The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-08-13 22:53:57

แผนวิชาเคมี5

ว 30225

2.5 ครูเตรียมคำถามเพือ่ ให้นักเรียนตอบสรปุ สัน้ ๆ เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจ พร้อมท้ัง
อธบิ ายเพิ่มเตมิ ในกรณีที่ผเู้ รยี นยังเขา้ ใจไมช่ ัดเจน

ตวั อย่างคำถาม
- ปิโตรเลยี มเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร
- ปโิ ตรเลยี มแบง่ ออกได้ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง
- สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนประกอบดว้ ยธาตุชนิดใด
- ปโิ ตรเลยี มท่ีเกิดขึน้ จะถกู กกั เก็บไวใ้ นช้นั หนิ ชนิดใด
- วธิ ีการสำรวจแหล่งปิโตรเลยี มทำได้อยา่ งไร
- แหล่งปโิ ตรเลียมในประเทศไทยอยทู่ ่ีใดบา้ ง มพี อใชห้ รอื ไม่

2.6 ใหน้ กั เรยี นศึกษาสื่อ ICT เร่ือง ปโิ ตรเลยี ม ที่ประกอบด้วยหัวข้อต่างๆช่ัวโมงที่ 2
3. ขน้ั สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)

3.1 ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเก่ียวกับผลิตภณั ฑจ์ ากการกลัน่ น้ำมนั ปิโตรเลียมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์
ในชีวิตประจำวนั ทง้ั ดา้ นการเกษตร อตุ สาหกรรม การแพทย์ และเศรษฐกิจ

3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกย่ี วกับแก๊สธรรมชาติ บอกแหลง่ แก๊สธรรมชาตใิ นประเทศไทย และอธบิ าย
กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติ รวมทั้งประโยชนแ์ ละยกตัวอยา่ งผลิตภัณฑท์ ีแ่ ยกได้จากแก๊สธรรมชาติ

3.3 ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน โดยอธบิ ายความหมาย โครงสรา้ ง
โมเลกลุ และสมบัตบิ างประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน รวมทัง้ เขียนปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ทส่ี มบรู ณ์
และไมส่ มบูรณ์ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน

3.4 ครอู ธิบายเพิ่มเติมเกย่ี วกบั เชอื้ เพลงิ ในชวี ติ ประจำวนั และแก๊สชวี ภาพ
3.5 ครูและนกั เรยี นช่วยกันสรุปความรู้ทีไ่ ดเ้ กยี่ วกับ เรอ่ื ง ปโิ ตรเลียม ในประเด็นต่างๆของแต่ละ
กลมุ่ แลว้ สรุปผลการคดิ วิเคราะห์บันทกึ ลงในสมุดของนกั เรียนแตล่ ะคน
ชั่วโมงท่ี 3-4
4. ข้ันการส่อื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ครูใหแ้ ต่ละกลมุ่ สืบค้นเกย่ี วกบั แหลง่ พลังงานทดแทน จากแหลง่ การเรยี นร้ตู ่างๆส่งตวั แทนออกมา
อธิบายหน้าชน้ั อีกครง้ั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นกลุม่ อ่ืนได้รบั ฟังดว้ ยนำเสนอหน้าช้นั เรยี น
5. ขนั้ การบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ตอบคำถามท้ายบทเรียนตามรายละเอียดในชุดกจิ กรรม
5.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรยี น
12. ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
12.1สือ่ การเรยี นรู้
- ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนิโสมนสิการ เรอื่ งปโิ ตรเลย่ี ม
- สอื่ power point

88

12.2 แหล่งเรียนรู้

1) อนิ เตอรเ์ น็ต

2) หอ้ งสมุด

13. บันทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของปโิ ตรเลยี ม ...............................................................................................

- การเกดิ ปิโตรเลียม ...............................................................................................

- กระบวนการกลัน่ นำ้ มนั ปโิ ตรเลียมและ ...............................................................................................

ผลิตภัณฑ์ ...............................................................................................

- การนำปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติมาใช้

ในชวี ติ ประจำวัน

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุม่ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ...............................................................................................

อนั พึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ัย ...............................................................................................

- ใฝ่เรียนรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รกั ความเปน็ ไทย ...............................................................................................

...............................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

5. วิธแี กป้ ญั หา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

..............................................................................................

89

..............................................................................................

ลงชอื่ ........................................ครูผู้สอน ลงช่อื ...........................................หวั หน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรตั น.์ .) (นายสรุ จกั ร์ิ แก้วม่วง.)

ลงช่ือ........................................... ลงชอื่ ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรตั น์..) (..นายศิวาวุฒิ รัตนะ..)

หวั หน้างานนิเทศ หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ

ลงชื่อ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

แบบประเมินการอภปิ รายแสดงความคิดเหน็
วิชา .......................................................................................................... ชั้น ………………………………

90

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแ้ี จง : ใหป้ ระเมินจากการสงั เกตการรว่ มอภปิ รายในระหว่างเรยี น และการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลมุ่

โดยใหร้ ะดบั คะแนนลงในตารางท่ตี รงกับพฤติกรรมของผู้เรียน

เกณฑ์การให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรับปรงุ

รวม สรุปผลการ

รายการประเมิน 15 ประเมนิ
คะแน

เลขที่ ชอื่ -นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ทท่ี ำได้ ผ่าน
ยอมรับฟังความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่อื ................................................................................. ผปู้ ระเมนิ
เกณฑ์การประเมนิ : นักเรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

91

คำชีแ้ จง : ให้สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กับระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะอันพึง รายการท่ีประเมิน ระดับคะแนน
ประสงคด์ ้าน 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มวี ินัย 3.2 ปฏบิ ัตงิ านเรยี บร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง

4.1 กระตือรือรน้ ในการแสวงหาข้อมูล

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มีการจดบนั ทกึ ความร้อู ยา่ งเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรู้ได้อย่างมเี หตุผล

5.1 ใชว้ สั ดุ สิง่ ของ เครือ่ งใช้ อยา่ งประหยัด

3. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า

5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย
4. รกั ความเป็นไทย

7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย

ลงชอ่ื ................................................................................. ผปู้ ระเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั บิ างครง้ั

แบบประเมนิ ผลงานผู้เรยี น

92

ชอื่ - นามสกุล .................................................................................. ช้ัน …………………........
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้ีแจง: ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ขีด ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน

ประเด็นที่ประเมนิ ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพ่อื น ครู

432143214321

1. ตรงจุดประสงค์ทกี่ ำหนด

2. มคี วามถกู ตอ้ งสมบรู ณ์

3. มีความคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลี่ย

ผูป้ ระเมนิ (ตนเอง)........................................................... ผู้ประเมนิ .......................................................... (เพื่อน)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน

93

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จุดประสงคท์ ่ีกำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมีความถูกตอ้ ง กบั จดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ สอดคล้องกับ
สมบรู ณ์ ทกุ ประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกตอ้ งเปน็ ผลงานไมถ่ กู ต้อง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไมแ่ สดง
4. ผลงานมีความเป็น ถึงความคดิ แปลกใหม่แต่ยัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคดิ ใหม่
ระเบยี บ สรา้ งสรรค์ ไม่เปน็ ระบบ มีแนวคดิ แปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานสว่ นใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานส่วนใหญม่ ี ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเปน็ ผลงานมคี วาม และมขี อ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแตย่ งั มี เป็นระเบียบแต่มี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณีต ขอ้ บกพร่อง ข้อบกพร่อง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

นกั เรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขึน้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมินพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

94

กลมุ่ ..........................................................................................................

