แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ฉบับทบทวน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ค ำน ำ การจัดท าแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการด าเนินการตาม กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ ส านักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก าหนดให้ส านักงานเกษตรและ สหกรณ์จังหวัด มีอ านาจหน้าที่ ศึกษา วิเคราะห์ และจัดท ายุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของ จังหวัด/กลุ่มจังหวัด โดยมีคณะท างานจัดท ายุทธศาสตร์การเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดและส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดท าแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ฉบับทบทวน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นแนวทางการขับเคลื่อนพัฒนาภาคการเกษตรและประกอบการ เสนอแผนงานโครงการและขอสนับสนุนงบประมาณประจ าปีงบประมาณ 2568 ที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยง กับนโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาการเกษตรและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) การพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด รวมทั้งสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส สภาพปัญหา ความต้องการของเกษตรกร และภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัด และน ามาจัดท าเป็นแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทั้งนี้ ส านักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอขอบคุณคณะท างานจัดท า แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งสังกัดส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ภาคเอกชน และส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนในการจัดท าแผนพัฒนา การเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ด้วยดี มา ณ โอกาสนี้ ส านักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงหาคม 2566
สารบัญ หน้า ค าน า ส่วนที่ 1 บทน า 1 - 26 ส่วนที่ 2 ข้อมูลเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 27 - 54 ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 55 - 59 ส่วนที่ 4 แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 60 – 108 ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ส่วนที่ 5 แบบสรุปโครงการแบบย่อ (Project idea) 109 - 166 ภาคผนวก - ค ำสั่งคณะอนุกรรมกำรพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ที่ 2/2561 ลงวันที่ 6 มิถุนำยน 2561 เรื่อง แต่งตั้งคณะท ำงำนจัดท ำแผนพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ - ค ำสั่งคณะกรรมกำรนโยบำยและแผนพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์ ที่ 3/2562 ลงวันที่ 14 พฤษภำคม 2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมกำรพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัด - ค ำสั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ที่ 1693/2562 ลงวันที่ 14 มิถุนำยน 2562 เรื่อง แต่งตั้งผู้แทนสถำบันกำรศึกษำ หัวหน้ำส่วนรำชกำร/หัวหน้ำหน่วยงำนรัฐวิสำหกิจ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมกำร พัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ - ค ำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 978/2564 ลงวันที่ 2 พฤศจิกำยน 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรขับเคลื่อนงำนด้ำนกำรเกษตรระดับจังหวัด คณะท ำงำนขับเคลื่อนงำนด้ำนกำรเกษตร ระดับอ ำเภอ และคณะกรรมกำรขับเคลื่อนงำนด้ำนกำรเกษตรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหำนคร
ส่วนที่ 1 บทน ำ 1. ที่มำ 1.1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 65 รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็น เป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดท าแผนต่างๆ ให้สอดคล้อง และบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ประกอบกับมาตรา 72(4) รัฐพึงจัดให้ มีทรัพยากรน้ าที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมทั้งการประกอบเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการอื่น และมาตรา 73 รัฐพึงจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบอาชีพ เกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูง มีความปลอดภัย โดยใช้ต้นทุนต่ าและ สามารถแข่งขันในตลาดได้ และพึงช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้ให้มีที่ท ากินโดยการปฏิรูปที่ดินหรือวิธีอื่นใด รวมทั้ง มาตรา 75 (วรรค 3) รัฐพึงส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ประเภทต่างๆ และกิจการวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางของประชาชนและชุมชน 1.2 ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) มุ่งในการเสริมจุดแข็งและ แก้ไขจุดอ่อนให้เอื้อต่อการพัฒนาภาคการเกษตรในระยะยาว เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “เกษตรกรมั่นคง ภาคการเกษตรมั่งคั่ง ทรัพยากรการเกษตรยั่งยืน” โดยสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร เพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน และพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 1.3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดท าแผนปฏิบัติราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ตามแนวทางการขับเคลื่อนการด าเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ โดยทุกหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันพิจารณาภารกิจของหน่วยงานที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผน ในแต่ละระดับ รวมทั้งน านโยบายส าคัญ และสถานการณ์สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริบทของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ มาก าหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด และแนวทางการด าเนินงานในการขับเคลื่อนภารกิจให้ได้ผลลัพธ์ ตามที่ก าหนด ตลอดจนพิจารณาความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดินควบคู่กับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยแผนปฏิบัติราชการฯ จะเป็นกรอบแนวทางในการด าเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน รวมทั้งเป็นเครื่องมือส าหรับผู้บริหารในการก ากับ ดูแล และติดตามผลการด าเนินงาน ของโครงการ/กิจกรรมต่างๆ ในแต่ละผลผลิต ให้สามารถด าเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดินในภาพรวม เพื่อมุ่งสู่การบรรลุผลสัมฤทธิ์ ของเป้าหมายระดับชาติร่วมกันต่อไป 2. ทิศทำง นโยบำย และยุทธศำสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกำรจัดท ำแผนพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้การจัดท าแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปีแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดล เศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 – 2570 กรอบแผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 - 2570 แผนปฏิบัติราชการของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) นโยบายรัฐบาล นโยบายส าคัญของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จึงก าหนดกรอบแนวคิดหลักในการจัดท าแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด โดยมุ่งเน้นให้มีความเชื่อมโยง สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนพัฒนาในระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้
- 2 - 2.1 ยุทธศำสตร์ชำติ (พ.ศ. 2561 - 2580) มีวิสัยทัศน์ คือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากร ธรรมชาติยั่งยืน” โดยยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัย ให้เป็นคนดีเก่งและมีคุณภาพ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม การพัฒนาประเทศในช่วง ระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ โดยมีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (01) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง (02) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน (หลัก) (04) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม (05) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (06) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหาร จัดการภาครัฐ การประเมินผลการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย 1) ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย 2) ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ 3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ 4) ความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคม 5) ความหลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ 6) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ 2.2 แผนแม่บทภำยใต้ยุทธศำสตร์ชำติเป็นส่วนส าคัญในการถ่ายทอดเป้าหมายและประเด็นยุทธศาสตร์ ของยุทธศาสตร์ชาติลงสู่แผนระดับต่างๆ ในลักษณะที่มีการบูรณาการและเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ชาติ ด้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานสามารถน าไปใช้เป็นกรอบในการด าเนินการที่เกี่ยวข้องให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนา ประเทศตามที่ก าหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติภายในปี 2580 โดยแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ มีทั้งหมด 23 ฉบับ เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ านวน 15 ฉบับ ได้แก่ (01) ความมั่นคง (03) การเกษตร (หลัก) (05) การท่องเที่ยว (06) พื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (07) โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล (08) ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ (09) เขตเศรษฐกิจพิเศษ (15) พลังทางสังคม (16) เศรษฐกิจฐานราก (18) การเติบโตอย่างยั่งยืน (19) การบริหารจัดการน้ าทั้งระบบ (20) การบริการประชาชนและ ประสิทธิภาพภาครัฐ (21) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (22) กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และ (23) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ในแผนแม่บทภายใต้ยุทศาสตร์ชาติประเด็น (03) การเกษตรจะให้ความส าคัญ กับการยกระดับการผลิตให้เข้าสู่คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย การใช้ประโยชน์จากความโดดเด่น และเอกลักษณ์ ของสินค้าเกษตร รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพในแต่ละพื้นที่ การพัฒนาสินค้าเกษตรและการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับสินค้าเกษตร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในการผลิตและ การจัดท าฟาร์ม นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศของภาคเกษตร เพื่อเสริมสร้าง ให้การพัฒนามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง ประกอบด้วย 6 แผนย่อย โดยสรุป ดังนี้ 2.2.1 แผนย่อยเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ด้วยการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา นวัตกรรม และเทคโนโลยีการพัฒนากระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานที่ตอบสนองต่อความ ต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย 2) ส่งเสริมการพัฒนาและยกระดับความสามารถของเกษตรกรและชุมชนในการพัฒนาสินค้า เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
- 3 - 3) สร้างอัตลักษณ์หรือน าเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแหล่งก าเนิดให้กับสินค้า รวมทั้งการสร้างความแตกต่าง และโดดเด่นของสินค้าในแต่ละท้องถิ่น และสร้างตราสินค้าของเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ตลอดจนเชื่อมโยง ไปสู่ภาคการผลิตอื่น เป้าหมาย สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด อัตราการขยายตัวของมูลค่าของสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น (เฉลี่ยร้อยละ) 2.2.2 แผนย่อยเกษตรปลอดภัย ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) สนับสนุนการบริหารจัดการฐานทรัพยากรทางเกษตรและระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการผลิตในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน 2) พัฒนาระบบคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยและระบบการตรวจรับรองคุณภาพจากสถาบัน ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับต่างๆ พัฒนาคุณค่าทางโภชนาการของสินค้าเกษตรและอาหาร และพัฒนาระบบ การตรวจสอบย้อนกลับให้เป็นที่ยอมรับกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3) ส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกร ชุมชน ท้องถิ่น รวมถึงผู้ประกอบการ ให้สามารถผลิตสินค้า เกษตรและอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐาน และส่งเสริมการวิจัยพัฒนาสินค้า 4) สร้างความตระหนักรู้ของผู้ผลิตและผู้บริโภคถึงความส าคัญของความปลอดภัย และการส่งเสริม ด้านการขยายตลาดการบริโภคสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย 5) สนับสนุนการท าเกษตรอินทรีย์วิถีชาวบ้าน ควบคู่การขยายตลาดเกษตรอินทรีย์ทั้งใน และต่างประเทศ เป้าหมายที่ 1 สินค้าเกษตรปลอดภัยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด อัตราการขยายตัวของมูลค่าของสินค้าเกษตรปลอดภัย (เฉลี่ยร้อยละ) เป้าหมายที่ 2 ผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัยของไทยได้รับการยอมรับด้านคุณภาพความปลอดภัย และคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ตัวชี้วัด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้านคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร 2.2.3 แผนย่อยเกษตรชีวภาพ ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และเชื้อจุลินทรีย์ 2) ส่งเสริมและสนับสนุนการผลิต การแปรรูป และการพัฒนาสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์จาก ฐานเกษตรกรรมและฐานทรัพยากรชีวภาพ ยกระดับให้เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจการเกษตรขนาดกลาง และเล็ก และสนับสนุนให้มีการน าวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ในอุตสาหกรรมและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง กับชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม ในแต่ละพื้นที่ มุ่งแปรรูปเพื่อป้อนในตลาดอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สินค้าประเภทโภชนาเภสัช ผลิตภัณฑ์ ประเภทเวชส าอาง และผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องส าอาง 4) ส่งเสริมการท าการตลาดผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากเกษตร ชีวภาพ ตลอดจนประโยชน์และสรรพคุณของสมุนไพรไทย เป้าหมายที่ 1 สินค้าเกษตรชีวภาพมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด อัตราการขยายตัวของมูลค่าของสินค้าเกษตรชีวภาพ (เฉลี่ยร้อยละ) เป้าหมายที่ 2 วิสาหกิจการเกษตรจากฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นมีการจัดตั้งทุกต าบลเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด จ านวนวิสาหกิจการเกษตรขนาดกลางและเล็ก และผลิตภัณฑ์จากฐานชีวภาพ
- 4 - 2.2.4 แผนย่อยเกษตรแปรรูป ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) ส่งเสริมการพัฒนาและใช้วัตถุดิบและผลิตผลทางการเกษตรที่เชื่อมโยงไปสู่กระบวนการแปรรูป ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้อง 2) ส่งเสริมการแปรรูปโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงองค์ความรู้และภูมิปัญญา ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพในการแปรรูป สร้างความแตกต่าง และเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์และสินค้าเกษตร 3) สนับสนุนการน าเทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในกระบวนการผลิตหลังการเก็บเกี่ยว และการแปรรูป 4) ส่งเสริมการสร้างตราสินค้า และขยายช่องทางการตลาดด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสร้างเครื่องหมายทางการค้าและการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา เป้าหมาย สินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด อัตราการขยายตัวของมูลค่าสินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์ (เฉลี่ยร้อยละ) 2.2.5 แผนย่อยเกษตรอัจฉริยะ ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) ส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปัจจัยการผลิต เครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตร รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรแห่งอนาคต 2) พัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทางการเกษตร การจัดการภาคเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม องค์ความรู้ด้านการผลิตและการตลาด การใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล ฐานข้อมูลสารสนเทศทางการเกษตรต่างๆ 3) สนับสนุนและส่งเสริมการท าระบบฟาร์มอัจฉริยะ ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ ประโยชน์จากข้อมูลในการวางแผนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป้าหมายที่ 1 สินค้าที่ได้จากเทคโนโลยีสมัยใหม่/อัจฉริยะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด มูลค่าสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่/อัจฉริยะ (เฉลี่ยร้อยละ) เป้าหมายที่ 2 ผลผลิตต่อหน่วยของฟาร์มหรือแปลงที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่/ อัจฉริยะเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด ผลผลิตต่อหน่วยของฟาร์มหรือแปลงที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่/อัจฉริยะ (เฉลี่ยร้อยละ) 2.2.6 แผนย่อยการพัฒนาระบบนิเวศการเกษตร ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1) เพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการฐานทรัพยากรทางการเกษตร อนุรักษ์และรักษาฐานทรัพยากร ทางการเกษตรที่ส าคัญ การคุ้มครองที่ดินการเกษตร การจัดการน้ าเพื่อการเกษตรและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทรัพยากรทางการเกษตร และการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเหมาะสม 2) สร้างความมั่นคงอาหารให้กับครัวเรือนเกษตรกรและชุมชน สนับสนุนให้ชุมชนทางการเกษตร ของท้องถิ่น ส่งเสริมการท าการเกษตรตามหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุนให้หน่วยงานของ รัฐหรือท้องถิ่น ในพื้นที่มีบทบาทด าเนินการให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารในมิติต่างๆ รวมถึงการดูแลโภชนาการของ ประชาชนในทุกช่วงวัย สร้างเสถียรภาพด้านรายได้ของเกษตรกรและประชาชน การมีมาตรการรองรับส าหรับผู้มีรายได้น้อยให้สามารถ เข้าถึงสินค้าเกษตรและอาหารได้อย่างทั่วถึง และการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหาร และผลกระทบ 3) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ และการเฝ้าระวังและเตือนภัยสินค้าเกษตร ส่งเสริมให้มีการพัฒนา ระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการเกษตรที่มีมาตรฐานและครบวงจร ทั้งเรื่องเกษตรกร ข้อมูล อุปสงค์และอุปทานสินค้า เกษตรที่มุ่งเน้นการตลาดน าการผลิต ข้อมูลพื้นที่เกษตรกรรม ข้อมูลมูลค่าสินค้าเกษตร การพัฒนาระบบติดตาม เฝ้าระวังและวางระบบเตือนภัย กลไกลการจัดการปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับสินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ในมิติต่างๆ
