๔๐ ๒) เรียงคำถามตามหลักเหตุผล คำถามใดควรถามก่อนหลัง จัดไว้ ให้เหมาะสมเรียงลำดับเป็นลูกโซ่ และคำถามที่ดีควรถามคำถามประเด็นเดียว ๓) คำถามต้องสั้น กะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ ตัดคำพุ่มเฟือยหรือไม่ จำเป็นทิ้ง ๔) คำถามควรเป็นคำถามที่ดึงดูดความสนใจ ไม่เบื่อหน่ายแก่ ผู้ตอบ ๕) คำถามคำนึงถึงวัย ความสามารถ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ ตลอดจนการใช้ภาษาของผู้ตอบด้วย ๖) ข้อคำถามให้ตรงกับข้อปัญหาของการวิจัย ๗) หลีกเสี่ยงคำถามที่ทำให้ผู้ตอบอึดอัดใจ เช่น อายุ เพศ การหย่า ร้าง เป็นต้น ๘) การใช้คำถามไม่ทำให้ต้องคิดมาก ในกรณีข้อความเนื้อยาว อาจจะแบ่งเป็นคำถามย่อย ๆ ควรแจ้งให้ทราบว่าคำตอบไม่มีผิดหรือถูก ๙) หลีกเสี่ยงคำประเภทนามธรรม เช่น รวย จน ดี สวย เพราะคำ เหล่านี้การตีความของบุคคลจะแตกต่างกันมาก ๑๐) คำถามต้องไม่แคบเกินไป หรือมีขอบเขตจำกัด หรือไม่เป็น ปรัชญามากเกินไป จากการศึกษาการสร้างแบบสอบถามวัดความพึงพอใจข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า การสร้างแบบสอบถามที่ดีจะต้องผ่านกระบวนการที่ดีและถูกต้องตั้งแต่การศึกษาหลักเกณฑ์ในการ สร้างแบบสอบถาม การสร้างคำถาม การกำหนดรูปแบบ จึงจะได้แบบสอบถามที่ดีมีคุณค่า ดังนั้น แบบสอบถามจึงเป็นเครื่องมือที่ประกอบด้วยคำถามต่างๆ ที่ต้องการให้ผู้ตอบเกี่ยวกับความรู้สึก ความ คิดเห็นเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านจิตใจ ๒.๕.๕ ทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ ลูธันส์๔๐ กล่าวว่า การที่จะเกิดแรงจูงใจขึ้นในบุคคลจะประกอบด้วยขั้นตอนและ องค์ประกอบต่างๆ ซึ่งแรงจูงใจที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลจะประกอบด้วย องค์ประกอบที่สำคัญ ๓ ส่วนคือ ๑) ความต้องการ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเกิดความไม่สมดุล เช่น เมื่อ ร่างกายขาดน้ำ อาหาร ความต้องการทางเพศ หรือไม่ได้รับจากเพื่อนหรือหมู่คณะ ๔๐ Luthans, F, Organizational behavior, ( New York : MaGraw Hill, inc, 1995) : 85.
๔๑ ๒) แรงขับหรือแรงกระตุ้น เป็นพลังกระตุ้นที่เกิดขึ้นภายในร่างกายเพื่อ ระงับความต้องการเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย สิ่งนี้ถือเป็นหัวใจของ กระบวนการการจูงใจ ๓) เป้าหมาย เป็นสิ่งที่มาสนองความต้องการและลดแรงขับอันเป็น จุดสิ้นสุดของกระบวนการจูงใจ อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน๔๑ ได้รวบรวมกลุ่มทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจในรูปแบบ ของแรงจูงใจเป็น ๔ กลุ่ม ดังนี้ ๑) ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ ทฤษฎีนี้เขาได้เสนอความต้องการในด้าน ต่างๆ กันของมนุษย์เรียงลำดับจากความต้องการขั้นพื้นฐาน เพื่อการอยู่รอดไปจนถึงความต้องการ ทางสังคม ความต้องการยอมรับนับถือจากกลุ่มว่าตนมีคุณค่าและการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าขึ้น มาสโลว์ถือว่าการเรียงลำดับความต้องการนั้นมีความสำคัญ โดยมนุษย์จะมีความต้องการใน ระดับสูงๆได้ก็ต่อเมื่อความต้องการขั้นพื้นฐานได้รับการตอบสนองแล้ว ๒) ทฤษฎีการจูงใจการบำรุงรักษาของ เฮอร์เบิร์ท ได้กล่าวถึงปัจจัยการจูง ใจซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติงานด้านความพึงพอใจ ได้แก่ โอกาส ความสำเร็จ การยอมรับ ความ รับผิดชอบ ความเจริญก้าวหน้า และปัจจัยการบำรุงรักษาซึ่งเป็นตัวขัดขวางความพึงพอใจ ได้แก่ นโยบายองค์กร สถานภาพทำงาน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ๓) ทฤษฎีแรงจูงใจของแมคคลีแลนด์ซึ่งแบ่งความต้องการของมนุษย์เป็น ๓ ประเภท คือ ความต้องการความสำเร็จ ความต้องการมีอำนาจ ความต้องการความสัมพันธ์โดย ความต้องการความสำเร็จที่เรียกว่าแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์นั้น ถ้าบุคคลใดมีสูงจะมีความปรารถนาที่จะทำ สิ่งหนึ่งให้ลุล่วงไปด้วยดี และแข่งขันกันมาตรฐานอันดีเยี่ยม ๔) ทฤษฎีการคาดหวังของวรูม ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับแรงจูงใจในการ ทำงานของบุคคล จะประเมินความเป็นไปได้ของผลที่จะบังเกิดขึ้นแล้ว จึงดำเนินการปฏิบัติที่ตน คาดหวังไว้ การจูงใจขึ้นอยู่กับการคาดหวังของมนุษย์ต่อผลที่เกิดขึ้น ทฤษฎีการคาดหวังของวรูมนี้ ทำนายว่าบุคคลจะร่วมกิจกรรมที่เขาคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลหรือสิ่งต่างๆ ที่ปรารถนา จากการศึกษาทฤษฎีความพึงพอใจข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า มนุษย์มักจะปฏิบัติตน เพื่อให้ได้มาซึ่งความพึงพอใจซึ่งเป็นความรู้สึกของบุคคลในทางบวก ความชอบ ความสบายใจ ๔๑ อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน, ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการโครงการพัฒนาสถานี ตำรวจเพื่อประชาชนของตำรวจภูธร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น , วิทยานิพนธ์, (ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๓), หน้า ๓๗.
๔๒ ความสุขใจต่อสภาพแวดล้อมในด้านต่างๆ หรือเป็นความรู้สึกที่พอใจต่อสิ่งที่ทำให้เกิดความชอบ ความสบายใจและเป็นความรู้สึกที่บรรลุถึงความต้องการ ๒.๗ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สุชีรา จันครา และคณะ (๒๕๖๑)๔๒ ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยใช้ กระบวนการ GPAS และการประเมินเพื่อการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) สังกัดกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัย พบว่า เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองการใช้กระบวนการ GPAS และการประเมินเพื่อการเรียนรู้พัฒนา ทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนให้สูงขึ้น โดยมีค่าดัชนีประสิทธิผลของคะแนนทักษะการคิด วิเคราะห์ก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ ๐.๔๘๗๗ ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๔๘.๗๗ และทักษะการคิดวิเคราะห์หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .๐๑ คนึงนิตย์ ดีพันธ์ และคณะ (๒๕๖๒)๔๓ ได้ศึกษาเรื่อง ผลการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ที่มีต่อความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรีผลการวิจัยพบว่า ๑) ความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัฐยมศึกษาปีที่ ๕ ที่ได้รับจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ ๒) นักเรียนมีความพึง พอใจในการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS อยู่ในระดับมาก พรพรรณ ศรีหาวงศ์ (๒๕๖๒) ๔๔ ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS ๕ Steps ผลการวิจัย พบว่า ๑) ผลเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ด้วยการ จัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระตับ ๐.๐๕ ๒) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ๔๒ สุชีรา จันครา และคณะ, การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการ GPAS และการ ประเมินเพื่อการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) สังกัดกรุงเทพมหานคร, (กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๖๑), หน้า ๒๐๔. ๔๓ คนึงนิตย์ ดีพันธ์ และคณะ, ผลการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ที่มีต่อความสามารถในการ อ่านอย่างมีวิจารณญาณและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน เบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี, (กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๖๒), หน้า ๑๐๘. ๔๔ พรพรรณ ศรีหาวงศ์, การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps, (สมุทรสาคร : อ้อมน้อย, ๒๕๖๒), หน้า ๓๒๔.
