วิชาเครื่องทุนแรง 98
6. ความสําคญั ของการขนถายวัสดุ
การดาํ เนนิ การของกิจกรรมอุตสาหกรรม หากมองไปถึงระบบการผลิตจะพบวา มีหนาทข่ี อง
กิจกรรมการผลิตท่ีสําคัญอยู 3 ประการคอื
1. หนาทดี่ านการทํางาน ทพ่ี ยายามคิดหาวธิ ีการตาง ๆ เพือ่ ใหไ ดม าซึ่งขบวนการผลติ ที่มี
ประสิทธิภาพ
2. หนา ทด่ี านการขนถา ยวสั ดุ เพอื่ ทาํ การเคลื่อนยายวัสดใุ นขบวนการผลิต หรือระหวาง
เครอื่ งจักหรอื ระหวา งกจิ กรรมตาง ๆ ใหเ ปน ไปอยางมีประสิทธภิ าพ
3. หนาทด่ี า นการควบคุม เพื่อเปน การควบคุมการดาํ เนนิ การในหนาที่ของขอ 1 และ ขอ 2
ทํางานอยางสอดคลอ งกนั ซ่ึงอาจใหดําเนินกันอยางอสิ ระตอกันหรอื รวมกันอยางเปน
วัฏจกั ร
ในทนี่ มี้ งุ เนน เฉพาะหนาทด่ี านการขนถายวสั ดเุ ทาน้ัน ดงั ไดกลา วแลว วา การขนถายวัสดุเปน
สวนสําคัญของอุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมบางประเภทมีระบบการขนถายวัสดุมากกกวา
รอยละ 50 จะเห็นวาคาใชจายสวนใหญจะอยูในหนาที่น้ี ท่ีสําคัญก็คือ หนาที่ดานการขนถายวัสดุก็
จะมีความสัมพันธโดยตรงกับผลผลิตที่ออกมา จึงทําใหการขนถายมีบทบาทไมนอยตอหนทางการ
เพิ่มผลผลติ
วิชาเครือ่ งทุนแรง 99
7. กิจกรรมและพนื้ ทที่ ่ีนาสนใจของการขนถา ยวสั ดุ
ในระบบขนถายวัสดุ ยังมีกิจกรรมตาง ๆ ท่ีเกี่ยวของหลายประการ ซ่ึงผูออกแบบและวางผัง
โรงงานควรคํานึงถึง ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและสงเสริมใหระบบมีประสิทธิภาพสูงข้ึน กิจกรรม
ดงั กลาวไดแก
1. วธิ ีการขนถายวสั ดุ
2. วธิ กี ารเกบ็ วัสด-ุ สินคาในคลัง
3. เทคนิคการเอาของขน้ึ และลงจากเคร่อื งกลขนถา ย
4. วธิ กี ารบรรจหุ ีบหอ ไปขายลกู คา
5. วธิ ีการบรรจหุ บี หอเพ่อื การขนสงและปอ งกนั สินคา
6. การทดสอบผลของการบรรจุหีบหอ
7. มาตรฐานและคณุ ลกั ษณะเฉพาะของการขนถายวัสดุ
8. การศกึ ษาความเปน ไปไดข องการใชเ ครือ่ งกลขนถา ย
9. การเลอื กเครอื่ งกลขนถายทสี่ ามารถใชไ ดทงั้ การขนถายและการเกบ็ ในคลงั
10. การเลอื กอปุ กรณช ว ยสําหรับงานขนถา ย
11. ภาชนะใสข องสําหรบั ใชใ นโรงงาน ใชเก็บในคลงั ใชใ นการบรรจุหบี หอ และใชใ นการ
สง ออกไปจาํ หนา ย
12. การซอ มและบาํ รุงรักษาอปุ กรณก ารขนถา ยวัสดุ
13. ความปลอดภยั ในการขนถา ยของคนและสนิ คา
14. การฝกอบรมบุคลากรท่ีทาํ งานขนถาย
15. การศึกษาคาใชจายดานการขนถายวัดสุ และวธิ กี ารควบคุม
16. ควรมขี อมูลทท่ี นั สมัยในเร่อื งเก่ยี วกบั เครื่องกลขนถายและแนวทางปฏิบตั ิ
หากไดทาํ การวิเคราะหถ ึงกจิ กรรมการขนถายวัสดุดงั กลา ว จะทําใหมองเหน็ ภาพกวา ง ๆ ทง้ั
ระหวางและมองเห็นกลไกลการพฒั นาและปรบั ปรุงกจิ กรรมเหลา นั้น เพ่อื ใหไ ดมาซง่ึ
ผลผลิตท่เี พิ่มขึ้น
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 100
นอกจากจะใหความสนใจกิจกรรมตาง ๆ ของการขนถายวัสดุแลว ผูวางแผนผังโรงงานควร
ไดพ จิ ารณาถงึ พนื้ ตา ง ๆ ทเี่ กยี่ วของกับการขนถายวัสดุดวย ทั้งน้ี เพื่อจะไดดําเนินการวางผังโรงงาน
ใหส อดคลอ งกับระบบการขนถายวสั ดุ พนื้ ทเี่ หลาน้ันไดแก
1. พ้นื ท่ีทําการบรรจหุ บี หอ
2. พ้ืนที่เอาของขนึ้ รถบรรทุกของแผนกสง ของ
3. ระบบการขนสงของผสู ง ของ
4. พื้นทข่ี องกจิ กรรมการเอาของลง
5. พน้ื ท่ที ํางานดานการตรวจรบั ของ
6. คลังวสั ดุ-สินคา
7. จํานวนวสั ดทุ จ่ี ะสงไปยังฝา ยผลิต
8. พืน้ ทสี่ ําหรับเปน ท่ีพักของในขบวนการผลิต
9. พื้นท่ีการขนถา ยวัสดใุ นขบวนการผลติ
10. พ้นื ท่ีทํางานดา นการขนถา ย
11. พนื้ ทีก่ ารขนถา ยวัสดุระหวางแผนก
12. พืน้ ท่กี ารขนถายวสั ดภุ ายในแผนก
13. พ้ืนที่การขนถายวัสดรุ ะหวางโรงงาน
14. ความสัมพนั ธของการขนถายวัสดุ กบั หนว ยงานสนับสนนุ
15. แผนกบรรจหุ ีบหอ (ผบู ริโภค)
16. คลังสนิ คา สําเร็จรปู
17. แผนกบรรจุสนิ คา (ปอ งกันสินคา )
18. การเอาของขึน้ และการสงออก
19. ระบบการขนสงไปยังลูกคา
20. ระบบการขนสงภายในโรงงาน
21. ความสมั พันธด า นการเก็บขอ มูล
วิชาเครอื่ งทุนแรง 101
8. สมการการขนถา ยวสั ดุ
ปญ หาดา นการขนถา ยวัสดแุ มจ ะเปนเรื่องท่มี ีบทบาท และสําคัญตออตุ สาหกรรม ซง่ึ ใน
ทศั นะของผเู ขียนถอื วาเปนเรอ่ื งธรรมดาทั้งนี้ เนอ่ื งจากเราไมอ าจหลกี หนีปญหาเหลาน้ีไปไดเ ลยแตก ็
พยายามหาแนวทางเพอ่ื การกาํ จดั หรอื ลดปญหาเหลา น้ันใหเหลือนอยทสี่ ดุ แนวความคิดประการ
