The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มจริงรายงานปี 2566 ฉบับแก้(ล่าสุด) 29.012567

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by psdg0224, 2024-01-31 05:29:25

รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปีงบประมาณ 2566

เล่มจริงรายงานปี 2566 ฉบับแก้(ล่าสุด) 29.012567

สรุปผลการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในหมวด สำนักงานปลัด กระทรวงฯ กรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ กรมกิจการเด็กและ เยาวชน กรรอบ 1 รอบ 2 รอบ 1 รอบ 2 รอบ 1 รอบ 2 รอ๑ การนำองค์กร - 425 395.48 425 - 437.50 ๒ การวางแผน เชิงยุทธศาสตร์ - 425 389.22 425 - 484.38 ๓ การให้ ความสำคัญกับ ผู้รับบริการและ ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย - 425 393.5 425 - 453.13 ๔ การวัด วิเคราะห์ และ จัดการความรู้ - 400 404.46 425 - 458.33 ๕ การมุ่งเน้น บุคลากร - 425 395.04 400 - 395.83 ๖ การมุ่งเน้น ระบบปฏิบัติการ - 400 404.17 450 - 447.92 ๗ การบรรลุ ผลลัพธ์การ ดำเนินการ - 483. 33 376 417.00 360 440 คะแนนรวม ๕๐๐ คะแนน - 443. 33 376 421.80 360 445.30 ค่าเฉลี่ยรวม ของหน่วยงาน 438.33 396.80 410.34


๔๖ การเป็นระบบราชการ ๔.๐ (PMQA 4.0) ปี ๒๕๖๖ รมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพชีวิต คนพิการ กรมกิจการสตรีและ สถาบันครอบครัว ค่าเฉลี่ยของ หน่วยงาน ที่ประเมิน ทั้งหมด หมาย เหตุ อบ 1 รอบ 2 รอบ 1 รอบ 2 รอบ 1 รอบ 2 ผลรวม - 463.54 - 463.54 - ๔79.17 410.20 - 437.5 - 416.67 - 453.13 404.95 - 468.75 - 473.96 - 442.71 407.86 - 468.75 - 447.92 - 458.33 422.36 - 447.92 - 453.13 - 442.71 413.11 - 447.92 - 453.13 - 453.13 420.70 - 450 - 406.67 - 410 391.72 - 454.91 - 445.00 - 448.45 410.13 410.13 410.13 411.16 412.82


จากตารางดังกล่าวข้างต้น การประเมินสถานะของหน่วยงากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2566 พบว่า การเท่ากับ 410.13 โดยส่วนใหญ่ (หมวด 1 - 6 ) จะอยู่ในระดับก้าวหน้า ( Aในหมวด 7 จะอยู่ในระดับพื้นฐาน (Basic ) โดยมีคะแนนค่าเฉลี่ยรวมเท่าเท่ากับ 412.82 จะอยู่ในระดับก้าวหน้า ( Advance ) โดยหน่วยงานส่วนอยู่ในระดับก้าวหน้า ( Advance ) ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมกิจและกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมีหน่วยงานเดียวคือ กถือว่าอยู่ในระดับพื้นฐาน (Basic


๔๗ นภาครัฐในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) ของหน่วยงานในสังกัด ประเมินผล รายหมวด 1 - 7 มีคะแนนค่าเฉลี่ยการประเมินผลรวมทั้งหมด Advance ) มีคะแนนค่าเฉลี่ยรวมระหว่าง 404.95 -420.70 ส่วนคะแนน กับ 391.72 ส่วนค่าเฉลี่ยรวมทุกหมวดของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ นใหญ่มีผลการประเมินคะแนนรวมอยู่ระหว่าง 410.13 – 438.33 ซึ่งถือว่า จการเด็กและเยาวชน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มีผลการประเมินคะแนนรวมเท่ากับ 396.80


๔๘ สรุปผลการประเมินของผู้ตรวจ (Feedback Report) รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ๔.๐ ขั้นตอนที่ 2 การตรวจเอกสารรายงานผลการดำเนินการพัฒนาองค์การ และ ขั้นตอนที่ 3 การตรวจประเมิน ณ พื้นที่ปฏิบัติการ 1. สำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(สป.พม.) ส่วนที่ 1 ผลการพิจารณา จากการพิจารณารายงานผลการดำเนินการ (Application Report ) ของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์โดยคณะทำงานตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ปรากฏว่า มีผลการพิจารณา ผ่าน เกณฑ์การสมัครรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ซึ่งมีผลคะแนนรวม เท่ากับ 438.33 คะแนน โดยประเด็นที่ เป็นจุดเด่น และโอกาส ในการปรับปรุงเพื่อการพัฒนา มีรายละเอียด ดังนี้ ส่วนที่ 2 จุดเด่นของการเป็นระบบราชการ 4.0 มิติระบบราชการที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน การพัฒนาศูนย์ส่งเสริมและประสานการพัฒนาสังคมไทยในต่างประเทศ (ศส.ปตท.) ในรูปแบบองค์กร เสมือนจริง (Virtual Organization) เป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาระบบและกระบวนการพัฒนาสังคมไทย ในต่างประเทศของกระทรวง พม. ที่ทำได้โดยประหยัดและเกิดประสิทธิภาพ โดยติดต่อสื่อสารผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ สื่อสังคมออนไลน์ ในการทำงานระหว่างหน่วยงานในกระทรวง พม.ผ่านคณะทำงานบูรณาการ พม.สำหรับ คนไทยในต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ประสานความสัมพันธ์ในการปฏิบัติงานและการใช้ทรัพยากร ร่วมกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคือคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึง หลักประกันทางสังคมไทยอย่างเท่าเทียมกัน มิติยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง การขับเคลื่อนการดำเนินงานทีม พม. จังหวัด ภายใต้แนวคิดบ้านเดียวกัน (One Home) เป็นกลไก ที่มุ่งพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องและตอบโจทย์การพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ และสอดคล้อง กับแผนปฏิบัติการ พม. 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ในด้านการยกระดับองค์กรสู่การเป็นผู้นำทางสังคม ผ่านการพัฒนาระบบงาน ในรูปแบบการทำงานเป็นทีมอย่างมีเอกภาพ การเชื่อมโยงและบูรณาการทรัพยากรในการบริหารให้เกิดความคุ้มค่า มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ต่อส่วนรวมตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส MSO-LOGBOOK" แพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ยังไม่เคยมีระบบสารสนเทศที่มีการ ออกแบบให้สามารถบันทึกข้อมูลแยกเป็นครัวเรือน ครอบครัว สมาชิก และแบ่งระดับความเปราะบางได้ รวมทั้งไม่เคย มีระบบสารสนเทศที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลครัวเรือน ครอบครัว สมาชิก สภาพปัญหา นำไปสู่การใช้ ข้อมูลระบบ เป็นตัวแปรสำคัญในวางแผ่นการวิเคราะห์ความช่วยเหลือให้ความช่วยเหลือ ติดตามความช่วยเหลือ และ การส่งต่อความช่วยเหลือ เป็นการเสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ พม. ในการให้ความช่วยเหลือโดยใช้ข้อมูลในระบบ ควบคู่กับใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ พม. ระบบยังสามารถแนะนำแนวทางการช่วยเหลือให้เบื้องต้นและเจ้าหน้าที่ พม สามารถเพิ่มเติม แนวทางแก้ไขนอกเหนือจากที่ระบบแนะนำไว้ให้ได้ นอกจากนี้ยังรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)


๔๙ มิติระบบราชการที่มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย การพัฒนาระบบตรวจสอบภายในด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Internal Audit : EIA) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านเงินการคลังของหน่วยงานในสังกัด สป.พม. โดยในปี 2564 ระบบ EIA มีผลทำให้สามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยรับตรวจได้ครบทุกหน่วยรับตรวจตามแผนการ ตรวจสอบที่กำหนดไว้ ลดต้นทุนผลผลิตต่อหน่วยของหน่วยรับตรวจ ลดต้นทุนระยะเวลาในการตรวจสอบจากเดิม 57 วัน ต่อ 1 หน่วยรับตรวจ เป็น 20 วันต่อหน่วยรับตรวจ โดยภาพรวมปีงบประมาณ พ.ศ. 2465 ระบบ EIA นำมาใช้รองรับ การตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านการเงิน การคลัง ของหน่วยรับตรวจได้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกหน่วยรับตรวจ 95 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 100 ลดต้นทุนในการดำเนินการตรวจสอบรูปแบบที่ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 1 การนำ องค์การ 425 ผู้บริหารได้มีการนำองค์การ ที่มุ่งเน้นสัมฤทธิ์ผลและสร้าง ค ว า ม ย ั ่ ง ย ื น โ ด ย ก ำ ห น ด วิสัยทัศน์และแผนยุทธศาสตร์ ที่นำไปสู่การบรรลุพันธกิจและ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดแนวทางด้านการป้องกัน ทุจริตและการสร้างความ โปร่งใสส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม และการแก้ไขปัญหาร่วมกับ เ ค ร ื อ ข ่ า ย ก ำ ก ั บ ต ิ ด ต า ม ประเมินผลการดำเนินการและ ผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยคำนึงถึง ผลกระทบต่อสังคมและมุ่งเน้น ให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การ พัฒนาประเทศตามทิศทาง ยุทธศาสตร์ 1.1 ระบบการนำองค์การที่สร้างความยั่งยืน - ควรมีการทบทวนแนวทางในการกำหนด ทิศทางองค์กรโดยการวิเคราะห์ความต้องการ ของผู้รับบริการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อกำหนด นโยบายเชิงนวัตกรรม รวมทั้งนวัตกรรม ตอบสนองความต้องการของประชาชน 1.2 การป้องกันการทุจริตและสร้างความ โปร่งใส - ควรมีการประเมินประสิทธิผลและตัววัดการ ป้องกันทุจริตมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การ พัฒนาประเทศตามทิศทางและสร้าง ความ โปร่งใสปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยผล การดำเนินการสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดความ เชื่อมั่นและไว้ใจหน่วยงานภาครัฐ 1.3 การมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ผ่านการมีส่วนร่วม จากเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก - การมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ผ่านการมีส่วนร่วมควรมี การสื่อสารทำความเข้าใจ กับบุคลากรและ เครือข่ายภายนอกให้มีความเข้าใจแนวทางการ ทำงานของหน่วยงานภาครัฐให้ความร่วมมือใน การดำเนินการและสร้างกลไกในการประสาน ความร่วมมือกันในการทำงานระหว่างกันโดย 6


