ช่างเชอื กรอกและชา่ งยก
เรยี บเรยี งโดย แผนกหอ้ งสมุด กรมพฒั นาการช่าง กรมอู่ทหารเรือ ปี 2565
เอกสารวิชาการ
ชา งเชือกรอกและชางยก
กรมอทู หารเรือ
(จดั พมิ พเมือ่ ตลุ าคม ๒๕๔๙)
บทที่ 1
เชือกและเง่ือน
เชอื ก ตามหลัก พจนานุกรม หมายถึง สง่ิ ทท่ี ําดว ย ดา ย หรือปานปอ มักฟน หรอื ตีเกลียว
สําหรบั ผกู หรอื มดั แตในที่น้ี ขอกลาวเฉพาะที่ใชในกองทพั เรอื เทา นัน้
เ เชือกทีใ่ ชใ นกองทพั เรือแบง ออกไดเปน 12 ชนดิ ดังนี้
1. เชือกปา น ( Hemp Rope )
2. เชือกมะนิลา ( Manila )
3. เชือกกาบมะพราว ( Coir rope Or Grass rope )
4. เชอื กมะเล็น ( Marlene rope )
5. เชือกน้ํามัน ( Tarred rope )
6. เชือกกันชา ( White rope )
7. เชอื กปอ ( Jute rope )
8. เชือกสปนยารน ( Spun - yarn rope )
9. เชอื กดาย ( Cotton rope )
10. เชือกสายลอ ค ( Log line rope )
11. เชือกลวด ( Steel wire rope )
12. เชือกใยสังเคราะห ( Man –maee fiber cordage )
เชอื กชนดิ ตาง ๆ สามารถแบงตามคุณลกั ษณะของเชือก ออกไดเปน 3 ประเภทใหญ ๆ คือ
ประเภทที่ 1. เชอื กทที่ ํามาจากพชื ( Cordage made of vegetable fibres )
ประเภทท่ี 2. เชือกทที่ ํามาจากโลหะ ( Steel wire rope )
ประเภทท่ี 3. เชือกที่ทาํ มาจากใยสงั เคราะห ( Cordage made of man made fibers)
วชิ าเคร่อื งทนุ แรง 2
วสั ดุท่ใี ชท าํ เชอื กและคณุ สมบตั ิ
ประเภทที่ 1. เชอื กที่ทาํ มาจากพืช
( Cordage made of vegetable fibres )
แบงออกเปน 10ประเภทดว ยกนั คอื
1. เชือกปาน ( Hemp Rope ) คือเชือกที่ทาํ มาจากตนเฮมพ สีเหลืองออน มีความเหนียว
แขง็ แรง แตทนทานไดน อย ผุขาดไดเ รว็ ฉะน้นั จงึ นิยมนาํ เชอื กปานไปชุบนา้ํ มัน เพื่อใหเชือกน้ัน
เกิดความคงทน และสามารถทจี่ ะใชงานไดนาน ซึ่งจะไมทําใหก ําลังของเชือกเกิดการออนลง
เชอื กปานท่ีผานการชบุ น้ํามันแลว เราเรยี กวา เชือกน้าํ มัน
2. เชอื กมะนลิ า ( Manila ) คือเชอื กที่ทํามาจากตนมะนิลาหรืออบาคา มมี ากทีเ่ กาะฟลปิ ปน ส
สนี าํ้ ตาลแก ( Deep golden brown ) มีความเหนียว แข็งแรง คงทนตอ ทุกสภาพอากาศ ทั้งน้ําจืด
นํ้าเค็ม เปนท่ีนิยมใชก ันมากในเรอื เชน ใชเปน เชือกผูกเทยี บเรือ เชอื กลากจงู
3. เชอื กกาบมะพราว ( Coir rope Or Grass rope ) คือ เชือกท่ีทาํ มาจากกาบมะพราว
สีน้ําตาล เม่ือนาํ มาเปรียบเทียบกบั เชือกมะนลิ า ท่ีมขี นาดท่ีเทากนั เชอื กมะนิลาจะมนี ้ําหนักเบากวา
ครึ่งหน่ึง มีความเหนียวแขง็ แรง ทนทานเปน 1 / 5 เทาของเชอื กมะนลิ า เชือกกาบมะพรา ว
คณุ สมบตั พิ ิเศษของเชือกชนิดนี้ คือ เปน เชือกท่ีมีน้าํ หนกั เบา ลอยน้ําไดดี ไมด ูดนาํ้ เหมือนเชือกชนิด
อนื่ ๆแตผุขาดเรว็ ไมทนทานตอทกุ สภาพอากาศ
4. เชือกมะเลน็ ( Marlene rope ) คอื เชือกปานขนาดเล็ก นาํ มาชบุ น้าํ มันชนิดหนง่ึ เพ่ือให
ใชไ ดอยา งทนทาน ทําเปนเง่อื นตะกุดเบด็ สาํ หรับผูกของเลก็ ๆ เชน ใชเปนเชือกผูกหนบี ปากขอ
ของรอก หรือผกู หนีบหางเชอื ก
5. เชือกนาํ้ มัน ( Tarred rope ) คือ เชือกปา นขนาดยอม ๆ ( โตกวา เชือกมะเลน็ ) โดยนํามา
ชุบนาํ้ มนั ชนิดหน่ึง เพ่ือใหใ ชไดอยางทนทาน
วิชาเคร่ืองทนุ แรง 3
6. เชอื กกนั ชา ( White rope ) คือ เชอื กปานทมี่ ขี นาดท่ตี ่ํากวา 1 นิว้ สวนมากจะนาํ มาใช
เปนเชอื กประกอบเสาใบเรอื โบต
7. เชือกปอ ( Jute rope ) คอื เชือกท่ที ําจากตนปอ หรอื ตน เฮมพ เม่ือนาํ มาเปรียบเทยี บความ
เหนียว แขง็ แรง ทนทานจะเปนครึง่ หนงึ่ ของเชอื กมะนลิ า ทีม่ ีขนาดที่เทา กนั
8. เชือกสปนยารน ( Spun - yarn rope ) คือเชือกท่ีทําจากพืช นาํ มาคว่นั เปนเกลยี วหยาบ ๆ
โดยมีขนาดเลก็ ต้งั แต 2 – 11 เกลียว เปน เชอื กทใ่ี ชประเภทงานเบา ๆ มคี วามเหนยี ว แตมคี วาม
คงทนนอย
9. เชือกดา ย ( Cotton rope ) คือเชือกท่ที ําจากดา ยดิบ สขี าวสะอาด ขดมวนงาย ใชน ํามา
ทาํ อวน หรอื ผกู ของ เล็ก ๆ นอย ๆ
10. เชอื กสายลอ ค ( Log line rope ) คอื เชอื กที่ทําดว ยเชือกปา นอยา งดี ถกั เปน เสนเชือก เพอื่
ปองกนั การคลายเกลียวเมือ่ เชอื กหมุน เชือกดงั กลาวน้ใี ชทําเปน เชอื กสายลอค หรือสายด่ิงนาํ้ ตนื่
เปน ตน
วิชาเครือ่ งทนุ แรง 4
การตอเชือก
การตอ เชือก เปนวิธีการตอเพือ่ ใหไดมาซ่ึงความยาวทเ่ี พ่มิ ขึน้ หรือตอ เพ่ือใหไดข นาดท่ี
สั้นลง เพือ่ เหมาะสมแกก ารนําไปใชงานไดต ามวัตถปุ ระสงคข องผูป ฏิบัติงานน้นั ๆ
การตอ เชอื กแบง ออกเปน 2 ชนิดดวยกัน คอื
1. การตอ ส้ัน
2. การตอยาว
1. การตอส้ัน เปน วิธที ใ่ี ชในการตอเชอื กทุกชนิด การตอ เชือกตามวิธีนี้ รอยตอ จะขัดกนั แนน
ดี แต เปนปมโตใชสําหรับรอยรอกไมไ ด
วิธีการตอขัน้ ท่ี 1 คลายเกลียวทีห่ างเชอื กทงั้ สองหาง ทจ่ี ะ
นาํ มาตอกันนั้นออกใหย าวพอสมควร แลว ใหน ําเชือกปาน
เลก็ ๆ หรือหนังยางมดั ของมดั ปลายเกลียว ไวเพ่อื ไมใ ห
เกลยี วแตก แลวนาํ เกลียวประสานกนั เขา กันแบบเกลียว
ตอเกลียว โดยใหโคนเกลียวทค่ี ลายออกเขา ขัดตัวกันอยางพอดี ( จากรูป )
วิธกี ารตอ ข้ันท่ี 2 เมื่อทาํ ตามขนั้ ตอนที่ 1 แลวใหเรม่ิ แทงเกลียวขางใดขา งหนง่ึ กอน โดย
เอาปลายเกลียวของหางเชอื กขางหนึ่งทค่ี ลายไว แทงสอดลงใตเกลยี วเชอื กอีกขางหน่งึ โดยสอดจาก
ดานขวาไปดานซาย ( แทงยอนเกลียว และแทงเกลียวละครั้ง คอื แทงครง้ั หนงึ่ ตอ งแทงใหเ หมือนกัน
หมดทุกเกลียว แลวจงึ จะแทงคร้ังท่ี 2 และครง้ั ตอ ๆไป ) การแทงเชอื กน้ี ตอ งแทงขา งละอยา งนอ ย
2 ครั้ง แลว จึงเปลย่ี นไปแทงอกี ขา งหนึ่ง โดยแทงอยางเดยี วกบั ครง้ั แรก เปน การสนิ้ สดุ วิธกี ารตอ ส้ัน
วชิ าเครอ่ื งทุน แรง 5
2. การตอ ยาว เปนวิธีการที่ใชใ นการตอ เชือกเพ่ือนําไปใชในการรอ ยรอก การตอวธิ ีน้ีเมื่อ
เสร็จแลวจะไมมีปม และจะดูเรยี บรอยเทากับขนาดเดิมของเชือกเสน นั้น ๆ
วิธีการตอ ขั้นท่ี 1 โดยการนาํ เอาหางเชอื กท่ีจะตอนน้ั มาคลาย
เกยี วออกท้ัง 2 หาง หางหนึ่งคลายออกประมาณ 5 เทา ของ
ขนาดเชือก อีกทางหน่ึงใหยาวประมาณคร่งึ หน่ึง เสรจ็ แลว
ใหน าํ เอาหางเชอื กทั้งสองเขาประสานกนั ตามวิธกี ารตอ
สนั้ วธิ ที ี่ 1
วิธีการตอ ขน้ั ท่ี 2 คลายเกลียวหางเชือกทางสนั้ ออกหนึ่งเกลยี ว
ในขณะเดียวกนั นั้น ใหเ อาเกลยี วเชือกทางดานขวาท่อี ยู
