รายงานศกึ ษาอิสระทางสงั คมศึกษา
เรือ่ ง
การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจดั การเรียนรู้
แบบรว่ มมือ ร่วมกบั เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชยั ตาบลในเมือง อาเภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่
โดย
นางสาวอรญั ญา สงั สงู เนนิ
รหัส ๖๑๐๕๕๐๒๐๓๒
งานวิจยั เล่มนี้เป็นสว่ นหนึ่งของวชิ า (๒๐๓ ๔๒๐)
การศกึ ษาอิสระทางสงั คมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
ตามหลกั สูตรครศุ าสตรบัณฑิต สาขาวิชาสงั คมศึกษา คณะครศุ าสตร์
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
แบบอนุมัตผิ ลงานวจิ ยั
ด้วยหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น อนุมัติให้นับการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา
เศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรยี นเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น
ใ ห้ เ ป็ น ส่ ว น ห น่ึ ง ข อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ภ า ค ป ฏิ บั ติ ข อ ง ร า ย วิ ช า ก า ร ศึ ก ษ า อิ ส ร ะ ท า ง สั ง ค ม ศึ ก ษ า
จานวน ๓ หน่วยกิต ตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ประจาภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
ลงชือ่ .....................................ผู้วิจัย
(.....................................................)
................/................../..............
คณะกรรมการประเมนิ / อนุมัตกิ ารศกึ ษาอิสระทางสังคมศกึ ษา
ลงชื่อ.......................................อาจารยท์ ปี่ รึกษา/อาจารย์
(................................................)
............./............../...............
ลงช่ือ.....................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............
ลงช่ือ.....................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............
ลงชื่อ.....................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............
ลงชื่อ.....................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............
ลงช่อื ...................................... ประธานกรรมการ/ประธานหลกั สตู ร
(................................................)
............../................/............
ชอ่ื งานวจิ ัย : เรื่อง การพฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การ
จัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือ ร่วมกับเทคนคิ การสอนแบบจกิ๊ ซอร์ ของนักเรียน
ผวู้ จิ ยั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง
ปริญญา จังหวัดขอนแกน่
อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา : นางสาวอรัญญา สงั สงู เนิน
ปีการศึกษา : ครศุ าสตรบัณฑิต สาขาวชิ าสังคมศึกษา
: อาจารย์สรญิ ญา มารศรี
: ๒๕๖๔
บทคัดย่อ
การวิจัยคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา
เศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีคะแนน
เพ่ิมข้ึนร้อยละ ๗๕ ข้ึนไป ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิก่อนและหลังเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ๓) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้ ชัย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับ
เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จานวน ๒๒ คน เครื่องมือที่ใช้
ประกอบด้วย ๑) แผนการจัดการเรียนรู้ ๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เป็นแบบปรนัย ๔
ตัวเลือก จานวน ๒๐ ข้อ ๓) แบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมือ ร่วมกับ
เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ̅ )
ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) และคา่ สถติ ิ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ
รว่ มมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนน
ชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ผูวิจัยไดนาแผนการจัดการเรียนรู้ เร่ืองหลักการและ
เป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ครบถ้วนตามกระบวนการ
เรียนการสอน พบว่า จากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน ไม่มีนักเรียนผ่าน
เกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ ๐ มีคะแนนเฉล่ียเท่ากับ ๑๒.๒๗ คิดเป็นร้อยละ ๖๑ ของคะแนนเต็ม และการทา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน นักเรียนทุกคนมีคะแนนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๗๕ ข้ึนไป
โดยมีคะแนนเฉล่ียเท่ากับ ๑๗.๑๔ คิดเป็นร้อยละ ๘๖ ของคะแนนเต็ม มีจานวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ ๒๒
คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์ ๗๕/๗๕ ตามที่กาหนดไว้
๒. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง หลักการและเป้าหมาย
ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ผู้วิจัยได้นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ก่อนละหลังเรียนมาเปรียบเทียบ พบว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดับ
นยั สาคัญ ๐.๐๕
๓. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ ๑ ที่มี
ต่อการจัดการเรียนรู้โดยใชโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ใน
รายวิชาเศรษฐศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง
อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้นาแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้
พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้อยูในระดับมากมีค่าเฉลี่ย ๔.๐๔ และส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน ๐.๕๕
กิตตกิ รรมประกาศ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิก๊ ซอร์ ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้าน
โนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เล่มน้ีสาเร็จสมบูรณ์ได้ ด้วยความกรุณาและความ
ช่วยเหลือ ให้คาแนะนาอย่างดียิ่ง จากอาจารย์สริญญา มารศรี อาจารย์ท่ีปรึกษาที่กรุณาให้คาปรึกษา
ตลอดจนการตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ และให้กาลงั ใจในการศึกษามาโดยตลอด ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ
เป็นอย่างสูง
ขอขอบพระคุณในความกรุณาของผู้เชี่ยวชาญทั้ง ๓ ท่าน ได้แก่ ผศ.ดร.อนุสรณ์ นามทะราช
อาจารย์วิรัตน์ ทองภู และอาจารย์พันทิวา ทับภูมี ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบเคร่ืองมือ
สาหรับใช้ในงานวิจัยและให้คาปรึกษาเพ่ือแก้ไขจนเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยมีความถูกต้องสมบูรณ์
ครบถว้ น
ขอขอบพระคณุ ท่านผู้อานวยการ คณะครู โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ที่อานวยความสะดวกใน
การเก็บรวบรวมข้อมูลในระหว่างการทาวิจัย ให้คาแนะนา และแก้ไขข้อบกพร่องให้งานวิจัยนี้สมบูรณ์
ยง่ิ ขน้ึ
ขอขอบพระคุณคณาจารย์ นักวิชาการทุกท่านท่ีเป็นเจ้าของหนังสือและงานวิจัยท่ีมีคุณค่า
ซึ่งท่านได้เขยี นงานเอกสารไวใ้ ห้ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เพอื่ เป็นขอ้ มลู ประกอบในการเขียนงานวจิ ัยในครั้งน้ี
ขอขอบคุณเพ่ือน ครอบครัว และผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ท่ีให้ความช่วยเหลือสนับสนุน
ให้คาแนะนา และให้กาลังใจตลอดการทาวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยเล่มน้ีจะเป็น
ประโยชนแ์ กผ่ ู้ทส่ี นใจตอ่ ไป
นางสาวอรัญญา สังสงู เนิน
ผวู้ ิจัย
สารบัญ หนา้
เรือ่ ง ก
ข
บทคัดย่อ ค
กิตตกิ รรมประกาศ จ
สารบัญ ฉ
สารบัญตาราง
สารบญั ภาพ ๑
บทที่ ๑ บทนา ๓
๔
๑.๑ ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา ๔
๑.๒ คาถามการวิจยั ๕
๑.๓ วตั ถุประสงค์ของการวิจัย ๖
๑.๔ ขอบเขตของการวิจัย ๗
๑.๕ สมมติฐานการวจิ ยั
๑.๖ นิยามศพั ทท์ ี่ใชเ้ ฉพาะในการวจิ ัย ๘
๑.๗ ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการวจิ ยั
บทท่ี ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้อง ๑๔
๒.๑ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับ ๑๘
๒๑
ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ๒๖
๒.๒ แนวคดิ และทฤษฎีทเี่ ก่ียวกับการเรียนแบบร่วมมอื ๓๑
๒.๓ แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กย่ี วกับการเรียนแบบจ๊ิกซอร์ ๓๔
๒.๔ แนวคดิ เกีย่ วกับแผนการจัดการเรียนรู้
๒.๕ แนวคิดเกยี่ วกับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ๓๕
๒.๖ งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง ๓๕
๒.๗ กรอบแนวคิดงานวจิ ัย ๓๖
บทท่ี ๓ ระเบียบวิธีวิจัย ๓๗
๓.๑ รปู แบบการวจิ ัย ๓๘
๓.๒ กลมุ่ เป้าหมายทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ๔๒
๓.๓ วธิ ดี าเนนิ การศึกษา
๓.๔ เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั
๓.๕ การสรา้ งและหาคุณภาพเคร่ืองมือ
๓.๖ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
สารบัญต่อ ง
เรอื่ ง
ก
๓.๗ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
๓.๘ สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล หนา้
บทท่ี ๔ ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
๔.๑ สัญลกั ษณท์ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ๔๓
๔.๒ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล ๔๓
๔.๓ องค์ความร้ทู ่ีไดจ้ ากงานวจิ ยั
บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผลการวิจยั และข้อเสนอแนะ ๔๔
๕.๑ สรุปผลการวิจัย ๔๔
๕.๒ อภปิ รายผลการวจิ ัย ๔๘
๕.๓ ข้อเสนอแนะ
บรรณานกุ รม ๔๙
ภาคผนวก ๕๐
ภาคผนวก ก รายชื่อผเู้ ชย่ี วชาญตรวจสอบเครื่องมือการวิจัย ๕๑
ภาคผนวก ข หนังสือเชญิ ผู้ทรงคุณวฒุ ติ รวจสอบแก้ไขเครื่องมือการวจิ ยั ๕๓
ภาคผนวก ค หนงั สือตดิ ต่อหนว่ ยงานราชการ เพอ่ื ขออนุญาตลงพื้นท่วี ิจยั ๕๖
ภาคผนวก ง ตารางแสดงคณุ ภาพเครอ่ื งมือ ๕๗
ภาคผนวก จ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ๕๙
ภาคผนวก ฉ ตารางแสดงผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ๖๓
ประวตั ิผู้ทาวิจัย ๖๕
๗๗
๑๐๑
๑๐๔
จ
จ
จ
ก
สารบญั ตาราง
ตารางที่ หนา้
ตารางท่ี ๔.๑ แสดงการหาการพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ ๔๕
ของนกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ โรงเรยี นเทศบาลบ้านโนนชยั
ตำบลในเมอื ง อำเภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่ โดยใชก้ ำรจัดกำรเรยี นรู้ ๔๖
แบบรว่ มมือ ร่วมกับเทคนิคกำรสอนแบบจิก๊ ซอร์ ๔๖
ตารางท่ี ๔.๒ การเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ก่อนเรยี นและหลังเรยี นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นราย วชิ าเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจดั การเรยี นร้แู บบ
รว่ มมือ รว่ มกบั เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษา
ปที ี่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชยั ตาบลในเมือง อาเภอเมือง
จงั หวัดขอนแก่น ก่อนเรยี นและหลังเรียน
ตารางที่ ๔.๓ ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมอื ง อาเภอเมือง
จังหวัดขอนแก่น ทมี่ ีต่อการจัดการเรยี นรู้ โดยใชก้ ารจดั การเรียนรแู้ บบ
ร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์
สารบญั ภาพ ฉ
ภาพที่ จ
ภาพท่ี ๒.๑ กรอบแนวคิดการวจิ ยั จ
ภาพท่ี ๔.๑ องค์ความรู้ทไ่ี ด้จากงานวจิ ยั
ก
หนา้
๓๔
๔๘
บทท่ี ๑
บทนา
๑.๑ ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา
ในโลกปัจจุบัน ซ่ึงได้รับผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงอยู่
ตลอดเวลาทั้งในด้านประชากร สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการเมือง
เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงจึงต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ และมีการศึกษาตลอดชีวิต จาก
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช ๒๕๖๔ ในมาตรา ๒๔ ระบุไว้ว่า การจัดกระบวนการ
เรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้องดาเนินการดังน้ี ๑) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้
สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ๒) ฝึก
ทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือป้องกัน
และแกไ้ ขปัญหา ๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรูจ้ ากประสบการณ์จรงิ ฝึกการปฏิบตั ิให้ทาได้ คิดได้
ทาเป็น รักการอ่านและเกดิ การใฝร่ ู้อยา่ งต่อเนื่อง
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม1 ประกอบกันขึ้นโดยแขนงวิชา
ต่างๆ ในสาขาสังคมศาสตร์ ที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน อันได้แก่ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ รัฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา จิตวิทยา มานุษยวิทยา ปรชั ญาและศาสนา การจัดการเรียนรู้ในกลมุ่ สาระ
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรมจงึ ตอ้ งมีความเหมาะสมกับผูเ้ รียนในแต่ละช่วงชั้น โดยผเู้ รยี นมสี ว่ น
รว่ มในการจัดการเรียนรู้ พัฒนาและขยายความรู้ท่ีได้เรียน ใหส้ ามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการ
เรียนรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี นเปน็ เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและ
เยาวชนในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคณุ สมบัติตามเปา้ หมายหลกั สูตร ผ้สู อนพยายามคดั สรรกระบวนการ
เรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนให้เรียนรู้ผ่านสาระท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ รวมทง้ั ปลูกฝังเสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พัฒนาทกั ษะตา่ งๆ อนั เป็น
1 กระทรวงศึกษำธกิ ำร, หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑, (พมิ พ์คร้งั ที่ ๑),
(ฉบบั ปรับปรงุ . ๒๕๖๐), หนำ้ ๒๒๖-๒๒๙.
