1
หลักสูตรโรงเรยี นบ้านบาตนั (ฟลอยดร์ อสอนุสรณ์) พทุ ธศักราช 2564
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก
คำนำ
หลักสูตรโรงเรียนบ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ได้จัดทำขนึ้ ตามแนวทางที่กำหนดไวใ้ น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และเป็นไปตาม
มาตรา 27 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดใหส้ ถานศึกษามหี น้าที่จดั ทำสาระของหลักสตู รสถานศึกษาตามหลักการ จุดหมายของ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำหนด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในส่วนที่เก่ียวกับสภาพ
ปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพ่ือให้เยาวชนเป็นสมาชิกท่ีดีของ
ครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในหลักสูตรโรงเรียนบ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช
2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ฉบับน้ี
ประกอบด้วย ความนำ คุณภาพผู้เรียน โครงสร้างเวลาเรียน สาระมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัดรายปี
คำอธิบายรายวิชา การจัดหน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
สอ่ื การเรียน แหล่งเรียนรู้ ซ่ึงทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในหลักสูตรโรงเรียน
บ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ฉบับน้ี เพ่ือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้
อย่างถูกตอ้ งและบรรลผุ ลตามท่ตี ้องการ
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในหลักสูตรโรงเรยี นบ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช
2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ฉบับนี้
สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็ด้วยความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของโรงเรียน ผู้ปกครอง
นักเรียน คณะครูและผู้ที่มีส่วนเกยี่ วข้องทุกภาคส่วนที่มสี ่วนร่วมดำเนินการ ทางโรงเรียนจงึ ขอขอบพระคุณ
ท่านมา ณ โอกาสนี้
ข
ประกาศโรงเรียนบา้ นบาตัน (ฟลอยดร์ อสอนุสรณ์)
เรอ่ื ง ใหใ้ ชห้ ลักสตู รโรงเรียนบา้ นบาตัน (ฟลอยดร์ อสอนสุ รณ)์ พุทธศักราช 2564
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
................................................................................
เพื่อให้การจัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และกรอบ
หลักสูตรท้องถ่ินของสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1 และพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พุทธศักราช 2545 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 มาตรา 27 กำหนดให้สถานศึกษาข้ัน
พ้ืนฐานมีหน้าท่ีจัดทำสาระของหลักสูตร ตามท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
กำหนด ดังนัน้ สถานศึกษาจึงได้จดั ทำหลักสตู รโรงเรยี นบ้านบาตัน (ฟลอยดร์ อสอนุสรณ์) พุทธศกั ราช 2564
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ขึ้นซึ่ง
ประกอบด้วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และระเบียบการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ หลักสูตรโรงเรียนบ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
ทัง้ นี้ หลักสตู รโรงเรยี นบ้านบาตนั (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้รับความเห็นชอบให้ใช้หลักสูตร
โรงเรียนบ้านบาตัน (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) จากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงประกาศให้ใช้
หลักสูตรโรงเรียนบ้านบาตนั (ฟลอยด์รอสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตง้ั แต่ปีการศึกษา 2563 เป็นตน้ ไปใหใ้ ช้ในทุกช้ันเรยี น
ประกาศ ณ วนั ท่ี เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2564
........................................ .......................................
() (นางซาลีจา เจะมิง)
ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันฐาน ผู้อำนวยการโรงเรียน
ค
สารบญั
หน้า
คำนำ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….ก
ประกาศโรงเรียนบา้ นบาตัน (ฟลอยดร์ อสอนุสรณ์) พุทธศักราช 2564 เรอ่ื ง ใหใ้ ช้หลกั สูตรโรงเรียน
บ้านบาตนั (ฟลอยด์รอสอนุสรณ)์ พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์…………………………………..ข
สารบัญ..........................................................................................................................................................ค
ความนำ………………………………………………………………………………………………………………………………………..1
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้………………………………………………………………………………………………..……….4
คณุ ภาพผเู้ รยี น……………………………………………………………………………………………………………………..……….5
โครงสรา้ งเวลาเรยี น…………………………………………………………………………………………………………….………..9
สาระมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดชน้ั ปี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1……………………………………………………………………………………………………….11
