ค่มู ือการบริหารงานบคุ คล
ของพนักงานราชการ
ฝ่ ายบรรจแุ ละแต่งตงั้
กองการเจ้าหน้าท่ี กรมที่ดิน
1
คำนำ
พนักงานราชการ หมายถึง บุคคลซ่ึงได้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง โดยได้รับ
ค่าตอบแทนจากงบประมาณของส่วนราชการ เพื่อเป็นพนักงานของรัฐในการปฏิบัติงานให้กับ
ส่วนราชการ โดยปฏิบัติงานควบคู่ไปกับข้าราชการ ระบบพนักงานราชการได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา โดยมีสัญญาจ้างเป็นกลไกรองรับในการจ้างงาน ทาให้ผู้บริหารสามารถ
บรหิ ารรูปแบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับลกั ษณะงานและภารกิจ โดยใช้สัญญาจ้างเป็นข้อกาหนด
หรือเงื่อนไขในการจ้างงาน ซ่ึงถือเป็นเคร่ืองมือสาหรับการบริหารผลการปฏิบัติงาน การบริหาร
งบประมาณด้านบุคลากร และการบริหารกาลังคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจาเป็น
ตามเง่อื นไขการทางาน สอดคลอ้ งกับแนวคดิ การบริหารจดั การภาครฐั แนวใหม่ ที่เน้นความยืดหยุ่น
และคล่องตัว ภายใต้ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศ
คณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ (คพร.) ฉบบั ตา่ งๆ ทีก่ าหนดเพ่มิ เตมิ
กองการเจ้าหน้าท่ี กรมที่ดิน เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านการบริหารงานบุคคลของ
ส่วนราชการในสังกัดได้จัดทาคู่มือ การบริหารงานบุคคลของพนักงานราชการ โดยได้รวบรวม
ระเบียบ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) และหนังสือเวียนท่ีเกี่ยวข้องกับ
ระบบพนักงานราชการที่ได้มีการแก้ไข ปรับปรุง หรือกาหนดเพิ่มเติม พร้อมคาอธิบาย อาทิ
การกาหนดตาแหน่ง การสรรหาและเลอื กสรร ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ การประเมินผลการ
ปฏิบัติงาน เป็นต้น เพ่ือให้สานัก/กอง และราชการส่วนภูมิภาคใช้เป็นคู่มือแนวทางในการปฏิบัติ
ด้านการบรหิ ารงานบุคคลของพนักงานราชการต่อไป
ฝา่ ยบรรจแุ ละแตง่ ต้ัง
กองการเจ้าหน้าท่ี กรมท่ีดนิ
พฤษภาคม 2564
สารบัญ 2
ส่วนที่ 1 บททั่วไป หน้ำ
ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547
1. คานยิ าม 4
2. ประเภทของพนักงานราชการ 4
3. กลุ่มงานตามลักษณะงาน 5
4. คุณสมบตั แิ ละลักษณะต้องห้าม 5
5. การจัดทากรอบอัตรากาลงั พนักงานราชการ 6
6. การสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการ 6
7. การจ้างพนกั งานราชการ 6
8. เครื่องแบบพธิ ีการ 6
9. ค่าตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน์ 6
10. การประเมินผลการปฏิบัตงิ าน 8
11. การเลอื่ นค่าตอบแทนประจาปี 9
12. วนิ ัยและการรักษาวนิ ัย 9
13. การส้ินสุดสญั ญาจ้าง 10
14. บัตรประจาตวั พนกั งานราชการ 10
15. การขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ 11
สว่ นที่ 2 คำถำม – คำตอบ 12
สว่ นที่ 3 รวมระเบยี บและหนงั สือท่ีเก่ยี วข้อง 15
3
สว่ นที่ 1
บททัว่ ไป
4
สว่ นท่ี 1
บททั่วไป
ระเบยี บสำนกั นำยกรฐั มนตรี ว่ำด้วยพนักงำนรำชกำร พ.ศ. 2547
1. คำนิยำม
คณะกรรมกำร หมายความว่า คณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ
ส่วนรำชกำร หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่อ
อย่างอ่ืน และมีฐานะเป็นกรม หรือหน่วยงานอ่ืนใด ของรัฐท่ีมีฐานะเป็นส่วนราชการ ตามกฎหมาย
ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม เว้นแต่
ราชการส่วนทอ้ งถิ่น
หัวหน้ำส่วนรำชกำร หมายความว่า ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดีหรือ
หัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐที่มี
ฐานะเป็นส่วนราชการ และผวู้ ่าราชการจังหวดั ซง่ึ เป็นผูว้ า่ จ้างพนกั งานราชการ
พนักงำนรำชกำร หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง โดยได้รับ
ค่าตอบแทนจากงบประมาณของส่วนราชการ เพื่อเป็นพนักงานของรัฐ ในการปฏิบัติงานให้กับ
สว่ นราชการนนั้
สญั ญำจ้ำง หมายความว่า สญั ญาจ้างพนักงานราชการตามระเบียบน้ี
2. ประเภทของพนกั งำนรำชกำร
พนักงานราชการมี 2 ประเภท คือ
1) พนักงานราชการประเภททั่วไป ไดแ้ ก่ พนกั งานราชการซ่งึ ปฏิบตั งิ านในลักษณะ
เป็นงานประจาท่ัวไปของส่วนราชการ ไดแ้ ก่ กลุ่มงานงานบริการ กลุ่มงานเทคนิค กลุ่มงานบริหารท่ัวไป
กลุ่มงานวิชาชพี เฉพาะ และกลมุ่ งานเชี่ยวชาญเฉพาะ
2) พนักงานราชการประเภทพิเศษ ได้แก่ พนักงานราชการซ่ึงปฏิบัติงานใน
ลักษณะที่ต้องใช้ความรู้หรือความเช่ียวชาญสูงมากเป็นพิเศษ เพื่อปฏิบัติงานในเร่ืองท่ีมีความสาคัญ
และจาเป็นเฉพาะ หรือมีความจาเป็น ต้องใช้บุคคลในลักษณะดังกล่าวในการปฏิบัติงาน ได้แก่
กลุม่ งานเชยี่ วชาญพเิ ศษ
5
3. กลุ่มงำนตำมลักษณะงำน พนักงานราชการแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มงาน คือ
กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิค กลุ่มงานบริหารท่ัวไป กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ กลุ่มงานเช่ียวชาญเฉพาะ
และกลุ่มงานเชีย่ วชาญพิเศษ สาหรับกรมทีด่ นิ มพี นักงานราชการ จานวน 4 กลุม่ ดงั น้ี
1) กลุ่มงานบริการ มีลักษณะเป็นงานปฏิบัติระดับต้นท่ีไม่สลับซับซ้อน หรือมี
การกาหนดขั้นตอนปฏิบัติงานไว้ชัดเจนและไม่ต้องใช้ทักษะเฉพาะด้าน มีการใช้เคร่ืองมือเคร่ืองใช้
ตามลักษณะงาน มีการแกไ้ ขปญั หาและการตดั สนิ ใจระดับที่ไม่ย่งุ ยาก