๒
สมรรถนะสาคญั ให้ผู้เรียนบรรลุตามเป้าหมาย กระบวนการเรียนรู้ ทจี่ าเป็นสาหรับผเู้ รยี น
อาทิ เช่น กระบวนการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการ
ทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้
ของตนเองกระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่านี้ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้
ท่ผี ู้เรียนควรไดร้ บั การฝึกฝนพฒั นา เพราะจะสามารถชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรยี นรไู้ ดด้ ี บรรลุเป้าหมาย
ของหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความ
เข้าใจ การดารงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตาม
สภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด เข้าใจถึงการพัฒนา เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่างๆ เกิดความเข้าใจในตนเอง และผู้อื่น มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับใน
ความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เป็นพลเมืองดีของ
ประเทศชาติ และสังคมโลกโดยประกอบไปด้วยสาระการเรียนรู้ ๕ สาระคือ สาระที่ ๑ ศาสนา
ศีลธรรมและจริยธรรม สาระที่ ๒ หน้าท่ีพลเมือง สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ สาระท่ี ๔ ภูมิศาสตร์
และสาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์
สภาพปัญหาการจัดการศึกษาในปัจจุบัน แม้แต่องค์กร หน่วยงานทางการศึกษา ทั้งระดับ
นโยบาย และระดับปฏิบัติจะได้ดาเนินการจัดการศึกษา ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ แตโ่ ดย
ภาพรวมพบว่าคนไทยทุกคนยังไม่สามารถรับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ และผลสัมฤทธ์ิ
ทางการศึกษาระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
พบวา่ ผลสัมฤทธ์ิวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา คณติ ศาสตร์ และวิชาวิทยาศาสตร์ ซ่ึงเป็น
วิชาหลักและเป็นกลไกเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ต่ากว่าร้อยละ ๕๐ ทุกวิชา นอกจากนั้น
จากการประเมินคุณภาพการศึกษาสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีผ่านการประเมิน
คุณภาพการศึกษาของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาจานวน ๓๐,๐๑๐
แห่ง ได้มาตรฐานเพียงรอ้ ยละ ๓๕ เท่าน้ัน โดยดา้ นที่ไม่ได้มาตรฐานได้แก่ ด้านผเู้ รียน ไม่ไดม้ าตรฐาน
เก่ียวกับความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ ความรู้และทักษะท่ีจาเป็นตามหลักสูตร ทักษะการ
แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทักษะการทางาน
สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อ่นื
ผู้วิจัยได้พบปัญหาหลายอย่าง เช่น ปัญหาด้านการสอนคือ การจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนท่ีไม่มีความหลากหลาย นักเรียนไม่ฝึกทักษะการทางานเป็นกลุ่ม และในบางคร้ังนกั เรียนไม่ได้ลง
มือปฏิบัติจริง ทาให้นักเรียนไม่มีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวิชา
เศรษฐศาสตรม์ ากนกั ส่งผลใหผ้ ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียนยงั อยูใ่ นระดับท่ีไม่พึงประสงค์
จากความเป็นมาและความสาคัญของปัญหาทพ่ี บดงั กล่าวข้างต้น ทาใหผ้ ้วู ิจัยมีความสนใจ
ที่จะนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ มาใช้ในการเรียน
การสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เพ่ือเพ่ิมความชัดเจนในเน้ือหาและต้องศึกษาว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์ จะส่งผลต่อ
๓
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนอย่างไร ซึง่ จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางในการนาไปใชใ้ นการพฒั นาการ
เรยี นการสอนวชิ าเศรษฐศาสตร์ตอ่ ไป
๑.๒ คาถามการวิจยั
๑.๒.๑ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ จะสามารถ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบา้ นโนนชยั ตาบล
ในเมอื ง อาเภอเมือง จงั หวดั ขอนแกน่ ไดห้ รอื ไม่
๑.๒.๒ การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
กอ่ นเรยี น และหลังเรียน มผี ลสัมฤทธแิ์ ตกตา่ งกนั หรอื ไม่
๑.๒.๓ การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาล
บ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้
ในระดบั ใด
๑.๓ วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั
๑.๓.๑ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยใช้
การจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือ ร่วมกบั เทคนคิ การสอนแบบจก๊ิ ซอร์
๑.๓.๒ เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนั กเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
รายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ รว่ มกบั เทคนคิ การสอนแบบจกิ๊ ซอร์
๑.๓.๓ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาล
บ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชาเศรษฐศาสตร์
โดยใช้การจัดการเรียนรแู้ บบร่วมมือ รว่ มกบั เทคนคิ การสอนแบบจกิ๊ ซอร์
๑.๔ ขอบเขตของการวิจยั
การวิจัยเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการ
เรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียน
เทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้กาหนดขอบเขตของการ
วจิ ัยไวด้ งั น้ี
๑.๔.๑ ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
เน้ือหาที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี เป็นเน้ือหาจากรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม
ศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่องหลักการและ
เป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ จานวน ๓ แผน
๔
การจัดการเรียนรู้ คือ แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
๑.๔.๒ ขอบเขตด้านกลุ่มเปา้ หมาย
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาในคร้ังน้ี ได้แก่ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนท่ี ๒
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ จานวน ๒๒ คน
๑.๔.๑.๒ ตัวแปรในการวจิ ยั
ได้กาหนดตัวแปร ดงั น้ี
๑) ตัวแปรต้น คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้ เทคนิคการสอน
แบบจ๊กิ ซอร์ รายวิชาเศรษฐศาสตร์
๒) ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่
(๑) ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์
(๒) ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการ
เรียนร้แู บบร่วมมือ ร่วมกบั เทคนิคการสอนแบบจิก๊ ซอร์
๑.๔.๓ ขอบเขตด้านสถานท่ี
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชยั ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่ ๔๐๐๐๐
๑.๔.๔ ขอบเขตดา้ นเวลา
การศึกษาวิจัยน้ี ผู้วิจัยได้ใช้ระยะเวลาทดลองในภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๖๔ ตั้งแต่
วันท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ ถงึ วันท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๖๕
๑.๕ สมมตฐิ านของการวิจัย
๑.๕.๑ นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอน
แบบจ๊กิ ซอร์ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ มคี ะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๗๕/
๗๕
๑.๕.๒ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง การพัฒนา
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นรายวชิ าเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรแู้ บบรว่ มมือ รว่ มกับเทคนคิ การ
สอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง
อาเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแกน่ แตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ ๐.๐๕
๑.๕.๓ นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
รว่ มกับเทคนิคการสอนแบบจิก๊ ซอร์ รายวชิ าเศรษฐศาสตร์ มีความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มาก
๑.๖ นิยามศพั ทท์ ใี่ ช้เฉพาะในการวจิ ยั
๑.๖.๑ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรบั ผู้เรียน
ตั้งแต่สองคนข้ึนไปหรือโดยการแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่งเสริมให้ผู้เรียนทากิจกรรมร่วมกัน
โดยในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกท่ีมีความสามารถแตกต่างกัน มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็น
มีการชว่ ยเหลอื พ่งึ พากนั มคี วามรบั ผิดชอบรว่ มกนั ท้ังในส่วนตนและส่วนรวม
๕
๑.๖.๒ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ตาม
แนวคิดของ ทศิ นา แขมมณี๒ หมายถงึ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่มี ี ๕ ขน้ั ตอน ดงั น้ี
๑) จัดผู้เรียนเข้ากลุ่มคละความสามารถ (เก่ง-กลาง-อ่อน) กลุ่มละ ๔ คนและเรียกกลุ่มน้ี
วา่ กลมุ่ บ้านของเรา (Home Group)
๒) สมาชิกในกลุ่มบ้านของเราได้รับมอบหมายให้ศึกษาเน้ือหาสาระคนละ ๑ ส่วน
(เปรียบเสมือนได้ชิ้นส่วนของภาพตัดต่อคนละ ๑ ชิ้น) และหาคาตอบในประเด็นปัญหาท่ีผู้สอน
มอบหมายให้
๓) สมาชิกในกลุ่มบ้านของเรา แยกย้ายไปรวมกับสมาชิกกลุ่มอืน่ ซ่ึงได้รับเน้อื หาเดียวกัน
ตั้งเป็นกลุ่มผู้เช่ียวชาญ (expert group) ข้ึนมา และร่วมกันทาความเข้าใจในเนื้อหาสาระนั้น
อย่างละเอยี ด และรว่ มกันอภปิ รายหาคาตอบประเด็นทผ่ี ู้สอนมอบหมายให้
๔) สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลับไปสู่กลุ่มบ้านของเรา แต่ละกลุ่มช่วยสอนเพ่ือนในกลุ่ม
ให้เข้าใจสาระท่ีตนได้ศึกษาร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ สมาชิกทุกคนก็จะได้เรียนรู้ภาพรวมของ
สาระทั้งหมด
๕) ผู้เรียนทุกคนทาแบบทดสอบ แต่ละคนจะได้คะแนนเป็นรายบุคคล และนาคะแนน
ของทุกคนในกลุ่มบ้านของเรามารวมกัน (หรือหาค่าเฉลี่ย) เป็นคะแนนกลุ่ม กลุ่มท่ีได้คะแนนสูงสุด
ได้รบั รางวลั
๑.๖.๓ แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ที่จัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอบแบบจ๊ิกซอร์ ที่ผู้วิจัยสร้างข้ึน ในช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ ๑ จานวน ๓ แผน การจัดการเรียนรู้ ๓ ช่ัวโมง
๑.๖.๔ วิชาเศรษฐศาสตร์ หมายถึง วิชาเศรษฐศาสตร์ รหัสวิชา ส ๒๑๑๐๒ ภาคเรียน
ที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศึกษา
ปที ่ี ๑ โรงเรยี นเทศบาลบา้ นโนนชยั
๑.๖.๕ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่ได้จากการวัดและประเมินผล
ด้วยแบบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ท่ีผู้วจิ ัยสรา้ งขึน้ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอน
แบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง
อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น
๑.๖.๖ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่ผู้วิจัยจัดสร้าง
ข้ึนเพ่ือใช้ในการวัดผลการเรียนสาหรับนักเรียน ในการติดตามความก้าวหน้าทางการเรียน โดยการ
จดั การเรียนรู้ การพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้าน
โนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซ่ึงผู้วิจัยได้สร้างแบบทดสอบขึ้นมา ๑ ฉบับ
เป็นแบบปรนัย ๔ ตัวเลือก จานวน ๒๐ ข้อ เพื่อใชใ้ นการวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนท้งั ก่อนเรียนและ
๒ ทิศนำ แขมมณ,ี ศาสตรก์ ารสอน, (พมิ พ์ครั้งท๗่ี ), (กรุงเทพมหำนคร:สำนกั พิมพ์จุฬำลงกรณ์
มหำวทิ ยำลยั ,๒๕๕๑), หนำ้ ๔๓.
๖
หลงั เรยี น โดยใหค้ รอบคลมุ เน้ือหาและจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เร่อื ง หลักการและเป้าหมายของปรชั ญา
เศรษฐกิจพอเพียง
๑.๖.๗ ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกท่ีมีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ วัดโดยแบบสอบถาม
ความพงึ พอใจทผี่ ู้วิจยั สรา้ งขน้ึ
๑.๖.๗ เกณฑ์ หมายถึง เป้าหมายคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยกาหนดเกณฑ์ คือ
นักเรียนร้อยละ ๗๕ ของจานวนนักเรียนทั้งหมด มีนักเรียนผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของ
นักเรียนท้ังหมด ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนทุกคนมีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๕ ของ
จานวนคะแนนทัง้ หมด
๑.๗ ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการวิจัย
๑.๗.๑ ได้แนวทางในการในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ในรายวิชา
เศรษฐศาสตร์ ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นทีส่ งู ข้ึน
๑.๗.๒ ได้ทราบผลเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิก่อนและหลังเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ของ
นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบร่วมมือ ร่วมกบั เทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์
๑.๗.๓ ได้ทราบความพึงพอใจของนกั เรียน ทมี่ ีตอ่ การจดั การเรยี นรู้แบบร่วมมอื รว่ มกบั เทคนิค
การสอนแบบจ๊ิกซอร์
๑.๗.๔ ได้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบ
จก๊ิ ซอร์ สาหรับครู นักวิชาการและบุคคลทว่ั ไปที่สนใจ สามารถนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการสอนใน
วิชาอ่นื ๆ ไดเ้ ชน่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ และคณิตศาสตร์ เปน็ ตน้
บทท่ี ๒
แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง
การศึกษาวิจัยเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การ
จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีประเด็นที่ศึกษา
ประกอบด้วย
๒.๑ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐)
๒.๒ แนวคิดทฤษฎเี กีย่ วกับการเรียนรู้แบบรว่ มมอื
๒.๓ แนวคดิ ทฤษฎีเกยี่ วกับการเรยี นรู้แบบจกิ๊ ซอร์
๒.๔ แนวคิดเก่ยี วกับแผนการจดั การเรียนรู้
๒.๕ แนวคดิ เกี่ยวกบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
๒.๖ งานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
๒.๗ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย
๒.๑ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๖๐)
การจัดการเรียนรู้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลงทาง
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่
เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพ่ือพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนของชาติให้สามารถเพิ่มขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มี
คณุ ภาพและมาตรฐานระดับสากลสอดคลอ้ งกับประเทศไทย ๔.๐ และโลกในศตวรรษท่ี ๒๑
กระทรวงศึกษาธิการโดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานจึงได้ดาเนินการทบทวน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน3 พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยนาข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี และแผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ -
3 กระทรวงศกึ ษำธิกำร, หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, (พิมพ์ครั้งที่ ๑),
(ฉบบั ปรับปรุง. ๒๕๖๐), หนำ้ ๒๔.
๙
๒๕๗๙ มาใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งข้ึน
ในระยะส้ันเห็นควรปรับปรุงหลักสูตรในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ
ภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซ่ึงมีความสาคัญต่อการพัฒนา
ประเทศ และเป็นรากฐานสาคัญท่ีจะช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล
เป็นระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถ่ีถ้วน สามารถนาไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมในการบรู ณาการกบั ความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตร์
และคณิตศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่นาไปสู่
การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ท่ีเอื้อประโยชน์ต่อการดารงชีวิต การใช้ทักษะการ
คิดเชิงคานวณ ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีและการส่ือสารในการแก้ปัญหา
ท่ีพบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะ กระบวนการ
และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างเข้าใจสภาพที่เป็นอยู่และการ
เปลี่ยนแปลง เพื่อนาไปสู่การจัดการและปรับใช้ในการดารงชีวิตและการประกอบอาชีพ
อย่างสรา้ งสรรค์
ท้งั น้ี กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(สสวท.) รับผิดชอบในการปรับปรุงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
และสาระเทคโนโลยีในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ซ่ึงต่อมาได้ผนวกรวมอยู่ใน
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานรับผิดชอบ
ปรับปรุงสาระภมู ศิ าสตรใ์ นกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับน้ี จัดทาข้ึนเพ่ือให้สถานศึกษาทุกสังกดั ที่จัดการศึกษา
ข้ันพื้นฐาน ใช้เป็นกรอบในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเป็น
แนวทางให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องเข้าใจในเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน และมีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุน
ใหผ้ ้เู รียนบรรลุตามเป้าหมายทก่ี าหนดไว้
วสิ ัยทัศน์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มุ่งพฒั นาผเู้ รยี นทุกคน ซึ่งเปน็ กาลงั ของชาติให้
เป็นมนุษยท์ ี่มีความสมดุลท้ังด้านร่างกายความรู้คุณธรรมมีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็น
พลโลกยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ มีความรู้
และทักษะพ้ืนฐาน รวมท้ัง เจตคติ ท่ีจาเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอด
ชวี ิตโดยมุง่ เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั บนพื้นฐานความเช่ือว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้เต็ม
ตามศกั ยภาพ
หลกั การ
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน มีหลักการทีส่ าคัญ ดงั นี้
๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน
การเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม
บนพ้ืนฐาน ของความเปน็ ไทยควบค่กู บั ความเปน็ สากล
๑๐
๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่าง
เสมอภาคและมคี ุณภาพ
๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษาให้สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน
๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และการ
จัดการเรยี นรู้
๕. เป็นหลักสูตรการศึกษาทเี่ นน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคัญ
๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
ครอบคลุมทุกกล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
จุดหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา
มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพ่ือให้เกิดกับ
ผูเ้ รียน เมื่อจบการศึกษาข้ันพื้นฐาน ดังน้ี
๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและ
ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และมี
ทักษะชวี ติ
๓. มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ที่ดี มีสขุ นสิ ัย และรักการออกกาลงั กาย
๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลกยึดมั่นในวิถีชีวิต
และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยการอนุรักษ์และพัฒนา
สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะท่ีมุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงท่ีดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคม
อย่างมีความสุข ในการพัฒนาผู้เรียนตามสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด
ซ่ึงจะชว่ ยให้ผเู้ รียนเกดิ สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคด์ ังนี้
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน มุ่งใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดงั น้ี
๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสารมีวัฒนธรรม
ในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมลู ข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชนต์ ่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจา
ต่อรองเพื่อขจดั และลดปัญหาความขัดแยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรับหรอื ไม่รับข้อมลู ขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตผุ ล
และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อ
ตนเองและสงั คม
๑๑
๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์
การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์
ความรู้หรือสารสนเทศเพือ่ การตัดสินใจเกีย่ วกบั ตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ
เข้าใจความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์
ความรูม้ าใชใ้ นการป้องกนั และแก้ไขปญั หา และมกี ารตดั สินใจท่ีมปี ระสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบ
ทเี่ กดิ ขน้ึ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสง่ิ แวดล้อม
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ
ไปใช้ในการดาเนนิ ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนร้อู ย่างต่อเน่ืองการทางาน และการ
อยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลการจัดการปัญหาและความ
ขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม
และการรจู้ กั หลีกเล่ยี งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ทส่ี ่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่นื
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยี
ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการ
เรียนรู้ การสอ่ื สาร การทางาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรยี นให้มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์
เพือ่ ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกับผอู้ ื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดังน้ี
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซื่อสัตยส์ ุจริต
๓. มวี ินัย
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง
๖. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ
นอกจากน้ี สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้อง
ตามบริบทและจดุ เน้นของตนเอง
สังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ว่ามนุษย์ดารงชีวิตอย่างไร ท้ังในฐานะ
ปัจเจกบุคคล และการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจดั การทรพั ยากรท่มี ีอยู่
อย่างจากัด นอกจากน้ี ยังช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงการพัฒนา เปล่ียนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา
ตามเหตุปัจจัยต่างๆ ทาให้เกิดความเข้าใจในตนเอง และผู้อื่น มีความอดทน อดกล้ัน ยอมรับในความ
แตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เป็นพลเมืองดีของ
ประเทศชาติ และสังคมโลก
๑๒
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม4 ว่าดว้ ยการอยู่ร่วมกนั ในสังคม
ท่มี ีความเช่ือมสมั พันธก์ ัน และมีความแตกต่างกนั อยา่ งหลากหลาย เพ่ือช่วยให้สามารถปรับตนเองกับ
บริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยม
ที่เหมาะสม โดยได้กาหนดสาระต่าง ๆ ไว้ ดงั นี้
๑. ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม แนวคิดพ้ืนฐานเก่ียวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ การนาหลักธรรมคาสอนไปปฏิบัติในการพัฒนา
ตนเอง และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระทาความดี มีค่านิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
รวมท้ังบาเพ็ญประโยชนต์ ่อสงั คมและสว่ นรวม
๒. หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองใน
สังคมปัจจุบันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและ
ความสาคัญ การเป็นพลเมอื งดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยม ความเช่ือ
ปลูกฝังค่านิยมด้านประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ
การดาเนนิ ชีวิตอยา่ งสนั ติสุขในสงั คมไทยและสงั คมโลก
๓. เศรษฐศาสตร์ การผลติ การแจกจ่าย และการบรโิ ภคสินค้าและบรกิ าร การบรหิ าร
จัดการทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดอย่างมีประสิทธิภาพ การดารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ และการนา
หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
๔. ประวัติศาสตร์ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์
พัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ
ผลกระทบท่เี กิดจากเหตุการณส์ าคัญในอดตี บุคคลสาคัญทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงตา่ งๆในอดีต
ความเปน็ มาของชาตไิ ทย วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย แหล่งอารยธรรมท่ีสาคญั ของโลก
๕. ภูมิศาสตร์ สาระภูมิศาสตร์ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลก
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการดาเนินชีวิต เพื่อให้รู้เท่าทัน
ปรับตัวตามการเปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถใช้ทักษะ กระบวนการ ความสามารถ
ทางภูมิศาสตร์ และเคร่ืองมือ ทางภูมิศาสตร์จัดการทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมตามสาเหตุและปัจจัย
อันจะนาไปสู่การปรับใช้ในการดาเนินชีวิตดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้สาระภูมิศาสตร์บรรลุผล
ตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ จึงได้กาหนดทิศทางสาหรับครูผสู้ อน เพื่อใช้เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้
ทส่ี ่งผลใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และทกั ษะกระบวนการทางภูมศิ าสตร์ ท่ีสะท้อน
สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่ีมุ่งพัฒนาให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข
มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ จึงได้กาหนดแนวทางการจัดการเรียนรู้
ซึ่งประกอบด้วย (๑) ความรู้ความเข้าใจทางภูมิศาสตร์ (๒) ความสามารถทางภูมิศาสตร์
(๓) กระบวนการทางภูมศิ าสตร์ (๔) ทักษะทางภมู ิศาสตร์
4 กระทรวงศกึ ษำธิกำร, หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑, (พมิ พค์ รั้งท่ี ๑),
(ฉบับปรบั ปรุง. ๒๕๖๐), หนำ้ ๓๕-๔๐.