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2.....................................................................................................................22
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3.....................................................................................................................32
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4.....................................................................................................................44
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5.....................................................................................................................61
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6.....................................................................................................................79
แนวการจัดการเรยี นรู้………………………………………….………………………………………………………………………..98
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้…………………………………………………………………………………………………..103
สื่อการเรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้…………………………………………………………………………………………………………....107
ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………….……………………..108
ก. คำอภธิ านศัพท์…………………………………………………………………………………………………………..109
ข. คำสั่งอนุกรรมการกล่มุ สาระการเรยี นรู้……………………………………………………….…………………115
1
สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. ความนำ
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) นี้ได้กำหนดสาระการเรียนรู้ออกเป็น 8 สาระ
ได้แก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สำระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
สาระท่ี 4 ชีววิทยา สาระที่ 5 เคมี สาระท่ี 6 ฟิสิกส์ สาระที่ 7 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ และสาระที่ 8
เทคโนโลยี ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ท้ังในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอนและการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้น้ัน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละ
ระดับชั้นให้มีความต่อเนื่องเช่ือมโยงกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 จนถึงช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6 สำหรับกลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน
เพอ่ื ให้สามารถนำความรู้น้ีไปใชใ้ นการดำรงชวี ติ หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ตอ้ งใช้วิทยาศาสตรไ์ ด้ โดยจัดเรยี งลำดับ
ความยากงา่ ย ของเนอ้ื หาทั้ง 8 สาระ ในแตล่ ะระดบั ช้ันให้มกี ารเช่ือมโยงความรู้กบั กระบวนการเรียนรู้ และการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์
วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษท่ี 21 ในการค้นคว้าและ
สร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้
ขอ้ มลู หลากหลายและประจกั ษ์พยานทีต่ รวจสอบได้
กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญ ของการจัดการเรียนรู้วิท ยาศาสตร์ท่ีมุ่งหวังให้เกิด ผล
สมั ฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากท่ีสดุ จึงมอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ (สสวท.) จดั ทำตัวช้ีวัดและสาระ
การเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช
2551 (ฉ บั บ ป รับ ป รุง พ .ศ.2560 ) ขึ้น เพ่ื อ ให้ ส ถาน ศึ ก ษ า ครูผู้สอ น ตล อ ด จน ห น่ วย งาน ต่าง ๆ
ได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หนังสือเรียน คู่มือครู ส่ือประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและ
ประเมินผล โดยตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ที่จัดทำขึ้นน้ีได้ปรับปรุงให้มีความสอดคล้อง
แ ล ะ เชื่ อ ม โย ง กั น ภ าย ใน ส าร ะ ก าร เรีย น รู้เดี ย ว กั น แ ล ะ ร ะ ห ว่ างส าร ะ ก าร เรีย น รู้ใน ก ลุ่ ม ส าร ะ
การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเช่ือมโยงเนื้อหาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตรก์ ับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากน้ี ยัง
ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่าง ๆ และทัดเทียม
กบั นานาชาติ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรส์ รุปเป็น แผนภาพไดด้ ังนี้
2
แผนภาพ สาระ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชว้ี ัดกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
สาระที่ 2
วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
- มาตรฐาน ว 2.1-ว 2.3
สาระที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สาระที่ 3
วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ
- มาตรฐาน ว 1.1-ว 1.3 - มาตรฐาน ว 3.1-ว 3.3
สาระท่ี 4
เทคโนโลยี
- มาตรฐาน ว 4.1-ว 4.2
