The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 2567

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by weerayutillslick, 2024-06-18 11:04:28

หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 2567

หลักสูตรโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 2567

๒๐๑ โครงสร้างหลักสูตรเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลาเรียน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ - การบวก ลบ เลข ๓– ๔ หลัก - สูตรคูณคล่อง แม่ ๒ – ๑๒ - การคูณเมื่อเมื่อตัวตั้งเป็นเลขหลายหลัก ตัวคูณ ๒ – ๑๒ - ค่าประจำหลัก, ค่าของตัวเลข - แบบรูป การหาลำดับพจน์๓, ๗, ๑๑, ๑๔,......... - สมการอย่างง่าย เช่น+ ๘ = ๑๒ , ๗ + = ๕ ๖ × = ๑๘ , ๑๐ ÷ = ๕ - สูตรผลบวกเลขที่เรียนกัน - โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร - ทักษะคิด - ติวสสวท. (บริษัทเอดูพาร์ด) ภาคเรียนที่ ๒ - การคูณเมื่อเมื่อตัวตั้งเป็นเลขหลายหลัก ตัวคูณเป็นเลข ๒ หลัก - การหาร เมื่อตัวหารเป็นเลข ๒ หลัก การตัดตัวเลข - สมการอย่างง่าย - เลขยกกำลังแบบง่ายๆ - รูปเรขาคณิต ๒ มิติ วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ชนิดต่าง ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม - การหาผลบวกของจำนวนคู่ , จำนวนคี่ - ทักษะคิด - แนวข้อสอบ Top test , NT


๒๐๒ โครงสร้างหลักสูตรเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลาเรียน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ - การบวก การลบ การคูณ การหาร จำนวนที่มีหลายหลัก - การหาพื้นที่และเส้นรอบวงของวงกลม - การแก้สมการอย่างง่าย (การแก้สมการโดยการย้ายข้าง) - การหาพื้นที่สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า - เลขยกกำลัง - ค่าเฉลี่ย - สูตรผลบวกเลขที่เรียนกัน ที่ไม่เริ่มจาก ๑ - แนวข้อสอบ Top test - แนวข้อสอบ สสวท. +บริษัทเอดูพาร์ด - แนวข้อสอบ สสวท. ภาคเรียนที่ ๒ - เศษส่วน การบวก ลบ เศษส่วน การคูณ การหาร - ทศนิยม (การบวก ลบ คูณ ทศนิยม) - ปริมาตรรูปทรงสี่เหลี่ยม ลูกบาศก์ - แนวข้อสอบ NT


๒๐๓ โครงสร้างหลักสูตรเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลาเรียน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ - จำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบ - ค่าประมาณใกล้เคียงจำนวนเต็มหลักต่างๆ - การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน และเศษส่วนจำนวนคละ - เส้นขนาน - พื้นที่วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ชนิดต่างๆ - การแก้สมการ - แนวข้อสอบ Top test - แนวข้อสอบ สสวท. TME ภาคเรียนที่ ๒ - ปริมาตรรูปทรงสี่เหลี่ยม ทรงกระบอก - ตัวประกอบ จำนวนเฉพาะ การแยกตัวประกอบ การหา ค.ร.น. และห.ร.ม. - บัญญัติไตรยางศ์ - สูตรผลบวกเลขที่เรียนกัน จำนวนคู่ , จำนวนคี่


๒๐๔ โครงสร้างหลักสูตรเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลาเรียน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ - ตัวประกอบฯ การแยกตัวประกอบ ค.ร.น. และห.ร.ม. -โจทย์ปัญหา ค.ร.น. และห.ร.ม.การหา ค.ร.น. และห.ร.ม. ยูคลิด - เส้นขนาน(ประยุกต์) - แนวข้อสอบ Top test - แนวข้อสอบ สสวท. TME ภาคเรียนที่ ๒ - บัญญัติไตรยางศ์(ร้อยละ) - พื้นที่ สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยมชนิดต่างๆ - การใช้สมการในการแก้ปัญหา พื้นที่สามเหลี่ยม พื้นที่ สี่เหลี่ยม พื้นที่วงกลม - แนวข้อสอบ LAS


๒๐๕ โครงสร้างหลักสูตรเพิ่มเติมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลาเรียน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ - เลขยกกำลังเพื่อการแข่งขัน - จำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบผลบวกจำนวนคู่ , จำนวนคี่ - ค่าเฉลี่ย - สามเหลี่ยมปิทาโกรัส - ทฤษฎีเกี่ยวกับเส้นขนาน - แนวข้อสอบ Top test - แนวข้อสอบ สสวท. TME - แนวข้อสอบ สสวท. ภาคเรียนที่ ๒ - การใช้สมการแก้โจทย์ปัญหา พื้นที่ปริมาตรพื้นที่ต่างๆ - ปริมาตรทรงกรวย ทรงกลม - แนวข้อสอบช้างน้อย - แนวข้อสอบ O – NET - แนวข้อสอบ สอบเข้า ม. ๑


๒๐๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี (ห้องวิทยาศาสตร์) พุทธศักราช ๒๕๖7 โครงสร้างและอัตราเวลาการจัดการเรียนรู้ ระดับชั้นประถมศึกษา รายวิชา / กิจกรรม เวลาเรียน ( ชม. / ปี ) ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ สังคมศึกษา ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาต่างประเทศ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ รายวิชาเพิ่มเติม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๔๐ หน้าที่พลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ การศึกษาเพื่อเรียนรู้ - - - - ๔๐ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ลูกเสือ / ยุวกาชาด ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ชมรม / ชุมนุม ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวมเวลาเรียนทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๔๐ ๑,๐๐๐


๒๐๗ หมายเหตุ ๑. ระดับชั้น ป.๑ – ๖ รายวิชาพื้นฐาน ภาษาต่างประเทศ เรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษ ๒.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน(กิจกรรมชมรม/ชุมนุม และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕) ให้เรียนร่วมในรายวิชาการศึกษาเพื่อเรียนรู้ IS และนำความรู้ที่เรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้าจาก IS๑ – IS๒ ในรายวิชาเพิ่มเติม ไปจัดกิจกรรมตามสาระการนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม ๓. ปีการศึกษา ๒๕๖๒ รายวิชาภาษาต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนด ๒๐๐ ชั่วโมง ในระดับชั้น ป. ๑ - ป.๓ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ระบุอยู่ในวิชาพื้นฐาน ๑๒๐ ชั่วโมง และอยู่ในกิจกรรมลด เวลาเรียน เพิ่มเวลารู้อีก ๘๐ ชั่วโมง 4. บูรณาการรายวิชาเพิ่มเติมการป้องกันการทุจริตกับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม


๒๐๘ โครงสร้างหลักสูตร กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เพิ่มเติม) สำหรับนักเรียน ห้องเรียนส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ ป.๔ ปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ /ปี สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน(ชั่วโมง) ๑/๒๕๖4 ๑. เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๒๐ ๒. โครงสร้างของพืช 3. การจัดจำแนกพืชและสัตว์ 4. วัสดุและสสาร 5. แรงและการเคลื่อนที่ 6. แสงและตัวกลางของแสง 7. ดวงจันทร์และระบบสุริยะ 7.ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ 8.ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ ๒/๒๕๖4 ๑. แนวข้อสอบ สสวท. ๒๐ ๒. แนวข้อสอบ TOPTEST CENTER ๓. แนวข้อสอบ สพฐ. 4.ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์


๒๐๙ โครงสร้างหลักสูตร กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เพิ่มเติม) สำหรับนักเรียน ห้องเรียนส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ ป.๕ ปีการศึกษา ๒๕๖7 ภาคเรียนที่ /ปี สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน(ชั่วโมง) ๑/๒๕๖4 ๑. เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๒๐ ๒. สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต ๓. พันธุกรรมของพืชและสัตว์ ๔. สถานะของสาร ๕. แรง ๖. เสียงและการได้ยิน ๗. ดาว 8. น้ำและการเปลี่ยนแปลง 9. ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ 10.ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ ๒/๒๕๖4 ๑. แนวข้อสอบ สสวท. ๒๐ ๒. แนวข้อสอบ TOPTEST CENTER ๓. แนวข้อสอบ สพฐ. 4.ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์


๒๑๐ โครงสร้างหลักสูตร กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เพิ่มเติม) สำหรับนักเรียน ห้องเรียนส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ ป.๖ ปีการศึกษา ๒๕๖7 ภาคเรียนที่ /ปี สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน(ชั่วโมง) ๑/๒๕๖๒ ๑. เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๒๐ ๒. สารอาหารและระบบย่อยอาหาร ๓. การแยกสาร ๔. แรงไฟฟ้า ๕. วงจรไฟฟ้า ๖. สุริยุปราคา จันทรุปราคาและเทคโนโลยีอวกาศ 7. โลกและการเปลี่ยนแปลง 8. ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ 9. ทักษะการคิดวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ ๒/๒๕๖๒ ๑. แนวข้อสอบ สสวท. ๒๐ ๒. แนวข้อสอบ TOPTEST CENTER ๓. แนวข้อสอบ สพฐ. 4.ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์


