The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มืออบรมแกนนำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khammanatt, 2021-08-12 02:06:23

คู่มืออบรมแกนนำ

คู่มืออบรมแกนนำ

ค่มู อื การดำเนินโครงการและหลกั สูตรฝกึ อบรมแกนนำสง่ เสริม
ความประพฤตินักเรียนและนกั ศกึ ษา

สำนกั การลูกเสอื ยวุ กาชาดและกิจการนักเรียน
สำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ



คำนำ

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน เป็น
หน่วยงานท่ีมีอำนาจหน้าที่ ส่งเสริม สนับสนุน ศึกษา วิเคราะห์ วิจยั เพ่ือการพัฒนานักเรยี นนกั ศึกษา และการป้องกัน แก้ไข
สง่ เสริม คุม้ ครองความประพฤตแิ ละสิทธิของนักเรียนและนักศกึ ษา ตามพระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ หมวด
๗ ว่าด้วยการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา เพ่ือให้นักเรียนและนักศึกษา เป็นคนดี มีคุณธรรม
จริยธรรม เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ สามารถตอบยุทธศาสตรช์ าติ แผนปฏิรูปประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและ

สังคมแหง่ ชาติ

สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน ตระหนักและเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้
ดำเนินการโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา เพื่อสร้างแกนนำนักเรียน ใน
การเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความประพฤติที่เหมาะสม และสร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการดำเนินงาน
ส่งเสริมความประพฤติ การเผยแพร่และสามารถประยุกต์ใช้ทักษะชีวิตในศตวรรษท่ี ๒๑ มาใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยการจัดทำคู่มอื การดำเนินโครงการและหลกั สูตรฝึกอบรมแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรียนและนักศกึ ษา
เพ่ือใหส้ ถานศึกษาไดน้ ำไปใช้เป็นแนวทางในการฝกึ อบรมนักเรยี นและนักศึกษาต่อไป

สำนกั การลูกเสือ ยุวกาชาดและกจิ การนักเรยี น ขอขอบคณุ คณะผูบ้ รหิ ารและคณะกรรมการทุก
ท่าน ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารคู่มือการดำเนินโครงการและหลักสูตรฝึกอบรมแกนนำ
ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ในการสร้างเครือข่ายในการดำเนินงาน
ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาร่วมกับสถานศึกษา และหน่วยงานภายนอกสถานศึกษาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถนำมาต่อยอดการสรา้ งแกนนำนักเรียนและนักศึกษา ในการเป็นแบบอยา่ งท่ีดี
ในด้านความประพฤติทเี่ หมาะสม เป็นคนดี มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม เปน็ พลเมืองดขี องประเทศชาติต่อไป

สำนกั การลูกเสือ ยวุ กาชาดและกิจการนักเรยี น

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร

มิถุนายน ๒๕๖๔

สารบัญ ข

เร่อื ง หนา้

คำนำ ก
สารบัญ

สว่ นท่ี ๑ บทนำ
๑๑
ความเปน็ มา ๑
วัตถุประสงค์ ๑
ขอบเขต ๒๒
กรอบแนวคดิ หลกั การจัดกิจกรรมและเงื่อนไขความสำเร็จ ๓๒
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๓๒
ผลสมั ฤทธท์ิ คี่ าดหวัง ๔๔
สว่ นท่ี ๒ กระบวนการดำเนินงานโครงการ ๔
การดำเนินงานก่อนการจัดกิจกรรมโครงการ ๕
การดำเนินงานระหว่างการจัดกจิ กรรมโครงการ ๕
การดำเนนิ งานหลงั เสรจ็ ส้ินการจัดกจิ กรรมโครงการ ๖
ส่วนที่ ๓ โครงสรา้ งหลักสูตรแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
และรายละเอยี ดกิจกรรมการเรียนรู้ ๕ ๖๑
วัตถปุ ระสงค์ ๖
ผลสัมฤทธท์ิ ่คี าดหวงั ๖๒
คณุ สมบตั ิของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ๖๒
เกณฑ์การผ่านการฝึกอบรม ๖๒
หลกั เกณฑ์การใชห้ ลักสูตร ๖๒
วธิ ีการฝกึ อบรม ๗๓
วิธีดำเนินงาน ๗๓
การขบั เคลอ่ื นและการรายงานผลการปฏิบตั ิ ๘
โครงสรา้ งหลกั สตู ร ๘

กรอบโครงสรา้ งกิจกรรม ๑๑
กำหนดการจัดกิจกรรม
ตารางการจดั กิจกรรมการฝึกอบรมแกนนำสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี น
และนกั ศกึ ษา



สารบัญ (ต่อ)

เร่อื ง หน้า

รายวชิ า การส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศกึ ษา ๑๒ ๘

รายวิชา บทบาทและหนา้ ที่ของแกนนำส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศึกษา ๒๐ ๑๐
๑๑
รายวชิ า การให้คำปรึกษาสำหรับนักเรยี นและนักศึกษา (YC : Youth Counselor) ๒๕ ๑๒
๑๓
รายวิชา การป้องกนั และแก้ไขปญั หาการรงั แกกัน (Bully) ๔๑

รายวชิ า การใชส้ อ่ื ออนไลนอ์ ย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย ๔๗

รายวชิ า การแก้ไขปญั หาความขัดแย้งอยา่ งสนั ตวิ ธิ ี ๖๒

รายวิชา ทกั ษะชีวติ ในทศวรรษท่ี ๒๑ ๗๒

เรอ่ื ง การทำงานเป็นทีม การร่วมมอื และภาวะผ้นู ำ ๗๗

เร่อื ง การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ, ความแตกต่างทางวฒั นธรรม ๘๖

และกระบวนทัศน์

รายวิชา การจัดตั้งองค์กรแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ๙๕

รายวิชา กิจกรรมกลมุ่ สัมพันธ์ ๑๐๑

หนงั สอื อ้างอิง 112

ภาคผนวก ๑๖ 113

โครงการฝกึ อบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศึกษา 114

สญั ลกั ษณ์โครงการ 118

การจัดทำป้ายโครงการ 119

แบบทดสอบกอ่ น-หลงั การเข้ารบั การฝกึ อบรม 120

เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลงั การเข้ารบั การฝึกอบรม 123

แบบรายงานผลการดำเนนิ งาน 124

แบบรายงานผลการขับเคล่ือนการดำเนนิ งาน 126

แบบสำรวจความพงึ พอใจ 128

แบบวฒุ บิ ตั ร 130

แบบเกยี รติบัตร 131

คำสัง่ แต่งต้ังคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ 132

สว่ นท่ี 1
บทนำ

ความเป็นมา

ยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ ด้านการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพ
ทรัพยากรมนุษย์ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ
โดยคนไทยมีพร้อมท้ังกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการท่ีดีรอบด้านและมีสุขภาวะท่ีดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ
รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ
มีหลักคิดท่ีถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ นอกจากน้ีแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑o) ประเด็น
การปรับเปล่ียนค่านิยมและวัฒนธรรม เน้นให้คนไทยมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมทดี่ ีงามและมีความรักและภมู ิใจในความ
เป็นไทยมากข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม (๕) การมีส่วนร่วม การเรียนรู้ การรับรู้ และ
การส่งเสริมกิจกรรมทางสังคม และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)
ยทุ ธศาสตร์ที่ ๑ การเสริมสร้างและพฒั นาทรพั ยากรทนุ มนุษย์

สำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่มี
อำนาจหน้าท่ี ส่งเสริม สนับสนุน ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเพื่อการพัฒนานักเรียนนักศึกษา และการป้องกัน แก้ไข
ส่งเสริม คุ้มครองความประพฤติและสิทธิของนักเรียนและนักศึกษา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖
หมวด ๗ การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา เพ่ือให้นักเรียนและนักศึกษามีความประพฤติ
ท่ีเหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ
สามารถตอบยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข้างต้น รวมท้ังการ
ดำเนินการตามภารกิจของสำนัก ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง
สถานศกึ ษาต้องให้ความสำคญั และเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นและนักศึกษาไดม้ ีส่วนร่วม สำนกั การลูกเสอื ยุวกาชาด
และกิจการนักเรียน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินการ
ดังกล่าวข้างต้น ได้กำหนดจัดดำเนินโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
ซึ่งการดำเนินกิจกรรมโครงการได้จัดทำกรอบแนวทางในลักษณะของหลักสูตรภายใต้ “หลักสูตรการฝึกอบรม
แกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา” และเพ่ือให้หน่วยงานและสถานศึกษา โรงเรียนที่จะจัด
ดำเนินโครงการมีความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางและวิธีการจัดกิจกรรมให้เป็นมาตรฐานท่ีกำหนดในหลักสูตร
อันจะส่งผลถึงการบรรลุเป้าหมายของการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล จึงจัดทำคู่มือ
โครงการฝกึ อบรมแกนนำสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศึกษา ข้ึน

วัตถุประสงค์

เพ่ือใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินกิจกรรมโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียน
และนักศึกษา ให้กับหน่วยงาน สถานศึกษา โรงเรียน ซ่ึงรับผิดชอบและดำเนินกิจกรรมโครงการให้ได้มาตรฐาน
ตามหลักสูตรทก่ี ำหนด เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพ /ประสทิ ธผิ ลตอ่ นักเรียนและนกั ศึกษาท่เี ขา้ ร่วมโครงการ

ขอบเขต

คู่มือโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา มีขอบเขตคลอบคลุมต้ังแต่
การดำเนินงาน การติดตาม การสรุปผลและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย ความ
เปน็ มา วัตถุประสงค์ ขอบเขต กรอบแนวคดิ และหลักการจัดกิจกรรมกระบวนการดำเนินงานโครงการ โครงสร้าง
และรายละเอียดกจิ กรรม เอกสารอ้างองิ และภาคผนวก



กรอบแนวคิด หลกั การจดั กิจกรรมและเง่อื นไขความสำเร็จ

การดำเนินกิจกรรมให้ประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้รับผิดชอบโครงการและผู้นำกิจกรรมจะต้องรู้
และเข้าใจกรอบแนวคิด หลักการจัดกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เง่ือนไขความสำเร็จของโครงการ และโครงการนี้ได้
กำหนดประเดน็ ดังกล่าวไว้ดงั น้ี

1. กรอบแนวคิด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในโครงการเป็นการส่งเสริมและพัฒนาให้นักเรียน นักศึกษา
มีทักษะการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ซ่ึงมุ่งพัฒนา
ผู้เรียนให้มคี ณุ ภาพมาตรฐานการเรยี นรู้ เกิดสมรรถนะสำคญั 5 ประการ คอื ความสามารถในการส่ือสาร การคิด
การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยี และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามท่ีหลักสูตรกำหนด และ
เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 หมวด 4
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน
สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพและ มาตราที่ 24 (1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรม
ให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (๒) ฝึกทักษะ
กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหา และ
(3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงฝึกการปฏิบัติให้ทำได้คิดเป็น ทำเป็นรักการอ่านและเกิดการ
ใฝ่รู้อย่างต่อเน่ือง จัดการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ มุ่งพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน ให้สามารถดำรงชีวิต
ในสังคมยุคศตวรรษที่ 21 (21st Century Learners) ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะสารสนเทศ สื่อ
เทคโนโลยีและทักษะชวี ติ และอาชพี ได้อยา่ งมีความสุข

2. หลักการจัดกิจกรรม การดำเนินโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและ
นกั ศึกษา ใช้รูปแบบการอยู่ร่วมกันในค่ายพักแรม เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เพ่ือให้เกิดการเรยี นรู้ทักษะการอยู่
ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคม เน้นการฝึกทักษะการเป็นผู้นำ ผู้ตาม ความรับผิดชอบ การมีระเบียบวินัย การทำงานเป็นทีม
การช่วยเหลือกันและกัน การมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติในการสร้างองค์ความรู้ที่มีคุณค่าต่อตนเองและ
ผู้อื่น เกิดความรู้ด้านการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา บทบาทหน้าท่ีของแกนนำส่งเสริม
ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา การให้คำปรึกษา การใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย
การป้องกันและแก้ปัญหาการรงั แกกัน การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสนั ติวิธี ทักษะชวี ิตท่ีจำเป็นในศตวรรษ
ท่ี ๒๑ การจดั ตง้ั องค์กรการขับเคล่ือนการสง่ เสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศกึ ษาในสถานศกึ ษา

3. เงอื่ นไขความสำเรจ็
3.1 กลุ่มเป้าหมาย กำหนดให้เป็นนักเรียนและนักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าสายสามัญ

และสายอาชพี หรอื เทียบเทา่
3.2 กิจกรรมการเรียนรู้ เน้นนักเรียนและนักศกึ ษาเปน็ ศูนย์กลาง โดยกำหนดใหใ้ ชก้ ระบวนการกลุ่ม

และการทำงานเป็นทีม ในการดำเนินการ ให้แบง่ นักเรียนและนักศึกษาออกเป็นกลุ่ม แบ่งหนา้ ที่และหมุนเวียนใน
การเป็นหัวหน้า รองหัวหน้าและสมาชิกของกลุ่ม เน้นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นทีม ให้มีรางวัลเป็นแรงจูงใจใน
ความสำเร็จและมีวิทยากรประจำกลุ่ม มอบหมายให้ครู เจ้าหน้าท่ีหรอื บุคลากรที่นำนักเรยี นและนักศึกษามาเข้า
ร่วมโครงการทำหนา้ ท่ีในการควบคุม ดูแล ให้คำปรกึ ษา แนะนำและให้ได้รับเกียรตบิ ตั รในฐานะเป็นวทิ ยากร

3.3 การจัดกิจกรรม เน้นรูปแบบการลงมือปฏิบัติ (Learning by doing) ผู้เรียนต้องได้
ลงมือปฏิบัติจริง โดยจัดให้มีกิจกรรมท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ วิทยากรประจำวิชาต้องดำเนินกิจกรรม
ให้เปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์ในการพฒั นาอารมณ์ สงั คม สตปิ ัญญา จิตใจ คุณธรรม จริยธรรมและเสริมสรา้ งทกั ษะ
การใช้สื่อออนไลนอ์ ยา่ งสรา้ งสรรค์

3

เกณฑ์การประเมินผล

ผูผ้ ่านการฝกึ อบรมและสมควรไดร้ บั วุฒบิ ตั ร จะตอ้ งมีคุณสมบัติ ดงั นี้
๑. มรี ะยะเวลาของการฝกึ อบรมไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของระยะเวลาการฝกึ อบรม
๒. ผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมต้องผา่ นการทดสอบความรหู้ ลกั การฝกึ อบรมไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐

ผลสมั ฤทธท์ิ ี่คาดหวัง

1. ผลผลิต (Output)
นักเรียนและนักศึกษาผู้ผ่านการฝึกอบรมตามโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤติ

นักเรียนและนักศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการปฏิบัติงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและ
นักศกึ ษา ได้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม

2. ผลลัพธ์ (Outcome)
นักเรียน และนักศึกษาผู้ผ่านการฝึกอบรมตาม หลักสูตรการฝึกอบรมแกน นำส่งเสริม

ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา สามารถนำความรู้ท่ีได้รับจากการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
ประจำวันและเป็นแกนนำในการขับเคล่ือนการดำเนินงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาในสถานศึกษา
รวมทั้งเป็นเครือข่ายการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาระหว่างสถานศึกษา และศูนย์เสมารักษ์
สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

สว่ นท่ี 2
กระบวนการดำเนินงานโครงการ

การดำเนินงานโครงการฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา เป็นการจัดกิจกรรม
ในรูปแบบค่ายพักแรม ท่ีมุ่งเน้นการให้ความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับกฎหมาย และแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็น
คนดี มีคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติที่เหมาะสม ตามบรรทัดฐานทางสังคมสามารถดำรงชีวิต และปรับตัว
อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล้อม มีทักษะชีวิต และคุณลักษณะ
ทพ่ี งึ ประสงค์ โดยมแี นวทางการดำเนินงาน ดงั น้ี

การดำเนนิ งานกอ่ นการจัดกิจกรรมโครงการ

1. ศึกษารายละเอียดโครงการ เอกสารคู่มือการจัดโครงการให้เข้าใจอย่างชัดเจน เพ่ือจัดหาสถานท่ี
กำหนดกลมุ่ เป้าหมายและวิทยากร ใหม้ ีความเหมาะสม

