The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-08-13 22:53:57

แผนวิชาเคมี5

ว 30225

ลงชอ่ื ................................................................................. ผปู้ ระเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางคร้ัง

แบบประเมินผลงานผเู้ รยี น

ชือ่ - นามสกลุ .................................................................................. ช้นั …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ................................ กจิ กรรม ……………….………………......................

คำชี้แจง: ใหผ้ ู้ประเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน

ประเด็นทป่ี ระเมนิ ผ้ปู ระเมิน

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจุดประสงคท์ ีก่ ำหนด

2. มคี วามถูกตอ้ งสมบรู ณ์

3. มีความคิดสร้างสรรค์

4. มคี วามเปน็ ระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

38

เฉลี่ย

ผ้ปู ระเมิน (ตนเอง)........................................................... ผ้ปู ระเมนิ .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จุดประสงคท์ ่ีกำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กบั จุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ สอดคล้องกบั
สมบรู ณ์ ทุกประเด็น เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น จุดประสงค์
เนอื้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ต้อง
สร้างสรรค์ ครบถ้วน เป็นสว่ นใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมแ่ สดง
4. ผลงานมีความเปน็ ถงึ ความคิด แปลกใหมแ่ ต่ยงั น่าสนใจ แตย่ งั ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สรา้ งสรรค์ ไม่เปน็ ระบบ มแี นวคดิ แปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานสว่ นใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานส่วนใหญม่ ี ไมเ่ ป็นระเบยี บ
ผลงานมคี วามเป็น ความเป็น ผลงานมคี วาม และมีขอ้
ระเบียบแสดงออก ระเบยี บแตย่ งั มี เปน็ ระเบียบแตม่ ี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพรอ่ ง
เลก็ นอ้ ย บางสว่ น

39

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

นกั เรยี นไดค้ ะแนน 13 คะแนนขึน้ ไป หรอื รอ้ ยละ 80 ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่

กล่มุ ..........................................................................................................

สมาชกิ ในกล่มุ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชีแ้ จง: ใหน้ กั เรยี นทำเครือ่ งหมาย ✓ ในช่องที่ตรงกับความเป็นจริง

พฤตกิ รรมท่ีสงั เกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็

2. มคี วามกระตอื รือร้นในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
4. มีขัน้ ตอนในการทำงานอย่างเปน็ ระบบ

5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

40

พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมท่ที ำเปน็ บางคร้งั ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การให้คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

แบบประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียน 5 ดา้ น

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กับระดับคะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการส่ือสาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใช้วิธีการสอ่ื สารทีเ่ หมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพอื่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพอื่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตัดสนิ ใจโดยคำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

41

4.1 ทำงานและอยรู่ ่วมกบั ผู้อ่ืนดว้ ยความสัมพันธ์อนั ดี
4.2 มวี ิธีแก้ไขความขัดแยง้ อย่างเหมาะสม
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ขอ้ มูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลอื กใช้ขอ้ มลู ในการทำงานและอยู่รว่ มกบั ผอู้ ่ืนอย่างเหมาะสม

ลงช่ือ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน :

- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ัตบิ างครง้ั ให้ 1 คะแนน

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี….1.....เรือ่ ง.....สารประกอบอินทรยี ์ทีม่ ีธาตอุ อกซิเจนเป็นองค์ประกอบ ตอนท่ี 2......

รายวิชา……..............เคมี…5........ ............รหสั วิชา…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....

กลุ่มสาระการเรียนรู้............วิทยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...4...ชั่วโมง……

ผ้สู อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพน้ื ฐานมที ัง้ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด
รายวชิ าเพ่มิ เติมมเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบัติของสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การ
แกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกดิ ขึ้นส่วนใหญ่มรี ูปแบบทแ่ี น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ไดภ้ ายใตข้ ้อมลู และเครอ่ื งมอื ท่ีมอี ยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม มีความ
เกี่ยวขอ้ งสมั พันธ์กนั

1.2 ผลการเรยี นรู้

42

5. เขียนสูตรท่ัวไป สูตรโครงสร้าง สรุปสมบัติท่ัวไป เปรียบเทียบจุดเดือด บอกประโยชน์หรือ

อันตราย พร้อมท้ังเรียกช่ือของแอลกอฮอล์ ฟีนอล อีเทอร์ แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิกและเอส

เทอร์

6. ทำการทดลอง รวบรวมข้อมูล แปลความหมายข้อมูล และสรุปผลการทดลองเก่ียวกับการ

จัดเรียงอะตอมของคาร์บอนในสารประกอบอินทรีย์ สมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก

สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์

ปฏิกริ ยิ าของเอสเทอร์

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ชว้ี ัดท่ใี ช้ในหนว่ ยการเรยี นรู้น้ีเขียนเปน็ แบบความเรียง)

สารประกอบอินทรีย์ท่ีมีคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เป็นองค์ประกอบ มีหลายชนิด เช่น

แอลกอฮอล์ ฟนี อล อเี ทอร์ แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคารบ์ อกซิลกิ และเอสเทอร์

กรดคาร์บอกซาลิกทำปฏิกิรยิ ากบั แอลกอฮอล์ได้เอสเทอรก์ ับนำ้ เรียกว่าปฏกิ ริ ิยาเอสเทอริฟิเคชัน เอส

เทอร์ไม่มีพันธะไฮโดรเจนจุดเดือดจึงต่ำกว่ากรดคาร์บอกซาลิก เม่ือโมเลกุลของเอสเทอร์ใหญ่ข้ึนจุดเดือดจะ

เพ่ิมขึ้นแต่ความสามารถในการละลายจะลดลงเมื่อเอสเทอร์ทำปฏิกิริยากับน้ำย้อนกลับไปเป็นกรดอะติกกับ

แอลกอฮอล์เรียกว่าปฏกิ ริ ิยาไฮโดรลิซิส

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/สาระการเรียนร้เู พมิ่ เตมิ (รายวิชาเพ่มิ เตมิ )

-

3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ (ถา้ ในคำอธิบายรายวชิ าพดู ถงึ หลกั สูตรท้องถ่ินให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (เลือกเฉพาะขอ้ ทีเ่ กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ )้ี

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทีเ่ กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  2. ซอื่ สัตย์สจุ ริต
 3. มีวินัย  4. ใฝ่เรียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งม่นั ในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มีจติ สาธารณะ

6. ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผ้เู รยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. ส่อื สารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคดิ

 4. ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกนั รับผิดชอบต่อสังคมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L



43

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)
 ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทกั ษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอ่ื (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT
Literacy)
 ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
 ความมเี มตตา (วนิ ัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)
8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรียนคอื
ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน
2. หลกั ความมีเหตุผล : ให้นักเรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกดิ ทักษะการปฏบิ ัติ
3. หลกั ภูมิคมุ้ กัน : ใหน้ ักเรยี นเกิดทกั ษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก
4. เง่ือนไขความรู้ : การวางแผนงานทีจ่ ะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมอื ทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ
เปลย่ี นแปลงจากการทดลอง
5. เง่อื นไขคุณธรรม : อดทนท่ีจะทำงาน และมคี วามขยนั ทจี่ ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ที ส่ี ดุ , มวี ินัยในการ
ทำแบบฝึกหัด

9. ชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ช้นิ งาน ภาระงาน
เรยี นรู้

5 - รายงานการทดลอง เรื่อง ปฏกิ ริ ยิ า - ค้นคว้าสืบค้นขอ้ มลู เร่อื งทางด้านวทิ ยา

ระหว่างกรดคาร์ บอกซิลิกกบั แอลกอฮอล์ ศาสตร์ และการประยุกตใ์ ช้ความรู้ทางเคมี ให้

- รายงานการทดลอง เร่ือง ปฏิกิรยิ าของ เกดิ ประโยชน์ในชวี ิตประจำวนั (น้าํ หอม ทำ

เอสเทอร์ จากอะไร ?) พรอ้ มระบุแหล่งทมี่ าแลว้ บนั ทกึ

- ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ กิจกรรม ข้อมูล

ร่วมกนั คิด 1 - ค้นคว้าสืบคน้ ข้อมูลเรอ่ื งกระบวนการหมกั

- ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมรว่ มกัน กบั กรดอนิ ทรีย์

44

คิด 2

10. การวัดประเมนิ ผล

10.1การวัดและประเมินผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสงั เกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กิจกรรมวิทยาศาสตรร์ ่องรอยบง่ ช้ี 3.การวัดประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เคร่อื งมือ

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือว่า ไมผ่ ่าน

10.2การวดั และประเมนิ ผลระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรู้ของ

หนว่ ยการเรยี นรนู้ ี)้

ส่งิ ที่ต้องการวดั วิธวี ัดผล เครอื่ งมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมนิ
- นักเรยี นได้คะแนน
1. ความรเู้ ก่ียวกบั -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึ้นไป
หรือรอ้ ยละ 80
- การเขียนสูตรทวั่ ไป สูตร ความคิดเหน็ อภิปรายแสดงความ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นได้คะแนน
โมเลกุลและสตู ร โครงสรา้ ง -การตอบคำถาม คดิ เห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนขน้ึ ไป
ของ กรดคารบ์ อกซิลิก และเอส -การตรวจผลงาน หรอื รอ้ ยละ 80
ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
เทอร์ นกั เรยี น - แบบประเมนิ การ -นักเรียนไดค้ ะแนน
12 คะแนนขน้ึ ไป
- การเรียกช่ือของ กรดคารบ์ อก ตรวจผลงานนักเรยี น หรอื ร้อยละ 80 ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
ซิลกิ และเอสเทอร์

