The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านป่าคาป่าม่วง สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pakapamung, 2022-09-03 03:01:12

หลักสูตรสถานศึกษา สาระคณิตศาสตร์

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านป่าคาป่าม่วง สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

๘๐

ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕

คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน

รหสั วชิ า .ค๑๕๑๐๑. รายวิชา คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์

ชัน้ ....ป. ๕...... เวลา.๑๖๐.ชวั่ โมง

อธบิ ายและยกตัวอย่างเศษสว่ นที่มตี ัวส่วนเปน็ ตัวประกอบของ ๑๐ หรือ ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐

ในรูปทศนิยม จำแนกรูปสเี่ หล่ียมโดยพจิ ารณาจากสมบัติของรปู สร้างรูปส่ีเหลี่ยมชนิดต่าง ๆ เมื่อ

กำหนดความยาวของด้านและขนาดของมมุ หรือเม่ือกำหนดความยาวของเส้นทแยงมมุ และบอก

ลักษณะของปริซมึ

.เขยี นเศษส่วนทม่ี ตี วั สว่ นเป็นตวั ประกอบของ ๑๐ หรอื ๑๐๐ หรอื ๑,๐๐๐ ในรปู ทศนยิ ม แสดงวธิ หี า

คำตอบของโจทยป์ ญั หาโดยใช้บญั ญตั ิไตรยางศ์ หาผลบวก ผลลบ ผลคณู ผลหารของเศษส่วนและ

จำนวนคละ แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ๒ ข้นั ตอน

หาผลคณู ของทศนิยม ทผี่ ลคูณเปน็ ทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตำแหน่ง หาผลหารทต่ี ัวตัง้ เปน็ จำนวนนับหรอื

ทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตำแหนง่ และตวั หารเป็นจำนวนนับ ผลหารเป็นทศนิยมไมเ่ กิน ๓ ตำแหนง่ แสดงวธิ ี

หาคำตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ๒ ขนั้ ตอน และแสดงวิธีหา

คำตอบของโจทยป์ ัญหาร้อยละไม่เกนิ ๒ ข้ันตอน

แสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั ความยาว น้ำหนัก ทีม่ กี ารเปล่ียนหนว่ ยและเขียน

ในรปู ทศนิยม แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปญั หาเกี่ยวกับปริมาตรของทรงส่เี หลย่ี มมุมฉากและความจุ

ของภาชนะทรงสเ่ี หล่ยี มมมุ ฉาก ความยาวรอบรูปของรูปสเี่ หลย่ี มและพื้นท่ีของรูปสเ่ี หล่ยี มด้านขนาน

และรูปสีเ่ หลย่ี มขนมเปียกปนู สรา้ งเสน้ ตรงหรอื สว่ นของเส้นตรงให้ขนานกับเส้นตรงหรอื สว่ นของ

เส้นตรงทก่ี ำหนดให้

ใชข้ ้อมูลจากกราฟเส้นในการหาคำตอบของโจทย์ปัญหา และเขยี นแผนภมู ิแท่งจากขอ้ มูลทเ่ี ปน็

จำนวนนับ

..........๑. มีความกระตือรอื ร้นและมีสว่ นร่วมในกิจกรรมในช้ันรู้เรยี น

๒. มีความรบั ผิดชอบ/ส่งงานตรงเวลา

รหสั ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้

มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

ค ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ , ป.๕/๕, ป.๕/๖, ป.๕/๗, ป.๕/๘, ป.๕/๙

ค ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔

ค ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔

ค ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒

รวมทั้งหมด............ ๑๙ .............ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้

๘๑

ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖
รหัสวิชา ค ๑๖๑๐๑ รายวชิ า.คณติ ศาสตร์...กล่มุ สาระการเรยี นร.ู้ .คณติ ศาสตร์...

ช้นั ....ป.๖......เวลา....๑๖๐....ชว่ั โมง
เปรยี บเทยี บ เรยี งลำดับ เศษสว่ นและจำนวนคละจากสถานการณต์ ่าง ๆ จำแนกรูป
สามเหลีย่ มโดยพิจารณาจากสมบัติของรูปบอกลกั ษณะของรูปเรขาคณิตสามมติ ิชนดิ ตา่ ง ๆ ระบรุ ูป
เรขาคณิตสามมติ ิทีป่ ระกอบจากรูปคลี่และระบรุ ปู คล่ีของรปู เรขาคณิตสามมิติ
เขยี นอัตราส่วนแสดงการเปรียบเทยี บปรมิ าณ ๒ ปริมาณจากข้อความหรือสถานการณ์ โดยที่
ปริมาณแตล่ ะปรมิ าณเป็นจำนวนนบั หาอัตราสว่ นท่ีเท่ากับอตั ราสว่ นที่กำหนดให้ หา ห.ร.ม. และ
ค.ร.น. ของจำนวนนบั ไม่เกิน ๓ จำนวน แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาโดยใช้ความรู้เกย่ี วกบั ห.ร.
ม. และ ค.ร.น. หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสว่ นและจำนวนคละ แสดงวิธีหา
คำตอบของโจทยป์ ัญหาเศษสว่ นและจำนวนคละ ๒ – ๓ ขนั้ ตอน หาผลหารของทศนิยมที่ตวั หารและ
ผลหารเปน็ ทศนยิ มไม่เกนิ ๓ ตำแหนง่ แสดงวธิ หี าคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ
การหารทศนิยม ๓ ข้นั ตอน แสดงวิธหี าคำตอบของโจทยป์ ัญหาอัตราสว่ น ปัญหาร้อยละ ๒ – ๓
ข้นั ตอน แสดงวธิ ีคดิ และหาคำตอบของปญั หาเกยี่ วกบั แบบรูป
แสดงวิธีหาคำตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั ปรมิ าตรของรปู เรขาคณติ สามมติ ิทป่ี ระกอบด้วยทรง
สเ่ี หลยี่ มมุมฉาก และแสดงวธิ ีหาคำตอบของโจทยป์ ญั หาเก่ียวกบั ความยาวรอบรปู และพื้นท่ีของรูป
หลายเหลย่ี ม ความยาวรอบรูปและพ้ืนท่ีของวงกลม สรา้ งรูปสามเหลยี่ มเม่ือกำหนดความยาวของด้าน
และขนาดของมมุ ใช้ข้อมลู จากแผนภมู ริ ปู วงกลมในการหาคำตอบของโจทย์ปญั หา
๑. มีความกระตือรอื ร้นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมในชนั้ รเู้ รียน
๒. มีความรับผดิ ชอบ/สง่ งานตรงเวลา
รหสั ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้

มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
ค ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙, ป.๖/๑๐,
ป.๖/๑๑
ค ๑.๒ ป.๖/๑
ค ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓
ค ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔
ค ๓.๑ ป.๖/๑
รวม ๒๐ ตวั ช้วี ดั