๔๓ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ด้วยการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS ๕ Steps ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๒ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ๓) ความคิดเห็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS ๕ Steps โดย ภาพรวมอยู่ในระดับมาก รัฐพงษ์ ศิริวิริยานันท์(๒๕๖๓) ๔๕ ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคม ศึกษา เรื่อง ทวีปยุโรป สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยใช้กระบวนการ GPAS ๕ Steps ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เรื่องทวีปยุโรป ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยใช้กระบวนการ GPAS ๕ Steps มีประสิทธิภาพ เท่ากับ ๘๑.๑๗/๘๕.๑๓ ซึ่งสูง กว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ดัชนีประสิทธิผล มีค่าเท่ากับ ๐.๗๐๔๑ หมายความว่า นักเรียนมีะแนนหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๑ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคม ศึกษา เรื่องทวีปยุโรป ของนักเรียนชั้นมัธยมตึกษาปีที่ ๒ โดยใช้กระบวนการ GPAS ๕ Steps หลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีความ ความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอน วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปยุโรป โดยใช้กระบวนการ GPAS ๕ Steps ในระดับมากที่สุด รัชดาภรณ์ ไชยวิวิช และคณะ (๒๕๖๔) ๔๖ ได้ศึกษาเรื่อง ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS ที่มีต่อเจตคติด้านสิ่งแวดล้อมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มนุษย์กับการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏว ไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ผลการวิจัยพบว่า หลังเรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ ร้อยละ ๗๐ คิดเป็นคะแนน หลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๗๓.๓๓ และมีเจตคติต้านสิ่งแวดล้อมสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระตับ .๐๑ โดยนักเรียนส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๘๓.๓๓) มีเจตคติด้านสิ่งแวดล้อมในระดับปาน กลาง ๔๕ รัฐพงษ์ ศิริวิริยานันท์, การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปยุโรป สําหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps, (อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยราชธานี, ๒๕๖๓), หน้า ๑๐๓. ๔๖ รัชดาภรณ์ ไชยวิวิช และคณะ, ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ที่มีต่อเจตคติด้าน สิ่งแวดล้อมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มนุษย์กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์, (ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์, ๒๕๖๔), หน้า ๑๓๕.
๔๔ ๒.๘ กรอบแนวคิดการวิจัย ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ๕ Steps เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ สำหรับนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ ดังนี้ ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ภาพที่ ๒.๑ กรอบแนวคิดการวิจัย การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps ๑. G ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล (Gathering) ๒. P ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ (Processing) ๓. A ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) ๔. A ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) ๕. S ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิต สาธารณะ (Self-Regulating) (ตามแนวคิดของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)) ๑. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ๓. ความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps
บทที่ ๓ ระเบียบวิธีวิจัย ในการวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ๓.๑ รูปแบบการวิจัย ๓.๒ กลุ่มเป้าหมาย ๓.๓ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล ๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล ๓.๖ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ๓.๑ รูปแบบการวิจัย การศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ (บ้าน สำราญ-เพี้ยฟาน) ตำบลสำราญ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มีรูปแบบการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) ๓.๒ กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ (บ้านสำราญ-เพี้ยฟาน) ตำบลสำราญ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๒๕ คน โดยเลือกแบบเจาะจง
๔๖ ๓.๓ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๓.๓.๑ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ๑) แผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดทำโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๓ แผน ๓ ชั่วโมง ประกอบด้วย ๑.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา ๑.๒ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศธรรม ๑.๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง โปรด พระเจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และการแสดงโอวาทปาติโมกข์ ๒) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๒๐ ข้อ โดยข้อสอบเป็นแบบปรนัย ๔ ตัวเลือก ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๔ จำนวน ๓๐ ข้อ โดยข้อสอบเป็นแบบปรนัย ๔ ตัวเลือก ๔) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อ การจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps โดยวัดความพึงพอใจ ๕ ระดับ จำนวน ๑๐ ข้อ ๓.๓.๒ การสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๑) การสร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Stepsหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธ ประวัติฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๔ จำนวน ๓ แผน โดยมีขั้นตอนการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ดังนี้ ขั้นที่ ๑ ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และ หลักสูตรสถานศึกษา เพื่อวิเคราะห์ในส่วนของหลักการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
๔๗ ขั้นที่ ๒ ศึกษาหลักการ วิธีสอน โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นที่ ๓ สร้างแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธ ประวัติฯ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จำนวน ๓ แผน ๓ คาบเรียน โดย องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย ๑) มาตรฐานการเรียนรู้ ๒) ตัวชี้วัด ๓) ข้อสรุป ทั่วไป ๔) จุดประสงค์การเรียนรู้ ๕) สาระการเรียนรู้ ๖) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๗) การวัดและ ประเมินผล ๘) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ๙) สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐) แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม ๑๑) ภาคผนวกประกอบด้วย ใบความรู้ ใบงาน แบบประเมินจากภาระงาน/ชิ้นงาน และสื่อการเรียนรู้ ขั้นที่ ๔ นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นเสนออาจารย์ที่ปรึกษา ตรวจสอบและ เสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไข โดยได้มีการปรับแก้กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้ถูกต้องตามขั้นตอนใน การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps และเพิ่มเติมสาระการเรียนรู้ให้ ครบถ้วน ขั้นที่ ๕ นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นและได้ปรับปรุงแล้วนำเสนอผู้เชี่ยวชาญ ตามความเหมาะสม เสนอผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๓ คน ประกอบด้วยด้านเนื้อหา ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมินผล พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยหาดัชนีความ สอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ ๐ ไม่แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีความ สอดคล้องกับจุดประสงค์ -๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ๓ ท่าน ได้แก่ ๑) ผศ. อนุสรณ์ นางทะราช ๒) อาจารย์กนกวรรณ ประจันตะเสน ๓) คุณครูมะลิวรรณ ภูแช่มโชติโดยมีค่า IOC อยู่ระหว่าง ๐.๖๖ - ๑.๐๐ ขั้นที่ ๖ ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยได้มี การปรับแก้จำนวนชั่วโมงของแต่ละแผนให้เท่ากัน คือ ๑ ชั่วโมง ปรับแก้กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้ มีความสมบูรณ์ และเพิ่มเติมสื่อ/แหล่งการเรียนรู้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์
