The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anocha Utumsakulrat, 2020-08-13 22:53:57

แผนวิชาเคมี5

ว 30225

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11
หน่วยการเรียนรู้ท่ี…….3…...เรอ่ื ง……..สารชีวโมเลกลุ ....(เรอ่ื ง ลิพิด)...
รายวิชา……..............เคมี…5........ ............รหสั วิชา…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....
กล่มุ สาระการเรียนร.ู้ ...........วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...7...ชวั่ โมง……
ผสู้ อน.........................นางสาวอโนชา...อทุ ุมสกุลรตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ (รายวชิ าพื้นฐานมที ัง้ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ัด
รายวชิ าเพมิ่ เติมมเี ฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้)

1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 3 : สารและสมบตั ขิ องสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่ิงที่เรียนรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มรี ูปแบบทีแ่ น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบ
ได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่อื งมือท่มี ีอยู่ในชว่ งเวลานั้นๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสง่ิ แวดล้อม มีความ
เกยี่ วข้องสัมพันธก์ นั

1.2 ผลการเรยี นรู้
15. บอกสมบตั ิ วิธกี ารทดสอบ ประโยชนแ์ ละอธบิ ายโครงสร้างของลพิ ิด
17. ทำการทดลอง รวบรวมขอ้ มลู แปลความหมายข้อมลู และสรปุ ผลการทดลองใน เรื่องการ

ทดสอบโปรตีนในอาหาร การแปลงสภาพโปรตนี สมบัติของเอนไซมส์ มบตั ิบางประการของคาร์โบไฮเดรต
การละลายของไขมันและน้ำมันในตัวทำละลายบางชนดิ ปฏิกริ ิยาไฮโดรลซิ ีสนำ้ มนั พืชด้วยโซเดยี มไฮดรอกไซด์

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด (หลอมจากตวั ชีว้ ัดท่ใี ช้ในหน่วยการเรยี นรนู้ ี้เขียนเป็นแบบความเรียง)
ไขมนั เปน็ โครงสร้างหลักของเยื่อหุม้ เซลล์และเปน็ แหล่งพลังงานของส่ิงมีชวี ิต ถ้าเป็นของเหลวเรยี กว่า

น้ำมัน โครงสร้างของไขมันคือกรดไขมันกับกลีเซอรอล กรดไขมันประกอบด้วยคาร์บอน ไฮโดรเจน และ
ออกซิเจน และมีหมู่คาร์บอกซิลเป็นองค์ประกอบสำคัญ เม่ือไขมันหรือน้ำมันทำปฏิกิริยากับโซเดียมไฮดรอก
ไซด์หรอื โพแทสเซยี มไฮดรอกไซด์จะได้สบูห่ รอื เกลอื โซเดียมของกรดไขมันหรอื เกลือโพแทสเซยี มของกรดไขมัน
เรยี กว่าปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชนั ถ้าเติมสารตึงผิว และสารลดความกระด้างของน้ำจะไดส้ ารซักฟอก ฟอสโฟ
ลิพิดประกอบด้วยหมู่ฟอสเฟตเป็นองค์ประกอลหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ ไขเป็นเอสเทอร์ของกรดไขมันกับ
แอลกอฮอล์ เปน็ ของแข็งท่ีมีจดุ หลอมเหลวตำ่ สเตรอยด์เปน็ ลิพดิ ท่มี โี ครงสร้างหกเหล่ียมเช่ือมตอ่ กัน

138

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/สาระการเรยี นรูเ้ พม่ิ เติม (รายวชิ าเพ่ิมเตมิ )

ไขมันเปน็ โครงสร้างหลกั ของเยื่อหมุ้ เซลล์และเปน็ แหล่งพลงั งานของส่ิงมีชวี ติ ถา้ เป็นของเหลวเรยี กวา่

น้ำมัน โครงสรา้ งของไขมันคอื กรดไขมันกบั กลเี ซอรอล กรดไขมนั ประกอบด้วยคารบ์ อน ไฮโดรเจน และ

ออกซิเจน และมีหมู่คารบ์ อกซิลเปน็ องค์ประกอบสำคัญ กรดไขมันทม่ี พี นั ธะคเู่ รียกวา่ กรดไขมนั ไมอ่ ม่ิ ตวั ซง่ึ จะมี

จุดหลอมเหลวต่ำกวา่ กรดไขมนั อมิ่ ตัว ถา้ ออกซิเจนเข้าทำปฏิกริ ิยาตรงพันธะค่จู ะไดเแอลดไี ฮดม์ ีกลิ่นเหมน็ หืน

จงึ ตอ้ งเติมสาร BHA BHT หรอื วติ ามนิ E ลงไปในน้ำมันเพ่อื ป้องกนั การเหมน็ หนื

เมอ่ื ไขมันหรอื นำ้ มันทำปฏกิ ริ ิยากบั โซเดยี มไฮดรอกไซดห์ รือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์จะไดส้ บ่หู รือ

เกลอื โซเดยี มของกรดไขมนั หรอื เกลอื โพแทสเซยี มของกรดไขมันเรยี กว่าปฏิกิรยิ า

สะปอนนิฟิเคชนั การทสี่ บู่ทำความสะอาดไขมนั ได้เป็นเพราะเมอ่ื ด้านท่ีมขี ั้วโซเดยี มคาร์บอก

ซิเลตจะหนั ข้ัวลบเข้าหาน้ำส่วนด้านไม่มีขวั้ จะลอ้ มรอบหยดนำ้ มัน จงึ ใช้น้ำลา้ งหยดนำ้ มันออกได้