หน่ึงทจ่ี ะชว ยใหเ ขาใจ และวเิ คราะหปญ หาดา นการขนถายวัสดุ กค็ ือ สมการการขนถา ยวสั ดุ ซึง่ จะ
ทาํ ใหมองเห็นภาพพจนทั้งระบบไดเ ชน เจนย่งิ ขน้ึ สมการน้ี มคี าํ ถามทสี่ ําคัญ 6 คําถาม เพือ่ หาคําตอบ
ของปญหาการขนถายวสั ดเุ ร่มิ ดวยคาํ ถามแรกท่ีวา “ทาํ ไปทําไม” เพื่อใหม องหาวา เปนปญหาทเ่ี กดิ
ขน้ึ เอง มากนอ ยแคไ หน จําเปนตอ งแกไ ขหรอื ไม จากนนั้ ก็เปนคําถามท่วี า “อะไร” วสั ดหุ รอื รายการ
อะไรทเ่ี กี่ยวขอ งกับการเคล่อื นยาย ตอ มาผูว ิเคราะหพิจารณาถึงคาํ ถามท่ีวา “ที่ไหน” และ “เมอ่ื ไร”
หากจะกลา วใหชัดลงไปก็คือเปน เรื่องของการเคล่ือนที่ (ขนไปท่ีไหน และขนเมือ่ ไร) และสดุ ทา ย
ตองพิจารณาวา “อยา งไร” และใคร น่ันก็หมายถึงวชิ าการวาจะขนไดอยางไร และใครเปนผขู นถาย
น่ันก็คือ เราสามารถแบงการพิจารณาหรือวิเคราะหปญหาท่ีเกี่ยวของกับการขนถายวัสดุ
ออกเปน 3 ขั้นตอน คือ
1. วัสดุ
2. การเคลอื่ นท่ี
3. วธิ กี าร
วิชาเครือ่ งทุนแรง 102
9. ประเภทของเคร่ืองกลขนถายวสั ดุ
จุดมุงหมายของเครื่องกลขนถายวัสดุ ก็เพ่ือการเคล่ือนท่ี การเก็บรักษาและการบรรจุหีบหอ
การเลือกประเภทของเครื่องกลขนถายตองสอดคลองกับผังโรงงาน ซ่ึงอาจจําแนกประเภทของ
เครือ่ งกลขนถายใหอยูในกลุมหลัก ตามเปา หมายของผงั โรงงานเปน ดังนี้
กลุม หลัก กลุมยอ ย
1. เสน ทางตายตวั 1. เครือ่ งลาํ เลยี ง รอกยก ลฟิ ท
2. จํากัดพ้นื ท่ี 2. เครน
3. ไมจ าํ กดั พืน้ ที่ 3. เทรคเตอร รถบรรทกุ รถไฟ เครื่องบนิ เรือ
จะเห็นไดวา การแบงประเภทของเคร่ืองกลขนถายโดยการกําหนดลักษณะการทํางานตาม
กลุมหลักน้ันจะเปนการกําหนดกรอบอยางกวาง ๆ ทั้งน้ีเพ่ือใหการวิเคราะหเกี่ยวกับการขนถายวัสดุ
เปนระบบย่ิงขึ้น กลุมหลักดังกลาวจะสัมพันธกับการวางผังโรงงาน และกลุมยอยสามารถท่ีจะ
พัฒนา และปรับปรุงใหมีคุณลักษณะเฉพาะ และสามารถนํามาประโยชนใชงานตามกลุมหลักไดอีก
มากมาย
เพื่อใหมองเห็นภาพพจนและคุณลักษณะของเคร่ืองกลขนถายวัสดุใหเห็นเดนชัดขึ้น จึงได
แบง ประเภทของเคร่อื งกลขนถายเปน ดังนี้
1. แบง ตามชนดิ ของอุปกรณ
2. แบง ตามระบบการทํางานของอุปกรณ
3. แบง ตามลกั ษณะการเคลื่อนของอปุ กรณ
วิชาเคร่ืองทุนแรง 103
1. แบงตามชนดิ ของอปุ กรณ
สมาคมการขนถายวัสดุของอเมริกา (American Material Handing Society) ไดแบงเครื่องกล
ขนถายตามชนิดของอุปกรณเ ปนดงั นี้
1. เครื่องลําเลยี ง
2. เครน ลฟิ ท และเคร่อื งยก
3. เครื่องกําหนดตําแหนง เครอื่ งกาํ หนดน้าํ หนกั และอุปกรณค วบคุม
4. ยวดยานในโรงงานอุตสาหกรรม
5. รถยนต รถบรรทุก
6. รถไฟ
7. เรือ
8. เครอื่ งบิน
9. คอนเทนเนอร และตัวรองรับ
วิชาเคร่อื งทุนแรง 104
วิชาเครอื่ งทุนแรง 105
2. แบงตามระบบการทาํ งานของอุปกรณ
1. ระบบการขนสง (Transportation System)
2. ระบบการยกขึน้ ลง (Elevating System)
3. ระบบการลาํ เลียง (Conveying System)
4. ระบบการยกยา ย (Transfering System)
5. ระบบการยกขนดวยตัวเอง (Self Loading)
การแบงประเภทเคร่ืองกลขนถายตามระบบการทํางานของอุปกรณ ซ่ึงสัมพันธกับลักษณะ
เสน ทางการเคล่อื นที่ เสนทางการขนถาย และชนิดของการเคลื่อนท่ี เคร่ืองกลขนถายแตละประเภท
มคี วามสมั พนั ธแลวเหมาะสมกบั การเคล่ือนแตล ะรูปแบบแตกตา งกัน
วิชาเครื่องทุนแรง 106
3. แบบตามลักษณะการเคลือ่ นท่ีของอุปกรณ
เคร่ืองกลขนถายวสั ดสุ ามารถจัดแบงออกเปนประเภทตา ง ๆ โดยอาศยั ลกั ษณะการ
เคลื่อนทใ่ี นรปู แบบตาง ๆ ดังน้ี
1. การเคล่อื นทแี่ บบตอ เน่ือง (Continuous movement) เปน การเคลอ่ื นที่ของอุปกรณ
ลําเลียงประเภทตา ง ๆ ทัง้ มพี ลงั ขบั เคลื่อนหรอื ไมก ไ็ ด ไดแก เคร่อื งลําเลียง กระดานลนื่ เคร่ือง
สั่นสะเทอื น เปน ตน
2. การเคลื่อนท่ีแบบไมต อเนือ่ ง (Discontinuous movement) เปน การเคลือ่ นท่ีของ
อุปกรณแ บบเคล่อื น ๆ หยดุ ๆ ทงั้ ในแนวนอน แนวดิง่ แนวเอียงข้นึ และลง ดงั เชน ลฟิ ท ยาน
ยนต สามารถเคล่ือนท่ีไดต ามแนวทก่ี ําหนดหรอื เคลื่อนทีไ่ ดอ ิสระทั้งจํากดั ในพน้ื ที่หรอื ไมกไ็ ด
3. การเคลือ่ นทแี่ บบพลังตา งศักดิ์ (Potential movement) เชน ไซโล ยุง ถัง ซ่ึงตดิ ตง้ั
ในทส่ี งู วัดสุที่เกบ็ ในไซโลอาจเปน พวกขา วโพด ขา วเปลอื ก ถว่ั เขียว อาหารสตั ว สามารถเคล่ือน
ตวั ไหลลงมาได โดยอาศยั พลังตา งศกั ดิ์
10. องคป ระกอบสําคญั ของการเคลือ่ นที่ในการขนถา ยวสั ดุ