ตรงกนั ขามกับเกลียวทางดานทสี่ นั้ นนั้ พนั แทนทีเ่ ขา ไปตาม
รอ งเกลียวทางดา นสั้นท่จี ะคลายออก ทาํ ดังน้ีสลับกันเรือ่ ย ๆ
ไป จนสุดปลายเกลยี วขางยาว ใหเหลือไวพอทีจ่ ะผูกและแทง
เกลยี วได ตอจากนนั้ ใหแ ปลงปลายเกลียวออก ทเี่ หลอื เพยี ง
ครงึ่ เดยี ว ใหเอาปลายเกลียวทง้ั 2 ผกู กันใหกระชบั แนน
แลว นาํ ปลายท่เี หลืออยูแทงขดั เกลียว อยางแบบตอสน้ั ประมาณ 2 ครงั้ สว นทเี่ หลือกใ็ หทาํ การตดั
ออกเสยี เม่ือทาํ เกลยี วท่ี 1 เสร็จแลว กท็ าํ เกลียวที่ 2 และเกลียวที่ 3 ตอ ไป โดยวิธกี ารท่กี ลา ว
มาแลว ทุกประการ เมอ่ื ตอเสรจ็ ทง้ั 2 เกลียว กน็ ับวาเสร็จวิธีการตอ ยาว โดยสามารถนําไปใชง านได
ตามวตั ถปุ ระสงคด ังกลาว
วิชาเคร่ืองทนุ แรง 6
การแทงเชอื ก
การแทงเชอื กเปน วิธีทําหวงเชอื กไวที่ปลายเชือกหรือทําตลกรอกไมเล็ก ๆ ซ่ึงมีหางเชือกผูก
ยึดติด เพ่ือใชสําหรับติดรอก เชือกท่ีใชแทงเปนเชือกท่ีมีใชกันอยูโดยทั่วไปนี้เอง คือ เชือกชนิด 3
และ 4 เกลียว วิธีแทงเชือกทั้งสองชนดิ นี้คลายคลึงกันมาก มีแตกตางกันก็แตเฉพาะตอนข้ึนตนคร้ัง
แรกเทาน้ันแลวถาขึ้นตนผิดก็จะทําใหแทงผิดตลอดไปหรือทําตอไปไมไดเลย ตอไปน้ีจะกลาวถึง
จํานวนเกลยี วของเชือกกอน
รูป 1 เชือก 3 เกลยี ว เปน เชอื กทีม่ ีเกลียวเล็ก ๆ 3 เกลียว ขวัน้
รวมกันเขา เปนเชอื กเสน หน่ึงเกลยี วบดิ ขวา
(บิดจากซา ยไปขวา)
รปู 2 เชือก 4 เกลียว เปนเชอื กที่มเี กลียวเล็ก ๆจํานวน 4 เกลยี ว
1 และ นํามาขวน้ั รวมกันเขาเปนเชือกเสนหน่งึ เกลยี วบดิ ขวา
เชอื ก 4 เกลยี วนม้ี ไี สอยภู ายในตรงกลางเสนเชอื กดวย
1. วิธีแทงหวง 3 เกลียว ใหคลายเกลียวหางเชือกท่ีจะแทง
ออกใหยาวพอสมควรแลวทาบปลายท่ีคลายเกลียวออก
2 น้ันเขากับตนเชือก เวนระยะที่จะใหเปนหวงโตหรือเล็ก
ตามขนาดท่ีตองการ ใหเกลียวกลางทบอยูบนเสนเชือก
อีก 2 เกลียวใหอยูทางขวามือเกลียวหนึ่งและทางซายมือ
เกลียวหน่ึง ใชมือซายจับตรงรอยบรรจบกันไวใหแนน
ใชมือขวาจับปลายเกลียวของเชือกที่คลายไวน้ันแทงสอด
ขันเกลียวตนเชือก โดยแทงสอดเกลียวหนึ่งใตเกลียวตน
1.1 เชือกเกลียวทางเวนเกลียวหนงึ่ ตามลําดับ (ดรู ูป 1.1)
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 7
1.2 แลวนําเอาเกลียวอันซายมือแทงสอดจากขวาไปซายลงซายที่
ถัดไปแตใหคอมทับเกลยี วบางที่ได
1.3 2. แทงไวแลว (ดูรูป1.2.) ตอไปพลิกใหเชือกไปทางซายมือ
2.1
2.2 จนเกลียวที่ยังไมไดแทงน้ัน (เกลียวขวามือ) แทงสอดลง
ไปใตเกลียวตนเชือกท่ียังเหลืออยู โดยสอดจากขวาไป
ซา ยเชน เดียวกนั
เม่ือไดท ําตามลาํ ดบั ดงั นี้ แลวก็เปนการเสรจ็ การขึน้ ตน
ขนั้ ตอ ไป กเ็ รมิ่ แทงขัดเกลยี วเวน เกลียวอยา งเดยี วกนั กบั วธิ ี
ตอสัน้ แตกอนทจ่ี ะแทงสดุ ปลายเกลยี วนั้น ใหแ บง แทง
เกลียวละครึ่ง และตอไปลดลงทุก ๆ คร้งั ทแ่ี ทง ทงั้ น้เี พ่อื ให
รอยตอ เรียวเลก็ ลงทกุ ทจี นสดุ เกลยี ว กใ็ หไดขนาดเทา เสน
เชอื กของเดิมนั้น
2) วิธีแทงหวง 4 เกลียว ในขั้นตนทําอยางเดียวกันกับวิธี
แทงเชือก 2 เกลียวทกุ ประการ เวน แตเ มอื่ ทบหางเชือกที่คลาย
เกลียวออกแลวใหแบงปลายเกลียวไวทางขวามือ 2 เกลียว
เอาไวทางซายมือ 2 เกลียว เอาเกลียวทางซายมือดานในและ
ดานนอกสอดขัดเขาใตเกลียวเสนเชือกตามลําดับอยางวิธีแทง
เชือก 3 เกลียวคือ เกลียวทางซายดานในแทงอยางเกลียวกลาง
(ตามรูป 1.1 ) และเกลียวทางซายดานนอกแทงอยางเกลียว
ทางซาย (ตามรูป 1.2) เสร็จแลวพลิกเชือกไปทางซายมือแลว
เอาเกลียวทางขวางดานใน (เกลียวท่ีถึงกอน) แทงสอดใต
เกลียวตนเชือก (ท่ีถัดมาจากที่ไดแทงแลว) จากขวาไปซาย
(อยาแทงเกลียวขวา)( ตามรูป 1.3) เมื่อแทงแลวก็พลิกเชือก
ตอไปอีก คงมเี กลียวตนเชือกและหางเชือกเหลืออยูอยางละ 1
เกลียว ก็ใหแทงสอดอยา งเดียวกนั กับแทงเกลียวขวาดังที่
วชิ าเคร่อื งทนุ แรง 8
กลาวมาแลว เม่อื แทงหมดทง้ั 4 เกลียวแลวก็เปน อนั เสรจ็ การ
ขึน้ ตน การแทงเชือก 4 เกลียว ตอไปก็ใหแ ทงเกลียวเวนเกลียว
และแลว แบงหางเชือกแทงอยา งเดยี วกบั วิธแี ทงเชือก 3 เกลียว
จนเสรจ็ และพอตามความตอ งการ
2.3 การถกั เชือก
การถักเชือกใหมีรูปรางตามตองการเพ่ือนําไปใชตาม
วัตถุประสงคของงาน การถักเชือกมีหลายวิธีดวยกัน แตท่ี
นํามากลาวในที่นี้ไดเลือกเอาแตวิธีที่ใชกันและมีประโยชน
มากเทานั้น วิธีถักนั้นถาไดอาศัยดูรูปประกอบกับคําอธิบาย
แลวจะสะดวกตอการหดั ถักมาก
2.4 1. ถักปมุ มะยม
ใชปลายหางเชือกท้ังสองของเชือก 2 เสน (หรือเชือกเสน
เดยี วก็ได เชน เชอื กสายมีด)
วิธีถักขั้นท่ี 1 เอาเชือกเสนท่ี 1 มาขดเขาใหเปนวงโคง ใหหาง
เชือกท้ังสองไขวกัน( ดังรปู 2.1)
วิธีถักขนั้ ท่ี 2 เอาหางเชอื กขางหนึง่ ของเชือกเสน ที่ 2 สอดให
3.1 เปนวงโคงของเชือกเสน ที่ 1 ท่ี 1 และ 2 ( ดูรูป 2.2 ) แลว วาง
พาดบนปลายเชอื กเสน ท่ี 1 ที่ 3 และสอดใตหางเชือกเสน ที่ 3
ทจ่ี ะตอไปสอดขดั ใตเชอื กเสน ที่ 2 แลววางพางบนตนเชือก
เสน ที่ 1 อกี ขางหนึ่งที่ 2 โดยเอาปลายเสนเชอื กหมายอักษร 3
โคงกลบั ไปพาดขวางบนปลายหางเชือกเสนท่ี 1 ทางหาง
หมายอกั ษร 2 แลว ลอดใตเชือกทุกเสนไปสอดข้นึ ตรงรูกลาง
3.2 3 กอน แลว ใหเ อาปลายเชือกเสนที่ 1 วางพาดทบั ปลายเชอื ก
เสน ที่ 2 แลวลอดใตเ ชอื กทกุ เสนไปสอดขนึ้ ตรงรูกลาง 3
เสร็จแลวดึงปลายเชือกท้ังสองท่ีสอดข้ึนตรงรกู ลาง 3 แลวใช
มืออกี ขา งหน่ึงคอยตบแตง ใหป มคลายลกู มะยม ( ดงั รปู 2.4 )
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 9
2. ถักปุมบันได ปุมบันไดนี้เปนปุมปลายหาง
เชือกสาํ หรบั ไวข ดั รูกับเชอื กรูดออกจากทรี่ อยเชือกนั้น ตาม
เรือใหญใชทําปุมเชือกราวบันไดกันเปนสวนมาก จึงได
ช่ือวา “ปุม บนั ได” แทจ รงิ จะทาํ ปุมอะไรก็ได
3.3
วธิ ีถักข้นั ที่ 1 คลายเกลียวหางเชือกท่ีจะถกั
ทาํ เปนปมุ บนั ไดออกพอสมควร ( ดงั รูป 3.1.) แลวใชเชือกเล็ก
ๆ มดั ปลายเกลยี วไวเพอ่ื กนั แตก
3.4
วิธีถักขั้นที่ 2 จับหางเชือกดวยมือซาย ใชมือ
ขวาจบั เกลยี ว ก. ตามทางทีห่ มายไวด วยเสน ไขปลาและลูกศร
(รูป 3.1.) สอดขัดใตเกลียว 2 และข้ึนทางบนของเกลียว 3
ดังนนั้ จงึ ทําใหเ กิดหว ง 5 ข้นึ ( ดงั รูป3.2 .) ทตี่ รงตนเกลยี ว 1
3.5
วิธีถักข้ันท่ี 3 เอาเกลียว 2 ขัดไวอยางเดียวกับ
เกลียว 1 คือ อยูบนเกลียว 1.4 และโอบใตเกลียว 3. (รูป 3.3.)