ถา้ เตมิ สารตึงผิว และสารลดความกระดา้ งของน้ำ จะได้สารซกั ฟอกซึ่งจะมีขวั้ โซเดยี มคาร์บอเนตที่หัน

เข้าหาน้ำและด้านท่ไี ม่มขี ้ัวล้อมรอบหยดนำ้ มนั สารซกั ฟอกท่มี โี ครงสร้างตา่ งกันจะยอ่ ยสลายได้ในเวลาตา่ งกนั

หรอื บางชนดิ ย่อยสลายไม่ได้ทำให้มีสารฟอสเฟตตกคา้ งในแม่น้ำลำคลอง ส่งผลต่อการเจรญิ ของจุลนิ ทรยี แ์ ละ

พืชนำ้

ฟอสโฟลพิ ิดประกอบด้วยหมูฟ่ อสเฟตเปน็ องคป์ ระกอลหลกั ของเยอื่ หมุ้ เซลล์ เชน่ เลซิตินท่ที ำหน้าท่ี

ละลายคอเลสเทอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และไขมันในหลอดเลือด

ไขเป็นเอสเทอร์ของกรดไขมันกบั แอลกอฮอล์ เป็นของแข็งทมี่ จี ดุ หลอมเหลวตำ่ เคลือบอยูท่ ี่ผิวใบไม้

ผลไม้ ผวิ หนงั ขน ช่วยหลอ่ ล่นื และปอ้ งกันการสญู เสียนำ้

สเตรอยดเ์ ปน็ ลพิ ดิ ท่มี โี ครงสรา้ งหกเหลีย่ มเช่ือมต่อกนั ได้แก่ คอเลสเทอรอลทำหน้าทส่ี ังเคราะห์

ฮอรโ์ มนเพศ กรดนำ้ ดี และวติ ามิน ฮอรโ์ มนอะดรีโนคารต์ ิคอยด์ชว่ ยรกั ษาสมดลุ ของน้ำ และกรดน้ำดซี ง่ึ ช่วย

ละลายคอเลสเทอรอล

3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ (ถ้าในคำอธบิ ายรายวิชาพูดถึงหลกั สูตรทอ้ งถน่ิ ให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เลอื กเฉพาะข้อท่ีเกิดในหน่วยการเรยี นร้นู ้ี)

 1. ความสามารถในการส่อื สาร  2. ความสามารถในการคิด

 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา  4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (เลอื กเฉพาะขอ้ ทีเ่ กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ )้ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  2. ซ่อื สตั ย์สจุ ริต

 3. มวี นิ ัย  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

139

 7. รักความเปน็ ไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

6. ด้านคุณลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สอ่ื สารสองภาษา  3. ล้ำหนา้ ทางความคิด

 4. ผลติ งานอยา่ งสรา้ งสรรค์  5. รว่ มกนั รับผิดชอบตอ่ สังคมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C 2L
 R1 –Reading (อ่านออก)  R2-(W) Ringting (เขยี นได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเปน็ )
 ทกั ษะด้านการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)
 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)
 ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)
 ทกั ษะด้านการสอื่ สาร สารสนเทศและรู้เทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT

Literacy)
 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
 ความมเี มตตา (วินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion)

8. บูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลมุ่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรยี นคอื

ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน
2. หลกั ความมเี หตุผล : ใหน้ ักเรยี นสรา้ งสรรคผ์ ลงานและเกิดทักษะการปฏบิ ตั ิ
3. หลกั ภูมิคุม้ กัน : ให้นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก
4. เงือ่ นไขความรู้ : การวางแผนงานทจ่ี ะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมือทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ

เปลย่ี นแปลงจากการทดลอง
5. เงื่อนไขคุณธรรม : อดทนทจ่ี ะทำงาน และมคี วามขยันท่จี ะทำงานใหอ้ อกมาได้ดีทส่ี ุด , มีวนิ ยั ในการ

ทำแบบฝึกหดั

9. ช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ชนิ้ งาน ภาระงาน
เรียนรู้ - อภิปรายการนำความรเู้ กยี่ วกับลพิ ิดไปใช้

15,17 - รายงานการลองเรอ่ื ง การละลายของ

140

ไขมนั และนำ้ มันในตวั ทำละลายบางชนิด ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน

- รายงานการลองเรอื่ ง ปฏกิ ริ ิยาการเกดิ

กลนิ่ เหมน็ หืนของไขมันและนำ้ มนั

- รายงานการลองเร่ือง ปฏิริยาไฮโดรไลซีส

น้ำมนั หรือไขมนั ดว้ ยโซเดยี มไฮดรอกไซด์

10. การวัดประเมนิ ผล

10.1การวดั และประเมินผลช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วธิ กี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตรร์ ่องรอยบง่ ชี้ 3.การวดั ประเมินการปฏบิ ัติ

เคร่อื งมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมินการปฏิบัติ

เกณฑ์

1.การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

2.การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถอื วา่ ไมผ่ า่ น

10.2การวดั และประเมนิ ผลระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ประเมินจากแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง

หน่วยการเรียนรนู้ ้)ี

สิ่งท่ีตอ้ งการวดั วธิ ีวดั ผล เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมิน
1. ความรู้เกี่ยวกับ - นักเรียนได้คะแนน
- ความหมายของลิพดิ -การสอบถาม ซักถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขนึ้ ไป
- จำแนกและสรา้ งเกณฑ์ หรือร้อยละ 80
เกีย่ วกับลพิ ิด ความคิดเหน็ อภปิ รายแสดงความ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
-การนำความรูเ้ กีย่ วกับลพิ ดิ ไป - นกั เรียนได้คะแนน
ใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน -การตอบคำถาม คดิ เห็น ประเมินผลงาน
13 คะแนนขึ้นไป
-การตรวจผลงาน - แบบประเมนิ การ หรอื ร้อยละ 80
ถือว่าผ่านเกณฑ์
นกั เรียน ตรวจผลงานนักเรยี น -นักเรยี นได้คะแนน
12 คะแนนขนึ้ ไป
2.ทกั ษะกระบวนการคิด และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ

ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ความคดิ เห็น อภปิ รายแสดงความ

141

- สงั เกตพฤตกิ รรมการ คดิ เห็น หรือรอ้ ยละ 80 ถือวา่

ทำงานกลมุ่ - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์

พฤตกิ รรมการ

ทำงานกลมุ่

3. คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ - สังเกตนกั เรียนจาก - แบบประเมนิ - นักเรียนไดค้ ะแนน

และสมรรถนะผู้เรยี น การเขา้ ชนั้ เรยี น คุณลกั ษณะอันพึง ประเมินคุณลกั ษณะ

- วนิ ยั ในการเรียน อภปิ ราย แสดงความ ประสงค์ อันพงึ ประสงค์

- ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ ม่ันในการ คดิ เหน็ และพฤติกรรม - แบบประเมิน 26 คะแนนข้นึ ไป

ทำงาน ระหวา่ งเรียน สมรรถนะผูเ้ รียน หรอื ร้อยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

ความคิดทาง - นกั เรยี นไดค้ ะแนน

วทิ ยาศาสตร์ การประเมนิ สมรรถนะ

29 คะแนนขึ้นไป

หรือร้อยละ 80

ถือว่าผา่ นเกณฑ์

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช่ัวโมงที่ 1-2

1. ข้นั ตงั้ ประเด็นปัญหา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ให้นกั เรยี นสังเกตน้ำมันพชื นำ้ มันสัตว์ เนย และถ่ัวลิสง

1.2 นกั เรยี นทัง้ หมดรว่ มกนั ยกตัวอยา่ งอาหารประเภทลิพดิ ต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั รว่ มกันอภิปรายถงึ

สมบตั ิ โครงสรา้ ง และปฏิกริ ยิ าของไขมนั และนำ้ มนั การละลายของไขมนั และนำ้ มนั ในตวั ทำละลายบางชนิด

ปฏิกริ ยิ าไฮโดรไลซสิ น้ำมันหรือไขมนั ดว้ ยโซเดียมไฮดรอกไซด์ ฟอสโฟลิพดิ ไข และสเตรอยด์ รวมทั้งการ

นำไปใชป้ ระโยชน์

1.3 ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ตงั้ คำถามเกยี่ วกับส่งิ ทต่ี อ้ งการรู้ จากเนื้อหาทเี่ กยี่ วกบั เร่ืองลพิ ดิ

2. ขั้นสืบค้นความรู้ (Searching for Information)

2.1 นักเรียนแบ่งเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กลุม่ โดยแต่ละกลุม่ จะต้องคละกัน

ระหว่างเพศชายและหญิง และคละกันระหว่างนกั เรยี นทม่ี ผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู กับต่ำ

2.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สืบค้นและทดลองสมบตั ิ โครงสรา้ ง และปฏิกริ ยิ าของไขมันและ

นำ้ มัน การละลายของไขมนั และนำ้ มันในตวั ทำละลายบางชนิด ปฏิกริ ิยาไฮโดรไลซสิ น้ำมันหรือไขมนั ด้วย

โซเดียมไฮดรอกไซด์ ฟอสโฟลพิ ิด ไข และสเตรอยด์

142

2.3 นกั เรียนแต่ละกลุ่มอภปิ รายรว่ มกนั ถึงสมบตั ิ โครงสร้าง และปฏิกริ ยิ าของไขมันและนำ้ มนั การ
ละลายของไขมนั และน้ำมันในตวั ทำละลายบางชนิด ปฏิกิรยิ าไฮโดรไลซสิ นำ้ มันหรอื ไขมนั ด้วยโซเดยี มไฮดรอก
ไซด์ ฟอสโฟลพิ ิด ไข และสเตรอยด์

ชวั่ โมงที่ 3-4
3. ข้นั สรปุ องค์ความรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสบื ค้นและผลการทดลองสมบัติ โครงสร้าง และปฏิกริ ยิ าของ
ไขมันและน้ำมัน การละลายของไขมันและนำ้ มันในตวั ทำละลายบางชนิด ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรไลซิสน้ำมนั หรือไขมนั
ดว้ ยโซเดยี มไฮดรอกไซด์ ฟอสโฟลพิ ิด ไข และสเตรอยด์

3.2 นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ไดผ้ ลการสืบคน้ และผลการทดลองเหมือนกันหรอื ตา่ งกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด
3.3 ครูตั้งคำถามวา่