ในการคิดออกแบบสรางหรือเลือกใชเคร่ืองกลขนถาย สิ่งท่ีควรคํานึงถึงก็คือ องคประกอบ
การเคล่อื นทใ่ี นการขนถายวัสดุ ซึง่ ประกอบดวย
1. ลกั ษณะเสนทางการเคลื่อนท่ี ตองพิจารณาลักษณะการเคล่ือนที่โดยมองภาพดานขาง และ
ดานบนหรือภาพในแนวระนาบ กลาวคือ หากมองการเคลื่อนท่ีในภาพดานขางจะเห็นการเคล่ือนที่
ในแนวนอน แนวต้งั แนวเอยี งขึน้ และเอียงลง ขณะเดยี วกนั การเคลอ่ื นท่เี มอ่ื มองภาพในแนว
ระนาบ จะเห็นเปน เสนทางตรง และทางโคง
2. เสนทางการเคล่อื นที่ เปนการพิจารณาการ
วิชาเครือ่ งทุนแรง 107
เคลอ่ื นทต่ี ามเสนทางในลักษณะท่ีวา การเคล่อื น
บนเสนทางอิสระหรอื เสน ทางตายตวั เชน วา
อุตสาหกรรมการรถไฟ ลักษณะเสน ทางการเคล่ือนท่ี
เปนแบบตายตวั หรอื จํากัดเสน ทางคงที่ รถไฟจะ
เคลอื่ นทน่ี อกเหนือเสนทางดังกลาวไมได ดงั นัน้ การขนถายวัสดุก็ตองเคลือ่ นท่ผี า นเฉพาะบนเสน
ทางเสน น้นั เม่อื เปรยี บเทียบกับการเคลอ่ื นท่ขี องผลผลติ ภัณฑหรอื วสั ดใุ นโรงงาน โดยใชรถเข็น
ซึ่งการเคลอื่ นท่ีควบคุมโดยพนักงานเข็น เขน็ ไปตามเสน ทางตาง ๆ แลแ ตจดุ ปลายทางวาอยูที่ใดโดย
ทสี่ ามารถเลอื กเสนทางได แมว าในโรงงานมขี อจํากัดในเชิงปฏิบัติหลายอยา ง เชน ตําแหนงท่ีต้ัง
เครื่องจกั รตา ง ๆ ตาํ แหนง เสาอาคารโรงงาน หรอื แนวเครือ่ งจักเปน ตัวกดี ขวางกต็ าม
3. ชนิดของการเคล่ือนที่ โดยท่ัวไปแลวการเคล่ือนที่แบงออกเปน 3 ชนิด คือ การเคลื่อนท่ี
แบบตอเน่ือง เปนการเคลื่อนท่ีแบบวัฎจักรที่เคล่ือนที่เคลื่อนวนไปเรื่อย ๆ อยางไมมีท่ีส้ินสุด
เหมือนกบั กลไกการทํางานของเคร่อื งจกั ร แตไมจําเปนตองเคลื่อนทเี่ ปนแบบวงกลม ทัง้ นี้ขึ้นอยูกับ
รูปแบบของเสนทางโดยท่ีหมุนวนไปเรื่องอยางตอเน่ือง แบบท่ี 2 ก็คือ การเคล่ือนท่ีแบบเคล่ือน ๆ
หยุด ๆ คุณลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบนี้คือสามารถท่ีจะหยุดและไปไดตามตองการไมวาเสนทางการ
เคล่ือนท่ีเปนรูปแบบใดก็ตาม ดังเชนเครื่องลําเลียงแบบตาง ๆ แบบที่ 3 การเคล่ือนท่ีแบบกลับไป
กลับมา โดยใชเสนทางคงที่ตายตัวเชนกัน ดังเชน ลิฟทประเภทตาง ๆ เปนการเคล่ือนท่ีในแนวต้ัง
ระหวางจุด 2 จุด สามารถเคล่ือนท่ีไดอิสระระหวางชั้นของอาคารข้ึนและลงไดตามความตองการ
และยงั สามารถเคลือ่ นทแ่ี บบเคลื่อน ๆ หยุด ๆ ไดด ว ย
วิชาเคร่อื งทุนแรง 108
จากองคประกอบสําคัญของการเคลื่อนที่ในการขนถายวัสดุ ท้ังลักษณะการเคล่ือนท่ี
เสนทางการเคลื่อนที่ และชนิดของการเคล่ือนที่ องคประกอบหลักเหลานี้จะนํามาพิจารณาเพื่อ
สรางเปนเคร่ืองกลไกขนถายประเภทตาง ๆ ท่ีไดจัดแบงตาระบบการทํางานของอุปกรณ ซึ่งจะ
อธบิ ายพรอ มยกตัวอยางประกอบดงั นี้
การขนสง เปนเครือ่ งกลขนถา ยในลกั ษณะที่การเคลอ่ื นทจี่ ะอาศยั ตัวขับหรอื ไมกไ็ ด การ
(Transporting) ขนถายวสั ดุ-สินคา จะเคลอ่ื นยา ยในแนวนอน ไปบนเสน ทางตรงหรือทางโคง ก็
ได มีการเปลย่ี นทิศทางได การเคล่ือนทเ่ี ปน แบบเคลอื่ น ๆ หยดุ ๆ
การยกขนึ้ -ลง เปน เคร่ืองกลขนถายในลักษณะที่ใชร ะบบกลไกสาํ หรับการยกขอ งขึ้น-ลง ตาม
(Elevating) แนวดงิ่ หรอื ในแนวเอียง ลกั ษณะการเคล่ือนทจ่ี ะเปนแบบตอเน่ือง หรือเคลอ่ื น
ไปแลว หยดุ แลว กลบั มาใหม ดังเชน ลฟิ ท รอกชนดิ ตาง ๆ
การลําเลยี ง เปน เครื่องกลขนถายในลกั ษณะที่ใชพ ลงั ขับเคล่อื นจากเครอ่ื งจกั ร หรืออาจ
(Conveying) เคลือ่ นทีโ่ ดยอาศัยแรงโนมถวงของโลกเขาชว ย การเคล่อื นทีเ่ คลือ่ นไดทงั้
แนวราบและแนวเอียง เสนทางการเคลื่อนท่เี ปนแบบตายตวั อาจเปนทางตรง
การยกยา ย หรือโคง ก็ได เชน เครอ่ื งลาํ เลยี งชนิดตา ง ๆ ลอ ลําเลยี ง ลูกกลิง้ ลาํ เลียง สายพาน
(Transfering) ลําเลียง เปนตน
เปนเครอื่ งกลขนถายที่ใชเ ครอ่ื งจักร ทาํ หนา ท่ยี กวสั ด-ุ สนิ คาขึ้น และเคล่ือนทใี่ น
การยกขนดวย อากาศแลว วางลง ณ จุดที่เราตองการ เสนทางการเคลอื่ นทอ่ี ยใู นพื้นท่ีจาํ กดั ตาม
ตัวเอง ความสามารถของเครือ่ งจกั ร ลักษณะการเคล่อื นที่เปน แบบเคล่ือน ๆ หยุด ๆ
(Self loading) เชน ปน จนั่ เครน
เปนเครอ่ื งกลจนถายทอ่ี อกแบบใหเคร่อื งจักรกลทาํ งานในลักษระที่หยบิ หรอื ยก
ของทต่ี องการดว ยตัวเอง แลว ขนไปวาง ณ จุดที่ตองการ โดยไมต องอาศัย
อปุ กรณอืน่ ชว ย
วิชาเคร่อื งทุนแรง 109
วิชาเคร่อื งทุนแรง 110
วิชาเคร่อื งทุนแรง 111
วิชาเคร่อื งทุนแรง 112