วทิ ยาศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ ⚫ สาระชีววิทยา ⚫ สาระเคมี ⚫ สาระฟสิ กิ ส์
⚫ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
สำหรับวิทยาศาสตร์เพ่ิมเติม สาระชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ จัดทำข้ึน
สำหรับผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ ท่ีจำเป็นต้องเรียน เพื่อเป็นพื้นฐาน
สำคัญและเพียงพอสำหรบั การศกึ ษาต่อ และการประกอบอาชพี ดา้ นวทิ ยาศาสตร์
3
เป้าหมายของการจัดการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ
ตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตแิ ละนำผลมาจดั ระบบ หลกั การ แนวคิดและทฤษฎี
ดังนนั้ การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรจ์ ึงมุ่งเน้นให้ผู้เรยี นได้เปน็ ผู้เรียนร้แู ละค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด นั่นคือให้ได้
ท้ังกระบวนการและองค์ความรู้ ตั้งแต่วัยเร่มิ แรกก่อนเข้าเรียน เมื่ออยู่ในสถานศึกษาและเม่ือออกจากสถานศึกษา
ไปประกอบอาชีพแลว้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในสถานศกึ ษามีเป้าหมายสำคญั ดังนี้
1. เพ่อื ใหเ้ ข้าใจหลกั การ ทฤษฎที ่เี ป็นพืน้ ฐานในวทิ ยาศาสตร์
2. เพอ่ื ให้เข้าใจขอบเขต ธรรมชาติและข้อจำกดั ของวทิ ยาศาสตร์
3. เพอ่ื ใหม้ ที ักษะทสี่ ำคัญในการศกึ ษาคน้ ควา้ และคดิ คน้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
4. เพอื่ พัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ
ทักษะในการสอ่ื สาร และความสามารถในการตดั สินใจ
5. เพื่อให้ตระหนักถึงความสมั พันธ์ระหวา่ งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนษุ ย์และ
สภาพแวดล้อมในเชงิ ทีม่ ีอิทธพิ ลและผลกระทบซึง่ กนั และกนั
6. เพ่ือนำความรูค้ วามเขา้ ใจในเรื่องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์
ต่อสังคมและการดำรงชวี ติ
7. เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์
เรยี นรู้อะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผเู้ รียนได้เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ท่ีเน้นการ เชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้และ
แก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกข้ันตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
อย่างหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ชั้น โดยกำหนดสาระสำคญั ดังนี้
✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียน รู้เกี่ยวกับ ชีวิตในส่ิงแวดล้อม องค์ประกอ บของสิ่งมีชีวิต
การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวติ
✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ ยนแปลงของสาร
การเคลอ่ื นท่ี พลงั งาน และคลืน่
4
✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เก่ียวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบ
สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ และ
ผลต่อสงิ่ มชี วี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม
✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรเู้ กี่ยวกบั เทคโนโลยเี พอื่ การดำรงชีวิต ในสงั คมท่มี ี
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม
● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เก่ียวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญ หา
เปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใชค้ วามรดู้ า้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสือ่ สาร
ในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
2. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิต กับส่ิงมีชีวิต และ
ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์
ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษยท์ ่ีทำงานสมั พันธก์ ัน
ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆ ของพชื ท่ีทำงานสัมพนั ธ์กัน รวมท้ังนำ
ความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การ
เปลยี่ นแปลงทางพันธุกรรมทีม่ ีผลต่อส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของ
สิ่งมีชีวติ รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลงสถานะ
ของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
5
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะ การเคลอื่ นท่ีแบบ
ต่าง ๆ ของวัตถุรวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ อง คล่นื ปรากฏการณท์ ่ี
เก่ียวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ
กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อ
ส่งิ มชี วี ิต และการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก และ
บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล
ตอ่ สิง่ มีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวติ ในสังคมท่ีมกี ารเปลีย่ นแปลง อย่างรวดเรว็ ใช้
ความรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตรแ์ ละ ศาสตร์อนื่ ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือพัฒนา
งานอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง
เหมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทัน และมีจรยิ ธรรม
3. คณุ ภาพผูเ้ รยี น
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
❖ เข้าใจลักษณะท่ีปรากฏ ชนดิ และสมบัติบางประการของวสั ดุที่ใชท้ ำวัตถุ และการเปลี่ยนแปลงของ
วสั ดรุ อบตัว
❖ เข้าใจการดึง การผลัก แรงแม่เหลก็ และผลของแรงท่ีมีต่อการเปลีย่ นแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุ
พลังงานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ การเกิดเสยี ง แสงและการมองเหน็
6
❖ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ปรากฏการณ์ข้ึนและตกของ 8 ดวงอาทิตย์
การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลักษณะและ
ความสำคญั ของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชน์และโทษของลม
❖ ต้ังคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับส่ิงท่ีจะเรียนรู้ตามท่ีกำหนดให้หรือตามความสนใจสังเกต
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครอื่ งมืออยา่ งง่าย รวบรวมข้อมลู บนั ทึก และอธบิ ายผลการสำรวจตรวจสอบด้วยการเขยี น
หรอื วาดภาพ และสือ่ สารสงิ่ ท่เี รยี นรู้ดว้ ยการเล่าเรื่อง หรอื ดว้ ยการแสดงทา่ ทางเพื่อให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจ
❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สอ่ื สารเบ้อื งต้น รักษาข้อมูลส่วนตวั
❖ แสดงความกระตือรือร้น สนใจท่ีจะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เก่ียวกับเรื่องท่ีจะศึกษาตามท่ี
กำหนดใหห้ รือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ผู้อืน่
❖ แสดงความรบั ผดิ ชอบดว้ ยการทำงานท่ีได้รับมอบหมายอย่างม่งุ ม่นั รอบคอบ ประหยัด ซือ่ สตั ย์ จน
งานลลุ ่วงเปน็ ผลสำเรจ็ และทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนอยา่ งมคี วามสุข
❖ ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรแู้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดำรงชีวติ ศึกษา
หาความรู้เพม่ิ เติม ทำโครงงานหรือชน้ิ งานตามที่กำหนดใหห้ รือตามความสนใจ
จบชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6
❖ เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของส่ิงมีชีวิต รวมท้ังความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตใน
แหล่งท่ีอยู่ การทำหนา้ ทขี่ องสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์
❖ เข้าใจสมบัตแิ ละการจำแนกกลุ่มของวสั ดุ สถานะและการเปลย่ี นสถานะของสสารการละลาย การ
เปล่ียนแปลงทางเคมี การเปล่ียนแปลงทีผ่ ันกลับได้และผนั กลับไม่ได้ และการแยกสารอย่างงา่ ย
❖ เข้าใจลกั ษณะของแรงโนม้ ถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟา้ และผลของแรงต่างๆ ผล
ทเี่ กดิ จากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดนั หลกั การที่มตี ่อวตั ถุ วงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ย ปรากฏการณเ์ บ้อื งต้นของเสยี ง
และแสง
❖ เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์
องค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และ ดาวฤกษ์ การขึ้น
และตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใชแ้ ผนท่ดี าว การเกิดอปุ ราคา พัฒนาการและประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ
❖ เข้าใจลักษณะของแหลง่ น้ำ วฏั จักรนำ้ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก นำ้ ค้าง น้ำคา้ งแขง็ หยาดนำ้ ฟ้า
กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล
มรสุม ลกั ษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพบิ ตั ิภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณเ์ รอื นกระจก
7
❖ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเช่ือถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน
เคารพสิทธิของผอู้ น่ื
❖ ตง้ั คำถามหรือกำหนดปัญหาเกย่ี วกับสิง่ ที่จะเรียนร้ตู ามท่ีกำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน
คำตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมติฐานที่สอดคล้องกบั คำถามหรือปญั หาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและสำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เคร่อื งมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลท้ังเชิงปริมาณ
และคุณภาพ
❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลท่ีมาจากการสำรวจตรวจสอบใน
รูปแบบทเ่ี หมาะสม เพอ่ื สื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมเี หตุผลและหลกั ฐานอา้ งองิ
❖ แสดงถงึ ความสนใจ ม่งุ ม่นั ในสง่ิ ทีจ่ ะเรียนรู้ มคี วามคิดสร้างสรรค์เกยี่ วกับเร่ืองทจี่ ะศึกษาตามความ
สนใจของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง ยอมรับในขอ้ มลู ทมี่ ีหลักฐานอา้ งองิ และรับฟงั ความคดิ เหน็ ผอู้ ืน่
❖ แสดงความรบั ผิดชอบด้วยการทำงานท่ไี ด้รับมอบหมายอยา่ งมุ่งม่ัน รอบคอบ ประหยดั ซอ่ื สัตย์ จน