๕๐ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการติดตามประสิทธิผลของการ ดำเนินงาน 1.4 การคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งใน ระยะสั้น และระยะยาว - ควรมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโครงการ ตามยุทธศาสตร์สำคัญ และกระบวนการทำงาน หลักตามพันธกิจของส่วนราชการที่ส่งผล กระทบต่อสังคมในระดับประเทศ โดยนำ เทคโนโลยีการสื่อสารและดิจิทัลเข้ามา ประยุกต์ใช้ และการสร้างเครือข่ายที่ช่วยเฝ้า ระวังผลกระทบเชิงลบเพื่อให้การแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ - มีการวิเคราะห์หลักการและเหตุผลตลอดจน ผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการ ดำเนินงานตามพันธกิจไว้ในการนำเสนอ โครงการ/กิจกรรมที่มีการขออนุมัติในแต่ละ โครงการ/กิจกรรมมาตรการที่นำเสนอในหลาย ประเด็นเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นตามบทบาท ภารกิจขององค์การ ไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการดำเนินการองค์การควรมีการ ประเมินผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการและหาทางจัดการ ผลกระทบดังกล่าว ทั้งการป้องกันและ การจัดการรวมถึงกำหนดตัวชี้วัดในการ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการจัดการให้มีความ ชัดเจน 2 การวางแผน ยุทธศาสตร์ 425 ส่วนราชการมีกระบวนการ วางแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ และเกิดประสิทธิผลรองรับการ ขับเคลื่อนสู่องค์การดิจิทัล 2.1 แผนยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองความ ท้าทายสร้างนวัตกรรมการเปลี่ยนแปลง และ มุ่งเน้นประโยชน์สุขประชาชน


๕๑ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 ผ่านการกำหนดแผนงานรองรับ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ก ำ ห น ด เ ป ้ า ห ม า ย เ ชิ ง ยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและ ระยะยาวที่สอดคล้องกับ พันธกิจของส่วนราชการและ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ มีแผนงานที่ขับเคลื่อนลงไปทุก ภาคส่วนมีการติดตามผลของ ก า ร บ ร ร ล ุ เ ป ้ า ห ม า ย เชิงยุทธศาสตร์และการายงาน ผลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการ แก้ไขปัญหา - การกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ควรเน้น การวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับองค์การและ ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม - การติดตามผลของการบรรลุเป้าหมาย ควร เน้นการดำเนินการเชิงรุกเพื่อรองรับการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเน้นการคาดการณ์ สถานการณ์ต่าง ๆ 2.2 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและ ระยะยาวสอดคล้องพันธกิจและยุทธศาสตร์ ชาติ -มีการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ แต่ยังขาดการวิเคราะห์ผลกระทบของ เป้าประสงค์และตัวชี้วัดการวิเคราะห์ความ เสี่ยงระดับองค์กรและผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมที่มีผลการดำเนินงานตาม ยุทธศาสตร์ทั้งผลกระทบด้านต่อระบบ เศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม อย่างไรพร้อมทั้งแสดงการเตรียมพร้อมเพื่อ รองรับ 2.3 แผนขับเคลื่อนในทุกระดับและทุก ภาคส่วน - มีแผนปฏิบัติการและมีตัวอย่างการดำเนินงาน ตามแผนรวมทั้งมีการบูรณาการความร่วมมือ กับเครือข่ายแต่ยังขาดการบูรณาการ กับแผนงานด้านบุคลากรและการคำนึงถึง ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (การทำน้อยได้ มาก)การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในด้านต่าง ๆ เช่น การสื่อสารการลดต้นทุนในการใช้ทรัพยากร ต่าง ๆเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานตามแผน อย่างคุ้มค่า


๕๒ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 2.4 การติดตามผลการบรรลุเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาและการรายงานผล - มีระบบการติดตามผลการดำเนินงานตามแผน ยุทธศาสตร์และยังขาดการติดตามผลของการ บรรลุเป้าหมายในเชิงรุกเน้นการคาดการณ์ สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อวางแผนจัดการในเชิงรุก และปรับแผนให้ทันเวลาจนเกิดผลลัพธ์ที่ดี เป็นไปตามที่ส่วนราชการต้องการ 3. การให้ ความสำคัญ กับผู้บริการ และผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย 400 ส่วนราชการมีการพัฒนาระบบ ข้อมูลรับฟังเสียงผู้รับบริการ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ ประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรม การบริการที่สร้างความแตกต่าง กันในแต่ละกลุ่มรวมทั้งใช้ เทคโนโลยีเพื่อตอบสนองการ แก้ไขปัญหา วิเคราะห์ สร้างนวัตกรรม ความพึงพอใจ และความผูกพันของประชาชน ผู้รับบริการกับหน่วยงาน วางแผนเชิงรุกในการตอบสนอง ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร แ ล ะ ค ว า ม คาดหวังของกลุ่มผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมี กระบวนการแก้ไขข้อร้องเรียน ที่รวดเร็ว 3.1 ระบบข้อมูลและสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการ ให้บริการและการเข้าถึง - มีการรวบความต้องการของผู้รับบริการ แต่ควรมีการใช้ประโยชน์จาก Big Data และ การพยากรณ์ หรือคาดการณ์ความต้องการ เชิงรุกเพื่อนำไปสู่การทบทวนวางนโยบาย เชิงรุก 3.2 การประเมินความพึงพอใจและความ ผูกพันของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ - ควรมีการนำผลการประเมินความพึงพอใจ ของกลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมา วิเคราะห์ความต้องการและแก้ปัญหาในเชิงรุก -ขาดการเชื่อมโยงบูรณาการผลการประเมิน ความพึงพอใจและความผูกพันกับข้อมูลของ กลุ่มผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจาก แหล่งอื่น 3.3 การสร้างนวัตกรรมการบริการที่สร้าง ความแตกต่างและสามารถตอบสนองความ ต้องการเฉพาะ - มีนวัตกรรมสนับสนุนผู้รับบริการในภาพรวม แต่ยังขาดการวิเคราะห์ความต้องการ


๕๓ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเชิงรุก อย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปปรับปรุงตอบสนอง อย่างทันการณ์และสร้างนวัตกรรมตอบสนอง ความแตกต่างทั้งระดับกลุ่มและระดับบุคคล 3.4 กระบวนการการแก้ไขข้อร้องเรียน ที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ - ควรมีการตอบสนองกลับต่อข้อร้องเรียนอย่าง รวดเร็วทันการณ์ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมา ช่วยในการทำงานและการแก้ปัญหาในเชิงรุก เช่น การแจ้งผลการจัดการเรื่องร้องเรียนโดย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ร้องเรียนไม่ต้องเข้า มาติดตามเองอีกทั้งการแสดงสถิติหรือเผยแพร่ ผลลัพธ์ของเรื่องที่ร้องเรียนและผลการจัดการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณะ 4. การวัดการ วิเคราะห์ และการ จัดการ ความรู้ 400 ส่วนราชการมีการใช้ข้อมูล และสารสนเทศมากำหนดตัววัด ที่สามารถใช้ติดตามงานทั้ง ในระดับปฏิบัติการ และระดับ ยุทธศาสตร์ มีการสื่อสารและ เปิดเผยข้อมูลสู่ผู้ใช้งานทั้ง ภายในและภายนอก วิเคราะห์ ผ ล จ า ก ข ้ อ ม ู ล แ ล ะ ต ั ว วั ด เ พ ื ่ อ ก า ร แ ก ้ ป ั ญ ห า แ ล ะ ต อ บ ส น อ ง ไ ด้อ ย ่ า ง มี ประสิทธิภาพ ทันเวลาและ เชิงรุก มีการใช้ความรู้ และ สติปัญญาในการมีการบริหาร จัดการข้อมูล สารสนเทศและ ระบบกการทำงานที่ปรับเป็น ด ิ จ ิ ท ั ล เ ต ็ ม ร ู ป แ บ บ มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้ 4.1 การใช้ข้อมูลในการกำหนดตัววัดเพื่อ ติดตามงาน และการเปิดเผยข้อมูลต่อ สาธารณะ - ควรมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศ มากำหนด ตัววัดที่สามารถใช้ติดตามงานทั้งในระดับ ปฏิบัติการ และระดับยุทธศาสตร์ และสื่อสาร สู่ผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอก 4.2 การวิเคราะห์ผลจากข้อมูล และ ตัววัด เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและแก้ไขปัญหา - ควรมีการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทุกระดับตาม ประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการ ติดตามตัวชี้วัดทั้งที่มีการบรรลุเป้าหมายและ ไม่บรรลุเป้าหมายนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์และ นำไปแก้ปัญหาเชิงนโยบายและการปรับ ยุทธศาสตร์


๕๔ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 4.3 การจัดการความรู้ และใช้องค์ความรู้ เพื่อเรียนรู้พัฒนา แก้ปัญหา และสร้าง นวัดกรรม - มีการจัดการความรู้ แต่ควรมีการนำข้อมูล ที่ได้จากการถอดบทเรียนไปใช้วิเคราะห์ผล เพื่อแก้ปัญหาและเกิดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี หรือการกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ส่งผลกระทบ สูงต่อการแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ 4.4 การบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศและ ปรับระบบการทำงานให้เป็นดิจิทัล - ควรมีการจัดการด้านบุคลากร รองรับ ความก้าวหน้าของบุคลากร การเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านทักษะ หน้าที่ และลักษณะงานเพื่อ ตอบโจทย์กับยุทธศาสตร์ และเป้าหมายของ องค์การ 5. การมุ่งเน้น บุคลากร 400 ส่วนราชการมีการบริหาร จ ั ด ก า ร ด ้ า น บ ุ ค ล า ก ร ที่ ตอบสนองยุทธศาสตร์ การสร้าง แรงจูงใจ และจัดสภาพแวดล้อม ให้มีความคล่องตัวและมุ่งเน้น ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน มีการสร้างวัฒนธรรมการ ทำงานที่ดี ก่อเกิดความร่วมมือ มีระบบบการพัฒนาบุคลากร ให้ก้าวทันเทคโนโลยี มีทักษะ ในการแก้ไขปัญหารองรับการ เปลี่ยนแปลงภาระหน้าที่และ ลักษณะงาน การส่งเสริมให้มี ความคิดริเริ่มในการนำไปสู่การ สร้างนวัตกรรมและความเป็น 5.๑ ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว มุ่งผลสัมฤทธิ์ - ควรมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ บุคลากรมีความรับผิดชอบกล้าตัดสินใจเข้าถึง ข้อมูลเพื่อใช้สนับสนุนการทำงานและ การแก้ปัญหามีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้ พร้อมสนับสนุนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 5.๒ การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เป็น มืออาชีพการสร้างความผูกพันและความเป็น เจ้าของให้แก่บุคลากร - ควรมีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผล การประเมินความผูกพัน และผลลัพธ์ในการ ดำเนินงานของบุคลากรแต่ละกลุ่ม เพื่อใช้เป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลลัพธ์ในการดำเนินงาน - ควรมีการใช้ประโยชน์จากปัจจัยความผูกพัน ไปสร้างแผนส่งเสริมความผูกพันและสร้าง