- 5 - ทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งให้เกษตรกรและผู้ใช้ประโยชน์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ตลอดจนเชื่อมโยง ข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ วิเคราะห์แนวโน้มการผลิตสินค้าเกษตร 4) ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรเชื่อมโยงไปถึงผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาด้านการผลิตและด้านการตลาดของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ สนับสนุนการขยายเครือข่ายธุรกิจ ของวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ สนับสนุนให้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้น และมีกลไกล ในการดูแลให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรวมกลุ่มและการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอย่างแท้จริง 5) วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนภาคเกษตร สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยพื้นฐาน รวมถึงการวิจัยเชิงประยุกต์ในด้านต่างๆ พัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิต และการตลาด เทคโนโลยีดิจิทัล และข้อมูลสารสนเทศ 6) พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าและผลิตภัณฑ์ ยกระดับการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้มี คุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหรือกลุ่มผู้บริโภค จัดให้มีระบบการตรวจรับรองคุณภาพ มาตรฐานสินค้าเกษตรอย่างเพียงพอ มีขั้นตอนการตรวจสอบที่รวดเร็ว และมีราคาเหมาะสม รวมถึงการวางระบบ ตรวจสอบย้อนกลับ 7) ส่งเสริมด้านการตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือ ต่างๆ ในการส่งเสริมและขยายตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรในรูปแบบต่างๆ 8) อ านวยความสะดวกทางการค้าและพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการทางการค้าและอ านวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการให้มีความรวดเร็วและไม่เป็นภาระค่าใช้จ่าย ในการท าธุรกรรมทางการค้า และเตรียมความพร้อมของสถานที่เก็บรวบรวม/รักษาคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตร ที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน เป้าหมายที่ 1 ประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรต่อหน่วยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด มูลค่าผลผลิตสินค้าเกษตรต่อหน่วย (เฉลี่ยร้อยละ) เป้าหมายที่ 2 สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเป้าหมาย) ที่ขึ้นทะเบียน กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเข้มแข็งในระดับมาตรฐานเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร) ที่ขึ้นทะเบียนกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเข้มแข็งในระดับมาตรฐาน (เฉลี่ยร้อยละ) 2.3 นโยบำยและแผนระดับชำติว่ำด้วยควำมมั่นคงแห่งชำติ (พ.ศ. 2566 - 2570) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) มีทั้งสิ้น ๑๗ นโยบายและแผนความมั่นคง แบ่งออกเป็น ๒ หมวด ดังนี้ ๑. หมวดประเด็นควำมมั่นคง เป็นประเด็นภัยคุกคามที่มีผลกระทบและแนวโน้มความเสี่ยง สูงต่อความมั่นคงแห่งชาติและผลประโยชน์แห่งชาติ รวม ๑๓ นโยบายและแผนความมั่นคง ดังนี้ (1) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑ การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ (2) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๒ การปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ และการ พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ (3) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๓ การรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติพื้นที่ชายแดน (4) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๔ การรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (5) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๕ การป้องกันและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (6) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๖ การบริหารจัดการผู้หลบหนีเข้าเมืองและผู้โยกย้าย ถิ่นฐานแบบไม่ปกติ
- 6 - (7) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๗ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (8) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๘ การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (9) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๙ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (10) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๐ การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ (11) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๑ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย (12) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๒ การสร้างดุลยภาพระหว่างประเทศ (13) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๓ การบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และโรคติดต่ออุบัติใหม่ ๒. หมวดประเด็นศักยภำพควำมมั่นคง เป็นประเด็นเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาขีด ความสามารถของประเทศในการป้องกันและแก้ไขประเด็นความมั่นคงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวม ๔ นโยบาย และแผนความมั่นคง ดังนี้ (14) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๔ การพัฒนาศักยภาพการเตรียมพร้อมแห่งชาติ และการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ระดับชาติ (15) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๕ การพัฒนาระบบข่าวกรองแห่งชาติ (16) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๖ การบูรณาการข้อมูลด้านความมั่นคง (17) นโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๗ การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ เกี่ยวข้องกับด้ำนเกษตร จ ำนวน 2 นโยบำย ดังนี้ นโยบำยและแผนควำมมั่นคงที่ ๙ กำรป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย มุ่งเน้นการ ยกระดับการจัดการความเสี่ยงสาธารณภัยที่ส าคัญอันเกิดจากภัยธรรมชาติ และภัยที่เกิดจากการกระท าของ มนุษย์และ/หรือ เป็นภัยซ้ าซ้อน ให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และยั่งยืน โดยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การรับรู้และตระหนักรู้ถึงการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยที่ถูกต้อง ให้กับทุกภาคส่วนเพื่อลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วน ระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย และประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยมุ่ง จัดการสาธารณภัยให้มีมาตรฐานตามหลักสากล ด้วยการเสริมสร้างการจัดการในภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานในการปฏิบัติในภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนก าหนดแนวทางการปฏิบัติร่วมของศูนย์ ปฏิบัติการฉุกเฉินและเสริมสร้างระบบการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบรรเทาทุกข์และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม(กระทรวงมหาดไทย โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ) นโยบำยและแผนควำมมั่นคงที่ ๑๔ กำรพัฒนำศักยภำพกำรเตรียมพร้อมแห่งชำติ และ กำรบริหำรจัดกำรวิกฤตกำรณ์ระดับชำติมุ่งเน้นให้พัฒนาศักยภาพการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกัน และตอบสนอง ต่อภัยคุกคามรวมทั้งบูรณาการทรัพยากรของประเทศเพื่อใช้ในการเผชิญกับวิกฤตการณ์ระดับชาติ โดยทบทวน และพัฒนากลไกการบริหารจัดการ ทั้งในระดับนโยบาย ระดับอ านวยการ และระดับปฏิบัติ ให้สามารถปฏิบัติ ภารกิจร่วมกันได้อย่างประสานสอดคล้องเมื่อประเทศเผชิญกับปัญหาภัยคุกคาม หรือเข้าสู่ภาวะวิกฤต ระดับชาติ ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศในระดับทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการวิจัย และพัฒนาร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพกลไก ระบบการสั่งการในการประเมินและติดตามสถานการณ์ที่มีความ เสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะวิกฤตการณ์ระดับชาติ การแจ้งเตือน ตลอดจนการประสานงานระหว่างหน่วยงานและ ผู้ปฏิบัติภารกิจ (ส านักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ)
- 7 - 2.4 แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) มุ่งหมายที่ จะเร่งเพิ่มศักยภาพของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงและเสริมสร้าง ความสามารถ ในการสร้างสรรค์ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที การก าหนดทิศ ทางการพัฒนาประเทศ ในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ พลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” ซึ่งหมายถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมตั้งแต่ ระดับโครงสร้างนโยบายและกลไก เพื่อมุ่งเสริมสร้างสังคมที่ก้าวทันพลวัตของโลก และเกื้อหนุนให้คนไทยมี โอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มีความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูง และค านึงถึงความ ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่การขับเคลื่อนที่ชัดเจนในลักษณะของวาระการ พัฒนา (Agenda) ที่เอื้อให้เกิดการท างานร่วมกันของหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วนในการผลักดันการ พัฒนาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้ก าหนด หมุดหมายการพัฒนา จ านวน 13 ประการ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงสิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาจะ “เป็น” มุ่งหวังจะ “มี” หรือต้องการจะ “ขจัด” เพื่อสะท้อนประเด็นการพัฒนาที่มีล าดับความส าคัญสูงต่อการพลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” และการบรรลุเป้าหมายหลักในช่วงระยะเวลา 5 ปี ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 โดยมีหมุดหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ านวน 11 หมุดหมาย ได้แก่ หมุดหมำยที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นน ำด้ำนสินค้ำเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่ำสูง โดยสร้าง มูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริหารจัดการเพื่อคุณภาพ ความมั่นคงอาหาร และความยั่งยืนของภาคเกษตร และเพิ่มศักยภาพและบทบาทของผู้ประกอบการเกษตรใน ฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจของห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับส่วนแบ่งประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม หมุดหมำยที่ 2 ไทยเป็นจุดหมำยของกำรท่องเที่ยวที่เน้นคุณภำพและควำมยั่งยืน โดยเปลี่ยนการ ท่องเที่ยวไทยเป็นการท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมและบริการที่มีศักยภาพอื่น ปรับโครงสร้างการ ท่องเที่ยวให้พึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศและมีการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการท่องเที่ยวไทย ต้องมีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนในทุกมิติ หมุดหมำยที่ 5 ไทยเป็นประตูกำรค้ำกำรลงทุนและยุทธศำสตร์ทำงโลจิสติกส์ที่ส ำคัญของภูมิภำค โดยท าให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าและการลงทุน เป็นห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค และเป็นศูนย์กลาง คมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค หมุดหมำยที่ 6 ไทยเป็นฐำนกำรผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ส ำคัญของโลก โดยมูลค่า เศรษฐกิจดิจิทัลภายในประเทศมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ของประเทศเพิ่มขึ้น และมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของประเทศมีการ ขยายตัวเพิ่มขึ้น หมุดหมำยที่ 7 ไทยมีวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถ แข่งขันได้ โดยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออ านวยต่อการเติบโตและแข่งขันได้ของ SME SME มีศักยภาพสูงในการ ด าเนินธุรกิจ สามารถ Scale up และปรับตัวเข้าสู่การแข่งขันใหม่ และ SME สามารถเข้าถึงและได้รับการ ส่งเสริมอย่างมีประสิทธิผลจากภาครัฐ หมุดหมำยที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่ำอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยการเจริญ เติบโตทางเศรษฐกิจของภาคและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษขยายตัวเพิ่มขึ้น ความไม่เสมอภาคในการ กระจายรายได้ของภาคลดลง และการพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีความพร้อมในการรับมือและปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึง
- 8 - หมุดหมำยที่ 9 ไทยมีควำมยำกจนข้ำมรุ่นลดลง และคนไทยทุกคนมีควำมคุ้มครองทำงสังคม ที่เพียงพอ เหมำะสม โดยครัวเรือนยากจนข้ามรุ่นมีโอกาสในการเลื่อนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และคนไทย ทุกช่วงวัยได้รับความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอต่อการด ารงชีวิต หมุดหมำยที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคำร์บอนต่ ำ โดยการเพิ่มมูลค่าจากเศรษฐกิจ หมุนเวียนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ อย่างยั่งยืน และการสร้างสังคมคาร์บอนต่ าและยั่งยืน หมุดหมำยที่ 11 ไทยสำมำรถลดควำมเสี่ยงและผลกระทบจำกภัยธรรมชำติและกำรเปลี่ยนแปลง สภำพภูมิอำกำศ โดยการลดความเสียหายและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสร้างภูมิคุ้มกัน และการฟื้นตัวจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ หมุดหมำยที่ 12 ไทยมีก ำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่ง อนาคต โดยคนไทยได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย มีสมรรถนะที่จ าเป็นส าหรับโลกยุคใหม่ มีคุณลักษณะตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม ฉับพลันของโลก สามารถด ารงชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข ก าลังคนมีสมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการ ของภาคการผลิตเป้าหมาย และสามารถสร้างงานอนาคต ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต หมุดหมำยที่ 13 ไทยมีภำครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภำพ และตอบโจทย์ประชำชน โดยการบริการ ภาครัฐมีคุณภาพเข้าถึงได้ และภาครัฐที่มีขีดสมรรถนะสูงและคล่องตัว 2.6 แผนปฏิบัติกำรด้ำนกำรขับเคลื่อนกำรพัฒนำประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 - 2570 โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นกลไกเร่งให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้ Thailand 4.0 ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจจากการใช้ความได้เปรียบด้านทรัพยากรและแรงงาน ไปสู่ เศรษฐกิจ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมประสบความส าเร็จได้เร็วขึ้น ด้วยการระดมทรัพยากรและความสามารถของ ทุกภาคส่วนในการมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 - 2570 เป็นการพัฒนาภายใต้ 4+1 สาขายุทธศาสตร์ คือ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมีศักยภาพจะ เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านบาท จากฐานความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพ (Nature) วัฒนธรรม (Culture) และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (Nurture) ภายใต้กลไกจตุภาคี ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันวิจัย/สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน โดยมีวิสัยทัศน์ คือ เศรษฐกิจ เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ประชาชนมีรายได้ดี คุณภาพชีวิตดี รักษาและฟื้นฟูฐานทรัพยากรจากความ หลากหลาย ทางชีวภาพให้มีคุณภาพที่ดี ด้วยการใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ โดยเกี่ยวข้อง กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศำสตร์ที่ 1 การสร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการ จัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์ เน้นการน าความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์เพื่อความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นทุนพื้นฐานต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตเพื่อส่งต่อสู่คนรุ่นต่อไป รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติจากการมองว่า “Nature as Resource” เป็น “Nature as Source” ดังนั้น ธรรมชาติจึงไม่ใช่แค่เพียงทรัพยากรหรือปัจจัยการ ผลิตเท่านั้น แต่ธรรมชาติคือแหล่งก าเนิดของชีวิตและทุกสรรพสิ่งบนโลก เป็นพื้นฐานของความเป็นอยู่ที่ดีของ มนุษย์ด้วยเหตุนี้ จึงต้องรักษาสมดุลระหว่างการมีอยู่และใช้ไปรวมถึงการน ากลับมาใช้ซ้ าตามหลักการหมุนเวียน โดยมี แนวทางการด าเนินการ ดังนี้