ตอไปเอาเกลียว 3 โอบใตเกลียว 2 และตนเกลียว 1 ไปขึ้นที่
ชอง 5 ( รูป 3.3 ) เม่ือเสร็จขั้นนี้แลวเกลียวทั้งสองก็จะขัดไขว
กนั ดังในรูป ( 3.4 )
วิชาเครอ่ื งทุน แรง 10
3.5 วิธีถักขั้นท่ี 4 ดันปลายเกลียวทุก ๆ เกลียวใหกระชับ
แนนเขาไป (ดงั ในรูป 3.2 )
3.2
32 วิธีถักข้ันที่ 5 เม่ือทําตามขั้นท่ี 4 เสร็จแลว ใหเอาปลาย
เกลียวทั้ง 3 ขัดไขวกันอยา งขัดกลีบดอกจําป ( ดูรูป 3.5 ) คือ
4.1 เอาเกลียว 2 ตลบพาดบนเกลียว 1 ตอไป เอาเกลียว 1 ตลบ
1 พาดบนเกลียว 2 แลวสอดลงชองระหวางตนเกลียว 1 และ 2
(ดังรูป3.5 ) แลวดงึ ปลายเกลียวทุกเกลียวใหหวงกระชับแนน
4.2 เขาหาตนเกลยี ว
วิธีถักขั้นที่ 6 เอาปลายเกลียวทั้งสามทีละเกลียวแทง
สอดคูไปตามเกลียวที่ถักไวแลวในขั้นที่ 4 และขั้นที่ 5 จน
ครบรอบแลวแทงสอดปลายที่เหลือน้ันลงขางลางทะลุลอด
ออกตรงโคนปุมที่ตนเชือกทุก ๆ เกลียว เสร็จแลวจัดเขาที่ให
เรียบรอยและดึงใหแนนตัดสวนที่เหลือออกก็จะไดปุมบันได
ทต่ี อ งการ
3. ถักปุมหูถัง ปุมหูถังใชสําหรับทําปุมปูถังน้ํา
ดับเพลิงหรือถังตัวน้ําที่ใชตามเรือหรือจะใชทําปุมถักรูปใด ๆ
ก็ได เปนปุมท่ีมีขนาดเล็กกวาปุมบันได เมื่อถักเสร็จแลวไม
เรียบรอ ย เพราะตอ งมัดปลายเกลียวทีเ่ หลอื ไวดว ย
- วิธีถัก ใหคลายเกลียวหางเชือกออกพอสมควรและ
ทําอยางเดียวกับการถักปุมบันไดตอนขึ้นตน เสร็จแลวเอา
ปลายเกลียว 1 โอบใตปลายเกลียว 2 และ 3 ตอไป เอาปลาย
เกลียว 2 โอบใต 3 และ 1 ไปสอดขึ้นตรงชอง 4 ตอไปเอา
ปลายเกลียว 3 โอบบนเกลียว 2 และโอบใต ปลายเกลียว 1
และ2 ไปสอดขึ้นทางชอง 5 ( ดูรูป 4.1) ตอไปดึงปลายเกลียว
ทุกเกลียวใหกระชับแนนดีแลว เอาเชือกมัดปลายเกลยี วท้ังสาม
วชิ าเคร่อื งทนุ แรง 11
4.3 ใหแนนและมัดใหชิดปุมพอดี แลวตัดปลายเกลียวท่ีเหลือทิ้งก็
5.1 จะไดป มุ หูถังท่ตี องการ
5.2
การถักปุมหูถังน้ี ยังมีวิธีถักอีกวิธีหนึ่ง ภาษาอังกฤษ
5.3 เรียกวา A double mathew walker’s สวนวิธีแรกน้ันเรียกวา
A single mathew walker’s การถักวิธีน้ี 2 นั้นมีวิธีถักดังน้ี
เมื่อคลายเกลียวออกพอสมควรแลว เอาปลายเกลียว 1 โอบใต
เกลียว 2 และ 3 และสอดปลายเกลียวขึ้นในหวงตนเกลียวของ
ตวั เอง สว นเกลียว 2 และ 3 ก็คงทาํ เชน เดยี วกันกบั เกลยี ว 1
( ดังรูป 4.2 ) เม่ือทําเสร็จทั้งสามเกลียวแลวดึงปลายทั้งสาม
ใหกระชับแนนดีและจัดรูปปุมใหเรียบรอย รวบปลายเกลียว
ท้ังสามมัดดวยเชือกใหแนนและใหชิดปุมพอดีแลวตัดสวนที่
เหลอื ทิ้งก็จะไดป ุมหถู ังทตี่ องการ ( ดังรูป 4.3 )
4. ถักวงแหวน
- วิธีถัก ตัดเอาเกลียวเชือกมาเกลียวหนึ่ง ไดยาวประมาณ 3
เทาครึ่งของความยาวของพิรอดที่ตองการ แลวเอาเกลียวที่ตัด
มาขดเปนวงใหเกลียวขัดกันตามอาการบิดของเกลียว วงนั้น
จัดใหเลก็ โตไดตามตองการ ( รูป 5.1 ) ข้ันตอไปใหพันปลาย
เกลียวทั้งสองเกลยี วใหกินเกลียวกันกับเกลียวท่ีขดเปน วงไว
( รูป 5.2 ) จนเต็มเปนรูปเสนเชือก เสร็จแลวแทงปลายท้ังสอง
ของเกลียวเขากับเสนเชือก เสร็จแลวแทงปลายทั้งสองของ
เกลียวเขากับเสนเชือกตามวิธีตอยาว ก็จะไดวงแหวนหรือ
พิรอดท่ตี องการ
วชิ าเคร่ืองทนุ แรง 12
สลงิ ( Sling ) ตามความหมายของโรงงานเชอื กรอก หมายถงึ เชือกทที่ าํ ไวส ําหรับยกของ
โดยมีลกั ษณะเปนหว ง ขา งใดขางหนง่ึ หรอื เปนเสนทม่ี ปี ลายหว งทง้ั สองดา น โดยมชี อ่ื เรียก
ตามวัสดทุ ี่ทาํ เชน ทํามาจากใยสงั เคราะห เรยี กวา สลงิ ออน ( Soft Sling ) ทาํ มาจากเชอื ก เรยี กวา
สลงิ เชือก ทาํ มาจาก ลวดสลิง เรยี กวา สลิงลวด โดยลวดสลิง แบง ออกเปน 2 ชนิด ดวยกนั คอื
1. ลวดสลิง ทม่ี ีไสเปน เชือกชุบนาํ้ มนั หรือ ใยสังเคราะห เราเรียกวา เชือกลวดออน
2. ลวดสลิง ท่ีมีไสเปนเสน ลวด เราเรยี กวา เชอื กลวดแขง็
การถักแทงสลงิ เชือก
การถกั แทงสลงิ เชอื ก คือ การนําเชอื กมาถกั แทงหว ง
ขางใดขางหนง่ึ หรือทงั้ สองขา ง เพอ่ื ประโยชนในการยกของ ตามปกติ
แลว เชือก ท่ีใชในการทําน้ี เปน เชอื กมะนลิ า หรือใยสังเคราะหมที ้งั
ชนิด 3 เกลยี ว และ ชนิด 4 เกลียว ในทนี่ ี้จะขอกลาวเฉพาะ 3 เกลียว
เทา นัน้
อุปกรณท ่ใี ชในการถกั แทงสลิงเชือก มีดังตอไปนี้ คือ
1. ชะโดไม หรือชะโดเหลก็ โดยสวนใหญจะใชช ะโดไม
2. มดี ใชสาํ หรบั ตดั เชือก และปานเยบ็
3. ปา นเย็บ ใชสําหรับผกู หางเชือก กันไมใ หหางเชือกแตก
4. เชือกที่ใชส ําหรบั ถกั แทงเปนหว งสลิงตามขนาดทเ่ี ราตอ งการ
วิชาเครื่องทุนแรง 13
วธิ กี ารทาํ
วัดและตดั เชือกมาตามท่ีเราตอ งการ แลวนาํ มาวางตรงหนา โดยใหน ําหางเชือกไป
ทางซา ยมอื 1 หาง และทางขวามอื อีก 1 หาง สวนทางซา ยมือเปนหางท่ีจะตองนํามาแทง โดยวัดจาก
หางเชอื กมาหาขวามอื เปนจดุ ท่ี 1 และวัดจากจุดท่ี 1 มาอกี โดยพอท่จี ะทาํ เปนสลงิ เชือกได เปน จุดที่
2 แลวนําเอาจดุ ท่ี 1 ซา ยมือทบมาหาจุดที่ 2 ซา ยมอื ใหตรงกนั และผูกมัดใหแ นน แลวคลายปลายหาง
เชือกซา ยมอื แลวทาบมาหาทางขวามือออกท้งั สามเกลยี วถงึ จุดที่ 1 แลว ทําการผูกมดั ปลายเกลียว
เชือกกนั ไมใหแตกกอ นถักแทงทัง้ สามเกลียว เสร็จแลวแบงเอาปลายเกลียวลงทาบเสนเชอื กทจี่ ะแทง
เกลยี วที่ 1 โดยอยดู า นตวั เรา เกลยี วที่ 2 ทาบไปทางเสน เชือก เกลยี วที่ 3 อยูดา นนอกเสน เชอื ก
ถา เชือกเสน ใหญตอ งใชชะโดไมสําหรับถกั แทง ถา หากเชอื กเสนเลก็ อาจใชมอื บดิ เกลียวเชือก ที่เรา
จะถกั แทงเพราะงา ยและสะดวก การแทงตองเอาเชือกเกลียวท่ี 2 แทงกอ นชะโด หรอื มอื บิดใกลกบั
จดุ ท่ี 2 โคนเกลียวท่ี 2 ของเสนยืนใหเ ผยออกใหก วา ง แลว หยิบปลายเกลยี วเชอื กที่ 2 สอดออกตาม
ชอ งเกลยี วทเี่ ผยอไว แลว ดึงใหแนน ตอ มาแทงเกลียวดา นตวั เรา คือเกลยี วท่ี 1 เอาชะโดไม หรือ
มือบดิ เกลียวเสนยนื ดานตัวเราใหเ ผยออกกวา ง แลวหยบิ ปลายเกลียวเชอื กเสน 1 สอดออกระหวาง
โคนเกลยี วท่ี 2 แลว ดึงใหแนน ตอ มาเผยอเกลยี วท่ี 3 ดา นนอกของโคนเกลียวท่ี 2 แลวหยบิ ปลาย
เกลียวที่ 3 สอดออกขา งเกลยี วท่ี 1 เปนอนั ครบ 1 รอบ การแทงเชอื กเปน เงื่อนลายขัดกัน ตอ มาเราจะ
แทงเกลียวไหนก็ได 3 เกลยี วนี้ ขางหนึ่งรอดใตเ กลยี ว 2 ทุกครัง้ ไปใหค รบ 5 รอบ แลวทบุ แตง ให
เรยี บรอ ยกอ นท่ีจะตดั หางแทงออก โดยเหลอื ไวป ระมาณ 1 น้ิว เปนอันวาเสรจ็ วิธีการถักแทง
หว งสลงิ เชอื ก
วชิ าเครื่องทุนแรง 14
ประเภทท่ี 2. เชือกที่ทาํ มาจากโลหะ ( Steel wire rope )
เชอื กท่ีทํามาจากโลหะ เรียกวา ลวดสลงิ มี 2 ชนดิ ตามที่กลา วมาแลว นั้น ลวดสลิงนี้มี
ประโยชนอ ยา งมากในวงการอตุ สาหกรรมการกอสรา ง ขนสง หรอื แมชีวิตประจาํ วนั เปน พัฒนาการ
เพื่อใหมีวัสดุซง่ึ สามารถใชง านแทนเชือก แตรบั แรงดงึ ไดสงู และอายุใชง านยาวนานกวา
ลวดสลงิ ก็คือ เชือกลวดซึง่ มีเสน ใยทําดวยโลหะน่นั เอง ลวดสลงิ ประกอบดวยเกลียวลวด
หรอื เรียกวา “เสน เกลียว” หลาย ๆ เสน แลวแตชนิดและขนาดของสลงิ สว นสลิงแบบทใี่ ชง าน
ทั่วไปจะประกอบดว ยเสนเกลียว 6 หรือ 8 เสน และมไี สกลางทาํ ดวยใยสงั เคราะห หรอื เชอื กชุบ
นํา้ มัน ลักษณะการบดิ ขดเกลยี วมีท้ังแบบเกลียวซายและเกลียวขวา นอกจากน้ยี ังมีความแตกตา งกัน
ของระยะเกลยี วดว ย ลวดสลงิ ทม่ี ีระยะเกลยี วยงิ่ สัน้ จะยง่ิ สามารถตัดโคง ไดมาก
สลงิ ลวดในเสน เกลยี วหนงึ่ ๆ ตามมาตรฐานจะประกอบดว ยเสน ลวด 4, 7, 12, 19 หรอื 37
เสน เสนลวดเลก็ ๆ ซ่ึงประกอบเปนเสน เกลียวเหลา น้ี โดยทั่วไปจะเรยี งตัวปด ไปในทศิ ทางตรง