๒๑๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมที่จัดอย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย ในการพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติคุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสำนึก และร่วม อนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปรับตัวและมีจิตสาธารณะโดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและ ดำรงชีวิต อย่างมีความสุข รวมทั้งการน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานในการดำรงชีวิต ลักษณะของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย เกิดความรู้ ความชำนาญ ทั้งวิชาการและวิชาชีพ อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ๒. ผู้เรียนค้นพบความสนใจ ความถนัด และพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มองเห็น ช่องทางในการสร้างงานอาชีพในอนาคตได้เหมาะสมกับตนเอง ๓. ผู้เรียนเห็นคุณค่าขององค์ความรู้ต่าง ๆ สามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการ พัฒนาตนเอง และประกอบสัมมาชีพ ๔. ผู้เรียนพัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติในค่านิยมในการดำรงชีวิต และเสริมสร้างศีลธรรม จริยธรรม ๕. ผู้เรียนมีจิตสาธารณะ และทำประโยชน์เพื่อสังคม และประเทศชาติ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. กิจกรรมแนะแนว ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ชั่วโมง ๒. กิจกรรมนักเรียน ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญ และยุวกาชาด ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ชั่วโมง ๒.๒ กิจกรรมพัฒนาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผู้เรียน(ชมรม) เป็น กิจกรรมที่จัดในเวลาเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ชั่วโมง ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๒ จัดบูรณาการไว้ใน กิจกรรมลูกเสือ – ยุวกาชาด จัดเรียนปีละ ๑๐ ชั่วโมง โดยจัดยืดหยุ่นเองตามความเหมาะสมและความจำเป็น ในแต่ละระดับชั้นเรียนทั้งนี้ให้ครูผู้สอนในระดับชั้นเรียนนั้นๆ ร่วมกันออกแบบกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้บรรลุ เป้าหมายที่หลักสูตรแกนกลางฯ กำหนด โดยคำนึงถึงวัยและวุฒิภาวะของผู้เรียน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสม ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของคน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะ ทางอารมณ์ และการสร้างสัมพันธภาพที่ดีซึ่งผู้สอนทุกคนต้องทำหน้าที่แนะแนวให้คำปรึกษา ด้านการเรียนรู้ ทักษะชีวิต การอยู่ร่วมกันในสังคม การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเองในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุข


๒๑๒ กิจกรรมแนะแนวเป็นบทบาทของครูทุกคน ที่จะต้องดำเนินการ คัดกรอง และจัดกิจกรรมหรือ บริการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริม พัฒนา ป้องกันแก้ไข โดยครูทุกคนดำเนินการดังนี้ ๑. ศึกษาและรวบรวมข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล ๒. คัดกรองผู้เรียนเพื่อจำแนกผู้เรียนออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มปกติ และกลุ่มพิเศษ ๓. ดูแลช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ ให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ๔. พัฒนาระบบข้อมูล และภูมิความรู้ที่ทันสมัย อันจะเกิดประโยชน์ และจำเป็นในการดำเนินชีวิต ๕. ประสานงานกับผู้ปกครอง ชุมชน เพื่อการร่วมมือในการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ๖. ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา เพื่อการดูแลช่วยเหลือ และ การส่งต่อผู้เรียน ๗. จัดกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน เพื่อป้องกันแก้ไข ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนทุกคน รวมทั้งผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ตลอดจนผู้มีปัญหาชีวิตและสังคม ให้สามารถพัฒนา ตนได้เต็มตามศักยภาพ ๘. ร่วมจัดบริการต่าง ๆ เช่น - จัดบริการด้านสุขภาพ - จัดหาทุนและอาหารกลางวัน - จัดศูนย์การเรียนรู้ให้ผู้เรียน เพื่อการวางแผนชีวิต - จัดบริการช่วยผู้เรียนที่มีปัญหา หรือความต้องการ - ติดตามผลผู้เรียนทั้งในปัจจุบัน และจบการศึกษาแล้ว ๙. นิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล และประชาสัมพันธ์ กิจกรรมแนะแนวที่โรงเรียนจัดมีดังนี้ ๑. การศึกษาเด็กเป็นรายบุคคล ให้ครูประจำชั้น และครูประจำวิชา มีการศึกษาเด็กเป็น รายบุคคลอย่างต่อเนื่อง ๒. การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนซ่อมด้วยกิจกรรมที่หลากหลายให้กับเด็กที่เรียนอ่อน และมีปัญหา และสอนเสริมให้กับเด็กที่เรียนเก่ง สามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองได้ด้วยกลวิธีที่ หลากหลายทั้งนี้ต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน ๓. การส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ซึ่งครูผู้รับผิดชอบจะใช้ข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน รายบุคคลเป็นฐานในการส่งเสริมศักยภาพเฉพาะด้านให้กับนักเรียนนั้น ๆ และดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นักเรียนได้รับการส่งเสริมเต็มศักยภาพ ๔. การตรวจสุขภาพ มีการตรวจสุขภาพและวิเคราะห์ผลการเจริญเติบโตของนักเรียนทุกคน อย่างเป็นระบบสามารถตรวจสอบได้ ๕. การจัดทุนการศึกษา และทุนอาหารกลางวัน ให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนทางด้านทุนทรัพย์ ๖. รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ ของนักเรียนเพื่อให้นักเรียนได้สำรวจตนเอง และ รู้จักตนเองในทุกด้าน ๗. การติดตามผลผู้เรียนในปัจจุบันและจบการศึกษาแล้ว ๘. การแนะแนวการศึกษา ให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนได้เต็มศักยภาพ วางแผนการเรียนและ การศึกษาต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ


๒๑๓ ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่เกิดจากความสมัครใจของผู้เรียนได้พัฒนาตามคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ เพิ่มเติมจากกิจกรรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่อาศัยความร่วมมือระหว่างครู นักเรียน ผู้ปกครอง ที่ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันแก้ปัญหา ส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนอย่างเต็มที่ รวมถึงกิจกรรมที่ปลูกฝังความมีระเบียบวินัยรับผิดชอบ รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ซึ่งแบ่งเป็นกิจกรรม หลัก ๒ กิจกรรม คือ ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด เป็นกิจกรรมที่มุ่งปลูกฝัง ระเบียบวินัย กฎกติกา เพื่อการอยู่ร่วมกันในสภาพชีวิตต่างๆ นำไปสู่พื้นฐานการทำประโยชน์แก่สังคม และวิถีชีวิตในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๒.๒ กิจกรรมพัฒนาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผู้เรียน(ชมรม) เป็นกิจกรรมที่ มุ่งเน้นการเติมเต็มความรู้ความสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ของผู้เรียนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อ การค้นพบความถนัด ความสนใจของตนเองและพัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพ ตลอดจนการพัฒนาทักษะทาง สังคม และปลูกฝังจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ต้องการปลูกฝังให้ผู้เรียนเล็งเห็น ถึงความสำคัญของตนเองในการมีส่วนร่วมและช่วยเหลือสังคมตามระดับของวัยวุฒิ คุณวุฒิ หรือตามศักยภาพ ของตนที่พึงจะกระทำได้ จนเกิดเป็นกิจนิสัยที่ได้รับการบ่มเพาะสิ่งที่ดีงามให้บังเกิดในตัวผู้เรียนตั้งแต่วัยเยาว์ จนส่งผลให้ผู้เรียนเหล่านั้นเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคม


๒๑๔ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง คำอธิบายรายวิชา การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ความปลอดภัยจากสิ่งเสพติด ปลอดภัยจากการเจ็บป่วย ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ดูแลตนเองให้รอดพ้น จากภัยทางสังคม การักษาสภาพแวดล้อมในห้องเรียน ในโรงเรียนร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อมของโลก การ ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ การอยู่อย่าง พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบ รักท้องถิ่น การเลือก แนวทางในการศึกษาต่อได้เหมาะสมกับความถนัดและความต้องการ กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง โดยใช้การสื่อสารทางวีดีทัศน์ เสียงตามสายรายวัน กระบวนการกลุ่ม การคิดวิเคราะห์ การใช้ ทักษะชีวิต เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น สามารถวาง แผนการเรียนอาชีพ รวมทั้งการดำเนินชีวิตและสังคม สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข ซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๑๕ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ลูกเสือสำรอง ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง คำอธิบายรายวิชา ศึกษานิทานเรื่องเมาคลี และประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือสำรอง การเปิดประชุมกอง การทำ ความเคารพเป็นหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) และระเบียบแถวเบื้องต้น การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย และคติพจน์ของลูกเสือ คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสำรอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การ ค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่างๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูก เงื่อน พิธีเข้าประจำกอง พิธีสวนสนาม กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน า พระมหากษัตริย์ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ระบบหมู่ การคิดวิเคราะห์ การปฏิบัติจริงในภาคสนาม เพื่อพัฒนาลูกเสือทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มี นิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังผู้กำกับ และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจ ผู้อื่น รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่างๆตามความเหมาะสม และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคี และมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุขและความมั่นคง ของประเทศชาติซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๑๖ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ลูกเสือสามัญ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง คำอธิบายรายวิชา ศึกษาประวัติสังเขปของ Loard Baden-Powell พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการของขบวนการลูกเสือไทยและลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดง รหัส การจับมือซ้าย และคติพจน์ของลูกเสือ เข้าใจและยอมรับคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญมีส่วนร่วม ในกิจกรรมของหมู่หรือกองลูกเสือนอกสถานที่ ระเบียบแถวท่ามือเปล่า ท่าถือไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและ นกหวีด การตั้งแถวและการเรียกแถว การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทักษะในทางวิชาลูกเสือ งานอดิเรกและเรื่องที่สนใจ การพึ่งตนเอง การบริการ การผจญภัย วิชาการของลูกเสือ พิธีเข้าประจำกอง พิธีสวนสนาม เดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรม กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยใช้ระบบหมู่ กระบวนการกลุ่ม การคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติภาคสนาม เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มี นิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังผู้กำกับ และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจ ผู้อื่น รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่างๆตามความเหมาะสม และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคี และมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุขและความมั่นคง ของประเทศชาติซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๑๗ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมยุวกาชาดระดับ ๑ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง คำอธิบายรายวิชา ศึกษาประวัติกาชาด เครื่องหมาย กิจกรรมกาชาด ประวัติยุวกาชาด เครื่องหมาย วัตถุประสงค์ ของยุวกาชาด คำปฏิญาณตน การเสริมสร้างสุขภาพส่วนบุคคล การเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการประสาน สัมพันธ์ของอวัยวะต่างๆ การป้องกันชีวิตและสุขภาพ ได้แก่เคหพยาบาล ความสามัคคีและความพร้อมเพรียง ความมีระเบียบวินัยและความอดทน ฝึกทักษะระเบียบแถว การเข้าแถว การเดินแถว เกมกีฬา ฝึกทักษะการ ดูแลตนเอง การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อบุคคล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ ทักษะในการรักษาสภาพแวดล้อม การว่ายน้ำ การเล่นเกม ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยใช้ระบบหมู่ กระบวนการกลุ่ม การคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติภาคสนาม เพื่อให้ผู้เรียนมีอุดมคติในศานติสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความขำ นาญในเรื่องการักษาอนามัยของตนเองและผู้อื่น ตลอดจนพัฒนาตนเองทางร่างกาย จิตใจ คุณธรรมและธำรงไว้ ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ มีความรู้ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสัมพันธภาพและมีมิตรภาพที่ดีต่อ บุคคลทั่วไป ซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๑๘ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมยุวกาชาดระดับ ๒ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ศึกษาประวัติความเป็นมาของกาชาดสากล หลักการเบื้องต้นของกาชาด กิจกรรมเยาวชน เกี่ยวกับกาชาด สภากาชาดไทย กิจกรรมของสภากาชาดไทย ประวัติความเป็นมาของยุวกาชาด วัตถุประสงค์ คำปฏิญาณ ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับยุวกาชาด การเสริมสร้างสุขภาพส่วนบุคคลและส่วนรวม การเสริมสร้าง สมรรถภาพด้านการเคลื่อนไหวเบื้องต้นๆ การป้องกันชีวิตและสุขภาพ ได้แก่เคหพยาบาล ปฐมพยาบาล ความ สามัคคีและความพร้อมเพรียง ความมีระเบียบวินัยและความอดทน ความสง่างามและความคล่องแคล่วว่องไว ได้แก่การฝึกระเบียบแถว การปฏิบัติตามคำสั่ง การปฏิบัติตามกฎกติกา การเดินสวนสนาม มารยาทเด็กไทย การปฏิบัติตนให้ร่าเริง การบริหารร่างกาย การสื่อความหมาย การสะสมและแลกเปลี่ยน การปรับตัวในการอยู่ ร่วมกับผู้อื่น ฝึกทักษะระเบียบแถว การเข้าแถว การเดินแถว เกมกีฬา ฝึกทักษะการดูแลตนเอง การใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อบุคคล การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสถานที่ การมีส่วนร่วมในโครงการ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ทักษะในการรักษาสภาพแวดล้อม การว่ายน้ำ การเล่นเกม พิธีเปิดกิจกรรมยุวกาชาด พิธีปิดกิจกรรมยุวกาชาด พิธีเข้าประจำหมู่ พิธีสวนสนาม ผจญภัย เดินทางไกล การอยู่ค่ายพักแรม ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยใช้ระบบหมู่ กระบวนการกลุ่ม การคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติภาคสนาม เพื่อให้ผู้เรียนมีอุดมคติในศานติสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความขำ นาญในเรื่องการักษาอนามัยของตนเองและผู้อื่น ตลอดจนพัฒนาตนเองทางร่างกาย จิตใจ คุณธรรมและธำรงไว้ ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ มีความรู้ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสัมพันธภาพและมีมิตรภาพที่ดีต่อ บุคคลทั่วไป ซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๑๙ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมชมรม ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ จำนวน ๓๐ ชั่วโมง ผู้เรียนรวมกลุ่มกันจัดขึ้นตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ผู้เรียนช่วยกัน คิด ช่วยกันทำ และช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อเติมเต็มความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติเพื่อพัฒนา ตนเองตามศักยภาพ มีครูหรือภูมปัญญาท้องถิ่นเป็นที่ปรึกษากิจกรรม โดยใช้กระบวนการกลุ่ม การคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนา ความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งทางวิชาการ และวิชาชีพตาม ศักยภาพ ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ตามวิธี ประชาธิปไตย ซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีใน ตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


๒๒๐ คำอธิบายรายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ จำนวน ๑๐ ชั่วโมง ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามธรรมชาติ เต็มตามศักยภาพ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง คิด สร้างสรรค์ ออกแบบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบแสดงถึง ความรับผิดชอบต่อสังคมในลักษณะจิตอาสา โดยใช้กระบวนการสำรวจ วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชม สังคม และประเทศชาติ ออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจใน ลักษณะอาสาสมัคร ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรมตามคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ มีจิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ซึ่งสอดคล้องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มี เหตุผล พอประมาณ สร้างภูมิคุ้มที่ดีในตนเอง มีความรู้ และควบคู่คุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสม


๒๒๑ โครงสร้างเวลาเรียนกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ปีการศึกษา ๒๕๖5 ระดับชั้น ชื่อกิจกรรม หมวดกิจกรรม Head Heart Hand Healt h ปฐมวัย กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. ท่องโลกคอมพิวเตอร์ ๒. ดนตรีสร้างสรรค์ ๓. ภาษาพาเพลิน ๔. ว่ายน้ำหรรษา ป.๑ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำ ๒. กิจกรรม A Magic English ๓. กิจกรรม Funny Conversation ๔. กิจกรรมคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ ๕. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง ป.๒ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำ ๒. กิจกรรม English around us ๓. กิจกรรมภาษาอังกฤษแสนสนุก ๔. กิจกรรมคอมพิวเตอร์หรรษา ๕. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง ป.๓ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำ ๒. กิจกรรม Easy Conversation ๓. กิจกรรมสนุกกับภาษาอังกฤษหรรษา ๔. กิจกรรมคอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ ๕. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง


๒๒๒ โครงสร้างเวลาเรียนกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ปีการศึกษา ๒๕๖5 ระดับชั้น ชื่อกิจกรรม หมวดกิจกรรม Head Heart Hand Healt h ป.๔ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำเพื่อชีวิต ๒. กิจกรรม Lovely English ๓. กิจกรรมสื่อสารสัมพันธ์ ๔. กิจกรรมจีนหรรษา ๕. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง ป.๕ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำเพื่อชีวิต ๒. กิจกรรมภาษาอังกฤษสร้างสรรค์ ๓. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง ๔. กิจกรรมภาษาจีนพาสนุก ป.๖ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๑. กิจกรรมว่ายน้ำเพื่อชีวิต ๒. กิจกรรม English for Communication ๓. กิจกรรมสื่อสารสัมพันธ์ ๔. กิจกรรมจีนหรรษา ๕. กิจกรรมพัฒนาสมองด้วยตาราง 9 ช่อง