2) กลมุ่ งานเทคนิคท่ัวไป มีลกั ษณะเป็นงานท่ปี ฏิบัติโดยใช้ความรู้ความชานาญ
ทางเทคนิค ซ่ึงต้องผ่านการศึกษาในระบบการศึกษาในสาขาวิชาที่ตรงกับลักษณะงานที่จะปฏิบัติ
หรือเป็นงานที่ปฏิบัติโดยใช้ทักษะเฉพาะของบุคคล ซึ่งมิได้ได้ผ่านการเรียนการสอนใน
สถาบันการศึกษาใดเป็นการเฉพาะ มีการใช้เคร่ืองมือเครื่องใช้ตามลักษณะงาน มีการแก้ไขปัญหา
และการตดั สนิ ใจทตี่ อ้ งใชค้ วามรทู้ างเทคนคิ หรอื ทักษะเฉพาะของบุคคลในสาขาน้นั ๆ
3) กลุ่มงานบริหารทั่วไป มีลักษณะเป็นงานในลักษณะงานเช่นเดียวกับ
ข้าราชการปฏิบัติ ซึ่งเป็นภารกิจหลักหรือเป็นงานตามนโยบายสาคัญของรัฐบาล หรือเป็นงานท่ีมี
ความจาเป็นเร่งด่วน โดยมีระยะเวลาเร่ิมต้นและสิ้นสุดแน่นอน หรือเป็นงานที่ไม่ใช่ลักษณะ
เดยี วกับที่ข้าราชการปฏบิ ตั ิ แตจ่ าเป็นต้องใช้ผ้ปู ฏิบตั ิท่มี ีความรู้ระดบั ปริญญา
4) กลุม่ งานวชิ าชีพเฉพาะ มีลกั ษณะงานเป็นงานวิชาชีพท่ีต้องปฏิบัติ โดยผู้สาเร็จ
การศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาทไี่ มอ่ าจมอบหมายให้ผ้มู ีคุณวฒุ ิอยา่ งอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงาน
ท่ีมีผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด โดยมีองค์กรตามกฎหมาย
ทาหน้าทต่ี รวจสอบกลั่นกรอง และรับรองการประกอบวิชาชีพ รวมทั้งลงโทษผู้กระทาผิดกฎหมาย
เก่ียวกับการประกอบวิชาชีพดังกล่าว หรือเป็นงานวิชาชีพท่ีต้องปฏิบัติ โดยผู้สาเร็จการศึกษาในระดับ
ปริญญาทีไ่ มอ่ าจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานท่ีมีผลกระทบต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง เป็นงานที่ขาดแคลนกาลังคนในภาค
ราชการ หรือเปน็ งานวิชาชพี ท่ีต้องปฏิบัตโิ ดยผ้สู าเร็จการศึกษาในระดบั ปริญญาท่ไี ม่อาจมอบหมาย
ให้ผมู้ คี ณุ วุฒอิ ยา่ งอืน่ ปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีมีลักษณะใน
เชงิ วจิ ยั และพัฒนา อีกทงั้ เปน็ งานท่ขี าดแคลนกาลังคนในภาคราชการ
4. คณุ สมบตั ิและลักษณะต้องห้ำม สาหรับผู้ท่ีจะได้รับการจ้างเป็นพนักงานราชการ
เชน่ เปน็ บคุ คลมีสญั ชาติไทย มอี ายไุ ม่ตา่ กว่า 18 ปี ไม่เป็นบคุ คลล้มละลาย ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษ
จาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกเพราะกระทาความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสาหรับ
ความผดิ ทีไ่ ด้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษหรอื เปน็ ผู้พน้ โทษมาแลว้ เกินหา้ ปี เป็นตน้
6
5. กำรจดั ทำกรอบอัตรำกำลังพนักงำนรำชกำร กาหนดให้ส่วนราชการต้องจัดทา
กรอบอัตรากาลังเป็นระยะเวลา 4 ปี ตามแนวทางการจัดทากรอบอัตรากาลังพนักงานราชการที่
คณะกรรมการกาหนด และต้องผ่านความเห็นชอบของ อ.ก.พ.กระทรวง ก่อนเสนอคณะกรรมการ
บริหารพนกั งานราชการอนุมัติ
6. กำรสรรหำและเลือกสรรพนักงำนรำชกำร เป็นการจ้างงานตามความจาเป็น
ในภารกิจของแต่ละส่วนราชการ ซึ่งจะต้องจ้างผู้มีคุณวุฒิ คุณสมบัติ และสมรรถนะที่เหมาะสม
กับตาแหนง่ โดยให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการกาหนด
7. กำรจ้ำงพนักงำนรำชกำร ให้ทาเป็นสัญญาจ้างสูงสุดได้คราวละไม่เกิน 4 ปี
หรือตามแผน/โครงการที่กาหนดเวลาเริ่มต้นและส้ินสุดไว้ ตามแบบสัญญาจ้างท่ีคณะกรรมการ
กาหนด และอาจต่อสัญญาจา้ งไดต้ ามความเหมาะสมและจาเปน็ ของส่วนราชการ
8. เคร่ืองแบบพิธีกำร ให้ใช้เครื่องแบบพิธีการในลักษณะอย่างเดียวกันกับ
ลูกจ้างประจา สาหรับอินทรธนูประดับเคร่ืองแบบพิธีการ ให้ใช้ตามประกาศคณะกรรมการบริหาร
พนกั งานราชการ เร่ือง เครอ่ื งแบบพธิ ีการของพนักงานราชการ พ.ศ. 2552
9. ค่ำตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ให้พนักงานราชการได้รับอัตราค่าตอบแทน
และสิทธิประโยชน์ ตามทีค่ ณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการประกาศกาหนด ดังนี้
1) อัตรำค่ำตอบแทนพนักงำนรำชกำร เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการบริหาร
พนกั งานราชการ เรื่อง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ ดงั นี้
วฒุ ิ กลุ่มงาน ค่าตอบแทน ข้ันต่า ค่าตอบแทน ข้นั สูง
ปริญญาตรี วิชาชีพเฉพาะ 19,500 44,550
ปริญญาตรี บริหารท่วั ไป 18,000 34,700
ปวส. บริการ / เทคนคิ 13,800 20,210 / 24,930
ปวท. บริการ / เทคนิค 13,010 20,210 / 24,930
ปวช. บรกิ าร / เทคนิค 11,280 20,210 / 24,930
ม.3 / ม.6 บรกิ าร 10,430 20,210
7
2) สิทธิประโยชน์ของพนักงำนรำชกำร เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการบริหาร
พนกั งานราชการ เรื่อง สทิ ธปิ ระโยชน์ของพนกั งานราชการ ดงั น้ี
(ก) สิทธกิ ารลา
ประเภทการลา สิทธกิ ารลา ไดร้ บั คา่ ตอบแทนระหว่างลา
ลาป่วย ลาป่วยเท่าท่ีป่วยจรงิ ปีหนึ่งไมเ่ กิน 30 วัน
ลาคลอดบุตร โดยนบั แตว่ นั ทาการ
45 วนั ได้รับจากส่วนราชการ
ลากิจสว่ นตวั 90 วนั 45 วนั ได้รับจากสานกั งาน
ปลี ะไมเ่ กนิ 10 วัน ประกนั สังคม
ปีหนึ่งไมเ่ กิน 10 วัน
ลาพกั ผ่อน ปีละ 10 วนั ทาการ ปหี น่งึ ไมเ่ กิน 10 วนั
(สะสมไม่เกิน 15 วนั ทาการ) (กรณมี วี นั ลาสะสมไดไ้ มเ่ กิน 15 วนั )
ลาเพ่อื เขา้ รับการ
ตรวจเลอื ก / เตรยี มพล ปหี น่งึ ไมเ่ กิน 60 วัน ปีหนง่ึ ไมเ่ กิน 60 วนั
(เมือ่ พ้นใหม้ ารายงานตวั
ลาอุปสมบท / ไม่เกนิ 120 วนั
ประกอบพิธฮี ัจย์ ภายใน 7 วัน) (ลาได้ 1 คร้งั )