2. ด้านสถานที่ท่ีใช้ในการดำเนินงานโครงการ คัดเลือกและพิจารณาจากความพร้อมของสถานที่ อาทิ
ห้องประชุม ห้องพักนักเรียนและนักศึกษา ห้องพักวิทยากร ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องพยาบาล พื้นที่ในการจัด
กจิ กรรม รวมถงึ การดูแลอำนวยความสะดวก และทสี่ ำคัญทีส่ ดุ คอื ความปลอดภยั

3. ด้านวิทยากร คัดเลือก สรรหา วิทยากรท่ีมีความรู้ความสามารถ มีทักษะและประสบการณ์ มีความ
เหมาะสมกับหัวขอ้ เรื่องท่ีจะจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยพจิ ารณาจากประวัติ ประสบการณ์ ความเช่ียวชาญในการ
จัดกิจกรรมท่ีผ่านมา ประสานเชิญวิทยากรอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแจ้งรายละเอียดของโครงการ วัน เวลา
สถานท่ีกลุ่มเป้าหมาย หัวข้อวิชาหรือกิจกรรม วัตถุประสงค์และขอบเขตเนื้อหา เพื่อให้วิทยากรได้เตรียม
ความพร้อมในการถ่ายทอดความรู้

4. กลุ่มเป้าหมาย สรรหาให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ตกลงร่วมกันและดำเนินการด้วยความเป็นธรรม
เสมอภาค ประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์โครงการไปยังหน่วยงาน
สถานศกึ ษา เพือ่ เชญิ ชวนใหน้ ำนักเรยี น นกั ศึกษาเขา้ รว่ มโครงการ

5. ประสานหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพ่ือขอความร่วมมือในการสนับสนุนบุคลากรมาร่วมเป็น
คณะกรรมการ วิทยากร เช่น บุคลากรเจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เพื่อแต่งต้ัง
เป็นคณะกรรมการฝ่ายปฐมพยาบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.)
เพือ่ แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเรียบรอ้ ย

6. ด้านเอกสาร จัดทำคำสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการดำเนนิ งาน พร้อมบันทึกเสนอผู้บริหารลงนามในคำส่ัง
แต่งตั้งคณะกรรมการ จัดทำหนังสือขออนุมัติยืมเงินราชการเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการ
จัดทำหนังสือเชิญประธานในพิธีเปิด-ปิดโครงการ พร้อมท้ังจัดทำและแนบคำกล่าวในพิธีเปิดและพิธีปิด จัดทำ
หนังสือจัดซ้ือจัดจ้างเพ่ือซ้ือวัสดุท่ีจะใช้ในการดำเนินโครงการ จัดทำหนังสือขออนุญาตใช้รถยนต์ไปราชการ
จัดทำหนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการ จัดทำเอกสารประกอบการบรรยาย ไฟล์นำเสนอ (PowerPoint)
ประวัติวิทยากร จัดทำเอกสารใบลงทะเบียน จัดทำแบบประเมินความพึงพอใจ แบบวุฒิบัตรและเกียรติบัตร
จัดเตรียมเอกสารทางการเงิน อาทิ ใบสำคญั รับเงนิ ค่าตอบแทนวิทยากร แบบรายงานการเดินทาง เปน็ ต้น

7. จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานโครงการและสำหรับใช้ในกิจกรรมโครงการ อาทิ
ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ น้ำยาลบคำผิด กระดาษเอ 4 เครื่องคอมพิวเตอร์ เคร่ืองพิมพ์ เคร่ืองเย็บ
กระดาษ ป้ายช่อื วิทยากร ปา้ ยชื่อผู้เขา้ รับการฝกึ อบรม ของระลกึ กระเป๋ายา เปน็ ต้น

5

8. จดั ประชุมคณะกรรมการดำเนินงาน เพ่ือมอบหมายหน้าท่ีความรับผิดชอบ
9. ตรวจสอบความเรยี บรอ้ ย ความพร้อมของสถานท่ี
10. ประสานการยืนยันจำนวนกลมุ่ เป้าหมาย วิทยากร คณะกรรมการ
11. ตรวจสอบความพรอ้ มของสถานทดี่ ำเนนิ งานโครงการในภาพรวม

การดำเนนิ งานระหวา่ งการจัดกิจกรรมโครงการ

1. ต้อนรบั และอำนวยความสะดวกแก่ประธานในพธิ เี ปิด-ปิด แขกผู้มีเกยี รตแิ ละผู้เขา้ ร่วมโครงการ
2. ดำเนินกจิ กรรมตามตารางท่ีกำหนดไว้ในโครงการ
3. กำกับ ดูแลความเรียบร้อยของการดำเนินงานโครงการในภาพรวมของงานแต่ละฝ่ายตามที่ได้รับ

มอบหมายให้รับผดิ ชอบ
4. ร่วมสังเกตการณ์การถ่ายทอดความรู้ในการบรรยายเน้ือหาภาคทฤษฎีและเทคนิคการจัดกิจกรรรม

ในภาคปฏบิ ตั ิว่าเป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ำหนดไว้ในโครงการหรือไม่
5. มอบค่าตอบแทนให้แก่วิทยากร พร้อมท้ังให้ลงลายมือชื่อในเอกสารใบสำคัญรับเงินและจัดเก็บไว้
เพ่อื เปน็ เอกสารหลักฐานการใช้จ่ายเงิน

การดำเนนิ งานหลงั เสร็จส้ินการจัดกิจกรรมโครงการ

1. รวบรวมเอกสารหลักฐานการดำเนินงานโครงการเพ่อื ใช้ประกอบการคืนเงนิ ยืมราชการ สรุปรายการ
ค่าใช้จ่าย ขออนุมัติเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการเสนอผู้บริหารท่ีมีอำนาจในการอนุมัติ โดยแนบ
เอกสารใบสำคัญรับเงินค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
พร้อมแนบเอกสารตน้ เรือ่ ง ไดแ้ ก่ หนงั สืออนมุ ัติให้ดำเนินงานโครงการ กำหนดการ พร้อมทัง้ สรุปค่าใชจ้ ่ายในการ
ดำเนินโครงการทัง้ หมด

2. จัดทำหนงั สือขอบคุณวทิ ยากรและผูเ้ ก่ียวขอ้ ง
3. สรุปผลการประเมินผลความพึงพอใจที่ได้รับจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมมาวิเคราะห์ ประมวลผล
และอภิปรายผล
4. นำผลการทดสอบก่อนการฝึกอบรม (Pre-test) และผลการทดสอบหลังการฝึกอบรม (Post-test)
มาประมวลผลความรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินผลว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้
หลงั การฝึกอบรมเพ่ิมมากขึ้นเป็นไปตามเกณฑห์ รือไม่
5. รายงานผลการดําเนินงานโครงการตอ่ ผู้บริหารให้รับทราบและให้ความเห็นชอบก่อนนำไปเผยแพร่
ตอ่ ไป
6. ส่งข้อมูลและเอกสารรายงานผลการดำเนินงานโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหาร
หนว่ ยงานไปยังสำนกั การลกู เสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน สำนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
7. หน่วยจัดดำเนินงานโครงการและสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน นำผล
การประเมินความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานโครงการให้มีประสทิ ธิภาพ
มากยิ่งขึน้ ในโอกาสตอ่ ไป

ส่วนท่ี 3
โครงสรา้ งหลกั สตู รแกนนำสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ กั เรยี นและนักศึกษา

และรายละเอียดกจิ กรรมการเรยี นรู้

การฝึกอบรมให้นักเรียนและนักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจ ได้รับการปลูกฝังค่านิยม และทัศนคติ
รวมท้ังการเสริมสร้างทักษะชีวิตท่ีจำเป็น ถือเป็นส่ิงสำคัญในการป้องกัน แก้ไข ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนและ
นักศึกษา เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปใช้กับตนเอง และเป็นแกนนำท่ีสามารถขยายผลต่อการดำเนินการแบบมีส่วน
รว่ มในการสง่ เสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศกึ ษาของสถานศึกษาและหน่วยงานภายนอกสถานศึกษา จึงได้
มกี ารกำหนดหลักสูตรแกนนำส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศกึ ษา โดยมสี าระสำคญั ดงั น้ี

๑. วตั ถุประสงค์
๑. เพ่ือเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

คุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวติ ในศตวรรษท่ี ๒๑
๒. เพอื่ เสรมิ สรา้ งคา่ นิยม ทศั นคติ และความประพฤติทีพ่ งึ ประสงค์แกน่ ักเรียนและนกั ศึกษา
๓. เพื่อสร้างแกนนำนักเรียนและนักศึกษาให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการส่งเสริมความประพฤติ

นักเรียนและนักศึกษาในสถานศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
ภายในจงั หวดั

๒. ผลสมั ฤทธิท์ ี่คาดหวัง
ผลผลิต ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจอย่างชดั เจนเกี่ยวกับการส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียน

และนักศึกษา คุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวิตในศตวรรษท่ี ๒๑ สามารถเป็นแกนนำนักเรียนนักศึกษา
ไดอ้ ย่างมคี ุณภาพ

๓. คุณสมบตั ขิ องผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรม
นักเรียนและนักศึกษาของสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ท่ีสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ท่ีได้รับ

ไปขบั เคล่อื นการดำเนนิ งานสง่ เสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาในสถานศึกษาได้

๔. เกณฑก์ ารผา่ นการฝกึ อบรม
๑. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีระยะเวลาของการฝึกอบรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของระยะเวลา

การฝกึ อบรม
๒. ผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรมตอ้ งผ่านการทดสอบความรู้หลงั การฝึกอบรม ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ หลังจาก

๕. หลักเกณฑก์ ารใชห้ ลักสูตร
๑. เวลาในการจดั ฝกึ อบรม จำนวน ๓ วัน ๒ คนื
๒. จำนวนผู้เข้ารบั การฝึกอบรม ไม่เกนิ รุ่นละ ๘๐ คน

๖. วธิ ีการฝกึ อบรม
๑. การบรรยาย
๒. การฝึกทกั ษะ
๓. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
๔. การอภิปราย
๕. การระดมสมอง

7

๖. การศึกษากรณีตัวอยา่ ง
๗. การแสดงบทบาทสมมติ

๗. วธิ ีดำเนนิ งาน
๑. หน่วยงานและสถานศึกษา/โรงเรียน ท่ีมีความประสงค์จะดำเนินการจัดการฝึกอบรม จัดทำหนังสือ

ขออนมุ ัตใิ ช้หลกั สตู รผ่านหน่วยงานต้นสังกัด ไปยงั สำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั โดยแนบหลักฐานดังนี้
๑.๑ โครงการ
๑.๒ คำส่ังแต่งตง้ั รายชอ่ื คณะกรรมการดำเนินงาน
๑.๓ ตารางการฝึกอบรม
๑.๔ รายชื่อผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรม

๒. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดจัดส่งหนังสืออนุมัติให้ใช้หลักสูตร พร้อมกำหนดการฝึกอบรม เลขรุ่น
และแบบทดสอบความรู้ก่อนและหลังการฝึกอบรมให้หน่วยงานและสถานศึกษา/โรงเรียน ที่มีความประสงค์
จะจดั การฝึกอบรม

๓. หนว่ ยงานและสถานศึกษา/โรงเรยี น จัดการฝกึ อบรมตามหลักสูตรท่กี ำหนด
๔. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จัดทำทะเบียนคุมวุฒิบัตรตามจำนวนผู้ผ่านการฝึกอบรม พร้อมจัดส่ง
ใหก้ ับหนว่ ยงานและสถานศึกษา/โรงเรียน
๕. หน่วยงานและสถานศึกษา/โรงเรียน รายงานผลการฝึกอบรม และจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ผ่าน
การฝกึ อบรม ใหส้ ำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัดทราบ ภายใน ๑๕ วนั หลงั จากการฝึกอบรมเสร็จส้นิ

๘. การขบั เคลือ่ นและการรายงานผลการปฏบิ ตั ิ
๑. ให้สถานศึกษาจัดทำคำสั่งแต่งตั้งครูผู้ควบคุม นักเรียนและนักศึกษาท่ีผ่านการฝึกอบรมเป็นแกนนำ

ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ประจำโรงเรียน โดยมีเจ้าหน้าท่ีศูนย์เสมารักษ์สำนักงานศึกษาธิการ
จังหวัด เป็นคณะกรรมการร่วม อย่างน้อย ๓ คน พร้อมท้ังจัดทำบัตรประจำตัวแกนนำส่งเสริมความประพฤติ
นักเรยี นและนกั ศึกษา โดยผู้ลงนามบัตรเปน็ หัวหนา้ หน่วยงานสถานศึกษา หรอื โรงเรียนผจู้ ดั

๒. จดั ทำแผนปฏิบตั งิ าน
๓. จัดทำรายงานผลการปฏิบตั งิ าน เสนอต่อสำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวัด

8

โครงสร้างหลักสตู ร

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้โครงการ ซ่ึงใช้รูปแบบของการฝึกอบรมระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
โดยกำหนดกรอบกจิ กรรมการเรียนรู้ไว้เปน็ 2 ลักษณะ ดงั ต่อไปน้ี

1. ภาคทฤษฎี คือ กระบวนการเรียนรู้เน้ือหาสาระหลักทางวิชาการ (Core Subjects) ท่ีสำคัญต่อ
การสร้างการเรียนรู้ เพ่ือให้นักเรียน นักศึกษามีความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจ ทักษะ ประสบการณ์และ
แสดงออกมาในด้านการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ วางแผนการแก้ไขปัญหาและความสามารถในการ
ทำงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับการใชส้ ื่อออนไลน์ในปจั จุบัน เพ่ือไม่ให้เกิดปัญหาและสามารถสร้างเป็นอาชีพ
และมีรายไดเ้ สรมิ ในขณะท่กี ำลังศกึ ษาเล่าเรยี นและต่อยอดความคดิ เป็นการสร้างรายได้เลีย้ งชพี ในอนาคตต่อไป

2. ภาคปฏิบัติ คือ กระบวนการเรียนรู้ท่ีได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์
วางแผน ลงมอื ทำ ทำให้เกดิ ทักษะ ประสบการณแ์ ละความรใู้ หม่

กรอบโครงสรา้ งกิจกรรม

หลักสูตรน้ีเป็นหลักสูตรฝึกอบรมแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา สำนักงาน

ศกึ ษาธิการจงั หวัด ใช้เวลาในการฝกึ อบรมทง้ั สิน้ จำนวน ๓ วัน ๒ คืน ประกอบด้วย

กิจกรรมเนื้อหาวิชาหลัก

๑. การส่งเสริมความประพฤตินกั เรยี นและนักศึกษา ๒ ชัว่ โมง

๒. บทบาทและหน้าที่ของแกนนำสง่ เสริมความประพฤติ 2 ชัว่ โมง 30 นาที

นกั เรียนและนักศกึ ษา

๓. การให้คำปรึกษาสำหรับนักเรยี นและนักศกึ ษา ๒ ชวั่ โมง

(YC : Youth Counselor)

๔. การป้องกันและแก้ไขปญั หาการรังแกกัน (Bully) 1 ชวั่ โมง 30 นาที

๕. การใชส้ อื่ ออนไลน์อยา่ งสรา้ งสรรค์และปลอดภยั 1 ช่วั โมง 30 นาที

๖. การแกไ้ ขปัญหาความขดั แย้งอยา่ งสนั ติวธิ ี ๒ ชวั่ โมง

๗. ทกั ษะชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ 4 ช่วั โมง

๘. การจัดตงั้ องค์กรแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี น 3 ชั่วโมง

และนักศกึ ษา

๙. กลุ่มสัมพนั ธ์และการปฐมนิเทศ 1 ชว่ั โมง

๑๐. กจิ กรรมนันทนาการ ๑ ชว่ั โมง 4๕ นาที

กจิ กรรมประกอบหลกั สูตร

๑. รบั รายงานตวั /ลงทะเบียน

๒. กิจกรรมยามเช้า

๓. กิจกรรมหนา้ เสาธง

๔. เปิดเวทีอภปิ ราย/ซกั ถามปัญหา

9

กำหนดการจัดกจิ กรรมหลักสตู รการฝึกอบรมแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี นและนกั ศึกษา