- สมบัตขิ อง กรดคารบ์ อกซิลกิ

และเอสเทอร์

2.ทักษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ

ทักษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ

คิดเหน็

- สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมนิ

ทำงานกลมุ่ พฤติกรรมการ

45

ทำงานกลมุ่

3. คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ - สงั เกตนักเรยี นจาก - แบบประเมนิ - นักเรยี นได้คะแนน

และสมรรถนะผู้เรียน การเขา้ ชน้ั เรียน คุณลักษณะอันพึง ประเมินคุณลักษณะ

- วินัยในการเรยี น อภปิ ราย แสดงความ ประสงค์ อนั พึงประสงค์

- ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มัน่ ในการ คิดเห็นและพฤติกรรม - แบบประเมิน 26 คะแนนขนึ้ ไป

ทำงาน ระหวา่ งเรียน สมรรถนะผู้เรียน หรือรอ้ ยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

ความคิดทาง - นักเรียนได้คะแนน

วทิ ยาศาสตร์ การประเมนิ สมรรถนะ

29 คะแนนขึ้นไป

หรือร้อยละ 80

ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

11. กิจกรรมการเรยี นรู้

ช่วั โมงท่ี 1-2

1. ขนั้ ตงั้ ประเด็นปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

1.1 ครใู หน้ ักเรยี นดสู ตู รโครงสร้างของ กรดคารบ์ อกซิลกิ และเอสเทอร์ ว่ามสี ว่ นใดบ้างทเ่ี หมอื นกนั

และต่างกนั (มีองค์ซเิ จนเปน็ องคป์ ระกอบเหมือนกนั ต่างกนั ทหี่ มู่อ่นื ๆท่เี ป็นองคป์ ระกอบ)

1.2 ครสู รุปวา่ สารท้ัง 2 ชนดิ มีกล่มุ อะตอมท่แี สดงสมบตั ิเฉพาะท่ีเรียกวา่ หมฟู่ งั ก์ชนั ทป่ี ระกอบด้วย

ออกซเิ จนเหมอื นกัน ซึ่งเราจะศกึ ษาถึงสมบตั ิ การเรียกชื่อ และประโยชนข์ องกรดคาร์บอกซิลิก และเอสเทอร์

ตามลำดับ

2. ขั้นสบื ค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 ใหน้ ักเรียนแบง่ ออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 4- 5 คน แต่ละกลุม่ มนี ักเรยี นเก่ง ปานกลาง ออ่ น คละกนั

(เตรียมไว้ในคบปฐมนิเทศ) ศกึ ษาตามรายละเอียดในชุดกิจกรรม การทดลอง เร่อื ง ปฏิกริ ยิ าระหวา่ งกรดคาร์

บอกซิลิกกบั แอลกอฮอล์ พร้อมทงั้ ให้สมาชิกกำหนดหนา้ ท่ีกนั เองในกลมุ่ เชน่

คนที่ 1 อ่านข้ันตอนการทดลองและบอกวธิ กี ารทดลองตามลำดบั

คนท่ี 2 จัดเตรียมอุปกรณร์ บั อุปกรณ์ สำหรับการทดลอง

คนที่ 3 ดำเนินการทดลอง

คนท่ี 4 ดำเนินการทดลอง

คนท่ี 5 บันทกึ ขอ้ มูลต่าง ๆ ประกอบการทดลอง ผลการทดลอง อภปิ ราย สรุปผลการทดลอง

2.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองหนา้ ชั้นเรียน (โดยบันทึกขอ้ มูลในแบบ

บนั ทึกผลการทดลองรายกลมุ่ เพื่อเปรยี บเทียบให้ทกุ กลมุ่ เหน็ )

46

2.3 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายถึง (โดยใชส้ ่ือ power point) การเรียกชื่อและสมบัติบางประการ
ของแอลกอฮอล์ ฟนี อล อีเทอร์ แอลดไี ฮด์ และคโี ตน เพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ

2.4 ให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 4- 5 คน แตล่ ะกล่มุ มีนักเรียนเกง่ ปานกลาง ออ่ น คละกัน
(เตรยี มไวใ้ นคบปฐมนิเทศ) ศกึ ษาตามรายละเอยี ดในชดุ กิจกรรม การทดลอง เร่อื ง ปฏกิ ิริยาของเอสเทอร์
พรอ้ มท้ังให้สมาชิกกำหนดหน้าทีก่ ันเองในกลุ่ม เช่น

คนท่ี 1 อ่านขนั้ ตอนการทดลองและบอกวธิ ีการทดลองตามลำดับ
คนที่ 2 จัดเตรยี มอุปกรณ์รบั อุปกรณ์ สำหรบั การทดลอง
คนที่ 3 ดำเนนิ การทดลอง
คนท่ี 4 ดำเนินการทดลอง
คนท่ี 5 บันทกึ ข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการทดลอง ผลการทดลอง อภปิ ราย สรุปผลการทดลอง
2.5 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปความรเู้ ก่ยี วกบั การเขยี นสตู รท่วั ไป สูตรโมเลกุลและสูตร โครงสร้าง ของ
การเรียกช่อื และสมบัติของ กรดคาร์บอกซิลิก และเอสเทอร์

ชัว่ โมงที่ 3
3. ข้นั สรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นักเรียนระดมสมองฝึกทำกิจกรรมรว่ มกันคดิ 1 และ 2
3.2 นักเรียนและครูร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมร่วมกันคดิ 1 และ 2

ช่ัวโมงที่ 4
4. ขัน้ การส่ือสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ทำกจิ กรรม ปฏบิ ัตกิ าร ฝกึ ทำ : ฝกึ สรา้ ง (สบื ค้นข้อมูล ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์

และการประยุกต์ใช้ความรทู้ างเคมี ให้เกดิ ประโยชน์ในชีวิตประจำวนั : นํา้ หอม ทำจากอะไร พรอ้ มระบุ
แหล่งทม่ี าแล้วบันทึกข้อมลู )

4.2 นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ทำกิจกรรม ปฏิบัตกิ าร คิดดี ผลงานดี มีความสุข (ใหน้ ักเรยี นแต่ละ
กลมุ่ ศึกษาคน้ คว้ากระบวนการหมกั กบั กรดอนิ ทรยี ์พรอ้ มระบุแหล่งที่มาแล้วบันทกึ ข้อมูล)

4.3 นำเสนอหน้าชั้นเรยี น
5. ขั้นการบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนแตล่ ะกลุม่ เขยี นความหมายของการหมกั น้ำหมกั ชวี ภาพ ที่ได้คน้ คว้าพรอ้ มระบุรายละเอยี ด
ตามรายละเอยี ดในชุดกิจกรรม
5.2 นำเสนอหน้าช้ันเรียน
12. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
12.1สื่อการเรยี นรู้

47

- ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนโิ สมนสิการ หน่วยเคมอี ินทรยี ์ เลม่ ท่ี 4 เรือ่ งสารประกอบ

อนิ ทรีย์ท่มี ธี าตุออกซิเจนเปน็ องคป์ ระกอบ ตอนท่ี 2

- ส่ือ power point

12.2แหล่งเรยี นรู้

1) อินเตอรเ์ นต็

2) ห้องสมดุ

13. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- การเขยี นสูตรทว่ั ไป สูตรโมเลกุลและสตู ร ...............................................................................................

โครงสร้าง ของ กรดคารบ์ อกซลิ ิก และเอส ...............................................................................................

เทอร์ ...............................................................................................

- การเรียกช่ือของ กรดคาร์บอกซิลกิ และเอส ...............................................................................................

เทอร์ ...............................................................................................

- สมบัตขิ อง กรดคารบ์ อกซลิ กิ และเอสเทอร์ ...............................................................................................
2. ด้านกระบวนการ :

- ทกั ษะกระบวนการคิด

- ทักษะกระบวนการกลุ่ม

3. ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและค่านิยม ...............................................................................................

อนั พึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ยั ...............................................................................................

- ใฝ่เรียนรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเป็นไทย ...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

...............................................................................................

5. วธิ ีแก้ปัญหา

....................................................................... ...............................................................................................

48

....................................................................... ...............................................................................................
...............................................................................................

ลงชื่อ........................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรัตน์..) (นายสรุ จกั ร์ิ แก้วมว่ ง.)

ลงชื่อ........................................... ลงช่อื ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรตั น.์ .) (..นายศวิ าวฒุ ิ รตั นะ..)

