่ายในการจัดสวัสดิการสังคม นโยบายหลักที่ ๓ สนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมหรือการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการ แนวทางปฏิบัติ : ปรับปรุง พัฒนากระบวนงานและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงระบบข้อมูลของประชาชน ๓. นโยบายด้านองค์การ นโยบายหลักที่ ๑ ส่งเสริมธรรมาภิบาลในองค์การ แนวทางปฏิบัติที่ ๑ : ส่งเสริมและวางกลไกสร้างความโปร่งใส การต่อต้านคอร์รัปชันให้บุคลากร ในหน่วยงานเกิดความตระหนักเรื่องคุณธรรม และจริยธรรม แนวทางปฏิบัติที่ ๒ : พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการและระบบกำกับดูแลติดตามผลการ ดำเนินงานขององค์การให้มีความโปร่งใส


๙ นโยบายหลักที่ ๒ พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการองค์การให้มีขีดสมรรถนะสูง และก้าวสู่ระบบ ราชการ ๔.๐ แนวทางปฏิบัติ: ยกระดับคุณภาพมาตรฐานองค์การ ตามเกณฑ์พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ ภาครัฐ เพื่อบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายองค์การอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล นโยบายหลักที่ ๓ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำงาน และสามารถปฏิบัติงาน ในสภาวะวิกฤตได้อย่างต่อเนื่อง แนวทางปฏิบัติ: จัดทำแนวทางปฏิบัติกรณีเกิดภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉิน ในการทำงานให้มีความ ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ ๔. นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ ๑ การพัฒนาบุคลากรให้ “รู้รอบ รู้ลึก และรู้จริง” แนวทางปฏิบัติ: พัฒนาความรู้ ทักษะ และความสามารถของบุคลากรให้มีศักยภาพ เพื่อพร้อมรับ ต่อสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง ให้ “รู้รอบ รู้ลึก และรู้จริง” นโยบายหลักที่ ๒ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และความสมดุลระหว่างชีวิตกับ การทำงาน แนวทางปฏิบัติ: การสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้บุคลากรเกิดความเชื่อมั่น ความผูกพันต่อ องค์การและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในการทำงาน นโยบายหลักที่ ๓ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ของบุคลากร แนวทางปฏิบัติ: จัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และความรู้ในการปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ 4 ส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานของบุคลากรภายใต้นโยบาย รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการของบุคลากรให้ทันสมัยเพื่อรองรับ สถานการณ์ปัจจุบัน 1.๓ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) นโยบายกำกับดูแลองค์การที่ดี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานในสังกัดกรมกิจการเด็กและ เยาวชน นำนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดีสู่การปฏิบัติจนเกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย นโยบาย สำคัญ ๔ ด้าน ดังนี้ 1. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลักที่ ๑ : สร้างความตระหนักในทุกกระบวนงานที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสังคม แนวทางปฏิบัติที่ ๑) มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับองค์กรและผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มเป้าหมายและสังคม ๒) จัดให้มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านผลกระทบเชิงลบในโครงการ/กิจกรรม / กระบวนงานที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน


๑๐ นโยบายหลักที่ ๒ : ยกระดับการดำเนินการปกป้องคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กและเยาวชน จากการ ถูกแสวงประโยชน์ การถูกละเมิดสิทธิ และจากความรุนแรงทุกรูปแบบ แนวทางปฏิบัติ: ๑) ประกาศนโยบายคุ้มครองเด็ก เพื่อเป็นกรอบการปฏิบัติงานสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ทุกระดับในการไม่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ๒) การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปกป้อง คุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กและเยาวชนจากการถูกแสวงประโยชน์ การถูกละเมิด สิทธิ และจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ๓) จัดทำมาตรฐานและประเมินมาตรฐานสถานรองรับเด็ก เพื่อให้การดูแลเด็กและ เยาวชนในสถานรองรับเด็กเป็นไปตามหลักสากล ๔) จัดตั้งเครือข่ายเสริมสร้างอินเตอร์เน็ตปลอดภัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน นโยบายหลักที่ ๓ :การสร้างนวัตกรรมการบริการเพื่อผลักดันการพัฒนาเด็กและเยาวชน แนวทางปฏิบัติ : การสนับสนุนให้หน่วยงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาคพัฒนานวัตกรรมการบริการและ เสนอขอรับรางวัลคุณภาพงาน ๒. นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลักที่ ๑ : ส่งเสริมและพัฒนาระบบบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนวทางปฏิบัติ : ๑) การศึกษา วิเคราะห์ และออกแบบกระบวนงานการให้บริการ เพื่อจัดทำระบบ E-Service ๒) การวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ Dashboard สถิติและสารสนเทศด้านเด็กและ เยาวชนและเผยแพร่ในระบบออนไลน์ นโยบายหลักที่ ๒ : การสร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แนวทางปฏิบัติ: ๑) มีการแก้ไขปัญหาในเชิงรุก เช่น มีการรวบรวมข้อมูล สถิติ ข้อร้องเรียนมาวิเคราะห์ หาทางแก้ไขเพื่อลดอัตราข้อร้องเรียนที่พบบ่อยหรือร้องเรียนซ้ำ เป็นต้น ๒) การกำหนดมาตรการ แนวทางในการจัดการข้อร้องเรียนของกรมกิจการเด็กและ เยาวชนอย่างเป็นระบบ นโยบายหลักที่ ๓ : สร้างกลไกการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม สร้างช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้ ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แนวทางปฏิบัติ: ๑) ขับเคลื่อนธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Government) ของหน่วยงาน ๒) วิเคราะห์และทบทวนกระบวนงานในการจัดทำบัญชีข้อมูลของหน่วยงาน เพื่อ นำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) ๓) เผยแพร่ข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบบัญชีกลางข้อมูลภาครัฐ เว็บไซต์ หน่วยงาน และระบบ (Citizen Portal) ๔) การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานตาม เป้าหมายที่ท้าทาย และแสดงผลที่เกิดจากการดำเนินการหรือประโยชน์ที่ได้รับ


๑๑ ๓. นโยบายด้านองค์กร นโยบายหลักที่ ๑ : กรมกิจการเด็กและเยาวชนไม่ทนต่อการทุจริต แนวทางปฏิบัติ ๑) การทำงานของบุคลากรในกรมกิจการเด็กและเยาวชน ต้องไม่มีการทุจริต โปร่งใสและตรวจสอบได้ ๒) จัดอบรมให้ความรู้การจัดซื้อจัดจ้าง การเบิกจ่ายและการใช้เงินงบประมาณ การรับบริจาคให้แก่หน่วยงาน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ๓) ส่งเสริมและสนับสนุนสภาเด็กและเยาวชนทุกระดับเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังการทุจริต ๔) มีการประเมินประสิทธิผลและตัววัดการป้องกันทุจริตและสร้างความโปร่งใส ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และ เปิดเผยผลการดำเนินการสู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้ใจ ๕) ส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีการวางระบบควบคุมภายในและการ ประเมินผลการควบคุมภายใน นโยบายหลักที่ ๒ : ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมภายในองค์กร และกำหนด มาตรการ แนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานร่วมกัน แนวทางปฏิบัติ ๑) วางแนวทางปฏิบัติหรือออกมาตรการการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในองค์กร ๒) กำหนดมาตรการ แนวทางปฏิบัติงาน เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล นโยบายหลักที่ ๓ : กรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ปรับตัว ไม่หยุดนิ่ง รวดเร็ว และก้าวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล ๑) การสร้างองค์ความรู้ขององค์กร โดยการนำองค์ความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาจนเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) เกิดมาตรฐานใหม่หรือรูปแบบการบริการที่เพิ่มมูลค่าแก่ประชาชน ๒) การบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศ และปรับระบบการทำงานให้เป็นดิจิทัลให้ครอบคลุมพันธกิจหลัก ๔. นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ ๑ : รณรงค์ให้หน่วยงานในสังกัดกรมกิจการเด็กและเยาวชนปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี นโยบาย และหลักเกณฑ์ของทางราชการที่เกี่ยวข้อง แนวทางปฏิบัติ ๑) เผยแพร่องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี และการพัสดุตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี นโยบาย และหลักเกณฑ์ของทางราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงาน ในสังกัดทราบและถือปฏิบัติ ๒) กำหนดมาตรการเพื่อประเมินผลการปฏิบัติราชการสำหรับหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี และการพัสดุไม่เป็นตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี นโยบาย และหลักเกณฑ์ของทาง ราชการที่เกี่ยวข้อง ๓) กำหนดแนวทาง มาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรมของบุคลากรทุกระดับ และจัดโครงการ/กิจกรรม ที่ส่งเสริมบุคลากรให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความผาสุก และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ


๑๒ นโยบายหลักที่ ๒ : มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพของบุคลากร ดย. ให้มีความพร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะในการทำงานแต่ละสายงานอย่างมืออาชีพ พร้อมสร้าง นวัตกรรมเพื่อเป็นกำลังขับเคลื่อนองค์กร แนวทางปฏิบัติ ๑) ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรทุกระดับ โดยวิธีการเข้าร่วมอบรม ประชุม และสัมมนา ให้มีทักษะ ที่สามารถปฏิบัติงานได้หลากหลาย เพื่อตอบสนองพันธกิจและให้มีความรอบรู้ มีความเข้าใจในการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา มีความสามารถในการตัดสนใจ และมีความคิดเชิงวิเคราะห์ที่พร้อมรับกับปัญหาที่มีความซับซ้อน ๒) การสร้างแนวคิดของการเป็นผู้ประกอบการภาครัฐ โดยมุ่งเน้นประโยชน์ของส่วนรวม ผู้รับบริการและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก ๓) จัดกิจกรรมส่งเสริมการจัดการความรู้ขององค์กร (Knowledge Management - KM) ประจำปี 1.๔ กรมกิจการผู้สูงอายุ(ผส.) เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกรมกิจการผู้สูงอายุ มีระบบบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นการเสริมสร้างความมีศักดิ์ศรีของหน่วยงาน พร้อมความมั่นใจ ศรัทธา และความไว้วางใจจากประชาชนผู้รับบริการ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงมีนโยบายครอบคลุม ทั้ง ๔ ด้าน ดังนี้ ๑. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลักที่ ๑ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วม ของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงานด้าน ผู้สูงอายุ แนวทางปฏิบัติ : สร้างกลไกการกำกับการดูแลการดำเนินการตามภารกิจต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม นโยบายรัฐบาล นโยบายหลักที่ 2 มุ่งมั่น รักษา และส่งเสริมให้บุคลากรทุกระดับมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยไม่กระทำการใด ๆ ที่จะมีผลเสียหายต่อทางราชการและ กระทบต่อประชาชนทั่วไป แนวทางปฏิบัติ : จัดทำแนวทาง มาตรการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานตระหนักถึงความรับผิดชอบ ต่อสังคมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๒.นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลักที่ ๑ มุ่งมั่นปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและการให้บริการที่มีคุณภาพภายใต้ กระบวนการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้สามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย


๑๓ แนวทางปฏิบัติ : ๑) ปรับปรุงกระบวนการทำงานตามความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วน เสียผ่านช่องทางต่าง ๆ ๒) ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามคู่มือการปฏิบัติงาน ๓) เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานจัดกิจกรรมเพื่อการ พัฒนาศักยภาพและคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุและส่งเสริมความร่วมมือภาคเอกชนมี ส่วนร่วมในการให้บริการ ๔) ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน และการให้บริการ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และสามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้รับบริการและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ ๓.นโยบายด้านองค์กร นโยบายหลักที่ ๑ สร้างระบบความปลอดภัยของสำนักงานที่มีประสิทธิภาพ แนวทางปฏิบัติ: ๑) จัดทำแนวทางปฏิบัติในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉิน และจัดทำแนวทาง ปฏิบัติในการเข้าออกสำนักงานเพื่อความปลอดภัย ๒) จัดทำแนวทางการใช้งานและการรักษาความปลอดภัยด้านระบบคอมพิวเตอร์ นโยบายหลักที่ 2 ส่งเสริม ปลูกฝัง และกระตุ้นให้บุคลากรตระหนักถึงความเสี่ยงจนเป็นวัฒนธรรมของ องค์การ โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับหลัก คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล แนวทางปฏิบัติ: ๑) จัดทำแนวทางปฏิบัติการติดตามประเมินผลระบบการควบคุมภายในของ ทุกหน่วยงานในสังกัดกรม ๒) จัดให้มีกระบวนการกำกับ ควบคุม ดูแล และการจัดการความเสี่ยง ที่มีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน นโยบายหลักที่ 3 มุ่งเน้นการปฏิบัติงานที่โปร่งใส ปราศจากการทุจริต หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน แนวทางปฏิบัติ: ๑) จัดทำแนวทางส่งเสริมการนำการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสใน การดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ไปสู่การปฏิบัติ ๒) การลดดุลพินิจของบุคลากรโดยใช้เทคโนโลยี ๔.นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ ๑ ให้ความสำคัญกับการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ แนวทางปฏิบัติ : พัฒนาขีดสมรรถนะของบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง นโยบายหลักที่ 2 ส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการ พัฒนาองค์การ แนวทางปฏิบัติ : จัดให้มีการประชุมผู้ปฏิบัติงานทุกระดับเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น เกี่ยวกับการพัฒนาองค์การอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง


๑๔ นโยบายหลักที่ 3 : มุ่งส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนพื้นฐานของความเสมอภาค แนวทางปฏิบัติ ๑) ปรับปรุงสถานที่ปฏิบัติงานให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน ๒) การขับเคลื่อนการจัดการความรู้ไปสู่การปฏิบัติงานแก่บุคลากร 1.๕ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นต่อการบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาล กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดี ประกอบด้วยนโยบายหลัก จำนวน ๔ ด้าน โดยมีแนวทางปฏิบัติ ภายใต้กรอบนโยบายหลัก ดังต่อไปนี้ ๑. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลัก : มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายเสริมพลังสตรี ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและ บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางปฏิบัติ: ผลักดันส่งเสริมการดำเนินการเพื่อเสริมพลังสตรี ความเสมอภาคระหว่างเพศ และสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว รวมทั้งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาตรการ กิจกรรม โครงการ ๑.รัฐ : ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ตัวชี้วัด : ร้อยละ ๑๐๐ ของบุคลากรที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ผู้รับผิดชอบ : ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต ๒.สังคม : การจัดกิจกรรมด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศในพื้นที่ ๔ เขต (เขตธนบุรีเขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน และเขตจอมทอง) ตัวชี้วัด : มีการจัดกิจกรรมอย่างน้อยเขตละ ๑ กิจกรรม ๓.สิ่งแวดล้อม : ประหยัดพลังงาน แยกขยะ ลดการใช้กระดาษ Big Cleaning ตัวชี้วัด : - มีการจัดทำมาตรการและแผนการดำเนินกิจกรรมเพื่อประหยัดพลังงานแยกขยะ ลดการใช้พลังงาน และ Big Cleaning - ปริมาณการใช้กระดาษลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - ร้อยละการลดใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผู้รับผิดชอบ : สำนักงานเลขานุการกรม ๒.นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลัก : มุ่งมั่น ปรับปรุง มาตรฐานการปฏิบัติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาคุณภาพ การบริการที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แนวทางปฏิบัติ: พัฒนาปรับปรุงกระบวนงานการให้บริการ ช่องทางในการเข้าถึงการบริการ และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย


๑๕ มาตรการ กิจกรรม โครงการ ๑. การวิเคราะห์ความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตัวชี้วัด : ผลสรุปความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้รับผิดชอบ : ทุกหน่วยงาน ๒. การสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตัวชี้วัด : ผลความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร้อยละ ๘๐ ผู้รับผิดชอบ : ทุกหน่วยงาน ๓. งานบริการที่มีการปรับเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตัวชี้วัด : จำนวนงานบริการที่มีการปรับเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างน้อย ๓ กระบวนงาน ผู้รับผิดชอบ : กองยุทธศาสตร์และแผนงาน , สำนักงานเลขานุการกรม,กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ๓. นโยบายด้านองค์กร นโยบายหลัก : มุ่งเน้นให้บุคลากรทุกระดับ ได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สมรรถนะ หลักเพื่อให้บรรลุพันธกิจขององค์กร แนวทางปฏิบัติ:ส่งเสริม และพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐตามหลักธรรมาภิบาลและให้เป็น องค์การแห่งการเรียนรู้ มาตรการ กิจกรรม โครงการ ๑. การส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (Eco System) ตัวชี้วัด :จำนวนกิจกรรมในการส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (EcoSystem) อย่างน้อย ๕ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ : สำนักงานเลขานุการกรม , กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร. ๒. การขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมจริยธรรมของกรมกิจการสตรีและสถาบัน ครอบครัว ตัวชี้วัด : ร้อยละ ๘๐ ของการดำเนินการตามแผนส่งเสริมจริยธรรม ผู้รับผิดชอบ : ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต ๔.นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลัก : มุ่งมั่น พัฒนา ส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (EcoSystem) และการบริหารจัดการ องค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล แนวทางปฏิบัติ: มุ่งมั่น พัฒนา ส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (Eco System) และการ บริหารจัดการองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล


๑๖ มาตรการ กิจกรรม โครงการ ๑. ความพึงพอใจของการส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (Eco System) ตัวชี้วัด : ร้อยละบุคลากรที่มีความพึงพอใจในการส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (EcoSystem) ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ผู้รับผิดชอบ : สำนักงานเลขานุการกรม ๒. การประกวดรางวัลสุดยอดการจัดการความรู้เพื่อการพัฒนางาน ตัวชี้วัด : จำนวนหน่วยงานที่มีการส่งผลงานเข้าประกวดรางวัล KM Awards เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ผู้รับผิดชอบ: กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ๓. การพัฒนาทักษะบุคลากรในการทำงานในยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ ๒๑ ตัวชี้วัด : ร้อยละ ๘๐ ของบุคลากร สค. ที่ได้รับการพัฒนาทักษะการทำงานเพื่อรองรับการทำงาน ยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ ๒๑ ผู้รับผิดชอบ : สำนักงานเลขานุการกรม 1.๖ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กำหนดนโยบายการกำกับดูแลองค์การที่ดี ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต คนพิการ พึงยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติควบคู่กับกฎระเบียบ ข้อบังคับอื่น ๆ อย่างทั่วถึง ดังนี้ 1. นโยบายด้านรัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม นโยบายหลักที่ ๑ มุ่งสร้างสรรค์นโยบาย และการบริหารจัดการเพื่อจัดสวัสดิการสำหรับคนพิการและ ทุกคนในสังคมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม นโยบายหลักที่ 2 ส่งเสริมเจตคติเชิงสร้างสรรค์และสนับสนุนการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตคนพิการโดยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แนวทางปฏิบัติ 1) ขับเคลื่อนนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงานตามภารกิจให้เป็นไปตาม เจตนารมณ์ของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง 2) สนับสนุนและบูรณาการร่วมกับเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อการดำเนินงานด้านการ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 3) ควบคุม กำกับ ติดตามการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร การคัดแยกขยะ และการจัดการสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ ๒.นโยบายด้านผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นโยบายหลักที่ ๑ พัฒนานโยบายการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการผู้รับบริการและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถเข้าถึงได้สะดวก รวดเร็ว อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม


๑๗ นโยบายหลักที่ 2 กำหนดมาตรฐานการให้บริการแก่ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดย คำนึงถึงความเสมอภาคและเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แนวทางปฏิบัติ1) พัฒนากระบวนการ/นวัตกรรม การให้บริการที่เหมาะสมและตอบสนองความ ต้องการผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขยายช่องทางการเข้าถึง ให้มี ความคล่องตัว ลดขั้นตอน และทบทวนอย่างสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2) นำมาตรฐานการให้บริการสู่การปฏิบัติเพื่อยกระดับการให้บริการแก่ผู้รับบริการ และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๓. นโยบายด้านองค์กร นโยบายหลักที่ ๑ มุ่งพัฒนาสู่ความเป็นองค์การขีดสมรรถนะสูงโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ นโยบายหลักที่ 2 เสริมสร้างให้เกิดระบบคุณธรรม ความโปร่งใสในการดำเนินงาน แนวทางปฏิบัติ1) พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน 2) ส่งเสริมการดำเนินงานให้เกิดองค์กรคุณธรรม และต่อต้านการทำทุจริตทุปรูปแบบ 4. นโยบายด้านผู้ปฏิบัติงาน นโยบายหลักที่ 1 ยกระดับขีดสมรรถนะบุคลาสู่ความเป็นมืออาชีพและความก้าวหน้าในสายอาชีพ โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีและความผาสุก นโยบายหลักที่ 2 เสริมสร้างวัฒนธรรมการมีจิตบริการและคุณธรรม จริยธรรม ให้กับบุคคลกรในการ ให้บริการแก่ผู้รับบริการมีจิตบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเสมอภาคและ เป็นธรรม แนวทางปฏิบัติ 1) ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ ทักษะ และเทคโนโลยีที่จำเป็นแก่บุคลากรทุกระดับ 2) ส่งเสริมความก้าวหน้าในสายอาชีพแก่บุคลากรตามหลักความรู้ความสามารถ อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค 3) เสริมสร้างจิตบริการและความมีคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติงานแก่บุคลากร