วันทหี่ นง่ึ รบั รายงานตวั /ลงทะเบยี น
กิจกรรมกลมุ่ สมั พันธ์/ปฐมนเิ ทศ
เวลา ๐๗.๓๐ – ๐๘.๓๐ น. พิธีเปดิ โครงการ/ทดสอบความรกู้ อ่ นการฝึกอบรม (Pre-test)
เวลา ๐๘.๓๐ – 09.30 น. การส่งเสรมิ ความประพฤตินักเรยี นและนักศกึ ษา
เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๐.๐๐ น.
เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. กจิ กรรมนันทนาการ
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๓.๓๐ น. บทบาทหน้าที่ของแกนนำส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียน
เวลา ๑๓.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. และนักศึกษา
ภารกิจส่วนตวั /ประชมุ คณะทำงาน
เวลา ๑๖.๐๐ – ๑๘.๐๐ น.
เวลา ๑๘.๐๐ – ๑๙๐๐ น. พกั รบั ประทานอาหารเยน็
เวลา ๑๙.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ทักษะชวี ติ ในศตวรรษท่ี ๒๑ (การทำงานเปน็ ทมี , ภาวะผู้นำ ,

เวลา ๒๑.๐๐ น. การร่วมมอื กัน)

วนั ทสี่ อง นัดหมาย/สวดมนต/์ รอ้ งเพลงสรรเสรญิ พระบารม/ี เข้านอน
เวลา ๐๕.๓๐ – ๐๗.๐๐ น.
เวลา ๐๗.๐๐ – ๐๘.๐๐ น. กจิ กรรมยามเชา้ /ภารกจิ ส่วนตัว
เวลา ๐๘.๐๐ – ๐๘.๓๐ น. พักรับประทานอาหารเช้า
เวลา ๐๘.๓๐ – 08.45 น.
เวลา 08.45 – 10.45 น. กจิ กรรมหนา้ เสาธง
กจิ กรรมนนั ทนาการ
เวลา ๑๐.๔๕ – ๑๒.00 น. การให้คำปรึกษาสำหรบั นักเรียนและนกั ศกึ ษา
เวลา ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. (YC : Youth Counselor)
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๓.30 น. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการการรังแกกัน (Bully)
เวลา ๑๓.30 – 15.00 น.
เวลา 15.00 – 17.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 17.00 - ๑๘.๐๐ น. กจิ กรรมนันทนาการ
เวลา ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. การใชส้ ื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรคแ์ ละปลอดภัย
เวลา ๑๙.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. การแก้ไขปัญหาความขดั แย้งอย่างสันตวิ ิธี
ภารกจิ ส่วนตัว/ประชุมคณะทำงาน
เวลา ๒๑.๐๐ น.
พกั รบั ประทานอาหารเย็น
ทักษะชวี ติ ในศตวรรษที่ ๒๑ (การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ,
ความเขา้ ใจในความแตกต่างกันทางวฒั นธรรมและกระบวนทศั น)์
นัดหมาย/สวดมนต/์ ร้องเพลงสรรเสริญฯ/เขา้ นอน

วนั ที่สาม 10
เวลา ๐๕.๓๐ – ๐๗.๐๐ น.
เวลา ๐๗.๐๐ – ๐๘.๐๐ น. กิจกรรมยามเชา้ /ภารกจิ ส่วนตัว
เวลา ๐๘.๐๐ – ๐๘.๓๐ น. พกั รับประทานอาหารเช้า
เวลา 08.๓0 – 0๙.๐0 น.
เวลา 0๙.๐0 – 1๒.๐0 น. กิจกรรมหน้าเสาธง
เวลา 12.00 – 13.00 น. กจิ กรรมนันทนาการ
เวลา 13.00 – 1๔.๐0 น. การจัดต้ังองค์กรส่งเสรมิ ความประพฤตินกั เรียนและนกั ศกึ ษา
เวลา 1๔.๐0 – 1๔.๓0 น.
เวลา 1๔.๓0 – 1๖.30 น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน
เปดิ เวทีอภปิ ราย/ซักถามปัญหา
การทดสอบหลังการฝึกอบรม (Post-test)
มอบวฒุ ิบัตร/เกียรตบิ ัตร/พธิ ปี ดิ

หมายเหตุ :
๑. พักรับประทานอาหารว่างและเคร่ืองดื่ม ภาคเชา้ ระหว่างเวลา 10.30 - 10.45 น.

และภาคบ่ายระหวา่ งเวลา 14.30 - 14.45 น.
2. กำหนดการนอ้ี าจมกี ารเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม

ตารางการจัดกจิ กรรมโครงการฝึกอบรมแกนน

เวลา 07.30 – 08.30 – 09.๓0 – 10.00 น. 10.00 – 12.00 น. 12.00
05.00 - 08.30 น. 09.30 น. – 13.00
07.00 น.
รับรายงาน น.
วนั ตัว/
ลงทะเบียน กิจกรรม - พธิ เี ปิดโครงการ การส่งเสริมความประพฤติ
วนั ที่ กลุม่ สมั พนั ธ์และ - ทดสอบความรู้
หนึง่ การปฐมนเิ ทศ กอ่ นการฝกึ อบรม นกั เรียนและนกั ศกึ ษา
(Pre-test)

0๕.๓0 – 07.00 – 08.00 – ๐๘.๓๐ – ๐๘.๔๕ – 10.45 - 12.00 น. ัพกรับประทานอาหารกลาง ัวน
วันที่ 07.00 น. 08.00 น. 08.30 น. ๐๘.๔๕ น. 10.45 น.
สอง กจิ กรรม รบั ประทาน กิจกรรม กิจกรรม การให้คำปรึกษา การป้องกนั และแก้ไข

ยามเช้า/ อาหารเชา้ หน้าเสาธง นนั ทนาการ สำหรับนกั เรยี น ปญั หาการการรงั แก

ภารกิจ และนักศึกษา กนั (Bully)

สว่ นตัว (YC : Youth

Counselor)

0๕.๓0 – 07.00 – 08.00 – ๐๘.๓๐ – 0๙.๐0 – 12.00 น.
วนั ท่ี 07.00 น. 08.00 น. 08.30 น. ๐๙.๐๐ น.

สาม กิจกรรม รบั ประทาน กจิ กรรม กจิ กรรม การจดั ต้ังองคก์ รส่งเสรมิ ความประพฤติ
ยามเชา้ / อาหารเช้า หนา้ เสาธง นนั ทนาการ นกั เรยี นและนกั ศกึ ษา

ภารกจิ

ส่วนตวั

หมายเหตุ :
๑. พักรบั ประทานอาหารวา่ งและเคร่อื งดืม่ ภาคเช้าระหวา่ งเวลา 10.30 - 10.45 น.
และภาคบ่ายระหว่างเวลา 14.30 - 14.45 น.
2. ตารางนอี้ าจมกี ารเปลีย่ นแปลงได้ตามความเหมาะสม

นำสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศกึ ษา

13.00 – 1๓.30 –16.00 น. 16.00 – 18.00 - 19.00 – 21.00 น.
0 1๓.30 น. 18.00 น. 19.00 น.

กิจกรรม บทบาทอำนาจหนา้ ท่ีของแกนนำ ภารกิจ รบั ประทาน ทกั ษะชวี ิตในศตวรรษที่ ๒๑
นนั ทนาการ สง่ เสริมความประพฤตินกั เรยี น ส่วนตัว/ อาหารเยน็ (การทำงานเปน็ ทีม ,
และนักศึกษา ประชมุ คณะ ภาวะผู้นำ),การร่วมมอื กนั
13.00 – ทำงาน 18.00 – นัดหมาย/สวดมนต/์
1๓.30 น. 13.๓0 – 15.๐0 – 19.00 น. ร้องเพลงสรรเสรญิ
กิจกรรม 15.๐0 น. 17.00 น. 17.00 - รับประทาน พระบารม/ี เข้านอน
นนั ทนาการ 18.00 น. อาหารเย็น
การใช้สื่อ การแกไ้ ขปัญหา ภารกจิ 19.00 – 21.00 น.
13.00 – ออนไลน์ ความขดั แยง้ สว่ นตวั /
14.00 น. อยา่ ง อยา่ งสันตวิ ิธี ประชุม ทักษะชีวติ ในศตวรรษที่ ๒๑
เปดิ เวที สร้างสรรค์ ๒ ชั่วโมง คณะทำงาน (การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ,
อภิปราย/ และ ความเข้าใจในความแตกต่างกนั
ซักถามปญั หา ปลอดภัย ทางวัฒนธรรมและกระบวนทศั น์
/นดั หมาย/สวดมนต/์ ร้องเพลง
สรรเสริญพระบารมี/เขา้ นอน

14.00 – 1๔.30 – 16.30 น.
14.30 น.
- มอบวุฒบิ ตั ร/เกยี รติบตั ร
การทดสอบ - พธิ ปี ดิ โครงการ
หลังการ
ฝกึ อบรม
(Post-test)

๑๑

1๒

รายวิชา การสง่ เสริมความประพฤตนิ กั เรียนและนกั ศึกษา

ระยะเวลา 2 ชั่วโมง

วตั ถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของพระราชบัญญัติ

คุม้ ครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ หมวด ๗ การสง่ เสรมิ ความประพฤตินกั เรียนและนกั ศึกษา
๒. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการประพฤติปฏิบัติตน

ในชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม
๓. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรปู้ ระสบการณ์ท่ีได้รับไปแนะนำและสร้างเครือข่าย

การสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศกึ ษาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ขอบขา่ ยเนือ้ หาวชิ า
๑. ความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ หมวด ๗ การส่งเสริมความประพฤติ

นักเรียนและนักศึกษา
๒. บทบาท อำนาจ หน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

ตามมาตรา ๖๖ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการ
ปฏิบัติหนา้ ท่ขี องพนกั งานเจา้ หน้าท่ีสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ กั เรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘

๓. ตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวง
กำหนดความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒

๔. ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนกั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘

กิจกรรมการเรียนรู้
๑. บรรยาย
๒. ระดมสมอง
๓. การอภิปรายกลมุ่

สอ่ื การฝึกอบรม
๑. เอกสารประกอบการฝึกอบรม
๒. ส่ืออิเล็กทรอนิกส์
๓. ใบงาน
๔. ทศั นูปกรณ์
๕. เกม เพลง

การวัดและประเมินผล
๑. การสังเกต
๒. การร่วมกจิ กรรม

13

เนอ้ื หารายวิชา การสง่ เสริมความประพฤตินักเรยี นและนักศึกษา

๑. ความสำคัญของพระราชบัญญัตคิ ุ้มครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ หมวด 7 การสง่ เสริมความประพฤตินกั เรียน
และนักศกึ ษา
- ความสำคัญของพระราชบัญญตั คิ ุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖
เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับท่ี ๑๓๒

ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๒๙๔ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๑๕ ใชบังคับมาเปนเวลานานสาระสําคัญและรายละเอียดเก่ียวกับวิธีการสงเคราะหคุมครองสวัสดิภาพ
และสงเสริมความประพฤติเด็ก ไมเหมาะสมกับสภาพสังคมปจจุบัน สมควรกําหนดขั้นตอนและปรับปรุง
วิธีการปฏิบัติตอเด็กใหเหมาะสมย่ิงข้ึน เพ่ือใหเด็กไดรับการอุปการะเล้ียงดูอบรมสั่งสอน และมีพัฒนาการท่ี
เหมาะสม อันเปนการสงเสริมความม่ันคงของสถาบันครอบครวั รวมท้ังปองกันมใิ หเด็กถกู ทารณุ กรรม ตกเปน
เคร่อื งมอื ในการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ หรือถูกเลือกปฏบิ ตั โิ ดยไมเปนธรรม และสมควรปรับปรุงวิธีการ
สงเสริมความรวมมือในการคุมครองเด็กระหวางหนวยงานของรัฐและเอกชนใหเหมาะสมย่ิงข้ึนเพ่ือให้
สอดคลองกับรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทย แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหงชาติและอนสุ ัญญาวาดวย
สทิ ธิเด็ก จึงจําเปนตองตราพระราชบัญญตั ินี้

- หมวด ๗ การสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนักศกึ ษา ประกอบด้วย
มาตรา ๖๓ โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้
คำปรึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมความประพฤติท่ีเหมาะสมความ
รับผิดชอบ ต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขท่ี
กำหนด ในกฎกระทรวง
มาตรา ๖๔ นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตามระเบียบของโรงเรียน หรือสถานศึกษา และ
ตามท่กี ำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๖๕ นักเรียนหรือนักศึกษาผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบ
ท่ีรฐั มนตรีกำหนด และมีอำนาจนำตัวไป มอบแก่ผบู้ ริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาของนักเรียนหรือนักศึกษา
นั้น เพ่ือดำเนินการสอบถามและอบรมส่ังสอนหรือลงโทษตามระเบียบ ในกรณีท่ี ไม่สามารถนำตัวไปมอบได้
จะแจ้งด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ เม่ือได้อบรมส่ังสอนหรือลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาแล้ว ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาแจ้งให้ผู้ปกครองว่ากล่าวตักเตือนหรือส่ังสอนเด็กอีกช้ันหน่ึง
การลงโทษนกั เรียนหรอื นกั ศึกษาใหก้ ระทำเท่าทส่ี มควรเพื่อการอบรมสงั่ สอนตามระเบยี บที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๖๖ พนักงานเจ้าหน้าท่ีตามหมวดนี้มีอำนาจดำเนินการเพื่อส่งเสริมความประพฤตินักเรียน
และนักศกึ ษา ดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) สอบถามครู อาจารย์ หรือหัวหนา้ สถานศึกษา เกยี่ วกับความประพฤติ การศึกษา นสิ ัย
และสตปิ ญั ญาของนักเรยี นหรือนกั ศึกษาทฝี่ า่ ฝนื มาตรา ๖๔

(๒) เรียกใหผ้ ูป้ กครอง ครู อาจารย์ หรอื หัวหน้าสถานศึกษาท่ีนักเรียนหรือนักศึกษานัน้
กำลงั ศึกษาอยู่มารับตัวนกั เรยี นหรือนักศึกษา เพอ่ื วา่ กลา่ วอบรมส่งั สอนต่อไป

(๓) ใหค้ ำแนะนำแก่ผูป้ กครองในเรอ่ื งการอบรมและสง่ั สอนนักเรยี นหรือนกั ศึกษา
(๔) เรียกผ้ปู กครองมาว่ากล่าวตกั เตอื น หรอื ทำทัณฑ์บนวา่ จะปกครองดูแลมิใหน้ กั เรยี นหรือ
นักศกึ ษาฝ่าฝนื มาตรา ๖๔ อีก

14

(๕) สอดส่องดูแลรวมท้ังรายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลหรือแหล่ง
ทีช่ ักจูงนักเรยี นหรือนกั ศึกษาให้ประพฤติในทางมิชอบ

(๖) ประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ตำรวจ หรือพนักงาน
เจา้ หน้าที่อื่นเพือ่ ดำเนนิ การใหเ้ ป็นไปตามหมวด นี้

มาตรา ๖๗ ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือระเบียบเกี่ยวกับความประพฤติ
ของนักเรียนหรือนักศึกษา ให้พนักงาน เจ้าหน้าท่ีมีอำนาจเข้าไปในเคหสถาน สถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ
ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในระหว่างเวลาทำการ เพ่ือทำการตรวจสอบการฝ่าฝืน
ดังกล่าวได้ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจ าตัวก่อนและให้บุคคล
ที่เก่ียวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบท่ีรัฐมนตรี
กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

๒. บทบาท อำนาจ หน้าทีข่ องพนักงานเจ้าหน้าท่สี ่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนกั ศกึ ษา
(พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามมาตรา 66 และระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ)
(๑) สอบถามครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษา เกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษานิสัยและ

สติปญั ญาของนักเรยี นหรือนักศกึ ษาที่ฝา่ ฝืน มาตรา ๖๔
(๒) เรียกให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษาท่ีนักเรยี นหรือนักศึกษานั้นกำลังศึกษา

อย่มู ารบั ตวั นักเรยี นหรอื นกั ศกึ ษา เพอ่ื ว่า กลา่ วอบรมสงั่ สอนต่อไป
(๓) ให้คำแนะนำแกผ่ ู้ปกครองในเรอ่ื งการอบรมและสง่ั สอนนักเรียนหรือนักศึกษา
(๔) เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือน หรือทำทัณฑ์บนว่าจะปกครองดูแลมิให้นักเรียนหรือ

นกั ศกึ ษาฝ่าฝนื มาตรา ๖๔ อกี
(๕) สอดส่องดูแลรวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลหรือแหล่งที่ชักจูง

นักเรยี นหรือนกั ศึกษาใหป้ ระพฤตใิ นทางมชิ อบ
(๖) ประสานงานกบั ผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นหรอื สถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ตำรวจ หรือพนักงาน