หวั หนา้ งานนิเทศ หัวหนา้ กล่มุ บริหารวิชาการ

ลงชอื่ ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรยี นสวุ รรณารามวิทยาคม

แบบประเมนิ การอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
วชิ า .......................................................................................................... ชน้ั ………………………………
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ..............................กิจกรรม ……………………………………………………………………….…

คำชีแ้ จง : ใหป้ ระเมนิ จากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหวา่ งเรยี น และการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ่

โดยใหร้ ะดบั คะแนนลงในตารางทต่ี รงกับพฤตกิ รรมของผเู้ รียน

เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรับปรงุ

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขที่ ช่ือ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ที่ทำได้ ผา่ น
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

49

ลงชอ่ื ................................................................................. ผู้ประเมนิ
เกณฑ์การประเมิน : นกั เรียนไดค้ ะแนน 12 คะแนนขนึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องท่ีตรง
กับระดับคะแนน

คณุ ลกั ษณะอันพงึ รายการที่ประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ดา้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มวี ินัย 3.2 ปฏิบตั งิ านเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

3.3 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง

4.1 กระตอื รอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝเ่ รียนรู้ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ ส่ิงของ เคร่ืองใช้ อยา่ งประหยดั
3. อยู่อย่างพอเพียง

5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณค่า

50

5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออม
7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย
4. รักความเปน็ ไทย
7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชอ่ื ................................................................................. ผูป้ ระเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครง้ั

แบบประเมินผลงานผเู้ รยี น

ชือ่ - นามสกลุ .................................................................................. ชั้น …………………........
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำชแ้ี จง: ใหผ้ ู้ประเมินขดี ✓ ลงในช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน

ประเด็นทปี่ ระเมนิ ผ้ปู ระเมิน

ตนเอง เพ่อื น ครู

432143214321

1. ตรงจุดประสงค์ทกี่ ำหนด

2. มคี วามถูกต้องสมบรู ณ์

3. มีความคิดสรา้ งสรรค์

51

4. มีความเป็นระเบียบ

รวม
รวมทุกรายการ

เฉลย่ี

ผปู้ ระเมิน (ตนเอง)........................................................... ผู้ประเมิน .......................................................... (เพอื่ น)

ผู้ประเมิน ................................................................ (ครู)

เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ปี ระเมิน 4 คะแนน

1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้อง 321
จดุ ประสงคท์ ่ีกำหนด กับจดุ ประสงค์
ทกุ ประเด็น ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ตอ้ ง เน้ือหาสาระของ กับจดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ สอดคล้องกบั
สมบูรณ์ ผลงานถูกตอ้ ง เป็นสว่ นใหญ่ บางประเดน็ จดุ ประสงค์
ครบถ้วน เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานแสดงออก ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไมถ่ กู ตอ้ ง
สร้างสรรค์ ถงึ ความคดิ เป็นสว่ นใหญ่ บางประเดน็ เปน็ ส่วนใหญ่
สรา้ งสรรค์ ผลงานมีแนวคิด ผลงานมีความ ผลงานไมแ่ สดง
แปลกใหม่ แปลกใหม่แตย่ ัง น่าสนใจ แต่ยงั ไม่ แนวคดิ ใหม่
และเปน็ ระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ มแี นวคิดแปลก

ใหม่

52

4. ผลงานมีความเปน็ ผลงานมีความเป็น ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความ ผลงานส่วนใหญ่
ระเบียบ ระเบยี บแสดงออก ไมเ่ ปน็ ระเบียบ
ถึงความประณีต ความเปน็ เปน็ ระเบียบแตม่ ี และมขี อ้
บกพร่องมาก
ระเบยี บแต่ยังมี ขอ้ บกพร่อง

ขอ้ บกพรอ่ ง บางสว่ น

เล็กน้อย

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

นักเรยี นไดค้ ะแนน 13 คะแนนข้นึ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถือว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

กลุ่ม ..........................................................................................................

สมาชิกในกลมุ่ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชีแ้ จง: ให้นกั เรียนทำเคร่ืองหมาย ✓ ในชอ่ งที่ตรงกบั ความเป็นจริง

พฤตกิ รรมที่สังเกต คะแนน 1
32

1. มสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็

2. มีความกระตือรือร้นในการทำงาน

3. รับผดิ ชอบในงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย
4. มขี ัน้ ตอนในการทำงานอย่างเปน็ ระบบ

53

5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม
รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤตกิ รรมที่ทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทีท่ ำเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

แบบประเมนิ สมรรถนะผูเ้ รียน 5 ดา้ น

คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องทีต่ รง
กบั ระดบั คะแนน

สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มีความสามารถในการรับ – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใช้วิธีการสอื่ สารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ เพื่อการสร้างองค์ความรู้
2.2 มคี วามสามารถในการคิดเป็นระบบ เพ่ือการสร้างองคค์ วามรู้

54

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
3.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรมู้ าใชใ้ นการแกป้ ญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยรู่ ่วมกับผู้อนื่ ดว้ ยความสัมพันธอ์ ันดี
4.2 มีวธิ แี ก้ไขความขัดแยง้ อย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลอื กใช้ข้อมูลในการทำงานและอยู่รว่ มกบั ผอู้ น่ื อยา่ งเหมาะสม

ลงชอื่ ................................................................................. ผปู้ ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน :

- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัตบิ างครง้ั ให้ 1 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี.1..เร่ือง...เคมีอินทรีย์เรอ่ื ง สารประกอบอนิ ทรยี ์ที่มธี าตไุ นโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ......

รายวิชา……..............เคมี…5........ ............รหัสวชิ า…..............ว 30226......................ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี.่ ...6.....

กลุ่มสาระการเรียนรู้............วิทยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...2...ชั่วโมง……

ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพน้ื ฐานมที งั้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละผลการเรยี นรู)้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบตั ิของสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สือ่ สารสิ่งท่ีเรยี นรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

55

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ

แกป้ ัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกดิ ขน้ึ สว่ นใหญ่มีรูปแบบทแี่ นน่ อน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบ

ไดภ้ ายใตข้ ้อมูลและเคร่อื งมือทมี่ อี ยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิง่ แวดลอ้ ม มีความ

เกย่ี วขอ้ งสมั พันธ์กัน

1.2 ผลการเรยี นรู้

7. เขยี นสูตรทัว่ ไป สูตรโครงสรา้ ง สรุปสมบตั ิทั่วไป เปรยี บเทียบจุดเดือด บอกประโยชนห์ รือ

อนั ตราย พร้อมทงั้ เรยี กชอ่ื ของสารประกอบเอมนี เอไมด์

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวช้ีวัดที่ใช้ในหนว่ ยการเรยี นรู้น้เี ขยี นเป็นแบบความเรยี ง)

เอมนี เป็นสารประกอบอนิ ทรยี ์ทม่ี ีไนโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ ซ่ึงเกิดจากหมูแ่ อริลเขา้ แทนท่ีไฮโดรเจน

ในโมเลกุลของแอมโมเนีย การเรียกชื่อเอมีนขึน้ ต้นด้วยจำนวนคาร์บอนอะตอมลงทา้ ยด้วย –านามีน จุดเดือด

ตำ่ กว่าแอลกอฮอล์แตส่ งู กวา่ แอลเคน เพราะเปน็ โมเลกลุ ไมม่ ีขั้ว

และสามารถละลายน้ำได้แล้วได้สมบัติเป็นเบส เมื่อทำปฏิกริ ิยากับกรดอนินทรีย์ได้เกลือเอมีน ตัวอย่างของเอ

มีนได้แก่ มอร์ฟีนในฝิ่น ใช้เป็นยาแก้ปวด โคดิอีนจากฝ่ินใช้เป็นยาแก้ไอ นิโคตินในใบยาสูบใช้ทำบุหรี่ แอมเฟ

ตามนี ใชผ้ ลิตยาบ้า

เอไมด์เป็นสารประกอบอินทรีย์ท่ีมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ ซึง่ เกิดจากหมอู่ ะมิโนเข้าแทนท่ีหมู่ไฮ

ดรอกซิล การเรียกช่ือเอมีนข้ึนต้นด้วยจำนวนคาร์บอนอะตอมลงท้ายด้วย –านาไมด์ จุดเดือดสูงกว่าเอมีน

เพราะเปน็ โมเลกุลไมม่ ีขวั้ และสามารถละลายน้ำไดแ้ ล้วไดส้ มบตั ิเปน็ กลาง ตวั อย่างของเอไมดไ์ ด้แก่ อะเซตามิ

โนเฟนใช้ทำยาพาราเซตามอลหรอื ไทลนิ อล ยเู รยี ใชผ้ ลติ ปุ๋ยและเปน็ วัตถดุ บิ ผลติ พลาสตกิ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระการเรยี นรเู้ พมิ่ เติม (รายวิชาเพมิ่ เติม)

-

3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ (ถ้าในคำอธิบายรายวิชาพดู ถงึ หลกั สูตรทอ้ งถนิ่ ใหใ้ ส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลอื กเฉพาะขอ้ ทเ่ี กิดในหน่วยการเรยี นรู้น้)ี

 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหน่วยการเรยี นรนู้ )้ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ

 3. มวี นิ ัย  4. ใฝเ่ รยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มีจติ สาธารณะ

56

6. ด้านคณุ ลักษณะของผู้เรียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. ร่วมกนั รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทกั ษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมเี มตตา (วนิ ยั คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรียนคอื

ประมาณกลุม่ ละ 4 – 6 คน

2. หลกั ความมเี หตุผล : ใหน้ กั เรยี นสร้างสรรค์ผลงานและเกดิ ทักษะการปฏบิ ัติ

3. หลักภมู คิ ้มุ กนั : ใหน้ กั เรียนเกดิ ทกั ษะการทำงานกล่มุ และกล้าแสดงออก

4. เงอื่ นไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำก่อนแล้วค่อยลงมอื ทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ

เปลีย่ นแปลงจากการทดลอง

5. เงอื่ นไขคณุ ธรรม : อดทนทจี่ ะทำงาน และมคี วามขยนั ทจ่ี ะทำงานใหอ้ อกมาไดด้ ีทส่ี ดุ , มวี นิ ัยในการ

ทำแบบฝึกหัด

9. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชิน้ งาน ภาระงาน
เรียนรู้

7 - คำขวัญหรือขอ้ ความ พร้อมวาด - วิเคราะห์สถานการณ์ผลงานวจิ ัย และตอบ

ภาพประกอบเกี่ยวกับคณุ คา่ วิถีชวี ิตไทยกับ คำถาม

การบริโภคของหมักดองอย่างปลอดภัย

57

10. การวัดประเมนิ ผล

10.1การวดั และประเมินผลชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ช้ี 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ตั ิ