ไม่เกนิ 120 วัน
(เฉพาะพนกั งานราชการที่ไดร้ ับ
การจ้างตอ่ เนอ่ื ง ไม่น้อยกวา่ 4 ปี
มีสิทธลิ าได้ 1 ครั้ง )
(ข) สทิ ธใิ นการได้รับคา่ ตอบแทนการปฏบิ ตั ิงานนอกเวลาราชการ
(ค) ค่าใช้จา่ ยในการเดนิ ทางไปราชการ
(ง) คา่ เบย้ี ประชมุ
(จ) ค่าใชจ้ ่ายในการฝกึ อบรม
8
(ฉ) สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนการออกจากราชการโดยไม่มีความผิด
กรณที ี่ส่วนราชการบอกเลิกสญั ญาจ้างกับพนักงานราชการก่อนครบเวลาจ้าง โดยมิใช่ความผิดของ
พนกั งานราชการ
ระยะเวลาปฏิบัตงิ าน การจา่ ยค่าตอบแทน
(ติดตอ่ กัน) (อตั ราค่าตอบแทนทไี่ ดร้ บั อย่กู อ่ นวันออกจากราชการ)
ทางานครบ 4 เดือน แต่ไม่ครบ 1 ปี จา่ ยคา่ ตอบแทน 1 เดอื น
ทางานครบ 1 ปี แตไ่ มค่ รบ 3 ปี จ่ายคา่ ตอบแทนจานวน 3 เดือน
ทางานครบ 3 ปี แต่ไมค่ รบ 6 ปี จ่ายคา่ ตอบแทนจานวน 6 เดอื น
ทางานครบ 6 ปี แตไ่ มค่ รบ 10 ปี จ่ายค่าตอบแทนจานวน 8 เดอื น
ทางานครบ 10 ปขี ้นึ ไป จา่ ยคา่ ตอบแทนจานวน 10 เดือน
(ช) เงนิ ทดแทนกรณีประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือสูญหาย เน่ืองจากการทางาน
ให้ราชการ มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทน ตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขตามกฎหมาย
ว่าด้วยเงินทดแทน และให้นากฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตราย หรือการ
ป่วยเจ็บ เพราะเหตุปฏิบัติราชการเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการลามาใช้บังคับกับพนักงานราชการ
โดยอนุโลม
10. กำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำน กาหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน
ปีละ 2 ครัง้ และนาผลการประเมนิ ไปใช้เป็นขอ้ มลู ประกอบการพิจารณาในเร่ืองตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1) การเลื่อนค่าตอบแทน พนักงานราชการที่จะได้รับการเลื่อนค่าตอบแทน
ตอ้ งมคี ะแนนประเมนิ เฉลยี่ 2 ครัง้ ตดิ ตอ่ กันไม่ตา่ กวา่ ระดับ ดี
2) การเลิกจ้าง พนักงานราชการผู้ใดมีคะแนนเฉลี่ยของผลการประเมินผลการ
ปฏิบัติงาน 2 คร้ังติดต่อกันต่ากว่าระดับ ดี ให้ผู้บังคับบัญชาทาความเห็นเสนอหัวหน้าส่วนราชการ
เพอื่ พิจารณาสัง่ เลกิ จา้ ง
3) การต่อสัญญาจ้าง พนักงานราชการผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ต่อสัญญาจ้าง
จะต้องมคี ะแนนเฉล่ียของผลการประเมินผลการปฏิบัติงาน 2 ครั้งติดต่อกันในปีท่ีจะต่อสัญญาจ้าง
ไมต่ ่ากว่าระดับ ดี
9
11. กำรเลื่อนค่ำตอบแทนประจำปี ให้เล่ือนค่าตอบแทนให้แก่พนักงานราชการ
ในวนั ที่ 1 ตุลาคมของทุกปี โดยมีหลกั เกณฑ์ ดงั นี้
1) ต้องมีระยะเวลาการปฏิบัติงานในรอบปีงบประมาณที่แล้วมาไม่น้อยกว่า
8 เดอื น
2) พิจารณาเลื่อนคา่ ตอบแทนพนักงานราชการท่ีมีผลการปฏิบัติงานไม่ต่ากว่า
ระดบั ดี ไดไ้ มเ่ กินรอ้ ยละ 6 ของฐานคา่ ตอบแทน ตามผลการปฏิบัตงิ าน
3) ควบคุมวงเงินงบประมาณการเลื่อนค่าตอบแทนในวงเงินไม่เกินร้อยละ 4
ของอัตราค่าตอบแทนพนักงานราชการ ณ วนั ที่ 1 กันยายนของทกุ ปี
12 วนิ ยั และกำรรกั ษำวินัย
พนักงานราชการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่กาหนดในระเบียบนี้ ตามที่
ส่วนราชการกาหนด และตามเงื่อนไขที่กาหนดไว้ในสัญญาจ้าง และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคาส่ัง
ของผบู้ งั คับบญั ชา ซ่ึงสั่งในหนา้ ที่ราชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
1) การกระทาความผิดดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นความผิดวินัยอยา่ งร้ายแรง
- กระทาความผิดฐานทุจริตต่อหน้าทีร่ าชการ
- จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือเง่ือนไขที่ทาง
ราชการกาหนดให้ปฏิบตั ิจนเปน็ เหตใุ หท้ างราชการไดร้ บั ความเสียหายอย่างรา้ ยแรง
- ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับ
ความเสียหายอยา่ งร้ายแรง
- ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กาหนดในสัญญา หรือขัดคาสั่งหรือหลีกเลี่ยง
ไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของผู้บังคับบัญชาตามข้อ 22 จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
อย่างรา้ ยแรง
- ประมาทเลนิ เล่อจนเป็นเหตใุ ห้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทางานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวัน สาหรับ
ตาแหน่งทีส่ ว่ นราชการกาหนดวนั เวลาการมาทางาน
- ละท้ิงหรือทอดทิ้งการทางานจนทาให้งานไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลา
ท่กี าหนดจนเปน็ เหตใุ ห้ทางราชการได้รบั ความเสียหายอยา่ งรา้ ยแรง สาหรับตาแหน่งที่ส่วนราชการ
กาหนดการทางานตามเป้าหมาย
10
- ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง หรือกระทาความผิดอาญาโดยมีคาพิพากษา
ถึงท่ีสุดให้จาคกุ หรือหนกั กว่าโทษจาคกุ
- การกระทาอ่นื ใดท่ีสว่ นราชการกาหนดว่าเปน็ ความผิดวินยั อยา่ งร้ายแรง
2) โทษทางวนิ ัยของพนกั งานราชการ มี 4 ประเภท
- ภาคทัณฑ์
- ตัดเงินค่าตอบแทน ในอัตราร้อยละ 2 หรือร้อยละ 4 ของเงินค่าตอบแทน
ทีผ่ ู้น้นั ไดร้ ับ ในวนั ท่ีมีคาส่ังลงโทษ เป็นเวลา 1 เดือน 2 เดอื น หรอื 3 เดือน
- ลดข้ันเงินค่าตอบแทน คร้ังหนึ่งในอัตราร้อยละ 2 หรือร้อยละ 4 ของเงิน
คา่ ตอบแทนท่ีผูน้ ั้นได้รับในวนั ท่มี คี าสัง่ ลงโทษ