สมาชิกในกล่มุ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชแ้ี จง: ใหน้ กั เรยี นทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่องทตี่ รงกบั ความเป็นจริง

พฤติกรรมท่สี งั เกต คะแนน 1
32

1. มสี ่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการทำงาน

3. รับผิดชอบในงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

4. มีขั้นตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ

5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

พฤติกรรมทีท่ ำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำเปน็ บางคร้งั ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทท่ี ำนอ้ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การให้คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรบั ปรงุ

95

แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รียน 5 ด้าน

คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องทต่ี รง
กับระดับคะแนน

สมรรถนะทีป่ ระเมิน ระดับคะแนน
321
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – สง่ สาร
1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ิธีการสอ่ื สารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพอื่ การสร้างองคค์ วามรู้
2.2 มคี วามสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรูม้ าใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อน่ื

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่นื ดว้ ยความสมั พนั ธ์อันดี
4.2 มีวิธีแกไ้ ขความขัดแย้งอย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ข้อมูลในการพัฒนาตนเองอยา่ งเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอยู่รว่ มกบั ผ้อู ่นื อย่างเหมาะสม

ลงช่ือ ................................................................................. ผูป้ ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิบางคร้งั

96

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8
หนว่ ยการเรียนรู้ที่…….2…...เรื่อง……..เช้อื เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพแ์ ละผลิตภณั ฑ์…(พอลเิ มอร์).......
รายวิชา……..............เคมี…5........ ............รหัสวชิ า…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีท.ี่ ...6.....
กลุ่มสาระการเรียนร้.ู ...........วิทยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...4...ช่วั โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพื้นฐานมที ้งั มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ มเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนร้แู ละผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบัตขิ องสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สือ่ สารสิ่งที่เรยี นรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ี่เกิดขนึ้ ส่วนใหญ่มรี ูปแบบท่แี นน่ อน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ได้ภายใต้ข้อมลู และเคร่ืองมือทีม่ ีอย่ใู นชว่ งเวลาน้ันๆ เขา้ ใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่งิ แวดลอ้ ม มีความ
เกี่ยวข้องสมั พนั ธ์กัน

1.2 ผลการเรียนรู้
10. อธิบายความหมายของพอลิเมอร์ มอนอเมอร์ ปฏกิ ิริยาพอลิเมอไรเซชนั การเกดิ พอลิเมอร์

โครงสร้างและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ สมบตั ิของผลิตภัณฑ์พอลเิ มอร์แต่ละชนดิ และความก้าวหนา้ ทาง
เทคโนโลยที น่ี ำมาใช้ในการพฒั นาผลติ ภณั ฑพ์ อลิเมอรส์ ังเคราะห์และยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์จากผลติ ภัณฑ์
พอลิเมอรส์ ังเคราะหไ์ ด้

11. อธิบายวิธีการนำผลติ ภัณฑจ์ ากเช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพไ์ ปใช้อย่างเหมาะสมและผลท่เี กดิ จากการ
ผลิตและการใช้ผลติ ภัณฑ์เชอื้ เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ตอ่ ชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม

12. ทำการทดลอง รวบรวมขอ้ มูล อภิปรายและสรปุ ผลการทดลองเก่ียวกบั สมบตั บิ างประการของ
พลาสติกชนดิ ต่างๆ และการเตรียมเสน้ ใยสงั เคราะห์
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชีว้ ัดท่ใี ช้ในหนว่ ยการเรียนร้นู ี้เขียนเป็นแบบความเรยี ง)

การนำมอนอเมอร์มาเช่ือมต่อกันเป็นพอลิเมอร์เรียกว่าปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันซ่ึงมี ปฏิกิริยาพอลิ
เมอไรเซชันแบบควบแน่นและปฏิกิรยิ าพอลิเมอไรเซชันแบบเติม โครงสร้างและสมบตั ิของพอลเิ มอร์ มีพอลอ
เมอร์แบบเสน้ พอลิเมอรแ์ บบกง่ิ และพอลิเมอร์แบบร่างแห
ผลิตภัณฑ์จากพอลเิ มอร์ มีพลาสติก ซ่ึงจำแนกเปน็ เทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซต เส้นใย จำแนกเปน็ เส้นใย
ธรรมชาติ เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ และเส้นใยสังเคราะห์ ยาง จำแนกเป็นยางธรรมชาติ และยางสังเคราะห์ การ

97

กำจัดพลาสติกมีหลายวิธีได้แก่ การใช้ปฏิกิริยาชีวเคมี ใช้สารที่ละลายน้ำได้ดี เติมหมู่ฟังก์ชันท่ีเปราะแตกเม่ือ
ถกู แสงแดด หรือเติมสารที่สลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อนลงไปในเนื้อพลาสติก และการนำพลาสติกมาหลอม
แลว้ ขึ้นรูปใหม่
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม (รายวชิ าเพิ่มเติม)
การนำมอนอเมอร์มาเช่ือมตอ่ กนั เป็นพอลิเมอร์เรยี กว่าปฏิกิริยาพอลเิ มอไรเซชนั มี 2 วธิ ี คอื
1. ปฏิกริ ิยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแนน่ เกิดจากมอนอเมอร์ท่ีมหี มู่ฟงั ก์ชันมากกว่า 1 หมทู่ ำ

ปฏิกริ ิยากนั ได้พอลเิ มอร์ขนาดเลก็ และเกดิ ผลพลอยไดค้ อื น้ำ แกส๊ ไฮโโรเจนคลอไรด์ แอมโมเนยี หรือเมทา
นอล พอลเิ มอร์ท่ไี ดไ้ ดแ้ ก่ พอลิเอทิลนี เทเรฟทาเลต พอลเิ อไมด์ พอลิคาร์บอเนต พอลยิ ูรเิ ทน พอลฟิ นี อล
ฟอร์มาลดีไฮด์ พอลยิ เู รียฟอรม์ าลดีไฮด์ และพอลเิ มลามนี ฟอรม์ าลดไี ฮด์

2. ปฏิกิริยาพอลเิ มอไรเซชันแบบเตมิ เกิดจากโมเลกุลของมอนอเมอรท์ ม่ี พี ันธะคทู่ ำปฏิกิริยากันไดพ้ อ
ลิเมอร์โดยไมเ่ กิดสารโมเลกลุ เลก็ ไดแ้ ก่ เอทิลีน โพรพิลีน พอลิไวนิลคลอไรด์ พอลิเตตระฟลอู อโรเอทิลีน พอ
ลิสไตรนี พอลเิ มทิลเมทาคริเลต และพอลอิ ะครโี ลไนไตรด์

โครงสรา้ งและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ มี 3 แบบดงั น้ี
1. พอลอเมอรแ์ บบเส้น ลกั ษณะใส เหนยี ว แขง็ อ่อนตัวเมอื่ ได้รบั ความร้อน
2. พอลเิ มอรแ์ บบกง่ิ มคี วามยดื หยนุ่ ความหนาแนน่ ตำ่ อ่อนตัวเม่อื ได้รับความรอ้ น
3. พอลิเมอร์แบบรา่ งแห มีความยืดหยุ่น อ่อนตัว จดุ หลอมเหลวสูง ไม่ออ่ นตวั เม่อื ได้รบั ความรอ้ น
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ มี 3 ประเภท ดงั นี้
1. พลาสติก จำแนกไดเ้ ป็น

1.1 เทอร์มอพลาสตกิ อ่อนตวั ได้เมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ นและสามารถทำให้กลับมาเปน็ รูปร่างเดมิ ได้
1.2 เทอรม์ อเซต ไม่อ่อนตวั เมื่อไดร้ บั ความร้อนและไมส่ ามารถทำใหก้ ลับมาเป็นรปู ร่างเดิมได้
2. เส้นใย จำแนกเป็น
2.1 เส้นใยธรรมชาติ เช่นนนุ่ ฝ้าย เปลือกไม้ ใบไม้ ขนสตั ว์
2.2 เส้นใยกง่ึ สงั เคราะห์ เช่น เซลลโู ลสแอซเี ตต
2.3 เสน้ ใยสังเคราะห์ เชน่ เรยอนหรือเซลลูโลสซานเทส ไนลอน
3. ยาง จำแนกเป็น
3.1 ยางธรรมชาติ ไดจ้ ากการนำนำ้ ยางดิบมารีดน้ำออกผ่ึงแดด รมควนั ไดย้ างแผน่ รมควัน แลว้
นำไปผา่ นกระบวนการวลั คาไนเซชันเป็นยางวลั คาไนซ์
3.2 ยางสังเคราะห์ เชน่ พอลิบิวทาไดอนี พอลิคลอโรพรนี หรอื นีโอพรนี
การนำใยแก้วลงไปในพลาสตกิ จะได้ไฟเบอรก์ ลาสที่ทนแรงกระแทก การทำให้เกิดฟองอากาศใน
พลาสติกจะไดโ้ ฟม

98

ปริมาณออกซเิ จนในนำ้ เรยี กวา่ ค่าดโี อ ปริมาณจลุ ินทรียท์ ี่ต้องใช้ในการยอ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นนำ้

เรยี กวา่ คา่ บีโอดี ปริมาณความต้องการออกซิเจนของสารเคมใี นนำ้ เรยี กวา่ คา่ ซีโอดี