๑๘ ๒) การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบการดำเนินงานของส่วนราชการในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของรัฐบาล การแก้ไขปัญหาและ การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อบรรลุต่อเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมทั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพ ของส่วนราชการในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และสามารถนำผลงานไปใช้ประกอบการให้คุณให้โทษ ต่อหน่วยงานและผู้บริหาร ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีหลักการในการ ประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ มีดังนี้ ๑.กรอบการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖6 กำหนดให้มีการประเมินส่วนราชการใน ๒ องค์ประกอบ ได้แก่ (๑) การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) (๒) การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) และแบ่งเกณฑ์การประเมิน ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับคุณภาพ ระดับมาตรฐาน (มาตรฐานขั้นสูง และมาตรฐานขั้นต้น) และ ระดับต้องปรับปรุง โดยพิจารณาคะแนนภาพรวมเฉลี่ยทุกองค์ประกอบ และมีรอบระยะเวลา การประเมินปีละ ๑ ครั้ง ๒.การกำหนดตัวชี้วัดของส่วนราชการเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อน เป้าหมาย ตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนบูรณาการการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) รวมทั้งนโยบายสำคัญของรัฐบาลและดัชนีชี้วัด สากล (International KPIs) ๓.มุ่งเน้นให้กระทรวงมีบทบาทหลักในการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและติดตาม ประเมินผล การปฏิบัติงานของกระทรวงและส่วนราชการในสังกัดกระทรวง ผ่านกลไก คณะกรรมการกำกับการประเมินผล การปฏิบัติราชการของส่วนราชการระดับกระทรวง โดยในการกำหนดตัวชี้วัด ระดับกระทรวง นั้น มุ่งเน้นการ กำหนดตัวชี้วัดเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (Strategic KPIs) ระยะ 5 ปี(พ.ศ. 2566 – 2570) เป็นตัวเดียวกัน หรือ ตัวชี้วัดที่ถ่ายทอดลงตามระดับ (Cascade) กับแผนระดับ 1 ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับ 2 ได้แก่ แผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 โดยกำหนดให้กระทรวง (หน่วยงานเจ้าภาพ) รายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดดังกล่าว เพื่อใช้ในการติดตาม และรายงานผลการพัฒนาระบบราชการในภาพรวม และถ่ายทอดตัวชี้วัดเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (Strategic KPIs) ลงสู่ส่วนราชการระดับกรมในกระทรวง เพื่อมุ่งให้เกิดการบูรณาการการทำงานให้มีความเชื่อมโยง และสอดคล้อง กันในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงและกรมในกระทรวง ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดกลไก การประเมินดำเนินการผ่านคณะทำงานและคณะกรรมการ ใน 2 ระดับ ทั้งนี้ในปีงบประมาณ ๒๕๖๖ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนด ตัวชี้วัดการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ที่เป็นตัวชี้วัดขับเคลื่อน บูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) จำนวน ๑ ตัว คือ ระดับความสำเร็จในการช่วยเหลือประชากรกลุ่มเป้าหมาย ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน และกพร.ได้สรุปรายงานการประเมินส่วนราชการ ตามมาตรการปรับปรุงประสทธิภาพในการปฏิบัติราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ดังนี้


๑๙ สรุปรายงานการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ (วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖) ที่ หน่วยงาน คะแนนรวม สรุปผลการประเมิน ๑. สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ (สป.พม.) ๙๗.๐๐ ระดับคุณภาพ ๒. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ๙๕.๕๘ ระดับคุณภาพ ๓. กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ๙๖.๒๕ ระดับคุณภาพ ๔. กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ๙๘.๒๑ ระดับคุณภาพ ๕. กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ๗๑.๖๐ ระดับมาตรฐานขั้นต้น ๖. กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ๑๐๐ ระดับคุณภาพ ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ( กพร.) วันที่ 6 ธันวาคม ๒๕๖๖ จากตารางข้างต้นดังกล่าวสรุปได้ว่า การประเมินส่วนราชการตามมมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติราชการ ของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ หน่วยงานที่มีผลการประเมินรวมอยู่ในระดับคุณภาพ มี ๕ อันดับ อันดับที่ ๑ ได้แก่ กรมส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) มีผลคะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ ๑๐๐ อันดับที่ ๒ ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) มีผลคะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ ๙๘.๒๑ อันดับ ๓ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ (สป.พม.) มีผลคะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ ๙๗.00 อันดับ ๔ ได้แก่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) มีผลคะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ ๙๖.๒๕ และอันดับที่ ๕ ได้แก่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีผลคะแนน รวมเท่ากับ ร้อยละ ๙๕.๕๘ และหน่วยงานที่มีผลการประเมินรวมอยู่ในระดับมาตรฐานขั้นต้น คือ กรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว (สค.) มีผลคะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ ๗1.60 มีรายละเอียดแยกตามหน่วยงานดังนี้ 2.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(สป.พม.) ในการดำเนินงานตามตัวชี้วัดการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติ ราชการของ สป.พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตามเป้าหมายการดำเนินงาน (รอบ 12 เดือน) สามารถ สรุปผลการดำเนินงาน ได้ดังต่อไปนี้


๒๐ - องค์ประกอบที่ 1 การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base)ร้อยละ 70 จำนวน 3 ตัวชี้วัด ดังนี้ ๑) ตัวชี้วัด “ค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์” (ร้อยละ 20) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กมพ. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) 69.00 (ผลการดำเนินงานปี 2562) 69.45 (ค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง) 69.90 (เป้าหมายขั้นมาตรฐาน + ค่า Interval) ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) สป.พม. ได้ดำเนินการรวบรวมและประมวลผลจากแหล่งข้อมูล Secondary Data จากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องตามกรอบมิติความมั่นคงของมนุษย์ทั้ง 12 มิติ ซึ่งเมื่อประมวลผลเสร็จจะได้ค่าดัชนีความมั่นคง ของมนุษย์ในปี 2565 อยู่ที่ 69.63 ทั้งนี้ข้อมูลองค์ประกอบ 12 มิติ 40 ตัวชี้วัด ต้องอาศัยข้อมูลจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัด ซึ่งในบางตัวชี้วัดที่เก็บยังคงใช้ข้อมูลเดิมตั้งแต่ปี 2561 เช่น ร้อยละของร้านอาหารและ แผงลอยที่ได้ CFGT (Clean Food Good Taste) , ร้อยละของตลาดสดน่าซื้อ , อัตราการมีคอมพิวเตอร์ ต่อครัวเรือน , อัตราการมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป , อัตราการมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ซึ่งจะพบว่าตัวชี้วัดความมั่นคงของมนุษย์ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศ ไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และสะท้อนความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาสังคมในมิติต่าง ๆ ลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19 เช่น มิติการมีงานทำและรายได้ มิติครอบครัว มิติการศึกษา แลมิติสิ่งแวดล้อม และจากรายงานสถานการณ์ทางสังคมพบว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ความเป็นเมืองเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถยกระดับค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ไปที่เป้าหมายขั้นสูงได้ 2) ตัวชี้วัด “ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย” (ร้อยละ 25) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กตร. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 40 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 50 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 60


๒๑ ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) สป.พม. ได้มีการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ/พัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนเปราะบาง ระดับ 1 ระดับ 2 และ ระดับ 3 โดยการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและจัดเก็บข้อมูลครัวเรือนระดับ 1 2 และ 3 รวมทั้งหมด จำนวน 934,916 ครัวเรือน และเป็นที่ได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาจัดทำแผนพัฒนา และดำเนินการให้ความ ช่วยเหลืออย่างน้อย 1 กิจกรรม ตามปัญหาที่ประสบ พร้อมบันทึกในระบบแล้วทั้งสิ้น 883,318 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 106.71 จากเป้าหมายการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (827,741 ครัวเรือน) ข้อมูล ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2566 3) ตัวชี้วัด “ระดับความสำเร็จในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของสหรัฐอเมริกา ตาม TIP Report 2022 ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือในประเด็นที่เป็นภารกิจของ พม.” (ร้อยละ 25) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กคม. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) Tier 2 Watchlist และดำเนินการ ตามข้อเสนอแนะของสหรัฐอเมริกา ในส่วนที่ พม. เกี่ยวข้องได้อย่าง น้อย 4 ประเด็น Tier 2 และดำเนินการตาม ข้อเสนอแนะของสหรัฐอเมริกา ในส่วนที่ พม. เกี่ยวข้องได้อย่าง น้อย 4 ประเด็น Tier 2 และดำเนินการตาม ข้อเสนอแนะของสหรัฐอเมริกา ในส่วนที่ พม. เกี่ยวข้อง ได้ครบทุกประเด็น (6 ประเด็น) ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) ระดับ Tier 2 และมีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สหรัฐอเมริกา ตาม TIP Report 2022 ในส่วนที่ พม. เกี่ยวข้อง ในประเด็นด้านการคุ้มครอง (Protection) ในส่วนที่ พม. เกี่ยวข้อง จำนวน 6 ประเด็น มีดังต่อไปนี้ ประเด็นที่ 1 : ข้อที่ ๕ ดำเนินการให้ผู้เสียหาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่สามารถเดินทางเข้า - ออก สถานคุ้มครองได้โดยอิสระและสามารถเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารมากขึ้น รวมทั้งประเมินผลการพำนักในสถานคุ้มครอง เป็นระยะ เพื่อมิให้ผู้เสียหายพำนักในสถานคุ้มครองนานเกินความจำเป็น ประเด็นที่ 2 : ข้อที่ ๖ กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้แนวทางการคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของ ผู้เสียหายในการสัมภาษณ์ผู้ที่อาจเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมถึงการตรวจแรงงาน ประเด็นที่ 3 : ข้อที่ ๗ พิจารณาบังคับใช้กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) และการขยายเวลาระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรองก่อนการคัดแยกผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นที่ 4 : ข้อที่ ๙ กำหนดให้สถานคุ้มครองของรัฐและองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ (NGOs) ดูแล ผู้เสียหายโดยคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจและการให้การดูแลผู้เสียหายรายบุคคล (Individualized care) อย่างพอเพียง ประเด็นที่ 5 : ข้อที่ 11 เพิ่มทางเลือกทางกฎหมายต่อการจัดการให้ผู้เสียหายต่างชาติอาศัย ในสถานคุมครอง อาทิ การอนุญาตให้ผู้เสียหายสามารถออกจากระบบสถานคุ้มครองเมื่อพรอมเริ่มหางานใหม่ นอกสถานคุมครอง