๔๘ ขั้นที่ ๗ นำแผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธ ประวัติฯ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ไปใช้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย ๒) การสร้างและหาประสิทธิภาพแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด วิเคราะห์ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศธรรม พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่ น้อง โปรดพระเจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และการแสดงโอวาทปาติโมกข์ เป็น แบบทดสอบแบบปรนัยชนิด ๔ ตัวเลือก มีทั้งหมด ๒๐ ข้อ มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้ ขั้นที่ ๑ ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อ วิเคราะห์ในส่วนของการวัดและประเมินผล และสร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ขั้นที่ ๒ วิเคราะห์หลักสูตรตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด วิเคราะห์เนื้อหา ผลการ เรียนรู้ที่คาดหวัง ขั้นที่ ๓ ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล ขั้นที่ ๔ สร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความสำคัญ ของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ โดยผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบ แบบปรนัย ๔ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศ ธรรม พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง โปรดพระเจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และ การแสดงโอวาทปาติโมกข์ ขั้นที่ ๕ นำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ที่สร้างขึ้นให้อาจารย์ที่ปรึกษา ตรวจสอบความถูกต้องและ ปรับปรุงแก้ไข ขั้นที่ ๖ นำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเสนอ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๓ คน ประกอบด้วยด้านเนื้อหา ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการวัดและ ประเมินผล พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยหาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด วิเคราะห์ มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ ๐ หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์
๔๙ -๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ๓ ท่าน ได้แก่ ๑) ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช ๒) อาจารย์กนกวรรณ ประจันตะเสน ๓) คุณครูมะลิวรรณ ภูแช่ม โชติซึ่งมีค่าระหว่าง ๐.๖๖ - ๑.๐๐ ขั้นที่ ๗ นำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง วิธีการทาง ประวัติศาสตร์ มาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยได้มีการปรับแก้ข้อคำถามและ ตัวเลือกให้มีความถูกต้องและมีความเหมาะสมในด้านของภาษาและเลือกแบบทดสอบให้เหลือ ๒๐ ข้อ และนำไปทดสอบกับกลุ่มนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย โรงเรียนไทยรับวิทยา ๘๔ เพื่อหาเฉลี่ย ความยากง่าย (P) และค่าอำนาจจำแนก (r) ขั้นที่ ๘ นำผลคะแนนมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยความยากง่าย (P) และค่าอำนาจ จำแนก (r) ของข้อสอบแต่ละข้อ แล้วคัดเลือกเอาข้อคำถามที่มีความยากง่ายระหว่าง ๐.๖๑-๐.๘๒ และ ค่าอำนาจจำแนก อยู่ระหว่าง ๐.๒๑ - ๐.๔๓ และมีค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบ (KR๒๐) เท่ากับ ๐.๓๐ ขั้นที่ ๙ จัดทำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ให้สมบูรณ์ และ นำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ๓) การสร้างและหาประสิทธิภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศธรรม พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง โปรดพระ เจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และการแสดงโอวาทปาติโมกข์เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด ๔ ตัวเลือก มีทั้งหมด ๓๐ ข้อ มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้ ขั้นที่ ๑ ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อ วิเคราะห์ในส่วนของการวัดและประเมินผล และสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ขั้นที่ ๒ วิเคราะห์หลักสูตรตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด วิเคราะห์เนื้อหา ผลการ เรียนรู้ที่คาดหวัง ขั้นที่ ๓ ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล ขั้นที่ ๔ สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ โดยผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบ แบบปรนัย ๔ ตัวเลือก จำนวน ๔๐
๕๐ ข้อ ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศธรรม พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง โปรดพระเจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และการ แสดงโอวาทปาติโมกข์ ขั้นที่ ๕ นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ ที่สร้างขึ้นให้อาจารย์ที่ปรึกษา ตรวจสอบความถูกต้องและปรับปรุงแก้ไข ขั้นที่ ๖ นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เสนอ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๓ คน ประกอบด้วยด้านเนื้อหา ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้านการวัดและ ประเมินผล พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยหาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ ๐ หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ -๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญ ของพระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ๓ ท่าน ได้แก่ ๑) ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช ๒) อาจารย์กนกวรรณ ประจันตะเสน ๓) คุณครูมะลิวรรณ ภูแช่มโชติ ซึ่งมีค่า ระหว่าง ๐.๖๗ - ๑.๐๐ ขั้นที่ ๗ นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ มาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยได้มีการ ปรับแก้ข้อคำถามและตัวเลือกให้มีความถูกต้องและมีความเหมาะสมในด้านของภาษา และเลือก แบบทดสอบให้เหลือ ๓๐ ข้อ และนำไปทดสอบกับกลุ่มนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย โรงเรียนไทยรัฐ วิทยา ๘๔ เพื่อหาเฉลี่ยความยากง่าย (P) และค่าอำนาจจำแนก (r) ขั้นที่ ๘ นำผลคะแนนมาวิเคราะห์หาค่าความยากง่าย (P) และค่าอำนาจจำแนก (r) ของข้อสอบแต่ละข้อ แล้วคัดเลือกเอาข้อคำถามที่มีความยากง่ายระหว่าง ๐.๕๗ - ๐.๗๕ และค่า อำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง ๐.๒๑ - ๐.๓๖ และมีค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบ (KR๒o) เท่ากับ ๑.๐๔ ขั้นที่ ๙ จัดทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติฯ ให้สมบูรณ์ และนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย
๕๑ ๔) การสร้างและหาประสิทธิภาพแบบสอบถามความพึงพอใจโดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps แบบสอบถามความพึงพอใจการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps มีทั้งหมด ๑๐ ข้อ มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้ ขั้นที่ ๑ ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวิธีการสร้าง แบบสอบถามความพึงพอใจ เพื่อเป็นกรอบในการสร้างคำถาม ขั้นที่ ๒ สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ โดยใช้ข้อคำถามแบบมาตราส่วนประมาณ ค่า ๕ ระดับ ดังนี้ ๔.๕๑ - ๕.๐๐ หมายถึง มีความพึงพอใจมากที่สุด ๓.๕๑ - ๔.๕๐ หมายถึง มีความพึงพอใจมาก ๒.๕๑ - ๓.๕๐ หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง ๑.๕๑ - ๒.๕๐ หมายถึง มีความพึงพอใจน้อย ๑.๐๐ - ๑.๕๐ หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยที่สุด ขั้นที่ ๓ นำแบบสอบถามความพึงพอใจ ที่สร้างขึ้นให้อาจารย์ที่ปรึกษา ตรวจสอบ ความถูกต้องและปรับปรุงแก้ไข ขั้นที่ ๔ นำแบบสอบถามความพึงพอใจ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เสนอผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๓ คน พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยหาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับ จุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบสอบถามความพึงพอใจ มีความ สอดคล้อง ๐ หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบสอบถามความพึงพอใจ มีความ สอดคล้อง -๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อคำถามของแบบสอบถามความพึงพอใจ ไม่ สอดคล้อง ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบสอบถามความพึงพอใจ จากการตรวจสอบของ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ๓ ท่าน ได้แก่ ๑) ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช ๒) อาจารย์กนกวรรณ ประจันตะเสน ๓) คุณครูมะลิวรรณ์ภูแช่มโชติซึ่งมีค่าระหว่าง ๐.๖๖ - ๑.๐๐ ขั้นที่ ๕ นำแบบสอบถามความพึงพอใจ มาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของ ผู้เชี่ยวชาญ โดยได้มีการปรับแก้ข้อคำถามและตัวเลือกให้มีความถูกต้องและมีความเหมาะสมในด้าน ของภาษา
๕๒ ขั้นที่ ๖ นำแบบสอบถามความพึงพอใจ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน ๑๐ ข้อไปใช้กับ กลุ่มเป้าหมาย ๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการทดลองผู้วิจัยได้ทำการทดลอง และเก็บข้อมูลในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ รวม ๓ สัปดาห์โดยผู้วิจัยแบ่งออกเป็น ๓ ขั้นตอน ดังนี้ ๓.๔.๑ ขั้นเตรียมก่อนการทดลอง ๑. ดำเนินการสร้างเครื่องมือการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ ๑.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๓ แผน ดังนี้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง พุทธประวัติ สรุปพุทธประวัติ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่ น้อง โปรดพระเจ้าพิมพิสาร การแต่งตั้งพระอัครสาวก และการแสดงโอวาทปาติโมกข์ ๑.๒ แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จำนวน ๒๐ ข้อ ๑.๓ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ ๑.๔ แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ ๓.๔.๒ ขั้นสอน ๑. ผู้วิจัยชี้แจงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ และเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนก่อนการ ทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ๒. ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ประกอบด้วยการเข้าสู่บทเรียน แนะนำ เนื้อหา แนะนำแหล่งข้อมูล และมอบหมายงานให้กับนักเรียน ๓. ขั้นตรวจสอบผลงานเป็นการตรวจสอบว่าผู้เรียนได้ปฏิบัติครบถ้วน พร้อมให้ นักเรียนออกมานำเสนอผลงานที่ได้รับมอบหมาย ๔. ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการทำงาน ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียน หลังจากผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้