การกำจดั พลาสติกมี 5 วธิ ีดงั นี้

1. ใชป้ ฏกิ ริ ิยาชวี เคมี โดยผสมสารที่ถูกจุลินทรีย์ทำลายไดล้ งไปในเนือ้ พลาสตกิ

2. ใชส้ ารท่ลี ะลายน้ำไดด้ ีผสมในเน้อื พลาสติก

3. เตมิ หมู่ฟงั กช์ นั ทเ่ี ปราะแตกเมื่อถกู แสงแดดลงไปในเนื้อพลาสติก

4. เติมสารท่สี ลายตวั ได้เมือ่ ได้รับความร้อนลงไปในเน้อื พลาสติก

5. นำพลาสติกหลอมแล้วขึน้ รูปใหม่

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น (ถ้าในคำอธบิ ายรายวิชาพูดถงึ หลกั สูตรทอ้ งถน่ิ ให้ใส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น (เลอื กเฉพาะขอ้ ทเี่ กิดในหนว่ ยการเรียนรู้น)ี้

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ )ี้

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  2. ซ่ือสัตย์สจุ รติ

 3. มีวนิ ยั  4. ใฝเ่ รียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผูเ้ รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เปน็ เลิศวชิ าการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  5. รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบต่อสังคมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น)

 ทักษะด้านการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

 ทกั ษะด้านความเข้าใจความตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)

 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะด้านการสอื่ สาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)

99

 ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT
Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)
 ความมีเมตตา (วนิ ัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)
8. บรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุ่มให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคอื
ประมาณกลุ่มละ 4 – 6 คน
2. หลักความมีเหตผุ ล : ให้นักเรยี นสรา้ งสรรค์ผลงานและเกิดทกั ษะการปฏิบตั ิ
3. หลกั ภมู ิคุม้ กนั : ใหน้ กั เรียนเกดิ ทกั ษะการทำงานกลมุ่ และกล้าแสดงออก
4. เงอ่ื นไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำก่อนแลว้ ค่อยลงมือทำอยา่ งระมดั ระวงั , เขยี นสมการการ
เปลย่ี นแปลงจากการทดลอง
5. เงื่อนไขคณุ ธรรม : อดทนท่จี ะทำงาน และมีความขยันท่ีจะทำงานให้ออกมาได้ดีทส่ี ุด , มีวนิ ยั ในการ
ทำแบบฝึกหัด

9. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชิน้ งาน ภาระงาน
เรียนรู้

10 - - อภปิ รายรว่ มกนั ถงึ กระบวนผลติ พลาสตกิ

และเสน้ ใย

11 - - ตอบคำถามเกย่ี วกับวิธีการนำผลติ ภัณฑ์จาก

เช้ือเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม

และผลท่เี กดิ จากการผลิตและการใช้

ผลติ ภัณฑเ์ ชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพต์ ่อชวี ติ

และสิง่ แวดล้อม

12 - รายงานการทดลอง รวบรวมขอ้ มูล

อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลองเก่ียวกับ

สมบตั ิบางประการของพลาสตกิ ชนิดต่างๆ

และการเตรียมเส้นใยสงั เคราะห์

10. การวัดประเมินผล
10.1การวดั และประเมินผลชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

100

วิธีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ร่องรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมนิ การปฏิบตั ิ

เครอ่ื งมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน 1

รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น

10.2การวัดและประเมนิ ผลระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรียนร้ขู อง

หนว่ ยการเรียนรนู้ )ี้

สง่ิ ทตี่ อ้ งการวดั วิธีวัดผล เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ
- นกั เรียนได้คะแนน
1. ความรู้เกีย่ วกับ -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขึน้ ไป
หรอื ร้อยละ 80
- ความหมายของปโิ ตรเลียม ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
- การเกิดปโิ ตรเลียม -การตอบคำถาม คิดเหน็ ประเมินผลงาน
13 คะแนนขึ้นไป
- กระบวนการกลนั่ นำ้ มนั -การตรวจผลงาน หรอื รอ้ ยละ 80
ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
ปิโตรเลยี มและผลติ ภัณฑ์ นักเรียน - แบบประเมนิ การ -นกั เรียนได้คะแนน
12 คะแนนขึ้นไป
- การนำปิโตรเลียมและแกส๊ ตรวจผลงานนกั เรียน หรอื รอ้ ยละ 80 ถอื วา่
ผา่ นเกณฑ์
ธรรมชาติมาใช้ในชีวิตประจำวนั
- นกั เรียนไดค้ ะแนน
2.ทักษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ ประเมินคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
ทักษะกระบวนการกลมุ่ ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ

คดิ เหน็

- สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมิน

ทำงานกลมุ่ พฤติกรรมการ

ทำงานกลุ่ม

3. คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ - สงั เกตนักเรียนจาก - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผ้เู รียน การเข้าช้นั เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ

- วนิ ัยในการเรยี น อภิปราย แสดงความ ประสงค์

101

- ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ ม่ันในการ คดิ เหน็ และพฤติกรรม - แบบประเมิน 26 คะแนนข้ึนไป

ทำงาน ระหวา่ งเรียน สมรรถนะผู้เรียน หรือร้อยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์

ความคดิ ทาง - นกั เรยี นได้คะแนน

วิทยาศาสตร์ การประเมินสมรรถนะ

29 คะแนนขึ้นไป

หรอื รอ้ ยละ 80

ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

11. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1-2

1. ขนั้ ตงั้ ประเดน็ ปัญหา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)

1.1 ใหน้ กั เรยี นสงั เกตพลาสตกิ และเสน้ ใยชนิดต่าง ๆ

1.2 นกั เรยี นทั้งหมดรว่ มกนั ยกตวั อย่างพลาสติกและเส้นใยชนดิ ต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั

รว่ มกันอภิปรายถงึ กระบวนผลิตพลาสติกและเส้นใย ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิ มอไรซเ์ ซชัน โครงสร้างและสมบัตขิ องพอลิ

เมอร์ การตรวจสอบสมบตั ขิ องพลาสตกิ สมบตั ิของยางดิบ ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์จากพอ

ลเิ มอร์สังเคราะห์ และมลพิษจากการผลติ และการใชพ้ อลิเมอร์ รวมทงั้ การนำไปใช้ประโยชน์

1.3 ให้นกั เรยี นร่วมกนั ตง้ั คำถามเกีย่ วกบั สง่ิ ทต่ี อ้ งการรู้ จากเนื้อหาเก่ียวกับพอลิเมอร์

2. ขน้ั สบื ค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 นกั เรยี นแบ่งเปน็ กล่มุ กลุม่ ละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กลุม่ โดยแต่ละกลุ่มจะตอ้ งคละกัน

ระหวา่ งเพศชายและหญิง และคละกันระหว่างนกั เรยี นทีม่ ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู กับต่ำ

2.2 นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั สบื ค้นและทดลองกระบวนผลิตพลาสติกและเสน้ ใย ปฏิกริ ยิ าพอลเิ มอ

ไรซ์เซชนั โครงสร้างและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ การตรวจสอบสมบตั ิของพลาสตกิ สมบัตขิ องยางดิบ ความ

กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีของผลิตภัณฑจ์ ากพอลิเมอรส์ ังเคราะห์ และมลพิษจากการผลิตและการใช้พอลิเมอร์

2.3 นักเรยี นแต่ละกลุ่มอภิปรายรว่ มกันถึงกระบวนผลติ พลาสติกและเสน้ ใย ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิ มอไรซเ์ ซ

ชนั โครงสรา้ งและสมบัติของพอลิเมอร์ การตรวจสอบสมบัตขิ องพลาสติก สมบตั ขิ องยางดบิ ความก้าวหนา้

ทางเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอรส์ ังเคราะห์ และมลพิษจากการผลิตและการใช้พอลเิ มอร์

ชัว่ โมงท่ี 3-4
3. ข้ันสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
3.1 นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสืบคน้ และผลการทดลองกระบวนผลิตพลาสตกิ และเสน้ ใย

ปฏกิ ิริยาพอลเิ มอไรซเ์ ซชัน โครงสร้างและสมบัตขิ องพอลิเมอร์ กาตรวจสอบสมบัตขิ องพลาสติก สมบตั ิของ

102

ยางดบิ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของผลิตภัณฑจ์ ากพอลิเมอรส์ ังเคราะห์ และมลพิษจากการผลิตและการ

ใช้พอลเิ มอร์

3.2 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ไดผ้ ลการสบื ค้นและผลการทดลองศึกษาเหมือนกันหรอื ตา่ งกันอย่างไร