- 9 - 1. การพัฒนาคลังข้อมูลดิจิทัลความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมเพื่อการบริหาร จัดการให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ 2. การอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสังคม 3. การบริหารจัดการน้ าให้เกิดความยั่งยืนด้วยการอนุรักษ์ป่าต้นน้ า และการพัฒนา แพลตฟอร์ม เพื่อลดการใช้ ลดการสูญเสีย การน ากลับมาใช้ซ้ า และยกระดับคุณภาพน้ าดื่ม น้ าใช้ให้สูงขึ้น 4. การสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ และการเพิ่ม ทักษะการบริหารจัดการทรัพยากรให้แก่ชุมชนและคนรุ่นใหม่ ยุทธศำสตร์ที่ 2 การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นที่โดยการระเบิดจากภายใน เน้นการตอบสนองความต้องการในแต่ละพื้นที่ เป็นอันดับแรก ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ การด ารงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ รวมถึงการใช้ประโยชน์ จากความเข้มแข็งจากภายในอันประกอบด้วย “ความหลากหลายทางชีวภาพ” “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” และ “ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่” มาต่อยอดและยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการยกระดับมาตรฐาน สร้างคุณค่าใหม่ รวมถึงการน า หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เพื่อการลดการใช้ทรัพยากร การด าเนินการดังกล่าวมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนา ที่น าไปสู่การเดินหน้าไปด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นการเติบโตของทุกภาคส่วนไปพร้อมๆ กัน เพื่อเพิ่ม โอกาสของชุมชน และผู้ประกอบการที่อยู่ในภูมิภาคได้รับการพัฒนา รวมถึงการเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างทัดเทียม กันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ความส าคัญกับการน าความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง บริการหรือแก้ปัญหาสุขภาพ ปัญหามลพิษ ยกระดับคุณภาพ ความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนการเสริมสร้าง ความสามารถในการพึ่งพิงแหล่ง พลังงานทางเลือกในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น โดยมีแนวทางการด าเนินการ ดังนี้ 1. การพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโตด้วยรูปแบบของระเบียงเศรษฐกิจ BCG 2. การน าทุนทางทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมไปสร้างอัตลักษณ์ของ ชุมชนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 3. การใช้ทรัพยากรด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่ เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้ชุมชน 4. การพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการมูลค่าสูงจากความหลากหลายทาง ชีวภาพด้วยการยกระดับมาตรฐาน การสร้างนวัตกรรม ตลอดจนการจัดการวัตถุดิบเหลือทิ้งจากการผลิตให้เป็นศูนย์ 5. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบบูรณาการ ด้วยกลไกจตุภาคี เช่น กลไกมหาวิทยาลัยสู่ต าบล อุทยานวิทยาศาสตร์ และคลัสเตอร์ 6. การพัฒนาตลาดและศักยภาพในการเข้าถึงตลาดทั้งในและนอกพื้นที่ด้วยการใช้อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงตลาด 7. การยกระดับคุณภาพ ความปลอดภัยและมาตรฐานของอาหารท้องถิ่น (Street food/ วิสาหกิจชุมชน) ด้วย Food machinery และมาตรฐานการประกอบการที่ดี 8. การสร้างและพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทั้งระบบ เช่น การยกระดับประสิทธิภาพการผลิต การควบคุมความปลอดภัย ความคิดสร้างสรรค์ ระบบประกันคุณภาพ
- 10 - ยุทธศำสตร์ที่ 3 การยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน เน้นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการเดิมให้สามารถเติบโต ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการน าความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมายกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดความสูญเสียใน กระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ หรือการน าไปสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจ หมุนเวียน ยกระดับมาตรฐานสู่การเป็นแหล่งผลิตและให้บริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี ให้ความส าคัญกับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการผลิตที่ยั่งยืนเทียบเท่ามาตรฐานสากล รวมถึง การยกระดับผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วยการใช้นวัตกรรมเข้มข้น เช่น ระบบการผลิตพืชในโรงเรือนอัจฉริยะ (Plan factory) การให้บริการด้านสุขภาพที่มีความแม่นย าสูง หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้น าในการผลิต และการให้บริการทั้งในระดับประเทศและเวทีโลก โดยมีแนวทางการด าเนินการในแต่ละสาขายุทธศาสตร์ ดังนี้ 1. สาขาการเกษตรและอาหาร 1) การปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรสู่ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และมูลค่าสูงด้วยการใช้ การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) สนับสนุนการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น การผลิตสินค้า เกษตร พรีเมียม เกษตรปลอดภัย และเพิ่มความหลากหลายชนิดสินค้า 2) การขับเคลื่อนเกษตรสู่การเป็นทั้ง B, C และ G ด้วยการบูรณาการในพื้นที่ (Area based) 3) การแปรรูปสินค้าเกษตรขั้นสูง ด้วยการแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ สารออกฤทธิ์ สาระส าคัญเพื่อเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง รวมถึงโปรตีนจากแมลงหรือพืช 4) การยกระดับประสิทธิภาพการผลิตด้วยการน าแพลตฟอร์มดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง ระบบ อัตโนมัติมาใช้บริหารจัดการกระบวนการผลิต และการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค 5) ปรับปรุงกระบวนการผลิตสู่ระบบการผลิตสีเขียวและการผลิตที่ยั่งยืน ลดการสูญเสีย ระหว่างการผลิตและขยะอาหาร และการยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง 6) การสร้างแบรนด์อาหารไทยในตลาดโลกด้วยการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบไทย อัตลักษณ์ วัฒนธรรมไทยและการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว 7) การลงทุนและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมอาหาร เช่น หน่วยวิเคราะห์ทดสอบ ด้านอาหารฟังก์ชัน โรงงานต้นแบบผลิตอาหารฟังก์ชันและสารประกอบ Functional ingredient มาตรฐาน GMP 2. สาขาสุขภาพและการแพทย์ 1) การสร้างและยกระดับความสามารถในการพัฒนาและผลิตวัคซีน ยา และชีววัตถุ ในการ ป้องกันและควบคุมโรคจากไวรัสและการเข้าสู่ตลาดสากล 2) การยกระดับคุณภาพการรักษาสู่ระบบการแพทย์แม่นย า ด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้ บริการ การแพทย์จีโนมิกส์ ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products, ATMPs) 3) การเร่งรัดการพัฒนาเครื่องมือ และวัสดุทางการแพทย์ด้วยกลไกนวัตกรรมแบบ วิศวกรรมย้อนกลับ 4) การส่งเสริมการวิจัยทางคลินิก เพื่อรองรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และ สุขภาพ ได้แก่ ยา วัคซีน อาหารสุขภาพ อาหารการแพทย์ เครื่องส าอาง เครื่องมือแพทย์ และวัสดุทางการแพทย์ 5) การส่งเสริมการสร้างตลาดด้วยกลไกการขึ้นทะเบียนนวัตกรรม Sandbox การจัดซื้อ จัดจ้างภาครัฐ และปรับรูปแบบการจัดซื้อจากรายปีเป็น Multi-year procurement 6) การสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับอุตสาหกรรม และบริการการแพทย์และสุขภาพ
- 11 - 3. สาขาพลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ 1) การสร้างโอกาสทางการตลาดแก่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้แข่งขันอย่างเป็นธรรมด้วยกลไก การก าหนดราคาคาร์บอน การจัดสรรคาร์บอนเครดิต และการลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด 2) การส่งเสริมการน าพืช ผลผลิต และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม 3) การใช้นวัตกรรมชีวภาพเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการ และการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ให้แก่ SMEs และการเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าของโลก 4. สาขาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 1) การผลักดันให้เกิดการน าโมเดลการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น Happy Model เพื่อกระจาย รายได้อย่างทั่วถึงไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง ลดความเหลื่อมล้ า และมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒) การส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนและการท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง Happy Model ๓) การกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองท่องเที่ยวรองด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการ ในเมือง ท่องเที่ยวรอง โดยใช้อัตลักษณ์ท้องถิ่น วัฒนธรรม พัฒนาเรื่องราว และการอ านวยความสะดวก และความปลอดภัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้วย Digital Technology ๔) การขยายตลาดการท่องเที่ยวด้วยการส่งเสริมพัฒนาระบบการจ่ายเงินแบบ One Payment System เพื่ออ านวยความสะดวกและรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่าย รวมถึงพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ ที่น าเสนอจุดเด่นของประเทศไทยในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ๕) การส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูงผ่านการจัดงานประชุมและนิทรรศการ กีฬา และอีเว้นท์ (Event) ขนาดใหญ่ 5. เศรษฐกิจหมุนเวียน 1) การพัฒนาเศรษฐกิจด้วยโอกาสการลงทุนและการสร้างตลาดด้วยโมเดลธุรกิจ เศรษฐกิจหมุนเวียน 2) การส่งเสริมงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการคิดค้นผลิตภัณฑ์และ บริการใหม่จากการน าของเสียกลับมาใช้ใหม่ ๓) การพัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หมุนเวียนอย่างเป็นระบบ ๔) การสร้างระบบกลไกการบริหารจัดการที่เอื้ออ านวยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ของประเทศ ๕) การสร้างก าลังคนที่มีความรู้และความเข้าใจ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการอบรม หรือหลักสูตร รวมทั้งสร้างความตระหนักในการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
- 12 - ยุทธศำสตร์ที่ 4 การเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก อย่างเท่าทันเพื่อบรรเทาผลกระทบ รวมถึงเข้าถึงโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกที่เกิดขึ้นได้รวดเร็ว ยิ่งขึ้น เป็นการปูทางสู่อนาคตด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ เพื่อการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคตด้วยการน า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเพิ่มศักยภาพของชุมชน ผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต/ บริการเพื่อตอบสนอง ต่อความต้องการของตลาด รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อน าไปสู่สังคมคาร์บอนต่ า นอกจากนี้ ต้องพัฒนาก าลังคนเพื่อรองรับ เศรษฐกิจ BCG ในอนาคต รวมถึงการวิจัย พัฒนาขั้นแนวหน้าเพื่อลดการพึ่งพาการน าเข้าเทคโนโลยีจาก ต่างประเทศ โดยมีแนวทางการด าเนินการ ดังนี้ 1. การยกระดับความสามารถของก าลังคนในสาขา BCG 2. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคุณภาพ 4. การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า 2.6 เป้ำหมำยและกำรพัฒนำภำค พ.ศ. 2566 - 2570 ภำคกลำง มุ่งสู่การพัฒนาเป็น “ฐานการผลิตสินค้าและบริการมูลค่าสูง” ที่เติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย แนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1. พัฒนาและยกระดับภาคกลางไปสู่การเป็นฐานอุตสาหกรรมขั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีและ นวัตกรรมที่สามารถออกแบบและพัฒนาขึ้นเอง 2. พัฒนาและยกระดับภาคกลางไปสู่การเป็นแหล่งเกษตรสมัยใหม่และศูนย์รวบรวมและ กระจายสินค้าเกษตรของประเทศ 3. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวส าคัญและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เข้าสู่ตลาดท่องเที่ยวคุณภาพ 4. พัฒนาภาคกลางเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง 5. พัฒนาการผลิตก าลังคนให้มีทักษะรองรับอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 6. พัฒนาเมือง เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและเมืองชายแดน รวมทั้งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคกลาง-ตะวันตก ให้เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต 7. ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจสาขาเกษตรของภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1. ภาคกลางมีศักยภาพในการพัฒนาด้านการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ า กลางน้ า และปลายน้ า โดยภาคกลาง เป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ าที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสมในการท าการเกษตร จึงมีดินและน้ าอุดมสมบูรณ์ และมีระบบ ชลประทานที่ดี มีลักษณะภูมิประเทศที่เอื้ออ านวย ท าให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรหลากหลายประเภท ทั้งพืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ และประมง รวมทั้งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรที่เชื่อมโยงแหล่งผลิตสินค้าเกษตร ทั้งในภาคกลาง และภาคอื่นๆ มีสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี มีศูนย์วิจัยข้าว ตั้งอยู่ที่หลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี ลพบุรี ราชบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังมีค้าส่งค้าปลีกสินค้าเกษตรที่ส าคัญในพื้นที่ ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ตลาดศรีเมือง จังหวัดราชบุรี ตลาดปลาสุวพันธ์ จังหวัดอ่างทอง และตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เป็นต้น มูลค่าผลิตภัณฑ์ภาคเกษตร ภาคกลาง ณ ราคาประจ าปี 2562 ประมาณ 226,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 195,906 ล้านบาท ในปี 2559
- 13 - ภาคเกษตรของภาคกลางมีสัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์คิดเป็นร้อยละ 6.0 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ภาค และร้อยละ 16.5 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรของประเทศ ผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรภาคกลางในช่วง 3 ปี แรกของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ขยายตัวร้อยละ 3.9 สูงกว่าในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ที่หดตัวร้อยละ 2.3 ต่อปี ส าหรับปัญหา ส าคัญของการท าเกษตรภาคกลางที่ยังต้องด าเนินการแก้ไข คือ รูปแบบการผลิตเป็นเกษตรเชิงพาณิชย์ที่ใช้ สารเคมีจ านวนมาก มีปัญหาดินที่เสื่อมโทรมและหลายพื้นที่มักประสบปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ปัญหาการ เปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินไปเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยมากขึ้นตามแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ ท าให้พื้นที่เกษตรกรรมของภาคกลางลดลง นอกจากนี้แนวโน้มต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรของภาคกลางมีสูงขึ้น จากค่าจ้างแรงงานและราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งค่าจ้างในการท าการเกษตรต่างๆ เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ จะเป็นผู้พ้นวัยหนุ่มสาวแล้ว จึงใช้การท าการเกษตรในรูปแบบการจ้างด าเนินการมากขึ้น เช่น การจ้างเตรียมดิน และการจ้างเก็บเกี่ยว เป็นต้น 2. ภาคกลางถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่ส าคัญของประเทศแห่งหนึ่ง ทั้งทางด้านการ เพาะปลูก การท าปศุสัตว์ และประมง แหล่งการท าเกษตรที่ส าคัญของภาคกลาง คือ จังหวัดราชบุรี มีสัดส่วนการ ผลิตร้อยละ 14.6 รองลงมาได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ร้อยละ 11.7 กาญจนบุรี ร้อยละ 10.9 ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 9.6 และนครปฐม ร้อยละ 8.9 สินค้าเกษตรด้านพืชที่ส าคัญของภาคกลาง ได้แก่ ข้าว แหล่งปลูกที่ส าคัญ ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา มันส าปะหลัง แหล่งปลูกที่ส าคัญ ได้แก่ จังหวัด กาญจนบุรี และลพบุรี อ้อยโรงงาน แหล่งปลูกที่ส าคัญได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ลพบุรี และสุพรรณบุรี สับปะรด โรงงาน แหล่งปลูกที่ส าคัญ คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แหล่งปลูกที่ส าคัญได้แก่ จังหวัดลพบุรี และสระบุรี นอกจากนี้ยังมี กล้วยไม้ เป็นพืชส่งออกส าคัญที่ท ารายได้และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ โดยแหล่ง ผลิตกล้วยไม้ ที่ส าคัญของประเทศอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจังหวัดที่มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตมากที่สุดของภาค และของประเทศคือ จังหวัดนครปฐม รองลงมาคือ สมุทรสาคร ด้านปศุสัตว์ ได้แก่ โคนม เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัด สระบุรี รองลงมา ได้แก่ ลพบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี และนครปฐม โคเนื้อ เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัด กาญจนบุรี รองลงมา ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และสุพรรณบุรี สุกร เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัดราชบุรี รองลงมา ได้แก่ นครปฐม สุพรรณบุรี ลพบุรี และสระบุรี เป็ดเนื้อ เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัดสระบุรี รองลงมา ได้แก่ นครปฐม ลพบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี เป็ดไข่ เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัดสุพรรณบุรี รองลงมา ได้แก่ อ่างทอง นครปฐม ชัยนาท ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา ไก่เนื้อ เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัดลพบุรี รองลงมา ได้แก่ กาญจนบุรี สระบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม และไก่ไข่ เลี้ยงมากที่สุดที่จังหวัดนครปฐม รองลงมา ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี ส าหรับด้านประมง ภาคกลางมีศักยภาพในการท าการ ประมงทั้งน้ าจืด และน้ าเค็ม โดยจังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์สาขาประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ าสูงที่สุดของภาค คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองลงมา ได้แก่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ 3. พื้นที่ชลประทานต่อพื้นที่เกษตรของภาคกลางสูงกว่าภาพรวมระดับประเทศ ปี 2562 ภาคกลาง มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรรวมประมาณ ๑๘ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๑ ของพื้นที่ใช้ประโยชน์ ทางการเกษตร ทั้งประเทศ และมีพื้นที่ชลประทานครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑๐.๒ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๕ ของพื้นที่ชลประทานทั้งประเทศ ท าให้ภาคกลางมีสัดส่วนพื้นที่ชลประทานต่อพื้นที่เกษตรคิดเป็นร้อยละ ๕๖.๕ ซึ่งสูงกว่าภาพรวมระดับประเทศที่มีสัดส่วนร้อยละ ๒๓.๒