- ไลอ่ อก
13. กำรสนิ้ สุดสญั ญำจำ้ ง
- ครบกาหนดตามสัญญาจ้าง
- พนักงานราชการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบสานัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547
- เสียชีวติ
- ไม่ผา่ นการประเมินผลการปฏบิ ตั งิ าน
- ถกู ใหอ้ อก เพราะกระทาความผดิ วนิ ยั อย่างร้ายแรง
- เหตุอื่นตามทก่ี าหนดไว้ในระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยพนักงานราชการ
พ.ศ. 2547 หรือตามข้อกาหนดของสว่ นราชการ หรือตามสัญญาจา้ ง เชน่ ลาออก
14 บัตรประจำตัวพนักงำนรำชกำร เนื่องจากพนักงานราชการเป็นบุคลากรภาครัฐ
ประเภทหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติงานควบคู่ไปกับข้าราชการ จึงกาหนดให้พนักงานราชการซึ่งมีวาระการ
จ้างไม่น้อยกว่าหน่ึงปี เป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐเพ่ือปฏิบัติหน้าที่ มีบัตรประจาตัวสาหรับเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยกาหนดให้หัวหน้าส่วนราชการ
เปน็ ผู้มีอานาจออกบตั รประจาตัว
11
15. กำรขอพระรำชเครื่องรำชอสิ ริยำภรณ์ ตอ้ งเป็นพนักงานราชการตามสัญญาจ้าง
ของส่วนราชการตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 และต้อง
ปฏิบัติงานติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับต้ังแต่วันเริ่มจ้างจนถึงวันก่อน
พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีท่ีจะขอพระราชทานไม่น้อยกว่า 90 วัน (ก่อนวันท่ี 29
เมษายน) ดังนี้
เคร่อื งราช
ท่ี ตาแหน่ง อิสริยาภรณ์ เงือ่ นไขและระยะเวลาการ
1 พนักงานราชการ ทข่ี อพระราชทาน เลอ่ื นชัน้ ตรา
- กลุ่มงานบริการ
- กลุ่มงานเทคนิค เร่ิมขอ เล่อื นถงึ
บ.ม. จ.ช. 1) เรม่ิ ขอพระราชทาน บ.ม.
2) ได้ บ.ม. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปบี รบิ รู ณ์
ขอ บ.ช.
3) ได้ บ.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปบี รบิ รู ณ์
ขอ จ.ม.
4) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 5 ปีบริบรู ณ์
ขอ จ.ช.
2 พนักงานราชการ บ.ช. ต.ม. 1) เร่มิ ขอพระราชทาน บ.ช.
2) ได้ บ.ช. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปบี ริบรู ณ์
- กลมุ่ งานบรหิ ารทวั่ ไป ขอ จ.ม.
3) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปบี ริบรู ณ์
ขอ จ.ช.
4) ได้ จ.ช. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปีบรบิ รู ณ์
ขอ ต.ม.
3. พนกั งานราชการ จ.ม. ต.ช. 1) เริ่มขอพระราชทาน จ.ม.
- กลุม่ งานวิชาชีพเฉพาะ 2) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไม่น้อยกว่า 5 ปบี รบิ รู ณ์
ขอ จ.ช.
3) ได้ จ.ช. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปีบริบรู ณ์
ขอ ต.ม.
4) ได้ ต.ม. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปบี ริบรู ณ์
ขอ ต.ช.
12
สว่ นที่ 2
คำถำม – คำตอบ
13
คำถำม – คำตอบ
1. ส่วนราชการสามารถย้าย โอน หรือปรับวุฒิพนักงานราชการ หรือให้พนักงาน
ราชการไปช่วยราชการได้หรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร รวมท้ังสามารถส่ังให้ไปปฏิบัติงาน
นอกเหนอื จากสัญญาจา้ งได้หรือไม่
ตอบ โดยวตั ถุประสงค์ของระบบพนักงานราชการ เป็นการจา้ งงานตามความจาเป็น
ในภารกิจของแต่ละส่วนราชการ มีระยะเวลาสิ้นสุดตามแผนงาน / โครงการ โดยใช้สัญญาจ้าง
เป็นข้อกาหนดในการจ้างงาน ซ่ึงจะต้องจ้างผู้มีคุณวุฒิ คุณสมบัติ และสมรรถนะท่ีเหมาะสมกับ
ตาแหน่ง โดยดาเนินการตามหลักเกณฑ์การสรรหาและเลือกสรรบุคคล เพื่อให้ได้บุคคลตามท่ี
ส่วนราชการต้องการมาปฏิบัติงานในตาแหน่งท่ีส่วนราชการน้ันกาหนด การให้พนักงานราชการ
สามารถย้าย โอน ปรับวุฒิ หรือไปช่วยราชการ จึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจ้างพนักงาน
ราชการตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ดังนั้น
คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) จึงมิได้กาหนดให้มีการย้าย การโอน การปรับวุฒิ
หรอื การชว่ ยราชการ ในระบบพนกั งานราชการ
อย่างไรก็ตาม เพ่ือประโยชน์แห่งทางราชการ ส่วนราชการอาจส่ังให้พนักงานราชการ
ไปปฏบิ ัตงิ านนอกเหนือจากเง่ือนไขท่ีกาหนดไว้ในสัญญาจ้างได้เป็นคร้ังคราว ตามข้อ 31 ของระเบียบ
สานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547
2. หากพนักงานราชการได้รับการเลื่อนค่าตอบแทนจนถึงข้ันอัตราสูงสุดตามประกาศ
คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ืองค่าตอบแทนของพนักงานราชการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558
ท่ีกาหนดไว้แล้ว จะได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าอัตราขั้นสูงเช่นเดียวกับข้าราชการหรือลูกจ้างประจา
หรือไม่ อยา่ งไร
ตอบ พนักงานราชการจะได้รับค่าตอบแทนในอัตราข้ันสูงตามที่คณะกรรมการบริหาร
พนักงานราชการกาหนดไวเ้ ท่านั้น
3. พนักงานราชการสามารถสะสมวันลาพกั ผ่อนได้หรอื ไม่
ตอบ คพร. ได้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการเก่ียวกับการลาพักผ่อน
โดยให้พนักงานราชการที่ได้ปฏิบัติงานต่อเนื่องมาครบ 1 ปี และไม่ได้ใช้วันลาหรือลาไม่ครบ
10 วันทาการ ในปีงบประมาณที่แล้ว สามารถนาวันลาที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ลามาสะสมได้ แต่วันลา
ที่นามาสะสมต้องไม่เกิน 5 วันทาการ โดยเมื่อรวมกับสิทธิลาพักผ่อนในปีปัจจุบันแล้วจะต้อง