งานลุลว่ งเปน็ ผลสำเรจ็ และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นอย่างสร้างสรรค์
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกยอ่ ง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คดิ ค้นและศึกษาหาความรู้
เพม่ิ เตมิ ทำโครงงานหรือชิน้ งานตามที่กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ
❖ แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย แสดงพฤตกิ รรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรกั ษาทรัพยากร ธรรมชาติ
และสง่ิ แวดล้อมอย่างรู้คุณคา่
จบชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
❖ เข้าใจลักษณะและองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์สิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของการทำงานของระบบ
ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยนี หรือ
โครโมโซม และตัวอยา่ งโรคท่เี กิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของสง่ิ มีชีวิตดัดแปร
พนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ปฏิสมั พันธ์ขององค์ประกอบของระบบนิเวศและการถ่ายทอดพลังงานใน
สิ่งมชี วี ิต
❖ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารผสม หลักการแยกสาร การ
เปลีย่ นแปลงของสารในรปู แบบของการเปลยี่ นสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี และสมบัติทาง
กายภาพ และการใชป้ ระโยชนข์ องวสั ดุประเภท พอลิเมอร์ เซรามกิ ส์และวัสดผุ สม
❖ เข้าใจการเคล่ือนที่ แรงลัพธ์และผลของแรงลัพธ์กระทำต่อวัตถุ โมเมนต์ของแรง แรงที่ปรากฏใน
ชีวิตประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการอนุรักษ์พลังงาน
8
การถ่ายโอนพลังงาน สมดลุ ความรอ้ น ความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณทางไฟฟ้า การต่อวงจรไฟฟา้ ในบ้าน พลังงานไฟฟ้า
และหลักการเบื้องต้นของวงจรอิเล็กทรอนิกส์
❖ เข้าใจสมบัติของคล่ืน และลักษณะของคลื่นแบบต่าง ๆ แสง การสะท้อน การหักเหของแสงและ
ทัศนูปกรณ์
❖ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคล่ือนท่ีปรากฏของดวงอาทิตย์
การเกิดข้างข้ึนข้างแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ และ
ความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ
❖ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยท่ีมีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ
ผลกระทบของพายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์ ลักษณะ
โครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลกั ษณะชน้ั หน้าตัดดิน กระบวนการเกิด
ดิน แหลง่ นำ้ ผิวดนิ แหลง่ นำ้ ใต้ดิน กระบวนการเกิดและผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณีพบิ ัติภัย
❖ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ
และตัดสินใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้
ทักษะ และทรพั ยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันหรือการประกอบอาชีพ
โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม
ปลอดภยั รวมทงั้ คำนงึ ถึงทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา
❖ นำข้อมลู ปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมนิ นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศได้ตาม
วัตถุประสงค์ ใชท้ ักษะการคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพอ่ื ช่วยใน
การแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารอย่างร้เู ท่าทันและรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
❖ ต้ังคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มีการ
กำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสามารถนำไปสู่การสำรวจ
ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือท่ีเหมาะสม เลือกใช้เคร่ืองมือและ
เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล ท้ังในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ได้ผลเที่ยงตรงและ
ปลอดภยั
❖ วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของข้อมูลท่ีได้จากการสำรวจตรวจสอบจากพยานหลกั ฐาน
โดยใชค้ วามรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงขอ้ สรุปและสื่อสารความคิด ความรู้ จาก
ผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรปู แบบ หรือใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจไดอ้ ย่างเหมาะสม
9
❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซ่ือสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิด
สร้างสรรค์เก่ียวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการท่ีให้ได้ผลถูกต้อง เช่ือถือ
ได้ ศึกษาคน้ ควา้ เพิม่ เติมจากแหล่งความรูต้ ่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเองรบั ฟงั ความคิดเห็นผู้อน่ื และยอมรับ
การเปล่ียนแปลงความรทู้ คี่ ้นพบ เม่ือมีข้อมลู และประจกั ษ์พยานใหมเ่ พมิ่ ข้นึ หรอื โต้แย้งจากเดิม
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ยกย่อง
และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งดา้ นบวกและดา้ นลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ต่อ