๑๓
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
๑. สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของ
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดม่ัน และปฏิบัติตาม
หลักธรรม เพ่ืออยรู่ ว่ มกันอยา่ งสันติสขุ
๒. มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษา
พระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทตี่ นนับถอื
สาระที่ ๒ หนา้ ทพี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิตในสงั คม
มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดี
งาม และธารงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และสังคมโลก
อย่างสนั ติสขุ
มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธา
และธารงรกั ษาไวซ้ งึ่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข
๓. สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภค
การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจ
พอเพียง เพื่อการดารงชวี ิตอย่างมีดุลยภาพ
มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทาง
เศรษฐกิจ และความจาเป็นของการร่วมมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก
๔. สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์
สามารถใช้วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรม์ าวิเคราะห์เหตุการณต์ ่างๆ อยา่ งเป็นระบบ
มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด้าน
ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเน่ือง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถ
วเิ คราะห์ผลกระทบท่เี กดิ ข้นึ
มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก
ความภมู ิใจและธารงความเปน็ ไทย
๕. สาระภมู ิศาสตร์ ในกลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพสิง่ ซ่ึง
มีผล ต่อกันและกันในระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการค้นหา
วิเคราะห์ สรุป และใชข้ อ้ มูลภูมสิ ารสนเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ี
ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจิตสานึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ทรัพยากรและ
สง่ิ แวดล้อม เพอ่ื การพฒั นาทยี่ ่งั ยืน
จากการศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง
พ.ศ.๒๕๖๐) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ รายวิชาเศรษฐศาสตร์ ผู้วิจัยได้นาหน่วยการจัดการ
๑๔
เรียนรู้ที่ ๑ เรื่องหลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในการจัดการ
เรยี นรแู้ บบร่วมมอื รว่ มกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอว์
๒.๒ แนวคิดทฤษฎีเกีย่ วกับการเรียนรแู้ บบร่วมมือ
๒.๒.๑ การจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือนับว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น
สาคัญโดยใชก้ ระบวนการกล่มุ ให้ผเู้ รียนได้มีโอกาสทางานร่วมกันเพือ่ ผลประโยชนแ์ ละเกดิ ความสาเร็จ
ร่วมกันของกลุ่ม ซ่ึงการเรียนแบบร่วมมือมิใช่เป็นเพียงจัดให้ผู้เรียนทางานเป็นกลุ่ม เช่น ทารายงาน
ทากิจกรรมประดิษฐ์หรือสร้างชิ้นงาน อภิปราย ตลอดจนปฏิบัติการทดลองแล้ว ผู้สอนทาหน้าที่สรุป
ความรู้ด้วยตนเองเท่านน้ั แต่ผสู้ อนจะต้องพยายามใช้กลยุทธ์วธิ ีให้ผเู้ รยี นได้ใช้กระบวนการประมวลสิ่ง
ท่ีมาจากการทากิจกรรมต่างๆ จัดระบบความรู้สรุปเป็นองค์ความรู้ด้วยตนเองเป็นหลักการสาคัญ
ดังนั้นการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือมีหลักในการจัดการเรียนการสอนแบบท่ัวไปโดยผู้เรียนระหว่าง
ผู้ทาการสอนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทาการเรียนการสอน ในการจัดการเรียนการสอนผู้เรียนจะต้อง
ทางานร่วมกนั เปน็ กลุ่มทาใหม้ ีการกระตนุ้ ในการเรียนมีการแบ่งงานรบั ผิดชอบร่วมกัน ชว่ ยเหลอื พ่ึงพา
ซงึ่ กันและกันต่างมุ่งมั่นเพ่ืองานในกลุ่มของตนสาเร็จผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative
Learning) เปน็ วิธกี ารจัดการเรยี นการสอนรปู แบบหนง่ึ ท่ีเน้นนักเรยี นเปน็ สาคญั โดยให้นักเรยี นลงมือ
ปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพ การเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน และสนับสนุน
ให้มีการช่วยเหลือกัน จนบรรลุผลตามเป้าหมาย ซ่ึงหลักการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนพัฒนา
การศึกษาแห่งชาติฉบับที่ ๘ ท่ีต้องการเปิดโอกาส ให้ “ผู้เรียนทางานเป็นทีมให้มากที่สุด เพื่อพัฒนา
ความเฉลยี วฉลาด ทางอารมณ์ การทางานร่วมกันด้วยความสุขและสร้างสรรค์การจดั การสอนรปู แบบ
นี้ควรนามาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มากขึ้นแทนการสอนท่ีครูเป็นศูนย์กลางเพื่อ
สง่ เสรมิ การทางานรว่ มกันแสดงความคิดเห็นร่วมกนั คดิ วิเคราะหแ์ ละแก้ไขปัญหารว่ มกนั
๒.๒.๒ ความหมายของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ( Cooperative Learning)
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือได้มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือไว้
หลายทา่ น ดงั น้ี
จันทรา ตันติพงศานุรักษ์5 กล่าวว่า การจัดการเรียนแบบร่วมมือ เป็น วิธีการจัดการ
เรียนการสอนรูปแบบหนึ่งท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยให้นักเรียนลงมือปฏิบัติงานเป็น กลุ่มย่อยๆ
เพ่อื เสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน สนบั สนนุ ให้มกี ารช่วยเหลือกันจนบรรลผุ ล
ตามเป้าหมายตลอดจนส่งเสริมให้ทางานร่วมกันเป็นหมู่คณะหรือทีมตามระบอบประชาธิปไต ยซึ่ง
สอดคล้องกับหลักการจัดการเรียนการสอนของแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ ๘ ท่ีต้องเปิด
โอกาสให้ผู้เรียนทางานเป็นทีม เพื่อพัฒนาความเฉลียวฉลาดทาง อารมณ์การทางานร่วมกันด้วย
ความสุขและสร้างสรรค์
5 จนั ทรำ ตนั ติพงศำนรุ ักษ์, การจดั การเรียนร้แู บบรว่ มมือ (Cooperative Learning), วำรสำรวิชำกำร,
ปที ี่ ๓ ฉบบั ท่ี ๑๒, หน้ำ ๓๖.
๑๕
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์6 กล่าวถึงความหมายของการเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นวิธีการจดั การ
เรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนทางานร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยทั่วไปมีสมาชิกกลุ่มละ ๔ คน สมาชิก
กลุ่มมีความสามารถในการเรียนต่างกัน สมาชิกกลุ่มจะมีความรับผิดชอบในส่ิงที่ได้รับการสอน
และช่วยเพื่อนสมาชิกให้เกิดการเรียนรู้ด้วย มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยมีเป้าหมายในการ
ทางานร่วมกนั คือ เป้าหมายของกลมุ่
จากการศึกษาความหมายของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ( Cooperative
Learning) พอสรุปได้วา่ เป็นการจัดการเรียนการสอนที่แบ่งผเู้ รียนออกเป็นกลมุ่ เล็กๆ สมาชิกในกลุ่ม
มีความสามารถแตกต่างกันมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือสนับสนุนซ่ึงกันและกัน
และมีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งในสว่ นตน และส่วนรวม เพือ่ ใหก้ ลุม่ ไดร้ ับความสาเร็จตามเป้าหมายท่ี
กาหนด
๒.๒.๓ องคป์ ระกอบของการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ
ทิศนา แขมมณี7 ได้กล่าวว่า การเรียนรแู้ บบรว่ มมือไมไ่ ดม้ ีความหมายเพียงว่า มีการจัด
ให้ผูเ้ รียนเข้ากลุ่มแล้วให้งานและบอกผู้เรียนให้ชว่ ยกันทางานเท่าน้ัน การเรยี นรู้จะเป็นแบบรว่ มมือได้
ตอ้ งมีองคป์ ระกอบทีสาคญั ครบ ๕ ประการดงั นี้
๑) การพ่ึงพาและเกื้อกูลกัน (positive interdependence) กลุ่มการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือจะต้องมีความตระหนักว่าสามาชิกกลุ่มทุกคนมีความสาคัญ และความสาเร็จของกลุ่มข้ึนกับ
สมาชิกทุกคนในกลุ่ม ในขณะเดียวกันสมาชิกแต่ละคนจะประสบความสาเร็จได้ก็ต่อเม่ือกลุ่มประสบ
ความสาเร็จความสาเร็จของบุคคลและของกลุ่มขนึ้ อยู่กับกันและกัน ดังน้ันแต่ละคนตอ้ งรับผิดชอบใน
บทบาทหนา้ ทข่ี องตนและในขณะเดยี วกันก็ชว่ ยเหลือสมาชิกคนอ่ืนๆ ด้วย
๒) การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด (face-to-face promotive interaction) การที่
สมาชกิ ในกลุ่มมีการพ่งึ พาช่วยเหลือเกื้อกลู กัน เป็นปัจจยั ทจี่ ะส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นมีปฏิสมั พันธ์ต่อกนั และ
กันงานทจี่ ะชว่ ยให้กลุ่มบรรลเุ ป้าหมาย สมาชกิ กลุ่มจะหว่ งใย ไวว้ างใจ ส่งเสริม และชว่ ยเหลือกนั และ
กนั ในการทางานต่างๆ ร่วมกัน ส่งผลใหเ้ กดิ สัมพนั ธภาพที่ดตี อ่ กัน
๓) ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน (individual accountability)
สมาชิกในกลุ่มการเรียนรู้ทุกคนจะต้องมหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบ และพยายามทางานที่ได้รับมอบหมายอย่าง
เต็มความสามารถ ไม่มีใครที่จะได้รับประโยชน์โดยไม่ทาหน้าที่ของตน ดังนั้นกลุ่มจึงจาเป็นต้องมี
ระบบการตรวจสอบผลงาน ทง้ั ท่ีเปน็ รายบุคคลและเป็นกลุม่
๔) การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทา งานกลุ่มย่อย
(interpersonal and small-group skills) การเรียนรู้แบบร่วมมือจะประสบความสาเร็จได้
ต้องอาศัยทักษะที่สาคัญๆ หลายประการ เช่น ทักษะทางสังคม ทักษะการปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน
ทักษะการทางานกลุ่มทักษะการสื่อสาร และทักษะการแก้ปัญหาขัดแย้ง รวมทั้งการเคารพ ยอมรับ
และไวว้ างใจกันและกัน ซึง่ ครูควรสอนและฝึกใหแ้ ก่ผูเ้ รยี นเพื่อชว่ ยให้ดาเนนิ งานไปได้
6 ชัยวฒั น์ สุทธิรัตน์, ๘๐ นวัตกรรมการจัดการเรียนรูท้ ีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ, (กรงุ เทพมหำนคร : แด
เนก็ ซ์ อนิ เตอร์คอรป์ อเรชน่ั , ๒๕๕๒), หน้ำ ๑๘๒.
7 ทิศนา แขมมณี, ศาสตรก์ ารสอน : องคค์ วามรเู้ พ่ือการจดั กระบวนการเรยี นรู้ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ, (พมิ พ์
ครั้งท่ี ๑), (กรงุ เทพมหานคร: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย), หน้า ๑๐๒.
๑๖
๕) การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม (group processing) กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ
จะต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการทางานของกลุ่มเพ่ือช่วยให้กลุ่มเกิดการเรียนรู้และปรับปรุงการ
ทางานให้ดีข้ึน การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่มครอบคลุมการวิเคราะห์เกี่ยวกับวิธีการทางานของกลุ่ม
พฤติกรรมของสมาชกิ กลมุ่ และผลงานของกลมุ่
ไสว ฟักขาว8 ได้กลา่ วถงึ องค์ประกอบท่สี าคญั ของการเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื ไว้ดังน้ี
๑) ความเก่ียวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก (Positive Interdependence) หมายถึง
การที่สมาชิกในกลุ่มทางานอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน มีการทางานร่วมกัน โดยที่สมาชิกทุกคนมีส่วน
ร่วมในการทางานนั้น มีการแบ่งปันวัสดุ อุปกรณ์ ข้อมูลต่าง ๆ ในการทางาน ทุกคนมีบทบาท หน้าท่ี
และประสบความสาเร็จร่วมกัน สมาชิกในกลุ่มจะมีความรู้สึกว่าตนประสบความสาเร็จได้ก็ต่อเมื่อ
สมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสาเร็จด้วย สมาชิกทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ หรือรางวัลผลงาน
กลุ่มโดยเท่าเทียมกัน เช่น ถ้าสมาชิกทุกคนชว่ ยกัน ทาให้กลุ่มได้คะแนน ๙๐% แล้ว สมาชิกแต่ละคน
จะได้คะแนนพิเศษเพม่ิ อกี ๕ คะแนน เปน็ รางวลั เป็นต้น
๒) การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมซ่ึงกันและกัน (Face To Face Pronotive Interaction)
เป็นการติดต่อสัมพันธ์กนั แลกเปลย่ี นความคิดเห็นซึง่ กันและกนั การอธบิ ายความรู้ให้แก่เพื่อนในกลุ่ม
ฟัง เป็นลักษณะสาคญั ของการติดต่อปฏิสัมพันธ์โดยตรงของการเรยี นแบบร่วมมือ ดังน้ัน จงึ ควรมีการ
แลกเปลี่ยน ให้ข้อมูลย้อนกลับ เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอแนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อเลือกในส่ิงท่ี
เหมาะสมท่ีสดุ
๓ ) ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ข อ ง ส ม า ชิ ก แ ต่ ล ะ ค น ( Individual Accountability)
ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละบุคคล เป็นความรับผิดชอบในการเรียนรู้ของสมาชิกแต่ละบุคคล
โดยมีการช่วยเหลือส่งเสริมซ่ึงกันและกัน เพื่อให้เกิดความสาเร็จตามเป้าหมายกลุ่ม โดยท่ีสมาชิก
ทุกคนในกล่มุ มีความม่นั ใจ และพรอ้ มทีจ่ ะได้รบั การทดสอบเป็นรายบคุ คล
๔) การใช้ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทางานกลุ่มย่อย (Interdependence
and Small Group Skills) ทักษะระหว่างบุคคล และทักษะการทางานกลุ่มย่อย นักเรียนควรได้รับ
การฝึกฝนทักษะเหล่าน้ีเสียก่อน เพราะเป็นทักษะสาคัญท่ีจะช่วยให้การทางานกลุ่มประสบผลสาเร็จ
นักเรียนควรได้รับการฝึกทักษะในการสื่อสาร การเป็นผู้นา การไว้วางใจผู้อ่ืน การตัดสินใจ
การแก้ปัญหา ครูควรจัดสถานการณ์ท่ีจะส่งเสริมให้นักเรียน เพ่ือให้นักเรียนสามารถทางานได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
๕) กระบวนการกลุ่ม (Group Process) เปน็ กระบวนการทางานที่มีขนั้ ตอนหรือวิธีการ
ที่จะช่วยใหก้ ารดาเนินงานกลมุ่ เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ น่ันคือ สมาชิกทุกคนต้องทาความเข้าใจใน
เป้าหมายการทางาน วางแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ดาเนินงานตามแผนตลอดจนประเมินผล
และปรับปรงุ งาน
องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือทั้ง ๕ องค์ประกอบนี้ ต่างมีความสมั พันธ์ซึ่งกัน
และกัน ในอันทีจ่ ะช่วยให้การเรยี นแบบร่วมมือดาเนินไปด้วยดี และบรรลุตามเป้าหมายที่กลุ่มกาหนด
8 ไสว ฟักขำว, การจัดการเรยี นการสอนท่ีเนน้ ผ้เู รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง, (กรงุ เทพฯ : เอมพันธ,์ ๒๕๕๘),
หนำ้ ๑๙๓-๑๙๔.
