The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มสูจิบัตรรวมผลงานแสดงนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ ประจำปี 2566 SILPA Creative Works Exhibition 2023
จัดแสดงผลงานเมื่อวันที่ 15-30 กันยายน 2566 ณ หอศิลปะและการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by APINAN_DESIGN, 2023-11-08 06:38:56

SILPA 2023

เล่มสูจิบัตรรวมผลงานแสดงนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ ประจำปี 2566 SILPA Creative Works Exhibition 2023
จัดแสดงผลงานเมื่อวันที่ 15-30 กันยายน 2566 ณ หอศิลปะและการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพ

FACULTY | 99 โพ.ธิ.ก (สติสมาธิปัญญา ความสุข) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชาติชาย คันธิก | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ต้นโพธิ�เป็นต้นไม้ที�มีความสำคัญอย่างยิ�งในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นต้นไม้ที� พระพุทธองค์ประทับและตรัสรู้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยสาเหตุนี�ต้นโพธิ� จ่งเป็นที�เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั�งแต่สมัยพุทธกาล ในทางพุทธศาสนา คำว่า “ต้นโพธิ�” มิได้หมายถ่งชื�อพันธุ์ไม้ทั�วไป แต่เป็นชื�อเรียกเฉพาะต้นไม้ที� พระพุทธเจ้าประทับใต้ร่มเงาขณะตรัสรู้ คำว่า “โพธิ” หมายถ่งการตรัสรู้ดังนั�น พระอดีตพุทธเจ้า พระสมณโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) และพระอนาคต พุทธเจ้า ต่างทรงตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ�ทั�งสิ�น แต่เป็นต้นโพธิ�ที�ต่างสายพันธุ์กันออกไป เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย พระอนาคตพุทธเจ้า จะตรัสรู้ใต้ต้นกากะทิง พระ สมณโคดมหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ หรือโพใบ ซ่�ง เป็นไม้ในสกุล Ficus religiosa L. วงศ์ MORACEAE มีใบคล้ายรูปหัวใจ ดังนั�น พันธุ์ไม้ชนิดนี�ปัจจุบันจ่งนิยมเรียกกันว่าต้นโพธิ� (กรมศิลปากร, 2563) โพธิ�เป็นต้นไม้ยืนต้นที�มีขนาดใหญ่ มักถูกปลูกไว้ตามวัดวาอารามเพื�อเป็นร่มเงา ให้กับผู้คน และสัตว์ต่างๆ ได้อาศัยพ่�งพิง ลำต้นใหญ่แตกกิ�งก้านสาขามากมาย ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมและมีติ�งหรือหางยาว โคนใบมนเว้า เข้าหาก้านใบเป็นรูปหัวใจ เราจ่งมักพบเห็นการนำรูปลักษณ์ของต้นโพธิ�และใบ โพธิ�ในงานศิลปะไทยเพื�อแสดงความเลื�อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาและใช้เป็น สัญลักษณ์ของความร่มเย็น แต่สำหรับโพธิ�ของข้าพเจ้า คือ “คันธิก” เป็นร่มโพธิ� ที�ได้สร้างข้าพเจ้าข่�นมา และหล่อหลอมในสิ�งที�ดีงามจากอดีตจนถ่งปัจจุบัน ดังนั�นผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�จ่งมีวัตถุประสงค์ในการนำเทคนิคการสลักดุนแบบ นูนต�ำและนูนสูงบนโลหะเงินและโลหะทองแดง รวมถ่งเทคนิคการการฉลุลาย จากนั�นใช้ครั�งแดงเป็นตัวประกอบชิ�นงานเงิน และทองแดงเข้าด้วยกัน มาเป็น เทคนิคสำคัญในการสื�อสารความงามเพื�อสร้างสรรค์ผลงาน โพ.ธิ.ก ชิ�นนี�ข่�นมา ด้วยสติสมาธิ ปัญญา จนเกิดเป็นผลงานที�ให้ความรู้ส่กถ่งความสุขในการ สร้างสรรค์ที�ประณีต และละเอียดอ่อน สะท้อนการค่อยๆ สร้างความดีงาม สร้างความสุข อย่างมีสติของข้าพเจ้า ผลงานสร้างสรรค์นี�แสดงถ่งคุณค่าทางความงามของการนำใบโพธิ�มาเป็นสื�อใน การสร้างสรรค์อย่างประณีตเพื�อสะท้อนถ่งคุณค่าของการทำงานด้วยความสุข จากสติ สมาธิ และปัญญา อีกทั�งยังแสดงออกถ่งองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมด้าน ทักษะฝีมือที�ถ่ายทอดผ่านทางเทคนิคงานช่างสิบหมู่โบราณเพื�อให้ผู้คนได้ ประจักษ์ถ่งคุณค่าของงานประณีตศิลป์ไทยที�มีความอ่อนช้อย มีการจัดวางองค์ ประกอบศิลป์ที�มีเอกภาพและความกลมกลืนในชิ�นงาน 25 x 18 x 1 ซม. | เทคนิคการสลักดุนบนโลหะเงิน และโลหะทองแดง Outstanding Creativity


100 | FACULTY ลานวัดนางนอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูวนาท รัตนรังสิกุล | [email protected]หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบันฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบเชิงวัฒนธรรม คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชุมชนเก่าแก่ในเมืองหลวงได้ถูกหลอมรวมภูมิทัศน์วัฒนธรรมให้คล้ายคล่งกัน ท่ามกลางครรลองโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ที�ดูเหมือนว่ายิ�งพัฒนาความ เจริญเท่าใด ความล่มสลายของชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ�นก็ยิ�งเกิดข่�น จ่งควรมีทาง เลือกแนวทางอื�นเพื�อทำให้ฟ้�นฟูพลังและศักยภาพในการเรียนรู้เพื�ออยู่รอดร่วม กันในท้องถิ�นอันเป็นการ “วัฒนา” จากภายใน แทนการอาศัยสิ�งสนับสนุนการ “พัฒนา”จากภายนอก เรียกว่า “ท้องถิ�นวัฒนา (Localization)” (ศรีศักร วัลลิ โภดม, 2554) แนวคิดทางสังคมวิทยาเรื�องท้องถิ�นวัฒนา เป็นแนวทางหน่�งในการที�จะแก้ไขปัญหาความเสื�อมทรามของความสัมพันธ์ในชุมชน และรักษาไว้ซ่�ง ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ�นต่อไป ผู้ วิจัยได้หยิบยก พื�นที�ย่าน “ชุมชนวุฒากาศ” เพราะเป็นชุมชนที�มีประวัติความเป็น มายาวนาน มีความรุ่มรวย หลายหลายทางศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ�น การสืบค้น ปัจจัยการดำรงอัตลักษณ์ท้องถิ�นผ่านทาง “วัตถุพยานทางวัฒนธรรม” ทั�งส่วนที� เป็นรูปธรรม และมรดกทางภูมิปัญญาที�จับต้องไม่ได้ จะช่วยคัดสรรวัตถุพยานฯ เพื�อเก็บรักษา อนุรักษ์ แก่นสาระทางวัฒนธรรมท้องถิ�น และใช้องค์ความรู้ทาง ด้านศิลปะการออกแบบ เพื�อทำให้วัตถุพยานฯ เหล่านั�นเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรม ที�สามารถสร้างรายได้และเน้นย�ำตัวตนของชุมชน ควบคู่ไปกับการประยุกต์เป็น พื�นที�สร้างสรรค์กลางเมืองที�สอดคล้องกับพลวัตรท้องถิ�นในบริบทร่วมสมัย เมื�อ เกิดแนวคิดสนับสนุนพื�นที�สร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรรมท้องถิ�นของชุมชน จากการศ่กษาวิจัยพบว่า ปัจจัยหลักข้อหน่�งในการเกิดอัตลักษณ์ท้องถิ�นคือ “กระบวนการปรับปรนเป็นท้องถิ�น” (localization of cultural elements) (ศรีศักร วัลลิโภดม, 2554) ผู้วิจัยหยิบยกภาพจำของจิตรกรรมฝาผนัง ซ่�งมี “เอกลักษณ์ไทยกระแสหลัก” อันย่ดโยงกับสถาบันหลักของชาติ เนื�องจากเนื�อหา เกี�ยวกับสมมุติเทพและสถานะหน่อพุทธางกูร มาสร้างใหม่เป็นงานสร้างสรรค์ ของท้องถิ�น โดยใช้ทัศนธาตุจากการสำรวจวัตถุพยานในพื�นที� เช่น การละเล่น กระตั�วแทงเสือ เรือนไม้เก่าริมน�ำ ชมพู่มะเหมี�ยวซ่�งเป็นต้นไม้ประจำถิ�น เป็นต้น รวมทั�งพัฒนาประโยชน์ใช้สอยหลักจากภาพประดับผนังที�มืดท่ม ให้กลายเป็นไฟ ส่องสว่างไปในตัวตามบริบทปัจจุบันที�บ้านเรือนแออัด ไม่สามารถเปิดช่องแสง ธรรมชาติได้เต็มที� วัตถุประสงค์ : เพื�อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบสำหรับชุมชนวุฒากาศ ใช้ตกแต่ง พื�นที�สร้างสรรค์ของชุมชนและทำซ�ำเพื�อจำหน่าย อภิปรายผล : งานสร้างสรรค์ชิ�นนี�เป็นเพียงส่วนหน่�งของพื�นที�สร้างสรรค์เชิง สาธารณะของชุมชน เพื�อสามารถใช้ทำกิจกรรมเพื�อรื�อฟ้�นประเพณีท้องถิ�น อาหารการกิน วิถีชีวิตริมคลอง รวมทั�งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที�สะท้อนอัตลักษณ์ ท้องถิ�นด้วย โดยมีเป้าหมายให้เกิดแนวทางการประยุกต์แนวคิดท้องถิ�นวัฒนา มาทดลองใช้จริง70 x 70 ซม. | โคมไฟประยุกต์จากจิตรกรรมไทย เอกสารอ้างอิง ภูวนาท รัตนรังสิกุล. 2566. การวิจัยเพื�อจัดการหลักฐานพยานทางวัฒนธรรมชุมชนวุฒากาศ กรุงเทพฯ ตามแนวคิดท้องถิ�นวัฒนา. รายงานวิจัย. คณะมัณฑนศิลป์. มหาวิทยาลัยศิลปากร. ศรีศักร วัลลิโภดม. (2562) การเข้ามาของพระพุทธศาสนาและระบอบราชามหากษัตริย์ใน สุวรรณภูมิ. เมืองโบราณ. ปีที� 45. ฉบับที� 4. หน้า 6 ศรีศักร วัลลิโภดม. (2554). พัฒนาการทางสังคม-วัฒนธรรมไทย. เมืองโบราณ, กรุงเทพ)


FACULTY | 101 87 x 62 ซม. | การทอจก เอกสารอ้างอิง 1 อคิน รพีพัฒน์.(2551). วัฒนธรรมคือความหมาย : ทฤษฎีและวิธีการของคลิฟฟอร์ด เกียร์ ซ.กรุงเทพฯ:ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). 2 สมภพ จงจิตต์โพธา. (2566). ทฤษฎีสี.กรุงเทพฯ: วาดศิลป์ เรียง-ลาย: จก อาจารย์วรุษา อุตระ | [email protected] คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วัฒนธรรมผ้าทอไทยวนมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ซ่�งลวดลายที�ปรากฏบน ผ้าทอมักเป็นลวดลายที�จดจ้าสืบต่อกันมา หรือได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ รวมทั�งสีสันที�ปรากฏก็เป็นวัฒนธรรมส่วนหน่�งของชีวิตที�อยู่รอบตัวเราและมี สภาพเป็นสัญลักษณ์โดยมนุษย์เป็นผู้ก้าหนด1 เมื�ออดีตลวดลายเหล่านี�เป็นตัว แสดงฐานะตัวตนของชาติพันธุ์ผ่านทางผ้าซิ�นในงานเทศกาลต่างๆ สีสันลวดลาย จ่งนิยมการใช้สีแท้ที�ตัดกันอย่างรุนแรง ซ่�งปัจจุบันการบริโภคผ้าเปลี�ยนไปนิยม นุ่งผ้าซิ�นน้อยลงไปตามยุคสมัย และผ้าทอถูกเปลี�ยนมาเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม หากเราจ้าแนกและด่งลวดลายสีสันในวัฒนธรรมผ้าทอที�เรารับรู้อย่างคุ้นชินมาใช้ร่วมกับทฤษฎีทางศิลปะและแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื�อสร้างชุดสีที�ใช้ เป็นแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าในบริบทใหม่เพื�อเป็นการอนุรักษ์และ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าทอท้องถิ�นกระแสศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที�เชื�อมโยงกับวิถี ชีวิตและชุมชนไทยวน ต.คูบัว จ.ราชบุรี ผลงาน “เรียง-ลาย : จก”เป็นหน่�งในชุดชิ�นงานสร้างสรรค์ โครงการวิจัยย่อยที� 1 “ไท-ยวน : มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าทอสู่การสร้างชุดสีเพื�อประยุกต์ ใช้ในบริบทใหม่ กรณีศ่กษา ต.คูบัว จ.ราชบุรี” เป็นต้นแบบการสร้างสรรค์ชิ�น งานหน่�งในกลุ่ม 3 สี กลุ่มชุดสีพาสเทล (Pastel) เพื�อน้าผ้าจกไปประยุกต์ใช้เป็น แนวทางการออกแบบสร้างสรรค์และต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าทอไท-ยวนในบริบท ใหม่ วัตถุประสงค์ 1) ศ่กษารูปแบบของโครงสีและลวดลายของวัฒนธรรมผ้าทอ ไทยวน ต.คูบัว จ.ราชบุรี 2) วิเคราะห์วัฒนธรรมผ้าทอชาติพันธุ์ไท-ยวน ต.คูบัว จ.ราชบุรี เพื�อค้นหาอัตลักษณ์ของสีในลวดลายและสีบนโครงสร้างผ้า 3) สร้าง ชุดสีเพื�อน้าไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางการออกแบบสร้างสรรค์และต่อยอด ผลิตภัณฑ์ผ้าทอไท-ยวนในบริบทใหม่ ลวดลายและสีสันบนผ้าซิ�นตีนจกบริบทในอดีตเป็นตัวแสดงฐานะตัวตนของ ชาติพันธุ์รวมทั�งเป็นการตกแต่งและอวดประชัน ดังนั�นการใช้สีจ่งนิยมการใช้สี แท้ที�ตัดกันอย่างรุนแรง ซ่�งโครงสีที�เป็นเอกลักษณ์ตามประเพณีนิยมของวัฒนธรรม ผ้าทอไทยวน ต.คูบัว จ.ราชบุรี ได้แก่ สีแดง ด้า เขียว น�้าเงิน และแซมด้วย เหลือง ซ่�งเป็นสีสด หรือในทางทฤษฎีศิลป์ คือ ค่าความเข้มของสี (intensity) จัด โดยผ่านทางผ้าซิ�นซ่�งปัจจุบันนิยมนุ่งน้อยลงไปตามยุคสมัย การออกแบบชุด สีให้เข้ากับบริบทใหม่ในปัจจุบันให้มีความร่วมสมัยและสามารถเข้าถ่งและใช้งาน ได้ง่าย โดยใช้ทฤษฎีค่าความเข้มของสี (intensity) ด้วยการลดค่าความเข้มของ โครงสีเอกลักษณ์ตามประเพณีโดยการใช้สีขาว ที�เรียกว่า สีอ่อน หรือสีจาง (Tint) เข้าไปผสม กลายเป็นกลุ่มสีพาสเทล (Pastel)2 เพื�อสร้างความรู้ส่กผ่อนคลาย และยังคงกลิ�นอายและความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอไทยวน ผลงานสร้างสรรค์ “เรียง-ลาย : จก” เป็นชุดรองภาชนะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากลายจก 8 ลาย หลักดั�งเดิม ทอด้วยวิธีการจกเพื�อให้เกิดผิวสัมผัสที�คงเอกลักษณ์ของผ้าจก แต่ ใช้เส้นด้ายในการทอที�มีขนาดใหญ่ข่�นในการจกเพื�อให้ลายมีขนาดใหญ่สร้าง แรงด่งดูดทางสายตาและช่วยร่นระยะเวลาในการทอ และเสริมด้านหลังด้วย แผ่นแม่เหล็กเพื�อเปลี�ยนหน้าที�ของลายผ้าที�ใช้ประดับตกแต่งอยู่แค่บนเสื�อผ้าเป็น ของประดับตกแต่งบ้าน ที�ผู้ใช้สามารถน้ามาติดบนแผ่นเหล็กที�เป็นกรอบรูปหรือด่งออกมาใช้ประโยชน์เป็นที�รองภาชนะต่างๆ อาทิ จาน ชาม แก้วน�้า ช่วยประดับตกแต่งบ้านเรือนและช่วยในการจัดเก็บ เพื�อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในภาพลักษณ์ใหม่ Outstanding Social,Environment & Culture Impact


102 | FACULTY ศรัทธา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประกรณ์ วิไล | [email protected] สาขาวิชาเทคโนโลยีเซรามิกส์ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อการจัดการศ่กษาทาง เซรามิกโดยตรง เนื�องจากไม่สามารถสอนวิชาปฏิบัติด้วยวิธีออนไลน์ได้ จ่งได้ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการ “ทำงานให้ดู” เพื�อเป็นการสร้างแบบอย่างใน การสร้างสรรค์ผลงานเซรามิกภายใต้ข้อจำกัดทั�งเครื�องมือเครื�องจักรและ ทรัพยากรอื�นๆ จ่งเลือกวิธีการข่�นรูปด้วยมือและเคลือบด้วยเคลือบขี�เถ้าที�เป็น เคลือบพื�นฐาน แนวความคิด เป็นการตีความของ “ไตรสรณคมน์” ในความหมายใหม่คือ “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.. ขอเป็นแบบอย่างในการทำคุณงามความดี ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ.. ขอสร้างวิธีเพื�อแนะนำพร�ำสอน สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ.. ขอลงมือทำ ไม่บ่ายเบี�ยงไม่เกี�ยงงอน เป็นครูสอน คนปั�นคน ด้วยศรัทธา..” และยังได้ตีความ “พระรัตนตรัย” ที�หมายถ่ง “พุทธ..ตื�นรู้คิดให้ออกว่าควรทำอะไร ธรรม..แสวงหาองค์ความรู้และวิธีการ และ สังฆ..ลงมือปฏิบัติ” (โชติ พรหทวิหาร,พระครู: 2560) จ่งสรุปว่าควรปั�นเป็นองค์พุทธปฏิมา โดยสร้างรูปทรงที�เรียบง่าย รายละเอียดน้อย ให้ดูสงบและเป็นหน่�งเดียวกับธรรมชาติจากองคาพยพแห่งธาตุทั�งสี� คือการก่อ รูปจากดิน แปรเปลี�ยนสภาวะอ่อนแข็งด้วยน�ำ แห้งด้วยลมและเผาด้วยไฟ ผลงานสร้างสรรค์ที�ได้คือ “พุทธปฏิมา” ในชื�อผลงานคือ “ศรัทธา” ที�ค่อยๆ บรรจงบีบดินข่�นรูปด้วยมือจากฐานล่างก่อรูปข่�นไปทีละนิด ค่อยๆ หมุนค่อยๆ ดัด จนได้รูปทรงที�สมมาตรและได้สัดส่วน โดยไม่มีการวัดหรือกำหนดขนาดแต่ อย่างใด และจากการบีบข่�นรูปที�ต้องทำซ�ำแล้วซ�ำอีกเป็นพันเป็นหมื�นครั�ง จนก่อ ให้เกิดสภาวะของ ”สมาธิ” ที�ตา มือ และสมอง ทำงานเป็นหน่�งเดียวกัน ลม หายใจที�แผ่วเบาผสานกับจังหวะการบีบหมุนวนเคลื�อนไหวไปเรื�อยๆ ช้าๆ ช่วย ให้จิตสงบและผ่อนคลาย และเมื�อถ่งขั�นตอนการเผาก็ให้ธรรมชาติเป็นผู้กำหนด ผลที�ได้คือสีและเนื�อจากดินและเคลือบธรรมชาติ ผลสัมฤทธิ�หาได้อยู่แค่เพียงชิ�น งานไม่ หากแต่ก่อให้เกิดโอกาสแก่ผู้สร้างสรรค์จนนำไปสู่การได้รับเชิญเข้าร่วม กิจกรรมปฏิบัติการสร้างสรรค์เซรามิกทั�งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื�องถ่งสี� ครั�งในช่วงเวลาอันสั�น ซ่�งเป็นแบบอย่างให้ผู้เรียนได้เห็นว่า “ถ้าลงมือทำก็ย่อม สำเร็จ” จ่งสรุปได้ว่า “การเป็นเบ้าแบบที�ดีย่อมสร้างอานิสงส์ให้คนอื�นเป็นคนดี.. การศ่กษาวิจัยเพื�อสร้างองค์ความรู้คือหน้าที�ของคนสร้างคน การลงมือปฏิบัติคือ การรู้จริง... และ... หยุดพูดได้แล้วไปทำซะ” ข้อเสนอแนะ: หากไม่รู้ว่าจะเริ�มต้นอย่างไร ควรลองสัมผัสบีบนวดดินและรับรู้ถ่ง สภาวะของดินทั�งความอ่อนนุ่ม เย็น และมีกลิ�นหอม ตัดสิ�งรบกวนออกจากจิตใจ และรู้แค่ว่าจะปั�นสิ�งใดสิ�งหน่�ง ใช้วิธีที�ตนถนัดและลงมือปั�น ผลเป็นอย่างไรก็ให้ เป็นไปตามที�มันจะเป็น และให้เข้าใจว่า “ดินเลือกเราให้เป็นผู้ก่อรูป ผลอาจไม่ เป็นดั�งใจปรารถนา แต่อาจค้นพบสิ�งที�เกินคาดคิดไว้” 25 x 83 ซม. | Handbuilt/Celadon Glaze Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 103 Green Peacock and Lotus ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภิญญา วิไล | [email protected] สาขาวิชาเทคโนโลยีเซรามิกส์ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา งานเครื�องปั�นดินเผาพื�นบ้าน บ้านเหมืองกุง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ น�ำต้น ดินเผาบ้านเหมืองกุงเป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที�มีชื�อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ มายาวนานกว่า 200 ปี แล้ว ถือได้ว่าน�ำต้นเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาที�แสดง ขนบธรรมเนียม ประเพณีในการต้อนรับอาคันตุกะ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ด้วยยุคสมัยที�เปลี�ยนไป น�ำต้นที�เผาอุณหภูมิต�ำ มีการดูดซ่มน�ำมาก จ่งไม่นิยมใช้ ใส่น�ำเพื�อบริโภค ในปัจจุบันจะใช้น�ำต้นในพิธีกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีในชุมชน และของตกแต่งสวน ไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายแล้ว จ่งขายได้น้อย และราคาถูก ทำให้ทายาทของช่างปั�น หันไปประกอบอาชีพอื�น ทำให้เสี�ยงต่อ การล่มสลายของอาชีพภูมิปัญญาในท้องถิ�น จ่งมีความสนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเผาในอุณภูมิสูงข่�น ซ่�งจะช่วยลดอัตราการดูดซ่มน�ำ มีการใช้เคลือบ และการตกแต่งลวดลายด้วยสีใต้เคลือบให้สวยงาม เพื�อเพิ�มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ จากการลงพื�นที�ชุมชนหัตถกรรมเครื�องปั�นดินเผาพื�นบ้าน บ้านเหมืองกุง อำเภอ หางดง จังหวัดเชียงใหม่ และทราบปัญหาทางด้านการตลาดของชุมชน จ่งมี แนวคิดในการพัฒนาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงใหม่ โดยใช้วัตถุดิบหลักคือเนื�อดินปั�น ที�ใช้ข่�นรูปผลิตภัณฑ์ของชุมชน ผสมดินเชื�อ (Grog) จากดินดำแม่ริม ปริมาณ ร้อยละ 10 เพื�อช่วยลดการหดตัวหลังการเผา และลดการบิดเบี�ยว ข่�นรูปด้วยมือ และทาผิวด้วยน�ำดินดำแม่ริม (engobe) บริเวณที�จะตกแต่งด้วยสีใต้เคลือบเพื�อ รองพื�นทับสีเนื�อดินที�เข้ม โดยเว้นส่วนปากและส่วนล่าง เมื�อผลิตภัณฑ์แห้งจ่งนำ ไปเผาดิบที�อุณหภูมิ 750 ้C จากนั�นนำผลิตภัณฑ์ที�ผ่านการเผาดิบ มาเขียน ลวดลายด้วยสีใต้เคลือบ แบ่งพื�นที�ผลิตภัณฑ์เป็น 4 ส่วน สำหรับเขียนลวดลาย โดยใช้ลวดลายนกยูงและลวดลายดอกบัวมาตกแต่งสลับช่อง ซ่�งลวดลายนกยูง สื�อความหมายถ่ง ความสง่างาม ความสูงส่ง และตัวแทนแห่งความมงคล และ ลวดลายดอกบัว สื�อความหมายถ่งความดีงามและความศรัทธา โทนสีที�ใช้ตกแต่งคือสีเขียวอมน�ำตาล ซ่�งบริษัท Pantone ได้กำหนดโทนสีกลุ่มคลาสิกในปี 2023 คือสีเขียวอมน�ำตาล (Leek Green) ที�ให้ความรู้ส่กสงบและทำให้น่กถ่งพืชผัก ต่างๆ และเป็นธรรมชาติ ผลงานสร้างสรรค์ Green Peacock and Lotus นี�เป็นผลิตภัณฑ์ที�พัฒนาต่อยอด จากเครื�องปั�นดินเผาพื�นบ้าน บ้านเหมืองกุง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที� เพิ�มมูลค่าจากน�ำต้นและหม้อน�ำ โดยใช้วัตถุดิบเดียวกันกับที�ชุมชนใช้ และข่�นรูป ด้วยมือ เป็นรูปทรงใหม่ที�ต่างไปจากเดิม มีการเขียนลวดลายนกยูงและดอกบัว ด้วยสีใต้เคลือบสีเขียวอมน�ำตาล โดยพื�นผิวที�ทาน�ำดินให้สีขาวนวลซ่�งตัดกับสี เนื�อดินสีน�ำตาลแดง และตัดกับสีใต้เคลือบสีเขียวอมน�ำตาล ช่วยให้ลวดลายมี ความเด่นชัด อีกทั�งผิวน�ำเคลือบที�มันเงาตัดกับผิวเนื�อดินสีด้าน และด้วยสมบัติที� ดูดซ่มน�ำน้อย สามารถใช้ตกแต่งบ้านและอาคาร โดยผู้สร้างสรรค์สามารถ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ชุมชน เพื�อให้ชุมชนสามารถผลิตได้ 28 x 39 ซม. | Hand Built/ Underglaze Painting


104 | FACULTY ผลึกข้าวก ํ่ า อาจารย์ ดร.นพวรรณ เดชบุญ | [email protected] สาขาวิชาเทคโนโลยีเซรามิกส์ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปัจจุบันเคลือบผล่กได้รับความนิยม เนื�องจากมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สามารถเติบโตมีขนาดใหญ่ในเคลือบได้ดี สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และผล่กมีรูปร่างที�แตกต่างกันข่�นอยู่กับวัตถุดิบในระบบเคลือบ การสร้างสรรค์ เคลือบผล่กในงานเซรามิกส์ อาศัยปัจจัยในการควบคุม ดังนี� 1) สูตรเนื�อดินที�ใช้ ซ่�งจะเกี�ยวข้องกับค่าสัมประสิทธิ�การขยายตัวทางความร้อน (Coefficient of thermal expansion: COE) ระหว่างเนื�อดินกับเนื�อเคลือบ 2) อุณหภูมิในการ เผา เพื�อให้เกิดการละลายของเนื�อแก้วได้ดี นอกจากนี�การสุกตัวของเนื�อดินก็จะมีผลต่อการเกิดผล่กด้วยเช่นกัน 3) เวลาในช่วงการยืนไฟ เป็นช่วงที�สำคัญ คือ การเย็นตัวของเนื�อเคลือบ โดยการลดอุณหภูมิลงไปถ่งช่วง 1050-1100 ้C หลัง จากนั�นจ่งทำการยืนไฟที�อุณหภูมินี�ต่อประมาณ 3-5 ชั�วโมง เพื�อให้เริ�มการเกิด นิวคลีเอชั�นของผล่ก เมื�อยืนไฟครบตามที�กำหนดก็จะได้ผล่กดอกใหญ่อยู่บนผิว เคลือบ 4) ปริมาณของวัตถุดิบกลุ่มด่างหรือฟลักซ์ เพื�อให้น�ำเคลือบมีการไหลตัว ได้ดี มีค่าความหนืดต�ำที�อุณหภูมิจุดสุกตัวและลดความต่งผิวของเคลือบได้ เพื�อ ที�นิวคลีไอของตัวที�เกิดผล่กเกิดการเจริญเติบโตได้ดี 1 ดังนั�นผลงานสร้างสรรค์ “ผล่กข้าวก�ำ” มีวัตถุประสงค์เพื�อสร้างสรรค์ผล่ก โดยนำเถ้าแกลบข้าวเหนียวดำ หรือข้าวก�ำของโรงสีข้าวในภาคเหนือทดแทนแร่ซิลิกาที�เป็นสารเคมี สามารถลด ต้นทุนการผลิตและเป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม ผล่กข้าวก�ำ เกิดจากการนำเถ้าแกลบข้าวเหนียวดำหรือข้าวก�ำที�มีปริมาณซิลิกา สูงทดแทนแร่ซิลิกาที�เป็นสารเคมีในสูตรเคลือบ ซ่�งเป็นวัตถุดิบเหลือทิ�งทางการ เกษตร สามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิต และเป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม ในเคลือบ ระบบ Na 2 O-K 2 O-Li 2 O-CaO- (ZnO)-Al 2 O 3 -SiO 2 และเติม สารให้สีประเภทออกไซด์ของแร่ธาตุนิลเกิลและแมงกานีส เผาในบรรยากาศ ออกซิเดชั�นหรือการเผาไหม้แบบสมบูรณ์ โดยใช้เนื�อดินสโตนแวร์ เผาที�อุณหภูมิ 1250 ้C หลังจากนั�นลดอุณหภูมิลงไปถ่งที� 1100 ้C และทำการยืนไฟที�อุณหภูมิ นี�ต่อเป็นเวลา 3 ชั�วโมง 2 จากนั�นปล่อยให้เย็นตัวลงอย่างช้าๆ จ่งเกิดการตกผล่ก เป็นผล่กข้าวก�ำข่�นในเคลือบเซรามิกส์ที�เป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม กระบวนการ ตกผล่กข้าวก�ำเกิดจากการรวมตัวกันระหว่าง ZnO กับ SiO 2 ที�ได้จากเถ้าแกลบ ข้าวก�ำ เกิดนิวคลีเอชั�นของผล่กข่�นในเคลือบ เป็นผล่กชนิดวิลเลไมต์ (2ZnO. SiO 2) ที�มีโครงสร้างผล่กแบบไตรโกนอล รอมโบฮีดรัล (Trigonal-rhombohedral)3 ที�มีผล่กรูปเข็มขนาดเล็กสีน�ำเงินและสีขาวกระจายตัวอยู่บนพื�นเคลือบ สีน�ำตาล นอกจากนี�เคลือบผล่กข้าวก�ำยังปรากฏโทนสีไล่ระดับจากการไหลตัว ของเคลือบได้อย่างลงตัว เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 ซม. สูง 44 ซม. | เคลือบผล่กด้วยเถ้าแกลบข้าวก�ำ เอกสารอ้างอิง1 Nophawan, D., Apinon, N., Cherdsak, S., Sakdiphon, T., “Influence of Lithiu m Oxide on the Characteristics and Mechanical Property in Willemite Crystal Glazes,” Key Engineering Materials, 1662-9795. 2 Nophawan, D., Sakdiphon, T., Apinon, N., Cherdsak, S., “The Development and Characterization of Willemite Crystal Glazes Used for Porcelain,” Thailand Chemical Engineering and Applied Chemistry (TIChE) International Conference 2018, @A-ONE The Royal Cruise Hotel Pattaya, Thailand, November 8-9, 2018. 3 Nophawan, D., Sakdiphon, T., Apinon, N., Cherdsak, S., “Effect of Soaking Time on the Crystal Size and Microstructure of Willemite Crystal Glazes,” The 11th National and International Conference, Suan Sunandha Rajabhat University, Bangkok, Thailand, March 27, 2020.