วิชาเคร่อื งทุนแรง 113
วิชาเคร่อื งทุนแรง 114
วิชาเคร่อื งทุนแรง 115
วิชาเคร่อื งทุนแรง 116
วิชาเครอื่ งทุนแรง 117
11. แนวความคดิ เกยี่ วกบั หนว ยรวมวสั ดุ (The unit load Comcept)
กฎของการขนถายวัสดุขอหน่ึงก็คือ การรวมหนวยของวัสดุ น่ันคือ การขนถายจํานวนมาก
เทาไร คาใชจายในการขนถายตอช้ินจะถูกลง ในท่ีนี้จะพูดถึงเรื่องแนวความคิดเกี่ยวกับหนวยรวม
วัสดุ (Unit load) ท่ีสามารถนาํ มาประยุกตไ ดก บั กฎของการขนถาย
หนวยรวมวัสดุ (Unit load) หมายถึง จํานวนของรายการตาง ๆ วัสดุที่เปนกอง ท่ีนํามาจัด
หรือผูกรวมกันเปนกลุมงาย ๆ ตอการยกข้ึน-ลง และการเคลื่อนยายเปนหนวยเดียว มีขนาดใหญพอ
ทจี่ ะเคลอื่ นยายโดยคน เม่ือวางลงแลวยังคงรักษาสภาพของวสั ดทุ ีข่ นยา ยมคี วามปลอดภัย ขนาดของ
วัสดุที่นํามารวมกันท่ีเหมาะสมกับการขนถายดวยคนน่ันคือ หนวยรวมวัสดุ แนวความคิดเก่ียวกับ
เร่ืองนอี้ าจสรุปไดด ังน้ี
1. สามารถตดั การขนถายวัสดุที่เปนรายชน้ิ
2. รวบรวมวสั ดุเปนหนว ย เพ่ือการเกบ็ และการขนถายที่ประหยดั
3. รวบรวมตงั้ แตก ารเรม่ิ ตนใหเรว็ ที่สดุ และรักษาใหอยูในสภาพน้ันนานท่สี ดุ
4. ควรแกไขแบบ หีบหอ หรือกลอง เพ่ือการรวมเปนหนวยท่ีดีกวาใชเน้ือท่ี เกิดประโยชน
มากกวาและปองกันการเสยี หายของวัสดุ
5. การรวมวัสดุใหเปนหนวยขนาดใหญท่ีสุดเทาที่จะทําได โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม
ของอาคาร เครอ่ื งมือการขนถาย เนอ้ื ท่ที ําการผลิตปรมิ าณการใชว สั ดุ
ดวยแนวความคิดและความตองการลักษณะดังกลาว จึงนํามาออกแบบสรางเปนหนวยรวม
วัสดุ พรอมท้ังวิชาการขนถายหนวยรวมวัสดุนั้นดวย อยางไรก็ตาม หนวยรวมวัสดุมีขอดีมากมาย
หลายประการ แตในสวนทีเ่ ปนขอเสียก็มไี มนอ ยทเ่ี ราควรจะพิจารณาเชนกัน
วิชาเคร่อื งทุนแรง 118
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 119
ขอดีของหนวยรวมวสั ดุ
1. เพอื่ การขนถา ยครงั้ ละมาก ๆ
2. ลดคา ใชจา ยในการขนถา ย
3. งานขนถายวสั ดุสามารถทาํ ไดรวดเร็วข้นึ
4. ลดเวลาในการนาํ ของขน้ึ ลงจากรถ
5. ลดคาใชจายในการบรรจุหบี หอ
6. ใชเนอื้ ท่ีเกดิ ประโยชนส ูงสดุ
7. ลดปญ หาการสูญหายของวัสดใุ นขณะทีท่ าํ การขนถา ยและการเก็บรกั ษา
8. ลดเวลาในการรวบรวมของที่กระจายกนั อยู
9. ลดการเสยี หายของผลิตภัณฑ
10. การขนถายปลอดภยั กวา
11. การประกนั รายหนวยถกู กวาประกนั เปนรายชิน้
12. เปน การบรกิ ารลูกคา ที่ดี
13. สามารถลดคาใชจ ายในการปดฉลากสินคา
14. การรวมใหเ ปนหนว ยเดียวกัน ทีส่ าํ หรบั เก็บก็เปนแบบเดียวกัน
15. วสั ดหุ รอื ชิน้ สวนไมจ าํ เปนตองเปน แบบเดยี วกนั แตมีอปุ กรณช ว ยใหเ ปนแบบ
เดยี วกนั ในการรวมของ
16. วัสดหุ รอื ช้ินสวนมีขนาดไมเทา กนั เมอ่ื บรรจใุ นหนวยรวมสามารถจดั วางเสมอ
กันได
17. เปนการจดั ระบบการขนถา ยวสั ดใุ นโรงงาน
18. การรวมหนว ยสามารถวางซอนกนั ได
19. วสั ดทุ ่รี วมเปนหนวยสามารถรกั ษาอุณหภูมแิ ละความช้นื คงทีไ่ ด (ในกรณี
ของสด)
20. วัสดทุ รี่ วมเปน หนว ย สามารถปอ งกนั ไมใ หร วมกบั วสั ดุอนื่ ได
21. การนําวัสดุออกไปใชงาน ทําไดรวดเร็วกวา
วิชาเคร่ืองทุนแรง 120
ขอเสยี ของหนว ยรวมวสั ดุ
1. ตอ งเสียคาใชจายในการรวมวสั ดุเปนหนวยงาน
2. ตองเสยี คาชว ยในการแยกของออกจากหนวยรวม
3. ตอ งใชอ ปุ กรณการขนถาย เฉพาะดาน
4. ตอ งใชเ นือ้ ทท่ี ีต่ อ งการมาก
5. น้ําหนกั ของภาชนะท่ีใชทําเปน หนวยรวม ทําใหตองเสยี พลงั งานขนถาย
6. ตอ งทําการขนถาย หนว ยรวมกับตวั เปลา
7. อุปกรณก ารยกยาย (Transfer) ไมส ามารถท่ีจะใชไ ดท ้งั จดุ ตน ทางและปลายทาง
ของการเคล่อื นท่ี
วิชาเคร่ืองทุนแรง 121
12. วิธีการพ้ืนฐานในการเคลอ่ื นยายหนวยรวมวัสดุ
หลงั จากไดนําแนวความคดิ มาสรา งเปนหนวยรวมวัสดุแลว ขั้นตอนตอไปเปนเร่ืองการนํามา
ประยุกตใชงาน โดยตองคํานึงวาหนวยรวมวัสดุน้ันจะยกและขนถายไปไดอยางไร ซึ่งสามารถ
ดําเนนิ การไดด งั น้ี
1. ใชเครอื่ งมือยกสอดใตวสั ดุ
2. สอดใสเ ครอื่ งมือยกเขาไปในตวั วัสดุ
3. บบี วัสดุอยรู ะหวา งเคร่อื งมอื ยก
4. แขวนวสั ดใุ นการยก โดยทีว่ ัสดทุ แ่ี ขวนอยูน ั้นไมแ กวง ไปมา
วิชาเครอื่ งทุนแรง 122
13. ชนิดของหนว ยรวมวัสดุ และเคร่อื งมอื ทใี่ ช
1. รวมวัสดเุ ปนหนว ยบนพ้ืน
2. การวางวัสดุบนแผน แผน ราบ แผนงอยดื หยุน ได
3. การวางของบนช้ันวาง