๒๒ ประเด็นที่ 6 : ข้อที่ ๑๒ ไม่กำหนดให้การสมัครใจเข้าร่วมกระบวนการสืบสวนคดีต่อผู้ค้ามนุษย์ เป็นเงื่อนไขในการระบุสถานะความเป็นผู้เสียหายและการเข้าถึงบริการของรัฐ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์หรือ Trafficking in Persons Report (TIP Report) ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 เวลา 11.00 น. (ตามเวลากรุงวอชิงตัน) ซึ่งผลการจัดระดับประเทศไทยยังคงรักษาได้ระดับ 2 (Tier 2) - องค์ประกอบที่ 2 การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ 30 จำนวน 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ 4) การพัฒนาองค์การสู่ดิจิทัล (ร้อยละ 15) แบ่งออกเป็น 3 ตัวชี้วัดย่อย ดังนี้ 4.1) ตัวชี้วัด “ระบบแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชน ตลอดช่วงชีวิต” (ร้อยละ 7.5) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กพบ. ร่วมกับ ศทส. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 90 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 100 ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) กระทรวง พม. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีการขับเคลื่อนพัฒนาอีก 12 งานบริการ จาก 8 หน่วยงานภายใต้สังกัด พม. โดยได้มีการขับเคลื่อนการพัฒนาร่วมกับ สพร. ในการดำเนินการจัดทำพิมพ์เขียวงานบริการ (Service Blueprint) การทบทวนและจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ (Data Catalog) การพัฒนาระบบแจ้งเตือนสิทธิฯ การเชื่อมโยงข้อมูล ของงานบริการกับระบบพอร์ทัลกลางภาครัฐ (Citizen Portal) และการเปิดใช้งานระบบแจ้งเตือนสิทธิฯ ซึ่งการ ดำเนินการเป็นไปตามแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนพัฒนาฯ โดยแต่ละกระบวนการ มีการกำหนดผู้รับผิดชอบ หลักและผู้สนับสนุน รวมถึงผลผลิตของกระบวนการไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ สพร.ได้ดำเนินการเปิดใช้งานบริการ พม. 12 งานบริการบนแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


๒๓ 4.2) ตัวชี้วัด “การพัฒนาระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) เพื่อนำไปสู่การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ (Open Data)” (ร้อยละ 5) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : ศทส. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) - มีรายชื่อชุดข้อมูลที่มีคุณค่า สามารถนำไปใช้ตอบโจทย์การพัฒนา ประเทศหรือการบริการประชาชน (Template 1) เพิ่มอย่างน้อย 5 ชุด ข้อมูล - นำขึ้นชุดข้อมูล Metadata และ Resource ขึ้นระบบบัญชีข้อมูล ภาครัฐกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นำข้อมูลเปิดไปใช้ประโยชน์ได้ อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์ตาม ประเด็นขอบเขตการนำข้อมูลไปใช้ ประโยชน์ อย่างน้อย 1 ชุดข้อมูล เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) - ม ี ค ำ อ ธ ิ บ า ย ช ุ ด ข ้ อ มู ล (Metadata) ที่สอดคล้องตาม มาตรฐานที่ สพร. กำหนด (14 รายการ) ของท ุ กช ุ ดข ้ อมู ล (Template 2) - มีคำอธิบายทรัพยากรข้อมูล (Resource) ของชุดข้อมูลเปิดทั้งหมด (Template 3) - ชุดข้อมูลเปิดทั้งหมด ถูกนำมา ลงทะเบียนในระบบบัญชีข้อมูล ภาครัฐ (GD Catalog) ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) สป.พม. ได้เลือกประเด็นการดำเนินงานภายใต้ขอบเขตการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ตามแผนระดับ 2 และ แผนระดับ 3 ในภารกิจการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน กระทรวง พม. รอบ ๖ เดือน ได้จัดทำชุดข้อมูลที่ Template 1 Dataset และTemplate ๒ Metadata และ ในรอบ ๙ เดือน ได้จัดทำTemplate 3 Resource เรียบร้อยแล้ว พร้อมนำขึ้นระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐของกระทรวง พม. และ ระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ(GD Catalog) รวมถึงการนำข้อมูลเปิดมาวิเคราะห์และไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ


๒๔ 4.3) ตัวชี้วัด “ระดับความสำเร็จของการขับเคลื่อนศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ (การเชื่อมโยงระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กับ ระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)” (ร้อยละ 2.5) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : ศชส. (กตร.) เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 90 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 100 ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) สป.พม. โดย ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ได้ดำเนินการตามแผนรับแจ้งเหตุร้องเรียน ร้องทุกข์ผ่านระบบศูนย์ รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ มียอดสะสมตั้งแต่เปิดให้บริการ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2566 รวมทั้งสิ้นจำนวน 53 กรณี 5) ตัวชี้วัด “การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0)” (ร้อยละ 15) หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กพบ. เกณฑ์การประเมิน เป้าหมายขั้นต้น (50) เป้าหมายขั้นมาตรฐาน (75) เป้าหมายขั้นสูง (100) 445 (คะแนนปี 2565 + 445) / 2 453.67 คะแนน (คะแนน ปี 65) ผลการดำเนินงาน : ผ่านค่าเป้าหมายขั้นสูง (100) สป.พม. โดยกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร (กพบ.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงานและความ ร่วมมือจากทุกสำนัก/กอง/ศูนย์ และคณะทำงานพัฒนาคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ได้ร่วมกันจัดทำข้อมูล การประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 และดำเนินการกรอกข้อมูลในระบบรายงานแบบออนไลน์ ของสำนักงาน ก.พ.ร ตามกำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้แจ้งผลการประเมินสถานะ ของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) ปี 2566 สป.พม. ได้ 484.86 คะแนน สรุปภาพรวม ผลรายงานการประเมินตนเองตามตัวชี้วัดการประเมินส่วนราชการตามมาตรการ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของ สป.พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้คะแนนรวม 97.00 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมินฯ สป.พม. ได้ระดับคุณภาพ ทั้งนี้ ได้นำข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าว เข้าระบบ E-SAR ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566


๒๕ ๒.2 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) 2.1 องค์ประกอบที่ ๑ การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) ร้อยละ ๗๐ (จำนวน ๓ - ๕ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ร้อยละขององค์กรสาธารณประโยชน์ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ มีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ 10 ร้อยละ ๒๐ ร้อยละ ๓๐ ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ ๕๐.๔๗ (มีองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม จำนวน ๕๔ องค์กร จากองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ได้รับการพัฒนา ศักยภาพ จำนวน ๑๐๗ องค์กร) ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 2 : ร้อยละของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ที่เพิ่มขึ้น เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ร้อยละ 59.54 ร้อยละ 64.04 ร้อยละ 73.04 ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ 6๕.๐๙ (มีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) สะสมจำนวน 36๒,๓๑๘ คน จากเป้าหมาย 556,629 คน) ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 3 : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมายที่ ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 40 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ ๕0 ครัวเรือนเปราะบาง เป้าหมาย ได้รับการพัฒนา คุณภาพชีวิต ร้อยละ ๖0


๒๖ ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ ๑๐๖.๗๑ (มีครัวเรือนเปราะบางที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมบันทึกในระบบทังสิ้น จำนวน ๘๘๓,๓๑๘ ครัวเรือน จากครัวเรือนเปราะบางเป้าหมายการดำเนินงาน จำนวน 827,74๑ ครัวเรือน) ข้อมูล ณ วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 4 : ร้อยละของกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในนิคมสร้างตนเอง (BCG Model) มีรายได้เพิ่มขึ้น เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ร้อยละ 43.19 ร้อยละ 53.19 ร้อยละ 63.19 ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ 63.24 (มีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในนิคมสร้างตนเอง (BCG Model) และมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,080 คน จากเป้าหมาย 3,289 คน) ปัญหา / อุปสรรค : - 2.2 องค์ประกอบที่ ๒ การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ ๓๐ (จำนวน ๒ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ ๙0 ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ ๑๐0 ผลการดำเนินงาน : ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ ๑๐0 โดยเปิดใช้งานการแจ้งเตือนบน Application ทางรัฐ 12 งานบริการ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๖ ปัญหา / อุปสรรค : -


๒๗ ตัวชี้วัด 2 : การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) 400 คะแนน 449.83 คะแนน 458.83 คะแนน ผลการดำเนินงาน : 479.48 คะแนน ปัญหา / อุปสรรค : - ๒.๓ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) 2.1 องค์ประกอบที่ ๑ การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) ร้อยละ ๗๐ ตัวชี้วัด ๑ : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 40 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 50 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 60 ผลการดำเนินงาน : บ้านพักเด็กและครอบครัวขับเคลื่อนการดำเนินงานในการช่วยเหลือประชากรกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ร้อยละ 80 ปัญหา / อุปสรรค : 1. กลุ่มเป้าหมายไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องการให้ข้อมูล 2. ครอบครัวเปราะบางส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ การให้ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วน 3. ความซับซ้อนของการกรอกข้อมูลและการลงระบบจัดเก็บข้อมูล 4. เนื่องจากบางพื้นที่ห่างไกล ทำให้ต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่และขาดปัจจัยในการสนับสนุนลงพื้นที่ ๕. ยานพาหนะไม่เพียงพอ ยานพาหนะเก่าชำรุด