- ตัวทำละลายแตล่ ะชนดิ ละลายไขมันและนำ้ มนั ได้แตกต่างกนั หรอื ไม่ เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นน้ัน
- จุดหลอมเหลวของกรดไขมันอมิ่ ตัวและไม่อม่ิ ตวั มคี วามสัมพนั ธ์กบั จำนวนอะตอมของคารบ์ อน
อย่างไร
- จดุ หลอมเหลวของกรดไขมนั อิม่ ตวั และไมอ่ ่มิ ตวั ท่มี จี ำนวนอะตอมของคาร์บอนเท่ากัน แตกต่าง
กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
- จุดหลอมเหลวของกรดไขมนั อ่ิมตวั และไม่อมิ่ ตัว แตม่ จี ำนวนอะตอมพนั ธะคแู่ ตกต่างกัน จะ
แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อย่างไร
- นกั เรียนเคยสังเกตหรือไม่ว่าไขมันและนำ้ มันท่เี กบ็ ไว้ในบรเิ วณท่มี อี ากาศรอ้ นหรอื แสงสวา่ งสอ่ ง
ถงึ เปน็ เวลานาน จะเกิดการเหม็นหนื ได้ การเหมน็ หนื เกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร
- ผลติ ภณั ฑ์ท่เี กิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำมนั พชื กบั สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ คอื สารใด มี
สมบัตอิ ยา่ งไร
- การเตมิ เอทานอลลงไปเพอื่ วตั ถุประสงค์ใด
- เพราะเหตใุ ดสบู่จึงมีสมบัตทิ ำความสะอาดได้
- ฟอสโฟลิพิดเป็นอยา่ งไร
- ไขเปน็ อย่างไร
- สเตรอยด์เป็นอยา่ งไร
3.4 นกั เรยี นท้งั หมดรว่ มกนั สรุปผลจากการสืบค้นและทดลองสมบตั ิ โครงสร้าง และปฏกิ ิริยาของ
ไขมนั และนำ้ มนั การละลายของไขมันและนำ้ มนั ในตัวทำละลายบางชนิด ปฏิกริ ยิ าไฮโดรไลซิสน้ำมนั หรือไขมัน
ด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ ฟอสโฟลพิ ดิ ไข และสเตรอยด์

ชว่ั โมงท่ี 5-6

143

4. ขน้ั การสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)
4.1 ให้นกั เรียนเสนอแนวคดิ ในการแก้ปัญหาโจทย์เกย่ี วกบั ลิพิด
4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการนำความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ลพิ ดิ ไปใชป้ ระโยชน์
4.3 นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั สรปุ เชอ่ื มโยงความคิดเกยี่ วกับลพิ ิด

ชวั่ โมงที่ 7

5. ข้ันการบริการสังคมและสาธารณะ (Public Service)

5.1 นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยบทเรียนตามรายละเอียดในชุดกจิ กรรม

5.2 ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน

12. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้

12.1ส่อื การเรยี นรู้

- ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนิโสมนสิการ ชุดเคมกี ับชวี ิต - สือ่ power point

12.2แหลง่ เรียนรู้

1) อนิ เตอร์เน็ต 2) ห้องสมุด

13. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้

ผลการสอน รายละเอยี ด

1. ดา้ นความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของลพิ ิด ...............................................................................................

- จำแนกและสรา้ งเกณฑ์เกย่ี วกับลิพิด ...............................................................................................

-การนำความรเู้ ก่ียวกับลพิ ิดไปใช้ประโยชน์ใน ...............................................................................................

ชีวิตประจำวนั ...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการคิด ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ...............................................................................................

3. ด้านคณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ ม ...............................................................................................

อนั พงึ ประสงค์ : ...............................................................................................

- มวี ินัย ...............................................................................................

- ใฝ่เรยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รกั ความเปน็ ไทย ...............................................................................................

4. ปญั หาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

144

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

5. วธิ ีแก้ปัญหา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงชื่อ........................................ครผู ู้สอน ลงช่อื ...........................................หวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรตั น์..) (นายสรุ จกั ร์ิ แกว้ มว่ ง.)

ลงช่อื ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รัตน.์ .) (..นายศิวาวุฒิ รัตนะ..)

หัวหน้างานนิเทศ หวั หน้ากลมุ่ บรหิ ารวิชาการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจัด จันทบ...)

ผู้อำนวยการโรงเรยี นสวุ รรณารามวทิ ยาคม

145

แบบประเมินการอภิปรายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชัน้ ………………………………
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหว่างเรียน และการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม

โดยให้ระดบั คะแนนลงในตารางทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมของผูเ้ รียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรุง

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ที่ทำได้ ผ่าน
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่อื ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นักเรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

146

แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กบั ระดบั คะแนน

คณุ ลกั ษณะอนั พึง รายการทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงคด์ า้ น 321

3.1 ตรงตอ่ เวลา

1. มวี ินัย 3.2 ปฏบิ ัติงานเรยี บร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง

4.1 กระตือรอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มูล

2. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.2 มีการจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ย่างมีเหตุผล

5.1 ใช้วสั ดุ ส่ิงของ เคร่อื งใช้ อยา่ งประหยดั

3. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
4. รักความเปน็ ไทย

7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชอื่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างครง้ั

147

แบบประเมนิ ผลงานผู้เรยี น

ชอ่ื - นามสกลุ .................................................................................. ชนั้ …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้แี จง: ให้ผ้ปู ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ประเด็นที่ประเมิน ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด

2. มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์

3. มคี วามคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลยี่

ผู้ประเมิน (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมนิ .......................................................... (เพ่ือน)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

148

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กับจุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น จุดประสงค์
เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้องเปน็ ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถงึ ความคดิ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคดิ แปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญ่มี ไมเ่ ป็นระเบียบ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็น ผลงานมคี วาม และมีขอ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแต่ยังมี เป็นระเบยี บแต่มี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพร่อง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

149

แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุม่

กลุ่ม ..........................................................................................................