ไม่เกิน 15 วันทาการ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนระหว่างลาได้ไม่เกิน 15 วัน (ตามประกำศ
คณะกรรมกำรบริหำรพนักงำนรำชกำร เรื่อง สิทธิประโยชน์ของพนักงำนรำชกำร (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2560ขอ้ 3 (1)
14
4. ในเดือนมิถุนายน นาย ก ได้ขอลาป่วย 21 วันทาการ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม
ขอลาป่วยอีก 15 วันทาการ ซ่ึงทาให้นาย ก ลาป่วยเกิน 30 วันทาการ นาย ก. จะได้รับค่าตอบแทน
ในระหว่างทลี่ าป่วยอย่างไร
ตอบ ในเดือนมิถุนายน นาย ก. จะยังคงได้รับค่าตอบแทนในระหว่างลาป่วย
เนื่องจากยังไม่เกินสิทธิที่กาหนดไว้ แต่ในเดือนกรกฎาคม นาย ก. จะได้รับค่าตอบแทนระหว่างลา
9 วันทาการ ส่วนที่ลาเกินจะต้องถูกหักค่าตอบแทน แต่เนื่องจากระเบียบสานักนายกรัฐม นตรี
ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ไม่ได้กาหนดแนวทางในการจ่าย
ค่าตอบแทนกรณีการลาป่วยเกินสิทธิไว้ จึงให้ถือปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน
เงนิ ปี บาเหนจ็ บานาญ และเงนิ อืน่ ในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. 2535 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมโดยอนุโลม
ในการจา่ ยเงนิ เดอื นขา้ ราชการ ซงึ่ มีสทิ ธไิ ด้รบั เงนิ เดือนไม่เต็มเดือน
5. พนักงานราชการละท้ิงหรือทอดทิ้งการทางานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน
สว่ นราชการสามารถดาเนินการทางวินยั โดยไม่ต้องต้งั คณะกรรมการสอบสวนไดห้ รือไม่
ตอบ การละท้ิงหรอื ทอดทิง้ การทางานเปน็ เวลาติดต่อกนั เกนิ กว่า 7 วัน ถือเป็นการ
กระทาความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการต้องจัดให้มีคณะกรรมการสอบสวน
และต้องให้โอกาสพนกั งานราชการท่ีถูกกล่าวหาชี้แจงและแสดงหลักฐาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่าพนักงานราชการผู้นั้นกระทาความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้หัวหน้า
ส่วนราชการมีคาสง่ั ไล่ออก แตถ่ ้าไมม่ ีมลู กระทาความผดิ ใหย้ ตุ เิ รื่อง
6. สัญญาจา้ งพนกั งานราชการจะต้องติดอากรแสตมปห์ รือไม่
ตอบ ไม่ต้องติดอากรแสตมป์ เพราะสัญญาจ้างพนักงานราชการ ไม่ใช่ตราสาร
ทีร่ ะบุไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (ประมวลรัษฎากร หมวด 6 มาตรา 104 บัญชีอัตราอากรแสตมป์
ทา้ ยหมวด)
7. การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการท่ัวไป ส่วนราชการสามารถ
ปรับช่วงคะแนนประเมนิ ของแต่ละระดับผลการประเมนิ ให้เหมอื นกับข้าราชการได้หรือไม่
ตอบ ไม่ได้ เนอื่ งจากหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ
ท่วั ไป ได้กาหนดช่วงคะแนนประเมนิ ของแตล่ ะระดับผลการประเมินไว้แล้ว
15
ส่วนท่ี 3
รวมระเบยี บ และหนังสอื ท่เี กยี่ วข้อง
16
สว่ นท่ี 3
รวมระเบียบ และหนงั สอื ที่เก่ียวขอ้ ง
1. ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยพนกั งานราชการ พ.ศ. 2547
2. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง การกาหนดลักษณะงานและ
คณุ สมบัติเฉพาะของกลุม่ งานและการจดั ทากรอบอตั รากาลังพนกั งานราชการ พ.ศ. 2554
3. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง การกาหนดลักษณะงานและ
คุณสมบัตเิ ฉพาะของกลมุ่ งานและการจัดทากรอบอัตรากาลังพนกั งานราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2555
4. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข
การสรรหาและการเลือกสรรพนักงานราชการ และแบบสญั ญาจา้ งของพนักงานราชการ พ.ศ. 2552
5. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง เครื่องแบบพิธีการของ
พนกั งานราชการ พ.ศ. 2552
6. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง ค่าตอบแทนของพนักงานราชการ
พ.ศ. 2554
7. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง ค่าตอบแทนของพนักงานราชการ
(ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2558
8. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง ค่าตอบแทนของพนักงานราชการ
(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558
9. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง ค่าตอบแทนของพนักงานราชการ
(ฉบบั ท่ี 9) พ.ศ. 2561
10. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง สิทธิประโยชน์ของพนักงาน
ราชการ พ.ศ. 2554
11. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง สิทธิประโยชน์ของพนักงาน
ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2560
12. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง สิทธิประโยชน์ของพนักงาน
ราชการ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562
13. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง แนวทางการประเมินผลการ
ปฏิบัตงิ านของพนกั งานราชการ พ.ศ. 2554
14. ประกาศกรมที่ดิน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของ
พนกั งานราชการท่วั ไป กรมท่ีดิน ลงวนั ท่ี 13 มนี าคม 2558
17
15. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการดาเนินการทาง
วินยั พนกั งานราชการ พ.ศ. 2559
16. พระราชกฤษฎีกากาหนดเจ้าหน้าท่ีของรัฐและผู้มีอานาจออกบัตรประจาตัวเจ้าหน้าที่