4. การรวมวสั ดุในคอนเทนเนอร (Container)
5. การใชตัววัสดุเองรวมเปนหนวย เชน การมวนของแผนโลหะ เสนลวดที่มวนเปนขด
กระดาษ เชือก
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 123
จะเห็นไดวา หนวยรวมวัสดุ (Unit load0 ที่นํามาประยุกตใชในงานอุตสาหกรรม แมจะมีขอ
เสียอยู แตก็มีขอที่เปนประโยชนมหาศาล และเปนอุปกรณช้ินหนึ่งที่มีบทบาทตอผังโรงงานและ
การขนถา ยวัสดุ กลาวคือ นอกจากจะทําใหการจัดวางชิ้นสวน วัสดุ เปนระเบียบเรียบรอย ดูแลสวย
งาม ตรวจสอบจํานวนไดงาย ขนยายไดสะดวกแลว สามารถนํามาจัดวางเรียงซอนกันในแนวสูง ใช
เนื้อท่เี หนอื หวั ไดม าก ทําใหการใชเนือ้ ท่ีภายในโรงงานอยางมีประสทิ ธภิ าพ
14. บทสรปุ
อันท่ีจริงแลวเรื่องเกี่ยวกับการขนถายวัสดุ มีอยูอีกมากมายมหาศาลสุดที่จะนํามากลาวในที่นี้
ได เพียงแตหยิบยกมาเฉพาะสาระสําคัญของการขนถายวัสดุที่ผูออกแบบและวางผังโรงงานได
ทราบในขั้นตน เพราะเปนท่ีทราบกันดีวา หากไรการเคล่ือนที่แลวการผลิตท่ีใหไดเปนผลิตภัณฑ
หรือบริการ ยอมไมเกิดข้ึนอยางแนนอน ดวยหลักแหงการเคลื่อนท่ีท้ังหลายภายในโรงงาน ภาย
นอกโรงงานตองอาศัยพาหะหรืออุปกรณเปนตัวพาไป ท่ีเราเรียกกันวา “เครื่องกลขนถาย” กลาว
คือ หากผูออกแบบและวางผังโรงงานรอบรูเรื่องเคร่ืองกลขนถายมากเทาใด ยอมเปนผูท่ีไดเปรียบ
ในดานการนําประโยชนมาใชงานไอยางเหมาะสมกวา และยังผลตอการวางแผนผังโรงงานไดอยาง
มีประสทิ ธภิ าพกวา
ไมเพียงแตรูจักเครื่องกลขนถายเทานั้น แตการขนถายวัสดุยังหมายรวมถึงกิจกรรม่ีเก่ียวของ
อีกมากมาย เปนตนวา การบรรจุหีบหอ ภาชนะบรรจุ การจัดเตรียมสถานท่ีเก็บรักษาและพักของ
ตําแหนงวางของยกของ ทั้งน้ีเพื่อเอ้ืออํานวยตอการเคล่ือนยาย ในขอบเขตตาง ๆ ฉะน้ันผูออกแบบ
และวางผังโรงงานย่ิงรูและเขาใจกิจกรรมการขนถายวัสดุมากเทาใดก็จะไดเปรียบมากเทานั้น จะให
ไดมาซง่ึ ผังโรงงานมคี วามสมบรู ณยิ่งขึ้น ระบบการผลิตมีประสิทธิภาพมากข้ึน แตอยูภายใตเง่ือนไข
ท่วี า คา ใชจา ยในการดาํ เนนิ งานและเงนิ ลงทนุ ทป่ี ระหยดั อยางสมเหตสุ มผล
วิชาเครอื่ งทุนแรง 124
เครือ่ งมือ และ เคร่อื งทนุ แรง ที่ใชใ นการขนถายวัสดุ
1. ปน จัน่ (Crane)
ปนจ่นั คอื เครอื่ งมอื กลท่ีใชในการยกเลือ่ นเคลอ่ื นยายเคร่ืองจกั รกลตา ง ๆ ไมวาจะเปน
บนบก หรอื ในเรอื ทมี่ ีขนาดใหญ เพ่อื การนําไปซอมทําหรือตรวจสภาพ รวมทง้ั การประกอบหรอื
สําหรบั งานกอ สรา งอาคารหรอื โครงสรางตา ง ๆ และสําหรับงานข้นึ ของ-ลงของทั่วไป
ปน จั่นจะประกอบดวยสวนสาํ คญั 2 สว น คอื
1. สว นของเคร่อื งยก (Hoisting Machinery)
2. สว นของเสา หรอื แขนยก หรือ คาน
2. ชนดิ และประเภท
ปนจัน่ ทใี่ ชงานในการยก และเคลอื่ นยายวสั ดใุ นปจจุบันมหี ลายชนดิ และประเภทซึง่
พอที่จะแบงตามลักษณะตาง ๆ ไดคือ
1. แบงตามลักษณะของการเคล่ือนท่ีของเสา หรือ แขนยก หรือ คาน ดงั น้ี
1.1 Traveling crane ประกอบดว ย คาน ซึง่ ปลายทงั้ สองของคานจะ
เปน ลูกลอทเี่ คลอื่ นทีไ่ ปบนราง ซงึ่ โดยปกติแลว จะเปน รางซ่ึงยกสูง
สาํ หรบั ชดุ กวาน หรอื เครอ่ื งยกก็จะเคลื่อนทีไ่ ปมาไดในแนวของคาน
ตามรูป ปนจ่นั ชนิดนส้ี ว นใหญจ ะใชง านยกภายในอาคาร
1.2 Gantry Grane เปน ปน จ่นั ซ่ึงปรับปรุงมาจาก Traveling Crane
เพ่อื จะนําไปใชงานภายนอกอาคาร ตัวคานจะมขี าสองดาน ซง่ึ ขากจ็ ะ
มลี ูกลอท่จี ะใชเลือ่ นไปบนรางหรอื เลอ่ื นไปบนพ้ืน สว นชดุ กวา น
หรอื เครอ่ื งยกก็จะเคลอื่ นทีไ่ ปมาไดเชนเดยี วกนั Traveling Crane
และชดุ กวา นโดยทว่ั ไปก็จะเปนแบบกวานไฟฟา สําหรบั ขนาดเลก็
อาจจะเปน กวานแบบใชคนดึงหรือใชคนหมนุ ก็ได
วิชาเครอื่ งทุนแรง 125
1.3 Rotary Crane ปน จัน่ แบบนี้อาจจะมีแขน (Boom) ย่ืนออกไป
ปลายดานลางของแขนยกจะยึดติดกับแกน หรอื แทนท่ีหมุนไดร อบ
ตัว ซ่ึงแทนหมุนนอี้ าจจะยึดติดตายกับพ้ืน หรือเปน ชนิดที่เคล่ือนท่ี
ได หรือเปนชนดิ ที่ยึดติดกบั ตวั รถก็ได สาํ หรับชดุ กวา นกจ็ ะเปนแบบ
ขบั เคลอื่ นดวยกาํ ลงั จากเคร่อื งยนต หรือมอเตอรไฟฟา หรอื เปนชุด
กวา นแบบใชคนดึง หรือใชคนหมนุ กไ็ ด
1.4 Jib Crane เปนปน จนั่ ทร่ี วมเอาการทํางานบางสว นของ Gantry
Crane และ Rotary Crane เขา ดวยกัน โดยทค่ี านยกจะอยูใ นแนว
ระดับ ชุดกวานจะเคล่ือนทไี่ ดใ นแนวคาน สําหรบั ตวั คานจะยดึ ตดิ
กับสลัก หรอื แทน ทห่ี มนุ ได ซึ่งโดยปกติแลวจะไมห มนุ รอบตวั