๕๕ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 ผู้ประกอบการสาธารณะเพื่อให้ เกิดการทำงานที่มีสมรรถนะสูง แรงจูงใจที่สอดคล้องกับปัจจัยที่เกิดจากการ สำรวจ 5.๓ ระบบการพัฒนาบุคลากร - ควรมีการพัฒนาทักษะบุคลากร/ การวางแผน การคาดการณ์ทักษะในโลกอนาคตหรือความ ต้องการ/ความเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคตและ มีแผนบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง - ควรมีการพัฒนาทักษะที่รองรับต่อการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์การและให้สอดคล้อง กับการบริหารจัดการองค์การรูปแบบใหม่ เ ช ่ น ก า ร ว า ง แ ผ น ด ้ า น HR Strategic Management ต ้ อ ง ก า ร ใ ห ้ HR plan ตอบสนองยุทธศาสตร์ และขับเคลื่อนระบบ จัดการงาน และคนให้เกิดสมรรถนะสูง (High Performer) 6. การมุ่งเน้น ระบบการ ปฏิบัติการ 400 ส่วนราชการมีการบริหาร จ ั ด ก า ร ก ร ะ บ ว น ก า ร ท ี ่ มี ประสิทธิภาพผ่านการกำหนด ก ร ะ บ ว น ก า ร ท ำ ง า น ห ลั ก ที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ และ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ มีการ สร้างนวัตกรรมในการปรับปรุง ผลผลิต กระบวนการและการ บริการ มีการลดต้นทุนและการ ใ ช ้ ท ร ั พ ย า ก ร อ ย ่ า ง มี ป ร ะ ส ิ ท ธ ิ ภ า พ ม ี ก า ร น ำ เทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้มีขีด สมรรถนะสูงขึ้น บูรณาการ กระบวนการเพื่อสร้างคุณค่า ในการให้บริการแก่ประชาชน 6.1 กระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้น จนจบสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ 6.2 การสร้างนวัตกรรมในการปรับปรุง ผลผลิตกระบวนการ และบริการ - ควรมีการสร้างความร่วมมือกับทุกภาค ส่วน ในการแก้ปัญหาเชิงบูรณาการการสร้าง นวัตกรรมการปรับปรุงที่มีผลกระทบสูงจากการ มีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องอาจดำเนินการผ่าน Government Innovation Lab โดยอ า ศั ย กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ( Design Thinking) 6.3 การลดต้นทุนและการใช้ทรัพยากรเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการ แข่งขัน


๕๖ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 - ควรมีการใช้ข้อมูลเทียบเคียง (Benchmarks) ทั้งในระดับนานาชาติ เพื่อไปใช้ในการลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 6.4 การมุ่งเน้นประสิทธิผลทั่วทั้ง องค์การ และผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ชาติ - ควรมีการดำเนินการเพื่อมุ่งเน้นประสิทธิผล ทั่วทั้งองค์กรและผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ชาติ ควรดำเนินการและรายงานผลการดำเนินการ ดังกล่าวกับกระบวนการสำคัญอื่น ๆ ตาม พันธกิจที่ระบุไว้ในลักษณะสำคัญขององค์กร 7. ผลลัพธ์ 483.33 ผลลัพธ์ส่วนใหญ่บรรลุเป้าหมาย และมีแนวโน้มที่ดี 7.1 ตัวชี้วัดด้านประสิทธิผลและการบรรลุ พันธกิจ - ควรทบทวนตัวชี้วัดด้านประสิทธิที่สอดคล้อง กับการบรรลุพันธกิจหลักของส่วนราชการ (ตัวชี้วัดที่ไม่ควรนำมาวัด เช่น ร้อยละของการ ดำเนินงานตามแผนเนื่องจากเป็นกระบวนการ) ผลการปรับปรุงการดำเนินการตามกฎหมาย (ไม่ควรนับจำนวนกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ที่ดำเนินการได้แล้วเสร็จควรกำหนดตัวชี้วัดของ การบรรลุผลการดำเนินปรับปรุงการดำเนินการ ตามกฎหมาย) 7.2 ตัวชี้วัดด้านผู้รับบริการ และประชาชน - ควรวัดความพึงพอใจ ความไม่พึงพอใจ ความ ผูกพันการสร้างสัมพันธ์และความร่วมมือของ ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามที่ระบุไว้ ในโครงร่างองค์การ 7.3 ตัวชี้วัดด้านบุคลากร - ตัวชี้วัดของการพัฒนานวัตกรรมที่เกิดจาก บุคลากรของส่วนราชการที่เกิดจาการพัฒนา บุคลากร และนวัตกรรมที่นำเสนอควรมี ล ั กษ ณ ะข องการ ปรับปร ุ งจ นเกิ ดกา ร


๕๗ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในการตอบสนอง ความต้องการของผู้รับบริการหรือประชาชน ไม่ควรพิจารณาเฉพาะระบบออนไลน์ ที่พัฒนาขึ้น ตัวชี้วัดของการเรียนรู้และผลการ พัฒนาบุคลากรที่มีการวัดผลหลังจากผ่านการ พัฒนาและฝึกอบรมแล้วตัวชี้วัดด้านความ ผูกพันควรสอดคล้องกับปัจจัยความผูกพัน ที่ระบุไว้ (หมวด 5) ตัวชี้วัดที่นำเสนอไม่ชัดเจน ว่าทำให้เกิดความผูกพันของบุคลากร ทั่วทั้งองค์กรอย่างไร 7.4 ตัวชี้วัดด้านการเป็นต้นแบบ - ตัวชี้วัดที่แสดงถึงสำเร็จของการเป็นต้นแบบ ของหน่วยงานที่เป็น Best practice และไป ขยายผลในองค์การ/นอกองค์การ ควรระบุ ให้ชัดเจนว่าอะไรคือต้นแบบ และไปขยายผล อย่างไร ตัวชี้วัดที่แสดงถึงผลสำเร็จของ การแข่งขัน และได้รับการจัดอันดับในระดับ นานาชาติที่ดีขึ้นโดยองค์ในต่างประเทศโดยมี การพิจารณาผลการดำเนินงานเป็นการวัด ความสำเร็จของการดำเนินการบรรลุเป้าหมาย ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดีหรือการเป็นต้นแบบ ของผู้บริหารและบุคลากรของหน่วยงาน 7.5 ตัวชี้วัดด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ควรกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงการบรรลุ เป้าหมายของการดำเนินการแล้วและส่งผล กระทบสูงต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่และ ของประเทศ (ไม่ใช่เกิดผลกระทบภายใน ส่วนราชการเอง)


๕๘ หมวด ระดับ การ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึง การเป็นราชการ 4.0 จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การเป็น ราชการ 4.0 7.6 ตัวชี้วัดด้านประสิทธิผลและการจัดการ กระบวนการ -ตัวชี้วัดของการลดต้นทุนทั้งในระดับ กระบวนการอันเกิดจากการปรับปรุงงาน และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อลดต้นทุน ในการทำงาน เช่น ต้นทุนที่ลดลงจากการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับกระบวนการ ทำงานหลักที่ระบุไว้ใน หมวด 6 ตัวชี้วัด ของผลสำเร็จการดำเนินการเตรียมพร้อมและ บรรเทาผลกระทบด้านภัยพิบัติต่าง ๆ (ไม่ควรนับจำนวนครั้งการซ้อมอัคคีภัย หรือ ร้อยละของการดำเนินการตามแผนอัคคีภัย) ตัววัดด้านประสิทธิภาพ


๕๙ ๕๙ ๒. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ส่วนที่ 1 ผลการพิจารณา จากการพิจารณารายงาน ผลการดำเนินการ (Application Report) ของกรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ โดยคณะทำงานตรวจประเมินรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ปรากฏว่า มีผลการพิจารณา ไม่ผ่าน เกณฑ์การสมัครรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ซึ่งมีผลคะแนนรวม เท่ากับ 396.80 คะแนน โดยประเด็นที่เป็นจุดเด่น และโอกาสในการปรับปรุงเพื่อการพัฒนา มีรายละเอียดดังนี้ ส่วนที่ 2 จุดเด่นของการเป็นระบบราชการ 4.0 มิติระบบราชการที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ▪อพม. หัวใจผู้ให้ จากใจประชาชนเพื่อประชาชน มีการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มจำนวน อพม. (ปี 63 : 127,607 คน ปี 64 : 215,280 คน และปี 65 : 306,371 คน) โดย อพม. 1 คน สามารถดูแลประชาชน จำนวน 40 ครัวเรือน และเป็นกลไกเฝ้าระวังและดูแลประชาชนได้ถึง 12,254,840 ครัวเรือน ▪พัฒนาเครือข่ายคุ้มครองทางสังคมที่สำคัญ ทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิและบริการของภาครัฐ เป็น Key Actor ในพื้นที่ในการชี้เป้าเฝ้าระวัง การคุ้มครองช่วยเหลือ และการประสานส่งต่อผู้ประสบปัญหาทางสังคม มิติยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ▪DSDW 4Rs: โมเดลการพัฒนาคนไร้ที่พึ่ง-คนไร้บ้าน ส่งผลให้ผู้ใช้บริการในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ที่มีอาการทางจิตเวชได้รับบริการตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา บำบัดฟื้นฟูด้วยระบบ Telemedicine ผู้ประสบปัญหา ทางสังคม 10,257 คน เข้าถึงสิทธิสวัสดิการตามโครงการตำบลสร้างเสริมสวัสดิการสังคม และศูนย์ช่วยเหลือสังคม ผู้ใช้บริการจุดประสานงานคนไร้บ้าน 5,807 คน มิติระบบราชการที่มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย ▪ยกระดับกระบวนงาน e-Service โดยเข้าถึงบริการช่วยเหลือง่ายแค่ปลายนิ้ว เช่น มีการจ่ายเงิน อุดหนุนในรูปแบบ ผ่านระบบ Krungthai Corporate online เข้าบัญชีของผู้รับบริการโดยตรง และมี SMS แจ้งเตือน ซึ่งส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายได้รับเงิน ถูกต้อง ครบถ้วน และได้รับการแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS จำนวน 88,912 ราย คิดเป็น จำนวนเงิน 218,082,576 บาท ▪อำนวยสะดวกในการติดตามความคืบหน้าการขอรับเงินอุดหนุนออนไลน์ (E-Tracking) จำนวน 155,505 ครั้ง ช่วยลดค่าโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่