เจ้าหนา้ ที่อน่ื เพ่ือดำเนนิ การให้เปน็ ไปตามหมวด น้ี

- ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วา่ ดว้ ยการปฏิบตั ิหน้าทข่ี องพนกั งานเจา้ หน้าท่สี ่งเสริมความประพฤติ
นกั เรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๘

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการปฏิบัติหน้าท่ีของพนั กงาน
เจา้ หนา้ ทส่ี ่งเสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘“

ข้อ ๒ ระเบียบนีใ้ ชบ้ ังคับตั้งแต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ในระเบยี บนี้
“พนักงานเจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า พนักงานเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและ
นักศกึ ษาตามหมวด ๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๔ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการเพ่ือส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
ดังตอ่ ไปนี้

(๑) สอบถามครู อาจารย์หรีอหัวหน้าสถานศึกษาเกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษา นิสัย
และสติปัญญาของนักเรยี นหรือนักศึกษาที่ฝ่า'ฝืนกฎกระทรวงว่าดว้ ยความประพฤติของนกั เรยี นและ นักศึกษา
หรีอระเบยี บของโรงเรยี นหรีอสถานศกึ ษา

15

(๒) เรียกให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์หรีอหัวหน้าสถานศึกษา ท่ีนักเรียนหรือนักศึกษานั้น
กำลงั ศึกษาอยมู่ ารบั ตัวนกั เรียนหรือนักศกึ ษาเพ่ือว่ากลา่ ว อบรม สง่ั สอน ต่อไป

(๓) ให้คำแนะนำแกผ่ ปู้ กครองในเรอ่ื งการอบรมและสัง่ สอนนกั เรียนหรือนกั ศึกษา
(๔) เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือนหรือทำทัณฑ์บนว่าจะปกครองดูแลมิให้นักเรียนหรือ
นักศึกษา ฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาหรือระเบียบของโรงเรียนหรือ
สถานศึกษาอกี
(๕) สอดส่องดูแลรวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติเกี่ยวกับพฤติกรรม
ของบุคคลหรือแหลง่ ที่ชักจงู นักเรียนและนกั ศึกษาให้ประพฤติในทางมิชอบ
(๖) ประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ตำรวจ หรือพนักงาน
เจ้าหน้าทอี่ ่ืน
ข้อ ๕ เมือ่ พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีพบเหน็ นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติตนไม่เหมาะสมตามกฎ กระทรวง
วา่ ดว้ ยความประพฤตขิ องนักเรยี นและนักศึกษาหรือระเบยี บของโรงเรยี นหรือสถานศึกษาใหป้ ฏบิ ัติ ดังนี้
(๑) แสดงบตั รประจำตัวพนกั งานเจา้ หน้าท่ี
(๒) บันทึกข้อมลู ที่เก่ียวกับนักเรียนหรือนักศึกษาและพฤตกิ ารณ์การกระทำ ณ สถานที่ที่พบ
การกระทำนน้ั
(๓) ซักถามข้อเท็จจรีงท่ีเก่ียวกับการกระทำของนักเรียนหรือนักศึกษาโดยไม่บังคับข่มขู่
กลั่นแกล้งหรือทำให้เกิดความหวาดกลัว รวมท้ังให้การอบรมส่ังสอนอย่างสุภาพ และช่วยเหลือในเบื้องต้น
โดยคำนงึ ถงึ อายุและสภาพจติ ใจของนกั เรียนหรือนักศึกษา
(๔) นำตัวไปส่งมอบแก่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาน้ัน
เพื่อ ดำเนินการสอบถามและอบรมสั่งสอนหรือลงโทษตามระเบยี บ ในกรณีที่ไมส่ ามารถนำตัวไปมอบได้จะแจ้ง
ด้วยวาจาหรอื เป็นหนงั สือกไ็ ด้
ข้อ ๖ ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่พบนักเรียนหรือนักศึกษาที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิด
ทางอาญาและอาจก่อให้เกิดภยันตรายอย่างร้ายแรงหรือก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนไม่อาจควบคุมสถานการณ์
ไว้ได้ ให้แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจเพ่ือระงับเหตุ รวมท้ังให้ประสานงานกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา และ
สว่ นราชการต้นสังกดั โดยเร็ว
ข้อ ๗ ในกรณีท่ีมีนักเรียนหรือนักศึกษาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา และถูกจับกุม
ควบคุมตัวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานใหส้ ถานศึกษา และผ้ปู กครองเพือ่ ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลอื เบ้ืองด้น
โดยเร็ว

- คำสงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๓๐/๒๕๕๙ เร่อื ง มาตรการในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา
การทะเลาะวิวาทของนกั เรียนและนกั ศกึ ษา

ขอ้ ๑ ให้พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีตามหมวด ๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มีอำนาจกัก
ตัวนักเรียนและนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว
เป็นการชั่วคราวไม่เกินหกช่ัวโมง เพื่อนาํ ส่งเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา บิดามารดา
หรือผู้ปกครอง แลว้ แต่กรณี

ข้อ ๒ บิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเล้ียงดู อบรม ส่ังสอน และยับยั้งพฤติกรรม
ท่ีไม่ดีของเด็กและเยาวชนที่เป็นนักเรียนและนักศึกษาท่ีอยู่ในความปกครองดูแลของตน รวมท้ังต้องปฏิบัติ
ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวงที่ออกตามกฎหมายว่าดว้ ยการคุ้มครองเด็ก ตลอดจนต้องไม่สนับสนุน

16

หรอื ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนที่เป็นนักเรยี นและนักศึกษาในปกครองรวมกลุ่มเพื่อก่อเหตุ ทะเลาะ
วิวาท ทําร้ายร่างกายผู้อ่ืน หรือเตรียมการเพ่ือก่อเหตุดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอํานาจหน้าที่
เกี่ยวกบั เรอ่ื งดงั กล่าวติดตามและสอดสอ่ งให้มีการดาํ เนินการอย่างเครง่ ครัด

ในกรณีที่พบเด็กและเยาวชนที่เป็นนักเรียนและนักศึกษารวมกลุ่มเพ่ือกระทําการตามวรรคหน่ึง
ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กและเยาว ชนที่เป็นนักเรียนและนักศึกษา
แล้วแต่กรณี และให้เป็นอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีของรัฐตามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องท่ีจะแจ้งให้บิดามารดา
หรือผู้ปกครองเข้ามารับทราบการกระทําของเด็กและเยาวชนท่ีเป็นนักเรียนและนักศึกษาดังกล่าว เพ่ือให้
คาํ แนะนํา ตักเตอื น ทาํ ทัณฑ์บน หรอื วางขอ้ กําหนดเพือ่ ป้องกันมิให้กระทําความผิดอีก หรอื อาจให้วางประกัน
ไว้เป็นจํานวนเงินตามสมควรแก่ฐานานุรูป แต่จะเรียกเงินประกันไว้ได้ไม่เกิน ระยะเวลาสองปี หากเด็กและ
เยาวชนที่เป็นนกั เรียนและนักศึกษาได้กระทําความผิดดังกล่าวซ้าํ อีก ให้ริบเงนิ ประกนั เปน็ ของกองทุนคุ้มครอง
เด็กตามกฎหมายว่าดว้ ยการคุ้มครองเด็ก

ข้อ ๓ ผู้ใดกระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้นักเรียน หรือนักศึกษา
ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกิน
สามเดอื น หรือปรับไม่เกินสามหม่ืนบาท หรือท้งั จำทง้ั ปรับ

หากการกระทำตามวรรคหนงึ่ เป็นเหตใุ ห้นักเรยี นหรือนักศึกษาไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือทำรา้ ย
รา่ งกายผอู้ ืน่ ผู้นั้นต้องระวางโทษจาํ คกุ ไมเ่ กนิ หกเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หกหมน่ื บาท หรอื ท้ังจำทัง้ ปรบั และ

หากเป็นเหตุให้มผี ูเ้ สียชวี ิตเพราะการทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกายนนั้ ผู้น้ันต้องระวางโทษจําคุก
ไมเ่ กินหน่งึ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จำทงั้ ปรับ

ข้อ ๔ ให้โรงเรียนและสถานศึกษามีหน้าที่จัดให้มีกิจกรรมในการแนะแนวเพ่ือตอบสนอง ต่อการ
แก้ไขปัญหานักเรียนและนักศึกษาทะเลาะวิวาท โดยร่วมมือกับหน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง รวมทั้งกวดขันและ
เร่งรัดจดั ทำมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปญั หาการทะเลาะวิวาทของนักเรยี นและนักศึกษา ให้เป็นรปู ธรรม
เพือ่ เป็นการลดปญั หาสงั คมโดยเรง่ ดว่ น

๓. กฎกระทรวงกำหนดความประพฤตนิ กั เรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดความ
ประพฤตนิ กั เรียนและนกั ศึกษา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตร 64

- กฎกระทรวงกำหนดความประพฤตขิ องนักเรยี นและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘
ขอ้ ๑ นักเรียนและนกั ศึกษาต้องไม่ประพฤติตนดังต่อไปนี้
(๑) หนเี รียนหรอื ออกนอกสถานศกึ ษาโดยไม่ไดร้ ับอนญุ าตในชว่ งเวลาเรียน
(๒) เล่นการพนัน จัดใหม้ กี ารเล่นการพนัน หรือมว่ั สุมในวงการพนนั
(๓) พกพาอาวธุ หรือวตั ถรุ ะเบดิ
(๔) ชื้อ จำหน่าย แลกเปล่ียน เสพสุรา หรือเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ สิงมึนเมา บุหรี่ หรือ

ยาเสพติด
(๕) ลกั ทรพั ย์ กรรโชกทรพั ย์ ข่มขู่ หรอื บังคับขืนใจ เพ่ือเอาทรัพยบ์ ุคคลอื่น
(๖) ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อ่ืน เตรียมการหรือกระทำการใด ๆ อันน่าจะ

ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขดั ต่อศลี ธรรมอันดีของประชาชน
(๗) แสดงพฤติกรรมทางชู้สาว ซึง่ ไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ
(๘) เกย่ี วข้องกับการคา้ ประเวณี

17

(๙) ออกนอกสถานท่ีพักเวลากลางคืนเพื่อเที่ยวเตร่ หรือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้าง
ความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรอื ผู้อื่น
- กฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนกั เรยี นและนกั ศึกษา (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๖) และ (๗) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของ
นักเรียนและนกั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน

(๖) ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหรือกระทำการใดๆ อันน่าจะ
ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชำชน หรือรวมกลุ่มหรือมั่วสุมเพื่อกระทำการ
ดังกล่าว

(๗) แสดงพฤติกรรมทางชู้สาวอนั ไม่เหมาะสม กระทำการลามกอนาจาร แตง่ กายลอ่ แหลม
หรือไม่เรยี บร้อยในโรงเรยี นหรือสถานศกึ ษา หรอื แต่งเคร่อื งแบบนักเรียนหรอื นักศกึ ษาไมเ่ รยี บร้อย”

ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (๙) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและ
นักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และใหใ้ ช้ความต่อไปนแ้ี ทน

(๙) เท่ียวเตร่นอกสถานที่พัก รวมกลุ่ม หรือมั่วสุมอันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่
ตนเองหรือผู้อ่นื

๔. ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ด้วย การลงโทษ นกั เรียนและนกั ศึกษา พ.ศ. ๒๕48
ขอ้ ๔ ในระเบียบนี้
“ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศกึ ษา” หมายความว่า ครูใหญ่ อาจารยใหญ่ ผู้อำนวยการ อธิการบดี

หรอื หัวหน้าของโรงเรียนหรอี สถานศกึ ษาหรีอตำแหน่งทเ่ี รียกชอ่ื อยา่ งอื่นของนักเรียนหรอี สถานศึกษานัน้
“กระทำความผดิ ” หมายความว่า การที่นักเรียนหรอื นกั ศึกษาประพฤติฝา่ ฝืนระเบียบข้อบังคับของ

สถานศกึ ษา หรอื ของกระทรวงศกึ ษาธิการหรอื กฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนกั เรยี น และนักศกึ ษา
“การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่ง

หมายเพ่ือการอบรมสง่ั สอน
ขอ้ ๕ โทษท่จี ะลงโทษนกั เรียนหรอื นักศึกษาทกี่ ระทำความผดิ มี ๔ สถาน ดังนี้
(๑) วา่ กลา่ วตกั เตือน
(๒) ทำทัณฑ์บน
(๓) ตดั คะแนนความประพฤติ
(๔) ทำกจิ กรรมเพ่อื ใหป้ รบั เปลี่ยนพฤติกรรม
ขอ้ ๖ ห้ามลงโทษนกั เรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกล่ันแกลง้ หรือลงโทษดว้ ย ความโกรธ

หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความรา้ ยแรง ของพฤติการณ์ด้วย
ความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรง ของพฤติการณ์ประกอบการ
ลงโทษดว้ ย

การลงโทษนัก เรียนหรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะ แก้นิสัยและความประพฤติไม่ดี ของ
นักเรียนและนักศึกษาให้รู้สำนึกในความผิดและกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไปให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือ
สถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีผบู้ ริหารโรงเรยี นหรือสถานศึกษามอบหมาย เป็นผมู้ ีอำนาจในการ ลงโทษนกั เรยี นนกั ศกึ ษา

ขอ้ ๗ การว่ากล่าวตักเตอื น ใช้ในกรณีนักเรยี นหรือนกั ศกึ ษากระทำความผิดไมร่ า้ ยแรง

18

ขอ้ ๘ การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับหรือ นักศึกษา
ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาหรือกรณีทำให้เสือมเสีย ช่ือเสืยงและเกียรติศักดิ์
ของสถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าว ตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ
การทำทัณฑ์บนใหท้ ำเปน็ หนังสือ และเชิญบิดา มารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบ ความผิด และรับรอง
การทำทณั ฑ์บนไวด้ ้วย

ข้อ ๙ การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนน ความ
ประพฤตนิ ักเรียนและนักศึกษาของแตล่ ะสถานศึกษากำหนด และใหท้ ำบันทกึ ข้อมลู ไว้เป็น หลกั ฐาน

ข้อ ๑๐ ทำกิจกรรมเพอ่ื ใหป้ รบั เปล่ียนพฤติกรรม ใชใ้ นกรณที ่ีนักเรยี นและนกั ศึกษากระทำ ความผิด
ท่ีสมควรตอ้ งปรับเปลย่ี นพฤติกรรม

19

ใบงานรายวชิ าการสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศกึ ษา

คำชแี้ จง : ให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนสรปุ ตามหวั ข้อที่กำหนดดังตอ่ ไปน้ี
๑. ความรูท้ ่ีไดร้ ับจากการอบรมรายวชิ าการส่งเสรมิ ความประพฤตินักเรียนและนักศกึ ษา
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๒. การนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................

๓. การนำไปขยายผลสู่ภายนอก
............................................................................................................................................................... ..............
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................... ..............................................................
........................................................................................................................................................ ....................

ชื่อ................................................................. สกลุ .......................................................ชอ่ื กลมุ่ .........................

ระดบั ช้ัน........................................................ โรงเรียน......................................................................................