- 14 - 4. เกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ยังมีไม่มากนัก จากข้อมูลการตรวจรับรองเกษตร ปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ พบว่า ภาคกลางมีพื้นที่ได้รับ การรับรองเกษตรปลอดภัยรวมทั้งสิ้น ๑๐๘,๗๔๘.๐๑ ไร่ แบ่งออกเป็นที่ยังไม่หมดอายุ ๙๘,๓๑๖.๐๙ ไร่ และที่ หมดอายุ ๑๐,๔๓๑.๙๒ ไร่ และเกษตรอินทรีย์ ๓๐,๖๕๑.๘๖ ไร่ แบ่งออกเป็นที่ยังไม่หมดอายุ ๑,๖๖๐.๕๗ ไร่ และ ที่หมดอายุ ๒๘,๙๙๑.๒๙ ไร่ โดยจังหวัดในภาคกลางที่มีพื้นที่ได้รับการรับรองแหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมาก ที่สุดคือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองลงมาได้แก่ ราชบุรี ปทุมธานี นครปฐม และกาญจนบุรี ส่วนจังหวัดที่มีพื้นที่ ได้รับการรับรองแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์มากที่สุดคือ จังหวัดลพบุรี รองลงมาได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม สระบุรี และสุพรรณบุรี ในอนาคตความต้องการสินค้าเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์จะมีมากขึ้นตาม พฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้น การสนับสนุนและส่งเสริมการท าเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ยังมีความส าคัญที่ ต้องด าเนินการและขยายผลต่อไป 2.7 ยุทธศำสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดท ายุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) เพื่อเป็นกรอบการพัฒนาการเกษตร ของประเทศในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาที่ส าคัญ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) แผนปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนา ในระดับโลกขององค์การสหประชาชาติ โดยยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) มุ่งในการเสริมจุดแข็งและแก้ไขจุดอ่อนให้เอื้อต่อการพัฒนาภาคการเกษตรในระยะยาว เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “เกษตรกร มั่นคง ภาคการเกษตรมั่งคั่ง ทรัพยากรการเกษตรยั่งยืน” โดยมียุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา ดังนี้ ยุทธศำสตร์ที่ 1 สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร Smart Farmer, Smart Group, Smart Enterprise เสริมสร้างความภาคภูมิใจ และความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม บริหารจัดการแรงงานภาคเกษตรโดยน านวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ยุทธศำสตร์ที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิตและคุณภาพมาตรฐานสินค้า และส่งเสริมการเกษตรตลอดโซ่อุปทานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ยุทธศำสตร์ที่ 3 เพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนเกษตรให้สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 บริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการเกษตร และพัฒนาผลงานวิจัยด้านการเกษตรน าไปสู่การผลิตนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ยุทธศำสตร์ที่ 4 บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรอย่างยั่งยืน และฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรการเกษตรให้สมดุลและยั่งยืน ยุทธศำสตร์ที่ 5 พัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ โดยพัฒนาบุคลากรเป็น Smart Officer และ Smart Researcher เชื่อมโยงระบบการท างานของทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปรับปรุง และพัฒนากฎหมายด้านการเกษตร 2.8 แผนปฏิบัติกำรด้ำนกำรเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2566 – 2570 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดท าแผนปฏิบัติราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระยะ 5 ปี(พ.ศ. 2566 - 2570) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการด าเนินงานของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ในช่วงระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570) ของยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนปฏิบัติราชการฯ ดังกล่าว จะเป็นแผนหลักในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งน าไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ และน าไปใช้ในการ ติดตามและประเมินผลโครงการส าคัญประจ าปีงบประมาณ ตลอดจนผู้บริหารสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการ
- 15 - ก ากับดูแล และติดตามผลการด าเนินงานของโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละผลผลิตให้สามารถด าเนินการได้ ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดินในภาพรวม เพื่อมุ่งสู่การบรรลุผลสัมฤทธิ์ของเป้าหมายระดับชาติร่วมกันต่อไป วิสัยทัศน์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์“เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10 ต่อปี” ประเด็นการพัฒนา ประกอบด้วย 5 ประเด็นการพัฒนา ประเด็นการพัฒนา 28 แนวทางการพัฒนา ประเด็นกำรพัฒนำที่ 1 เสริมสร้ำงควำมมั่นคงทำงกำรเกษตร แนวทางการพัฒนา การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเกษตร เน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเกษตร ด้วยการน้อมน าหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา มาใช้เป็นกรอบแนวทางในการส่งเสริมการประกอบอาชีพด้านการเกษตร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้การป้องกันและแก้ไขปัญหาการท าประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU Fishing) การป้องกัน และแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ ประเด็นกำรพัฒนำที่ 2 ยกระดับขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของภำคเกษตร แนวทางการพัฒนา 1) เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ด้วยการ ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม การขึ้นทะเบียนและคุ้มครองสิทธิให้กับสินค้าและ ผลิตภัณฑ์ การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและผลิตภัณฑ์ การสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรและชุมชน ในการพัฒนาอัตลักษณ์พื้นถิ่น รวมทั้งสร้างอัตลักษณ์หรือเรื่องราวแหล่งก าเนิด สร้างความแตกต่างและความโดดเด่น ตลอดจนสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ทั้งในระดับประเทศและเพื่อการส่งออก 2) เกษตรปลอดภัย พัฒนาคุณภาพมาตรฐานและระบบการรับรองความปลอดภัยในระดับ ต่างๆรวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับให้เป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุน การผลิตสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงอาหารอย่างทั่วถึง และปลอดภัย สร้างความตระหนักรู้ของผู้ผลิตและผู้บริโภคถึงความส าคัญของเกษตรปลอดภัย และส่งเสริม ด้านการขยายตลาดบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนการท าเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ระดับอินทรีย์ วิถีชาวบ้าน เพื่อต่อยอดสู่เกษตรอินทรีย์เชิงพาณิชย์ที่ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 3) เกษตรชีวภาพ สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพทางการเกษตรเพื่อน าไปสู่การผลิต และขยายผลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และประยุกต์ใช้นวัตกรรมจากภูมิปัญญา ท้องถิ่นและเทคโนโลยีที่ค านึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการแปรรูปสินค้าจากความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมและ สนับสนุนการผลิต การแปรรูป และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากฐานเกษตรกรรมและฐานทรัพยากรชีวภาพเชื่อมโยงไปสู่ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมและส่งเสริมให้มี การน าวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับชีวภาพ 4) เกษตรแปรรูป สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการแปรรูปสินค้า เกษตรขั้นสูงที่มีคุณค่าเฉพาะและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และผลักดัน เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ตลอดจนให้ความส าคัญกับตราสินค้าและปกป้องสิทธิใน ทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและผลิตผลทางการเกษตรเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่โดยการน า เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร รวมทั้งสนับสนุนการน าเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของ สินค้าเกษตร
- 16 - 5) เกษตรอัจฉริยะ ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปัจจัยการผลิต เครื่องจักรกล และอุปกรณ์ทางการเกษตร รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรแห่งอนาคต เพื่อน ามาใช้ในกระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร ทั้งเชิงปริมาณ คุณภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนา ศักยภาพเกษตรกรให้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร เทคโนโลยีอวกาศและภูมิ สารสนเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อวางแผนการเกษตร และพัฒนาเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรอัจฉริยะที่มีขีด ความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งส่งเสริมการท าระบบฟาร์มอัจฉริยะ โดยการถ่ายทอดและสนับสนุนเทคโนโลยี ให้แก่เกษตรกรในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการ วางแผนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 6) การพัฒนาระบบนิเวศการเกษตร ให้ความส าคัญกับมาตรการสนับสนุนที่จะช่วยให้การ สร้างมูลค่าในภาคเกษตรด าเนินการได้อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการ ฐานทรัพยากรทางการเกษตร สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับครัวเรือนเกษตรกรและชุมชน การพัฒนาระบบ ข้อมูลสารสนเทศและการเฝ้าระวังและเตือนภัยสินค้าเกษตร ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร วิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สนับสนุนภาคการเกษตร พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมและ ขยายตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตร และการอ านวยความสะดวกทางการค้าและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การเกษตร 7) ท่องเที่ยวเกษตรเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม สร้างสรรค์คุณค่าสินค้าและบริการบนฐาน ของทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มุ่งเน้นการใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมผนวก กับจุดแข็งในด้านความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสินค้า และบริการด้านการท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรม ความต้องการนักท่องเที่ยว และสร้างทางเลือกของประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว 8) โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์การเกษตร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งอ านวย ความสะดวกด้านโลจิสติกส์การเกษตรของสถาบันเกษตรกร และระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้มีความพร้อมและ เพียงพอต่อการให้บริการในพื้นที่ตามเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจหรือจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและด่านที่มีการขนถ่าย สินค้าเกษตร รวมถึงสนับสนุนสถาบันเกษตรกรให้เป็นผู้รวบรวม กระจาย และขนถ่ายสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นการ เชื่อมโยงกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ระหว่างเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ บริหารจัดการโลจิสติกส์ตลอดโซ่อุปทานภาคเกษตร 9) การสร้างความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร) ให้เป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ก้าวทันและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการ สร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและบริการ การขยายช่องทางการตลาด การสร้างตราสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ และการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งการปรับตัวสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ในการ ขับเคลื่อนธุรกิจ สนับสนุนความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมและพัฒนาสถาบันเกษตรกรต้นแบบ เพื่อให้กิจการของสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ สอนแนะการจัดท าบัญชี การจัดท างบการเงิน การใช้ข้อมูลทางบัญชีในการบริหารจัดการ ก ากับแนะน าการจัดท าบัญชี และติดตามผลการจัดท าบัญชี
- 17 - 10) การพัฒนาการเกษตรในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยยกระดับผลิตภาพการผลิตโดยใช้ เทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อสร้างมูลค่าผ่านคลัสเตอร์เกษตรที่สนับสนุนอุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve รวมทั้งขยายผลการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรสมัยใหม่ พัฒนาศูนย์กลางการแปรรูปการเกษตรและการประมงในภาคใต้ รวมถึง ผลิตภัณฑ์ทางทะเล โดยยกระดับเกษตรกรรายย่อย ให้มีความสามารถในการผลิตและแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาด่านสินค้าเกษตรชายแดน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการอ านวยความสะดวกในการผ่านแดนเพิ่มศักยภาพ ในการตรวจสอบสินค้าเกษตรที่จะน าเข้าประเทศไทยและอ านวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าเกษตรที่ผ่าน ด่านชายแดนให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ประเด็นกำรพัฒนำที่ 3 สร้ำงควำมเสมอภำคและกระจำยควำมเท่ำเทียมทำงสังคมเกษตร แนวทางการพัฒนา 1) การเสริมสร้างทุนทางสังคม ส่งเสริมการด าเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชด าริ การพัฒนาพื้นที่ โครงการหลวง ด าเนินการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร โดยอบรม ให้ความรู้ สอนแนะการจัดท าบัญชีต้นทุน ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกรในพื้นที่โครงการฯ ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ พัฒนาและส่งเสริมสหกรณ์ใน พื้นที่โครงการ สร้างทายาทเกษตรกร ส ารวจและวางแผนการใช้ที่ดิน จัดท าระบบอนุรักษ์ดินและน้ าสอนแนะการ จัดท าบัญชี และพัฒนาแหล่งน้ าให้เกษตรกรในพื้นที่โครงการ 2) การรองรับสังคมเกษตรสูงวัยเชิงรุก เพิ่มบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรผู้สูงอายุ ส่งเสริมการน าความรู้ ประสบการณ์ และภูมิปัญญาที่สั่งสมมาตลอดช่วงชีวิตของเกษตรกรผู้สูงอายุมาถ่ายทอดสู่ คนรุ่นหลัง เพื่อให้เกิดการสืบสานและต่อยอดการพัฒนาสังคม รวมทั้งส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้สูงอายุ เพื่อท ากิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยเหลือชุมชนและสังคม 3) การยกระดับศักยภาพของเกษตรกรรายย่อยให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ ด้วยการเสริมสร้าง เศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเอง ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและ กัน สนับสนุนให้เกษตรกรเรียนรู้ทางการเกษตรผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) พัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer ) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร และยกระดับ เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีศักยภาพ 4) การสร้างสภาพแวดล้อมและกลไกที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนการเข้าถึง ทรัพยากรและปัจจัยการผลิต โดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีที่ดินท ากิน ด้วยการบริหารจัดการที่ดินท ากินแก่เกษตรกร รายย่อยและผู้ด้อยโอกาส รวมถึงการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ประเด็นกำรพัฒนำที่ 4 บริหำรจัดกำรทรัพยำกรกำรเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่ำงสมดุลและยั่งยืน แนวทางการพัฒนา 1) การพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมเชิงนิเวศ ส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรเชิงพื้นที่ ระดับภาค เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กระจายทั่วทุกภูมิภาค โดยการ เสริมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพให้แก่เกษตรกรในทุกพื้นที่ให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนและสร้างความ เข้มแข็งให้กับประเทศด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ ประเทศ จัดท าฐานข้อมูลด้านการพัฒนาพื้นที่เมือง ชนบท เกษตรกรรมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และพื้นที่อนุรักษ์ โดยก าหนดให้จังหวัดเป็นฐานในการพัฒนาเชิงพื้นที่
- 18 - 2) การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว โดยอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศและ แหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ควบคู่กับการลดภัยคุกคามต่อพื้นที่ชนิดสัตว์น้ า และพืชเฉพาะถิ่น สร้างระบบฐานข้อมูลและธนาคารพันธุกรรม มีการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืน ทั้งการเพาะปลูก ปศุสัตว์ และประมง ตลอดห่วงโซ่คุณค่า 3) การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล ปรับปรุงฟื้นฟูและสร้างใหม่ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ โดยพัฒนาและฟื้นฟูทรัพยากรประมงในแหล่งน้ าธรรมชาติประกอบกับ การดูแลที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวทางการบริหารจัดการประมงอย่างยั่งยืน 4) การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ศึกษาผลกระทบของการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อพืช ปศุสัตว์ ประมง และทรัพยากรทางการเกษตร สร้างและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยพัฒนาเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ผลกระทบ และการเตือนภัย 5) การจัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสารเคมีในภาคเกษตรทั้งระบบให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากล ส่งเสริมการหยุดการเผาในพื้นที่การเกษตร ด้วยการถ่ายทอดความรู้ และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ าและจัดการสารเคมีในภาคเกษตรทั้ง ระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 6) การพัฒนาการจัดการน้ าเชิงลุ่มน้ าทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ าของประเทศ จัดระบบการ จัดการน้ าในภาวะวิกฤติ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ าให้สามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ าท่วมการขาดแคลนน้ าภาค การผลิต น้ าอุปโภคบริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ า 7) การเพิ่มผลิตภาพของน้ าทั้งระบบ ในการใช้น้ าอย่างประหยัด รู้คุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มจาก การใช้น้ าให้ทัดเทียมกับระดับสากล ด้วยการพัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพ อนุรักษ์ ฟื้นฟูแหล่งน้ า ระบบกระจายน้ า และเชื่อมโยงวางระบบเครือข่ายน้ า/ลุ่มน้ า ทั้งในและนอกเขตชลประทาน และปฏิบัติการท าฝนหลวงเพื่อเพิ่ม ปริมาณน้ าในพื้นที่เกษตร ป่าไม้ และเขื่อนเก็บกักน้ า แก้ไขภาวะภัยแล้งให้แก่เกษตรกรและประชาชนผู้ใช้น้ าทั่วไป ประเด็นกำรพัฒนำที่ 5 พัฒนำระบบกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐและงำนวิจัยด้ำนกำรเกษตร แนวทางการพัฒนา 1) การพัฒนาบริการประชาชน พัฒนารูปแบบการให้บริการภาครัฐ เพื่ออ านวยความสะดวกในการ ให้บริการประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และครบวงจร รวมทั้งน าเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมม า ประยุกต์ใช้ในการให้บริการประชาชน 2) การพัฒนาระบบบริหารงานภาครัฐ พัฒนาหน่วยงานภาครัฐให้เป็นภาครัฐทันสมัย เปิดกว้างเป็นองค์กร ที่มีขีดสมรรถนะสูง ก าหนดนโยบายและการบริหารจัดการที่ตั้งอยู่บนข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์มุ่งผลสัมฤทธิ์ มีความโปร่งใสยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การและออกแบบระบบการบริหารงานใหม่ ให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว กระชับ ทันสมัย สามารถตอบสนองต่อบริบทการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกมิติ 3) การสร้างและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เพื่อให้บุคลากรภาครัฐเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีจิตส านึก มีความสามารถสูง มีภาวะผู้น า และมีความรู้ความสามารถในการท างานรับใช้ประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง มีทักษะในการปฏิบัติงานที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก 4) การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของรัฐให้มีความใสสะอาด ปราศจากพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต โดยการปฏิบัติหน้าที่ราชการ อย่างเปิดเผย โปร่งใส ถูกต้อง เป็นธรรม