๖๐ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ ๑. การนำ องค์การ ๔๒๕ ๑.๑ การยกระดับการบริการและ สร้างวัฒนธรรมที่มุ่งประโยชน์ สุขของประชาชน เช่น การ ยกระดับกระบวนการจ่ายเงิน อุดหนุนทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอน การรับเรื่อง ขั้นตอนการ จ่ายเงิน และการตรวจสอบสถานะการ ขอรับเงินอุดหนุนออนไลน์ ๑.๒ กระบวนการเสริมพลังภาคี เครือข่าย เพื่อขับเคลื่อนการจัด สวัสดิการ และพัฒนาสังคม โดย การสนับสนุน งบประมาณ และ กลไกการทำงาน ในพื้นที่ อาทิ ศูนย์ประสานงาน อพม. และ ศูนย์CSR ระดับจังหวัด ทำให้เกิด นวัตกรรมการทำงานร่วมกับ เครือข่าย เช่น ความร่วมมือกับ อปท. 30 แห่ง เพื่อการป้องกัน และแก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่ง และ ขอทาน นวัตกรรม “ศูนย์ส่งเสริม สวัสดิการ สังคมชุมชนบนพื้นที่สูง (ศสส.)” ส่งเสริมผู้นำชุมชน จิตอาสา ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ปราชญ์ชุมชน 1.1 ระบบการนำองค์การที่สร้าง ความยั่งยืน - ควรพิจารณามุมมองทางด้าน ผลกระทบทางบวกและทางลบในมิติ ทางด้านการดำเนินงาน ตามพันธกิจ ยุทธศาสตร์ และ/หรือแผนงาน โครงการที่สำคัญว่ามีผลกระทบ เชื่อมโยงทั้งใน ทางบวกและทางลบ อย่างไร เพื่อให้สามารถกำหนด มาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดการ กับผลกระทบดังกล่าว 1.2 การป้องกันการทุจริตและ สร้างความโปร่งใส - ควรมีการประเมินประสิทธิผลและ ตัววัดการป้องกันทุจริตและสร้าง ความโปร่งใส ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และเปิดเผยผลการดำเนินการ สู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และไว้ใจ หน่วยงานภาครัฐ - ควรมีการกำหนดมาตรการในการ ป้องกันการทุจริตในเชิงรุกและการ ถ่ายทอดมาตรการดังกล่าว ไปสู่การ ปฏิบัติที่คลอบคลุมทุกส่วนราชการ


๖๑ หมวด ระดับการ ป ร ะ เ มิ น (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ 1.3 การมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ผ่านการ มีส่วนร่วมจากเครือข่ายทั้งภายใน และภายนอก - ควรมีการทบทวนแนวทางในการ สร้างนวัตกรรมเชิงนโยบายในการ แก้ไขปัญหาที่สำคัญ หรือปัญหา ที่ซับซ้อน โดยการสร้างการมีส่วน ร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการ ติ ดตาม ปร ะส ิ ท ธิ ผลของการ ดำเนินงาน 1.4 การคำนึงถึงผลกระทบต่อ สังคมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว - ควรมีการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร และดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อติดตาม ตัวชี้วัดและผลการดำเนินการ ในการ จัดการกับผลกระทบทางลบที่เกิด ขึ้นกับสังคม เพื่อให้มีการรายงาน ผลได้อย่างรวดเร็ว และทันเหตุการณ์ (เช่นการรายงานข้อมูลแบบ Real Time บนเว็บไซต์ของส่วนราชการ) - ควรมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อการแก้ไขปัญหาผลกระทบทาง ลบที่เกิดขึ้นกับสังคม ได้อย่างรวดเร็ว และทันเหตุการณ์ (เช่นเครือข่าย เฝ้าระวังเตือนภัย)


๖๒ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ ๒. การ วางแผน ยุทธศาสตร์ ๔๒๕ 2.1 - 2.2 - 2.๓ การพัฒนาระบบ Social Match เชื่อมโยง 5 ฐานข้อมูล ทั้งภายในและ ภายนอกกรม ได้แก่ 1) ฐานข้อมูลบัตร สวัสดิการแห่งรัฐ (กค.) 2) ฐานข้อมูล Social Map (พม.) 3) ฐานข้อมูล จปฐ (มท.) 4) ฐานข้อมูล Family Data (พส.) และ 5) ฐานข้อมูลระบบงานบริการ ทางสังคม OSS (พส.) เพื่อใช้เป็น ข้อมูล ตั้งต้นในการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง และการ วิเคราะห์ วางแ ผ นใ ห ้ ค วาม ช่ วยเหลือ ผู้ประสบปัญหาทางสังคม 2.1 แผนยุทธศาสตร์ที่ตอบสนอง ความท้าทาย สร้างนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลง และมุ่งเน้น ประโยชน์สุขประชาชน - การติดตามผลของการบรรลุ เป้าหมายควรเน้นการดำเนินการ เชิงรุกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเน้นการคาดการณ์สถานการณ์ ต่าง ๆ 2.2 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวสอดคล้อง พันธกิจและยุทธศาสตร์ชาติ - ควรมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับ องค์การและผลกระทบทั้งทางตรง ทางอ้อมที่ส่งผลต่อ ระบบเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ของประเทศ - ควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบของ เป้าประสงค์และตัวชี้วัด ที่มีผลต่อ ยุทธศาสตร์ชาติทั้งระยะสั้น และ ระยะยาวในมิติต่าง ๆ เช่น การเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน การลดผลกระทบ จากข้อบังคับ ทางกฎหมาย หรือ อื่น ๆ เป็นต้น 2.3 แผนขับเคลื่อนในทุกระดับและ ทุกภาคส่วน -มีแผนปฏิบัติการและมีตัวอย่างการ ดำเนินงานตามแผน รวมทั้งมีการ บูรณาการความร่วมมือกับ เครือข่าย


๖๓ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ แต่ยังขาดการบูรณาการกับแผนงาน ด้านบุคลากร และการคำนึงถึง ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ( การ ท ำน้ อยได้ ม าก) การ ใ ช้ เทคโนโลยีมาช่วยในด้านต่าง ๆ เช่น การสื่อสาร การลดต้นทุนในการใช้ ทรัพยากรต่าง ๆเพื่อให้เกิดการ ปฏิบัติงานตามแผนอย่างคุ้มค่า 2.4 การติดตามผลการบรรลุ เป้าหมาย การแก้ไขปัญหา และ การรายงานผล - การคาดการณ์ผลการดำเนินงาน ควรเป็นการนำผลการดำเนินงานใน อดีตและผลการ ดำเนินงานที่เกิดขึ้น จริงในปัจจุบันมาคาดการณ์ผลการ ดำเนินงานที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ๓. การให้ ความสำคัญ กับผู้บริการ และผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย ๔๒๕ 3.๑ - 3.2 - 3.3 การขยายผลนวัตกรรม ”คอนโดยา“ในสถานคุ้มครองฯ ทั่วประเทศ ได้ต่อยอดสู่ระบบ Telemedicine นำเทค โนโล ยี สารสนเทศและการ สื่อสารมา ใช้ในการดูแล ฟื้นฟูผู้ใช้บริการ ที่มีอาการทางจิตเวช ร่วมกับ โรงพยาบาลจิตเวช ในพื้นที่ ให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคทาง จิตเวชให้คำปรึกษาแนะนำแก่ เจ้าหน้าที่ 3.1 ระบบข้อมูลและสารสนเทศ ที่ทันสมัยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ใน การพัฒนาการให้บริการ และการ เข้าถึง - มีการรวบความต้องการของ ผู้รับบริการ แต่ควรมีการใช้ ประโยชน์จาก Big Data และการ พยากรณ์ หรือคาดการณ์ความ ต้องการเชิงรุกเพื่อนำไปสู่การ ทบทวนวางนโยบายเชิงรุก 3.2 การประเมินความพึงพอใจ และความผูกพันของผู้รับบริการ แ ล ะ ผ ู ้ ม ี ส ่ ว น ไ ด ้ ส ่ ว น เ สี ย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์


๖๔ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ - มีการประเมินความพึงพอใจ ผู้รับบริการบริการ แต่ควรแสดง ให้เห็นว่ามีนำผลการประเมิน ความเห็นว่ามีนำผลการประเมิน ความพึงพอใจ และความผูกพันมา วิเคราะห์เพื่อค้นหาโอกาสในการ ปรับปรุงและแก้ไขปัญหาเชิงรุก 3.3 การสร้างนวัตกรรมการบริการ ที่สร้างความแตกต่าง และสามารถ ตอบสนองความต้องการเฉพาะ - มีนวัตกรรมสนับสนุนผู้รับบริการ ในภาพรวม แต่ยังขาดการวิเคราะห์ ความต้องการผู้รับบริการ และผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียในเชิงรุกอย่าง ต่อเนื่องเพื่อนำไปปรับปรุงตอบสนอง อย่างทันการณ์และสร้างนวัตกรรม ตอบสนองความแตกต่างทั้งระดับ กลุ่มและระดับบุคคล 3.4 กระบวนการการแก้ไขข้อ ร้องเรียนที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ - ควรมีใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อ ติดตามปัญหา และเสนอการ แก้ปัญหาเชิงรุกเพื่อสร้างความ เชื่อมั่นและ ความพึงพอใจในการ จ ั ด ก า ร ข ้ อ ร ้ อ ง เ ร ี ย น อ ย ่ า ง มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ลดข้อร้องเรียนซ้ำ


๖๕ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ ๔. การวัด การ วิเคราะห์ และการ จัดการ ความรู้ ๔๒๕ 4.๑ – 4.2 – 4.3 มีนวัตกรรมข้อเชิงนโยบาย (Productive Welfare) ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการให้ สวัสดิการแบบให้เปล่า เป็น สวัสดิการที่ตรงกับสภาพปัญหา และความต้องการจำเป็นของ ผู้รับบริการ เกิดการมีส่วนร่วม ของ CSR ครอบคลุม 76 จังหวัด 4.1 การใช้ข้อมูลในการกำหนด ตัววัดเพื่อติดตามงาน และการ เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ - ควรมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศ มากำหนดตัววัดที่สามารถใช้ติดตาม งานทั้งในระดับ ปฏิบัติการ และ ระดับยุทธศาสตร์ และสื่อสาร สู่ผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอก - ร ู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร ร า ย ง า น การนำเสนอข้อมูลสารสนเทศของผล การดำเนินการของกรม ควรได้รับ การวิเคราะห์และพัฒนาในรูปแบบ ที่เข้าใจง่ายในสาระสำคัญ และ มีพัฒนาสู่ระบบการรายงานผลแบบ Real-Time อย่างสมบูรณ์ทุกระบบ 4.2 การวิเคราะห์ผลจากข้อมูล และตัววัด เพื่อนำไปสู่การพัฒนา และแก้ไขปัญหา - ควรมีการนำเอาปัญหาที่ค้นพบไป แก้ไขในเชิงนโยบายและปรับ ยุทธศาสตร์อย่างทันท่วงที 4.3 การจัดการความรู้ และใช้องค์ ความรู้เพื่อเรียนรู้ พัฒนา แก้ปัญหา และสร้างนวัตกรรม - มีการจัดการความรู้ แต่ควรมีการ นำข้อมูลที่ได้จากการถอดบทเรียน ไปใช้วิเคราะห์ผล เพื่อแก้ปัญหาและ เกิดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี หรือ การ กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ส่งผล


