แผนการจดั การเรียนร้รู ายวิชา เคมเี พ่ิ มเตมิ
บทท่ี 4 โมลและสูตรเคมี
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
นายกติ ตชิ ยั อปุ ัชฌาย์
นักศึกษาฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครู
สาขาวิทยาศาสตร์เน้นเคมี รหสั นกั ศกึ ษา 61100141124
คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี
โรงเรียนสว่างแดนดิน อาเภอสว่างแดนดนิ จงั หวัดสกลนคร
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร
วชิ าเคมเี พ่ิมเตมิ 2 ว32222
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรื่อง โมลและสตู รเคมี
ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรียนสวา่ งแดนดนิ
นายกติ ตชิ ยั อปุ ชั ฌาย์
รหสั ประจำตวั นกั ศึกษา 61100141124
สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์ (เน้นเคม)ี
การปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศึกษา 1
รหัสวชิ า ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
ก
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าเคมี 2 รหสั วิชา ว31222 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ นี้ จดั ทำข้นึ เพอื่ ใช้
เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและให้นักเรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้
ตัวชี้วัด ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560)
ผู้จัดทำ จึงได้ศึกษาสาระการเรียนรู้พืน้ ฐานให้เข้าใจ จากนั้นนำปัญหาที่พบจากประสบการณ์ และความรู้ที่ได้
จากการอบรมสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคนิค วิธีการสอน การวัดผลประเมินผล จิตวิทยาการเรียนรู้
ตลอดจนความรทู้ ี่ได้จากการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง มาจดั ทำแผนการจัดการเรยี นรู้ในครงั้ น้ี
แผนการจัดการเรียนรู้ในเล่มนี้ ประกอบไปด้วยทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์ เรียนรู้อะไรใน
วิทยาศาสตร์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 คำอธิบายรายวิชา
วิทยาศาสตร์กายภาค ตารางโครงสร้างหลกั สูตร ตารางวิเคราะห์ตัวชี้วัด กำหนดการสอนและแผนการจัดการ
เรยี นรู้ จะมรี ายละเอยี ดของ กจิ กรรมการเรียนการสอน สือ่ แหลง่ การเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล รวมท้ังยัง
มใี บกจิ กรรมประกอบด้วย สามารถนำไปใหน้ ักเรียนทำประกอบกับการสอนได้ นอกจากนีย้ งั มีเฉลยใบกิจกรรม
ไว้ให้สำหรับครูผู้สอน ซึ่งจะทำ ให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุ
มาตรฐานการเรยี นรู้ได้เต็มศักยภาพ อยา่ งแท้จรงิ
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สอนเอง รวมทั้งเป็น
ประโยชนต์ ่อผูส้ อนในรายวิชาเดยี วกัน และผู้สอนแทนเปน็ อยา่ งมาก
นายกติ ติชัย อปุ ัชฌาย์
10 ตลุ าคม 2556
ข
สารบัญ หน้า
ก
เรอ่ื ง ข
คำนำ
สารบญั ค
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ค
กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ค
ง
เปา้ หมายของวิทยาศาสตร์ ฉ
เรยี นรู้อะไรในวทิ ยาศาสตร์ ช
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ซ
คุณภาพผเู้ รยี นเมื่อจบชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ญ
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ฎ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์สำคญั ของผู้เรียน ด
คำอธบิ ายรายวิชาวิทยาศาสตรก์ ายภาพ ท
โครงสร้างรายวิชา ธ
ตารางการวเิ คราะห์ตวั ช้ีวดั 1
แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2
กำหนดการสอน 18
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง โมลและสตู รเคมี 40
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื งมวลอะตอม 58
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง มวลต่อโมลและมวลโมเลกุล 76
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง โมล มวล และปรมิ าตรของแกส้
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง โมล มวล และปรมิ าตรของแกส้ (ต่อ)
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง สูตรอยา่ งงา่ ยละสูตรแอมพรคิ ัล
ค
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ 2560)
กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์
เปา้ หมายของวิทยาศาสตร์
ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้ง
กระบวนการและความรู้ จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็น
หลกั การ แนวคิด และองคค์ วามรู้
การจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์จงึ มเี ปา้ หมายท่สี ำคัญ ดังน้ี
1. เพ่อื ใหเ้ ข้าใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เปน็ พนื้ ฐานในวชิ าวิทยาศาสตร์
2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษาวิชา
วทิ ยาศาสตร์
3. เพอ่ื ให้มที กั ษะที่สำคัญในการศึกษาคน้ คว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี
4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์ และ
สภาพแวดลอ้ มในเชงิ ทมี่ ีอทิ ธิพลและผลกระทบซ่งึ กนั และกัน
5. เพื่อนำความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
และการดำรงชีวิต
6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ
ทักษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตัดสินใจ
7. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
เรียนรอู้ ะไรในวิทยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ท่ีเน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และแกป้ ัญหาท่ีหลากหลาย ให้ผเู้ รียนมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นรูท้ กุ ขั้นตอน มกี ารทำกิจกรรมดว้ ยการลงมือปฏิบัติ
จริงอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ชน้ั โดยกำหนดสาระสำคญั ดังน้ี
วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชวี ติ ในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตการดำรงชีวติ ของ
มนษุ ย์และสัตว์ การดำรงชวี ิตของพชื พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวติ
วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การ
เคลอ่ื นท่ี พลังงาน และคลนื่
ง
วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรยี นรเู้ ก่ยี วกบั องคป์ ระกอบของเอกภพ ปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสุริยะ
เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และผล
ต่อสิ่งมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม
การออกแบบและเทคโนโลยี เรยี นรเู้ กี่ยวกบั เทคโนโลยเี พื่อการดำรงชวี ติ ในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลง
อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ
พัฒนางานอย่างมคี วามคดิ สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเลือกใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสม
โดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และสิง่ แวดล้อม
วิทยาการคำนวณ เรยี นรู้เก่ยี วกับการคดิ เชงิ คำนวณ การคิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหา เป็นขนั้ ตอนและเป็น
ระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการ
แก้ปญั หาทพี่ บในชวี ติ จริงได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ 2560) มดี งั น้ี
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับ
สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
ส่งิ แวดล้อม รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชวี ิต หน่วยพ้นื ฐานของสิ่งมชี ีวติ การลำเลียงสารเข้าและ
ออกจากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
สารพันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมท่ีมผี ลต่อสิง่ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ
ของสงิ่ มีชีวติ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
จ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบัติของ
สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ
สสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงท่กี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะ
การเคลื่อนทีแ่ บบต่าง ๆ ของวัตถรุ วมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ อง คลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกีย่ วข้อง
กับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ
กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ
ประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง
ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟ้า อากาศ และภมู อิ ากาศโลก รวมทงั้ ผล
ตอ่ ส่งิ มีชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ
เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น
ขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม
คณุ ภาพผูเ้ รียนเมอ่ื จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
เมอื่ ผ้เู รียนจบการเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ผู้เรยี นควรจะมีความสามารถ ดงั น้ี
1) เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน
ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ
ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรม วิวฒั นาการทที่ ำให้ เกดิ ความหลากหลายของ
ส่งิ มีชีวิต ความสำคัญและผลของเทคโนโลยที างดีเอน็ เอตอ่ มนษุ ย์ สิ่งมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม
ฉ
2) เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน
ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม
3) เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบาง ประการของ
ธาตุ การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารที่มี
ความสัมพันธ์กับแรงยึดเหนี่ยว พันธะเคมีโครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ การ
เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมปี ัจจยั ทมี่ ีผลตอ่ อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมแี ละการเขยี นสมการเคมี
4) เข้าใจปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่ง ผลของ
ความเร่งที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ ระหว่าง
สนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟา้ และแรงภายในนิวเคลยี ส
5) เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงาน ทดแทน
เป็นพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวม คลื่น การได้ยนิ
ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ยี วข้องกับเสยี ง สีกบั การมองเห็น สคี ลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และ ประโยชน์ของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า
6) เขา้ ใจการแบง่ ชั้นและสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีที่
สัมพันธ์กบั การเกดิ ลักษณะธรณสี ัณฐาน สาเหตุกระบวนการเกิดแผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟ ระเบิด สึนามิ ผลกระทบ
แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั
7) เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ที่มีต่อ การ
หมนุ เวียนของอากาศ การหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทีม่ ตี อ่ ภูมิอากาศ ความสัมพนั ธ์ของการ
หมุนเวียนของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำ ผิวน้ำในมหาสมุทรและผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลด
กิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้า
อากาศท่ีสำคญั จากแผนทอ่ี ากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ
8) เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานท่ี
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซีโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซี ทางช้างเผือก
กระบวนการเกิดและการสร้างพลังงาน ปัจจัยท่สี ง่ ผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์และความสัมพันธ์ระหว่าง
ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิวและสเปกตรัมของดาวฤกษ์
วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต
บริวารของดวงอาทิตย์ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มี
ตอ่ โลก รวมทง้ั การสำรวจอวกาศและการประยกุ ต์ใช้
ช
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังน้ี
1) ความสามารถในการสื่อสาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มวี ัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปัญหาความขัดแยง้ ตา่ งๆ การเลอื กรับหรือไมร่ ับข้อมลู ข่าวสารดว้ ยหลักเหตุผล และความถกู ตอ้ ง ตลอดจนการ
เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สาร ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสังคม
2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง
สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรูห้ รือสารสนเทศ
เพ่อื การตัดสนิ ใจเกีย่ วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทเ่ี ผชิญได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปัญหา และมกี ารตดั สินใจท่มี ีประสทิ ธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบทเ่ี กดิ ข้นึ ต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ
ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงานและการอยู่ร่วมกันในสังคม
ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึง
ประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทำงาน การแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์สำคญั ของผู้เรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มี 8
ประการ ดังนี้
1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นผลเมืองที่ดี ของชาติ ธำรง
ไว้ซึ่งความเป็นชาติไทย ศรัทธา ยึดมั่นในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ผู้รักชาติ ศาสน์
ซ
กษัตริย์ คือ ผู้ที่มีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ มีความสามัคคีปรองดอง ภูมิใจ เชิดชู
ความเป็นชาตไิ ทย ปฏบิ ัตติ นตามหลักศาสนาทต่ี นนบั ถือ และ แสดงความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษตั ริย์
2) ซื่อสัตย์สจุ ริต หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในความถกู ต้อง ประพฤติตรงตาม