๒๒๓ การจัดการเรียนรู้และการส่งเสริมการเรียนรู้ ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผู้เรียน เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการ เรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้ง ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่าง ๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตาม เป้าหมาย หลักการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช ๒๕๖5 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ยึดหลักการจัดการเรียนรู้ ตามแนวทางของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เน้นผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคน มีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเป็นคนดี เก่ง มีความเป็นไทย และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม กระบวนการ จัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม คิดเป็นองค์รวม และ ร่วมมือกันพัฒนาสังคมไทย การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม การจัดการ เรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช ๒๕๖5 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) จึงได้กำหนดแนวดำเนินการเพื่อให้การจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย ดังนี้ ๑. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดหลักการพัฒนาผู้เรียนให้ถึงศักยภาพสูงสุด คือ ผู้เรียนได้ พัฒนาตนเอง ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มีความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับตนเอง ภาคภูมิใจในผลการ ปฏิบัติ ๒. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดชีวิตจริงของผู้เรียนเป็นหลัก เน้นให้ผู้เรียนมีศักยภาพใน การคิดเชิงระบบ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีรูปแบบการคิดของตนเอง ค้นพบตนเอง ๓. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล และหลักการเรียนรู้ในเชิง พหุปัญญา และใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน


๒๒๔ ๔. จัดประสบการณ์โดยใช้คุณธรรมนำความรู้ บูรณาการคุณธรรมในการจัดประสบการณ์ทุกกลุ่ม สาระการเรียนรู้ และทุกขั้นตอนในการจัดการเรียนรู้ ถือว่าครูทุกคนมีหน้าที่พัฒนาผู้เรียนให้ประพฤติตนยึด หลักคุณธรรม และพัฒนาตนให้มีค่านิยมอันพึงประสงค์ ๕. จัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีอิสระในการคิด ได้ลงมือปฏิบัติจริง ครูพร้อมให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ เสริมแรงให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นว่า ตนเองมีศักยภาพในการเรียนรู้ในเชิง พหุปัญญา ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งหรือหลายด้านพร้อมกัน ๖. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้มีความสัมพันธ์ เชื่อมโยง หรือบูรณาการทั้งภายในกลุ่มสาระ การเรียนรู้ และระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้มากที่สุด ๗. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ และสภาพท้องถิ่น โดยใช้แหล่งการ เรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม ๘. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยมุ่งเน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล และ สร้างสรรค์ กระบวนการกลุ่ม ๙. บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในกระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะ จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษา ทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบ การจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ๑. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดังนี้ ๑.๑ บทบาทของผู้สอน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรียนรู้ ที่ท้าทายความสามารถของผู้เรียน ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะ กระบวนการ ที่เป็นความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงค์


๒๒๕ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพื่อนำผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผู้เรียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผู้เรียน ๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหาคำตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ๓) ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ต่างๆ ๔) มีปฏิสัมพันธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู ๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมการเรียนรู้ ปัจจัยสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ และประสบความสำเร็จตาม จุดมุ่งหมายของหลักสูตร คือ การพัฒนาระบบการส่งเสริม สนับสนุน ของสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ ที่จะเอื้อ ให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ สำหรับแนวปฏิบัติในการส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของสถานศึกษา ได้กำหนดแนวในการส่งเสริมการเรียนรู้ ดังต่อไปนี้ ๑. การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เอื้อต่อการใช้หลักสูตร การจัดสภาพแวดล้อมใน สถานศึกษาให้เอื้อต่อการใช้หลักสูตรเป็นหน้าที่โดยตรงของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะต้องร่วมมือกัน โดยยึดเป้าหมาย หลักการ และจุดเน้นต่าง ๆ ของหลักสูตรเป็นหลักในการดำเนินการ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ๒. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ห้องสมุด และมุมหนังสือ หรือแหล่งวิชาที่จะให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความชำนาญ โดยเฉพาะห้องสมุดเป็นแหล่งการ เรียนรู้ที่สำคัญยิ่งเพราะเป็นแหล่งที่รวบรวมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับผู้เรียนโดยตรง นอกจากนี้ยังจัดให้มี แหล่งการเรียนรู้ในรูปของศูนย์การเรียนรู้แบบพึ่งพาตนเอง คอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางคณิตศาสตร์ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีต่าง ๆ ๓. การจัดให้มีบริเวณสำหรับให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้คิด ได้ทำ ได้แสดงออก ได้เรียนรู้เอง และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง ตามศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน ๔. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น และการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดการเรียนรู้ตาม หลักสูตรเน้นการเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน ทั้งนี้เพื่อผู้เรียนจะได้มีโอกาสที่จะสัมผัส


๒๒๖ กับชีวิตจริงนอกห้องเรียนหรือนอกโรงเรียน ได้พบปะกับผู้คน ผู้รู้ ภูมิปัญญาของท้องถิ่นเพื่อจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น มีประสบการณ์กว้างขวางขึ้น เรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ไม่จำกัดว่าจะต้องเรียนรู้จากผู้สอนใน สถานศึกษาเท่านั้น ๕. การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ การวิจัยเป็นกระบวนการที่ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้ และ กระบวนการทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งเป็นกลไกที่นำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ดังนั้นในการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องนำกระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรือบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพของ ผู้เรียน และสามารถใช้กระบวนการการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้ผลการวิจัยยัง เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ๖. การจัดเครือข่ายวิชาการ ผู้สอนนับว่ามีส่วนสำคัญที่จะทำให้การจัดการเรียนรู้ประสบ ผลสำเร็จ สถานศึกษาจึงจัดให้มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถานศึกษาอื่น ซึ่งเป็นสถานศึกษาในโครงการโรงเรียน เครือข่ายการใช้หลักสูตรสถานศึกษาของจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สอนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้ได้รับความรู้ และแนวคิดใหม่ ๆ ที่หลากหลาย และ กว้างขวาง ที่สามารถนำไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังส่งเสริม และ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ จากผู้สอนในสถานศึกษาเดียวกัน และสถานศึกษาอื่น ๆ ตลอดจนชมรมวิชาการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สอนได้รับการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ


๒๒๗ ระเบียบโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช ๒๕๖7 ……………………………… โดยที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช ๒๕๖3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรื่อง ให้ใช้หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และกระจายอำนาจให้สถานศึกษากำหนดหลักสูตร สถานศึกษาขึ้นใช้เอง เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือ แย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “หลักสูตร” หมายถึง หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๕๙) “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี “ผู้อำนวยการโรงเรียน” หมายถึง ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี “ครู” หมายถึง ครู ผู้ปฏิบัติการสอนในโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี “นักเรียน” หมายถึง นักเรียนโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้


๒๒๘ หมวดที่ ๑ หลักการในการวัดและประเมินผลการเรียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนให้เป็นไปตามหลักการดังนี้ ๗.๑ ทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีการวัดและ ประเมินผล ตัดสินผลการเรียนตามรายวิชาเป็นรายปี ๗.๒ โรงเรียนมีหน้าที่วัดและประเมินผลการเรียนให้สอดคล้องกับวิธีการวัดและ ประเมินผลการเรียน ๗.๓ การวัดและประเมินผลการเรียน ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด ที่กำหนดในหลักสูตรแกนกลางฯ ๗.๔ การวัดผลและประเมินผลการเรียน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอน ต้อง ดำเนินการด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจริง ธรรมชาติวิชา และระดับชั้นของนักเรียน ๗.๕ วัดและประเมินผล ทั้งเพื่อปรับปรุงการเรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ๗.๖ ให้มีการวัดและประเมินความรู้ความสามารถของนักเรียนด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๗.๗ ให้มีการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๗.๘ ให้มีการวัดและประเมินผลคุณภาพนักเรียน ทั้งระดับชั้นเรียนและระดับ สถานศึกษาในแต่ละชั้นปี ๗.๙ ให้นักเรียนที่กำลังศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้า รับการประเมินคุณภาพระดับต่าง ๆ ตามที่โรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่หรือกระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๗.๑๐ ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่างๆ หมวดที่ ๒ วิธีการวัดและประเมินผลการเรียน การตัดสินผลการเรียน ข้อ ๘ การวัดและประเมินผลการเรียน การตัดสินผลการเรียนนี้ เป็นการประเมินผลระดับชั้น เรียน ปฏิบัติดังนี้ ๘.๑ การวัดและประเมินผลการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘.๑.๑ ก่อนการเรียน ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีการวัดและประเมินผล ตัวชี้วัด การ ประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เกณฑ์การประเมิน และ การตัดสินผลการเรียน ๘.๑.๒ ครูประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียน ก่อนการเรียนการสอนสาระการเรียนรู้ ต่าง ๆ ๘.๑.๓ ครูวัดและประเมินผลการเรียนเพื่อศึกษาผลการเรียน เพื่อจัดการสอนซ่อมเสริม และประเมินผลตามตัวชี้วัดเพื่อตัดสินผลการเรียน ดังนี้ ๘.๑.๓.๑ วัดและประเมินผลการเรียนตามตัวชี้วัด ของแต่ละสาระการเรียนรู้ ที่กำหนดในหลักสูตร