เพราะเหตใุ ด

3.3 ครตู ้งั คำถามว่า

- ปฏกิ ิรยิ าพอลิเมอร์ไลเซชันแบบควบแนน่ กับแบบเติมแตกต่างกันอย่างไร

- พลาสตกิ แต่ละชนิดมีความหนาแนน่ อยู่ในช่วงใด ถ้าความหนาแน่นของเอทานอล น้ำ และ

น้ำเกลืออ่มิ ตวั เปน็ 0.798 1.00 และ 1.20 g/cm3 ตามลำดับ

- ความหนาแน่นของพลาสตกิ มีความสมั พันธก์ ับความแขง็ หรือความยดื หยนุ่ ของพลาสติกหรือไม่

อย่างไร

3.4 นักเรียนทงั้ หมดร่วมกันสรุปผลจากการสบื ค้นและทดลองกระบวนผลติ พลาสติกและเส้นใย ปฏิ

กิริยาพอลิเมอไรซเ์ ซชัน โครงสร้างและสมบตั ขิ องพอลิเมอร์ การตรวจสอบสมบตั ิของพลาสติก สมบัติของยาง

ดบิ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยขี องผลิตภณั ฑ์จากพอลเิ มอร์สงั เคราะห์ และมลพษิ จากการผลติ และการใช้พอ

ลเิ มอร์

4. ข้นั การสือ่ สารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 แต่ละกลุ่มเสนอแนวคิดในการนำความเขา้ ใจเก่ยี วกบั พอลเิ มอร์ ไปใช้ประโยชน์

4.2 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั สรปุ เชอื่ มโยงความคิดเก่ียวกับพอลิเมอร์

5. ข้นั การบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามท้ายบทเรยี นตามรายละเอยี ดในชุดกจิ กรรม

5.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยคำถามท้ายบทเรียน

12. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1 สื่อการเรียนรู้

- ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนโิ สมนสิการ เร่ืองพอลเิ มอร์

- สอื่ power point

12.2แหล่งเรยี นรู้

1) อินเตอรเ์ น็ต 2) ห้องสมดุ

13. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ด้านความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของปิโตรเลียม ...............................................................................................

- การเกิดปิโตรเลยี ม ...............................................................................................

- กระบวนการกลนั่ น้ำมนั ปโิ ตรเลยี มและ ...............................................................................................

103

ผลิตภัณฑ์ ...............................................................................................

- การนำปโิ ตรเลียมและแก๊สธรรมชาติมาใช้

ในชีวติ ประจำวัน

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยม ...............................................................................................

อนั พึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มวี นิ ยั ...............................................................................................

- ใฝ่เรยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเปน็ ไทย ...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

5. วธิ แี ก้ปญั หา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงช่อื ........................................ครผู สู้ อน ลงชอื่ ...........................................หวั หน้ากลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรตั น.์ .) (นายสรุ จกั ริ์ แกว้ ม่วง.)

ลงชือ่ ........................................... ลงชื่อ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวฒุ ิ รัตนะ..)

หัวหนา้ งานนิเทศ หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจัด จนั ทบ...)

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสุวรรณารามวิทยาคม

104

แบบประเมินการอภิปรายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชัน้ ………………………………
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหว่างเรียน และการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม

โดยให้ระดบั คะแนนลงในตารางทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมของผูเ้ รียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรุง

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ที่ทำได้ ผ่าน
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่อื ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นักเรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

105

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะอนั พึง รายการทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ดา้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏบิ ตั งิ านเรียบร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏิบัติตามข้อตกลง

4.1 กระตอื รอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรุปความรไู้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ สิง่ ของ เคร่อื งใช้ อยา่ งประหยดั

3. อยูอ่ ย่างพอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
4. รักความเป็นไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงช่ือ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั บิ างคร้งั

106

แบบประเมนิ ผลงานผู้เรยี น

ชอ่ื - นามสกลุ .................................................................................. ชนั้ …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้แี จง: ให้ผ้ปู ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน

ประเด็นที่ประเมิน ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด

2. มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์

3. มคี วามคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทุกรายการ

เฉล่ยี

ผู้ประเมิน (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมนิ .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

107

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กับจุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถงึ ความคดิ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญ่มี ไมเ่ ป็นระเบียบ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็น ผลงานมีความ และมีขอ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแต่ยังมี เป็นระเบียบแต่มี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพรอ่ ง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

108

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่

กลุม่ ..........................................................................................................

สมาชิกในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชี้แจง: ให้นักเรยี นทำเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องทีต่ รงกบั ความเป็นจรงิ

พฤตกิ รรมท่ีสงั เกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มคี วามกระตอื รอื ร้นในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
4. มขี ้ันตอนในการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤตกิ รรมท่ีทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทที่ ำนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

109

แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รียน 5 ด้าน

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กบั ระดับคะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ิธกี ารส่ือสารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความร้มู าใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกับผูอ้ ืน่ ดว้ ยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มีวิธแี ก้ไขความขดั แยง้ อย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ขอ้ มลู ในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ข้อมลู ในการทำงานและอย่รู ว่ มกับผอู้ ื่นอย่างเหมาะสม

ลงช่อื ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครง้ั

110

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 9
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี…….3…...เรือ่ ง……..สารชีวโมเลกุล....(เรอ่ื ง โปรตนี )...
รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหสั วชิ า…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....
กลุม่ สาระการเรยี นร้.ู ...........วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศกึ ษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...7...ชวั่ โมง……
ผู้สอน.........................นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพื้นฐานมที ง้ั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวดั

รายวชิ าเพม่ิ เติมมีเฉพาะมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรยี นรู)้

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้

สาระท่ี 3 : สารและสมบตั ิของสาร

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนำความรู้

ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การ

แก้ปัญหา รูว้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ข้ึนส่วนใหญ่มรี ูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบ

ได้ภายใต้ข้อมูลและเครือ่ งมอื ทีม่ อี ยใู่ นช่วงเวลานั้นๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิง่ แวดลอ้ ม มีความ

เก่ยี วขอ้ งสมั พนั ธ์กัน

1.2 ผลการเรยี นรู้ 6
13. บอกสมบัติ วิธกี ารทดสอบ ประโยชน์และอธิบายโครงสรา้ งของโปรตนี

17. ทำการทดลอง รวบรวมขอ้ มูล แปลความหมายข้อมูล และสรปุ ผลการทดลองใน เรือ่ งการ

ทดสอบโปรตีนในอาหาร การแปลงสภาพโปรตนี สมบตั ิของเอนไซม์สมบัติบางประการของคาร์โบไฮเดรต

การละลายของไขมนั และน้ำมันในตัวทำละลายบางชนิด ปฏกิ ิริยาไฮโดรลิซีสน้ำมันพืชดว้ ยโซเดียมไฮดรอกไซด์

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตัวชีว้ ัดที่ใช้ในหนว่ ยการเรียนรู้นเี้ ขียนเปน็ แบบความเรยี ง)
สารชีวโมเลกุลจำแนกเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ลิพิด และกรดนิวคลีอิก โปรตีนเกิดจากการรวมตัว

กนั ของกรดอะมิโนซ่ึงประกอบด้วยหมู่อะมิโนและหมู่คาร์บอกซิล ซ่ึงทดสอบโดยใช้สารไบยูเร็ต สารประกอบ
หลักของโปรตีนคือ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน กรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างไม่ได้เรียกว่า
กรดอะมิโนจำเป็น โครงสร้างของโปรตีนมีโครงสร้างปฐมภูมิ โครงสร้างทุติยภูมิ โครงสร้างตติยภูมิ และ
โครงสร้างจตุรภูมิ โปรตีนทตี่ ่อกนั แลว้ พันกนั เป็นสายยาวเรียกโปรตีนเสน้ ใย หนา้ ท่ขี องโปรตีนไดแ้ ก่ เป็นตัวเร่ง
ปฏิกิริยา เป็นโครงสร้างของอวัยวะต่าง ๆ ขนส่งสารต่าง ๆ สะสมธาตุตา่ ง ๆ ป้องกนั และกำจัดสงิ่ แปลกปลอม
และควบคุมการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ
3. สาระการเรียนรู้

111

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระการเรียนรเู้ พ่มิ เตมิ (รายวชิ าเพ่ิมเตมิ )

สารชวี โมเลกุลจำแนกเปน็ 4 กลมุ่ ได้แก่ โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ลพิ ดิ และกรดนวิ คลีอิก

โปรตนี เกดิ จากการรวมตวั กนั ของกรดอะมโิ นซึง่ ประกอบดว้ ยหม่อู ะมิโนและหมูค่ าร์บอกซลิ ไดเ้ ป็นสารประกอบ

ไดเพปไทด์ไตรเพปไทด์ หรือพอลเิ พปไทด์ ซง่ึ ทดสอบโดยใช้สารไบยเู รต็ สารประกอบหลกั ของโปรตีนคอื