20

รายวิชา บทบาทและหน้าทขี่ องแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ กั เรยี นและนกั ศกึ ษา

ระยะเวลา 2 ช่ัวโมง 30 นาที
วัตถปุ ระสงค์

๑. เพ่ือให้ผ้เู ข้ารบั การฝกึ อบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจในบทบาทหนา้ ทขี่ องแกนนำสง่ เสริม
ความประพฤตินักเรยี นและนกั ศกึ ษาอย่างถูกต้องและชดั เจน

๒. เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความร้ทู ี่ไดร้ ับไปประยุกตใ์ ชใ้ นการปฏบิ ัติงานในฐานะ
ผู้ช่วยเหลือครู อาจารย์ และพนักงานเจ้าหน้าท่ีส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาในการส่ งเสริม
ความประพฤตนิ กั เรียนและนักศกึ ษาได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

๓. เพอ่ื ใหผ้ ู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรปู้ ระสบการณท์ ไ่ี ด้รบั ไปสรา้ งเครอื ขา่ ย
การสง่ เสรมิ ความประพฤตนิ กั เรียนและนักศึกษาภายในโรงเรียน

ขอบขา่ ยเนือ้ หา
๑. บทบาทและ หน้าที่ ภารกิจของแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
๒. คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของแกนนำสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรยี นและนกั ศึกษา
๓. แนวทางและข้ันตอนการปฏิบตั งิ าน
๔. วิธใี นการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ

กิจกรรมการเรยี นรู้
๑. บรรยาย
๒. ระดมสมองและการอภปิ รายกลมุ่
๓. บทบาทสมมุติ
๔. การฝกึ ภาคปฏิบตั ิ

สอ่ื การฝกึ อบรม
๑. เอกสารประกอบการฝกึ อบรม
๒. สือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
๓. ใบงาน
๔. ทศั นูปกรณ์
๕. เกม เพลง

การวดั และประเมินผล
๑. การสงั เกต
๒. เอกสารขอ้ มลู การปฏิบตั ิหน้าที่ตามบริบทของโรงเรยี น
๓. การซกั ถามและการแสดงความคดิ เหน็

21

เนื้อหารายวชิ า บทบาทและหนา้ ที่ของแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี นและนกั ศึกษา

1. บทบาทและหน้าท่ีของแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตนิ ักเรยี นและนักศึกษา มดี ังต่อไปนี้
๑.1 หาขอ้ มูลเกยี่ วกบั ความประพฤติที่ไมเ่ หมาะสมของนักเรียนหรือนักศึกษา
๑.2 ให้คำปรกึ ษาแนะนำแก่นักเรยี นหรือนักศึกษา
๑.3 สอดสองดูแลรวมทัง้ รายงานตอครู อาจารยฝ์ า่ ยปกครอง หรือครูพนกั งานสง่ เสรมิ ความ

ประพฤตินกั เรยี นและนักศกึ ษาในโรงเรยี น เก่ียวกบั พฤตกิ รรมของนักเรียนนกั ศึกษาหรอื แหลงทมี่ ั่วสุมของ
นักเรยี นหรือนักศึกษา

๑.4 ประสานความรว่ มมือกบั เครอื ข่ายแกนนำต่างสถานศกึ ษา เพ่ือสง่ เสรมิ ความประพฤตินกั เรียน
และนกั ศกึ ษา

๑.5 สง่ เสริมสนบั สนนุ และดำเนินการการจดั กจิ กรรมทเี กี่ยวขอ้ งกบั การสง่ เสรมิ ความประพฤติ
นักเรียนและนักศึกษา

๑.6 ปฏบิ ัติงานอ่นื ตามที่ได้รบั มอบหมาย
2. คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของแกนนำสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศกึ ษา ไดแ้ ก่

๒.๑ ความมีวนิ ัย หมายถงึ ความสามารถของนักเรียนในการควบคมุ ตนเองในการกระทำและการ
ปฏบิ ตั ิตนใหอ้ ยูใ่ นระเบยี บแบบแผนและข้อบังคบั ของโรงเรียนในสิ่งทดี่ ีมีประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม
ความสำคัญของวินยั ได้แก่

- วินัยทำให้ผูร้ กั ษาเป็นคนดีเปน็ เครื่องมอื ปกป้องความเส่ือมเสยี
- วินัยเป็นเครือ่ งมือวัดความดีของคนใครจะเปน็ คนดีหรือคนเลว ดมี าก ดีน้อยและไม่มีอะไร
เป็นเครอื่ งมือวดั ได้อย่างแม่นยำเทา่ กับการสังเกตวนิ ัย ของผนู้ น้ั ว่าเครง่ ครัดในวินัยของตนเองเพยี งใด
- วินัยเปน็ เครอื่ งแสดงความต่างระหว่างบุคคล
- วนิ ัยช่วยให้บคุ ลากรควบคุมดแู ลตนเองและสังคมสว่ นรวมไดด้ ้วยความสงบสขุ เกดิ
สภาพแวดลอ้ มที่ดีในการทำงานการทำงาน ช่วยนำคนไปสูก่ ารทำความดีความเจรญิ
๒.๒ ความซื่อสตั ย์ หมายถงึ ความประพฤตติ รงและจริงใจ ไม่คดิ คดทรยศ ไมค่ ดโกงและไม่
หลอกลวง หรอื เราอาจจะพดู ง่ายๆว่าคนทซี่ ่ือสัตย์ ก็คอื คนท่เี ปน็ คนตรง ประพฤติสงิ่ ใดก็ดว้ ยน้ำใสใจจรงิ
ตัวอย่างความซ่ือสตั ย์
- ความซอ่ื สตั ยต์ ่อตนเอง
- ความซ่อื สตั ย์ต่อครอบครวั
- ความซอ่ื สตั ยต์ ่อหน้าที่การงาน
- ความซอ่ื สัตย์ต่อมิตร
- ความซื่อสตั ยต์ ่อประเทศชาติ
3. แนวทางและขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ าน
๓.1 ข้นั ตอนการปฏิบัตงิ านของแกนนำสง่ เสริมความประพฤตินักเรยี นและนักศึกษาในโรงเรยี น
๓.1.๑ ปฏิบัตหิ นา้ ที่ตามตารางการปฏิบตั ิงานของแกนนำส่งเสรมิ ความประพฤตินักเรียนและ
นกั ศกึ ษา เช่น

- ปฏบิ ัตหิ นา้ ทดี่ แู ลความเรยี บรอ้ ยช่วยเหลอื ครูเวรประจำวนั ช่วงเช้าและเย็น
- ปฏิบัตหิ นา้ ทชี่ ่วยเหลอื ครูเวรโรงอาหาร

22

- แจ้งข้อมลู การหนเี รียน การทะเลาะววิ าทหรอื ผดิ ระเบียบเร่อื งต่าง ๆ ตามท่ี
สถานศกึ ษากำหนด และตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ

- ตรวจการใช้ Social Network ทีไ่ มเ่ หมาะสมของนักเรียนของโรงเรยี น
- รว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ และดแู ลช่วยเหลือนักเรียนท่ีร่วมกจิ กรรมของโรงเรยี น
๓.๑.2 อ่านขอ้ ความ และติดตามความเคลือ่ นไหวในชอ่ งทางการตดิ ต่อสอ่ื สารของแกนนำ
สง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศึกษา
๓.๑.3 บันทึกการปฏบิ ตั ิงานของแกนนำสง่ เสริมความประพฤตนิ กั เรียนและนักศึกษา
๓.๑.๔ ปฏิบัตงิ านอ่นื ตามที่ได้รบั มอบหมาย
4. วธิ ีในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จใชศ้ าสตร์พระราชา “เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา สบื สาน รักษา ต่อยอด”
เข้าใจ หมายถึง การใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว การใช้และแสวงหาข้อมูลเชิงประจักษ์ การวิเคราะห์และ
การวจิ ยั การทดลองใช้จนไดผ้ ลจริงก่อน
เข้าถึง หมายถึงการระเบิดจากข้างใน เข้าใจกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนา และสร้างปัญญาสังคม
พัฒนา หมายถึง การพัฒนาที่ประชาชนเริ่มต้นด้วยตนเอง พ่ึงพาตนเองได้ และมีต้นแบบในการ
เผยแพรค่ วามรู้ใหป้ ระชาชนไดเ้ รยี นรู้และนำไปประยุกต์ใช้
สืบสาน หมายถึง ทรงนำองค์ความรู้ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย
เดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาสืบสานในการทรงงาน
รักษา หมายถึง พระราชทานพระราชดำริแก่หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการดูแลรักษาโครงการอัน
เน่ืองมาจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพติ ร และ สมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง ให้เกิดความย่ังยืน
ต่อยอด หมายถึง สานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชน-
กาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รให้สมั ฤทธ์ิผลตามพระราชประสงค์

23

ใบงานท่ี 1

รายวิชา บทบาทและหนา้ ที่ของแกนนำสง่ เสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนักศึกษา
คำช้แี จง ใหผ้ เู้ ข้ารับการอบรมเขยี นสรปุ ตามหัวข้อทีก่ ำหนดดังต่อไปนี้

ความรูท้ ไ่ี ดร้ บั จากการอบรมเกี่ยวกับบทบาทและหนา้ ท่ขี องแกนนำสง่ เสรมิ ความประพฤตินกั เรียน
และนกั ศึกษา
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
........................................................................................................................................................................... ..
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
................................................................................................................................................................... ..........
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................

24

ใบงานท่ี 2

รายวิชา บทบาทและหนา้ ท่ีของแกนนำส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนกั ศกึ ษา

คำชี้แจง : ใหผ้ เู้ ข้ารบั การอบรมวางแผนการจดั ทำตารางการปฏิบัตหิ นา้ ทต่ี ามบริบทของโรงเรียน

โรงเรียน....................................................................................................

สถานที่ปฏิบตั งิ าน ประตูเขา้ ประตอู อก สายตรวจ

วันเวลา
วนั จนั ทร์

วนั องั คาร

วนั พธุ

วนั พฤหัสบดี

วันศุกร์

* หมายเหตุ สถานทป่ี ฏบิ ตั งิ านสามารถใสไ่ ด้ตามความเหมาะสม

25

รายวิชา การให้คำปรกึ ษาสำหรับนกั เรียนและนกั ศกึ ษา (YC : Youth Counselor)

ระยะเวลา ๒ ชั่วโมง
วตั ถปุ ระสงค์

๑. เพอ่ื ให้ผู้เขา้ รับการฝกึ อบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั กระบวนการให้ความชว่ ยเหลอื
ดูแลตามความเหมาะสม

๒. เพอ่ื ให้ผูเ้ ข้ารบั การฝึกอบรมมที กั ษะในกระบวนการแก้ปัญหาและตัดสนิ ใจไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม
๓. เพ่อื ใหผ้ ู้เขา้ รับการฝกึ อบรมสามารถนำความรู้ทไี่ ดร้ บั ไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้
๔. เพอ่ื ใหผ้ ู้เข้ารับการฝึกอบรมมเี จตคติทีด่ ีในการสง่ เสรมิ ความประพฤติและช่วยเหลือเพ่อื น
ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

ขอบเขตเน้ือหาวชิ า
๑. คุณลกั ษณะของเพอ่ื นท่ดี ี
๒. ความหมายและความสำคัญของเพ่ือนท่ปี รึกษา
๓. ทักษะการฟังอยา่ งลึกซึ้ง
๔. กระบวนการให้คำปรึกษา

กจิ กรรมการเรียนรู้
๑. บรรยาย
๒. ระดมสมอง
๓. การอภิปรายกลมุ่
๔. บทบาทสมมตุ ิ
๕. การฝกึ ภาคปฏิบัตยิ
๖. การฝกึ ภาคปฏิบตั ิ

สอ่ื การฝกึ อบรม
๑. เอกสารประกอบการฝึกอบรม
๒. สื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์
๓. ใบงาน
๔. ทศั นูปกรณ์
๕. เกม เพลง

การวดั และประเมินผล
๑. การสังเกต
๒. การแสดงความคิดเหน็
๓. การเขียนตอบในกระดาษโพสอิทรูปหัวใจ (Post it)

26

เนือ้ หารายวชิ าการให้คำปรึกษาสำหรับนักเรยี นและนักศกึ ษา (YC : Youth Counselor)

ขน้ั ตอการดำเนนิ กิจกรรม

วันที/่ หัวข้อกิจกรรม กิจกรรม เวลาทใี่ ช้ สือ่ การฝึกอบรม
เวลา การเรียนรู้

กิจกรรมท่ี ๑ ๑. การบรรยาย ๒๐ นาที ๑. สื่อ Power point
๒. การอภปิ รายกล่มุ ๒๐ นาที เร่ือง คณุ ลักษณะของเพ่ือนท่ีดี
ใครคือกัลยาณมิตร ๒. คลปิ วิดีโอเร่ือง ด้วยความ
ปรารถนาดี
กิจกรรมที่ ๒ ๑. การบรรยาย ๓. กระดาษโพสอิทรูปหวั ใจ
YC เริ่มไดท้ ่ีตวั คุณ ๒. วเิ คราะห์และ (Post it) คละสี
อธิบาย ๔. กระดาษฟิวเจอรบ์ อร์ด
๓. การอภปิ รายกลุ่ม ๕. ปากกา/ดนิ สอ
๔. ทำใบกิจกรรมและ
แบบวัด ๑. สอื่ Power point
เรอื่ ง เพ่ือนทปี่ รึกษา (YC)
๒. ใบกิจกรรม คณุ ลักษณะจุดแขง็
๓. แบบวดั “คุณเป็นเพ่ือนทป่ี รึกษา
ได้หรอื ไม่”
๔. กระดาษฟลิปชาร์ท
๕. ดินสอ/ปากกา
๖. ปากกาเคมี คละสี
๗. สเี ทยี น หรอื สีไม้

วนั ท่/ี หวั ข้อกิจกรรม กจิ กรรม เวลาทีใ่ ช้ สื่อการฝกึ อบรม
เวลา การเรยี นรู้

กิจกรรมที่ ๓ ๑. การบรรยาย ๓๐ นาที ๑. ส่ือ Power point ทักษะการฟงั
เทคนคิ การให้การ ๒. กจิ กรรมเชค็ อิน ๕๐ นาที การลกึ ซึ้ง
ปรกึ ษา : ฟังด้วย ความรู้สกึ ๒. เพลง “Live and Learn”
หวั ใจ ๓. การระดมสมอง ๓. คลปิ วีดโี อเรื่อง “ฟงั ด้วยหัวใจ
๔. การอภปิ รายกลุม่ ฟงั เสียงเพอ่ื นซึมเศร้า”
๕. การนำเสนองาน ๔. กระดาษฟลปิ ชาร์ท
๕. ปากกา/ปากกาเคมี คละสี
๑. การบรรยาย ๖. สีเทียน หรอื สไี ม้

กจิ กรรมท่ี ๔ เทคนิค ๒. เกมประกอบการ ๑. ส่ือ Power point เรือ่ ง เทคนิค
การให้คำปรึกษาเบื้องต้น
การให้การปรึกษา เรยี นรู้ ๒. แบบฝึกเรอื่ ง การเลือกใช้ประโยค
คำพูดทเ่ี หมาะสม
เบ้อื งต้น ๓. การอภปิ รายกลุม่

๔. ทำแบบฝกึ

27

กิจกรรมการเรียนรู้

กจิ กรรมที่ ๑ ใครคือกัลยาณมิตร เวลาที่ใช้ ๒๐ นาที

รายละเอียดกิจกรรม
๑. วิทยากรและผูเ้ ข้ารับการฝึกอบรมร่วมแลกเปลย่ี นเรียนรู้เกีย่ วกับเพื่อนท่ีดีควรเป็นอยา่ งไร
๒. วทิ ยากรเปิดคลปิ วิดโี อเรอ่ื ง “ด้วยความปรารถนาดี” ประมาณ ๙ นาที ให้ผูเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม

รบั ชม
๓. ผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรมร่วมแสดงความคิดเห็นหลงั จากชมคลปิ วดิ โี อเร่อื ง “ด้วยความปรารถนาด”ี
๓.๑ ทา่ นมีความรูส้ กึ อย่างไร
๓.๒ ทา่ นไดข้ ้อคดิ อะไรจากเร่ืองดงั กล่าว
๓.๓ ท่านจะชว่ ยเหลือเพื่อนทีก่ ำลงั เผชญิ ปัญหาในชวี ิตอยา่ งไรบา้ ง
๔. วิทยากรใหค้ วามรู้เร่ือง คุณลักษณะของเพ่ือนที่ดี โดยใชส้ ื่อ Power point ประกอบ
๕. ผ้เู ขา้ รับการฝกึ อบรมเขียนความปรารถนาดที ี่มตี ่อเพื่อนลงในกระดาษโพสอิทรูปหัวใจ (Post it)

แล้วนำไปติดในกระดาษฟวิ เจอรบ์ อร์ด (Future board)
๖. ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมร่วมสรปุ กจิ กรรมใครคือกลั ยาณมติ ร

ส่ือการฝึกอบรม
๑. สอ่ื Power point เรือ่ ง คุณลกั ษณะของเพ่ือนที่ดี

๒. คลิปวดิ โี อเรอ่ื ง ดว้ ยความปรารถนาดี
https://www.youtube.com/watch?v=sWD0VQNHqnE หรอื

๓. กระดาษโพสอิทรปู หวั ใจ (Post it) คละสี
๔. กระดาษฟวิ เจอรบ์ อร์ด
๕. ปากกา/ดนิ สอ
การประเมินผล
๑. การสงั เกต
๒. การแสดงความคดิ เห็น
๓. การเขยี นตอบในกระดาษโพสอทิ รปู หวั ใจ (Post it)

28

เนื้อหาสาระสำหรบั ใช้ในการจดั การฝกึ อบรม

ลักษณะของเพื่อนทด่ี ี มิตรที่ควรคบ
มนษุ ยเ์ ปน็ สตั วส์ ังคมทต่ี อ้ งอยู่ร่วมกนั เปน็ กลมุ่ ดงั น้ันไมว่ ่าอยา่ งไรก็ตามทุกคนจะต้องมเี พ่ือนอย่าง