ของรฐั ตามพระราชบญั ญตั ิบัตรประจาตัวเจา้ หนา้ ที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2549
17. ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประชุม ฉบับที่ 33 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมี
เกยี รตยิ ศยิง่ มงกุฎไทย พ.ศ. 2536
ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ
เรือง หลกั เกณฑ์ วิธีการและเงือนไขการสรรหาและการเลือกสรรพนักงานราชการ
และแบบสญั ญาจ้างของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒
----------------------------------
โดยทีสมควรปรับปรุงหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงือนไขการสรรหาและ
การเลอื กสรรพนักงานราชการ เพอื ให้ส่วนราชการสามารถปฏบิ ตั ิงานได้อย่างคล่องตวั
และยดื หยนุ่ เป็นไปอย่างมรี ะบบและเกดิ ประสทิ ธภิ าพแก่งานของทางราชการยงิ ขนึ
อาศยั อํานาจตามความในขอ้ ๑๐ วรรคหนึง และขอ้ ๑๑ วรรคสอง ของ
ระเบยี บสาํ นักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ คณะกรรมการบรหิ าร
พนักงานราชการจงึ เหน็ สมควรกําหนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื นไขการสรรหาและ
การเลอื กสรรพนักงานราชการ และแบบสญั ญาจา้ งของพนักงานราชการไว้ เพอื เป็น
มาตรฐานทวั ไปใหส้ ว่ นราชการถอื ปฏบิ ตั ิ ดงั ต่อไปนี
ขอ้ ๑ ประกาศนีเรยี กว่า “ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ
เรอื ง หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื นไขการสรรหาและการเลอื กสรรพนักงานราชการ และ
แบบสญั ญาจา้ งของพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒”
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรือง
หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงือนไขการสรรหาและการเลอื กสรรพนักงานราชการ และ
แบบสญั ญาจ้างของพนักงานราชการ ลงวนั ที ๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗
ขอ้ ๓ ในระเบยี บนี
“การสรรหา” หมายความว่า การเสาะแสวงหาบุคคลทีมีความรู้
ความสามารถ และคุณสมบตั อิ นื ๆ ทจี าํ เป็นต่อการปฏบิ ตั งิ านในตําแหน่งทสี ่วนราชการ
กําหนดจาํ นวนหนึง เพอื ทจี ะทาํ การเลอื กสรร
“การเลือกสรร” หมายความว่า การพิจารณาบุคคลทีได้ทําการสรรหา
ทงั หมดและทาํ การคดั เลอื กเพอื ใหไ้ ดบ้ คุ คลทเี หมาะสมทสี ดุ
๒
“พนักงานราชการทัวไป” หมายความว่า พนักงานราชการในกลุ่มงาน
บริการ กลุ่มงานเทคนิค กลุ่มงานบริหารทวั ไป กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ และกลุ่มงาน
เชยี วชาญเฉพาะ
“พนักงานราชการพเิ ศษ” หมายความว่า พนักงานราชการในกลุ่มงาน
เชยี วชาญพเิ ศษ
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการดําเนินการสรรหาและ
เลอื กสรร
ขอ้ ๔ การสรรหาและเลอื กสรรบุคคลเพอื เป็นพนักงานราชการ ใหค้ ํานึงถงึ
ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะและสมรรถนะ ความเท่าเทยี มในโอกาส และประโยชน์ของ
ทางราชการเป็นสําคญั และดว้ ยกระบวนการทไี ดม้ าตรฐาน ยุตธิ รรม และโปร่งใส เพอื
รองรบั การตรวจสอบตามแนวทางการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทดี ี
ข้อ ๕ ในการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการทัวไป ให้หัวหน้า
สว่ นราชการแต่งตงั คณะกรรมการ มจี าํ นวนไม่น้อยกว่า ๓ คน ประกอบดว้ ย
(ก) หวั หน้าสว่ นราชการหรอื ผทู้ ไี ดร้ บั มอบหมาย เป็นประธาน
(ข) ผแู้ ทนทรี บั ผดิ ชอบงานหรอื โครงการ เป็นกรรมการ
ทมี ตี ําแหน่งทจี ะสรรหาและเลอื กสรร
(ค) นกั ทรพั ยากรบุคคล หรอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน เป็นกรรมการ
ดา้ นการเจา้ หน้าที และเลขานุการ
การเลือกสรรตําแหน่ งใด ถ้าหัวหน้าส่วนราชการเห็นสมควรให้มี
ผทู้ รงคุณวุฒิ หรอื ผูม้ ปี ระสบการณ์ทีเกียวขอ้ งกบั ตําแหน่งนัน ร่วมเป็นคณะกรรมการ
หวั หน้าส่วนราชการอาจแต่งตงั ผูท้ รงคุณวุฒิ หรอื ผูม้ ปี ระสบการณ์เกยี วขอ้ งกบั ตําแหน่ง
นนั เป็นคณะกรรมการทงั จากภายในหรอื ภายนอกสว่ นราชการกไ็ ด้
ให้คณะกรรมการมอี ํานาจหน้าทีดําเนินการสรรหาและเลอื กสรรตาม
หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื นไขทกี ําหนดในประกาศรบั สมคั ร
การดําเนินการตามขอ้ นี คณะกรรมการอาจแต่งตงั คณะกรรมการอนื เพอื
ดาํ เนินการในเรอื งต่าง ๆ ได้ เชน่ คณะกรรมการออกขอ้ สอบ คณะกรรมการสอบสมั ภาษณ์
เป็นตน้
๓
ขอ้ ๖ การสรรหาและเลอื กสรรพนักงานราชการทวั ไป ใหด้ ําเนินการตาม
หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื นไข ดงั นี
(๑) ให้ส่วนราชการจัดทําประกาศรับสมัคร ซึงมีรายละเอียดเกียวกับ
ลักษณะงาน กลุ่มงานตามลักษณะงาน ชือตําแหน่ง ความรับผิดชอบของตําแหน่ง
ระยะเวลาการจา้ ง คา่ ตอบแทนทจี ะไดร้ บั คณุ สมบตั ขิ องผมู้ สี ทิ ธสิ มคั ร หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร
สรรหาและเลือกสรร เกณฑ์การตดั สิน การขึนบญั ชีผู้ผ่านการเลือกสรร และเงือนไข
การจ้างอืนๆ ตลอดจน กําหนดวนั และเวลาของกิจกรรมต่างๆ ทีเกียวขอ้ ง และเสนอ
หวั หน้าสว่ นราชการเพอื ประกาศใหผ้ มู้ สี ทิ ธสิ มคั รทราบ
ประกาศรบั สมคั รนัน ใหป้ ิดไวใ้ นทเี ปิดเผยเป็นการทวั ไป และใหแ้ พร่ข่าว
การรบั สมคั รในเวบ็ ไซตข์ องสว่ นราชการ และเวบ็ ไซตข์ องสาํ นักงาน ก.พ. โดยใหม้ รี ะยะเวลา