ขา มกับการบดิ ของเสนเกลียวในลวดสลงิ แตก ม็ ลี วดบางชนิด ซ่งึ การเรียงตัวของเสน ลวดเลก็ ๆ บิด
ไปทศิ ทางเดียวกับการบิดของเสน เกลียว การเรยี งตวั แบบนี้เราเรยี กวา แบบแลง - เลย (Lang - Lay)
ลวดสลงิ ที่ออกแบบพิเศษใหสามารถโคงงอไดมาก ในเสนเกลยี วหนึ่งยังประกอบดว ยเสน เกลียว
ยอ ย ๆ หลายเสน กลาวอีกนยั หนงึ่ ก็คือ การเอาลวดสลิงเลก็ ๆ มาบดิ ขดเปน จํานวนมากเสน ข้ึน
ทาํ ใหเ กดิ เปนเสน สลิงใหญน น่ั เอง ตวั อยางของลวดสลิงแบบน้ี ไดแ ก ลวดสลิงทีใ่ ชใ นเรอื เพือ่
บังคบั หางเสอื ลวดสลงิ สาํ หรับเคร่ืองมอื ควบคุมในอุตสาหกรรม เปนตน
วชิ าเคร่ืองทนุ แรง 15
ลกั ษณะการขดเกลยี วแบบตา ง ๆ
ก. ลวดเกลยี วซายแบบธรรมดา (Left Reqular Lay)
ข. ลวดเกลียวซา ยแบบแลง-เลย (Left Langs Lay)
ค. ลวดเกลียวขวาแบบธรรมดา (Right Reqular Lay)
ง. ลวดเกลยี วขวาแบบแลง-เลย (Right Lang’s Lay)
เสน ใยสงั เคราะหท่ไี สก ลางของลวดสลิงนนั้ ชวยเพ่ิม
ความแขง็ แรงใหแกเ สน ลวดสลิงเพยี งเล็กนอ ยเทา น้ัน แต
หนาท่ีหลกั ของมนั คอื ชวยรกั ษารูปรางของลวดสลิง และ
ชวยหลอล่ืน (เสน ใยสงั เคราะหถูกอาบดว ยสารหลอ ล่นื )
เสน ลวดรอบ ๆ ทาํ ใหอายุใชงานของลวดยาวขน้ึ เพราะเกดิ การ
ขัดสีระหวางเสน ลวดนอ ยลง มลี วดสลิงบางชนดิ ไสก ลางทาํ
ดว ยเสน ลวดทําใหมคี วามแขง็ แรงมากกวา ลวดสลงิ ที่มไี สทําดว ยใยสังเคราะหประมาณ 7-10% แต
ลวดแบบนใ้ี ชงานไดจาํ กดั กวา คือ เหมาะสาํ หรบั งานซ่ึงลวดอยูนง่ิ ไมเกิดการขดั สีของเสน ลวดใน
ลวดสลิง ลวดสลงิ ซง่ึ มไี สเ ปน ลวดนเี้ ราเรียกวา แบบ IWRC (Independent Wire Rope Core)
ขนาดของลวดสลงิ
ขนาดของลวดสลิง หมายถงึ เสนผาศนู ยก ลางของ
วงกลมซ่ึงสรวมเสน ลวดไดพอดี วิธกี ารวัดขนาดของ
ลวดสลงิ ทีถ่ ูกตอ ง สาํ หรบั การบงจํานวนเสนเกลียว และ
จาํ นวนเสนลวดในเกลยี วหนึง่ ๆ ก็มีกาํ หนดเปนมาตรฐาน คอื
ตัวเลขตัวแรก หมายถงึ จํานวนเสนเกลียว
ตวั เลขตัวกลาง (ถา ม)ี หมายถึง จํานวนเสน เกลยี วยอย
ในเสน เกลยี วใหญ
ตวั เลขตัวหลัง หมายถึง จาํ นวนลวดในเสน
เกลยี วหน่งึ ๆ
วิชาเครอื่ งทนุ แรง 16
กําลงั ของลวดสลงิ
กาํ ลงั ของลวดสลิง หมายถึง แรงดงึ ซงึ่ กระทําตอเสน ลวดแลว
ทําใหเสน ลวดขาดพอดี โดยเฉพาะแลว คา กําลังของเสน ลวดจะตก
ประมาณ 82.5 % ของคา ผลคณู ระหวางจาํ นวนเสนลวดเลก็ ๆ ทปี่ ระกอบเปน ลวดสลิงกบั กาํ ลังของ
เสน ลวดแตล ะเสน เหลา นี้
สาํ หรับคา แรงดึงใชง านของลวดสลงิ โดยทว่ั ไปจะตอ งไมเกินหน่ึงในสขี่ องกําลังประลยั
(breaking strength) ของลวดสลิง นน่ั คือ ตองมคี าตัวคณู ปลอดภัย หรอื safety factor ไมตา่ํ กวา 4 เทา
คาตวั คณู ปลอดภัยนจี้ ะตอ งเพิม่ ขนึ้ ถา สภาพใชงานมคี วามรุนแรงสูงและลวงสลิงใชงานมานาน
ลูกรอกและตารอก
ขนาดของลูกรอก หรือตารอกกม็ คี วามสาํ คัญยิง่ ตอกาํ ลงั ของลวดสลิง ทัง้ นี้เพราะยงิ่ ทําให
ลวดสลงิ มคี วามโคงงอมากเทาไร ก็ย่ิงทาํ ใหเ กิดความเคน (stress) ภายในเสน ลวด ซึ่งจะทาํ ให
ความสามารถในการรับนํา้ หนกั นอยลงไป ขนาดของรอกซึ่งจะใชก บั ลวดสลิง โดยท่ัวไปจะตอ งมี
ขนาดดังตอไปนี้
ชนดิ ลวด เสน ผา ศนู ยกลางของลูกรอก หรือตารอก (จาํ นวนเทา ของขนาดลวดสลงิ )
คา ท่ใี ชโ ดยท่ัวไป คา ต่ําสุด
6 x 7 72 42
6 x 19 45 30
6 x 37 27 18
8 x 19 31 21
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 17
สภาพรอ งของลกู รอก หรือตารอก มีสวนสาํ คัญตออายใุ ชง านของลวดสลงิ อยางมากเชนกนั
ถา ลวดสลิงใชง านในรอกซึ่งมีรอ งคบั เกนิ ไป ตัวลวดสลงิ จะสกึ หรออยางรวดเรว็ นอกจากนร้ี องที่
ผิวไมดหี รือคบั เกนิ ไป จะทําใหการเคล่ือนไหวของเสน ลวดภายในลวดสลิงถกู จํากดั เสน ลวด
ไมสามารถจัดตัว เพอื่ ใหมกี ารเฉลย่ี แรงดที ี่สดุ กําลังของเสน ลวดจะลดลง ขนาดของรองสําหรบั
ลวดสลงิ แตละขนาดควรจะมชี องวางเหลอื ดงั ตารางตอ ไปน้ี
ขนาดของลวดสลงิ (นว้ิ ) 1 - 5 3 - 3 13 - 1 1 1 3 -1 5 1 9 -21 ใหญกวา 2 1
4 16 8 4
16 8 16 16 16 4 4
ชองวาง (clearance) น้วิ 1 1 3 1 3 1
64 32 64 16 32 8
การใชง านนอกจากจะตอ งคํานึงถงึ กาํ ลังของเสนลวดสลงิ แลว ยงั ตอ งคํานึงถึงกําลัง
ของลอ หรอื รอกดว ย การคาํ นวณเราจะหาในรูปของแรงกดตอ ตารางนิ้วท่ีลวดกระทาํ ตอ ลูกรอก
หรอื ตารอก โดยคํานวณ จากสูตร
แรงกดตอตารางน้ิว แรงดงึ ในเสนลวดสลิง (ปอนด)
=
รัศมีในสดุ ของรองรอก (นว้ิ ) x ขนาดของลวดสลงิ (นิว้ )
คา ที่ไดจะตอ งไมเกนิ คาตอไปนี้
เหล็กหลอ 450 ปอนดตอตารางน้วิ
เหลก็ เหนยี ว 850 ปอนดตอตารางนว้ิ
วิชาเคร่ืองทุน แรง 18
วัสดใุ นการทําลวดสลงิ
ชนดิ หรือเกรดของลวดสลิง
ขนึ้ กบั คาแรงดงึ ประลัย (tensile strength)
ของลวดน้ัน ๆ ซ่ึงเรียงตามลาํ ดบั จากชนิด
ท่มี ีคาแรงดึงประลยั ตาํ่ ไปจนถงึ ชนิดทีม่ คี าแรงดงึ สงู
คือ ไมดพ ลาวสดลี (mild plow steel) พลาวสตลี (plow steel) และอิมพรฟู ดพลาวสตลี
(improved plow steel) คาแรงดึงประลัยของลวดสลิงท่ีทําดวยวัสดุเกรดตาง ๆ ไดแสดงไวในตาราง
คากาํ ลงั ของลวดสลงิ แตล ะชนิด
นอกจากลวดสลงิ ที่ทําจากเหลก็ คารบอน ที่กลา วแลวขางตนยังมลี วดสลิงชนิดทนตอการ
กดั กรอนหรอื เปน สนมิ ไดแ ก ลวดสลิงท่ีทาํ จากเหลก็ กลา ไรส นิม และลวดสลิงท่ีทาํ จากลวด
ชุบสังกะสี
ลวดสลงิ แบบตา ง ๆ
1. สลงิ ลวดยกของแบบมาตรฐาน เปนแบบ 6 x 19 คือ
ประกอบดว ย 6 เสนเกลียว และแตละเสนเกลยี ว ประกอบดว ยลวด
เสน เลก็ ๆ จํานวน 19 เสน ไสก ลางเปน เสน ใยสังเคราะห หรือ
เชือกชบุ นํ้ามัน เชือกลวดชนิดน้ี จดั เปนชนดิ เชือกลวดออ น
วิชาเคร่ืองทนุ แรง 19
2. ลวดสลิงยกของแบบโคง งอไดม าก เปน แบบ 6 x 37 ( ข )
และ 8 x 19 ( ค ) เสนลวดท่ีประกอบเปนลวดสลิงแบบน้ี จะเสนเล็ก
และละเอียดกวาแบบมาตรฐาน ดังน้ันลวดสลิงแบบน้ีจะทนตอการ
สึกหรอ เสียดทาน ไดนอยกวา แตขอดีของลวดชนิดน้ี คือ มีความ
คลองตัวในการใชงานมากกวา ลวดสลิงแบบนี้มักใชสําหรับรถเครน
เครือ่ งขุดลวดและสภาพใชง านซงึ่ มวี งลอ หรอื รอกเลก็ กวาปกติ
3. ลวดสลิงแบบเกลียวหยาบ หรือแบบ 6 x 7 ( ง ) ลวดสลิงแบบนจ้ี ะมคี วามแกรง คือ
โคงงอไดย ากกวา แบบมาตรฐาน 6 x 19 ( ก ) เน่ืองจากสลงิ แบบนม้ี จี ํานวนของเสนลวดนอ ย ดังนั้น
การใชง านจะตองมคี า safety factor มากกวา ทัง้ น้เี พราะถา มีเสน ลวดภายในเกิดขาด 1 หรือ 2 เสน
จะลดกาํ ลังของลวดสลิงลงเปนสดั สว น มากกวา แบบท่ีมีเสน ลวดมาก เนื่องจากเสน ลวดทป่ี ระกอบ
เปนสลงิ มขี นาดใหญก วาแบบอืน่ สลงิ แบบนจี้ ะทนตอการเสียดสีไดม ากกวา จงึ เหมาะสาํ หรับใชใน
ระบบสง กําลัง แตท ัง้ น้จี ะตองมวี งลูกรอก หรือตารอกดว ย นอกจากนี้ยังเหมาะสําหรบั งาน
ลากจูง และงานในเหมอื ง
4. ลวดสลิงแบบเสนเกลียวบีบเขา ลวดสลิงแบบน้ีเสนเกลียวแตละเสนประกอบดวยลวด จัด
ตัวไมเปนวงกลมแบบลวดสลิงแบบอื่น มีลักษณะคลายกับเอาลวดสลิงแบบธรรมดามาบีบเขาให
เสนเกลียวแบนลงเพ่ือใหมีผิวสัมผัสเพิ่มข้ึน (ประมาณ 50%) ทําใหการสึกหรอจากการเสียดสีนอย
กวาแบบธรรมดา ลวดสลิงแบบน้ีมักเปนแบบแลงเลย (Lang-Lay) คือ การบิดตัวของเสนลวดในเสน
เกลียวไปทิศเดียวกับเสนเกลียว ขอดีของลวดสลิงแบบนี้นอกจากจะลดการสึกหรือจากการเสียดสี
ของเสนลวด และตัวลอ แลว ยังมขี อ ดี คือ เกิดการหงกิ งออยากกวา แตม ีขอ เสีย คือ โคงงอได