๕๓ ๓.๔.๓ ขั้นสรุป หลังจากผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้ ให้นักเรียนทำ ๑. แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ จำนวน ๒๐ ข้อ ๒. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ ๓. แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ ๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ ๑. วิเคราะห์ผลความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อนำไปเทียบกับเกณฑ์ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีคะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. วิเคราะห์ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อนำไปเทียบกับเกณฑ์ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีคะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๓. วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียน โดยหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ๓.๖ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ดังนี้ ๑. การหาค่าร้อยละ (Percentage) ๒. การหาค่าเฉลี่ย (x̅) ๓. การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ สามารถนำเสนอผล การวิเคราะห์ข้อมูลได้ ดังนี้ ๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐ วิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ๔.๓ ผลศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ๔.๔ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย ๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps หลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครบทั้ง ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ให้ นักเรียนทำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ซึ่งรูปแบบข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัย จำนวน ๒๐ ข้อ โดยใช้เกณฑ์การผ่านร้อยละ ๘๐ ของคะแนนเต็ม และจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ไม่
๕๕ น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนทั้งหมด ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของคะแนนวัดความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ ดังแสดงในตารางที่ ๔.๑ ตารางที่ ๔.๑ แสดงผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จำนวน นักเรียน ทั้งหมด (คน) คะแนน จำนวนนักเรียน ที่ผ่านเกณฑ์ จำนวนนักเรียน ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คะแนน เต็ม ผ่าน เกณฑ์ ̅ S.D. ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ ๒๕ ๒๐ ๑๖ ๑๗.๖๕ ๑.๖๖ ๘๘.๒๕ ๒๓ ๙๒ ๒ ๘ จากตารางที่ ๔.๑ ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps พบว่า มีนักเรียนที่ทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ จำนวน ๒๓ คน คิดเป็น ร้อยละ ๙๒ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และมีคะแนนความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคือ ๑๗.๖๕ จากคะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๒๕ ๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครบทั้ง ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ให้นักเรียน ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งรูปแบบข้อสอบเป็นข้อสอบแบบปรนัย จำนวน ๓๐ ข้อ โดยใช้เกณฑ์การผ่านร้อยละ ๘๐ ของคะแนนเต็ม และจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนทั้งหมด ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดังแสดงใน ตารางที่ ๔.๒
๕๖ ตารางที่ ๔.๒ แสดงผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จำนวน นักเรียน ทั้งหมด (คน) คะแนน จำนวนนักเรียน ที่ผ่านเกณฑ์ จำนวนนักเรียน ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ คะแนน เต็ม ผ่าน เกณฑ์ ̅ S.D. ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ ๒๕ ๓๐ ๒๔ ๒๗.๔๒ ๑.๘๒ ๙๑.๔ ๒๑ ๘๔ ๔ ๑๖ จากตารางที่ ๔.๒ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps พบว่า มีนักเรียน ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ จำนวน ๒๑ คน จากนักเรียนทั้งหมด ๒๕ คน คิดเป็นร้อย ละ ๘๔ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับ ๒๗.๔๒ จาก คะแนนเต็ม ๓๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๔ ๔.๓ ผลศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครบทั้ง ๓ แผน ผู้วิจัยให้นักเรียนทำแบบประเมินความพึง พอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps โดยมีคำถามทั้งสิ้นจำนวน ๑๐ ข้อ ดังตารางที่ ๔.๓
๕๗ ตารางที่ ๔.๓ แสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ข้อที่ รายการที่ประเมิน ̅ S.D. แปรผล ๑ คำแนะนำในการจัดกิจกรรมชัดเจนและเข้าใจง่าย ๔.๘๕ ๐.๓๗ มากที่สุด ๒ เนื้อหาเหมาะสมกับนักเรียน ๔.๖๒ ๐.๕๐ มากที่สุด ๓ การนำเสนอเนื้อหามีลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม ๔.๙๒ ๐.๒๗ มากที่สุด ๔ เปิดโอกาสให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเอง ๔.๘๘ ๐.๓๓ มากที่สุด ๕ นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการเรียนใน ระดับชั้นที่สูงขึ้น ๔.๙๖ ๐.๒๐ มากที่สุด ๖ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำงาน ๔.๘๕ ๐.๓๗ มากที่สุด ๗ เนื้อหาที่สอนมีความเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ๔.๙๒ ๐.๒๗ มากที่สุด ๘ วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมมีความ เหมาะสม ๔.๘๘ ๐.๓๓ มากที่สุด ๙ รูปแบบการสอนน่าสนใจ ภาพประกอบสวยงาม ๔.๘๑ ๐.๔๐ มากที่สุด ๑๐ จำนวนข้อคำถามท้ายกิจกรรมมีความเหมาะสม ๔.๘๕ ๐.๓๗ มากที่สุด จากตารางที่ ๔.๓ ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน ไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญ ของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps โดยรวม พบว่า พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (̅=๔.๘๕, S.D.=๐.๓๔) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า นักเรียน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือนักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไป ใช้ในการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น (̅=๔.๙๖, S.D.=๐.๒๐), รองลงมาคือ เนื้อหาที่สอนมีความ เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน และการนำเสนอเนื้อหามีลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม (̅=๔.๙๒, S.D.= ๐.๒๗ ), เปิดโอกาสให้นักเรียนศึกษาด้วยตนเองและวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมมีความ เหมาะสม (̅=๔.๘๘, S.D.=๐.๓๓), คำแนะนำในการจัดกิจกรรมชัดเจนและเข้าใจง่าย และเปิดโอกาส ให้นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำงาน และจำนวนข้อคำถามท้ายกิจกรรมมีความเหมาะสม (̅=
๕๘ ๔.๘๕, S.D.=๐.๓๗), รูปแบบการสอนน่าสนใจ ภาพประกอบสวยงาม (̅=๔.๘๑, S.D.=๐.๔๐), และ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือเนื้อหาเหมาะสมกับนักเรียน (̅=๔.๖๒, S.D.=๐.๕๐) ๔.๔ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย จากการศึกษาเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ผู้วิจัยได้สรุปเป็นองค์ความรู้ คือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps เป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่จะใช้ในการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์เนื่องจากการจัดการ เรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการจัดการ เรียนรู้ โดยให้นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง สามารถที่จะสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง กระตุ้นให้นักเรียนมีความอยากรู้อยากเห็น สามารถที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหา สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้จากกระบวนการเหล่านี้ จะตกผลึกภายในตัวของผู้เรียน และแปร เปลี่ยนเป็นตัวตนและบุคลิกภาพของผู้เรียน ที่จะสะท้อนออกมาในรูปแบบของผลงานต่าง ๆ เพิ่มพูน ทักษะในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐ วิทยา ๘๔ เป็นวิจัยเชิงทดลอง โดยมีวัตถุประสงค์ในการวิจัย คือ ๑) เพื่อพัฒนาความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และ พุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องความสำคัญ ของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีคะแนนไม่ น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียน ไทยรัฐวิทยา ๘๔ ต่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญ ของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ผลการวิจัยที่ได้ นำไปสู่การสรุปผลการวิจัย การอภิปรายผลการวิจัยและข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ๕.๑ สรุปผลการวิจัย ๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย ๕.๓ ข้อเสนอแนะ ๕.๑ สรุปผลการวิจัย จากการนำรูปแบบการวิจัยเชิงทดลองมาใช้เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของ
๖๐ พระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ โดย ได้ทำการทดลองการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด ๓ แผน และผลการวิจัยแบ่งออกเป็น ๓ ข้อดังนี้ ๕.๑.๑ ผลการวิเคราะห์การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ พบว่า มีนักเรียน ทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ จำนวน ๒๓ คน จากนักเรียนทั้งหมด ๒๕ คน คิด เป็นร้อยละ ๙๒ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์โดยเฉลี่ย คือ ๑๗.๖๕ จากคะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๒๕ ๕.๑.๒ ผลจากการใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า มีนักเรียนทดสอบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์จำนวน ๒๑ คน จากนักเรียนทั้งหมด ๒๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๔ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับ ๒๗.๔๒ จากคะแนน เต็ม ๓๐ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๔ ๕.๑.๓ ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Stepsอยู่ในระดับ มากที่สุด (x̅= ๔.๘๕, S.D.= ๐.๓๔) ๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย การวิจัยเพื่อการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ ซึ่งอภิปรายผลได้ดังนี้ ๑. ผลการวิเคราะห์การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า ผู้เรียน มีคะแนนการคิดวิเคราะห์เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ กลุ่มสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นักเรียนมีคะแนนการคิดวิเคราะห์ร้อยละ ๘๘.๒๕ มี จำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๙๒ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ตั้งไว้ ซึ่งผลการวิจัยใน ครั้งนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุชีรา จันครา และคณะ (๒๕๖๑) ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการ GPAS และการประเมินเพื่อการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) สังกัด กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัย พบว่า เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองการใช้กระบวนการ GPAS และการ ประเมินเพื่อการเรียนรู้ พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนให้สูงขึ้น โดยมีค่าดัชนีประสิทธิผล ของคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ ๐.๔๘๗๗ ซึ่งแสดงว่านักเรียนมี ทักษะการคิดวิเคราะห์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๘.๗๗ และทักษะการคิดวิเคราะห์หลังการทดลองสูงกว่าก่อน
๖๑ การทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ เพราะคะแนนของการทำแบบทดสอบของนักเรียน และจำนวนของนักเรียนที่สอบผ่านสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ๒. ผลจากการใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่า ผู้เรียนมีคะแนน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ ๙๑.๔ และมีจำนวน นักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๔ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ตั้งไว้เนื่องจากผู้เรียนที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps มีบรรยากาศการเรียนการ สอนเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้ผู้เรียนอยาก คิดวิเคราะห์ ค้นคว้าหาความรู้ครูผู้สอนและผู้เรียนต่างมี บทบาทในการสร้างบรรยากาศ ครูเป็นผู้ริเริ่มสร้างบรรยากาศ ผู้เรียนเป็นผู้ตอบสนอง และเพิ่มสีสัน ให้กับบรรยากาศการเรียนการสอนให้เป็นไปในรูปแบบต่าง ๆ เมื่อผู้เรียนเกิดปัญหาสงสัยใคร่รู้นำ ไปสู่ การศึกษาค้นคว้าหรือสำรวจตรวจสอบต่อไป จะทำให้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ หาความรู้ที่ ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ เรียกว่ากระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ส่งผลให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้โอกาสผู้เรียนได้ แสดงความคิด เพื่อขยายความรู้ที่ได้เรียนอย่างเต็มที่ ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps จึงมีส่วนสำคัญที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ งานวิจัยของ รัชดาภรณ์ ไชยวิวิช และคณะ (๒๕๖๔) ได้ศึกษาเรื่อง ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS ที่มีต่อเจตคติด้านสิ่งแวดล้อมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มนุษย์กับการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏว ไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ผลการวิจัยพบว่า หลังเรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด คือ ร้อยละ ๗๐ คิดเป็นคะแนน หลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๗๓.๓๓ และมีเจตคติต้านสิ่งแวดล้อมสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับบ .๐๑ โดยนักเรียนส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๘๓.๓๓) มีเจตคติด้านสิ่งแวดล้อมในระดับปาน กลาง ๓. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps พบว่า โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps อยู่ในระดับ มากที่สุด (x̅ = ๔.๘๕, S.D.= ๐.๓๔) อาจจะเป็นเพราะการ จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการ จัดการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนเป็นผู้คิดวิเคราะห์ ลงมือปฏิบัติจริง ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่ง สอดคล้องกับ สนิท เหลืองบุตรนาค ๒๕๕๙ ได้ให้ความหมาย ความพึงพอใจ หมายถึง ท่าที่ความรู้สึก
๖๒ ความคิดเห็นที่มีผลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ภายหลังจากที่ได้รับประสบการณ์ในสิ่งนั้นมาแล้วในลักษณะ ทางบวกคือ พอใจ นิยม ชอบ สนับสนุนหรือมีเจตคติที่ดีต่อบุคคล เมื่อรับตอบสนองความต้องการ ในทางเดียวกัน หากได้รับการตอบสนองความต้องการจะเกิดความไม่พอใจเกิดขึ้นสอดคล้องกับ คณิต ดวงหัสดี ๒๕๕๗ ให้ความหมายไว้ว่า เป็นความรู้สึกชอบ หรือพอใจของบุคคลที่มีต่อการทำงานและ องค์ประกอบหรือสิ่งจูงใจอื่นๆ ถ้างานที่ทำหรือองค์ประกอบเหล่านั้นตอบสนองความต้องการของ บุคคลได้บุคคลนั้น จะเกิดความพึงพอใจในงานขึ้นจะอุทิศเวลาแรงกายแรงใจรวมทั้งสติปัญญาให้แก่ งานของตนให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีคุณภาพ ๕.๓ ข้อเสนอแนะ ๕.๓.๑ ข้อเสนอแนะของการนำผลการวิจัยไปใช้ ๑) ควรมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ไปประยุกต์กับวิชาอื่นๆ เพื่อฝึกให้นักเรียนได้รู้จักการเรียนรู้ด้วยตนเอง ๒) ควรนำข่าวสารที่เป็นจริงและข่าวที่เป็นเท็จที่เป็นเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นใน ชีวิตประจำวันเช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต เป็นต้น มาใช้ประกอบการทำกิจกรรมในชั้น เรียน เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกในการฝึกคิดวิเคราะห์ ๕.๓.๒ ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป ๑) ควรมีการเปรียบเทียบการสอนโดยใช้รูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ทราบข้อแตกต่างใน การพัฒนาทักษะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และมีการเปรียบเทียบในแต่ละด้านของการคิด วิเคราะห์ ๒) ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ไปบูรณาการกับการเรียนการสอนในรายวิชาอื่นๆ ร่วมกับการใช้ เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเพื่อดึงดูดความสนใจในการเรียนรู้ของผู้เรียน
๖๓ บรรณานุกรม กนกวรรณ โพธิ์ทอง. พัฒนาการสอน. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๔๔. กรมวิชาการ. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๕. กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา. ทักษะการคิดวิเคราะห์. [ออนไลน์]. ๒๕๕๐. แหล่งที่มา : https://www. google.co.th. สืบค้นเมื่อ : ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖. กระทรวงการศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๒. กาญจนา อรุณสอนศรี. ความพึงพอใจของสมาชิกสหกรณ์ต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ การเกษตรไชยปราการจำกัด อำเภอชัยปราการ จังหวัดเขียงใหม่. วิทยานิพนธ์. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๕๖. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking). กรุงเทพฯ : ซัคเชสมีเดีย, ๒๕๕๓. คณิต ดวงหัสดี. สุขภาพจิตกับความพี่งพอใจในงานของข้าราชการตำรวจขั้นประทวนในเขตเมือง และเขตชนบทของจังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๗. คนึงนิตย์ ดีพันธ์ และคณะ. ผลการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ที่มีต่อความสามารถในการ อ่านอย่างมีวิจารณญาณและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย ศิลปากร, ๒๕๖๒. จันทรา ตันติพงศานุรักษ์. การจัดการเรียนการสอนที่ (เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ). กรุงเทพฯ : เดอะ มาสเตอร์กรุ๊ป, ๒๕๔๔. ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน. การพัฒนารูปแบบการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนตามแนวคิด GPAS 5 Steps เพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ระดับปฐมวัย ในยุคไทยแลนด์ 4.0. ชัยภูมิ : ราช ภัฏชัยภูมิ, ๒๕๖๔. ชวาล แพรัตกุล. ทักษะกระบวนการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๕๒. ชาติ แจ่มนุช. สอนอย่างไรให้คิดเป็น. กรุงเทพฯ : เสี่ยงเซียง, ๒๕๕๕. ณัฐพล ขันธไชย. แนวความคิดและทฤษฎีในการพัฒนาประเทศและการพัฒนาชนบทในการ บริหารงานพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ : โอเดี้ยนสโตร์, ๒๕๒๗.