สิ่งแวดลอ้ มและต่อบริบทอื่น ๆ และศึกษาหาความรเู้ พม่ิ เติม ทำโครงงานหรือสร้างช้ินงาน
ตามความสนใจ
❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกับการดูแลรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และ
ความหลากหลายทางชวี ภาพ
4. โครงสร้างเวลาเรยี น กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รายวชิ าพน้ื ฐาน ระดบั ประถมศกึ ษา
รายวิชา ระดับชัน้ เวลาเรยี นรายปี (ชั่วโมง)
ว 11101 วิทยาศาสตร์ ประถมศึกษาปที ี่ 1 80
ว 12101 วทิ ยาศาสตร์ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 80
ว 13101 วทิ ยาศาสตร์ ประถมศึกษาปที ี่ 3 80
ว 14101 วทิ ยาศาสตร์ ประถมศึกษาปที ่ี 4 120
ว 15101 วิทยาศาสตร์ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 120
ว 16101 วิทยาศาสตร์ ประถมศึกษาปีที่ 6 120
10
รายวชิ าเพ่ิมเตมิ ระดบั ประถมศึกษา
โครงสรา้ งรายวชิ ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
รายวชิ าเพิ่มเติม(คอมพิวเตอร)์
ระดับชัน้ รหสั ช่อื รายวชิ า เวลาเรียนรายป(ี ช่วั โมง)
ชั้น ป.4 ว 14201 คอมพิวเตอร์ 4 40
ชน้ั ป.5 ว 15201 คอมพิวเตอร์ 5 40
ชน้ั ป.6 ว 16201 คอมพวิ เตอร์ 6 40
รายวิชาพน้ื ฐาน ระดับมธั ยมศึกษา ระดบั ช้ัน เวลาเรียนรายภาค/หน่วยกติ
รายวชิ า มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 80 ชว่ั โมง / 2 หน่วยกิต
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 80 ชว่ั โมง / 2 หน่วยกติ
ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 80 ชั่วโมง / 2 หนว่ ยกติ
ว 21102 วิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 2 80 ชัว่ โมง / 2 หนว่ ยกติ
ว 22101 วิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 3 80 ชั่วโมง / 2 หน่วยกิต
ว 22102 วทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 80 ช่วั โมง / 2 หน่วยกิต
ว 23101 วทิ ยาศาสตร์
ว 23102 วทิ ยาศาสตร์
รายวิชาเพ่ิมเติม ระดับมัธยมศกึ ษา
โครงสรา้ งรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รายวชิ าเพมิ่ เตมิ (คอมพวิ เตอร์,โครงงานวทิ ยาศาสตร์)
ระดับชัน้ รหสั ชอ่ื รายวิชา เวลาเรียนรายภค(หนว่ ยกิต)
ชน้ั ม.1
ชั้น ม.2 ว 21201 คอมพิวเตอร1์ 20 ชว่ั โมง / 0.5 หนว่ ยกิต
ชน้ั ม.3 ว 21202 คอมพิวเตอร2์ 20 ชั่วโมง / 0.5 หน่วยกิต
ว 22201 โครงงานวิทยาศาสตร์1 20 ชว่ั โมง / 0.5 หน่วยกิต
ว 22202 โครงงานวิทยาศาสตร2์ 20 ชั่วโมง / 0.5 หน่วยกิต
ว 22203 คอมพวิ เตอร์3 20 ชว่ั โมง / 0.5 หนว่ ยกติ
ว 22204 คอมพิวเตอร4์ 20 ชัว่ โมง / 0.5 หนว่ ยกติ
ว 23201 คอมพิวเตอร์5 20 ชว่ั โมง / 0.5 หนว่ ยกิต
ว 23202 คอมพิวเตอร์6 20 ชัว่ โมง / 0.5 หน่วยกติ
11
5. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ัดชัน้ ปี
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1
ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลางและสาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหว่างสงิ่ ไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชวี ิตและ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ
ป.1 ว 1.1 ป 1/1 ระบุชอื่ พชื และ - บริเวณต่าง ๆ ในท้องถิ่น เชน่ - พชื และสัตว์ท่ีอาศยั อยู่
สตั ว์ท่อี าศัยอยู่บริเวณต่าง ๆ สนามหญา้ ใต้ตน้ ไม้ สวนหย่อม บริเวณต่าง ๆ ในท้องถ่นิ
จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ แหล่งน้ำ อาจพบพืชและสัตว์ ของตน เชน่ สนามหญ้า
หลายชนดิ อาศัยอยู่ ใตต้ น้ ไม้สวนหยอ่ ม
ว 1.1 ป ½ -บริเวณท่ีแตกตา่ งกันอาจพบพืช แหล่งน้ำ ฯลฯ
บอกสภาพแวดลอ้ มท่ี และสัตวแ์ ตกต่างกัน เพราะ - สภาพแวดล้อมใน
เหมาะสมกับการดำรงชีวิต สภาพแวดล้อมของแต่ละบรเิ วณ ท้องถ่นิ เช่น
ของสตั ว์ในบรเิ วณทีอ่ าศยั อยู่ จะมี ความเหมาะสมต่อการ (บริเวณใกล้ ๆ โรงเรยี น
ดำรงชีวติ ของพืชและสตั ว์ ท่ี ในชุมชน หรอื ภายใน
อาศยั อย่ใู นแต่ละบรเิ วณ เชน่ จงั หวดั )
สระนำ้ มนี ้ำเปน็ ท่ีอยู่ อาศัยของ
หอย ปลา สาหรา่ ย เปน็ ที่หลบภยั
และมี แหล่งอาหารของหอยและ
ปลา บริเวณตน้ มะมว่ งมี ต้น
มะม่วงเปน็ แหลง่ ทอี่ ยู่ และมี
อาหารสำหรับกระรอกและมด
- ถา้ สภาพแวดลอ้ มในบริเวณท่ี
พชื และสัตว์อาศัยอย่มู ีการ
12
ชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ
เปลยี่ นแปลง จะมผี ลต่อการ
ดำรงชวี ติ ของพืชและสัตว์
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมชี ีวติ หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวติ การลำเลยี งสารผ่านเซลล์ความสัมพนั ธ์
ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ที างานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กันรวมท้ังนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน
ป.1 ว 1.2 ป 1/1 ระบุช่อื - มนษุ ย์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและ - สว่ นประกอบ และ
บรรยายลกั ษณะและบอก หน้าท่ีแตกตา่ งกนั เพ่ือใหเ้ หมาะสมในการ หนา้ ท่ขี องอวยั วะ
หน้าท่ีของสว่ นตา่ ง ๆ ของ ดำรงชีวิต เช่น ตามีหนา้ ที่ ไวม้ องดู โดยมี ภายนอกของสตั วแ์ ละ