สมาชิกในกลมุ่ 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำช้แี จง: ใหน้ กั เรียนทำเครื่องหมาย ✓ ในชอ่ งทตี่ รงกบั ความเปน็ จรงิ

พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น

2. มคี วามกระตือรอื รน้ ในการทำงาน
3. รับผดิ ชอบในงานท่ีได้รับมอบหมาย
4. มขี ัน้ ตอนในการทำงานอยา่ งเป็นระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน

พฤติกรรมท่ีทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทที่ ำเป็นบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำน้อยคร้งั ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การให้คะแนน

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

150

แบบประเมินสมรรถนะผ้เู รียน 5 ด้าน

คำชี้แจง : ใหส้ งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กับระดบั คะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ธิ กี ารส่ือสารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
3.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความร้มู าใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4.1 ทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อน่ื ดว้ ยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มีวธิ ีแกไ้ ขความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ข้อมูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอยู่รว่ มกับผอู้ ื่นอย่างเหมาะสม

ลงช่อื ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง

151

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 12
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี…….3…...เร่อื ง……..สารชวี โมเลกุล....(เรือ่ ง กรดนวิ คลอี กิ )...
รายวชิ า……..............เคมี…5........ ............รหสั วชิ า…..............ว 30226......................ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่....6.....
กลมุ่ สาระการเรียนรู้............วทิ ยาศาสตร์..........ปีการศึกษา.... 2562.......ภาคเรียนที่..2...เวลา...4...ช่ัวโมง……
ผู้สอน.........................นางสาวอโนชา...อุทมุ สกลุ รตั น์.........................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ (รายวิชาพื้นฐานมีทงั้ มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้ีวดั
รายวิชาเพิ่มเติมมเี ฉพาะมาตรฐานการเรยี นร้แู ละผลการเรียนร)ู้

1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 3 : สารและสมบตั ิของสาร
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปล่ียนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย

การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้
ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การ
แก้ปัญหา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดขึน้ สว่ นใหญ่มีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบ
ไดภ้ ายใต้ข้อมลู และเคร่ืองมือทีม่ ีอยูใ่ นชว่ งเวลาน้ันๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดลอ้ ม มีความ
เก่ยี วข้องสัมพนั ธก์ ัน

1.2 ผลการเรียนรู้
16. บอกสมบตั ิ วิธกี ารทดสอบ ประโยชนแ์ ละอธิบายโครงสรา้ งของกรดนิวคลอี กิ

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (หลอมจากตวั ช้วี ัดท่ีใช้ในหนว่ ยการเรยี นรูน้ เ้ี ขียนเปน็ แบบความเรียง)
กรดนวิ คลีอกิ เปน็ สารโมเลกลุ ใหญ่ประกอบด้วยคารบ์ อน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ได้แก่ กรดดีออกซ่ไี รโบ

นวิ คลีอิกหรือ DNA ซึ่งประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์ที่เป็นไนโตรจีนสั เบส น้ำตาลดีออกซ่ีไรโบส และหมู่ฟอสเฟต
และกรดไรโบนิวคลีอิกหรือ RNA ประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์ท่ีเป็นไนโตรจีนัสเบส น้ำตาลออกซ่ีไรโบส และหมู่
ฟอสเฟต
3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/สาระการเรียนรู้เพ่มิ เติม (รายวชิ าเพ่ิมเติม)
กรดนวิ คลีอิกเปน็ สารโมเลกุลใหญ่ประกอบด้วยคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซเิ จน มี 2 ชนดิ คือ
1. กรดดีออกซ่ีไรโบนิวคลอี กิ หรอื DNA ประกอบด้วยนิวคลีโอไทดท์ ่เี ปน็ ไนโตรจีนัสเบส น้ำตาลดอี อก

ซี่ไรโบส และหม่ฟู อสเฟต
2. กรดไรโบนิวคลีอกิ หรือ RNA ประกอบดว้ ยนวิ คลีโอไทด์ท่ีเป็นไนโตรจนี สั เบส น้ำตาลออกซไี่ รโบส

และหมู่ฟอสเฟต
ไนโตรจีนัสเบสมี 4 ชนิดคือ อะดนี นี กวานีน ไซโตซนี และไทมนี เมอื่ สายของนวิ คลี

152

โอไทด์มาพนั กนั เปน็ บนั ไดเวยี น จะสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่างนวิ คลีโอไทด์ โดยไทมีนค่กู บั อะดนี นิ ไซโตซนี คู่

กบั กวานีน เกิดเปน็ ดีเอน็ เอ ส่วนอารเ์ อ็นเอจะมีนวิ คลโี อไทดเ์ พยี งสายเดยี วและมีไนโตรจีนสั เบสยูราซลิ มาแทน

ไทมีน

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ (ถา้ ในคำอธบิ ายรายวชิ าพดู ถึงหลักสูตรทอ้ งถน่ิ ให้ใส่ลงไปด้วย

...............................................................-...........................................................................................