เครอ่ื งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถอื วา่ ไมผ่ า่ น

10.2การวัดและประเมินผลระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรู้ของ

หน่วยการเรยี นรนู้ ้)ี

ส่ิงท่ีต้องการวัด วิธีวดั ผล เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมนิ
- นักเรยี นได้คะแนน
1. ความร้เู ก่ียวกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึ้นไป
หรอื รอ้ ยละ 80
- การเขยี นสตู รทั่วไป สูตร ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- นักเรยี นได้คะแนน
โมเลกลุ และสตู ร โครงสรา้ ง -การตอบคำถาม คดิ เห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนขน้ึ ไป
ของ สารประกอบเอมีน เอไมด์ -การตรวจผลงาน หรอื ร้อยละ 80
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
- การเรียกชอ่ื ของ สารประกอบ นกั เรียน - แบบประเมนิ การ -นกั เรียนไดค้ ะแนน
12 คะแนนขน้ึ ไป
เอมนี เอไมด์ ตรวจผลงานนกั เรยี น หรอื ร้อยละ 80 ถือว่า
ผ่านเกณฑ์
- สมบัตขิ อง สารประกอบเอมีน

เอไมด์

2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ
ทกั ษะกระบวนการกล่มุ
ความคิดเห็น อภิปรายแสดงความ

คดิ เห็น

- สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมิน

ทำงานกล่มุ พฤติกรรมการ

ทำงานกลุ่ม

58

3. คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ - สงั เกตนักเรยี นจาก - แบบประเมิน - นกั เรยี นได้คะแนน

และสมรรถนะผ้เู รียน การเข้าชัน้ เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึง ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ

- วินัยในการเรยี น อภปิ ราย แสดงความ ประสงค์ อันพึงประสงค์

- ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการ คดิ เห็นและพฤติกรรม - แบบประเมนิ 26 คะแนนขึ้นไป

ทำงาน ระหวา่ งเรยี น สมรรถนะผู้เรียน หรือร้อยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

ความคดิ ทาง - นกั เรียนไดค้ ะแนน

วิทยาศาสตร์ การประเมินสมรรถนะ

29 คะแนนข้นึ ไป

หรือรอ้ ยละ 80

ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

11. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

1. ขั้นต้ังประเด็นปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ครูให้นกั เรียนดูสตู รโครงสรา้ งของ สารประกอบเอมีน เอไมด์ ว่ามีสว่ นใดบ้างทเี่ หมอื นกนั

และตา่ งกัน (มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเหมือนกนั ต่างกันทห่ี มอู่ ื่นๆท่ีเป็นองคป์ ระกอบ)

1.2 ครูสรปุ ว่าสารท้ัง 2 ชนดิ มีกลุ่มอะตอมท่ีแสดงสมบัติเฉพาะที่เรียกวา่ หมฟู่ งั ก์ชนั ที่ประกอบดว้ ย

ไนโตรเจนเป็นองคป์ ระกอบเหมอื นกนั ซึง่ เราจะศึกษาถึงสมบัติ การเรยี กชอ่ื และประโยชน์ของสารประกอบเอ

มนี เอไมด์ตามลำดบั

2. ขน้ั สบื คน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 ครูใหน้ ักเรียนดคู ลิปวดี ีโอเร่อื งสารประกอบเอมีน เอไมด์ และ ศึกษาตามรายละเอียดในชดุ กจิ กรรม

3. ข้ันสรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

3.1 ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายถึง (โดยใช้สอื่ power point) การเรียกช่ือและสมบัติบางประการ

ของสารประกอบเอมนี เอไมด์ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุป

ช่วั โมงท่ี 2
4. ขน้ั การส่ือสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ทำกจิ กรรม ปฏบิ ัตกิ าร ฝึกทำ : ฝึกสรา้ ง (ผลงานวิจัยนกั เรียนโรงเรียนเฉลมิ

ขวัญ สุดเจ๋ง คว้ารางวลั ชนะเลศิ ระดบั ภาค แกป้ ัญหาขา้ วไทย “การศึกษาประสิทธภิ าพบรรจภุ ัณฑข์ ้าวจาก
เปลอื กหนอ่ ไม้ไผ่ตงด้วยน้ำมนั หอมระเหยจากพืชสมนุ ไพรในการไลแ่ มลงทำลายขา้ ว”)

4.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ฝกึ วเิ คราะหส์ ถานการณแ์ ลว้ ตอบคำถาม โดยนกั เรยี นร่วมกนั ตงั้ คำถาม
เกี่ยวกบั ตวั อยา่ งงานวิจัยทหี่ ามาเพื่อถามเพ่ือนๆ ไมน่ อ้ ยกว่าด้านละ 3 ข้อ ดังน้ี

59

1) ดา้ นความรู้ทางวิทยาศาสตร์

2) ดา้ นปฏิบัติการและทกั ษะทางวิทยาศาสตร์

3) ด้านค่านิยมตอ่ ภมู ปิ ัญญาไทยทางวิทยาศาสตร์

4.3 นำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน

5. ข้ันการบรกิ ารสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ การศกึ ษาบทบาทของเช้ือจลุ ินทรีย์ต่อการสร้างสารประกอบเอมนี ทพ่ี บใน

กระบวนการหมกั แหนม และการสลายสารประกอบเอมนี โดยแลคตคิ แอซดิ แบคทเี รยี ทไี่ ด้ค้นคว้าพร้อมระบุ

รายละเอียดตามรายละเอียดในชดุ กิจกรรม

5.2 นำเสนอหน้าชัน้ เรยี น

12. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1ส่อื การเรียนรู้

- ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนโิ สมนสิการ หน่วยเคมอี ินทรีย์ เล่มที่ 5 เรื่องสารประกอบ

อินทรีย์ทม่ี ธี าตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ

- สอื่ power point

12.2 แหล่งเรียนรู้

1) อินเตอรเ์ นต็

2) ห้องสมุด

13. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- การเขียนสูตรท่วั ไป สตู รโมเลกุลและสูตร ...............................................................................................

โครงสร้าง ของ สารประกอบเอมีน เอไมด์ ...............................................................................................

- การเรยี กชื่อของ สารประกอบเอมนี เอไมด์ ...............................................................................................

- สมบัตขิ อง สารประกอบเอมนี เอไมด์ ...............................................................................................
...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ...............................................................................................

อนั พงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ยั ...............................................................................................

60

- ใฝ่เรียนรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเป็นไทย ...............................................................................................

...............................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

...............................................................................................

5. วิธีแก้ปัญหา

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

...............................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู สู้ อน ลงชอื่ ...........................................หวั หนา้ กล่มุ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรัตน.์ .) (นายสุรจักริ์ แกว้ ม่วง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงชือ่ ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รัตน์..) (..นายศิวาวุฒิ รัตนะ..)

หวั หนา้ งานนิเทศ หวั หน้ากลมุ่ บริหารวิชาการ

ลงชือ่ ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นสุวรรณารามวทิ ยาคม

61

แบบประเมินการอภปิ รายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชั้น ………………………………
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำช้ีแจง : ให้ประเมนิ จากการสงั เกตการรว่ มอภิปรายในระหวา่ งเรียน และการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม

โดยใหร้ ะดบั คะแนนลงในตารางทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมของผู้เรียน

เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ต้องปรับปรุง

รวม สรุปผลการ

รายการประเมิน 15 ประเมิน
คะแน

เลขที่ ชอ่ื -นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ทที่ ำได้ ผา่ น
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

62

ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ : นักเรียนไดค้ ะแนน 12 คะแนนขึ้นไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กบั ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะอันพงึ รายการท่ีประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ด้าน 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มีวนิ ยั 3.2 ปฏิบัติงานเรียบร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง

4.1 กระตอื รือร้นในการแสวงหาขอ้ มลู

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเป็นระบบ

4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ย่างมีเหตุผล

63

5.1 ใชว้ สั ดุ ส่งิ ของ เครอ่ื งใช้ อย่างประหยดั
3. อย่อู ย่างพอเพียง 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ณุ ค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออม
7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
4. รกั ความเป็นไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

ลงชอื่ ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัติบางครัง้

แบบประเมินผลงานผูเ้ รยี น

ชื่อ - นามสกลุ .................................................................................. ชั้น …………………........
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ................................ กจิ กรรม ……………….………………......................

คำช้ีแจง: ใหผ้ ปู้ ระเมินขีด ✓ ลงในช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมนิ ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพ่อื น ครู

432143214321

1. ตรงจุดประสงคท์ ก่ี ำหนด

2. มคี วามถูกต้องสมบรู ณ์

64

3. มีความคิดสร้างสรรค์

4. มีความเปน็ ระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลย่ี

ผู้ประเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมิน .......................................................... (เพื่อน)

ผปู้ ระเมิน ................................................................ (คร)ู

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ 4 คะแนน

1. ผลงานตรงกับ ผลงานสอดคลอ้ ง 321
จุดประสงค์ท่ีกำหนด กับจุดประสงค์
ทุกประเด็น ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมีความถูกตอ้ ง เน้ือหาสาระของ กบั จุดประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ผลงานถกู ต้อง เปน็ สว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
ครบถ้วน เนอื้ หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานแสดงออก ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ถงึ ความคดิ เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่
สรา้ งสรรค์ ผลงานมแี นวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
แปลกใหมแ่ ตย่ ัง น่าสนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคดิ ใหม่
ไมเ่ ป็นระบบ มแี นวคิดแปลก

65

แปลกใหม่ ใหม่
และเป็นระบบ
4. ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญ่มี ผลงานมคี วาม ผลงานส่วนใหญ่
ระเบียบ ระเบยี บแสดงออก ไม่เป็นระเบยี บ
ถงึ ความประณตี ความเปน็ เปน็ ระเบยี บแตม่ ี และมีข้อ
บกพร่องมาก
ระเบยี บแตย่ งั มี ข้อบกพรอ่ ง

ขอ้ บกพร่อง บางส่วน

เล็กนอ้ ย

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

นกั เรยี นไดค้ ะแนน 13 คะแนนขน้ึ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

กลมุ่ ..........................................................................................................