FACULTY | 105 ISAN POP: DANKWIAN POTTERY ผู้ช่วยศาสตราจารย์ราชา ธงภักดิ� | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ISAN POP : DANKWIAN POTTERY เป็นการนำภูมิปัญญาดั�งเดิม และการใช้ ทรัพยากรที�มีอยู่ภายใต้แนวความคิดเป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อมในชุมชนด่านเกวียน มาสร้างคุณค่าใหม่ให้กับงานผลิตภัณฑ์เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน สอดคล้องกับ การเติบโตของวิสาหกิจด้านความคิดสร้างสรรค์ การน้าทุนทางวัฒนธรรมและ ทางความคิดมาสร้างคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจประยุกต์ที�ใช้องค์ความรู้จากวัฒนธรรม และภูมิปัญญา โดยมีวัตถุประสงค์เพื�อนำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ ในการออกแบบ ผลิตภัณฑ์เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน โดยการออกแบบนี� ได้มีการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์จากรูปทรงของกระป๋อง อันมีแนวคิดมาจากศิลปะ POP ART ตกแต่ง ด้วยลวดลายรูปสัตว์มงคลจากลวดลายบนผืนผ้าอีสาน แฝงไว้ด้วยความร่วมสมัย เพื�อให้ยังคงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอีสาน แนวความคิด กระบวนการสร้างสรรค์ ได้นำลวดลายผ้าอีสานมาออกแบบเป็นลวดลายบนผลิตภัณฑ์เครื�องปั�นดินเผา โดยนำลวดลายสัตว์มงคลที�อยู่บนผืนผ้ามาออกแบบเพื�อนำไปตกแต่งบนผลิตภัณฑ์ การออกแบบลวดลายสัตว์บนผืนผ้า เป็นการนำรูปสัตว์มาดัดทรวดทรงให้เป็นเหลี�ยม เพื�อให้เข้ากับลายเรขาคณิต นิยมทำกันทั�วไปทั�งในผ้ามัดหมี� ผ้าขิด ผ้าจก ส่วนใหญ่จะพบอยู่ตามชายผ้าในผ้า มัดหมี� (สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2563: 42) ลวดลายสัตว์ที�นำมาตกแต่งมีคติความเชื�อแฝง ดังนี� ลายช้างและลายม้า มีคติความเชื�อแฝงเรื�องอำนาจบารมี ลายกวางและลายไก่ มีคติความเชื�อแฝงเรื�องความสวยงามและความขยัน ได้นำเอกลักษณ์ของสัตว์แต่ละชนิดมาลดทอนรูปทรง 15 x 15 x 22 ซม. | เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน ข่�นรูปด้วยแป้นหมุน เอนโกบด้วยสีน�ำดิน Outstanding Social,Environment & Culture Impact และผสมผสานกับลายขอ ลายกากบาท การออกแบบรูปทรงของผลิตภัณฑ์นั�น ได้นำแนวคิดมาจากศิลปะ POP ART มาสร้างสรรค์งานเป็นรูปทรงของกระป๋อง โดยคุณค่าทางความงามของศิลปะ POP ART คือการแสดงออกถ่งความแปลก ใหม่ในเรื�องราวของสิ�งต่างๆ ที�รู้จัก และสามารถรับรู้ได้ด้วยการเห็น ซ่�งเป็นสิ�งที� เกี�ยวข้องกับคนเราในชีวิตประจำวัน (ฉลอง สุนทรนนท์, 2558: 112) กระบวนการ สร้างสรรค์ผลงานได้ข่�นรูปด้วยแป้นหมุน จากเนื�อดินปั�นที�ผ่านการนำขยะดินเผา ที�แตกหักเสียหายของชุมชนด่านเกวียน กลับเข้ามาผสมในเนื�อดินอีกครั�ง และ ทาสีน�ำดินที�มีส่วนผสมจากดินและแร่ธรรมชาติ จากนั�นนำลวดลายที�ได้ออกแบบ ไว้ทำเป็นชิ�นส่วน นำไปติดบนผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ผลงานสร้างสรรค์นี� สามารถนำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ และสร้างความเป็นไปได้ใหม่ สามารถนำไปปรับใช้ในการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ เพื�อนำไปสู่กระบวนการ วิธีการที�ผู้ประกอบการในชุมชนด่านเกวียน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ปรับใช้ในการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ เพื�อจะนำพาธุรกิจสร้างสรรค์ ไทยก้าวไปข้างหน้าสร้างการเปลี�ยนแปลงในชุมชน สังคมและสิ�งแวดล้อม เอกสารอ้างอิง ฉลอง สุนทรนนท์. (2558). สุนทรียศาสตร์และทัศนศิลป์. วาดศิลป์. สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (2562). คู่มือการเรียนรู้เรื�อง ลวดลายผ้าทอ [เอกสารที�ไม่มีการตีพิมพ์].


106 | FACULTY DanKwian WaSa อาจารย์นันทนา ทองดี | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรม สร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นการนำเนื�อดินปั�นด่านเกวียนมาผสมผสานกับการเคลือบเซรามิก ภายใต้แนวคิด การสร้างคุณค่าและยกระดับมูลค่าทางเศรฐกิจให้กับผลิตภัณฑ์เครื�องปั�นดินเผา ด่านเกวียน โดยเครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียนเป็นผลิตภัณฑ์ที�มีความโดดเด่นเฉพาะ ตัว จากวัตถุดิบหลักของเนื�อดินด่านเกวียนที�ได้จากริมฝั�งแม่น�ำมูลภายในบริเวณ ชุมชน ซ่�งมีส่วนประกอบของแร่เหล็กออกไซด์ (Iron Oxide) อยู่ในปริมาณมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์ที�ข่�นรูปจากเนื�อดินปั�นด่านเกวียนแล้วทำการเผาที�อุณหภูมิ ประมาณ 1,200 องศาเซลเซียสข่�นไป มีสีน�ำตาลเข้มบางครั�งมีสีออกม่วง ดำ มันเงา ซ่�งมีความสวยงามเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก แต่ความสวยงามนี�อาจจะยัง ไม่เพียงพอต่อการเพิ�มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ซ่�งสังเกตได้จากผลิตภัณฑ์เครื�องปั�น ดินเผาด่านเกวียนที�วางขายในท้องตลาดนั�นค่อนข้างมีราคาถูก ดังนั�นการเคลือบ เซรามิกจะทำให้พื�นผิวของผลิตภัณฑ์มีสีสันที�สวยงามและคงทนตลอดเวลา ทน ต่อการกัดกร่อนของกรดและด่าง ป้องกันการซ่มผ่านของของเหลวและแก๊ส และช่วยเพิ�มความแข็งแรงให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดีเมื�อเปรียบเทียบกับ ผลิตภัณฑ์ที�ไม่ได้ผ่านการเคลือบ ซ่�งคุณสมบัติที�ดีของเคลือบเซรามิกจะช่วยเพิ�ม คุณค่าและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์อย่างไม่สามารถประมาณค่าได้โดยง่าย การ สร้างสรรค์ผลงานครั�งนี�จ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อนำเสนอรูปทรงของผลิตภัณฑ์ เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน ด้วยเทคนิคการข่�นรูปด้วยมือจากรูปทรงที�เรียบง่าย และไม่สมบูรณ์แบบตามหลักแนวคิดของ วาบิ ซาบิ แล้วตกแต่งผลิตภัณฑ์ด้วย การเคลือบเซรามิกเพื�อสร้างคุณค่าและยกระดับมูลค่าเศรฐกิจเชิงพื�นที�สู่มูลค่า เศรฐกิจเชิงพาณิชย์ให้แก่ผลิตภัณฑ์ ผลงาน DanKwian WaSa ได้นำแนวคิดจาก Wabi-Sabi ซ่�งเป็นปรัชญาของ ญี�ปุ่น ‘Wabi’ แสดงออกถ่งส่วนของความเรียบง่ายและความไม่สมบูรณ์แบบ ‘Sabi’ เป็นตัวแทนของความเงียบสงบ ความเรียบง่ายสง่างาม และความงามที� เกิดข่�นตามกาลเวลา (Kempton, 2018) คำว่า “วาบิ-ซาบิ” เมื�อรวมกันแล้ว หมายความว่าสิ�งต่างๆ ไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละอย่างมีวัฏจักรของธรรมชาติที� ไม่ถาวร ความงามที�ได้คือความงามที�ไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบ ผู้สร้างสรรค์ ได้สะท้อนแนวคิดของรูปทรงที�เรียบง่าย ไม่มีความสมมาตร ผ่านผลงานจากเนื�อ ดินปั�นด่านเกวียนด้วยเทคนิคการข่�นรูปด้วยมือ แล้วนำมาเผาดิบที�อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส จากนั�นตกแต่งผลงานด้วยเทคนิคการชุบเคลือบเซรามิกออกไซด์ 2 ชนิด โดยขั�นตอนแรกทำการชุบเคลือบเพื�อปกปิดพื�นผิวของชิ�นงานก่อน 1 ครั�ง โดยตั�งใจเผยพื�นผิวของชิ�นงานบางส่วนเพื�อให้เห็นความงามโดยธรรมชาติของ เนื�อดินด่านเกวียน จากนั�นชุบเคลือบที�มีคุณสมบัติของการไหลตัวลงบนพื�นผิว ของชิ�นงานอีกครั�งแล้วนำชิ�นงานมาเผาเคลือบด้วยเตาไฟฟ้าที�อุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียสที�การยืนไฟ 40 นาที เพื�อปล่อยให้เคลือบทำปฏิกิริยาแล้วไหลตัว ลงตามธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงของบรรยากาศภายในเตาเผา DanKwian WaSa เป็นผลงานที�มีความงามตามธรรมชาติซ่�งเกิดการผสมผสาน ระหว่างเนื�อดินปั�นด่านเกวียนและเคลือบเซรามิกออกไซด์ทำให้พื�นผิวของผลงาน มีสีสันที�สวยงามและคงทนตลอดเวลาเป็นโอกาสที�ดีให้กับผู้ประกอบการซ่�ง สามารถนำการเคลือบเซรามิกไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์เพื�อสร้างคุณค่าและ ยกระดับมูลค่าเศรฐกิจเชิงพื�นที�สู่มูลค่าเศรฐกิจเชิงพาณิชย์ให้แก่ผลิตภัณฑ์เครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียน 10 x 20 X 28 ซม. | ข่�นรูปด้วยมือและตกแต่งด้วยการเคลือบเซรามิกบนเนื�อดินด่านเกวียน เอกสารอ้างอิง Kempton, B. (2018). Wabi-Sabi: Japanese wisdom for a perfectly imperfect life. Piatkus.


FACULTY | 107 พวงมาลัยคือรูปแบบพวงดอกไม้ที�ประดิษฐ์จากการร้อยดอกไม้ ใบไม้เข้าด้วยกัน มักนิยมใช้เพื�อกราบไหว้พระและสิ�งศักดิ�สิทธิ�รวมไปถ่งแสดงความเคารพต่อผู้ อาวุโสในโอกาสต่างๆ พวงมาลัยโดยทั�วไปจะร้อยด้วยกลีบดอกไม้ ทั�งที�มีกลิ�น หอมและไม่มีกลิ�น เช่น กลีบกุหลาบมอญ ดอกพุด ดอกรัก ดอกกล้วยไม้เป็นต้น1 นอกจากพวงมาลัยสดแล้ว ยังมีพวงมาลัยประดิษฐ์ที�ทำจากดินวิทยาศาสตร์ แป้ง ปั�น เพื�อประโยชน์ในการเก็บรักษาไว้ได้นาน นอกจากนี�ในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) ยังพบพวงมาลัยที�ประดิษฐ์จากวัสดุก่�งถาวรอื�นๆ เช่น ไม้ไผ่ พวงมาลัยจากหนังสัตว์แปรรูป พวงมาลัยประดิษฐ์จากกระดาษทิชชู่หอม เป็นต้น พวงมาลัยเหล่านี�มีความคงทนและไม่ต้องการการดูแลรักษา นอกจากนี�ยังมีการ ประดิษฐ์พวงมาลัยจากวัสดุที�สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อย่างเช่นผ้าขาวม้า ไทย ที�นอกจากผู้รับจะได้ชมพวงมาลัยแล้ว ยังปรับเปลี�ยนเป็นผ้าขาวม้าเพื�อนำ มาใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันยังมีวัสดุอื�นๆ ที�น่าจะสามารถ นำมาประดิษฐ์เป็นพวงมาลัยได้อย่างเช่นดินเหนียว ซ่�งต้องผ่านการแปรรูปเป็น ลูกปัด และเผาให้มีความแข็งแรงทนน�ำได้เสียก่อน ต่อจากนั�นก็เรียงร้อยลูกปัด เข้าด้วยกัน ในการสร้างสรรค์งานชิ�นนี�จะหลีกเลี�ยงการปั�นเลียนแบบรูปทรงของ ดอกไม้ เพื�อให้มีเอกลักษณ์แปลกใหม่เฉพาะตัว รวมทั�งศ่กษาการใช้วัสดุถาวร/ ก่�งถาวรอื�นๆ มาประดิษฐ์เป็นพวงมาลัย โดยเน้นความคงทน ดีต่อสภาพแวดล้อม ซ่�งจะแตกต่างจากการใช้ดอกไม้ธรรมชาติ ที�จะเหี�ยวเฉาร่วงโรยเป็นขยะ อีกทั�ง เมื�อวัตถุดิบเป็นดินเผา มดแมลงก็จะไม่มาทำลายอีกด้วย แนวความคิด: ผู้ประดิษฐ์ได้คำน่งถ่งคุณสมบัติของดินเหนียวของชุมชนบ้านด่าน เกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ที�มีคุณลักษณะเหมาะสมที�จะนำมาผลิตเป็นเครื�องปั�นดินเผา เป็นต้นกำเนิดของเครื�องปั�นดินเผาด่านเกวียนอันมีชื�อเสียง เริ�ม เส้นผ่านศูนย์กลาง 36 ซม. | ลูกปัดดินเผา ด้วยการปั�นข่�นรูปดินให้เป็นลูกปัด โดยทดลองปั�นเป็นรูปทรงต่างๆ นำมาทำการ เผาโดยใช้ความร้อนไม่สูงนักพอให้ดินสุก แต่ยังมีความพรุนในเนื�อดินเพื�อให้น�ำ ซ่มได้ จากนั�นนำมาย้อมสีต่างๆ แล้วนำมาร้อยเข้ากันเป็นพวงโดยใช้เส้นเอ็นใส โดยส่วนปลายจะปล่อยเป็นพู่หลายสาย คุณสมบัติที�มีความยืดหยุ่นของลูกปัดดิน เผาทำให้พวงมาลัยทั�งชิ�นคงทนต่อการตกแตก สามารถรับแรงกระแทกได้สูง และอยู่นานคงทนกว่าวัสดุอื�นแม้ในกลางแจ้ง โดยที�สีไม่ซีดจาง และประกอบด้วย คุณสมบัติอื�นๆ ที�พิเศษของดินเผา เช่น ความสามารถในการดูดซ่มของเหลวที�มี กลิ�นหอม ที�น่าจะนำมาใช้ประโยชน์กับพวงมาลัยได้ สุดท้ายจะได้พวงมาลัยที�มี ลักษณะยืดหยุ่น ทนต่อการตก และถ้าทำการหยดน�ำมันหอม (Essential oil) ก็ จะมีคุณสมบัติในการดูดกลิ�นและกระจายกลิ�นออกมาได้เป็นระยะเวลานาน จากการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ ทำให้ได้ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์คือคุณสมบัติ ในการดูดซ่มน�ำมันหอมของลูกปัดดินเผา ได้ค้นพบว่ารูปร่างของลูกปัดมีผลต่อ การดูดซ่มของน�ำมันหอม และความรู้ในด้านการออกแบบ คือการนำลูกปัดแต่ละ ชิ�นมาร้อยเข้าด้วยกัน โดยใช้การสลับสีและรูปร่างของลูกปัดเพื�อให้สวยงามราว กับกลีบดอกไม้ ทั�งนี�ยังสามารถใช้ในการผลิตจริงเพื�อจำหน่ายได้อีกด้วย อีกทั�ง ถ้าใช้ลูกปัดเม็ดใหญ่ที�ทำจากดินล้วน พวงมาลัยที�ได้จะมีน�ำหนักมาก วิธีหลีก เลี�ยงคือใช้วิธีนำลูกปัดขนาดเล็กมาร้อยรวมกันลวงตาให้มีขนาดใหญ่ ข้อดีที�ได้ คือเป็นการเพิ�มพื�นที�ผิว ทำให้สามารถดูดซ่มน�ำมันหอมได้ดียิ�งข่�น เอกสารอ้างอิง 1 มณีรัตน์ จันทนะผะลิน, “งานประดิษฐ์ดอกไม้สด”, สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง 3 (2539): 1264-1271. Outstanding Creativity โอ้เจ้าพวงมาลัย..ใยช่างหอมนัก อาจารย์แสน ศรีสุโร | [email protected] สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


108 | FACULTY เครื�องแต่งกายมอดุล่าร์ (Modular apparel) เป็นเครื�องแต่งกายประเภทหน่�งที� ปรับเปลี�ยนรูปแบบได้ ซ่�งมีแนวคิดมาจากระบบมอดุล่าร์ หมายถ่งเครื�องแต่งกาย ที�สามารถแยกชิ�นส่วน เปลี�ยนชิ�นใหม่ ถอดประกอบติดกลับเข้าไปใหม่ในตำแหน่ง เดิม หรือตำแหน่งอื�นได้เพื�อความสะดวกต่อการใช้งานหรือเพื�อการปรับแต่ง เสริมรูปแบบของเครื�องแต่งกายตามความต้องการของผู้สวมใส่ซ่�งเป็นประโยชน์ ต่อการใช้งานโดยตรง หรือประโยชน์ในทางอ้อมที�มีส่วนช่วยสร้างความยั�งยืน (Sustainability) เครื�องแต่งกายมอดุล่าร์มีคุณสมบัติในการปรับเปลี�ยนรูปแบบ การใช้งานได้หลากหลาย จากเครื�องแต่งกายถอดประกอบ 1 ชุด สามารถถอด ปรับเปลี�ยนรูปแบบได้หลากหลาย ข่�นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ ในส่วนของ ผลิตภัณฑ์ผ้าถุงพิมพ์ลายหรือผ้าปาเต๊ะพิมพ์ลายที�เลือกใช้ในผลงานสร้างสรรค์ ชุดนี� เป็นผ้าถุงที�ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมซ่�งมีราคาถูกและพบเห็นได้ทั�วไป มีลักษณะคล้ายผ้าปาเต๊ะหรือบาติกที�ผลิตจากกระบวนการทำผ้าบาติกจริงแบบ เขียนเทียนหรือพิมพ์จากบล็อกพิมพ์ผ้าบาติก “ผ้าถุงพิมพ์ลาย” เป็นหน่�งใน เครื�องแต่งกายพื�นบ้านชิ�นสำคัญที�ผู้หญิงไทยเคยใช้ทั�วไป พบได้ทั�วไปในทุกภูมิภาค ของประเทศไทย แม้ว่าสตรีรุ่นใหม่ในปัจจุบันกำลังมองข้ามและไม่ค่อยให้ความสนใจในการนุ่งผ้าถุงมากนัก ผ้าถุงยังคงถูกจดจำในฐานะเครื�องแต่งกายสื�อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมการแต่งกายชาวบ้านไทย มีลักษณะเด่นชัดด้วยลวดลาย สีสัน ผู้สร้างสรรค์เล็งเห็นถ่งประโยชน์จากการใช้วัสดุพื�นบ้านธรรมดาในท้องถิ�นเพื�อ สร้างมูลค่า ต้องการสื�อสารอัตลักษณ์ชาวบ้านไทยผสมผสานกับการออกแบบเครื�องแต่งกายลำลองจากแนวคิดมอดุล่าร์สำหรับกลุ่มคนที�ชื�นชอบแฟชั�นการแต่งกาย มีความคิดสร้างสรรค์และเล็งเห็นประโยชน์ที�คุ้มค่าจากการใช้งานสินค้า เพื�อการสร้างความยั�งยืนการสร้างแพตเทิร์นตัดเย็บเครื�องแต่งกายมอดุล่าร์ ใช้การแบ่งเส้นโครงสร้างจากสัดส่วนร่างกายที�มาตรฐานโดยคำน่งถ่งความกว้าง ความยาว และความหลวมที�เหมาะสมกับสัดส่วนของผู้สวมใส่ ในจุดที�มีการเชื�อม Outstanding Creativity ต่ออุปกรณ์ย่ดเกี�ยวเสื�อผ้า (Closure) ที�ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยอุปกรณ์ ที�เลือกใช้คือ เทปกระดุมแสนป (Snap Tape) ซ่�งในการใช้อุปกรณ์ย่ดเกี�ยวนี� ต้องมีการออกแบบโครงสร้างแบบที�มีตะเข็บรอยต่อในจุดเชื�อมได้ระยะมาตรฐาน เข้ากันกับชิ�นส่วนทุกชิ�น จ่งจะสามารถเชื�อมต่อระบบมอดุล่าร์อย่างมีประสิทธิภาพ การกำหนดตำแหน่งการต่อที�ต้องสัมพันธ์เหมาะกับสัดส่วนรูปร่าง และสะดวกกับ การเคลื�อนไหวของมนุษย์การเชื�อมต่อชิ�นแพตเทิร์นในชิ�นส่วนประกอบต่างๆ ของเสื�อผ้า มีโครงสร้างหลักคือแกนกลางลำตัวช่วงอก ซ่�งสามารถต่อเข้ากับลำตัว ช่วงเอวมีทั�งแบบคอกลม และเสื�อกล้ามซ่�งสามารถต่อกับส่วนของชายกระโปรง ขากางเกง แขนท่อนบน ปลายแขน และส่วนของหมวกคลุมหัว (Hood) ในส่วน ของโครงสร้างชิ�นล่างเป็นขอบเอวยางยืดซ่�งสามารถปรับขนาดได้ สามารถเชื�อม ต่อกับชิ�นกระโปรงหรือกางเกงได้ จากผลงานสร้างสรรค์ชุดเครื�องแต่งกายแฟชั�นจากแนวคิดมอดุล่าร์เพื�อเพิ�มมูลค่าวัสดุในท้องถิ�น โดยการใช้ผ้าถุงพิมพ์ลายซ่�งมีลวดลาย สีสันที�หลากหลายมาผสม ผสาน สร้างความสนุก และมุมมองใหม่ของผ้าถุงแบบชาวบ้านให้มีความน่าสนใจมากข่�น ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี�ยนรูปแบบ ปรับใช้ได้ในหลายโอกาส ผ้าถุงพิมพ์ลายเป็นเพียงหน่�งในวัสดุทางเลือกสำหรับเครื�องแต่งกายแฟชั�นมอดุล่าร์ การเปลี�ยน ประเภทของผ้า พื�นผิว สี ลวดลาย หรือรูปแบบโครงสร้างแพตเทิร์นเสื�อผ้าที� เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค สามารถพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจ ที�สอดคล้องกับแนวคิดเรื�องความยั�งยืน และเป็นการออกแบบที�มีจริยธรรม ยืดอายุการใช้งาน และลดการทิ�งเสื�อผ้าก่อนเวลาอันควร ลดปัญหาการเกิดขยะแฟชั�น สื�อสาร วิถีของวัฒนธรรมการแต่งกายไทยผ่านเครื�องแต่งกายร่วมสมัย สามารถเปลี�ยน ถอด สลับ สร้างรูปแบบเครื�องแต่งกายได้อย่างอิสระ สีสัน ลวดลายอย่างสนุกสนาน ปรับ สลับ สนุก (ชุดเครื่องแต่งกายจากแนวคิดมอดุล่าร์เพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุในท้องถิ่น) อาจารย์ทเนศ บุญประสาน | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบแฟชั�น คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


FACULTY | 109 ภาวะถวิลหาอดีต (Nostalgia) เป็นลักษณะความรู้ส่กที�ค้าน่งถ่งประสบการณ์ใน อดีตที�ก่อตัวข่�นในปัจจุบัน เป็นภาวะอารมณ์การถวิลหาสิ�งที�คุ้นเคย หรือประสบการณ์ บางอย่างที�ยังคงตราตร่งอยู่ในจิตใจ (Wilson, 2015, p. 279) ในลักษณะโครงสร้าง ทางสังคมไทย ณ ปัจจุบันนี�ประสบการณ์หรือภาวะถวิลหาอดีต (Nostalgia) นั�น เป็นปรากฏการณ์ปกติในสังคมไทยสมัยใหม่แล้ว ทั�งนี�เป็นจากภาวการณ์เปลี�ยนแปลง ทางสังคมอย่างรวดเร็ว ดังนั�นจ่งมีกลุ่มคนไทยในปัจจุบันเริ�มมีความโหยหาอดีต อันสวยงามในมโนคติ (ชนากานต์ ปานอ้�า, 2561) ในขณะที� วณัฐย์ พุฒนาค (2560) ได้ให้ข้อมูลเพิ�มเติมว่า ในภาวะนี�นั�นมักเป็นภาวะที�อาจถูกแต่งแต้มด้วย จินตนาการ ความฝัน และความปรารถนาบางอย่างที�ตนเคยมีปรากฏการณ์ทาง ภาวะนี�นับเป็นสิ�งที�น่าสนใจ จ่งได้กลายมาเป็นที�มาของแนวคิดในการออกแบบ ผลงาน ‘มิเคยเลือนลา หมายเลข 3’ ในครั�งนี� จากแนวคิดข้างต้น ได้ต่อยอดแนวคิดนี�โดยการหยิบยกบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที� 7 ชื�อว่าเพลงราตรีประดับดาว ที�ทรงพระนิพนธ์ข่�นจากเพลงมอญดู ดาวสองชั�นในปี พ.ศ. 2472 เป็นบทเพลงที�ว่าด้วยเรื�องราวคู่รักที�พลัดพรากจากกัน ถ่ายทอดความรู้ส่กโหยหาอาดูรผ่านเนื�อเพลง ภายใต้บรรยากาศสวนภายในวังหลวง อบอวลด้วยกลิ�นดอกไม้ยามราตรี เช่น ดอกช้ามะนาด ดอกแก้ว มะลิกลีบซ้อน และ กระดังงา ดังนั�นการออกแบบผลงานในครั�งนี�จ่งได้ปรับใช้แนวคิด เชิงทฤษฎีภาวะถวิลหาอดีต (Nostalgia) และเชิงวรรณศิลป์ในการถ่ายทอดความงามจากบทประพันธ์สู่การออกแบบเครื�องแต่งกายร่วมสมัย ด่งลักษณะภาพบรรยากาศจากบทประพันธ์ออกมาเป็นลายผ้าที�เขียนมือด้วยเทคนิคบาติก โดยท้างานร่วมกันกับชุมชนไฑกระบี�บาติก เกิดเป็นลวดลายดอกไม้ที�ปรากฏในบทประพันธ์ ประกอบกับปักตกแต่งด้วยผีเสื�อกลางคืนด้วยเลื�อม ขณะที�โครงสร้าง เครื�องแต่งกายสตรี | ผ้าเขียนสีบาติกและเทคนิคการจับเดรป ของเครื�องแต่งกายนั�นเป็นการปรับแต่งโครงสร้างจากลักษณะการแต่งกายแบบ ไทย ที�มีการนุ่งโจง ห่มสไบ (พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ�พระบรม ราชินีนาถ, 2555) มาปรับโครงสร้างให้มีความร่วมสมัย สะท้อนถ่งร่องรอยของ อดีตสู่ปัจจุบัน จากการศ่กษาและสร้างสรรค์ผลงานในครั�งนี� แสดงให้เห็นถ่งการ ออกแบบที�เชื�อมโยงภาวะถวิลหาอดีต (Nostalgia) โดยมุ่งเน้นถ่งความเป็นไทย เป็นหลัก ก่อนที�จะน้ามาถ่ายทอดและตีความสู่การออกแบบเครื�องแต่งกายร่วม สมัย ก่อให้เกิดเป็นแนวคิดการออกแบบที�น้าอดีตมาบวกรวมกับความเป็นปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี ซ่�งคาดว่าผลงานการออกแบบชิ�นนี�จะสามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ ที�สนใจได้เรียนรู้ตัวอย่างการใช้ความเป็นไทยในอดีต โดยน้าเสนอและดัดแปลง สู่ความเป็นร่วมสมัย ซ่�งยังคงไว้ถ่งกลิ�นอาย และเรื�องราวอันล่กซ่�งของวรรณศิลป์ ไทยได้ เอกสารอ้างอิง Wilson, J. L. (2015). “Here and Now, there and Then: Nostalgia as a Time and Space Phenomenon.” Symbolic Interaction, 38, 4 (November): 478-492. ชนากานต์ ปานอ้�า. (2561). รื�อสร้าง ‘อดีต’ ด้วยความโหยหา ไม่ผิดแปลก แต่ต้องก้าวสู่ ‘อนาคต’ ให้ได้. เข้าถ่งเมื�อ 19 มิถุนายน 2566. เข้าถ่งได้จาก https://www.matichon.co.th/ prachachuen/prachachuen-scoop/news_942276 พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ�พระบรมราชินีนาถ. (2555). ราชศิลป์พัสตราภรณ์. พิมพ์ครั�งที� 1. กรุงเทพฯ: พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ�พระบรมราชินีนาถ. พูนพิศ อมาตยกุล. (2563). พระประวัติและผลงานพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพลง ราตรีประดับดาว. เข้าถ่งเมื�อ 15 มิถุนายน 2566. เข้าถ่งได้จาก https://sirindhornmusiclibrary.li.mahidol.ac.th/music_teacher/phrabatsomdetphrapokklaochaoyuhua/ วณัฐย์ พุฒนาค. (2560). ท้าไมภาพ ‘อดีต’ ถ่งยังสวยงามเสมอ ส้าหรับตัวเราใน ‘ปัจจุบัน’ : พลังของการหวนคิดถ่งอดีต. เข้าถ่งเมื�อ 19 มิถุนายน 2566. เข้าถ่งได้จาก https://thematter. co/social/nostalgia-and-past-as-a-dream/22497 มิเคยเลือนลา หมายเลข 3 อาจารย์ธนาคม สิทธิอัฐกร | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบแฟชั�น คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


110 | FACULTY EQUILIBRIUM OF WASTE อาจารย์ฐากร ถาวรโชติวงศ์ | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบแฟชั�น คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อุตสาหกรรมแฟชั�นรวดเร็ว หรือ FAST FASHION เป็นอุตสาหกรรมที�มีกระบวนการ ผลิตที�รวดเร็วเพื�อตอบสนองตามความต้องการของผู้บริโภคในต้นทุนที�ต้�า และมี คุณภาพสินค้าที�ไม่ดี ซ่�งอุตสาหกรรมประเภทนี�ส่งผลกระทบต่อสิ�งแวดล้อมด้วย กระบวนการผลิตสินค้าที�ต้องใช้พลังงานจ้านวนมากรวมถ่งการปลดปล่อย มลภาวะรูปแบบต่างๆ ออกสู่สิ�งแวดล้อม เช่น การใช้น้�าย้อมสีเคมีในกระบวนการ ผลิต การใช้พลังงานในการขนส่งสินค้า ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัญหา การใช้เสื�อผ้าแล้วทิ�งก่อนการหมดสภาพของสินค้า ท้าให้เกิดปัญหาขยะและ มลภาวะในท้องทะเลรวมถ่งบริเวณที�มนุษย์อยู่อาศัยเช่นกัน1 นอกจากนั�นแล้วอุตสาหกรรมประเภทนี�ยังเป็นปัจจัยในการเกิดปัญหาฝุ่น PM เช่นกัน เนื�องจาก ในการตัดผ้าเพื�อผลิตสินค้าประเภท FAST FASHION แต่ละครั�งจะเกิดฝุ่นผ้าจ้านวน มหาศาล หากโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีระบบบ้าบัดหรือการจัดการที�ดีเศษวัสดุ ฝุ่นเหล่านี�จะถูกปล่อยออกสู่ชั�นบรรยากาศและกลายเป็นฝุ่น PM อันเป็นสาเหตุ ที�ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจของสิ�งมีชีวิตต่อไป วัตถุประสงค์: 1) สะท้อนให้เห็นถ่งปัญหาการเกิดเศษวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรม การผลิต 2) สร้างมูลค่าเพิ�มให้กับเศษวัสดุในเชิงนวัตกรรม 3) แสดงออกถ่ง ศักยภาพการสร้างมูลค่าเพิ�มให้กับเศษวัสดุผ่านผลงานสร้างสรรค์สิ�งทอและ เครื�องแต่งกาย แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานนั�นได้มาจากรูปทรงธรรมชาติหรือ Organic form โดยน้ารูปทรงของดอกไอริสมาใช้อ้างอิงเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เนื�องจากดอกไอริสถูกนิยามความหมายให้เกี�ยวกับการฟ้�นคืนหรือการกลับมา ในหลากหลายวัฒนธรรม เช่น ชาวกรีกเชื�อว่าถ้าปลูกดอกไอริสไว้บนหลุมศพ จะน้าทางดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ ชาวอียิปต์ใช้ดอกไอริสเป็นสัญลักษณ์ของการ ฟ้�นคืนชีพ และในโรมันโบราณดอกไอริสถูกใช้ส้าหรับการล้างบาป2 ซ่�งมีความ สัมพันธ์กับการน้าเศษฝุ่นจากอุตสาหกรรมแฟชั�นกลับมาใช้เพราะการน้าเศษวัสดุ ฝุ่นมาสร้างมูลค่าเพิ�มให้กลายเป็นผลงานใหม่ ถือเป็นการชุบชีวิตให้เศษวัสดุกลับ มามีชีวิตเหมือนของใหม่และน้ากลับมาใช้งานได้อีกครั�ง โดยมีกระบวนการสร้าง สรรค์คือ น้าเศษฝุ่นผสานเข้ากับพลาสติกรีไซเคิลด้วยการหลอมจนกลายเป็นวัสดุ ผสาน หรือ composite material แล้วจ่งน้ามาอัดให้เป็นแท่งที�มีขนาดใกล้เคียง กับไส้ป้นกาว ข่�นรูปให้กลายเป็นแพทเทิร์นเสื�อผ้าด้วยการใช้ป้นกาววาดให้เกิด เส้นโครงสร้างและลวดลายตามต้องการ ผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�ถือเป็นการแสดงศักยภาพด้านการออกแบบวัสดุและการ สร้างมูลค่าเพิ�ม (upcycling) ให้กับเศษวัสดุโดยมีแนวทางคือการใช้ความคิด สร้างสรรค์มาใช้ออกแบบและท้าให้เกิดความงาม ซ่�งผลงานชิ�นนี�อาจเป็นต้นแบบ ที�น้าไปสู่การสร้างเสื�อผ้ารูปแบบใหม่ที�ไม่ส่งผลให้เกิดเศษผ้าจากการตัดเย็บและ เหลือทิ�งในโรงงานอุตสาหกรรม เนื�องจากกรรมวิธีในการผลิตนั�นสามารถใช ป้นกาววาดเส้นโครงสร้างของแพทเทิร์นเสื�อผ้าข่�นมาได้โดยไม่ต้องท้าให้เป็น ผืนก่อนแล้วจ่งน้ามาตัดเย็บ ทั�งนี�ผู้สร้างสรรค์ต้องขอขอบพระคุณทีมงานวิจัย จากโครงการ MORE บริษัท อัลฟ่าคอม จ้ากัด ที�สนับสนุนการทดลองวัสดุให้มี คุณสมบัติเป็นไปตามที�ผู้สร้างสรรค์ต้องการอีกทั�งยังสนับสนุนวัสดุในการสร้าง สรรค์ผลงานชิ�นนี�อีกด้วย 60 x 150 ซม. | 3D forming เอกสารอ้างอิง1 slow fashion, เข้าถ่งเมื�อ 16 มิถุนายน 2566, เข้าถ่งได้จาก https://www.facebook.com/ TheReMaker/posts/pfbid0379JeHk3p75b1xu6G48C4kka2rAFMvMXoWL3gKX1QrFGTF- 1wPCLEN9pnrbavHZvZTl 2 ถอดรหัสความในใจด้วยพจนานุกรมภาษาดอกไม้, เข้าถ่งเมื�อ 16 มิถุนายน 2566, เข้าถ่งได้จากhttps://www.aflowerroom.com/พจนานุกรมภาษาดอกไม้/ Outstanding Creativity