๖๖ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ กระทบสูง ต่อการแก้ไขปัญหา รูปแบบใหม่ 4.4 การบริหารจัดการ เกิดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี หรือ การ กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ที่ส่งผล กระทบสูงต่อการแก้ไขปัญหา รูปแบบใหม่ 4.4 การบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศ และปรับระบบการ ทำงานให้เป็นดิจิทัล - ควรมีการบริหารจัดการข้อมูล สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและ ระบบการทำงานที่ปรับเป็นดิจิทัล เต็มรูปแบบครอบคลุมพันธกิจหลัก รวมทั้งการติดตามประเมินผลการ บรรลุตามแผนปฏิบัติการการ ปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ๕. การมุ่งเน้น บุคลากร ๔๐๐ ส่วนราชการมีการบริหารจัดการ ด ้ า น บ ุ ค ล า ก ร ท ี ่ ต อ บ ส น อ ง ยุทธศาสตร์การสร้างแรงจูงใจ และจัดสภาพแวดล้อม ให้มีความ คล่องตัวและมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ของการปฏิบัติงาน มีการสร้าง วัฒนธรรม การทำงานที่ดีก่อเกิด ความร่วมมือ มีระบบการพัฒนา บุคลากร ให้ก้าวทันเทคโนโลยี มีทักษะใ นการแก้ไขปัญหา ร อ ง ร ั บ ก า ร เ ป ล ี ่ ย น แ ป ล ง ภาระหน้าที่ และลักษณะงาน การส่งเสริมให้มีความคิดริเริ่มใน 5.1 ระบบการจัดการบุคลากร ที่ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์และ แรงจูงใจ - ควรมีการประเมินประสิทธิผลการ ทำงานและเส้นทางความก้าวหน้า ของบุคลากรทุกกลุ่ม สามารถสร้าง แรงจูงใจให้บุคลากรทุ่มเท และ ท ำ ง า น ใ ห ้ ม ี ป ร ะ ส ิ ท ธ ิ ภ า พ สู ง ตอบสนองยุทธศาสตร์และมุ่งเน้น ประโยชน์สุขแก่ประชาชน -ค ว ร ม ี ก า ร ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ง า น จ ะ ช ่ ว ย ส น ั บ ส นุ น ให้บุคลากรมีการพัฒนาปรับปรุง


๖๗ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ การนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและ ความเป็นผู้ประกอบการ สาธารณะ เพื่อให้เกิดการทำงาน ที่มีสมรรถนะสูง การปฏิบัติและได้รับการจูงใจ ให้ปฏิบัติงานให้สำเร็จ 5.2 ร ะ บ บ ก า ร ท ำ ง า น ที่ มี ประสิทธิภาพคล่องตัวมุ่งผลสัมฤทธิ์ - ควรมีการทำงานที่เป็นทีมที่มี สมรรถนะสูง มีความคล่องตัวและ สามารถทำงานร่วมกับเครือข่าย ภายนอกเพื่อนำไปสู่แก้ไขปัญหา ที่ซับซ้อนอย่างเกิดประสิทธิผล - ควรมีการพัฒนาครอบคลุมทุกมิติ ไปสู่การเป็นองค์การสมรรถนะสูง (เช่น การพัฒนาบุคลากร ไปสู่องค์กร ดิจิทัล ปรับปรุงระบบงานให้มีความ คล่องตัว ข้อมูลมีการเข้าถึงง่ายและ พร้อมใช้งาน รวมถึงกระบวนงาน มีขีดสมรรถนะสูง โดยให้ทุกจุด สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้เชื่อมโยงกันหมด 5.3 การสร้างวัฒนธรรมการทำงาน ที่เป็นมืออาชีพ การสร้างความ ผูกพันและความเป็น เจ้าของให้แก่ บุคลากร - ควรมีการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างปัจจัยที่สร้างความผูกพันกับ ผลลัพธ์ขององค์การ และการ วิเคราะห์ปัจจัยความผูกพันของ


๖๘ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ บุคลากรในแต่ละกลุ่มมีความ แตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้มีการ ตอบสนองที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่ม ความผูกพัน 5.4 ระบบการพัฒนาบุคลากร - มีการจัดการด้านบุคลากรให้ตรง กับความต้องการเพื่อประโยชน์ของ ส่วนราชการ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการ จัดการด้านบุคลากรดังกล่าว จะรองรับการเปลี่ยนแปลงทักษะ หน้าที่ และ ลักษณะงาน รวมทั้ง ไม่ชัดเจนว่านโยบายการจัดการ บริหารงานบุคคลดังกล่าวจะ ก่อให้เกิดความคล่องตัวเพื่อให้เกิด ผลงานที่มีสมรรถนะสูงได้อย่างไร ๖. การมุ่งเน้น ระบบการ ปฏิบัติการ ๔๕๐ ส่วนราชการมีการบริหารจัดการ กระบวนการที่มีประสิทธิภาพผ่าน การกำหนดกระบวนการทำงาน หลักที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ มีการสร้างนวัตกรรมในการ ปรับปรุงผลผลิต กระบวนการ และการบริการมีการลดต้นทุน และการใช้ทรัพยากรอย่างมี ประสิทธิภาพ มีการนำเทคโนโลยี มาใช้เพื่อให้มีขีดสมรรถนะ สูงขึ้นบูรณาการกระบวนการ เพื่อสร้างคุณค่าในการให้บริการ แก่ประชาชน 6.1 กระบวนการทำงานที่เชื่อมโยง ตั้งแต่ต้นจนจบสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ - ควรมีการวิเคราะห์และทบทวน กระทำงานการทำงานและตัวชี้วัด ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ต ่ ก า ร ใ ช้ เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการ กระบวนการและการติดตามรายงาน ผลอย่างรวดเร็วร่วมกับ เครือข่าย รวมทั้งไม่ได้แสดงรายละเอียดของ กระบวนการทำงานหลักที่มุ่งสู่ความ เป็นเลิศและมีการประสานงานข้าม ส่วนราชราชการ


๖๙ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ 6.2 การสร้างนวัตกรรมในการ ปรับปรุงผลผลิต กระบวนการ และ บริการ - ค ว ร ม ี ก า ร บ ร ิ ห า ร จ ั ด ก า ร กระบวนการอย่างเป็นระบบทั้ง กระบวนการหลักและกระบวนการ สนับสนุน โดยการกำหนดตัวชี้วัดใน การควบคุมกระบวนการ และใช้ผล การติดตามในการปรับปรุงผลผลิต และกระบวนการ - ควรมีการสร้างความร่วมมือกับ ทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหา เชิงบูรณาการการสร้างนวัตกรรม การปรับปรุงที่มีผลกระทบสูง จากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง อาจดำเนินการผ่าน Government Innovation Lab โดยอาศัยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ เชิงออกแบบ (Design Thinking) 6.3 การลดต้นทุนและการใช้ ทรัพยากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถในการ แข่งขัน - ควรมีการใช้ข้อมูลเทียบเคียง ( Benchmarks) ทั้ง ใ น ร ะ ดั บ นานาชาติ เพื่อไปใช้ในการลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขัน


๗๐ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ 6.4 การมุ่งเน้นประสิทธิผลทั่วทั้ง อ ง ค ์ การ แ ล ะ ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ยุทธศาสตร์ชาติ - ควรมีการดำเนินการเพื่อมุ่งเน้น ประสิทธิผลทั่วทั้งองค์กรและ ผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ชาติ ควรดำเนินการและรายงานผล ก า ร ด ำ เ น ิ น ก า ร ด ั ง ก ล ่ า ว กั บ กระบวนการสำคัญอื่น ๆ ตาม พันธกิจ ที่ระบุไว้ในลักษณะสำคัญ ขององค์กร ๗. ผลลัพธ์ ๔๑๗ ผลลัพธ์ส่วนใหญ่บรรลุเป้าหมาย และมีแนวโน้มที่ดี 7.1 ตัวชี้วัดด้านประสิทธิผลและ การบรรลุพันธกิจ - ควรทบทวนตัวชี้วัดด้านประสิทธิ ที่สอดคล้องกับการบรรลุพันธกิจ หลักของส่วนราชการ (ตัวชี้วัด ที่ไม่ควรนำมาวัด เช่น ร้อยละ ข อ ง ก า ร ด ำ เ น ิ น ง า น ต า ม แ ผ น เนื่องจากเป็นกระบวนการ) ผลการ ปรับปรุงการดำเนินการ ตาม กฎหมาย (ไม่ควรนับจำนวนกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่ดำเนินการได้แล้ว เสร็จควร ตัวชี้วัดของการบรรลุผล การดำเนินปรับปรุงการดำเนินการ ตามกฎหมาย)


๗๑ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ 7.2 ตัวชี้วัดด้านผู้รับบริการ และ ประชาชน - ควรวัดความพึงพอใจ ความไม่พึง พอใจ ความผูกพัน การสร้างสัมพันธ์ และความร่วมมือของผู้รับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามที่ระบุ ไว้ในโครงร่างองค์การ 7.3 ตัวชี้วัดด้านบุคลากร - ควรตัวชี้วัดของการพัฒน า นวัตกรรมที่เกิดจากบุคลากรของ ส่วนราชการที่เกิดจากการพัฒนา บุคลากร และนวัตกรรมที่นำเสนอ ควรมีลักษณะของการปรับปรุง จนการเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในการตอบสนองความต้องการของ ผู้รับบริการหรือ ประชาชน ไม่ควร พิจารณาเฉพาะระบบออนไลน์ ที่พัฒนาขึ้น ตัวชี้วัดของการเรียนรู้ และผลการพัฒนาบุคลากรที่มีการ วัดผลหลังจากผ่านการพัฒนาและ ฝึกอบรมแล้ว ตัวชี้วัดด้านความ ผูกพันควรสอดคล้องกับปัจจัยความ ผูกพันที่ระบุไว้ (หมวด 5) ตัวชี้วัด ที่นำเสนอไม่ชัดเจนว่าทำให้เกิด ความผูกพันของบุคลากรทั่วทั้ง องค์กรอย่างไร 7.4 ตัวชี้วัดด้านการเป็นต้นแบบ ตัวชี้วัดที่แสดงถึงสำเร็จของการเป็น ต้นแบบของหน่วยงาน ที่เป็น Best Practice และไปขยายผล


๗๒ หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ ในองค์การ/นอกองค์การ ควรระบุให้ ชัดเจนว่าอะไรคือ ต้นแบบ และ ไปขยายผลอย่างไร ตัวชี้วัดที่แสดงถึง ผลสำเร็จของการแข่งขัน และได้รับ การจัด อันดับในระดับนานาชาติที่ดี ขึ้นโดยองค์กรในต่างประเทศ โดยมีการพิจารณาผลการดำเนินงาน เป็นการวัดความสำเร็จของการ ดำเนินการบรรลุเป้าหมายด้านการ เป็นแบบอย่างที่ดีหรือการเป็น ต้นแบบของผู้บริหารและบุคลากร ของหน่วยงาน 7.5 ตัวชี้วัดด้านผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และ สิ่งแวดล้อม - ควรกำหนด ตัวชี้วัดที่สะท้อนถึง ก า ร บ ร ร ล ุ เ ป ้ า ห ม า ย ข อ ง ก า ร ดำเนินการแล้วและส่งผลกระทบสูง ต่อการพัฒนา ด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ในระดับพื้นที่และของประเทศ (ไม่ใช่เกิด ผลกระทบภายในส่วน ราชการเอง) 7.6 ตัวชี้วัดด้านประสิทธิผลและ การจัดการกระบวนการ - ตัวชี้วัดของการลดต้นทุนทั้งใน ระดับ กระบวนการอันเกิดจากการ ปรับปรุงงาน และการนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาใช้เพื่อลดต้นทุนในการ ทำงาน