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เลือกเฉพาะข้อทเี่ กิดในหน่วยการเรยี นรูน้ )้ี

 1. ความสามารถในการส่อื สาร  2. ความสามารถในการคดิ

 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา  4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (เลือกเฉพาะขอ้ ท่เี กิดในหน่วยการเรียนรนู้ )้ี

 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต

 3. มวี ินัย  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยู่อย่างพอเพียง  6. มงุ่ มั่นในการทำงาน

 7. รกั ความเป็นไทย  8. มจี ติ สาธารณะ

6. ด้านคณุ ลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล

 1. เป็นเลิศวิชาการ  2. สื่อสารสองภาษา  3. ล้ำหนา้ ทางความคดิ

 4. ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  5. ร่วมกนั รบั ผิดชอบตอ่ สังคมโลก

7. ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C 2L
 R1 –Reading (อา่ นออก)  R2-(W) Ringting (เขียนได)้  R3- (A) Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
 ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem

Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความเข้าใจความตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)
 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and

Leadership)
 ทกั ษะด้านการสอื่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันส่อื (Communications, Information, and Media Literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (Computing and ICT

Literacy)
 ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)
 ความมีเมตตา (วินยั คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)

8. บรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

153

1. หลักความพอประมาณ : กำหนดจำนวนสมาชิกในกลุม่ ใหเ้ หมาะสมกับจำนวนสมาชกิ ในห้องเรยี นคือ
ประมาณกล่มุ ละ 4 – 6 คน

2. หลักความมีเหตผุ ล : ให้นกั เรียนสร้างสรรค์ผลงานและเกดิ ทักษะการปฏบิ ตั ิ
3. หลกั ภมู คิ ุ้มกัน : ใหน้ กั เรียนเกดิ ทักษะการทำงานกลุม่ และกล้าแสดงออก
4. เง่อื นไขความรู้ : การวางแผนงานท่ีจะทำก่อนแล้วคอ่ ยลงมอื ทำอย่างระมัดระวงั , เขียนสมการการ
เปล่ยี นแปลงจากการทดลอง
5. เง่อื นไขคุณธรรม : อดทนที่จะทำงาน และมคี วามขยนั ท่ีจะทำงานใหอ้ อกมาได้ดที ่ีสุด , มีวนิ ยั ในการ
ทำแบบฝึกหัด

9. ช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

ผลการ ช้นิ งาน ภาระงาน
เรยี นรู้

16 - - อภปิ รายการนำความรู้เกย่ี วกบั กรด

นวิ คลีอิกไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน

10. การวัดประเมนิ ผล

10.1การวัดและประเมินผลช้นิ งาน/ภาระงานรวบยอด

วิธกี าร

1.การสังเกตการณ์

2.การใชช้ ดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตรร์ อ่ งรอยบ่งช้ี 3.การวัดประเมินการปฏิบัติ

เครื่องมอื

1. แบบสงั เกตการณ์

2. ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ 3. แบบวัดประเมนิ การปฏบิ ตั ิ

เกณฑ์

1.การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

2.การประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผ่าน 1

รายการถอื วา่ ไม่ผา่ น

10.2การวัดและประเมินผลระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ประเมนิ จากแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง

หนว่ ยการเรยี นรนู้ )้ี

ส่ิงที่ต้องการวัด วธิ ีวดั ผล เคร่ืองมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมิน
1. ความรูเ้ กี่ยวกบั - นักเรียนได้คะแนน
- ความหมายของกรดนวิ คลีอิก -การสอบถาม ซกั ถาม - แบบประเมินการ 12 คะแนนขนึ้ ไป

ความคิดเห็น อภปิ รายแสดงความ

154

- จำแนกและสร้างเกณฑ์ -การตอบคำถาม คดิ เห็น หรือรอ้ ยละ 80

เก่ยี วกบั กรดนิวคลอี กิ -การตรวจผลงาน - แบบประเมนิ การ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

-การนำความรูเ้ ก่ียวกบั กรด นักเรียน ตรวจผลงานนักเรียน - นักเรยี นไดค้ ะแนน

นวิ คลีอกิ ไปใชป้ ระโยชนใ์ น ประเมินผลงาน

ชีวติ ประจำวนั 13 คะแนนข้นึ ไป

หรอื ร้อยละ 80

ถือว่าผา่ นเกณฑ์

2.ทกั ษะกระบวนการคดิ และ - การอภปิ รายแสดง - แบบประเมินการ -นักเรยี นไดค้ ะแนน

ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ความคิดเหน็ อภปิ รายแสดงความ 12 คะแนนข้นึ ไป

คิดเหน็ หรอื ร้อยละ 80 ถือวา่

- สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์

ทำงานกลุม่ พฤติกรรมการ

ทำงานกลุม่

3. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ - สังเกตนกั เรยี นจาก - แบบประเมนิ - นักเรียนได้คะแนน

และสมรรถนะผเู้ รยี น การเขา้ ช้นั เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประเมินคณุ ลกั ษณะ

- วนิ ัยในการเรยี น อภปิ ราย แสดงความ ประสงค์ อนั พึงประสงค์

- ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ในการ คิดเหน็ และพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ 26 คะแนนขน้ึ ไป

ทำงาน ระหว่างเรียน สมรรถนะผ้เู รยี น หรอื รอ้ ยละ 80

- แบบทดสอบความรู้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์

ความคิดทาง - นกั เรยี นไดค้ ะแนน

วทิ ยาศาสตร์ การประเมนิ สมรรถนะ

29 คะแนนขนึ้ ไป

หรือร้อยละ 80

ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

11. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ชัว่ โมงท่ี 1

1. ขน้ั ตง้ั ประเดน็ ปญั หา/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation)

1.1 ให้นกั เรียนสังเกตภาพดีเอ็นเอ

1.2 นกั เรยี นทง้ั หมดร่วมกนั ยกตวั อย่างบทบาทและหน้าทีข่ องดีเอน็ เอ ร่วมกนั อภปิ ราย

ถึงโครงสร้างของนิวคลีโอไทด์ ดเี อน็ เอ และอาร์เอ็นเอ รวมทัง้ การนำไปใช้ประโยชน์

1.3 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันตงั้ คำถามเก่ยี วกบั สง่ิ ทตี่ ้องการรู้ จากเนื้อหาที่เกยี่ วกับเรื่องกรดนวิ คลีอกิ