FACULTY | 111 ฉัน (ใน) ดิน อาจารย์ ดร.ขจรศักต์ นาคปาน | [email protected] หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เซลล์เม็ดสีเมลานิน หมายถ่ง สารชีวภาพหรือรงควัตถุทางธรรมชาติที�มีมวล โมเลกุลสูง เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันโดยใช้เอนไซม์ (Enzymatic Oxidation) ของฟีนอล ซ่�งเป็นผลมาจากเอนไซม์ฟีนอเลส (Phenolase) และเอนไซม์พอลิ ฟีนอลออกซิเดส (Polyphenoloxidase) ท้าปฏิกิริยาร่วมกับออกซิเจนและเข้า ย่อยสลายสารประกอบฟีนอลิค (Phenolic Compound) เพื�อให้มีอนุภาคเล็กลง ปฏิกิริยาดังกล่าวเรียกว่า ปฏิกิริยาการเกิดสีน�้าตาลจากเอนไซม์ (Enzymatic Browning reaction) (Huang et al. 2018) เซลล์เม็ดสีเมลานินพบได้ในสิ�งมีชีวิตทั�วไปที�มีสีด้า น�้าตาล และเหลือง ส่วนเม็ดสีเมลานินในมนุษย์ถูกสร้างจาก เซลล์ที�เรียกว่า เมลาโนไซท์ (Melanocyte) อยู่บริเวณชั�นผิวหนังก้าพร้าส่วนล่าง สุด เมลานินจะบรรจุอยู่ในรูปของแคปซูลที�เรียกว่า เมลาโนโซม (Melanosome) และกระจายตัวไปยังเซลล์อื�นๆ ของชั�นผิวหนัง เซลล์เม็ดสีเมลานินมีคุณสมบัติ เป็นตัวก้าหนดสีผิวของชาติพันธุ์ซ่�งถือเป็นสิ�งแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลที� อาศัยในแต่ละพื�นที�หรือวัฒนธรรมนอกเหนือจากมนุษย์เซลล์เม็ดสีเมลานินยัง พบได้ในแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั�วไป ได้แก่ ผักผลไม้หรือพืชหลากหลายชนิด เช่น กล้วย องุ่น เห็ด แอปเปิล หรือใบยาสูบ (Xu et al. 2007) และเส้นใยขน สัตว์ (Liang et al. 2019) เมลานินมีบทบาทส้าคัญทางสรีรวิทยา มีหน้าที� ควบคุมอุณหภูมิการกระจายแสง การเพิ�มความสว่าง กรองและดูดซับรังสีอัลตรา ไวโอเลต จากผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์จ้านวนไม่น้อยปรากฏหลักฐานว่า เซลล์เม็ดสี เมลานินสามารถสังเคราะห์ได้จากจุลินทรีย์ในธรรมชาติประเภทแบคทีเรียและ เชื�อรา อาทิสเตรปโตมัยซิส แอคทิโนมัยซิส เป็นต้น และยังระบุอีกว่าเซลล์เม็ดสี เมลานินที�ได้จากการสังเคราะห์แบคทีเรียสเตรปโตมัยซิสที�มีอยู่ในดินนั�น มี คุณลักษณะทางกายภาพแสดงให้เห็นถ่งกลไกทางเคมีที�เป็นไปในลักษณะ เดียวกันกับพันธุกรรมและฟีโนไทป์ของมนุษย์จ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ เซลล์เม็ดสีเมลานินที�มีอยู่ในร่างกายมนุษย์มากที�สุด (Dastager et al. 2009) ผลงานวิจัยสร้างสรรค์ชิ�นนี�เกิดจากการสังเคราะห์วงจรความสมบูรณ์และการ แปรเปลี�ยนคุณสมบัติของดินในสถานะแร่ธาตุผ่านกระบวนการเพาะเลี�ยงจุลินทรีย เพื�อสร้างความควบแน่นก่อรูปเป็นเส้นใยเมลานิน พร้อมแสดงขั�นตอนการทดลอง ประดิษฐ์วัสดุชีวภาพแผ่นเพื�อแสดงระดับค่าเซลล์เม็ดสีเมลานินซ่�งปรากฏสีตาม ระยะเวลาของการสันดาป จากนั�นน้าผลลัพธ์ของเส้นใยเมลานินชีวภาพแผ่นที� สมบูรณ์ที�มีรูปลักษณะของผิวสัมผัสที�นุ่มนวลบอบบาง แต่มีความเหนียวแน่น เพียงพอไปใช้ในการออกแบบและตัดเย็บชุดชั�นในที�มีสีสันสอดคล้องกลมกลืน กับสีผิวพรรณของมนุษย ผลงานวิจัยสร้างสรรค์ “ฉัน (ใน) ดิน” แสดงออกถ่งการบูรณาการความรู ระหว่างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์กับปรัชญาสุนทรียศาสตร์ก่อให้เกิดประสิทธิผล ของการออกแบบวัสดุสิ�งทอทดแทน อันมีส่วนส้าคัญต่อการเสริมสร้างความ ตระหนักถ่งการอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเกื�อกูลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้าง คุณค่าทางปัญญาการสร้างสรรค์พร้อมน้าพาไปสู่ความเข้าใจในค้านิยามที�เรียก ว่า “ความเคารพตนเอง” (Self-Esteem) เพิ�มพูนสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์กับ วัสดุทดแทนสิ�งทอ และเสริมสร้างแก่นแท้แห่งการมีชีวิต 70 x 18 x 15 ซม. | การสังเคราะห์เส้นใยเมลานินในฐานะสิ�งทอทดแทน และการข่�นโครงสร้างด้วยโลหะประกอบการตัดเย็บ เอกสารอ้างอิง Dastager, Syed & Li, Wen-Jun & A, Dayanand & Tang, Shu-Kun & Tian, Xin-Peng & Zhi, Xiao-Yang & Jiang, Li-Hua. (2009). Seperation, identification and analysis of pigment (melanin) production in Streptomyces. African Journal of Biotechnology (ISSN: 1684-5315) Vol 5 Num 11. 5. Huang L, Liu M, Huang H, Wen Y, Zhang X, Wei Y. Recent Advances and Progress on Melanin-like Materials and Their Biomedical Applications. Biomacromolecules. 2018 Jun 11;19(6):1858-1868. doi: 10.1021/acs.biomac.8b00437. Epub 2018 May 23. PMID: 29791151. Liang, Y., E. Pakdel, M. Zhang, L. Sun, and X. Wang. 2019. “Photoprotective Properties of Alpaca Fiber Melanin Reinforced by Rutile TiO2 Nanoparticles: A Study on Wool Fabric.” Polymer Degradation and Stability 160: 80–88. doi:10.1016/j.polymdegrad- stab.2018.12.006. Xu, X., M. Wu, Q. Zhao, R. Li, J. Chen, G. Ao, and J. Yu. 2007. “Designing and Transgenic Expression of Melanin Gene in Tobacco Trichome and Cotton Fiber.” Plant Biology 9: 41–48. doi:10.1055/s- 2006-924346. Outstanding Innovation


112 | FACULTY MUDMEE “ERI SILK” อาจารย์ ดร.สุภาวินี จรุงเกียรติกุล | [email protected] หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาศิลปะการออกแบบ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร “ไหมอีรี�” (Eri Silk) เส้นไหมเส้นใยธรรมชาติสายพันธุ์ใหม่ที�เป็นมิตรกับสิ�งแวดล้อม มีกระบวนการเพาะเลี�ยงหนอนไหมได้ครบวงจรที�ไม่ท้าลายสิ�งมีชีวิต นับเป็นเส้น ไหมที�มีคุณค่าเชิงจิตวิญญาณและภูมิปัญญาเชิงวัฒนธรรม มีคุณสมบัติคล้ายขน สัตว์เส้นใยมีความเหนียวและมันวาว การดูดซับสีของเส้นไหมอีรี�นั�นจะมีคุณสมบัติ ที�คล้ายกับการดูดซับสีของเส้นไหมทั�วไป แต่เหมาะที�จะน้ามาย้อมสีจากธรรมชาติ โดยเส้นไหมที�ผลิตได้จะมีลักษณะเป็นปุ่มปม ซ่�งถือเป็นเสน่ห์ของไหมอีรี�ที�มีความ สวยงามตามธรรมชาติที�ปัจจุบันยังขาดการส่งเสริมให้ตอบสนองตามความต้องการของตลาดสากลในรูปแบบศิลปหัตถกรรมสิ�งทอเชิงสร้างสรรค์รูปแบบ ใหม่ เพื�อตอบโจทย์ค่านิยมของผู้บริโภคปัจจุบันที�ให้ความสนใจกับสินค้าธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ�งแวดล้อมในวิถีชีวิตประจ้าวัน ผลงานนี�มีวัตถุประสงค์เพื�อพัฒนา ผลิตภัณฑ์สิ�งทอเชิงวัฒนธรรมจากธรรมชาติ (Eco Cultural Product) จากไหม อีรี�ที�ผสมผสานต่อยอดทักษะภูมิปัญญา และการมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื�อยกระดับ ให้เป็นสินค้าบูรณาการทางด้านทักษะฝีมือหัตถศิลป์และความรู้การออกแบบ สิ�งทอเชิงสร้างสรรค์ที�รองรับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตลาดสากล ไป พร้อม ๆ กับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ�งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี�มิติด้านจุดแข็งและศักยภาพของผ้าไหมอีรี�มัดหมี�หรือผ้าไหมมัดหมี� ของจังหวัดขอนแก่น ที�มีชื�อเสียงในระดับโลก โดยได้รับการรับรองสิ�งบ่งชี�ทาง ภูมิศาสตร์ (GI) จากสภาหัตถกรรมโลก จังหวัดขอนแก่นเป็นเพียงไม่กี�จังหวัดใน ประเทศไทยที�มีการเพาะเลี�ยงและผลิตเส้นไหมอีรี� จุดเด่นของผ้าไหมอีรี�คือ การ ย้อมสีไหมเพียงแค่คร่�งเดียวท้าให้ได้ไหมแบบสีดั�งเดิมปนกับไหมสีย้อมธรรมชาติ เมื�อน้ามาทอรวมกันจะได้ผ้าไหมอีรี�ที�มีการไล่น�้าหนักสีอ่อนแก่สวยงาม แนวความคิดและความหมายของลวดลายผ้าไหมอีรี�มัดหมี�ในการออกแบบเชิง สร้างสรรค์บนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมถ่ายทอดเรื�องราวเอกลักษณ์ประจ้า จังหวัดขอนแก่น พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง อ้าเภอเวียงเก่า เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณี วิทยาที�น้าเสนอซากด่กด้าบรรพ์ไดโนเสาร์ชิ�นแรกในประเทศไทยและไดโนเสาร์ที� พบในแหล่งขุดค้นภูเวียง ซ่�งเป็นแหล่งค้นคว้าความรู้ที�ส้าคัญประจ้าจังหวัดขอนแก่น จ่งน้าลักษณะเฉพาะของซากด่กด้าบรรพ์ไดโนเสาร์ ชั�นหิน ลักษณะรูปร่าง ไดโนเสาร์ น้ามาประยุกต์ออกแบบสร้างสรรค์ลวดลายผ้ามัดหมี�ไหมอีรี�รูปแบบ ใหม่ให้ทันสมัย สร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่นน่าสนใจ โดยถ่ายทอดผ่านโทนสี น�้าตาลทั�งเฉดสีอ่อนไปจนถ่งเฉดสีเข้ม การย้อมสีธรรมชาติบนผืนผ้าไหมอีรี�ด้วย วัตถุดิบที�มาจากธรรมชาติภายในชุมชน ใช้กระบวนการผลิตที�ยั�งยืนและเป็นมิตร กับสิ�งแวดล้อม เน้นการออกแบบเนื�อผ้าให้ตอบโจทย์การใช้งานส้าหรับเสื�อผ้าที� สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจ้าวัน เพื�อต่อยอดแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื�องแต่ง กายแฟชั�น และสินค้าของตกแต่งบ้าน จะเห็นได้ว่า หากได้รับการพัฒนาที�เหมาะสมก็จะสามารถพัฒนาสินค้าให้มีคุณค่า ทางวัฒนธรรมและมีมูลค่าเพิ�มสูงให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ส่งผล ต่อการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของจังหวัดอย่างยั�งยืนตาม ความสามารถของพื�นที�ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีกระบวนการคิดและ ผลิตจากการผสมผสานระหว่างทักษะความรู้ภูมิปัญญา วัฒนธรรม เพื�อชุมชน สามารถพ่�งพาตนเองได้เป็นการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตของ ประชาชนในภูมิภาคอย่างยั�งยืนต่อไป ด้วยการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สินค้าจากไหมอีรี�ให้เป็นที�รู้จัก เพื�อสนับสนุนการขับเคลื�อนเป็น “Soft Power” ในสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยได้ในอนาคต 100 x 400 ซม. | การทอมัดหมี� 2 ตะกอ เส้นไหมอีรี�ย้อมสีธรรมชาติวัตถุดิบในชุมชน และสร้าง พื�นผิวผ้าด้วยเทคนิคการเกาะล้วง Outstanding Learning Support


FACULTY | 113 จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่น หลากหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ บริเวณที�ตั�งของ จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่า ชาวไต (ไทใหญ่) ในพื�นที� จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นกลุ่มที�มีจำนวนประชากรจำนวนมาก1 อีกทั�ง มีอัตลักษณ์ ทางวัฒนธรรมที�โดดเด่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และคนในชุมชน ฯลฯ ได้นำ เอาอัตลักษณ์ของชาวไตมาใช้ในเชิงพาณิชย์จนกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที�เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ�งเสื�อผ้าเครื�องแต่งกายของชาวไต นับเป็น “หัตถอุตสาหกรรม” ที�สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก ชุด ไตเป็นเครื�องแต่งกายที�มีลักษณะเฉพาะ แสดงซ่�งสุนทรียะของช่างทอผ้า ช่างตัด ผ้าที�เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที�สืบทอดกันมา รวมไปถ่งผู้ที�สวมใส่ก็สามารถ เลือกรูปแบบ สีสันของเสื�อผ้าได้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ�ง การพัฒนาต่อยอด “ชุดไต” ในรูปแบบร่วมสมัย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นโครงการที�นำเสนอรูปแบบ ชุดไตในบริบทที�ร่วมสมัย นำเอาแนวทางการออกแบบทั�งที�เป็นสากล และความ เป็นท้องถิ�นมาผสมผสานกันเน้นการใช้วัสดุ เช่น พลอย ลูกปัด เลื�อม และไหมปัก มาใช้ประกอบการสร้างสรรค์ผลงานเพื�อให้เกิดรูปแบบเครื�องแต่งกายที�สามารถ นำไปใช้ตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ทั�งยังสามารถสร้างกลุ่ม ลูกค้าใหม่เป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในชุมชนอีกด้วย การนำเอาลวดลายคลื�นน�ำ หรือ อเชะ2 (Acheiq) มาเชื�อมโยงกับรูปแบบการ แต่งกายแบบพื�นเมืองของชาวไทใหญ่ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยสร้างสรรค์ ผลงานเครื�องแต่งกายของเด็กผู้หญิงแบบประยุกต์ คือ เสื�อด้านนอกแบบโบราณ ตกแต่งด้วยกระดุมพลอยสีชมพูและชุดเดรสด้านในที�ตกแต่งด้วยลายปักแบบ คลื�นน�ำ ใช้สีในโทนเย็น ได้แก่ สีน�ำเงิน ฟ้า เขียว วัสดุที�ใช้ในการปัก คือ พลอย ลูกปัดขนาดต่างๆ เลื�อม และไหมปัก มาใช้ประกอบการสร้างสรรค์ผลงาน กล่าวได้ว่า อัตลักษณ์การแต่งกายของชาวไต หรือไทใหญ่ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์จนกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที�เป็นเอกลักษณ์ ของจังหวัด เครื�องแต่งกายของชาวไต นับว่าเป็น “หัตถอุตสาหกรรม” ที�สร้าง รายได้ให้กับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก การพัฒนาต่อยอด “ชุดไต” ในรูปแบบ ร่วมสมัยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จ่งถือว่าเป็นโครงการที�นำเสนอรูปแบบชุดไตใน บริบทที�ร่วมสมัย นำเอาแนวทางการออกแบบในรูปแบบสมัยใหม่ ทดลองใช้วัสดุ คือ ลูกปัด เลื�อม ด้าย และความเป็นท้องถิ�นมาผสมผสานกันเพื�อให้เกิดรูปแบบ เครื�องแต่งกายที�น่าสนใจ แตกต่างจากที�เคยเห็นโดยทั�วไป ใช้งานได้หลากหลาย วาระและโอกาส ตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน เอกสารอ้างอิง 1 maehongson.go.th. (2561). ลักษณะทางสังคมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน. เข้าถ่งจาก http:// www.maehongson.go.th/th/province-info/general-info/societal-characteristics.html 2 Hans Peter Ahrens, Punvasa Kunlabutr. (2004). An illustrated book of Burmese Court Textile. Bangkok: Amarin Printing and Publishing Co,Ltd. ชุดไตร่วมสมัย อาจารย์จารุวรรณ เพ็งศิริ | [email protected] สาขาวิชาศิลปศ่กษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่


114 | FACULTY ไทยทรงดำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นชาวไทยสาขาหน่�ง ซ่�งมีชื�อเรียกแตกต่างกันออก ไปหลายชื�อ เช่น ลาวโซ่ง ลาวซ่วง ลาวทรงดำ ลาวซ่วงดำ ไทยโซ่ง ไทยดำ ไทยซ่งดำ ไตคำ ไตซงดำ ผู้ไทยดำ ผู้ไทยทรงดำ แต่มีผู้ให้ความคิดเห็นถ่งการ เรียกชื�อชนกลุ่มนี�ที�อาศัยนอกประเทศไทยว่า ไทดำ หรือ ผู้ไทยดำ (Black tai) ผ้าทอพื�นเมืองไทยทรงดำ เพชรบุรีเป็นแหล่งผ้าทอที�มีสีและลวดลายที�ยังคง อนุรักษ์ความเก่าแก่ไว้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันหาดูได้ยากเพราะเป็นผ้าทอมือซ่�ง เป็นงานหัตถกรรมในครัวเรือนมากกว่าจะถูกผลิตในระบบอุตสาหกรรมมี แนวโน้มการเปลี�ยนแปลงความเสื�อมสลายของเอกลักษณ์เฉพาะถิ�นค่อนข้างสูง ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของผ้าพื�นเมืองน้อย นอกจากนี�ยังมีข้อ จำกัดหลายประการที�ทำให้การทอผ้าประสบปัญหาในการผลิตเนื�องจากต้องใช้ ความประณีต ใช้เวลานาน การผลิตซับซ้อน การผลิตเพื�อจำหน่ายได้ผลตอบแทน ที�ไม่คุ้มค่าเท่ากับเวลาที�เสียไป ทำให้ช่างทอผ้ารุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพอย่าง อื�นที�ได้ผลตอบแทนที�ดีกว่า การทอผ้าพื�นเมืองจ่งขาดการสืบทอดซ่�งเป็นปัญหา สำคัญของการเสื�อมสูญของผ้าทอพื�นเมือง ทั�งนี�ผู้วิจัยจ่งเล็งเห็นความสำคัญ เพื�อนำไปสู่การพัฒนารูปแบบผ้าทอไทยทรงดำเพื�อสร้างมูลค่าเพิ�มตามแนวทาง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ที�ยังคงรักษาไว้ซ่�งเอกลักษณ์และการสื�อความหมายของผ้า ทอไทยทรงดำไว้ได้ โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี� 1) เพื�อศ่กษาลายปะผ้า ลายปัก ลายทอ และสีที�เป็นเอกลักษณ์และความเชื�อของชาวไทยทรงดำ จังหวัด เพชรบุรี 2) เพื�อออกแบบและพัฒนาลวดลายพิมพ์ผ้าไทยทรงดำ จังหวัดเพชรบุรี โดยมีกระบวนการออกแบบลวดลายพิมพ์ ด้านสีสัน ด้านเทคนิคการพิมพ์ ด้าน วัสดุ ด้านประโยชน์ใช้สอย การใช้งานที�หลากหลาย และการประยุกต์ลวดลาย ให้ร่วมสมัยสอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบัน 120 x 120 ซม. | พิมพ์ดิจิทัลลงผืนผ้า (Digital Printing) จากการศ่กษาลายปะผ้า ลายปัก ลายทอ และสีที�เป็นเอกลักษณ์และความเชื�อ ของชาวไทยทรงดำ จังหวัดเพชรบุรี ประกอบด้วยลายที�สื�อถ่งความผูกพันกับธรรมชาติ เช่น ลายดอกเต้า (ดอกน�ำเต้า) ลายขอกูด ลายดอกจัน ลายแตงโมลายดอกพรม ลายดอกแปด และลายดอกมะลิเรียกว่า “ลายพันธุ์พฤกษา” และสีของผ้าทุกผืนของชาวไทยทรงดำมิใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั�นแต่ยังเกี�ยวข้องกับความเชื�อชาวไทยทรงดำมี 6 สี คือ สีครามเข้ม สีเหลือง สีส้ม สีเขียว สีแดง หรือสีแดงเลือดหมู และสีขาว นำมาต่อยอดผสมผสาน เทคนิควีธีการให้เกิด ลวดลายใหม่ เป็นเครื�องมือสื�อสารบอกเล่าเรื�องราวลวดลายเอกลักษณ์ไทยทรง ดำสู่ลายพิมพ์ผ้าในแนวความคิด “พฤกษาไทยทรงดำ” โดยมีกระบวนการ สร้างสรรค์ผลงาน คือ 1) ศ่กษาลายปะผ้า ลายปัก ลายทอ และสีที�เป็นเอกลักษณ์ และความเชื�อของชาวไทยทรงดำ จังหวัดเพชรบุรี 2) กำหนดขนาดสัดส่วน โครงสร้างผืนผ้าสำหรับคลุมไหล่ 3) รูปแบบลวดลายและการใช้สีตามเอกลักษณ์ และความเชื�อด้วยเครื�องมือโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก 4) การพิมพ์ลวดลาย ลงบนเนื�อผ้า Silk Satin Spandex (ผ้าซิลค์ซาตินสแปนเดกซ์) มีคุณสมบัติ มัน เงา ดูหรูหรา การสร้างสรรค์ผลงานผ้าพิมพ์ลาย “พฤกษาไทยทรงดำ” นอกจากการสร้างสรรค์ ผืนผ้าสำหรับคลุมไหล่เพื�อนำไปใช้ประโยชน์ ยังสามารถนำลวดลายไปประยุกต์ ใช้เพื�อต่อยอดสู่อุตสาหกรรมแฟชั�นเครื�องแต่งกายหรือผลงานสร้างสรรค์ใน ลักษณะอื�นๆ ได้ ผู้สร้างสรรค์หวังว่าผลงานในครั�งนี�จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ ผู้ที�สนใจในการศ่กษาเทคนิคการออกแบบ และเทคนิคการผลิตเพื�อเป็นแนวทาง ในการสร้างสรรค์ผ้าลายอื�นๆ อีกทั�งเป็นแนวทางหน่�งในการอนุรักษ์สื�อสารบอกเล่าเรื�องราวต่างๆ สู่ลายผ้าได้อีกด้วย พฤกษาไทยทรงดํา อาจารย์นันทิยา ดอนเกิด | [email protected] สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี


FACULTY | 115 เส้น สาย ลาย จาก สุวิตา แก้วอารีลาภ | [email protected] สาขาการศ่กษาทั�วไป สำนักวิชาพหุภาษาและการศ่กษาทั�วไป มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ลูกจาก เป็นต้น และนำเสนอสีสันของผ้าที�ได้จากกระบวนการย้อมสีของลูกจาก เป็นสีน�ำตาลที�มีโทนเข้มอ่อนแตกต่างกัน ข่�นอยู่กับอายุของลูกจาก รวมถ่งการใช้เครื�องมือ เช่น ยางรัด เชือก ไม้ไอศกรีม ไม้หนีบผ้า เพื�อใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายมัดย้อม โดยใช้ผ้าที�ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติในการย้อมสี ซ่�งข้าพเจ้าได้เลือกเนื�อผ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าสาลู เนื�อบางมีความพลิ�วไหวใช้ผลิตเป็นเสื�อที�สวมใส่สบาย ระบายอากาศ ส่วนผ้าชินมัย มีความหนา เหมาะมาทำเป็นกางเกง กระเป๋า เป็นต้น ส่วนในกระบวนการตัดเย็บและข่�น ต้นแบบ เป็นส่วนสำคัญที�จะต้องอาศัยความประณีต เพื�อทำให้ชุดดูดีมีราคาสูง โดยเพิ�มการตกแต่งด้วยเทคนิคการร้อยลูกปัดเพื�อให้ชุดมีรายละเอียดและมี ความแปลกใหม่ การเพิ�มลูกเล่นด้วยการถักเชือกผ้า และการสร้างลวดลายบน ผ้า โดยตัดชิ�นผ้าและนำมาจัดวางเพื�อเย็บให้เกิดเป็นลวดลายใหม่ที�สวยงาม เพิ�มมูลค่าสินค้า และมีความสร้างสรรค์เพราะเป็นสิ�งสำคัญสำหรับการแข่งขันอย่างยั�งยืน ผลงานสร้างสรรค์ในครั�งนี� ข้าพเจ้าหวังว่าสามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้สนใจ และ เป็นต้นแบบให้ชุมชนในการพัฒนาและสามารถต่อยอดได้ภายหลัง เนื�องจากการ สร้างงานใหม่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ดังนั�นสินค้าหัตถกรรมที�แตกต่าง จ่งอาจจะเป็นส่วนช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้ในชุมชน เป็นรูปแบบธุรกิจ ที�สามารถทำได้แม้อยู่ในพื�นที�ห่างไกล โดยเฉพาะในประเทศไทยที�มีวัสดุธรรมชาติ อุดมสมบูรณ์ และสามารถนำมาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ได้อีกมากมาย และหลากหลายรูปแบบ วิกฤตสิ�งแวดล้อมที�ทวีความรุนแรงข่�นทั�วโลก ทำให้เทรนด์รักษ์โลกและความยั�งยืนได้รับความนิยมสูงข่�นเรื�อยๆ ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื�อสินค้าของ ผู้บริโภคเปลี�ยนไป ทำให้ผู้ประกอบการหันมาปรับภาพลักษณ์แบรนด์ตัวเองให้ใส่ใจต่อสิ�งแวดล้อมมากข่�น เพื�อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ายุคใหม่ โดยเฉพาะ การใช้สีย้อมจากวัสดุธรรมชาติในท้องถิ�น ที�ได้รับความนิยมมากข่�น และนำมาใช้ในกระบวนการย้อมสีผ้าเพื�อจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั�นหัตถกรรมพื�นถิ�นที�สวยงาม เป็นมิตรต่อสิ�งแวดล้อม และมีเอกลักษณ์ ผลงานชิ�นนี�จ่งเป็นกระบวนการ ศ่กษาและทดลอง เพื�อนำเสนอต้นแบบผลิตภัณฑ์แฟชั�นผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ โดยใช้เปลือกลูกจากเป็นวัตถุดิบหลักในการย้อมสี และนำลูกจากที�ได้ในชุมชน ณ ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าจากครบวงจร บางหลุมพอ ตำบลขนาบนาก อำเภอ ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซี�งเป็นป่าจากที�ยังมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถ สร้างงานสร้างรายได้ให้คนในชุมชนเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันสินค้าแฟชั�นจาก การย้อมสีด้วยลูกจากยังพบเห็นได้น้อยมาก และยังไม่มีการผลิตเป็นสินค้าใน ชุมชนขนาบนาก งานนี�จ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ชุดแฟชั�น หัตถกรรม จากกระบวนการย้อมสีธรรมชาติด้วยเปลือกลูกจาก “เส้น สาย ลาย จาก” คือ การสร้างสรรค์ชุดแฟชั�นผ้ามัดย้อมสำหรับสตรี จากสี เปลือกลูกจาก ถูกนำเสนอภายใต้แรงบันดาลใจจากลวดลายของใบจากผสม ผสานกับลวดลายของเสือ เพื�อสื�อถ่งผู้หญิงที�มีความปราดเปรียว เท่ ทันสมัย แต่ ยังคงแสดงรูปแบบความเป็นเอกลักษณ์พื�นถิ�นได้ โดยออกแบบเป็นชุดเดรสลำลอง สำหรับสตรี พร้อมด้วยเครื�องประกอบการแต่งกาย เช่น กระเป๋า หน้ากาก ต่างหู สำหรับผู้หญิงส่วนสูง 170-180 ซม. | การมัดย้อมผ้าด้วยสีจากเปลือกลูกจาก และตกแต่งด้วยเทคนิค การร้อยลูกปัด การถักเชือกผ้า และตัดชิ�นผ้ามาจัดวางและเย็บเป็นลวดลาย


116 | FACULTY งานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื�องแต่งกายร่วมสมัยจากผ้าทอว่านงาช้างให้สีจาก ฟังไจ ชุมชนบ้านหนองนางด่อน จ.นครพนม ภายใต้แผนงานชุดวิจัยเรื�องนวัตกรรม ผ้าผืนจากว่านงาช้าง (Sansevieria intermedia N.E.Br.) และสีจากฟังไจ (Fungal dyes) สู่ผลิตภัณฑ์เครื�องแต่งกายร่วมสมัย ชุมชนบ้านหนองนางด่อน จ.นครพนม ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นการวิจัยและ พัฒนาจากปัญหาและความต้องการของชุมชนบ้านหนองนางด่อน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื�อ 1) เพื�อออกแบบลวดลายผ้าทอจากเส้นใยว่านงาช้างให้สีจากฟังไจจากอัตลักษณ์ ท้องถิ�น 2) เพื�อวิเคราะห์วิธีการเพิ�มมูลค่าของผ้าทอว่านงาช้างโดยการแปรรูปสู่ ผลิตภัณฑ์เครื�องแต่งกายร่วมสมัย แนวความคิด เกิดจากปัญหาและความต้องการของชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที�สามารถผลิตได้เอง โดยการประยุกต์จากภูมิปัญญาดั�งเดิมในท้องถิ�นผสาน การใช้นวัตกรรมสิ�งทอ ได้แก่ เส้นใยว่านงาช้าง และการย้อมสีจากฟังไจ โดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การออกแบบลวดลายผ้าทออัตลักษณ์ชุมชนรูปแบบเรขศิลป์โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ 1) เส้นและรูปร่างรูปทรงจากบริบทชุมชน ทั�ง ประวัติและสภาพแวดล้อมเรื�องเล่าสืบต่อกันมา 2) ชุดสีจากพืชพรรณและสิ�ง แวดล้อมในชุมชนและฟังไจ 3) เทคนิคการทอและการมัดลายจากภูมิปัญญาดั�งเดิม เพื�อทอเป็นผืนผ้าสำหรับนำมาพัฒนาสู่การออกแบบเครื�องแต่งกายร่วมสมัย ด้วยกระบวนการออกแบบแฟชั�นโดยจัดทำและพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์พัฒนา สร้างสรรค์คอลเลคชั�น ผลิตภัณฑ์เสื�อผ้าเครื�องแต่งกายสำหรับบุรุษและสตรีตามแนวความคิด แบบร่าง และผลิตต้นแบบที�เหมาะสมเป็นคอลเลคชั�น เพื�อเป็นแนวทางในการเพิ�มขีดความสามารถในการพ่�งพาตนเองของชุมชน งานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายร่วมสมัยจากผ้าทอว่านงาช้างให้สีจากฟังไจ ชุมชนบ้านหนองนางด่อน จ. นครพนม อาจารย์ ดร.วรฐ ทรัพย์ศรีสัญจัย | [email protected] สาขาวิชาแฟชั�นสิ�งทอและเครื�องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผลการสร้างสรรค์พบว่า 1) การออกแบบผ้าทอว่านงาช้าง ควรมีองค์ประกอบ หลากหลาย เนื�องจากผ้าทอมือในลักษณะเดียวกันจะมีความคล้ายคล่งกันในท้อง ตลาด ทำให้ลอกเลียนแบบได้ง่าย ฉะนั�นการออกแบบผ้าทออัตลักษณ์บ้านหนอง นางด่อนจ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการ ได้แก่ 1.1) ชุดลวดลาย จากการออกแบบ ลวดลายผ้า จากสิ�งแวดล้อม เรื�องเล่า และประเพณีชุมชนบ้านหนองนางด่อน ได้รูปแบบแม่ลายมัดหมี�จากเอกลักษณ์ของชุมชน 1 ลายคือ ลายลูกยางนา ลายตัวต่อ ลายปลาไหลเผือก นำมาใช้ประกอบกันด้วยเทคนิคมัดหมี�และการทอแบบหมี�ขั�น 1.2) องค์ประกอบเส้นใยการใช้เส้นด้ายฝ้ายผสมเส้นใยว่านงาช้าง ทอด้วยเทคนิค การสอดเส้นพุ่งพิเศษเป็นจังหวะ เพื�อให้เกิดพื�นผิวสัมผัสเส้นนูนบนผืนผ้า 1.3) ชุดสีย้อม จากการย้อมด้วยสีธรรมชาติจากวัสดุที�หาได้ในชุมชนและสีย้อมที�ได้จาก การสังเคราะห์ฟังไจ 3 สี คือ สีเหลือง สีเทาน�ำตาล และสีชมพู จากองค์ประกอบเหล่านี�สามารถสร้างสรรค์ผืนผ้าที�สร้างเอกลักษณ์ของชุมชนได้อย่างชัดเจน ผลงานลอกเลียนแบบได้ยาก 2) วิธีการเพิ�มมูลค่าของผ้าทอว่านงาช้างประกอบด้วย 4 วิธี ได้แก่ ลวดลายและเทคนิค โครงสร้างการทอ สีและเทคนิคการย้อม เส้นใยวัสดุทอ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์เครื�องแต่ง กายร่วมสมัยและเครื�องตกแต่งสำหรับบุรุษและสตรี จำนวน 1 คอลเลคชั�น สำหรับ กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภควัยทำงาน การแปรรูปผ้าทอว่านงาช้างสู่ผลิตภัณฑ์เครื�องแต่งกายร่วมสมัย เป็นการเพิ�มมูลค่าของผ้าทอว่านงาช้างจากการใช้วัสดุที�สามารถ หาได้ง่ายในชุมชนผู้ผลิต เข้าสู่กระบวนการแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยนวัตกรรม และการออกแบบ เพื�อเพิ�มมูลค่าของสินค้าชุมชนสอดคล้องกับแนวคิด แฟชั�นอย่างยั�งยืน (Sustainable Fashion) ตามกระบวนการการออกแบบสำคัญ 2 ด้านคือ 1) การเลือกใช้วัสดุเพื�อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที�ยั�งยืน 2) การผลิตอย่างยั�งยืน