๗๓ สรุปผลคะแนน PMQA 4.0 รายหมวด และผลคะแนนรวม ปี 2566 หมวด คะแนนรายหมวด คะแนน PMQA ๔.๐ ๑ ๔๐๐ 400 ๒ ๓๗๕ 375 ๓ ๓๗๕ 375 ๔ ๓๗๕ 375 ๕ ๓๗๕ 375 ๖ ๔๐๐ 400 ๗ ๔๑๗ 417 คะแนนรวม (500 คะแนน) 396.80 หมวด ระดับการ ประเมิน (คะแนน) จุดแข็งที่แสดงถึงการเป็น ราชการ ๔.๐ จุดที่ยังต้องปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การ เป็นราชการ ๔.๐ เช่น ต้นทุนที่ลดลงจากการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับ กระบวนการทำงานหลักที่ระบุไว้ ในหมวด 6 ตัวชี้วัดของผลสำเร็จการ ดำเนินการเตรียมพร้อมและการ บรรเทาผลกระทบด้านภัยพิบัติ ต่าง ๆ (ไม่ควรนับจำนวนครั้งการ ซ้อมอัคคีภัย หรือ ร้อยละของการ ดำเนินการ ตามแผนอัคคีภัย) ตัววัด ด้านประสิทธิผลกระบวนการ


๗๔ แผนภูมิสรุปผลคะแนน PMQA 4.0 รายหมวด และผลคะแนนรวม ปี 2566 คะแนนรายหมวด 400 375 375 375 375 400 417 0 50 100 150 200 250 300 350 400 450 500 1 2 3 4 5 6 7


๗๕ ๓.สรุปความโดดเด่นของแผนปรับปรุงทีส่วนราชการได้จัดทำไว้ ชื่อแผนงาน/โครงการ ระบุปีที่ ดำเนินการ ความโดดเด่น แผนพัฒนาด้านเทคโนโลยี - ระบบการให้บริการประชาชนทาง อิเล็กทรอนิกส์รองรับ พรบ. ปฏิบัติราชการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ - โครงการพัฒนาเว็บไซต์กองทุนส่งเสริมการจัด สวัสดิการสังคม - ระบบแบบสำรวจข้อมูลครัวเรือนชุมชนโค้ง รถไฟยมราช 2566 2566 2566 ประชาชนสามารถยื่นขอรับบริการและติดตาม สถานะการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ ได้โดยสะดวก และเป็นการอำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนที่ยื่นคำขอรับบริการผ่านระบบการ ให้บริการประชาชนทางอิเล็กทรอนิกส์ กองทุนฯ มีช่องทางอำนวยความสะดวกให้แก่ องค์การสวัสดิการสังคมในการยื่นเสนอโครงการ ผ่านระบบออนไลน์ และสามารถตรวจสอบสถานะ ผลการพิจารณา ได้ตลอดเวลา (เรียลไทม์) รวมทั้ง สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และบริการต่าง ๆ ของกองทุนฯ จากเว็บไซต์ สามารถประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลการช่วยเหลือ ได้อย่าง Real Time เพื่อให้ผู้บริหาร ใช้ ประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการพัฒนา คุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชน เข้าถึงสิทธิและและจัดสวัสดิการที่พึงได้รับ เช่น ได้รับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย การทำบัตร ประชาชนโดยอาศัยความร่วมมือจากหน่วยภาคี เครือข่าย ควบคู่ไปกับการเปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคม ชุมชนโค้งรถไฟยมราชเพื่อเป็นศูนย์กลาง ในการ จัดการชุมชน โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนเข้ามาเป็นส่วน หนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกัน


๗๖ ชื่อแผนงาน/โครงการ ระบุปีที่ ดำเนินการ ความโดดเด่น แผนพัฒนาด้านนวัตกรรม - นวัตกรรมระบบดูแลผู้ใช้บริการจิตเวชทางไกล - โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการ พัฒนา นวัตกรรมทางสังคมอย่างสร้างสรรค์ - โครงการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการ จัดทำงานวิจัย และแผนงานวิจัยกรมพัฒนา สังคมและสวัสดิการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) 2566- 2570 2566- 2570 - นำนวัตกรรมการบริการที่ได้รับรางวัลจาก สำนักงาน ก.พ.ร. มาพัฒนาต่อยอดเกิด ระบบ Telemedicine ค ื อ ร ะ บ บ จ ั ด แ ล ะ จ ่ า ย ย า ให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น ผ่านทาง เ ท ค โ น โ ล ย ี แ ล ะ ก า ร ส ื ่ อ ส า ร แ บ บ Video conference ช่วยอำนวยความสะดวก ในเรื่องของ การเดินทางประหยัดเวลาในการรอคิวลดโอกาส ที่ผู้ป่วยต้องออกจากบ้าน - ส่งเสริมบุคลากรให้นำความรู้เรื่องการคิด สร้างสรรค์นวัตกรรม และการใช้เครื่องมือ Design Thinking ไปใช้เพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคม ในหน่วยงาน บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจ และ ทักษะการวิจัย สามารถนำวิจัยมาใช้ประโยชน์ ในการพัฒนาองค์กรพัฒนาประเทศในด้านการ พัฒนาสังคมและสวัสดิการ รวมทั้ง เกิดความ ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัย ทั่วประเทศ ในการนำงานวิชาการมาใช้พัฒนา นวัตกรรมการให้บริการ เพื่อให้ประชาชน กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แผนพัฒนาด้านการสร้างและขยายเครือข่าย ความร่วมมือ - โครงการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ 2566 - เกิดความร่วมมือกับเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนา สังคมและความั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เป็น เครือข่ายคุ้มครองทางสังคมทำให้ประชาชนเข้าถึง สิทธิและบริการของภาครัฐ อาทิ การประสาน ทำบัตรประชาชนให้แก่ผู้ด้อยโอกาสเงินสงเคราะห์ ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย การรับเบี้ยผู้สูงอายุ การรับเบี้ยคนพิการ การซ่อมแซมบ้านของผู้สูงอายุ หรือคนพิการ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ประสบ ปัญหาทางสังคมให้มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถ พึ่งพาตนเองได้


๗๗ ส่วนที่ 3 ภาพรวมของการยกระดับการพัฒนา จุดเด่น • Application และที่โดดเด่น คือ ระบบ Big Data ที่รวบรวมข้อมูลสำคัญเพื่อใช้ในการวางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ • การพัฒนาฐานข้อมูล Social match ที่เชื่อมโยง 5 ฐานข้อมูล สวัสดิการแห่งรัฐ (กระทรวงการคลัง) / ฐานข้อมูล Social Map (กระทรวง พม.) /ฐานข้อมูล จปฐ. (กระทวงมหาดไทย) / ฐานข้อมูล family Data (พส.) และ / ฐานข้อมูล ระบบงานบริการทางสังคม (พส.) • การนำเรื่อง UNSDG ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อให้มีทิศทางในการสร้างความยั่งยืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเรื่องความยั่งยืน ของชุมชนและสังคม - โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบ บริหารจัดการอาสาสมัครตามแนวทาง มาตรฐานสากลสำหรับอาสาสมัครเพื่อการ พัฒนา - โครงการพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคม สู่การเติมเต็มการจัดสวัสดิการสังคมที่มีคุณภาพ 2566 2566 - มีข้อเสนอเชิงนโยบายในการเสริมสร้างความ เข้มแข็งของระบบบริหารจัดการอาสาสมัครตาม มาตรฐานสากลสำหรับอาสาสมัครเพื่อการพัฒนา ของประเทศไทยโดยองค์กรอาสาสมัคร และ องค์กรที่มีอาสมัครในประเทศไทยมีแนวทางการ บริหารจัดการองค์กรและอาสมัครที่เหมาะสม กับบริบทของประเทศไทย - เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน การครองชีพขั้นพื้นฐานของคนแต่ละช่วงวัย ในสถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นที่เกี่ยวข้องเพิ่ม มากขึ้นและพัฒนาภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้แทนหน่วยงานราชการ ที่ขับเคลื่อนงานสวัสดิการสังคม ได้มีส่วนร่วมให้ นโยบายด้านการจัดบริการทางสังคม โดยได้ ร่างข้อเสนอการพัฒนาบริการ ทางสังคม ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละช่วงวัยและ สอดคล้องกับปัจจุบัน


๗๘ โอกาสในการปรับปรุง • การใช้ข้อมูล Big Data ที่ได้จากระบบ Social Match* และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์คาดการณ์ ล่วงหน้า (ทั้งในรูปแบบของ Projection และ Scenario Forecast ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมเพื่อนำมา กำหนดนโยบายและออกมาตรการในการพัฒนาสังคมและสวัสดิการเชิงรุก • การพัฒนากระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ที่คำนึงถึงผลกระทบจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ของโลก (Global Mega Trends) โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ในการรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่นเรื่องการสร้างความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในองค์กร "Diversity Equity & Inclusion" การร่วมมือที่มีความหลากหลายทางเพศสภาพ (LGBTQA+ ที่มีมากกว่า 16 กลุ่ม หรือความหลากหลาย ทางความคิด ความเชื่อ ที่ก่อให้เกิดความแตกต่าง แตกแยกในสังคม • เรื่องการขยายตัวของเมือง ""Urbanization"" หรือการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองของประชากรในชนบท ทำให้เกิดผู้สูงอายุที่ไร้ที่พึ่ง และเยาวชนที่ไม่ได้รับการดูแล • เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ""Climate Change"" โดยเอฟา: Super El Ninho ที่กระทบต่อ ผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งอาจทำให้เกษตรกรขาดรายได้ ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีโอกาสที่จะพัฒนา แผนชิงรุกที่จะ ถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่นเพื่อรักษาสมรรถนะหลักขององค์กรไว้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากรที่ สำคัญเรื่องหนึ่งคือ "โครงสร้างอายุมีบุคลากรอายุ 50 ปีขึ้นไป มากกว่า 40 % รวมถึง ข้อจำกัดในเรื่องความแตกต่าง ด้าน generation gap ที่อาจส่งผลต่อการทำงานระหว่างรุ่นที่แตกต่างกัน หมายเหตุ * Social Match หมายถึง ระบบของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคมที่บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล ผู้ประสบปัญหาทางสังคม เพื่อนำมาสนับสนุนวางแผนให้การช่วยเหลือเร่งด่วนเป็นรายบุคคล จำนวน 5 ฐานข้อมูล ได้แก่ 1. ฐานข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กระทรวงการคลัง) 2. ฐานข้อมูล Social Map (กระทรวง พม.) 3. ฐานข้อมูล จปฐ. (กระทรวงมหาดไทย) 4. ฐานข้อมูล family data (พส.) และ 5. ฐานข้อมูลระบบงานบริการ ทางสังคม (พส.) ทั้งนี้ การดำเนินการของ กรม พส.ในระยะต่อไป คือ การพัฒนาฐานข้อมูลรวมของทุกกลุ่มเป้าหมาย ในระบบ Social Match ให้มีการเชื่อมโยงกับทุกกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของกรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ ทุกกลุ่ม ในระบบ MSO Log Book กับนำเข้าฐานข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (รอบใหม่)