๘๒

ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน
รหัสวิชา ค ๒๑๑๐๑ รายวิชา คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษา ฝกึ ทักษะการคดิ คำนวณ และฝึกการแกป้ ัญหาในสาระต่อไปนี้
-จำนวนตรรกยะ จำนวนเตม็ สมบตั ิของจำนวน ทศนยิ มและเศษส่วน จำนวนตรรกยะและ

สมบตั ิของจํานวนตรรกยะ
-การสรา้ งทางเรขาคณติ การสรา้ งพ้นื ฐานทางเรขาคณติ การสรา้ งรูปเรขาคณติ สองมติ ิโดยใช้

การสรา้ งพ้นื ฐานทางเรขาคณิต การนำความรู้เกี่ยวกบั การสรา้ งพนื้ ฐานทางเรขาคณิตไปใชใ้ นชีวิต
-ทศนยิ มและเศษส่วน การเขียนเศษส่วนในรูปทศนิยม การเขียนทศนยิ มซ้ำในรูปเศษส่วน

การเปรยี บเทียบเศษสว่ นและทศนยิ ม การบวก ลบ คูณ หารเศษสว่ นและทศนิยม โจทย์ปญั หาหรอื
สถานการณเ์ ก่ยี วกบั เศษสว่ นและทศนิยม

-เลขยกกำลัง เลขยกกำลงั ท่ีมีเลขชี้กำลังเปน็ จำนวนเต็มบวก การนำความรู้เกี่ยวกับจํานวนเตม็
จำนวนตรรกยะ และเลขยกกำลงั ไปใช้ในการแกป้ ัญหา

-รปู เรขาคณติ สองมติ ิและสามมิติ หน้าตัดของรูปเรขาคณิตสามมิติ ภาพท่ีไดจ้ ากการมอง
ดา้ นหนา้ ดา้ นขา้ งด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมติ ิที่ประกอบขนึ้ จากลกู บาศก์

เพ่อื ใหส้ ามารถใช้ความรู้ ทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหา
ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม รจู้ ักใช้วิธีการทหี่ ลากหลายในการในการแกป้ ัญหา ใชเ้ หตผุ ล
ประกอบการตัดสนิ ใจ ใช้ภาษา และสญั ลักษณ์ทางคณติ ศาสตรใ์ นการสือ่ สาร การส่ือความหมาย และ
การนำเสนอได้อย่างถูกตอ้ งและชัดเจน สามารถเช่อื มโยงและนำความรู้ หลักการกระบวนการทาง
คณติ ศาสตร์ไปใชใ้ นการเรยี นรสู้ ่ิงต่าง ๆ และใช้ชีวติ ประจำวนั รวมท้ังเห็นคณุ ค่าและมีเจตคตทิ ี่ดีต่อ
คณิตศาสตร์ มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถทางานอย่างมีระบบ มีระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มี
ความรบั ผดิ ชอบ มวี ิจารณญาณ และมีความเชอื่ มน่ั ในตนเอง

รหัสตัวช้ีวดั
ค ๑.๑ ม ๑/๑ , ค ๑.๑ ม ๑/๒ , ค ๒.๒ ม ๑/๑ , ค ๒.๒ ม ๑/๒

๘๓

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
คำอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน
รหัสวิชา ค ๒๑๑๐๒ รายวชิ า คณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน
กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

ศกึ ษา ฝึกทักษะการคิดคำนวณ และฝกึ การแกป้ ญั หาในสาระต่อไปนี้
-สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว การแก้สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว

การนาํ ความรู้เก่ยี วกับสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี วไปใชใ้ นชีวิตจรงิ
-อัตราสว่ น สดั ส่วน และรอ้ ยละ อตั ราสว่ นของจำนวนหลายๆจำนวน สดั สว่ น การนำความรู้

เกีย่ วกบั อัตราสว่ น สดั ส่วน รอ้ ยละไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา
-กราฟและสมั พันธ์เชงิ เสน้ กราฟของความสัมพนั ธ์เชงิ เส้น สมการเชิงเส้นสองตวั แปร การนำ

ความรู้เกี่ยวกับสมการเชงิ เสน้ สองตวั แปรและกราฟของความสัมพนั ธ์เชิงเส้นไปใชใ้ นชีวิตจรงิ
-สถิต(ิ ๑) การต้ังคำถามทางสถติ ิ การเก็บรวบรวมข้อมูล การนำเสนอข้อมูล แผนภมู ิรูปภาพ

แผนภมู ิแท่ง กราฟเส้น แผนภมู ิรปู วงกลม การแปลความหมายข้อมลู การนำสถติ ิไปใช้ในชวี ติ จริง
เพ่ือให้สามารถใช้ความรู้ ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหา

ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม รจู้ กั ใชว้ ิธกี ารทหี่ ลากหลายในการในการแกป้ ญั หา ใช้เหตุผล
ประกอบการตัดสินใจ ใช้ภาษา และสัญลักษณท์ างคณติ ศาสตร์ในการสือ่ สาร การส่ือความหมาย และ
การนำเสนอได้อย่างถูกตอ้ งและชดั เจน สามารถเชอ่ื มโยงและนำความรู้ หลกั การกระบวนการทาง
คณติ ศาสตร์ไปใช้ในการเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ และใช้ชีวติ ประจำวัน รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดตี ่อ
คณติ ศาสตร์ มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถทางานอย่างมรี ะบบ มรี ะเบยี บ มีความรอบคอบ มี
ความรบั ผดิ ชอบ มวี ิจารณญาณ และมีความเชอ่ื ม่ันในตนเอง

รหสั ตวั ชี้วัด
ค๑.๑ ม๑/๓ , ค๑.๓ ม๑/๑ , ค๑.๓ ม๑/๑ , ค ๑.๓ ม๑/๓ , ค๓.๑ ม ๑/๑

๘๔

ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒
คำอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
รหสั วิชา ...ค๒๒๑๐๑.. รายวชิ า ......คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน ๓......
กลุม่ สาระการเรียนร.ู้ ...คณติ ศาสตร.์ ...
ชั้น.....ม.๒......ภาคเรยี นที่ ..๑..เวลา...๖๐...ชว่ั โมง จำนวน....๑.๕.....หน่วยกติ