2. ขั้นสืบค้นความรู้ (Searching for Information)

155

2.1 นกั เรยี นแบง่ เป็นกล่มุ กลุ่มละ 5 – 6 คน จำนวน 6 กล่มุ โดยแต่ละกลมุ่ จะต้องคละกัน
ระหวา่ งเพศชายและหญิง และคละกนั ระหว่างนกั เรียนที่มผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสงู กบั ต่ำ

2.2 นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกันสบื ค้นและศึกษากรดนวิ คลีอิก โครงสรา้ งของนิวคลโี อไทด์ ดเี อน็ เอ
และโครงสร้างของอาร์เอน็ เอ

2.3 นักเรียนแต่ละกลมุ่ อภปิ รายร่วมกันถงึ กรดนวิ คลอี กิ โครงสร้างของนิวคลโี อไทด์ ดีเอ็นเอ และ
โครงสร้างของอาร์เอน็ เอ

ชวั่ โมงที่ 2
3. ขั้นสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation)

3.1 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการสบื ค้นและผลการศึกษากรดนวิ คลอี กิ โครงสรา้ งของนวิ คลโี อ
ไทด์ ดีเอน็ เอ และโครงสรา้ งของอารเ์ อ็นเอ

3.2 แต่ละกลุ่มได้ผลการสบื ค้นและศึกษาเหมอื นกนั หรือตา่ งกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด
3.3 ครูตั้งคำถามว่า

- โครงสร้างของดเี อน็ เอ และโครงสร้างของอารเ์ อ็นเอ ต่างกันอยา่ งไร
3.4 นกั เรียนทัง้ หมดรว่ มกันสรปุ ผลจากการสบื ค้นและศึกษากรดนิวคลอี ิก โครงสรา้ งของนิวคลีโอ
ไทด์ ดเี อน็ เอ และโครงสรา้ งของอารเ์ อน็ เอ

ชั่วโมงท่ี 3-4
4. ขน้ั การสื่อสารและนำเสนอ (Effective Communication)

4.1 ให้นกั เรยี นเสนอแนวคดิ ในการแกป้ ญั หาโจทย์เกี่ยวกับกรดนิวคลีอิก
4.2 นักเรียนแต่ละกลมุ่ เสนอแนวคดิ ในการนำความเข้าใจเกยี่ วกบั กรดนวิ คลอี กิ ไปใช้ประโยชน์
4.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั สรุปเชื่อมโยงความคิดเกย่ี วกบั กรดนิวคลอี ิก
5. ข้ันการบรกิ ารสงั คมและสาธารณะ (Public Service)
5.1 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันตอบคำถามทา้ ยบทเรียนตามรายละเอยี ดในชุดกจิ กรรม
5.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคำถามท้ายบทเรียน
12. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
12.1ส่อื การเรยี นรู้
- ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคดิ โยนิโสมนสิการ ชุดเคมกี บั ชีวิต - สอ่ื power point
12.2แหล่งเรยี นรู้
1) อินเตอร์เน็ต 2) ห้องสมุด

13. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้

156

ผลการสอน รายละเอียด

1. ด้านความรู้ : ...............................................................................................

- ความหมายของลพิ ดิ ...............................................................................................

- จำแนกและสร้างเกณฑ์เก่ียวกบั ลพิ ดิ ...............................................................................................

-การนำความรเู้ กย่ี วกบั ลพิ ดิ ไปใช้ประโยชนใ์ น ...............................................................................................

ชีวติ ประจำวนั ...............................................................................................

2. ด้านกระบวนการ : ...............................................................................................

- ทักษะกระบวนการคดิ ...............................................................................................

- ทกั ษะกระบวนการกลุม่ ...............................................................................................

3. ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยม ...............................................................................................

อนั พึงประสงค์ : ...............................................................................................

- มีวนิ ัย ...............................................................................................

- ใฝเ่ รยี นรู้ ...............................................................................................

- อยู่อย่างพอเพียง ...............................................................................................

- รักความเปน็ ไทย ...............................................................................................

4. ปัญหาการสอน

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

5. วธิ แี ก้ปญั หา ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

....................................................................... ...............................................................................................

ลงชื่อ........................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...........................................หัวหนา้ กลุ่มสาระฯ
(.นางสาวอโนชา...อุทุมสกุลรตั น.์ .) (นายสรุ จักริ์ แก้วม่วง.)

ลงช่อื ........................................... ลงช่ือ...........................................
(.นางสาวอโนชา...อทุ มุ สกลุ รตั น.์ .) (..นายศิวาวฒุ ิ รตั นะ..)

หัวหนา้ งานนิเทศ หัวหน้ากลมุ่ บริหารวิชาการ

ลงช่ือ ........................................................
(...นายจงจดั จนั ทบ...)