๖๔ ทิศนา แขมมณี. การคิดและการสอนเพื่อพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนา คุณภาพวิชาการ, ๒๕๔๕. นรรัชต์ ฝันเชียร. กระบวนการพัฒนาการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS. [ออนไลน์]. ๒๕๖๔. แหล่งที่มา : https://www.trueplookpanya.com/education/content/90844. สืบค้นเมื่อ : ๒๑ มกราคม ๒๕๖๖. ปกรณ์ ปรียากร. ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาในการบริหารการพัฒนา. กรุงเทพฯ : สาม เจริญพานิช, ๒๕๓๘. ปรีดาวรรณ อ่อนนางใย. การสร้างแบบทดสอบวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต (สาขาวิชาการวัดผลการศึกษา). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๕. พรพรรณ ศรีหาวงศ์. การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps. สมุทรสาคร : อ้อมน้อย, ๒๕๖๒. พระพรหมคุณาภรณ์. พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ : การศึกษาเพื่อ สันติภาพพระธรรมปิฏก, ๒๕๔๘. พระราชวรมุนี (ประยุทธ์ปยุตฺโต). ทางสายกลางของการศึกษาไทย. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๓๐. ไพศาล หวังพานิช. การวัดผลการศึกษา. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๕๙. ภพ เลาหไพบูลย์. รูปแบบการจัดการศึกษาต่อเนื่องในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน. วิทยานิพนธ์. การศึกษาดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๐. ภัทรา นิคมานนท์. การประเมินผลการเรียน. กรุงเทพฯ : ทิพยวิสุทธ์, ๒๕๕๓. เยาวดี วิบูลศรี. การประเมินโครงการแนวคิดและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๐. รัชดาภรณ์ ไชยวิวิช และคณะ. ผลของการใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS ที่มีต่อเจตคติด้าน สิ่งแวดล้อมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มนุษย์กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ใน พระบรมราชูปถัมภ์. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์, ๒๕๖๔.
๖๕ รัฐพงษ์ ศิริวิริยานันท์. การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เรื่อง ทวีปยุโรป สําหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps. อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยราชธานี, ๒๕๖๓. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์ พับลิเคชั่นส์, ๒๕๔๖. วรรณา โรจนะบุรานนท์. การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศูนย์วิจัยและ พัฒนาการศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิจัยและ ประเมินผลการศึกษา). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๕๗. วัฒนาพร ระงับทุกข์. วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์, ๒๕๔๒. วันเพ็ญ บุญชุม. ศึกษาผลของการเรียนแบบร่วมมือแบบบูรณาการการอ่านและการเขียนที่มีต่อ ความเข้าใจในการอ่านและเจตคติต่อการอ่านของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ไทยศรี, ๒๕๖๐. วุฒิไกร เที่ยงดี. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓ ของจังหวัดกาฬสินธุ์. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๔๙. ศศิกานต์ หลวงนุช. การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ด้วยการจัดการเรียนรู้GPAS 5 Steps. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๖๔. สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. วิทยากรการประเมินทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๖. สนิท เหลืองบุตรนาค. ความพึงพอใจของนักศึกษาโรงการฝึกอบรมครูบุคลากรทางการศึกษา ประจำการระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกเกษตรศาสตร์ ที่มีผลต่อการเรียน วิชาขยายพันธุ์พืชของสหวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๕๙. สาโรช ไสยสมบัติ. การวัดความพึงพอใจ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพาณิช, ๒๕๕๓. สุชีรา จันครา และคณะ. การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยใช้กระบวนการ GPAS และการ ประเมินเพื่อการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) สังกัดกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๖๑.
๖๖ สุนทรี วัฒนพันธุ์. การพัฒนารูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ระดับมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขาวิชาหลักสูตรและการ สอน). มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์, ๒๕๕๕. สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์. ทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน. นนทบุรี : ซีซีนอลลิท ลิงค์, ๒๕๕๐. สุวิมล ติรการนันท์. หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา. กรุงเทพฯ : เฮ้าส์ออฟเคอร์, ๒๕๕๐. อารมณ์ เพชรชื่น. เทคนิคการวัดและประเมินผลการศึกษาระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๗. อารี สัณหฉวี. การออกแบบการสอนและบูรณาการ. นครปฐม : เพชรเกษมการพิมพ์, ๒๕๔๓. อุกกฤษฏ์ ทรงชัยสงวน. ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการโครงการพัฒนา สถานีตำรวจเพื่อประชาชนของตำรวจภูธร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์. ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๓. อุรางค์ อุตสาหะ. การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๙. Alice F.Artzt and C.M. Newman. Taxonomy of educational objectives. Handbook 2 : Affective domain. New York Macmillan, 1999. Alfaro & LeFevre. Critical Thinking in Nursing Philadelphia. W.B.Sounders, 1995. Bloom. Taxonomy of Educational Objectives Book 1. Cognitive Domain. London : Longman Group Limited, 1956. Dewey. Dictionary of education. New York : Philosophical Library, 1993. Good. Dictionry of education. New York : McGraw-Hill, 1973. Luthans. Organizational behavior. New York : MaGraw Hill, 1995. Marzano. Designing a New Taxonomy of Educational Objectives. California : Corwin Press, 2001. Russel. The biotechnology revolution : an international perspective,Brighto. Susex : Wheat sheaf, 1956. Slavin. Robert E. Research Design Qualitative and Quantitative Approach. U.S.A. Sage : Puplishion, 1995. Vaughan. W. “Effecth of jigsaw III Technique on Academic Achievement and Attitudes to Written Expression Course. Educationl Research and Reviews, 2010. Watson & Glaser. Wattson Glaser critical thinking appraisal manual. New York : Harcourt Brace and World, 1964.
ภาคผนวก
๖๘ ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ
๖๙ รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๑. ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช ประธานหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ๒. อาจารย์กนกวรรณ ประจันตะเสน อาจารย์ประจำหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ๓. นางสาวมะลิวรรณ์ ภูแช่มโชติ คุณครูกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔
๗๐ ภาคผนวก ข แบบประเมินคุณภาพเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ
๗๑ แบบประเมินความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และพุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ คำชี้แจง โปรดพิจารณา ประเมินความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เมื่อพิจารณาแล้วให้ ท่านเติมเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่านมากที่สุดลงในแบบประเมิน และหาก ท่านมีข้อเสนอแนะกรุณาระบุรายละเอียดให้เป็นแนวทางในการปรับปรุงต่อไป โดยใช้เกณฑ์ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ ๐ หมายถึง แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ -๑ หมายถึง แน่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรู้ไม่มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง พระมหาวิทยา วิชฺชาสิริ/ขำแข นิสิตระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๗๒ แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา วิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แผนการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา คำชี้แจง : ข้อความที่เสนอต่อไปนี้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ โปรดใส่ เครื่องหมายถูก ( √ ) ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นลงในแบบประเมิน และหากท่านมีข้อเสนอแนะกรุณา ระบุรายละเอียด ให้เป็นแนวทางในการปรับปรุงต่อไป รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น หมายเหตุ +๑ ๐ -๑ ๑. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบ ครบถ้วนเหมาะสม และมีรายละเอียด ที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ๒. การเขียนสาระสำคัญในแผนกระชับ ครอบคลุม ตามเป้าหมาย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้มีความ ชัดเจนถูกต้อง ๔. เนื้อหา/กิจกรรมการสอนเหมาะสม กับจำนวนเวลาที่กำหนด ๕. เนื้อหาสาระในแผนถูกต้องตามหลัก โครงสร้างหลักสูตรแกนกลาง ๖. กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย/ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ๗. กิจกรรมการสอนพัฒนากิจกรรม การเรียนรู้สอดคล้องกับกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ๘. มีการใช้สื่อ/เนื้อหาสาระเหมาะสม กับผู้เรียน