ศึกษา คน้ ควา้ ฝกึ ทักษะ / กระบวนการเก่ียวกับเรอื่ งต่อไปน้ี
- การแปลงทางเรขาคณิต การเล่อื นขนาน การสะท้อน การหมนุ การนำความรเู้ กย่ี วกับการแปลงทาง
เรขาคณิตไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา
- ความเทา่ กนั ทุกประการ ความเทา่ กันทุกประการของรปู สามเหล่ยี ม การนำความรูเ้ ก่ยี วกับความ
เทา่ กนั ทุกประการไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา
- จำนวนตรรกยะ เลขยกกำลังที่มเี ลขช้ีกำลังเป็นจำนวนเต็ม การนำความรู้เก่ียวกับเลขยกกำลังไปใช้
ในการแก้ปัญหา
- พหุนาม พหุนาม การบวก การลบ และการคณู ของพหนุ าม การหารพหนุ ามด้วยเอกนามทมี่ ผี ลหาร
เป็นพหนุ าม การแยกตัวประกอบพหุนาม การแยกตวั ประกอบของพหุนามดีกรสี อง โดยใช้สมบตั กิ าร
แจกแจงกำลังสองสมบรู ณผ์ ลตา่ งของกำลงั สอง
- การสรา้ งทางเรขาคณติ การนำความรเู้ กี่ยวกบั การสร้างทางเรขาคณิตไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ

โดยจัดประสบการณ์ กิจกรรม หรอื โจทย์ปัญหาทส่ี ่งเสรมิ การพัฒนาทกั ษะกระบวนการทาง
คณติ ศาสตร์ในการคดิ คำนวณ การใหเ้ หตุผล การวเิ คราะห์ การแก้ปัญหา การส่อื สาร การสอื่
ความหมาย และการนำเสนอโดยใช้วธิ ีการท่หี ลากหลายในการคิดคำนวณการแก้ปญั หาการให้เหตผุ ล
ประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม

เพื่อใหส้ ามารถใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหา
ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม รจู้ ักใช้วธิ ีการท่ีหลากหลายในการในการแก้ปัญหา ใชเ้ หตุผล
ประกอบการตัดสนิ ใจ ใช้ภาษา และสัญลกั ษณ์ทางคณติ ศาสตรใ์ นการสือ่ สาร การส่ือความหมาย และ
การนำเสนอได้อย่างถูกต้องและชดั เจน สามารถเช่อื มโยงและนำความรู้ หลกั การกระบวนการทาง
คณติ ศาสตร์ไปใชใ้ นการเรยี นรูส้ งิ่ ตา่ ง ๆ และใชช้ ีวิตประจำวนั รวมท้ังเห็นคณุ ค่าและมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อ
คณติ ศาสตร์ มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถทางานอย่างมรี ะบบ มีระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มี
ความรับผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ และมีความเช่ือมนั่ ในตนเอง

รหสั ตัวช้ีวัด
ค ๑.๑ ม.๒/๑, ค ๑.๒ ม.๒/๑, ค ๑.๒ ม.๒/๒ , ค ๒.๒ ม .๒/๑, ค ๒.๒ ม.๒/๓, ค ๒.๒ ม.๒/๔

๘๕

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
คำอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน
รหัสวิชา ...ค๒๒๑๐๒.... รายวชิ า .....คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน ๔......กลุม่ สาระการเรียนรู.้ ...คณติ ศาสตร์.
ช้ัน.....ม.๒............ภาคเรยี นท่ี ..๒.. เวลา...๖๐...ชว่ั โมง จำนวน....๑.๕.....หน่วยกติ

ศกึ ษา ค้นควา้ ฝึกทกั ษะ / กระบวนการเกยี่ วกับเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี
- จำนวนจริง จาํ นวนอตรรกยะจำนวนจรงิ รากทีส่ องและรากที่สามของจำนวนตรรกยะการนำความรู้
เกย่ี วกบั จำนวนจรงิ ไปใช้
- ทฤษฏบี ทพีทาโกรัส ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลับการนำความร้เู กีย่ วกับทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบท
กลบั ไปใช้ในชีวิตจรงิ
- เส้นขนาน สมบัตเิ กยี่ วกับเสน้ ขนานและรูปสามเหล่ียม ความเทา่ กนั ทุกประการ ความเท่ากนั ทกุ ประการ
ของรปู สามเหลยี่ มการนำความรเู้ กย่ี วกบั ความเท่ากันทกุ ประการไปใชใ้ นการแก้ปัญหา
- พน้ื ท่ีผิวและปริมาตร การหาพ้ืนท่ีผวิ ของปรซิ ึมและทรงกระบอก การนำความรูเ้ กี่ยวกับพืน้ ที่ผวิ ของ
ปริซึมและทรงกระบอกไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา การหาปรมิ าตรของปรซิ ึมและทรงกระบอก การนำความรู้
เกยี่ วกับปรมิ าตรของปริซมึ และทรงกระบอกไปใชใ้ นการแก้ปญั หา
- สถิติ การนำเสนอและวเิ คราะหข์ ้อมูล แผนภาพจุด แผนภาพต้น-ใบ ฮิสโตแกรม ค่ากลางของข้อมลู
การแปลความหมายผลลัพธ์ การนำสถิติไปใชใ้ นชวี ิตจริง

โดยจดั ประสบการณ์ กจิ กรรม หรือ โจทยป์ ัญหาทส่ี ง่ เสริมการพฒั นาทักษะกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ในการคดิ คำนวณ การใหเ้ หตุผล การวเิ คราะห์ การแกป้ ัญหา การสื่อสาร การส่ือ
ความหมาย และการนำเสนอโดยใช้วธิ กี ารทหี่ ลากหลายในการคดิ คำนวณการแก้ปญั หาการให้เหตุผล
ประกอบการตัดสนิ ใจและสรุปผลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม

เพอ่ื ให้สามารถใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาใน
สถานการณต์ ่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รจู้ กั ใช้วิธีการท่หี ลากหลายในการในการแก้ปัญหา ใชเ้ หตผุ ล
ประกอบการตัดสนิ ใจ ใช้ภาษา และสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตรใ์ นการส่อื สาร การสื่อความหมาย และการ
นำเสนอได้อย่างถกู ต้องและชัดเจน สามารถเช่ือมโยงและนำความรู้ หลกั การกระบวนการทางคณิตศาสตร์
ไปใช้ในการเรียนรู้สง่ิ ต่าง ๆ และใช้ชวี ิตประจำวนั รวมทั้งเหน็ คณุ คา่ และมีเจตคติที่ดตี ่อคณติ ศาสตร์ มี
ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ สามารถทางานอยา่ งมีระบบ มรี ะเบยี บ มีความรอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มี
วจิ ารณญาณ และมีความเช่อื มน่ั ในตนเอง
รหสั ตัวช้ีวัด
ค ๑.๑ ม.๒/๒ , ค ๒.๑ ม.๒/๑ , ค ๒.๑ ม.๒/๒ , ค ๒.๒ ม.๒/๕, ค ๒.๒ ม.๒/๒, ค ๒.๒ ม.๒/๔, ค
๓.๑ ม.๒/๑

๘๖

ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓
คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน

รหสั วชิ า ...ค๒๓๑๐๑.. รายวชิ า ......คณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน ๕......กลมุ่ สาระการเรยี นรู้....คณิตศาสตร์....
ชั้น.....ม.๓............ภาคเรยี นที่ ..๑.. เวลา...๖๐...ชว่ั โมง จำนวน....๑.๕.....หน่วยกิต

ศึกษา ฝกึ ทักษะ / กระบวนการในสาระตอ่ ไปนี้
- ระบบสมการ ระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปรการแกร้ ะบบสมการเชิงเสน้ สองตวั แปรการ

นำความรู้เก่ียวกบั ระบบสมการเชิงเสน้ สองตัวแปรไปใช้ในการแกป้ ญั หา
- พื้นท่ีผวิ และปรมิ าตร การหาพ้นื ท่ผี วิ ของพีระมดิ กรวยและทรงกลม การนำความรู้พ้ืนทผ่ี วิ

ของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลมไปใช้ในการแกป้ ัญหา การหาปรมิ าตรของพรี ะมิด กรวย และทรง
กลม การนำความรู้เก่ียวกับปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลมไปใช้ในการแก้ปัญหา

- ความคลา้ ย รูปสามเหล่ียมท่คี ลา้ ยกัน การนำความรู้เกีย่ วกับความคล้ายไปใช้ในการ
แก้ปญั หา

- การแยกตัวประกอบพหนุ าม การแยกตวั ประกอบของพหนุ ามดกี รีสูงกว่าสอง
- สมการกำลงั สองตวั แปรเดียว สมการกำลังสองตัวแปรเดยี ว การแกส้ มการกำลงั สองตวั แปร
เดยี ว การนำความรเู้ ก่ียวกับการแก้สมการกำลังสองตวั แปรเดียวไปใช้ในการแก้ปญั หา
- ฟังกช์ นั กำลังสอง กราฟของฟังกช์ ันกำลงั สอง การนำความรเู้ กย่ี วกับฟังกช์ นั กำลังสองไปใช้
ในการแกป้ ัญหา
โดยจดั ประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชวี ิตประจำวันท่ีใกล้ตวั ให้ผเู้ รียนได้ศกึ ษา
คน้ ควา้ โดยการปฏบิ ัตจิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ/กระบวนการ ในการคิดคำนวณ การ
แกป้ ญั หา การให้เหตผุ ล การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และนำประสบการณ์ดา้ นความรู้ ความคิด
ทกั ษะกระบวนการที่ได้ไปใชใ้ นการเรียนร้สู ิ่งต่างๆ และใชใ้ นชีวิตประจำวันอยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมทงั้ เห็น
คณุ คา่ และเจตคติทด่ี ตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความ
รับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และมคี วามเชอ่ื ม่ันในตนเอง
การวดั ผลประเมินผล ใช้วธิ กี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเป็นจริงใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ือหา
และทักษะทต่ี ้องการวดั

รหัสตัวชี้วัด
ค ๑.๓ ม.๓/๓, ค ๒.๑ ม.๓/๑, ค ๒.๑ ม.๓/๒, ค ๒.๒ ม.๓/๑, ค ๑.๒ ม. ๓/๑, ค ๑.๓ ม.๓/๒, ค
๑.๒ ม. ๓/๒

๘๗

ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน
รหสั วิชา ...ค๒๓๑๐๒.... รายวชิ า .....คณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ๖......กล่มุ สาระการเรยี นร.ู้ ...คณติ ศาสตร.์ .....
ชน้ั .....ม.๓.........ภาคเรยี นที่ ..๒.. เวลา...๖๐...ชวั่ โมง จำนวน....๑.๕.....หน่วยกติ

ศึกษา ฝกึ ทักษะ / กระบวนการในสาระตอ่ ไปนี้
- อสมการ อสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดยี ว การแกส้ มการเชิงเส้นตัวแปรเดยี ว การนาํ ความรู้
เกี่ยวกับการแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวไปใช้ในการแก้ปัญหา
- อตั ราสว่ นตรีโกณมติ ิ อตั ราส่วนตรโี กณมติ ิ การนำค่าอัตราส่วนตรีโกณมติ ขิ องมมุ ๓๐ องศา
๔๕ องศาและ ๖๐ องศาไปใช้ในการแกป้ ัญหา
- สถติ ิ ขอ้ มูลและการวเิ คราะห์ข้อมลู แผนภาพกล่อง การแปลความหมายผลลพั ธ์ การนำ
สถิติไปใช้ในชวี ิตจรงิ
- ความนา่ จะเป็น เหตกุ ารณ์จากการทดลองสุม่ ความน่าจะเปน็ การนำความรู้เกยี่ วกับความ
น่าจะเป็นไปใชใ้ นชีวติ จรงิ
- วงกลม วงกลม คอรด์ และเสน้ สัมผสั ทฤษฎเี กย่ี วกับวงกลม
โดยจัดประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณ์ในชีวิตประจำวนั ท่ใี กลต้ วั ให้ผูเ้ รียนได้ศึกษา ค้นควา้
โดยการปฏิบตั ิจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพอื่ พฒั นาทักษะ/กระบวนการ ในการคดิ คำนวณ การ
แกป้ ญั หา การใหเ้ หตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนำประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคดิ
ทกั ษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรยี นรู้ส่งิ ตา่ งๆ และใช้ในชวี ติ ประจำวันอยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมท้งั เห็น
คณุ ค่าและเจตคตทิ ดี่ ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเปน็ ระบบระเบียบ มคี วามรอบคอบ มีความ
รบั ผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ และมีความเชือ่ ม่ันในตนเอง
การวดั ผลประเมนิ ผล ใชว้ ธิ ีการทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกับเน้ือหา
และทักษะทตี่ ้องการวัด

รหสั ตวั ชี้วัด
ค ๑.๓ ม.๓/๑, ค ๒.๒ ม.๓/๒, ค ๒.๒ ม.๓/๓, ค ๓.๑. ม.๓/๑, ค ๓.๒ ม ๓/๑

๘๘

เกณฑ์การจบการศกึ ษา
หลักสูตรโรงเรียนบ้านป่าคาป่าม่วง พุทธศักราช ๒๕๖3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา

ขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑ์สำหรับการจบการศกึ ษา ดังนี้

เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา
(๑) ผู้เรียน ต้องเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๕,๐๔๐ ช่ัวโมงและรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรม

เพ่มิ เติมไม่นอ้ ยกวา่ จำนวน ๔๘๐ ช่วั โมง
(๒) ผเู้ รียนต้องมผี ลการประเมินในรายวชิ าพื้นฐานระดับ ๑ ข้นึ ไปทกุ รายวชิ า
(๓) ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนผ่านเกณฑ์การประเมิน

ในระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไปทกุ ด้าน
(๔) ผูเ้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

ในระดบั “ผา่ น” ขึ้นไปทุกดา้ น
(๕) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น และมีผลการประเมนิ ในระดบั “ผา่ น”