๑๗
โดยเฉพาะทักษะทางสังคม ทักษะการทางานกลุ่มย่อย และกระบวนการกลุ่มซึ่งจาเป็นที่จะต้องได้รับ
การฝึกฝน ทั้งน้ีเพ่ือให้สมาชิกกลุ่มเกิดความรู้ ความเข้าใจและสามารถนาทักษะเหล่าน้ีไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่
จากการศึกษา องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ พอสรุปได้ว่า ความเกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กันในทางบวก การปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันและกัน ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละบุคคล
การใช้ทักษะระหว่างบุคคล การทางานกลุ่มย่อย และกระบวนการกลุ่มซ่ึงจาเป็นที่จะต้องได้รับการ
ฝึกฝน ท้ังน้ีเพื่อให้สมาชิกกลุ่มเกิดความรู้ ความเข้าใจและสามารถนาทักษะเหล่านี้ไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ได้อย่างเตม็ ท่ี
๒.๓ แนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกับการเรียนรู้แบบจกิ๊ ซอร์
๒.๓.๑ การเรียนรู้แบบจ๊ิกซอร์
๒.๓.๑.๑ ความหมายของการเรียนรแู้ บบจก๊ิ ซอร์
กรมวิชาการ9 ได้กล่าวถึงการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ว่า หมายถึง
เป็นการจัดใหผ้ ู้เรยี นท่ีมคี วามแตกต่างกันกลุ่มละ ๕ - ๖ คน เรยี นร้รู ่วมกนั โดยผสู้ อนแบ่งบทเรียนเป็น
เรื่องย่อยๆ เมื่อได้รับมอบหมายให้ผู้เรียนแบ่งภารกิจไปศึกษาเร่ือยๆ และนาผลการศึกษามานาเสนอ
ต่อกลุ่ม
สุมณฑา พรหมบุญ10 ได้กล่าวถึงการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ (Jigsaw)
ไว้ว่า เป็นกิจกรรมท่ีครูมอบหมายให้สมาชิกในกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มศึกษาเนื้อหาในบทเรียนหรือ
เอกสารท่ีกาหนดให้ สมาชิกแตล่ ะคนจะถกู กาหนดให้ศึกษาเน้ือหาคนละตอนแตกต่างกัน คนเรียนเร็ว
และอ่านเร็วอาจจดั ให้ศึกษาเนื้อหามากกว่าคนเรยี นช้าอา่ นชา้ นกั เรียนทศ่ี ึกษาหัวขอ้ เดียวกันจากทกุ ๆ
กลุ่มจะร่วมกันเปน็ กลมุ่ ผเู้ ชี่ยวชาญ หลังจากท่ีทุกคนศกึ ษาเน้ือหาจนเข้าใจ ร่วมกันคดิ หาวิธีอธิบายให้
เพ่ือนนักเรียนในกลุ่มประจาของตนฟังแล้วนักเรียนแต่ละคนจะกลับมายังกลุ่มที่ประจาของตน
สมาชิกที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษาหน้าต้นๆ หรือโจทย์ข้อแรกจะเป็นคนเล่าเร่ืองที่ตนศึกษาให้สมาชิก
คนอ่ืนๆ ในกลุ่มฟัง ทาเช่นเดียวกันน้ีโดยการเรียงลาดับไปจนถึงหน้าสุดท้ายหรือโจทย์สุดท้าย
จงึ ขอให้สมาชิกใดคนหนึง่ สรุปเน้อื หาของสมาชกิ ทุคนเขา้ ดว้ ยกัน ครูควรทดสอบความเข้าใจในเนอื้ หา
ท่เี รียนในช่วงสดุ ทา้ ยของการเรยี น และให้รางวัล
สุรีย์ บาวเออร์11 ได้สรุปเทคนิคของการเรียนแบบร่วมมือเทคนิคจ๊ิกซอร์ ไว้ดังน้ี
กลุ่มอาจจะประกอบด้วย ๓ - ๖ คน การแบ่งกลุ่มคานึงถึงความสามารถ เพศ และเช้ือชาติท่ีแตกต่าง
กัน เทคนิคนี้มีการแบ่งเนอื้ หาออกเป็นหัวข้อย่อยๆ และให้สมาชิกแต่ละกลุม่ ไปศึกษา จากนั้นสมาชิก
9 กรมวิชำกำร, “การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)”, วำรสำรวิชำกำร, ปีที่ ๒
ฉบับท่ี ๓, หน้ำ ๔๑.
10สุมณฑำ พรหมบุญ, การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ, (กรุงเทพมหำนคร : แดเน็กซ์ อินเตอร์
คอรป์ อเรชน่ั , ๒๕๖๐), หน้ำ ๗๐-๗๑.
11 สุรีย์ บำวเออร์, การออกแบบการเรียนรู้ตามแนวคิด, (มหำสำรคำม : มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม,
๒๕๕๘), หน้ำ ๑๗-๑๙.
๑๘
แต่ละกลุ่มท่ีศึกษาหัวข้อเดียวกันจะพบปะกันเพ่ือปรึกษาอภิปรายร่วมกัน (Expert Group) หลังจาก
การศึกษาสิ้นสุดลงแล้ว สมาชิกแต่ละกลุ่มจะกลับไปยังกลุ่มของตน และสรุปให้สมาชิกในกลุ่มฟัง
ส่วนการทดสอบจะทาหลังจากการสอนส้ินสุดลงแล้ว โดยท่ีนักเรียนแตล่ ะคนจะต้องทาแบบทดสอบท่ี
ครเู ตรยี มให้ และคะแนนของแตล่ ะคนท่ีได้จะขึน้ อยกู่ ับความสามารถในการตอบคาถาม
จากการศึกษา ความหมายของการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ พอสรุปได้ว่า
เป็นการจัดให้ผเู้ รียนท่มี คี วามสามารถแตกตา่ งกัน กลุ่มละ ๓ - ๖ คนเรียนรรู้ ว่ มกันโดยครแู บ่งบทเรียน
ออกเป็นเรอ่ื งย่อยๆ เท่ากับจานวนสมาชิกของแต่ละกลุ่ม สมาชิกแต่ละกลุ่มแบง่ หวั ขอ้ ในการศึกษาคน
ละหัวข้อ แล้วให้สมาชิกที่ศึกษาหัวข้อเดียวกันของทุกกลุ่มไปศึกษาและอภิปรายร่วมกันจนเกิดความ
เขา้ ใจดีแล้ว จึงกลับไปรายงานผลให้สมาชิกในกลุ่มฟังทีละหวั ขอ้ จนครบถว้ น เมื่อจบบทเรยี นครจู ะทา
การทดสอบความรู้ และใหร้ างวัลเปน็ การเสรมิ แรง
๒.๓.๑.๒ ขัน้ ตอนการเรียนแบบร่วมมอื โดยใชเ้ ทคนิคจ๊กิ ซอร์
การจัดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์ กรมวิชาการ12 ได้เสนอ
ข้นั ตอนของการเรยี นแบบร่วมมอื โดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ สรุปไดด้ ังนี้
๑) ครูบอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้แก่นักเรียนว่าการเรียนครั้งน้ีนักเรียนจะร่วมมือกัน
เรยี น เพ่อื ให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจได้ดไี ดอ้ ย่างไร
๒) ครูสอนเนอ้ื หาและอภปิ รายร่วมกับนกั เรียน เพอ่ื ทบทวนความรู้เดมิ เก่ยี วกบั เร่อื งที่จะ
เรยี น
๓) จัดนักเรียนในหอ้ งเปน็ กลุ่มๆ ละ ๕-๖ คน โดยให้นักเรียนในแตล่ ะกลมุ่ เป็นนกั เรยี นท่ี
มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นแตกตา่ งกัน ทง้ั เก่ง ปานกลาง และออ่ น
๔) มอบหมายใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ทาการศึกษาเรอื่ งทค่ี รูเตรียมไว้
๕) นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดแบ่งเน้ือหาเป็นเรื่องย่อย และแบ่งภาระให้สมาชิกในกลุ่มไป
ศึกษาเร่ืองยอ่ ยเหล่านัน้ ร่วมกับสมาชิกกลมุ่ อื่นๆ
๖) หลังจากท่ีศึกษาค้นคว้าแล้ว นักเรียนกลับมาพบกลุ่มเพื่อรายงานผลการศึกษาและ
สรุปความรู้เกยี่ วกับเร่อื งท่ีแตล่ ะคนรบั ผิดชอบ
๗) ทดสอบความรู้เป็นรายบุคคล และคานวณเป็นคะแนนรายบุคคล และเฉล่ียเป็นของ
กล่มุ
๘) สรปุ รายงาน ผลของการทดสอบ และการเสริมแรงจากครู
กรมสามัญศึกษา13 ได้เสนอข้ันตอนในการดาเนินการการจัดกิจกรรมการเรียนแบบ
รว่ มมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอรด์ งั น้ี
๑) ครแู บ่งหวั ขอ้ ทจี่ ะเรยี นเป็นหวั ข้อย่อยๆ ใหเ้ ท่ากับจานวนสมาชิกของแตล่ ะกลมุ่
12 กรมวิชำกำร, การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning), วำรสำรวิชำกำร, ปีท่ี ๒
ฉบับที่ ๓, หนำ้ ๖๗.
13 กรมสำมัญศึกษำ, ชุดประกันคุณภาพการศึกษา กรมสามัญศึกษา, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภำ
ลำดพรำ้ ว), หน้ำ ๒๓.
๑๙
๒) จัดกลุ่มของนักเรียนกลุ่มละประมาณ ๔ คน โดยให้สมาชิกของแต่ละกลุ่มมี
ความสามารถคละกัน กลุม่ นีเ้ รียกวา่ “กลุม่ ประจา” (Home group หรือ Original group)
๓) มอบหมายให้สมาชิกแต่ละคนอ่าน/ศึกษาหัวข้อย่อยท่ีจัดแบ่งไว้ เช่น ในกลุ่ม A
มสี มาชิก จานวน A ๑, A ๒, A ๓ และ A ๔
นักเรียน A ๑ อ่านเฉพาะหัวข้อย่อยท่ี ๑
นักเรยี น A ๒ อา่ นเฉพาะหวั ข้อย่อยที่ ๒
นักเรียน A ๓ อา่ นเฉพาะหัวข้อย่อยท่ี ๓
นักเรยี น A ๔ อา่ นเฉพาะหวั ข้อยอ่ ยท่ี ๔
๔) ให้นักเรียนท่ีอ่านหัวข้อ/หัวเรื่องเดียวกัน แยกออกมารวมกันเป็นกลุ่มช่ัวคราว
เพื่ออภิปราย ซักถามและทากิจกรรมร่วมกันให้เกิดความรอบรู้ในหัวเรื่องน้ันๆ กลุ่มใหม่นี้เรียกว่า
กลุ่มผู้เช่ียวชาญ (Expert groups หรือ Mastery group) ในกรณนี ี้ถ้ามีกลุ่มประจาอยู่ ๕ กลุ่ม คือ A,
B, C, D และ E กลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญกลมุ่ ที่ ๑ ก็จะประกอบด้วยสมาชิก A ๑, B ๑, C ๑, D ๑ และ E ๑
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มท่ี ๒ ก็จะประกอบด้วยสมาชิก A ๒, B ๒, C ๒, D ๒ และ E ๒
อย่างน้ีไปเรอ่ื ยๆ
๕) มอบหมายหนา้ ทใ่ี ห้นักเรยี นในกล่มุ ผูเ้ ชีย่ วชาญ เชน่
นกั เรียนคนท่ี ๑ อ่านคาถาม/คาส่ัง/คาชีแ้ จง
นักเรียนคนท่ี ๒ จดบนั ทึกข้อมูลสาคัญที่กาหนดให้ และอธบิ ายว่ากลมุ่ จะตอ้ งทาอะไร
นักเรียนคนท่ี ๓ และ ๔ หาคาตอบ/เหตผุ ล/คาอธิบาย
นักเรียนคนที่ ๕ สรุปทบทวนและตรวจสอบคาตอบอีกทีหนึ่ง นักเรียนทาแต่ละข้อ
(ประเด็น) เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นหมุนเวียนเปล่ยี นหน้าท่ีกนั จนครบทกุ ขอ้ (ประเดน็ )
๖) นักเรียนในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Expert groups) แยกตัวกลับไปยังกลุ่มประจาของตน
(Home group) แล้วผลัดกันอธิบายความรู้ที่ได้จากการทากิจกรรม (ในข้อท่ี ๕) ให้เพ่ือนสมาชิกใน
กลมุ่ ฟังตามลาดับหัวข้อย่อย โดยเรม่ิ จากหัวข้อที่งา่ ยและเป็นความรพู้ น้ื ฐานก่อน
๗) นกั เรยี นทุกคนต่างทาแบบทดสอบย่อย (Quiz) เพอื่ วัดความรทู้ ุกหัวข้อย่อย (เป็นการ
สอบเดยี่ ว) แลว้ นาคะแนนของสมาชิกแต่ละคนมารวมกันเป็น “คะแนนของกลุ่ม”
๘) กลุ่มท่ีไดค้ ะแนนรวม (หรือค่าเฉล่ีย) สูงสดุ จะได้รับการยกย่อง ชมเชย อาจจะเขียน
ป้ายปดิ ประกาศไวท้ ี่บอรด์ ของหอ้ ง และบันทึกสถติ ิไว้เพ่อื มอบรางวลั เป็นระยะๆ
จากการศกึ ษา การเรยี นการสอนแบบรว่ มมอื โดยใช้เทคนคิ จก๊ิ ซอร์ พอสรุปได้วา่
มีขัน้ ตอนดงั น้ี
๑) ครูบอกวัตถุประสงค์การเรยี นรู้
๒) นาเขา้ ส่เู รอื่ งท่ีจะเรยี น
๓) จัดแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ ๔ คน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นแตกตา่ งกนั ท้ัง เก่ง ปานกลาง และอ่อน เรียกวา่ กล่มุ ประจา
๔) แบ่งงานในกลุ่มประจา
๕) ให้นักเรียนท่ีศึกษาหัวเรื่องเดียวกันแยกมารวมกันช่ัวคราวเรียกว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
เพ่ืออภปิ รายซกั ถามและทากจิ กรรมรว่ มกนั ใหเ้ กิดความรู้ในเรือ่ งนนั้ ๆ
๒๐
๖) นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ แยกตัวกลับไปยังกลุ่มประจาของตน แล้วผลัดกันอธิบาย
ความรทู้ ี่ได้จากการทากิจกรรมใหส้ มาชิกในกลุม่ ฟงั ตามลาดบั
๗) ทดสอบความรู้เป็นรายบุคคล แล้วนาคะแนนของสมาชิกแต่ละคนมารวมกันเป็น
คะแนนของกลมุ่ สมาชกิ ในกลุ่มได้คะแนนเท่ากัน
๘) ให้รางวลั กลุ่มท่ีได้คะแนนสูงสุด
๒.๔ แนวคดิ เกยี่ วกับแผนการจัดการเรียนรู้
๒.๔.๑ ความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้ส่ือการสอน
การวัดผลประเมินผลใหส้ อดคล้องกับเน้ือหาและจดุ ประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร หรอื กลา่ วอีกนัย
หน่ึงได้ว่า แผนการสอนเปน็ แผนทผี่ สู้ อนจัดทาขึน้ จากคู่มือครูหรือแนวการสอนของกรมวิชาการ ทาให้
ผ้สู อนทราบว่าจะสอนเนื้อหาใด เพื่อจุดประสงค์ใด สอนอยา่ งไร ใช้ส่ืออะไรและวัดผลประเมนิ ผลโดย
วธิ ีใด
วิมลรัตน์ สุนทรวิโรจน์14 ได้อธิบายไว้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นแผนการจัด
กิจกรรมการเรียน การจัดการเรียนรู้ การใช้สื่อการจัดการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผลให้สอดคล้อง
กับเนื้อหาและจุดประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้
เป็นแผนที่จดั ทาข้ึนจากคู่มือครู หรือแนวทางการจัดการเรียนร้ขู องกรมวชิ าการ ทาให้ผู้จัดการเรียนรู้
ทราบว่าจะจัดการเรียนรู้เน้ือหาใด เพื่อจุดประสงค์ใด จัดการเรียนรู้อย่างไร ใช้สื่ออะไร และวัดผล
ประเมินผลโดยวธิ ีใด
ชนาธิป พรกุล15 ได้ให้ความหมายไว้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้เป็นแนวทางการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเขียนไว้ล่วงหน้า ทาให้ผู้สอนมีความพร้อม และม่ันใจว่าสามารถสอนได้
บรรลจุ ดุ ประสงค์ทกี่ าหนดไว้และดาเนนิ การสอนไดร้ าบรน่ื
อาภรณ์ ใจเที่ยง16 ได้อธิบายไว้ว่า แผนการสอนมีความหมายเช่นเดียวกันกับ แผนการ
จัดการเรียนรู้ กล่าวคือ เป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้ส่ือการเรียนรู้ และการ วัดผล
ประเมินผลที่สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และจุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีกาหนด สรุปได้ว่า แผนการ
จัดการเรียนรู้ หมายถึงแนวการจัดการเรียนการสอนของครู ภายใต้กรอบ เนื้อหาสาระท่ีต้องการให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยกาหนดจุดประสงค์ วิธีการดาเนินการหรือกิจกรรม ให้ผู้เรียนบรรลุ
วัตถุประสงค์ สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และวิธีวัดผลประเมินผลที่สอดคล้องกับ จุดประสงค์การ
เรยี นรู้
14 วิมลรัตน์ สุนทรวิโรจน์, การออกแบบการเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design, (มหำสำรคำม :
มหำวทิ ยำลยั มหำสำรคำม, ๒๕๕๓), หนำ้ ๓๔.