ร่างกายมนุษย์ สัตว์ และ หนังตาและขนตาเพื่อปอ้ งกนั อนั ตราย พชื ทพี่ บบรเิ วณตา่ ง ๆ
พชื รวมท้งั บรรยายการทำ ใหก้ บั ตา หูมีหน้าที่รบั ฟังเสยี ง โดยมีใบหู
หน้าท่ีร่วมกนั ของส่วน และรหู ู เพอ่ื เปน็ ทางผ่านของเสยี ง ปากมี
ตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมนุษย์ หนา้ ทพี่ ูด กนิ อาหาร มชี ่องปาและมรี ิม
ในการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ฝปี ากบนล่าง แขนและมอื มหี นา้ ที่ยก หยบิ
จากขอ้ มูลที่รวบรวมได้ จับ มที ่อนแขนและน้ิวมือที่ขยับได้ สมอง
มหี นา้ ทีค่ วบคุมการทำงานของส่วนตา่ ง ๆ
ของรา่ งกาย เปน็ กอ้ นอยใู่ นกะโหลกศรี ษะ
โดยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะทำหน้าที่
รว่ มกันในการทำกจิ กรรม ใน
ชวี ิตประจำวัน
- สัตว์มหี ลายชนิด แต่ละชนิดมีส่วนต่าง ๆ
ทมี่ ลี ักษณะและหน้าท่ีแตกตา่ งกัน เพื่อให้
เหมาะสม ในการดำรงชีวติ เช่น ปลามี
ครบี เปน็ แผน่ สว่ นกบ เตา่ แมว มีขา 4 ขา
และมเี ทา้ สำหรบั ใช้ในการเคล่ือนท่ี
- พชื มีส่วนต่าง ๆ ท่มี ีลกั ษณะและหนา้ ที่
13
ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน
แตกตา่ งกนั เพือ่ ให้เหมาะสมในการ
ดำรงชวี ิตโดยท่ัวไป รากมลี กั ษณะเรียว
ยาว และแตกแขนงเปน็ รากเล็ก ๆ ทำ
หนา้ ที่ดดู นำ้ ลำต้นมีลกั ษณะเป็น
ทรงกระบอกตั้งตรงและมกี งิ่ กา้ น ทำ
หนา้ ที่ชกู ง่ิ กา้ น ใบ และดอก ใบมีลักษณะ
เป็นแผน่ แบน ทำหน้าที่สรา้ งอาหาร
นอกจากนี้พืชหลายชนดิ อาจมีดอกท่มี ีสี
รปู รา่ งต่าง ๆ ทำหนา้ ที่สืบพนั ธ์ุ รวมท้ังมี
ผลที่มีเปลือก มีเน้ือห่อหมุ้ เมล็ด และมี
เมล็ดซึ่งสามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้
ว 1.2 ป1/2ตระหนกั ถงึ - มนษุ ยใ์ ชส้ ่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการ -
ความสำคัญของส่วนต่าง ทำกจิ กรรมต่าง ๆ เพือ่ การดำรงชีวิต
ๆ ของรา่ งกายตนเอง โดย มนษุ ย์จึงควรใช้ส่วนตา่ ง ๆของร่างกาย
การดูแลส่วนต่างๆ อยา่ งถกู ตอ้ ง ปลอดภัย และรักษา ความ
อย่างถูกต้อง ให้ปลอดภัย สะอาดอยู่เสมอ เชน่ ใชต้ ามองตัวหนงั สอื
และรกั ษา ความสะอาดอยู่ ในที่ ๆ มีแสงสว่างเพียงพอ ดูแลตาให้
เสมอ ปลอดภัยจากอันตราย และรกั ษาความ
สะอาดตาอยู่เสมอ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ
ของส่งิ มชี ีวิต รวมท้งั นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
-- - -
14
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัติของสสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ
สสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
ป.1 ว 2.1 ป 1/1อธิบายสมบัติ -วสั ดทุ ่ีใช้ทำวัตถุท่ีเป็นของเล่น ของใช้ -วสั ดทุ ่ีใช้ทำอปุ กรณ์และ
ท่ีสงั เกตได้ของวัสดุท่ีใช้ทำ มหี ลายชนิด เชน่ ผ้า แกว้ พลาสติก เครื่องมือที่ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
วตั ถซุ ึ่งทำจากวสั ดุชนิด ยาง ไม้ อิฐ หนิ กระดาษ โลหะ วสั ดุ หรืออาชพี ต่าง ๆ
เดียว หรือหลายชนิด แต่ละชนดิ มสี มบัติท่ีสังเกตไดต้ า่ ง ๆ
ประกอบกนั โดยใช้ เช่น สี นุ่ม แขง็ ขรุขระ เรยี บ ใส ขนุ่
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ยืดหดได้ บดิ งอได้
ว 2.1 ป 1/2ระบุชนิดของ - สมบัติทส่ี งั เกตได้ของวัสดุแต่ชนิดอาจ
วสั ดุและจัดกลุม่ วสั ดุตาม เหมือนกนั ซ่งึ สามารถนำมาใช้เป็น
สมบตั ทิ ่ีสังเกตได้ เกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดไุ ด้
วัสดุบางอย่างสามารถนำมาประกอบ
กันเพ่อื ทำเปน็ วัตถตุ ่าง ๆ เช่น ผา้ และ
กระดุม ใช้ทำเสือ้ ไมแ้ ละโลหะ ใชท้ ำ
กระทะ
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทีก่ ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลอื่ นที่
แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่ิน
-- --
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์
ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วข้อง
กับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
15
ชน้ั ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ
ป.1 ว 2.3 ป 1/1บรรยายการเกิด -เสยี งเกิดจากการส่ันของวัตถุ วตั ถุ
เสยี งและทศิ ทาง การเคลอื่ นที่ ท่ีทำให้เกิดเสียงเป็นแหล่งกำเนดิ
ของเสยี งจากหลกั ฐานเชิง เสยี งซ่งึ มที ้งั แหลง่ กำเนิดเสียงตาม
ประจกั ษ์ ธรรมชาติและแหลง่ กำเนิดเสยี งท่ี
มนษุ ยส์ รา้ งข้ึน เสยี งเคล่อื นที่ออก
จากแหล่งกำเนดิ เสียงทุกทิศทาง
สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว
ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อส่ิงมีชีวิตและการ
ประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
ชน้ั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
ป.1 ว 3.1 ป 1/1ระบดุ าวท่ี - บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวง - ระบบดวงดาวจากหลักฐานเชิง
ปรากฏบนทอ้ งฟา้ ในเวลา จันทร์ และดาว ซ่ึงในเวลา ประจกั ษ์ในท้องถ่ินและชุมชนของ
กลางวัน และกลางคืนจาก กลางวนั จะมองเห็นดวงอาทิตย์ ตน
ข้อมูลที่รวบรวมได้ และอาจมองเห็นดวงจนั ทร์บาง
ว 3.1 ป 1/2อธิบายสาเหตทุ ่ี เวลาในบางวัน แตไ่ มส่ ามารถ หรอื จากแหล่งเรียนรทู้ ี่มี