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสุวรรณารามวทิ ยาคม

157

แบบประเมินการอภิปรายแสดงความคิดเห็น
วชิ า .......................................................................................................... ชัน้ ………………………………
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ..............................กจิ กรรม ……………………………………………………………………….…

คำชแี้ จง : ให้ประเมินจากการสังเกตการรว่ มอภิปรายในระหว่างเรียน และการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่ม

โดยให้ระดบั คะแนนลงในตารางทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมของผู้เรียน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ตอ้ งปรบั ปรงุ

รวม สรปุ ผลการ

รายการประเมนิ 15 ประเมิน
คะแน

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล น

การแสดงความ คะแนน ผ่าน ไม่
ิคดเ ็หน ที่ทำได้ ผา่ น
ยอมรับ ัฟงความ
ิคดเ ็หนของ ู้ผ ่ือน
ตรงประเ ็ดน
สมเห ุตสมผล
มีความเ ื่ชอมั่นใน
การแสดงออก

ลงช่อื ................................................................................. ผู้ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ : นักเรยี นได้คะแนน 12 คะแนนขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

158

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รง
กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะอนั พึง รายการทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน
ประสงค์ดา้ น 321

3.1 ตรงต่อเวลา

1. มวี นิ ัย 3.2 ปฏบิ ตั ิงานเรียบร้อยเหมาะสม

3.3 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง

4.1 กระตือรอื รน้ ในการแสวงหาขอ้ มลู

2. ใฝ่เรียนรู้ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อย่างเปน็ ระบบ

4.3 สรุปความรู้ไดอ้ ย่างมีเหตุผล

5.1 ใชว้ สั ดุ ส่งิ ของ เคร่อื งใช้ อยา่ งประหยดั

3. อยู่อย่างพอเพียง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และร้คู ุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเก็บออม

7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
4. รักความเป็นไทย

7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย

ลงชือ่ ................................................................................. ผู้ประเมิน
/ /......................... ......................... .............................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้งั

159

แบบประเมนิ ผลงานผู้เรยี น

ชอ่ื - นามสกลุ .................................................................................. ชนั้ …………………........
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ................................ กิจกรรม ……………….………………......................

คำช้แี จง: ให้ผ้ปู ระเมนิ ขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ประเด็นที่ประเมิน ผปู้ ระเมนิ

ตนเอง เพอ่ื น ครู

432143214321

1. ตรงจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด

2. มคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์

3. มคี วามคิดสร้างสรรค์

4. มีความเป็นระเบยี บ

รวม
รวมทกุ รายการ

เฉลยี่

ผู้ประเมิน (ตนเอง)........................................................... ผปู้ ระเมนิ .......................................................... (เพ่อื น)

ผปู้ ระเมนิ ................................................................ (คร)ู

160

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน

ประเดน็ ท่ีประเมิน คะแนน

1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1
จดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานไม่
2. ผลงานมคี วามถกู ต้อง กับจุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคลอ้ งกบั
สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น จดุ ประสงค์
เน้ือหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้ือหาสาระของ
3. ผลงานมีความคิด ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานไม่ถกู ตอ้ ง
สรา้ งสรรค์ ครบถ้วน เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น เป็นส่วนใหญ่
ผลงานแสดงออก ผลงานมีแนวคิด ผลงานมคี วาม ผลงานไม่แสดง
4. ผลงานมคี วามเปน็ ถงึ ความคดิ แปลกใหม่แตย่ ัง นา่ สนใจ แตย่ ัง ไม่ แนวคิดใหม่
ระเบียบ สร้างสรรค์ ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคิดแปลก
แปลกใหม่ ใหม่ ผลงานส่วนใหญ่
และเป็นระบบ ผลงานสว่ นใหญ่มี ไมเ่ ป็นระเบียบ
ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็น ผลงานมคี วาม และมีขอ้
ระเบยี บแสดงออก ระเบียบแต่ยังมี เป็นระเบียบแต่มี บกพร่องมาก
ถงึ ความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง ขอ้ บกพร่อง
เลก็ น้อย บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

นักเรียนไดค้ ะแนน 13 คะแนนขนึ้ ไป หรือรอ้ ยละ 80 ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

161

แบบประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

กลุม่ ..........................................................................................................

สมาชิกในกลุ่ม 1. 2....................................................................... ......................................................................

3. 4....................................................................... ......................................................................

5. 6....................................................................... ......................................................................

คำชี้แจง: ให้นักเรยี นทำเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องทีต่ รงกบั ความเปน็ จริง

พฤตกิ รรมท่ีสงั เกต คะแนน 1
32

1. มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็

2. มคี วามกระตอื รอื ร้นในการทำงาน
3. รบั ผิดชอบในงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
4. มขี ้ันตอนในการทำงานอยา่ งเปน็ ระบบ
5. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑก์ ารให้คะแนน

พฤตกิ รรมท่ีทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ บางครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤตกิ รรมทที่ ำนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดี
8-12 ปานกลาง
5-7 ปรับปรุง

162

แบบประเมินสมรรถนะผู้เรียน 5 ด้าน

คำชี้แจง : ให้สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รง
กับระดบั คะแนน

สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน
321
1. ความสามารถในการส่อื สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใชว้ ิธีการสื่อสารที่เหมาะสม

2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
2.2 มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
3.1 แกป้ ัญหาโดยใช้เหตุผล
3.2 แสวงหาความร้มู าใชใ้ นการแก้ปญั หา
3.3 ตดั สินใจโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
4.1 ทำงานและอยรู่ ่วมกับผูอ้ ืน่ ดว้ ยความสมั พันธอ์ ันดี
4.2 มีวธิ แี กไ้ ขความขดั แยง้ อย่างเหมาะสม

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.1 เลอื กใช้ขอ้ มลู ในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
5.2 เลือกใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอย่รู ว่ มกับผอู้ ื่นอยา่ งเหมาะสม

ลงช่อื ................................................................................. ผ้ปู ระเมิน
/ /........................ ......................... .............................

เกณฑก์ ารให้คะแนน : ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครง้ั

163


Click to View FlipBook Version