นอ ยกวา และมี fatigue strength* ต่ํากวา แบบซ่งึ มเี สนเกลยี วกลม
fatigue strength* หมายถึง กําลังของเสนลวด เมื่อเสนลวดรับแรงซึ่งเกิดการเปล่ียนแปลง
ตลอดเวลา เชน กระตุก เปน จังหวะ ๆ
วิชาเคร่ืองทุนแรง 20
BD G
ลวดแบบนี้มที ้งั หมด 3 แบบ คือ
1. แบบ B ใชในงานยกของ
2. แบบ D ใชใ นงานลาก ดงึ
3. แบบ G ใชในงานยกของ
5. ลวดสลิงแบบไมห มนุ ลวดสลิงแบบมีลักษณะเปน ลวดสลิงสองชน้ั ช้ันในประกอบดว ย
ลวดสลิงแบบแลงเลย 6 x 7 และมีไสเปน ใยสังเคราะห รอบนอกประกอบดวยเสน เกลยี ว 12 เสน
(แตล ะเสน ประกอบดว ยเสน ลวด 7 เสน) บิดตัวในทศิ ทางตรงขา มกบั เสน เกลียวในวงใน ดูรปู ท่ี 6
การทีเ่ สน เกลียวบิดตวั ในทศิ สวนกนั ทาํ ใหเวลายกของของจะไมหมนุ ดงั เชนเวลายกดวยลวดสลิง
แบบอื่น
6. ลวดสลิงแบบมปี ลอก มีอยดู วยกนั 3 แบบ คือ
6 x 19 6 x 37 และ 6 x 6 ( จากรปู ลวดสลิงแบบมีปลอก )เสน
เกลียวแตละเสน หุมดวยเหล็กเสน แบน ทําใหเพ่มิ ความตานทานตอ
การสกึ หรออยางมาก เม่ือเหลก็ เสนแบนเหลานี้สึกไมหมด ตัวลวด
สลิง ก็ยงั คงมกี าํ ลังเทา กับลวดสลงิ แบบธรรมดาขนาดเดยี วกัน
ลวดสลิงแบบนอี้ อกแบบเพอ่ื ใชกับสภาพการใชง านท่ที ารณุ มาก ๆ มี
การสึกหรอของผวิ สูง เชน ในเรอื ขดุ
วชิ าเคร่อื งทนุ แรง 21
ลวดสลงิ เกลียวเสนเดียว 7. ลวดสลิงชุบสังกะสีแบบเกลียวเสนเดียว เสนเกลียว
ประกอบดวยลวดเสนเด่ียว มีทั้งหมด 7 เสนเกลียว อาจเรียกวาเปน
ลวดสลิงชุบสงั กะสใี ชใ นงาน แบบ 7 x 1 ( จากรูป สลงิ เกลียวเสนเดียว ) ลวดสลิงแบบนี้ใชกันมาก
เรอื สําหรับยึดเสาสูง ๆ ปลองไฟของเตา ลวดสลิงขึ้นสําหรับกระเชาสง
ของ เปนตน โลหะท่ีใชทําลวดสลิงแบบนี้ดดยท่ัวไปเปนเหล็กชุบ
สงั กะสเี พื่อปองกนั สนิม
8. ลวดสลิงชุบสังกะสีสําหรับงานเรือ ตัวอยาง เชน ลวดสลิง
สําหรับเสากระโดงเรือ ลวดสลิงสําหรับผูกเรือ สมอเรือ เปนตน มี
ทง้ั หมด 3 แบบ
9. ลวดสลิงชบุ สังกะสสี ําหรบั สะพานแขวน รปู ก เปนแบบ
7 x 7 ไสกลางทําดวยลวดชุบสังกะสีเชนเดียวกับลวดเสนเกลียว
สําหรับแบบ ข เสนเกลียวประกอบดวยลวด 19 เสน แตไสกลาง
ประกอบดวยลวด 28 เสน สวนรูป ค เปนลวดสลิงซึ่งประกอบดวย
ลวด 37 เสน วางตัวเปน ชน้ั และบดิ ไปทศิ เดยี วกนั หมด
ลวดสลิงชบุ สงั กะสี
สาํ หรับสายพานแขวน
วชิ าเครื่องทนุ แรง 22
การตอ หรอื การยึดเชอื กลวดสลิง
การตอ ลวดสลงิ หรอื ยึดลวดสลงิ นั้นวิธีท่ีใชก นั มาก ไดแ ก
1. การถกั (Splices) แบงเปน 2 อยาง คือ
ก. ถักตอปลายกบั ปลาย ลวดสลิงท่ีจะตอกันตองเปนแบบเสน
เกลยี วบดิ ทศิ ทางเดยี วกัน
ข. งอลวดสลิงแลววกมาถักกับเสนเดิม เพ่ือล็อคเปนหวง
โดยมากจะใชทิมเบิลเพื่อฟอรมเปนหวง ดังรูปทางดานซาย การถักท่ี
ถูกตอง ขอตอจะไมหลุดออกเมื่อถูกดึงอยางไรก็ตาม การรับแรงของ
ขอตอจะตํ่ากวากําลังของลวดสลิง โดยปกติแลวขอตอแบบถักจะรับ
แรงไดป ระมาณ 90% สําหรบั ลวดสลิง 1 จะรับแรงไดประมาณ 60%
2
สาํ หรบั ลวดสลงิ 2 1 นวิ้
2
2. ใชช ็อคเกต็ (socket)
วิธีนี้ถาทําอยางถูกวิธีและประณีตแลว จะรับแรงดึงไดถึง
100% ของกําลังของลวดสลิง แตมีขอเสีย คือ การตรวจสอบคุณภาพ
ของงานทําไดยาก ทาํ ใหการประมาณขนาดรบั แรงของขอตอนี้ลําบาก
นอกจากนี้ขอตอ แบบนีย้ ังเปนวิธีทํายากที่สุด อยางไรก็ตามงานที่เปน
การติดตงั้ ถาวร เรามักใชขอ ตอแบบนี้
วิชาเคร่อื งทุนแรง 23
3. ขอ ตอแบบบบี
(Compressed or Swaged Fitting)
วธิ นี ป้ี จจุบนั ใชกนั อยา งกวางขวาง
เพราะประสทิ ธิภาพสูง เทาเทียมแบบช็อคเกต็
แตกะทัดรัดกวา นํ้าหนกั เบากวา
4. ใชเ หลก็ ยึดรปู ตัวยู
มักใชส ําหรบั การตดิ ต้ังชวั่ คราว
ประสิทธิภาพของขอ ตอมีเพยี ง 75-80% มาตรฐาน
หลกั การใชส ลงิ เชอื กลวด
1. ใชสลงิ เชอื กลวดใหเ หมาะสมกับลกั ษณะของงาน
2. พิจารณากําลงั งานของสลิงเชือกลวดใหส มั พนั ธกบั งาน
3. ใชสเกลตอสลงิ เชือกลวดกบั งานใหสมดุลยกนั
4. ประกอบสลงิ เชอื กลวดใหอยูจุดศูนยถวงของงาน
5. ปรับสลงิ เชือกลวดใหอยใู นจุดสมดลุ ยข องนาํ้ หนกั ทจี่ ะยก ในกรณที ีใ่ ชเ ชอื กลวดมากกวา
จํานวน 1 เสนขึน้ ไป
6. พยายามหลีกเลี่ยงอยา ใหสลิงเชอื กลวดเกดิ การบาดกบั ช้ินงาน
7. ในกรณีทีต่ อ งโอบชิน้ งาน ใหร ะวังสลงิ เชือกลวด อาจรดั ทาํ ใหช ิ้นงานเกิดการชาํ รุดได
8. กอนทจี่ ะนาํ สลิงเชือกลวดมาใชงาน ใหตรวจหวง และเสน ลวด ถาเห็นชํารุด
หา มนํามาใชงานอยางเดด็ ขาด
วชิ าเครอ่ื งทุนแรง 24
การตอ ยาว และ ถักแทงเชอื กลวด
เชอื กลวดมี 2 ชนิด ดว ยกัน คอื
1. มีไสเปนเชือก หรอื ใยสงั เคราะห เรยี กวา เชือกลวดออ น
2. มไี สเ ปนลวด เรียกวา เชือกลวดแข็ง
การตอ ยาวเชอื กลวด
ตามปกตเิ ชอื กลวดออ นและเชือกลวดแข็งจะมีทงั้ ชนดิ เกลียวซายและชนิดเกลียวขวา การ
ตอ ยาวเชอื กลวดออนตองเปน เชอื กลวดออ นชนิดมเี กลยี วอยา งเดียวกนั เปนตน วา เชอื กลวดออ นทเ่ี รา
ตอ งการใชงานนั้นเปน ชนดิ เกลยี วขวา ตอ งนําเชือกลวดออนชนิดเกลียวขวาเทา นั้นจึงจะสามารถ
นํามาตอ เขาดวยกันได ถาเปนเชือกลวดออนชนิดเกลียวซา ยก็ตอ งนาํ ชนิดเกลยี วซา ยมาตอ เขาดวยกัน
การตอ ยาวเชือกลวดออ น เปนการตอ เชือกลวดสองหางหรอื สองเสนเขา ดวยกัน
เพอ่ื เปนหว งหรอื เพื่อใหมีขนาดความยาวเพม่ิ ขึ้นโดยตอ เสรจ็ แลวมีรอยตอไมใ หญโตมากนักไม
เหมอื นกับการตอส้นั ซึ่งมีรอยตอ ใหญเทอะทะมาก
วธิ ีการตอและการเตรียมเครอื่ งมอื
1. ชะโดเหล็ก
2. คอนตมุ
3. สกัด
4. เชอื กปา น
5. ท่ังเหลก็
6 ปากกาแทน
นําเอาเชือกลวดออ นมาสองเสนหรือสองหางนํามาวางสวนทางกนั โดยหางอีกเสนหน่ึงไป
ทางซายแลวนําหางอีกเสนหนึ่งไปทางขวา และใหวัดจากปลายหางเชือกลวดมาทางก่ึงกลางตัวเรา
ใหไดความยาวขางละ 1 เมตร แลวใหทําเครื่องหมายเอาไวที่เสนลวดทั้งสองเสน ตอจากนั้นใหเรา
คลายเกลียวออกจากเกลียวท้ังสองหาง คลายเกลียวออกจนถึงตําแหนงท่ีเราทําเครื่องหมาย
วิชาเครื่องทนุ แรง 25
เอาไว แลวผกู มัดปลายเกลยี วแตละเกลียวดวยเชือกปาน เพ่ือไมใหปลายเกลียวแตละเกลียวแตกออก
ใชเ ชือกปา นพันท้ังสองหางถาเชือก 6 เกลียวกต็ องพันปา นท้ังหมด 12 หาง เพอ่ื กนั คลาย
ตอจากนั้นใหนําปลายเกลียวเชือกลวดทั้งสองหางนํามาประสานกันแบบตอส้ัน คือให
เกลียวลวดเขาประสานกัน เสนเวนเสน ในแตละชองที่ลวดสวนทางกันแลวจับคูใหอยูในลักษณะตี
เกลียวกันท้ัง 6 คู คือหางทางซายจับคูกับหางทางขวา เพราะเชือกลวดออนมีขางละ 6 เกลียว
จับคูได 6 คู เรากําหนดเอาคูหนึ่งใดก็ไดเปนคูท่ีเปดเกลียว เราเปดไปทางซายเราเอาเกลียวทางซาย
เปดออก เอาเกลียวทางขวาที่จับคูแทนลงไปในรองเกลียวท่ีเปดออกจนหมดระยะ เหลือ
หางเกลียวทางขวาไวพอแทงขัดกันได สวนทางขวาก็ทําเชนนี้เหมือนกันเปดเกลียวขวา แลวใช
เกลียวทางซายแทนลงในรองเกลียวท่ีเปดออกจนหมดระยะเหลือหางเกลียวทางซายไวพอขัดแทง
ขัดกันได ทําเชนนี้เหมือนกัน เปดเกลียวซาย-ขวาแทนทั้ง 6 คู สลับกันเปดเกลียวอยูในชองระยะ 1
เมตรตองจับคูใหเวนชองไฟได 5 ชอง เม่อื เปนเชนน้ีแลวท้ัง 6 คู คูละ 2 หาง ซาย-ขวา แตระคู
ผูกมัดกันแบบลักษณะตีเกลียวท้ัง 6 คู โดยเกลียวซายทับเกลียวขวาเอาปลายสอดใตเกลียวขวา
ดงึ ออกใหแ นน แลวทบุ แตง เสรจ็ แลว หางเหลอื เชือกลวดกลางแตล ะคตู องแทงขัดตัวกันแทงออกหนึ่ง
คร้ัง แทงทับเกลียวเขาหาตัวหน่ึงครั้งและแทงออกหนึ่งครั้ง แทงหางละสามคร้ัง หยุดหาง
ซายตองแทงไปทางขวามือซาย แทงเสร็จแลวเราตองสลับเชือกเอาทางซายไวทางขวา เอา