ความเป็นจริงต่อตนเองและผู้อื่นทั้งทางกายวาจาใจ ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต คือ ผู้ที่ประพฤติตรงตามความ
เป็นจรงิ ทง้ั ทางกาย วาจาใจ และยดึ หลกั ความจรงิ ความถกู ต้องในการดำเนินชีวิตมีความละอายและเกรงกลัว
ต่อการกระทำผดิ
3) มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และ ระเบียบ
ข้อบังคบั ของครอบครวั โรงเรียน และสังคมผูท้ ี่มวี ินัย คือ ผทู้ ป่ี ฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ
ของครอบครวั โรงเรียน และสังคมเปน็ ปกติวินัย ไมล่ ะเมดิ สิทธขิ องผู้อ่นื
4) ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหา
ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ที่มีลักษณะที่แสดงออกถึงความ
ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรูท้ ง้ั ภายในและ
ภายนอกโรงเรียนอยา่ งสม่ำเสมอ ด้วยการเลือกใช้ส่ืออยา่ งเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปองค์ความรู้
แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ถา่ ยทอด เผยแพร่ และนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้
5) อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการดำเนินชีวิตอย่าง พอประมาณมี
เหตุผล รอบคอบ มีคณุ ธรรม มีภูมิคมุ้ กันที่ดี และปรบั ตัวเพอ่ื อยู่ในสังคมได้อย่าง มีความสุข ผู้ท่ีอยู่อย่าง
พอเพียง คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นด้วยความ
รับผิดชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่าง ๆ มีการวางแผน ป้องกันความเสีย่ งและพรอ้ มรบั
กับการเปลย่ี นแปลง
6) มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจและรับผิดชอบในการทำ
หน้าที่ในการงาน ด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้ที่มีความมุ่งมั่นในงาน คือ
ผ้ทู ่ีมลี กั ษณะซึ่งแสดงออกถึงความต้ังใจปฏบิ ัติหน้าทีท่ ี่ไดร้ ับมอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทมุ่ เทกำลังกาย
กำลังใจ ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กำหนดด้วยความรับผิดชอบและมีความ
ภาคภูมิใจในผลงาน
7) รักความเป็นไทย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่า ร่วมกัน
อนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทย ในการสื่อสารได้
อย่างถูกต้องและเหมาะสม ผู้ที่รักความเปน็ ไทย คือ ผู้ที่มีความภมู ิใจ เห็นคุณค่า ชื่นชม มีส่วนร่วมใน
การอนุรักษ์ สืบทอดเผยแพร่ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ศิลปะและวัฒนธรรมไทย มีความ
กตัญญกู ตเวที ใชภ้ าษาในการสือ่ สารอยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
ฌ
8) มีจติ สาธารณะ หมายถงึ คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการมีสว่ นร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่
ก่อให้เกิดประโยชน์แกผู้อื่น ชุมชน และสังคม ด้วยความเต็มใจ กระตือรือร้น โดยไม่หวังผลตอบแทน ผู้มีจิต
สาธารณะ คือ ผู้ที่มีลักษณะเป็นผู้ให้และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม
เข้าใจ เห็นใจผู้ที่มีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยแรงกาย สติปัญญา ลงมือ
ปฏิบตั ิเพื่อแกป้ ัญหา หรือรว่ มสร้างสรรค์สิ่งทีด่ งี ามให้เกิดในชุมชน โดยไมห่ วงั สิง่ ตอบแทน
ญ
คำอธบิ ายรายวิชา
วชิ า เคมี 2 รหัสวชิ า ว32222
รายวชิ าเพ่มิ เติม ภาคเรยี นที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 จำนวน 2 หนว่ ยกิต เวลา 60 ชว่ั โมง
คำอธบิ ายรายวิชา
ศกึ ษาความหมายและคำนวณมวลอะตอม มวลอะตอมสัมพทั ธ์ มวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุ โมล มวลตอ่
โมล มวลโมเลกุลและมวลสูตร ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมล อนุภาค มวลและปริมาตรของแก๊สท่ี
STP ศึกษากฎสัดส่วนคงที่ คำนวณอัตราส่วนโดยมวล อัตราส่วนโดยโมล ร้อยละโดยมวล สูตรโมเลกุลและ
สตู รเอมพรคิ ลั
ศึกษาหน่วยความเข้มข้นและการคำนวณความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยร้อยยละ ส่วนในล้าน
ส่วน ส่วนในพันล้าน โมลาริตี โมแลลิตี และเศษส่วนโมล ศึกษาการเตรียมสารละลายจากสารบริสุทธิแ์ ละจาก
การเจอื จางสารละลาย เปรยี บเทยี บจุดเดือดและจดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธิแ์ ละสารละลาย
ศึกษาการเขียนและดุลสมการเคมี อัตราส่วนโดยโมลของสารในปฏิกิริยาเคมี แปลความหมาย
สัญลักษณ์ในสมการเคมี คำนวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีตามกฎทรงมวล ศึกษากฎการรวมปริมาตร
แก๊สของเกย์-ลูสแซกและสมมติฐานของอาโวกาโดร คำนวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีโดยใช้
ความสัมพันธ์ระหว่างโมล มวล ความเข้มข้น และปริมาตรแก๊สคำนวณปริมาณสารในปฏิกิริยาเคมี หลาย
ข้นั ตอน ปรมิ าณสารเมื่อมสี ารกำหนดปริมาณ และผลใหร้ ้อยละ
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต วิเคราะห์
เปรียบเทียบ อธิบาย อภิปราย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสินใจ
มีทักษะปฏิบัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้าน
การคดิ และการแก้ปญั หา ด้านการส่ือสาร สามารถส่อื สารส่ิงทเี่ รียนรแู้ ละ นำความรไู้ ปใช้ในชวี ิตของตนเอง
มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม
ฎ
ผลการเรยี นรู้
1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคำนวณมวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ มวลโมเลกลุ และ
มวลสูตร
2. อธบิ ายและคำนวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนึง่ จากความสัมพันธข์ องโมล จำนวนอนภุ าค มวล และ
ปริมาตรของแกส๊ ที่ STP
3. คำนวณอตั ราสว่ นโดยมวลของธาตุ องค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงท่ี
4. คำนวณสตู รอย่างงา่ ยและสูตรโมเลกุลของสาร
5. คำนวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ
6. อธิบายวิธีการและเตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้นในหน่วยโมลาริตี และปริมาตรสารละลาย
ตามท่กี ำหนด
7. เปรียบเทยี บจดุ เดือดและจดุ เยอื กแข็งของสารละลายกับสารบรสิ ทุ ธ์ิ รวมทงั้ คำนวณจุดเดอื ดและจุด
เยือกแขง็ ของสารละลาย
8. แปลความหมายสญั ลกั ษณ์ในสมการเคมี เขยี นและดลุ สมการเคมขี องปฏิกริ ยิ าเคมบี างชนิด
9. คำนวณปริมาณของสารในปฏกิ ิริยาเคมที ่ีเก่ียวข้องกับมวลสาร
10. คำนวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมีทเี่ ก่ยี วข้องกบั ความเข้มข้นของสารละลาย
11. คำนวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมที ี่เกีย่ วข้องกับปรมิ าตรแกส๊
12. คำนวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมีหลายขนั้ ตอน
13. ระบสุ ารกำหนดปรมิ าณและคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ในปฏิกิริยาเคมี
14. คำนวณผลไดร้ อ้ ยละของผลติ ภณั ฑใ์ นปฏิกริ ยิ าเคมี
รวม 14 ผลการเรียนรู้
ฏ
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชาเคมีเพม่ิ เตมิ 2 รหสั วชิ า ว32222 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5
ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ช่วั โมง จานวน 1.5 หน่วยกติ
สาระเคมี
2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธใ์ นปฏกิ ิริยาเคมี อัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมี
สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยา รีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำ
ความร้ไู ปใช้ประโยชน์
3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การคำนวณ
ปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการ ความรู้และทักษะในการอธิบาย
ปรากฏการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั และการแก้ปัญหา ทางเคมี
ลำดบั ชอื่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา
ที่ การ (ช่ัวโมง) นำ้ หนัก
เรยี นรู้ คะแนน
1 โมลและสตู รเคมี 15 30
มวล 1. บอกความหมายของ มวลอะตอมของธาตุ เป็น 3 5
อะตอม มวลอะตอมของธาตุ และ มวลของธาตุ 1 อะตอม ซึ่งเป็น
คำนวณมวลอะตอมเฉล่ีย ผลรวมของมวลโปรตอน
ของธาตุ มวลโมเลกลุ และ นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน แต่
มวลสตู ร เน่ืองจาก อเิ ล็กตรอนมีมวล
นอ้ ยมากเมื่อเทียบกับ โปรตอน
และนิวตรอน ดงั น้ันมวล
อะตอมจึง มคี า่ ใกลเ้ คียงกับ
ผลรวมของมวลโปรตอน และ
นวิ ตรอน มวลอะตอมเฉลย่ี ของ
ธาตุ เป็นค่าเฉล่ยี จากคา่ มวล
อะตอมของแต่ละ ไอโซโทป
ของธาตุชนดิ น้นั ตามปริมาณที่
มี ในธรรมชาติ มวลโมเลกุล
และมวลสูตรเป็น ผลรวมของ
มวลอะตอมเฉลีย่ ของธาตุท่เี ป็น
องค์ประกอบของสารนั้น
โมล 2. อธิบายและคำนวณ โมลเป็นปริมาณสารที่มีจำนวน 6 ฐ
ปริมาณใดปริมาณหน่ึง อนุภาค เท่ากับเลขอาโวกาโดร 15
จากความสัมพันธ์ของโมล หรือค่าคงตัวอาโวกา โดร คือ 5
จำนวนอนุภาค มวล และ 6.02 × 1023 อนภุ าค มวลของ 5
ปรมิ าตรของแก๊สที่ STP สาร 1 โมล ที่มีหน่วยเป็นกรัม 30
10
เรียกว่า มวล ต่อโมล ซึ่งมีค่า
ตัวเลขเท่ากับมวลอะตอม มวล
โมเลกุลหรือมวลสูตรของสาร
น้ัน ส าหรับสารที่มสี ถานะแก๊ส
1 โมล จะมี ปริมาตรเท่ากับ
22.4 ลิตรท่ี STP
สูตรเคมี 3. คำนวณอัตราส่วนโดย สารประกอบเกิดจากการวมตัว 3
มวลของธาตุ องค์ประกอบ ของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป
ของสารประกอบตามกฎ โดยมีอัตราส่วนโดยมวลของ
สดั ส่วนคงท่ี ธาตุอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุ
องค์ประกอบในสารประกอบ
สามารถแสดงในรูปของร้อยละ
โดยมวลประกอบคงท่เี สมอ
ตามกฎสดั ส่วนคงที่
สตู รเคมี 4. คำนวณสูตรอย่างง่าย สูตรเคมีสามารถแสดงได้ด้วย 3
และสูตรโมเลกุลของสาร สูตรเอมพิริคัลหรือสูตรอย่าง
ง่ายและสูตรโมเลกุล ซึ่งสูตร
อย่างงา่ ยคำนวณไดจ้ ากรอ้ ย
ละโดยมวลและมวลอะตอม
ของธาตุองค์ประกอบ และถ้า
ทราบมวลโมเลกุลของสารจะ
สามารถคำนวณสูตรโมเลกลุ ได้
2 สารละลาย 18
ความ 5. คำนวณความเข้มข้น สารที่พบในชีวิตประจำวัน 9
เข้มข้นของ ของสารละลายในหน่วย จำนว นมากอยู่ในรูปขอ ง
สารละลาย ตา่ ง ๆ สารละลาย การบอกปริมาณ
ของสารในสารละลายสามารถ
บอกเป็นความเข้มข้นในหน่วย
ฑ
ร้อยละ ส่วนในล้านส่วนส่วนใน
พนั ลา้ นสว่ น โมลาริตี โมแลลิตี
และเศษส่วนโมล
การเตรยี ม 6. อธิบายวธิ ีการและ ปริมาตรของสารละลาย 3 10
สารละลาย เตรียมสารละลายใหม้ ี ตามที่กำหนด ทำได้โดยการ
ความเขม้ ขน้ ในหน่วยโมลา ละลายตัวละลายที่เป็นสาร
รติ ีแ้ ละปรมิ าตร บริสุทธิ์ในตัวทำละลายหรือนำ
สารละลายตามท่ีกำหนด สารละลายท่ี มีความเข้มข้นมา
เจือจางด้วยตัวทำละลาย โดย
ปริมาณของสารที่ใช้ขึ้นอยู่กับ
ความ เข้มข้นและปริมาตรของ
สารละลายที่ ตอ้ งการ
สมบัติบาง 7. เปรียบเทียบจุดเดือด สารละลายมีจุดเดือดและจุด 3 10
ประการของ และจุดเยือกแข็งของ เยือกแข็ง แตกต่างไปจากสาร
สารละลาย สารละลายกับสารบริสุทธ์ิ บริสุทธิ์ที่เป็นตัวทำละลายใน
รวมทั้งคำนวณจุดเดือด ส า ร ล ะ ล า ย โ ด ย ส ม บ ั ติท่ี
และจุดเยือกแข็งของ เปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับ
สารละลาย ปริมาณของ ตัวละลายในตัวทำ
ละลาย และชนิดของตัว ทำ
ละลาย
3 ปริมาณสารสมั พนั ธ์ 21 40
ปฏิกริ ิยา 8. แปลความหมาย ปฏิกิริยาเคมี เป็นกา ร 3 10
และสมการ สัญลักษณใ์ นสมการเคมี เปลี่ยนแปลงที่ มีสารใหม่
เคมี เขียนและดลุ สมการเคมี เกิดขึ้นจากการจัดเรียงตัวใหม่
ของปฏกิ ริ ิยาเคมีบางชนิด ของ อะตอมธาตุ โดยจำนวน
และชนิดของ อะตอมธาตุไม่
เปลี่ยนแปลง ปฏิกิริยาเคมี
เขียนแสดงได้ด้วยสมการเคมี
ซึ่งประกอบด้วยสูตรเคมีของ
สารตั้งต้นและ ผลิตภัณฑ์
ลูกศรแสดงทิศทางของการ
เกิดปฏิกิริยา และเลข
สัมประสิทธิ์ของสาร ตั้งต้น
การคำนวณ 9. คำนวณปรมิ าณของ แ ล ะ ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ท ี่ ดุลแล้ว 3 ฒ
ปริมาณสาร สารในปฏิกิรยิ าเคมีท่ี นอกจากนี้อาจมี สัญลักษณ์ 3
จากสมการ เกี่ยวขอ้ งกบั มวลสาร แสดงสถานะของสาร หรือ 3 5
ปัจจัย อื่นที่เกี่ยวข้อง ในการ 3 5
เคมี เกิดปฏกิ ิริยาเคมี การดุลสมการ 5
การคำนวณ 10. คำนวณปรมิ าณของ เคมีทำได้โดยการเติม เ ล ข สั 5
ปรมิ าณสาร สารในปฏกิ ริ ิยาเคมีท่ี มป ร ะ สิ ท ธิ์ ห น้ าส า ร ตั้ง 5
จากสมการ เกีย่ วขอ้ งกับความเขม้ ขน้ ต้ น แ ล ะ ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้
อะตอม ของธาตุในสารตั้งต้น
เคมี ของสารละลาย และผลิตภัณฑเ์ ทา่ กัน
การคำนวณ 11. คำนวณปรมิ าณของ
ปริมาณสาร สารในปฏกิ ริ ยิ าเคมีที่ มีความสัมพันธ์กันตามเลข
จากสมการ เกี่ยวข้องกบั ปรมิ าตรแกส๊ สัมประสิทธ์ิ ในสมการเคมี ซ่ึง
บอกถึงอัตราส่วนโดย โมลของ
เคมี สารในปฏิกิริยา สามารถ
การคำนวณ 12. คำนวณปริมาณของ นำมาใช้ใน การคำนวณปริมาณ
ปรมิ าณสาร สารในปฏิกิริยาเคมหี ลาย ของสารที่เกี่ยวข้องกับ มวล
จากสมการ ข้ันตอน ความเข้มข้นของสารละลาย
และ ปริมาตรของแก๊สได้
เคมี
ความสัมพันธ์ของโมลสารตั้ง
ต้นและ ผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยา
เคมีหลายขั้นตอน พิจารณาได้
จากเลขสัมประสิทธ์ิของสมการ
เคมีรวม
สารกำหนด 13. ระบสุ ารกำหนด ปฏิกิริยาเคมีที่สารตั้งต้นทำ 3
ปรมิ าณ ปรมิ าณและคำนวณ ปฏิกิริยาไม่ พอดีกัน สารตั้งต้น
ทีท่ ำปฏกิ ริ ิยาหมดก่อน เรยี กว่า
ปริมาณสารต่าง ๆ ใน สารกำหนดปริมาณ ซึ่งเป็นสาร
ปฏกิ ิรยิ าเคมี ท่ี กำหนดปริมาณผลิตภัณฑ์ที่
เกิดขึ้น และ ปริมาณสารตั้งต้น 3 ณ
อื่น ที่ทำปฏิกิริยาไปเมื่อสิ้นสุด
ปฏกิ ริ ยิ า 54 5
ผลทีไ่ ด้รอ้ ย 14. คำนวณผลได้รอ้ ยละ ผลิตภัณฑท์ ่เี กดิ ขึน้ จริงใน 3
ละ่ ของผลติ ภณั ฑ์ในปฏิกิรยิ า ปฏิกริ ิยาเคมี สว่ นใหญม่ ี 3 100
เคมี ปริมาณนอ้ ยกวา่ ท่ีคำนวณได้ 60 20
ตาม ทฤษฎซี งึ่ คา่ เปรียบเทยี บ 30
ผลไดจ้ ริงกบั ผลได้ ตามทฤษฎี 100
เป็นร้อยละ เรยี กว่า ผลได้ร้อย
ละ
รวม
สอบปลายภาค
สอบกลางภาค
รวมท้ังหมด(คะแนนประจำบท50คะแนน)
ด
ตารางการวเิ คราะหต์ วั ช้ีวัดเพือ่ กำหนดน้ำหนักคะแนน
รายวิชาเคมเี พิ่มเตมิ รหัสวิชา ว32222 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5
ภาคเรียนท่ี 1
เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
คะแนนเก็บ
ลำดับที่
ลำ ัดบ ั่ชวโมง ่ีทสอนผลการเรยี นรู้
จำนวน ั่ชวโมงท่ีสอน
คะแนนผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
ด้านทักษะ (P)
คุณ ัลกษณะ (A)
กลางภาค
ปลายภาค
เคมี 3 ม.4/5 บอกความหมายของ
1 มวลอะตอมของธาตุ และคำนวณ 1-3 3 5 3 1 1
มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ มวล
โมเลกุล และมวลสตู ร
เคมี 3 ม.4/6 อธิบายและคำนวณ
2 ปริมาณใดปริมาณหนึ่ง จาก 4- 6 15 9 3 3
ความสัมพนั ธข์ องโมล จำนวนอนุภาค 12
มวล และปรมิ าตรของแกส๊ ที่ STP