๒๘ ตัวชี้วัด 2 : ร้อยละของผู้ที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดต่อจำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีสิทธิ ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 99.87 99.95 100 ผลการดำเนินงาน : ร้อยละของผู้ที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดต่อจำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ได้ร้อยละ 99.๙๗ ปัญหา / อุปสรรค : ผู้ยื่นคำร้องขอลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน 2๕๖๕ เป็นต้นไป ตามระเบียบกรมกิจการเด็กและเยาวชน ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยง ดูเด็กแรกเกิด พ.ศ. 2๕๖๕ บางส่วนไม่ทราบถึงประโยชน์ในการลงทะเบียนพร้อมเพย์ (Prompt Pay) ซึ่งผูกกับ เลขประจำตัวประชาชนของผู้ปกครองที่ได้รับสิทธิว่ามีประโยชน์อย่างไร จึงไม่ได้ดำเนินการลงทะเบียนส่งผลให้ ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตัวชี้วัด 3 : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนสู่ศตวรรษที่ ๒๑ และ สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาสังคมได้ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่ายเด็ก และเยาวชนแกนนำเด็กและ เยาวชนผ่านการพัฒนาทักษะฯ ได้อย่างน้อย ร้อยละ ๖๓.๘๐ - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่ายเด็ก และเยาวชนแกนนำเด็กและ เยาวชนที่ ผ่านการพัฒนาทักษะฯ มีการขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนา สังคมได้อย่างน้อย ร้อยละ ๘๐ - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่าย เด็กและเยาวชน แกนนำเด็กและ เยาวชนผ่านการพัฒนาทักษะฯ ได้อย่างน้อย ร้อยละ ๗๓.๘๐ - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่าย เด็กและเยาวชน แกนนำเด็กและ เยาวชนที่ผ่านการพัฒนาทักษะ มี การขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนา สังคมได้อย่างน้อย ร้อยละ ๘๐ - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่าย เด็กและเยาวชน แกนนำเด็กและ เยาวชนผ่านการพัฒนาทักษะฯ ได้อย่างน้อยร้อยละ ๘๓.๘๐ - สภาเด็กและเยาวชนเครือข่าย เด็กและเยาวชน แกนนำเด็ก และเยาวชนที่ผ่านการพัฒนา ทักษะฯ มีการขับเคลื่อน ก ิ จ ก ร ร ม พ ั ฒ น า ส ั ง ค ม ได้อย่างน้อย ร้อยละ ๘๐


๒๙ ผลการดำเนินงาน : 1. สภาเด็กและเยาวชน เครือข่ายเด็กและเยาวชน แกนนำเด็กและเยาวชนผ่านการพัฒนาทักษะฯ ได้ร้อยละ ๘๔.๑๘ (๓,๒๘๘ แห่ง) ๒. สภาเด็กและเยาวชน เครือข่ายเด็กและเยาวชนแกนนำเด็กและเยาวชนที่ผ่านการพัฒนาทักษะฯ มีการขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาสังคมได้ร้อยละ ๘๐.๘๐ (๒,๖๓๗ แห่ง) ปัญหา/อุปสรรค : ๑. สภาเด็กและเยาวชนบางพื้นที่อยู่ระหว่างการคัดเลือกคณะบริหารสภาเด็กและเยาวชน และเมื่อ มีการคัดเลือกคณะบริหารเรียบร้อยแล้ว สภาเด็กและเยาวชนจะมีการจัดทำแผนงาน/โครงการเพื่อขอรับการ สนับสนุนงบประมาณจากบ้านพักเด็กและครอบครัว ซึ่งมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องหลายรายการตามแนวทางการ ขับเคลื่อนการดำเนินกิจการของสภาเด็กและเยาวชนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ๒. สภาเด็กและเยาวชนบางแห่ง คณะบริหารเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นแกนนำจะต้องไปศึกษาต่อนอกพื้นที่ ส่งผลให้การรวมตัวกันของเด็กและเยาวชนในการทำกิจกรรมจะต้องมีการปรับตามความเหมาะสม เฉพาะใน วันเสาร์ – อาทิตย์และช่วงปิดภาคเรียนเท่านั้น ๓. ผู้ปกครองบางคนมีความห่วงใยลูกหลาน ให้ความสำคัญต่อการเรียนในโรงเรียนมากกว่าการทำ กิจกรรม ไม่เข้าใจหรือไม่สนับสนุนให้ลูกหลานเป็นคณะบริหารสภาเด็กและเยาวชน ไม่อนุญาตให้ลูกหลานเข้าร่วม กิจกรรม หรือต้องมีหนังสือขออนุญาตจากโรงเรียนหรือหน่วยงานเข้าร่วมกิจกรรม ต้องมีครู พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่ อบต./เทศบาล เป็นผู้ดูแลการประชาสัมพันธ์ของสภาเด็กและเยาวชนไม่ทั่วถึงทำให้เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ ไม่รับรู้และขาดโอกาสที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของสภาเด็กและเยาวชน ๔. มีการปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนในการดำเนินงานสภาเด็กและเยาวชนบ่อยครั้ง ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่ต่อเนื่อง และขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อน การดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชนอย่างมาก ๕. งบประมาณในการสนับสนุนสภาเด็กและเยาวชนในแต่ละระดับมีจำนวนจำกัด ซึ่งไม่สอดคล้องกับ ความต้องการของสภาเด็กและเยาวชนแต่ละพื้นที่ และข้อจำกัดในการดำเนินงานตามแนวทางการขับเคลื่อน สภาเด็กและเยาวชนปี ๒๕๖๖ ตัวชี้วัด 4 : ร้อยละความสำเร็จของการดำเนินโครงการจากภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ งบประมาณจากกองทุนคุ้มครองเด็ก เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) - ร้อยละ ๖๕ ของโครงการจากภาคี เครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ -มีการติดตามผลการดำเนินโครงการ จากภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ งบประมาณจากกองทุนคุ้มครองเด็ก ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ - ร้อยละ ๗๐ ของโครงการจาก ภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ - มีการติดตามผลการดำเนิน โครงการจากภาคีเครือข่ายใหม่ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจาก กองทุนคุ้มครองเด็กในช่วงเดือน - ร้อยละ ๗๕ ของโครงการจาก ภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ - มีการติดตามผลการดำเนิน โครงการจาก ภาคีเครือข่ายใหม่ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณ จากกองทุนคุ้มครองเด็กในช่วง


๓๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และมีภาคี เครือข่ายใหม่ที่บรรลุเป้าหมาย ของโครงการร้อยละ ๘๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ – กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และมีภาคีเครือข่ายใหม่ ที่บรรลุเป้าหมายของโครงการ ร้อยละ ๙๐ เดือนตุลาคม ๒๕๖๕ - กุมภาพันธ์๒๕๖๖ และมีภาคี เครือข่ายใหม่ที่บรรลุเป้าหมาย ของโครงการ ร้อยละ ๑๐๐ ผลการดำเนินงาน : ๑. ร้อยละ ๗๕ ของโครงการจากภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติ ๒. มีการติดตามผลการดำเนินโครงการจากภาคีเครือข่ายใหม่ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากกองทุน คุ้มครองเด็กในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ -กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และมีภาคีเครือข่ายใหม่ที่บรรลุเป้าหมาย ของโครงการ ร้อยละ ๑๐๐ ปัญหา / อุปสรรค : ๑. โครงการที่เสนอไม่เป็นไปตามแนวทางการพิจารณาให้การสนับสนุนจากกองทุนคุ้มครองเด็ก ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒. โครงการที่เสนอมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานต่าง ๆ ๓. โครงการไม่ดำเนินงานตามระเบียบกองทุนคุ้มครองเด็ก เช่น การจัดส่งสัญญารับเงินอุดหนุน จากกองทุนคุ้มครองเด็กก่อนดำเนินโครงการ โดยส่วนมากจะส่งเมื่อเสร็จสิ้นโครงการ ทำให้เกิดความผิดพลาด ในการดำเนินการตามสัญญา 2.2 องค์ประกอบที่ ๒ การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ ๓๐ (จำนวน ๓ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ระดับความสำเร็จในการพัฒนาองค์การสู่ดิจิทัล: ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และ ช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต (กองทุนคุ้มครองเด็ก) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 50 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติ การ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 75 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติ การ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ ๙0 100 ดำเนินการได้ตามแผน ปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ ๑๐0 ผลการดำเนินงาน : ระดับความสำเร็จในการพัฒนาองค์การสู่ดิจิทัล: ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการ รับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต (กองทุนคุ้มครองเด็ก) ได้ร้อยละ ๑๐๐ ปัญหา / อุปสรรค : ๑. ข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำระบบฐานข้อมูลกองทุนคุ้มครองเด็ก อาจจะไม่ทันสมัยเท่าที่ควร ๒. การนำเข้าข้อมูลผู้ได้รับเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก ยังมีไม่ครบทุกจังหวัด เนื่องจากเป็นการนำร่องในการ ใช้งานระบบฐานข้อมูลฯ


๓๑ ตัวชี้วัด 2 : ระดับความสำเร็จในการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) เพื่อนำไปสู่การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ (Open Data) (กองทุนคุ้มครองเด็ก) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) - ทบทวนรายชื่อชุดข้อมูลที่สัมพันธ์ กับกระบวนการทำงานตามภารกิจที่ เลือกของกรมกิจการเด็กและ เยาวชนของจำนวน ๓ ชุด ข้อมูล ปี ๒๕๖๕ - วิเคราะห์กระบวนการทำงานตาม ภารกิจของดย, เพื่อจัดทำบัญชีชุด ข้อมูล ปี ๒๕๖๖ อย่างน้อย ๑ ชุด ข้อมูล - จัดทำบัญชีข้อมูลและคำอธิบาย ข้อมูล (Meta Data) อย่างน้อย ๑ ชุดข้อมูล - ตรวจสอบความถูกต้องของชุด ข้อมูลและบัญชีข้อมูล อย่างน้อย ๑ ชุดข้อมูล นำบัญชีข้อมูลอย่างน้อย ๑ ชุด ข้อมูล ขึ้น ระบบบัญชีข้อมูลกรม กิจการเด็กและเยาวชนและระบบ บัญชีข้อมูลภาครัฐกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์เพื่อนำไปสู่การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ (Open Data) ผลการดำเนินงาน : ได้ร้อยละ 100 มีการนำบัญชีข้อมูลอย่างน้อย ๑ ชุดข้อมูล ขึ้นระบบบัญชีข้อมูลกรมกิจการเด็กและ เยาวชนและระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำไปสู่การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ (Open Data) ปัญหา / อุปสรรค : - ๑.ข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำระบบฐานข้อมูลกองทุนคุ้มครองเด็ก อาจจะไม่ทันสมัย เท่าที่ควร ๒. การนำเข้าข้อมูลผู้ได้รับเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก ยังมีไม่ครบทุกจังหวัด เนื่องจากเป็นการนำร่อง ในการใช้งานระบบฐานข้อมูลฯ ตัวชี้วัด 3 : การประเมินสถานะหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 400 408.41 (คะแนน ปี 2565) 416.58 (คะแนน ปี 2565 + 2%)