- 19 - 5) การพัฒนากฎหมาย พัฒนากฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้อง กับบริบทและเอื้อต่อการพัฒนาประเทศ โดยประเมินผลสัมฤทธิ์ ทบทวนความจ าเป็นและความเหมาะสมของ กฎหมายที่มีอยู่ทุกล าดับชั้นของกฎหมาย แก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ยกเลิกกฎหมายที่มีเนื้อหาไม่ จ าเป็นหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ 6) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร ส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคการเกษตรเป้าหมายของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและองค์ ความรู้พื้นฐาน รวมถึงปัจจัยสนับสนุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อยกระดับรายได้ลดรายจ่าย และลด ปัจจัยเสี่ยงในการท าการเกษตรให้กับเกษตรกร ตลอดจนรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น 2.9 แผนปฏิบัติรำชกำรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) เป็นแผนหลัก ในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุ เป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งน าไปใช้เป็น ข้อมูลประกอบการจัดท างบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ และน าไปใช้ในการติดตามและประเมินผล โครงการส าคัญประจ าปีงบประมาณ ตลอดจนผู้บริหารสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการก ากับดูแล และติดตามผล การด าเนินงานของโครงการ/กิจกรรมต่างๆ ในแต่ละผลผลิตให้สามารถด าเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างมี ประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดินในภาพรวม มีวิสัยทัศน์ คือ “เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี” โดยมีเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศสาขาเกษตรเพิ่มขึ้น ผลิตภาพการผลิตของภาคเกษตรเพิ่มขึ้น รายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนเกษตรเพิ่มขึ้น สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร) มีศักยภาพเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการทรัพยากร เพื่อการผลิตทางการเกษตรมีความสมดุล ประกอบด้วย 5 ประเด็นการพัฒนา 28 แนวทางการพัฒนา ได้แก่ ประเด็นกำรพัฒนำที่ 1 เสริมสร้างความมั่นคงทางการเกษตร มีแนวทางการพัฒนา คือ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเกษตร ประเด็นกำรพัฒนำที่ 2 ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตร มีแนวทางการพัฒนา คือ เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป เกษตรอัจฉริยะ การพัฒนาระบบ นิเวศการเกษตร ท่องเที่ยวเกษตรเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์การเกษตร การสร้างความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร) ให้เป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ และการพัฒนาการเกษตรในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประเด็นกำรพัฒนำที่ 3 สร้างความเสมอภาคและกระจายความเท่าเทียมทางสังคมเกษตร มีแนวทาง การพัฒนา คือ การเสริมสร้างทุนทางสังคม การรองรับสังคมเกษตรสูงวัยเชิงรุก การยกระดับศักยภาพ ของเกษตรกร รายย่อยให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ และการสร้างสภาพแวดล้อมและกลไกที่ส่งเสริมการพัฒนา เศรษฐกิจฐานราก ประเด็นกำรพัฒนำที่ 4 บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน มีแนวทางการพัฒนา คือ การพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมเชิงนิเวศ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อ สภาพภูมิอากาศ การจัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสารเคมีในภาคเกษตรทั้งระบบให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากล การพัฒนาการจัดการน้ าเชิงลุ่มน้ าทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ าของประเทศการเพิ่มผลิตภาพ ของน้ าทั้งระบบในการใช้น้ าอย่างประหยัด รู้คุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้ าให้ทัดเทียมกับระดับสากล
- 20 - ประเด็นกำรพัฒนำที่ 5 พัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐและงานวิจัยด้านการเกษตร มีแนวทาง การพัฒนา คือ การพัฒนาบริการประชาชน การพัฒนาระบบบริหารงานภาครัฐ การสร้างและพัฒนา บุคลากรภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ การพัฒนากฎหมาย และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมการเกษตร 2.10 นโยบำยรัฐบำลที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 โดยคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่รัฐบาลจะด าเนินการ เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง สังคมไทยมีความสงบสุข สามัคคี และเอื้ออาทร คนไทย มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้นและมีความพร้อมที่จะด าเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งและมี ความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง โดยมีนโยบายประกอบด้วย นโยบายหลัก 12 ด้าน นโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง โดยมีนโยบาย หลักและนโยบายเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้ 1. นโยบายหลัก 8 ด้าน ประกอบด้วย นโยบายหลักที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ นโยบายหลักที่ 4 การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก นโยบายหลักที่ 5 การพัฒนาเศรษฐกิจและ ความสามารถ ในการแข่งขันของไทย นโยบายหลักที่ 6 การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค นโยบายหลักที่ 7 การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก นโยบายหลักที่ 10 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นโยบายหลักที่ 11 การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ และนโยบายหลักที่ 12 การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม 2. นโยบายเร่งด่วน 10 เรื่อง ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่ 1 การแก้ไขปัญหาในการ ด ารงชีวิตของประชาชน นโยบายเร่งด่วนที่ 3 มาตรการเศรษฐกิจ นโยบายเร่งด่วนที่ 4 การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และพัฒนานวัตกรรม นโยบายเร่งด่วนที่ 5 ยกระดับศักยภาพแรงงาน นโยบายเร่งด่วนที่ 6 การวางรากฐานระบบ เศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต นโยบายเร่งด่วนที่ 7 เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 นโยบายเร่งด่วนที่ 8 การแก้ไข ปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจ า นโยบายเร่งด่วนที่ 9 การแก้ไข ปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นโยบายเร่งด่วนที่ 10 การพัฒนาระบบการ ให้บริการ ประชาชน และนโยบายเร่งด่วนที่ 11 การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย 2.11 นโยบำยส ำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1. ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ได้มีแนวทางการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนด้านการเกษตรให้มีความยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์และแนวทางนโยบายหลัก ดังนี้ 1.1 ยุทธศาสตร์ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ยุทธศาสตร์ตลาดน าการผลิต โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ด าเนินการประสาน ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย Lazada Shopee Alibaba สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้มี ความหลากหลาย ทั้งในรูปแบบตลาดออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผู้ซื้อกับผู้ขายเพื่อ สร้างเครือข่ายธุรกิจเกษตรทั้งผลผลิตและสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรชุนชนที่เชื่อมโยงกับตลาด ชุมชนหรือตลาดเกษตรกร อีกทั้งส่งเสริมระบบเกษตรพันธสัญญา เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างเกษตรกรกับ ผู้ประกอบการ โดยมีความร่วมมือด้านการตลาดที่ส าคัญ ได้แก่
- 21 - 1.1) ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ การสร้างกลไกความร่วมมือให้เกิดการ บูรณาการ อย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ให้เกิดการขับเคลื่อนภายใต้ ยุทธศาสตร์ตลาดน าการผลิต ผ่านคณะท างานร่วมของทั้ง 2 กระทรวง โดยการด าเนินงานของคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อน ได้แก่ (1) การสร้างและใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data) จัดท า Dashboard สินค้าเกษตร (2) การสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” โดยคัดเลือกกลุ่มสหกรณ์ กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ และ วิสาหกิจชุมชนเป็นกลุ่มน าร่องในการออกแบบจัดท าแพลตฟอร์มกลาง (3) การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และการตรวจสอบย้อนกลับ และ (4) การพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความ ต้องการของตลาด 1.2) ความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยพัฒนาเกษตรแม่นย า สู่ธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรม ในสินค้าเกษตรส าคัญ อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ ามัน อ้อยโรงงาน ข้าวโพดหวาน และมะเขือเทศ ร่วมกับบริษัทผู้รับซื้อในเครือข่ายสภาอุตสาหกรรม เป็นการด าเนินงานที่เน้นให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ ด้วยกระบวนการจัดการที่ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น สนับสนุนแผนการตลาดที่ชัดเจนของ อุตสาหกรรม ทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และช่วงเวลาการรับซื้อ ทั้งนี้ พื้นที่เป้าหมาย คือ พื้นที่เกษตรกรรมที่ผลิต สินค้าตามเป้าหมายของอุตสาหกรรมที่ห่างจากแหล่งรับซื้อผลผลิตในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร เพื่อลดภาระ ต้นทุน การจัดการด้านโลจิสติกส์ 1.3) การพัฒนาระบบตลาดสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มโอกาสและการรับรู้ความต้องการ ของตลาด โดยการพัฒนาช่องทางเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ การจัดท าร้านค้าออนไลน์ให้ กับสินค้าเกษตร ด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ พัฒนาระบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาต่อยอดระบบเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ การใช้งานของเกษตรกร เช่น การ Live จ าหน่ายสินค้า ทาง Facebook รวมถึงการเชื่อมโยงระบบจัดเก็บและขนส่งสินค้า ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่าย/คลัสเตอร์ให้แก่ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยการพัฒนากลไกเพื่อเพิ่มช่องทางการจ าหน่ายสินค้าของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร 2) ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 เพื่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมตลอดโซ่อุปทานและโซ่คุณค่า (Supply-Value Chain) ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป จนถึงการตลาดโดย 2.1) พัฒนาศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เพื่อเป็น ต้นแบบเกษตรอัจฉริยะให้กับเกษตรกร รวมถึงเป็นกลไกส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถ เข้าถึงเทคโนโลยีการเกษตรผ่านการรวมกลุ่ม 2.2) พัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยีทางการเกษตร สนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตร การประดิษฐ์ นวัตกรรม รวมทั้งเครื่องจักรกล เกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ของแต่ละจังหวัด โดยเชื่อมโยงการท างานกับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เพื่อยกระดับสู่การท าเกษตรสมัยใหม่ เกษตรแบบแม่นย า (Precision Agriculture) และเกษตรอัจฉริยะ 2.3) พัฒนาเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) และส่งเสริม สถาบัน เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร ให้เป็นผู้ให้บริการทางการเกษตร (Agricultural Service Providers : ASP) เพื่อยกระดับการให้บริการทางการเกษตร และเป็นช่องทางการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม เกษตรสมัยใหม่ได้อย่างครบวงจร
- 22 - 3) ยุทธศาสตร์ 3’S คือ "Safety" ความปลอดภัยของอาหาร "Security" ความมั่นคง มั่งคั่ง ของภาคการเกษตรและอาหาร และ "Sustainability" ความยั่งยืนของภาคการเกษตร 3.1) Safety เน้นสินค้าเกษตรและอาหารของไทยมีความปลอดภัย เชื่อมั่นในระบบ ที่มีมาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) มาตรฐานสินค้าเกษตรของไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล และมั่นใจว่า สินค้าเกษตรและอาหารของไทยผลิตด้วยความปลอดภัยทั้งระบบ เพื่อผู้บริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยัง ตลาดต่างประเทศ 3.2) Security เน้น 4 ด้าน ได้แก่ (1) Food Security ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารที่ส าคัญของโลก สามารถผลิตสินค้าเกษตรและอาหารได้เพียงพอ และสามารถผลิตเลี้ยงคนทั่วโลกได้ โดยมีตัวอย่างสินค้าดาวเด่นของไทย อาทิ ข้าว มันส าปะหลัง ไก่ สินค้าประมง (2) Health Security ไทยมี มาตรการ ควบคุม ป้องกัน การระบาดโรคที่เข้มงวด (3) Biosecurity ไทยมีระบบควบคุม/ป้องกันโรคระบาดใน สัตว์และพืช รวมทั้งศัตรูพืช การน าแอพพลิเคชั่น e-Smart Plus มาใช้ในการประเมินความเสี่ยงฟาร์มสุกรแบบ Realtime ส าหรับโรค African Swine Fever (ASF) และ (4) Farmer Security เน้นการเสริมสร้างเกษตรกรและ องค์กรเกษตรกร ให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมเกษตรพอเพียง และ Smart Farmer, Young Smart Farmer เพื่อให้ ภาคเกษตรมีความมั่นคง 3.3) Sustainability ระบบการท าเกษตรของไทยเน้นความยั่งยืน เช่น เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ และวนเกษตร การลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร รับรู้ เกี่ยวกับการใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง มีการน าเทคโนโลยีฝนหลวงมาใช้ประโยชน์ มีการจัดสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้ความส าคัญกับความยั่งยืนของดิน การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) เพื่อลด ต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และมีการบริหารจัดการน้ าทั้งระบบ รวมถึงการขับเคลื่อน โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio - Circular - Green Economy : BCG Economy) และ SDGs ที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร 4) ยุทธศาสตร์การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน 4.1) การบูรณาการเพื่อพัฒนาฐานข้อมูล Big Data ในการใช้ประโยชน์และเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อการบริหารและสนับสนุนข้อมูลที่ดีแก่เกษตรกรส าหรับการตัดสินใจที่ถูกต้อง และเหมาะสม รวมถึงตรวจสอบศักยภาพพื้นที่ โดยบูรณาการจัดท าระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ส าหรับเป็นเครื่องมือในการวางแผนบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่ส าคัญ ที่ค านึงถึงความเหมาะสมด้าน กายภาพ ด้านเศรษฐกิจส าหรับการเชื่อมโยงข้อมูล และช่วยให้เกษตรกรมีข้อมูลที่ดีโดยมีการรวบรวมข้อมูลและ การด าเนินงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งสินค้า การตลาด และทรัพยากร และครอบคลุม พื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อบริหารจัดการสินค้าเกษตรและทรัพยากรทางการเกษตร น าไปใช้วางแผน การผลิตอย่างเป็นระบบ รวมถึงการรับรู้ความต้องการคุณภาพและปริมาณของตลาดทั้งในและต่างประเทศ 4.2) สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในด้านการพัฒนาการเกษตร การน าจุดแข็ง หรือ ศักยภาพของแต่ละภาคส่วนมาร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาภาคเกษตรตลอดโซ่อุปทาน เช่น ความร่วมมือด้านการตลาด ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แพลตฟอร์มตลาด ออนไลน์ต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงด้านการตลาดให้มีความหลากหลาย ใช้ในการซื้อขายได้จริง 5) ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวศาสตร์พระราชา โดยน้อมน าหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันและสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกร ได้แก่ โครงการอันเนื่องมาจาก พระราชด าริฯ เกษตรทฤษฎีใหม่ และโครงการหลวง ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกลุ่มเกษตรกร เครือข่ายเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร สามารถน าไปปฏิบัติได้จริงและพึ่งพาตนเองได้