แนน่ อน จะเพือ่ นมากเพื่อนน้อยก็ข้ึนอยู่กบั สภาพสังคมของแตล่ ะคน อย่างไรก็ตามจำนวนของเพ่อื นไม่ได้
สำคัญนัก หากเพื่อนที่มลี ้วนแตเ่ ป็นประเภทที่ชักจูงไปในทางที่เสือ่ มเสยี

การจะเลือกคบเพ่ือน ควรทจี่ ะเลือกคบคนที่เป็นมิตรแท้ คอยชว่ ยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั และพากนั ไป
ในทางแห่งความสุขความสำเร็จ เรื่องฐานะหรือระดับการศึกษาไม่ไดเ้ กยี่ วขอ้ งและบง่ บอกได้เลยว่าเพ่ือนท่ีคบ
จะเป็นคนที่ดี หากแต่ควรพิจารณาอปุ นสิ ัยใจคออย่างละเอียด ดงั น้ี

ลักษณะของเพื่อนทีด่ ี
๑. ไมท่ ำใหผ้ อู้ ่ืนเดือดร้อน คนทมี่ นี สิ ยั ชอบทำให้คนอน่ื เดอื ดรอ้ น เช่น ชอบหาเร่อื งทะเลาะววิ าท ,
ขอ้ งเก่ยี วกบั อบายมุขท่ผี ิดกฎหมาย ฯลฯ คนเหลา่ นี้จัดอยู่ในกลุ่มคนพาลที่จะนำมาแต่ความเดอื ดเนื้อร้อนใจ
๒. ร้จู ักทำมาหากนิ พ่ึงพาตนเอง บุคคลที่ขยนั ขันแข็ง สกู้ ารสูง้ าน ทำมาหากิน เล้ียงชีพด้วยการ
พ่ึงพาตนเอง เป็นบคุ คลที่น่ายกย่อง ไม่สำคญั วา่ งานทเี่ ขาทำจะมีตำแหน่งใหญโ่ ตหรือไม่ เพยี งแค่เปน็ งาน
สจุ รติ ก็นา่ ช่นื ชมแลว้
๓. พัฒนาตนเองอยเู่ สมอ คนท่รี ู้จักเพิ่มความสามารถให้ตนเอง เป็นบุคคลท่ีควรคบหาสมาคม เพราะ
จะทำใหเ้ ราก้าวหนา้ ตามไปด้วย
๔. รับฟังความคิดเห็น เพื่อนท่ีดีย่อมรับฟังความคิดเห็นซ่ึงกันและกันได้ แม้ว่าบางครั้งความเห็น
อาจจะไมต่ รงกนั ก็สามารถทจี่ ะแลกเปล่ยี นความคดิ กนั ด้วยหลกั เหตุและผล
๕. ช่วยเหลือในยามเดือดร้อน เพื่อนที่เป็นมิตรแท้สามารถพิสูจน์กันได้ในยามลำบาก แต่ท้ังนี้ต้องดู
ด้วยว่าสิ่งที่เราต้องการให้เพ่อื นช่วยเหลือเกินกำลังของเขาหรือไม่ บางคนไปยืมเงินเพื่อนสนิท พอเพื่อนไม่ให้ก็
ไปกล่าวหาวา่ เขาไม่ใช่เพื่อน โดยไม่พิจารณาเลยว่าเพอ่ื นคนนัน้ มีภาระตอ้ งรับผิดชอบอยมู่ ากมายในเวลาที่คุณ
ลำบาก เพอ่ื นแท้จะยืน่ มือเข้ามาชว่ ยเหลือโดยท่คี ุณไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ
๖. มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี ลักษณะประการหน่ึงของเพื่อนท่ีดี คือ ต้องน่าคบหา อยู่ใกล้แล้วสบายใจ
สามารถพดู คยุ ปรกึ ษาปัญหาได้
๗. ให้คำแนะนำ ชักจูงไปในทางที่ถูกต้อง หากเพ่ือนของคุณแนะนำให้คุณเข้าสู่หนทางของส่ิงไม่ดี
ไม่ว่าจะเป็นงานผดิ กฎหมาย ยาเสพติด แสดงว่าเขาไม่ไดป้ รารถนาดีต่อคณุ เลย
ดังนั้น การที่คุณมองหาและเลือกคบเพ่ือนที่ดีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ส่ิงที่อยากแนะนำก็คือ คุณควรทำ
ตัวให้เป็นเพ่ือนที่ดีสำหรับคนอ่ืนเช่นกัน และเม่ือพบเจอเพ่ือนแท้แล้ว จงรักษามิตรภาพที่ดีไว้ เพราะในชีวิต
ของคนแตล่ ะคน เพ่ือนแท้ไม่ไดห้ าเจอกนั งา่ ย ๆ เท่ากบั เพือ่ นกนิ

ทมี่ า : ลกั ษณะของเพ่ือนทีด่ ี https://www.healthcarethai.com

29

กิจกรรมท่ี ๒ YC เร่ิมตน้ ได้ที่ตวั คณุ เวลาที่ใช้ ๒๐ นาที

รายละเอียดกจิ กรรม
๑. ผู้เขา้ รับการฝกึ อบรมทำแบบวัด “คณุ เปน็ เพ่ือนทีป่ รกึ ษาได้หรอื ไม”่
๒. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสำรวจคุณลักษณะจุดแข็งของตนเอง โดยใช้ใบกิจกรรมเรื่อง คุณลักษณะ

จุดแข็ง โดยมีวธิ กี ารทำใบกจิ กรรมดังน้ี
๒.๑ หน้า ๑ ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสำรวจคุณลักษณะจุดแข็งของตนเอง โดยขีดเส้นใต้ข้อความ

คุณลกั ษณะจดุ แขง็ กขี่ ้อก็ได้
๒.๒ หน้า ๒ นำใบกิจกรรมให้เพื่อนที่สนิท ๑ คน สำรวจคุณลักษณะจุดแข็งของนักเรียน โดยขีด

เสน้ ใตข้ อ้ ความคุณลกั ษณะจุดแข็งกี่ข้อก็ได้
๒.๓ หน้า ๓ ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเปรียบเทียบคุณลักษณะจุดแข็งจากหน้า ๑ และ ๒ ว่ามี

คุณลักษณะจุดแข็งใดบ้างที่นักเรียนและเพ่ือนให้ความเห็นตรงกัน จากน้ันให้นำมาเขียนลงในหน้า ๓ จำนวน
๕ คณุ ลกั ษณะ

๓. แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามความเหมาะสม ให้ร่วมกันวิเคราะห์และอภิปรายจุดแข็งใดบ้าง
ท่ีสามารถพฒั นาเปน็ คณุ ลักษณะท่จี ำเปน็ ของการเปน็ เพ่ือนท่ปี รึกษา โดยเขยี นสรุปลงในกระดาษฟลปิ ชารท์

๔. วิทยากรให้ความรู้เรอื่ งความหมาย ความสำคญั เกยี่ วกับเพื่อนทีป่ รึกษา โดยใชส้ ื่อ power point
๕. ผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรมร่วมสรุปกจิ กรรม YC เริม่ ตน้ ไดท้ ต่ี วั คณุ

สื่อการฝกึ อบรม
๑. สื่อ Power point เร่ือง เพ่ือนทปี่ รกึ ษา (YC)

๒. ใบกจิ กรรมเรอ่ื ง คุณลกั ษณะจดุ แขง็
๓. แบบวดั “คณุ เป็นเพ่ือนทปี่ รกึ ษาไดห้ รอื ไม่”
๔. กระดาษฟลปิ ชารท์
๕. ดนิ สอ/ปากกา
๖. ปากกาเคมี คละสี
๗. สีเทยี น หรอื สีไม้

การประเมินผล
๑. การสังเกต
๒. การแสดงความคดิ เห็น
๓. การเขียนตอบในใบกิจกรรมและแบบวัด

30

เนอื้ หาสาระสำหรบั ใชใ้ นการจัดการฝกึ อบรม

เรามารจู้ ักเพื่อนทปี่ รกึ ษา (YC) กันเถอะ?
นักเรียนเพ่ือนท่ีปรึกษา (YC) มีความสำคัญมาก เพราะนักเรียนเพ่ือนท่ีปรึกษา (YC) เป็นบุคคลท่ี

โรงเรียนพิจารณาคัดสรรว่าเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ สามารถคิดวิเคราะห์ มีจิตอาสาในการรับฟัง ให้คำปรึกษา
และได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ ความสามารถในการให้คำปรึกษาเบ้ืองต้น และปฏิบัติหน้าท่ีให้คำปรึกษา
โดยการดูแลชี้แนะอย่างใกล้ชิดของครูแนะแนว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความเข้มแข็งของระบบดูแล
ชว่ ยเหลอื นกั เรยี น

“เพ่ือนท่ีปรึกษา (YC)” หรือ YC ย่อมาจาก Youth Counselor เดิมช่ือว่ายุวชนแนะแนว โดยมี
ความเช่ือในเรอื่ งของธรรมชาตวิ ยั รุน่ ทว่ี า่

๑ เพื่อนอายุรุน่ ราวคราวเดียวกนั มอี ะไร ๆ คล้ายกนั
๒ วยั ใกล้เคียงกนั สามารถสรา้ งสมั พันธภาพไดด้ ีกว่าวัยตา่ งกนั มาก
๓ เดก็ มเี วลาอยูด่ ้วยกันมากกว่าครู
๔ ความเหน็ อกเหน็ ใจของเด็กทมี่ ีต่อกนั
๕ เดก็ บางคนมลี ักษณะที่ใหก้ ารชว่ ยเหลือเพ่ือนอยูแ่ ลว้ ถึงแมไ้ ม่ได้รบั การฝกึ ฝน หรือให้ความรู้
การให้คำปรึกษาสำหรับเพ่ือนเป็นวิธีการหน่ึงในการช่วยเหลือเพ่ือนด้วยกันเอง โดยการรับฟัง
สนับสนุน ให้กำลังใจในการแก้ไขปัญหา ให้ข้อมูลท่ีจำเป็นแก่เพื่อน เสนอแนะแหล่งช่วยเหลืออื่น ๆ ที่เพื่อน
ต้องการความช่วยเหลือ รวมทั้งการส่งต่อเพ่ือนไปขอรับความช่วยเหลือจากนักเรียน เพ่ือนที่ปรึกษา ครู
อาจารย์ หรือผู้เชยี่ วชาญเฉพาะดา้ น

ใบกจิ กรรมเร่อื ง

คณุ ลักษณะจดุ แขง็

31

๓๒

คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นทำเคร่ืองหมาย  ในข้อความท่ีตรงกับความเปน็ จรงิ ของนกั เรยี น

ข้อความ จริง คอ่ นขา้ ง คอ่ นข้าง ไม่จริง คะแนน
จริง ไม่จริง รวม

๑. คนทุกคนมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และอยากเปน็ คนดี

๒. ใคร ๆ ก็มโี อกาสผิดพลาดดว้ ยกนั ท้งั นนั้

๓. คนอ่อนแอเท่านัน้ ที่ขอความช่วยเหลือจากคนอ่นื

๔. คณุ ชอบทจ่ี ะพบปะพดู คุยกบั คนอนื่ แม้ว่าคน

เหลา่ นัน้ จะเป็นคนท่ีคณุ ไม่คุน้ เคย

๕. ใคร ๆ มกั ชอบทีจ่ ะพูดคุยกับคุณ

๖. คุณชอบทจ่ี ะพูดคยุ กนั มากกว่าฟัง

๗. ใคร ๆ มกั ชมคณุ วา่ เป็นคนทจี่ ับความรูส้ ึกของ

ค่สู นทนาได้ดี

๘. คุณมกั จะเก็บความรู้สึกไม่ค่อยได้

๙. ถา้ คณุ ต้องการจะช่วยใคร คุณจะชว่ ยอย่างเต็มที่

๑๐. คณุ มกั จะคิดหรือทำแทนคนอื่น เพราะเกรงว่า

ผลงานจะออกมาไมด่ เี ทา่ ท่ีควร

๑๑. คณุ มกั จะชอบสง่ั สอนและใหค้ ำแนะนำแกค่ น

ใกลช้ ิดเสมอ

๑๒. คณุ มักจะยอมรับความผดิ พลาดของคนอื่นไดย้ าก

๑๓. เมอ่ื คณุ รับปากว่าจะเก็บเรอ่ื งใดเปน็ ความลับ

คุณสามารถทำได้ ๑๐๐%

๑๔. ความคดิ และการกระทำของคุณคลา้ ย ๆ กบั คน

ส่วนใหญ่ในสงั คม

๑๕. รูปร่าง หนา้ ตา การแต่งกาย และท่าทางของคณุ

ไมน่ า่ จะมสี ่วนต่อความสำเร็จหรอื ความล้มเหลวในการ

ให้คำปรึกษาของคุณ

๓๓

วิธกี ารคิดคะแนนแบบวดั “คุณเป็นเพอื่ นที่ปรึกษาได้หรือไม”่

ข้อ จริง ค่อนข้างจริง ค่อนข้างไม่จริง ไมจ่ ริง

๑, ๒, ๔, ๕, ๗, ๙, ๑๓, ๑๔, ๓๒ ๑๐

๓, ๖, ๘, ๑๐, ๑๑, ๑๒, ๑๕ ๐๑ ๒๓

ชว่ งคะแนน เกณฑ์การแปลผล
๓๑ – ๔๕
๑๖ – ๓๐ ความหมาย
๐ – ๑๕
ท่านเปน็ ผูม้ ีคุณลักษณะเหมาะสมในการเป็นเพ่ือนที่ปรึกษาอยา่ งยงิ่ “ขอแสดงความ
ยินด”ี
ท่านเปน็ ผู้มีคุณลักษณะทดี่ ีหลายประการ เหมาะสมในการเปน็ เพือ่ นท่ีปรึกษา แตย่ ัง
มคี ุณลักษณะอีกบางประการทีค่ วรพฒั นา “พยายามอีกหนอ่ ย”
ทา่ นควรหนั กลับมามองตนเอง พฒั นาคณุ ลักษณะหลายประการเพอ่ื ให้มีคุณลักษณะ
ของเพ่ือนทปี่ รึกษาดี “ออกแรงพยายามมากหน่อย ขอเป็นกำลังใจ”

๓๔

กจิ กรรมที่ ๓ เทคนคิ การใหค้ ำปรกึ ษา : ฟังด้วยหัวใจ เวลาทีใ่ ช้ ๓๐ นาที

รายละเอียดกิจกรรม
๑. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมฟังเพลง “Live and Learn” ประมาณ ๕ นาที แล้วสำรวจความรู้สึก

(Check in) จากบทเพลงวา่ พบอารมณ์หรอื ความรูส้ กึ อะไรบ้าง
๒. วิทยากรเปิดคลปิ วีดีโอเรื่อง “ฟังด้วยหวั ใจ ฟังเสียงเพ่อื นซึมเศรา้ ” ประมาณ ๘ นาที ให้แก่ผู้เข้ารับ

การฝึกอบรมรบั ชมและฟัง
๓. แบ่งกลมุ่ ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมจำนวนเท่า ๆ กัน ตามความเหมะสม (ไม่ควรเกิน ๘-๑๐ คนตอ่ กลุ่ม)

ร่วมกันระดมสมอง (Brain storming) ค้นหาเทคนิคการฟังอย่างลึกซ้ึงว่าควรมีเทคนิคอะไรบ้าง ลงใน
กระดาษฟลิปชารท์

๔. แตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอเทคนิคการฟงั อยา่ งลึกซง้ึ
๕. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมร่วมสรุปกิจกรรมเทคนิคการให้การปรึกษา : ฟังด้วยหัวใจ พร้อมกับวิทยากร
สรปุ เพิ่มเติมโดยใช้สือ่ Power point

ส่อื การฝึกอบรม
๑. สือ่ Power point เทคนิคการฟังการลึกซึ้ง

๒. เพลง “Live and Learn” https://www.youtube.com/watch?v=cGj0Z3VMtxA หรอื

๓. คลิปวดี โี อเรื่อง “ฟงั ด้วยหัวใจ ฟังเสยี งเพื่อนซึมเศร้า” ประมาณ ๘ นาที
https://www.youtube.com/watch?v=DpdpHSo7_3k&t=7s หรือ

๔. กระดาษฟลปิ ชาร์ท
๕. ปากกา/ปากกาเคมี คละสี
๖. สีเทยี น หรือ สีไม้
การประเมนิ ผล
๑. การสังเกต
๒. การแสดงความคิดเห็น
๓. การนำเสนองาน