สมาชกิ ในกลมุ่ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชี้แจง: ให้นกั เรยี นทำเครอ่ื งหมาย ✓ ในช่องทตี่ รงกบั ความเปน็ จรงิ

พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต คะแนน 1
32

1. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็

2. มีความกระตอื รอื ร้นในการทำงาน

66

3. รบั ผิดชอบในงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
4. มขี ้ันตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤติกรรมท่ที ำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครัง้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำนอ้ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การให้คะแนน

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ สมรรถนะผูเ้ รียน 5 ด้าน

คำช้แี จง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กบั ระดบั คะแนน

สมรรถนะที่ประเมนิ ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – สง่ สาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ธิ ีการสอ่ื สารทเ่ี หมาะสม

2. ความสามารถในการคิด

67

2.1 มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพื่อการสร้างองค์ความรู้
2.2 มีความสามารถในการคิดเป็นระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรมู้ าใช้ในการแกป้ ญั หา
3.3 ตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4.1 ทำงานและอยูร่ ว่ มกับผอู้ ่ืนด้วยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มวี ธิ แี กไ้ ขความขัดแย้งอยา่ งเหมาะสม
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ข้อมูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ข้อมลู ในการทำงานและอยรู่ ่วมกบั ผู้อ่นื อย่างเหมาะสม

ลงชือ่ ................................................................................. ผู้ประเมิน

/ /........................ ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน :

- พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิบางครงั้ ให้ 1 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่…….2…...เรอ่ื ง……..เชื้อเพลิงซากดกึ ดำบรรพแ์ ละผลิตภณั ฑ์…(ถ่านหินและหินน้ำมนั ).......

รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหัสวิชา…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....

กล่มุ สาระการเรยี นร.ู้ ...........วิทยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...2...ชั่วโมง……

ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ (รายวชิ าพนื้ ฐานมีทงั้ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั
รายวิชาเพ่ิมเตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรียนรู)้

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบตั ขิ องสาร

68

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกดิ ข้นึ ส่วนใหญ่มีรูปแบบทแ่ี นน่ อน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมอื ที่มีอยใู่ นชว่ งเวลานั้นๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิง่ แวดล้อม มีความ
เกีย่ วข้องสมั พันธ์กัน

1.2 ผลการเรยี นรู้
8. อธิบายความหมาย การเกดิ องค์ประกอบทางเคมีและการสำรวจหาแหล่งเช้ือเพลิงซากดึกดำ

บรรพช์ นดิ ตา่ งๆ และประโยชน์ของถ่านหนิ และหินน้ำมนั

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชี้วัดท่ใี ช้ในหนว่ ยการเรียนร้นู ีเ้ ขียนเป็นแบบความเรยี ง)
เมอื่ พืชในอดตี ลม้ ทับกันภายใต้ความดนั ใต้แหลง่ นำ้ และโคลนตมและความร้อนสูง เน้ือไม้จะกลายเป็น

สารประกอบอนิ ทรยี เ์ รียกว่าถ่านหินซ่ึงจำแนกตามปริมาณของคาร์บอนได้แก่ พตี ลิกไนต์ ซับบทิ มู ินัส บิทูมินัส
และแอนทราไซต์ หินน้ำมันเป็นหินตะกอนเน้ือละเอียดท่ีมีการเรียงตัวเป็นช้ันบาง ๆ มีสารเคอโรเจนซึ่ง
สลายตัวให้น้ำมันหิน ลักษณะคล้ายน้ำมันดิบ แหล่งปิโตรเลียมประกอบด้วยน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ
ปิโตรเลียมเกิดจากการทับถมและการสลายตัวของอินทรียสารจากพืชและสตั ว์ทค่ี ลุกเคล้าอย่กู ับตะกอนในชั้น
กรวดทรายและโคลนตมใต้พื้นดินภายใต้ความร้อนและความดันสูงและมีออกซิเจนน้อย จึงสลายตัวเป็น
สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน แล้วซมึ อย่ตู ามชน้ั หนิ พรุน
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ (รายวชิ าเพิม่ เตมิ )
ถา่ นหิน คอื หินตะกอนชนิดหน่งึ สามารถติดไฟได้ มสี นี ้ำตาลออ่ นจนถงึ สีด า มีทง้ั ชนดิ ผวิ มัน

และผิวด้าน น้ำหนักเบา ถ่านหินประกอบดว้ ยธาตทุ ่สี ำคัญ 4 อย่าง ไดแ้ ก่ คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และ
ออกซิเจน นอกจากนยี้ งั มธี าตอุ ื่น เช่น กำมะถันเจอื ปนเลก็ น้อย ถ่านหนิ ทม่ี ีจำนวนคาร์บอนสูง และมีธาตุ
อื่นตำ่ เม่อื นำมาเผาจะใหค้ วามร้อนมาก ถือเป็นถ่านหินคุณภาพดี

ประเภทของถา่ นหิน ถา่ นหนิ สามารถแยกประเภทตามลำดบั ชั้นได้เปน็ 5 ประเภทคอื
1. ถา่ นพีต (Prat)
2. ถา่ นลิกไนต์ (Lignite)
3. ถา่ นซับบทิ ูบินสั (Subbituminous)
4. ถา่ นบทิ บู นิ ัส (bituminous)
5. ถ่านแอนทราไซด์ (Anthracite)

69

หินน้ำมนั คือ หนิ ตะกอนชนิดหนึง่ ท่ปี ระกอบด้วย อนิ ทรียวตั ถใุ นรปู ของสารทเี่ รียกวา่ เคอโร
เจน (Kerogen)

3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลักสูตรท้องถิน่ ให้ใส่ลงไปด้วย
...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (เลอื กเฉพาะขอ้ ทเี่ กิดในหน่วยการเรยี นร้นู ี)้

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (เลอื กเฉพาะขอ้ ทเ่ี กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ )้ี

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซือ่ สตั ย์สจุ รติ

 3. มวี ินยั  4. ใฝเ่ รยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มีจิตสาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผู้เรยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ล้ำหน้าทางความคดิ

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )

 ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

 ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทกั ษะดา้ นการสอ่ื สาร สารสนเทศและรูเ้ ทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทักษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

 ความมเี มตตา (วนิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

8. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

70

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลุ่มให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในห้องเรยี นคือ
ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน

2. หลักความมีเหตุผล : ใหน้ กั เรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทกั ษะการปฏบิ ัติ
3. หลักภูมคิ มุ้ กัน : ให้นักเรียนเกิดทกั ษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก
4. เง่ือนไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำกอ่ นแล้วค่อยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั , เขยี นสมการการ
เปลี่ยนแปลงจากการทดลอง
5. เงอ่ื นไขคุณธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมีความขยันทจ่ี ะทำงานใหอ้ อกมาได้ดีทส่ี ุด , มวี ินัยในการ
ทำแบบฝกึ หดั

9. ช้ินงาน/ภาระงานรวบยอด ช้ินงาน ภาระงาน
ผลการ -
เรียนรู้ - ตอบคำถามเก่ียวกับคณุ สมบัติ และโครง
8 สร้างของถา่ นหินแตล่ ะชนดิ
- ตอบคำถามเกีย่ วกบั คณุ สมบตั ิ และโครง
สรา้ งของหนิ น้ำมนั แต่ละชนดิ

10. การวัดประเมินผล

10.1การวัดและประเมนิ ผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ กี าร

1.การสงั เกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ อ่ งรอยบง่ ช้ี 3.การวดั ประเมนิ การปฏบิ ัติ

เครื่องมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือว่า ไม่ผ่าน

10.2การวดั และประเมินผลระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรู้ของ

หนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี)

71

สิง่ ที่ตอ้ งการวดั วธิ ีวดั ผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ความรเู้ กี่ยวกับ - นักเรยี นได้คะแนน
- คณุ สมบัติ และโครงสร้าง -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึน้ ไป
ของถ่านหินแตล่ ะชนดิ หรอื รอ้ ยละ 80
- คุณสมบตั ิ และโครงสรา้ งของ ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
หินน้ำมันแต่ละชนดิ - นกั เรยี นได้คะแนน
-การตอบคำถาม คิดเหน็ ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนขึ้นไป
-การตรวจผลงาน หรือรอ้ ยละ 80
ถือว่าผา่ นเกณฑ์
นกั เรยี น - แบบประเมินการ -นักเรียนได้คะแนน
12 คะแนนข้นึ ไป
ตรวจผลงานนกั เรียน หรือร้อยละ 80 ถอื วา่
ผา่ นเกณฑ์
2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
ทักษะกระบวนการกล่มุ ความคดิ เหน็ อภิปรายแสดงความ ประเมินคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
คิดเห็น 26 คะแนนขน้ึ ไป
หรือรอ้ ยละ 80
- สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบประเมิน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรียนได้คะแนน
ทำงานกลุม่ พฤตกิ รรมการ การประเมินสมรรถนะ
29 คะแนนขนึ้ ไป
ทำงานกลุม่ หรือร้อยละ 80
ถือว่าผา่ นเกณฑ์
3. คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ - สงั เกตนกั เรยี นจาก - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผู้เรียน การเข้าชัน้ เรยี น คุณลักษณะอันพงึ