คารบ์ อน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน กรดอะมโิ นท่รี า่ งกายสร้างไมไ่ ด้เรยี กว่ากรดอะมิโนจำเปน็

โครงสร้างของโปรตนี ท่แี สดงลำดบั กรดอะมโิ นต่อเปน็ สายยาวเรยี กว่าโครงสรา้ งปฐมภมู ิ เมอ่ื โปรตีนขดตัวบดิ

เป็นเกลียวแอลฟาจะเกิดโครงสรา้ งแผ่นพลีทบีต้าเรยี กวา่ โครงสรา้ งทุตยิ ภูมิ ถ้าโครงสร้างเกลียวแอลฟาและท่ี

ไมใ่ ช่เกลียวแอลฟาม้วนเข้าหากนั และไขวก้ ันโดยมแี รงยดึ เหนยี่ วออ่ น ๆ เรียกวา่ โครงสร้างตติยภมู ิ เม่ือ

โครงสร้างตตยิ ภูมิมารวมตวั กนั เป็นกอ้ นกลมเรยี กโครงสร้างจตรุ ภูมิ เชน่ ฮโี มโกลบิน เอนไซม์ และโกลบูลิ

นในพลาสมา โปรตนี ท่ีตอ่ กันแล้วพนั กนั เปน็ สายยาวเรียกโปรตนี เสน้ ใย เชน่ ไฟโบรอินในเสน้ ไหม อลี าสตินใน

เอ็น คอลลาเจนในเนือ้ เยอื่ เก่ียวพัน เคราตินในเส้นผม ขน เลบ็ ครีบ กีบ และไมโอซนิ ในกลา้ มเนอ้ื

หนา้ ทขี่ องโปรตนี ไดแ้ ก่ เปน็ ตวั เร่งปฏกิ ริ ยิ า เป็นโครงสรา้ งของอวัยวะตา่ ง ๆ ขนส่งสารตา่ ง ๆ สะสม

ธาตุต่าง ๆ ป้องกนั และกำจัดสิ่งแปลกปลอม และควบคมุ การทำงานของระบบอวยั วะต่าง ๆ

เอนไซม์ทำหนา้ ท่เี ปน็ ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยาในเซลล์โดยการลดพลังงานก่อกัมมนั ต์ของปฏกิ ิริยา เชน่ อะไมเล

สช่วยเร่งปฏกิ ริ ิยายอ่ ยแปง้ เพปซนิ และทรปิ ซินช่วยเร่งปฏิกิรยิ อ่ ยโปรตนี สง่ิ ท่ีมผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์

ได้แก่ ค่า pH และอณุ หภูมิ ถ้า pH และอุณหภูมิเปลีย่ นไปโปรตนี อาจแปลงสภาพไปทำใหป้ ระสิทธิภาพในการ

เรง่ ปฏกิ ริ ิยาลดลง

3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่ (ถา้ ในคำอธิบายรายวิชาพูดถงึ หลกั สูตรทอ้ งถนิ่ ใหใ้ ส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น (เลอื กเฉพาะข้อที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้)

 1. ความสามารถในการสื่อสาร  2. ความสามารถในการคดิ

 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะข้อทเ่ี กิดในหน่วยการเรยี นรนู้ ้ี)

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอ่ื สัตย์สุจริต

 3. มีวนิ ัย  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. ม่งุ มั่นในการทำงาน

 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

6. ดา้ นคณุ ลักษณะของผูเ้ รยี นตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวชิ าการ  2. ส่อื สารสองภาษา  3. ลำ้ หน้าทางความคิด

 4. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  5. ร่วมกันรับผิดชอบต่อสงั คมโลก

112

7. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L
 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได้)  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทักษะด้านการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem

Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)
 ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)
 ทักษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันสอ่ื (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing and ICT

Literacy)
 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
 ความมเี มตตา (วนิ ยั คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

8. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุ่มใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชิกในหอ้ งเรยี นคอื

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน
2. หลักความมีเหตผุ ล : ให้นกั เรียนสร้างสรรคผ์ ลงานและเกิดทกั ษะการปฏิบัติ
3. หลักภมู คิ ุ้มกนั : ใหน้ ักเรยี นเกดิ ทักษะการทำงานกลมุ่ และกล้าแสดงออก
4. เงอ่ื นไขความรู้ : การวางแผนงานที่จะทำกอ่ นแล้วคอ่ ยลงมอื ทำอยา่ งระมดั ระวงั , เขียนสมการการ

เปล่ียนแปลงจากการทดลอง
5. เงือ่ นไขคุณธรรม : อดทนทีจ่ ะทำงาน และมีความขยนั ทีจ่ ะทำงานใหอ้ อกมาได้ดีท่ีสุด , มวี นิ ยั ในการ

ทำแบบฝึกหดั

9. ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชนิ้ งาน ภาระงาน
เรยี นรู้
- อภปิ รายการนำความรู้เกีย่ วกับ
13,17 - รายงานการลองเรอ่ื ง ทดสอบโปรตนี ในอาหาร โปรตนี ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน

- รายงานการลองเรื่อง การแปลงสภาพของ

โปรตีน

- รายงานการลองเรื่อง สมบตั ขิ องเอนไซมแ์ ละ

ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการทำงานของ

เอนไซม์

113

10. การวัดประเมินผล

10.1การวดั และประเมินผลชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์รอ่ งรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมนิ การปฏบิ ัติ

เคร่อื งมอื

1. แบบสังเกตการณ์

2. ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมนิ การปฏบิ ัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่าน ผ่าน 1

รายการถอื ว่า ไม่ผา่ น

10.2การวัดและประเมนิ ผลระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจดั การเรียนรู้ของ

หนว่ ยการเรยี นรนู้ )้ี

ส่ิงทตี่ ้องการวดั วิธวี ดั ผล เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ
- นักเรียนได้คะแนน
1. ความรู้เกี่ยวกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนข้ึนไป
หรือร้อยละ 80
- ความหมายของโปรตีน ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ ถือว่าผา่ นเกณฑ์
- นกั เรยี นได้คะแนน
- จำแนกและสร้างเกณฑ์ -การตอบคำถาม คดิ เห็น ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนขึ้นไป
เกย่ี วกบั โปรตนี -การตรวจผลงาน - แบบประเมินการ หรอื ร้อยละ 80
ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
-การนำความร้เู กย่ี วกบั โปรตีน นกั เรยี น ตรวจผลงานนกั เรียน -นกั เรยี นไดค้ ะแนน
12 คะแนนข้ึนไป
ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน หรอื ร้อยละ 80 ถอื ว่า
ผา่ นเกณฑ์
2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภิปรายแสดง - แบบประเมนิ การ
ทกั ษะกระบวนการกลมุ่
ความคดิ เหน็ อภิปรายแสดงความ

คดิ เหน็

- สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมนิ

ทำงานกลุ่ม พฤติกรรมการ

ทำงานกลุม่

114

3. คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ - สงั เกตนักเรียนจาก - แบบประเมนิ - นักเรยี นได้คะแนน

และสมรรถนะผู้เรียน การเขา้ ชั้นเรียน คณุ ลักษณะอันพึง ประเมนิ คุณลกั ษณะ

- วนิ ัยในการเรียน อภิปราย แสดงความ ประสงค์ อนั พึงประสงค์

- ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการ คิดเหน็ และพฤติกรรม - แบบประเมิน 26 คะแนนขึน้ ไป

ทำงาน ระหวา่ งเรียน สมรรถนะผู้เรยี น หรือร้อยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

ความคิดทาง - นักเรยี นไดค้ ะแนน

วทิ ยาศาสตร์ การประเมินสมรรถนะ

29 คะแนนขึน้ ไป

หรอื ร้อยละ 80

ถือว่าผ่านเกณฑ์

11. กิจกรรมการเรียนรู้

ชัว่ โมงที่ 1-2

1. ข้ันต้ังประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ให้นกั เรยี นสังเกตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม และไข่

1.2 นักเรยี นทง้ั หมดรว่ มกนั ยกตัวอย่างอาหารประเภทโปรตีนต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวนั รว่ มกนั อภิปราย

ถงึ กรดอะมโิ นและพนั ธะเพบไทด์ การทดสอบโปรตนี ในอาหาร โครงสร้างของโปรตีน ชนิดและหนา้ ที่ของ

โปรตนี เอนไซม์ สมบตั ขิ องเอนไซม์และปัจจัยบางประการทมี่ ีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ และการแปลง