3 เคมี 3 ม.4/7 คำนวณอัตราส่วนโดย 13- 3 5 3 1 1
มวลของธาตุ องค์ประกอบของ 15
สารประกอบตามกฎสดั ส่วนคงท่ี
เคมี 3 ม.4/8 คำนวณสูตรอย่างง่าย
4 และสตู รโมเลกลุ ของสาร 16-
18
3 5 3 1 1
ต
คะแนนเก็บ
ลำ ัดบท่ี
ลำ ัดบ ่ัชวโมง ่ีทสอนผลการเรยี นรู้
จำนวน ่ัชวโมงท่ีสอน
คะแนน ัตว ้ีช ัวด
ด้านความรู้ (K)
้ดานทักษะ (P)
คุณ ัลกษณะ (A)
กลางภาค
ปลายภาค
5 เคมี 3 ม.4/9 คำนวณความเข้มข้น 19- 9 10 5 3 2
ของสารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ 24
เคมี 3 ม.4/10 อธิบายวิธีการและ
6 เตรยี มสารละลายให้มีความเข้มข้นใน 25- 3 10 3 5 2
ห น ่ ว ย โ ม ล า ร ิ ต ี แ ล ะ ป ร ิ ม า ต ร 27
สารละลายตามทก่ี ำหนด
เคมี 3 ม.4/11 เปรียบเทียบจุดเดือด
7 และจุดเยือกแข็งของสารละลายกับ 28- 3 10 3 5 2
สารบริสุทธิ์ รวมทั้งคำนวณจุดเดือด 30
และจดุ เยือกแขง็ ของสารละลาย
8 สอบกลางภาค 31- 20
32
เคมี 2 ม.4/1 แปลความหมาย
9 สัญลักษณ์ในสมการเคมี เขียนและ 33- 3 5 3 1 1
ดุลสมการเคมีของปฏิกิริยาเคมีบาง 35
ชนิด
10 เคมี 2 ม.4/2 คำนวณปริมาณของ 36- 3 5 3 1 1
สารในปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับ 39
มวลสาร
ถ
คะแนนเก็บ
ลำ ัดบท่ี
ลำ ัดบ ่ัชวโมง ่ีทสอนผลการเรียนรู้
จำนวน ่ัชวโมงท่ีสอน
คะแนน ัตว ้ีช ัวด
ด้านความรู้ (K)
้ดานทักษะ (P)
คุณ ัลกษณะ (A)
กลางภาค
ปลายภาค
11 เคมี 2 ม.4/3 คำนวณปริมาณของสาร 34- 3 5 3 1 1
ในปฏกิ ริ ยิ าเคมีท่ีเกี่ยวข้องกับความ 43
เขม้ ข้นของสารละลาย
12 เคมี 2 ม.4/4 คำนวณปริมาณของ 44- 3 5 3 1 1
สารในปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับ 47
ปรมิ าตรแก๊ส
13 เคมี 2 ม.4/5 คำนวณปรมิ าณของ 48- 3 5 3 1 1
สารในปฏิกิรยิ าเคมหี ลายข้ันตอน 50
14 เคมี 2 ม.4/6 ระบุสารกำหนดปริมาณ 51- 3 5 3 1 1
และคำนวณปริมาณสารต่าง ๆ ใน 54
ปฏกิ ิริยาเคมี
15 เคมี 2 ม.4/7 คำนวณผลได้ร้อยละ 55- 3 5 3 1 1
ของผลิตภัณฑ์ในปฏิกริ ยิ าเคมี 57
16 สอบปลายภาค 58- 30
60
แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ ท
อตั ราส่วนคะแนน 15 คะแนน
กอ่ นสอบกลางภาค : สอบกลางภาค : กอ่ นสอบปลายภาค : สอบปลายภาค 10 คะแนน
25 : 20 : 25 : 30 20 คะแนน
แผนการประเมินผลการเรียนรู้ และการมอบหมายภาระงาน 15 คะแนน
1. ก่อนสอบกลางภาค 30 คะแนน 10 คะแนน
30 คะแนน
1.1 ใบกิจกรรม
1.2 แบบทดสอบทา้ ยบทท่1ี
2. ประเมินจากการสอบกลางภาค
3. ก่อนสอบปลายภาค 30 คะแนน
3.1 ใบกิจกรรม
3.2 แบบทดสอบทา้ ยบทท่ี2
4. ประเมนิ จากการสอบปลายภาค
ธ
กำหนดการสอน
รายวิชาเคมีเพม่ิ เตมิ รหสั ว32222 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5
ภาคเรียนท่ี 1/2565 จำนวน 1.5 หน่วยกติ เวลา 60 ช่วั โมง
สัปดาหท์ ่ี ผลการเรียนรู้ เน้ือหา/สาระ จำนวน หมาย
การเรียนรู้ ชว่ั โมง เหตุ
สอน
- มวลอะตอม 3
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่4 โมลและสตู รเคมี
1 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และ
คำนวณมวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุ มวลโมเลกุล และ
มวลสูตร
2-4 2. อธบิ ายและคำนวณปรมิ าณใดปริมาณหน่งึ จาก - โมล มวล 6
อนภุ าค และ 3
ความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปรมิ าตร 3
- กฎสัดส่วน
ปรมิ าตรของแก๊สท่ี STP คงที่
- รอ้ ยละโดย
5 3. คำนวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุ องคป์ ระกอบ มวล
- สูตรเคมี
ของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงท่ี
6 4. คำนวณสตู รอย่างง่ายและสตู รโมเลกุลของสาร - ความเขม้ ขน้ 9
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี5 สารละลาย ของ 3
สารละลาย
7-8 5. คำนวณความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยต่าง ๆ - การเตรยี ม
สารละลาย
9 6. อธบิ ายวิธกี ารและเตรยี มสารละลายใหม้ คี วาม
เขม้ ข้นในหนว่ ยโมลาริตี และปรมิ าตรสารละลายตามท่ี - สมบัตบิ าง 3
กำหนด ประการของ 3
สารละลาย
10 7. เปรยี บเทียบจดุ เดอื ดและจุดเยือกแข็งของ
สารละลายกับสารบริสทุ ธ์ิ รวมทง้ั คำนวณจุดเดอื ดและ
จดุ เยือกแข็งของสารละลาย
11 สอบกลางภาค
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี6่ ปริมาณสารสัมพันธ์
น
12-13 8. แปลความหมายสญั ลกั ษณ์ในสมการเคมี เขียนและ - สมการเคมี 6
สปั ดาห์ที่ ดลุ สมการเคมีของปฏิกริ ิยาเคมีบางชนดิ
- ดุลสมการ
สอน ผลการเรียนรู้
14 เนือ้ หา/สาระ จำนวน หมาย
9. คำนวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมที ี่เกย่ี วข้อง เหตุ
15 กับมวลสาร การเรียนรู้ ชวั่ โมง
16 10. คำนวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมที ีเ่ ก่ยี วข้อง - คำนวนมวล 3
กบั ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย
17 สารใน
11. คำนวณปริมาณของสารในปฏกิ ิรยิ าเคมีทีเ่ กีย่ วข้อง
18 กับปริมาตรแก๊ส ปฏกิ ริ ิยาเคมี
19
20 12. คำนวณปรมิ าณของสารในปฏิกิรยิ าเคมหี ลาย - คำนวน 3
ขัน้ ตอน
ความเข้มข้น
13. ระบสุ ารกำหนดปรมิ าณและคำนวณปริมาณสาร
ตา่ ง ๆ ในปฏิกริ ิยาเคมี ของสารใน
14. คำนวณผลไดร้ ้อยละของผลติ ภณั ฑใ์ นปฏิกิริยาเคมี
สอบปลายภาค ปฏกิ ิรยิ าเคมี
รวมทั้งหมด - คำนวน 3
ปริมาตรของ
สารใน
ปฏิกิรยิ าเคมี
- การคำนวณ 3
ปรมิ าณ
สารใน
ปฏิกิริยาเคมี
- สารกาหนด 3
ปรมิ าณ
- ผลท่ไี ดร้ อ้ ยละ 3
3
60
1
แผนการจัดการเรียนรู้
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอ่ื งโมลและสูตรเคมี
2
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์เคมี 2 รหสั วชิ า ว32222
ปีการศกึ ษา 2565
ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1
เวลา 15 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 โมลและสูตรเคมี เวลา 3 ช่วั โมง
เรอ่ื ง มวลอะตอม
ครูผสู้ อน นายกิตติชัย อปุ ัชฌาย์
1. สาระการเรียนร้แู ละผลการเรยี นรู้
สาระท่ี 5 สาระเคมี
3. เข้าใจหลักการทาปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การคำนวณ
ปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการ ความรู้และทักษะในการอธิบาย
ปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจำวันและการแก้ปญั หาทางเคมี
ผลการเรียนรู้
บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคำนวณมวลอะตอมเฉลีย่ ของธาตุ มวลโมเลกลุ และมวลสูตร
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
มวลอะตอมของธาตุเป็นมวลของธาตุ 1 อะตอม ซึ่งเป็นผลรวมของมวลโปรตอน นิวตรอน และ
อิเล็กตรอน แต่เนื่องจากอิเล็กตรอนมีมวลน้อยมากเมื่อเทียบกับโปรตอนและนิวตรอน ดังนั้นมวลอะตอมจึงมี
ค่าใกล้เคียงกับผลรวมของมวลโปรตอนและนิวตรอน มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุเป็นค่าเฉลี่ยจาก ค่ามวล
อะตอมของแต่ละไอโซโทปของธาตุชนิดนั้นตามปริมาณที่มีในธรรมชาติ มวลโมเลกุลและมวลสูตรเป็นผลรวม
ของมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุท่ีเปน็ องคป์ ระกอบของสารนั้น
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ มวลอะตอมสมั พทั ธ์และมวลอะตอมเฉลยี่ ของ
ธาตุ
3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการคดิ (P)
1. คำนวณมวลอะตอมของธาตแุ ละมวลอะตอม และมวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตุ
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3
1. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบต่องานที่ไดร้ ับมอบหมายและสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืนได้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 มวลอะตอม
4.2 มวลสัมพทั ธ์
4.3 มวลเฉลยี่
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
5.2 ความสามารถในการคิด
5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มีวินัย
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
6.3 มงุ่ ม่ันในการทำงาน
7. กจิ กรรมการเรียนร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขนั้ ตอน (5E)
ขนั้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ
1. ทบทวนความร้นู ักเรียน เร่ือง อะตอม โดยให้นกั เรยี นตอบคำถามจากแอพพลิเคชั่น
wordwall
2. ครูตงั้ คำถามเพ่ือนำเข้าสูบ่ ทเรยี น โดยใช้แนวคำถาม ดังน้ี
- มวลอะตอมของธาตุ หาได้อยา่ งไรและมีค่าเทา่ ใด
(แนวคำตอบ : นกั เรยี นควรตอบไดว้ า่ หาไดจ้ ากผลรวมของมวลโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน
แตอ่ ิเล็กตรอนมีมวลนอ้ ยมาก มวลอะตอมจึงมคี ่าใกลเ้ คียงกับผลรวมของมวลโปรตอนและนวิ ตรอน ซง่ึ มี คา่
นอ้ ยมากในหน่วยกรัมหรือกโิ ลกรัม
- อะตอมของแต่ละธาตมุ ีมวลเทา่ กันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
(แนวคำตอบ : นักเรียนควรตอบไดว้ า่ ไม่เทา่ กนั เน่ืองจากธาตุแตล่ ะชนิดมีจำนวนโปรตอนและ
นวิ ตรอนไม่เท่ากัน จากนนั้ ครูและนักเรยี นอภปิ รายรว่ มกนั เกีย่ วกับการหามวลอะตอมซง่ึ ไม่สามารถหาไดด้ ้วย
วิธีการ ชัง่ มวล เพ่อื นำเข้าสู่วธิ กี ารหามวลอะตอมสมั พัทธ์โดยเปรียบเทยี บกบั ธาตมุ าตรฐาน
4
ข้ันที่ 2 สำรวจและค้นหา
1. นักเรียนแบ่งเป็น 9 กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน
2. นกั เรยี นหาความรู้ความรู้เก่ียวกบั มวลอะตอมสัมพัทธ์ซึ่งเปน็ คา่ ที่ไม่มหี น่วยกำกบั และ
วธิ กี ารเปรียบเทียบมวลอะตอมของธาตกุ บั ธาตุมาตรฐาน โดยปัจจบุ นั ใช้ 12C ท่ีเป็นไอโซโทปหลักของคารบ์ อน
เปน็ ธาตุมาตรฐานในการเปรยี บเทยี บในใบความรู้จากน้ันครูอธิบายการคำนวณโดยยกตวั อย่างประกอบ
3. นักเรยี นทบทวนความร้เู ดิมเกย่ี วกับไอโซโทปของธาตุ แลว้ ใหค้ วามรเู้ ก่ียวกับมวลอะตอม
และปริมาณของไอโซโทปในธรรมชาติ เช่น คารบ์ อนมี 3 ไอโซโทป คอื 12C มีมวลอะตอม 12.0000 ใน
ธรรมชาตมิ ีอยู่ รอ้ ยละ 98.930 13C มีมวลอะตอม 13.0034 ในธรรมชาตมิ ีอยู่ร้อยละ 1.070 สว่ น 14C เป็น
ไอโซโทปกัมมนั ตรงั สีมีปรมิ าณน้อยมาก แล้วอภิปรายร่วมกนั เกีย่ วกับวธิ ีการหามวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ ซงึ่ หา
ไดจ้ าก
มวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุ = ผลรวมของ [(%ไอโซโทป)(มวลอะตอมของไอโซโทป)]
100
จากนัน้ คำนวณมวลอะตอมเฉลีย่ ของคารบ์ อน ซึ่งคำนวณไดเ้ ทา่ กับ 12.011
ขัน้ ที่ 3 สรปุ และอภิปรายผล
1. นกั เรียนตอบคำถามในใบกจิ กรรมที1่
2. นกั เรียนพจิ ารณามวลอะตอมในตารางธาตุ เพ่อื อภิปรายและลงขอ้ สรปุ ว่า ค่ามวลอะตอม
ที่ปรากฎในตารางธาตุเป็นค่ามวลอะตอมเฉลี่ยซึ่งนิยมเรียกว่า มวลอะตอม ซึ่งสังเกตได้ค่ามวลอะตอมของ
คาร์บอนในตารางธาตุไม่เท่ากับ 12.0000 แต่เท่ากับ 12.01 จากนั้นยกตัวอย่างมวลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ท่ี
ปรากฏในตารางธาตุเปรียบเทยี บกบั คา่ มวลอะตอมเฉลีย่ ในตาราง 4.1 ในหนังสอื เรียนเคมี เล่ม 2
3. นักเรียนถามคำถามเดิมจากข้ันสร้างความสนใจ โดยคำถามมีดงั น้ี
- อะตอมของแต่ละธาตุมมี วลเทา่ กันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
5
ให้นักเรียนตรวจสอบคำตอบของตนเองหลังจากสำรวจหรือทำกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ว่าตรงกับที่ตัวเองตอบไว้
หรือไม่ ( แนวคำตอบ : ไม่เทา่ กนั เน่อื งจากธาตแุ ต่ละชนดิ มีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนไม่เทา่ กัน) และครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมใน
สว่ นนน้ั
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้
1. นกั เรยี นสอบถามในสว่ นของเน้ือหาทีน่ ักเรยี นยังไมเ่ ขา้ ใจ และครูอธิบายเพม่ิ เติมในสว่ นน้ัน
2. นักเรียนทำแบบฝกึ หัดในใบกิจกรรม เร่อื ง มวลอะตอมและมวลอะตอมเฉลย่ี
ข้นั ที่ 5 การประเมินผล
1. ครูประเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม และการร่วมกนั ทำผลงาน
2. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด 4.1 เร่ือง มวลอะตอมและมวลอะตอมเฉล่ีย
8. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
- หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์สสวท. ม.4 เลม่ 2
- ใบกจิ กรรม
- อินเทอร์เน็ต
- โทรศพั ท์
6
9. การวดั และประเมินผล วธิ ีวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์
การตอบคำถาม แบบการประเมิน 1.นักเรียนสามารถตอบ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ แบบฝึกหดั เรือ่ ง กิจกรรม คำถามในใบกิจกรรมได้
ดา้ นความรู้ (K) มวลอะตอม ใบกิจกรรม ระดับดีผ่านเกณฑ์ร้อย
แบบฝึกหัด ละ 70
1.บอกความหมายของมวล 2.นักเรียนทำ
อะตอมของธาตุ มวลอะตอม แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี
สัมพทั ธแ์ ละมวลอะตอมเฉลี่ยของ 1.1 ได้ระดับดีผ่าน
ธาตุ เกณฑร์ อ้ ยละ 70
1. นกั เรยี นสามารถ
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ตรวจคำตอบ แบบการประเมิน สรุปเนอื้ หาทีไ่ ด้จาก
1. คำนวณมวลอะตอมของธาตุ ใบกิจกรรม กจิ กรรม การศึกษาค้นคว้าได้
และมวลอะตอม และมวลอะตอม แบบฝกึ หัด1.1 ตรวจคำตอบ ระดับดผี า่ นเกณฑร์ ้อย
เฉลย่ี ของธาตุ ใบกิจกรรม ละ 70
แบบฝกึ หดั 1.1 นักเรียนทำภาระงานท่ี
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การสงั เกตการ แบบการประเมนิ ไ ด ้ ร ั บ ม อ บ ห ม า ย ไ ด้
(A) เปล่ยี นแปลง กิจกรรม ระดับดีผ่านเกณฑ์ร้อย
1. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบต่องาน พฤติกรรม ละ 80
ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายและสามารถ
ทำงานร่วมกบั ผู้อืน่ ได้
10. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………….………………….
7
8
9
เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรยี น
ประเดน็ การ ค่าน้ำหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดา้ นความรู้ ตอบคำถามถูกต้องครบถ้วนทุกขอ้
(K) 3 ตอบคำถามถูกต้องครบ 5-9 ขอ้
2 ตอบคำถามถกู ต้องครบ 1-4 ขอ้
ด้านทักษะ 1 ทำแบบฝีกหดั ครบถ้วนทกุ ข้อ
กระบวนการ 3 ทำแบบฝกึ หดั ค่อนขา้ งถูกต้อง
2 ทำแบบฝกึ หัด แต่ไม่ถกู ต้อง
(P) 1 คำนวณเร่อื ง มวลอะตอม ครบถ้วนทุกขอ้
ดา้ น 3 คำนวณเรอื่ ง มวลอะตอม คอ่ นข้างถูกตอ้ ง
คุณลกั ษณะ 2 คำนวณ เรื่อง มวลอะตอมแตไ่ ม่ถกู ต้อง
(A) 1 ทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และถกู ต้อง
3 ทำภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี ำหนดแต่งานยัง
2 ผิดพลาด
ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่สง่ ลา่ ช้า และมขี ้อผิดพลาด
1
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ดี
คะแนน 1 หมายถึง พอใช้
คะแนน
10
11
12
13
14
มวลอะตอม
มวลอะตอมคือ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................มหี น่วยเปน็ ……..