- วนิ ยั ในการเรยี น อภิปราย แสดงความ ประสงค์

- ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการ คดิ เห็นและพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ

ทำงาน ระหว่างเรียน สมรรถนะผูเ้ รียน

- แบบทดสอบความรู้

ความคดิ ทาง

วทิ ยาศาสตร์

11. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
1. ขนั้ ตั้งประเด็นปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

72

ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียนโดยการตั้งคำถาม เพื่อกระตุน้ ใหน้ กั เรียนได้แสดงความรเู้ ดิมออกมา
เพ่ือตรวจสอบความรูเ้ ดิมของนักเรยี นเกี่ยวกับ เรื่องการใชพ้ ลังงานจากถ่านหิน และหินน้ำมัน ในประเทศไทย
วา่ ประเทศไทยนำเอาถ่านหิน และหินน้ำมัน มาใช้ในด้านใดบ้าง

1.1 ครนู ำรูปภาพถ่านหินชนิดตา่ งๆ และหินน้ำมนั มาให้นกั เรียนดูแลว้ ให้นกั เรียนอภิปรายถงึ ความ
แตกต่างทเ่ี หน็ จากรูปภาพ จากนนั้ ครูต้ังคำถามกระตุ้นให้นกั เรียนคิด ดงั น้ี

1.1.1 นักเรียนรู้จกั ถา่ นไม้หรอื เปลา่ ถา่ นไมม้ ีลักษณะอยา่ งไร เราเอาถา่ นไม้มาใชป้ ระโยชน์
อยา่ งไรไดบ้ า้ ง (คำตอบท่หี ลากหลาย)

1.1.2 นักเรียนรู้จักถ่านหิน หินน้ำมนั หรอื ไม่ (มที ้งั รู้จกั และไม่ร้จู กั )
1.1.3 เรานำถา่ นหิน หนิ น้ำมัน มาใชป้ ระโยชนด์ ้านใดได้บ้าง (คำตอบท่หี ลากหลาย)
1.1.4 ประเทศไทยใช้ถา่ นหนิ หนิ น้ำมนั ในด้านใดบ้าง (คำตอบท่ีหลากหลาย)
2. ข้ันสืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)
2.1 เปน็ การนำเข้าสู่บทเรยี น โดยเรมิ่ ตน้ จากคำถามที่ครูไดถ้ ามไป ซงึ่ ทำใหน้ กั เรียนเกนิ ความสงสยั
และความอยากรู้ ครูสรา้ งความสนใจโดยแบง่ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มมีทง้ั นักเรียนท่ี
เก่ง ปานกลาง พอใช้ และออ่ น คละกนั ไป
2.2 ใหต้ วั แทนกลุ่มออกมาจับฉลาก เพือ่ เลอื กรปู ภาพใบกจิ กรรม ดังนี้

หมายเลข 1 รบั ใบกจิ กรรม (รูปถ่านพตี (Prat) พร้อมคำถาม)
หมายเลข 2 รบั ใบกิจกรรม (รปู ถา่ นลิกไนต์ (Lignite) พร้อมคำถาม)
หมายเลข 3 รบั ใบกจิ กรรม (รปู ถา่ นซับบิทูบินัส (Subbituminous) พร้อมคำถาม)
หมายเลข 4 รับใบกจิ กรรม (รูปถา่ นบทิ ูบินสั (bituminous) พร้อมคำถาม)
หมายเลข 5 รบั ใบกจิ กรรม (รูปถ่านแอนทราไซด์ (Anthracite) พร้อมคำถาม)
หมายเลข 6 รับใบกจิ กรรม (รปู หินน้ำมัน พร้อมคำถาม)
2.3 ใหแ้ ต่ละกลุ่ม ศึกษาเน้ือหาทีไ่ ดร้ บั มอบหมายตามเวลาท่กี ำหนด โดยให้สืบค้นขอ้ มลู จาก
ใบความรู้ อินเตอรเ์ นต็ ผา่ นทางโทรศพั ท์
2.4 ใหส้ มาชกิ แต่ละคนในกลมุ่ วเิ คราะหข์ ้อมูล และถ่ายทอดความรู้ใหเ้ พ่ือนในกล่มุ
2.5 ครูสังเกตการณ์ทำกิจกรรมกลุ่ม และการคดิ วิเคราะหข์ องนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม
ชว่ั โมงที่ 2
3. ขั้นสรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)
- ใช้เทคนิคการสอนแบบ ระดมสมอง (Brainstorming)
3.1 เมอ่ื นักเรียนในกลุ่ม ไดร้ บั ความรู้ในแตล่ ะหวั ข้อทค่ี รมู อบหมายแลว้ ครูตรวจสอบความรู้ของ
นกั เรยี นโดยให้นักเรียนในแตล่ ะกลุ่ม อภปิ รายและสรุปความร้ทู ไ่ี ดร้ ว่ มกนั ให้ไดส้ าระท่สี ำคญั ดงั น้ี

73

- กลุม่ ทไ่ี ดห้ มายเลข 1 ถ่านพีต (Peat) เป็นถ่านหินขนั้ เริม่ ต้นของกระบวนการเกดิ ถา่ นหนิ ซากพืช
บางสว่ นสลายตวั ไม่หมด มีลกั ษณะให้เห็นเป็นลำต้น กงิ่ หรอื ใบ มีสีน้ำตาลจนถึงสีด า มีความชน้ื สงู ขอ้ ดี มี
ปรมิ าณร้อยละของกำมะถันตำ่

- กลุม่ ที่ได้หมายเลข 2 ถ่านลกิ ไนต์ (Lignite) เป็นถา่ นหนิ สีน้ำตาล มซี ากพืชเหลอื อยู่เลก็ นอ้ ย เนื้อ
เหนียว มอี อกซิเจนและความชนื้ ต่ำ มีปรมิ าณคาร์บอนสูงกวา่ ถา่ นพีต เม่ือติดไฟมีควนั และเถา้ ถ่านมาก ใช้เปน็
เชื้อเพลิงสำหรบั ให้ความรอ้ นและผลติ กระแสไฟฟ้า

- กลมุ่ ท่ไี ดห้ มายเลข 3 ถ่านซับบทิ บู นิ สั (Subbituminous) เป็นถา่ นหินสนี ้ำตาลจนถึงสีดำมีทงั้ ผิว
ดา้ นและผิวมนั มที ั้งเน้อื ออ่ น รว่ น และแข็ง มอี อกซเิ จน และความชืน้ ต่ำ แตม่ ีคารบ์ อนสงู กว่าถา่ นลิกไนต์ ใช้
เปน็ แหล่งพลังงานสำหรบั ผลิตกระแสไฟฟ้า

- กลมุ่ ทไ่ี ด้หมายเลข 4 ถ่านบทิ มู นิ สั (Bituminous) เป็นถา่ นหนิ ที่เกดิ นานกวา่ ถ่านซับบทิ มู นิ ัส มีท้ัง
เน้ือแน่น และแขง็ มสี นี ้ำตาลจนถงึ สดี า มอี อกซเิ จน และความชืน้ ต่ำ แต่มีคารบ์ อนสูงกวา่ ถา่ นซบั บิทมู นิ ัส ใช้
เปน็ เชอ้ื เพลงิ ในการถลงุ โลหะ และนำมาใช้เปน็ วตั ถุดิบ เพ่ือเปล่ียนเปน็ เช้อื เพลงิ เคมอี ่ืนๆ

- กลมุ่ ทีไ่ ด้หมายเลข 5 ถ่านแอนทราไซต์ (Anthracite) เป็นถา่ นหนิ ที่มีอายุการเกดิ นานท่ีสดุ มสี ีดำ
เนือ้ แนน่ และ แขง็ เปน็ มัน มีออกซิเจนและความช้ืนต่ำ มคี าร์บอนสูงกวา่ ถา่ นหินชนิดอื่น จุดไฟตดิ ยากเม่ือตดิ
ไฟให้เปลวไฟสีน้ าเงินจางๆ มีควันนอ้ ย

- กลุ่มทไี่ ดห้ มายเลข 6 หนิ น้ ามนั คอื หินตะกอนชนดิ หนึ่ง ท่ีประกอบด้วย อินทรยี วัตถใุ นรูปของ
สารท่เี รียกวา่ เคอโรเจน (Kerogen) แทรกอยรู่ ะหว่างช้นั หินตะกอน หินน้ำมันคุณภาพดมี สี ีน้ำตาลไหม้จนถึง
ดำ มีลักษณะแข็งและเหนียว เมือ่ นำหินน้ำมนั มาสกัด เคอโรเจนจะสลายตวั ใหน้ ้ำมนั หิน ซงึ่ มลี กั ษณะคล้าย
นำ้ มนั ดิบ ถา้ มปี ริมาณเคอโรเจนมาก กจ็ ะไดน้ ้ำมันหนิ มาก

4. ขนั้ การสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ครใู หแ้ ต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมาอธบิ ายหน้าชั้นอกี ครัง้ เพ่ือให้นกั เรียนกลุ่มอนื่ ไดร้ ับฟงั ดว้ ยนำเสนอ
หนา้ ช้นั เรยี น
5. ข้ันการบรกิ ารสังคมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกันตอบคำถามทา้ ยบทเรียนตามรายละเอยี ดในชุดกิจกรรม
5.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน
12. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้
12.1สอ่ื การเรียนรู้

- ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนิโสมนสิการ เรื่องถ่านหนิ และหินน้ำมนั
- สอื่ power point
12.2แหล่งเรยี นรู้
1) อินเตอร์เนต็

74

2) ห้องสมุด

13. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- คุณสมบตั ิ และโครงสรา้ งของถ่านหินแตล่ ะ ...............................................................................................