๓๕

เนือ้ หาสาระสำหรบั ใช้ในการจัดการฝึกอบรม

การฟงั อยา่ งลกึ ซึ้ง (Deep Listening)
การฟังเป็นข้ันตอนที่สำคัญมากของการสื่อสาร หากเราฟังได้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้เข้าใจในส่ิงที่ผู้พูด

อยากจะส่ืออย่างแท้จริง และทำให้ความสัมพันธ์ท่ีมีต่อกันดีขึ้น แต่หากฟังได้ไม่ดีพอ จะทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน
สง่ ผลให้เกดิ ความขดั แยง้ และความสัมพันธ์แยล่ งได้ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เราฟังไดด้ ขี ึน้ ลึกซึง้ ข้ึน

การฟังอย่างลึกซ้ึง (Deep Listening) คือ การฟังที่ใส่ใจฟังผู้พูดอย่างแท้จริง เหมือนว่ามีแค่ผู้พูดอยู่
ด้วยกับเราเท่านั้น เป็นการฟังโดยปราศจากการตัดสิน ฟังลึกกว่าแค่คำพูด ได้ยินในส่ิงที่ผู้พูดไม่ได้พูด เช่น
ความรู้สึก อารมณ์ ความต้องการ คุณค่า ความเชื่อ เป็นต้น การฟังอย่างลึกซ้ึงจะช่วยให้ผู้พูดเปิดเผยตัวเอง
มากข้นึ เลา่ เร่อื งราวลึกขน้ึ และยังช่วยในการสร้างความสัมพนั ธท์ ่ดี ี (building rapport) อกี ดว้ ย

เทคนิคการฟังอยา่ งลกึ ซ้ึง ประกอบด้วย
๑. ฟงั ด้วยความสนใจใครร่ ู้ : มีความสนใจใครร่ ู้ อยากเขา้ ใจผู้พดู มากขึ้น เปดิ กว้างไม่ตัดสิน เข้าใจเขา
ตามความเปน็ จริง เพราะคนแต่ละคนหล่อหลอมมาดว้ ยประสบการณท์ ่ีแตกตา่ งกนั มคี วามเชือ่ ทัศนคติ และให้
คณุ คา่ ในส่ิงตา่ ง ๆ ที่ไม่เหมือนกนั ถ้าเราฟงั เพื่อเข้าใจเขา เราจึงจะรับรู้ตามความเป็นจรงิ
๒. ฟงั ดว้ ยสติ : มีสตอิ ย่กู บั ปจั จุบัน อยู่กบั ผู้พดู ตลอด อยู่ทง้ั กาย ใจ สมอง ไม่เผลอคดิ เร่อื งอ่นื ไมเ่ ผลอ
คิดแทนวา่ เขาควรหรอื ตดั สนิ ว่าเขาเปน็ แบบนนั้ แบบนี้
การมีสติที่มากพอจะชว่ ยให้เรารู้เทา่ ทันตนเองว่าเผลอคดิ เผลอตัดสนิ หรอื มอี ารมณ์ ความร้สู ึกอยา่ งไร
ขณะทฟี่ ัง เช่น อึดอดั เศร้า อยากพูดแทรก เป็นต้น แล้วสามารถดึงตัวเองกลับมาให้เป็นกลางในการรบั ฟัง และ
อยกู่ บั ผพู้ ดู อยา่ งแทจ้ รงิ
๓. ฟังด้วยตา : ระหว่างฟังมีการสบตาผู้พูดตลอด และคอยสังเกตภาษากายของผู้พูด เช่น สีหน้า
แววตา ท่าทาง ตอนเร่ิมสนทนาเปน็ อย่างไร ระหวา่ งที่สนทนามีภาษากายอะไรทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป
๔. ฟังด้วยหู : ฟังและสังเกตน้ำเสียงของผู้พูดว่าเขามีอารมณ์ ความรู้สึกอย่างไร เช่น ช่วงแรกจังหวะ
การพูดเร็ว น้ำเสียงบ่งบอกถึงความกังวลใจ พอคุยไปสักพักจังหวะการพูดเริ่มช้าลง น้ำเสียงม่ันใจมากข้ึน
เปน็ ตน้
๕. ฟังด้วยใจ : เม่ือเรามีสติในการฟัง เราสามารถอยู่กับคนตรงหน้าอย่างแท้จริงแล้ว ไม่เผลอใจลอย/
เผลอคิด ไม่ตัดสนิ เราสามารถใช้ใจของเรารับรอู้ ารมณ์ ความรสู้ กึ ของผ้พู ูดได้
๖. ฟังด้วยภาษากาย : ระหวา่ งท่ีฟัง เราพยักหน้าเป็นระยะ ๆ ให้รู้ว่าเราฟังเขาอยู่ เขาก็จะเปิดใจท่ีจะ
พดู เพม่ิ ขน้ึ

ท่ีมา : การฟังอย่างลึกซงึ้ (Deep Listening) โดย ภญ.ธันยพร จารไุ พศาล

https://www.workwithpassiontraining.com/17282288

๓๖

กจิ กรรมที่ ๔ เทคนิคการใหค้ ำปรึกษาเบือ้ งต้น

เวลาที่ใช้ ๕๐ นาที

รายละเอยี ดกิจกรรม
๑. วิทยากรนำเขา้ สเู่ กม “กระซิบส่งสาร” แบง่ กลมุ่ ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมเปน็ แถว แถวละประมาณ

๘ – ๑๐ คน โดยให้คนที่ ๑ ของแต่ละแถวมารับข้อความจากวิทยากร (วิทยากรกำหนดข้อความตามความ
เหมาะสม) เมื่อคนที่ ๑ อ่านข้อความแล้วให้กระซิบต่อไปยังคนท่ี ๒ ทำเช่นนี้ไปจนถึงคนสุดท้าย และให้คน
สดุ ท้ายเปน็ ผู้บอกขอ้ ความทไี่ ดร้ ับมา

๒. แลกเปล่ียนเรียนรู้การสื่อสารในชีวิตประจำวัน หากสื่อสารผิดพลาดจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
จากนัน้ วทิ ยากรแนะนำการใชป้ ระโยคคำพูดท่เี หมาะสม เพ่อื ฝกึ ทกั ษะในการส่ือสารอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

๓. วิทยากรให้ความรู้เรื่องกระบวนการให้คำปรึกษาเบ้ืองต้น ประกอบด้วย ข้ันตอนการให้คำปรึกษา
และเทคนิคการใหค้ ำปรกึ ษาเบอ้ื งตน้ โดยใช้สอื่ Power point

๔. ศกึ ษาตัวอยา่ งประโยคคำพดู ที่ใชใ้ นการให้คำปรกึ ษาเพอ่ื น โดยทำแบบฝึกเร่ือง การเลอื กใช้ประโยค
คำพดู ท่ีเหมาะสม

๕. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมรว่ มสรุปกิจกรรมเทคนคิ การให้คำปรึกษาเบ้ืองตน้

สอื่ การฝึกอบรม
๑. สื่อ Power point เรอ่ื ง เทคนิคการใหค้ ำปรึกษาเบ้ืองต้น

๒. แบบฝกึ เรอ่ื ง การเลือกใช้ประโยคคำพูดท่ีเหมาะสม

การประเมินผล
๑. การสงั เกต
๒. การแสดงความคดิ เห็น
๓. การเขียนตอบในแบบฝกึ เรื่อง การเลือกใช้ประโยคคำพูดท่ีเหมาะสม

๓๗

เนอื้ หาสาระสำหรบั ใชใ้ นการจดั การฝึกอบรม

กระบวนการให้คำปรึกษา ประกอบด้วย ขัน้ ตอนและทักษะการให้คำปรึกษา ดงั นี้
ขัน้ ตอนการใหค้ ำปรึกษา สรปุ ได้ ๕ ขั้นตอนดังน้ี คือ
ขั้นตอนท่ี ๑ การสร้างสัมพันธภาพ เพ่ือนที่ปรึกษาตอ้ งทำใหเ้ พอื่ นที่มาขอรับคำปรกึ ษาเกิดความ

อบอนุ่ สบายใจ และไว้วางใจ
ขั้นตอนที่ ๒ สำรวจปญั หา เพ่อื นที่ปรึกษาช่วยให้เพอื่ นทมี่ าขอรบั คำปรกึ ษาได้สำรวจปัญหา และ

ปัจจยั ต่าง ๆ ที่ทำใหเ้ กิดปญั หาดว้ ยตัวของเขาเอง
ขั้นตอนท่ี ๓ เข้าใจปญั หา เพื่อนท่ีปรึกษาช่วยให้เพื่อนท่ีมาขอรบั คำปรกึ ษาเข้าใจปัญหา สาเหตุ และ

ความต้องการของตนเอง
ข้ันตอนที่ ๔ วางแผนแกป้ ัญหา เพอ่ื นทีป่ รึกษาชว่ ยใหเ้ พ่ือนทม่ี าขอรับคำปรึกษาพจิ ารณาวธิ ี

แก้ปัญหาและตดั สินใจเลือกสิ่งทีจ่ ะปฏิบัตดิ ้วยตนเอง
ขน้ั ตอนที่ ๕ ยุติการใหค้ ำปรึกษา เพอ่ื นท่ปี รกึ ษายำ้ ความเข้าใจท่เี กดิ ข้นึ ระหว่างท่ีให้คำปรกึ ษา และ

ช่วยใหเ้ พอ่ื นท่มี าขอรบั คำปรึกษา มีแรงจงู ใจและกำลังใจ ที่จะแก้ปัญหาและพฒั นาตนเอง

ทกั ษะการใหค้ ำปรึกษา

ทักษะ แนวทางปฏบิ ตั ิ
๑. ทักษะการใสใ่ จ
แสดงออกดว้ ยภาษาพดู หรือภาษาท่าทาง ซง่ึ บอกถึงความกระตือรือร้นท่ีจะชว่ ยเหลอื
๒. การนำ เพื่อนท่มี าขอรับคำปรึกษา

๓. การถาม การพดู นำเพื่อนทีม่ าขอรับคำปรกึ ษาไปในทิศทางที่คดิ ว่าจะทำให้เขาได้ประโยชน์สูงสดุ
ในการมาขอรับคำปรึกษา

การใหเ้ พื่อนท่ีมาขอรบั คำปรึกษาได้เล่าความรู้สกึ และเร่ืองทีต่ อ้ งการปรกึ ษา

๔. การเงียบ การปลอ่ ยให้มชี ว่ งระยะเวลาระหว่างการปรึกษาที่ไม่มีการสื่อสารดว้ ยวาจาระหว่าง
เพ่ือนทปี่ รกึ ษาและเพื่อนที่มาขอรับคำปรึกษา
๕. การสะทอ้ น
กลับ การบอกความเขา้ ใจของเพื่อนท่ีปรกึ ษาท่มี ีต่อสิ่งท่เี พอ่ื นที่มาขอรับคำปรึกษารู้สึกรับรู้
๖. การซ้ำ/ หรือสนใจท่เี ปน็ ปัจจบุ ัน
ทวนความ
๗. การให้กำลังใจ การพดู ซ้ำในเรอ่ื งท่เี พอ่ื นท่ีมาขอรบั คำปรึกษาบอกอีกคร้งั หนึง่ โดยคงสาระสำคัญของ
เน้อื หาหรอื ความรู้สึกไว้ตามเดมิ แต่ใชค้ ำพูดท่นี ้อยลง
๘. การสรุปความ
แสดงความสนใจ เข้าใจในสิ่งทเี่ พื่อนทีม่ าขอรับคำปรกึ ษาพูด และสนับสนุนให้เขาพดู
๙. การให้ข้อมลู ตอ่ ไป โดยใชค้ ำพดู หรือท่าทาง

การรวบรวมเนือ้ หาและความรสู้ ึกของเพ่ือนทีม่ าขอรับคำปรึกษาทเ่ี กิดข้นึ ในระหว่าง
ปรกึ ษา รวมทัง้ กระบวนการของการปรึกษา

การให้ข้อมูลรายละเอียดที่สำคัญและจำเปน็ แก่การเขา้ ใจปัญหา สาเหตุของปัญหาและ
การหาแนวทางแก้ไขปญั หาแก่เพ่ือนท่ีมาขอรบั คำปรึกษา

๓๘

ทกั ษะ แนวทางปฏบิ ตั ิ

๑๐. การให้ การช้แี นะแนวทางปฏิบัตใิ นการแกไ้ ขปญั หาแกเ่ พ่ือนท่ีมาขอรบั คำปรึกษาว่าควรปฏบิ ัติ
คำแนะนำ อย่างไร

๑๑. การชี้ผลท่ี การเนน้ ใหเ้ พื่อนที่มาขอรับคำปรึกษาเข้าใจถงึ ผลท่ีจะเกิดข้ึนจากการคิด การทำหรือ
ตามมา การวางแผนปฏิบัติเพื่อแกไ้ ขปัญหา

ทีม่ า : จิตวทิ ยาสำหรับครู https://sites.google.com/site/psychologybkf1/home/citwithya-kar-
naeanaew-laea-kar-hi-kha-pruksa/prapheth-laea-khan-txn-kar-hi-kha-pruksa

๓๙

แบบฝกึ เรอื่ ง การเลือกใชป้ ระโยคคำพดู ท่เี หมาะสม

คำช้แี จง จงพิจารณาคำพูดต่อไปนวี้ ่าเหมาะสมหรือไม่ ถา้ ไม่เหมาะสมใหแ้ ก้ไขใหม่

ข้อ คำพูด แก้ไขใหม่
๑ เปน็ ผ้ชู ายแทๆ้ ให้ผู้หญงิ ดูถูกไดอ้ ยา่ งไร
๒ ถา้ เร่อื งทเ่ี ธอเลา่ มาน่ี เปน็ ความจรงิ ฉันว่าเขา

เปน็ คนที่แย่มาก ๆ เลย
๓ เธอคงเสยี ใจมากละซิ ทเี่ กิดเหตกุ ารณ์นีข้ ้ึน
๔ เธอคดิ มากไปหรือเปลา่
๕ คอ่ ยคยุ กันวันหลงั แล้วกันนะ วนั น้ีไม่วา่ งเลย
๖ ทำไมเธอไม่ใส่ใจเรือ่ งเรียนให้มากกวา่ น้ลี ่ะ
๗ เธอคงกลุ้มใจมากจนสับสน ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด
๘ ในเม่อื เธอคิดวา่ ส่งิ ทีเ่ ธอทำถูกตอ้ ง กต็ ามใจนะ
๙ มีอะไรจะเล่า ก็เล่าไดเ้ ลย ฉันยนิ ดที ่ีจะฟังเสมอ
๑๐ ถ้าฉนั เปน็ เธอนะ คงต้องลุกข้ึนทำอะไรสักอยา่ ง

แลว้ ละ่
๑๑ เธอรูข้ ้อดี และข้อเสียของแตล่ ะคนแลว้ ตอ่ ไป

เธอจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ
๑๒ เธอร้สู กึ ดขี ้ึนแล้วใช่ไหม
๑๓ แลว้ เธอจะทำอยา่ งไรต่อไปละ่
๑๔ ถา้ ไม่มเี ธอ แม่และน้อง ๆ ของเธอ คงลำบาก

นะ
๑๕ เป้าหมายท่ีเธออยากได้ ต้องอาศัยความต้งั ใจ

จริง ฉันไม่ค่อยแน่ใจ

๒๐ ทำไมเธอไม่สมัครเขา้ รับการอบรมโครงการ
พัฒนามนุษยสัมพันธล์ ะ่ น่าสนใจนะ

๑๖ เธอทำโง่ ๆ อยา่ งน้ีได้อยา่ งไร
๑๗ เธอรบู้ า้ งไหมวา่ เธอใช้เวลาในแต่ละวันอย่างไร

ฉันไมเ่ ข้าใจวา่ วนั ๆ เธอใชเ้ วลาทำอะไร
๑๘ ถา้ เธอไมเ่ ร่ิมทำอะไรดว้ ยตนเองบ้าง เธอก็ต้อง

อยแู่ ค่นี้แหละ
๑๙ ครูรู้วา่ เธอรสู้ กึ อย่างไร แม้ขณะนี้จะยงั มี

ความรสู้ ึกไมด่ ีนกั กต็ าม แตจ่ ะดีข้ึนเมื่อเรา
ช่วยกันทางแก้ปัญหา

๔๐

แนวการตอบแบบฝึก เร่อื ง การเลือกใช้ประโยคคำพูดทเี่ หมาะสม

คำชแี้ จง จงพจิ ารณาคำพูดต่อไปนวี้ ่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมใหแ้ ก้ไขใหม่