2. แบงตามลักษณะของแทน หรือตัวรองรบั ซงึ่ จะแบงเฉพาะ Rotary Crane โดยจะแบง เปน
2.1 ชนิดที่ตดิ ต้ังบนรถลอ ยางท่ีออกแบบมาโดยเฉพาะ (Rubber Trira
Carrier Mounted) ซ่ึงโดยปกติแลว ก็จะเปนแบบท่ีขับเคลอื่ นทัง้ 4 ลอ
สามารถเคล่อื นทไ่ี ปไดในท่ีขรุขระ และสามารถแบง ออกเปน Rough
terrain Cranes สาํ หรับใชง านในท่ีขรุขระและเปน แบบ Industrial
Crane สาํ หรบั ใชงานโรงงาน
2.2 ชนดิ ที่ตดิ ตง้ั บนรถบรรทุก (Truck Mounted Crane) เปน ปน จน่ั ที่
ออกแบบมาสาํ หรับติดตั้งบนรถบรรทกุ ท่ีมีขายในทองตลาดทัว่ ๆ ไป
หรือออกแบบสําหรับตดิ ตัง้ บนรถบรรทุกทอี่ อกแบบขึน้ มาเอง รถ
ปน จน่ั แบบนี้ เหมาะท่ีจะใชงานในทีเ่ รยี บ และสามารถเคลอื่ นยา ยไป
ในทตี่ าง ๆ ไดร วดเรว็
วิชาเครือ่ งทุนแรง 126
2.3 ชนิดทตี่ ดิ ตั้งบนรถตนี ตะขาบ (Crawler Mounted Crane) เปน
ปนจน่ั ท่ตี ดิ ตั้งบนรถตนี ตะขาบ เพ่ือใหส ามารถเคล่อื นท่ีไปไดในท่ลี มุ
แตความเรว็ ในการเคลอื่ นทีจ่ ะตํ่า และการเคล่ือนยา ยไปในทตี่ าง ๆ
จะทําไดยาก คอื จะตองใชรถลากจงู ในการเคล่อื นยาย
3. แบง ตามลักษณะของแขนยก (Boom) ซ่งึ จะแบง เฉพาะ Rotary Crane เชน กัน โดยจะแบงเปน
3.1 Knuckleboom หรอื Articulating Boom Crane เปนปน จั่นทมี่ ี
แขนยกที่ทาํ เปนชนิ้ ๆ และเชื่อมตอกนั ดวยขอ ตอทห่ี กั ตัวได โดย
ปกตแิ ลว จดุ ทีห่ กั ตวั ไดนี้มีประมาณ 1 ถงึ 2 จุด ปนจน่ั ชนิดนี้
สวนมากจะเปนปน จนั่ ที่ใชต ดิ ตงั้ กบั รถบรรทกุ ทม่ี ีขายท่วั ไปในทอ ง
ตลาด สําหรับลักษณะการใชง านนัน้ ก็จะเหมาะสมกบั การ
ใชง านในการขน้ึ ของ และลงของจากกระบะของตัวรถทต่ี ิดปนจน่ั เอง
3.2 Telescoping Boom Crane เปน ปน จัน่ ท่ีมีแขนยกทีย่ ืดออกไดโดย
แขนยกจะรวมกันอยู จะยดื ออกท่ีละชวงหรอื ชั้น โดยท่ัวไปแลวแขน
ยกจะทําเปน 3 ถงึ 4 ชัน้ รวมกนั อยู แขนยกแบบนจ้ี ะไมม ีจดุ หกั แต
จะยกขึน้ ลงไดท จ่ี ุดของแกนหมนุ สําหรบั ลักษณะงานทีใ่ ชนั้นจะ
เหมาะสมกับงานกอสรา งหรือเคลอ่ื นยา ยวสั ดทุ ว่ั ๆ ไป
3.3 Fixed Boom ปน จนั่ ท่ีมแี ขนยกตายตวั คือไมสามารถยืดออกได
และไมมจี ดุ ทีห่ ัก การใชงานของปนจ่นั แบบน้จี ะจาํ กัดกวาปนจ่นั ท่ีมี
แขนยกสองแบบแรก แขนยกของปนจน่ั แบบน้อี าจจะเปน ทอ นเหลก็
หรอื เปนโครงเหล็กที่ประกอบข้ึนจากเหล็กหลาย ๆ ช้ินก็ได
วิชาเคร่อื งทุนแรง 127
4. Tower Crane เปน ปน จั่นที่ใชใ นการกอสรางอาคารสูง ๆ
ปน จน่ั ประจําอซู อมทําเรือ ( Portal Crane )
เปน ปน จัน่ ท่ีใชกันอยูประจาํ ทาจอดเรอื โดยมรี างเพอื่ ใช
ในการรองรบั การเคลื่อนทข่ี องปนจน่ั และใชม อเตอรไฟฟาในการ
ขบั เคล่ือนไปในแนวราง แตปนจน่ั ท่ีจะกลา วถึงน้ีไมสามารถท่ีจะทาํ
การหดแขนของปน จั่นนั้นได แตส ามารถท่จี ะต้ังมุมในการยกแทน
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 128
ปนจน่ั ประจําอู ( Portal Crane )
ปน จน่ั ใชสําหรับยกหรอื หยอนของที่มนี ํา้ หนกั มาก ๆ เทาท่ี
พบเหน็ จะเปนปนจน่ั ประจําอู โดยวิ่งอยบู นราง และอกี อยางหน่ึงก็
คือรถปน จ่ันหรอื ทเ่ี รยี กวา “รถเครน” รถประเภทน้ีสว นมากใชระบบ
ไฮโดรลิคสทัง้ ส้ิน สาํ หรับการใชอ ยางปลอดภยั ตองปฏิบตั ดิ ังนี้
1.ผทู ีจ่ ะใชปนจ่นั ตองเปนผูท ่ไี ดร ับมอบหมายหรอื เปน เจาหนาทป่ี น จัน่ เทาน้นั
2. กอนใชปน จนั่ ทกุ คร้งั ตอ งตรวจสอบระบบและอปุ กรณต า ง ๆ เสมอ
3. เจาหนาท่ีจะตอ งอยูในหอ งควบคมุ พรอ มปฏบิ ตั ิงาน
4. ตรวจสอบอุปกรณดบั เพลิงในหอ งควบคุมใหอ ยูใ นสภาพพรอมเสมอ
5. กอนจะเคลือ่ นปนจั่นตอ งแนใ จวาไดย กขอเกี่ยวพนสง่ิ กีดขวางแลว
6. หา มผูไมม หี นาที่ข้ึนไปอยูบนปนจั่นและควรติดปายเตือนไว
7. หา มไมใ หผูหน่ึงผใู ดขึ้นไปอยบู นของท่ีจะยกหรือขอเกี่ยว
8. เมื่อไฟฟาดับใหเ ลอ่ื นปมุ ควบคมุ ไวท ต่ี ําแหนงหยุดเครื่องทุกครงั้
9. อยา ใหข อไปเกีย่ วกบั สงิ่ หนง่ึ สิ่งใดซ่ึงลากไปกบั พื้นขณะเคลือ่ นปน จน่ั
10. เมอื่ จอดรถปน จ่นั ตองดึงหา มลอ และปลดเมนสวิทซทกุ ครัง้
11. ผใู ชป น จน่ั และผูใหส ญั ญาณจะตองเขา ใจสัญญาณท่ีเปนมาตรฐานเดยี วกนั ผใู ห
สัญญาณตอ งมีเพยี งคนเดียวเทา น้ัน
12. เชอื ก ลวด และโซ ขณะยกของตองอยูในสภาพดพี รอมใชงาน
13. ตอ งผกู วสั ดสุ ิง่ ของใหแ นนขณะยกตองใหวสั ดมุ ีนํ้าหนกั สมดุลยก นั
14. ขณะหะเบส และหะเรีย ตอ งกระทําดวยความนิม่ นวล