๗๙ ๔) การจัดการความรู้ในการพัฒนาระบบบริหาร การจัดการความรู้ หรือ KM : Knowledge Management คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคล หรือเอกสารมาพัฒนาให้เป็นระบบ รวมไปถึงการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้ ให้เข้ากับเทคโนโลยีที่มีและนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานแต่ละงานและเกิดความสร้างสรรค์อย่าง มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยในการจะบริหารจัดการองค์ความรู้ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีจำเป็นต้อง มีการเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง และมีการวางแผนเผยแพร่ ความรู้เพื่อสร้างเครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความเหมาะสมกับการนำไปใช้ต่อไป โดยให้ง่ายต่อการค้นหา และ ให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างชัดเจนพร้อมใช้งาน ซึ่งการดำเนินการโดยบุคคลตามความ ต้องการโดย กลุ่มองค์กรนี้เพื่อที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของกลุ่ม หรือองค์กร หรือตามเป้าหมายการจัดการความรู้ ที่องค์กรนั้นดำเนินการ 4.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(สป.พม.) สป.พม. ได้ดำเนินการให้มีการจัดการความรู้ในองค์กร เพื่อให้การดำเนินการจัดการความรู้ของ สป.พม. สามารถนำการจัดการความรู้ไปใช้ได้จริง และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและแนวทางการพัฒนาองค์การสู่ระบบ ราชการ 4.0 จึงได้จัดทำโครงการการจัดการความรู้(Knowledge Management) สป.พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖7 และขับเคลื่อนการดำเนินงานการจัดการความรู้ตามแนวทางที่กำหนดไว้ วัตถุประสงค์ดังนี้ 1 เพื่อให้เกิดการจัดการความรู้ภายในหน่วยงานอย่างเป็นระบบ 2 เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการทำงาน จนนำไปสู่การสร้างให้เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) โดยมีการดำเนินกิจกรรม ดังต่อไปนี้ ๑ การพัฒนาและเผยแพร่เอกสารและกิจกรรม มีการบริหารจัดการความรู้ในองค์กร ซึ่งประกอบด้วย การระบุความรู้ การคัดเลือก การรวบรวมและ การจัดเก็บความรู้ การเข้าถึงข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ การแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร การสร้าง บรรยากาศและวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในองค์กร การกำหนดแนววิธีปฏิบัติงานตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการความรู้ในองค์กรและการจัดกิจกรรมให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีการจัดทำและเผยแพร่ องค์ความรู้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ๒. การพัฒนาห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดทำห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) พร้อมทั้งอัพโหลดเล่มคู่มือหรือองค์ความรู้ที่หน่วยงาน จัดทำ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้เรียนรู้ ทั้งภายในหน่วยงาน และภายนอกหน่วยงาน


๘๐ ๓.การขับเคลื่อนตัวชี้วัด ได้กำหนดเกณฑ์การประเมิน/ค่าเป้าหมาย : รอบ 6 เดือน (1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2566) พร้อมกำหนดระดับคะแนนที่ 5 โดยมีการดำเนินการ ดังนี้ ระดับคะแนน การดำเนินการ 1 จัดทำคำสั่งคณะกรรมการการจัดการความรู้ของหน่วยงาน 2 กำหนดองค์ความรู้และผู้รับผิดชอบในหน่วยงาน 3 – 4 ดำเนินการจัดทำแผนการจัดการความรู้ของหน่วยงาน 5 จัดส่งแผนการจัดการความรู้ ได้กำหนดเกณฑ์การประเมิน/ค่าเป้าหมาย : รอบ 12 เดือน (1 เมษายน 2566 – 30 กันยายน 2566) พร้อมกำหนดระดับคะแนนที่ 5 โดยมีการดำเนินการ ดังนี้ ระดับคะแนน การดำเนินการ 1 – 2 ดำเนินการตามแผนการจัดการความรู้ของหน่วยงาน 3 ดำเนินการตามแผนการจัดการความรู้ของหน่วยงาน โดยจัดทำเป็นสารสนเทศ เอกสารหรือ คู่มือ ฯลฯ อย่างน้อย 1 เรื่อง 4 ดำเนินการเผยแพร่องค์ความรู้ผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างน้อย 2 ช่องทาง 5 ส่งองค์ความรู้ให้กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร


๘๑ สรุป : จัดทำแผนในรอบ 6 เดือน และดำเนินการตามแผนโดยจัดทำเป็นสารสนเทศ ส่งให้ กพบ. ในรอบ 12 เดือน ๔.๒ การจัดกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สป.พม. ได้ดำเนินการจัดโครงการการจัดการความรู้ ผ่านกิจกรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการ ความรู้ KM DAY สป.พม. Show & Share โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 4 ไตรมาส ไตรมาสละ 1 ครั้ง ได้แก่ 1) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ถอดบทเรียนรางวัลเลิศรัฐ ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้โครงการ การจัดการความรู้ (Knowledge Management) สป.พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ระหว่างเวลา 09.30 – 11.30 น. กิจกรรม KM DAY สป.พม. show & share ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ อภิปรายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถอดบทเรียนรางวัลเลิศรัฐ ผ่าน ระบบ Zoom Meeting โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม รวมจำนวนทั้งสิ้น 138 คน ประกอบด้วย บุคลากรในสังกัด สป.พม. ส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค วิทยากรภาครัฐ ได้แก่ นายสาธิต ชินวงศ์ และ นางสาวฐินันชาพัฒน์ อนุวงศ์ 2) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำสื่อออนไลน์ด้วยมือถือเครื่องเดียว กิจกรรมการจัดการความรู้ KM Day สป.พม. Show & Share ครั้งที่ 2 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำ สื่อออนไลน์ด้วยมือถือเครื่องเดียว ในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ตั้งแต่เวลา 09.30 - 11.30 น. โดยในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย รูปแบบ ทั้งในการทำงาน การติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงการทำสื่อต่าง ๆ ดังนั้นการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นการอธิบาย และแนะนำวิธีการใช้แอพพลิเคชั่น Canva เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถนำแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการ ทำสื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


๘๒ 3) แลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ AI สร้างทางลัดในการทำงาน (ChatGPT) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ได้กำหนดจัดโครงการการจัดการความรู้ (Knowledge Management) สป.พม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566 ระหว่างเวลา 09.30 – 12.00 น. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการใช้ Open ChatGPT) เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการ แก้ปัญหาและพัฒนาการทำงาน จนนำไปสู่การสร้างแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ซึ่งได้ดำเนินการผ่านกิจกรรม KM DAY สป.พม. Show & Share ครั้งที่ 3 ในหัวข้ออภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การใช้ AI สร้างทางลัดในการทำงาน (ChatGPT) ผ่านระบบ Zoom Meeting โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรภาคเอกชน ได้แก่ นายภูวนัย วรรณสอน ผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในการอภิปรายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ๔) แลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาความคิดเชิงบวกเพื่อปรับใช้ในการทำงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความคิดเชิงบวกเพื่อปรับใช้ในการทำงานอย่างเป็นระบบ โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อดังต่อไปนี้ 4.1 ได้มีการอภิปรายเรื่องความคิดเชิงบวก เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับ 4.2 การสำรวจตนเองว่ามีอาการซึมเศร้า 4.3 ได้มีการให้ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ในการบรรยาย หัวข้อ สุขกับทุกข์ ซึ่งวิทยากรได้ให้ผู้เข้าร่วมได้เล่าประสบการณ์ชีวิตในเรื่องของสุขกับทุกข์เพื่อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ๔.๔ อภิปรายหัวข้อ จิตวิทยาเชิงบวก Positive Psychology ๔.๕ จิตวิทยาเชิงบวกเป็นศาสตร์ใหม่ ๔.๖ เป็นการอภิปรายในหัวข้อThe Three Dimensions of Happiness (3 ขั้นแห่งความสุข) ๔.๗ ตัวอย่างความคิดเชิงบวก (Positive Thinking) เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้ ในมุมลบและมุมบวก 4.8 ได้มีการอ้างถึงคำกล่าวของบุคคลต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงมุมมองความคิดเชิงบวก 4.9 การเข้าถึงความสุข 5 ขั้น ของ ท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต)


๘๓ 2. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) 2.1 การจัดทำแผนการจัดการความรู้ • หลักสูตรการจัดการรายกรณี (Case Management) เป็นการจัดบริการเพื่อตอบสนองต่อสภาพ ปัญหาและความต้องการจำเป็นของผู้ใช้บริการและครอบครัว โดยมีผู้จัดการรายกรณี ( Case Manager) เป็นผู้รับผิดชอบทั้งกระบวนการ เช่น การออกแบบบริการ การจัดการทรัพยากร การทำงานกับเครือข่าย และการ ติดตามประเมินผล รวมถึงการพิทักษ์สิทธิ เพื่อให้ผู้ใช้บริการและครอบครัว สามารถจัดการกับปัญหาของตนเองได้ อย่างเหมาะสม 2.๒ การพัฒนาและเผยแพร่เอกสารและกิจกรรม • จัดทำและเผยแพร่ “จุลสารเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านสังคม ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2566” ภายใต้ชื่อ จุลสาร กชช. ขอแชร์


๘๔ • จัดทำและเผยแพร่ “จุลสารเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านสังคม ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566” ภายใต้ชื่อ จุลสาร กชช. ขอแชร์ • จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่บุคลากรกรมฯ และผู้ที่สนใจทั่วไป ในรูปแบบวีดีทัศน์ อินโฟกราฟิก และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) โดยได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์กรมฯ “KM DSDW” http://www.sap.dsdw.go.th/kmdsdw/ 2.๓ การพัฒนาห้องสมุด • ระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรกรมฯ และ ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ด้านการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม และความรู้ทั่วไปได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งในรูปแบบวีดิโอ Infographic และชุดคู่มือต่าง ๆ โดยสามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ http://www.elibrary.dsdw.go.th/