๒๒๙ ๘.๑.๓.๒ วัดและประเมินผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ ที่สอดคล้องกับ ตัวชี้วัดของแต่ละสาระการเรียนรู้ ๘.๑.๓.๓ วัดและประเมินผลคุณลักษณ์อันพึงประสงค์ของแต่ละสาระการเรียนรู้ที่กำหนด ในหลักสูตร ๘.๑.๔ ครูวัดและประเมินผลการเรียนได้ตลอดในขณะเวลาที่เรียน ตามตัวชี้วัดที่ กำหนด โดยประเมินในรูปเกณฑ์คุณภาพ ๘ ระดับ โดยใช้สัญลักษณ์เป็นเลขฮินดูอารบิกหรืออยู่ในดุลยพินิจ ของครูผู้สอน ดังนี้ ผลการประเมิน “๔” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีเยี่ยม หรือมีผล การวัดตั้งแต่ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดี” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ค่อนข้างดี” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “น่าพอใจ” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “พอใช้” หรือมีผล การวัดตั้งแต่ร้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ” หรือมีผลการวัดตั้งแต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมิน “๐” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ต่ำกว่าเกณฑ์”หรือมีผลการวัด ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตัดสินผลการเรียน ผลการประเมินการเรียนรู้ของสาระการเรียนรู้นั้นๆ เปรียบเทียบตัวเลขแสดงความหมายระดับผลการเรียนแต่ละรายวิชา โดยใช้สัญลักษณ์เป็นเลขฮินดูอารบิก ดังนี้ ผลการประเมิน “๔” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีเยี่ยม หรือมีผล การวัดตั้งแต่ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดี” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ค่อนข้างดี” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “น่าพอใจ” หรือมีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “พอใช้” หรือมีผล การวัดตั้งแต่ร้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ”


๒๓๐ หรือมีผลการวัดตั้งแต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมิน “๐” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ต่ำกว่าเกณฑ์”หรือมีผลการวัด ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๖ การประเมินผลการเรียนเพื่อตัดสินผลการเรียน ใช้เฉพาะนักเรียนผู้ที่มีเวลา เรียนตลอดปีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวิชานั้น ๘.๑.๗ นักเรียนที่มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในวิชานั้น โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ครูประจำชั้น ครูผู้สอน และผู้ปกครอง พิจารณาให้มีโอกาสซ่อมเสริมเวลาเรียน ปรับปรุงแก้ไขการเรียน แล้วประเมินผลใหม่ ภายใน ๙๐ วันของปีการศึกษาถัดมา หากระยะเวลาเกินกว่าที่กำหนด ให้เรียนซ้ำในรายวิชานั้น ๘.๑.๘ นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยของปี ต่ำกว่า “๑” หรือมีผลการประเมินการ อ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความไม่ผ่านเกณฑ์ หรือ มีผลการประเมินคุณลักษณะพึงประสงค์ ไม่ผ่านเกณฑ์ หรือมีผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ หรือไม่เอาใจใส่ในการเรียน คณะกรรมการ ตามข้อ ๘.๑.๗ เห็นว่าควรเรียนซ้ำชั้น ให้มีการเรียนซ้ำชั้นในปีถัดมา ๘.๑.๙ นักเรียนที่มีการทุจริตในการสอบหรือทุจริตในงานที่มอบหมายให้ได้คะแนน ๐ หรือมีผลการประเมิน “ตก”ในการประเมินครั้งนั้น ข้อ ๙ การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ ในระดับสถานศึกษา เพื่อ ปรับปรุงพัฒนา และจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖โดยปฏิบัติดังนี้ ๙.๑ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความขึ้น คณะหนึ่งในแต่ละปีการศึกษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความกำหนดแนวทาง วิธีการประเมินและเกณฑ์การตัดสิน ตามที่หลักสูตรกำหนด ๙.๓ มีการประเมินเป็นรายปี เพื่อปรับปรุงและพัฒนาในปีที่ ๑-๕ การตัดสินจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ ให้ถือผลการประเมินปลายปีของปีที่ ๖ ๙.๔ ประเมินนักเรียนเป็นรายบุคคลตามมาตรฐานการเรียนรู้และเกณฑ์ที่กำหนด ๙.๕ นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ดี หรือ ดีเยี่ยม” แล้วแต่กรณี ๙.๖ นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ปรับปรุง” ๙.๗ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ปรับปรุง” ต้องดำเนินการซ่อมเสริมปรับปรุง แก้ไข ตาม แนวทางที่คณะกรรมการกำหนด และมีการประเมินใหม่ ๙.๘ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ปรับปรุง” และมีการประเมินใหม่แล้วผ่านเกณฑ์การ ประเมิน ตัดสิน “ผ่าน” ๙.๙ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ดี หรือ ดีเยี่ยม หรือ ผ่าน” มีสิทธิได้รับการพิจารณาการ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ข้อ ๑๐ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน ระดับสถานศึกษา เพื่อปรับปรุง พัฒนา และจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยปฏิบัติดังนี้ ๑๐.๑ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ โรงเรียนขึ้น คณะหนึ่งในแต่ละปีการศึกษา


๒๓๑ ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน กำหนดแนวทาง วิธีการประเมิน และเกณฑ์การตัดสินตามที่หลักสูตรกำหนด ๑๐.๓ มีการประเมินเป็นรายปี เพื่อปรับปรุงและพัฒนาในปีที่ ๑-๕ การตัดสินจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ ให้ถือผลการประเมินปลายปีของปีที่ ๖ ๑๐.๔ ประเมินนักเรียนเป็นรายบุคคล ตามมาตรฐาน และเกณฑ์ที่กำหนดในหลักสูตร ๑๐.๕ นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ดี หรือ ดีเยี่ยม” แล้วแต่กรณี ๑๐.๖ นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ปรับปรุง” ๑๐.๗ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ปรับปรุง” ต้องดำเนินการปรับปรุง ซ่อมเสริมแก้ไข ตามแนวทางที่คณะกรรมการกำหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๐.๘ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ปรับปรุง” และได้รับการประเมินใหม่แล้วผ่านเกณฑ์ การประเมิน ตัดสิน “ผ่าน” ๑๐.๙ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ดี หรือ ดีเยี่ยม หรือ ผ่าน” มีสิทธิได้รับการพิจารณาจบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ข้อ ๑๑ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ระดับสถานศึกษา โดยปฏิบัติดังนี้ ๑๑.๑ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ โรงเรียนขึ้นคณะหนึ่งในแต่ละปีการศึกษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียน กำหนดแนว ทางวิธีการประเมิน และเกณฑ์การตัดสินตามที่หลักสูตรกำหนด ๑๑.๓ นักเรียน ต้องเข้าร่วมกิจกรรม ๓ กลุ่ม ดังนี้ ๑๑.๓.๑ กิจกรรมแนะแนว เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คำปรึกษา แก่ผู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน ๑๑.๓.๒ กิจกรรมนักเรียน เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความ รับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปัน กัน เอื้ออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการ ทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของ สถานศึกษาและท้องถิ่น กิจกรรมนักเรียนประกอบด้วย ก. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารีหรือ ยุวกาชาด หรือผู้บำเพ็ญประโยชน์ ข. กิจกรรมชมรม


๒๓๒ ๑๑.๓.๓ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรียน ชั้นปีละ ๑๐ ชั่วโมงเป็น กิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะ อาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม ๑๑.๔ ครูผู้รับผิดชอบกิจกรรมแนะแนว เป็นผู้ประเมินและตัดสินผลกิจกรรม แนะแนว ๑๑.๕ ครูผู้บังคับบัญชาในกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด หรือ ผู้บำเพ็ญ ประโยชน์ เป็นผู้ประเมินและตัดสินผลการพัฒนาผู้เรียนในกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด หรือผู้บำเพ็ญ ประโยชน์ตามแต่กรณี ครูที่ปรึกษาในกิจกรรมชมรมเป็นผู้กำหนดกิจกรรม และประเมิน ผู้เรียนในกิจกรรมนั้น โดยนำผลการประเมินทั้ง ๒ กิจกรรม มาประเมินตัดสินร่วมกัน ๑๑.๖ ครูผู้รับผิดชอบ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นผู้ประเมินและ ตัดสินกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นักเรียนที่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กิจกรรมรายปี และผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรม มีผลการประเมินและตัดสิน “ผ่าน” ๑๑.๘ นักเรียนที่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กิจกรรมรายปี หรือไม่ผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรม มีผลการประเมินและตัดสิน “ไม่ผ่าน” ๑๑.๙ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ไม่ผ่าน” ต้องดำเนินการปรับปรุง ซ่อมเสริม แก้ไข ตามแนวทางที่ครูปรึกษาหรือบังคับบัญชากำหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๑.๑๐ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ไม่ผ่าน” และได้รับการประเมินใหม่แล้วผ่าน เกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ผ่าน” ๑๑.๑๑ นักเรียนที่ได้รับการตัดสิน “ผ่าน” ทุกกิจกรรมได้รับสิทธิพิจารณาจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ หมวดที่ ๓ เกณฑ์การจบหลักสูตร ข้อ ๑๒ นักเรียนจะได้รับการพิจารณาอนุมัติให้จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ต้องมีคุณสมบัติ ครบถ้วนทุกข้อดังนี้ ๑๒.๑ ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ๑๒.๒ ต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และมีผลการประเมินแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ไม่ต่ำกว่า ระดับผลการเรียน ๑ ๑๒.๓ ต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด ใน ๓ ด้านดังนี้ ๑๒.๔.๑ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ๑๒.๔.๒ คุณลักษณะอันพึงประสงค์