๓๒ ผลการดำเนินงาน : กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ดำเนินการประเมินสถานะหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 ในรอบ ที่ 1 ประเมิน หมวดที่ 7 และได้คะแนนประเมินจากผู้ตรวจประเมิน 360 คะแนน ในรอบที่ 2 ประเมิน หมวดที่ 1 – 7 ได้คะแนนประเมินจากผู้ตรวจประเมิน 410.34 คะแนน จึงทำให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นระบบ ราชการ 3.28 และได้ค่าเป้าหมายการดำเนินการ เป็นขั้นมาตรฐาน ปัญหา / อุปสรรค : - ๒.๔ กรมกิจการผู้สูงอายุ(ผส.) 2.1 องค์ประกอบที่ ๑ การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) ร้อยละ ๗๐ (จำนวน ๓ – ๕ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ร้อยละของผู้สูงอายุที่ขอรับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพมีศักยภาพมีงานทำ และรายได้เหมาะสม 1.1 ร้อยละของผู้สูงอายุที่ได้รับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพ จากกองทุนผู้สูงอายุมีศักยภาพ มีงานทำ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ 95.73 ของผู้สูงอายุที่ยื่น ขอรับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการประกอบ อาชีพได้รับอนุมัติเงินทุนกู้ยืมใน ปีงบประมาณ 2566 (ค่ามาตรฐาน - 2) ร้อยละ 97.73 ของผู้สูงอายุที่ยื่น ขอรับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการประกอบ อาชีพได้รับอนุมัติเงินทุนกู้ยืมใน ปีงบประมาณ 2566 (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ปี 2563 - 2565) ร้อยละ 99.73 ของผู้สูงอายุ ที่ยื่นขอรับเงินทุนกู้ยืมเพื่อการ ประกอบอาชีพได้รับอนุมัติ เงินทุนกู้ยืมในปีงบประมาณ 2566 (ค่ามาตรฐาน + 2) ผลการดำเนินงาน : กรมกิจการผู้สูงอายุ โดยกองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ให้บริการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการประกอบ อาชีพในปี 2566 ผลการดำเนินงาน รอบ 12 เดือน (1 ตุลาคม ๒๕65 - 30 กัยายน ๒๕66) มีผู้สูงอายุที่ยื่น คำร้องขอรับเงินทุนกู้ยืม จำนวน 6,305 ราย และได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพ จำนวน 6,267 ราย คิดเป็นร้อยละ 99.40 ปัญหา / อุปสรรค : - 29


๓๓ 1.2 ร้อยละผู้สูงอายุที่กู้ยืมเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุมีงานทำ และ รายได้เพิ่มขึ้น เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ 65 ของผู้สูงอายุที่ได้รับ อนุมัติการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการ ประกอบอาชีพและทำสัญญา ในปี บัญชี 2565 และมีรายได้เพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ 10 (ค่ามาตรฐาน - 5) ร้อยละ 70 ของผู้สูงอายุที่ได้รับ อนุมัติการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการ ประกอบอาชีพและทำสัญญา ในปีบัญชี 2565 และมีรายได้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 (หน่วยงานไม่เคยมีการ ดำเนินการในเรื่องนี้มาก่อน) ร้อยละ 75 ของผู้สูงอายุที่ได้รับ อนุมัติการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการ ประกอบอาชีพและทำสัญญา ในปีบัญชี 2565 และมีรายได้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 (ค่ามาตรฐาน + 5) ผลการดำเนินงาน : กรมกิจการผู้สูงอายุ โดยกองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ได้จัดเก็บแบบสำรวจผู้สูงอายุที่ได้รับ อนุมัติการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพและทำสัญญา ในปีบัญชี 2565 จำนวน 5,048 ราย จากแบบ สำรวจพบว่ามีผู้สูงอายุที่ได้รับอนุมัติการกู้ยืมเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 จำนวน 3,646 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.23 ปัญหา / อุปสรรค : พนักงานกองทุนผู้สูงอายุส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ไม่สามารถติดต่อผู้กู้ยืมได้ เนื่องจาก เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ย้ายสถานที่ประกอบอาชีพและที่อยู่อาศัย ทำให้การจัดเก็บข้อมูลล่าช้า กระบวนการเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด 2 : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 40 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 50 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 60 ผลการดำเนินงาน : การดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ/พัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนเปราะบางระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3 ผ่านการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและจัดเก็บข้อมูลครัวเรือนระดับ 1 2 และ 3 ทั้งหมด 710,431 ครัวเรือน และเป็นที่ได้มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาจัดทำแผนพัฒนา และดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างน้อย 1 กิจกรรม ตามปัญหาที่ประสบพร้อมบันทึกในระบบแล้วทั้งสิ้น 570,670 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 68.94 จากเป้าหมายการดำเนินงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (จำนวน 827,749 ครัวเรือน) ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ปัญหา / อุปสรรค : - 30


๓๔ ตัวชี้วัด 3 : ความสำเร็จในการพัฒนาอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้มีความ เชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ 80 ของอพม. (เชี่ยวชาญ ด้านผู้สูงอายุ) ที่ได้รับการพัฒนาผ่าน เกณฑ์การประเมินความรู้ ความสามารถ ในระดับ ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม ร้อยละ 85 ของอพม. (เชี่ยวชาญ ด้านผู้สูงอายุ)ที่ได้รับการพัฒนาผ่าน เกณฑ์การประเมินความรู้ ความสามารถ ในระดับร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม ร้อยละ 90 ของอพม. (เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ) ที่ได้รับการพัฒนาผ่านเกณฑ์ การประเมินความรู้ ความสามารถ ในระดับ ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม ผลการดำเนินงาน : อพม. (เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ) ได้รับการพัฒนาศักยภาพตามมาตรฐาน ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 - วันที่ 30 กันยายน 2566 ขับเคลื่อนได้ 2,673 คน และผ่านเกณฑ์การประเมินความรู้ ความสามารถ ในระดับร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม จำนวน 2,490 คน คิดเป็นร้อยละ 93.15 ปัญหา / อุปสรรค : ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องดำเนินการจัดอบรมฯ ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม บางท่านก็มีอายุมาก ทำให้ส่งผลต่อการเข้าใช้งานระบบออนไลน์ และการรับรู้ซึ่งอาจจะรับได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ส่วนใหญ่ในภาพรวม อพม. ให้ความสนใจและสามารถปฏิบัติได้ ตัวชี้วัด 4 : ร้อยละของคนที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญานำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิต - ชประจำวันได้อย่างเหมาะสม เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ 70 ของคนที่ได้รับการ ถ่ายทอดภูมิปัญญา นำความรู้ ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 75 ของคนที่ได้รับการ ถ่ายทอดภูมิปัญญา นำความรู้ที่ ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเหมาะสม ร้อยละ 80 ของคนที่ได้รับการ ถ่ายทอดภูมิปัญญา นำความรู้ ที่ได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างเหมาะสม ผลการดำเนินงาน : โครงการส่งเสริมพลังคลังปัญญา ประจำปี 2566 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งสิ้น 4,985 คน มีผู้ตอบแบบสำรวจความพึงพอใจ จำนวน 3,093 คน คิดเป็นร้อยละ 62.05 และผลสำรวจความ พึงพอใจด้านการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน มีผู้ตอบระดับปานกลางถึงมาก จำนวน 2,941 คน คิดเป็นร้อยละ 95.09 โดยสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดผู้อื่นได้ และมีโอกาสนำไปประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ปัญหา / อุปสรรค : -


๓๕ 2.2 องค์ประกอบที่ ๒ การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ ๓๐ (จำนวน 2 ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด 5 : ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 90 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 100 ผลการดำเนินงาน : สป.พม. (เจ้าภาพหลัก) ดำเนินการร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ ในการดำเนินการจัดทำพิมพ์ เขียวงานบริการ (Service Blueprint) การทบทวนและจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ (Data Catalog) การพัฒนาระบบ แจ้งเตือนสิทธิฯ การเชื่อมโยงข้อมูลของงานบริการกับระบบพอร์ทอลกลางภาครัฐ (Citizen Portal) และการเปิด ใช้งานระบบแจ้งเตือนสิทธิฯ ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนพัฒนาฯ ทั้งนี้ กรมกิจการผู้สูงอายุได้ร่วมทดลองการใช้ระบบแจ้งเตือนสิทธิ์กับ สพร.และกระทรวง พม. และ สพร. ได้ดำเนินการ เปิดใช้งานบริการ พม. จำนวน 12 งานบริการบนแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 เป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 6 : การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 400 (คะแนนกลุ่มที่ 3 : 400 - 450 คะแนน) 409.16 คะแนนปี 2565 417.34 คะแนนปี 2565 + 2 % ผลการดำเนินงาน : กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ดำเนินการประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0(PMQA 4.0)ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผ่านระบบออนไลน์ https://awards.opdc.go.th/awardsregister/ โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ผ่านเกณฑ์การประเมินฯ ซึ่งมีผลการประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบ ราชการ 4.0 (PMQA 4.0) เท่ากับ 454.91 คะแนน เป็นระบบราชการ 3.64 ปัญหา / อุปสรรค : -


๓๖ ๒.๕ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) 2.1 องค์ประกอบที่ ๑ การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) ร้อยละ ๗๐ (จำนวน ๓ – ๕ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 40 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 50 ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ 60 ผลการดำเนินงาน : สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนดตัวชี้วัด โดยมีผลจำนวนครัวเรือนที่สามารถ ดำเนินการได้ ดังนี้ ลำดับ หน่วยงาน จำนวน ครัวเรือนที่ได้รับ มอบหมาย ผลการ ดำเนินงาน ระดับ คะแนน ๑ ศูนย์บริการคนพิการกรุงเทพมหานคร ๑,๗๕๓ ๑,๗๕๓ ๕ ๒ ศูนย์ส่งเสริมอาชีพคนพิการ (โรงงานปีคนพิการสากล) ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๓ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการจังหวัดนครศรีธรรมราช 1,507 3,131 ๕ ๔ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ จังหวัดขอนแก่น ๑,๒๐๐ ๑,๒๕๗ ๕ ๕ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ จังหวัดหนองคาย ๒๗๓ ๒๘๑ ๕ ๖ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ 2,100 1,477 ๓ ๗ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านโมกุล เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๓๙๐ ๔๕๒ ๕ ๘ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๓๐๐ ๓๐๐ ๕ ๙ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านศรีวนาไส จังหวัดอุบลราชธานี 1,698 1,698 ๕ ๑๐ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการบ้านทองพูนเผ่าพนัส จังหวัดอุบลราชธานี 298 318 ๕ ๑๑ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านเฟื่องฟ้า จังหวัดนนทบุรี ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๑๒ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านนนทภูมิ จังหวัดนนทบุรี ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๑๓ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านราชาวดี (ชาย) จังหวัดนนทบุรี ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๑๔ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านราชาวดี (หญิง) จังหวัดนนทบุรี ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๑๕ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการจังหวัดราชบุรี จังหวัดราชบุรี ๙๒๗ ๙๒๗ ๕