ขอ้ คำพูด แกไ้ ขใหม่

๑ เปน็ ผชู้ ายแท้ ๆ ให้ผู้หญงิ ดูถูกไดอ้ ยา่ งไร เธอคดิ ว่าคุณคา่ ของผู้ชายมีอะไรบ้าง

๒ ถ้าเร่ืองท่ีเธอเลา่ มานี่ เป็นความจริง ฉนั ว่าเขา เธอแน่ใจใช่มย้ั วา่ เค้าเปน็ คนแบบนน้ั

เป็นคนที่แย่มาก ๆ เลย

๓ เธอคงเสยี ใจมากละซิ ทีเ่ กดิ เหตุการณ์น้ีขนึ้ เธอรู้สกึ อย่างไรกับเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้น

๔ เธอคิดมากไปหรือเปลา่ เธอกำลงั รู้สกึ วิตกกงั วลอยูใ่ ช่มยั้

๕ ค่อยคยุ กนั วันหลังแลว้ กนั นะ วันนีไ้ ม่วา่ งเลย ต้องขอโทษดว้ ยนะ วันนี้เราตดิ ภารกจิ เธอสะดวก

ทจ่ี ะมาอกี เมอ่ื ไหร่

๖ ทำไมเธอไม่ใสใ่ จเร่ืองเรยี นให้มากกวา่ นลี้ ่ะ เพราะอะไรเปน็ สาเหตุทีท่ ำให้เธอไมส่ นใจการเรียน

๗ เธอคงกลุ้มใจมากจนสบั สน ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ - เหมาะสมแลว้ -

คิด

๘ ในเมือ่ เธอคดิ วา่ ส่ิงที่เธอทำถูกตอ้ ง ก็ตามใจนะ เธอแนใ่ จมยั้ ว่าสงิ่ ท่ีเธอทำมนั ถูกต้องแลว้

๙ มอี ะไรจะเล่า กเ็ ล่าไดเ้ ลย ฉันยนิ ดที จ่ี ะฟังเสมอ - เหมาะสมแล้ว -

๑๐ ถา้ ฉันเป็นเธอนะ คงต้องลุกขึ้นทำอะไรสักอย่าง เธอคิดว่าอยา่ งไรที่จะลกุ ขึ้นมาสอู้ ีกคร้ัง

แล้วละ่

๑๑ เธอรูข้ ้อดี และข้อเสยี ของแต่ละคนแลว้ ต่อไป - เหมาะสมแล้ว -

เธอจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ

๑๒ เธอรูส้ ึกดีขึน้ แลว้ ใชไ่ หม - เหมาะสมแลว้ -

๑๓ แลว้ เธอจะทำอยา่ งไรตอ่ ไปละ่ - เหมาะสมแลว้ -

๑๔ ถา้ ไม่มีเธอ แม่และน้องๆ ของเธอ คงลำบากนะ - เหมาะสมแลว้ -

๑๕ เปา้ หมายท่เี ธออยากได้ ต้องอาศยั ความต้ังใจ ฉนั เชื่อว่าถา้ เธอตั้งใจ เป้าหมายต้องสำเร็จอย่าง

จรงิ ฉนั ไมค่ ่อยแน่ใจ แนน่ อน

๑๖ เธอทำโง่ ๆ อยา่ งน้ีได้อย่างไร หากเธอทบทวนส่งิ ท่ีได้ทำลงไป เธอเหน็ ว่าอยา่ งไร

๑๗ เธอรบู้ ้างไหมว่า เธอใช้เวลาในแต่ละวนั อย่างไร เธอเล่าให้เราฟงั ได้ม้ัยวา่ ในแตล่ ะวนั เธอทำอะไรบา้ ง

ฉันไมเ่ ขา้ ใจวา่ วนั ๆ เธอใชเ้ วลาทำอะไร

๑๘ ถ้าเธอไม่เรม่ิ ทำอะไรด้วยตนเองบา้ ง เธอก็ต้อง หากเธอจะเดนิ ไปขา้ งหน้า เธอตอ้ งเร่มิ ลงมือทำอะไร

อยู่แคน่ ี้แหละ ด้วยตนเอง

๑๙ ครูรู้ว่าเธอร้สู กึ อย่างไร แม้ขณะน้ีจะยังมี - เหมาะสมแล้ว -

ความรู้สกึ ไม่ดีนักก็ตาม แตจ่ ะดขี ึ้นเม่ือเรา

ชว่ ยกันทางแกป้ ัญหา

๒๐ ทำไมเธอไม่สมคั รเข้ารับการอบรมโครงการ เราวา่ โครงการนีม้ ปี ระโยชนก์ ับเธอนะ เธอลองสมคั ร

พฒั นามนษุ ยสัมพันธ์ล่ะ น่าสนใจนะ ดูมย้ั

๔๑

รายวชิ า การป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการรังแกกัน (Bully)

ระยะเวลา 1 ช่ัวโมง 15 นาที
วตั ถปุ ระสงค์

๑. เพ่ือให้ผู้ท่ีเข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการรังแกกัน ทัศนคติที่ถูกต้องต่อการ
รงั แกกนั ทกั ษะชีวติ พื้นฐานในการปอ้ งกันการรังแกกัน การจดั การชนั้ เรียนระหว่างครูกับนักเรียน และแนวทาง
การจดั การปญั หาเม่ือพบการรงั แกกนั

๒. เพอ่ื ใหผ้ ทู้ ี่เข้ารับการฝึกอบรมมคี ่านยิ มและทัศนคติทถี่ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั การรังแกกัน
๓. เพ่ือให้ผ้ทู เี่ ขา้ รับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ทไี่ ดร้ บั ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั และ
การปฏบิ ัตงิ านส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนกั ศึกษาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

ขอบขา่ ยเนอ้ื หาวชิ า
๑. นยิ ามและรูปแบบของการรังแกกัน
๒. การใหค้ วามรู้ ความเข้าใจทัศนคติทีถ่ ูกตอ้ งตอ่ การรังแกกนั
๓. ทกั ษะชีวติ พน้ื ฐานในการป้องกนั การรังแกกนั

กิจกรรมการเรียนรู้
๑. การบรรยาย
๒. การอภิปราย
๓. การแสดงบทบาทสมมตุ ิ

ส่ือการฝกึ อบรม
๑. เอกสารประกอบการฝึกอบรม
๒. สอื่ อิเล็กทรอนิกส์
๓. ใบงาน
๔. ทศั นูปกรณ์
๕. เกม เพลง

การวดั และประเมินผล
๑. การสังเกต
๒. การตอบแบบสอบถาม
๓. การซักถามและแสดงความคิดเหน็

๔๒

เนอื้ หาสาระสำหรับใช้ในการจดั การฝกึ อบรม

ขั้นตอนการดำเนินกจิ กรรม

๑. วทิ ยากรกลา่ วทกั ทายนักเรียนนกั ศกึ ษาทเี่ ข้าร่วมโครงการ

๒. วทิ ยากรบรรยายเนอื้ หาวิชาละจดั กิจกรรมตามหัวข้อตอ่ ไปนี้

นิยามและรปู แบบของการรงั แกกนั
การรังแกตามนิยามสากล มีลักษณะดงั นี้
๓. วทิ ยากรสรุปและซกั ถามความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั เนอ้ื หาวชิ าทีไ่ ดบ้ รรยายของวิทยากร
เป็นพฤติกรรมท่ีทำร้ายคนอ่นื
การรังแก เป็นพฤติกรรมท่ีทำให้เด็กที่เป็นผู้ถูกรังแกเกิดความเจ็บปวดต่อร่างกาย เกิดผลกระทบทาง
จิตใจ รู้สึกกลัว ทุกข์ หรือกระทบต่อการเข้าสังคม หรือการเรียน ทำลายช่ือเสียง หรือแย่งทรัพย์สิน หรือ
กอ่ ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ไม่ปลอดภยั ในโรงเรยี น โดยอาจเกดิ โดยความตงั้ ใจหรือไมต่ ั้งใจของเด็กผูร้ ังแกก็ได้
ผรู้ ังแกมอี ำนาจเหนือกวา่ ผ้ถู กู รังแก
การรังแกกันมักเกิดขึ้นโดยมีพ้ืนฐานมาจากผู้รังแกมีอำนาจบางอย่างเหนือกว่าอีกฝ่าย เช่น รูปร่าง
ใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า อายุมากกว่า ฉลาดกว่า มีกลุ่มเพ่ือนมากกว่า ฐานะดีกว่า ฐานะทางสังคมสูงกว่า หรือมี
ความแตกต่างทางศาสนา เช้ือชาติ เพศ เด็กท่ีมักพบเป็นเป้าหมายของการถูกรังแกคือ เด็กเพศหลากหลาย
เด็กพกิ ารและเดก็ ทม่ี คี วามตอ้ งการพิเศษ หรือเด็กทม่ี รี ูปลักษณแ์ ตกต่างจากเพ่ือน

รปู แบบของการรงั แกกัน มีดังน้ี

รูปแบบการรงั แกกนั พฤติกรรม ตัวอย่างพฤตกิ รรม

การรังแกกนั แบบ การรังแกกนั - ตบตี ชกต่อย เตะ ถีบ ผลัก ถม่ นำ้ ลาย
- ขโมยของ และทำลายทรัพย์สิน
เผชญิ หน้าหรอื ทางตรง ทางร่างกาย - เด็กผูช้ ายแกล้งเดก็ ผู้หญิง เช่น เปดิ กระโปรง

(face-to-face - ตง้ั ฉายา เรยี กชื่อบุพการี
- พูดถึงในทางเสยี หายหรือทำใหอ้ บั อาย
bullying; direct การรงั แกกัน - พูดลอ้ เลยี นจดุ อ่อนหรือปมด้อย เช่น รูปลักษณ์ สผี ิว เพศ เพศ
สภาพ
bullying) มพี ฤตกิ รรม ทางวาจา - พูดเสียดสที ำใหข้ ายหนา้
- พดู ดา่ หยาบคาย พูดข่มขู่ คุกคาม
รงั แกอย่างชัดเจน
- ไม่ให้เข้ากลมุ่ ไม่ให้รว่ มทำงานกลุม่ ทง้ิ ให้อยู่คนเดียว
ตอ่ หน้าผใู้ หญส่ งั เกตเห็น - ทำลายความสัมพนั ธ์ แยง่ เพื่อน
- ปล่อยขา่ วลือ
ไดง้ ่ายทส่ี ดุ - ทำให้คนอ่นื มองวา่ โง่ หรอื เป็นตวั ตลก
- ขม่ ขู่ แบลค็ เมล์
การรงั แกกนั แบบไม่ การรงั แกกัน - กระซิบกระซาบ นินทา

เปดิ เผย (convert ทางสังคมหรือ - การส่ือสารผ่านโลกออนไลน์ทที่ ำให้ผูอ้ ื่นหงุดหงิดใจ คุกคาม หรือ
อบั อาย
bullying; indirect ความสมั พนั ธ์ - การใช้อเี มล์ โทรศัพท์ สง่ ข้อความหรอื หนา้ เพจทางอนิ เตอรเ์ นต็
ทค่ี กุ คาม ทำรา้ ย ทำให้อับอาย หรือทำใหเ้ สอื่ มเสยี ชช่ือเสยี ง เสยี
bullying) เป็นการรงั แก

กนั ที่ปกปิดไม่ใหผ้ ใู้ หญ่

รับรู้ แมพ้ ฤติกรรม

เหล่าน้จี ะไมร่ นุ แรง การรงั แกกนั
แตส่ ง่ ผลกระทบ
ทางโลก

ทร่ี นุ แรงต่อเหยื่อมาก ออนไลน์

(online

๔3

รปู แบบการรงั แกกัน พฤตกิ รรม ตวั อยา่ งพฤตกิ รรม

bullying; ความสัมพันธ์ หรอื ทำใหไ้ มก่ ล้าเข้าสงั คม

cyberbullying) - การปล่อยข่าวลือ เหยยี ดหยาม ดถู ูก ใสร่ า้ ย ว่ารา้ ยผอู้ น่ื ทางสอ่ื

สังคมออนไลน์

- การแชรข์ ้อมลู ภาพถา่ ย หรือวิดีโอสว่ นตัวของผู้อ่ืน

- ขม่ ขวู่ า่ จะทำร้ายผู้อื่นผา่ นทางออนไลน์

รังแก - ก้าวรา้ ว - ล้อเลน่ ต่างกันอย่างไร
รังแก

การรงั แก ทัง้ ทางกาย วาจา สื่อสงั คมออนไลน์ และช่องทางอืน่ ๆ การรงั แกอาจเปน็ ลกั ษณะการใช้
พฤติกรรมกา้ วร้าวที่ผู้รังแกตั้งใจทำรา้ ยให้อกี ฝ่ายเจ็บปวด หรืออาจดเู หมอื นไม่ได้ใช้ความกา้ วร้าว เช่น การ
นนิ ทาว่าร้าย ปลอ่ ยขา่ วลอื ไม่รบั เข้ากลุ่มทำงาน ยใุ ห้เพ่ือนมองไมด่ ี รวมไปถึงพฤติกรรมรงั แกผา่ นส่ือสงั คม
ออนไลน์ เชน่ การโพสต์ข้อความหรือภาพล้อเลยี น

กา้ วร้าว
พฤติกรรมก้าวร้าว อาจมาจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ พฤติกรรมก้าวร้าว

แสดงออกทางกาย วาจา สังคม ความสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลกระทบกับร่างกาย จิตใจ ภาวะอารมณ์ และสุขภาพจิต
ของผู้ถกู รงั แก

ลอ้ เลน่
การล้อเลน่ เป็นไปไดท้ ง้ั พฤตกิ รรมทางบวกและทางลบ การลอ้ เล่นทางลบถือเปน็ การรงั แกแบบหน่งึ

การลอ้ เลน่ ทางบวก การลอ้ เล่นทางลบ

- สร้างความสนิทสนม ใกลช้ ิด - ทำให้อีกฝ่ายอบั อาย ไม่กลา้ เข้ากลุ่ม หรือวิพากษว์ ิจารณ์
- คนถกู แกล้ง ไมร่ สู้ ึกแย่ - คนถกู ล้อเลน่ รสู้ กึ แย่
- มักใช้กับคนทสี่ นิทสนม - มกั ทำกบั คนที่ไมส่ นิท
- ช่วยให้สนิทกันมากข้ึน - ทำใหค้ วามสัมพนั ธแ์ ย่ลง

๔๔

ผลกระทบจากการรังแกกัน
เดก็ ท่ีเก่ียวข้องกับการรังแกกัน ไม่วา่ จะเปน็ ผู้ที่ถูกรังแก ผรู้ งั แก หรือเป็นท้งั สองบทบาท มแี นวโนม้

ที่จะมีปญั หาสขุ ภาพจติ มากกวา่ เด็กทวั่ ไป (Evans, et.al., 2014) โดยปญั หาสขุ ภาพจิตที่พบบ่อยจากการ
รังแกกัน ดงั ตารางต่อไปน้ี

ผรู้ ังแก ผู้ถกู รงั แก

- ปัญหาพฤติกรรม เชน่ ต่อต้านสงั คม เกเร - ปญั หาทางอารมณ์จิตใจ
- กา้ วรา้ ว - วิตกกังวล
- กระทำผิดกฎโรงเรียน ผิดกฎหมาย - มีอาการทางกายทม่ี าจากปัญหาอารมณ์จติ ใจ
- มปี ระสบการณ์มีแฟนก่อนวัยอันควร (somatization)
- พฤตกิ รรมคกุ ตามทางเพศ - มีพฤติกรรมแยกตวั
- ปญั หาการเรยี น ออกจากโรงเรยี น - ตกเปน็ เหยื่อการคุกคามทางเพศ
- ปัญหาทางอารมณจ์ ิตใจ เช่น วิตกกงั วล - ก้าวร้าว
- ตกเป็นเหย่ือของการรงั แก - เพอ่ื นๆ มองว่าเปน็ คนทนี่ า่ แกลง้ หรือถูกแกล้ง
- มภี าพลักษณ/์ ฉายาท่ีไม่ดใี นหมู่เพ่ือน ง่ายๆ
- มีปัญหาสุขภาพจติ ต่อเนือ่ งจนถงึ วยั ผู้ใหญ่ - มปี ัญหาทโี่ รงเรียน เช่น ไมไ่ ปโรงเรยี น ไมม่ ีสมาธใิ น
การเรยี น ออกจากโรงเรยี น


Click to View FlipBook Version