ชนิด ...............................................................................................

- คณุ สมบัติ และโครงสร้างของหนิ น้ำมันแต่ ...............................................................................................

ละชนิด ...............................................................................................

2. ดา้ นกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการคิด ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการกล่มุ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ...............................................................................................

อนั พงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มวี ินยั ...............................................................................................

- ใฝ่เรยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเปน็ ไทย ...............................................................................................

...............................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

5. วธิ ีแก้ปัญหา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงช่อื ........................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...........................................หวั หน้ากลมุ่ สาระฯ

(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น์..) (นายสรุ จกั ริ์ แกว้ ม่วง.)

ลงชอ่ื ........................................... ลงชอื่ ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวฒุ ิ รตั นะ..)

75

หัวหน้างานนเิ ทศ หวั หนา้ กล่มุ บริหารวิชาการ

ลงช่อื ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

แบบประเมนิ การอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
วิชา .......................................................................................................... ชน้ั ………………………………
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชีแ้ จง : ให้ประเมนิ จากการสังเกตการร่วมอภิปรายในระหวา่ งเรียน และการปฏิบัติกิจกรรมกล่มุ
76

โดยใหร้ ะดบั คะแนนลงในตารางท่ีตรงกบั พฤติกรรมของผูเ้ รียน

เกณฑก์ ารให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรุง

รวม สรปุ ผลการ
ประเมนิ
รายการประเมนิ 15
คะแน

เลขที่ ช่อื -นามสกลุ น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ทีท่ ำได้ ผา่ น
ยอมรับฟังความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอ ั่มนใน
การแสดงออก

ลงชอื่ ................................................................................. ผู้ประเมนิ
เกณฑ์การประเมิน : นักเรยี นไดค้ ะแนน 12 คะแนนขนึ้ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องทตี่ รง
กับระดบั คะแนน

77

คุณลกั ษณะอันพงึ รายการทป่ี ระเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงคด์ า้ น 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏบิ ัติงานเรยี บรอ้ ยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง

4.1 กระตือรือร้นในการแสวงหาข้อมลู

2. ใฝ่เรยี นรู้ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรูไ้ ดอ้ ย่างมเี หตุผล

5.1 ใชว้ สั ดุ สิ่งของ เครอื่ งใช้ อย่างประหยดั

3. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ณุ ค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออม

7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย
4. รักความเปน็ ไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย

ลงช่ือ ................................................................................. ผูป้ ระเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง

แบบประเมนิ ผลงานผูเ้ รยี น

ช่ือ - นามสกุล .................................................................................. ช้ัน …………………........
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

78

คำช้ีแจง: ใหผ้ ปู้ ระเมินขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน

ประเด็นทีป่ ระเมิน ผู้ประเมิน

ตนเอง เพ่ือน ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ ี่กำหนด

2. มคี วามถกู ตอ้ งสมบรู ณ์

3. มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์

4. มีความเปน็ ระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลย่ี

ผูป้ ระเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผูป้ ระเมิน .......................................................... (เพอื่ น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (ครู)

ประเด็นทปี่ ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน
คะแนน

79

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงค์ท่ีกำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมีความถูกต้อง กับจุดประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเด็น จุดประสงค์
เนื้อหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ
3. ผลงานมคี วามคิด ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถูกต้อง
สรา้ งสรรค์ ครบถว้ น เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมแี นวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมีความเปน็ ถงึ ความคดิ แปลกใหมแ่ ต่ยงั นา่ สนใจ แต่ยงั ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไม่เป็นระบบ มแี นวคดิ แปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานส่วนใหญม่ ี ไมเ่ ป็นระเบยี บ
ผลงานมีความเป็น ความเป็น ผลงานมีความ และมขี อ้
ระเบียบแสดงออก ระเบยี บแต่ยงั มี เป็นระเบยี บแต่มี บกพรอ่ งมาก
ถงึ ความประณตี ข้อบกพรอ่ ง ข้อบกพร่อง
เลก็ นอ้ ย บางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขึน้ ไป หรอื รอ้ ยละ 80 ถือว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลมุ่

กลมุ่ ..........................................................................................................

80

สมาชิกในกลมุ่ 1. ...................................................................... 2. ......................................................................
3. ...................................................................... 4. ......................................................................
5. ...................................................................... 6. ......................................................................

คำชีแ้ จง: ใหน้ ักเรยี นทำเครื่องหมาย ✓ ในชอ่ งทีต่ รงกับความเป็นจริง

พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มคี วามกระตอื รอื ร้นในการทำงาน

3. รับผิดชอบในงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
4. มขี นั้ ตอนในการทำงานอยา่ งเป็นระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤตกิ รรมที่ทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมทที่ ำเปน็ บางคร้งั ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทท่ี ำน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรุง

แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รยี น 5 ด้าน

81

คำชแ้ี จง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งที่ตรง
กบั ระดับคะแนน

สมรรถนะที่ประเมนิ ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่ือสาร
1.1 มีความสามารถในการรับ – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใช้วธิ กี ารส่อื สารทเ่ี หมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพอื่ การสรา้ งองค์ความรู้
2.2 มีความสามารถในการคิดเป็นระบบ เพ่ือการสร้างองค์ความรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความร้มู าใชใ้ นการแกป้ ญั หา
3.3 ตัดสนิ ใจโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
4.1 ทำงานและอยรู่ ่วมกับผอู้ ่นื ด้วยความสมั พันธ์อันดี
4.2 มีวธิ ีแกไ้ ขความขัดแยง้ อย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลอื กใช้ข้อมลู ในการทำงานและอย่รู ่วมกบั ผอู้ ืน่ อยา่ งเหมาะสม

ลงชื่อ ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑ์การให้คะแนน :

- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั บิ างครง้ั ให้ 1 คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี…….2…...เรอ่ื ง……..เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพแ์ ละผลิตภัณฑ์…(ปโิ ตรเลย่ี ม).......

82

รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหสั วชิ า…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....
กลุม่ สาระการเรยี นรู้............วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...4...ชั่วโมง……
ผ้สู อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกุลรัตน์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพ้ืนฐานมีทง้ั มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ช้วี ัด
รายวิชาเพิม่ เตมิ มีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรยี นร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบตั ขิ องสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารสิ่งที่เรยี นรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจติ วิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้นึ ส่วนใหญ่มีรูปแบบทีแ่ น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ไดภ้ ายใต้ข้อมูลและเครอื่ งมือทีม่ อี ยูใ่ นช่วงเวลาน้ันๆ เขา้ ใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสงิ่ แวดลอ้ ม มีความ
เก่ยี วขอ้ งสมั พนั ธ์กัน

1.2 ผลการเรียนรู้
9. อธิบายความหมายของปโิ ตรเลยี ม เลขออกเทน เลขซีเทน ปโิ ตรเคมภี ัณฑ์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ขนั้ ตน้ อุตสาหกรรมปโิ ตรเคมขี นั้ ต่อเนื่อง กระบวนการกล่ัน น้ำมันดบิ และการแยกแก๊สธรรมชาติ พรอ้ มท้งั
ยกตวั อย่างผลติ ภัณฑ์ที่ได้และการนำไปใช้ประโยชน์

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตวั ชีว้ ัดทีใ่ ช้ในหนว่ ยการเรียนรู้นี้เขียนเป็นแบบความเรยี ง)
เมือ่ พืชในอดีตลม้ ทับกันภายใตค้ วามดันใต้แหล่งน้ำและโคลนตมและความร้อนสูง เนื้อไม้จะกลายเป็น

สารประกอบอนิ ทรีย์เรียกว่าถา่ นหินซ่ึงจำแนกตามปรมิ าณของคาร์บอนไดแ้ ก่ พีต ลิกไนต์ ซับบิทูมินสั บิทมู ินัส
และแอนทราไซต์ หินน้ำมันเป็นหินตะกอนเนื้อละเอียดที่มีการเรียงตัวเป็นช้ันบาง ๆ มีสารเคอโรเจนซึ่ง
สลายตัวให้น้ำมันหิน ลักษณะคล้ายน้ำมันดิบ แหล่งปิโตรเลียมประกอบด้วยน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ
ปโิ ตรเลียมเกิดจากการทับถมและการสลายตัวของอินทรียสารจากพชื และสตั ว์ที่คลกุ เคล้าอยู่กับตะกอนในช้ัน
กรวดทรายและโคลนตมใต้พ้ืนดินภายใต้ความร้อนและความดันสูงและมีออกซิเจนน้อย จึงสลายตัวเป็น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน แล้วซึมอยตู่ ามชน้ั หนิ พรนุ
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เติม (รายวิชาเพมิ่ เตมิ )
ปิโตรเลียมเปน็ แหลง่ พลังงานฟอสซลิ ท่มี ีความสำคัญท้ังทางด้านเศรษฐกจิ และการเมอื ง เพราะเป็น

แหล่งพลังงานธรรมชาติทสี่ ำคัญท่ีสดุ ปโิ ตรเลยี มเกดิ จากการทับถมของซากพืชซากสตั ว์ เปน็ เวลาหลายล้านปี