- 23 - 1.2 แนวทางนโยบายหลัก 15 ด้าน ประกอบด้วย 1) นโยบาย “ตลาดน าการผลิต” เป็นนโยบายหลักโดยเพิ่มช่องทางตลาดให้หลากหลาย ทั้งในรูปแบบตลาดออนไลน์ (แพลตฟอร์มรายสินค้าเพื่อรองรับ New Normal) ตลาดออฟไลน์ โมเดิร์นเทรด (Modern Trade) รถโมบาย ตลาดสด ตลาดชุมชน คาราวานสินค้า เกษตรพันธสัญญา และเคาน์เตอร์เทรด จัดกิจกรรม จับคู่ธุรกิจผู้ซื้อกับผู้ขายเพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ โดยร่วมมืออย่างเข้มข้นกับกระทรวงพาณิชย์ภายใต้ โมเดล “เกษตร - พาณิชย์ทันสมัย” 2) การสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก โดยส่งเสริมให้เกษตรกร มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ท าให้มีอ านาจต่อรองในการซื้อขายผลผลิต ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ เกษตร ชุมชน เชื่อมโยงกับตลาดชุมชน/ตลาดเกษตรกร ตลาดสีเขียว (Green Market) และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชน รวมทั้งพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้สามารถช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกร เอื้อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ ทั้งสังคม ชุมชน วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติให้เข้มแข็งและยั่งยืน 3) การส่งเสริมสถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ Start Up เป็นหน่วยธุรกิจให้บริการ ทางการเกษตร (Agricultural Service Providers : ASP) เพื่อยกระดับสู่การให้บริการทางการเกษตร เช่น เทคโนโลยี ในการดูแลรักษา รถจักรกลในการเตรียมดินและการเก็บเกี่ยว ส าหรับให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรแบบครบวงจร 4) การส่งเสริมเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) เพื่อสร้างความไว้วางใจและความ ร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างยั่งยืน ระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการ และร่วมกันยกระดับ คุณภาพผลผลิต และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด 5) การพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ด้าน เทคโนโลยีทางการเกษตร สนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตร โดยเชื่อมโยงการท างานกับ ศพก. เพื่อยกระดับ สู่การท าเกษตรสมัยใหม่ และเกษตรแบบแม่นย า (Precision Agriculture) 6) การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เพื่อตอบสนองต่อโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการค้าสินค้าเกษตรออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าเกษตรให้มีความสดใหม่และ ถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว รวมถึงพัฒนาระบบเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออ านวยความสะดวกในการส่งออก และน าเข้าสินค้าเกษตร 7) การบริหารจัดการน้ าอย่างเป็นระบบ มีการกระจายน้ าอย่างเหมาะสมและทั่วถึง รวมทั้ง พัฒนาแหล่งน้ าในไร่นาของเกษตรกรและชุมชน เพื่อให้เกษตรกรมีน้ าเพียงพอส าหรับใช้ในการอุปโภค บริโภค และ ท าการเกษตร ตลอดจนป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย 8) การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้ตรง ตามศักยภาพของที่ดิน และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากที่สุด โดยก าหนดเขตความเหมาะสมในการ ท าการเกษตรในแต่ละพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุดผ่านข้อมูล Agri - Map 9) การส่งเสริมศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เพื่อบ่มเพาะ เกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาดแก่เกษตรกร รวมทั้งให้บริการทางวิชาการและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ โดยมีเกษตรกรต้นแบบเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และ เป็นกลไกในการบูรณาการการท างานของหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการเกษตรในระดับพื้นที่ 10) การประกันภัยพืชผล ให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียต่อพืชผลที่เอา ประกันภัย ซึ่งเกิดจากภัยต่างๆ เช่น น้ าท่วม ภัยแล้ง ลมพายุ ลูกเห็บตก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพทาง รายได้และความมั่นคงในอาชีพให้แก่เกษตรกร รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ทางธรรมชาติอย่างทันท่วงที
- 24 - 11) การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันและสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกร ได้แก่ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ และวนเกษตร ด้วยการลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง และมีการพัฒนาอาหารของไทย ให้เป็นรูปแบบอาหารที่ปลอดภัยและมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองต่อความ ต้องการสินค้าเกษตรปลอดภัยใน 5ร ได้แก่ โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล เรือนจ า และร้านอาหาร 12) การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น สร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าจากความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น สมุนไพร แมลงเศรษฐกิจ ส่งเสริมสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพทางด้านการตลาดในอนาคต ทั้งสินค้าอาหาร อนาคต (Future Food) และสินค้าเกษตรที่ตอบสนองผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม (Functional Food) รวมทั้งสินค้า เกษตรเพื่อพลังงานและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 13) การวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทยบนพื้นฐาน ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อน ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรและผู้บริโภค 14) การพัฒนาฐานข้อมูล Big Data ในการใช้ประโยชน์และเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกับ หน่วยงานต่างๆ เพื่อการบริหารและช่วยให้เกษตรกรมีข้อมูลที่ดีและเพียงพอต่อการตัดสินใจที่ถูกต้องและ เหมาะสม เพื่อการผลิตและการจ าหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 15) การประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันส าปะหลัง ปาล์มน้ ามัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2. แนวทำงกำรขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ให้กับผู้บริหารและบุคลากรของส่วนราชการ/หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยสรุปเป็นแนวทางด าเนินงานหลักใน 3 ด้าน ดังนี้ 2.1 ภารกิจเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายให้บรรลุเป้าหมาย ประกอบด้วย 1) เร่งรัดงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริของกระทรวง 2) ขยายพื้นที่เกษตรทฤษฎีใหม่สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรฐานราก 3) ยกระดับศักยภาพแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่ 4) ผลักดันการสร้างเกษตรมูลค่าสูง 5) พัฒนาช่องทางเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ 6) ผลักดันการพัฒนา Big Data อย่างเป็นรูปธรรม 7) ยกระดับ ศพก. สู่ศูนย์พัฒนา Smart Farmer ครบวงจร 8) ปรับปรุงกลไกและคณะท างานขับเคลื่อนระดับพื้นที่ 9) มอบหมายรองปลัดกระทรวงดูแลการขับเคลื่อนระดับพื้นที่ 10) ปรับปรุงระบบประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบให้ทันสมัยเข้าถึงเกษตรกร 2.2 ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้เกษตรกร ประกอบด้วย 1) การแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 2) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร 3) การรับเรื่องราวร้องทุกข์และการเยี่ยมเยียนพี่น้องเกษตรกร 4) การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกร
- 25 - 2.3 วางรากฐานการท างานของกระทรวงรองรับความปกติใหม่ (New Normal) ประกอบด้วย 1) สร้างเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพที่ชัดเจนและพัฒนา Smart Officer ให้พร้อมรับ การเปลี่ยนแปลง 2) สร้างความตระหนักในวัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมร่วม และสร้างอัตลักษณ์ของกระทรวง รวมทั้งยกระดับสวัสดิการเพื่อคนกระทรวง 3) ก าหนดตัวชี้วัดร่วมเพื่อสร้างพลังการขับเคลื่อนบูรณาการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 4) ปรับปรุงโครงสร้าง อ านาจหน้าที่และบทบาทของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงให้สอดรับ กับเป้าหมายระยะยาวและแนวทางการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ 5) สร้างเอกภาพในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง 6) สร้างหอบังคับการ (Control Tower) เพื่อตรวจสอบ ติดตาม การบริหารแผนงานและ งบประมาณของกระทรวง 7) ทบทวนแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัดให้เป็นแผนหลักด้านการเกษตร ของกระทรวงในจังหวัด เพื่อบูรณาการงบประมาณและสร้างแนวร่วมการพัฒนา 8) ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงและผู้ตรวจราชการกรมเป็นผู้น าการเพิ่มประสิทธิภาพการ ปฏิบัติราชการในพื้นที่ 9) ผลักดันการศึกษาวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรทุกด้าน 2.12 ประเด็นกำรพัฒนำตำมแผนพัฒนำจังหวัด/กลุ่มจังหวัด 1) ประเด็นกำรพัฒนำตำมแผนพัฒนำจังหวัด ตามที่รัฐบาลได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) และก าหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ป (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ก าหนดเป้าหมายที่ต้องการบรรลุอย่างชัดเจน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ความสามารถในการแข่งขัน ทรัพยากรมนุษย์ โอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการบริหาร จัดการภาครัฐ ซึ่งเป็นการด าเนินยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อเสริมจุดเด่นในระดับจังหวัดและระดับภาคในการเป็น ฐานการผลิตและบริการที่ส าคัญ โดยเน้นการพัฒนาที่ยึดพื้นที่เป็นตัวตั้งและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก กลไกบริหารจัดการเชิงพื้นที่แบบบูรณาการระหว่างภาคส่วนต่าง ๆโดยยึดหลักพื้นที่ ภารกิจ และการมีส่วนร่วม ในการขับเคลื่อนการพัฒนาให้บรรลุผล สอดคลองกับแผนพัฒนาในระดับต่าง ๆ ตลอดจนนโยบายที่ส าคัญของรัฐบาล และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้ก าหนดประเด็นการพัฒนา ดังนี้ เป้าหมายการพัฒนา “อยุธยาเมืองมรดกโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ น่าเรียนรู้ น่าอยู่ น่าลงทุน” ประเด็นการพัฒนาที่ 1 พัฒนาเมืองและชุมชนน่าอยู่สู่เมืองแห่งความสุข ประเด็นการพัฒนาที่ 2 ยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอัจฉริยะคุณภาพสูง ประเด็นการพัฒนาที่ 3 สร้างฐานเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมและภูมิปัญญาอย่างสร้างสรรค์
- 26 - 2) ประเด็นกำรพัฒนำตำมแผนพัฒนำกลุ่มจังหวัด จากผลการวิเคราะห์ปัญหาความต้องการศักยภาพและโอกาสของพื้นที่รวมทั้งแนวโน้ม สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคมและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ UN เป้าหมายระดับชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป้าหมายระดับภาคที่จะเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นน า ตลอดจนนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน จึงน ามา ก าหนดเป็นประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาในแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน (พ.ศ. 2566 - 2570) ดังนี้ เป้าหมายการพัฒนา “ลุ่มน้ าแห่งประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจดิจิทัลเชิงสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน” ประเด็นการพัฒนาที่ 1 สร้างฐานการผลิตสินค้าเกษตร อาหารเพื่อสุขภาพมูลค่าสูง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประเด็นการพัฒนาที่ 2 ยกระดับการท่องเที่ยวมูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ประเด็นการพัฒนาที่ 3 เพิ่มมูลค่าห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมและบริการในอนาคต ประเด็นการพัฒนาที่ 4 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพลังงาน แบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1. ข้อมูลทั่วไปของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1.1 ข้อมูลด้านกายภาพของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1.1.1 ลักษณะทางภูมิศาสตร์ 1) ที่ตั้งและขนาดพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางตอนล่างของประเทศห่างจาก กรุงเทพมหานคร ทางถนนสายเอเชีย 75 กิโลเมตร ทางรถไฟ 72 กิโลเมตร และทางเรือ 103 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 2,556.64 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,597,900 ไร่ นับว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ที่ 63 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 11 ของจังหวัดในภาคกลาง 2) อาณาเขต จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้ - ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดอ่างทองและ จังหวัดลพบุรี - ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี - ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดสระบุรี - ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดสุพรรณบุรี
3) สภาพพื้นที่ เป็นที่ราบลุ่มน้้าท่วมถึง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ไม่มีภูเขา ไม่มีป่าไม้ มีแม่น้้าไหลผ่าน ๔ สาย ได้แก่ แม่น้้าเจ้าพระยา แม่น้้าป่าสัก แม่น้้าลพบุรี และแม่น้้าน้อย รวมความยาวประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร มีล้าคลองใหญ่น้อยประมาณ ๑,๒๕๔ คลอง เชื่อมต่อกับแม่น้้าเกือบทั่วบริเวณพื้นที่ 4) ลักษณะดิน ลักษณะดินแยกเป็น 6 ประเภท คือ ดินเหนียว 1,054,080 ไร่ ดินเหนียวปนดินร่วน 207,716 ไร่ ดินเหนียวปนดินทราย 47,942 ไร่ ดินร่วนปนดินทราย 12,300 ไร่ ดินทราย 8,500 ไร่ และเป็นดินร่วน 300 ไร่ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ มีดินร่วนปนดินทรายสีเทาอมเหลือง ที่อ้าเภอบางบาล และอ้าเภอบางประหัน เหมาะในการท้าอิฐมอญได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีทรายมากตามบริเวณลุ่มแม่น้้าล้าคลอง ได้แก่ เขตอ้าเภอบางบาล อ้าเภอบางปะหัน อ้าเภอพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่เป็นทรายที่ใช้ถมที่เพื่อการก่อสร้าง ๑.1.๒ ลักษณะภูมิอากาศ (ที่มา : สถานีอุตุนิยมวิทยา) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้น อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ๒ ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในฤดูหนาว ซึ่งอากาศจะเย็นและแห้งแล้ง และลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ในฤดูฝน ท้าให้ฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน มีฤดูแบ่งเป็น 3 ฤดู ดังนี้ (1) ฤดูฝน จะเริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม หรือต้นเดือนมิถุนายน จนถึงเดือนตุลาคม ตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม หรือต้นเดือนมิถุนายน ฝนเริ่มตกและจะตกถี่ขึ้นในเดือนสิงหาคมหรือเดือนกันยายน ซึ่งเป็น เดือนที่มีฝนตกชุกที่สุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝนที่ตกในระยะนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก ลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นจากทะเลจีนใต้ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ฝนจะเริ่ม น้อยลง รวมระยะเวลาของฤดูฝนประมาณ 5 เดือน (2) ฤดูหนาว เริ่มประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจะเป็น ระยะเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว คือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มอ่อนลง ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามาแทนที่ จึงนับว่าย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งอุณหภูมิจะไม่ลดต่้ามากนักเพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ ปลายลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและอยู่ใกล้อ่าวไทย ไออุ่นจากทะเลท้าให้หนาวน้อยลง รวมระยะเวลาของ ฤดูหนาวประมาณ 3 เดือน (3) ฤดูร้อน เริ่มประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์อิทธิพลของ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มอ่อนลง ท้าให้อากาศเริ่มร้อน และจะร้อนอบอ้าวที่สุดในเดือนเมษายน สาเหตุ เพราะการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์และการปกคลุมด้วยความกดอากาศสูงจากทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นต้นก้าเนิดกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดเข้าสู่อ่าวไทย ท้าให้อากาศร้อนมากขึ้น รวมระยะเวลาของฤดู ร้อนประมาณ 4 เดือน - ปีพ.ศ.2561 อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 42.10 องศาเซลเซียส และต่้าสุด 10 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน อากาศร้อนอบอ้าว ฤดูฝนเริ่ม ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ปริมาณน้้าฝนเฉลี่ยทั้งจังหวัดประมาณ 1,009.40 มิลลิเมตรต่อปี น้้าที่หลากมาตามแม่น้้าล้าคลองจะท่วมตามที่ลุ่มต่างๆ ดังนั้น บ้านเรือนของชุมชนริมน้้าในอยุธยา จึงมักจะสร้าง เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง ส้าหรับฤดูหนาวเริ่มประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม อากาศไม่หนาวมากนัก - 28 -