แพรข่ า่ วไมน่ ้อยกวา่ ๕ วนั ทาํ การ กอ่ นกําหนดวนั รบั สมคั ร
(๒) ส่วนราชการอาจกําหนดค่าธรรมเนียมในการสอบไดต้ ามความจําเป็น
และเหมาะสม
(๓) สว่ นราชการอาจกําหนดระยะเวลาในการรบั สมคั รไดต้ ามความเหมาะสม
แตท่ งั นี ตอ้ งไมน่ ้อยกวา่ ๕ วนั ทาํ การ
(๔) ใหส้ ่วนราชการกําหนดหลกั เกณฑก์ ารเลอื กสรรบุคคลเพอื ปฏบิ ตั งิ าน
โดยยดึ หลกั ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะ ทจี ําเป็นสาํ หรบั การปฏบิ ตั งิ านใน
ตาํ แหน่ง
(๕) ให้ส่วนราชการกําหนดคะแนนเต็มของความรู้ความสามารถ ทกั ษะ
และสมรรถนะแต่ละเรอื งไดต้ ามความจาํ เป็นและสอดคลอ้ งกบั ตําแหน่งงาน ทงั นี ความรู้
ความสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะเรอื งใด ทจี าํ เป็นและสอดคลอ้ งกบั ตําแหน่งงานมากทสี ุด
ควรมนี ําหนักของคะแนนเตม็ มากทสี ดุ
(๖) ใหส้ ว่ นราชการกําหนดวธิ กี ารประเมนิ ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ และ
สมรรถนะแตล่ ะเรอื ง ดว้ ยวธิ กี ารหลายวธิ ี หรอื ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะ
หลาย ๆ เรอื ง ประเมนิ ได้ดว้ ยวธิ กี ารประเมนิ วธิ เี ดยี วกนั ตามทเี ห็นว่าเหมาะสม และ
สอดคลอ้ งกบั ความรคู้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทจี ะประเมนิ ดงั กลา่ ว
๔
(๗) ส่วนราชการจะกําหนดใหม้ ีการประเมนิ ความรู้ความสามารถ ทกั ษะ
และสมรรถนะทมี คี ะแนนเตม็ มากทสี ุด และประกาศรายชอื ผผู้ า่ นการประเมนิ เฉพาะเรอื งนัน
เพอื เขา้ รบั การประเมนิ ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะในเรอื งทเี หลอื อยตู่ ่อไป
กไ็ ด้
(๘) ให้ส่วนราชการกําหนดเกณฑ์การตดั สินให้เป็นผู้ผ่านการเลือกสรร
เพอื จดั จา้ งเป็นพนกั งานราชการไดต้ ามความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั ตาํ แหน่งงาน
การดาํ เนินการตาม (๑) ถงึ (๘) สว่ นราชการอาจใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณา
ก่อนเสนอหวั หน้าส่วนราชการลงนามในประกาศรบั สมคั รกไ็ ด้
ขอ้ ๗ เมอื คณะกรรมการดาํ เนินการสรรหาและเลอื กสรรพนกั งานราชการทวั ไป
เสรจ็ สนิ แลว้ ใหร้ ายงานผลการดาํ เนินการต่อหวั หน้าสว่ นราชการ เพอื ประกาศบญั ชรี ายชอื
ผผู้ า่ นการเลอื กสรรและดาํ เนินการจดั จา้ งตอ่ ไป
ขอ้ ๘ ใหบ้ ญั ชรี ายชอื ผูผ้ ่านการเลอื กสรรมอี ายุตามทเี หน็ สมควร แต่ทงั นี
ต้องไม่เกนิ ๒ ปี นับแต่วนั ประกาศบญั ชรี ายชือผูผ้ า่ นการเลอื กสรร และการจดั จา้ ง
พนักงานราชการต้องเรยี กมารายงานตวั และทาํ สญั ญาจา้ งภายในอายุบญั ชี
ในกรณีมเี หตุผลความจําเป็นทจี ะจดั จา้ งพนักงานราชการภายหลงั บญั ชี
หมดอายุ ตอ้ งเป็นกรณีทสี ว่ นราชการไดด้ าํ เนินการเรยี กผผู้ า่ นการเลอื กสรรมารายงานตวั
ภายในระยะเวลาของอายุบญั ชี และต้องทําสญั ญาจา้ งใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั นับจาก
วนั ทบี ญั ชหี มดอายุ
ขอ้ ๙ ในกรณีทบี ญั ชผี ูผ้ ่านการเลือกสรรพนักงานราชการยงั ไม่หมดอายุ
และส่วนราชการมตี ําแหน่งว่างเพมิ หวั หน้าส่วนราชการอาจจดั จา้ งผูผ้ า่ นการเลอื กสรร
จากบญั ชดี งั กล่าวกไ็ ด้ โดยตําแหน่งว่างดงั กล่าวต้องเป็นตําแหน่งว่างในงานลกั ษณะ
เดยี วกนั หรอื คลา้ ยคลงึ กนั และต้องมคี ุณสมบตั เิ ฉพาะสาํ หรบั ตาํ แหน่งอยา่ งเดยี วกนั หรอื
คลา้ ยคลงึ กนั หากเป็นตําแหน่งว่างในชือตําแหน่งเดยี วกนั ให้ส่วนราชการจดั จา้ งเป็น
พนักงานราชการตามลําดบั ทีทีสอบได้ แต่หากเป็นตําแหน่งว่างในชือตําแหน่งอืน ให้
เป็นดุลพนิ ิจของส่วนราชการทีจะจดั จา้ งตามลาํ ดบั ที หรอื ประเมนิ ความรูค้ วามสามารถ
ทกั ษะและสมรรถนะเพิมเตมิ กไ็ ด้ ในกรณีทีมกี ารประเมนิ เพิมเตมิ ให้แต่งตัง
คณะกรรมการ เพอื ประเมนิ ความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทีส่วนราชการ
กาํ หนดเพมิ เตมิ ตามขอ้ ๖ (๔) ถงึ (๘)
๕
ขอ้ ๑๐ ในกรณีทีส่วนราชการมตี ําแหน่งว่าง และไม่มบี ญั ชผี ูผ้ ่าน
การเลอื กสรรพนักงานราชการ หัวหน้าส่วนราชการอาจใช้บัญชีผู้ผ่านการเลือกสรร
พนักงานราชการของสว่ นราชการอนื ได้ ซึงตําแหน่งทีจะขอใช้บญั ชผี ูผ้ ่านการเลอื กสรร
กบั ตําแหน่งทีขึนบญั ชผี ูผ้ ่านการเลอื กสรรไว้ จะต้องมลี กั ษณะงานเหมอื นกนั หรอื
คลา้ ยคลงึ กนั และตอ้ งมคี ุณสมบตั เิ ฉพาะสําหรบั ตําแหน่งอยา่ งเดยี วกนั หรอื คลา้ ยคลงึ กนั
โดยส่วนราชการผูจ้ ะขอใช้บญั ชปี ระสานกบั ส่วนราชการเจ้าของบญั ชโี ดยตรง
ในเรืองจํานวนรายชือผู้ผ่านการเลอื กสรร และให้แต่งตงั คณะกรรมการ เพือประเมนิ
ความรู้ความสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทสี ่วนราชการกําหนดเพมิ เตมิ ตามขอ้ ๖ (๔)
ถงึ (๘) โดยการขนึ บญั ชผี ูผ้ า่ นการเลอื กสรรมรี ะยะเวลาหมดอายุบญั ชเี ท่าระยะเวลาของ
อายบุ ญั ชผี ผู้ า่ นการเลอื กสรรทขี อใช้
สําหรับผู้ผ่านการเลือกสรรทีไม่ประสงค์ไปรับการประเมินความรู้
ความสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะเพมิ เตมิ ในส่วนราชการทีขอใชบ้ ญั ชี หรอื ผูผ้ า่ น
การเลอื กสรรทไี ปรบั การประเมนิ ในส่วนราชการทีขอใช้บญั ชแี ละไม่ผ่านการประเมิน
จะยงั มสี ทิ ธทิ จี ะไดร้ บั การจดั จา้ งในบญั ชผี ผู้ า่ นการเลอื กสรรของสว่ นราชการเจา้ ของบญั ชี
และกรณีทสี ละสทิ ธกิ ารจดั จา้ งในบญั ชผี ูผ้ า่ นการเลอื กสรรของส่วนราชการเจา้ ของบญั ชี