มวลอะตอมสัมพทั ธ์คือ
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................ไม่มหี น่วย
สตู รการหามวลอะตอมสมั พัทธ์คือ
สตู รการหามวลอะตอมคือ
ตัวอยา่ ง 1
ธาตุแมกนเี ซียม (Mg) มีมวลอะตอมสมั พัทธ์ 24.30 ธาตแุ มกนเี ซยี มมีมวลอะตอม เทา่ ใด
วธิ ีทำ
มวลอะตอมสัมพทั ธข์ อง Mg = มวลอะตอมของMg (g)
1.66x10-24 g
15
มวลอะตอมของ Mg (g) = 24.30 x 1.66x10-24 g
= 4.03x 10-23 g
ดังนั้นธาตุแมกนเี ซยี มมีมวลอะตอมเท่ากบั 4.03x 10-23 g
ตวั อยา่ งท่2ี
ธาตโุ ซเดยี ม (Na) 10 อะตอม มีมวล 3.82x10-22 g มวลอะตอมสมั พนั ธข์ องธาตโุ ซเดยี มมีคา่ เท่าใด
วธี ีทำ
ขัน้ ท่ี 1 หามวลอะตอมของโซเดยี ม1อะตอม
มวลของโซเดียม1อะตอม = 3.82 x 10-22
10 atom
= 3.82 x 10-23
ขัน้ ท่ี 2 หามวลอะตอมสมั พัทธ์ของโซเดยี ม
มวลอะตอมสมั พทั ธ์ของ Na = มวลของ Na 1 อะตอม (g)
1.66 x 10-24
= 3.82 x 10-23 g
1.66 x 10-24
= 23.0
ดงั นั้น มวลอะตอมสัมพทั ธ์ของธาตุโซเดียมมคี า่ เท่ากับ 23.0
2.2 ธาตโุ ซเดยี ม (Na) 10 อะตอม มีมวลกีก่ รมั มวลอะตอมสัมพันธ์ของธาตโุ ซเดยี มมีคา่ 23
วิธีทำ
ข้นั ที1่ หามวลอะตอมของโซเดียม (Na) 1อะตอม
มวลอะตอมสมั พทั ธของ Na = มวลของ Na 1 อะตอม (g)
1.66 x 10-24
23 = มวลของ Na 1 อะตอม (g)
1.66 x 10-24
16
มวลของ Na 1 อะตอม = 23 x 1.66 x 10-24
= 3.82 x 10-23
ข้นั ที่ 2 นำจำนวนอะตอมที่โจทยถ์ ามมาคูณมวลอะตอมของโซเดียม (Na) 1อะตอม
ธาตุโซเดยี ม (Na) 10 อะตอม มีมวล = 10 x 3.82 x 10-23
= 3.82 x 10-22
ตอบ ธาตุโซเดยี ม (Na) 10 อะตอม มมี วล = 3.82 x 10-22
แบบฝึกหดั
1. ธาตุแคลเซียม Ca 2 อะตอม มมี วล 1.32x10-22 g มวลอะตอมสัมพันธข์ องธาตุแคลเซียมมคี า่ เทา่ ใด
2.ธาตุโพแทสเซียม (K) 3 อะตอม มีมวลกก่ี รัม มวลอะตอมสมั พันธ์ของธาตโุ ซเดยี มมีค่า 39
17
3. ธาตุฟอสฟอรัส (P) 2 อะตอม มีมวล 1.03x10-22 g มวลอะตอมสมั พนั ธ์ของธาตฟุ อสฟอรัสมคี า่ เท่าใด
4. ธาตุนีออน (Ne) 4 อะตอม มีมวลกี่กรัม มวลอะตอมสมั พนั ธ์ของธาตุนีออนมีค่า 20
18
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์เคมี 2 รหัสวชิ า ว32222
ปีการศึกษา 2565
ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1
เวลา 15 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 โมลและสตู รเคมี เวลา 3 ช่วั โมง
เร่ือง มวลตอ่ โมลและมวลโมเลกลุ
ครูผู้สอน นายกติ ตชิ ยั อุปัชฌาย์
1. สาระการเรยี นรู้และผลการเรียนรู้
สาระท่ี 5 สาระเคมี
3. เข้าใจหลักการทาปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การคำนวณ
ปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการ ความรู้และทักษะในการอธิบาย
ปรากฏการณใ์ นชีวิตประจำวันและการแก้ปัญหาทางเคมี
ผลการเรยี นรู้
อธบิ ายและคำนวณปริมาณใดปรมิ าณหนึ่งจากความสมั พันธ์ของโมล จำนวนอนภุ าค มวล และปริมาตร
ของแกส๊ ที่ STP
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
โมลเปน็ ปรมิ าณสารทม่ี จี ำนวนอนุภาคเท่ากบั เลขอาโวกาโดร คือ 6.02 × 1023 อนุภาค
มวลของสาร 1 โมล ท่มี ีหน่วยเป็นกรมั เรยี กว่า มวลตอ่ โมล ซงึ่ มีคา่ ตัวเลขเท่ากับมวลอะตอม มวลโมเลกลุ หรอื
มวลสูตรของสารนนั้ สำหรบั สารท่มี ีสถานะแก๊ส 1 โมล จะมีปริมาตรเทา่ กับ 22.4 ลกู บาศก์เดซิเมตรที่ STP
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. อธบิ ายความหมายของโมลและเลขอาโวกาโดร
3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการคดิ (P)
1. คำนวณมวลโมเลกลุ และมวลสตู ร
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1. นกั เรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานท่ีไดร้ ับมอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับผู้อน่ื ได้
19
4. สาระการเรยี นรู้
การบอกปรมิ าณสารเคมี กำหนดหน่วยแสดงจำนวนอนุภาคของสารเปน็ หน่วยใหญส่ ัมพันธ์กับปรมิ าณ
สารที่วัดได้ เรยี กว่า โมล (mole)
สาร 1 โมล มีจำนวนอนภุ าคเท่ากบั 6.02214076 * 1023 อนุภาค และเรียกจำนวนอนภุ าคนีว้ า่ เลข
อาโวกาโดร (Avogadro’s number) หรือค่าคงตัวอาโวกาโดร (Avogadro’s constant)มวลของสาร 1 โมล
ทมี่ ีหน่วยเป็นกรัม เรยี กวา่ มวลตอ่ โมล ซึ่งมีคา่ ตวั เลขเท่ากบั มวลอะตอม มวลโมเลกลุ หรอื มวลสูตรของสารนั้น
มวลโมเลกลุ คือ ผลรวมของมวลอะตอมของธาตใุ นสูตรเคมเี มอ่ื ธาตุอะตอมของธาตรุ วมตัวกนั เปน็ โมเลกุล
มวลสตู ร คอื ผลรวมของมวลอะตอมของธาตุในสตู รเคมเี ม่ือสารท่ีไมไ่ ด้อยู่ในรูปโมเลกลุ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
5.2 ความสามารถในการคิด
5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
6.1 มีวินยั
6.2 ใฝ่เรียนรู้
6.3 มุ่งมน่ั ในการทำงาน
7. กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั ตอน (5E)
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ
1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง ปริมาณของสิ่งของในชีวิตประจำวันว่ามี
มวลและปริมาตรเป็นอย่างไรบ้าง โดยให้นักเรียนยกตัวอย่าง เพื่อนำเข้าสู่กิจกรรมขั้นสำรวจค้ นหา และใช้
คำถามเพื่อกระตนุ้ นักเรียน ดังน้ี
1.1 นักเรียนทราบหรือไม่ว่าหน่วยของการบอกจำนวนปริมาตรและมวลในชีวิตประจำวัน
มี
อะไรบ้าง พร้อมยกตวั อย่างประกอบ
(แนวตอบ : หน่วยของปริมาตร เช่น แกลลอน มลิ ลิลิตร ลติ ร ซซี ี หรือลูกบาศก์เซนตเิ มตร
หนว่ ยของมวล เช่น มลิ ลกิ รัม กรมั กิโลกรัม หรอื ตัน)
1.2 ครถู ามคำถามหน่วยวดั ปรมิ าตรของสารคือหนว่ ยใด
(แนวตอบ : หน่วยวัดปริมาตรของสารมีอยู่หลายหน่วย เชน่ ลกู บาศก์เมตร ลกู บาศก์
20
เซนตเิ มตร ลติ ร เปน็ ต้น)
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา
1.นกั เรยี นศกึ ษาหาความหมายของโมลปละมวลตอ่ โมลในใบความรู้
2. นักเรียนพจิ ารณาตารางท่ี 2.1 จำนวนอนุภาคของสารปริมาณ 1 โมล (หนงั สอื เรยี น
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์เพ่ิมเติมเคมี เลม่ 2 สสวท (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 9) เพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ หน่วย
โมลสามารถใชใ้ นการบอกจำนวน อนุภาคซึง่ อาจเปน็ อะตอม โมเลกลุ ไอออน หรืออืน่ ๆ ขึน้ อยู่กับประเภท