๒๓๓ ๑๒.๔.๓ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ข้อ ๑๓ ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้อนุมัติผลการเรียนและการจบหลักสูตร หมวดที่ ๔ การเทียบโอนผลการเรียน ข้อ ๑๔ โรงเรียนจะรับเทียบโอนผลการเรียน ซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้เรียน ที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมินเป็นส่วนหนึ่งของ การศึกษา ตามหลักสูตรของโรงเรียนตามแนวปฏิบัติต่อไปนี้ ๑๔.๑ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนขึ้นคณะหนึ่ง มี จำนวนไม่น้อยกว่า ๓ คน แต่ไม่เกิน ๕ คน ประกอบด้วยหัวหน้ากลุ่มวิชาการเป็นประธานกรรมการ ๑ คน ครู ประจำชั้น เป็นกรรมการและเลขานุการ ๑ คน และครูในโรงเรียนผู้มีความรู้ประสบการณ์ในสาขาวิชา การศึกษา รวมไม่เกิน ๓ คน เป็นกรรมการ ๑๔.๒ วิธีดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๒.๑ ผู้ขอเทียบโอนผลการเรียน ต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนของโรงเรียน อนุบาลเพชรบุรีและโรงเรียนต้องดำเนินการเทียบโอนในภาคเรียนแรกที่ขอขึ้นทะเบียน ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ต้องพิจารณาจากสาระการ เรียนรู้/มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ของผู้เทียบโอน โดยเทียบเคียงกับโครงสร้าง หลักสูตร สาระการเรียนรู้และมาตรฐานของโรงเรียน โดยมีผลการพิจารณาแล้วสอดคล้องกับโครงสร้าง หลักสูตร สาระการเรียนรู้และมาตรฐานของโรงเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทียบโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ให้พิจารณาจาก เอกสาร หลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย และให้ได้ระดับผลการเรียนตาม เกณฑ์การประเมินผลการเรียนของหลักสูตรโรงเรียน ๑๔.๒.๔ จำนวนกลุ่มวิชา รายวิชา ที่จะรับเทียบโอนและอายุของผลการเรียนที่ จะนำมาเทียบโอนให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ ทั้งนี้ เมื่อเทียบโอนแล้วผู้ ขอเทียบโอนต้องมีเวลาเรียนในโรงเรียนไม่น้อยกว่า ๑ ภาคเรียน ๑๔.๒.๕ ผลการพิจารณาและตัดสินของคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ให้เสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเสนอผู้อำนวยการ พิจารณาตามเกณฑ์กำหนด คือ มีผลการเรียนเทียบโอนสอดคล้องกับหลักสูตรของโรงเรียนมากกว่าร้อยละ ๖๐ พิจารณาอนุมัติ ผลการเรียนเทียบโอนสอดคล้องกับหลักสูตรของโรงเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ พิจารณาไม่ อนุมัติ ๑๔.๒.๖ การกำหนดรายละเอียดวิธีการและหลักการเทียบโอนให้เป็นไปอย่าง สอดคล้องกับกฎกระทรวงและระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด


๒๓๔ หมวดที่ ๖ เอกสารหลักฐานการศึกษา ข้อ ๑๕ โรงเรียนจัดให้มีเอกสารการประเมินผลการเรียนต่าง ๆ ดังนี้ ๑๕.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรับรองผลการศึกษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบียนสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมุด/คู่มือหลักสูตรโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ให้ใช้รูปแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ข้อ ๑๖ โรงเรียนอาจจัดให้มีเอกสารอื่น ๆ เพื่อเป็นหลักฐานการศึกษาเพิ่มเติม ตามนโยบายและ ความเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือบูรณาการเอกสารที่โรงเรียนจัดทำตามสภาพความเหมาะสม หมวดที่ ๗ การปรับปรุงและพัฒนาระเบียบ ข้อ ๑๗ ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ พิจารณาเสนอข้อมูล มติ เพื่อปรับปรุง และพัฒนาระเบียบนี้ต่อผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาให้ความเห็นชอบ ข้อ ๑๘ การใช้ระเบียบ ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ลงนามประกาศ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑3 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖7 ลงชื่อ (นายสุริยา มนตรีภักดิ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี


๒๓๕ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. การตัดสินผลการเรียน ๑.๑ การตัดสินผลการเรียน เพื่อให้ผู้เรียนผ่านการศึกษาในแต่ละชั้นปี และจบหลักสูตร โรงเรียน อนุบาลเพชรบุรี ได้ศึกษาครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตร และมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา จึง กำหนดเกณฑ์การตัดสนผลการเรียนชั้นปี และจบหลักสูตรโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ๑.๒ ผู้เรียนต้องเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๙ รายวิชา และได้รับการตัดสินผล การเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีกำหนด ๑.๓ ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนให้ได้ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาล เพชรบุรีกำหนด ๑.๔ ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนด ๑.๕ การตัดสินผลการเรียนให้ถือปฏิบัติดังนี้ ๑.๕.๑ พิจารณาตัดสินว่าผู้เรียนผ่านการประเมินทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ต้องได้รับการ ประเมินทุกตัวชี้วัด และได้ระดับผลการเรียน ๑ ถึง ๔ ๑.๕.๒ ได้รับการตัดสิน การประเมินผลการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนเป็นรายภาค รายปี โดย ผ่านเกณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีกำหนด ให้ได้ผลประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน ๑.๕.๓ ได้รับการตัดสินการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน โดยผ่านเกณฑ์ที่ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนด ให้ได้ผลประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน ๑.๕.๔ ได้รับการตัดสิน การเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน โดยผ่าน เกณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนด ให้ได้ผลการประเมินเป็น ผ่าน และไม่ผ่าน ๑.๕.๕ วัดผลปลายภาค หรือปลายปี เฉพาะผู้ที่มีเวลาเรียน ตลอดภาคเรียน หรือตลอดปี ไม่ น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอนุญาตให้ผู้เรียนเข้ารับการวัดผลปลายภาคหรือปลายปี สำหรับผู้ที่มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒. การให้ระดับผลการเรียน การให้ระดับผลการเรียน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนดระดับผลการเรียนในด้านต่าง ๆ คือ ๑. การประเมินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีกำหนดระดับผล การเรียน ๘ ระดับ ดังนี้ ๔ หมายถึง ผลการเรียน ดีเยี่ยม (คะแนน ๘๐ - ๑๐๐) ๓.๕ หมายถึง ผลการเรียน ดี (คะแนน ๗๕- ๗๙) ๓ หมายถึง ผลการเรียน ดี (คะแนน ๗๐ - ๗๔) ๒.๕ หมายถึง ผลการเรียน ดี (คะแนน ๖๕ - ๖๙) ๒ หมายถึง ผลการเรียน ผ่าน (คะแนน ๖๐ - ๖๔) ๑.๕ หมายถึง ผลการเรียน ผ่าน (คะแนน ๕๕ - ๕๙) ๑ หมายถึง ผลการเรียน ผ่าน (คะแนน ๕๐ - ๕๔) ๐ หมายถึง ผลการเรียน ไม่ผ่าน (คะแนน ๐ - ๔๙)


๒๓๖ ๒. การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนดเป็น ๔ ระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง ( ระดับ ๓) ดี หมายถึง (ระดับ ๒) ผ่าน หมายถึง (ระดับ ๑) ไม่ผ่าน หมายถึง (ระดับ ๐) ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข หลายประการ ๓. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนด เป็น ๔ ระดับ ดังนี้ ดีเยี่ยม หมายถึง ( ระดับ ๓) ดี หมายถึง (ระดับ ๒) ผ่าน หมายถึง (ระดับ ๑) ไม่ผ่าน หมายถึง (ระดับ ๐) ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับ ดีเยี่ยม จำนวน ๕-๘คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำ กว่าระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นการยอมรับของ สังคม โดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๑-๔ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๔ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดับดีจำนวน ๕-๘ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด โดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน หรือ