1.1.3 แหล่งน้้าธรรมชาติเช่น แม่น้้า คลอง บึง (ที่มา : ที่ท้าการปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/ ส้านักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) 1) แม่น้้า - แม่น้้าเจ้าพระยา เริ่มจากปากน้้าโพจังหวัดนครสวรรค์ ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท ไหลผ่านจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง เข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือถึงอ้าเภอ บางบาล แยกเป็น 2 สาย สายที่ 1 ผ่านอ้าเภอบางบาลและอ้าเภอบางไทร ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร สายที่ 2 ผ่านอ้าเภอบางบาล อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา และอ้าเภอบางปะอิน รวมความยาวของแม่น้้าสายนี้ ที่ ไหลผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร มีความกว่างประมาณ 150 – 350 เมตร - แม่น้้าป่าสัก มีต้นก้าเนิดจากจังหวัดเพชรบูรณ์ไหลผ่านอ้าเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี อ้าเภอแก่งคอยและอ้าเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อ้าเภอท่าเรือ อ้าเภอนครหลวง แล้วไหลไปบรรจบแม่น้้าเจ้าพระยาที่หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมความยาวที่ไหลผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาประมาณ 52 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 100 – 200 เมตร - แม่น้้าลพบุรี เป็นล้าน้้าธรรมชาติ เริ่มต้นที่ต้าบลม่วงหมู่ อ้าเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ไหลผ่าน จังหวัดลพบุรี เข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อ้าเภอบ้านแพรก อ้าเภอมหาราช อ้าเภอบางปะหัน และ อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 62.5 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 50 – 150 เมตร - แม่น้้าน้อย เป็นล้าน้้าธรรมชาติ รับน้้าจากแม่น้้าเจ้าพระยา เหนือเขื่อนเจ้าพระยา ที่ประตู ระบายน้้าบรมธาตุ ไหลผ่านจังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง เข้าเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อ้าเภอผักไห่ อ้าเภอเสนา และอ้าเภอบางไทร ไปบรรจบกับแม่น้้าเจ้าพระยาที่อ้าเภอบางไทร ความยาวที่ไหล ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 30 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 50 – 150 เมตร 1.2 ข้อมูลด้านการปกครองของจังหวัด 1.2.1 การแบ่งเขตการปกครอง เขตการปกครอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 อ้าเภอ 209 ต้าบล 1,459 หมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาล ต้าบล 31 แห่ง องค์การบริหารส่วนต้าบล 121 แห่ง เขตเลือกตั้ง 4 เขต ดังนี้ 1. เขตเลือกตั้งที่ 1 : อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา และอ้าเภออุทัย 2. เขตเลือกตั้งที่ 2 : อ้าเภอบางปะหัน อ้าเภอมหาราช อ้าเภอท่าเรือ อ้าเภอนครหลวง อ้าเภอภาชี และอ้าเภอบ้านแพรก 3. เขตเลือกตั้งที่ 3 : อ้าเภอบางปะอิน อ้าเภอบางไทร และอ้าเภอวังน้อย 4. เขตเลือกตั้งที่ 4 : อ้าเภอเสนา อ้าเภอบางซ้าย อ้าเภอผักไห่ อ้าเภอบางบาล และอ้าเภอนครหลวง หน่วยราชการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีส่วนราชการส่วนภูมิภาค 34 หน่วยงาน ส่วนราชการ ส่วนกลางที่มีส้านักงานตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค 61 หน่วยงาน มีบุคลากรส่วนราชการส่วนภูมิภาค 4,284 คน แบ่งเป็นข้าราชการ 3,623 คน พนักงานราชการ 305 คน และลูกจ้างประจ้า 356 คน และบุคลากรส่วนราชการ ส่วนกลาง 5,476 คน แบ่งเป็นข้าราชการ 4,573 คน พนักงานราชการ 569 คน และลูกจ้างประจ้า 334 คน (ที่มา : ส้านักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2561) - 29 -
การแบ่งเขตการปกครอง ที่ อ้าเภอ ต้าบล หมู่บ้าน อบจ. ทน. ทม. ทต. อบต. ๑ พระนครศรีอยุธยา ๒๑ ๑๒๑ ๑ ๑ ๑ - ๑๓ ๒ ท่าเรือ ๑๐ ๘๔ - - - ๒ ๙ ๓ นครหลวง ๑๒ ๗๔ - - - ๒ ๖ ๔ บางไทร ๒๓ ๑๓๖ - - - ๒ ๙ ๕ บางบาล ๑๖ ๑๑๑ - - - ๒ ๔ ๖ บางปะอิน ๑๘ ๑๔๙ - - 1 8 ๙ ๗ บางปะหัน ๑๗ ๙๔ - - - ๑ ๑๐ ๘ ผักไห่ ๑๖ ๑๒๘ - - ๑ ๑ ๘ ๙ ภาชี ๘ ๗๒ - - - ๑ ๗ ๑๐ ลาดบัวหลวง ๗ ๕๘ - - - ๒ ๖ ๑๑ วังน้อย ๑๐ ๖๘ - - ๑ - ๙ ๑๒ เสนา ๑๗ ๑๑๔ - - ๑ ๔ ๙ ๑๓ บางซ้าย ๖ ๕๓ - - - ๑ ๔ ๑๔ อุทัย ๑๑ ๑๐๗ - - - ๑ ๑๑ ๑๕ มหาราช ๑๒ ๕๘ - - - ๒ ๕ ๑๖ บ้านแพรก ๕ ๒๗ - - - ๑ ๒รวมทั้งสิ้น ๒๐๙ ๑,๔๔๕ ๑ ๑ 5 30 ๑๒๑ ที่มา ส้านักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อบจ. หมายถึง องค์การบริหารส่วนจังหวัด ทน. หมายถึง เทศบาลนคร ทม. หมายถึง เทศบาลเมือง ทต. หมายถึง เทศบาลต้าบล อบต. หมายถึง องค์การบริหารส่วนต้าบล - 30 -
1.2.2 ข้อมูลประชากร ประชากรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๖6 รวม ๘19,0๘๘ คน (๓36,357 ครัวเรือน) เป็นชาย ๓๙3,55๑ คน เป็นหญิง ๔๒๕,537 คน อ้าเภอที่มีประชากรมากที่สุดได้แก่ อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา จ้านวน ๑39,789 คน และอ้าเภอที่มีประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ อ้าเภอบ้านแพรก จ้านวน ๘,856 คน ลักษณะข้อมูล ชาย หญิง รวม แยกตามลักษณะสถานะของบุคคล - ผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน 391,227 423,702 814,929 - ผู้ที่ไม่ได้สัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน 850 682 1,532 - ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง (ทะเบียนซึ่งผู้อ้านวยการ ทะเบียนกลางก้าหนดให้จัดท้าขึ้นส้าหรับ ลงรายการบุคคลที่ ไม่อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน) 1,318 1,034 2,352 - ผู้ที่อยู่ระหว่างการย้าย (ผู้ที่ย้ายออกแต่ยังไม่ได้ย้ายเข้า) 156 119 275 ที่มา ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวบรวมโดย ที่ท้าการปกครองจังหวัด พระนครศรีอยุธยา สถิติประชากร แยกรายอ้าเภอ พ.ศ.๒๕๖6 อ้าเภอ ชาย หญิง รวม ครัวเรือน เกิด ตาย ย้ายเข้า ย้ายออก พระนครศรีอยุธยา 66,439 ๗๓,350 139,789 55,348 4,645 2,662 7,267 ๑๐,224 ท่าเรือ 27,098 29,787 56,885 ๑๘,454 67 301 ๑,403 ๑,568 นครหลวง ๑๗,538 ๑๙,๑59 ๓๖,697 ๑๗,200 ๔2 ๒16 ๑,196 ๑,165 บางไทร ๒๓,508 ๒๔,530 ๔๘,038 16,137 2๑ 227 1,806 1,408 บางบาล ๑๖,236 ๑๗,708 33,944 ๑๒,400 ๕ ๒04 ๑,20๓ 986 บางปะอิน 54,866 60,486 115,352 60,693 443 462 ๗,970 ๕,149 บางปะหัน ๒๐,071 ๒๑,652 ๔๑,723 ๑๔,749 12 ๒46 ๑,641 ๑,221 ผักไห่ ๑๙,141 ๒๐,469 39,610 ๑๔,400 31 ๒9๕ ๑,321 ๑,078 ภาชี 14,972 ๑๖,063 ๓๑,035 ๑๐,692 ๘4 ๑๗6 ๑,222 ๙36 ลาดบัวหลวง ๑๙,๖04 ๒๐,๑๕0 ๓๙,๗54 ๑๓,811 13 ๒15 ๑,510 981 วังน้อย 37,400 ๓9,338 ๗6,736 ๓4,916 ๑4๒ ๓34 ๔}815 ๓,๓10 เสนา 26,719 28,669 55,388 ๒3,230 ๑,๑40 ๘68 3,163 2,648 บางซ้าย ๙,487 ๙,๗30 ๑๙,217 ๖,286 ๑ 88 697 597 อุทัย ๒๕,340 ๒๗,747 53,087 25,575 30 286 ๒,907 ๒,007 มหาราช 10,979 11,996 22,975 8,926 7 146 836 612 บ้านแพรก 4,153 ๔,๗03 ๘,856 ๓,540 3 62 339 288 รวมทั้งสิ้น 393,551 ๔๒๕,537 819,088 336,357 6,686 ๖,788 39,264 34,527 ที่มา ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวบรวมโดย ที่ท้าการปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา - 31 -
1.3 ข้อมูลด้านสังคมและวัฒนธรรม 1.3.1 ด้านสังคม 1.3.1.1 สถานการณ์ด้านการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สุวรรณภูมิและสถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา แบ่งเขตการศึกษาออกเป็น 3 เขตพื้นที่การศึกษา 1) เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 1 ครอบคลุม 9 อ้าเภอ ได้แก่ อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา อ้าเภอท่าเรือ อ้าเภอนครหลวง อ้าเภอบางปะหัน อ้าเภอบ้านแพรก อ้าเภอภาชี อ้าเภอมหาราชอ้าเภอวังน้อยและอ้าเภออุทัยในปีพ.ศ. 2560 มีสถานศึกษาในสังกัดรวม 181 โรงเรียน มีนักเรียน จ้านวน 36,965 คน มีข้าราชการครูและผู้บริหารในสถานศึกษา จ้านวน 2,194 คน (ที่มา : ส้านักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1) 2) เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ครอบคลุม 7 อ้าเภอ ได้แก่ อ้าเภอบางซ้ายอ้าเภอบางไทร อ้าเภอบางบาลอ้าเภอบางปะอิน อ้าเภอผักไห่อ้าเภอลาดบัวหลวง และอ้าเภอเสนา ในปีพ.ศ. 2560 มีสถานศึกษาในสังกัดรวม 161 โรงเรียน มีนักเรียน จ้านวน 25,492 คน มีข้าราชการครู และผู้บริหารในสถานศึกษา จ้านวน 1,525 คน (ที่มา : ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 2) 3) เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่จังหวัดนนทบุรีและ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 47 แห่ง จ้าแนกเป็นโรงเรียนในเขตจังหวัด พระนครศรีอยุธยา 29 แห่ง มีนักเรียนทั้งหมด 25,815 คน ข้าราชการครูจ้านวน 1,390 คน (ที่มา: ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 ข้อมูล: ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2560) 1.3.1.2 ด้านสาธารณสุข จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีอัตราส่วนประชากรต่อสถานพยาบาล เท่ากับ 47,506 : 1 และมีอัตราส่วนประชากรต่อเตียง เท่ากับ 648 : 1 หากพิจารณาสัดส่วนประชากรต่อ บุคลากรทางการแพทย์ พบว่าอัตราส่วนประชากรต่อแพทย์มีแนวโน้มลดลง กล่าวคือ ในปีพ.ศ. 2558 มี สัดส่วนเท่ากับ 3,015 : 1 แต่ในปีพ.ศ. 2560 สัดส่วนเท่ากับ 2,915 : 1 แต่ในทางตรงกันข้ามอัตราส่วน ประชากรต่อพยาบาลเทคนิค มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กล่าวคือใน ปีพ.ศ. 2558 มีสัดส่วนเท่ากับ 19,170 : 1 แต่ในปี พ.ศ. 2560 มีสัดส่วนเท่ากับ 54,015 : 1 ส่วนอัตราส่วนประชากรต่อพยาบาลทันตแพทย์เพิ่มสูงขึ้นจากปี พ.ศ. 2559 เป็น 8,712 : 1 ในปีพ.ศ. 2560 และอัตราส่วนประชากรต่อเภสัชกรเพิ่มสูงขึ้นจากปีพ.ศ. 2559 เป็น 5,787 : 1 ในปีพ.ศ. 2560 รวมทั้งอัตราส่วนประชากรต่อพยาบาลวิชาชีพเพิ่มสูงขึ้นจากปีพ.ศ. 2559 เป็น 505 : 1 ในปีพ.ศ. 2560 1.3.1.3 ด้านแรงงาน ในปีพ.ศ. 2566 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีประชากรอายุ15 ปีขึ้นไป จ้านวน 740,510 คน แยกเป็นผู้อยู่ในก้าลังแรงงาน จ้านวน 492,691 คน คิดเป็นร้อยละ 66.50 แยกเป็น ผู้มีงานท้า 485,677 คน คิดเป็นร้อยละ 98.60 ผู้ว่างงาน 7,014 คน คิดเป็นร้อยละ 1.40 และผู้ไม่อยู่ใน ก้าลังแรงงาน จ้านวน 247,819 คน คิดเป็นร้อยละ 33.50 - 32 -
1.3.2 วัฒนธรรม ประชากรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 92 ศาสนาอิสลาม ร้อยละ 7.7 และศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.3 ศาสนสถานในจังหวัดมีทั้งสิ้น 597 แห่ง แยกเป็น วัด 512 วัด มัสยิด 64 แห่ง และโบสถ์คริสต์21 แห่ง นอกจากนั้นยังมีวัดร้าง 433 แห่ง ส้านักสงฆ์10 แห่ง โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรมบาลีและสามัญรวม 31 แห่ง ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ 88 แห่ง พระอารามหลวงชั้น เอกชนิดราชวรวิหาร 3 แห่ง ชั้นโทชนิดราชวรวิหาร 1 แห่ง ชั้นโทชนิดวรวิหาร 3 แห่ง ชั้นตรีชนิดชั้นตรีชนิด วรวิหาร 2 แห่ง และชั้นตรีชนิดสามัญ 6 แห่ง มีจ้านวนพระภิกษุ 5,172 รูป สามเณร 791 รูป (ที่มา ส้านักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีดังนี้ (1) ประเพณีงานลอยกระทงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดเป็นประจ้า ทุกปีในเดือน พฤศจิกายน ของทุกปีโดยแบ่งสถานที่จัดงาน ดังนี้ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช (ทุ่งภูเขาทอง) (2) งานประเพณีแห่หลวงพ่อพระพุทธเกษตรทางน้้า เป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี งานแห่หลวงพ่อพระพุทธเกษตรทางน้้า ก้าหนดจัดงานในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีณ วัดกระโดงทอง ต้าบลบ้าน โพธิ์อ้าเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (3) งานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความโดดเด่นทั้งในด้าน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก้าหนดจัดงานในช่วงเดือน ธันวาคมของทุกปีณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (4) งานตรุษจีนกรุงเก่าอยุธยามหามงคล จะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยใช้พื้นที่ถนน นเรศวรด้านหน้าส้านักงานเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ยาวไปถึงบริเวณแยกตลาดเจ้าพรหม (5) งานไหว้ครูมวยไทยนายขนมต้ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะจัดงานไหว้ครูมวยไทยนาย ขนมต้ม ช่วงวันที่ 17 มีนาคม ของทุกปีณ สนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (6) ประเพณีสงกรานต์กรุงเก่าอยุธยาจัดขึ้นในวันที่ 13 เมษายนของทุกปีณ อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (7) ประเพณีห่มผ้าเจดีย์วัดสามปลื้ม ชาวชุมชนวัดสามปลื้มได้ยึดถือปฏิบัติต่อเนื่องมากว่า 30 ปี จะท้าพิธีหลังจากวันสงกรานต์การจัดงานจะมี2 วัน (8) ประเพณีกวนข้าวทิพย์จะจัดขึ้นเป็นประจ้าทุกปีณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร 1.4 ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค 1.4.1 การคมนาคมขนส่ง (ที่มา : ส้านักงานโยธาธิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) 1.4.1.1 การคมนาคม (1) การคมนาคมทางบก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีทางหลวงแผ่นดิน รวมระยะทางทั้งสิ้น 568.544 กิโลเมตร แบ่งความรับผิดชอบการควบคุม ดังนี้ 1. แขวงทางหลวงอยุธยาควบคุม 28 หมายเลขทางหลวง ระยะทาง 434.742 กิโลเมตร 2. แขวงการทางกาญจนบุรี–สุพรรณบุรีตามพื้นที่ต้าบลอ้าเภอในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ควบคุม 2 หมายเลขทางหลวง ระยะทาง 14.705 กิโลเมตร 3. แขวงการทางปทุมธานีควบคุม 3 หมายเลขทางหลวง ระยะทาง 24.859 กิโลเมตร - 33 -
4. ส้านักงานบ้ารุงทางอ่างทอง – อยุธยา ควบคุม 8 หมายเลขทางหลวง ระยะทาง 94.238 กิโลเมตร เส้นทางรถโดยสารภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและระหว่าง จังหวัดต่างๆ รวมทั้งสิ้น จ้านวน 70 เส้นทาง ดังนี้ 1. เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางภายในจังหวัด มีจ้านวน 45 เส้นทาง แบ่งเป็น 1.1 เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางหมวด 1 (รอบเมือง) จ้านวน 7 เส้นทาง 1.2 เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางหมวด 4 (ตัวเมือง–อ้าเภอ) จ้านวน 38 เส้นทาง 2. เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางระหว่างจังหวัดต่าง ๆ มีจ้านวน 25 เส้นทาง แบ่งเป็น 2.1 เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางหมวด 2 (กทม. – อ้าเภอ) จ้านวน 4 เส้นทาง 2.2 เส้นทางรถโดยสารประจ้าทางหมวด 3 (จังหวัดอื่นๆ–อ้าเภอ) จ้านวน 21 เส้นทาง (2) การคมนาคมทางรถไฟ มีสถานีรถไฟจ้านวน จ้านวน 10 สถานีจ้านวนขบวนรถเที่ยวขึ้น 40 เที่ยว เที่ยวล่อง 34 เที่ยวสถานีรถไฟที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ไกลที่สุดคือสถานีรถไฟท่าเรือระยะทาง 102 กิโลเมตรผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการรถไฟโดยสาร ที่มีปลายทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมี บริการ ทุกวันขบวนรถไฟจะผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเขตอ้าเภอบางปะอิน อ้าเภอพระนครศรีอยุธยา อ้าเภอภาชีและอ้าเภอท่าเรือ แล้วรถไฟจะแยกไปภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานีชุมทางบ้าน ภาชี (3) การคมนาคมทางน้้า จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีแม่น้้าและล้าคลองจ้านวนมากโดยแม่น้้า ล้าคลองที่ส้าคัญ ได้แก่ แม่น้้าเจ้าพระยา แม่น้้าป่าสัก แม่น้้าลพบุรีและแม่น้้าน้อย ส้าหรับการคมนาคมทางน้้า ที่ส้าคัญในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ แม่น้้าเจ้าพระยา และแม่น้้าป่าสัก และท่าเรือที่ส้าคัญจะตั้งอยู่ บริเวณแม่น้้า เจ้าพระยาและแม่น้้าป่าสัก โดยมีท่าเทียบเรือพาณิชย์ขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ในเขตพื้นที่ที่ รับผิดชอบของส้านักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา มีทั้งสิ้น 83 แห่ง แบ่งเป็น แม่น้้าป่าสัก 63 แห่ง และแม่น้้า เจ้าพระยา 20 แห่ง ท่าเรือล้าน้้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่เป็นท่าเรือเอกชน อยู่บริเวณแม่น้้า เจ้าพระยาและแม่น้้าป่าสัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นท่าเรือขนาดเล็ก และส่วนใหญ่เป็นท่าเรือที่รับสินค้าที่ขนส่งด้วยเรือ ล้าเลียงที่บรรทุกขนถ่ายสินค้าจากบริเวณท่าเรือกรุงเทพฯ และบริเวณที่จอดทอดสมอเกาะสีชัง ซึ่งในจังหวัด พระนครศรีอยุธยาสามารถแบ่งพื้นที่บริเวณท่าเรือเป็น 3 พื้นที่หลักๆได้แก่ 1. บริเวณอ้าเภอบางปะอิน – บางไทร 2. บริเวณอ้าเภอนครหลวง 3. บริเวณอ้าเภอท่าเรือ ก) ท่าเรือในเขตอ้าเภอบางปะอิน – บางไทร จากการส้ารวจและรวบรวมข้อมูลบริเวณ ท่าเรือในเขตอ้าเภอบางปะอิน – บางไทร มีจ้านวนท่าเรือ 19 ท่า และลักษณะท่าเรือสินค้าที่ขนส่งส่วนใหญ่ เป็นสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ได้แก่ผลิตภัณฑ์เกษตร วัสดุก่อสร้าง ข้าว แร่ ปุ๋ย และสินค้าเบ็ดเตล็ด ข) ท่าเรือในอ้าเภอนครหลวงจากการส้ารวจและรวบรวมข้อมูลท่าเรือในอ้าเภอนครหลวง ท่าเรือในเขตอ้าเภอนครหลวงมีจ้านวนท่าเรือ 39 ท่า สินค้าขาขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าทางการเกษตร ปุ๋ย แร่ เชื้อเพลิงและโลหะภัณฑ์ในส่วนของสินค้าขาล่องส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า ประเภทปูนซีเมนต์แร่ธาตุและมันส้าปะหลัง ค) ท่าเรือ อ้าเภอท่าเรือ จากการส้ารวจและรวบรวมข้อมูลท่าเรือในอ้าเภอท่าเรือ มีจ้านวนท่าเรือ 22 ท่า มีจ้านวน 1 ท่าเรือ ที่ในปัจจุบันไม่มีการใช้งานหรือขนสินค้าการขนส่งสินค้าขาขึ้นส่วนใหญ่ บริเวณอ้าเภอท่าเรือ เป็นสินค้าทางการเกษตร ปุ๋ย อาหารสัตว์และน้้ามันเชื้อเพลิง ในส่วนของสินค้าขาล่อง ส่วนใหญ่บริเวณอ้าเภอท่าเรือจะเป็นสินค้า ประเภทปูนซีเมนต์ดิน หิน ทราย - 34 -
(4) การขนส่ง ในปีพ.ศ.2560 มีจ้านวนรถจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.รถยนต์พ.ศ. 2522 จ้านวน 402,070 คัน ส่วนใหญ่ 5 อันดับแรกได้แก่รถจักรยานยนต์183,009 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 126,997 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 79,574 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 6,810 คัน รถจักรยานยนต์สาธารณะ 3,736 คัน รถจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 จ้านวน25,092 คัน รถโดยสารประจ้าทาง 991 คัน รถโดยสารไม่ประจ้าทาง 2,143 คัน รถโดยสารส่วนบุคคล 131 คัน รถบรรทุกไม่ประจ้าทาง 10,294 คัน และรถบรรทุกส่วนบุคคล 11,533 คัน 1.4.2 ไฟฟ้า ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 99.84 อ้าเภอที่มีไฟฟ้าใช้ครบทุกครัวเรือน ได้แก่ นครหลวง ภาชีมหาราช วังน้อย และท่าเรือ อ้าเภอ จ้านวน ครัวเรือน ทั้งหมด มีไฟฟ้าใช้แล้ว สาเหตุที่ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ปกเสา พาดสาย โซลาร์ โฮม รวม ครัว เรือนที่ ไม่มี ไฟฟ้า ใช้ มีแผน งาน แล้ว อยู่ในเขตหวง ห้าม รอตรวจสอบจัดเข้าโครงการ อยู่ ใน เขต หวง ห้าม ของ ราช การ อยู่ใน เขต หวง ห้าม ของ เอกชน ไม่มี บ้าน เลขที่ มีบ้าน เลขที่/ ไม่มีผู้ อยู่ อาศัย บ้าน อยู่ห่าง ระบบ ไฟฟ้า มีเงิน ลงทุน สูง มี ระบบ ไฟฟ้า ผ่าน แต่ไม่มี ไฟฟ้า ใช้ ไฟ พ่วง บ้าน เลข ที่ ชั่ว ครา ว มีบ้าน เลขที่ แต่อยู่ ในที่ จัดสรร อื่น ๆ พระนครศรีอยุธยา 43,376 43,356 6 43,362 14 - - - - - 14 - - - - - อุทัย 18,029 18,003 6 18,009 20 - - - - - 20 - - - - - นครหลวง 13,010 13,010 - 13,010 - - - - - - - - - - - - ภาชี 11,261 11,260 1 11,261 - - - - - - - - - - - - บางปะหัน 15,648 15,635 4 15,639 9 - - - 1 - - 3 5 - - - มหาราช 8,431 8,431 - 8,431 - - - - - - - - - - - - บ้านแพรก 2,988 2,978 - 2,978 10 - - - - - 1 - - - 9 - เสนา 18,970 18,917 35 18,952 18 - - 4 - - 14 - - - - - ลาดบัวหลวง 10,863 10,838 13 10,851 12 - - - 5 - 4 2 - - 1 - บางไทร 13,386 13,280 13 13,293 93 - 38 10 7 - 27 3 8 - - - บางซ้าย 5,367 5,333 8 5,341 26 - 2 17 3 - 1 3 - - - - บางบาล 11,109 10,930 5 10,935 174 - 5 97 40 - 32 - - - - - ผักไห่ 12,275 12,270 - 12,270 5 5 - - - - - - - - - - บางปะอิน 34,841 34,800 1 34,801 40 - - - - 20 - 20 - - - - วังน้อย 26,338 26,338 - 26,338 - - - - - - - - - - - - ท่าเรือ 14,309 14,300 9 14,309 - - - - - - - - - - - - รวม 260,201 259,679 101 259,780 421 5 45 128 56 20 113 31 13 - 10 - ที่มา : ส้านักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดพระนครศรีอยุธยา - 35 -
1.4.3 ข้อมูลด่านกักกันของจังหวัด มีด่านปศุสัตว์ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 3 ต้าบลหันสัง อ้าเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมี ห้องปฏิบัติการตรวจในเบื้องต้น 1.5 ข้อมูลด้านเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1.5.1 สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไป (ที่มา : ส้านักงานคลังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) การผลิตของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี 2558 มีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจ้าปีเท่ากับ 691,641 ล้านบาท ลดลงจาก 722,375 ล้านบาท ในปี 2558 เท่ากับ 30,734 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4.3 ส่วนอัตรา การขยายตัวของมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ หดตัวร้อยละ 2.1 จากที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 ในปี 2558 เนื่องจากการ หดตัวของการผลิตสาขาอุตสาหกรรม (การผลิต) และสาขาการขายส่งการขายปลีกฯ เป็นส้าคัญ โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประจ้าปี พ.ศ.2559 พิจารณาจากสัดส่วน มูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจ้าปีประกอบด้วยสาขาอุตสาหกรรม (การผลิต) ร้อยละ 84.6 รองลงมา ได้แก่ สาขา การขายส่งการขายปลีกฯ ร้อยละ 7.6 สาขาบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ฯ ร้อยละ 1.4 และสาขาอื่นๆ ร้อยละ 6.4 ภาวะการผลิตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี 2559 ภาพรวมหดตัวร้อยละ 2.1 จากที่ขยายตัว ร้อยละ 2.9 ในปี 2558 เป็นผลมาจากการผลิตภาคนอกเกษตร หดตัวร้อยละ 2.2 จากที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ในปี 2558 ในขณะที่ภาคเกษตร ขยายตัวร้อยละ 9.9 ฟื้นตัวจากที่หดตัวร้อยละ 7.3 ในปี 2558 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP per capita) ในปี 2559 ค่าเฉลี่ยต่อหัวของประชากร มีค่าเท่ากับ 797,416 บาท ลดลงจาก 831,891 บาท ในปี 2558 หรือลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับ ปี 2558 ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์จังหวัด (GPP Implicit Deflator) ในปี 2559 เท่ากับ 106.2 ลดลงจาก 108.6 ในปี 2558 หรือลดลงร้อยละ 2.2 ดัชนีราคาผู้บริโภคจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เท่ากับ 99.9 ลดลงจาก 100.0 หรือ ลดลงร้อยละ 0.1 ดัชนีราคาผู้ผลิตระดับประเทศ เท่ากับ 101.4 ลดลงจาก 102.6 หรือลดลงร้อยละ 1.2 1.5.2 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (GPP) 16 สาขา (ที่มา : ส้านักงานคลังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) - 36 -
ที่มา : ส้านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ข้อมูลด้านเกษตรที่ส้าคัญของจังหวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีพื้นที่ทั้งหมด ๑,๕๙๗,๙๐๐ ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 883,025 ไร่ดังนี้ 1. พื้นที่ปลูกข้าว 852,842 ไร่ 2. พื้นที่ปลูกพืชไร่ 1,675 ไร่ 3. พื้นที่ปลูกไม้ผล 13,276 ไร่ 4. พื้นที่ปลูกไม้ยืนต้น 6,613 ไร่ 5. พื้นที่ปลูกพืชผัก 6,752 ไร่ 6. พื้นที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ 1,719 ไร่ 7. พื้นที่ปลูกสมุนไพร/เครื่องเทศ 148 ไร่ - พืชเศรษฐกิจที่ส้าคัญ ดังนี้ 1. ข้าว (1) ข้าวนาปี พื้นที่เพาะปลูก 811,024.29 ไร่ เกษตรกร 34,407 ราย ผลผลิตเฉลี่ย 808.10 กก./ไร่ ผลผลิตทั้งหมด 616,566 ตัน (ข้อมูลปี 64/65) - 37 -
(2) ข้าวนาปรัง พื้นที่เพาะปลูก 642,012 ไร่ เกษตรกร 30,755 ราย ผลผลิตเฉลี่ย 801.47 กก./ไร่ (ข้อมูล ปี 64/65) 2. เมล่อนญี่ปุ่น พื้นที่เพาะปลูก 186.75 ไร่ เกษตรกร 49 ราย ผลผลิต 476.50 ตัน 3. ผักบุ้งจีน พื้นที่เพาะปลูก 1,825.25 ไร่ เกษตรกร 167 ราย ผลผลิต 1,826.60 ตัน ที่มา : ส้านักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อมูล : ณ วันที่ 3 เมษายน 2565 - สัตว์เศรษฐกิจที่ส้าคัญ ดังนี้ 1. ไก่ไข่ 3,032,579 ตัว เกษตรกร 1,878 ราย 2. ไก่เนื้อ 2,771,757 ตัว เกษตรกร 127 ราย 3. สุกร 18,798 ตัว เกษตรกร 33 ราย ที่มา : ส้านักงานปศุสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อมูล : ณ วันที่ 3 เมษายน 2565 - สัตว์น้้าเศรษฐกิจที่ส้าคัญ ดังนี้ 1. ปลานิล 5,670,500 กิโลกรัม/ปี เกษตรกร 2,686 ราย 2. กุ้งก้ามกราม 225,061 กิโลกรัม/ปี เกษตรกร 93 ราย 3. กุ้งขาว 1,724,344 กิโลกรัม/ปี เกษตรกร 146 ราย ที่มา : ส้านักงานประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อมูล : ณ วันที่ 3 เมษายน 2565 2.1 ครัวเรือนเกษตรกรและแรงงานภาคเกษตร ตารางจ้านวนครัวเรือนเกษตรกรและจ้านวนแรงงานภาคเกษตรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ้าเภอ จ้านวนครัวเรือน จ้านวนครัวเรือน เกษตรกร ร้อยละจ้านวน ครัวเรือนเกษตร/ ครัวเรือนทั้งหมด จ้านวนแรงงาน ภาคเกษตร (ราย) พระนครศรีอยุธยา 53,233 1,418 2.66 - ท่าเรือ 18,504 2,489 13.45 - นครหลวง 14,020 2,440 17.40 - บางไทร 16,236 4,305 26.52 - บางปะหัน 15,091 1,972 13.07 - บางปะอิน 64,425 2,198 3.41 - ผักไห่ 10,954 3,516 32.10 - ภาชี 13,499 1,902 14.09 - ลาดบัวหลวง 12,662 4,853 38.33 - วังน้อย 31,339 2,214 7.06 - เสนา 66,499 4,968 7.47 - บางซ้าย 6,344 2,723 42.92 - อุทัย 21,727 2,850 13.12 - มหาราช 8,924 2,381 26.68 - บางบาล 11,903 3,676 30.88 - บ้านแพรก 2,698 829 30.73 - รวมทั้งหมด 368,058 44,734 12.15406267 - ที่มา : ส้านักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา - 38 -
2.2 การใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร อ้าเภอ พื้นที่ ทั้งหมด (ไร่) พื้นที่ท้าการเกษตที่นา ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก จ้านวน (ไร่) ร้อยละพื้นที่ เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้าน(ไพระนคร ศรีอยุธยา 8161 1.875 2340 5 28.6784 2456 482 0.5906 00326 90 0.1102 78069 153 0.1874 72718 3ท่าเรือ 6636 8.125 4857 8 73.1947 7535 870 1.3108 70241 231 0.3480 5865 298 0.4490 10726 56นคร หลวง 1243 24.37 5 5844 9 47.0133 0692 352 0.2831 30319 148 0.1190 4343 107 0.0860 65182 5บางไทร 1372 99.37 5 8323 7 60.6244 5659 1534 1.1172 66557 2158 1.5717 47868 176 0.1281 87037 7บางปะ หัน 7616 5.625 3227 7 42.3773 8481 727 0.9544 98831 257 0.3374 22558 202 0.2652 11505 475บางปะ อิน 1431 86.25 0 4438 3 30.9966 9137 685 0.4783 97891 315 0.2199 93191 482 0.3366 24501 1ผักไห่ 1181 30.00 0 7088 0 60.0016 9305 840 0.7110 81012 73 0.0617 96326 759 0.6425 12486 59ภาชี 6531 7.500 4314 3 66.0512 1139 336 0.5144 1038 374 0.5725 87744 106 0.1622 84227 2ลาดบัว หลวง 12495 5.000 7926 1 63.4316 3539 1317 1.0539 79433 641 0.5129 84674 1957 1.5661 63819 49วังน้อย 1369 94.37 5 5203 6 37.9840 4132 596 0.4350 54359 362 0.2642 44426 279 0.2036 57997 4
ตร รวมพื้นที่ท้าการเกษตร พืชไร่ ไม้ดอก ไม้ประดับ สมุนไพร นวน ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร 31 0.0379 84668 9.25 0.0113 34135 4.25 0.0052 07575 2 0.0024 50624 2417 6.5 29.623 75267 9.5 0.8580 92646 58.75 0.0885 2141 29.25 0.0440 72362 1.25 0.0018 83434 5063 5.75 76.295 28482 50 0.0402 17375 34.01 0.0273 55858 7.25 0.0058 31519 - - 5914 7.26 47.574 95061 70 0.0509 8348 20 0.0145 66709 22 0.0160 2338 2 0.0014 56671 8721 9 63.524 6883 9.7 5 0.6298 77323 68.75 0.0902 63817 6 0.0078 77569 1 0.0013 12928 3401 8.5 44.663 84934 17 0.0118 72648 95.75 0.0668 70946 18.1 0.0126 40879 42.25 0.0295 07023 4603 8.1 32.152 59845 9.5 0.0503 68238 107 0.0905 78177 64.75 0.0548 12495 16 0.0135 444 7279 9.25 61.626 38618 22 0.0336 81632 5.75 0.0088 03154 138.2 5 0.2116 58438 - - 4412 5 67.554 63697 95 0.3961 42611 203 0.1624 58485 64.75 0.0518 18655 5 0.0040 01441 8394 3.75 67.179 18451 47 0.0343 07978 72 0.0525 56902 18 0.0131 39226 77 0.0562 06687 5348 7 39.043 20889 - 39 -
อ้าเภอ พื้นที่ ทั้งหมด (ไร่) พื้นที่ท้าการเกษตที่นา ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก จ้านวน (ไร่) ร้อยละพื้นที่ เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้าน(ไเสนา 1284 79.37 5 9832 0 76.5259 0153 575 0.4475 4265 92 0.0716 06824 168 0.1307 60287 5บางซ้าย 9422 2.500 5934 9 62.9881 3978 544 0.5773 56788 1331 1.4126 1376 220 0.2334 89878 1อุทัย 1167 51.25 0 5292 9 45.3348 4652 1480 1.2676 52381 159 0.1361 86979 158 0.1353 30457 4มหาราช 7509 9.375 4255 2 56.6609 2428 794 1.0572 65789 398 0.5299 64464 252 0.3355 55389 12บางบาล 8456 5.625 4512 1 53.3561 9526 1955 2.3118 1405 36 0.0425 70489 1500 1.7737 70371 3บ้าน แพรก 2442 9.375 1892 2 77.4559 3164 190 0.7777 52194 16 0.0654 94922 96 0.3929 6953 9รวม ทั้งหมด 1597 900 8528 42 53.3726 7664 1327 7 0.0083 09031 6681 - 6913 0.4326 30327 207ที่มา : ส้านักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตร รวมพื้นที่ท้าการเกษตร พืชไร่ ไม้ดอก ไม้ประดับ สมุนไพร นวน ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร จ้านวน (ไร่) ร้อยละ พื้นที่เกษตร 5 0.0038 91675 473 0.3681 52476 31 0.0241 28386 1 0.0007 78335 9966 5 77.572 76217 14 0.0148 58447 53 0.0562 49834 34.25 0.0363 50129 - - 6154 5.25 65.319 05861 4 0.0034 26088 4 0.0034 26088 17 0.0145 60872 - - 5475 1 46.895 42939 27 0.1691 09264 34 0.0452 73346 5.75 0.0076 56522 3.25 0.0043 27599 4416 6 58.810 07665 3 0.0035 47541 27 0.0319 27867 23 0.0271 97812 - - 4866 5 57.547 02339 9 0.0368 40893 2 0.0081 86865 0.25 0.0010 23358 - - 1923 5.25 78.738 1994 02. 75 0.1253 36379 1267. 26 0.0793 07842 483.8 5 0.03028 0368 150.7 5 0.0094 34257 8836 17.61 55.298 68014 - 40 -
2.3 แหล่งน้้าเพื่อการเกษตร 2.3.1 พื้นที่ชลประทานและระบบชลประทาน (ที่มา : โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา) แหล่งน้้าชลประทาน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีศักยภาพสูงมากในการใช้น้้าท้าการเกษตร และน้้าใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแต่ก็มีบางครั้งที่เกิดการขาดแคลนน้้าในบางพื้นที่ เพราะไม่มีแหล่งน้้าต้นทุน ต้องอาศัยแหล่งน้้าจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิตติ์ เนื่องจากพื้นที่ชลประทานมีเพียง 1,421,615 ไร่ แต่ พื้นที่ส่งน้้า มีถึง 1,472,723 ไร่ มีโครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษา จ้านวน 13 โครงการ นอกจากนี้ยังมี โครงการพัฒนาแหล่งน้้าขนาดเล็ก เพื่อสนับสนุนการด้าเนินการด้านการเกษตร และด้านอุตสาหกรรม ที่ ชื่อโครงการชลประทาน เขตที่รับประโยชน์ พื้นที่รับน้้า 1 โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา บางไทร บางปะอิน 0 2 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาป่าสักใต้ ท่าเรือ ภาชี อุทัย วังน้อย 0 3 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษามหาราช บ้านแพรก มหาราช บางบาล พระนครศรีอยุธยา บางปะหัน 17,000 4 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาโคกกระเทียม บ้้านแพรก มหาราช บางปะหัน 16,776 5 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาเริงราง บางปะหัน มหาราช พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือ นครหลวง 34,296 6 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาคลองเรียว-เสาให้ ท่าเรือ ภาชี 0 7 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษานครหลวง พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน ท่าเรือ นครหลวง ภาชี อุทัย วังน้อย 0 - 41 -
ที่ ชื่อโครงการชลประทาน เขตที่รับประโยชน์ พื้นที่รับน้้า 8 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษารังสิตเหนือ วังน้อย 0 9 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาชัณสูตร ผักไห่ 0 10 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษายางมณี ผักไห่ 0 11 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาผักไห่ ผักไห่ บางบาล เสนา บางซ้าย 115,705 12 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาเจ้าเจ็ดบางยี่หน บางบาล เสนา บางไทร บางซ้าย ลาดบัวหลวง 204,415 13 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาบางบาล บางบาล เสนา บางไทร พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน 32,986 14 โครงการส่งน้้าและบ้ารุงรักษาพระยาบันลือ บางไทร ลาดบัวหลวง 0 ที่มา : โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา 2.4 ข้อมูลสินค้าเกษตรที่ส้าคัญของจังหวัด 2.4.1 ด้านการปลูกพืชเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปีการผลิต 2565 ชนิดพืช จ้านวน เกษตรกร (ราย) เนื้อที่ เพาะปลูก (ไร่) เนื้อที่เก็บ เกี่ยว (ไร่) ผลผลิตที่เก็บ เกี่ยวได้ (ตัน) ผลผลิต เฉลี่ย/เนื้อที่ เก็บเกี่ยว (กิโลกรัม) ราคาที่ เกษตรกร ขายได้เฉลี่ย (บาท/ กิโลกรัม) ข้าว 32,657 1,458,119 1,388,701 1,117,296 804.56 7.14 ผักบุ้งจีน 175 5,052 3,909 4,821 1,233.42 18.89 เมล่อน 57 523 576 1,251 2,173.43 77.65 กล้วยหอม 845 4,273.74 933.50 3,478.92 3,726.74 18.26 ที่มา : ส้านักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา - 42 -
2.4.2 ด้านปศุสัตว์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2565 ชนิดสัตว์ จ้านวน เกษตรกร (ราย) จ้านวนสัตว์ (ตัว) ข้อมูลผลผลิต ราคาเฉลี่ย (บาท/ หน่วย) มูลค่าผลผลิต จ้านวน หน่วยนับ (บาท) ไก่ไข่ 1,920 3,033,307 885,725,644 ฟอง/ปี 3 /ฟอง 2,657,176,932 ไก่เนื้อ 126 2,771,772 12,472,974 ตัว/ปี 41 /กก. 767,087,901 สุกร 33 17,492 38,482 ตัว/ปี 100 /กก. 384,824,000 ที่มา : ส้านักงานปศุสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2.4.3 ด้านการประมงของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปี พ.ศ. 2565 ชนิดสัตว์ จ้านวน เกษตรกร (ราย) พื้นที่การเลี้ยง ผลผลิต (กิโลกรัม/ปี) ราคาเฉลี่ย (บาท/กก.) มูลค่าผลผลิต (บาท) จ้านวน พื้นที่ (ไร่) จ้านวนบ่อ (บ่อ) กุ้งก้ามกราม 93 803.79 - 225,061 196.50 50,652,453,721 กุ้งขาว 146 2,024.64 - 1,724,344 90.23 155,587,599.120 ปลานิล 2,686 11,341 - 5,670,500 35 198,467,500 ที่มา : ส้านักงานประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2.4.4 ข้อมูลสินค้าเกษตรที่ได้รับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ชนิดสินค้า หน่วยนับ จ้านวนปริมาณผลผลิต ด้านพืช 1. ละมุดบ้านใหม่ (อ.มหาราช) จ้านวน 2,387 ต้น พื้นที่ 117 ไร่ ผลผลิต 80 ตัน/ปี ราคา 50 – 60 บาท/ กก. ด้านสัตว์ - - - ด้านประมง - - - ที่มา : ส้านักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - 43 -
2.4.5 ข้อมูลมาตรฐานสินค้าเกษตร มาตรฐาน/ชนิดสินค้า หน่วยนับ จ้านวนปริมาณผลผลิต GAP 1. พืชผัก 204แปลง 94 ราย 600-1200 กิโลกรัมต่อไร่ 2. ไม้ผล 21 แปลง 20 ราย 1000-1200 กิโลกรัมต่อไร่ 3. ปศุสัตว์ ฟาร์ม ไก่เนื้อ 48 ฟาร์ม ไก่ไข่ 19 ฟาร์ม สุกร 7 ฟาร์ม ไก่พันธุ์ 1 ฟาร์ม นกกระทา 2 ฟาร์ม ห่าน 1 ฟาร์ม สถานที่ฟักไข่ 1 แห่ง เกษตรอินทรีย์ 1. พืชผัก 1 แปลง 1,200 กิโลกรัม/ปี อื่นๆ - - ที่มา : ส้านักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , ส้านักงานปศุสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2.4.6 สินค้า OTOP ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สินค้า OTOP 10 อันดับแรกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สินค้า กลุ่มเกษตรกรที่ผลิต 1. ข้าวนาไท วิสาหกิจชุมชนหอมแผ่นดิน อ.เสนา 2. ข้าวตังหน้าหมูหยอง บ้านขนมกรกมล อ.บางไทร 3. เครื่องดื่มรังนก กลุ่มรังนกอารียา อ.วังน้อย 4. กาแฟ เอ ที ไทย บริษัท ศรีภมรเทรดดิ้ง จ้ากัด 5. ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย - กลุ่มทอผ้ายกอยุธยา อ.วังน้อย - ผ้าไทยอโยธยา (ผ้าลายอย่าง) อ.มหาราช 6. ของใช้ ของตกแต่งและของที่ระลึก - กลุ่มมีดอรัญญิกวินัยรวยเจริญ อ.นครหลวง - กลุ่มเยาวชนต่อเรือจ้าลอง (เรือจ้าลอง) อ.วังน้อย 7. สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร - กลุ่มสตรีศรีมาลัย (สมุนไพรบ้ารุงผม) อ.บางปะอิน - บริษัท เอส พี เฮ็ลธ เบฟเวอเรจ จ้ากัด (แชมพูข้าวหอมนิล) อ.ผักไห่ ที่มา : ส้านักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 จ.ชัยนาท - 44 -
2.4.7 การเพาะปลูกและผลผลิตเก็บเกี่ยวรายเดือนสินค้าเกษตรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อมูลการเพาะปลูกและผลผลิตเก็บเกี่ยวรายเดือนสินค้าเกษตรของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พืชเศรษฐกิจที่ส้าคัญ 1. ข้าว (ข้าวนาปี ปี2562/63) พื้นที่ปลูก 810,747 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 665 กก./ไร่ ผลผลิต ทั้งหมด 536,781 ตัน แยกเป็นผลผลิตเฉลี่ยรายเดือน ดังนี้ ชนิดพืช ร้อยละและปริมาณผลผลิตรายเดือน รวม ส.ค. 62 ก.ย. 62 ต.ค. 62 พ.ย. 62 ธ.ค. 62 ม.ค. 63 ก.พ. 63 มี.ค. 63 (ร้อยละ/ตัน) ข้าวนาปี 33.63 33.36 6.58 7.18 10.81 6.83 1.61 - 100.00 180,353 179.050 35,333 38,559 58,004 36,657 8,643 - 536,781 2. ข้าว (ข้าวนาปรัง ปี 2563) พื้นที่ปลูก 485,835 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 684 กก./ไร่ ผลผลิตทั้งหมด 331,885 ตัน แยกเป็นผลผลิตเฉลี่ยรายเดือน ดังนี้ ชนิดพืช ร้อยละและปริมาณผลผลิตรายเดือน รวม ก.พ. 63 มี.ค. 63 เม.ย. 63 พ.ค. 63 มิ.ย. 63 ก.ค. 63 ส.ค. 63 ก.ย. 63 (ร้อยละ/ตัน) ข้าวนาปรัง 20.26 61.65 12.18 1.96 1.43 1.82 0.07 - 100.00 67,240 204,607 40,424 6,505 4,746 6,040 2,323 - 331,885 3. เมล่อน พื้นที่ปลูก 516 ไร่ ผลผลิตทั้งหมด 658.1 ตัน แยกเป็นผลผลิตเฉลี่ยรายเดือน ดังนี้ ชนิด พืช ปริมาณผลผลิตรายเดือน รวม (ตัน) ม.ค. 63 ก.พ. 63 มี.ค. 63 เม.ย. 63 พ.ค. 63 มิ.ย. 63 ก.ค. 63 ส.ค. 63 ก.ย. 63 ต.ค. 63 พ.ย. 63 ธ.ค. 63 เม ล่อน 13. 65 19. 35 13. 65 19.3 5 12.4 5 19.3 5 129.54 19.3 5 163.65 241.86 3.15 2.75 658.1 4. ผักบุ้งจีน พื้นที่ปลูก 2,173.25 ไร่ ผลผลิตทั้งหมด 3,116.45 ตัน แยกเป็นผลผลิตเฉลี่ยราย เดือน ดังนี้ ชนิดพืช ปริมาณผลผลิตรายเดือน รวม ม.ค. (ตัน) 63 ก.พ. 63 มี.ค. 63 เม.ย. 63 พ.ค. 63 มิ.ย. 63 ก.ค. 63 ส.ค. 63 ก.ย. 63 ต.ค. 63 พ.ย. 63 ธ.ค. 63 ผักบุ้งจีน 9 89 89.5 65 332. 45 9 9.62 435. 88 386 949 376 366 3,116. 45 ที่มา : ส้านักงานเศรษฐกิจการเกษตร - 45 -