ของสาร
3. ใหน้ กั เรียนตอบคำถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ
- น้ำ (H2O) 0.5 โมล ประกอบดว้ ยไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) อยา่ งละกโ่ี มลและคิดเป็น
อย่างละกอ่ี ะตอม
- แคลเซียมฟอสเฟต (Ca3(PO4)2) 2 โมล ประกอบด้วยแคลเซยี มไอออน (Ca2+) และฟอสเฟต
ไอออน (PO43-) อย่างละกีไ่ อออน
4. นักเรยี นพิจารณาตาราง 2.2 มวลตอ่ โมล ของธาตบุ างชนิด แล้วหาวิธคี ำนวณมวลตอ่ โมลของสาร
ตา่ งๆ
ข้ันที่ 3 สรุปและอภปิ รายผล
1. นักเรยี นหาข้อสรปุ เกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหวา่ งจำนวนโมลและจำนวนอนภุ าค หน้าชั้น
เรียน แล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับความหมายของปริมาณสาร 1 โมล เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “สาร 1 โมล หมายถึง
ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของคาร์บอน-12 ที่มีมวล 12 กรัม และมีจำนวนอนุภาค
เท่ากับ 6.02 x 1023 อนุภาค และเรียกจำนวน 6.02 x 1023 นี้ว่า เลขอาโวกาโดร” หรือเขียนความสัมพันธ์ในรูป
อัตราส่วนได้ ดงั นี้
1 mol หรือ 6.02 x 1023 อนุภาค
1023 อนภุ าค 1 mol
6.02 x
จากน้ันครแู ละนักเรียนอธบิ ายการคำนวณเกี่ยวกับมวล และโมลโดยยกตัวอย่าง ประกอบการอธบิ าย
ตวั อย่าง 1 C-12 1 โมล จะมีมวลในหนว่ ยกรมั เปน็ เท่าใด
C-12 1 โมล = 12.00 x 1.66 x10-24 g x 6.02 x1023 อะตอม C
1 อะตอม C
= 12.00 g
ตวั อย่าง 2 เหล็ก 10.0 กรัม มีจำนวนอะตอมเทา่ ใด
21
อะตอมของ Fe = 10.0 g Fe x 1 mol Fe x 6.02 x 1023 atom Fe
55.85 g Fe 1 mol Fe
= 1.08 x 1023 atom Fe
2. นกั เรียนรว่ มกันอธิบายเก่ียวกับวิธีคำนวณมวลโมเลกลุ และมวลสูตรของสาร ซง่ึ หาได้
จากผลรวมของ มวลอะตอมของธาตุองค์ประกอบตามสูตรเคมี จากนั้นครูอธบิ ายการคำนวณโดยยกตัวอย่าง
ประกอบการอธบิ าย
มวลโมเลกลุ ของสารใด ๆ = ผลบวกของมวลอะตอมในสตู รเคมี
ตวั อยา่ ง 4 มวลโมเลกลุ CuSO4.5 H2O = 63.5 + 32 + (4 x 16) + (5 x 18)
= 249.5 กรัม
ตัวอย่าง 3 จงหามวลตอ่ โมลของ H2O
มวลโมเลกลุ H2O = (2 x มวลอะตอม H ) + (1 x มวลอะตอมของ O)
= (2 x 1) + 16
= 18 กรัม
เนื่องจาก มวลต่อโมลของสารที่เปน็ โมเลกุลมีคา่ เป็นตวั เลขเทา่ กบั มวลโมเลกุลของสารนัน้ ดงั นัน้ มวล
ตอ่ โมลของนำ้ เท่ากับ 18 กรมั ต่อโมล
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้
1. นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อทเ่ี รียนมา และหากสว่ นใดทน่ี ักเรยี นยังมีข้อสงสยั
ให้ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมเพ่ือให้นักเรยี นเขา้ ใจ แล้วซุ่มถามนักเรยี นดังน้ี เชน่
1.1 ในการคำนวณหาเหล็ก 10.0 กรัม มจี ำนวนอะตอมเทา่ ใดเร่ิมต้นจากส่ิงใดกอ่ น
(แนวคำตอบ: g Fe ----> mole Fe -----> atom Fe)
1.2 การหาจำนวนมวลต่อโมลมีคา่ เท่ากับมวลอะตอมของธาตุน้ันหรือไม่อย่างไร
(แนวคำตอบ: ใช่ เมือ่ พจิ ารณาจากตารางท่ี 4.3 ในหนงั สอื เรียนจะห็นไดว้ ่ามวลตอ่ โมลมีคา่
เท่ากบั มวลอะตอมของธาตุนั้นๆ)
3. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในใบงาน เรื่อง มวลต่อโมลและมวลโมเลกุล แล้วซุมตัวแทน
ออกมาเฉลยหนา้ ชั้นเรยี น
4. ครูเฉลยแบบฝกึ หดั บางส่วนท่นี ักเรียนยงั ไมเ่ ข้าใจ
ข้ันท่ี 5 การประเมินผล
22
1. ครปู ระเมินการเรยี นร้ขู องนักเรยี นดงั นี้
1.1 การถามตอบในชัน้ เรียน (โดยการถามนักเรียนก่อนหลงั จากน้นั เรยี กชอื่ นกั เรยี น
เพอื่ ให้ผเู้ รียนตอบ)
1.2 การทำแบบฝึกหดั 4.2 เรอ่ื ง มวลต่อโมลและมวลโมเลกุล
1.3 ครปู ระเมนิ พฤติกรรมโดยการสังเกต จากการทำกิจกรรมรว่ มกับการเรียนของผู้เรียน
8. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
- หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ฌ๕ฒ๊ ม.4 เล่ม 2
- ใบกิจกรรม
- อินเทอรเ์ น็ต
- โทรศัพท์
9. การวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ วี ดั เครือ่ งมือวัด เกณฑ์
ดา้ นความรู้ (K) การตอบคำถาม แบบการประเมิน 1.นักเรียนสามารถตอบ
แบบฝกึ หดั เรื่อง กจิ กรรม คำถามในใบกิจกรรมได้
1อธบิ ายความหมายของโมล มวลอะตอม ใบกิจกรรม ระดับดีผ่านเกณฑ์ร้อย
และเลขอาโวกาโดร แบบฝกึ หดั ละ 70
2.นักเรียนทำ
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ตรวจคำตอบ แบบการประเมิน แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี
1. คำนวณมวลโมเลกลุ และมวล ใบกิจกรรม กิจกรรม 1.1 ได้ระดับดีผ่าน
สูตร แบบฝกึ หัด ตรวจคำตอบ เกณฑร์ อ้ ยละ 70
ใบกจิ กรรม 1. นักเรยี นสามารถ
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ การสังเกตการ แบบฝกึ หดั สรุปเนื้อหาท่ีไดจ้ าก
(A) เปล่ยี นแปลง แบบการประเมิน การศกึ ษาคน้ ควา้ ได้
1. มคี วามใฝร่ ู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน พฤติกรรม กิจกรรม ระดับดีผา่ นเกณฑร์ ้อย
และทำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ ละ 70
นักเรียนทำภาระงานท่ี
ไ ด ้ ร ั บ ม อ บ ห ม า ย ไ ด้
ระดับดีผ่านเกณฑ์ร้อย
ละ 80
23
10. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………….………………….
.........
24
25
26
เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรยี น
ประเด็นการ ค่านำ้ หนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ดา้ นความรู้ ตอบคำถามถกู ต้องครบถ้วนทุกข้อ
(K) 3 ตอบคำถามถกู ต้องครบ 5-9 ขอ้
2 ตอบคำถามถูกต้องครบ 1-4 ข้อ
ด้านทักษะ 1 ทำแบบฝกี หดั ครบถ้วนทุกข้อ
กระบวนการ 3 ทำแบบฝกึ หดั ค่อนขา้ งถูกต้อง
2 ทำแบบฝึกหดั แต่ไม่ถูกต้อง
(P) 1 คำนวณเรือ่ ง มวลต่อโมลและมวลโมเลกลุ ได้อย่างถูกตอ้ งสมบูรณ์
ดา้ น 3 คำนวณเรื่อง มวลตอ่ โมลและมวลโมเลกลุ ได้ค่อนข้างถกู ต้อง
คุณลักษณะ 2 คำนวณ มวลต่อโมลและมวลโมเลกลุ แต่ไมค่ รบถว้ น
(A) 1 ทำภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาทก่ี ำหนด และถกู ต้อง
3 ทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนดแต่งานยัง
2 ผิดพลาด
ทำงานท่ีได้รับมอบหมายเสรจ็ แต่สง่ ลา่ ช้า และมขี ้อผิดพลาด
1
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ดี
คะแนน 1 หมายถึง พอใช้
คะแนน