๒๓๗ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดีจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะ ใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษา กำหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะ ๔. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินความสามารถ และพัฒนาการของผู้เรียน ใน การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละภาคเรียน ตามเกณฑ์ของแต่ละกิจกรรม โดยโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนด ผลการประเมิน ดังนี้ ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ ตามที่กำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรามพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรม และผลงานไม่ เป็นไปตามเกณฑ์ตามที่กำหนด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี๓ ลักษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย (๑) กิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด (๒) กิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานตาม เกณฑ์ตามที่สถานศึกษากำหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมแต่มีผลงาน ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ตามที่สถานศึกษากำหนด ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนที่ ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ”ได้ ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ๓. การเลื่อนขั้น โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี กำหนดเกณฑ์การเลื่อนชั้น โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การตัดสินผล การเรียน และประกาศให้ทราบทั่วกัน โดยกำหนดเกณฑ์การเลื่อนชั้นดังนี้ ๑) ผู้เรียนมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านทุกรายวิชาพื้นฐาน ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด อนึ่ง ในกรณีที่ผู้เรียนมีหลักฐานการเรียนรู้ที่แสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศึกษา อาจให้โอกาสผู้เรียนเลื่อนชั้นกลางปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการของสถานศึกษาและผู้แทนของเขตพื้นที่การศึกษาหรือต้นสังกัด ประเมินผู้เรียนและ ตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขทั้ง ๓ ประการ ต่อไปนี้ ๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาที่ผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีที่กำลังศึกษาอยู่ใน เกณฑ์ดีเยี่ยม ๒. มีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น


๒๓๘ ๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถทุกรายวิชาของชั้นปีที่เรียนปัจจุบันและ ความรู้ความสามารถทุกรายวิชาในภาคเรียนแรกของชั้นปีที่จะเลื่อนขึ้นการอนุมัติให้เลื่อนชั้นกลางปีการศึกษา ไปเรียนชั้นสูงขึ้นได้๑ ระดับชั้นนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้เรียนและผู้ปกครอง และต้องดำเนินการให้เสร็จ สิ้นก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษานั้นสำหรับในกรณีที่พบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ ที่มี ปัญหาในการเรียนรู้ให้สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/ศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัด/ ศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา/หน่วยงานต้นสังกัด โรงเรียนเฉพาะความพิการ หาแนวทางการแก้ไขและ พัฒนา ๔ การสอนซ่อมเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้สถานศึกษาจัดสอนซ่อมเสริม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ทักษะกระบวนการ หรือ เจตคติ/ คุณลักษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมเป็นกรณี พิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ กำหนดไว้เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย และ ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ๕ การเรียนซ้ำชั้น ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถ ของผู้เรียน ผู้เรียนที่ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลื่อนชั้น สถานศึกษาควรให้เรียนซ้ำชั้น ทั้งนี้ สถานศึกษาอาจใช้ดุลยพินิจให้เลื่อนชั้นได้หากพิจารณาว่าผู้เรียนมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ๑) มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเนื่องจากสาเหตุจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย แต่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ การเลื่อนชั้นในข้ออื่น ๆ ครบถ้วน ๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่สถานศึกษากำหนด ในแต่ละรายวิชา แต่เห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษานั้น และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลื่อน ชั้นในข้ออื่น ๆ ครบถ้วน ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมอยู่ในระดับผ่านก่อนที่จะให้ผู้เรียนเรียนซ้ำชั้น สถานศึกษาควรแจ้งให้ผู้ปกครองและ ผู้เรียนทราบเหตุผลของการเรียนซ้ำชั้น ๖ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา ๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติม ตามโครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด ๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษากำหนด ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด


๒๓๙ ๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด ๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา กำหนด ๗. การเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะและประสบการณ์ของ ผู้เรียน ที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยมาประเมินเป็นส่วนหนึ่ง ของการศึกษาตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง แนวดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ให้เป็นไปตามระเบียบสถานศึกษา ว่าด้วยการเทียบโอนผล การเรียน ดังนี้ ๑. ผู้ขอเทียบโอนต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียน ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ดำเนินการเทียบโอน ผลการเรียนในภาคเรียนแรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ยกเว้นกรณีมีเหตุจำเป็น ๒. จำนวนสาระการเรียนรู้ รายวิชา จำนวนหน่วยการเรียนที่จะรับเทียบโอนและอายุของผลการ เรียนที่จะนำมาเทียบโอน ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของโรงเรียน อนุบาลเพชรบุรี ทั้งนี้ เมื่อเทียบโอนแล้ว ผู้ขอเทียบโอนต้องมีเวลาเรียนอยู่ในสถานศึกษาที่จะรับเทียบโอนไม่ น้อยกว่า ๑ ภาคเรียน ๓. โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ดำเนินการเทียบระดับด้วยการพิจารณาจากหลัดฐาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ แสดงความรู้ ความสามารถของผู้เรียนด้านต่าง ๆ พิจารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริง การทดสอบ การสัมภาษณ์ การประเมินแฟ้มผลงาน และการสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะ ของผู้เรียนตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรที่ขอเทียบโอน ๘. การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียน โดย โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี จัดทำเอกสารรายงานภาคเรียนละ ๑ ครั้ง ๘.๑ การรายงานผลระดับชั้นเรียน เป็นแบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน รายบุคคล บันทึก ข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียน เลขประจำตัวผู้เรียน เลขประจำตัวประชาชน เวลาเรียน การประเมินผลการเรียน การ ประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ความคิดเห็นของสถานศึกษาและผู้ปกครองที่มี่ต่อผู้เรียน และข้อมูลอื่น ๆ ที่โรงเรียน เห็นสมควรนำมา บันทึก ๘.๒ การรายงานระดับสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายภาค รายปี ผลการประเมินความก้าวหน้า ในการเรียนรู้รายภาค รายปี โดยรวมของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เพื่อเป็นข้อมูลและสารสนเทศในการ พัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพของผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด การตัดสินการ เลื่อนชั้น และการซ่อมเสริม ผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องให้ผ่าน ระดับชั้น และเป็นข้อมูลในการออกเอกสารหลักฐาน การศึกษา


๒๔๐ ๘.๓ การรายงานผลการประเมินคุณภาพ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ประเมินในระดับชั้น ที่นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ เป็นข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนใน การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียนและสถานศึกษา ๘.๔ การรายงานผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ ซึ่งเป็นผลการประเมินคุณภาพของผู้เรียน ด้วย แบบประเมินมาตรฐานระดับชาติ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สำคัญในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เพื่อเป็นข้อมูลใช้วางแผนในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียนและสถานศึกษา ๘.๕ การรายงานผลการเรียนในเอกสารหลักฐานการศึกษา ได้แก่ ๘.๕.๑ ระเบียบแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ๘.๕.๒ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓) ๘.๕.๓ แบบสบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ๘.๕.๔ แบบรายงานประจำตัวนักเรียน ๘.๕.๕ ใบรับรองผลการเรียน ๘.๕.๖ ระเบียนสะสม


๒๔๑ ภาคผนวก


๒๔๒ คำสั่งโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ที่ 90 /2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2567 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560 ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ……………………………. ตามที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีพุทธศักราช 2565 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เมื่อ ปีการศึกษา 2565 และได้ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารหลักสูตรและงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2546 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช 2547 จึงแต่งตั้งครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำหน้าที่ปรับปรุง พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีพุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ให้ประกาศใช้ได้ทันในปีการศึกษา 2567 ดังต่อไปนี้ 1. คณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วย 1) นายสุริยา มนตรีภักดิ์ ประธานกรรมการ 2) นายการุณย์ เหรียญบุบผา รองประธานกรรมการ 3) นางสาวดวงฤทัย อังกินันท์ รองประธานกรรมการ 4) นางสาวภูสุดา ภู่เงิน รองประธานกรรมการ 5) นางสิรินทร์ นาคเพ็ชร์ กรรมการ 6) นางสาวติมาภรณ์ แซ่เล้า กรรมการ 7) นางวณิชยา เดชกล้าหาญ กรรมการ 8) นายวิริทธิ์ ฐิรัตนบุรินทร์ กรรมการ 9) นายภควัฒน์ เรืองปราชญ์ กรรมการ 10) นางสาวศิริขวัญ ชั้นแก้ว กรรมการ 11) นางบุญยง ทับทอง กรรมการ 12) นางสาวอจลญา ไพโรจน์เพชรายุทธ กรรมการ 13) นางสาวสุธาสินี เพชรแย้ม กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่