๗๓ ๙. มีรูปแบบการวัดผลและประเมินผล ที่หลากหลาย ๑๐. มีการวัดผลและประเมินผลที่ สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………………… (……………………………………………….………………) ผู้ประเมิน
๗๔ แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา วิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แผนการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง พุทธประวัติ ตรัสรู้ ประกาศธรรม คำชี้แจง : ข้อความที่เสนอต่อไปนี้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ โปรดใส่ เครื่องหมายถูก ( √ ) ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นลงในแบบประเมิน และหากท่านมีข้อเสนอแนะกรุณา ระบุรายละเอียด ให้เป็นแนวทางในการปรับปรุงต่อไป รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น หมายเหตุ +๑ ๐ -๑ ๑. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบ ครบถ้วนเหมาะสม และมีรายละเอียด ที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ๒. การเขียนสาระสำคัญในแผนกระชับ ครอบคลุม ตามเป้าหมาย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้มีความ ชัดเจนถูกต้อง ๔. เนื้อหา/กิจกรรมการสอนเหมาะสม กับจำนวนเวลาที่กำหนด ๕. เนื้อหาสาระในแผนถูกต้องตามหลัก โครงสร้างหลักสูตรแกนกลาง ๖. กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย/ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ๗. กิจกรรมการสอนพัฒนากิจกรรม การเรียนรู้สอดคล้องกับกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ๘. มีการใช้สื่อ/เนื้อหาสาระเหมาะสม กับผู้เรียน
๗๕ ๙. มีรูปแบบการวัดผลและประเมินผล ที่หลากหลาย ๑๐. มีการวัดผลและประเมินผลที่ สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………………… (……………………………………………….………………) ผู้ประเมิน
๗๖ แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา วิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แผนการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง พุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง โปรดพระเจ้าพิมพิสารการแต่งตั้ง พระอัครสาวก และการแสดงโอวาทปาติโมกข์ คำชี้แจง : ข้อความที่เสนอต่อไปนี้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ โปรดใส่ เครื่องหมายถูก ( √ ) ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นลงในแบบประเมิน และหากท่านมีข้อเสนอแนะกรุณา ระบุรายละเอียด ให้เป็นแนวทางในการปรับปรุงต่อไป รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น หมายเหตุ +๑ ๐ -๑ ๑. หน่วยการเรียนรู้มีองค์ประกอบ ครบถ้วนเหมาะสม และมีรายละเอียด ที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ๒. การเขียนสาระสำคัญในแผนกระชับ ครอบคลุม ตามเป้าหมาย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้มีความ ชัดเจนถูกต้อง ๔. เนื้อหา/กิจกรรมการสอนเหมาะสม กับจำนวนเวลาที่กำหนด ๕. เนื้อหาสาระในแผนถูกต้องตามหลัก โครงสร้างหลักสูตรแกนกลาง ๖. กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย/ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ๗. กิจกรรมการสอนพัฒนากิจกรรม การเรียนรู้สอดคล้องกับกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps
๗๗ ๘. มีการใช้สื่อ/เนื้อหาสาระเหมาะสม กับผู้เรียน ๙. มีรูปแบบการวัดผลและประเมินผล ที่หลากหลาย ๑๐. มีการวัดผลและประเมินผลที่ สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………………… (……………………………………………….………………) ผู้ประเมิน
๗๘ แบบประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ กับประเภทของความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง ความสำคัญของพระพุทธศาสนา และ พุทธประวัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ คำชี้แจง โปรดพิจารณาข้อสอบแต่ละข้อว่าสามารถวัดได้ตามตรงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อพิจารณาแล้ว ให้ท่านทำเครื่องหมาย / ลงในช่องที่ตรงตามกับความคิดเห็นของท่านมากที่สุด โดยใช้เกณฑ์ดังนี้ +๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ๐ หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อสอบมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ -๑ หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบไม่มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง พระมหาวิทยา วิชฺชาสิริ/ขำแข นิสิตระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๗๙ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ การจำแนก แยกแยะ ๑. ความสำคัญของพระพุทธศาสนาไม่ เกี่ยวข้องกับข้อใด ก. เป็นแหล่งจัดงานรื่นเริง ข. เป็นที่ประกอบศาสนพิธี ค. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ง. เป็นศูนย์รวมการทำความดี เฉลย ข้อ ก. . การเปรียบเทียบ ข้อมูล ๒. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึงพระพุทธศาสนาได้ ถูกต้อง ก. พระพุทธศาสนาถือกำเนิดในประเทศ เนปาล ข. พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของ พระพุทธศาสนา ค. วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วัน คริสต์มาส ง. พระพุทธศาสนากำเนิดมาแล้วประมาณ ๓,๕๐๐ ปี เฉลย ข้อ ข. การเปรียบเทียบ ข้อมูล ๓. ข้อใดตรงกับคำกล่าวที่ว่า “ชีวิตของคน ไทยนั้นผูกพันกับพระพุทธศาสนาตั้งแต่เกิด จนตาย” มากที่สุด ก. ผู้ใหญ่บ้านกำลังสนทนาธรรมกับหลวง พ่อ
๘๐ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ข. ชาวบ้านช่วยกันจัดเตรียมงาน ทอดผ้าป่า ค. นิดนิมนต์พระสงฆ์มาทำบุญวันเกิดที่ บ้าน ง. กุ้งไปเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา เฉลย ข้อ ค. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๔. เหตุผลสำคัญในข้อใด ที่ทำให้ พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทย ก. ประชาชนสร้างวัดเป็นจำนวนมาก ข. พระมหากษัตริย์ไทยทรงเลื่อมใสใน พระพุทธศาสนา ค. ประเทศไทยมีพระสงฆ์เป็นจำนวนมาก ง. คนไทยทุกคนนับถือพระพุทธศาสนา เฉลย ข้อ ข. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๕. เหตุใดจึงถือว่า พระพุทธศาสนาเป็น ศาสนาประจำชาติไทย ก. เกิดในทวีปเอเชีย ข. เป็นศาสนาที่ถือหลักเหตุและผล ค. เผยแผ่เข้ามาในไทยนานแล้ว ง. มีคนไทยส่วนใหญ่นับถือ เฉลย ข้อ ง.
๘๑ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๖. ข้อใดแสดงว่า พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์ รวมของการทำความดี ก. ชาวพุทธปฏิบัติตามคำสอนด้วยความ เลื่อมใส ข. ชาวพุทธเชื่อถือในเรื่องเดียวกัน ค. ทุกบ้านมีพระพุทธรูปตั้งบูชา ง. ชาวพุทธไปวัดในวันสำคัญทางศาสนา เฉลย ข้อ ก. การจำแนก แยกแยะ ๗. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายที่สำคัญของพิธีกรรม ทางพระพุทธศาสนา ก. แสดงตนว่านับถือพระพุทธศาสนา ข. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ค. ชักชวนให้คนทำความดี ง. ไปพบปะชาวพุทธด้วยกัน เฉลย ข้อ ค. การจำแนก แยกแยะ ๘. ข้อใดเป็นวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกันของชาว พุทธส่วนใหญ่ ก. สวดมนต์ก่อนนอน ข. อ่านหนังสือธรรมะก่อนนอน ค. เดินจงกรมก่อนนอน ง. นั่งสมาธิก่อนนอน เฉลย ข้อ ก. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๙. การเวียนเทียนมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ก. แสดงตนเป็นชาวพุทธที่ดี