FACULTY | 117 หน่�งในความเป็นไทยที�เป็นลักษณะเฉพาะของคนไทยคือชื�อจริงและนามสกุล ที�ยาวมากกว่าสองพยางค์ข่�นไป (สวพร บุญญผลานันท์และคณะ, 2017) คนไทย ส่วนใหญ่จ่งมีชื�อเล่น เพื�อใช้เรียกกันในหมู่ญาติมิตรคนสนิท และไม่ได้มาจากการ ย่อชื�อจริงให้สั�นลงเหมือนชาวยุโรป แต่เป็นการตั�งชื�อใหม่ ชื�อเล่นที�อาจจะไม่มี ความหมายใดในพยางค์ที�ออกเสียงนั�น หรืออาจจะมาจากเรื�องราวประสบการณ์ เฉพาะตัวของพ่อแม่ ดังนั�นเมื�อเพื�อนชาวต่างชาติได้รับรู้ถ่งความหมายของชื�อเล่น ที�เป็นแบบไทยๆ จ่งสร้างความฉงนให้กับพวกเขามิใช่น้อยว่าทำไมคนผู้หน่�งจ่งมี ชื�อเรียกเป็นอาหาร หรือผลไม้ อาทิ ลูกแพร์ ข้าวปุ้น แกงส้ม เป็นต้น ข้าพเจ้า สนใจในความเป็นไทยในข้อนี� ร่วมกับความกำกวมในสถานะของวัตถุที�เป็น เครื�องประดับที�แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์นั�นจะมีรูปลักษณ์เป็นแหวน แต่ก็มิได้มีหน้าที� การใช้สอยในฐานะของที�ใช้สวมบนนิ�วเท่านั�น แต่ยังสามารถนำมาประดิษฐ์ได้อีก หลายสถานะ เช่น จี� หรือสร้อยข้อมือได้ ความกำกวมเหล่านี�อาจจะเกิดข่�นจาก หลายปัจจัย อาทิ ทางรูปธรรม กายภาพของร่างกายมนุษย์ที�มีความเป็นรูปทรง ธรรมชาติและทางกายภาพของเครื�องประดับที�เป็นของชิ�นเล็กกว่าตัวมนุษย์จ่ง สามารถปรับใช้ในการแขวนห้อย พกพาไปกับร่างกายได้หลายวิธี นอกเหนือจาก กายภาพที�แปรไปได้หลากหลายดังกล่าว แนวความคิดทางศิลปะในโลกหลังสมัยใหม่ที�เกิดข่�นหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั�นได้แสดงให้เห็นความคิดของศิลปินหัวก้าวหน้าในศิลปะหลากหลายสาขาที�แสดงออกให้เห็นถ่งการปฏิเสธถ่งสิ�งเดิม ความเชื�อที�เชื�อต่อๆ กันมา แต่กลับให้ความสำคัญในการให้เกียรติในความเฉพาะตัวของแต่ละวัฒนธรรม สุนทรียศาสตร์ หลังสมัยใหม่ ยังมีการตั�งคำถามถ่งความสุขที�เคยใช้การอธิบายแบบเดิมที�ผ่านมา ว่าเป็นความจริงหรือไม่ (Sirinkraporn, 2022) ซ่�งในความสนใจนี�ได้กระตุ้นให้ศิลปินและนักออกแบบในสาขาเครื�องประดับจำนวนมากสร้างสรรค์ผลงานที�สะท้อนถ่งบทบาทที�แปรเปลี�ยนไป ซ่�งมิใช่การสวมใส่ประดับประดาเพื�อแสดงออก ถ่งความงาม หรือสถานภาพทางเศรษฐกิจของผู้สวมแต่เพียงเท่านั�นหากแต่เครื�องประดับยังถูกสนใจในฐานะวัตถุที�อยู่ใกล้ชิดติดกาย ผูกพันต่อมนุษย์อย่าง 2.6 x 4.1 x 3.3 ซม. สร้อยมุกน�ำจืดยาว 70 ซม. | ข่�นรูปด้วยมือ ล่กซ่�งทางจิตใจเกินกว่าขอบเขตเดิมในโลกก่อนยุคสมัยใหม่ไปมาก (Phillips, 2000)และความสำคัญของเครื�องประดับในรูปแบบใหม่นี�อาจเป็นอุบายที�สามารถพัฒนา มนุษย์ให้ยกระดับจิตใจให้สูงข่�น กระตุ้นเตือนให้ตระหนัก คิด สำน่กให้เข้าใกล้ อภิปรัชญาของการเป็นมนุษย์ที�สมบรูณ์แบบ สามารถพัฒนาให้เป็นหน่�งในวิธีการ ที�มนุษย์ใช้เครื�องประดับเป็นเครื�องมือในการรับมือกับความเปลี�ยนแปลงใน ศตวรรษที� 21 ที�เชื�อกันว่ามีความผันผวนที�สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ จากความสนใจข้างต้น ข้าพเจ้าได้ใช้สร้อยคอมุกน�ำจืดซ่�งเหมือนเป็นพิมพ์นิยมของ สร้อยคอสุภาพสตรีที�แสดงถ่งรสนิยมคลาสิคและงดงาม ในส่วนของแหวนนั�นก็ เป็นการแสดงถ่งภาพจำของแหวนที�ต้องมีหัวแหวนประดับด้วยอัญมณีในงานชิ�น นี�เป็นแหวนทรงลูกบาศก์ที�มีความกำกวมในฐานะที�เป็นจี� ประดับด้วยควอซท์บน สายไข่มุกน�ำจืดยาว 70 ซม. จ่งดูผิวเผินแล้วชิ�นงานนี�คล้ายเป็นสร้อยคอ แต่หาก พิจารณาดีๆ แท้จริงแล้วมันคือแหวน ผลงานเครื�องประดับที�เป็นการล้อเลียนกับ รูปลักษณ์ทางกายภาพ และแนวความความคิดในบริบทที�มากกว่าเพียงเครื�อง ตกแต่งร่างกาย จะทำให้คนได้ฉุกคิดถ่งความหมายที�แท้จริงและความสำคัญระหว่าง มนุษย์และเครื�องประดับและสามารถให้คุณค่าของเครื�องประดับในการใช้พัฒนาความเติบโตทางจิตวิญญาณและพัฒนามนุษย์ไปสู่สังคมอุดมคติในที�สุด เอกสารอ้างอิงสวพร บุญญผลานันท์, สิริวรรณ นันทจันทูล, & สุรสิทธิ� ไทยรัตน์. (2017). การศ่กษาวิธีการตั�งชื�อคนตามความเชื�อตามหลักทักษาปกรณ์. วารสารวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา, 9(2), 100-100. Phillips, C. (2000). Jewels and Jewellery. V & A Publication. https://doi. org/10.1111/j.1467-8357.2009.01008_9.x Sirinkraporn, S. (2022). Discourse of the postmodern jewellery: Identity and existence of contemporary aspects. Humanities, Arts and Social Sciences Studies (FORMER NAME SILPAKORN UNIVERSITY JOURNAL OF SOCIAL SCIENCES, HUMANITIES, AND ARTS), 21-31. สวัสดีฉันชื่อสร้อย ฉันคือแหวน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทัศน์ฐรสชง ศรีกุลกรณ์ | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


118 | FACULTY สวัสดีหมายเลข 1 Sawasdee No.1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมาภรณ์ ประพิศพงศ์วานิช | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื�อเป็นการพัฒนาและต่อยอด “โครงการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบภายในประเทศ เพื�อการผลิตยาสีร้อนสำหรับงานเครื�องประดับ” ซ่�งได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก เงินงบประมาณแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2556 ให้ครอบคลุม และมีความสมบูรณ์มากยิ�งข่�น ผู้วิจัยจ่งมีความเห็นว่าควรจะทดลองเพิ�มเติมถ่ง ขั�นตอนการผลิตยาสีร้อนในสีที�สำคัญ (สีแดง สีน�ำเงิน และสีเขียว) เช่นเดิม แต่ ให้มีโทนสีหรือเฉดสีที�หลากหลายและยังคงสะท้อนถ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทยมากยิ�งข่�น รวมทั�งลักษณะอื�นๆ คือ ความโปร่งใส ความท่บแสง และสิ�งที�สำคัญ คือการผลิตยาสีร้อนข่�นใช้เองโดยปราศจากสารตะกั�วเป็นองค์ประกอบ เนื�องจาก ผลการทดลองของการวิจัยในโครงการวิจัยก่อนหน้าได้ตรวจวิเคราะห์พบว่ายาสี ร้อนที�นำมาทดสอบนั�นมีตะกั�วเป็นองค์ประกอบหลักอย่างน้อยร้อยละ 25 ซ่�งถือ ว่าสูงมาก โดยคนทั�วไปทราบกันดีอยู่แล้วว่าสารตะกั�วนั�นเป็นพิษต่อสิ�งมีชีวิตและ สิ�งแวดล้อม ซ่�งในอุตสาหกรรมเครื�องประดับ นั�นคือ ยาสีร้อนที�ใช้เคลือบบนผิว ตัวเรือนเครื�องประดับโบราณ (เครื�องประดับทองเพชรบุรีและเครื�องประดับทอง สุโขทัย) และเพื�อเป็นการยืนยันความสัมฤทธิ�ผลของโครงงานวิจัยดังกล่าวให้เป็น รูปธรรมมากยิ�งข่�น จ่งมีการนำยาสีร้อนที�ผลิตได้บางส่วนมาประยุกต์ใช้ในการผลิต เครื�องประดับที�ผ่านการออกแบบจากองค์ความรู้ ภูมิปัญญา ตลอดจนปรัชญา การดำรงชีวิตอันเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมสู่กระบวนการการออกแบบเครื�องประดับร่วมสมัย เพื�ออนุรักษ์และเสริมสร้างความเข้มแข็งที�ยั�งยืนแก่ประเทศต่อไป ปัจจุบันนี�โลกแห่งเทคโนโลยีและสื�อโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, Facebook, Line, Instagram และ TikTok เป็นต้น ได้เข้ามามีบทบาทกับทุกเพศทุกวัย ไม่ เว้นแม้กระทั�งผู้สูงอายุ อย่างกรณี Line ผู้สูงอายุก็มักจะส่งภาพดอกไม้สวัสดีวัน จันทร์ สวัสดีวันอังคาร สวัสดีวันพุธ ฯลฯ ตามสีของวันนั�นๆ ก็เพื�อเป็นการเตือน ตัวเองด้วยว่าวันนี�คือวันอะไร พร้อมกับคำอวยพรต่างๆ ซ่�งถือเป็นเรื�องปกติ แต่ คนในวัยอื�นอาจจะรู้ส่กรำคาญว่าไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้มีการสื�อสารระหว่าง กันว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไร ซ่�งคนในวัยอื�นไม่ได้คิดตรงนี� แต่พอได้ฟังเหตุผล จากผู้สูงอายุแล้ว การส่ง Line ดังกล่าวเป็นความปรารถนาดี แทนความรัก ความห่วงใย ความคิดถ่ง และก็เป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน สำหรับการ เลือกส่งภาพดอกไม้หรือวิวเป็นส่วนใหญ่เนื�องจากมีความสุนทรียภาพทาง ความงามและทำให้รู้ส่กสดชื�นแจ่มใส (Manoottangwai, 2562) จากที�กล่าวมา แล้วข้างต้นจ่งนำมาซ่�งแนวทางการออกแบบเครื�องประดับแหวนทั�ง 7 วง นี�ที�ได้ รับแรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ในจินตนาการที�ยังคงความมีกลิ�นอายของเครื�อง ประดับไทยโบราณ ซ่�งกระบวนการสร้างสรรค์เครื�องประดับชุดนี�เลือกใช้วัสดุที� เป็นโลหะเงินบริสุทธิ� (99.99%) เพื�อให้ชิ�นงานเกิดความอ่อนช้อยและโลหะเงิน สเตอริง (92.5%) เพื�อเพิ�มความแข็งแรงให้กับชิ�นงาน หลังจากนั�นจ่งทำการข่�น รูปเครื�องประดับด้วยเทคนิคการรีด (เส้นและแผ่น) การดัด การข่�นรูปโลหะ การ เชื�อม และขั�นตอนสุดท้ายคือการลงยา (สีร้อน) เพื�อเพิ�มความสวยงามและสีสัน กับชิ�นงานให้ดูน่าสนใจมากยิ�งข่�น อีกทั�งยังเป็นการเพิ�มมูลค่าให้กับชิ�นงานนี�ด้วย การสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับชุดนี�เป็นการสร้างองค์ความรู้ในการนำยาสี ร้อนที�ผลิตข่�นมาประยุกต์ใช้ในการทำเครื�องประดับได้จริง ซ่�งในอนาคตก็จะต้องมีการวิจัยและพัฒนาให้ดีข่�นต่อไปเรื�อยๆ ในอีกแง่มุมหนี�งก็อยากจะสื�อถ่งเรื�องราวที�สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างวัย ซ่�งต้องอยู่ร่วมกันในสังคมที�ต่าง ฝ่ายก็ต่างต้องปรับความเข้าใจเข้าหากัน เพื�อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข 1 x 2 × 3 ซม. จำนวน 7 วง | การรีด (เส้นและแผ่น) การดัด การข่�นรูปโลหะ การเชื�อม และ การลงยา (สีร้อน) เอกสารอ้างอิง Manoottangwai, ทำไมผู้สูงอายุต้องส่ง LINE มาสวัสดีวันจันทร์ วันพระ มาฟังคำตอบจากปาก พวกเขากัน!!!, เข้าถ่งเมื�อ 1 กรกฎาคม 2566, เข้าถ่งได้จาก https://www.youtube.com/ watch?v=ZXDn3z90qGA


FACULTY | 119 ประดับช่วงเวลาพิเศษ For an Occasion อาจารย์พลัฏฐ์ จิรพุฒินันท์ | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร การต่อยอดด้านเทคนิคการข่�นรูปเครื�องประดับไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีการ พิมพ์สามมิติระบบหัวฉีดเส้นพลาสติกที�ผู้สร้างสรรค์เห็นถ่งโอกาสในการพัฒนา ผลงานไปสู่ลักษณะอื�นนอกเหนือจากการประดับบนร่างกาย ไปสู่การประดับ ตกแต่งบนพื�นที�อื�นโดยรอบ อันได้รับแรงบันดาลใจจากภาชนะประเภทเครื�องทอง โดยคงไว้ซ่�งแก่นของการประดับเพื�อส่งเสริมสุนทรียะและบ่งบอกรสนิยมไทย ของผู้ใช้งาน ตามแนวทางสร้างสรรค์ Digital Craft ที�เป็นการใช้ฝีมือร่วมกับ เครื�องมือเทคโนโลยี วัตถุประสงค์ 1) เพื�อศ่กษาวิธีการจัดองค์ประกอบศิลป์ของศิลปะไทย บนงาน เครื�องประดับและเครื�องทองแบบดั�งเดิม 2) เพื�อออกแบบผลงานที�ถ่ายทอดศิลปะ ไทยผ่านการใช้เครื�องมือเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ ในรูปแบบของอุปกรณ์ ประดับตกแต่งที�มีฟังก์ชั�นการใช้งาน แนวความคิด เริ�มจากสำรวจอุปนิสัยและความชอบส่วนตัวของผู้สร้างสรรค์ พบว่า การใช้เครื�องประดับและของตกแต่งนั�นสามารถสอดแทรกอยู่ในบริบทของการ พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะบนโต๊ะอาหารที�เป็นพื�นที�สำคัญ ดังตัวอย่างที�พบการ จัดเครื�องมือเครื�องใช้บนโต๊ะอาหารให้ส่งเสริมผัสสะเพื�อทำให้ห้วงเวลานั�นมี ความพิเศษยิ�งข่�น ผู้สร้างสรรค์จ่งได้วิเคราะห์ถ่งเครื�องประดับตกแต่งที�มีความ สอดคล้องกับพื�นที� แล้วออกแบบมาเป็นชุดเชิงเทียนพร้อมเทียนหอมอโรมาที�ใช้ จุดให้เกิดกลิ�นหอม พร้อมเครื�องประดับผ้ารองกันเป้�อนที�จะถูกจัดวางร่วมกับชุด จานและช้อนส้อมเพื�อสร้างสุนทรียะก่อนเริ�มต้นมื�ออาหาร กระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน 1) ศ่กษาและร่างแบบโดยอ้างอิงจากรูปร่างรูปทรง ของภาชนะกลุ่มเครื�องทองไทยในอดีตมาเป็นแรงบันดาลใจ 2) ออกแบบลวดลาย ด้วยการจัดองค์ประกอบศิลป์ตามแบบศิลปะไทยที�ค้นพบผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3) พิมพ์ส่วนประกอบของผลงานด้วยเครื�องพิมพ์สามมิติระบบหัวฉีดเส้นพลาสติก แล้วนำชิ�นส่วนทั�งหมดมาต่อประกอบด้วยการใช้ปากกาความร้อนร่วมกับการใช้ ทักษะฝีมือ องค์ความรู้ที�ได้จากการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ 1) เรียนรู้ความแตกต่างของลักษณะ การจัดองค์ประกอบศิลป์ระหว่างงานเครื�องทองและเครื�องประดับไทย 2) เข้าใจ ข้อจำกัดการข่�นรูปด้วยเครื�องมือเทคโนโลยีมากข่�น และได้พัฒนาศักยภาพด้าน การใช้เครื�องพิมพ์พลาสติก เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร (2535), ถนิมพิมพาภรณ์. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม. ซัลมา วงศ์ศุภรานันท์ (2555), การศ่กษาข้อมูลสารัตถะข้อมูลวัตถุของจริงประเภทเครื�องประดับ. สงขลา: สถาบันทักษิณคดดีศ่กษา มหาวิทยาลัยทักษิณ. วิสาข์ สอตระกูล (2562), เมื�อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการสร้างสรรค์หัตถกรรม. (ออนไลน์). เข้าถ่งได้จาก https://kooper.co/th-sensible-craft-how-can-traditional-crafts-progressin-the-industrial-world/ เชิงเทียน 6 x 6 x 16 ซม. เครื�องประดับผ้ารอง 10 x 8 x 3 ซม. | การพิมพ์สามมิติวัสดุพลาสติก และประกอบชิ�นส่วนด้วยทักษะฝีมือ


120 | FACULTY รอยต่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วินิตา คงประดิษฐ์ | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชุมชนบ้านบาตรอาศัยอยู่ในย่านเก่าดั�งเดิมตั�งแต่ครั�งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตั�งอยู่ บริเวณสี�แยกเมรุปูน ใกล้วัดสระเกศ ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นชุมชนแห่งแรกและแห่งเดียวที�ยังย่ดอาชีพทำบาตรพระด้วยการเคาะข่�นรูป เหล็กด้วยมือ บาตรทำด้วยมือจากชุมชนบ้านบาตรเรียกว่า “บาตรบุ” เดิมการทำบาตรด้วยมือจะใช้หมุดตร่งในแต่ละชิ�นส่วนของบาตรเข้าไว้ด้วยกัน แต่ในปัจจุบัน มีการประยุกต์ใช้วิธีการเชื�อมย่ดด้วยลวดน�ำประสาน เนื�องจากช่างทำหมุดคน สุดท้ายได้เสียชีวิตไปโดยไม่มีการสืบทอดวิธีการในรุ่นถัดมา กระบวนการตร่ง หมุดบนบาตรจ่งเลือนหายและถูกแทนที�ด้วยเครื�องมือที�ได้รับการพัฒนาให้ทุ่นแรงข่�น การทำบาตรบุใช้วิธีข่�นรูปโลหะด้วยการประกอบตีตะเข็บบาตรด้วยมือ จากแผ่นเหล็กจำนวน 8 ชิ�น หรือเรียกว่า “การตีบาตรแปดขอบ” มีทั�งตะเข็บ ทองแดงและตะเข็บเหล็ก เมื�อนำไปรมควันดำจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปกากบาท บนตัวบาตร อันเป็นลักษณะที�ถูกต้องตามพระธรรมวินัยมาแต่สมัยโบราณกาล จากการลงพื�นที�สำรวจสถานภาพชุมชนบ้านบาตรในปัจจุบัน พบว่าช่างทำบาตร ส่วนมากจะเป็นช่างสูงอายุที�สืบทอดวิชาช่างทำบาตรกันมาภายในครอบครัวและ เหลือเพียงแค่ไม่กี�คนที�ยังประกอบอาชีพทำบาตรด้วยภูมิปัญญาดั�งเดิมของ กระบวนการทำ “บาตรบุ” อย่างไรก็ตามด้วยความนิยมที�ลดน้อยลง ประกอบกับ ผู้บริโภคหันไปนิยมใช้บาตรที�ข่�นรูปวัสดุสแตนเลส (Stainless) น�ำหนักเบา ไร้ รอยตะเข็บ มีราคาย่อมเยากว่าจากการผลิตได้ในจำนวนมาก และทำความสะอาด ได้ง่ายกว่าบาตรเหล็กรมดำ รายได้ของชุมชนจ่งมักมาจากภิกษุสงฆ์สายธรรมยุติ ที�เคร่งครัดในพระธรรมวินัย รวมไปถ่งประชาชนที�สนใจสั�งทำข่�นเพื�อนำไปทำบุญ ถวายพระ เสียงเคาะเหล็กเป็นจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนจ่งค่อยๆ เลือนหายน้อยลงไปตามกาลเวลา ทิ�งไว้แต่เพียงเศษเล็กเศษน้อยของชิ�นส่วนจากการ ตัดเหล็ก สะสมวางทิ�งกองไว้ตามบริเวณโดยรอบบริเวณภายในชุมชน ผลงานเครื�องประดับ “รอยต่อ” สร้างสรรค์ข่�นจากเศษวัสดุเหล็กข่�นสนิมเหลือใช้ จากการตัดชิ�นส่วนประกอบบาตร ด้วยการศ่กษากระบวนการข่�นรูปบาตรบุด้วย มือ เริ�มต้นจากนำแผ่นเหล็กเหลือใช้มาฉลุลายตีตะเข็บเหล็กที�ไขว้กันไปมาและ พับเชื�อมต่อเข้ากับแผ่นทองเหลือง โดยมีแนวคิดในการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา การตีตะเข็บเหล็กเน้นย�ำรอยต่อ แสดงความงามด้วยการออกแบบจากเส้นรูปทรง ของบาตร สร้างความถ่อมใจให้ผู้สวมใส่ระล่กถ่งการรู้จักพอและลดอัตตาแห่งตน การตีตะเข็บเหล็กเสมือนรอยเชื�อมต่อของกาลเวลาทิ�งรอยสนิมไว้บนแผ่นเหล็กที� ผ่านการทำสีด้วยวิธีให้ความร้อนด้วยการเป่าไฟและลงขี�ผ่�งเคลือบทับเพื�อไม่ให้ เกิดปฏิกิริยาเปลี�ยนแปลงของสีบนโลหะเหล็กซ่�งเป็นวัสดุที�แข็งแรงแต่ก็มี คุณสมบัติความยืดหยุ่นเพียงพอที�จะสามารถเคาะข่�นรูปด้วยมือ องค์ความรู้ที�ได้จากการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� สะท้อนให้เห็นถ่งสาระความสำคัญ ของความเป็นมาและการศ่กษากระบวนการทำบาตรบุของชุมชนบ้านบาตร สร้างให้เกิดมุมมองที�มากไปกว่าการรับรู้ในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ แต่เป็น ความเหนียวแน่นภายในชุมชนที�ตั�งอยู่ท่ามกลางความเจริญของโลกยุคหลังสมัย ใหม่โดยรอบด้วยการสื�อสารผ่านเครื�องประดับ แม้ในปัจจุบันนี�กระแสบริโภค และวัตถุนิยมด่งสังคมไทยให้ออกห่างจากงานฝีมือดั�งเดิม ชุมชนบ้านบาตรก็ยัง คงไว้ซ่�งวิถีชีวิตที�คุ้นชิน ยังเป็นชุมชนที�เต็มเปี�ยมไปด้วยการคงอยู่ของชีวิต และยังสืบทอด “บาตรบุ” อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า จากรุ่นหน่�งไปสู่อีกรุ่นหน่�งต่อไป 5 x 4 ซม. และ 7 x 5 ซม. | เคาะข่�นรูปโลหะ เอกสารอ้างอิง สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน). (2562). งานศิลปหัตถกรรมประเภทการ ทำบาตร. https://www.sacit.or.th/th/detail/2019-12-13-14-47-36


FACULTY | 121 ยางวงปฏิ วั ติ ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ศิดาลัย ฆโนทัย | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรจากความสนใจในเทคนิคการถักสร้อยหกเสา ผู้สร้างสรรค์ประสงค์พัฒนาต่อยอด องค์ความรู้ด้านการถักให้ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากเดิ มการถักสร้อย ลายหกเสาตามแบบฉบับสกุลช่างเมืองเพชรบุ รี วัสดุที�ใช้ จะเป็นโลหะประเภท ทองคำและเงิน ผ่านกรรมวิธีหลอมและรีดเป็นเส้นลวดกลมบาง ตัดเชื�อมประสานเป็นห่วง แล้วใช้คีมปากกลมแหลมถ่างวงออกเป็นทรงรี และนำมาสอดถักร้อยต่อกันเป็นเส้นยาว ก็ทำให้ผู้สร้างสรรค์ย้อนรำล่กถ่งวัยเด็กที�เรานำหนังยางมาร้อยเป็นเส้นเพื�อกระโดดเล่นกัน หนังยาง หนังสติ�ก หรือยางวง แล้วแต่จะเรียก ซ่�งในตอนเด็กนั�นเราใช้หัวแม่เท้าตั�งเป็นเสาข่งยางวงและค่อยๆ สอดร้อยไขว้เส้นต่อเส้นเรื�อยไปเป็นเส้นยาว ซ่�งเทคนิคมันดูคล้ายการถักสร้อยหกเสา ด้วยคุณสมบัติเด่นของหนังยางลักษณะเป็นวงไร้รอยต่อ มีความหนา ความเหนียว และยืดหยุ่น จ่งเล็งเห็นความน่าสนใจของการนำวัสดุหนังยางนี�มาใช้ในการออกแบบให้ผู้สวมใส่สามารถร้อยหนังยางได้ด้วยตนเอง กระบวนการออกแบบเริ�มจากการศ่กษาวัสดุ คุณสมบัติเด่นต่างๆ ที�เอื�อต่อการ สร้างสรรค์ ซ่�งพบว่าหนังยางมีความนิ� มและยืดหยุ่นสูงซ่�งจะทำให้เครื�องประดับมี ความอ่อนนุ่มเมื�อสัมผัสแล้วมีความเป็นมิตรกับผู้สวมใส่ มี ลักษณะเป็นวงทำให้ สามารถผูกรัดหรือคล้องต่อกันได้โดยไม่ จำเป็นต้องเชื�อม มี สี สันและขนาดที� หลากหลายซ่�งจะทำให้สามารถสร้างเครื�องประดับที�แตกต่างกันไปตามความ ชอบของบุคคล ทำให้ได้แนวคิดของการออกแบบคือเป็นเครื�องประดับที�สามารถ ปรับเปลี�ยนสีได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานด้ วยตัวเอง ซ่�งรู ปทรงและสีของ งานสร้างสรรค์ชิ�นนี� ได้แรงบันดาลใจจากเทศกาลเดือนแห่งความภาคภู มิใจ (pride month) ของผู้ที� มีความหลากหลายทางเพศซ่�งตรงกับเดือนมิ ถุนายนที�ผู้สร้างสรรค์ เริ� มออกแบบ ผู้สร้างสรรค์ได้ ตีความหมายเทศกาลนี�เปรียบเสมือนดอกไม้ที�เกิด จากการรวมกลุ่มของคนหลากหลายเพศที� มีความเท่าเทียมกัน ดังเช่นกลีบดอกไม้ เล็กๆ ที�รวมกลุ่มกันอยู่ แทนค่าด้ วยหนังยางที� ร้อยรวมกันเป็นวงรู ปทรงดอกไม้ ถ่ายทอดพลังความสดใส มี ชีวิตชี วา ด้ วยหนังยางหลากสี ดังเช่นสีรุ้ง ซ่�งเป็นสี สัญลักษณ์กลุ่มคนเหล่านี� เป็นเครื�องประดับที�สามารถสวมใส่ได้ ทุกเพศ โดยการ ออกแบบโครงสร้างด้ วยเส้นโลหะดัด พันม้ วนแกนเป็นรูที� มีระยะห่างแต่ละรูเท่าๆ กัน เพื�อกำหนดการร้อยหนังยางให้ได้ รู ปทรงตามแบบ และง่ายต่อการร้อยและ มัดหนังยางหรือปรับเปลี�ยนสีของหนังยางได้ ด้ วยตนเอง จากนั�นกำหนดขนาด ของเส้นผ่าศูนย์กลางวงนอกแล้ วทดลองร้อยมัดหนังยางจนสามารถคำนวณ ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางวงในได้ ร้อยมัดหนังยางด้ วยการสอดไขว้ ผ่านรูไปมา ทีละวงจนเต็ ม แล้ วนำวงเล็กและวงใหญ่ มาจัดวางซ้อนสลับหน้าหลังกัน องค์ความรู้ที�ได้ จากการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี� ผู้สร้างสรรค์ ค้นพบว่าการสร้าง โครงสร้างสำหรับการนำหนังยางมาร้อยนั�น ทำให้ ตัวหนังยางเกิดเป็นรู ปทรงที� แข็งแรงโดยเฉพาะส่ วนที� มีการรัดแน่นเข้ากับโครงสร้าง ในขณะเดียวกันส่ วนอื�น ของหนังยางที�ไม่ได้ พันรัดอยู่ก็ ยังมีความยืดหยุ่น ต้องมีการพันรวบเพื�อจัดระเบียบ ทำให้ผู้สร้างสรรค์เชื�อว่าในการออกแบบโครงสร้างนั�น สามารถออกแบบให้โครง สร้างบังคับการร้อยหนังยางให้ได้จังหวะและรูปทรงที�ต้องการได้ง่ายกว่านี�ใน ขณะเดียวกันก็ ยังสามารถออกแบบโครงสร้างให้เอื�อต่อการร้อยหนังยางด้ วย เทคนิคอื�นๆ เพื�อให้เกิดรู ปทรงที�แตกต่างกันไปได้ อีกมากมาย และผู้สร้างสรรค์ ได้นำโครงสร้างไปให้ บุคคลอื�นทดลองร้อยหนังยางดูพบว่าแต่ละคนจะร้อยมัด ในรู ปแบบแตกต่างกัน เกิดเป็นความประทับใจของผู้สร้างสรรค์เพื�อจะต่อยอดออกแบบชิ�นงานที�สามารถสะท้อนความเฉพาะตนของผู้สวมใส่ผ่านการร้อยรัดหนังยางรูปแบบเฉพาะของแต่ละคนให้เกิดเป็นรูปทรงหรือสีที�แตกต่างกันออกไป 9 x 9 x 3 ซม. | ข่�นรู ปโลหะ ถัก ร้อย พัน มัด