ทกุ กิจกรรม

เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
(๑) ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาพื้นฐาน จำนวน ๒,๖๔๐ ช่ัวโมง (๖๖ หน่วยกิต) และรายวิชา

เพิม่ เตมิ ไม่น้อยกว่า 48๐ ชวั่ โมง (๑2 หนว่ ยกติ )
(๒) ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมนิ รายวิชาพนื้ ฐานในระดบั ๑ ขนึ้ ไปทกุ รายวชิ า
(๓) ผ้เู รยี นตอ้ งมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ

ในระดบั “ผ่าน” ขึน้ ไปทุกดา้ น
(๔) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นระดับ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ

ในระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไปทุกด้าน
(๕) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน”

ทุกกิจกรรม

การจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ของผู้เรยี น เปน็ เป้าหมายสำหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร
กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็น
สมรรถนะสำคัญให้ผูเ้ รียนบรรลตุ ามเปา้ หมาย

๘๙

๑. หลกั การจัดการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ
สำคัญ และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามท่ีกำหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
โดยยดึ หลักวา่ ผเู้ รียนมีความสำคญั ที่สดุ เชื่อวา่ ทกุ คนมีความสามารถเรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้
ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพ คำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพฒั นาการทางสมองเนน้
ใหค้ วามสำคัญทัง้ ความรู้ และคุณธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจดั การเรียนรูท้ ่เี น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ผู้เรยี นจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้
ท่ีหลากหลาย เป็นเคร่ืองมือท่ีจะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจำเป็น
สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด
กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย
กระบวนการเรยี นรกู้ ารเรยี นรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนสิ ัย
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา
เพราะจะสามารถช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ได้ดี บรรลเุ ปา้ หมายของหลกั สูตร ดังน้ัน ผสู้ อน
จึงจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัด
กระบวนการเรยี นรไู้ ด้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

๓. การออกแบบการจดั การเรียนรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะ
สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึง
พิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัด
และประเมินผล เพือ่ ให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายทีก่ ำหนด
๔. บทบาทของผสู้ อนและผ้เู รียน
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ควรมีบทบาท ดังนี้
๔.๑ บทบาทของผู้สอน

๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน
การจัดการเรยี นรู้ ทท่ี ้าทความสามารถของผู้เรยี น

๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ
ทเี่ ปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมท้งั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
และพัฒนาการทางสมอง เพอ่ื นำผ้เู รียนไปสู่เปา้ หมาย

๔) จัดบรรยากาศทีเ่ ออื้ ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกบั กิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี
ทเ่ี หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน

๙๐

๖) ประเมินความกา้ วหน้าของผเู้ รยี นด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ
ของวชิ าและระดับพฒั นาการของผเู้ รียน

๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ังปรับปรุง
การจัดการเรยี นการสอนของตนเอง

๔.๒ บทบาทของผู้เรยี น
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรขู้ องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคำถาม

คดิ หาคำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาด้วยวิธีการต่างๆ
๓) ลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ สรปุ สิง่ ท่ไี ดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง และนำความรูไ้ ปประยุกต์ใช้ใน

สถานการณ์ต่างๆ
๔) มีปฏิสมั พันธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกบั กล่มุ และครู

๕) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างต่อเน่ือง

สื่อการเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง

ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการ
เรียนรู้มีหลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ
ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใช้ส่ือควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้
ท่หี ลากหลายของผู้เรยี น

การจัดหาส่ือการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุง
เลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่างๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพ่ือนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถ
ส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้
ผู้เรียน เกิดการเรยี นรู้อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นท่ีการศกึ ษา หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องและผ้มู ีหน้าที่
จัดการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ควรดำเนินการดงั น้ี

๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียน
ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถิ่น ชมุ ชน สงั คมโลก

๒. จัดทำและจัดหาส่ือการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน
รวมทั้งจดั หาสง่ิ ท่ีมีอยู่ในท้องถิน่ มาประยุกต์ใช้เปน็ ส่ือการเรยี นรู้

๓. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง
กบั วิธีการเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน

๔. ประเมนิ คณุ ภาพของส่ือการเรียนรู้ทเ่ี ลอื กใช้อย่างเปน็ ระบบ
๕. ศกึ ษาค้นคว้า วิจัย เพื่อพัฒนาสือ่ การเรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรียนรู้ของผูเ้ รียน
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือ
การเรยี นรูเ้ ป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา
ควรคำนึงถึงหลกั การสำคัญของส่ือการเรยี นรู้ เช่น ความสอดคลอ้ งกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้

๙๑

การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย
ไม่กระทบความม่ันคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอ
ที่เข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรยี นต้องอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการ คือ การ

ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุ
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็น
เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับ
สถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดง
พัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์
ต่อการสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นเกิด การพัฒนาและเรียนรู้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับ
สถานศึกษา ระดับเขตพื้นทกี่ ารศึกษา และระดับชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี

๑. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมนิ ผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง
หลากหลาย เชน่ การซักถาม การสงั เกต การตรวจการบ้าน การประเมนิ โครงงาน การประเมินชน้ิ งาน/
ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้
ผเู้ รียนประเมินตนเอง เพือ่ นประเมินเพ่ือน ผปู้ กครองร่วมประเมิน ในกรณีท่ีไมผ่ ่านตัวชี้วดั ให้มีการสอน
ซอ่ มเสริม

การประเมนิ ระดบั ช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบวา่ ผู้เรยี นมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการ
เรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีส่ิงท่ีจะต้อง
ได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียน
การสอนของตนดว้ ย ท้งั นโ้ี ดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วดั

๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสินผล
การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของ
สถานศึกษา วา่ ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรยี นตามเป้าหมายหรือไม่ ผ้เู รยี นมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ัง
สามารถนำผลการเรียนของผ้เู รยี นในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมนิ ระดับ
สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการ
จัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ
สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ผู้ปกครอง
และชมุ ชน

๙๒

๓. การประเมินระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา เป็นการประเมินคณุ ภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูล
พื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ
ดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานท่ีจัดทำและดำเนินการโดย
เขตพืน้ ที่การศึกษา หรอื ด้วยความร่วมมือกบั หน่วยงานต้นสงั กัด ในการดำเนินการจดั สอบ นอกจากนี้ยัง
ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มูลจากการประเมินระดบั สถานศึกษาในเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา

๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมนิ คุณภาพผูเ้ รยี นในระดบั ชาติตามมาตรฐานการ
เรยี นร้ตู ามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ เู้ รียนทุกคนทเี่ รยี น ในช้นั
ประถมศึกษาปีที่ ๓ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รบั การประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใช้เป็นขอ้ มูลในการ
เทียบเคยี งคุณภาพการศึกษาในระดบั ต่าง ๆ เพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนยกระดบั คุณภาพการจดั
การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนบั สนุนการตดั สนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ
ทบทวนพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะต้องจัดระบบดูแล
ช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความ
แตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่ม
ผเู้ รยี นที่มีความสามารถพเิ ศษ กลมุ่ ผู้เรยี นท่ีมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนต่ำ กลุ่มผเู้ รียนทีม่ ปี ัญหาดา้ นวนิ ัย
และพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการ
ทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ
ดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ
ในการเรยี น

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็น
ข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือให้บุคลากรท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
รว่ มกัน

เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรียน
การตัดสนิ ผลการเรยี น

ในการตัดสินผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผสู้ อนต้องคำนึงถึงการพฒั นานักเรยี นแต่ละ
คนเปน็ หลกั และต้องเกบ็ ข้อมูลของนกั เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและตอ่ เน่ืองในแตล่ ะภาคเรยี น
มีเกณฑด์ งั นี้

(๑) ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมด
(๒) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ทุกตวั ชีว้ ัด และผ่านเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐
ของจำนวนตวั ชี้วัด
(๓) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า

๙๓

(๔) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษา
กำหนดในการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน

๙๔

การใหร้ ะดบั ผลการเรียน
๑๓.๑ การตดั สินผลการเรยี นรายวิชาของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลข

แสดงระดบั การเรียนในแต่ละกลุ่มสาระ ดงั น้ี

ระดับผลการเรียน ความหมาย ชว่ งคะแนนรอ้ ยละ
๔ ผลการเรียนดีเย่ยี ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรยี นดีมาก ๗๕ - ๗๙
๓ ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรยี นดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรยี นค่อนขา้ งดี ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๕๕ - ๕๙
๑ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรยี นพอใช้ ๐ - ๔๙
ผลการเรียนผา่ นเกณฑ์ขัน้ ต่ำ
ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์

๑๓.๒ การประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น เป็นผา่ นและไม่ผา่ น
ถ้ากรณีท่ผี า่ น กำหนดเกณฑ์การตัดสนิ เป็นดีเยยี่ ม ดี และผา่ น

ดีเยี่ยม หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
ทม่ี ีคณุ ภาพดเี ลศิ อยูเ่ สมอ

ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน
ทีม่ ีคุณภาพเป็นท่ยี อมรับ

ผา่ น หมายถึง มีผลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน
ทม่ี คี ุณภาพเปน็ ทย่ี อมรบั แต่ยังมขี ้อบกพร่องบางประการ

ไม่ผ่าน หมายถึง ไมม่ ผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์
และเขยี น หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานนัน้ ยังมีข้อบกพร่องทต่ี ้องไดร้ บั การปรับปรุงแก้ไขหลายประการ

๑๓.๓ การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลกั ษณะเพอ่ื การเล่อื นชนั้
และจบการศึกษา เป็นผ่านและไมผ่ ่าน ในการผ่าน กำหนดเกณฑ์การตัดสนิ เปน็ ดีเยีย่ ม ดี และผา่ น
และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังน้ี

ดีเยี่ยม หมายถงึ ผ้เู รยี นปฏิบัติตนตามคุณลกั ษณะจนเปน็ นสิ ัย และนำไปใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับดเี ย่ียม
จำนวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดบั ดี

ดี หมายถึง ผูเ้ รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อใหเ้ ปน็ การยอมรับของ
สังคมโดยพจิ ารณาจาก

๑) ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเย่ยี มจำนวน ๑ - ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับดี หรอื

๒) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี เย่ียมจำนวน ๔ คณุ ลักษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะใด
ได้ผลการประเมินต่ำกวา่ ระดับผา่ นหรือ

๙๕

๓) ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลักษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ล
การประเมินต่ำกว่าระดับผา่ น

ผ่าน หมายถึง ผ้เู รียนรับรู้และปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขที่สถานศกึ ษากำหนด
โดยพิจารณาจาก

๑) ได้ผลการประเมนิ ระดับผ่าน จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน หรือ

๒) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี จำนวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการ
ประเมนิ ตำ่ กว่าระดบั ผา่ น

ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผเู้ รยี นรับรู้และปฏิบตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีสถานศกึ ษา
กำหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดับไมผ่ า่ นต้ังแต่ ๑ คณุ ลกั ษณะ

๑๓.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น จะต้องพิจารณาท้งั เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม
การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงานของผ้เู รียนตามเกณฑ์ทโ่ี รงเรียนกำหนดและใหผ้ ลการประเมินเป็นผา่ น
และไมผ่ า่ นให้ใชต้ ัวอักษรแสดงผลการประเมนิ ดังน้ี

“ผ” หมายถึง ผเู้ รยี นมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐
ปฏิบัติกจิ กรรมและมีผลงานเป็นทป่ี ระจกั ษ์

“มผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ปฏิบัติกิจกรรมและมี
ผลงาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากำหนด

ในกรณีที่ผ้เู รียนได้ “มผ” ครูผ้ดู ูแลกจิ กรรมต้องจัดซ่อมเสริมใหผ้ ูเ้ รียนทำกจิ กรรมในสว่ น
ที่ผเู้ รยี นไม่ได้เขา้ ร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถว้ น แล้วจงึ เปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้
ทัง้ นี้ ต้องดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิ้นภายในปกี ารศกึ ษานน้ั ยกเวน้ มเี หตุสุดวสิ ยั หอ้ ยูใ่ นดุลยพินจิ ของ
ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย

๙๖

การเลือ่ นชั้น
เมอื่ สน้ิ ปีการศกึ ษา ผูเ้ รียนจะได้รบั การเลื่อนช้นั เมอ่ื มีคุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ดงั ต่อไปนี้
(๑) ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด
(๒) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ตัวช้ีวดั และผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของ

จำนวนตวั ชี้วัด

(๓) ผ้เู รยี นตอ้ งได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า ไม่นอ้ ยกว่าระดบั “ ๑ ” จงึ จะ
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ตามทีส่ ถานศึกษากำหนด

(๔) นักเรยี นต้องไดร้ บั การประเมิน และมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์และ
เขียน ในระดับ “ ผ่าน ” ข้ึนไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในระดับ“ ผ่าน ” ขน้ึ ไป
และมผี ลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนานักเรียน ในระดับ “ ผ่าน ”

ทัง้ นี้ ถ้าผ้เู รยี นมขี ้อบกพรอ่ งเพยี งเล็กน้อย และพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอน
ซ่อมเสรมิ ไดใ้ ห้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาท่จี ะผ่อนผนั ใหเ้ ลอ่ื นช้ันได้