15 ชนำธิป พรกุล, การออกแบบการสอน การบูรณาการการอ่าน การคิดวิเคราะห์และการเขยี น, พิมพ์
ครัง้ ที่ ๒, (กรุงเทพมหำนคร : สำนักพมิ พ์แหง่ จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย, ๒๕๕๒), หนำ้ ๘๕.
16 อำภรณ์ ใจเที่ยง, หลักการสอน, พิมพ์ครั้งที่ ๕, (กรงุ เทพมหำนคร : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓), หนำ้ ๒๑๖.
๒๑
จากการศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ พอสรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง
เอกสารท่ีแสดงให้เห็นถึงแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า มีรายละเอียด
เก่ียวกับเน้ือหาสาระที่จะเรียนรู้ จุดประสงค์ของการเรียนรู้ รูปแบบของวิธีการสอน สื่อการเรียนการ
สอน การวัดผลประเมินผล และระยะเวลาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ เปน็ หลักฐานที่สามารถสร้างความ
เชอื่ มนั่ หรือตอบคาถามสงั คมได้วา่ ผู้เรียนนนั้ ได้อะไรจากกิจกรรมการเรียนรู้
๒.๔.๒ ความสาคัญของแผนการจดั การเรียนรู้
จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง จากเอกสาร ตาราวิชาการ ทาให้ทราบถึงของ
แผนการจัดการเรียนรู้ประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้ ประเภทของแผนการจัดการเรียนรู้
ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี ขั้นตอนในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ และการหา
ประสทิ ธิภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้ ดงั ทไ่ี ด้คน้ ควา้ ไวเ้ ป็นแนวทางของการศึกษา ไวด้ ังน้ี
แผนการจัดการเรียนรู้เป็นกุญแจดอกสาคัญท่ีจะทาให้การเรียนสอนมีประสิทธิภาพ
ย่งิ ขึน้ พอสรปุ ความสาคญั ได้ ดังน้ี
๑. ทาให้เกิดการวางแผนวิธีสอน วิธีเรียนที่ดี ท่ีเกิดจากการผสมผสานความรู้และ
จิตวิทยาทางการศกึ ษา
๒. ช่วยให้ครูมีคู่มือการสอนที่ทาด้วยตนเองล่วงหน้า ทาให้ครูมีความมั่นใจในการสอน
จนการวัดและประเมินผล
๓. ส่งเสริมให้ครูใฝ่ศึกษาหาความรู้ท้ังหลักสูตร และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ตลอดจนการวดั และประเมินผล
๔. ใชเ้ ปน็ คู่มอื สาหรับครูทมี่ าสอนแทน
๕. เป็นหลกั ฐานแสดงขอ้ มลู ที่ถกู ตอ้ ง เทย่ี งตรง เป็นประโยชนต์ ่อวงการศึกษา
๖. เป็นผลงานทางวชิ าการแสดงความชานาญการและเชีย่ วชาญของผู้จัดทา
จากการศกึ ษา ความสาคญั ของแผนการจัดการเรยี นรู้ พอสรุปได้วา่ ความสาคัญของแผนการ
จดั การเรยี นรู้นน้ั ทาให้ครูได้ศึกษากระบวนการสร้างผู้เรียนและการเรียนรู้อยา่ งมีระบบ เพราะครูตอ้ ง
ศึกษาหลักสูตร จุดมุ่งหมาย จุดประสงค์ โครงสร้าง วิธีการสอน การวัดผลประเมินผล อีกท้ังยังเป็น
เครื่องมือที่ช่วยให้ครูมีแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างชัดเจน และใช้เป็นข้อมูลหรือ
แนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรอู้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพต่อไป
๒.๔.๓ ลักษณะของแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
สุนันทา สุนทรประเสริฐ17 กล่าวไว้ว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีดี ควรมีการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่เี ขา้ ลกั ษณะ ดงั น้ี
๑. การเขียนสาระสาคัญ ควรเขียนสรุปความรู้ในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้น้ันให้
ถกู ต้องชดั เจน ครอบคลุม ถ้ามหี ลายเร่ืองควรแยกเป็นข้อๆ
๒. ตอ้ งกาหนดจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ไวใ้ หช้ ัดเจน ควรเขียนเป็นจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
สอดคล้องกับสาระสาคญั กาหนดพฤตกิ รรม เงอ่ื นไขและเกณฑ์ให้ชัดเจน
17 สุนนั ทำ สนุ ทรประเสริฐ, การสร้างแบบฝกึ , (ชยั นำท: ชมรมพฒั นำควำมรูด้ ำ้ นระเบียบกฎหมำย), หน้ำ
๑๑.
๒๒
๓. การเขยี นเน้ือหา ควรเขียนชอื่ เรอ่ื งใหญ่ และมหี ัวเรื่องย่อยเป็นสว่ นประกอบ ถ้ามเี นื้อหา
มากควรพิมพไ์ วภ้ าคผนวก ในลกั ษณะของใบความรู้
๔. การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนควรกาหนดกิจกรรมดังน้ี
๔.๑ จัดกจิ กรรมสนองจุดประสงคท์ กุ ข้อ
๔.๒ ควรมีการนาเสนอ การสอน การสรปุ อย่างเป็นระบบ
๔.๓ จัดกิจกรรมโดยเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของ
ผู้เรียน
๔.๔ การเขียนข้ันตอนกิจกรรม การมีรายละเอียดชัดเจน ให้คนอ่ืนสามารถนาไปช้า
ได้ควรระบวุ ่าทาอะไร ทาอย่างไร เพอ่ื อะไร
๔.๕ การแนบรายละเอียด ของกิจกรรมภาคผนวก ต้องกล่าวโยงให้ชัดเจน ในช้ัน
กิจกรรม
๕. ส่ือการสอนท่ีใช้ควรยึดหลัก หาง่าย ประหยัด สร้างสรรค์ เหมาะสม ซ่ึงควรมีลักษณะ
ดังน้ี
๕.๑ กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
๕.๒ ทาให้ผ้เู รยี นเข้าใจบทเรยี นมากข้นึ
๕.๓ สามารถย่อหรือขยาย สิ่งทจี่ ะเรยี นรู้แทนของจรงิ ได้
๕.๔ ผ้เู รยี นจาไดน้ านกว่าการรบั เพียงอย่างเดยี ว
๕.๕ มสี ่วนเสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรคใ์ หผ้ ู้เรียน
๕.๖ การวดั ผลจากการเรียน ต้องเขยี นไว้ใหช้ ัดเจน
๕.๗ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรกล่าวอ้างให้ชัดเจนว่า
อยทู่ ่ใี ดเพราะส่วนน้จี ะทาให้แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ ด่นชัดข้นึ
รุจิร์ ภู่สาระ18 กล่าวไว้ว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีดี ควรมีการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู้ที่เขา้ ลักษณะ ดังนี้
๑. มีความละเอียด ชัดเจน มีหัวข้อและส่วนประกอบต่าง ๆ ครอบคลุมตามศาสตร์ของการ
สอนโดยสามารถตอบคาถามต่อไปน้ี
๑.๑ สอนอะไร (หนว่ ย หัวเรือ่ ง ความคดิ รวบยอดหรอื สาระสาคัญ)
๑.๒ เพ่ือเป้าหมายอะไร (ควรเขียนเป็นเชิงพฤติกรรมโดยคานึงถึงเป้าหมายของ
ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้)
๑.๓ ดว้ ยสาระอะไร (เนื้อหา/โครงรา่ งเนื้อหา)
๑.๔ ใช้วิธีการใด (กิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น
สาคญั )
๑.๕ ใชเ้ คร่อื งมอื อะไร (วสั ดอุ ปุ กรณ์ ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้)
๑.๖ ทราบได้อยา่ งไรวา่ ประสบความสาเรจ็ (การวดั ผลและประเมนิ ผล)
๒. แผนการจัดการเรยี นรู้สามารถนาไปปฏบิ ัติไดจ้ ริง
18 รุจิร์ ภ่สู ำระ, การเขียนแผนการเรยี นร,ู้ (กรุงเทพฯ: บคุ๊ พอยท์,๒๕๕๕), หน้า ๓๗.
๒๓
๓. ส่วนประกอบต่าง ๆ ของแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องสัมพันธ์เช่ือมโยง
สมั พนั ธก์ นั เชน่
๓.๑ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ มีครอบคลุมสาระ/เนื้อหา และเป็นจุดที่พฒั นาผู้เรียนใน
ดา้ นความรู้ ทกั ษะ กระบวนการและเจตคติ
๓.๒ กิจกรรมการเรยี นรู้ ควรสอดคลอ้ งกับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ และเนอ้ื หา/สาระ
๓.๓ วัสดุอุปกรณ์ สื่อ และแหล่งการเรียนรู้ ควรสอดคล้องสัมพันธ์กับกิจกรรมการ
เรยี นรู้
๓.๔ การวดั ผลและประเมินผล ควรสอดคลอ้ งกับตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้
จากการศึกษา ลักษณะของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พอสรุปได้ว่า แผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้หรือแผนการสอนนั้นที่ดีจะต้องเน้นให้ครูผู้สอนเป็นผู้ลงมือค้นคว้าและจัดทา
แผนการสอนนั้นๆเองโดยเขียนกระจ่างแจ่มแจ้งและชัดเจน ท้ังด้านจุดประสงค์เน้ือหา ให้ตรงตาม
เกณฑ์ท่ีต้ังไว้ และท่ีสาคัญแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หรือแผนการสอนท่ีเขียนข้ึนมาน้ันต้องเน้น
ผู้เรียนเป็นสาคญั การใช้สื่อการสอนและการวัดประเมินผล ควรเป็นกิจกรรมทเ่ี น้นผู้เรียนได้ปฏิบัติได้
คิด ได้ทาลงมอื ปฏิบัตแิ ละสามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้
๒.๔.๔ ประโยชน์ของแผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
วัฒนาพร ระงับทุกข์19 กล่าวว่า การจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จะก่อให้เกิด
ประโยชนด์ งั ต่อไปน้ี
๑. ก่อให้เกิดการวางแผนและการเตรียมการล่วงหน้าเป็นการนาเทคนิควิธีการสอนการ
เรียนรู้ สื่อเทคโนโลยีและจิตวิทยาการเรียนการสอนมาผสมผสานประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมดา้ นตา่ งๆ
๒. ส่งเสริมให้ครูผู้สอนค้นคว้าหาความรู้เก่ียวกับหลักสูตร เทคนิคการเรียนการสอนการ
เลือกใช้สอ่ื การวัดประเมินผล ตลอดจนประเดน็ ตา่ งๆ ทจ่ี าเปน็
๓. เป็นคู่มือการสอนสาหรับครูผู้สอนและครูท่ีสอนแทน นาไปใช้ปฏิบัติการสอนได้อย่าง
มั่นใจ
๔. เป็นหลักฐานแสดงข้อมูลด้านการเรียนการสอน การวัดประเมินผลที่เป็นประโยชน์ต่อ
การจดั การสอนตอ่ ไป
๕. เป็นหลักฐานแสดงความเช่ียวชาญของครูผู้สอนซ่ึงสามารถนาไปเสนอเป็นผลงานทาง
วชิ าการบ้าง
ชนาธิป พรกุล20 กล่าววา่ การจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์
ดังตอ่ ไปน้ี
๑. ทาให้เกิดการวางแผนวิธีสอนวิธีเรียนท่ีมีความหมายยิ่งข้ึน เพราะเป็นการจัดทาอย่างมี
หลกั การท่ถี ูกต้อง
19 วัฒนาพร ระงับทุกข์, การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง, (กรุงเทพมหานคร : แดเน็กซ์
อนิ เตอรค์ อร์ปอเรช่นั , ๒๕๖๐), หน้า ๗๗.
20 ชนาธิป พรกุล, การออกแบบการสอน การบูรณาการการอ่าน การคิดวิเคราะห์และการเขียน, พิมพ์
คร้ังที่ ๒, (กรงุ เทพมหานคร : สานักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , ๒๕๕๒), หน้า ๕๒.
๒๔
๒. ช่วยให้ครูมีคู่มือการสอนท่ีทาด้วยตนเอง ทาให้เกิดความสะดวกในการจัดการเรียนการ
สอน ทาใหส้ อนได้ครบถว้ นตรงตามหลักสตู ร และสอนได้ทนั เวลา
๓. เป็นผลงานวชิ าการที่สามารถเผยแพร่เป็นตวั อยา่ งได้
๔. ช่วยให้ความสะดวกแก่ครูผูม้ าสอนแทนในกรณที ผี่ สู้ อนไม่สามารถเข้าสอนได้
จากการศึกษา ประโยชนข์ องแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ พอสรุปไดว้ า่
๑. เป็นคูม่ ือในการดาเนนิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ตามท่ีกาหนด
๒. เปน็ คมู่ ือจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ประกอบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
๓. เปน็ คูม่ ืออธบิ ายรายละเอียดแนวคดิ และขั้นตอนการวดั ผลประเมนิ ผลการจดั การเรียนรู้
๔. เป็นเครื่องช้วี ดั ประสทิ ธภิ าพการจดั การเรียนรู้ และขอ้ บกพร่องในการจดั การเรียนรู้
๕. เป็นหลักฐานในการปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบมีขั้นตอน
การจัดการเรยี นรู้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๒.๕ แนวคดิ เก่ียวกับผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น
๒.๕.๑ ความหมายของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข21 กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง
ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเป็นความสามารถพิเศษของนักเรียนในด้านต่างๆ ซึ่งเกิดจากนักเรียนได้ฝึก
ประสบการณ์เรียนรู้จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องฝึกประสบการณ์แนวทางการ
วดั ผลประเมนิ ผล สร้างเคร่ืองมือวัดทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ
อรทัย จันใด22 กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน หมายถึง ความรู้ความสามารถในการ
ที่จะพยายามเข้าถึงความรู้ หรือทักษะซึ่งเกิดจากการกระทาที่ประสานกันต้องอาศัยความพยายาม
อย่างมากทั้งองค์ประกอบทางดา้ นที่เก่ียวข้องกับสติปทา และองค์ประกอบท่ีใช้สถิติปทา แสดงออกใน
รูปของความสาเร็จซึ่งสามารถสังเกตและวัดได้ด้วยเคร่ืองมือทางจิตวิทยาหรือแบบทดสอบวัด
ผลสมั ฤทธทิ์ ่ัวไป
จากการศกึ ษา ความหมายของผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน พอสรุปไดวา ผลสมั ฤทธิท์ างการ
เรียน หมายถึง คุณลักษณะความรู ความสามารถของบุคคลท่ีมีการพัฒนาขึ้นหลังจากไดรับการเรียน
การสอนการฝึกฝนและการอบรมจนประสบความสาเรจ็ ในด้านความรูทกั ษะ และสรรถภาพดา้ นต่างๆ
21 พมิ พันธ์ เดชะคุปต์ และพเยำว์ ยนิ ดสี ขุ , การจัดการเรยี นรแู้ นวในทศวรรษท่ี ๒๑, (พิมพ์คร้ังที่ ๒),
(กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พแ์ ห่งจุฬำลงกรณม์ หำวิทยำลยั , ๒๕๕๘), หน้ำ ๔๙.
22 อรทยั จนั ใด, ปจั จยั ท่ีมอี ิทธิพลตอ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนภาษาองั กฤษ นักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปี
ท่ี ๖ สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาสกลนคร, (วิทยำนิพนธ์ กำรศกึ ษำมหำบณั ฑติ มหำวิทยำลยั มหำสำรคำม,
๒๕๕๓), หนำ้ ๑๘.