15. ตอ งมีเชือกไวป ระคองสิ่งของทีย่ กเสมอ
16. กอนหะเบส และหะเรยี ตอ งตรวจความเรยี บรอยไมม สี ิง่ ใดขัดตวั หรือเกยี่ วตดิ กับ
สง่ิ อ่ืน
วิชาเครอ่ื งทุนแรง 129
17. ตองไมใชป น จนั่ ออกแรงดงึ ไปทางดา นขาง เวนเสียแตจะไดรับสัง่ การเปน พิเศษจากผูรบั
ผดิ ชอบ ซ่ึงตอ งแนใจวาจะไมเสยี การทรงตัวของปน จนั่ และสว นตาง ๆ จนเกิดความเสียหายขึ้นได
18. อยา ใชป น จั่นยกของขา มศีรษะคนโดยเดด็ ขาด
19. ตอ งใหส ญั ญาณทกุ คร้ังเม่ือปนจ่ันเคลื่อนทไ่ี ปตามรางเลอื่ น และตรวจสอบส่งิ
กีดขวางทอ่ี าจวางอยูบนรางเลอ่ื นของปน จน่ั
20. ตองตรวจสอบระบบเบรคของกวานทุกคร้ังท่ียกของหนัก
21. ทกุ คร้ังทหี่ ยอนของลง ตอ งใหเหลือเชอื กพันอยูร อบแกนของรอก ไมนอ ยกวา 2 รอบ
22. เม่ือใชป น จ่นั 2 ตวั หรอื มากกวา ยกของชนิ้ เดียวกัน ตองมอบหมายใหค นเพยี งคนเดียวที่
มคี วามสามารถและรับผดิ ชอบเปนผูควบคุมงานน้ี
23. ผูใชปน จนั่ จะตองอยูประจาํ หอ งควบคุมเครอ่ื งตลอดเวลาขณะท่มี ีวสั ดแุ ขวนอยบู นปนจ่ัน
24. เมือ่ เปลีย่ นคนควบคมุ เครอื่ ง ตอ งทดสอบสวิทซส ําหรบั กําหนดพกิ ัดสงู สุดทป่ี น จ่นั
สามารถยกไดโดยทาํ การทดสอบขณะที่ยังไมไดยกของ ถาขดั ของใหรบี ดาํ เนนิ การแกไ ขทันที
วิชาเคร่อื งทุนแรง 130
การใชรถประเภทตาง ๆ
รถปน จ่ัน
การทจี่ ะใชรถปนจ่ันใหถกู วธิ แี ละปลอดภยั ตอ งปฏบิ ตั ดิ งั นี้ คอื
1. ปฏบิ ัตติ ามคูม อื และคําแนะนําในการใช
2. กอ นใชงานตองตรวจความเรยี บรอย อุปกรณต วั รถ เครอื่ งยนต
นํา้ หลอ นาํ้ มันหลอล่นื ตลอดจนระบบของการยก เชน รอก ลวด และ
สว นเคลื่อนไหวของระบบไฮดรอลกิ ส
3. ผใู ชร ถตอ งเปน เจาหนาท่ขี ับรถประจําอยเู สมอ
4. ขณะเดินเคร่อื งตอ งมเี จา หนาที่ขับรถประจาํ อยูเสมอ
5. หามใชร ถยกของเกนิ กําลังท่กี ําหนดไว
6. ใหปรบั มมุ กระดกและความยาวของคนั เบด็ (แขนปนจน่ั ) ในการยกของใหเ ปน ตาม
คมู ือท่กี ําหนดไวของรถแตล ะคนั ตามพกิ ดั ความสงู ทกี่ าํ หนดไว
7. ในกรณีทย่ี กปน จัน่ ท่ีมีฐานสําหรับรองรบั ตอ งกางบานรองรับเสมอ แมยกน้ําหนกั เพยี ง
เล็กนอ ย
8. การยกของดึงขน้ึ หรอื หยอ นลงตอ งกระทาํ อยางระมดั ระวงั ไมใ ชก ระตกุ กระตาก
9. ขณะท่ยี กของหนักแขวนอยู หา มเคลื่อนรถปน จน่ั เปน อันขาด
10. การยกของดว ยรถปนจ่นั ตอ งใชสญั ญาณเสมอ
11. ตองใชเ ชอื กผกู มดั ของใหแนน และคอยประคองนา้ํ หนักทย่ี กทุกคร้งั
วิชาเคร่อื งทุนแรง 131
รถโฟลคลฟี ท ( FLORK LIFT )
รถโฟลคลีฟท เปนเครือ่ งมอื ทม่ี ีความจาํ เปน อยางมากในการใชยก เลอ่ื น เคลอื่ นยา ย
ส่งิ ของตาง ๆ ท่มี ีนํา้ หนัก จากท่ีหนึง่ ไปยังอีกที่หน่ึง รถชนดิ นี้จะมงี ายน่ื ออกไปขา งหนา รถ จาํ นวน
2 งา ซ่ึงสามารถปรับแตง งาใหส งู ต่ําได มใี ชอ ยูใ นโรงงานเชือกรอกและการอู และตามแผนกตา ง ๆ
ทีม่ คี วามจําเปน ตองใช
หลักเกณฑในการใชรถตอ งปฏิบัตดิ งั น้ี
1. ปฏิบตั ิตามคมู อื การใชรถอยา งเครง ครดั
2. กอ นใชง านตอ งตรวจดคู วามเรยี บรอยของ อุปกรณ ตัวรถ เครื่องยนต นํ้า
หลอ และนาํ้ มนั หลอ ใหอยใู นระดบั ใชก ารได
3. ผูไมมหี นา ทีห่ า มใชรถอยางเด็ดขาด
4. ขณะเดินเคร่ืองตอ งมีเจาหนาทใี่ ชร ถประจาํ อยเู สมอ
5. อยาใชร ถยกของท่ีมนี ้ําหนกั เกินกําลงั ท่ีกําหนดไว
6. หลกี เลี่ยงการใชรถในสถานที่อาจเกดิ อันตรายได เชน ริมเข่อื น และพ้นื ท่ี ๆ ไม
แขง็ แรง
7. ในการยกของตองใหจ ุดศนู ยถว งของนาํ้ หนกั อยกู ึ่งกลางงาท้ังสองขาง และตองใช
เชอื กผูกตงกับงานเสมอ โดยเฉพาะอยา งย่ิงขณะเคล่ือนยา ย
8. อยา ใชง ายกของทเ่ี หน็ วาอาจเกิดชาํ รดุ เสียหายกบั งานขนึ้ ได ถาจาํ เปน ตองใช
ควรใชยางสวมงาปอ งกันไว
9. อยา ตอ งายกของใหยาวเกินกวา ที่กําหนดไว 1.5 เทาของงานเดิม
10. อยา ใชงาของรถดนั สิ่งของ
11. การยกของในลักษณะดึงขน้ึ หรือหยอ นลง ตองกระทําอยางระมดั ระวงั และนม่ิ นวล
ไมก ระตุก กระชาก
12. เมอื่ เคลื่อนรถออกจากทีเ่ พื่อนําไปใชงาน ตอ งแนใ จวาไมมีสิ่งกดี ขวาง หรอื เปน
อนั ตรายแกบคุ คลและส่ิงของ
วิชาเคร่อื งทุนแรง 132
ลงเสมอ 13. ในการเคล่ือนยา ยของท่ีมนี ํ้าหนกั มากใหลดงาลงตํ่าท่สี ดุ
14. การเคลื่อนยา ยของหนักในพ้ืนทีล่ าดเอยี งใหเดินหนาข้ึนและ ขณะลงใหถอยหลัง
15. ตองปฏบิ ัติตามกฎจราจรในพืน้ ทอ่ี ยางเครง ครดั
16. ใชความเร็วของรถขณะยกของหนักประมาณ 5 กม./ชม.