ทางขวาไวทางซาย แลวเราก็ดําเนินการแทงตามแบบครั้งแรก เม่ือเสร็จวิธีการตอหางเชือกลวด
แลว ทุบแตงใหสวยงาม ตอจากนั้นใหตัดปลายเกลียวสวนที่เหลือแทงออกใหหมด มองดูแลวให
เปนเชอื กเสนเดียวกนั เปน อันวาเสรจ็ วธิ ีการตอยาวเชือกลวดออนแตเ พยี งเทา นี้
เชือกลวดแขง็ นยิ มใชวิธีเทหัวลวดโดยใชต ะกัว่ เปน ตวั ประสานใหอยใู นเบา
ทมี หี วงสําเรจ็ ใชเปน ลวดประจําทเ่ี ชน เครนประจําทเ่ี ครือ่ งกวาน เชือกลวดออ นนิยมนํามาถักแทง
เปน หวงที่ใชสาํ หรับยกของตาง ๆ ที่มีนํา้ หนักมาก ๆ ใชแทนเชือก ,โซ
วชิ าเครอื่ งทุนแรง 26
วธิ กี ารถักแทงสลงิ เชือกลวด เพ่อื ยกของ
1. ชะโดเหล็ก
2. คอนตมุ
3. สกดั
4. เชอื กปา น
5. ทง่ั เหล็ก
6. ปากกาแทน
นําเชือกลวดออ นมาทาํ เปนวงตามขนาดทเี่ ราตองการ ใชลวดหรือปานมดั ไวใ ห
แนน โดยใชปากกาแทนเปน ตัวบบี การทาํ หวงน้นั ใหเหลอื ปลายไวส าํ หรับแทงมคี วามยางประมาณ
30-40 ซม. สําหรบั เชอื กลวดขนาด 2-3 น้ิว ถาเชือกลวดมีขนาดใหญก วาน้ีหางเชอื กตองยาวกวาน้ี
แลว แตความถนัดในการถกั แทงของผกู ระทําการถักแทง หรอื เรยี กงายๆวา ตามความเหมาะสม
หรอื พอประมาณ ตอจากนน้ั ใหค ลายเกลยี วเชือกลวดออกจนถึงโคนหวงทเี่ ราผูกมัดไวแ ลว ใชป า น
ผูกกนั เกลยี วเชือกลวดกันแตกเอาไวท ุกเกลยี ว ทั้ง 6 เกลียว แลวแบง เกลยี วใหโคนเกลียวอยูใน
ลักษณะตีเกลยี ว (เขารองเกลียวตามกัน) แบงเกลียวออกตามเสนยนื ขางละสามเกลยี วสามเกลียวอยู
ดานนอกเสนยนื อกี สามเกลยี วอยใู นเสน ยนื หรอื อยูในดานตัวเรา การนับเกลยี วที่จะแทงอันดับแรก
คือ เสน 1 ดา นนอกของซา ยมือเปนอันอบั แรก และนับตอมาตามลาํ ดบั การแทงเกลียวหรอื เจาะรู
เกลยี วอนั ดับแรก เอาปลายชะโดเหล็กจดลงตรงกลางเกลยี วเสนยืน (คือเสน ทีถ่ ูกแทง) ระหวา ง
สามเกลยี วนอกและสามเกลียวใน (ผา ซีกสามเกลียว) ใกลกับจดุ ที่ 1-2 แลวเอาชะโดเหล็กแทง
ลงไปใชค อ นตี ใหเกลียวแยกออกมาสองเกลยี วคู ใหเ กลียวอยหู ลงั ชะโดเหลก็ สองเกลยี วแลว
เอาปลายเกลียวลวดเกลยี วท่หี นึ่งดานนอกซา ยมือแทงสวนชอ งขวามือของชะโดแลว (ดึงเขาหาตวั )
ดึงใหแ นน พรอ มดึงชะโดออก ใชคอนทุบแตงใหเ ขารูปนดิ หนอย ตอไปใหแทงรองเกลยี วระหวาง
เกลียวทีห่ น่ึงและเกลยี วที่สอง หรอื สองเกลียวคนู ั้นเอง เอาปลายเกลยี วท่สี องของเสนนอกแทงสวน
ชะโดชอ งขวามอื ดึงเขา หาตัวเรา และดงึ ทบุ แตงอยา งเดียวกบั เสน ทห่ี นง่ึ ตอจากนั้นใหแ ทงเสนที่
สาม คือขา งเสนท่สี องเม่ือแยกเกลียวออก แลวใหเอาปลายเกลยี วเสนทสี่ ามของเสนนอกเสน ยนื
แทงสวนเขา หาตวั เราเรียงเสน 1-2-3-4-5-6 เมือ่ ครบ 6 เกลียวแลว เทากับหนึ่งรอบ
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 27
และตอไปใหแทงขั้นตอนเสน ทีห่ น่ึงกอน เอาชะโดแทงเกลยี วเสนยนื นอกเกลยี ว
เสน ที่แทงของเสนท่ีหนึง่ แยกเกลยี วออกเอาปลายหางเกลยี วเสนท่ีหนึ่งแทงสวนเขาหาตัว
แลวดึงใหแ นน ทุบแตง ดวยคอนอยา งน้ีเรื่อยไปใหครบทกุ หกเสน แทงจนครบปลายเกลยี วละส่คี รงั้
สามารถนําไปใชง านได ตอจากนัน้ ใหใ ชส กดั ตดั ปลายหางออกทิง้ สวนไสล วดใหตดั ทง้ิ หรอื
แทงฝากไวก บั เสน ทห่ี น่งึ กไ็ ด ใหเหลือปลายหางไว 1 ซม. เพอ่ื กนั รูดออกจากเกลียวในขณะท่ที ําการ
ยกของทีม่ ีน้ําหนกั มาก ๆ
วิชาเครอื่ งทุนแรง 28
วธิ กี ารนาํ เชอื กลวดมาใชงานอยางถกู ตอง
วิธีการคายลวดสลงิ ออกจากขด ที่ผิดวธิ ี วธิ ีการเอาลวดสลงิ ออกจากขด ทถ่ี ูกตอ ง
วิธกี ารคายลวดสลิงออกจากขด ท่ี ผลของการใชล วดสลิงผิดวิธี
วชิ าเคร่อื งทนุ แรง 29
ขอควรระวงั
ในการทาํ งานเกี่ยวกับเชือก และเชอื กลวด
วชิ าเครื่องทุนแรง 30
สรปุ
เราสามารถแบงเชอื กลวดสลงิ ออกเปน 2 ชนิดใหญ ๆ ดวยกนั คือ
1. เชอื กลวดสลิงชนิดทเี่ กลยี ว มีไสเ ปน เชอื ก หรอื ใยสงั เคราะห โดยไสดงั กลา ว ทาํ ดวยเชอื ก
ชุบน้ํามนั เชือกลวดน้ี เรียกวา เชอื กลวดออน มีคุณสมบัตสิ ามารถงอพบั ได และขดไดง า ยใชผ ูก
แทนเชือกได
2. เชอื กลวดสลงิ ชนิดทเี่ กลยี ว มไี สเ ปน ลวด เชอื กลวดดังกลาวนี้ เรยี กวา เชอื กลวดแขง็
มีคุณสมบตั งิ อพบั ไดยาก แตทนกําลงั ดงึ มากเหมาะแกก ารใชง านหนกั หรือใชใ นลกั ษณะงาน
ประจาํ ที่
การใชเชือกลวดดงั กลา วนี้ จะตองระวงั รกั ษาใหม าก เพราะอาจเกิดสนมิ ไดงา ย ทงั้ ยังมี
ราคาสงู ฉะนนั้ เมอื่ เสรจ็ จากการใชงานแตละครงั้ จะตอ งลา งดว ยน้ําจดื แลวใหนําเอาน้าํ มันชโลม
หรือจาระบีชโลมใหท วั่
วิชาเคร่ืองทุน แรง 31
ประเภทท่ี 3. เชือกทท่ี ําจากใยสงั เคราะห
( Man – made fibre )
แบง ออกเปน 5 ชนิด ดว ยกนั คือ
1. เชอื กไนลอน ( Nylon )
2. เชอื กเทอรีลีน ( Tery lene )
3. เชอื กโพลีโปรไพลีน ( Polypropy lene )
4. เชือกโพลเี อททีลีน ( Polyethy lene )
5. สลงิ ออ น ( Soft Sling )
เชอื กใยสังเคราะหชนิดท่ี 1 - 4 ลวนเปนเชอื กทท่ี ําจากสารสังเคราะหท างเคมี โดย
ประเทศองั กฤษเปนผูผลติ และออกจดั จาํ หนา ยเปน ประเทศแรก ในป พ.ศ.2491( ค.ศ.1948 )
ลักษณะของเชอื กทาํ จากใยสงั เคราะหท างเคมี โดยจะมีเสน เลก็ ขนาดเทา ๆกนั และมคี วามยาว
ตลอดเทากบั ความยาวของเสนเชือก นํามาควั่นเปนเกลียวเหมือนเชือกธรรมดาทว่ั ไป ๆ
เชอื กอาจมี 3 – 4 เกลียว หรือเปน แบบถกั เหมือนเชือกสายลอคกไ็ ด แลว แตค วามตองการของ
ผใู ช
ชนดิ ท่ี 5. สลิงออ น ( Soft Sling )
สลงิ ใยสงั เคราะห ( Soft Sling ) เปนสลงิ ท่ีทําจาก
สารโพลีเอสเตอร มีคุณสมบตั ทิ ี่ทนกรด แตไมท นดาง มกี ารใช
งานที่สะดวก เพราะมลี ักษณะการทน่ี าํ ใชง านท้งั ชนิดกลมและ
ชนดิ แบน สามารถทีจ่ ะออ นตวั ไดดี และเม่ือนาํ มาใชง านสามารถผูกมัดแทนเชือกได
อยางสะดวก ทงั้ ยงั ปลอดภัยตอการขูดขดี ของชิน้ งานโดยมีหว งท้ังสองดาน ไมวาจะเปนชนดิ กลม
และชนดิ แบน และมกี ารบอกขนาด น้าํ หนกั ไวทีส่ ลิงทุกเสน อกี ท้ังมรี ูปแบบ สีสนั ทส่ี วยงาม
ตลอดจนเก็บรกั ษางา ย น้าํ หนกั เบา และไมเปลอื งเน้ือทใ่ี นการเก็บ
วชิ าเครื่องทุนแรง 32
คณุ สมบตั ขิ องเชอื กใยสงั เคราะห เม่ือนาํ มาเปรียบเทียบกบั เชือกปานธรรมดา ท่ีมีขนาดของ
เชอื กท่ีเทา ๆ กัน โดยมีคุณสมบตั ดิ งั ตอ ไปน้ี คอื
1. กําลังการยดึ ของเชือก ( Braking Strength and Stretch ) เชือกไนลอนมีกาํ ลงั การยืดตวั
มากเปน 3 เทา ของเชือกปานธรรมดา เชือกเทอรีลีนมีกําลงั การยืดตวั มากเปน 2 เทา ของเชือกปา น
ธรรมดา ( เชือกไนลอนสามารถยืด ( Extend ) ไดประมาณ 45 % ของความยาวเดมิ กอนเชือกขาด
เชอื กเทอรีลีน ยืดไดประมาณ 38 % ของความยาวเดมิ กอนขาด สวนเชือกปานธรรมดา โดยยืดได
ประมาณ 12 – 15 % ของความยาวเดิมกอนขาด )
2. กําลงั งานปลอดภัย ( Safe working load stretch ) เชือกไนลอ นมกี ําลงั งานปลอดภัย
ประมาณ 30 % ของความยาวเดิมของเชอื ก สามารถคนื ตัวกลบั ไดโ ดยเร็ว เชอื กเทอรลี นี มกี ําลังการ
ใชง านปลอดภัย โดยยดื ไดเทา กบั เชอื กมะนลิ า คือประมาณ 15 % ของความยาวเดมิ ของเชอื กและ
สามารถคืนตวั กลับไดโดยเร็ว ดงั น้นั เชอื กใยสังเคราะหจ ึงสามารถรับแรงกระตุก กระชาก ( Shock )
ไดอยางดี โดยเชอื กไมขาดงาย ถา เชือกไนลอ นชมุ นา้ํ เชือกจะมกี าํ ลงั ยืดลงประมาณ 90 – 95
% สําหรับเชือกเทอรีลนี น้นั กําลงั เชอื กจะไมม ีการเปล่ียนแปลง
3. นาํ้ หนักเบากวา เชอื กปานธรรมดา โดยทั่วไป ยกเวน เชอื กกาบมะพรา ว ซึ่งเชือก
ใยสังเคราะหมีคาความถวงจาํ เพาะ ( Specific Gravities ) ดงั น้ี คือ