๒๕
๒.๕.๒ องค์ประกอบที่มอี ทิ ธิพลต่อผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน
สภุ าพรรณ โคตรจรัส23 กล่าวว่า องค์ประกอบท่ีมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนน้ันแบ่ง
ออกเปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
๑) องค์ประกอบด้านคุณลักษณะเดียวกับตัวผู้เรียน ได้แก่ เชาวน์ปัญญาความถนัดความรู้
พ้ืนฐานหรือความรู้เดิมของนักเรียน และอารมณ์เป็นแรงจูงใจความสนใจ ทัศนคติและนิสัยในการ
เรยี น ความนกึ คดิ เกย่ี วกับตนเอง ตลอดจนการปรบั ตวั และบคุ ลิกภาพอ่ืนๆ
๒) องค์ประกอบทางสภาพแวดล้อม สง่ิ แวดล้อมทางครอบครวั ฐานะทางเศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย
ความคาดหวงั ของบิดามารดา
น้าเพชร สินทอง24 ได้กล่าวถึง องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สรุปได้
ดงั นี้
๑) องค์ประกอบทางร่างกายได้แก่ การเจริญเติบโตของร่างกาย สุขภาพข้อบกพร่อง
และลักษณะทา่ ทางของรา่ งกาย
๒) องค์ประกอบทางความรัก ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดา ความสัมพันธ์ ระหว่าง
บดิ ามารดากบั บุตร ความสมั พันธร์ ะหว่างบตุ รและสมาชิกในครอบครวั
๓) องค์ประกอบทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเป็นอยู่ของ
ครอบครวั สภาพแวดลอ้ ม การอบรมเลีย้ งดขู องผู้ปกครอง และฐานะทางเศรษฐกจิ
๔) องคป์ ระกอบดา้ นความสมั พันธก์ ับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกนั
๕) องคป์ ระกอบทางการพฒั นาแหง่ ตน ได้แก่ สติปัญญา ความสนใจ เจตคตแิ ละแรงจูงใจ
๖) องคป์ ระกอบทางด้านการปรับตวั คือ การปรบั ตัวและการแสดงอารมณ์
จากการศึกษา องค์ประกอบท่ีมีอทิ ธิพลต่อผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน พอสรุปไดว้ ่า การเรียนการ
สอนท่ีจะประสบความสาเร็จได้นั้นจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ด้านตัวนักเรียน ด้านตัวครู ด้านสังคม
และปจั จัยท่สี ง่ ผลโดยตรงท่ีสาคัญอีกประการ คอื วธิ ีการสอนของครู
๒.๕.๓ ประเภทของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
วรรณรัตน์ อ้ึงสุประเสริฐ25 ได้จาแนกประเภทของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี นไว้ ๓ ประเภท ได้แก่
๑. แบบทดสอบแบบเลือกตอบ เป็นแบบทดสอบที่กาหนดให้ท้ังคาถามและคาตอบ
ผตู้ อบจะตอบโดยการเลือกคาตอบท่กี าหนดให้ ข้อดขี องข้อสอบประเภทน้ีคอื ตรวจได้ง่ายและรวดเร็ว
23 สุภำพรรณ โคตรจรัส, การศึกษาเฉพาะรายและการให้คาปรึกษา, (พิมพ์คร้ังท่ี ๓), (กรุงเทพฯ :
จุฬำฯ, ๒๕๕๘), หน้ำ ๑๐๓.
24 น้ำเพชร สินทอง, การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความวิตกกังวลระหว่างการ
อบรมเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขัน แบบมีเหตุผลและแบบปล่อยปละเลย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๕
โรงเรยี นสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบรุ ี, (วิทยำนิพนธ์ศึกษำศำสตรมหำบัณฑติ ,มหำวทิ ยำลัยรำมคำแหง,ปีกำรศึกษำ
ปีที่ ๒๕๕๑), หน้ำ ๑๘.
25 วรรณรัตน์ อ้ึงสุประเสริฐ, การวิจัยทางการศึกษา, (กรุงเทพฯ : คณะครุศำสตร์ สถำบันรำชภัฏจันทร
เกษม, ๒๕๕๒), หนำ้ ๙๔.
๒๖
ทาให้เป็นท่นี ิยมใช้ในการรวบรวมข้อมลู เพ่ือการวิจัย แบบทดสอบแบบเลือกตอบท่ีนิยม ใชใ้ นการวิจัย
มี ๒ ประเภท ได้แก่
๑) แบบทดสอบแบบเลือกตอบสองตัวเลือก แบบทดสอบประเภทน้ีมีลักษณะเป็น
ข้อสอบ ถูก – ผิด ซ่ึงใช้วัดความรู้ระดับความจาที่มักจะใช้ถามคาศัพท์ ค่านิยาม ข้อเท็จจริง
และวิธีการต่างๆ เป็นต้น การสร้างแบบทดสอบแบบ ถูก – ผิด น้ีข้อความท่ีถามต้องตัดสินใจได้ว่า
ถกู หรือผิดอย่างชัดเจน ไมค่ วรมีข้อความท่ีถูกและผิดอยู่ในข้อเดียวกันเพราะจะทาให้ตัดสินใจ ยากว่า
ข้อความน้ันถูกหรือผิดควรหลีกเลี่ยงการใช้ประโยคปฏิเสธและคาท่ีบอกปริมาณ เช่น มากน้อย
เสมอนอกจากน้ีแบบทดสอบถูก - ผิด ต้องถามเฉพาะประเด็นที่ว่าข้อความท่ีให้มาถูก หรือผิดตาม
เนอื้ หาและจุดประสงค์ทก่ี าหนด ไมใ่ ชถ้ ามลวงผูต้ อบโดยการวัดคาสะกดหรือภาษา ท่ีเขยี นในข้อความ
ท่ีกาหนดให้แบบทดสอบแบเลือกตอบสองตัวเลือกมีลักษณะเป็นแบบทดสอบ แบบ ถูก-ผิด ใช้วัด
ความสามารถระดับความรู้ ความจา
๒) แบบทดสอบแบบเลือกตอบหลายตัวเลือก แบบทดสอบประเภทนี้ เป็นแบบทดสอบ
ที่กาหนดตัวเลือกให้ผู้ตอบมากกว่า ๒ ตัวเลือก โดยท่ัวไปแล้วใช้ตัวเลือกระหว่าง ๓-๕ ตัวเลือก
และท่ีนิยมใช้มากที่สุดคือ ๔ ตัวเลือก ตัวเลือกท่ีกาหนดให้จะมีคาตอบท่ีถูกต้อง เพียง ๑ คาตอบ
เท่าน้ัน การสร้างแบบทดสอบแบบหลายตัวเลือกนี้ข้อคาถามและตัวเลือกท่ีเขียน ต้องมีความชัดเจน
และถูกต้อง โดยไม่ทาให้ผู้ท่ีเข้าใจเนื้อหาเกิดความสับสน แต่ต้องทาให้ผู้ที่ไม่รู้จริงไม่สามารถตอบถูก
ข้อคาถามแตล่ ะข้อตอ้ งเปน็ อิสระจากกัน และไม่ควรให้ข้อสอบ ข้อหน่ึงสามารถชีแ้ นะคาตอบในข้ออื่น
ๆ ข้อความในข้อคาถามควรเป็นประโยคสมบูรณแ์ ละไม่ควรใช้ประโยคปฏเิ สธแต่ถา้ มคี วามจาเปน็ ตอ้ ง
ใช้ควรขีดเส้นใต้คาถามปฏิเสธน้ันสาหรับตัวเลือกของแบบทดสอบในข้อสอบข้อเดียวกันควรเป็น
เร่ืองราวในประเภทเดยี วกัน
๒. แบบทดสอบแบบตอบส้ัน แบบทดสอบประเภทนี้เป็นแบบทดสอบที่กาหนดข้อ
คาถามให้เพียงอย่างเดียว และให้ผู้ตอบหาคาตอบเองโดยจากัดให้ตอบด้วยคาตอบเพียงคาเดียวหรือ
วลีส้ันๆการสร้างแบบทดสอบแบบตอบส้ันนั้นคาหรือวลีที่ให้ตอบต้องเป็นคาหรือวลีท่ีมี ความสาคัญ
และถ้าโจทย์ปัญหาท่ีเกี่ยวกับการคานวณต้องกาหนดด้วยว่าต้องการหน่วยใดและ ต้องระบุจานวน
ตาแหน่งของทศนิยมให้ชัดเจนด้วย ข้อสอบแบบตอบส้ันหน่ึงข้อไม่ควรเว้นช่องว่างให้ตอบหลายแห่ง
เพราะอาจจะกอ่ ให้เกิดความสับสนได้
๓. แบบทดสอบแบบบรรยาย เป็นแบบทดสอบที่กาหนดให้แต่ข้อคาถามและให้ผู้ตอบ
เขียนคาตอบได้อย่างอิสระ ข้อสอบประเภทน้ีนิยมใช้วัดความคิดริเริ่มและการสังเคราะห์ข้อสอบ
ประเภทน้ียากต่อการให้คะแนนอย่างถูกต้องและยุติธรรม ดังน้ันในการวิจัยไม่ค่อยนิยมใช้ข้อสอบ
ประเภทนี้ในการรวบรวมข้อมูลข้อคาถามในข้อสอบแบบบรรยายควรสร้างโดยกาหนดสถานการณ์
ใหมข่ ึ้นแลว้ ให้นักเรียนตอบโดยต้องใช้ความสามารถในการเขียนข้อความทต่ี ้องประมวลความรูท้ ่ีเรียน
มาและเสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ข้อคาถามควรต้องกาหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่า
ต้องการให้ผู้ตอบตอบในประเด็นใดเป็นสาคัญข้อสอบประเภทบรรยายน้ีไม่ควรมีข้อคาถามที่ให้
นักเรียนเลือกเพราะจะยากต่อการนาคะแนนผลการสอบมาเปรียบเทียบกัน และภายหลังท่ีผู้สอนได้
สร้างข้อคาถามเรียบร้อยแล้ว ควรเขียนคาตอบไว้ล่วงหน้าเพื่อจะได้กาหนดเกณฑ์การให้คะแนนไว้
ลว่ งหนา้ อันจะทาใหก้ ารตรวจใหค้ ะแนนมีความยตุ ิธรรมมากข้ึน
๒๗
ไพโรจน์ คะเชนทร์26 ได้จัดประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คือแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเอง (Teacher made tests) และแบบทดสอบ
มาตรฐาน (Standardized tests) ซึ่งทั้ง ๒ ประเภทจะถามเนอื้ หาเหมอื นกนั คือถามส่ิงที่ผู้เรียนไดร้ ับ
จากการเรียนการสอนซ่ึงจัดกลุ่มพฤติกรรมได้ ๖ ประเภท คือ ความรู้ ความจา ความเข้าใจ
การนาไปใช้ การวเิ คราะห์ การสงั เคราะห์ และการประเมนิ
๑. แบบทดสอบที่ครูสร้างข้ึนเป็นแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเองเพื่อใช้ในการทดสอบ
ผเู้ รยี นในชน้ั เรยี น แบ่งเป็น ๒ ประเภท คอื
๑.๑ แบบทดสอบปรนัย (Objective tests) ได้แก่ แบบถูก – ผิด (True-false)
แบบจับคู่ (Matching) แบบเติมคาให้สมบูรณ์ (Completion) หรือแบบคาตอบสั้น (Short answer)
และแบบเลอื กตอบ (Multiple choice)
๑.๒ แบบอัตนัย (Essay tests) ได้แก่ แบบจากัดคาตอบ (Restricted response
items) และแบบไมจ่ ากัดความตอบ หรอื ตอบอย่างเสรี (Extended response items)
๒. แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized tests) เป็นแบบทดสอบท่ีสร้าง โดย
ผู้เชี่ยวชาญท่ีมีความรู้ในเน้ือหา และมีทักษะการสร้างแบบทดสอบ มีการวิเคราะห์หาคุณภาพของ
แบบทดสอบ มคี าชี้แจงเกี่ยวกับการดาเนินการสอบ การให้คะแนนและการแปลผล มีความเปน็ ปรนัย
(Objective) มคี วามเที่ยงตรง (Validity) และความเช่อื มนั่ (Reliability) แบบทดสอบมาตรฐาน ไดแ้ ก่
California Achievement Test, Iowa Test of Basic Skills, Standford Achievement Test
และ the Metropolitan Achievement tests เปน็ ตน้
จากการศึกษา ประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน พอสรุปได้ว่า
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน แบ่งได้ ๒ ประเภท คือ แบบทดสอบมาตรฐาน ซึ่งสร้างจาก
ผู้เช่ียวชาญด้านเนื้อหาและด้านวัดผลการศึกษา มีการหาคุณภาพเป็นอย่างดี ส่วนอีกประเภทหน่ึง
คือ แบบทดสอบท่ีครสู ร้างข้ึน เพื่อใช้ในการทดสอบในชั้นเรยี น ในการออกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนคาศัพท์เพื่อการสื่อสาร ผวู้ ิจัยไดเ้ ลอื กแบบทดสอบทผ่ี ูว้ ิจัยสร้างขนึ้ แบบปฏิบัติ ในการวัด
ความสามารถในการนาคาศัพท์ไปใช้ในการส่ือสารด้านการการพูดและการเขียน และเลือก
แบบทดสอบแบบเขียนตอบท่ีจากัดคาตอบโดยการเลือกตอบจากตัวเลือกท่ีกาหนดให้ ในการวัด
ความรูค้ วามเขา้ ใจความหมายของคาศัพท์ และการนาคาศพั ท์ไปใชใ้ นการฟังและการอา่ น
๒.๕.๔ เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ27 สรุปได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ได้เป็น
๒ พวก ดังน้ี
26 ไพโรจน์ คะเชนทร์, การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, (กรุงเทพมหำนคร : แดเน็กซ์ อินเตอร์คอร์
ปอเรชน่ั , ๒๕๕๖), หนำ้ ๕๗.
27 ลว้ น สำยยศ และ องั คณำ สำยยศ, เทคนิคการวิจยั เพื่อการศกึ ษา, (พิมพค์ ร้งั ท่ี ๕), (กรุงเทพมหำนคร
: สุวรี ิยำสำส์น, ๒๕๕๘), หนำ้ ๑๔๖-๑๔๗.
๒๘
๑. แบบทดสอบของครู หมายถึง ชุดของคาถามที่ครูเป็นผู้สร้างขึ้น ซ่ึงเป็นข้อคาถาม
เก่ียวกับความรู้ที่นักเรียนได้เรียนในห้องเรียนว่านักเรียนมีความรู้มากแคไหน บกพรองตรงไหนจะได้
สอนซ่อมเสริม หรอื เป็นการวดั ความพร้อมทจี่ ะได้เรยี นในบทเรียนใหมข่ ้นึ อยู่กับความต้องการของครู
๒. แบบทดสอบมาตรฐาน แบบทดสอบประเภทนี้สร้างข้ึนจาก ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละ
สาขาวิชา หรือจากครูผู้สอนวิชาน้ัน แต่ผ่านการทดลองคุณภาพหลายคร้ัง จนกระท่ังมีคุณภาพดีจึง
สร้างเกณฑ์ ปกติของแบบทดสอบน้ัน สามารถใช้เป็นหลักเปรียบเทียบ ผลเพ่ือประเมินค่าของการ
เรียนการสอนใน เร่ืองใดๆ ก็ได้ แบบทดสอบมาตรฐานจะมคี ู่มือ ดาเนินการสอบ บอกวิธสี อนและยังมี
มาตรฐานในด้าน การแปลคะแนนด้วยท้ังแบบทดสอบท่ีครู สร้างข้ึนและแบบทดสอบมาตรฐานมี
วิธีการสร้างข้อคาถาม เหมือนกัน เป็นคาถามท่ีวัดเน้ือหา และพฤติกรรมท่ีสอนไปแล้ว จะเป็น
พฤติกรรมที่สามารถต้ังคาถาม วัดได้ซ่ึงควรวัดให้ครอบคลุม พฤติกรรมต่างๆ ดังนี้ ความรู้ - ความจา
,ความเข้าใจ,การนาไปใช้, การวเิ คราะห,์ การสังเคราะห์, การประเมนิ คา่
จากการศึกษาเอกสารเก่ียวกับเคร่ืองมือที่ใช้ในการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พอสรุป
ได้ว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซ่ึงแบ่ง
ออกเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ๑. แบบทดสอบของครู หรือแบบทดสอบมาตรฐาน ๒. แบบทดสอบแบบ
อิงเกณฑ์ หรือ แบบทดสอบแบบองิ กลุม่ ๓. แบบสอบถามทีเ่ ปน็ ลกั ษณะการวดั ดา้ นปฏบิ ัติ หรอื การวัด
ดา้ นเนอ้ื หา
๒.๖ งานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง
อัญญปารย์ ศิลปนิลมาลย์28 ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา หลักการ
พ้ืนฐานสาหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ ก่อนและหลัง
เรียนของนักศึกษา และศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิก
ซอร์ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักศึกษา รหัส ๕๕ ชั้นปีที่ ๒ หมู่ที่ ๑ สาขาวิชา
คอมพิวเตอร์ศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ ท่ีลงทะเบียนเรียนวิชาหลักการพ้ืนฐานสาหรับการ
พัฒนาซอฟต์แวร์ ในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๕๗ จานวน ๒๘ คน คัดเลือกด้วยวิธีการสุ่มอย่างงา่ ย มีหน่วย
สุ่มเป็นห้อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบทดสอบวัดผลก่อนและหลังเรียนวิชา หลักการพ้ืนฐาน
สาหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจ๊ิกซอร์ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
และ สถิติทดสอบคา่ ที (T-Test (Dependent Samples) ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ของนักศึกษาแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์ ในรายวิชาหลักการพื้นฐานสาหรับการพัฒนา
ซอฟต์แวร์ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ก่อนเรียนและหลังเรียน
แตกต่างกันอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดับ ๐.๐๑ และผลการสอบถามความพึงพอใจของนกั ศกึ ษาท่ี
ไดร้ ับการจัดการเรียนรแู้ บบร่วมมือโดยใช้เทคนคิ จ๊ิกซอร์ ในรายวิชาหลักการพื้นฐานสาหรบั การพฒั นา
28 อัญญปำรย์ ศิลปะนิลมำลย์, “การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจ๊ิกซอร์หลักการพื้นฐาน
สาหรับการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ด”, วจิ ัยในช้นั เรียน, (บณั ฑติ วทิ ยำลัย : มหำวทิ ยำรำชภัฎกำฬสินธ์ุ ๒๕๕๗), บทคัดย่อ.