๒๔๓ จัดประชุม ให้คำปรึกษา แนะนำช่วยเหลือ และสนับสนุนงบประมาณ สถานที่ หรือทรัพยากร อื่นๆ ให้กับคณะกรรมการดำเนินการ 2. คณะกรรมการดำเนินการ ประกอบด้วย 1) นางสาวสุธาสินี เพชรแย้ม ประธานกรรมการ 2) นางสาวบุปผา พวงเดช รองประธานกรรมการ 3) นางสาวติมาภรณ์ แซ่เล้า กรรมการ 4) นางวณิชยา เดชกล้าหาญ กรรมการ 5) นายวิริทธิ์ ฐิรัตนบุรินทร์ กรรมการ 6) นางสิรินทร์ นาคเพ็ชร์ กรรมการ 7) นายภควัฒน์ เรืองปราชญ์ กรรมการ 8) นางสาวศิริขวัญ ชั้นแก้ว กรรมการ 9) นางบุญยง ทับทอง กรรมการ 10) นางสาวอจลญา ไพโรจน์เพชรายุทธ กรรมการ 11) นางสิริพร ศรนรินทร์ กรรมการ 12) นางพรชนก เปาริก กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กำหนดโครงสร้าง หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 2. รวบรวมข้อมูลจากคณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรประจำกลุ่มสาระการเรียนรู้ศึกษา วิเคราะห์ ดูงาน ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้มการจัดการศึกษา และ นโยบายรัฐบาล ฯลฯ มาจัดทำร่างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2567 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) 3. นำร่างหลักสูตร ฯ เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียน อนุบาลเพชรบุรี 4. ปรับปรุงแก้ไขจัดพิมพ์และเข้ารูปเล่มให้เรียบร้อย โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13พฤษภาคม 2567 3. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มปฐมวัย ประกอบด้วย 1) นางสาวบุปผา พวงเดช ประธานกรรมการ 2) นางจำเรียง อ่อนฉ่ำ กรรมการ 3) นางสาวชื่นฤดี วรางกูล กรรมการ 4) นางกัลยกร นาคราช กรรมการ 5) นางสาวสุวรรณี ฮั่วจั่น กรรมการ 6) นางอุษาห์ เนียมเกิด กรรมการ 7) นางสาวชนิดา สินกลัด กรรมการ 8) นางสาวโชติกา กังวล กรรมการ 9) นางสาวชญานิศ อุบลน้อย กรรมการ


๒๔๔ 10) นางสาวจีราภรณ์ ดีประเสริฐ กรรมการ 11) นางสาวพิมพ์พร ทองภูเบศร์ กรรมการ 12)นางจุฑาภรณ์ พัฒเชียรทอง กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของ โรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้มการจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็น หลักสูตรของการศึกษาปฐมวัย 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 4. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระภาษาไทย ประกอบด้วย 1) นางสิรินทร์ นาคเพ็ชร์ ประธานกรรมการ 2) นางสาวสิรินาถ โชคทรัพย์ทวี กรรมการ 3) นางกิตตินันทน์ ธานีรัตน์ กรรมการ 4) นางสาวยุธารัตน์ สังข์สน กรรมการ 5) นางสาวกันทิมา เอมประเสริฐ กรรมการ 6) นางสาวสุธาสินี เพชรแย้ม กรรมการ 7) นางกิตตินันทน์ ธานีรัตน์ กรรมการ 8) นางสิริพร ศรนรินทร์ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 5. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 1) นางสาวติมาภรณ์ แซ่เล้า ประธานกรรมการ 2) นายทรงพล เปาริก กรรมการ 3) นางสาวเขมจิรา ต้องเสรีกุล กรรมการ 4) นางสาวสายลม มิตรกูล กรรมการ


๒๔๕ 5) นางชัญญานุช มุ่งดี กรรมการ 6) นางเมตตา เติมเกาะ กรรมการ 7) นางสาวยุพดี กลิ่นน้อย กรรมการ 8) นางสาวบุญตา คูณทวี กรรมการ 9) นางธีรวรรณ กิจวรวุฒิ กรรมการ 10) นางสาวศตพร ชัยสุริยะเดชา กรรมการ 11) นางสาวกมลพร เพิ่มขรัวจำ กรรมการ 12) นางสาวอารยา สงวนสุด กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 6. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 1) นางวณิชยา เดชกล้าหาญ ประธานกรรมการ 2) นางสาวชุติมา เกตุการณ์ กรรมการ 3) นางสาวโสภิตา เนียมศรี กรรมการ 4) นางชลิดา พูลสวัสดิ์ กรรมการ 5) นางโชติกา แดงสุข กรรมการ 6) นายพีรพล ตันทรัพย์ กรรมการ 7) นางศรัณยา น้อยสง่า สเต็กล่า กรรมการ 8) นางสาวพลอยไพลิน พวงเพ็ญ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567


๒๔๖ 7. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประกอบด้วย 1) นายวิริทธิ์ ฐิรัตนบุรินทร์ ประธานกรรมการ 2) นายรัชพิพัชร ผาดศรี กรรมการ 3) นางสาวศุภลักษณ์ จิตรสมบุญ กรรมการ 4) นางสาวศิรินันท์ สีสิงห์ กรรมการ 5) นางสาววิมลทิพย์ ศรเดช กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 8. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระสุขศึกษา และพลศึกษา ประกอบด้วย 1) นางสาวอจลญา ไพโรจน์เพชรายุทธ ประธานกรรมการ 2) นายชนานนท์ กลิ่นกรุ่น กรรมการ 3) นายณัฐพงษ์ ลาดกระโทก กรรมการ 4) นายธนดล คชพันธ์ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567


๒๔๗ 9. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระศิลปะ ประกอบด้วย 1) นางสาวศิริขวัญ ชั้นแก้ว ประธานกรรมการ 2) นายสรศักดิ์ สะสวย กรรมการ 3) นางสาววิชชุดา นวลนาง กรรมการ 4) นายสุริเยนทร์ คล้ำงาม กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 10. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระการงานอาชีพ ประกอบด้วย 1) นางบุญยง ทับทอง ประธานกรรมการ 2) คุณครูประจำชั้น ป.1 และ ป.2 กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 11. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วย 1) นายภควัฒน์ เรืองปราชญ์ ประธานกรรมการ 2) นางพรชนก เปาริก กรรมการ 3) นางสาวชุติมา ช่อกระทุ่ม กรรมการ 4) นางสาวสรีย์วรรณ คงสี กรรมการ 5) นางสาวสิรรินทร์ ยอดใส กรรมการ 6) นางสาวรุ่งไพลิน เรืองสุขอุดม กรรมการ 7) นางสาวจิราพร ประพัศรานนท์ กรรมการ 8) นางสาวเสาวลักษณ์ หอมนาน กรรมการและเลขานุการ


๒๔๘ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 12. คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วย 1) นายทรงพล เปาริก ประธานกรรมการ 2) นางสิรินทร์ นาคเพ็ชร์ กรรมการ 3) นายภควัฒน์ เรืองปราชญ์ กรรมการ 4) นางสิริพร ศรนรินทร์ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ 1. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บริบทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโน้ม การจัดการศึกษา และนโยบายรัฐบาล ฯลฯ เพื่อนำมาจัดทำเป็นหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2. ให้มีการบูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ การบูรณาการตามแนวทางโรงเรียนวิถีพุทธ เข้าไว้ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3. นัดหมาย จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลเป็นไฟล์ ให้เรียบร้อย และนำส่งที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 13. คณะกรรมการ จัดพิมพ์ ทำสำเนา และเข้าเล่ม ประกอบด้วย 1) นางสาวสุธาสินี เพชรแย้ม ประธานกรรมการ 2) นางกิตตินันทน์ ธานีรัตน์ กรรมการ 3) นางสาวบุปผา พวงเดช กรรมการ 4) นางสาวติมาภรณ์ แซ่เล้า กรรมการ 5) นางวณิชยา เดชกล้าหาญ กรรมการ 6) นางสาวยุธารัตน์ สงข์สน กรรมการ 7) นางพรชนก เปาริก กรรมการและเลขานุการ


๒๔๙ มีหน้าที่ จัดพิมพ์ข้อมูล พิสูจน์อักษร จัดทำสำเนา และเข้าเล่มเอกสารหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน อนุบาลเพชรบุรีพุทธศักราช 2567 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) ให้มีจำนวนครบตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ขอให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง อุทิศตน ทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้งานสำเร็จ เรียบร้อยบรรลุวัตถุประสงค์ และทันประกาศใช้ในปีการศึกษา 2567 สั่ง ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 (นายสุริยา มนตรีภักดิ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี


๒๕๐


Click to View FlipBook Version