สภาพโปรตนี รวมทงั้ การนำไปใช้ประโยชน์

1.3 ใหน้ กั เรยี นร่วมกันตง้ั คำถามเก่ยี วกบั สง่ิ ท่ีต้องการรู้ จากเนื้อหาที่เกย่ี วกับเร่อื งโปรตนี

2. ขน้ั สบื คน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 นักเรยี นแบ่งเป็นกลุม่ กลุม่ ละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กลุ่ม โดยแต่ละกลมุ่ จะต้องคละกัน

ระหวา่ งเพศชายและหญิง และคละกนั ระหว่างนกั เรียนที่มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสงู กับต่ำ

2.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันสบื คน้ และทดลองกรดอะมิโนและพันธะเพบไทด์ การทดสอบโปรตีน

ในอาหาร โครงสร้างของโปรตีน ชนิดและหนา้ ทีข่ องโปรตีน เอนไซม์ สมบตั ิของเอนไซมแ์ ละปัจจยั บางประการ

ที่มีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ และการแปลงสภาพโปรตีน

2.3 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอภปิ รายร่วมกันถึงกรดอะมิโนและพันธะเพบไทด์ การทดสอบโปรตีนใน

อาหาร โครงสร้างของโปรตีน ชนิดและหน้าทีข่ องโปรตีน เอนไซม์ สมบัติของเอนไซม์และปจั จัยบางประการทีม่ ี

ผลต่อการทำงานของเอนไซม์ และการแปลงสภาพโปรตนี

ชั่วโมงที่ 3-4
3. ขน้ั สรุปองคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

115

3.1 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสืบคน้ และผลการทดลองกรดอะมิโนและพันธะเพบไทด์ การ
ทดสอบโปรตนี ในอาหาร โครงสร้างของโปรตนี ชนดิ และหน้าทขี่ องโปรตนี เอนไซม์ สมบัติของเอนไซม์และ
ปจั จยั บางประการท่ีมผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ และการแปลงสภาพโปรตนี

3.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ไดผ้ ลการสืบคน้ และผลการทดลองศึกษาเหมอื นกนั หรอื ต่างกันอย่างไร
เพราะเหตุใด

3.3 ครตู ้ังคำถามวา่
- หลอดทใ่ี ส่และไมใ่ ส่สารละลาย NaOH ไดผ้ ลการทดลองเช่นเดียวกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
- ไข่ขาว ไขแ่ ดง และน้ำเต้าหู้ มีองคป์ ระกอบเปน็ สารประเภทเดียวกันหรือไม่ ทราบได้อย่างไร
- โปรตีนมีโครงสร้างอยา่ งไร
- โซข่ า้ งของกรดอะมโิ นใดไม่มขี ว้ั และกรดอะมโิ นใดมสี มบัตเิ ปน็ กรด
- โปรตนี แตล่ ะชนดิ ประกอบด้วยกรดอะมิโนทเี่ หมือนกันและมจี ำนวนเทา่ กนั หรือไม่ รวมทง้ั มี
โครงสรา้ งอย่างไร
- เอนไซม์ทำงานอย่างไร
- สารละลายน้ำตาลทรายทีเ่ ตมิ ยีสตแ์ ละไม่เติมยสี ต์ เมอ่ื ทดสอบดว้ ยสารละลายเบเนดกิ ต์ ได้ผลการ
ทดลองแตกต่างกันหรอื ไม่ อย่างไร
- สารละลายเจลาตินในหลอดใดแข็งตวั ได้ เพราะเหตุใด
- นอกจากอณุ หภูมิแล้ว ยังมีปัจจยั อืน่ ๆ อีกหรือไม่ ทีม่ ีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์
- มปี จั จยั ใดบ้างท่ีทำให้ไขข่ าวถูกแปลงสภาพได้
- ในการแปลงสภาพโปรตนี พันธะเพปไทดแ์ ละโครงสรา้ งปฐมภูมิเปลย่ี นแปลงด้วยหรือไม่ ทราบได้
อยา่ งไร
- ถ้าร่างกายไดร้ บั สารปนเปือ้ นพวกโลหะหนกั เช่น ตะกวั่ สารหนู หรือปรอท เพราะเหตุใดจงึ ปฐม
พยาบาลผปู้ ว่ ยโดยการใหร้ ับประทานไขข่ าวดิบหรือดื่มนมสด แลว้ ทำใหผ้ ู้ปว่ ยอาเจียน
3.4 นกั เรียนท้งั หมดรว่ มกันสรุปผลจากการสืบค้นและทดลองกรดอะมิโนและพนั ธะเพบไทด์ การ
ทดสอบโปรตนี ในอาหาร โครงสร้างของโปรตีน ชนดิ และหน้าทขี่ องโปรตีน เอนไซม์ สมบัติของเอนไซมแ์ ละ
ปจั จยั บางประการทีม่ ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ และการแปลงสภาพโปรตนี

ช่ัวโมงที่ 5-6
4. ขัน้ การส่ือสารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 ให้นักเรยี นเสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาโจทย์เกีย่ วกบั โปรตนี
4.2 นักเรยี นแต่ละกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการนำความเขา้ ใจเกีย่ วกบั โปรตนี ไปใช้ประโยชน์
4.3 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรุปเชอ่ื มโยงความคิดเกยี่ วกับโปรตีน

116

ชัว่ โมงท่ี 7

5. ขนั้ การบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรยี นแต่ละกลุม่ ร่วมกันตอบคำถามท้ายบทเรยี นตามรายละเอียดในชุดกิจกรรม

5.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน

12. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1สือ่ การเรยี นรู้

- ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนิโสมนสิการ ชุดเคมกี ับชวี ติ

- สอ่ื power point

12.2แหล่งเรยี นรู้

1) อินเตอร์เน็ต 2) ห้องสมุด

13. บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้

ผลการสอน รายละเอียด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของโปรตนี ...............................................................................................

- จำแนกและสรา้ งเกณฑ์เกีย่ วกับโปรตนี ...............................................................................................

-การนำความรู้เกี่ยวกับโปรตีนไปใชป้ ระโยชน์ ...............................................................................................

ในชวี ิตประจำวนั ...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคิด ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ...............................................................................................

...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ...............................................................................................

อันพงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มวี ินัย ...............................................................................................

- ใฝ่เรยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รกั ความเปน็ ไทย ...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

117

5. วธิ ีแก้ปัญหา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงช่อื ........................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...........................................หัวหน้ากลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน์..) (นายสรุ จกั ร์ิ แกว้ มว่ ง.)

ลงชื่อ........................................... ลงชื่อ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น์..) (..นายศวิ าวฒุ ิ รตั นะ..)

หวั หนา้ งานนเิ ทศ หวั หนา้ กล่มุ บริหารวชิ าการ

ลงชอ่ื ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

118

แบบประเมินการอภิปรายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชัน้ ………………………………
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหว่างเรียน และการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม

โดยให้ระดบั คะแนนลงในตารางทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมของผูเ้ รียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรุง

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ที่ทำได้ ผ่าน
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่อื ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นักเรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

119

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะอนั พึง รายการทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ดา้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏบิ ตั งิ านเรียบร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง

4.1 กระตือรอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรุปความรู้ได้อยา่ งมีเหตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ ส่งิ ของ เคร่อื งใช้ อยา่ งประหยดั

3. อยูอ่ ย่างพอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
4. รักความเป็นไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิบางคร้งั

120

แบบประเมนิ ผลงานผู้เรยี น

ชอ่ื - นามสกลุ .................................................................................. ชนั้ …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้แี จง: ให้ผ้ปู ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน

ประเด็นที่ประเมิน ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด

2. มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์

3. มคี วามคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทุกรายการ

เฉล่ยี

ผู้ประเมิน (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมนิ .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

121

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กับจุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถงึ ความคดิ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญ่มี ไมเ่ ป็นระเบียบ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็น ผลงานมีความ และมีขอ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแต่ยังมี เป็นระเบียบแต่มี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณตี ขอ้ บกพร่อง ขอ้ บกพรอ่ ง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

122

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

กลุม่ ..........................................................................................................

สมาชิกในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชี้แจง: ให้นักเรยี นทำเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องทีต่ รงกบั ความเป็นจรงิ

พฤตกิ รรมท่ีสงั เกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มคี วามกระตอื รอื ร้นในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
4. มขี ้ันตอนในการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤตกิ รรมทีท่ ำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมท่ที ำเป็นบางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทที่ ำนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

123

แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รียน 5 ด้าน

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กับระดบั คะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ธิ กี ารส่ือสารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความร้มู าใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกับผูอ้ ืน่ ดว้ ยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มีวธิ ีแกไ้ ขความขดั แยง้ อย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ข้อมลู ในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มลู ในการทำงานและอย่รู ว่ มกับผอู้ ื่นอย่างเหมาะสม

ลงช่อื ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครง้ั

124

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10
หนว่ ยการเรียนรู้ที่…….3…...เรอ่ื ง……..สารชีวโมเลกลุ ....(เร่อื ง คาร์โบไฮเดรต)...
รายวิชา……..............เคมี…5........ ............รหัสวชิ า…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....
กลุ่มสาระการเรียนรู้............วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...7...ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาพืน้ ฐานมีทั้งมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด
รายวิชาเพมิ่ เตมิ มเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนร้แู ละผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบัติของสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การ
แกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ี่เกดิ ขน้ึ สว่ นใหญ่มรี ูปแบบทแี่ น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ได้ภายใต้ข้อมลู และเครอื่ งมอื ท่มี อี ยใู่ นชว่ งเวลานั้นๆ เขา้ ใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม มีความ
เก่ียวขอ้ งสมั พันธก์ นั

1.2 ผลการเรียนรู้
14. บอกสมบตั ิ วธิ กี ารทดสอบ ประโยชนแ์ ละอธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต
17. ทำการทดลอง รวบรวมข้อมลู แปลความหมายข้อมลู และสรปุ ผลการทดลองใน เรอื่ งการ

ทดสอบโปรตนี ในอาหาร การแปลงสภาพโปรตีน สมบัติของเอนไซมส์ มบัติบางประการของคาร์โบไฮเดรต
การละลายของไขมนั และนำ้ มันในตวั ทำละลายบางชนิด ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลซิ สี น้ำมนั พชื ด้วยโซเดยี มไฮดรอกไซด์
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ชี้วัดท่ีใช้ในหนว่ ยการเรียนรนู้ เี้ ขียนเป็นแบบความเรยี ง)

สารประกอบหลักของคาร์โบไฮเดรตคือ คารบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซเิ จน แป้งและเซลลูโลสเกิดจาก
โมเลกุลกลูโคสหลายโมเลกุลรวมตัวกัน คาร์โบไฮเดรตจำแนกตามหน่วยย่อยที่เป็นองค์ประกอบคอื มอนอแซก
คาไรด์ ไดแซกคาไรด์ และพอลแิ ซกคาไรด์
3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระการเรยี นรูเ้ พิ่มเตมิ (รายวชิ าเพิ่มเติม)
สารประกอบหลักของคารโ์ บไฮเดรตคอื คาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน แปง้ และเซลลโู ลสเกิด

จากโมเลกุลกลูโคสหลายโมเลกุลรวมตวั กนั คารโ์ บไฮเดรตจำแนกตามหน่วยย่อยทีเ่ ป็นองค์ประกอบคือ
1. มอนอแซกคาไรด์ เปน็ สารโมเลกุลเลก็ เช่น ไตรโอส เทโทรส เพนโทส(ไรโบส)

125

เฮกโซส (กลูโคส ฟรกั โทส กาแลกโทส) ซ่งึ มคี าร์บอกซาลดไี ฮด์เปน็ หมู่ฟงั ก์ชนั ทดสอบไดด้ ว้ ยสารละลายเบเน

ดิกต์

2. ไดแซกคาไรด์ เกิดจาก 2 โมเลกุลของมอนอแซกคาไรดร์ วมตวั กัน เชน่ ซูโครส มอลโทส แลกโทส

3. พอลิแซกคาไรด์ เปน็ โมเลกุลทเี่ กิดจากหลายโมเลกลุ ของมอนอแซกคาไรด์รวมตัวกัน

เช่น แปง้ เซลลูโลส ทดสอบโดยใช้สารละลายไอโอดีน

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น (ถา้ ในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลกั สูตรทอ้ งถิ่นใหใ้ ส่ลงไปดว้ ย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (เลอื กเฉพาะขอ้ ท่ีเกิดในหนว่ ยการเรียนรู้น้ี)

 1. ความสามารถในการสอื่ สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ที่เกิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ )้ี

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สตั ย์สุจริต

 3. มีวนิ ยั  4. ใฝเ่ รียนรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มั่นในการทำงาน

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สอื่ สารสองภาษา  3. ลำ้ หนา้ ทางความคิด

 4. ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  5. รว่ มกันรับผิดชอบตอ่ สังคมโลก

7. ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C 2L

 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได้)  R3- (A) Rithmetics (คิดเลขเปน็ )

 ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)

 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

 ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding)

 ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)

 ทักษะดา้ นการสอื่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันส่อื (Communications, Information, and Media Literacy)

 ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT

Literacy)

 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

 ความมเี มตตา (วินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

126

8. บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. หลกั ความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชกิ ในกล่มุ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในหอ้ งเรียนคอื

ประมาณกลมุ่ ละ 4 – 6 คน
2. หลักความมีเหตผุ ล : ใหน้ ักเรียนสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏบิ ตั ิ
3. หลกั ภมู คิ ุ้มกัน : ใหน้ ักเรยี นเกิดทักษะการทำงานกลุ่ม และกล้าแสดงออก
4. เงือ่ นไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำกอ่ นแล้วค่อยลงมือทำอยา่ งระมัดระวงั , เขยี นสมการการ

เปลยี่ นแปลงจากการทดลอง
5. เงื่อนไขคุณธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมีความขยนั ท่ีจะทำงานใหอ้ อกมาได้ดีทส่ี ดุ , มวี ินยั ในการ

ทำแบบฝกึ หดั

9. ชิน้ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชิ้นงาน ภาระงาน
เรยี นรู้

14,17 - รายงานการลองเรื่อง สมบตั แิ ละปฏิกิรยิ า - อภปิ รายการนำความรูเ้ กยี่ วกบั

ของคารโ์ บไฮเดรต คารโ์ บไฮเดรตไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั

10. การวัดประเมนิ ผล

10.1การวัดและประเมินผลชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ ีการ

1.การสงั เกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์รอ่ งรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ัติ

เคร่ืองมือ

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวดั ประเมินการปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถอื ว่า ไม่ผา่ น

10.2การวดั และประเมินผลระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ประเมินจากแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง

หนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี)

127

ส่ิงท่ตี ้องการวัด วธิ ีวดั ผล เคร่ืองมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
1. ความร้เู กย่ี วกับ -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมนิ การ 12 คะแนนขึ้นไป
หรือร้อยละ 80
- ความหมายของคาร์โบไฮเดรต ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
- นักเรียนได้คะแนน
- จำแนกและสร้างเกณฑ์ -การตอบคำถาม คดิ เหน็ ประเมนิ ผลงาน
13 คะแนนข้ึนไป
เกย่ี วกับคารโ์ บไฮเดรต -การตรวจผลงาน - แบบประเมินการ หรือรอ้ ยละ 80
ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
-การนำความรู้เก่ยี วกับ นกั เรยี น ตรวจผลงานนกั เรียน -นักเรยี นได้คะแนน
12 คะแนนขนึ้ ไป
คารโ์ บไฮเดรตไปใช้ประโยชนใ์ น หรอื รอ้ ยละ 80 ถือวา่
ผา่ นเกณฑ์
ชีวติ ประจำวัน
- นักเรียนได้คะแนน
2.ทักษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ความคดิ เหน็ อภปิ รายแสดงความ 26 คะแนนขึน้ ไป
หรือร้อยละ 80
คดิ เหน็ ถือว่าผ่านเกณฑ์
- นกั เรยี นไดค้ ะแนน
- สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบประเมนิ การประเมนิ สมรรถนะ
29 คะแนนขน้ึ ไป
ทำงานกลุ่ม พฤตกิ รรมการ หรือร้อยละ 80
ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
ทำงานกลุม่

3. คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ - สังเกตนกั เรยี นจาก - แบบประเมนิ

และสมรรถนะผูเ้ รียน การเขา้ ช้ันเรยี น คุณลักษณะอันพงึ

- วินัยในการเรยี น อภิปราย แสดงความ ประสงค์

- ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มัน่ ในการ คดิ เหน็ และพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ

ทำงาน ระหว่างเรยี น สมรรถนะผู้เรยี น

- แบบทดสอบความรู้

ความคิดทาง

วิทยาศาสตร์

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1-2
1. ข้นั ต้ังประเด็นปญั หา/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
1.1 ให้นกั เรียนสงั เกตอาหารประเภทข้าว แปง้ และนำ้ ตาล