๒๙
ซอฟต์แวร์ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธ์ุ พบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มี
ความพึงพอใจอยใู่ นระดับมากทสี่ ดุ (x̅ =๔.๗๒, S.D. = ๐.๒๓)
กรวรรณ กันยะพงศ์29 ได้ทาการศึกษาผลการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์
และพฤติกรรมการร่วมมือในช้ันเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ พบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนของนักเรียนในกลุ่มทดลองที่ใช้การเรียนแบบร่วมมือกับกลุ่มควบคุมท่ีใช้การเรียนตามคู่มือครู
ไม่มีความแตกตา่ งอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .๐๕ แต่นักเรียนในกลุ่มควบคมุ มีความแตกต่างกัน
ในด้านพฤตกิ รรมการร่วมมือ โดยนักเรียนในกลมุ่ ทดลองมีพฤติกรรมการร่วมมือสูงกวา่ นักเรยี นในกลุ่ม
ควบคุม อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .๐๕
กนกพร แสงสวา่ ง30 ไดศ้ ึกษาเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นและทกั ษะการทางาน
ร่วมกันในวิชา ส ๒๑๑๐๒ โลกของเรา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ท่ีสอนโดยการเรียนแบบ
ร่วมมือร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ กับการสอนแบบปกติ ผลการวิจัยปรากฏว่านักเรียนท่ี
ได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียน
ท่ีได้รับการสอบแบบปกติ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .๐๑ การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิก
ซอร์ ผลการวิจยั พบว่านกั เรียนทีไ่ ด้รบั การสอนโดยการเรยี นแบบรว่ มมอื โดยใช้เทคนคิ จกิ๊ ซอร์ มี
ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนหลงั เรยี นสูงกว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนได้รับการสอนโดยการเรียนแบบ
ร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์ อย่างมีนัยสาคัญที่ระดับ .๐๑ และจากการศึกษาพัฒนาการทักษะการ
ทางานร่วมกันของนักเรียนหลังจากได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจิ๊กซอร์
ผลการวิจัยปรากฏว่าหลังจากท่ีนักเรียนได้รับการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์
แลว้ นกั เรียนกลุ่มทดลองมีพัฒนาการทักษะการทางานรว่ มกนั สงู ข้ึน อย่างมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ
.๐๑
มนัสวี อุตรภาศ31 ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเรื่อง เรขาคณิตวิเคราะห์
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หลังจากใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิคจิ๊กซอร์
กับเกณฑ์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าคร้ังน้ี เป็นนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ท่ีเรียน
วิชาเลือกคณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ โรงเรียนท่าฉางวิทยาคาร อาเภอ ท่าฉาง
จงั หวัดสุราษฎร์ธานี จานวน ๑๓ คน เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการศกึ ษาค้นควา้ ได้แก่ แผนการจัดการ เรียนรู้
แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิคจิ๊กซอร์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดาเนินการสอนโดยใช้
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจิ๊กซอร์ เรื่องเรขาคณิตวิเคราะห์ จานวน ๔ คาบ แบบแผน
การวิจัยเป็นแบบ One-Group Posttest only Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ t-test
29 กรวรรณ กันยะพงศ์, “ทาการศึกษาผลการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคจ๊ิกซอร์ และพฤติกรรม
การร่วมมือในชัน้ เรียนของนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕”, พ.ศ. ๒๕๕๙, หน้า ๕๒.
30 กนกพร แสงสว่าง, “เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทักษะการทางานร่วมกันในวิชา ส
๒๑๑๐๒ โลกของเรา ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑”, พ.ศ. ๒๕๖๐, หน้า ๖๐-๖๑.
31 มนัสวี อุตรภาศ, “ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนคิ จ๊ิกซอร์เร่ือง เรขาคณิตวิเคราะห์ที่มี
ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑”, วิจัยในชั้นเรียน, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยา
เทคโนโลยภี าคใต้ ๒๕๖๑), บทคดั ยอ่ .
๓๐
for one sample ผลการศกึ ษาพบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เร่ือง เรขาคณิตวิเคราะห์ ของนักเรียน
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ หลังได้รบั การจัดการเรียนร้แู บบร่วมมอื ด้วยเทคนิคจ๊ิกซอร์ สูงกว่าเกณฑร์ ้อยละ
๖๐ อยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ .๐๕
วิทวัส แก้วสม32 ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ช้ันประถมศึกษา
ปที ี่ ๖ ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือดว้ ยเทคนิคจ๊ิกซอร์ประกอบหนังสอื อิเล็กทรอนิกส์
และศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ ทมี่ ีต่อการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วย
เทคนคิ จิ๊กซอรป์ ระกอบหนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์ กลุม่ ตวั อยา่ งท่ีใช้ในการวิจยั คือนกั เรียน ชั้น
ประถมศึกษาปีที่ ๖/๑ โรงเรยี นเทศบาลวัดชอ่ งครี ีศรีสิทธิวราราม จานวน ๓๐ คน ซึ่งไดม้ าจากการสุ่ม
แบบกลุ่มสองขน้ั ตอนด้วยการจับฉลากโดยมโี รงเรียนเปน็ หนว่ ยการสมุ่ เครอ่ื งมือ ท่ีใชใ้ นการวจิ ัยคร้ังนี้
มี ๓ ฉบับ คือ ๑) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจ๊ิกซอร์ประกอบ หนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ ได้ค่าเฉล่ียคุณภาพของแผนเท่ากับ ๓.๙๕ โดยมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก
๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยมีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง ๐.๖๗ ถึง ๑.๐๐
คา่ ความยากง่ายอยู่ระหว่าง ๐.๖๓ ถึง ๐.๘๐ และค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง ๐.๒๕ ถึง ๐.๕๑ และ
ค่าความเชื่อม่ันเท่ากับ ๐.๘๕ และ ๓) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา
อยู่ระหว่าง ๐.๖๗ ถึง ๑.๐๐ และค่าความเช่ือมั่นเท่ากับ ๐.๘๔ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ
พื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบท่ีแบบไม่
อิสระ
32 วิทวสั แก้วสม, “ผลการจดั การเรียนรู้แบบรว่ มมอื ด้วยเทคนิคจกิ๊ ซอร์ประกอบหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
ท่ีมีต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น และความพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรียนรวู้ ชิ าคอมพิวเตอร์ของนกั เรยี นชน้ั
ประถมศึกษาปที ่ี ๖”, วทิ ยำนิพนธ์ครุศำสตรมหำบณั ฑิต, (บณั ฑติ วทิ ยำลัย : มหำวิทยำลัยรำชภัฎนครสวรรค์
๒๕๖๒), บทคดั ย่อ.
๓๑
๒.๗ กรอบแนวคิดในการวิจยั
การวิจัยคร้ังนี้ คณะผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารตารา ทบทวนวรรณกรรมต่างๆ ท่เี กี่ยวกับการพัฒนา
ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนรายวชิ าเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจดั การเรียนรู้แบบรว่ มมอื ร่วมกับเทคนคิ การ
สอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง
อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์วรรณกรรมจนได้กรอบแนวคิดในการวิจัย
ดังนี้
ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม
การกิจกรรมการจดั การเรียนรู้ - ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ า
แบบรว่ มมือ รว่ มกบั เทคนิคจิ๊ก เศรษฐศาสตร์
ซอร์ รายวชิ าเศรษฐศาสตร์ - ความพงึ พอใจต่อการจัด
ข้นั ตอนการสอนแบบจกิ๊ ซอร์ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ
ขัน้ ที่ ๑ แบง่ สมาชกิ ให้มี ร่วมกับเทคนิคจ๊กิ ซอร์ รายวิชา
ความสามารถคละกนั เศรษฐศาสตร์
ขั้นท่ี ๒ แบง่ หัวขอ้ เทา่ จานวน
สมาชิกในกลุ่ม
ขน้ั ที่ ๓ แยกย้ายจากกลมุ่ บา้ น
ไปกลมุ่ ผู้เชีย่ วชาญ
ขัน้ ท่ี ๔ กลมุ่ ผเู้ ช่ียวชาญกลับ
กลมุ่ เดิมของตน
ขั้นท่ี ๕ เกบ็ คะแนนรายกลุ่ม
ขน้ั ที่ ๖ สร้างขวญั กาลงั ใจ
ภาพท่ี ๒.๑ กรอบแนวคิดในการวิจัย
บทท่ี ๓
ระเบียบวิธวี ิจัย
การวิจัยเรื่อง การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใชก้ ารจัดการเรยี นรู้
แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาล
บา้ นโนนชยั ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่
๓.๑ รปู แบบการวิจยั
๓.๒ กลมุ่ เป้าหมายท่ีใชใ้ นการวิจัย
๓.๓ วธิ ีดาเนินการศึกษา
๓.๔ เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ยั
๓.๕ การสร้างและหาคุณภาพเครือ่ งมอื
๓.๖ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
๓.๗ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
๓.๘ สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
๓.๑ รปู แบบการวิจัย
เรียนการวิจัยเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใชก้ ารจดั การ
เรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียน
เทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เป็นการวิจัยเชิงทดลอง
(Experimental Research)
๓.๒ กล่มุ เป้าหมายท่ใี ช้ในการวจิ ัย
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี เป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียน
เทศบาลบา้ นโนนชัย ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่ ๒๒ คน ชาย ๑๐ คน หญงิ ๑๒ คน
๓๖
๓.๓ วธิ ีดาเนินการศึกษา
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั ครั้งนี้ แบงออกได้ ดังน้ี
๓.๓.๑ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการสอนประกอบดว้ ย
การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย
ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซ่ึงในงานวิจัยน้ี ผู้วิจัยไดกาหนดแผนการจัดการเรียนรู้
เปน็ ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลา ๓ ชวั่ โมง
การศกึ ษาคร้ังนี้ ผ้วู ิจัยไดด้ าเนินการศึกษาโดยมลี าดับขัน้ ตอน ดังน้ี
๓.๓.๑.๑ เคร่ืองมือที่ใช้ ในการสอน
๓.๓.๑.๒ ศกึ ษาทฤษฎีและงานวิจัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง
๓.๓.๑.๓ ดาเนนิ การสร้างเคร่ืองมอื และแผนการจัดการเรียนรู้
๓.๓.๑.๔ นาเครื่องมือและแผนการจดั การเรียนรู้เสนอตอ่ อาจารย์ที่ปรึกษา
๓.๓.๑.๕ นาเครอื่ งมือและแผนการจัดการเรียนรู้ที่ไดร้ ับการปรบั ปรุงแกไ้ ขเสนอต่อผูเ้ ชย่ี วชาญ
๓.๓.๑.๖ ดาเนนิ การศกึ ษาตามแผนการจัดการเรยี นรู้
๓.๓.๑.๗ ใชเ้ ครอ่ื งมือในการวัดผลและประเมินผลการศกึ ษา
๓.๓.๑.๘ รวบรวมข้อมลู วเิ คราะห์ และสรปุ ผลการศึกษา
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย
ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด ๓ ช่ัวโมง เป็น
การวิจยั เชิงทดลอง (Experimental Research) ดาเนินการทดลองตามรูปแบบการวิจยั One Group
Pretest-Posttest Design ทม่ี กี ารศึกษาจากกลุ่มเป้าหมายเพียงหน่งึ กลุ่ม และมีการทดสอบกอ่ นและ
หลังจากการจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง หลักการ
และเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้าน
โนนชยั จงั หวัดขอนแกน่
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ มีข้ันตอนการดาเนินการ
ดังนี้
๑. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และแบ่งกลุ่มนักเรียนคละตามผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โดยเลอื กแบง่ กลุม่ โดยคละความสามารถ
๒. ดาเนินการทดสอบก่อนเรียนกับกลุ่มนักเรียนเป้าหมาย โดยใช้แบบทดสอบวัดผล
สัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์ เร่ือง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จานวน ๒๐ ขอ้ ทผ่ี ูว้ จิ ยั สร้างขน้ึ และบนั ทึกผลการทดสอบท่ีได้เปน็ คะแนนก่อนเรียน (Pre-test)
๓. ดาเนินการสอนตามการจัดการเรียนรู้การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา
เศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
กบั นักเรียนกลุ่มตัวอยา่ ง เป็นเวลา ๓ ชั่วโมง โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ทัง้ หมดจานวน ๓ แผนการ
จัดการเรยี นรู้
๓๗
๔. เม่ือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครบเวลา ๓ ช่ัวโมง ให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายทา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นหลังเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์ เรือ่ ง หลักการและเป้าหมายของ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จานวน ๒๐ ข้อ โดยเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกันกับกอ่ นเรียน และบนั ทึก
ผลการทดสอบทีไ่ ดเ้ ปน็ คะแนนหลังเรยี น (Post-Test)
๕. ให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ที่มีต่อการ
จัดการเรียนรเู้ ร่ือง หลักการและเป้าหมายปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปี
ที่ ๑ โรงเรยี นเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแกน่ จานวน ๑๐ ขอ้
๓.๔ เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย
๓.๔.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง หลักการและเป้าหมายปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น จานวน ๓ แผนการ
เรยี นรู้ ๓ ชั่วโมง คือ แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง หลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
๓.๔.๒ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง หลักการและ
เป้าหมายปรัชญาเศรษฐกจิ เป็นแบบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ ๔ ตัวเลือก จานวน ๒๐ ขอ้
๓.๔.๓ แบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
เรอ่ื ง หลักการและเปา้ หมายปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จานวน ๑๐ ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณ
คา่ (Rating Scale) ตามวธิ ขี อง Likert มี ๕ ระดับ คอื
๕ หมายถึง มีระดบั ความคิดเห็นตอ่ การจัดการเรียนรู้มากทีส่ ดุ
๔ หมายถึง มรี ะดบั ความคดิ เห็นต่อการจัดการเรยี นรู้มาก
๓ หมายถึง มรี ะดับความคิดเห็นตอ่ การจัดการเรยี นรปู้ านกลาง
๒ หมายถึง มรี ะดบั ความคดิ เห็นต่อการจัดการเรียนรู้นอ้ ย
๑ หมายถึง มีระดบั ความคดิ เหน็ พฤตกิ รรมตอ่ การจดั การเรยี นรนู้ อ้ ยที่สดุ
๓.๕ การสร้างและหาคณุ ภาพเคร่ืองมือ
ในการศึกษาคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้ดาเนินการสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เพ่ือจะนาไปทดลองใช้จริงในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โดยผู้วิจัยได้ดาเนินการตามลาดับ
ดังน้ี
๓.๕.๑ การสรา้ งและหาคุณภาพของการพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจก๊ิ ซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซ่ึงคณะผู้วิจัย
สร้างข้นึ จานวน ๓ แผนการสอน มขี ัน้ ตอนการสร้าง ดังนี้
๓.๕.๑.๑ ศึกษาตาราและเอกสารงานวิจัยที่เก่ียวกับการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
รายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง
จงั หวดั ขอนแก่น
๓๘
๓.๕.๑.๒ ศึกษาหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบับปรับปรุง
หลักสูตรสถานศึกษา ของโรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น และสื่อการสอน
เรื่อง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
โรงเรยี นเทศบาลบา้ นโนนชัย จงั หวัดขอนแก่น
๓.๕.๑.๓ สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วยสาระสาคัญ ผลการเรียนรู้ที่
คาดหวงั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื /อปุ กรณก์ ารเรยี นรู้ การวัดผลและประเมินผลจานวน ๑ ชดุ
๓.๕.๑.๔ นาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่สร้างขึ้น เสนออาจารย์ท่ีปรึกษาวิจัย
เพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสอดคล้องกับสาระสาคัญ ผลการเรียนรู้ท่ี
คาดหวงั จุดประสงค์การเรยี นรู้ สื่อ/อปุ กรณ์การเรียนรู้ การวัดผลและการประเมินผล จานวน ๑ ทา่ น
๓.๕.๑.๕ นาแผนการจดั การเรียนรู้ทผ่ี ่านการตรวจสอบจากอาจารย์ท่ีปรกึ ษาวิจัย ไปให้
ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิจารณา จานวน ๓ ท่าน เพ่ือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ พิจารณาความสอดคล้อง
ความเหมาะสมของภาษา ครอบคลุมเนื้อหา ความถูกต้องของสาระการเรียนรู้ กระบวนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และประเมินความสอดคล้องระหว่างแผนการจัดการ
เรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง ( Index of Item
Objective Congruence : IOC) ซงึ่ มีเกณฑก์ ารประเมิน ดงั นี้
ใหค้ ะแนน +๑ ถา้ แน่ใจวา่ แผนการจัดการเรียนร้ตู รงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ให้คะแนน ๐ ถา้ ไม่แนใ่ จวา่ แผนการจดั การเรียนรตู้ รงตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ใหค้ ะแนน -๑ ถา้ แน่ใจวา่ แผนการจัดการเรยี นรู้ไมต่ รงตามจุดประสงค์การเรียนรู้
๓.๕.๑.๖ นาคะแนนผลการประเมินความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้มา
วิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง โดยใช้สูตรหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ได้ค่าเท่ากับ ๐.๖๗
ข้ึนไป
๓.๕.๑.๗ นาแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีผ่านการตรวจพิจารณาแล้วไปจัดพิมพ์ และนาไป
ทดลองใช้ (Tryout) กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๒ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัด
ขอนแก่น จานวน ๒๑ คน
๓.๕.๑.๘ นาแผนการจัดการเรยี นรู้มาปรับปรุงแก้ไข และจัดพิมพ์แผนการจัดการเรียนรู้
เพ่ือนาไปทดลองใช้จริงกับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จานวน ๒๒ คน
ท่ีกาลังศึกษาในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นเทศบาลบา้ นโนนชยั จังหวัดขอนแก่น
๓.๕.๒ การสร้างและหาคุณภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพ่ือใช้ทดสอบก่อน
เรียนและหลังเรียน เรื่อง หลักการและเป้าหมายปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแบบปรนัย
ชนิดเลอื กตอบ ๔ ตัวเลือก จานวน ๒๐ ข้อ ซึ่งผ้วู ิจยั สร้างขนึ้ ตามแนวการสรา้ งและหาคุณภาพแบบอิง
เกณฑ์ ดังน้ี
๓.๕.๒.๑ ศึกษาวิธีการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และศึกษาวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี น แบบปรนัยชนิดเลอื กตอบ ๔ ตัวเลอื ก
๓๙
๓.๕.๒.๒ ศึกษาหลักสูตรโรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย คาอธิบายรายวิชา สาระการ
เรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด และศึกษาตารางวิเคราะห์ข้อสอบของวิชาเศรษฐศาสตร์
เรือ่ ง หลกั การและเปา้ หมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๑
๓.๕.๒.๓ สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม เร่ือง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ครอบคลุมเน้ือหาและ
จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีต้งั ไว้ โดยสรา้ งเป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ ๔ ตวั เลือก จานวน ๒๐
ข้อ
๓.๕.๒.๔ นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างข้ึนเสนอต่ออาจารย์
ท่ีปรึกษาวิจัย จานวน ๑ ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง ความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา
ความเหมาะสมด้านเนื้อหา ด้านภาษาและปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ได้แก่ ความชัดเจนของข้อ
คาถามและคาตอบท่ีเป็นตัวเลือก ความสอดคล้องและครอบคลุมกับจุดประสงค์การเรียนรู้ รวมทั้ง
ความซ้าซอ้ นของประเดน็ ตวั เลือกทเ่ี ปน็ คาตอบ แล้วทาการปรบั ปรุงและแก้ไขตามขอ้ เสนอแนะ
๓.๕.๒.๕ นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว เสนอต่อ
ผู้เช่ียวชาญท้ัง ๓ ท่าน เพ่ือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ พิจารณา และประเมินความสอดคล้องระหว่าง
ข้อสอบและจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง ( Index of Item
Objective Congruence : IOC) ซ่งึ มีเกณฑก์ ารประเมนิ ดังนี้
ให้คะแนน +๑ ถา้ แนใ่ จวา่ ข้อสอบสอบตรงตามจุดประสงค์การเรียนรู้
ใหค้ ะแนน ๐ ถ้าไม่แนใ่ จวา่ ขอ้ สอบตรงตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ใหค้ ะแนน -๑ ถ้าแนใ่ จว่าขอ้ สอบไม่ตรงตามจุดประสงค์การเรียนรู้
๓.๕.๒.๖ นาคะแนนผลการประเมินความสอดคล้องระหวา่ งข้อสอบและจุดประสงค์การ
เรียนรู้ มาวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง โดยใช้สูตรหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ได้ค่า
เท่ากบั ๐.๖๗ ข้ึนไป
๓.๕.๒.๗ นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีผ่านการตรวจพิจารณาแล้วไป
จดั พิมพ์ และนาไปทดลองใช้ (Tryout) นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑/๒ โรงเรียนเทศบาลบา้ นโนนชัย
จังหวัดขอนแก่น จานวน ๒๑ คน (ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายและไม่เคยเรียน) เร่ือง หลักการและเป้าหมาย
ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยการตรวจใหค้ ะแนน ใช้เกณฑ์ตอบถูกใหข้ ้อละ ๑ คะแนน ข้อทต่ี อบ
ผิดหรือไมต่ อบหรอื ตอบมากกว่า ๑ ตัวเลือกในขอ้ เดียวกนั ให้ ๐ คะแนน
๓.๕.๒.๘ คัดเลือกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายข้อท่ีมีค่าความยากง่าย
(P) ซึ่งมีค่าความยากอยู่ท่ี ๐.๒๐ – ๐.๘๐ และค่าอานาจจาแนก (r) ๐.๒๐ – ๑.๐๐ แล้วนามา
วิเคราะห์หาค่าความเช่ือมั่น (Reliability) ซ่ึงมีค่าความเชื่อมั่นอยู่ท่ี ๐.๘๐ - ๑.๐๐ ของแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยใช้สูตรของ Lovett ค่าความเชื่อม่ันของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนทั้งฉบับ
๓.๕.๒.๙ นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนฉบับสมบูรณ์มาจัดพิมพ์ เพื่อนาไป
ทดลองใช้จริงกับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนน
ชยั จงั หวดั ขอนแกน่ จานวน ๒๒ คน ทกี่ าลังศึกษาในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
๔๐
๓.๕.๓ การสร้างและหาคุณภาพแบบวัดระดับความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนรู้ ต่อแบบฝึก
ทกั ษะ เรื่อง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี
๑ โรงเรียนเทศบาลบา้ นโนนชยั จังหวดั ขอนแก่น ซึง่ คณะผู้ศกึ ษาสรา้ งขึน้ มขี ั้นตอน ดงั น้ี
๓.๕.๓.๑ ศึกษาเอกสาร และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการ
จัดการเรียนรู้เพ่ือเป็นกรอบแนวคิด และแนวทางในการสร้างแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการ
จัดการเรียนรู้ของนักเรยี น
๓.๕.๓.๒ ศึกษาวิธีการสร้างแบบแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของ
นักเรียน และกาหนดรปู แบบจากเอกสารและงานวิจยั ต่าง ๆ ท่ีไดท้ าการศกึ ษาคน้ ควา้
๓.๕.๓.๓ สร้างแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น ท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือ (Cooperative Learning) และกิจกรรมการเรยี นรู้ จานวน ๑๐ ข้อ ซ่งึ เป็นแบบประเมนิ แบบ
มาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) ตามวิธีของ Likert มี ๕ ระดบั คือ
๔.๕๑ - ๕.๐๐ หมายถงึ มีระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรยี นรู้มากท่ีสุด
๓.๕๑ - ๔.๕๐ หมายถงึ มรี ะดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การเรยี นรู้มาก
๒.๕๑ - ๓.๕๐ หมายถงึ มรี ะดบั ความพึงพอใจตอ่ การจดั การเรียนรู้ปานกลาง
๑.๕๑ - ๒.๕๐ หมายถึง มรี ะดบั ความพึงพอใจตอ่ การจดั การเรยี นรู้น้อย
๑.๐๐ - ๑.๕๐ หมายถึง มีระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรยี นรู้น้อยทส่ี ดุ
๓.๕.๓.๔ นาแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น เสนอต่อ
อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย เพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการ
สร้างแบบประเมินความพึงพอใจ และนามาปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนาของอาจารย์ท่ีปรึกษาวิจัย
จานวน ๑ ท่าน
๓.๕.๓.๕ นาแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนที่ผ่านการ
ตรวจสอบแล้ว เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญท้ัง ๓ ท่าน เพื่อตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหา ให้ข้อเสนอแนะใน
การปรับปรุงแก้ไข และประเมินความตรงเชิงเนื้อหา เพื่อวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index
of Item Objective Congruence : IOC) ซ่งึ มีเกณฑก์ ารประเมิน ดังน้ี
ให้คะแนน +๑ ถ้าแน่ใจวา่ ขอ้ คาถามแบบประเมนิ ตรงตามเนื้อหา
ใหค้ ะแนน ๐ ถ้าไมแ่ น่ใจว่าข้อคาถามแบบประเมินตรงตามเนื้อหา
ให้คะแนน -๑ ถ้าแน่ใจว่าข้อคาถามไม่ตรงแบบประเมนิ ตรงตามเนอ้ื หา
๓.๕.๓.๖ นาคะแนนผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามแบบประเมินกับ
เน้ือหา มาวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง โดยใช้สูตรหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ได้ค่า
เท่ากับ ๐.๖๗ ขนึ้ ไป
๓.๕.๓.๗ วิเคราะห์หาความเชื่อม่ัน ( ) โดยนาแบบประเมินท่ีปรับปรุง แก้ไขไปหาค่า
ความเชื่อมั่น โดยนาไปทดลอง (Try out) กับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑/๒
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น ท่ีกาลังศึกษาในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
จานวน ๒๑ คน เพื่อหาค่าความเช่ือม่ัน โดยใช้สูตรการหาค่าสัมประสิทธิแอลฟา (α - coefficient)
ตามวธิ ีของครอนบคั (Cronbach) วิเคราะหห์ าความเช่ือมน่ั ได้ ๐.๖๗ ขนึ้ ไป
๔๑
๓.๕.๓.๘ นาแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีผ่านการตรวจพิจารณา
แล้วไปจัดพิมพ์ และนาไปทดลองใช้จริงกับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น ที่กาลังศึกษาในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
จานวน ๒๒ คน
๓.๖ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลในคร้ังนี้ ผู้ศึกษาได้ทาการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลกับนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น ที่กาลังศึกษาในภาคเรียนท่ี ๒
ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ จานวน ๒๒ คน โดยมวี ธิ ีเก็บรวบรวมขอ้ มูล ดงั นี้
๓.๖.๑ ให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัยชนิด
เลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จานวน ๒๐ ข้อ เร่ือง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
แล้วนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนมาตรวจให้คะแนน โดยใช้เกณฑ์ตอบถูกให้ข้อละ ๑
คะแนน ข้อท่ตี อบผิดหรือไมต่ อบหรือตอบมากกว่า ๑ ตัวเลือกในขอ้ เดียวกันให้ ๐ คะแนน และบันทึก
คะแนนเพอื่ ใชเ้ ปน็ คะแนนทดสอบก่อนเรยี น (Pretest)
๓.๖.๒ ดาเนินการการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง หลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
โดยแผนการจดั การเรียนรู้ ๓ แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน ๓ ชว่ั โมง
๓.๖.๓ เม่ือดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามเนื้อหาครบแล้ว ให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายทา
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จานวน ๒๐ ข้อ
โดยเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียน แล้วนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนมาตรวจให้คะแนน โดยใช้เกณฑ์ตอบถูกให้ข้อละ ๑ คะแนน ข้อท่ีตอบผิดหรือไม่ตอบหรือตอบ
มากกว่า ๑ ตัวเลือกในข้อเดียวกันให้ ๐ คะแนน และบันทึกคะแนนเพ่ือใช้เป็นคะแนนทดสอบหลัง
เรยี น (Post-test)
๓.๖.๔ ให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ทาแบบวัดระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีมีต่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เรื่อง หลักการและเป้าหมาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น จานวน ๑๐ ข้อ
เป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) ตามวธิ ีของ Likert มี ๕ ระดับ
๓.๖.๕ นาข้อมูลท่ีได้จากการทดลอง ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อสรุปผลการทดลองตาม
วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาตอ่ ไป
๓.๗ การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนรู้การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชา
เศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียน
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ โรงเรยี นเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมอื ง อาเภอเมือง จงั หวัดขอนแก่น ผ้วู จิ ัย
ได้วเิ คราะหข์ ้อมลู ดังนี้
๓.๗.๑ วิเคราะห์หาผลการพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น โดยใช้การจัดการเรียนรแู้ บบร่วมมือ
ร่วมกบั เทคนิคการสอนแบบจก๊ิ ซอร์ เรือ่ ง หลักการและเป้าหมาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง สาหรับ
๔๒
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย จังหวัดขอนแก่น โดยใช้สูตรการหา
ค่ารอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน
๓.๗.๒ วิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น จากแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการ เรื่อง หลักการและเป้าหมาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการหา
ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยค่าสถิติการทดสอบค่าท่ี ( t-test
dependent samples)
๓.๗.๓ วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนา
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง หลักการและเป้าหมาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับนักเรยี นชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรยี นเทศบาลบา้ นโนนชัย จังหวัดขอนแก่น โดยนาคะแนนที่ได้มาหา ค่าร้อยละ
คา่ เฉลีย่ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน และแปลผลตามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
๓.๘ สถติ ิท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
จากการศึกษาครั้งน้ี ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนการจัดการเรียนรู้
แบบทดสอบ และแบบวัดระดับพงึ พอใจต่อการจดั การเรยี นรู้ การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่อง
หลักการและเป้าหมาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียน
เทศบาลบา้ นโนนชยั จังหวัดขอนแก่น ดังนี้
สถิติพื้นฐาน ได้แก่
๑. ค่ารอ้ ยละ
๒. ค่าเฉลี่ย
๓. ส่วนเบี่ยงเบนมาตาฐาน
๔. t-test
บทท่ี ๔
ผลการศึกษาวจิ ยั
การนาเสนอผลการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ผู้วิจัยได้นาเสนอการ
วเิ คราะห์ ขอ้ มูลและการแปลผลข้อมูลตามลาดับ ดงั น้ี
๔.๑ สญั ลกั ษณท์ ี่ใชน้ าเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
๔.๒ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
๔.๓ องค์ความรจู้ ากการวจิ ัย
๔.๑ สัญลักษณท์ ี่ใชนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ในการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาล
บ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้กาหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์
ข้อมูล ดังน้ี
n แทน จานวนกลุม่ ตัวอย่าง
̅ แทน คะแนนเฉล่ียของกลุ่มตวั อย่าง
S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน
t แทน ค่าทดสอบสถิติ t – test
** แทน คามีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ่รี ะดับ .๐๕
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
๔.๒.๑ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรียนเทศบาล
บา้ นโนนชยั ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น ตามเกณฑทก่ี าหนดคอื ๗๕/๗๕
๔๕
จากผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ
รว่ มมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจิ๊กซอร์ ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบ้าน
โนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ตามเกณฑท่ีกาหนดคือ ๗๕/๗๕ จานวน ๓
แผนการจดั การเรียนรู้ สามารถสรุปได้ดังนี้
ตารางที่ ๔.๒.๑ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การ
จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
โรงเรยี นเทศบาลบา้ นโนนชัย ตาบลในเมอื ง อาเภอเมือง จงั หวดั ขอนแกน่
คะแนนแบบทดสอบ จานวนนักเรียนที่ จานวนนกั เรยี นที่
แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่านเกณฑ์
เตม็ ผ่าน ̅ S.D. ร้อย จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
เกณฑ์ ละ (คน) (คน)
กอ่ น ๒๐ ๑๕ ๑๒.๒๗ ๑.๖๖ ๖๑ - - ๒๒ ๑๐๐
หลัง ๒๐ ๑๕ ๑๗.๑๔ ๑.๑๒ ๘๖ ๒๒ ๑๐๐ - -
จากตารางท่ี ๔.๒.๑ แสดงการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิก่อนและ
หลังเรียน รายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมอื ร่วมกับเทคนิคการสอนแบบจ๊ิก
ซอร์ เรื่องหลักการและเป้าหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนชัย ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ให้นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อย
ละ ๗๕ ผ่านเกณฑ์และมีคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ขึ้นไป พบว่าจากการทาแบบทดสอบวัดผล
สัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนไม่มีนักเรียนผ่านเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ ๐ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
๑๒.๒๗ คิดเป็นร้อยละ ๖๑ ของคะแนนเต็ม และการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลัง
เรียน นักเรียนทุกคนมีคะแนนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๗๕ ข้ึนไป โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๑๗.๑๔
คิดเป็นรอ้ ยละ ๘๖ ของคะแนนเต็ม มจี านวนนักเรียนผา่ นเกณฑ์ ๒๒ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐
๔.๒.๒ ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิก่อนเรียน และหลังเรียน โดยการ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ร่วมกับ
เทคนคิ การสอนแบบจ๊ิกซอร์ ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนเทศบาลบา้ นโนนชยั ตาบลใน
เมอื ง อาเภอเมือง จงั หวัดขอนแก่น
ตารางท่ี ๔.๒.๒ แสดงผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเศรษฐศาสตร์
เรอื่ ง หลักการและเปา้ หมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ระหว่าง
กอ่ นเรียนและหลงั เรยี นโดยใชก้ ารจดั การเรียนรูแ้ บบรว่ มมือ ร่วมกบั เทคนิคการสอนแบบจิก๊ ซอร์
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น คะแนนเตม็ n ̅ S.D t p
.๐๐๐*
กอ่ นเรียน ๒๐ ๒๒ ๑๒.๒๗ ๑.๑๖ ๓๕.๙๔
หลงั เรยี น ๒๐ ๒๒ ๑๗.๑๔ ๑.๑๒
*มนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ ๐.๐๕