122 | FACULTY ลมร้อนสนามจันทร์ Summer Breeze อาจารย์ ดร.อรอุมา วิชัยกุล | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูกาลที�มาพร้อมกับแสงแดดและลมร้อน ผลิดอก บานสะพรั�งสร้างความสดชื�นให้ได้รู้ส่กผ่อนคลายด้วยสีสันที�สดใส การปลูกไม้ ดอกในพื�นที�ของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัด นครปฐม ปลูกข่�นเพื�อประดับตกแต่งบริเวณอาคาร และสร้างความร่มรื�นภายใน พื�นที� ตลอดจนเพื�อการศ่กษาทางด้านพฤกษศาสตร์ มีการปลูกที�ผสมผสานกัน หลากหลายสายพันธุ์ ดังนั�นจ่งสามารถพบเห็นดอกไม้สีสันต่างๆ ได้ตลอดทั�งปี แต่ที�มีความโดดเด่นในช่วงฤดูร้อน คือ ไม้ยืนต้นที�มีเสน่ห์อย่างเช่น ตะแบก ราชพฤกษ์ และนนทรี ที�ออกดอกสู้แดดในช่วงเดือนมีนาคมถ่งเดือนพฤษภาคม ของทุกปี (บ้านและสวน, 2565) ทำให้ได้เห็นดอกไม้โทนสีม่วงและเหลืองที�บาน สะพรั�งสวยงามอยู่เต็มต้น ในขณะเดียวกันกลีบดอกที�บอบบางยังร่วงปกคลุมทั�ว บริเวณโคนต้น จ่งเกิดเป็นความงามที�มาพร้อมกับลมร้อน สะท้อนถ่งเวลา ความ งาม พื�นที� และการใช้ชีวิตที�ไม่หยุดนิ�งของนักศ่กษาในมหาวิทยาลัย ซ่�งเป็น ฤดูกาลแห่งการเจริญเติบโต ผลิบาน เจริญงอกงามในเวลาที�เหมาะสม ดังนั�นผล งานสร้างสรรค์เครื�องประดับร่วมสมัยชุดนี�จ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อการแสดงออก ถ่งสุนทรียภาพในฤดูร้อนของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนาม จันทร์ ผ่านความงามของสีสันของดอกไม้ และความละเอียดอ่อนของการอยู่ร่วม กันของมนุษย์และธรรมชาติอันเป็นบรรยากาศที�มีชีวิตชีวา การสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับได้เลือกใช้ 1) กลีบดอกตะแบก ดอกราชพฤกษ์ และดอกนนทรีที�ร่วงโรยลงสู่พื�น 2) ถุงพลาสติกเหลือใช้จากการบริโภคของนักศ่กษา ในมหาวิทยาลัยศิลปากร นำมาสร้างสรรค์เป็นวัสดุคอมโพสิตโดยการใช้ความ ร้อนจากเตารีดประสานวัสดุทั�ง 2 ชนิดเข้าด้วยกันแทนการใช้กาว จนได้แผ่นวัสดุ คอมโพสิตสีม่วงจากดอกตะแบก และสีเหลืองจากดอกราชพฤกษ์และดอกนนทรี จากนั�นนำแผ่นวัสดุมาตัดและจัดองค์ประกอบร่วมกับตัวเรือนที�ทำจากโลหะเงิน เพื�อเป็นการสร้างสีและพื�นผิวที�แตกต่าง รวมทั�งสร้างมูลค่าให้กับชิ�นงาน การจัด วางแบบซ้อนทับสร้างมิติความแน่นหนาสะท้อนรายละเอียดของดอกไม้ที�บาน สะพรั�งอยู่เต็มต้น และร่วงหล่นอยู่ทั�วโคนต้น ตลอดจนการผสมผสานรูปร่างของ สะพานสระแก้วอันเป็นสถานที�นั�งพักผ่อนหย่อนใจของนักศ่กษาและบุคคลทั�วไป เพื�อแสดงออกถ่งสัญลักษณ์ของพื�นที� ธรรมชาติ และฤดูกาลอันน่าจดจำในฤดูร้อน ผลงานเครื�องประดับร่วมสมัยชุดนี�แสดงถ่งคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ด้วยการนำ สีสันที�สวยงามของธรรมชาติอันเป็นสัญญาณบ่งบอกถ่งการเปลี�ยนผ่านของ ฤดูกาล มาแสดงออกผ่านการสร้างวัสดุที�คงเอกลักษณ์ด้านสีสันของดอกไม้ใน ฤดูร้อน และมีรูปร่างรูปทรงที�บ่งบอกถ่งวิถีความงามของบรรยากาศผ่านการ ประดับตกแต่งร่างกาย และผลงานสร้างสรรค์นี�ยังได้สร้างองค์ความรู้ด้านการ ออกแบบที�สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื�อนการพัฒนาประเทศไทยด้วย เศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 – 2570 เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติ (ชีวภาพ) และถุงพลาสติกเหลือใช้ที�ย่อยสลายยากและกำลังเป็นปัญหาด้านสิ�งแวดล้อมใน ปัจจุบันมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการพัฒนารูปลักษณ์และเปลี�ยนแปลง บทบาทหน้าที�ใหม่สู่วัสดุเพื�องานเครื�องประดับที�มีความงาม และความคงทน ผลลัพธ์ด้านวัสดุสามารถพัฒนาให้มีสีสันตามชนิดของพืช มีความหนา ความแข็ง และความเหนียวมากยิ�งข่�น เพื�อต่อยอดสู่งานเครื�องประดับในรูปแบบที�หลากหลาย ต่อไป สร้อยคอ: 25 x 27 x 4 ซม. แหวน 4 x 6 x 5 ซม., 2.5 x 6 x 5 ซม. เข็มกลัด 9.5 x 7 x 4 ซม. | เทคนิคการสร้างวัสดุคอมโพสิตจากดอกตะแบก ดอกนนทรี ดอกราชพฤกษ์ ถุงพลาสติกเหลือใช้ และการข่�นรูปโลหะเงิน Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 123 สงบอย่างสนุก ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญสิ ริ ชาติ นิยม | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วัสดุแก้ว เมื�อมองล่กลงไปในเนื�อของแก้ว มีความหักเหของแสงและแลดูวิบวับให้ความรู้ส่กมีมิติของโลกแห่งจินตนาการอยู่ภายใน เช่นเดียวกับท้องฟ้า ที�มองดูกว้างไกล ราบเรียบ แต่ก็มีเสน่ห์ยิ�งนัก การมองท้องฟ้าสร้างความรู้ส่กได้หลาก อารมณ์ มันอาจสร้างความรู้ส่กมีพลังงาน ไร้กรอบ ยิ�งใหญ่เหนือกว่า หรือกลับ กลายเปลี�ยนเป็นความรู้ส่กสงบ เฉย หยุดแน่นิ�งได้แค่ภายในเสี�ยวนาทีของจังหวะท้องฟ้าเดิมนั�น และท้องฟ้าเองก็ยังแปรเปลี�ยนตัวเองได้มากมายไม่เคยซ�ำ เช่นเดียวกับอารมณ์มนุษย์ก็มักไหลล่องหรือวูบวาบไปได้อย่างสุดจะคาดเดา การมองฟ้าเป็นช่วงแห่งความเงียบที�จะมีห้วงความคิดไล่ละเลียดสิ�งต่างๆ แต่ละวัน หรืออาจจะมีความรู้ส่กใดสักอันโถมเข้ามาแบบที�แม้ไม่ต้องการรับแต่ก็รับเข้าไป ในใจเรียบร้อย เพื�อรอวันที�สมองอันน่าอัศจรรย์ จะตีความและให้กระโดดออกมา แสดงตนอย่างไม่ ทันตั�งตัว เมื�อเป็นดังนั�น เครื�องประดับที�มักถูกใช้เคียงกายมนุษย์ ในทุกๆ วัน ก็อาจจะรับแรงสั�นไหวทางกายาและอารมณ์ และส่งเสียงหน่ วยแก้ ว กระทบกันมาให้ผู้ใส่ได้ รับและสะสมไว้ บ้าง เผื�อจะได้ ถูกค้นให้ระล่กถ่งในสักวัน ต่อไปข้างหน้า เครื�องประดับชิ�นนี� เป็นสร้อยคอประดับด้ วยแก้ ว ซ่�งเป็นวัสดุที� มี เสน่ ห์ มีแรงด่งดูดสายตา แก้วก็คล้ายอารมณ์ที�ไหลลื�น จับให้มั�นได้ยาก และมอง ดู วูบวาบไปมา ชิ�นแก้วมี ลักษณะเป็นลูกกลมใส ถูกร้อยเรียงให้บางลูกขยับกลิ�ง กระทบกันได้ บ้าง บางลูกห้อยอยู่โดดเดี�ยว หรือบางลูกถูกปล่อยให้แกว่งตัวไปมา ได้ บ้าง ลูกแก้ วได้ รับการทำสี ผิ วเป็นสีเหลือบอ่อนๆ ในโทนเหลือง ปนปะแล่ ม เขียวและฟ้า ที�เมื�อมองในทิ ศทางต่างออกไป ก็ จะเห็นสีเหลือบนี�เปลี�ยนเฉดไปได้ สีเหลือบมีทั�งแต้มฉาบอยู่บนผิ วและเข้าเนื�อแก้ ว มีทั�งมองเห็นใสชัดแวววาวและ ขุ่นเป็นฝ้าบาง เครื�องประดับนี�เมื�อถูกสวมใส่เป็นสร้อยคอ ลูกแก้วที�กระทบชนกันจะเกิดเสียงกรุกกริกตามจังหวะอิริยาบถของผู้ใส่ การสร้างชิ�นงานเครื�องประดับนี�ใช้แก้ วใส ประเภทโบโรซิ ลิเกต นำมาเป่าไฟร้อน ข่�นรู ปให้เป็นทรงกลม และใช้เทคนิคการทำไอระเหยของโลหะลงบนผิ วแก้ ว ซ่�ง คือการให้ความร้อนที�ชิ�นโลหะ (ในงานนี� ใช้เป็นโลหะเงิน) จนเกิดเป็นละอองเล็กๆ ลอยไปติดบนเนื�อแก้ ว ก็ จะได้ สีเหลือบโลหะฉาบลงบนผิ วของแก้ ว การควบคุมสี ให้เข้ มหรืออ่อนหรือเปลี�ยนโทนสีออกไป จะเกิดได้ จากการให้ระยะเวลาและ อุณหภู มิที�สร้างไอระเหยโลหะให้ปลิ วออกไปจับบนแก้ ว ไอระเหยจากโลหะเงินนี� จะสร้างให้เกิดเฉดสีเหลืองอ่อน สีน�ำตาลอ่อน สี ส้มอ่อน สีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อน และไปจนถ่งสี ม่ วงอ่อน ซ่�งเฉดสีเหลือบนี� ก็ ยังถูกมองเห็นแปรเปลี�ยนไปได้ตาม สภาพแสงและมุมมองสายตาอีกด้ วย ผลงานเครื�องประดับนี�สร้างจากวัสดุแก้ ว ที�เป็นวัสดุ มี ชีวิตชี วา แต่นำมาเสนอใน แบบเรียบง่ายโดยต้องการสะท้อนให้เห็นถ่งความไม่นิ�งของอารมณ์ของมนุษย์ ความไม่แน่นอนของความคิดความรู้ส่ก ซ่�งมันก็คือส่วนหน่�งของการใช้ชีวิต ต้องมี จังหวะแกว่งไหวไปและมาและมีอารมณ์ที� ถูกเติ มแต่งไปในแต่ละวัน เครื�องประดับ สามารถส่งเสียงกรุกกริกเบาๆ ระหว่างการสวมใส่ จากเสียงกระทบเบาๆ ของแก้วนี� ไม่ว่าจะเบาใสหรือสั�นรัวตามกาลกิริยาของร่างกาย ก็น่าจะถูกได้ยินโดยผู้ใส่อยู่บ้าง ซ่�งถือว่าเป็นการสานสัมพันธภาพระหว่างเครื�องประดับและผู้สวมใส่เอง เหล่าเสียงที� รับรู้เข้าไปในตัวนั�นสะท้อนและบันท่กภาวะของชีวิตไว้ กับผู้ใส่หาก จะมี วันหน่�งที� จิตใจสงบพอ ก็อาจช่ วยให้เข้าใจกิ ริยาและอารมณ์ จากการใช้ ชีวิต มากข่�น ชิ�นงานสร้างโดยใช้เทคนิคไอระเหยโลหะที�สนับสนุนกับความต้องการนำ เสนอเหลือบสีตามสีของแสง เฉดสีเหลือบที�เห็นแปรเปลี�ยนได้ จากหลายมุมมอง ก็เชื�อมความคิดไปถ่งท้องฟ้าที�แปรเปลี�ยนในทุกๆ วัน ให้เข้าใจถ่งความเปลี�ยนแปลงอันเป็นสิ�งแท้แน่นอน เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 ซม. | การเป่าแก้ ว


124 | FACULTY ประดับ-ตําหนิ Ornamental Flaw รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบเครื�องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หน่�งในแนวทางการสร้างความอยู่รอดของมนุษย์อย่างยั�งยืน คือการพัฒนาและ เติบโตอย่างเป็นมิตรกับสิ�งแวดล้อม เราสามารถเริ�มต้นจากการฟ้�นฟูทรัพยากร ธรรมชาติเพราะเป็นต้นทุนที�สำคัญที�สุดและปรากฏนับตั�งแต่เรากำเนิด ทั�งนี� เพื�อ ให้ผลิตภัณฑ์ใช้สอยต่างๆ ยังตอบสนองความต้องการด้านการบริโภคของมนุษย์ เราจำเป็นจักต้องผลิตสินค้าที�ตั�งอยู่บนฐานความคิดของการรักษาสมดุลอันเอื�อ อารีต่อระบบนิเวศและการออกแบบวงจรผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที�เน้นเป้าหมาย การนำกลับมาใช้ใหม่หรือสูญสลายคืนสู่ธรรมชาติได้ โดยเน้นย�ำกระบวนการผลิต ที�ไม่ทิ�งทรัพยากรหลงเหลือโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยเหตุนี� ผู้สร้างสรรค์จ่งหยิบยก ประเด็นเรื�องการเพิ�มมูลค่าและคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติสำหรับผลงาน สร้างสรรค์เครื�องประดับ ประเภท ‘แหวน’ ในนาม “ประดับ-ตำหนิ” การออกแบบหมุนเวียน (Circular Design) คือ ความคิดเชิงทฤษฎีที�เป็นจุดเริ�ม ต้นที�ดีสำหรับการพัฒนาการออกแบบที�ยั�งยืน กล่าวคือการออกแบบหมุนเวียน หมายถ่ง กระบวนการผลิตที�ควบคุมและบริหารจัดการด้วยตนเองโดยพิจารณา ถ่งระยะเวลาและวงจรชีวิตทั�งหมด แต่เดิมเรามีวิธีการที�เรียกว่า “รีไซเคิล” (Recycle) ซ่�งเป็นจุดกำเนิดของการออกแบบยั�งยืนที�ทำปฏิบัติกันมายาวนาน และ ถือเป็นเรื�องปัจเจกที�ประสบความสำเร็จได้อย่างเรียบง่ายที�สุด เนื�องจากการ รีไซเคิลเริ�มต้นได้ที�ตัวเราเพราะเป็นวิธีการลดปริมาณขยะ อนุรักษ์พลังงาน และ ใช้ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ แต่ปัจจุบันโลกก้าวเข้าสู่วิกฤตของสภาพอากาศเปลี�ยนแปลง มนุษย์จ่งต้องปรับแนวปฏิบัติต่อวิถีการดำรงชีวิตไปสู่การคิดแบบวงจร (Circular Thinking) อันหมายรวมถ่งแก้ไขปัญหาที�ซับซ้อนโดยการออกแบบระบบและ ปรับปรุงกระบวนการใช้งานทรัพยากรให้เกิดผลลัพธ์ที�ยั�งยืน นับตั�งแต่การรีไซเคิล ไปจนถ่งการย่อยสลายอย่างต่อเนื�องโดยที�ของเสียจะสามารถกลับคืนสู่การเป็น วัตถุดิบในการผลิตอีกครั�ง จักเห็นได้ว่า ‘แหวนประดับ-ตำหนิ’ ได้รับการเพิ�ม มูลค่าด้วยหลักการออกแบบหมุนเวียนเพื�อเพิ�มประสิทธิภาพในการจัดการ ทรัพยากรที�มีให้เกิดประโยชน์และขยายอายุการใช้งานของวัตถุดิบด้อย ประโยชน์ ตลอดจนลดการสร้างขยะเหลือทิ�ง (Global Compact Network Thailand, 2566) ‘ผลผลิตเครื�องประดับ’ แสดงหลักการออกแบบหมุนเวียนมีเป้าหมายในการกำหนด นิยามใหม่ของการเจริญเติบโตทางกายภาพและจิตใจ มิได้มุ่งหวังจำนวนการผลิต ที�ลงทุนมหาศาล หากเน้นการแยกกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกจากการใช้ทรัพยากร ที�จำกัดและให้ความสำคัญกับการออกแบบวงจรการนำของเสียออกจากระบบ เพื�อให้ศูนย์กลางการหมุนเวียนอยู่ที�การเดินทางของขยะและมลพิษ รวมทั�งยืด อายุและชีวิตของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานที�สุด ซ่�งการเพิ�มคุณค่าทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการออกแบบเชิงทฤษฎีดังกล่าวผสมผสานกับการสร้างสรรค์ผลงานด้วย ทักษะประณีตศิลป์ไทย สะท้อนปรัชญา “อรรฆวิทยา” (Axiology) ที�ศ่กษาปัญหา เกี�ยวกับค่านิยม มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที�เป็นนามธรรมอันเกิดจากการประเมิน ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์สังคมและธรรมชาติ (Hart, 1971) ทั�งนี� เพื�อเสริม สร้างความหนักแน่นของข้อเท็จจริงที�เป็นปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมอัน สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส นับเป็นการสนับสนุนคุณสมบัติทางความงาม เชิงประจักษ์. 3.8 x 5 x 4.5 ซม. | การข่�นรูปตัวเรือนด้วยวิธีการหล่อน�ำดินจากเศษดินพอร์สเลน พร้อมฝังหิน สีมีตำหนิแตกหักด้วยเทคนิคประณีตศิลป์ไทย เอกสารอ้างอิง Global Compact Network Thailand. (2566). ปัดฝุ่นธุรกิจด้วย Circular Design: เส้นทาง(รอด)ที�ยั�งยืน. Retrieved from https://globalcompact-th.com/news/detail/1366. Hart, S. L. (1971). Axiology--Theory of Values. Philosophy and Phenomenological Research, 32(1), 29–41. https://doi.org/10.2307/2105883.


FACULTY | 125 ชุดเครื่องประดับ Skylight ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตรกานต์ บรรเทิงไพบูลย์ |[email protected] สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิยายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction) เป็นหมวดหน่�งของนวนิยายที�เสนอเรื�อง ราวของมนุษย์และสังคมในจินตนาการที�มีความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีขั�นสูง ฉากหลังหน่�งที�มีอิทธิพลสำคัญที�มักปรากฏอยู่ในนิยายประเภท นี�คือ อวกาศปรากฏการณ์และการสำรวจอวกาศ โดยอวกาศในนิยายวิทยาศาสตร์ จะมีทั�งส่วนผสมของหลักความจริง และส่วนที�ผู้แต่งต่อเติมจินตนาการข่�นเอง ก่อให้เกิดความหลากหลายของแนวคิดและเรื�องราว สร้างความน่าสนใจให้กับ การดำเนินเรื�อง เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแนวทางทางศิลปะ เกิดเป็นรูปแบบ ทางศิลปะที�น่าสนใจหลากหลายมาเป็นเวลานาน ดังที�ปรากฏในสื�อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ งานออกแบบกราฟิก ผลิตภัณฑ์ สถาปัตยกรรม และแฟชั�น เป็นต้น งานสร้างสรรค์นี�จ่งมีวัตถุประสงค์เพื�อนำเสนอจินตนาการของนิยายวิทยาศาสตร์ ที�สามารถสวมใส่ได้ ผ่านการออกแบบชุดเครื�องประดับแฟชั�น ที�ผสานแรง บันดาลใจร่วมกับการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการออกแบบและผลิตชิ�นงานที�มี ความร่วมสมัย กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานได้เลือกปรากฏการณ์ของแสงสี ที�สะท้อนกับจักรกลในอวกาศ มาเป็นจุดเริ�มต้นในการออกแบบเพื�อแปลงภาพใน จินตนาการให้สามารถจับต้องได้ให้อยู่ในรูปทรงสามมิติ โดยเลือกใช้เลนส์เคลือบ ฟิล์มสีที�ใช้ในอุตสาหกรรมแว่นกันแดดเป็นวัสดุหลัก ที�สามารถสร้างให้เกิดสี เหลือบที�เปลี�ยนแปลงไปในองศาการมองต่างๆ มาทดลองจัดเรียงให้เกิดรูปทรง ทางคณิตศาสตร์รูปแบบต่างๆ โดยใช้โปรแกรมออกแบบสามมิติ จนได้รูปทรงที� มีความซับซ้อนน่าสนใจ จ่งนำมาออกแบบโครงสร้างที�เหมาะสมต่อการจัดวางบน ร่างกายมนุษย์ และออกแบบรายละเอียดการประกอบเลนส์เข้ากับตัวเรือน โดย เลือกใช้วัสดุไนลอน (Nylon) ในการพิมพ์สามมิติเป็นโครงสร้างตัวเรือนชิ�นงาน ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที�มีน�ำหนักเบา มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง สามารถ ผลิตได้ขนาดใหญ่สามารถผลิตรายละเอียดที�ซับซ้อน และมีคุณสมบัติที�เป็น มิตรต่อสิ�งแวดล้อมที�สามารถนำกลับมาใช้ซ�ำได้สูง งานสร้างสรรค์แสดงให้เห็นถ่งคุณค่าของการต่อยอดจินตนาการ ร่วมกับการใช้ เทคโนโลยีในกระบวนการออกแบบ ก่อให้เกิดองค์ความรู้ด้านการพัฒนากระบวน การออกแบบโดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื�องมือในการทดลอง ออกแบบรูปทรง ซ่�งการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถช่วยสร้างรูปทรงที�มี ความซับซ้อน มีเทคนิคหลากหลายในการประกอบรูปทรง สามารถคำนวณน�ำหนัก ชิ�นงาน และสามารถทดลองสร้างภาพเสมือนจากวัสดุที�หลากหลายได้ จ่งช่วย ประหยัดเวลาและลดการสิ�นเปลืองวัสดุ สามารถต่อยอดเป็นกระบวนการสำคัญ ในการพัฒนาแบบได้ในอนาคต และก่อให้เกิดองค์ความรู้ด้านวัสดุ ทั�งวัสดุใน การพิมพ์สามมิติและวัสดุเลนส์ โดยได้ศ่กษาคุณสมบัติกระบวนการผลิตที� เหมาะสม ข้อจำกัด และต้นทุนการผลิตของวัสดุสามารถนำองค์ความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในการเลือกวัสดุในการออกแบบได้ต่อไป รูปแบบของผลงานสำเร็จได้รับการตอบรับที�ดีจากสื�อทั�งในไทยและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเพื�อให้ได้งานที�มีความละเอียดประณีตสูง ทำให้กระบวนการผลิต มีต้นทุนสูงโดยเฉพาะการผลิตด้วยการพิมพ์สามมิติและเครื�องประดับขนาด ใหญ่รูปแบบยังไม่เหมาะสมต่อการผลิตเพื�อการขายเชิงพาณิชย์ สามารถพัฒนา และลดทอนขนาดให้มีความเหมาะสมต่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และออกแบบ ให้มีความหลากหลายได้มากยิ�งข่�นต่อไป 30 x 30 x 20 ซม. จำนวน 2 ชิ�น | การพิมพ์สามมิติ การเจียรเลนส์ การหล่อโลหะ เอกสารอ้างอิง นิยายวิทยาศาสตร์. สืบค้นเมื�อ 1 กรกฎาคม 2564, จาก วิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/ wiki/สถานีย่อย:นิยายวิทยาศาสตร์ Dave Morris and Leo Hartas. (2003). Game Art: The graphic art of computer games. Singapore: Page One. Mark Bould. (2012). Science Fiction. New York: Routledge. Pablo Hidalgo. (2016). Star Wars Rogue One: The ultimate visual guide. London: Dorling Kindersley.


126 | FACULTY แก้วแห่งศรัทธา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุพงศ์ จงชานสิทโธ | [email protected] สาขาวิชาออกแบบแฟชั�น สิ�งทอ และเครื�องประดับ คณะศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เครื�องประดับเป็นสิ�งใช้ตกแต่งร่างกายควบคู่กับเสื�อผ้าของมนุษย์ตั�งแต่อดีตถ่ง ปัจจุบัน ถ่งแม้เครื�องประดับเป็นสินค้าฟุ่มเฟ้อย มีราคาสูง และจัดอยู่นอกปัจจัย 4 ของมนุษย์คือ เสื�อผ้า ยารักษาโรค อาหาร และที�อยู่อาศัย แต่ทั�งนี�ผู้คนยังคง สวมใส่เครื�องประดับเพื�อเสริมบุคลิกและประดับตกแต่งร่างกายให้สวยงามนอก เหนือจากเสื�อผ้าอยู่เสมอ ความส้าคัญของเครื�องประดับโดยเฉพาะเครื�องประดับ เงินที�มีต่อเศรษฐกิจของไทยนั�นมีมูลค่าการส่งออกในเดือนมกราคม-เมษายน 2566 เป็นมูลค่า 444.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 1 รูปแบบเป็นสิ�งส้าคัญประการหน่�ง ที�ส่งผลให้เครื�องประดับเงินได้รับความนิยม คือ การออกแบบที�มีความแตกต่าง จากเดิม เช่น ลวดลาย อัญมณี เทคนิคการท้า และวัสดุ โดยเฉพาะการน้าวัสดุ เหลือใช้หรือวัสดุท้องถิ�นมาประยุกต์ใช้เพื�อสะท้อนให้เห็นเนื�อหาเรื�องราวของ วัฒนธรรมท้องถิ�น ดังนั�นการออกแบบที�มีความแตกต่างจากเดิม จากความ สวยงามหรือคุณค่าของรูปทรง และลวดลายจากสิ�งต่างๆ เช่น งานศิลปกรรม ท้องถิ�น งานหัตถกรรม ฯลฯ เป็นแนวทางหน่�งที�สร้างความแตกต่างของชิ�นงาน เครื�องประดับ งานสร้างสรรค์รูปแบบเครื�องประดับเงินชื�อ “แก้วแห่งศรัทธา” จ่ง มีวัตถุประสงค์หลักเพื�อ 1) ออกแบบเครื�องประดับเงินเป็นชุดที�สัมพันธ์กัน 3 ชิ�น คือ สร้อยคอ ต่างหู แหวน ที�ประดับด้วยวัสดุเหลือใช้คือเศษกระจกสี จากการ ประดับศาสนสถานในพุทธศาสนา 2) บอกเล่าเนื�อหาเรื�องราว ที�เกี�ยวข้องกับ ความเชื�อและศรัทธาในพุทธศาสนาผ่านรูปแบบเครื�องประดับเงิน และ 3) เป็น แนวทางสร้างทางเลือกการใช้รูปแบบเครื�องประดับเงินให้กับผู้บริโภค แนวความคิด ใช้เนื�อหา เรื�องราว หรือหลักค้าสอนของพุทธศาสนา 2 เรื�อง คือ 1) ไตรสิกขาคือหลักพื�นฐานของการพัฒนามนุษย์ให้เป็นคนดี ประกอบด้วย 3 สิ�งคือ ศีล สมาธิ ปัญญา รูปทรงเครื�องประดับจ่งถูกออกแบบโดยประยุกต์หรือ ตัดทอนจากรูปทรงสามเหลี�ยม และ 2) มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง หมายถ่ง ทางปฏิบัติที�ไม่เน้นหนักในทางอุดมการณ์ใดอุดมการณ์หน่�งเกินไป มุ่ง เน้นใช้ปัญญาในการใช้ชีวิต ดังนั�นเครื�องประดับจ่งสื�อออกมาในรูปทรงของวงรี ซ่�งเป็นรูปทรงที�คลี�คลายหรือยืดหยุ่นจากวงกลม ส่วนกระจกสีเน้นการใช้สีโทน เย็นให้ความรู้ส่กสงบร่มเย็นมีสมาธิ กระบวนการสร้างสรรค์ 1) ก้าหนดแนวคิดเบื�องต้น โดยการศ่กษาเนื�อหาเรื�อง แนวโน้มการออกแบบเครื�องประดับและกลุ่มผู้บริโภค 2) วิเคราะห์ข้อมูลจาก นามธรรมสู่รูปธรรม โดยวิเคราะห์จากค้าสอนเรื�องไตรสิกขาและมัชฌิมาปฏิปทา 3) ออกแบบร่างเครื�องประดับ โดยการออกแบบร่างเครื�องประดับ จ้านวน 3 ชุด จากนั�นจ่งคัดเลือกให้เหลือ 1 ชุด 4) ผลิตชิ�นงานเครื�องประดับจริง ปรับแก้แบบ ร่างให้สมบูรณ์มากข่�นและหาความเป็นไปได้ในการผลิตชิ�นงานจริง สรุปอภิปรายผลของการสร้างสรรค์ 1) เป็นเครื�องประดับเงินลักษณะเชิงวัฒนธรรมที�ออกแบบเป็นชุด ประกอบด้วย 3 ชิ�นคือ สร้อยคอ ต่างหู และ แหวน ออกแบบ ตามหลักการ อสมมาตร หรือ 2 ข้างไม่เท่ากัน ใช้โลหะเงินเป็นวัสดุหลักในการ ผลิตตัวเรือน 2) เครื�องประดับเงินเป็นทางเลือกหน่�งส้าหรับผู้บริโภค นอกเหนือ จากการใช้เครื�องประดับทองค้าซ่�งมีราคาสูง 3) เกิดองค์ความรู้ทางด้านออกแบบ เครื�องประดับเชิงวัฒนธรรมที�เกี�ยวข้องกับค้าสอนในพระพุทธศาสนา 4) ชิ�นงานเครื�องประดับเงินชุดนี�สามารถใช้เป็นต้นแบบหรือแนวทางผลิตเพื�อจ้าหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ 5) องค์ประกอบศิลป์ หลักการออกแบบ และกระบวนการคิด สร้างสรรค์เป็นสิ�งส้าคัญพื�นฐานที�ใช้สร้างผลงาน สร้อยคอเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 ซม. ต่างหู ยาว 7 ซม. แหวน เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 ซม. | การดัด การฉลุ การร้อยห่วง และการประดับอัญมณี เอกสารอ้างอิง 1 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื�องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) “สถานการณ์ส่ง ออกอัญมณีและเครื�องประดับไทยเดือนมกราคม-เมษายน ปี 2566”, (2566),1 เข้าถ่งเมื�อ 13 มิถุนายน 2566, เข้าถ่งได้จาก https://infocenter.git.or.th/article/article-20230609


FACULTY | 127 ถมอารมณ์ดีหมายเลข 1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์เจษฎา สุขสิกาญจน์ | [email protected] สาขาวิชาศิลปศ่กษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช หนังตะลุง คือ ศิลปะการแสดงประจำท้องถิ�นอย่างหน่�งของภาคใต้ เป็นมหรสพ ที�นิยมแพร่หลายมาเป็นเวลานานและแสดงถ่งวิถีชีวิตของชุมชนคนภาคใต้ได้เป็น อย่างดี จุดเด่นความสนุกในศิลปะการแสดงหนังตะลุง คือ ตัวตลกหนังตะลุง เป็นตัวละครที�มีความสำคัญอย่างยิ�งและขาดไม่ได้ บทตลกคือเสน่ห์ หรือสีสัน ที� นายหนังจะสร้างความประทับใจให้กับคนดู เมื�อการแสดงจบลง สิ�งที�ผู้ชมจำได้ และยังเก็บไปเล่าต่อก็คือบทตลก1 ตัวตลกเอกที�มีชื�อเสียงเป็นที�รู้จักทั�วไป นาย หนังทุกคณะนิยมนำไปแสดง คือ อ้ายเท่ง โดยเลียนแบบบุคลิกมาจากนายเท่ง ซ่�งเป็นชาวบ้านอยู่บ้านคูขุด อำเภอสะทิงพระ จังหวัดสงขลา เป็นคนรูปร่างผอม สูง ลำตัวท่อนบนยาวกว่าท่อนล่าง ลงพุง ผิวดำ ปากกว้าง หัวเถิก ผมหยิกงอ ใบหน้าคล้ายนกกระฮัง2 และในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็มีงานหัตถศิลป์ที�มี คุณค่าเป็นภูมิปัญญา และมรดกทางวัฒนธรรม คือการทำเครื�องถมนคร หัตถศิลป์ ทั�ง 2 ประเภท สามารถนำมาประยุกต์ในการออกแบบสร้างสรรค์ให้เกิดความ แปลกใหม่ ร่วมสมัย อนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ�นอันทรงคุณค่าไว้ได้ แนวความคิดการออกแบบชุดเครื�องประดับ “ถมอารมณ์ดี หมายเลข 1” นำเอา วัฒนธรรมการเล่นหนังตะลุงมาผสมผสานกับเทคนิคการทำถมนคร กลุ่มเป้าหมาย ในการออกแบบเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที�ชอบการสวมใส่เครื�องประดับตาม ความเชื�อ นำตัวตลกในหนังตะลุงมาสร้างเรื�องราวความเชื�อและทัศนคติเชิงบวก นำเอาอ้ายเท่งซ่�งเป็นตัวตลกเอกมาออกแบบและด่งบุคลิกที�เป็นเอกลักษณ์ของ ตัวละคร คือ เป็นคนกล้าหาญ ชอบการผจญภัย เป็นคนดี และมีอารมณ์ขัน ใน การออกแบบจี�มีการผสมพลอยสีแดง เพื�อแสดงอารมณ์ความรู้ส่กของงานออกแบบ กระบวนการออกแบบสร้างสรรค์ใช้เทคนิคการลงถม เลเซอร์คัท และ การฝัง พลอย มีการร่างแบบ ปรับปรุงพัฒนา และผลิตต้นแบบเครื�องประดับเป็นชุดเซ็ท ผลงานชุดเครื�องประดับ “ถมอารมณ์ดี หมายเลข 1” ประกอบด้วย จี� ต่างหู และ แหวน เป็นการสร้างสรรค์ผลงานที�ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวตลกเอกในหนังตะลุง การสร้างสรรค์ในครั�งนี� เป็นการผสมผสานองค์ความรู้การทำถมนครกับหนังตะลุง วัฒนธรรมท้องถิ�นของชาวภาคใต้ เพื�อให้เกิดเป็นผลงานการออกแบบเครื�องประดับ ที�ร่วมสมัย สามารถสวมใส่ได้ง่ายในชีวิตประจำวันตามพฤติกรรมผู้บริโภค3 ด้วยวัสดุและรูปแบบที�ทันกระแสแฟชั�น เป็นเครื�องประดับเพื�อความเชื�อและทัศนคติ ในเชิงบวก เพราะทัศนคติของคนแต่ละคนเป็นเสมือนพลังขับเคลื�อนพลังชีวิตของ คนนั�น และเป็นองค์ประกอบสำคัญที�สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จหรือ ล้มเหลวในทุกๆ สิ�ง รวมไปถ่งประโยชน์ของการอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญา การทำเครื�องประดับถมนครของคนนครศรีธรรมราช ให้ร่วมสมัยอยู่กับสังคมที� เปลี�ยนแปลงไป จี� 5 x 5 ซม. ต่างหู 2 x 2 ซม. แหวน 3 x 3 ซม. | ถมเงิน และ พลอย เอกสารอ้างอิง 1 วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังตะลุง, เข้าถ่งเมื�อ 1 มิถุนายน 2565, เข้าถ่งได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/หนังตะลุง 2 Prince of Songkla University, ตัวตลกในหนังตะลุง, เข้าถ่งเมื�อ 20 มิถุนายน 2565, เข้าถ่งได้จาก https://archive.clib.psu.ac.th/online-exhibition/talung/page7.html 3 เจษฎา สุขสิกาญจน์ และคณะ, “การพัฒนารูปแบบเครื�องประดับถมเงินนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื�อการอนุรักษ์ เผยแพร่และเพิ�มมูลค่าให้กับภูมิปัญญาท้องถิ�น” (รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, 2561), 80.