1. เชอื กไนลอน 1.14
2. เชอื กเทอรีลนี 1.38
3. เชอื กโพลโี ปรไพลีน 0.91
4. เชือกโพลเี อททีลนี 0.95
5. เชือกมะนิลา และอน่ื ๆ 1.5 ( เวนเชือกกาบมะพรา ว )
4. ความทนทานตอ ความรอนไดด ี คอื เชือกไนลอ นละลายท่ีอุณหภูมิ
250 องศาเซลเซยี ส เชือกเทอรลี ีนละลายทอ่ี ณุ หภมู ิ 260 องศาเซลเซยี ส อยางไรก็ตามควรระวงั อยา
ใหเชือกนไี้ ดรบั การเสยี ดสีมากเกนิ ไป เชือกดงั กลา วนี้จะไมมีการเปล่ยี นแปลงหากไดร ับอณุ หภูมิ
ไมเ กนิ 80 องศาเซลเซยี ส มคี วามทนทานตอ สารเคมี จาํ พวกน้ํามนั ดิบ น้ํามันดีเซล น้ํามนั เรอื ตา งๆ
วิชาเครอื่ งทนุ แรง 33
น้าํ มนั กลั่นชนดิ ตา ง ๆ และดางทกุ ชนดิ แตจ ะเสยี หายถา โดนกับสารเคมีจําพวกกรดจงึ ตอ งระวัง
อยาใหถ กู สารเคมีทเ่ี ปน กรด ทง้ั ยงั ทนทานตอ ความช้ืนไดด ี สามารถเก็บไวไดนานแมเชือกเปยกแลว
เก็บเขารนเชือก ก็ไมตอ งกลัวเสียหาย
5. มีความทนทานตอ การใชง านหนกั ๆไดด ี เชน
5.1 เชือกทีรีลนี ใชเปนเชอื กรอก เชือกชักเรอื โบต สําหรับเรือบางชนดิ ไดดี เชน
เรือสํารวจ เรือฟริเกต เรอื พฆิ าต เปน ตน ถา เปนเชอื กเทอรีลีนแบบถกั ใชเ ปนเชือกสญั ญาณธงและ
เชือกลอคไดดี สําหรับเชอื กเทอรลี ีนขนาด 5 นิว้ ใชสําหรับเรือพว งจงู ธรรมดาที่อยตู ามทา เรือ
เพราะคุณสมบตั ขิ องเชอื กสามารถรบั แรงกระตุก หรือการกระชากไดดีกวาเชอื กไนลอน และไมยดื
มากเหมอื นเชอื กไนลอ น
5.2 เชือกไนลอ นขนาดตาง ๆสามารถใชงานไดด สี ําหรบั เปน เชือกผกู เรือ เชอื กพวงจงู
เชอื กรัดเรอื โบต เชอื กรอยเพดาน ทาํ ตาขายสาํ หรับผูกของหนัก ๆ ฯลฯ
สวนเชือกไนลอนขนาด 11 นิว้ ใชเปน เชอื กผกู จูงเรือใหญใ นทะเล คุณสมบตั ขิ องเชือก
สามารถรับแรงกระตกุ กระชาก และการยดื หยุนไดด ี
6. มขี ดี จํากดั ที่ควรระมัดระวังอยา งมาก คือเชือกใยสงั เคราะหจ ะเสยี กาํ ลังไดถาถูกแสงแดด
จดั เปน เวลานาน ๆ ทางทด่ี คี วรเก็บเชอื กใหเรียบรอ ยในทร่ี ม หรือใชผ าคลุมอยเู สมอ เชอื กใย
สงั เคราะหเม่ือครูดกบั ผวิ กวาน พกุ ลกู ตน สนั หรือคมตา ง ๆ ภายใตแ รงดัน เชน เวลาหะเบส
หะเรยี ขณะเทียบเรือ แรงเสียดสีและความรอ นของเชือก อาจทาํ ใหเชอื กเปน รอยครดู ชํา้ หรือ
เกดิ การชํารดุ ไดงา ย และจะทําใหเ ชอื กเสียกาํ ลังยืด เมอื่ ใชง านครั้งตอ ไปควรตองตรวจดูเชอื ก
ใหถถ่ี ว นกอนใชง าน ถาพบรอยครดู ตอ งทําการตัดสว นท่ชี าํ รดุ ท้งิ แลว ตอเชือกสวนทด่ี เี ขาดวยกัน
ใหมเพ่ือใชงานในคร้งั ตอไป
วชิ าเครอ่ื งทุนแรง 34
2. ขอมูลการเปรยี บเทียบขอดี-ขอเสยี ของอปุ กรณทใี่ ชในการยก
วชิ าเครอ่ื งทนุ แรง 35
1. ลวดสลงิ ขอ เสีย
ขอดี 1. แข็ง โคง งอไดล ําบาก
1. ทนความรอน 2. มนี ้ําหนักมาก
2. ยกหรอื รดั ของทมี่ ผี วิ หรือขอบมีคมได 3. ทาํ ความเสียหายใหก ับสิง่ ของท่ีขนยา ย
3. ถา ผลติ ไดมาตรฐานจะมี Safety Factor 6 : 1 4. ผกู รอ นเปนสนิมไดแ ละสกปรก
5. สิน้ เปลืองพ้ืนท่ีในการเกบ็ รักษา
6. อาจทาํ ความเสียหายใหกับพืน้ ที่บริเวณ
ที่เก็บรักษา
7. ไมส ามารถรูอตั ราการรบั น้าํ หนกั ของลวด
แตละเสน ไดอยา งแนน อน
8. เมือ่ ชํารดุ อาจบาดมอื หรือเก่ยี วรางกาย
ผปู ฏบิ ตั ิงานได
9. มีแรงดดี หากขาดระหวางปฏิบตั งิ านอาจทาํ ให
ผปู ฏบิ ตั งิ านมภี ัยถึงชวี ิต
10. เปน สอ่ื ไฟฟาและความรอน
11. ตรวจดูความชํารุดไดล าํ บาก
12. สิ้นเปลอื งเวลาการทาํ งาน เคลือ่ นยายลาํ บาก
13. มปี ฏิกิริยากับสารเคมีประเภทกรอดและดาง
14. มาตรฐานการผลติ ไมแนนอน
15. เม่อื ใชงานแลว จะคดงอไมค ลายตัว
16. ชาํ รดุ แลวไมสามารถซอมแซมได
วชิ าเครอื่ งทนุ แรง 36
2. ซอฟสลงิ (Soft Sling) ขอ เสีย
1. มปี ฏกิ ริ ิยากับดาง
ขอ ดี 2. ไมท นไฟ
1. ทําจากเทเลอรนี มีความออ นตวั และน้ําหนกั เบา
จึงทาํ งานสะดวกในการใช ทํางานไดรวดเรว็
2. สามารถโคงงอไดต ามสภาพส่ิงของทีท่ ําการ
โยกยาย ไมทาํ ใหของเสยี หาย
3. รดั ยกของทีม่ ีขอบหรือผิวมคี ม (โดยใชแ ถบ
หรอื ปลอดปอ งกนั บรเิ วณสัมผสั )
4. รดั หรอื ยกของที่มีความรอ นได (โดยใชแถบ
หรือปลอกปองกนั บรเิ วณสมั ผัส)
5. ไมเ ปนสนิม อายุวัสดุยาวนานไมมีกําหนด
6. นมุ มอื ไมมีแรงดดี และไมเปนสอื่ ไฟฟา
จึงปลอดภัย
7. ผลิตดวยมาตรฐานสูงสุด เช่ือถอื ไดแนนอน
8. มี Safety Factor สูงถงึ 6 : 1
9. มีปายชนิดตดิ ถาวรกาํ กับอตั ราการรับนํ้าหนัก
ทกุ เสน
10. เก็บรักษางา ยไมเ ปลืองเนอ้ื ท่ี
11. ไมทาํ ใหบรเิ วณเก็บวัสดนุ ช้ี ํารุดเสียหาย
12. ซอ มแซมไดใ นบางกรณี
วชิ าเครือ่ งทนุ แรง 37
3. โซ ขอเสยี
ขอดี 1. ผุกรอ นเปนสนิมได สกปรกงาย
2. มนี ้าํ หนักมาก เคล่อื นยา ยลําบาก ส้ินเปลือง
1. ถา ผลิตไดมาตรฐานมี Safety Factor 5 : 1
2. ทนความรอน แรงงาน
3. รัดยกสิง่ ของทม่ี ผี ิวหรอื ขอบท่ีมคี มได 3. ทาํ ความเสยี หายใหกบั สงิ่ ของทขี่ นยา ย
4. สิ้นเปลืองเวลาในการทาํ งาน
5. โคง งอไดแ ตรัดสิง่ ของไมไ ดตามรูปรา งที่
แทจรงิ
6. มาตรฐานการผลิตไมแนนอน
7. ไมส ามารถรถู งึ อตั ราการรบั น้าํ หนกั ของโซ
แตละเสน ไดอ ยา งแนน อน
8. หากขาดระหวา งปฏบิ ตั งิ านทาํ ใหเ กดิ อันตราย
แกผ ูป ฏบิ ัตงิ านจนถึงชวี ิต
9. เกดิ ปฏิกริ ิยากรดและดาง
10. เปนส่อื ไฟฟา และความรอ น
11. แขง็ ไมนมุ มือ
12. ทําความเสยี หายใหกบั พื้นทีบ่ รเิ วณที่
เกบ็ รักษา
13. ตรวจดคู วามชํารุดไดลําบาก
14. ราคาแพง
15. สน้ิ เปลอื งพื้นทใี่ นการเก็บรักษา
วิชาเครอื่ งทุน แรง 38
3. การยกและวิธีการยก
การเตรยี มการในการยกของหนกั
1. สํารวจขอมูล
1.1 ชนิด วัสดุ รปู รา งลักษณะ และขนาด น้ําหนัก
1.2 สถานทีต่ ั้ง เคล่ือนยา ยไปยังทีใ่ ด เคล่ือนยายไปอยางไร และสภาพสงิ่ แวดลอม
ของสถานที่ สถานท่ที ่ีจะตอ งตดิ ตง้ั เคร่ืองมอื ละสงิ่ อํานวยความสะดวกอื่น ๆ
2. การวางแผน
2.1 หาวิธีการในการยกวาจะยกอยา งไร
2.2 ใชกาํ ลงั คนเทาไร
2.3 เคร่ืองมอื และอุปกรณอ ยา งไรบาง
2.4 ยานพาหนะจําเปนตองใชห รือไม
2.5 หนว ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ ง ตองขอรบั การสนับสนนุ หรือไมอยา งไร
2.6 คาดการณถงึ อปุ สรรคทจ่ี ะเกิดและขอขัดของ พรอ มท้ังหาทางแกไขกับปญ หานั้น ๆ
3. จัดกําลงั เจา หนาที่
4. จดั เตรยี มเครือ่ งมอื และอุปกรณ
5. การติดตอ ประสานงาน
วชิ าเครอื่ งทุนแรง 39
หลกั การยกวตั ถุ
1. ตองทราบจํานวนน้าํ หนกั ของสิง่ ของ
2. เลอื กวิธีการในการท่ีจะใชส ลงิ แตละประเภทใหถ ูกตอง
3. พิจารณามุมท่ีตองสูญเสียแรงดงึ ของสลงิ ไป
4. เลอื กอปุ กรณใ นการชวยยกที่เหมาะสม
5. ยดึ อปุ กรณชวยยกตามความเหมาะสม
ก. หาศูนยถวงของสงิ่ ของใหถ ูกตอง
ข. ปองกันสง่ิ ของจากการหมุน
ค. ปองกันตะขอหรือสงิ่ ของล่นื ไถล
ง. เก็บรกั ษาสว นตา ง ๆ ของสงิ่ ทีต่ อ งการยก ไมใ หหลนไหลออกมา
6. เคลยี รพ ้นื ทที่ ี่จะยกของใหปลอดภยั
7. การหิว้ ตอ งตรวจสอบกอ นท่จี ะยกออกไป
8. ระวงั การหลน ของสิง่ ของอาจหลน ไดท ุกเวลา
9. หามลากอุปกรณช วยยกไปตามพ้นื ท่ี
10. สังเกตนํ้าหนักท่ปี ลอดภยั อยาใหเกนิ พิกัด
วชิ าเครื่องทนุ แรง 40
การผกู เงอ่ื นชนดิ ตาง ๆ และการใชประโยชน
โดยแบงออกไดเปน 21 เงอื่ น ดังนคี้ ือ
1.การผกู หักคอชนั้ เดยี วและสองช้ัน ใชผ ูกกบั “ เสา ”
ขอหว ง เพือ่ ตง ไวช่ัวคราว แกไดง า ย และมกั นําไปผกู ประกอบเง่ือน
อื่น ๆ ( ตง หมายถงึ การใชเ ชอื กผูกมัดกบั เสา หรอื ขอหวงเปนการ