83

ประกอบดว้ ยของผสมของสารไฮโดรคารบ์ อนเป็นสว่ นใหญ่ ปโิ ตรเลียมมที ัง้ ท่เี ปน็ ของเหลวเรยี กวา่ นำ้ มันดิบ

และที่เป็นแกส๊ เรียกว่า แก๊สธรรมชาติ เพ่อื ใหไ้ ด้ประโยชนส์ ูงสุด จึงต้องนำน้ำมันดบิ มากล่นั ลำดับสว่ น เพอื่

แยกให้เปน็ ผลิตภณั ฑ์ต่างๆ ซ่งึ ส่วนใหญจ่ ะนำมาใช้เป็นเชอ้ื เพลงิ และบางส่วนใช้ในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี

สว่ นแก๊สธรรมชาติน้ันตอ้ งนำมาผา่ นกระบวนการแยกแก๊สตา่ งๆ เพ่อื ใช้ประโยชนต์ ่อไป เนื่องจากปิโตรเลียม

เป็นแหลง่ พลังงานส้นิ เปลอื งทต่ี ้องหมดไปในอนาคต นักวทิ ยาศาสตร์จึงศกึ ษาและวิจัยเพือ่ คิดหาพลงั งาน

ทดแทนสำรองไว้ใช้กอ่ นท่ีพลังงานฟอสซลิ จะหมดไป ซง่ึ ประเทศไทยมปี โิ ตรเลยี มน้อยมากไมเ่ พยี งพอสำหรับ

ใชใ้ นกิจกรรมตา่ งๆ จงึ ต้องนำเข้าจากตา่ งประเทศ ซึง่ ทำใหเ้ สียเงินตราตา่ งประเทศเป็นจำนวนมาก

นอกจากน้ันการใช้ปโิ ตรเลยี มยังก่อใหเ้ กิดมลพษิ แกส่ ภาพแวดลอ้ ม ทุกคนจึงควรตอ้ งชว่ ยกันใชพ้ ลังงานอยา่ ง

ประหยดั เท่าที่จำเป็น

3.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่ิน (ถ้าในคำอธบิ ายรายวิชาพูดถึงหลกั สูตรทอ้ งถิ่นให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (เลอื กเฉพาะข้อท่เี กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ )ี้

 1. ความสามารถในการส่อื สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ี)

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซอื่ สตั ย์สจุ รติ

 3. มีวนิ ัย  4. ใฝเ่ รียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มุง่ มั่นในการทำงาน

 7. รักความเป็นไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ดา้ นคุณลักษณะของผ้เู รยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวิชาการ  2. ส่ือสารสองภาษา  3. ล้ำหนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบต่อสงั คมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
 ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)

 ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)

 ทกั ษะดา้ นการสอ่ื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่อื (Communications, Information, and Media Literacy)

 84

 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
 ความมีเมตตา (วินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)
8. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกลมุ่ ให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรยี นคอื
ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน
2. หลกั ความมีเหตผุ ล : ใหน้ กั เรยี นสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทกั ษะการปฏบิ ตั ิ
3. หลกั ภูมิคุ้มกนั : ใหน้ ักเรียนเกดิ ทักษะการทำงานกล่มุ และกล้าแสดงออก
4. เงื่อนไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแลว้ ค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ
เปลยี่ นแปลงจากการทดลอง
5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม : อดทนทีจ่ ะทำงาน และมคี วามขยันที่จะทำงานให้ออกมาได้ดีทส่ี ุด , มวี นิ ยั ในการ
ทำแบบฝึกหัด

9. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด ชิน้ งาน ภาระงาน
ผลการ -
เรียนรู้ - ตอบคำถามเก่ยี วกบั ความหมายและ
9 การเกดิ ปโิ ตรเลยี ม
- ตอบคำถามเกย่ี วกบั กระบวนการกลนั่
นำ้ มันปิโตรเลยี มและผลติ ภัณฑ์
- ตอบคำถามเกย่ี วกับ การนำปโิ ตรเลยี มและ
แก๊สธรรมชาติมาใช้ในชีวิตประจำวนั

10. การวัดประเมินผล 3.การวัดประเมินการปฏบิ ัติ
10.1การวัดและประเมินผลชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ัติ
วิธกี าร
1.การสังเกตการณ์
2.การใช้ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ชี้
เครอื่ งมอื
1. แบบสงั เกตการณ์
2. ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์

85

เกณฑ์
1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)
2.การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถือว่า ไมผ่ ่าน
10.2การวดั และประเมนิ ผลระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง

หน่วยการเรยี นรนู้ ี้)

ส่ิงทตี่ ้องการวดั วธิ วี ัดผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมิน
- นกั เรยี นได้คะแนน
1. ความร้เู ก่ยี วกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนข้ึนไป
หรือรอ้ ยละ 80
- ความหมายของปิโตรเลียม ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
- การเกดิ ปิโตรเลยี ม -การตอบคำถาม คิดเห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนข้ึนไป
- กระบวนการกลน่ั น้ำมัน -การตรวจผลงาน หรือร้อยละ 80
ถือว่าผ่านเกณฑ์
ปโิ ตรเลยี มและผลติ ภัณฑ์ นกั เรียน - แบบประเมนิ การ -นักเรียนได้คะแนน
12 คะแนนขึน้ ไป
- การนำปิโตรเลียมและแก๊ส ตรวจผลงานนกั เรยี น หรือรอ้ ยละ 80 ถอื ว่า
ผ่านเกณฑ์
ธรรมชาตมิ าใช้ในชวี ติ ประจำวนั
- นกั เรียนได้คะแนน
2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมนิ การ ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์
ทักษะกระบวนการกลมุ่ ความคิดเห็น อภิปรายแสดงความ 26 คะแนนข้นึ ไป
หรอื รอ้ ยละ 80
คิดเห็น ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
- นกั เรียนไดค้ ะแนน
- สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขึ้นไป
ทำงานกลุ่ม พฤติกรรมการ

ทำงานกลมุ่

3. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ - สังเกตนกั เรยี นจาก - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผู้เรยี น การเขา้ ชั้นเรียน คณุ ลักษณะอันพึง

- วนิ ยั ในการเรียน อภปิ ราย แสดงความ ประสงค์

- ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ ม่ันในการ คดิ เห็นและพฤติกรรม - แบบประเมิน

ทำงาน ระหว่างเรียน สมรรถนะผูเ้ รียน

- แบบทดสอบความรู้

ความคดิ ทาง

วทิ ยาศาสตร์

86

หรือร้อยละ 80
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
11. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1-2
1. ข้ันต้งั ประเดน็ ปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ครูถามนักเรียนเพือ่ สร้างความสนใจเก่ียวกบั ปโิ ตรเลยี ม โดยให้นักเรยี นแต่ละคนเล่าความรเู้ ก่า
เกย่ี วกับปิโตรเลยี มท่ีเคยได้รบั รมู้ าเพ่ือแลกเปลีย่ นความรู้ซง่ึ กนั และกัน
1.2 ครแู จ้งให้นกั เรียนทราบวา่ หนว่ ยการเรยี นรูใ้ นครงั้ น้เี ปน็ การเรียนรเู้ ก่ยี วกับปโิ ตรเลยี ม โดยจะเรยี น
เกีย่ วกบั
- การกำเนิดและแหลง่ ปโิ ตรเลียม
- การกลนั่ ปิโตรเลยี มและผลติ ภัณฑจ์ ากการกลัน่ ปิโตรเลยี ม
- แก๊สธรรมชาติ
- สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
- เชื้อเพลงิ ในชวี ิตประจำวัน
- พลังงานทดแทน
2. ขัน้ สบื คน้ ความรู้ (Searching for Information)
2.1 นกั เรยี นแบ่งเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กลุ่ม โดยแต่ละกล่มุ จะต้องคละกัน
ระหวา่ งเพศชายและหญงิ และคละกนั ระหว่างนกั เรียนที่มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นสูงกบั ต่ำ
2.2 ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาค้นควา้ หาความรู้ในเรอ่ื งปโิ ตรเลียมตามหัวขอ้ ต่อไปนี้
จากส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ตา่ งๆ
กลุ่มท่ี 1 ศึกษาเกยี่ วกับการกำเนิดและแหล่งปโิ ตรเลยี ม
กลุ่มที่ 2 ศกึ ษาเกี่ยวกับการกลน่ั ปโิ ตรเลียมและผลติ ภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม
กลมุ่ ท่ี 3 ศึกษาเก่ยี วกบั แก๊สธรรมชาติ
กลุม่ ที่ 4 ศกึ ษาเกยี่ วกบั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
กลุ่มท่ี 5 ศกึ ษาเกีย่ วกบั เช้อื เพลิงในชีวิตประจำวัน
กลมุ่ ที่ 6 ศกึ ษาเกี่ยวกบั พลังงานทดแทน
2.3 ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั วิเคราะหใ์ นประเด็นของกลุ่มตนเอง จากนนั้ นำความรู้ทไ่ี ด้
จาก การค้นควา้ และศกึ ษาวิเคราะหร์ ะหวา่ งภายในกลุ่มมาเขียนสรุปเปน็ ผงั มโนทัศน์
2.4 ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำความรู้ท่ีไดม้ าจากการคน้ ควา้ และศึกษาวิเคราะหม์ าแลกเปลย่ี นกัน
ภายในหอ้ งเรยี น โดยส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มมานำเสนอหน้าชนั้ เรยี น จากน้ันร่วมกันอภปิ รายในประเด็นต่างๆ
ทีแ่ ต่ละกล่มุ ได้รว่ มกนั ศกึ ษาวิเคราะห์

87


Click to View FlipBook Version