๓๗ ลำดับ หน่วยงาน จำนวน ครัวเรือนที่ได้รับ มอบหมาย ผลการ ดำเนินงาน ระดับ คะแนน ๑๖ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๖๐๐ ๖๐๐ ๕ ๑๗ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ๑๑,๒๖๘ ๑๑,๒๖๘ ๕ ๑๘ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการการุณยเวศม์ จังหวัดชลบุรี ๑๒๐ ๑๔๕ ๕ ๑๙ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการอุบลฮักแพง จังหวัดอุบลราชธานี ๑,๔๖๔ ๑,๔๖๔ ๕ ๒๐ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (ชาย) จังหวัดปทุมธานี ๓๓๕ ๓๔๖ ๕ ๒๑ สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (หญิง) จังหวัดปทุมธานี ๖๓๐ ๖๓๐ ๕ ๒๒ ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติก จังหวัดนนทบุรี ๑๗๐ ๑๗๐ ๕ ๒๓ ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติก จังหวัดขอนแก่น ๑,๘๐๐ ๑,๙๓๑ ๕ ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 2 : จำนวนสถานพยาบาลที่มีการให้บริการออกบัตรประจำตัวคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 40 แห่ง 60 แห่ง 80 แห่ง ผลการดำเนินงาน : - มีการประสานสถานพยาบาลในพื้นที่ที่มีความพร้อม พร้อมด้วยสนับสนุนองค์ความรู้และอุปกรณ์ - มีการจัดบริการออกบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน ๘๐ แห่ง - มีการซักซ้อมการดำเนินงานร่วมกับสถาบันสิรินธรฯ 1) โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต 2) โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 3) โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (รพ.จังหวัด ๗๖ แห่ง) 4) โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ปัญหา / อุปสรรค : -


๓๘ ตัวชี้วัด 3 : จำนวนคนพิการที่ได้รับสิทธิคุ้มครองสวัสดิภาพ ตามมาตรการทางสังคมด้านคนพิการ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) 180,000 190,000 200,000 มีรายงานการจัดบริการสิทธิ ความคุ้มครองตามมาตรการทางสังคม และ นำเสนอแนวทางการจัดสวัสดิการ และ ความคุ้มครองสวัสดิภาพคนพิการ รายงาน ต่ออธิบดี พก.เห็นชอบ พร้อมมีรายงาน ความพึงพอใจในภาพรวมมากกว่า ร้อยละ 80 ผลการดำเนินงาน : ศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัด 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร สถานคุ้มครองและ พัฒนาคนพิการ และศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติก ภายใต้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีการดำเนินงานและจัดบริการตามบทบาทภารกิจให้แก่คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการและผู้ที่มาติดต่อขอรับบริการ ตลอดจนบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ คนพิการให้สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ ใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอย่างเท่าเทียมและ ทั่วถึง และมีการดําเนินงาน คุ้มครองสวัสดิภาพ คนพิการ ทั้งนี้ ศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัดและ กรุงเทพมหานคร สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ จํานวน 11 แห่ง และศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติก จํานวน 2 แห่ง มีการรายงานผลการดําเนินงานและการจัดบริการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่าง เดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2566 จำนวน ๒๐0,000 คน และมีรายงานการจัดบริการสิทธิความ คุ้มครองตามมาตรการทางสังคม และนำเสนอแนวทางการจัดสวัสดิการ และความคุ้มครองสวัสดิภาพคนพิการ รายงานต่ออธิบดี พก. เห็นชอบ พร้อมมีรายงานความพึงพอใจในภาพรวม ร้อยละ ๙๕ ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด 4 : ร้อยละของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ได้รับการให้บริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพ หรือ ขยายกิจการ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) • ร้อยละ 70 • มีรายงานติดตามผลการ ประกอบ อาชีพคนพิการ/ผู้ดูแลคน พิการที่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้ยืมฯ ในปี 2๕65 พร้อมทั้งข้อเสนอในการ • ร้อยละ 80 • มีรายงานติดตามผลการ ประกอบอาชีพคนพิการ/ผู้ดูแล คนพิการที่ได้รับการสนับสนุนเงิน กู้ยืมฯ ในปี 2565 พร้อมทั้ง • ร้อยละ 90 • มีรายงานติดตามผลการ ประกอบอาชีพคนพิการ/ผู้ดูแล คนพิการที่ได้รับการสนับสนุนเงิน กู้ยืมฯ ในปี 2565 พร้อมทั้ง


๓๙ จัดทำนโยบายด้านการประกอบ อาชีพเสนออธิบดีให้ความเห็นชอบ ข้อเสนอ ในการจัดทำนโยบาย ด้านการประกอบอาชีพเสนอ อธิบดีให้ความเห็นชอบ ข้อเสนอในการจัดทำนโยบาย ด้านการประกอบอาชีพเสนอ อธิบดีให้ความเห็นชอบ ผลการดำเนินงาน : สามารถดำเนินการให้บริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพ หรือ ขยายกิจการ จำนวน ๑๕,๒๒๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๑๓ และมีรายงานติดตามผลการประกอบอาชีพคนพิการ/ ผู้ดูแลคนพิการที่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้ยืมฯ ในปี 2565 พร้อมทั้งข้อเสนอในการจัดทำนโยบายด้านการ ประกอบอาชีพเสนออธิบดีให้ความเห็นชอบ ปัญหา / อุปสรรค : - 2.2 องค์ประกอบที่ ๒ การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ ๓๐ (จำนวน ๒ ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัด ๑ : ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 80 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 90 ดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติ การ (Action Plan) พ.ศ. 2566 ร้อยละ 100 ผลการดำเนินงาน : สำหรับ พก. จะต้องดำเนินการเชื่อมโยงกับ Application ทางรัฐ (ในส่วนของการรับรู้) จำนวน ๒ งานบริการ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ดังนี้ 1. ระบบบริการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ 2. ระบบการจัดบริการผู้ช่วยคนพิการ ทั้งนี้ ทั้ง ๒ งานบริการมีการเปิดใช้งานการแจ้งเตือนบน Application ทาง พก. ได้ประชาสัมพันธ์ ให้กลุ่มเป้าหมายทราบแล้ว ปัญหา / อุปสรรค : -


๔๐ ตัวชี้วัด 2 : ระดับความสำเร็จในการยกระดับกระบวนงานการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับ คนพิการ สู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) - หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน การพัฒนากระบวนการไฟล์ข้อมูล การปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย สำหรับคนพิการให้อยู่ในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ - จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อ ยกระดับการเข้าสู่ระบบ อิเล็กทรอนิกส์ และการแจ้งเตือน สิทธิ์ในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่ อาศัยสำหรับคนพิการ - มีระบบ การปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่ อาศัยสำหรับคนพิการ (นำร่อง) และ นำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบการแจ้งเตือน สิทธิ์ในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่ อาศัยสำหรับคนพิการ และการ รายงานผลการปรับสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ - มีแบบสอบถามความพึงพอใจ ต่อการทดลองใช้ระบบการปรับ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับ คนพิการ - ร้อยละ 90 ของผู้ทดลองใช้ งานระบบที่มีความพึงพอใจต่อ ระบบการปรับสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ -มีการรายงานผลการใช้งานระบบ และข้อเสนอแนะแนวทางการ พัฒนางานบริการ ผลการดำเนินงาน : ๑. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนากระบวนการไฟล์ข้อมูลการปรับ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ๒. จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับการเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการแจ้ง เตือนสิทธิ์ในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ๓. มีระบบ การปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ (นำร่อง) และนำเข้า ข้อมูลเข้าสู่ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์ในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ และการรายงานผลการ ปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ๔. พก. ขอความร่วมมือจังหวัดดำเนินการคัดเลือกคนพิการที่ยื่นคำขอรับบริการการปรับ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ สนับสนุนกลุ่มคนพิการตัวอย่าง เพื่อทดลองใช้ระบบต้นแบบ (Prototype) และสำรวจความพึงพอใจในโครงการวิเคราะห์และปรับกระบวนการ ทำงาน (Re-Process) ๕. สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดทำรายงานผลการ ใช้งานระบบและการดำเนินงาน ปัญหา / อุปสรรค :


๒.๖ กรมกิจการสตรีและครอบครัว (สค.) ๒.๑ องค์ประกอบที่ ๑ การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) ร้อยละ ๗๐ ตัวชี้วัด ๑ : ร้อยละความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ ๔๐ ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ ๕๐ ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ ๖๐ ผลการดำเนินงาน : ครัวเรือนเปราะบางเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร้อยละ ๑๐๖.๗๑ ปัญหา / อุปสรรค : ๑) นิยามของครัวเรือนเปราะบาง การดำเนินงาน มิติการให้ความช่วยเหลือ แต่ละหน่วยงานต่างกัน ทำให้ยากในการบูรณาการ ให้ความช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตร่วมกัน ๒) การให้ความช่วยเหลือครัวเรือนเปราะบางยังไม่เกิดความยั่งยืน การดำเนินงาน ยังไม่ครอบคลุมในมิติที่ประสบปัญหา ตัวชี้วัด ๒ : ดัชนีความเข้มแข็งของครอบครัว เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ๗๕ ๘๐ ๘๕ ผลการดำเนินงาน : ค่าดัชนีความเข้มแข็งของครอบครัว ๗๑.๔๗ ปัญหา / อุปสรรค : เนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ สค. ได้มีการพัฒนาตัวชี้วัดมาตรฐานครอบครัว เข้มแข็ง โดยยกเลิกเครื่องมือในการสำรวจเดิม และใช้เครื่องมือที่มีการปรับปรุงใหม่ ประกอบด้วย ๗ องค์ประกอบ ๑๕ ตัวชี้วัด ซึ่งมีข้อคำถามที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อให้การสำรวจมีความละเอียดรัดกุม มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจในครอบครัว ที่เป็นด้านที่มีค่าคะแนนในระดับน้อยกว่าด้านอื่น ๆ รวมทั้งเพิ่ม พื้นที่การสำรวจในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งมีอาจมีผลต่อค่าคะแนนความเข้มแข็ง ของครอบครัวที่ลดลงในภาพรวม ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดให้ใช้ค่าเป้าหมายที่อ้างอิงจากเครื่องมือเดิม อนึ่ง ในขั้นตอนการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงแนวทางการสำรวจและนำเข้าข้อมูลสถานการณ์ความ เข้มแข็งของครอบครัวให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเข้าร่วมการประชุมไม่ครบ ทุกจังหวัดหรือไม่เข้าใจแบบสำรวจฯ ตลอดจน การบันทึกข้อมูลในระบบฐานข้อมูลมาตรฐานครอบครัวเข้มแข็ง อาจส่งผลต่อการดำเนินงานตามแผนได้ 41 6