128 | FACULTY อัตลักษณ์นครสวรรค์นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศมลพรรณ ธนะสุข | [email protected] สาขาวิชาศิลปกรรม คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที�ตั�งอยู่ในตอนบนของภาคกลาง หรือบางหน่วยงานจัดให้ อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ จ่งได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ภาคเหนือ” และยังเป็นที�ตั�งของบ่งบอระเพ็ด ซ่�งเป็นพื�นที�อนุรักษ์ ทะเลสาบ/พิพิธภัณฑ์เพื�อ การศ่กษา เป็นที�อยู่อาศัยของนกหายากอย่างเช่น นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร และ ยังเป็นบ่งน�ำจืดขนาดใหญ่ที�สุดในประเทศไทย เป็นถิ�นอาศัยของนกนานาชนิดที� พากันโบยบินอวดความสวยงามกันเต็มที�โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเมื�อมีนก อพยพเดินทางเข้ามาอาศัยในบริเวณนี�กันอย่างมากมาย พื�นที�บางส่วนได้รับการ ประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าและอยู่ในความดูแลของกองอนุรักษ์สัตว์ป่า วัตถุประสงค์ 1) เพื�อศ่กษาวิเคราะห์รูปแบบเครื�องประดับประเภทต่างหูจากกะลา มะพร้าว กลุ่มหัตถกรรมกะลามะพร้าวชุมชนหัวเขาตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัด นครสวรรค์ 2) สร้างสรรค์พัฒนาเครื�องประดับประเภทต่างหูจากกะลามะพร้าว เพื�อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพกลุ่มหัตถกรรมชุมชนหัวเขาตาคลี อำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ แนวคิดสำหรับงานออกแบบในรูปแบบของการคิดใหม่ (Reinvention) โดยใช้ ความคิดสร้างสรรค์บนพื�นฐาน “อัตลักษณ์” ที�ถือว่าเป็นปัจจัยเก่า เชื�อมโยงกับ “พฤติกรรมและความต้องการ” ที�ถือว่าเป็นปัจจัยใหม่ ทำให้เกิดรูปแบบใหม่ โดยการออกแบบเครื�องประดับอัตลักษณ์นครสวรรค์ ผู้วิจัยได้กำหนดให้การ ออกแบบเป็นลักษณะของงานสมัยใหม่ คือ อัตลักษณ์ของนครสวรรค์ นกเจ้าฟ้า หญิงสิรินธร ผู้สร้างสรรค์ผลงานออกแบบเครื�องประดับ เล็งเห็นความสำคัญ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ที�เป็นสัตว์สัญลักษณ์ในจังหวัดนครสวรรค์ จ่งพัฒนา เครื�องประดับประเภทต่างหูจากวัสดุกะลามะพร้าวให้เป็นที�ยอมรับและต้องการ ของตลาดและชุมชน นำมาสร้างสรรค์ผลงานเครื�องประดับที�สอดคล้องกับท้องถิ�น การออกแบบและพัฒนาเครื�องประดับจากวัสดุจากธรรมชาติที�สะท้อนความเป็น ภูมิปัญญาท้องถิ�น ได้แนวทางในการพัฒนาเป็นเครื�องประดับประเภทต่างหูจาก วัสดุที�มีอยู่ในท้องถิ�น คือ กะลามะพร้าวและนำมาสร้างสรรค์เป็นอัตลักษณ์และ อนุรักษ์นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ซ่�งเป็นสัตว์ที�กำลังจะสูญพันธ์ให้กับจังหวัดนครสวรรค์ โดยการทดลองและการนำเสนอแบบร่างพบว่า เครื�องประดับประเภทต่างหูให้ ความรู้ส่กและแสดงความเป็นอัตลักษณ์สถานที�ท่องเที�ยวบ่งบอระเพ็ด พื�นที� อนุรักษ์จังหวัดนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี องค์ความรู้ที�ได้จากการสร้างสรรค์: 1) ได้กระบวนการศ่กษาและวิเคราะห์แนวทางการออกแบบเครื�องประดับประเภทต่างหูจากกะลามะพร้าว 2) ได้แนวทางการ ออกแบบเครื�องประดับประเภทต่างหูจากกะลามะพร้าวที�มีรูปแบบเฉพาะตัวและ ทันสมัย แสดงถ่งอัตลักษณ์ของจังหวัดนครสวรรค์ได้อย่างชัดเจน 3) ได้ต้นแบบ เครื�องประดับประเภทต่างหูจากกะลามะพร้าวที�สื�อถ่งอัตลักษณ์ของจังหวัด นครสวรรค์ ซ่�งสามารถนำไปพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่าย ภายในชุมชน 5 ซม. | ผลิตภัณฑ์เครื�องประดับ เอกสารอ้างอิง นวลน้อย บุญวงษ์. (2542). หลักการออกแบบ. พิมพ์ครั�งที� 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วิบูลย์ ลี�สุวรรณ. (2542). ศิลปหัตถกรรมพื�นบ้าน. (พิมพ์ครั�งที� 4) กรุงเทพฯ: ต้นอ้อแกรมมี�.


FACULTY | 129 Twist รองศาสตราจารย์เรวัต สุขสิกาญจน์ | [email protected] สาขาวิชาการศ่กษาทั�วไป (ศิลปะและการออกแบบ) สำนักวิชาพหุภาษาและการศ่กษาทั�วไป มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ หัตถศิลป์เป็นสิ�งที�เกิดควบคู่และจำเป็นกับการดำเนินชีวิต แสดงถ่งวิถีชีวิตของ ชุมชน มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ�น เรียบง่ายและงดงาม ลักษณะเหล่านี�เป็นสิ�งที�มีคุณค่า และสำคัญของศิลปหัตถกรรม สะท้อนให้เห็นถ่งความเป็นอยู่ สภาพเศรษฐกิจสังคม ตลอดการสร้างสรรค์สืบทอดจากบรรพบุรุษสู่อีกชั�วคนหน่�งเป็นเวลานับร้อยปี 1 เช่นเดียวกับเครื�องถม เป็นที�รู้จักกันในฐานะหัตถศิลป์ชั�นสูงที�เก่าแก่ มีการ ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน ช่างถมเมืองนครศรีธรรมราชถือว่าฝีมือดีที�สุด2 ส่วนศิลปะภาพแกะหนังตะลุงก็เป็นหัตถศิลป์ ที�มีชื�อเสียงมาตั�งแต่อดีตควบคู่กับการเล่นหนังตะลุง ภาพแกะหนังตะลุงเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที� เข้าถ่งกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย คุณค่าที�เกิดข่�นสื�อถ่งอัตลักษณ์ภาคใต้ได้ อย่างชัดเจน3 จากการที�หัตถศิลป์ทั�ง 2 ประเภท มีความโดดเด่นและทรงคุณค่า มีภูมิปัญญาที�สืบทอดมายาวนาน ผู้ออกแบบจ่งมีแนวความคิดในการประยุกต์ เข้าด้วยกันเพื�อให้เกิดเป็นชุดเครื�องประดับที�มีคุณค่า แปลกใหม่ และร่วมสมัย แนวความคิดการออกแบบชุดเครื�องประดับถมนคร “Twist” แบ่งเป็น 2 ด้าน 2 อารมณ์และความรู้ส่ก มีแรงบันดาลใจมาจากลวดลายสีสันของเครื�องแต่งกาย ตัวพระตัวนาง ใช้กระจกสีเป็นวัสดุตกแต่ง สื�อถ่งความหรูหรา และลวดลายสีสัน โค้งงอของทรงผมตัวตลก ใช้ถมสีดำสื�อถ่งความตลก สามารถปรับเปลี�ยนรูปแบบ ในการใช้งาน โดยการบิด หมุน เพื�อปรับเปลี�ยนอารมณ์ความรู้ส่กและโอกาสใน การสวมใส่ ให้เป็นความหรูหราหรืออารมณ์ดี เฉกเช่นการดูหนังตะลุงที�มีหลาก หลายอารมณ์ กระบวนการสร้างสรรค์ มีการร่างแนวความคิดเบื�องต้น 3 แนวทางโดยนำแต่ละแนวทางมาออกแบบร่าง ทั�งหมด 3 ชุดเซ็ท แต่ละชุดเซ็ท ประกอบ ด้วย จี� กำไล ต่างหู แหวน พร้อมกับสร้างผลิตภัณฑ์ทดลอง เพื�อทดลองรูปทรง การใช้งาน และความงาม ประกอบการพิจารณาคัดเลือกเหลือ 1 ชุดเซ็ท โดยขอ คำแนะนำจากผู้เชี�ยวชาญ เพื�อนำมาปรับปรุงพัฒนา และผลิตต้นแบบเครื�องประดับผลงานชุดเครื�องประดับถมเงินนคร “Twist” ประกอบด้วย จี� ก้าไล ต่างหู แหวน เป็นการเชื�อมโยงภูมิปัญญาระหว่างเครื�องถม และศิลปะภาพแกะหนังตะลุง เข้า ด้วยกัน เกิดเป็นเครื�องประดับที�มีคุณค่า แปลกใหม่ และร่วมสมัย ผลงานที�เกิด ข่�นมีองค์ประกอบที�ดีตามหลักการออกแบบ ดังนี� 1) ขนาดและสัดส่วนเหมาะสม กับประเภทของเครื�องประดับ และผู้สวมใส่ 2) รูปร่าง รูปทรง สร้างความแตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 3) โครงสร้าง ความแข็งแรง สอดคล้องกับรูปแบบที� ออกแบบ 4) สีสันของวัสดุเดิมคือสีของเนื�อเงิน และการผสมผสานระหว่างวัสดุ 5) ลวดลายเกิดข่�นมาจากพื�นผิวของวัสดุ มีคุณค่าด้านสุนทรียภาพและอารมณ์ ความรู้ส่ก4 เป็นการสร้างสรรค์จากวัสดุเดิมคือเงินแท้ 90% โดยใช้กรรมวิธีการ ผลิตทั�งแบบเดิม (ถมดำ) และการผสมผสานระหว่างวัสดุต่างชนิด (กระจกสี) องค์ความรู้และประโยชน์ของผลงานสร้างสรรค์ชุดนี�นำไปเป็นต้นแบบสำหรับ ชุมชนผู้ผลิตถมเงินนคร ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และผลิตจำหน่ายเชิง พาณิชย์ได้ จี� 6.5 x 6.5 x 0.8 ซม. กำไล 6.5 x 5.5 x 6.5 ซม. ต่างหู 1.6 x 6.2 x 0.7 ซม. แหวน 4.5 x 3 x 3 ซม. | ถมเงิน และ กระจกสี เอกสารอ้างอิง1 วัฒนะ จูฑะวิภาต, ศิลปหัตถกรรมของช่างทองเมืองเพชร: ความเป็นมาและสภาพปัจจุบัน (กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ�นติ�ง กรุ๊ฟ, 2535), 17. 2 ยงยุทธิ� ผันแปรจิตร์, “การศ่กษาและพัฒนาเครื�องถมจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื�อการ ออกแบบเครื�องประดับที�ทำจากโลหะผสม” (ปริญญานิพนธ์หลักสูตรศิลปกรรมศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ, 2554), 1. 3 เรวัต สุขสิกาญจน์ และคณะ, “การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมหนังตะลุงโดยใช้วิธี การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กรณีศ่กษา ชุมชนสร้างสรรค์หัตถกรรมภาพแกะหนังตะลุง ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช” (รายงานการวิจัย สำนักวิชา สถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, 2552), 95. 4 นภกมล ชะนะ และเกษมรัสมิ� วิวิตรกุลเกษม, “นวัตกรรมการสร้างสรรค์เครื�องประดับเงิน เมืองนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื�อการอนุรักษ์ เผยแพร่และพัฒนาเพื�อเพิ�มมูลค่าให้กับ ภูมิปัญญาท้องถิ�นและอุตสาหกรรมเครื�องประดับของไทย” (รายงานการวิจัยสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, 2554), 94-95.


130 | FACULTY Me and Susie ผู้ช่ วยศาสตราจารย์เกษร ผลจำนงค์ | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร การด้ารงชีวิตในปัจจุ บันนี�ต้องเผชิญกับปัญหาและอุ ปสรรค ทั�งภายนอกและ ภายในจิตใจ จากการเลี�ยงดู จากครอบครัวที� มีความอบอุ่น จากครอบครัวพ่อแม่ ให้ความรักและความเมตตาทั�งคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ซ่�งได้ซ่มซับมา ตั�งแต่ เด็ก ความอบอุ่นในชนบทที�ไม่ ค่อยมีความวุ่นวาย ต่างกับสังคมเมืองที� มี ความแตกต่างของคนในสังคม อาจไม่เคยเผชิญกับความรู้ส่กอ่ดอัดที�ได้ รับ ที� มิ อาจปล่อยวางบางสิ�งบางอย่างได้ในทันที ทันใด น้ามาซ่�งความฟุ้งซ่านภายใน จิตใจบางครั�ง หาทางระบายออกไม่ได้เกิดความอ่ดอัด อัดอั�น ไม่เข้าใจในอารมณ์ ของเหตุผลบางประการของคนรอบข้าง เกิดอาการหมดใจ พร้อมทั�งมี สัตว์เลี�ยง แมว ชื�อ ซูซี� ที�เป็นเพื�อนปลอบใจข้าพเจ้ามาโดยตลอด ท้าให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการน้ามาสร้างสรรค์เพื�อให้เกิดการระบายออกทางความรู้ส่ก ผ่อนออก คลายออก ผ่านการแสดงออกทางศิลปะ ที� มีความละเอียดภายในใจ กลั�นออกมา ด้ วยจิตที� ประณีตข่�น แนวความคิด กระบวนการสร้างสรรค์: 1) จากสิ�งต่างๆ แรงกดดัน ความอ่ดอัด ที� มากระทบจิตใจ ที�เก็บเอาไว้ภายในใจ มาเรียบเรียงเกิดเป็นแรงบันดาลใจเบื�องต้น ในด้านรู ปแบบคือ อยากหนี จากโลกความเป็นจริง เพ้อฝัน น้ามาวิเคราะห์เพื�อ ให้เกิดความละเมียดละไมในการสร้างสรรค์และการถ่ายทอดเพื�อสื�อให้เห็นความอ่ดอัดที�ไม่ได้ไประบายด้วยความไม่ได้ยับยั�งชั�งใจ แต่เป็นการสร้างสรรค์เพื�อให้เกิดความรู้ส่กใหม่ ที�ไม่ได้โทษสิ�งรอบข้าง และผ่อนคลายในการแสดงออกผ่านศิลปะ 2) รูปแบบที�ถ่ายทอดออกมาก็จะไม่ได้ให้ความถูกต้องตามหลักกาย วิภาค แต่ จะเน้นการถ่ายทอดแบบก่�งเหมือนจริง เพื�อหนี จากโลกความเป็นจริง อาจมีอารมณ์การประชดประชัน ฯลฯ ผ่านการท้าแบบร่างที�เป็นลายเส้น ขาว-ด้าเป็นล้าดับแรก หลังจากนั�นวิเคราะห์แบบร่าง ด้วยหลักขององค์ประกอบศิลป์ เพื�อ น้ามาพิ จารณาในการน้ามาขยาย วิเคราะห์ ก่อนเลือกเป็นชิ�นงานจริง 3) เตรียม วัสดุ อุ ปกรณ์ เช่น เฟรมผ้าใบ ขั�นของการเตรียมพื�นเพื�อให้เกิดความเรียบร้อย และง่ายในการลงสี ทั�งผสมสีเพื�อให้เกิดโทนสีเฉพาะในการน้ามาปฏิบั ติงาน สร้างสรรค์ ต่อไป 4) ปฏิบัติงานรองพื�นด้ วยโครงสีโดยรวมและให้เกิดความเรียบ ที� สุด เพื�อให้เกิดความต่งของผิวที�ไม่ ค่อยมี สีบรรยากาศอื�นมาผสม เพื�อให้เกิด ความรู้ส่กอ่ดอัดแบบหม่นๆ และร่างภาพลายเส้นลงไป เพื�อให้ รู ปทรงที� มีความ ล้นออกนอกกรอบ เพื�อเสริ มให้รู้ส่กอ่ดอัดในด้านรู ปทรงด้ วยอีกทางหน่�ง ลงสี โดยรวมทั�งหมด แล้วถ่งเก็บรายละเอียดของชิ�นงานที�ใช้ ลักษณะของการขีดเส้น ซ้�า ๆ เพื�อฝึกความนิ�งในชิ�นงาน โดยการใช้พู่กันในการสานเส้น เพื�อเกิดสมาธิใน การปฏิบัติงาน เก็บงานและเช็คน้�าหนักและองค์ประกอบศิลปะอื�นๆ ที�น้ามาถ่ายทอด ผลงานชิ�นนี�ยังมีความไม่สมบูรณ์แบบเท่าที�ตั�งเป้าหมายเอาไว้ ด้ วยเหตุที�การ สร้างสรรค์ในส่ วนของชุดที�สวมใส่ในชิ�นงาน ตอนสร้างสรรค์อยากให้ มีความซับ ซ้อนในรู ปทรงมากกว่านี�แต่ ด้ วยพื�นที�ของภาพเล็กไป จินตนาการได้ น้อย เมื�อชิ�น งานเสร็ จสมบูรณ์แล้ว ท้าให้เห็นแนวทางในการเตรียมองค์ประกอบภาพส้าหรับ งานชิ�นต่อไปที� มีขนาดใหญ่ข่�น 40 x 60 ซม. | สีอะคริ ลิก Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 131 ข้าพเจ้าจ่งนำสิ�งที�กล่าวข้างต้นมาสร้างเป็นแนวความคิดเรื�องชีวิตที�ต้องดำเนิน อยู่ท่ามกลางความเปลี�ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในโลกที�กำลังจะมาถ่ง โดยมีขั�นตอนการทำงานดังนี� 1) นำพลาสติกโมเดลรูปตัวเอง นก สัตว์ สิ�งของที�สร้าง ข่�นมาถ่ายรูปเพื�อเป็นแบบสำหรับการเขียน 2) ร่างภาพลงบนเฟรมผ้าใบที�เตรียมพื�นไว้เรียบร้อยแล้ว 3) ใช้เทคนิคสีอะคริลิก จ่งเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง ผลงานชุดนี� การนำประสบการณ์ในชีวิตจริงกับจินตนาการทำให้เกิดกระบวนการทำงาน สร้างสรรค์ที�ใช้การจัดวางและการจัดแสงแบบหุ่นนิ�งใช้รูปทรงคน สัตว์ สิ�งของ สี บรรยากาศของภาพที�กำหนดข่�นเอง นำมาประกอบกันจนเกิดเป็นผลงานชุดนี�ข่�น ลุยนํ้าท่วม, นกกระจอกอยากเป็นนกอินทรี, บิน 2 รองศาสตราจารย์ธีรวัฒน์ งามเชื�อชิต | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผลงานจิตรกรรมชุดนี�สร้างข่�นเพื�อให้มนุษย์เราได้เริ�มตระหนักรู้ว่าธรรมชาติที�อยู่ รอบๆ ตัวเราในโลกนั�นเริ�มเปราะบาง ถ่งเวลาที�มนุษย์ควรต้องเรียนรู้เรื�องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและการจัดการกับทรัพยากรในโลกนี�อย่างเข้าใจและเอื�อเฟ้�อ ต่อเพื�อนมนุษย์ด้วยกัน แนวความคิดและกระบวนการสร้างสรรค์: ทุกวันนี�น�ำแข็งทั�วโลกมีอัตราการละลาย เพิ�มข่�นทุกปี เมื�อปี 2554 ข้าพเจ้าเป็นหน่�งในผู้ประสบภัยจากน�ำท่วมกรุงเทพฯ ปีนั�นน�ำท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ อย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน ผู้คนต้องใช้เรือสัญจรแทนรถ หลายครอบครัวต้องออกมาตั�งเพิงพักบนพื�นที�สูง มีการ ปันส่วนน�ำและอาหารเพื�อการดำรงชีวิต ทุกคนต้องช่วยเหลือซ่�งกันและกันไม่เว้นแม้กระทั�งสัตว์ต่างๆ สิ�งนี�เป็นประสบการณ์ตรงที�ข้าพเจ้าได้พบและสัมผัสมา 1) 90 x 130 ซม. 2) 65 x 80 ซม. 3) 60 x 80 ซม. | สีอะคริลิก Outstanding Artistic Skill


132 | FACULTY นกน้อยในโลกที่เต็มไปด้วยจอกแหน A little bird in the world covered with duckweed รองศาสตราจารย์พรพรม ชาววัง | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร คำสอนในพุทธศาสนา กล่าวว่าจิตเดิมของสัตว์โลกนั�นบริสุทธิ�ผ่องใส แต่เพราะ ธรรมชาติของจิตปุถุชนนั�นล้วนถูกปกคลุมห่อหุ้มด้วยกิเลสที�ฝังอยู่ในใจสัตว์มา เนิ�นนาน สัตว์จ่งมักไม่เชื�อหรือไม่รู้ความจริงว่าเป็นเช่นนั�น ทำให้หลงผิด โง่เขลา จมปลักวนเวียนอยู่ในวัฏจักรความมืดมนแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ พ่อแม่ ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวเคยยกภาพพจน์โวหารในคำเทศนาของท่าน เกี�ยวกับ “อจลศรัทธา” (ความเชื�อมั�นต่อสิ�งที�ประจักษ์ใจแล้ว เป็นความเชื�อที�ไม่เสื�อมถอยตลอดกาล) โดยผู้สร้างสรรค์สรุปความเข้าใจมาจากคำเทศนา ได้ดังนี� ท่านสอน ว่าสิ�งที�ล�ำค่าที�สุดไม่มีอะไรเกินหัวใจ สิ�งที�เลวร้ายที�สุดก็ไม่มีอะไรเกินหัวใจ กิเลส นั�นกล่อมใจได้สนิทถ้าเราไม่ได้ใช้ความพยายามบุกเบิก กิเลสจะกล่อมใจไปชั�ว กัปชั�วกัลป์ เราต้องพยายามหลายๆ ครั�งหลายๆ หน ต่อไปก็จะค่อยมีหนทางที� บุกเบิกต่อไปได้ความพยายามปฏิบัติภาวนาเอาชนะกิเลสจนพบความอัศจรรย์ ภายในจิตใจให้ได้สักครั�งหน่�งนั�นสำคัญมาก เป็นเชื�อสำคัญ เป็นอจลศรัทธา โดย เปรียบจิตเราเป็นสระน�ำบ่งใหญ่ มีจอกแหนปกคลุมไว้ ทีแรกเราน่กว่าไม่มีน�ำใน สระ มีแต่จอกแหน แต่เวลาไปเปิดจอกแหนออกก็แลเห็นน�ำใส น�ำนี�ดีตักมาดื�ม กินใช้สอย ครั�นพอถอนมือข่�นมา จอกแหนก็หุบเข้ามาปกคลุมหุ้มห่อไว้เหมือน เดิม มองไม่เห็นน�ำอีก แต่ความเชื�อว่าน�ำในสระนี�มี ฝังล่กนั�นเรียกว่าไม่ถอน แม้ จะไม่ปรากฏผลอันสงบสุขดังที�เคยปรากฏมาแล้วทุกระยะที�ทำก็ตาม แต่ความ หยั�งลงแห่งความเชื�อในผลที�เคยปรากฏแล้วนี� ไม่มีวันถอนเลย นอกจากจะยิ�ง พยายามให้มากข่�นโดยลำดับๆ จนเห็นผลเช่นนี� และยิ�งๆ ข่�นไปกว่านี�เท่านั�น สุดท้ายก็ปรากฏผลข่�นมาเรื�อยๆ เพราะความเพียรพยายาม ผลงานชิ�นนี�ต้องการแสดงออกถ่งความพยายามพิจารณาทำความเข้าใจธรรมชาติ ของชีวิตและจิตวิญญาณของตนเองการสำรวจตามดูกิเลสในจิตใจของตนเอง โดยเลือกใช้รูปทรงเหมือนจริงของธรรมชาติเพียง 2 ชนิด คือ แหนกับนก เป็น สื�อแสดงสาระของผลงาน ก่อนการสร้างสรรค์ มีการเก็บข้อมูลทางรูปแบบของ แหน โดยวิธีการถ่ายภาพแหนจริงจากบ่งน�ำ ศ่กษารูปแบบ (Pattern) ของใบแหน และรูปแบบการลอยตัวปกคลุมผิวน�ำ การรวมตัวกันแผ่เป็นกลุ่ม การแยกกระจาย ตัวของแผ่นแหนยามต้องสายลม หรือเมื�อผืนแหนรับแรงกระทบจากวัตถุ จากแรง กระทำอื�นๆ การสังเกตพบว่าจังหวะการรวมตัวและกระจายตัวของผืนแหน สร้าง จินตนาการเชื�อมโยงกับรูปแบบของเปลือกโลกเมื�อมองจากอวกาศได้ อีกทั�งเมื�อ แหนต้องลมพัดพา จะเห็นรูปแบบความงามที�เรียบง่าย สะอาดตาสะอาดใจ ทำให้ รู้ส่กเพลินใจ สงบ ผ่อนคลาย จิตพร้อมจะระล่กถ่งธรรมและความดีงามของโลก อย่างเงียบๆ ส่วนองค์ประกอบของรูปทรงที�ใช้สื�อถ่งมโนทัศน์ทางพุทธศาสนา ผู้ สร้างสรรค์ได้เลือกใช้รูปทรงนกกระจิบจำลองที�ทำจากสังกะสีข่�นสนิมเก่าคร�ำคร่า เป็นตัวแทนของชีวิตและจิตวิญญาณที�เปราะบางโง่เขลาของตนเอง องค์ประกอบ รูปทรงธรรมชาติทั�งหมดถูกนำมาออกแบบในสไตล์ที�น้อย เรียบง่าย (Minimal) ใช้รูปทรงกลมสื�อรูปธรรมของลูกโลก (Earth) ใช้แพทเทิร์นของแหนแสดงภาพพจน์(Image) ของกิเลสที�ปกคลุมห่อหุ้มใจสัตว์นกสังกะสีที�ประกอบติดอยู่ด้านบนสุด ของเฟรมทรงกลม ประหน่�งว่ากำลังพิจารณา “โลก” กายภาพที�ปรากฏภายนอก (Physical world) และ “โลก”ภายใน (Mind) ของตนเองอย่างเงียบๆ ผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบผลงานสื�อผสมจากความซาบซ่�งในหลักธรรมคำสอน ทางพุทธศาสนา ผ่านพระธรรมเทศนาองค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว สิ�ง ที�เห็นเป็นรูปธรรมจากผลงานชิ�นนี�คือ สไตล์การออกแบบงานศิลปะสื�อผสม ที�เรียบง่าย คล้ายคำพูดที�สั�นกระชับ แต่พอควรแก่สาระที�ต้องการแสดงออก เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซม. | สื�อผสม (สีอะคริลิกบนผ้าใบและวัสดุสำเร็จรูป) Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 133 สุวรรณอรุณ 999999999/2566 รองศาสตราจารย์พิทักษ์ สง่า | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ความเชื�อแห่งพลังธรรมชาติที�ส่งถ่ายพลังที�มีต่อการดำเนินชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะพลังของแสงอาทิตย์ช่วงยามรุ่งอรุณหรือยามเช้า เป็นเรื�องของความเชื�อของคนทางแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวไทยและชาวจีนที�มีต่อความเชื�อร่วมกับความเป็นศิริมงคล ที�เกิดความเป็นมงคลของสิ�งต่างๆ เช่น คน สัตว์ สิ�งของ ธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ก้อนหิน แร่ชนิดต่างๆ เชื�อว่ามีพลังที�สามารถน้าพลังมงคลดีงาม น้าเข้ามาสู่เคหะสถานที�พักอาศัยของครอบครัว สุขภาพร่างกาย เสมือนสิ�ง ศักด�ิสิทธ�ิ โดยจะเก็บรักษาดูแลรักษาอย่างดีภายใต้ความเชื�อที�ว่ามีความมั�นคง มั�งคั�ง ยั�งยืน โชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ได้น้าความเชื�อที�เป็นนามธรรมนำมาสร้างสรรค์ร้อยเรียง ข่�นมาใหม่เป็นรูปธรรม โดยน้ารูปธรรมทางสัญลักษณ์ส่วนสำคัญมาใช้ประกอบร่วมกันเป็นความงามทางสุนทรียะ คือ 1) กรอบสี�เหลี�ยมแทนสัญลักษณ์ของหน้าต่างหรือประตูอันหมายถ่งโลกทัศน์แห่งจินตนาการทางความฝัน มองการณ์ ไกล พัฒนาอยู่ตลอดเวลา 2) บันไดแทนสัญลักษณ์การเดินทาง ความก้าวหน้า 21.5 x 32 x 59.5 ซม. | เชื�อมสเตนเลส Outstanding Artistic Skill ต่อยอดสืบสาน พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ�ง หรือหมายถ่งการเดินทางไปข้างหน้าอย่าง ตั�งใจจริงจัง 3) พื�นที�ว่างภายนอกและภายในกรอบหน้าต่างหรือประตูแทนสัญลักษณ์ เส้นแบ่งกั�นเวลาปัจจุบันและอนาคต จากเวลาอีกที�หน่�งไปยังอีกที�หน่�ง จะหมายถ่ง การเปลี�ยนแปลง 4) ฐานสี�เหลี�ยมแทนสัญลักษณ์ความมั�นคง แข็งแรง สมบูรณ์เต็มครบถ้วน ไม่ลังเล แน่วแน่ หนักแน่น หรือหมายถ่งความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้เหลือเก็บ ไม่ขาดแคลน ไม่ขัดสน 5) คนโทน�ำแทนสัญลักษณ์การเก็บน�ำเก็บ อาหารไว้กินช่วงเวลาที�ทุกข์ยากลำบากขาดแคลน เตรียมความพร้อม 6) การรวม กันของสัญลักษณ์ทั�ง 5 ข้อ แสดงให้เห็นถ่งการอยู่ร่วมกันอย่างทรงพลังสร้างให้เกิดคุณค่าแห่งเอกภาพทางสุนทรียะทางความงามทางศิลปะ ในรูปแบบประติมากรรม 3 มิติ อย่างไรก็ตามความหมายที�นำมาใช้นี� เป็นเพียงการตีความตามประสบการณ์ ตรงของผู้สร้างสรรค์ที�นำมาใช้ในงานศิลปะประติมากรรม 3 มิติ เพื�อนำนิมิตไป สู่จินตนาการทางความงามอันสุนทรียะอย่างมีเอกลักษณ์ของตนเองที�ทุกคนรู้จักนัยหรือคำจำกัดความว่าศิลปะ ส่วนผู้ชม ผู้ดูอาจมองเห็นทางจินตนาการออกไป จากที�ผู้สร้างสร้างสรรค์ไว้ก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด


134 | FACULTY ทานบารมี อาจารย์สมฤทัย วงศ์ใหญ่ | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จากการศ่กษาเรื�องราวทางพระพุทธศาสนา และการน้อมนำหลักธรรมคำสอนมา ปฏิบัติในชีวิต ทำให้เกิดความสุข ความประทับใจและความศรัทธาอย่างแรงกล้า ในพระพุทธศาสนา จ่งต้องการถ่ายทอดเรื�องราวที�ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธ ศาสนาเรื�องทศชาติชาดก ตอนเมื�อครั�งที�พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร แสดงคุณธรรม “ทานบารมี” การบำเพ็ญมหาทานครั�งยิ�งใหญ่ ที�ทรงสละทรัพย์ สมบัติบุตรภริยาอันเป็นที�รัก รวมถ่งการละทิ�งซ่�งสิ�งทั�งหลายอันจะนำมาซ่�งความ ห่วง หวงแหน อันก่อให้เกิดกิเลสและการย่ดมั�นว่าเป็นของของตน สร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบจิตรกรรมไทยประเพณีตอนพระเวสสันดรชาดก เป็นรูปแบบภาพเล่าเรื�องที�แฝงด้วยคติธรรมและสัญลักษณ์สื�อความหมายทางพระพุทธศาสนา ที�สามารถเข้าใจได้ง่ายและมีคุณค่าทางสุนทรียภาพ แสดง ความงามความประณีต อ่อนช้อย ผ่านการใช้เส้น สีรูปทรง องค์ประกอบ อันเป็น สุนทรียะตามแบบไทย เพื�อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นสื�อในการน้อมนำ จิตใจให้เกิดความเลื�อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา 39 x 29 ซม. | สีฝุ่นบนพื�นดินสอพอง Outstanding Artistic Skill กระบวนการสร้างสรรค์ 1) ศ่กษารูปแบบจากงานจิตรกรรมไทยโบราณ ศ่กษา การแสดงออก วิธีการเล่าเรื�องของครูช่างโบราณ เพื�อใช้เป็นแบบแรงบันดาลใจ และนำมาสร้างสรรค์จัดวางองค์ประกอบ 2) สร้างภาพร่าง นำมาวิเคราะห์ความ เหมาะสม ก่อนนำไปขยายเป็นผลงานจริง 3) ทำการรองพื�น โดยวิธีการรองพื�น แบบโบราณ ใช้ดินสอพองผสมกาวเม็ดมะขามทาลงบนผ้าดิบ ขัดพื�น เตรียมพื�น ผิวให้มีความเรียบเนียนเหมาะสำหรับการตัดเส้น 4) เริ�มปฏิบัติงาน ร่างภาพให้ สมบูรณ์ ลงสีโดยรวมของภาพแล้วตัดเส้นให้เรียบร้อย การสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�ได้ผสมผสานระหว่างรูปแบบจิตรกรรมไทยโบราณ เกิดการวิเคราะห์ตีความ สร้างสรรค์ใหม่ เกิดเป็นรูปแบบที�ลักษณะเฉพาะตน ปัญหาที�พบ เนื�องจากการทำงานจิตรกรรมไทยประเพณีต้องใช้เวลานาน จ่งทำให้ ผลงานต้องใช้เวลามาก ผลงานจ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยดี


FACULTY | 135 มิติแห่งตัวตน ผู้ช่วยศาสตราจารย์เสาวลักษณ์ กบิลสิงห์ | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร คนเราแต่ละคนเมื�อได้เดินทางมาถ่งจุดหน่�งของชีวิต เราจะได้พบจะได้เห็นตัวเอง และให้ความส้าคัญกับคุณค่าของตัวเองมากข่�น จากประสบการณ์ต่างๆ ที�ได้ เรียนรู้มาในชีวิตซ่�งการเรียนรู้ การตระหนักรู้นี�แต่ละคนก็จะได้รับ ได้เรียนรู้มาไม่ เท่ากัน จ่งไ้ด้เห็นว่าสิ�งที�ตัวเองได้ประสบพบเจอนั�นใช่ที�ตัวเองต้องการแล้วหรือยัง และสามารถเห็นสิ�งที�อยู่ภายในตัวตนของตัวเอง ความสงบ ความสุข การจัดการ กับสิ�งที�แปรเปลี�ยนภายในอารมณ์ได้มากน้อยเพียงไร เมื�อเราสามารถจับอารมณ์ความรู้ส่กนั�นได้ก็เปรียบเสมือนเราได้เข้าไปในตัวตนของเราได้ซ่�งเป็นอีกมิติที�ไม่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาแต่เป็นการเห็นได้ด้วยใจของตัวเองและจับอารมณ์นั�น ไว้ไม่ให้ข่�นหรือลงมากเกินไป จากแนวความคิดดังกล่าวจ่งท้าให้ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอด ความรู้ส่กออกมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ สิ�งทอสื�อผสม ที�ได้น้าการทอมาเป็นหลัก ในการสร้างสรรค์ โดยใช้พื�นที�ในการทอที�เปรียบได้กับการมองเห็นในรูปลักษณ์ ภายนอกและการเว้นที�มีการเปิดช่องว่างเหมือนเป็นอีกมิติของตัวตนของตัวเองที�เราสามารถเข้าไปจับอารมณ์ที�อยู่ข้างในได้ ให้มีความสอดคล้องกับแนวความคิด ที�ได้รู้ส่กออกมาเป็นรูปธรรม การสร้างเส้นพาดผ่านบนเส้นยืนและเส้นนอนดั�งการเชื�อมโยง เพื�อมุ่งเข้าหามิติ มีการประดับด้วยเม็ดลูกปัดให้รายละเอียดทั�งใน สิ�งแวดล้อมภายนอกและรวมถ่งภายในพื�นที�ที�เปิดเป็นช่องว่างเอาไว้ 50 x 60 ซม. | สิ�งทอสื�อผสม วัตถุประสงค์: 1) เพื�อถ่ายทอดความรู้ส่กของตนเองที�อยู่ภายในออกมาสู่ภายนอก ที�เป็นรูปธรรม 2) เพื�อเป็นการน้าเสนอความคิดโดยผ่านผลงานศิลปะ 3) เพื�อน้า เทคนิคการทอผสมผสานด้วยวัสดุ สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ กระบวนการสร้างสรรค์: 1) หาข้อมูล เก็บข้อมูลจากประสบการณ์ 2) ร่างแบบ 3) เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เพื�อใช้ในการทอ ได้แก่ ย้อมสีเส้นใย เส้นใยต่างๆ ลูกปัดหลากชนิด 4) ลงสีผืนผ้าใบ ส้าหรับเป็นพื�นงาน 5) ข่�นงานทอบนผืนผ้าใบ ตามที�ได้ออกแบบไว้ 6) ใส่รายละเอียดด้วยเส้นใยที�มีขนาดเล็ก ใส่เม็ดลูกปัด เพื�อ สร้างเนื�อหาให้งานสมบูรณ์ ประโยชน์ที�ได้รับ: ได้สร้างสรรค์ผลงานที�สะท้อนออกทางแนวความคิดจาก นามธรรมให้สื�อออกมาเป็นรูปธรรมให้เห็นได้ชัดเจน เป็นผลงานที�สร้างคุณค่าความงามทางศิลปะออกมาเป็นตัวตนของผู้สร้างสรรค์ มีการน้าเทคนิคการทอมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที�มีองค์ประกอบทางศิลปะมาเป็นหลัก มีอารมณ์ของ เส้นใยเกิดเป็นพื�นผิวที�มีมิติ มีการเว้นระยะของเส้นใยที�ให้ผลของพื�นที�ช่องว่างตามแนวความคิดได้ชัดข่�น ให้ผู้ชมได้รับผลของสุนทรียะทางอารมณ์ความรู้ส่กที�ผู้สร้างสรรค์ต้องการถ่ายทอด


136 | FACULTY กลไกธรรมชาติสังเคราะห์ Synthetic Natural Mechanisms อาจารย์ ดร.อานุภาพ จันทรัมพร | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที�มาและความบันดาลใจในการสร้างสรรค์เกิดจากการตั�งค้าถามเกี�ยวกับการ ประดิษฐ์วัสดุสังเคราะห์เพื�อใช้ทดแทนธรรมชาติในปัจจุบัน เช่น การท้าดอกไม้ ปลอมด้วยพลาสติก เป็นต้น จากความพยายามท้าให้มีความเหมือนจริงแต่เปลี�ยน วัสดุเป็นสิ�งสังเคราะห์ ท้าให้เกิดความเปลี�ยนแปลงของการเกิดคุณสมบัติของ วัตถุที�สร้างข่�นใหม่ต่างไปจากธรรมชาติ เช่น ความแข็งแรง ความโปร่งแสงหรือ โปร่งใส การคงสภาพความมีชีวิตชีวาในสถานะใหม่ ซ่�งเราสามารถพบได้อย่าง หลากหลายในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน กระบวนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การควบคุมธรรมชาติ ดัดแปลง หรือเปลี�ยนแปลงด้วยการใช้จักรกลเข้าไปประกอบร่วมเป็นความไม่แน่ใจต่อความรู้ส่กถ่งสิ�งมีชีวิตที�เกิดข่�นใหม่ว่า “เป็นธรรมชาติที�ปรับสภาพข่�นใหม่หรือถูกก้าหนดข่�นจากมนุษย์กันแน่” วัตถุประสงค์ในการ สร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมนี�เป็นการทดลองเปลี�ยนแปลงวัสดุที�มีความ นิยมในการสร้างสรรค์ประติมากรรมโดยทั�วไป จากการใช้วัสดุสังเคราะห์สมัย ใหม่ หาความเป็นไปได้ใหม่ๆจากวัสดุสังเคราะห์ที�มีความนิยมในการสร้างสรรค์อยู่แล้วก่อนหน้า โดยตั�งสมมติฐานในการทดลองสร้างสรรค์ว่า คุณสมบัติของ วัสดุสังเคราะห์สมัยใหม่จะสร้างรูปแบบหน่�งของความงามและความรู้ส่กจากการประกอบกันได้ให้ผู้ชมเกิดจินตนาการคล้อยตาม 50 x 70 x 75 ซม. | ประกอบแผ่นอะคริลิกและโลหะ แนวความคิดในการสร้างสรรค์นั�น จากกลไกโดยทั�วไป มนุษย์นั�นสามารถรับรู้ และพบได้จากสิ�งมีชีวิตในธรรมชาติ เมื�อเกิดการเรียนรู้มาสังเคราะห์แปรรูปเป็น กลไกต่างๆ เป็นจักรกลแข็งแกร่งทรงพลัง ย้อนกลับไปสู่การดัดแปลงธรรมชาติ ด้วยกลไกสู่ความนุ่มนวล อ่อนโยน เป็นอุดมคติใหม่ของการสร้างสรรค์ปัจจุบัน ด้วยวิธีการสร้างสรรค์เลือกใช้วัสดุสังเคราะห์ประเภทระนาบแผ่นอะคริลิกมา ทดลอง ตัด พับ ดัดเชื�อมต่อประกอบโดยการใช้สกรูขนาดต่างๆ ประกอบเป็น รูปทรงปริมาตรทับซ้อนกันและแสดงจุดหมุนที�เคลื�อนไหวได้ ผลการทดลองและองค์ความรู้ที�ได้จากการสร้างสรรค์ คือการใช้คุณสมบัติของวัสดุการใช้แสงและความโปร่งแสงเป็นองค์ประกอบศิลป์อย่างหน่�งในการเป็น สื�อการแสดงออก ผู้สร้างสรรค์ค้นพบวิธีการสร้างความงามจากคุณสมบัติของวัสดุที�สอดคล้องกับเรื�องราวและแนวความคิดที�สามารถเป็นแนวทางพัฒนาการ สร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ ได้ เอกสารอ้างอิง จักรพันธ์ วิลาสินีกุล.(2560).วัสดุและสื�อในประติมากรรม.กรุงเทพฯ:ไซเบอร์พริ�นท์กรุ๊ป ศิลป พีระศรี.(2517).ศิลปสงเคราะห์.กรุงเทพฯ:ส้านักงานบรรณาการ


FACULTY | 137 มหาภิเนษกรมณ์ อาจารย์อิทธิพล วิมลศิลป์ | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ข้าพเจ้ามีแนวคิดที�จะวาดภาพพุทธประวัติในแนวทางของตนเอง จ่งมาคิดว่าช่วง ตอนใดที�ถือว่าเป็นจุดเปลี�ยนแปลงอันสำคัญในพุทธประวัติเมื�อทบทวนจ่งเห็น ว่าการเสด็จออกบวชของเจ้าชายสิทธัตถะถือเป็นจุดเปลี�ยนสำคัญ และเป็นการ ออกบวชครั�งสำคัญซ่�งจะทำให้พระองค์สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า สิ�งใดที�ทำให้พระองค์ ละทิ�งซ่�งความสุขทางโลกในระดับของพระราชาธิราช เพื�อเข้าป่าแสวงหาธรรมที� นำสัตว์โลกไปสู่การหลุดพ้น แม้เป็นถ่งเจ้าชายมีสมบัติบริวารสิ�งเสพสุขมากมาย แต่พระองค์กลับเห็นทุกข์เห็นความจริงของโลก เห็นการเกิดแก่ เจ็บ ตาย การพลัดพรากเป็นทุกข์โดยสิ�น และแม้แต่พระองค์ก็ต้องเจอกับสิ�งเหล่านี� บุคคลอันเป็นที�รักก็ต้องเจอกับสิ�งเหล่านี� ทุกคนไม่อาจหนีพ้น สิ�งเหล่านี�เป็นเหตุให้พระองค์ต้องออกแสวงหาธรรมที�ทำให้พ้นจากสภาวะดังกล่าว พระองค์ให้นายฉันนะไป นำม้าชื�อกัณฐกะและมุ่งสู่แม่น�ำอโนมา แคว้นมัลละ เมื�อข้ามฝั�งแม่น�ำทรงปลงผม และอธิษฐานเป็นเพศบรรพชิต ความสำคัญคือการออกบวชของพระองค์ไม่ใช่ การหนี แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความจริงของโลก และแสวงหาหนทางที�จะไม่ ต้องทุกข์อีก 200 x 150 ซม. | สีอะคริลิก ข้าพเจ้าสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมสีอะคริลิคบนเฟรมรูปสามเหลี�ยม เพื�อให้เกิด สอดคล้องกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมที�ออกแบบไว้ ข้าพเจ้าได้วาดเจ้าชาย สิทธัตถะที�มีการผสมผสานของจิตรกรรมไทยมาผสมกับรูปแบบศิลปะตะวันตกที� มีการใช้แสงเงาผสมผสานกับการออกแบบให้มีลักษณะของกล้ามเนื�อ อีกทั�งใน ส่วนเครื�องประดับได้ใส่ไว้ไม่มากนักเพราะคิดว่าพระองค์ออกบวชคงไม่นำอะไร ไปมาก นำไปเฉพาะที�ติดตัวมาเสร็จแล้วพระองค์ได้ให้นายฉันนะนำสิ�งของต่างๆกลับไป ส่วนม้ากัณฐกะออกแบบให้แสดงออกถ่งพละกำลังและความมุ่งมั�นทะยาน ออกจากส่วนที�เป็นสถาปัตยกรรม ในส่วนของสถาปัตยกรรมได้ออกแบบให้เกิดมิติที�มีการทับซ้อน ไม่ได้คำน่งถ่งความเป็นจริงมากนัก แต่ให้ความสำคัญกับรูปแบบการจัดวางองค์ประกอบของภาพโดยได้แบ่งเป็นส่วนของสถาปัตยกรรม และส่วน ที�เป็นต้นไม้และหนทางที�มุ่งสู่ป่า Outstanding Artistic Skill


138 | FACULTY My Dream ผู้ช่วยศาสตราจารย์อุณรุท กสิกรกรรม | [email protected] สาขาวิชาประยุกตศิลปศ่กษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร บ้าน เป็นหน่�งในปัจจัยพื�นฐานของมนุษย์ที�จ้าเป็นต่อการด้ารงชีวิต ให้ความอบอุ่น ความปลอดภัย และเป็นศูนย์รวมของครอบครัวที�ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาอยากที�จะมีบ้านเป็นของตนเอง เพื�อสร้างความมั�นคง ความสุขต่อคนในครอบครัว บ้านจ่งไม่ใช่แค่ที�อาศัยหลับนอน แต่เป็นที�ที�มีความ รัก ความผูกพัน ความเอื�ออาทรซ่�งกันและกัน ผลงานสร้างสรรค์ชุดนี�มาจากแนวความคิดความผูกพันของครอบครัวที�ฝันอยากจะมีบ้าน มีการใช้รูปทรงของบ้าน และรูปทรงที�มาจากรูปทรงธรรมชาติใช้เป็น สัญลักษณ์แทนค่าของสิ�งต่างๆ ตามความคิด เช่น ดอกไม้ สัตว์ แมลง โดยศ่กษา จากธรรมชาติต้นแบบและสังเคราะห์รูปทรงให้เหมาะสมกับรูปแบบและเนื�อหา น้ามาจัดองค์ประกอบ โดยใช้กรรมวิธีทางจิตรกรรมเป็นหลักในการแสดงออก ก้าหนดโครงสีบางส่วน มืด ท่บ แสดงรูปทรงของบ้านเป็นท้องฟ้ายามค้�าคืนให้ ความรู้ส่กถ่งความฝัน ประสานกับโครงสีสด สว่าง ของรูปทรงดอกไม้ที�ล้อมรอบ แสดงถ่งความสุข สดชื�น โดยจัดองค์ประกอบให้เกิดการประสานกลมกลืนกัน คุณค่าของผลงานชิ�นนี�แสดงออกถ่งความสุข ความอบอุ่น ความผูกพัน มีการใช้รูปทรงและโครงสีที�มีลักษณะเด่นที�มาจากธรรมชาติผสมกับจินตนาการส่วนตัว และเรื�องราวของครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสื�อสัญลักษณ์เพื�อ แสดงอารมณ์ความรู้ส่กที�เป็นแนวทางเฉพาะตน 70 x 90 ซม. | สีน�ำมันบนผ้าใบ Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 139 เงาหอมหวน ประกายรัญจวน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไพบูลน์ จิรประเสริฐกูล | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วัตถุประสงค์ในออกแบบเครื�องแขวนกระจกสีเพื�อประดับอาคารและถวายเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธมหามงคลเภสัช คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเนื�องในวาระครบรอบ 55 ปีวันคล้ายวันสถาปนาคณะฯ การออกแบบเครื�องแขวนกระจกสี ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื�องแขวนไทย โดย การสร้างความต่างในส่วนที�เหมือน และสร้างความเหมือนในส่วนที�ต่าง โดย อุปไมยว่าการกระจายตัวของแสงคือการกระจายตัวของกลิ�นหอม ที�มีอัตลักษณ์ คนละแบบและใช้ผัสสะที�รับรู้ต่างกัน ดังนี� เครื�องแขวนดอกไม้สด เป็นเครื�องประดับประกอบอาคารที�มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที�มีกลิ�นหอมจากดอกไม้ อาศัยลมโชยพากลิ�นหอมนั�นให้อบอวลอยู่ในพื�นที�ใช สร้างบรรยากาศในพื�นที�นั�นๆ ดอกไม้สด คือวัสดุหลักของเครื�องแขวน เป็นวัสดุ เดียวบนโลกใบนี�ที�ส่งกลิ�นหอมได้ และมีรูปทรงเฉพาะ ข้อด้อยของดอกไม้คือ อายุ การใช้งานที�สั�น เครื�องแขวนดอกไม้สด ถูกร้อยเรียงด้วยแกนของด้ายที�ร้อยดอก ไม้ต่างชนิด ที�ท้าหน้าที�ต่างกันบนเค้าโครงทางเรขาคณิตที�ค้าน่งถ่งลักษณะเฉพาะ ของดอกไม้แต่ละชนิดที�ธรรมชาติมอบให้ จัดเรียงให้เกิดสมดุลในความสัมพันธ์ ของที�ว่างและรูปทรงทางเรขาคณิต เครื�องแขวนกระจกสี อาศัยแสงที�มากระทบกับผิวของกระจกเป็นตัวกลางในการกระจายแสง หักเหแสง และสร้างแสงในเงาที�ตกกระทบกับพื�นผิวให้เกิดประกายในพื�นที�นั�นๆ กระจก ถูกน้ามาใช้แทนดอกไม้สด มีเอกลักษณ์ในการรับและกระจายแสง สร้างมุมตกกระทบที�แปลกตาในองศาที�ต่างกัน สร้างเงาในแสง และสร้างแสงในเงา ข้อด้อยคือ ไม่สามารถส่งกลิ�นหอมได้เหมือนดอกไม้ เครื�อง แขวนกระจกสี ถูกร้อยเรียงด้วยกรอบลวดตะกั�วที�พยุงกระจกต่างชนิดกันบนเค้า โครงทางเรขาคณิต ที�ค้าน่งถ่งน�้าหนักและธรรมชาติของกระจกบนฐานรูปทรง สามเหลี�ยมที�ผูกสัมพันธ์กันเป็นรูปทรงอื�นๆ เช่น ข้าวหลามตัด หกเหลี�ยม เป็นต้น เครื�องแขวนกระจกสี มีเจตนาที�จะสร้างอัตลักษณ์ใหม่ โดยไม่เปลี�ยน เอกลักษณ์ของเครื�องแขวนไทย เป็นดุลยภาพในกฎของความสมดุล กระบวนการทำงาน เริ�มต้นด้วยการเลือกวัสดุ กระจกเป็นวัสดุหลัก นำมาใช้แทน รูปทรงของช่องว่างของอากาศในงานเครื�องแขวน ซ่�งแต่เดิมช่องว่างนี�ให้ลมพัด ผ่านพากลิ�นหอมของดอกไม้ ฟุ้งกระจายไปในบรรยากาศภายใน เครื�องแขวนกระจกสี อาศัยแสงมาตกกระทบกับพื�นผิวของกระจกเป็นตัวกลาง ให้แสงส่องผ่าน รับและกระจายแสง สะท้อนและหักเหแสงต่างกัน ข่�นกับสภาพ ผิวสัมผัสของกระจกและสีของกระจก แต่ที�สำคัญคือ การสร้างแสงในเงา และ สร้างเงาในแสงได้ ในองศาและเวลาที�ต่างกัน เป็นความหอมของแสง และความ รัญจวนของเงา ผลของการสร้างสรรค์ คือ ต่อยอดเครื�องแขวนไทยด้วยอัตลักษณ์ใหม่ ชิ�นงานมี ความยั�งยืน โดยไม่ใช้วัสดุทำเทียมดอกไม้ 36 x 133 ซม. | stained glass on lead wired


140 | FACULTY Vision of Silpa Bhirasri: Immersive Art ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย อารีรุ่งเรือง | [email protected] หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เนื�องในโอกาสครบ 100 ปีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ คอร์ราโด เฟโรชิ (Corrado Feroci) ได้เดินทางมาถ่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2466 ในขณะที�มี อายุ 31 ปี ด้วยการคัดเลือกของรัฐบาลอิตาลีและรัฐบาลสยาม โดยมีสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ทรงเมตตาดูแล ให้ค้า แนะน้าและสนับสนุนศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรชิ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที�ศาสตราจารย์ศิลป์ได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศไทย ทั�งด้านการศ่กษาศิลปะ แบบตะวันตกในประเทศไทย งานศิลปกรรม และการอนุรักษ์ศิลปะแบบไทย ประเพณี จนได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย” ผลงาน ของศาสตราจารย์ศิลป์ที�มอบไว้แก่ประเทศไทยจ่งเป็นสิ�งที�ชวนให้คนรุ่นปัจจุบัน ได้ภาคภูมิใจ และกระตุ้นความใฝ่รู้เพื�อศ่กษาให้เห็นการหลอมรวมกันของความคิด ชาวตะวันตกที�ได้ซ่มซับสุนทรียภาพของศิลปกรรม วัฒนธรรมไทย จนสามารถ สร้างสรรค์งานศิลปะให้เป็นที�ประจักษ์ว่า ศิลปกรรมไทยยังมีพัฒนาการที�ไม่ใช่ ลอกเลียนของโบราณเพียงอย่างเดียว นอกจากนั�นสิ�งที�สามารถพิสูจน์ให้เห็นถ่ง ปัญญาของศาสตราจารย์ศิลป์ก็คือผลงานของลูกศิษย์ที�ได้ถ่ายทอดออกมาเป็น งานศิลปกรรมของแต่ละคน งานสร้างสรรค์ครั�งนี�เป็นการน้าผลงานของศาสตราจารย์ศิลป์และลูกศิษย์ รุ่นแรกๆ ที�อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป มาสร้างสรรค์นิทรรศการเพื�อ ให้เกิดประสบการณ์อีกรูปแบบหน่�งต่อผู้ชม เพื�อมุ่งหวังให้เกิดความประทับใจ และน้าไปสู่การศ่กษาค้นหาประเด็นทางศิลปะต่อไป งานสร้างสรรค์ศิลปะดิจิทัล สร้างประสบการณ์ชมศิลปะรูปแบบ Immersive art ผมท้างานร่วมกันกับภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป โดยการ คัดเลือกผลงานอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ภาพยนตร์เก่า ผลงานลูกศิษย์ แล้วน้ามา จัดกลุ่มใน 3 ลักษณะคือ ภาพบุคคล ศิลปวัฒนธรรม และหุ่นนิ�ง รวมทั�งการ ค้นข้อมูล บทความของ อ.ศิลป์ ในสูจิบัตรศิลปกรรมแห่งชาติครั�งที� 1-12 เพื�อ คัดเลือกประเด็นสะท้อนปรากฏการณ์ในช่วงเวลานั�น แล้วน้ามาวิเคราะห เพื�อการสร้างสรรค์ภาพเคลื�อนไหว ในส่วนของเสียงประกอบ ได้น้าเพลง Santa Lucia เพลงสวัสดีชาวไทย และการอ่านบทวิจารณ์ของ อ.ศิลป์ มาเป็นเสียง ประกอบในการแสดงนิทรรศการ โดยแยกเสียงทั�งสามเสียง สามจุดในห้อง นิทรรศการ ผู้ชมสามารถเดินชมได้โดยรอบห้อง ได้เห็นมุมมองที�ตนเองชอบ แตกต่างกัน งานสร้างสรรค์ครั�งนี�เป็นการท้างานร่วมกันระหว่างผู้วิจัยจากสถาบันการศ่กษา กับหน่วยงานกรมศิลปากร ผลงานสามารถท้าให้เกิดนิทรรศการสร้างสรรค์ต่าง ไปจากเดิม ท้าให้มีผู้ชมที�ต้องการไปชมนิทรรศการเพิ�มข่�น ส่งให้เกิดการรับรู้ เกี�ยวกับศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรี และผลงานของศิษย์รุ่นแรกๆ ที�พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติหอศิลปเก็บรักษาเอาไว้แล้วความยาวผลงานในห้องนิทรรศการ 15 นาที | สื�อดิจิทัล การจัดวางพื�นที� Outstanding Creativity


FACULTY | 141 Birth through the nembutsu อาจารย์ศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยา | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบแฟชั�น คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร การสวดนามพระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือที�เรียกในภาษาญี�ปุ่นว่า “เนมบุทซ่” (จีน : เนี�ยนฝอ / สันสกฤต : พุทธานุสติ) เป็นหลักปฏิบัติสำคัญของพุทธศาสนานิกาย สุขาวดีตามคติที�ว่า เมื�อบุคคลสวด “นะโม อมิตะพุทธ” ด้วยจิตอันตั�งมั�นศรัทธา เขาก็จะได้บังเกิดในพุทธเกษตรสุขาวดีของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ดังที�ปรากฏ มหาสุขาวดีวยูหสูตรว่า “เมื�อเพลาที�ข้าพระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ สรรพสัตว์ ในทศทิศ เมื�อได้สดับนามของข้าพระองค์แล้ว จักเกิดศรัทธาโสมนัสเป็นที�สุด แห่งใจ กุศลมูลบรรดามีก็อุทิศเพื�อขออุบัติยังโลกธาตุของข้าพระองค์จนถ่งการ ระล่ก (ภาวนาถ่ง) สิบวาระ หากมิได้อุบัติแล้วไซร้จักมิขอตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณ เว้นเสียแต่ผู้ก่ออนันตริยกรรมห้าประการ และผู้ทำลายพระธรรม” 1 ซ่�งวิธี การสวดอันง่ายดายเช่นนี�เอง สามารถกระทำได้แม้แต่ผู้มีปัญญาเบาบาง หรือ ปุถุชนผู้ที�ยังเกลือกกลั�วอยู่ในกิเลสแห่งสังสารวัฏ เพราะประณิธานของพระอมิตาภะ นั�น ทรงต้อนรับทุกผู้คนโดยไม่แบ่งแยกทั�งคนดีและคนชั�ว กระนั�น แม้ว่าหลักปฏิบัติ ของนิกายสุขาวดีดังกล่าว อาจดูง่ายดายและคล้ายเป็นการวิงวอนร้องขอต่อ อำนาจภายนอก ที�สวนทางกับคำสอนในเรื�องการพากเพียรปฏิบัติด้วยตนเองของ พุทธศาสนาดั�งเดิม (อัตตา หิอัตตโน นาโถ) ทว่าในความเป็นจริงแล้ว นิกาย สุขาวดีมีความล่กซ่�งมากกว่าที�มองโดยผิวเผิน เพราะยังได้แสดงคำสอนต่ออีกว่า ในวิธีการสวดนามพระอมิตาภะนั�น ไม่ใช่ตัวตนของเราที�เป็นผู้สวด แต่ทั�งหมด เป็นอำนาจของพระอมิตาภะเองที�สวด หรือพูดอีกอย่างหน่�งก็คือในการสวดนั�น บุคคลได้ละทิ�งตัวตนอันมืดมนและบาปหนาของผู้สวดเองตั�งแต่ต้น มีเพียง นะโม อมิตะพุทธ อันบริสุทธิ�สว่างเท่านั�นที�ดำเนินไป ดังที�ท่านอิปเปน โชนิน หน่�งใน นักบวชผู้นำฝ่ายสุขาวดีในญี�ปุ่นได้กล่าวไว้ว่า “การเกิด (ณ สุขาวดี) ด้วยการ สวดนามพระพุทธเจ้า (เนมบุทซ่) นั�น หมายความว่าการสวดนามพระพุทธเจ้า นั�นเองที�เกิด”2 จากความสนใจใคร่ศ่กษาคำสอนของนิกายสุขาวดีนี�เอง ข้าพเจ้าจ่งบังเกิดความ ศรัทธาและนำมาปฏิบัติจนเกิดเป็นประสบการณ์เฉพาะตน ในการสวดพระนาม แม้ท่ามกลางอนธการแห่งกิเลสของตน และปรากฏความสว่างไสวแห่งพระนาม ที�ก่อข่�นเป็นรูปกายแห่งการบังเกิดในสุขาวดี ในผลงานสร้างสรรค์ชิ�นนี�ข้าพเจ้าจ่ง ได้สื�อแสดงประสบการณ์ดังกล่าว ด้วยการนำอักษรแห่งการสวดนามพระอมิตาภะ ในภาษาจีน มาแทนตำแหน่งจุดภาพ (pixel) ของแสงที�ก่อข่�นเป็นรูปกายแห่ง การสวดของข้าพเจ้า ท่ามกลางพื�นที�สีดำอันเป็นตัวแทนของกิเลสอนธการ โดย ใช้เทคนิคการสร้างจุดภาพด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วเขียนอักษรจีนหกคำ เพื�อนำมาซ้อนเรียงลงไปในตำแหน่งและขนาดของแต่ละจุดภาพ ก่อนที�จะลบจุด ภาพทั�งหมดทิ�งเหลือเพียงแต่อักษรจีนแห่งการสวดนามพระอมิตาภะ ซ่�งกระบวนการ ค่อยๆ จัดเรียงทีละอักษรนี�ก็เปรียบเทียบได้กับการจดจ่อในขณะแห่งการสวด พระนามด้วยนั�นเอง ท้ายที�สุดแล้วผลงานชิ�นนี�นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ทางจิต วิญญาณจากปัจเจกสู่สาธารณะแล้ว ยังเป็นการสืบคำสอนแห่งพุทธรรมผ่านการ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเชิงปรัชญาศาสนาแบบร่วมสมัย ด้วยการทดลองเทคนิค ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้และทำให้ข้าพเจ้าเล็งเห็นแนวทางในการพัฒนาและ ต่อยอดการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื�อถ่ายทอดเนื�อหาทางจิตวิญญาณให้มีความ น่าสนใจยิ�งข่�นต่อไปด้วย 94 x 204 ซม. | จิตรกรรมดิจิทัล เอกสารอ้างอิง1 วิศวภัทร เซี�ยเกี�ยก, ผู้แปล, มหาสุขาวดีวยูหสูตร (กรุงเทพฯ : Amitabha Buddhist Society of Thailand, 2551), 22. 2 Dennis Hirota, trans., No Abode: The Record of Ippen (Honolulu: The University of Hawai’i Press, 1997), 32.