๘๕ 2.๔ การขับเคลื่อนตัวชี้วัด กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้มีคำสั่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่ 52/2566 ลงวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการกรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ โดยมีอธิบดีเป็นที่ปรึกษา รองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Chief Change Officer : CCO) เป็นประธานคณะทำงาน หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการกรม และผู้อำนวยการกองและเทียบเท่า เป็นคณะทำงาน ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดตัวชี้วัดการประเมินผลการปฏิบัติราชการ รวมทั้งการกำกับ ติดตาม และให้การสนับสนุนเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้ง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ได้ถ่ายทอดตัวชี้วัดการประเมิน ส่วนราชการฯ ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สู่ตัวชี้วัดคำรับรองปฏิบัติราชการ ระดับกองและเทียบเท่า โดยการจัดประชุมคณะทำงานกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นอกจากนี้ยังได้ จัดทำคู่มือการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์กรม https://dsdw.go.th/Data/Doc/Files/rx44dlju.pdf เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ จัดทำตัวชี้วัดระดับกองและเทียบเท่า ตามกรอบการประเมินส่วนราชการของสำนักงาน ก.พ.ร. 2.๕ การเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์(E-Learning) • Beyond Training อบรมด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) พร้อมหลักสูตรฝึกอบรมรวมจำนวน 30 หลักสูตร เข้าอบรมผ่านเว็บไซต์ www.beyondtrainingplus.in.thโดยกำหนดให้ข้าราชการต้องได้รับการพัฒนา อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยต้องได้รับการพัฒนาอย่างน้อย 10 วันต่อคนต่อปี • ห้องเรียนดิจิทัล: HRD Room ส่งเสริมให้บุคลากรกรมฯ ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน อาทิ ทักษะด้านดิจิทัล ทักษะการทำงานที่หลากหลาย โดยสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเว็บไซต์ http://www.hrdroom.dsdw.go.th/


๘๖ • DSDW English Room ส่งเสริมให้บุคลากรกรมฯ ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ พัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษ ผ่านบทเรียนออนไลน์ต่าง ๆ อาทิ คำศัพท์/สำนวนน่ารู้ เกมส์ภาษาอังกฤษ เกร็ดความรู้รอบตัว แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน และภาษาอังกฤษสำหรับการทำงาน โดยสามารถเข้าเรียนด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ http://www.englishroom.dsdw.go.th/ 2.๖ การจัดกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ • เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “ทำวีดิโออย่างไรให้ปังง่ายๆ” โดยใช้โปรแกรม Capcut ตัดต่อ ในมือถืออย่างมืออาชีพ • เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล” “แนวทางปฏิบัติการบริหารงาน บุคคลในระบบ DPIS6”โดยใช้โปรแกรม https://dsdw.dpis.go.th/ • เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล” “แนวทางปฏิบัติการบริหารงาน บุคคลในระบบ DPIS6” โดยสถาบันการพัฒนาความรู้ด้านการพัฒนา สังคมและสวัสดิการ


๘๗ • เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล” “แนวทางปฏิบัติการบริหารงาน บุคคลในระบบ DPIS6” โดยสถาบันการพัฒนาความรู้ด้านการพัฒนา สังคมและสวัสดิการ • เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “How to ตรวจสอบพัสดุประจำปี” ผ่านระบบ Zoom Meeting • เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 สลก. We care We share หัวข้อ “Workshop ออกแบบ Infographic ด้วย Canva” ผ่านระบบ Zoom Meeting • เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร จัดโครงการ ประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดีเยี่ยม (Best Practice) ผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการ เข้าใจผลงาน/ วิธีการทำงานแบบวิธีปฏิบัติที่ดีเยี่ยม (Best Practice) และได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากหน่วยงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน


๘๘ ๓.กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ๑. กรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้ดำเนินการปรับปรุงคู่มือการจัดวางระบบการควบคุมภายในและการ ประเมินผลการควบคุมภายใน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๑) จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานจัดวาง ระบบการควบคุมภายใน และการประเมินผลการควบคุมภายใน และเป็นสื่อกลางที่ช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับ ผู้บริหารและบุคลากรของกรมกิจการเด็กและเยาวชน เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมภายใน และเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ ของการจัดทำคู่มือการจัดวางระบบการควบคุมภายใน และการประเมินผลการควบคุมภายใน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๑) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อม ภายนอก ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานภายในกรมกิจการเด็กและเยาวชนคณะทำงานการจัดวางระบบควบคุม ภายใน จึงได้ดำเนินการปรับปรุงคู่มือการจัดวางระบบการควบคุมภายใน และการประเมินผลการควบคุมภายใน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๑) ตามหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการ ค ว บ ค ุ ม ภ า ยใ น ส ำ ห ร ั บ ห น ่ ว ย ง า น ภ า ค ร ั ฐ พ . ศ . ๒ ๕ ๖ ๑ แ ล ะ เ ผ ย แ พ ร ่ ผ ่ า น ท า ง เ ว ็ บ ไ ซ ด์ https://www.dcy.go.th/office/division/psdg/publication/1641544178146 ๒. กรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการ KM DCY เสริมพลังเครือข่ายเด็ก และเยาวชน ปี 2566 ระหว่างวันที่ 21 – 24 กันยายน 2566 ณ อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่บุคลากรในกรมกิจการเด็กและ เยาวชน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และให้บุคลากรมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย ร่วมสร้างนวัตกรรม และนำไปสู่ดิจิทัล โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย บุคลากรในกรมกิจการเด็กและเยาวชน เครือข่ายผู้ทำงานด้านเด็กและภาคประชา สังคม และผู้แทนจากหน่วยงานระดับกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายในงาน มีการจัดกิจกรรมมากมาย อาทิ 1) การจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานด้านนวัตกรรมทางสังคม และองค์ความรู้ของ หน่วยงานกรมกิจการเด็กและเยาวชน 2) การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานนวัตกรรมและองค์ความรู้ของ กรมกิจการเด็กและเยาวชน ๓) เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการความรู้และนวัตกรรมของกรมกิจการเด็กและ เยาวชน และ ๔) ชมการแสดงดนตรีโฟล์คซอง 2. 3.


๘๙ 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 4. กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการดำเนินการจัดการความรู้ควบคู่การทำงาน และสร้าง นวัตกรรมการบริการเพื่อตอบสนองผู้รับบริการ โดยมีการสร้าง การรวบรวม การถ่ายทอดแบ่งปัน และเผยแพร่ขยาย ผล เพื่อให้บุคลากรสามารถใช้ความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ในการทำงานประจำให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการแลกเปลี่ยน/บูรณาการความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการ จากผู้ปฏิบัติงาน องค์กรเครือข่าย สถาบันการศึกษา เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ วิธีปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการ คุ้มครองสวัสดิภาพคนพิการ และการประมวลและนำความรู้ที่เกี่ยวข้องมาเผยแพร่ในรูปแบบและช่องทางต่าง ๆ 1.การจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กิจกรรมเสริมสร้างความรู้เรื่อง “การคุ้มครองสิทธิคนพิการ” โดยกองกองทุนและส่งเสริมความเสมอภาค คนพิการ เป็นการเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาศักยภาพสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองสิทธิคนพิการ ให้มีความรู้ ในข้อกฎหมายและข้อสังเกตในการทำสัญญาทางแพ่ง เขตอำนาจและการดำเนินคดีในศาลแรงงาน ขั้นตอนการดำเนินคดี ในศาลปกครอง การเขียนคำฟ้องและคำให้การในคดีปกครองที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิคนพิการ รวมถึงการตีความ กฎหมาย การวินิจฉัยกฎหมายและปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา กิจกรรมเสริมสร้างความรู้เรื่อง “กฎหมายสำหรับการปฏิบัติงาน” โดยกองกองทุนและส่งเสริมความเสมอ ภาคคนพิการ เป็นการเพิ่มพูนความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมายปกครอง ตลอดจนความรู้ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2560 ซึ่งจำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลัก กฎหมายปกครองและแนวทางในการปฏิบัติราชการที่ดีอย่างถ่องแท้ เพื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตาม บรรทัดฐานทางปกครอง มิให้เกิดข้อผิดพลาดในการใช้อำนาจทางปกครองที่มิชอบได้ อันจะเป็นการลดและป้องกัน


๙๐ ปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน หรือปัญหาความขัดแย้งด้านการบริหารภายใน หน่วยงาน และมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมเพื่อคนพิการ โดยกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ คัดเลือก นวัตกรรมหน่วยงานที่น่าสนใจ ได้แก่ คอนโดยา (Condomed) จากสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (ชาย) จังหวัดปทุมธานีและ CP Walker พาเดิน จากสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านราชาวดี (หญิง) จังหวัดนนทบุรี เข้าร่วมเผยแพร่นวัตกรรมในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2566 (Thailand Research Expo 2023) เกิดความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และสถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านกึ่งวิถี (ชาย) จังหวัดปทุมธานีเพื่อพัฒนาคอนโดยา ให้เป็นต้นแบบระบบควบคุมอัตโนมัติจ่ายเม็ดยาแบบระบุตัวตน เพื่อยกระดับ การปฏิบัติงานให้ดีขึ้น นำเผยแพร่โดยอัพโหลดนวัตกรรมลง E-library กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ เรื่อง “การเงินการคลัง และการบริหารพัสดุภาครัฐ” โดยสำนักงานเลขานุการ กรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทักษะและสมรรถนะด้านการเงินการคลังและบริหารพัสดุภาครัฐของบุคลากร ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน และสามารถระบุปัญหา อุปสรรค แนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อปิดช่องโหว่ในการ ปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังและการบริหารพัสดุภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจัดทำคู่มือเผยแพร่ เพื่อให้บุคลากรศึกษาและปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตรงกัน ได้แก่ - คู่มือการปฏิบัติงานการตรวจสอบพัสดุประจำปีและการจำหน่ายพัสดุ - คู่มือการปฏิบัติงานกระบวนงานการจัดซื้อ/จัดจ้าง ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง และการจัดทำบัญชีคุมวัสดุ - คู่มือแนวทางปฏิบัติการยืมทรัพย์สินของทางราชการ - คู่มือแนวทางปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ของกองภายในสังกัดกรม พก. - คู่มือแนวทางการเบิกค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมและการประชุมเชิงปฏิบัติการ - คู่มือแนวทางการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศ - นำเผยแพร่บนเว็ปไซต์ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หัวข้อ กฎหมาย/วิชาการ > คู่มือ/มาตรฐาน


๙๑ ๒.การพัฒนาห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จัดทำห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์E-library เพื่อเป็นแหล่งศึกษา ความรู้ ของบุคลากรกรม และประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ด้านการส่งเสริมสิทธิ สวัสดิการการดูแล คุ้มครองสวัสดิการของคนพิการ และความรู้ทั่วไปที่เป็นประโยชน์ โดยสามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรม พก. www.dep.go.th แบนเนอร์ ห้องสมุดชีวิต E-Library


๙๒ ๓. แหล่งรวบรวมความรู้ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รวบรวมองค์ความรู้ และสื่อการทำงาน จัดทำแบนเนอร์ บนเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ www.dep.go.th มาเผยแพร่องค์ความรู้ แยกเป็นหัวข้อ สำคัญเพื่อง่ายต่อการสืบค้น ดังนี้ คลังความรู้ได้แก่ สถานการณ์คนพิการ / บทความ/งานวิจัย / รายงานประจำปี / สถานการณ์คนพิการ ในสถาบัน


๙๓ ห้องสมุดดิจิทัล ได้แก่ อาชีพของคนพิการ คนพิการต้นแบบ / ความรู้ในการดูแลคนพิการ เป็นต้น


Click to View FlipBook Version