๔๒ ตัวชี้วัด ๓ :จำนวนองค์กรที่มีการขับเคลื่อนการดำเนินการด้านการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) • ๖๐ องค์กร • มีการติดตามผลการดำเนินการ ด้านการส่งเสริมความเสมอภาค ระหว่างเพศ ในปี ๒๕๖๕ และมี องค์กรที่บรรลุเป้าหมายของ แผนงานโครงการ ร้อยละ ๘๐ • ๗๐ องค์กร • มีการติดตามผลการดำเนินการ ด้านการส่งเสริมความเสมอภาค ระหว่างเพศ ในปี ๒๕๖๕ และ มีองค์กรที่บรรลุเป้าหมายของ แผนงานโครงการ ร้อยละ ๙๐ • ๘๐ องค์กร • มีการติดตามผลการดำเนินการ ด้านการส่งเสริมความเสมอภาค ระหว่างเพศ ในปี ๒๕๖๕ และ มีองค์กรที่บรรลุเป้าหมายของ แผนงานโครงการ ร้อยละ ๑๐๐ ผลการดำเนินงาน : จำนวน ๗๙ องค์กร และมีการติดตามผลการดำเนินการด้านการส่งเสริมความเสมอภาค ระหว่างเพศ ในปี ๒๕๖๕ และมีองค์กรที่บรรลุเป้าหมายของแผนงานโครงการ ร้อยละ ๑๐๐ ปัญหา / อุปสรรค : ๑) เงินอุดหนุนกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (เงินอุดหนุนสตรี) ในกรณีขอรับเงินอุดหนุนฯ ผ่าน สนง.พมจ. สำนักงบประมาณโอนจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานเป็นรายงวด ส่งผลให้การสนับสนุน งบเงินอุดหนุนฯ ให้กับองค์กรไม่สามารถดำเนินการได้ในครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อมีการโอนงบประมาณเพิ่มเติม จึงส่งผลให้ สค. ร่วมกับ สนง.พมจ. ดำเนินการสอบถามความพร้อมในการดำเนินการของแต่ละองค์กร อีกครั้งหนึ่ง และการวางแผนในการโอน/การจัดโครงการ มีการเปลี่ยนแปลงตามจำนวนเงิน และวันที่ได้รับโอน เงินงบประมาณในแต่ละงวด ๒) เงินสนับสนุนโครงการเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (กองทุนส่งเสริมความเท่าเทียม ระหว่างเพศ) เทศบาลตำบลรือเสาะ ได้ทำหนังสือขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ เนื่องจากห้วง ระยะเวลาที่กำหนดจัดกิจกรรม ในโครงการเป็นช่วงโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายปิดภาคเรียนและเป็นห้วงเดือน รอมฎอนซึ่งมุสลิมศาสนิกในพื้นที่ต้องปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา คือ ถือศีลอด จึงทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรม โครงการได้ตามที่กำหนด ซึ่งผู้ขอรับเงินฯ สามารถกระทำได้หากการจัดกิจกรรมโครงการไม่เกินสิ้นปีบัญชี ของกองทุนฯ หน่วยงาน/องค์กรที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในรอบการพิจารณา ครั้งที่ ๔ มีระยะเวลา ในการดำเนินงานโครงการค่อนข้างน้อย ทำให้ยังมีบางหน่วยงาน/องค์กร ที่ยังไม่ได้รายงานผลการดำเนินงาน ได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน หรือมีการขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงกาออกไปถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ (ดำเนินการภายใต้ระเบียบและสัญญาสามารถทำได้)


๔๓ ตัวชี้วัด ๔ : จำนวนแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ร้อยละ ๖๐ ของกลุ่มเป้าหมาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ร้อยละ ๗๐ ของกลุ่มเป้าหมาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มเป้าหมาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ ๙๔.๙๕ ของกลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัญหา / อุปสรรค : - ๑.การติดตามผลการจัดการรายกรณี (Case Management) เพื่อการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของผู้ใช้บริการค่อนข้างใช้ระยะเวลา อาจมีความล่าช้าในการติดตามผลและการรายงาน ๒.เนื่องจากศูนย์บริการฯ ทั้ง ๑๒ แห่ง มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั้ง ๗๖ จังหวัดและ กรุงเทพมหานคร แต่ละศูนย์ฯ มีพื้นที่ให้บริการหลายจังหวัด ทำให้ยังคงมีข้อจำกัด ในด้านความห่างไกลของ บางพื้นที่และการเดินทาง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของแม่/พ่อเลี้ยงเดี่ยว ในการเข้าใช้บริการบางประเภท รวมถึงความต่อเนื่องในการติดตามผลผู้ใช้บริการ ๒.๒ องค์ประกอบที่ ๒ การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ร้อยละ ๓๐ ตัวชี้วัด ๑ : ระบบการแจ้งเตือนสิทธิ์และช่วยเหลือในการรับสวัสดิการของประชาชนตลอดช่วงชีวิต เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. ๒๕๖๖ ร้อยละ ๘๐ ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. ๒๕๖๖ ร้อยละ ๙๐ ดำเนินการได้ตาม แผนปฏิบัติการ (Action Plan) พ.ศ. ๒๕๖๖ ร้อยละ ๑๐๐ ผลการดำเนินงาน : ร้อยละ ๑๐๐ ปัญหา / อุปสรรค : - ตัวชี้วัด ๒ : การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ ๔.๐ (PMQA ๔.๐) เกณฑ์การประเมิน ขั้นต้น (๕๐ คะแนน) ขั้นมาตรฐาน (๗๕ คะแนน) ขั้นสูง (๑๐๐ คะแนน) ๔๔๕ (ค่าเฉลี่ยคะแนนกลุ่มที่ ๔ : มากกว่า ๔๕๐ คะแนน) ๔๔๘.๑๖ คะแนน (คะแนนปี ๒๕๖๕+๔๔๕)/๒ ๔๕๑.๓๑ (คะแนนปี ๒๕๖๕) ผลการดำเนินงาน : ๔๔๘.๔๕ ปัญหา / อุปสรรค : - 6


๔๔ ๓) การประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ ๔.๐ (PMQA 4.0) - เครื่องมือการประเมินสถานะองค์การในการเป็นระบบราชการ 4.0 หรือ PMQA 4.0 เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินเพื่อตอบสนองพันธกิจตามหน้าที่ส่วนราชการ และการเชื่อมโยงสู่ยุทธศาสตร์และ ผลลัพธ์ด้านการพัฒนาของประเทศ โดยเข้าใจความท้าทายทั้งของส่วนราชการ และทิศทางการพัฒนาประเทศ เพื่อตั้งเป้ายุทธศาสตร์ที่ท้าทาย โดยมีระดับการพัฒนา 3 ระดับ ดังต่อไปนี้ (1) ระดับพื้นฐาน (Basic) มีผลประเมินเทียบเท่า 300 - 399 คะแนน (2) ระดับก้าวหน้า (Advance) มีผลประเมินเทียบเท่า 400 - 469 คะแนน (3) ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) มีผลประเมินเทียบเท่า 470 - 500 คะแนน เกณฑ์PMQA 4.0 มีแนวทางในการประเมินหมวดกระบวนการ (หมวด 1 – 6) และหมวดผลลัพธ์ (หมวด 7) ดังนี้ หมวด 1 - 6 มีการดำเนินการใน 3 ระดับ คือ ระดับ ระดับพื้นฐาน (Basic) ระดับก้าวหน้า (Advance) ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) คะแนน 300 – 399 400 – 469 470 – 500 คำอธิบาย มีแนวทางของการดำเนินการ ที่เป็น ระบบและถ่ายทอด อย่างมีประสิทธิผล ( Approach and Deployment ห รือ A&D) แนวทางในการดำเนินการมี ค ว า ม ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ เป้าประสงค์ขององค์การ และ ของระดับประเทศ (Alignment) แนวทางการดำเนินการมีการ การบูรณาการกับส่วนงาน ภายในและสนับสนุนการเกิดผล สู่ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ (Integration)


๔๕ หมวด 7 มีผลการดำเนินการ 3 ระดับ คือ ระดับ ระดับพื้นฐาน (Basic) ระดับก้าวหน้า (Advance) ระดับพัฒนาจนเกิดผล (Significance) คะแนน 300 – 399 400 – 469 470 – 500 คำอธิบาย มีการระบุตัววัดที่หัวข้อที่ ระบุไว้และมี การตั้งเป้าหมาย ที่มีความท้าทาย ตัว วัดมีความสัมพันธ์ในเชิงเหตุผล กับ กระบวนการ เพื่อ ปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยมีการ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หลาย ตัว (Level and Early Trend) ตัววัดได้รับการปรับปรุงและมี ผลลัพธ์ดีกว่าค่าเป้าหมายหลาย ตัว (Focus Improvement) ตัววัดได้รับการปรับปรุง จนมี ผลลัพธ์ดีกว่าค่าเป้าหมายเกือบ ทุกตัวอันเป็นผลมาจากความ พยายามในการปรับปรุงทุกส่วน งาน (Integration) กรอบการประเมิน PMQA 4.0 มีทั้งหมด 7 หมวด (อิงตามเกณฑ์PMQA ฉบับ พ.ศ. 2558) โดย หมวด 1 – 6 ซึ่งเป็นหมวดกระบวนการจะมีประเด็นในการพิจารณาหมวดละ 4 ประเด็น หมวด 7 ซึ่งเป็น หมวดผลลัพธ์การดำเนินการมีประเด็นในการพิจารณา 6 ประเด็น รวมทั้งหมด 30 ประเด็นในการประเมิน แต่ละประเด็นจะมีระดับการประเมิน 3 ระดับ ได้แก่ พื้นฐาน ก้าวหน้า และพัฒนาจนเกิดผล เกณฑ์ในการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 PMQA 4.0 คือ เครื่องมือการประเมินระบบการบริหารของส่วนราชการในเชิงบูรณาการ เพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของส่วนราชการกับเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 กรอบการประเมิน PMQA 4.0 มีทั้งหมด 7 หมวด (อิงตามเกณฑ์PMQA ฉบับ พ.ศ. 2558) โดยหมวด 1 – 6 ซึ่งเป็นหมวดกระบวนการจะมีประเด็น ในการพิจารณา หมวดละ 4 ประเด็น ส่วนหมวด 7 เป็นหมวดการบรรลุผลลัพท์การดำเนินการ


Click to View FlipBook Version