๘๒ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ข. ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ค. ได้พบปะกับชาวพุทธด้วยกัน ง. มีโอกาสผ่อนคลายความทุกข์ เฉลย ข้อ ข. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๑๐. ข้อใดคือผลที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม ก. ทำให้ร่างกายแข็งแรง ข. ทำให้เกิดความสุข ค. ทำให้มีเพื่อนมาก ง. ทำให้ผู้อื่นยอมรับ เฉลย ข้อ ข. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๑๑. เพราะเหตุใดเราจึงต้องมีทิ้งพระไว้ กราบไหว้ ก. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ข. ทำตามบรรพบุรุษ ค. เป็นเครื่องประดับบ้าน ง. เป็นสัญลักษณ์ว่านับถือพระพุทธศาสนา เฉลย ข้อ ก. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๑๒. เพราะเหตุใดการทำพิธีกรรมทางศาสนา จึงต้องไปทำที่วัด ก. เพราะวัดมีบริเวณกว้างขวาง ข. เพราะวัดตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ค. เพราะวัดมีพระสงฆ์อาศัยอยู่ ง. เพราะวัดเป็นสถานที่สำคัญของชาว พุทธ
๘๓ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ เฉลย ข้อ ง. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๑๓. พระนางสิริมหามายาทรงพระสุบินเห็น ช้างเผือก ตีความได้ตรงกับข้อใดมากที่สุด ก. พระโอรสในพระครรภ์ จะเป็นผู้มี ปัญญามาก ข. พระโอรสในพระครรภ์ จะเป็นผู้มีบุญ บารมีมาก ค. พระโอรสในพระครรภ์ จะเป็นผู้มีอาส วักขยญาณสูง ง. พระโอรสในพระครรภ์ จะเป็นผู้มี ปฏิภาณไหวพริบสูง เฉลย ข้อ ก. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๑๔. สิ่งที่เป็นหลักฐานแสดงถึงอาสภิวาจาที่ พระพุทธเจ้าทรงประกาศว่า เราเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก คือ ข้อใด ก. ทรงนิมิตเสด็จไปประกาศศาสนาใน แคว้นมคธ ข. ทรงเป็นมหาบุรุษเอกทำประโยชน์ ยิ่งใหญ่ให้แก่โลก ค. ทรงเป็นผู้อยู่เหนือโลก คือ กามภูมิ รูป ภูมิ และนรกภูมิ ง. ทรงประกาศหลักธรรม เรื่อง ความไม่ ประมาทเป็นปัจฉิมโอวาท
๘๔ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ เฉลย ข้อ ข. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๑๕. พระเจ้าสุทโธทนะมีพระราชประสงค์ให้ เจ้าชายสิทธัตถะดำเนินชีวิตตามข้อใด ก. เป็นศาสดาเอกของโลก ข. เป็นกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ ค. ศึกษาความรู้ในสำนักต่างๆ ทุกด้าน ง. ตัดสินพระทัยดำเนินชีวิตด้วยพระองค์ เอง เฉลย ข้อ ข. การเปรียบเทียบ ข้อมูล ๑๖. พุทธประวัติตอนทอดพระเนตรเห็นเทว ทูตนั้น “เทวทูต” เปรียบเสมือนข้อใด ก. การเห็นในสิ่งที่ดีงาม ข. เทวดาที่สามารถบันดาลสิ่งต่างๆ ได้ ค. ผู้ที่นำสิ่งที่ดีงามมามอบให้แก่เจ้าชาย สิทธัตถะ ง. การเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ สมณะ เฉลย ข้อ ง. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๑๗. จุดสำคัญที่ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะ ตัดสินใจออกบวช คือข้อใด ก. ต้องการทดแทนพระคุณมารดา ข. ทรงเบื่อหน่ายในการครองชีวิตสมรส ค. เห็นความทุกข์ที่เกิดจากการเวียนว่าย ตายเกิด
๘๕ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ง. ไม่สามารถทำอะไรได้ตามพระทัย เฉลย ข้อ ค. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๑๘. เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงเลือกศึกษากับ อาฬารดาบสและอุทกดาบส ก. นายฉันนะผู้เป็นมหาดเล็กแนะนำ ข. ต้องการหาวิธีบำเพ็ญทุกรกิริยา ค. ต้องการศึกษาวิธีบำเพ็ญเพียรทางจิต ง. เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสมัยนั้น เฉลย ข้อ ง. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๑๙. เพราะเหตุใดพระพุทธเจ้าจึงหันมา บำเพ็ญเพียรทางจิต ก. เพราะเห็นว่าการทรมานร่างกายไม่ใช่ หนทางพ้นทุกข์ ข. เพราะทนต่อการทรมานร่างกายไม่ไหว ค. เพราะการบำเพ็ญเพียรทางใจทำได้ง่าย กว่า ง. เพราะการบำเพ็ญเพียรทางใจเป็นวิธี สุดท้ายที่จะทำ เฉลย ข้อ ก. การจำแนก แยกแยะ ๒๐. "ปัญจวัคคีย์" ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ใดในพระพุทธศาสนา ก. มีพระรัตนตรัยครบสาม ข. ทำให้เกิดวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ค. พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
๘๖ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ง. มีพระสงฆ์องค์แรกเกิดขึ้นใน พระพุทธศาสนาเฉลย ข้อ ค. การระบุเรื่องหรือ ปัญหา ๒๑. เมื่อตรัสรู้แล้ว เหตุใดพระพุทธเจ้าทรง แสดงธรรมแก่ปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มแรก ก. เคยดูแลรับใช้ใกล้ชิดพระองค์ ข. เป็นผู้มีสติปัญญาพอที่จะเข้าใจธรรม ของพระองค์ ค. เป็นผู้ที่มีอาวุโสที่สุด ง. เคยเป็นลูกศิษย์ของพระองค์มาก่อน เฉลย ข้อ ข. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๒๒. การที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดพระ อุรุเวลกัสสปะส่งผลดีต่อศาสนาอย่างไร ก. ทำให้มีสาวกจำนวนมากและช่วยในการ เผยแผ่ศาสนาได้ง่ายขึ้น ข. ทำให้เกิดหลักธรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยสอน ให้มนุษย์พ้นทุกข์ ค. ทำให้มีสาวกช่วยแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์มากขึ้น ง. ทำให้มีศาสดาองค์ใหม่เกิดขึ้น เฉลย ข้อ ก. การจำแนก แยกแยะ ๒๓. จากการศึกษาประวัติพุทธประวัติ ตอน โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง ให้ข้อคิดในเรื่องใด ก. ผู้มีความเมตตา ย่อมได้รับแต่สิ่งที่ดี ข. ผู้ที่บูชาไฟ ย่อมได้รับความเดือดร้อน
๘๗ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ค. ผู้ที่เห็นแก่ตัว ย่อมได้รับความทุกข์ ง. ผู้ที่ละความถือดี ย่อมได้รับประโยชน์ เฉลย ข้อ ง. การเปรียบเทียบ ข้อมูล ๒๔. คำว่า “ความร้อน” ในอาทิตตปริยาย สูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโปรดชฎิล ๓ พี่ น้อง แสดงถึงอะไร ก. ความร้อนของไฟที่ลุกโพลง ข. ความรุ่มร้อนของจิตใจ ค. ความร้อนของดวงอาทิตย์ ง. ความร้อนในกาย เฉลย ข้อ ข. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๒๕. เหตุการณ์ในข้อใดเกี่ยวข้องกับพระ เจ้าพิมพิสารตามประวัติพระพุทธศาสนาที่ ถูกต้องที่สุด ก. มีพระรัตนตรัยครบสาม ข. เคยปรนนิบัติรับใช้พระพุทธเจ้า ค. ทำให้เกิดวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือวันอาสาฬหบูชา ง. ทรงถวายวัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรก ในพระพุทธศาสนา เฉลย ข้อ ง. การจำแนก แยกแยะ ๒๖. เหตุการณ์ในข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับพระ เจ้าพิมพิสาร ก. ครองกรุงราชคฤห์
๘๘ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ข. ถวายพระราชอุทยานเวฬุวัน ค. ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจนขอบวช ง. เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่นับถือ พระพุทธศาสนา เฉลย ข้อ ค. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๒๗. ข้อใดแสดงถึงการมีปัญญาที่ถูกต้อง ก. คิดวิเคราะห์แยกเหตุและผลในการ แก้ปัญหาได้ ข. ทำงานเร็ว เสร็จก่อนกำหนดทุกครั้ง ค. ทำการบ้านจนเสร็จแล้วมาให้เพื่อน ลอก ง. สอบได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง เฉลย ข้อ ก. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๒๘. พรฤดี ไม่ชอบฆ่าสัตว์ ละไม่ชอบยิบฉวย เอาสิ่งของของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต แสดง ว่าพรฤดี ปฏิบัติตนตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์ ในข้อใด ก. การทำความดี ข. การละความชั่ว ค. การทำจิตใจให้ผ่องใส ง. การมีความอดกลั้น เฉลย ข้อ ข. การตรวจสอบ ข้อมูลอย่างชำนาญ ๒๙. ทิวากร โดนหัวหน้าที่ทำงานใช้งานหนัก ทุกวัน แต่ทิวากรก็ขยันขันแข็งและรักในการ
๘๙ ประเภทของ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ ข้อสอบ ระดับความ สอดคล้อง ข้อเสนอแนะ +๑ ๐ -๑ ทำงาน จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การ งาน แสดงว่า ทิวากร ปฏิบัติตนตามหลัก โอวาทปาฏิโมกข์ในข้อใด ก. การทำความดี ข. การละความชั่ว ค. การทำจิตใจให้ผ่องใส ง. การมีความอดกลั้น เฉลย ข้อ ง. การจำแนก แยกแยะ ๓๐. ถ้านักเรียนปฏิบัติตามโอวาทปาติโมกข์ จะส่งผลต่อตนเองอย่างไร ก. ฐานะร่ำรวยขึ้น ข. สุขภาพร่างกายแข็งแรง ค. มีความสุขทั้งกายและใจ ง. ผลการเรียนดีขึ้น เฉลย ข้อ ค. ลงชื่อ................................................................. (..............................................................) ผู้ประเมิน