ช่ัวคราว โดย เงือ่ นท่ผี ูกนั้นจะไมแนน ถาวร )
2. การผูกเจก ใหผกู ปลายเชือกเขากับเสาหลัก ทอนไมหรอื ตนไมแก
งาย รดู ออกไดงาย ผกู ของบรรจุกระสอบ เชน ขาวสาร
3. การผูกเจก ลากซุง สาํ หรับผกู ดึงและลากของหนกั ตามแนวราบ เชน
เสาซงุ วธิ ีน้ีเชอื กไมสามารถรูดออกได ย่งิ ดึงยิ่งแนน
4. การผกู ตะกรดุ เบด็ ช้นั เดยี วและสองชนั้ ใชใ นการผูกเชือกเล็กเขา
กับเชอื กใหญ โดยปลอยปลายหางไวใชป ระโยชนอ ยางอ่ืน ใชผูก
เขากับเสากลม หรือเสาเหล่ียมไมใ หร ูดออกไดง ายแนน และ
มนั่ คง ใชผูกของชักขึ้น ลง ในเวลารบี ดวน
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 41
5. การผูกตะกรดุ เบด็ กลนื
1. ชนั้ เดยี ว ใชผกู กบั ของทเ่ี ปน หว ง เชน สมอ โยธะกา สาํ หรบั
เรอื เลก็
2. สองชน้ั ใชเ หมือนกบั ชนั้ เดียว แตใชส ําหรับเรอื ใหญเพราะ
แนน และม่ันคงกวา
6. การผูกรสั โต ใชในการผกู ของกลมหรอื แบน เชน เสา กระดาน
เพือ่ ยก ข้ึน – ลง หรือผูกเชือกสาํ หรบั ชกั ใบ
7. การผูกกะ
1. ชั้นเดยี ว ใชผ ูกของท่ีรูดไปมาได หรอื กบั ของท่ีไมร ูดออกงาย
แบบนี้ใชงานไดม าก เชน ผกู เรอื กับหว ง เสา หรือเหลก็ ตอเชอื ก
สองเสนเขาดวยกัน ผกู ใหคนนั่งลงไปทํางานขางเรือ
2. สองชนั้ เปนการผูกเชอื กเปลา ๆ ใหคนน่งั หรอื โหนตงั ลงไป
ทํางาน เชน ดูแนวน้าํ ทํางานขา งเรอื เปนตน
3. กะบวง หรอื หว ง ใชผกู เปนเง่ือนรูดเขา กับส่งิ ท่ีผกู ไดด ว ยบว ง
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 42
8. การผกู สอดสรอ ย ใชใ นการตอ เชือกชั่วคราว หรอื ถักตาขา ย
9. การผกู เลขแปด ใชผกู หารเชือกใหเปนปม เชนผูกรอยรอก เพอื่ มิให
หลดุ จากรูรอ ย
10. การผูกยายแก ใชในงานตอ เรือเพ่อื ตอ งการกําลงั ดงึ มาก
11. การผูกรน สําหรบั เชือกท่ียาวใหส่นั เขา
วชิ าเครื่องทนุ แรง 43
12. การผูกตราสงั ข ผกู ของทีเ่ ปนหอ หรือมวน เชน ผา ใบ
13. การผกู สมาธหิ วง
1. ชั้นเดยี ว ผูกของทเี่ ปน หวง เชน หว งธง
2. สองชน้ั ผูกเชนเดยี วกับช้ันเดยี ว แตแนน กวา
14. การผกู ถังตั้ง ใชผ กู ของทค่ี ลา ยถงั เพือ่ ยก หรอื หยอ น
15. การผกู กะ สาํ หรบั ตอ เชือกใหแ นน และแกงาย
วชิ าเครื่องทุนแรง 44
16. การผูกตอ หกั คอ ใชต อเชือกใหญ แลว นาํ หางเชือกผูกหนีบเสยี
แตตองใหแกง าย
17. การผกู กระดานชลุ ี ใชผ กู กระดานหอยหยอ นขา งเรือ เพ่อื นัง่ ทาสี
เคาะสนมิ และอ่ืน ๆ
18. การผกู บาระตกู บั ไม ใชผกู ไมส องอันประกบไขวกนั ใหแ นน ใน
ทางมมุ ฉาก
19. การผูกหกั ขอ ใชผูกเชือกกับขอทั้งช้นั เดยี ว และสองช้ัน
วชิ าเคร่อื งทุนแรง 45
20. การผกู ขดั สมาธิขอ ใชผูกเชือกกับขอ
21. การผูกกะสองหวง ใชผกู ดว ยปลายเชือกขางเดียว วิธีผูกเชนเดียว
กบั การผูกกะธรรมดา แต รอ ยปลายเชอื กออกมาทําเปนหวงอีก
1 อนั แลว จงึ รอยกลับเขาไปแบบผูกกะ เมอื่ ผกู เสร็จแลวจะเปน
หว งสองหว ง การผูกท่ีถูกตอง เชือกเสนบนเม่ือลองดึงจะรดู ไมไ ด
ยง่ิ ดงึ ยง่ิ แนน
ประโยชน ใหค นเขาไปนัง่ โดยใหห วงลางอยูใตก น หวง
บนรดั อยูใตร ักแร ( แตหวงหวงท้ังสองใหพ อเหมาะกบั รูปรา ง )
โดยใหปมเงอื่ นอยตู รงหนาอกพอดี สําหรบั ใหคนนัง่ ออกไป
ทํางานนอกเรอื เชน เคาะสนมิ แกเชอื กทุนสมอท่พี ันหวั สมอ โดย
ทป่ี ลายเชือกอกี ขางหน่ึงตงไวกบั ทม่ี ัน่ คงขา งบน
วิชาเครื่องทุนแรง 46
วธิ กี ารใช และการเก็บรกั ษาเชอื ก
การเกบ็
รกั ษา
เชือก 1.เชือกทีไ่ มไดใชงาน เม่ือนาํ มาเก็บไวในหอ งเชอื กนาน ๆ อากาศอาจ
ทําใหเ ชอื กผุ เสือ่ มคุณสมบัติได หรืออาจถกู แมลงทาํ ลาย จึงควรทาํ
ความสะอาดเสียบาง
2. เชือกทน่ี าํ มาใชง านควรจะตอ งรักษา เพอ่ื ใหคงทน ดงั นี้
- ระวงั อยาใชเ ชือกในท่ีซง่ึ เปย กนํา้ แฉะ
- ถาใชเชอื กแชน้ําไวนาน ๆ หรอื ถูกนํ้าเค็มอยูเสมอ เมื่อเลกิ ใชง านแลว ตอ ง ลางดวยนํ้าจืดใหส ะอาด
และทาํ การพึ่งตากแดดใหแ หง
- ระวงั อยาใหเชอื กครูด หรือถกู กับวตั ถุทเ่ี ปน ของแขง็ ๆ เกลียวเชือกจะสึก หรอื ฉีกขาดได
- เชอื กบางชนิด เชน เชอื กปอ ถาใหเปย กนา้ํ บาง จะมกี าํ ลังดกี อ นใชงาน และ ถา ไมชุบนํา้ กอ นการ
ใชง านอาจทําใหเ กิดการขาดไดงาย
- เชอื กที่ขมวดเปนปมไมค วรใชยกของหนกั หรือใชใ นการเหนียวรง้ั
- หางเชอื กตองผูกมัด หรอื ถกั แทงอยเู สมอ เพือ่ ไมใหเ กลยี วของเชอื กคลาย
- อยาใชเชอื กในกรณีที่จะตองทําใหเชือกคลายเกลียว
- อยาใชเชอื กเหน่ยี ว รั้ง ยกของหนกั มาก จนเกนิ กําลังเชอื ก
- ถาตอ งการใชงานเกีย่ วกับการดงึ กระตุก ควรใชเชือกเสน ใหญ
- เชือกลวดที่เคลือบสังกะสี เมอื่ ใชงานเสรจ็ แลวควรลางดว ยนํ้าจืด แลวเช็ดใหแหง พอมทง้ั ชโลม
จาระบใี หทัว่
- เชือกลวดเกา ท่เี ปน สนิม ตองทําความสะอาดดว ยแปรงลวด แลว ชโลมดวย น้ํามันกนั สนมิ
- เชือกปา นทุกชนดิ เมอ่ื ถูกนาํ้ จะหดตวั และเมอ่ื มีอุณหภมู ทิ ี่ไมค งที่ เชน เมื่อมคี วามช้นื อากาศเยน็
ฝนตกในเวลากลางคนื ตอ งคอยหยอ นเชอื กอยูเสมอมิฉะนนั้ เชือกจะหดตวั และจะทําใหเ ชือก
ขาดได เชน เชอื กท่ีใชก บั ธง เชือกรั้งเพดาน เปน ตน
วิชาเครอื่ งทุนแรง 47
กฎของความปลอดภยั
กอ นทจ่ี ะทํางานทเ่ี กยี่ วกบั เชือก หรอื ลวด ควรทีจ่ ะตองรกู ฎแหงความปลอดภยั ดังน้ี คอื
1. ใหม องดเู สนเชือกหรือลวด และพจิ ารณาวา สว นไหนเปนปลายเชอื กตง เมอื่ ขออยูในรน
สวนไหนเปนสว นดงึ สว นไหนเปนสวนโคงหรือขด
2. ตองไมยืนใกลว งเชือก – ลวด หรือขดเชือก – ขดลวด
3. อยา อยูใกลเชือก – ลวด ทร่ี อ ยผา นเขากวา น เพราะถารอกขาด เชือกลวดจะดดี ได
4. อยายืนอยูดา นลา ง ขณะทีเ่ ชือกอยูดา นบน ถาดงึ เชือก หรือลวดมาจากขา งบนควรออกเสยี ง
ใหผ ูอยูบ ริเวณนัน้ ออกไป
5. อยาอยูใกลของทก่ี ําลงั ยกอยู เชือกอาจจะขาดของจะทับทําใหเ กิดอนั ตรายได
6. ใหร ะวังบริเวณทเี่ ชอื กหรือลวดรดู หรือเสยี ดสกี ับเหลก็ อาจจะขาดหรอื ฟาดมาดดี เปน
อันตรายได
7. เชือกที่ผกู ตง เมื่อถกู น้ําฝน นํ้า หรือนา้ํ คาง อาจทําใหเชอื กตึงหรือขาดได
วชิ าเคร่ืองทนุ แรง 48
คําแนะนาํ เพอ่ื ความปลอดภัย สําหรับการใชสลิง
1. อยาใชสลิงยกส่งิ ของทีม่ นี า้ํ หนกั ทพ่ี ิกดั เกินกวาทส่ี ลงิ กําหนด
2. อยา นาํ สลงิ ท่ีชาํ รุดมาใชงาน
3. วางตาํ แหนงการผูกรดั สลงิ เพ่อื การยกใหถกู ตอง เม่ือยกขึ้นแลวตองไมม ีการลิน่ ไหลของสลงิ
4. ถาผิวของสลิงตองสัมผสั กบั ขอบของส่ิงของท่มี ีคม ขณะท่ที าํ การยกควรใชปลอกสลิงสวม
บริเวณนนั้ เพือ่ ปอ งกนั การเสียหายที่อาจเกิดขนึ้ กับสลิง
5. วางตาํ แหนง การผูกรดั สลงิ เพอ่ื การยกท่ถี ูกตอ ง และตองแนใจวาเมือ่ ใชเ สร็จแลว สามารถ
ปลดสลงิ ออกไดโ ดยงาย
6. ถาตอ งการรว มกบั ตะขอ ( Smooth – rounded hook ) ตะขอนนั้ ควรมีรัศมภี ายในไมน อยกวา
2 นวิ้
7. พยามหลกี เล่ียงการคลองสลิงมากกวาหนึ่งเสน ในตะขอเดียวกัน
8. หลีกเลีย่ งการเกบ็ รักษา และการใชง านสลิงกบั สารเคมภี ณั ฑ ทีม่ ีสภาพเปน ดา ง หากจําเปน
ควรสอบถามทางผูผลิตเสยี กอน
9. เมื่อตอ งการยกสิ่งของทม่ี นี ํา้ หนักมาก ดว ยสลงิ มากกวา 1 เสน น้ําหนกั รวมของสง่ิ ของน้ัน
อาจจะกระจดั กระจาย ในสลงิ แตละเสนไมเทากนั
10. การสน่ั สะเทือนระหวา งการขนสง อาจทาํ ใหเ กิดการเสยี ดสีระหวางสงิ่ ของกบั สลิงทผ่ี กู รดั
ควรใชป ลอกสลิงปอ งกนั บรเิ วณท่ีเปบขอบซงึ่ สมั ผสั กบั สลงิ
ตัวอยาง การใชง าน SpanSet ในลกั ษณะตาง ๆ