อนงึ่ ในกรณีทีผ่ ู้เรยี นมีหลกั ฐานการเรยี นร้ทู ี่แสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศึกษา
อาจให้โอกาสผู้เรียนเลอื่ นช้ันกลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยฝ่าย
วชิ าการของสถานศกึ ษาและผแู้ ทนของเขตพื้นท่ีการศึกษาหรือตน้ สงั กัดประเมินผูเ้ รยี นและตรวจสอบ
คณุ สมบัตใิ ห้ครบถว้ นตามเงือ่ นไขทั้ง ๓ ประการต่อไปน้ี

๑. มผี ลการเรียนในปกี ารศึกษาที่ผ่านมาและมผี ลการเรยี นระหวา่ งปีท่กี ำลังศึกษาอยู่
ในเกณฑด์ ีเยีย่ ม

๒. มีวุฒิภาวะเหมาะสมทจี่ ะเรียนในชั้นทีส่ งู ข้ึน
๓. ผ่านการประเมนิ ผลความรคู้ วามสามารถทกุ รายวิชาของชน้ั ปที เ่ี รยี นปัจจบุ นั และ
ความรู้ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรยี นแรกของชนั้ ปีที่จะเลื่อนขน้ึ
การอนุมัติใหเ้ ลอื่ นช้ันกลางปกี ารศึกษาไปเรยี นชน้ั สูงขึ้นได้ ๑ ระดบั ชัน้ นี้ ตอ้ งได้รบั
การยนิ ยอมจากผู้เรยี นและผปู้ กครองและต้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ สิ้นกอ่ นเปดิ ภาคเรยี นที่ ๒ ของปี
การศึกษาน้ัน สำหรบั ในกรณีทพ่ี บว่ามีผเู้ รยี นกลุ่มพิเศษประเภทต่างๆ มีปัญหาในการเรยี นรู้ให้
สถานศกึ ษาดำเนนิ งานร่วมกับสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาเฉพาะความพกิ ารหาแนวทางการแก้ไขและ
พฒั นา

๙๗

การสอนซ่อมเสรมิ
การสอนซ่อมเสริม เปน็ การสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง กรณที ีผ่ ูเ้ รยี นมคี วามรู้ ทกั ษะ

กระบวนการ หรือคุณลกั ษณะไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีกำหนด จะต้องจัดสอนซ่อมเสริมเพื่อพฒั นาการ
เรียนร้ขู องผ้เู รยี นเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเปน็ การสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องกรณีท่ผี ู้เรยี น
มีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด
สถานศึกษาตอ้ งจดั สอนซ่อมเสรมิ เป็นกรณีพิเศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกติเพื่อพฒั นาให้ผเู้ รียน
สามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัดที่กำหนดไว้เป็นการให้โอกาสแก่ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรูแ้ ละ
พฒั นา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทีห่ ลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล

การเปลยี่ นผลการเรยี น
การเปล่ียนผลการเรยี น“๐”

สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ท่ีผู้เรียนสอบไม่
ผา่ นก่อนแล้วจึงสอบแก้ตวั ได้ไมเ่ กนิ ๒ ครงั้ ถา้ ผู้เรยี นไม่ดำเนนิ การสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาท่ี
สถานศกึ ษากำหนดให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษาทจี่ ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น
สำหรบั ภาคเรียนที่ ๒ ตอ้ งดำเนินการให้เสร็จสนิ้ ภายในปีการศึกษาน้นั

ถ้าสอบแก้ตัว ๒ คร้งั แลว้ ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “๐” อีก ให้สถานศึกษาแต่งตัง้
คณะกรรมการดำเนินการเก่ียวกบั การเปลย่ี นผลการเรยี นของผู้เรยี นโดยปฏบิ ัตดิ งั น้ี

๑) ถ้าเป็นรายวชิ าพ้นื ฐานให้เรียนซ้ำรายวชิ านั้น
๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพม่ิ เติมให้เรยี นซ้ำหรือเปลย่ี นรายวิชาเรียนใหม่ ทัง้ นี้ให้อย่ใู น
ดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ในกรณีท่เี ปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียน
แสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวชิ าใด

การเปลีย่ นผลการเรียน“ร”
การเปลี่ยนผลการเรียน“ร” ให้ดำเนินการดังนี้ ใหผ้ ้เู รียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตาม

สาเหตุ เมื่อผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแลว้ ใหไ้ ด้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ ๐ - ๔) ถา้ ผ้เู รยี นไม่
ดำเนินการแก้ไข “ร” กรณีท่ีส่งงานไม่ครบแตม่ ผี ลการประเมินระหวา่ งภาคเรียนและปลายภาคให้
ผู้สอนนำขอ้ มลู ที่มีอยตู่ ดั สินผลการเรยี นยกเวน้ มเี หตุสดุ วิสัยให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะขยาย
เวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี นสำหรับภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดำเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ
ภายในปีการศึกษาน้ัน เมื่อพ้นกำหนดนแี้ ล้วใหเ้ รยี นซ้ำ หากผลการเรยี นเป็น “๐” ให้ดำเนินการแก้ไข
ตามหลกั เกณฑ์

๙๘

การเปลยี่ นผลการเรียน “มส”
การเปล่ยี นผลการเรยี น“มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี
๑) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐

แต่มีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานน้ั ให้จดั ให้เรยี นเพิม่ เติมโดยใช้
ชว่ั โมงสอนซ่อมเสรมิ หรือใชเ้ วลาว่าง หรือใชว้ นั หยุดหรอื มอบหมายงานใหท้ ำจนมีเวลาเรียนครบตามที่
กำหนดไวส้ ำหรับรายวิชานนั้ แลว้ จงึ ให้วัดผลปลายภาคเปน็ กรณีพเิ ศษ

ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรยี นไมเ่ กนิ “๑” การแก้
“มส” กรณีน้ีให้กระทำใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปีการศกึ ษาน้นั ถา้ ผเู้ รียน ไม่มา
ดำเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาทกี่ ำหนดไวน้ ้ีใหเ้ รยี นซำ้ ยกเวน้ มีเหตุสุดวิสยั ให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจ
ของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น แตเ่ ม่อื พน้ กำหนดนี้แล้ว
ใหป้ ฏบิ ัติดงั นี้

(๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพนื้ ฐานให้เรียนซำ้ รายวิชาน้ัน
(๒) ถ้าเปน็ รายวิชาเพ่ิมเติมใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรอื
เปลย่ี นรายวิชาเรียนใหม่
๒) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของ
เวลาเรียนทงั้ หมดให้สถานศกึ ษาดำเนินการดงั นี้
(๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพืน้ ฐานใหเ้ รียนซ้ำรายวิชาน้นั
(๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพิ่มเติมใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซำ้ หรอื
เปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ในกรณที ี่เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหมใ่ หห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นว่า
เรียนแทนรายวชิ าใด
การเรียนซ้ำรายวิชา ผเู้ รียนทไี่ ดร้ บั การสอนซอ่ มเสริมและสอบแก้ตวั ๒ ครัง้ แล้วไมผ่ า่ น
เกณฑ์การประเมนิ ให้เรียนซ้ำรายวิชาน้นั ท้งั นใี้ หอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำ
ในช่วงใดชว่ งหนง่ึ ทีส่ ถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวัน วนั หยุด ชว่ั โมงวา่ งหลังเลกิ เรียน
ภาคฤดรู อ้ นเป็นตน้
ในกรณีภาคเรียนท่ี ๒ หากผเู้ รยี นยงั มผี ลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนินการ
ให้เสรจ็ สิน้ ก่อนเปดิ เรยี นปีการศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพ่ือ
แกไ้ ขผลการเรียนของผ้เู รยี นได้
การเปล่ียนผล“มผ”
กรณที ่ีผเู้ รียนได้ผล “มผ” สถานศึกษาต้องจดั ซ่อมเสริมใหผ้ เู้ รยี นทำกจิ กรรมในส่วนท่ี
ผเู้ รียนไม่ไดเ้ ข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลี่ยนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทั้งนีด้ ำเนินการ
ใหเ้ สร็จส้นิ ภายในภาคเรียนนน้ั ๆ ยกเว้นมีเหตสุ ุดวสิ ยั ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาท่ีจะพจิ ารณา
ขยายเวลาออกไปอีกไม่เกนิ ๑ ภาคเรยี น สำหรับภาคเรยี นที่ ๒ ต้องดำเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปี
การศกึ ษาน้นั

๙๙

การเรยี นซำ้ ชั้น
ผู้เรียนที่ไมผ่ ่านรายวชิ าจำนวนมากและมแี นวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาตอ่ การเรยี นในระดับชั้น

ทส่ี ูงขน้ึ สถานศึกษา ต้องต้ังคณะกรรมการพจิ ารณาให้เรยี นซ้ำชนั้ ได้ ทัง้ นใี้ ห้คำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและ
ความรู้ความสามารถของผ้เู รยี นเป็นสำคญั

ผู้เรยี นที่ไมม่ ีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์การเลื่อนชน้ั สถานศกึ ษาควรใหเ้ รียนซ้ำชัน้ ท้ังน้ี
สถานศึกษาอาจใช้ดลุ ยพนิ จิ ใหเ้ ล่ือนช้ันได้ หากพจิ ารณาว่าผูเ้ รยี นมีคณุ สมบตั ิข้อใดข้อหน่งึ ดงั ต่อไปนี้

๑) มเี วลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ อนั เน่ืองจากสาเหตจุ ำเป็นหรอื เหตุสดุ วสิ ัย แตม่ ี
คณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์การเลือ่ นชัน้ ในขอ้ อ่ืนๆ ครบถว้ น

๒) ผู้เรยี นมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วัดไมถ่ ึงเกณฑ์ตามที่
สถานศึกษากำหนดในแต่ละรายวิชา แต่เห็นวา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปีการศึกษาน้ัน และมี
คณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์การเลอ่ื นชนั้ ในขอ้ อืน่ ๆ ครบถว้ น

๓) ผู้เรียนมผี ลการประเมินรายวชิ าในกลุม่ สาระภาษาไทย คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมอย่ใู นระดับผ่าน

ก่อนท่จี ะให้ผ้เู รยี นเรียนซำ้ ช้นั สถานศึกษาต้องแจ้งให้ผู้ปกครองและผเู้ รียนทราบเหตุผล
ของการเรยี นซ้ำช้นั

เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ี

เกี่ยวข้องกบั พฒั นาการของผเู้ รยี นในดา้ นต่าง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่กี ระทรวงศึกษาธิการกำหนด

๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน
ของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล
และออกเอกสารนใ้ี ห้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เม่ือผเู้ รยี นจบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา

๑.๓ แบบรายงานผสู้ ำเร็จการศกึ ษา เปน็ เอกสารอนุมตั กิ ารจบหลกั สูตรโดยบนั ทึกรายช่ือ
และข้อมูลของผจู้ บการศกึ ษาระดับประถมศึกษา

๑๐๐

๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาทสี่ ถานศึกษากำหนด
เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำขึ้นเพ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ

เก่ียวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียน
สะสม ใบรบั รองผลการเรียน และ เอกสารอ่ืนๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้

การเทียบโอนผลการเรยี น
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรยี นในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา

การเปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ
การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้
ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการ
ฝึกอบรมอาชพี การจัดการศกึ ษาโดยครอบครวั

การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดำเนินการในชว่ งก่อนเปดิ ภาคเรยี นแรก หรอื ต้นภาคเรียนแรก
ท่สี ถานศึกษารับผขู้ อเทียบโอนเปน็ ผูเ้ รยี น ท้ังน้ี ผ้เู รยี นที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษา
ตอ่ เนอื่ งในสถานศึกษาท่รี ับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาทร่ี บั ผูเ้ รียนจาก
การเทยี บโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกติ ที่จะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม

การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
๑. พจิ ารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอนื่ ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ
ของผูเ้ รียน
๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการต่างๆ ทั้งภาค
ความร้แู ละภาคปฏิบัติ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตใิ นสภาพจรงิ
การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏบิ ัติ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

การบริหารจัดการหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา

หลักสูตรน้ัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับ
สถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนา
หลักสูตรใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เพือ่ ให้การดำเนินการจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาและการจัดการ
เรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในระดับชาติคุณภาพของของผู้เรียนที่สำคัญ และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์

ระดบั ท้องถิน่ ได้แก่ สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา หนว่ ยงานตน้ สงั กดั อื่น ๆ เปน็ หน่วยงานทม่ี ี
บทบาทในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางท่ีจะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีกำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อ
นำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้
ประสบความสำเร็จ โดยมภี ารกจิ สำคัญ คอื กำหนดเปา้ หมายและจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ใน
ระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งท่ีเป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้

๑๐๑

ทอ้ งถน่ิ ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถ่ิน รวมทง้ั เพม่ิ พนู คุณภาพการใชห้ ลักสูตรดว้ ยการวจิ ัย
และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผล
คณุ ภาพของผ้เู รียน

สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้
หลักสูตร การเพม่ิ พูนคุณภาพการใช้หลักสตู รดว้ ยการวจิ ยั และพัฒนา การปรับปรงุ และพฒั นาหลักสูตร
จัดทำระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นท่ีการศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัด
อื่นๆ ในระดับท้องถ่ินได้จัดทำเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพ
ปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และความต้องการของผู้เรียน โดยทุกภาคส่วนเข้ามามี
สว่ นรว่ มในการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา


Click to View FlipBook Version