17. ใชค วามเรว็ รถขณะตวั เปลาประมาณ 15 กม./ชม.
18. เมอ่ื เลิกใชร ถแลว ใหล ดงาลงกบั พน้ื และดึงหามลอทุกคร้ัง
วิชาเครื่องทุนแรง 133
รถแมแ รงไฮโดรลคิ ส
เปนรถท่ใี ชใ นการยกเครอ่ื งยนต มอเตอร หรอื เครอื่ งจกั ร
ตา ง ๆ ฯลฯ โดยใชร ะบบไฮโดรลคิ สใ นการผอ นแรง ทง้ั ยงั สะดวก
และไมเ ปลืองนา้ํ มนั สามารถทจ่ี ะใชแ ทนรถโฟคลฟิ ทไดในบางกรณี
รถแมแ รงไฮโดรลคิ ส ยกพาเลท ( Hand Low–Lift Platform Truck )
เปน รถที่ใชใ นการรองรบั พาเลท ( Pallte ) เพื่อใชขนถา ย
สง่ิ ของ หรอื เคร่อื งจกั ร วัสดตุ า ง ๆที่อยูบนพาเลท ฯลฯ
รถดันทราย
เปนรถท่ีใชใ นการดนั ทราย รวมเขา กอง และสามารถตกั ทราย
เทเขากบั กระบะรองรบั เพื่อยกทรายทพี่ น ตวั เรือท่อี ยูใ นอู หรอื
ลานซอมทําตา ง ๆได ท้ังยงั ใชงานไดอ ยา งสะดวก รวดเร็ว และ
ประหยดั แรงงานคนอกี ดว ย
รถยกเรือยนตเล็ก
เปน รถท่ีใชใ นการยกเรอื ยนตเลก็ โดยจะมีมอเตอรกวา น เพ่อื
ใหลวดหยอนลงมา เพ่ือคลอง หรือตง เรือยนตเ ล็กเอาไว
และสามารถขบั เคลื่อน เพ่ือยายทเี่ รอื ยนตเลก็ ดงั กลา วไปไวใน
ระยะทางใกล หรอื ไกลได
รถชานต่ํา ( 4 Whell Steer )
เปนรถทีใ่ ชใ นการรองรับ เครอ่ื งจกั รใหญ เครือ่ งยนต หรือ
อุปกรณตา ง ๆ เพ่ือเคลอื่ นยา ยในการนาํ ไปตรวจสภาพ หรือซอมแซม
โดยจะมขี อ ตอเพือ่ ตอทา ยรถที่จะลากอีกทอดหนึ่ง
วิชาเครื่องทุนแรง 134
ลูกกลง้ิ
ลูกกล้ิงทําดว ยเหล็กหรือไมเ นื้อแข็ง กลึงใหก ลมคลา ยไมพ ลอง
ลกู เสือ ขนาดและความยาวก็ขน้ึ อยูกับการใชง าน เชน เม่อื
ตอ งการเล่อื นเรอื ลําหนง่ึ ทีม่ ขี นาดไมใหญนกั จากทห่ี นึง่ ไปยังอีกท่ี
หนง่ึ ซึง่ เปน ทางเรยี บโดยทร่ี ถเขา ไปไมถึง เรากย็ กเรือวางบนลกู กล้ิง
ประมาณ 3-4 ทอ น แลว ใชแรงคนหลาย ๆ คน หรอื ยานพาหนะอน่ื
ผลักเรือไปขา งหนา และคอยพยุงไวด วย การเคลอ่ื นยา ยดวยลูกกลิ้ง
บนพื้นบาดเอยี งตองมที ่ผี ูต ง อยางมั่นคงและแข็งแรงดวย
เสกล
เปนอุปกรณท ่ใี ชป ระกอบกบั สลิงยกของ มีอยดู วยกนั 2 แบบ คอื
1. เสกลโคง ลกั ษณะคลายรปู ตัวยู แตม คี วามโคงมากกวา 2.5 D
2. เสกลตรง มีลักษณะเปนรปู ตัวยู แขง็ แรงมากกวาเสกลโคง
0.5 เทา (3 D)
หว งยก และบาร
เปนอปุ กรณในการชวยยก เพอ่ื ไมใหวสั ดุท่ที าํ การยกนัน้ บีบ
เขา หากนั ได ถา วัสดทุ ีท่ ําการยกน้นั เกิดการบบี เขาหากนั อาจทาํ ให
วัสดุที่ทาํ การยกนั้นเกดิ การเสยี หายได ทงั้ ยงั สะดวกตอ การยก
วิชาเครื่องทุนแรง 135
ปากจบั
เปน อุปกรณใ นการจับยึดแผนเหลก็ โดยจะมสี ปรงิ ชว ยในการ
จบั ยึดหนา ของปากจับ โดยทห่ี นา ของปากจบั นเ้ี องจะทาํ เปน
รองเอาไวเพ่ือใหจบั ยดึ แผน เหล็กใหแ นน
ลมิ่
จดั อยูในประเภทเครอื่ งมอื ทุนแรง ทาํ ดว ย เหลก็ หรอื
ไมเน้อื แข็งขนาดตาง ๆ โดยมีรปู รา งหลายลักษณะ ซึ่งขน้ึ อยูกบั การ
ใชงาน เชน สเ่ี หลย่ี มผนื ผา สี่เหลย่ี มคางหมู สเี่ หลี่ยมดานไมเทา
สามเหลยี่ มมมุ ฉาก หรอื สามเหลี่ยมมมุ แหลม และอืน่ ๆ ซ่ึงล่มิ แตล ะ
ชนิด จะมีสวนปลายบาง และสวนบนหนา คือ โคนใหญ ปลายบาง
การคาํ นวณเกีย่ วกบั ล่มิ จะมีหนว ยเปนระบบองั กฤษหรือระบบเมตริก
ก็ได แตต องไมป ะปนกนั
โดยใชส ตู รดงั นี้
EXH = WXL
E= แรงพยายามทีก่ ระทาํ
W= แรงความตานทาน (นาํ้ หนกั ท่ีกดลงบนล่ิม )
L= ความกวางของลิม่ (ระยะทว่ี ัตถยุ กตวั ข้นึ )
H= ความยาวของลมิ่
วิชาเคร่อื งทุนแรง 136
การใชล ิ่ม
ก. ใชตอกเพอ่ื ใหว ัตถขุ น้ึ เพยี งเล็กนอยและชว่ั คราว
ข. ใชต อกกบั น้ําหนักทีม่ คี วามแข็งแรง ไมชาํ รดุ งา ย
ค. การใชล ่มิ ตอกตองใชค วามระมดั ระวังและตอ งปรับแตงใหเ ทากัน
ง. เมอื่ ใชล ่ิมยกแลวไมค วรใชล ม่ิ รองรบั นํา้ หนักเปนเวลานานตองใชวัสดทุ ีแ่ ขง็ แรง
รองรบั แทน