จะไมถ่ อื วา่ สละสทิ ธกิ ารจดั จา้ งในบญั ชผี ผู้ า่ นการเลอื กสรรของสว่ นราชการผขู้ อใชบ้ ญั ชี
ขอ้ ๑๑ การสรรหาและเลอื กสรรพนักงานราชการพเิ ศษ ให้ดําเนินการ
ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื นไข ดงั นี
(๑) ให้หวั หน้าส่วนราชการและผูร้ บั ผดิ ชอบงานหรอื โครงการของตําแหน่งที
จะสรรหาและเลือกสรรกําหนดขอบข่ายงานของตําแหน่ง ชือตําแหน่ง คุณสมบตั ิของ
ตําแหน่ง ระยะเวลาการจา้ ง ค่าตอบแทนทจี ะไดร้ บั หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเลอื กสรรทจี ําเป็น
เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ตําแหน่ง เกณฑก์ ารตดั สนิ และเงอื นไขการจา้ งอนื ๆ ทเี กยี วขอ้ ง
ตลอดจน แสดงแหล่งข้อมูลทีจะสรรหา ได้แก่ สถาบนั การเงนิ องค์การระหว่างประเทศ
สมาคมอาชพี สถานทูต ศูนยท์ ปี รกึ ษากระทรวงการคลงั ส่วนราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ต่างๆ
ทเี คยจา้ งบคุ คลในงานประเภทเดยี วกนั หรอื แหลง่ ขอ้ มลู อนื ๆ ตามทเี หน็ สมควร
(๒) หวั หน้าส่วนราชการ หรอื คณะกรรมการทหี วั หน้าส่วนราชการแต่งตงั
และผู้รบั ผดิ ชอบงานหรือโครงการ ดําเนินการสรรหารายชือผู้ทีมีความเหมาะสมจาก
แหล่งขอ้ มูลทีกําหนด และเลอื กสรรพนักงานราชการพเิ ศษจากรายชือดงั กล่าว ตาม
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารเลอื กสรร และเกณฑก์ ารตดั สนิ ทกี ําหนด
๖
(๓) เมือส่วนราชการได้ชือผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรเป็น
พนักงานราชการพิเศษแล้ว ให้หวั หน้าส่วนราชการดาํ เนินการจดั จ้างผู้นันต่อไป
ขอ้ ๑๒ ผไู้ ดร้ บั การสรรหาและเลอื กสรรใหเ้ ป็นพนักงานราชการจะต้องทํา
สญั ญาจา้ งตามแบบทคี ณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการกาํ หนดทา้ ยประกาศนี
ข้อ ๑๓ ในกรณีทีมีการประกาศขึนบัญชีรายชือผู้ผ่านการเลอื กสรร
พนักงานราชการตามประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เรอื ง หลกั เกณฑ์
วธิ กี าร และเงอื นไขการสรรหาและการเลอื กสรรพนกั งานราชการ และแบบสญั ญาจา้ งของ
พนักงานราชการ ลงวนั ที ๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗ แลว้ ใหอ้ ายบุ ญั ชผี ูผ้ า่ นการเลอื กสรรนัน
มรี ะยะเวลาเท่าทีเหลอื อยูเ่ ดมิ ตามทีกําหนดไวใ้ นประกาศคณะกรรมการบรหิ าร
พนักงานราชการ เรือง หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื นไขการสรรหาและการเลอื กสรร
พนกั งานราชการ และแบบสญั ญาจา้ งของพนกั งานราชการ ลงวนั ที ๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗
การใดทีอยู่ระหว่างดําเนินการตามประกาศคณะกรรมการบรหิ าร
พนักงานราชการ เรือง หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงือนไขการสรรหาและการเลอื กสรร
พนกั งานราชการ และแบบสญั ญาจา้ งของพนักงานราชการ ลงวนั ที ๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗
ก่อนวนั ทปี ระกาศฉบบั นีใช้บงั คบั ใหด้ ําเนินการตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือนไข
การสรรหาและการเลอื กสรรพนกั งานราชการตามประกาศดงั กลา่ วจนกวา่ จะแลว้ เสรจ็
ประกาศ ณ วนั ที ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๒
ลงชอื
(นายวรี ะชยั วรี ะเมธกี ุล)
รฐั มนตรปี ระจาํ สาํ นกั นายกรฐั มนตรี
ประธานคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ
สญั ญาเลขที ……./………….
สญั ญาจ้างพนักงานราชการ
กรม/สาํ นกั งาน ……………………………………………………..
สญั ญาจา้ งพนกั งานราชการฉบบั นี ทาํ ขนึ ณ …………………………………………
เมอื วนั ที ……………………………. ระหวา่ งกรม/สาํ นกั งาน …………………………………………..
โดย ………………………………………………. ตําแหน่ง …………………………………………..
ผแู้ ทน/ผรู้ บั มอบอาํ นาจตามคาํ สงั กรม/สาํ นกั งาน ………………………..……… ท…ี ……./………..…
ลงวนั ที ……………………………….. ซงึ ต่อไปในสญั ญานีเรยี กว่า “กรม/สํานักงาน” ฝ่ายหนึง กบั
นาย/นาง/นางสาว ……………………….………..……… อายุ …..… ปี หมายเลขประจาํ ตวั ของผูถ้ อื
บตั รประจาํ ตวั ประชาชน ………………………………… อยบู่ า้ นเลขที …… ถนน …………………..
ซอย ………………… แขวง/ตําบล …………...……..……… เขต/อําเภอ …………………………
จงั หวดั ……………………….….….. รหสั ไปรษณยี ์ ………………. โทรศพั ท์ ……………………….
ซงึ ต่อไปในสญั ญานีเรยี กว่า “พนักงานราชการ”อกี ฝ่ายหนึง ทงั สองฝ่ายต่างไดต้ กลงรว่ มกนั ทาํ สญั ญาจา้ ง
ไวต้ ่อกนั ดงั ต่อไปนี
ขอ้ 1 กรม/สาํ นกั งานตกลงจา้ ง และพนกั งานราชการตกลงรบั จา้ งทํางานใหแ้ ก่กรม/
สาํ นกั งานโดยเป็นพนกั งานราชการ ดงั ต่อไปนี
พนกั งานราชการพเิ ศษ
ลกั ษณะงาน ………………………………………………………………………
พนกั งานราชการทวั ไป
กลมุ่ งาน …………………………………………………………………………
ตําแหน่ง …………………………………………………………………………
ขอ้ 2 พนกั งานราชการมหี น้าทรี บั ผดิ ชอบภาระงานตามรายละเอยี ดทกี รม/สาํ นกั งาน
กาํ หนดไวใ้ นเอกสารแนบทา้ ยสญั ญาจา้ ง และใหถ้ อื ว่าเอกสารแนบทา้ ยสญั ญาจา้ งดงั กล่าวเป็นส่วนหนึง
ของสญั ญาจา้ งนี
ในกรณีทมี ปี ญั หาว่างานใดเป็นหน้าทกี ารงานตามสญั ญาจ้างนีหรอื ไม่ หรอื กรณีที
มขี อ้ สงสยั เกยี วกบั ขอ้ ความของสญั ญาจา้ ง หรอื ขอ้ ความในเอกสารแนบทา้ ยสญั ญาจา้ ง ใหก้ รม/สาํ นกั งาน
เป็นผวู้ นิ ิจฉัย และพนักงานราชการจะต้องปฏบิ ตั ติ ามคาํ วนิ ิจฉัยนัน