128

1.2 นักเรียนทั้งหมดรว่ มกนั ยกตวั อยา่ งอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรตต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวัน ร่วมกนั
อภปิ รายถงึ ชนดิ และโครงสรา้ งของคาร์โบไฮเดรต สมบตั บิ างประการของคาร์โบไฮเดรต และปฏกิ ริ ยิ าของ
คารโ์ บไฮเดรต รวมท้งั การนำไปใช้ประโยชน์

1.3 ใหน้ กั เรียนรว่ มกันตง้ั คำถามเกย่ี วกับสิ่งทีต่ อ้ งการรู้ จากเนอ้ื หาท่ีเกย่ี วกับเร่อื งคาร์โบไฮเดรต
2. ขน้ั สืบคน้ ความรู้ (Searching for Information)

2.1 นกั เรียนแบ่งเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กล่มุ โดยแต่ละกลุ่มจะต้องคละกัน
ระหวา่ งเพศชายและหญิง และคละกนั ระหวา่ งนกั เรยี นทมี่ ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นสูงกับต่ำ

2.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสบื ค้นและทดลองชนิดและโครงสรา้ งของคารโ์ บไฮเดรต สมบตั ิบาง
ประการของคารโ์ บไฮเดรต และปฏกิ ริ ยิ าของคาร์โบไฮเดรต

2.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มอภิปรายร่วมกนั ถึงชนิดและโครงสรา้ งของคารโ์ บไฮเดรต สมบตั ิบางประการ
ของคาร์โบไฮเดรต และปฏิกิริยาของคารโ์ บไฮเดรต

ชวั่ โมงที่ 3-4
3. ขน้ั สรปุ องคค์ วามรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสบื คน้ และผลการทดลองชนดิ และโครงสร้างของคาร์
โบไฮเดรต สมบัติบางประการของคาร์โบไฮเดรต และปฏกิ ิรยิ าของคาร์โบไฮเดรต

3.2 นักเรยี นแต่ละกลุ่มไดผ้ ลการสบื ค้นและผลการทดลองเหมอื นกนั หรือตา่ งกันอยา่ งไร เพราะเหตุ
ใด

3.3 ครูตง้ั คำถามวา่
- คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดมโี ครงสรา้ งเหมือนกันหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
- เพนโทสและเฮกโซสท่แี สดงไว้ มหี มูฟ่ ังก์ชันใดบา้ ง
- กลโู คส ฟรกั โทส และกาแลคโทส เป็นไอโซเมอรก์ ันหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
- มอนอแซกคาไรดม์ หี มู่ฟงั กช์ ันชนดิ อน่ื นอกจากหมูค่ าร์บอกซาลดีไฮดแ์ ละ คารบ์ อนิลอกี หรอื ไม่
- คารโ์ บไฮเดรตแต่ละชนิดมีสมบตั แิ ตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร
- น้ำตาลทราย แปง้ และสำลี ละลายในนำ้ ได้หรอื ไม่
- น้ำตาลทราย แป้ง และสำลี ทต่ี ้มกบั กรดและทำให้เปน็ กลาง เมื่อนำมาทำปฏกิ ิริยากับสารละลาย
ไอโอดนี และสารละลายเบเนดกิ ต์ ไดผ้ ลอย่างไร
- ถา้ หยดสารละลายไอโอดีนลงในสารละลายกลโู คส จะได้ผลอย่างไร
- สารใหมท่ ่เี กิดขนึ้ เปน็ สารใด เพราะเหตุใด
3.4 นกั เรยี นทั้งหมดร่วมกนั สรปุ ผลจากการสืบค้นและทดลองชนดิ และโครงสร้างของคารโ์ บไฮเดรต
สมบตั บิ างประการของคาร์โบไฮเดรต และปฏกิ ิรยิ าของคารโ์ บไฮเดรต
ชั่วโมงที่ 5-6

129

4. ข้นั การสอ่ื สารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ให้นกั เรยี นเสนอแนวคิดในการแกป้ ัญหาโจทย์เก่ียวกบั คารโ์ บไฮเดรต
4.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการนำความเข้าใจเก่ียวกบั คาร์โบไฮเดรต ไปใชป้ ระโยชน์
4.3 นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั คาร์โบไฮเดรต

ชัว่ โมงท่ี 7

5. ข้ันการบริการสงั คมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ตอบคำถามท้ายบทเรียนตามรายละเอียดในชุดกิจกรรม

5.2 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน

12. สอื่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้

12.1สอ่ื การเรยี นรู้

- ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ตามแนวคิดโยนิโสมนสิการ ชดุ เคมีกบั ชวี ติ

- สอ่ื power point

12.2 แหล่งเรียนรู้

1) อินเตอร์เนต็ 2) ห้องสมดุ

13. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของคาร์โบไฮเดรต ...............................................................................................

- จำแนกและสร้างเกณฑ์เกีย่ วกบั ...............................................................................................

คาร์โบไฮเดรต ...............................................................................................

-การนำความรเู้ ก่ียวกบั คาร์โบไฮเดรตไปใช้ ...............................................................................................

ประโยชน์ในชวี ิตประจำวนั

2. ดา้ นกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการคิด ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการกลุ่ม ...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยม ...............................................................................................

อันพงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ยั ...............................................................................................

- ใฝเ่ รยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเป็นไทย ...............................................................................................

130

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

...............................................................................................

5. วธิ แี ก้ปัญหา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงชอื่ ........................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรตั น์..) (นายสุรจักร์ิ แก้วม่วง.)

ลงช่อื ........................................... ลงชอื่ ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวฒุ ิ รัตนะ..)

หวั หนา้ งานนิเทศ หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ

ลงช่อื ........................................................
(...นายจงจดั จันทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม

131

แบบประเมินการอภปิ รายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชั้น ………………………………
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ..............................กิจกรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ใหป้ ระเมนิ จากการสงั เกตการรว่ มอภปิ รายในระหว่างเรยี น และการปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่ม

โดยใหร้ ะดบั คะแนนลงในตารางทีต่ รงกบั พฤตกิ รรมของผ้เู รยี น

เกณฑก์ ารให้คะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ต้องปรับปรงุ

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมิน 15 ประเมิน
คะแน

เลขที่ ช่ือ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผา่ น ไม่
ิคดเ ็หน ทที่ ำได้ ผ่าน
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงชอื่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑ์การประเมิน : นกั เรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขึน้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

132

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องทีต่ รง
กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะอนั พึง รายการทป่ี ระเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ดา้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏบิ ัติงานเรยี บร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง

4.1 กระตือรอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มีการจดบนั ทกึ ความรู้อยา่ งเป็นระบบ

4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ย่างมเี หตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ ส่ิงของ เคร่อื งใช้ อย่างประหยดั

3. อยูอ่ ย่างพอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
4. รักความเป็นไทย

7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

ลงชือ่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างครง้ั

133

แบบประเมินผลงานผู้เรยี น

ชอ่ื - นามสกลุ .................................................................................. ชั้น …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้แี จง: ให้ผ้ปู ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน

ประเด็นท่ีประเมิน ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ กี่ ำหนด

2. มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์

3. มคี วามคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลยี่

ผู้ประเมิน (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมนิ .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

134

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กบั จุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้อื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถึงความคดิ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญ่มี ไมเ่ ป็นระเบียบ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็น ผลงานมีความ และมีขอ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแต่ยังมี เป็นระเบียบแต่มี บกพร่องมาก
ถึงความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพรอ่ ง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

135

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

กลุม่ ..........................................................................................................

สมาชกิ ในกลมุ่ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำช้ีแจง: ให้นกั เรียนทำเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องทีต่ รงกบั ความเปน็ จรงิ

พฤติกรรมท่ีสงั เกต คะแนน 1
32

1. มสี ่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มีความกระตือรือร้นในการทำงาน
3. รบั ผดิ ชอบในงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย
4. มขี ้นั ตอนในการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
5. ใชเ้ วลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน

พฤตกิ รรมท่ีทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทที่ ำนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

136

แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รียน 5 ด้าน

คำชแ้ี จง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กับระดับคะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
1.1 มีความสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใช้วิธกี ารส่อื สารท่เี หมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความรมู้ าใชใ้ นการแกป้ ญั หา
3.3 ตัดสินใจโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
4.1 ทำงานและอย่รู ว่ มกับผู้อน่ื ดว้ ยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มีวิธแี ก้ไขความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลือกใช้ขอ้ มลู ในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลอื กใช้ข้อมูลในการทำงานและอย่รู ว่ มกับผอู้ ื่นอย่างเหมาะสม

ลงช่อื ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิบางครั้ง

137


Click to View FlipBook Version