142 | FACULTY การสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�มีวัตถุประสงค์ในการเขียนสมการค้าสั�งเข้าไปสั�งการ คอมพิวเตอร์ประมวลผลด้วยอัลกอร่ท่มหรือชุดตรรกะวิธีการบางอย่างเพื�อให้ได้ ผลลัพธ์ที�ผู้ออกแบบคาดคะเนเอาไว้โดยงานลักษณะนี�จะถูกเรียกว่า พาราเมตริก ดีไซน์ ซ่�งมีจุดเด่นคือ ความสามารถในการออกแบบตั�งแต่เรียบง่ายไปจนถ่ง รูปแบบที�ซับซ้อนเกินกว่ามนุษย์จะสามารถประมวลผลได้ รวมไปถ่งความรวดเร็ว ในการแสดงผลงานออกแบบหลังจากเขียนสมการค้าสั�งเข้าไป และสิ�งส้าคัญอีก ประการ คือ ขั�นตอนกระบวนการผลิต ที�สามารถส่งผ่านข้อมูลรายละเอียดงาน ออกแบบไปยังวิธีการใหม่ๆ เช่น เลเซอร์คัต CNC เครื�องพิมพ์สามมิติ เป็นต้น ที�มีความสะดวกและรวดเร็วในกระบวนการผลิตอย่างยิ�ง เฉกเช่นผลงานชิ�นนี�ที� ได้มีการพรินต์ด้วยเครื�องพิมพ์สามมิติแบบเรซิ�น โดยผลงานชิ�นนี�มีแนวคิดที� ต้องการผสมผสานสิ�งของบางอย่างที�เป็นแนวคิดดั�งเดิมที�มีอยู่ก่อนหน้า กับ กระบวนการผลิตใหม่ๆ เพื�อสร้างความแปลกใหม่ให้แตกต่างจากรูปแบบเดิม ๆ โดยมีความตั�งใจหลักคือผสมผสานระหว่างงานดีไซน์และความศรัทธา เพื�อสร้าง ผลลัพธ์ให้ผลงานมีคุณค่ายิ�งข่�น จุดมุ่งหมายหวังที�จะตอบโจทย์ของกลุ่มคนที� ชอบงานดีไซน์และมีความเชื�อความศรัทธาในสิ�งศักดิ�สิทธิ�บูชา ผลงานชิ�นนี�จ่งถูก น้าเสนอจากต้นแบบของพระพิฆเนศ อันเนื�องมาจากการเป็นที�เคารพกันโดย ทั�วไปในฐานะขององค์อุปถัมภ์แห่งศิลปวิทยาการ แนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน เป็นการน้าเสนอผลงานศิลปะที�มีกระบวนการ ขั�นตอน และวิธีการในการสร้างสรรค์ผลงานที�เป็นรูปแบบใหม่ 10 x 7 x 13 ซม. | Rhinoceros3D, Grasshopper and 3D printing โดยมีการใช้เครื�องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหน่�งในการออกแบบ สร้างสรรค์ชิ�นงาน ซ่�งผู้ออกแบบได้มีการสแกน ปั�นรูปทรง และท้าการเขียน สมการรูปแบบต่างๆ และสั�งงานผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้น้าไปประมวลผล เพื�อให้ได้มาซ่�งผลลัพธ์ในรูปทรงที�มีเอกลักษณ์เฉพาะหรือรูปแบบที�วางแผนไว้ แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานเกิดจากการศ่กษาสมการโดยสร้างโครง สร้างอัลกอริธ่ม (Algorithm) เพื�อใช้ในการสร้างภาพจากการลดทอนรูปต้นแบบ ซ่�งในรูปแบบจะมีการสร้างกระบวนการล้าดับขั�นตอนที�ชัดเจน เพื�อที�จะสามารถ สื�อสารในภาษาคอมพิวเตอร์และสั�งงานผ่านกลไกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ความรู้ที�ได้จากการปฏิบัติงานสร้างสรรค์นั�นก่อให้เกิด ความเข้าใจทางภาษาที�ใช้ในการเขียนสคริปต์เพื�อให้ได้มาซ่�งรูปแบบต่างๆ ความ เข้าใจในการตั�งค่าและวิธีสั�งพิมพ์ชิ�นงานผ่านเครื�องพิมพ์สามมิติเป็นต้น ส่วน ปัญหาข้อจ้ากัดที�ค้นพบ เนื�องจากในขั�นตอนการออกแบบต้องใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลซ่�งโดยเฉพาะกับงานออกแบบในลักษณะ พาราเมตริกดีไซน์อุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี�ควรจะต้องมีศักยภาพในระดับที�สูง เพื�อแสดงผลให้รวดเร็วและทันต่อความคิดของผู้ออกแบบและการส่งถ่ายข้อมูล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั�งเครื�องพิมพ์สามมิติที�มีข้อจ้ากัดในเรื�องของขนาด และประสิทธิภาพจะสัมพันธ์กับราคาของตัวเครื�อง ดังนั�นแล้วจ่งเป็นไปได้ยากที� จะเข้าถ่งเทคโนโลยีหรือการทดลองที�หลากหลายมากยิ�งข่�น PARAMETRIC GANESHA DESIGN อาจารย์เกล้ากัลยาภรฌ์ สวัสดิ�มงคลกุล | [email protected] สาขาวิชาการออกแบบตกแต่งภายใน คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 143 พระพิฆเนศปาง ธาวเนศวร อาจารย์ ธนาเทพ พรหมสุข | [email protected] โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร (มัธยมศ่กษา) และ สาขาศิลปศ่กษา คณะศ่กษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร การสร้างรู ปเคารพ icon ตามความเชื�อต่าง ๆ และในอารยธรรมของมนุษย์ ล้ วน มี จุดมุ่งหมายทางเจตคติผสานแนวคิด จินตนาการ ที� มี ร่วมกันในสังคมนั�นๆ ตั�งแต่อดีตถ่งปัจจุ บันมนุษย์ใช้ประโยชน์ จากประติ มากรรม บ่งบอกถ่งความศรัทธา เชิงจิตวิญญาณ ความมีรสนิยมเชิงสุนทรียะ หรือประโยชน์ทางวัตถุที�สามารถนำไปบริโภคใช้สอยประดับตกแต่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ประติมากรรมรูปเคารพ ที�ผู้คนให้ความนิยมมากในหลายประเทศ แม้แต่เมืองพุทธก็ ยังมีการผสมผสาน อยู่ร่วมด้ วยนั�นคือพระคเณศ หรือที�ชาวไทยเรียกว่าพระพิฆเนศเป็นเทวดาในศาสนา ฮินดู พระพิฆเนศมีความหมายถ่งเทพเจ้าแห่งการเริ�มต้นใหม่ความสำเร็ จและสติ ปัญญาพระผู้ขจัดอุ ปสรรค ความหมายดังกล่าวส่งอิทธิพลไปสู่ ระบบแนวคิดเรื�อง ประติ มานวิทยา ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการตีความแบบใหม่สู่การสร้างสรรค์ ร่วมสมัยในด้านการออกแบบและรูปลักษณ์ของเทพในแนวทางประยุกต์ศิลป์เพื�อ นำไปใช้ในการสร้างต้นแบบถ้ วยรางวัลและเหรียญงานวิ�งมิ นิ ฮาล์ฟมาราธอน ของโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร (มัธยมศ่กษา) พระพิฆเนศปางธาวเนศวร ธาว หมายถ่ง การวิ�ง เนศวร มาจากคำว่า อิศวร หมายถ่ง ผู้เป็นเจ้า เมื�อนำคำมาสมาสกัน จ่งมีความหมายว่าพระผู้เป็นเจ้าแห่ง การวิ�ง การนำรูปลักษณ์ของเทพผู้พิ ชิตอุ ปสรรคมาอยู่ในภาคของการวิ�งจ่งเกิด ความหมายใหม่และเป็นท่าทางหรือปางใหม่ที�สร้างข่�น โดยการถอดรื�อสร้าง แนวคิดทางประติ มานวิทยาแล้วประกอบข่�นมาใหม่ ส่งผลเชิงบวกในด้านความ คิดสร้างสรรค์และการนำไปใช้ กับบริบทของกิ จกรรมวิ�งการกุ ศลให้ มี ลักษณะ ออกไปทางด้าน Character design หรือ งานศิลปะของเล่น (Art toys) สร้างความรู้ส่กเรียบง่ายใกล้ชิดกับผู้ใช้สอย ทันสมัยจับต้องได้ กระบวนการสร้างสรรค์ทางด้านรู ปทรง มีการใช้ รู ปทรงเรขาคณิตเป็นโครงสร้าง หลักหรืออาจเรียกว่าเป็นแบบโพลีกอน โดยออกแบบ Sketch ด้ วยโปรแกรม nomad ปั�นแบบดินญี�ปุ่นด้ วยมือ หลังจากนั�นจ่งสแกนชิ�นงานเป็นไฟล์ 3D นำไป ปั�นตกแต่งในโปรแกรม ZBrush 3D หล่อชิ�นงานต้นแบบด้ วยการพิมพ์พลาสติก ตกแต่งลบรอยต่างๆ ถอดและสร้างแม่ พิมพ์หล่อชิ�นงาน ขัดผิ วเตรียมรองพื�น สำหรับพ่นสีผลงานการออกแบบสร้างสรรค์นี�ได้ ก่อให้เกิดความสนใจต่อนัก สะสมหรือกลุ่มผู้ร่วมกิ จกรรมการวิ�งเป็นอย่างยิ�ง เมื�อนำไปใช้ประโยชน์ในด้าน การเชิญชวนประชาสัมพันธ์ ก็ได้ผลตอบรับที� ดี ซ่�งดู จากเพจเผยแพร่ที� มีการ แสดงความคิดเห็นในเชิงบวก ส่งผลที� ดี ต่อภาพลักษณ์องค์กร และองค์ความรู้ ใหม่ที�ได้ทดลองใช้เทคนิคจากวัสดุการปั�นต้นแบบชนิดใหม่ (ดินเยื�อกระดาษ) ซ่�งมีความสะดวกในการทำงาน ผสานการใช้เทคโนโลยี 3D ทั�งการสแกน ปั�น หล่อ นับว่าเป็นประสบการณ์ที�สามารถถอดบทเรียนไปสู่การสร้างสรรค์ในอนาคตปัญหาและแนวทางการแก้ไข: การปั�นต้นแบบด้วยดินเยื�อกระดาษญี�ปุ่นในขนาดเล็กส่งผลเรื�องความละเอียดในส่วนของรูปทรงเรขาคณิตที�มีผิวเรียบ อาจส่งผลเรื�องความละเอียดในการสแกนของพื�นผิวงานประติมากรรมซ่�งจะลดคุณภาพความคมชัดลงไป เนื�องจากแสงเลเซอร์อาจเข้าไม่ถ่งซอกมุม ดังนั�นการปั�นด้วยโปรแกรม 3D ตั�งแต่เริ�มต้น จะช่วยให้เกิดความสะดวกและมีความเสถียรในเรื�องปริมาตรสำหรับรูปแบบผลงานในลักษณะนี� และการสแกนชิ�นงานควรมีขา ตั�งจับเครื�องสแกนให้มั�นคง จะทำให้ ทุกอย่างดีข่�น และหมั�นศ่กษาหาความรู้เพิ� ม เติ มในเรื�องเทคโนโลยีเพื�อนำมาเป็นเครื�องมือในการสร้างสรรค์ สูง 16 ซม. | ประติ มากรรม


144 | FACULTY พระราชภาระ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์พันธ์ จันทนมัฎฐะ | [email protected] คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที� 6 พฤษภาคม 2566 ของ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที� 3 แห่งสหราชอาณาจักร แม้พระองค์จะข่�นครองราชย์ เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษทันทีหลังการเสด็จสวรรคตของพระราช มารดา แต่ยังมีพิธีและขั�นตอนอีกหลายอย่างที�พระองค์ต้องทรงผ่านเพื�อความ เป็นกษัตริย์อย่างสมบูรณ์ พระเจ้าชาร์ลส์ที� 3 ทรงผ่านเรื�องราวในชีวิตมากมาย ในฐานะเจ้าชายผู้ด้ารงต้าแหน่งมกุฎราชกุมารยาวนานที�สุด รวมทั�งโศกนาฏกรรม ความรักของพระองค จากเรื�องราวของพระองค์ท้าให้เกิดแนวความคิดว่าการที�พระองค์ทรงได้ข่�น ครองราชย์สมบัติในครั�งนี�เป็นการรับพระราชภาระกิจที�ยิ�งใหญ่ และอาจหนักอ่�ง ในเวลาเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากมงกุฎและฉลองพระองค์ที�เป็นเครื�องแสดงความ เป็นกษัตริย์ผู้ยิ�งใหญ่แต่ทั�งสองสิ�งนั�นก็มีน�้าหนักมากที�ร่างกายและจิตใจต้อง อดทนรับไว้ให้ได้ กระบวนการสร้างสรรค์ ใช้วิธีการทางจิตรกรรมที�แสดงสี และ พื�นผิวที�เน้นเฉพาะบริเวณพระพักตร์ที�สามารถแสดงอารมณ์ความรู้ส่กได้อย่าง ชัดเจนที�สุด ด้วยการใช้สีอะคริลิกที�มีเนื�อค่อนข้างเป็นเนื�อข้นเพื�อแสดงพื�นผิวของ พระพักตร์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที�แสดงถ่งร่องรอยของการเจริญพระชนมายุ พระราชวงศ์ของประเทศอังกฤษ เป็นสัญลักษณ์ของระบบการปกครองอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและพระมหากษัตริย์ของประเทศอังกฤษทรงท้า หน้าที�เป็นประมุขของฝ่ายบริหารด้วย การได้บันท่กเรื�องราวของหน้าประวัติศาสตร์ ส้าคัญของโลกไว้เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินร่วมสมัย ได้ใช้การแสดงออก ในแง่มุมส่วนตัวที�มีต่อเรื�องราวที�เกิดข่�นบนโลกในยุคปัจจุบันเพื�อส่งต่อสู่คนรุ่น ต่อไป การน้าเสนอเรื�องราวของบุคคลส้าคัญของโลกในผลงานศิลปะ เป็นเรื�องที� ละเอียดอ่อนมากที�ศิลปินต้องมีความรอบคอบมากในการน้าเสนอไม่ให้สะเทือน จิตใจผู้ที�มีความเคารพศรัทธา 40 x 50 ซม. | จิตรกรรมสีอะคริลิก Outstanding Artistic Skill


FACULTY | 145 Cross-Cultural Curatorial Practice- “Gขึ凝AงตZ視ขึาE” Taiwan and Thailand Cooperative Project Exhibition Yu-Pei Kuo (Ph.,D.) | [email protected] Cross-cultural Curatorial Practice, MFA Program in Creative Design, Dhurakij Pundit University โครงการนี�เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างศิลปินนักออกแบบชาวไต้หวันที�อาศัยอยู่ในประเทศไทย กับศิลปินนักออกแบบชาวไทยที�รักวัฒนธรรมไต้หวัน เพื�อสร้างสรรค์และบอกเล่าเรื�องราวประสบการณ์ชีวิต ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมไต้หวันและไทยในแง่มุมที�ตนประทับใจ โดยผลงานที�ประกอบข่�นมาจากสิ�งที�เกิดข่�นในชีวิตประจำวัน รวมถ่งมุมมองจากประสบการณ์มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน โดยสื�อสารผ่านงานศิลปะ อันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและเติบโตทางวัฒนธรรมของทั�งสองประเทศ ผลงานนิทรรศการและกิจกรรมการเสวนาวิชาการของโครงการนี�ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมของไต้หวัน เพื�อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี�ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและ ไต้หวัน พร้อมได้รับคัดเลือกจัดแสดงผลงานข่�นในงาน 2023 Bangkok Design Week ที�ผ่านมา วัฒนธรรมคือทุกสิ�งทุกอย่างที�เป็นวิถีชีวิตของมนุษย์ทุกหมู่เหล่า แต่โดยทั�วไปแล้วผู้คนมักให้น�ำหนักแก่วัฒนธรรมโบราณที�มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานในอดีต มากกว่าวัฒนธรรมท้องถิ�นปัจจุบันหรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ทั�วไป ของผู้คน ทั�งที�จริงแล้ววัฒนธรรมเหล่านั�นต่างก็มีชีวิต ซ่�งสิ�งเหล่านี�แสดงให้เห็น ถ่งความมีชีวิตชีวา ความสดใส ความน่าค้นหา และไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบของเวลาที�มีการเปลี�ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่า ท่ามกลางความเปลี�ยนแปลงใน ปัจจุบัน การใช้ชีวิตของมนุษย์ทั�วไปคือการสั�งสมความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวัฒนธรรม ก็จะสามารถสัมผัสถ่งแรงด่งดูดและเรื�องราวต่างๆ รอบตัวเราที�เราควรค่าแก่การได้รับมัน โครงการนี�จัดทำข่�นเพื�อนำเสนอผลงานผ่านภูมิหลังของกลุ่มศิลปินนักออกแบบข้ามวัฒนธรรม และนักออกแบบข้ามศาสตร์เพื�อสะท้อนมุมมอง ความคิด และการออกแบบ ที�แสดงถ่งการข้ามทางวัฒนธรรม โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่างมุมมองของวัฒนธรรมท้องถิ�นหรือวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ�น กับพื�นเพภูมิหลังของความรู้เรื�องวัฒนธรรมความ เป็นอยู่ในกรุงเทพมหานครของศิลปินนักออกแบบแต่ละคน ผ่านประสบการณ์ การใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี� โดยนำเสนอเรื�องราวของวัฒนธรรมของผู้คน ที� แทรกซ่มอยู่ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ซ่�งมองเห็นเป็นภาพที�มีมนต์ขลัง ร้อยรวม กับภาพความเปลี�ยนแปลง ประหน่�งว่าเป็นภาพถ่ายนามธรรมของอาคารต่กราม บ้านช่องที�ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ อันเกิดมาจากจินตนาการในห้วงสมาธิกับ ประสบการณ์ตรงที�ได้พบเห็นตรงหน้า โครงการนี�จัดทำข่�นเพื�อนำเสนอผลงานผ่านภูมิหลังของกลุ่มศิลปินนักออกแบบ ข้ามวัฒนธรรม และนักออกแบบข้ามศาสตร์เพื�อสะท้อนมุมมอง ความคิด และ การออกแบบ ที�แสดงถ่งประสบการณ์การข้ามวัฒนธรรม โดยได้รับแรงบันดาล ใจมาจากการผสมผสานระหว่างมุมมองของวัฒนธรรมท้องถิ�นหรือการใช้วิถีชีวิต ทั�วไปของผู้คน นำเสนอเรื�องราวของวัฒนธรรมของผู้คนที�อาศัยอยู่ตามตรอก ซอกซอยต่างๆ ในเมือง การผสมผสานมุมมองที�ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก วัฒนธรรมในท้องถิ�นและการวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนที�ปรากฎเรื�องราวต่างๆใน ซอยเล็กๆ นั�น นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและเติบโตทางวัฒนธรรมของทั�ง สองประเทศ รวมถ่งส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี�ยนวัฒนธรรมระหว่าง ไทยและไต้หวัน


146 | FACULTY จิตรกรรมเป็นสื�อที�เกิดข่�นจากการกระทำที�นำไปสู่ร่องรอยของทัศนธาตุอันทำให้ เกิดจุด เส้น สี น�ำหนัก รูปร่าง รูปทรง พื�นผิว และพื�นที�ว่าง ซ่�งสิ�งที�เกิดข่�นจาก ร่องรอยนั�น เกิดเป็นรูปสัญญะที�มีความหมายตรงและมีความหมายแฝง เกิดเป็น ภาพแทนของความงาม ความรู้ส่ก และความคิดของผู้สร้างสรรค์ ซ่�งในที�นี�งาน จิตรกรรมจ่งเป็นเสมือนสะพานในการเชื�อมร้อยระหว่างผู้สร้างสรรค์กับประสบการณ์ เชิงอัตวิสัยของผู้สร้างสรรค์เองที�มีปฏิกิริยาต่อบริบทรอบข้าง ทั�งเชิงกายภาพและ ในเชิงนามธรรม ในด้านของงานจิตรกรรมนามธรรมนั�น กล่าวได้ว่าจิตรกรรม เป็นสื�อแทนที�แสดงความหมายภูมิทัศน์แห่งจิต-จินตนาการของผู้สร้างสรรค์ที� แสดงออกด้วยสภาวะหยุดนิ�งและเนิบช้าที�เกิดจากความสัมพันธ์ซ่�งกันและกัน ซ่�ง สอดคล้องกับการปฏิบัติศิลปะพุทธศาสนานิกายเซน ชี�ว่าการกระทำใดก็ตาม ล้วนนำไปสู่การหลุดพ้นได้ในสภาวะอันฉับพลันนั�น จิตรกรรมของเซนจ่งเป็นร่อง รอยของปฏิบัติการในด้านของการบูรณาการร่างกายกับจิตใจไว้ด้วยกัน ซ่�งสิ�งนี� ก็นำมาสู่การคิดและวิเคราะห์ในเชิงศิลปะวิชาการ เพื�อนำมาสู่รากฐานในการ สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมอย่างเป็นระบบ โดยจิตรกรรมชุดนี�สร้างสรรค์ข่�นเพื�อ แสดงออกด้วยเทคนิควิธีการเชิงปัจเจกในการแสดงออกถ่งประสบการณ์ของภูมิทัศน์แห่งจิต-จินตนาการของผู้สร้างสรรค์ในรูปแบบของจินตภาพใหม่ที�เกิด จากการสร้างสรรค์อย่างฉับพลัน โดยอ้างอิงถ่งวิธีการสร้างงานจิตรกรรมแบบนิกายเซน และรวมไปถ่งงานจิตรกรรมแบบแอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (Abstract Expressionism) ผสมกับกระบวนการคิดในเชิงศิลปะเชิงแนวคิดอย่าง เป็นระบบ แนวคิดของผลงานนี�เป็นการแสดงออกถ่งภูมิทัศน์ของกระบวนการทำงานของ จิต-จินตนาการที�นำมาสู่การสร้างสรรค์จินตภาพใหม่ โดยมิได้ย่ดถือในองค์ ประกอบของผลงานที�สลับซับซ้อนมากเท่ากับกระบวนการทำงานของจิตใจที� บูรณาการกับร่างกายที�เคลื�อนไหวจากสภาวะอันฉับพลันกับจิตชั�วขณะที�มีสมาธิ ซ่�งกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานชิ�นนี�เป็นการใช้เทคนิคจิตรกรรมด้วยวิธีการ ระบายสี การขูดสี การขีดสี ลงบนผ้าใบ เพื�อให้เกิดร่องรอย ลายเส้น รูปร่าง พื�นผิว และพื�นที�ว่างอันเป็นลักษณะเฉพาะเชิงนามธรรมที�แสดงสภาวะของอัตวิสัย ชั�วขณะของผู้สร้างสรรค์ที�มีระบบการทำงานอย่างเป็นขั�นตอน คือ การวางแผน การสร้างสรรค์ การปฏิบัติการเชิงเทคนิค การปฏิบัติการในเชิงรูปแบบ การเกิด ผลลัพธ์และการวิเคราะห์ทบทวน จิตรกรรมชุดนี�แสดงออกด้วยเทคนิควิธีการเชิงปัจเจกในการแสดงออกถ่ง ประสบการณ์ของภูมิทัศน์แห่งจิต-จินตนาการของผู้สร้างสรรค์ในรูปแบบของจินตภาพใหม่ที�เกิดจากการสร้างสรรค์อย่างฉับพลัน โดยแสดงความหมายตรงด้วยลักษณะของร่องรอยบนผืนผ้าใบและรูปลักษณ์เชิงนามธรรม แสดงความหมายแฝงที�สัมพันธ์กับกระบวนการปฏิบัติการที�บูรณาการระหว่างจิตใจกับ ร่างกายที�ผสมผสานกันในชั�วขณะซ่�งผลที�เกิดข่�นเป็นรูปสัญญะใหม่ อันแสดงถ่งองค์ความรู้ในด้านของการจัดการการสร้างสรรค์เชิงระบบที�มีรากฐานจากศิลป วิชาการมากกว่านัยเชิงอารมณ์ที�ไร้ทิศทาง โดยข้อเสนอแนะสำคัญจากผลใน การสร้างสรรค์นี�คือการทำความเข้าใจกับจิตรกรรมนามธรรมที�ต้องอาศัย ประสบการณ์และบริบทของตัวบทในการทำความเข้าใจและเข้าถ่งสุนทรียภาพเชิงอัตวิสัยของผลงานศิลปะประเภทนี� ภูมิทัศน์ของจินตภาพใหม่ในบริบทสภาวะความฉับพลัน อาจารย์ ดร.สุริยะ ฉายะเจริญ | [email protected]หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการศิลปกรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 50 x 120 ซม. | สีอะคริลิกบนผ้าใบ


FACULTY | 147 “Mixed Blessing” (New Chapter) เป็นผลผลิตจากการต่อยอดงานวิจัยเรื�อง “แนวทางการสร้างมูลค่าเพิ�มผ่านกระบวนการทางศิลปะจิตรกรรมนามธรรม กรณีศ่กษา: ผ้าขาวม้า” ที�ได้รับทุนสนับสนุนนักวิจัยหน้าใหม่ของสถาบันวิจัยและ พัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซ่�งมีวัตถุประสงค์เพื�อศ่กษากระบวนการ สร้างมูลค่าเพิ�มของผ้าขาวม้า ด้วยกระบวนการศิลปะจิตรกรรมนามธรรม และ เพื�อศ่กษาปัจจัยที�มีผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ�ม โดยผลการวิจัยพบว่ากระบวนการ ทางศิลปะจิตรกรรมนามธรรมสามารถทำให้ผ้าขาวม้าเกิดความร่วมสมัยมีลักษณะ โดดเด่นและร่วมสมัย และเพิ�มโอกาสในการพัฒนาต่อยอดให้เกิดการสร้างมูลค่า เพิ�มให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการ รวมไปถ่งโอกาสในการขยายตลาดให้เป็นที� รู้จักในวงกว้างทั�งในชุมชน ในประเทศ และสามารถขยายตลาดออกสู่สากลได้ใน อนาคต ผลงานครั�งนี�ได้ทำการรวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบ นักวิชาการศิลปะ และศิลปิน มาวิเคราะห์สรุปผล จนเกิดการต่อยอดเป็นงาน สร้างสรรค์หลังจากงานวิจัยได้เสร็จสิ�นลง โดย “Mixed Blessing” (New Chapter) เป็นผลงานประยุกต์ศิลป์ที�มิใช่ผลงานเพียงแค่การชื�นชมเพื�อความสุนทรีย์เท่านั�น แต่ยังสามารถปรับให้เข้าถ่งกับความหลากหลายในเรื�องความคิดสร้างสรรค์ การนำไปต่อยอดและในเรื�องประโยชน์ใช้สอยที�หลากหลายมากข่�น กระบวนการสร้างสรรค์ครั�งนี� คือการผสมผสานกระบวนการทางทัศนศิลป์ (จิตรกรรมนามธรรม) และกระบวนการทอผ้าเข้าด้วยกัน โดยมีขั�นตอนสำคัญ ดังนี� 1) ขั�นตอน 100 x 900 ซม. | สีอะคริลิกบนเส้นด้ายฝ้าย และกระบวนการทอผ้า Mixed Blessing (New Chapter) อาจารย์ ดร.วิภูษณะ ศุภนคร | [email protected] สาขาศิลปสัมพันธ์ ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การเตรียมด้ายพุ่ง โดยผู้ศ่กษาได้ข่งเส้นด้ายฝ้าย (Cotton) บนโครงเหล็กทดแทน การข่งผ้าใบลงบนเฟรม 2) ขั�นตอนการเตรียมด้ายยืน ขั�นตอนนี�เป็นการเตรียม ด้ายบนกี�กระตุก โดยกำหนดความยาวของด้ายฝ้าย 10 เมตร โดยประมาณ 3) ขั�นตอนการระบายผลงานจิตรกรรมนามธรรมลงบนด้ายพุ่งและด้ายยืนด้วยสี อะคริลิก (Acrylic Paint) ทดแทนการย้อมสีบนเส้นด้ายซ่�งเป็นวิธีปฏิบัติที�สืบต่อ กันมา การระบายสีในลักษณะจิตรกรรมนามธรรม (Abstract) บนเส้นด้ายฝ้าย ยังสามารถลดทอนลวดลายของผ้าขาวม้าให้คลี�คลายและเป็นอิสระมากข่�น 4) ขั�นตอนการคัดและตรวจสอบสีและเส้นด้ายที�จะทอ 5) ขั�นตอนนำด้ายฝ้ายพุ่ง ที�ระบายมาสู่กระบวนการทอผ้าด้วยกี�กระตุก จากนั�นนางสมศรี ศรีกุลซ่�งเป็นช่าง ทอผ้าบ้านสุขสำราญ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว จะเป็นผู้ทอด้ายพุ่งและ ด้ายยืนบนกี�กระตุกให้เกิดเป็นผืนผ้าข่�นมา การวิเคราะห์และสรุปผลข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบ นัก วิชาการศิลปะและศิลปิน เปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมที�แตกต่าง เกิดการพัฒนาผลงานอย่างมีอิสระ และที�สำคัญยังสามารถทำให้ผลงานจากภูมิปัญญา ท้องถิ�นเกิดความร่วมสมัยและมีกลุ่มผู้สนใจที�หลากหลาย อีกทั�งยังเป็นแนวทาง หน่�งที�สามารถเป็นกรณีศ่กษาและพัฒนาให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ�มกับผู้ผลิตและ ผู้ประกอบการในผลิตภัณฑ์หรือภูมิปัญญาอื�นได้ ซ่�งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติที�เน้นย�ำในเรื�องการเพิ�มมูลค่าทางเศรษฐกิจในชุมชนนั�นเอง


148 | FACULTY Heart’s Illumination อาจารย์ ภักภู มิ พ่�งพรหม | [email protected] สาขาวิชามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ โครงการร่วมบริหารหลักสูตรมีเดียฯ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุ รี งานศิลปะนี�พยายามสำรวจการเอาใจใส่ ผ่านภาพวาดดิ จิ ทัลที�ผสมผสานการ แสดงก่�งนามธรรมของกายวิภาคของหัวใจ กับความเปล่งประกายของอัญมณี สี ทองและสีน�ำเงินตัดกับฉากหลังสีดำ การศ่กษานี�มี จุดมุ่งหมายเพื�อเจาะล่กถ่ง ความสำคัญอย่างล่กซ่�งของการเอาใจใส่ในความเชื�อมโยงของมนุษย์ ส่งเสริ ม ความเข้าใจที�ล่กซ่�งยิ�งข่�นเกี�ยวกับพลังแห่งการเปลี�ยนแปลง ด้ วยการจับภาพแก่น แท้ของความเห็นอกเห็นใจผ่านสัญลักษณ์ หัวใจและความเจิดจรัสของอัญมณี งานศิลปะนี�เชิญชวนให้ผู้ชมพิ จารณาถ่งคุณค่าของความเห็นอกเห็นใจในการ เชื�อมช่องว่างของความแตกต่าง ส่งเสริ มความเห็นอกเห็นใจและสร้างสังคมที� ปรองดองกัน การศ่กษานี�มี วัตถุ ประสงค์เพื�อกระตุ้นการสนทนาและการสะท้อน บทบาทของความเห็นอกเห็นใจในชีวิตของเรา ส่งเสริ มให้เห็นคุณค่าความสำคัญ มากข่�น และส่งเสริ มให้ บุคคลยอมรับความเห็นอกเห็นใจเป็นหลักการชี�นำในการ มีปฏิสัมพันธ์ กับผู้อื�น วัตถุ ประสงค์ 1) เพื�อกระตุ้นการมี ส่ วนร่วมทางอารมณ์และสติปัญญา 2) เพื�อ สร้างความตระหนักรู้ถ่งพลังแห่งการเปลี�ยนแปลงของการเอาใจใส่ 3) เพื�อส่งเสริ ม การเข้าถ่งและความประทับใจในงานศิลปะดิ จิ ทัล แนวคิดของผลงานเกี�ยวข้องกับแนวความคิดของการเอาใจใส่ในฐานะพลังการเปลี�ยนแปลงที�นำแสงสว่างมาสู่ความมืด งานศิลปะผสมผสานองค์ประกอบของ กายวิภาคหัวใจก่�งนามธรรม และความงามที�เจิดจรัสของอัญมณี สีทองและสี น�ำเงินภายใต้พื�นหลังสีดำ หัวใจเป็นสัญลักษณ์ของแกนกลางของความเห็นอกเห็นใจของมนุษย์ ในขณะที�อัญมณีแสดงถ่งลักษณะอันมีค่าของการเอาใจใส่ กระบวนการสร้างสรรค์ผสมผสานเทคนิคการวาดภาพดิ จิ ทัล กระบวนการนี�เริ� ม ต้นด้ วยการวิจัยและศ่กษาเกี�ยวกับกายวิภาคของหัวใจ เพื�อให้มั�นใจว่ามีการ แสดงผลที�สามารถตีความทางศิลปะได้ลงมือสเก็ตช์และปรับแต่งองค์ประกอบ ค้นหาความสมดุลระหว่างภาพวาดก่�งนามธรรมและรายละเอียดที�ซับซ้อนของหัวใจ จากนั�นเข้าสู่กระบวนการวาดภาพดิจิทัล มีการใช้เลเยอร์ของสี พื�นผิว โดยเน้นที�การจับภาพประกายแวววาวของอัญมณีสีทองและสีน�ำเงิน สร้างความสมดุล ของแสงและเงาเพื�อสร้างความล่กและความส่องสว่าง สุดท้ายเพิ�มพื�นหลังสีดำเพื�อเพิ�มความคมชัดและเน้นความสว่างของหัวใจ กระบวนการนี�จบลงด้วยงาน ศิลปะดิ จิ ทัลที�ด่งดูดใจ ซ่�งแสดงความงามของหัวใจกายวิภาคที�หลอมรวมเข้ากับ ธรรมชาติแห่งการเปลี�ยนแปลงของการเอาใจใส่ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมด้ วย ภาพและความล่กทางอารมณ์สรุปและอภิปรายผล งานศิลปะชิ�นนี�มี จุดมุ่งหมายเพื�อสื�อให้เห็นถ่งความเห็นอก เห็นใจในฐานะแสงนำทางที� ส่องสว่างความเข้าใจ เชื�อมช่องว่าง และส่งเสริ ม ความสัมพันธ์ ด้ วยองค์ประกอบและสัญลักษณ์ เชื�อเชิญให้ผู้ชมพิ จารณาถ่งผล กระทบที�ล่กซ่�งของการเห็นอกเห็นใจในการเปลี�ยนแปลงของผู้คนในสังคม สร้าง แรงบันดาลใจและความเข้าใจซ่�งกันและกันมากข่�น 59.5 x 84.1 ซม. | Digital painting


Click to View FlipBook Version