มองไม่เหน็ ดาวส่วนใหญ่ ใน มองเหน็ ดาว ในทอ้ งถ่นิ /จังหวดั
เวลากลางวนั จากหลกั ฐานเชิง -ในเวลากลางวันมองไม่เห็นดาว -
ประจักษ์ สว่ นใหญเ่ นือ่ งจากแสงอาทิตย์
สว่างกวา่ จงึ กลบแสงของดาว
สว่ นในเวลากลางคืนจะมองเหน็
ดาวและมองเห็นดวงจนั ทร์ เกือบ
ทุกคนื
16
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก
และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ัตภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมท้ังผล
ต่อสงิ่ มีชวี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม
ช้นั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ
ป.1 ว 3.2 ป 1/1อธบิ ายลักษณะ -หินทอี่ ยู่ในธรรมชำติมีลักษณะ -ลกั ษณะของหนิ ท่พี บ
ภายนอกของหิน จาก ภายนอกเฉพาตัว ทส่ี ังเกตได้ เช่น สี บรเิ วณโรงเรยี น ในชมุ ชน
ลักษณะเฉพาะตัวท่สี ังเกตได้ ลวดลาย นำ้ หนัก ความแขง็ และเน้อื และแหลง่ ต่าง ๆ ในท้องถิ่น
หนิ /จงั หวดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พื่อการดำรงชวี ิตในสังคมท่มี ีการเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็ว
ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือแก้ปัญหา หรือ
พัฒนางานอย่างมีความคดิ สร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
-- - -
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาทีพ่ บในชวี ติ จริงอย่างเป็นขน้ั ตอนและ
เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และ
การแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิ่น
ป.1 ว 4.2 ป 1/1แก้ปัญหาอย่างงา่ ย - การแกป้ ัญหาให้ประสบความสำเร็จทำได้ -
โดยใช้การลองผิดลองถูก การ โดยใช้ขัน้ ตอนการแกป้ ัญหา
เปรยี บเทยี บ - ปัญหาอย่างง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหา
จดุ แตกต่างของภาพการจดั หนงั สือใส่กระเป๋า
ว 4.2 ป 1/2 แสดงลำดับขน้ั ตอน - การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หาทำไดโ้ ดย -
การทำงาน หรือ การแกป้ ัญหา การเขียน บอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้
17
ชนั้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิ่น
อยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ สญั ลักษณ์
หรอื ข้อความ - ปญั หาอย่างงา่ ย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหา
จดุ แตกต่างของภาพ การจัดหนงั สอื ใสก่ ระเปา๋
ว 4.2 ป 1/3 เขียนโปรแกรม - การเขยี นโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของ -
อย่างง่าย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือ คำส่งั ให้คอมพวิ เตอรท์ ำงาน
สอ่ื - ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมสั่ง
ให้ ตัวละครย้ายตำแหน่ง ยอ่ ขยายขนาด
เปลี่ยนรปู ร่าง
- ซอฟต์แวร์ หรอื ส่อื ท่ใี ชใ้ นการเขียน
โปรแกรม เชน่ ใช้บัตรคำสง่ั แสดงการเขยี น
โปรแกรม, Code.org
ป.1 ว 4.2 ป 1/4ใชเ้ ทคโนโลยใี นการ - การใชง้ านอุปกรณ์เทคโนโลยเี บ้ืองตน้ เชน่ -
-
สรา้ ง จัด เก็บ เรียกใช้ขอ้ มูลตาม การใชเ้ มาส์ คยี ์บอรด์ จอสัมผัส การเปิด-ปดิ
วตั ถุประสงค์ อปุ กรณเ์ ทคโนโลยี
-การใช้งานซอฟตแ์ วรเ์ บ้อื งตน้ เชน่ การเขา้
และออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การ
จดั เกบ็ การเรยี กใชไ้ ฟล์ ทำไดใ้ นโปรแกรม
เช่น โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกราฟิก
โปรแกรมนำเสนอ
-การสร้างและจดั เก็บไฟลอ์ ย่างเปน็ ระบบจะ
ทำให้เรยี กใช้ ค้นหำข้อมลู ได้ง่ายและรวดเรว็
ว 4.2 ป 1/5ใช้เทคโนโลยี - การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
สารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ปฏบิ ัติ เช่น รูจ้ กั ขอ้ มลู สว่ นตัว อนั ตรายจากการ
ตามข้อตกลงในการใช้ เผยแพรข่ อ้ มลู สว่ นตวั และไมบ่ อกข้อมลู
คอมพิวเตอร์รว่ มกัน ดูแลรักษา ส่วนตวั กับบคุ คลอน่ื ยกเวน้ ผปู้ กครอง หรอื ครู
อุปกรณเ์ บอ้ื งตน้ ใช้งานอยา่ ง แจง้ ผู้เกี่ยวข้องเมอ่ื ต้องการ ความชว่ ยเหลอื
เหมาะสม เกย่ี วกับการใชง้ าน
- ข้อปฏบิ ัตใิ นการใชง้ านและการดแู ลรกั ษา
18
ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถ่นิ
อุปกรณ์ เชน่ ไมข่ ีดเขียนบนอปุ กรณ์ ทำความ
สะอาด ใช้อปุ กรณ์อย่างถกู วิธี
- การใชง้ านอย่างเหมาะสม เชน่ จัดท่านั่งให้
ถูกต้อง การพักสายตาเม่ือใช้อุปกรณ์เปน็
เวลานาน ระมัดระวังอบุ ัตเิ หตจุ ากการใชง้ าน
19
คำอธบิ ายรายวชิ า
ว 11101 วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 80 ชว่ั โมง
..............................................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ พืชและสัตว์ท่ีอาศัยอยู่บริเวณต่างๆ สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของ
สัตว์ในบริเวณที่อาศัยอยู่ ระบุลักษณะและหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์และพืช รวมทั้งการทำ
หน้าท่ีร่วมกันของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ อธิบายสมบัติท่ีสังเกตได้ของวัสดุท่ีใช้ทำวัตถุซึ่งทำจากวัสดุชนิด
เดียวหรือหลายชนิดประกอบกัน ชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติที่สังเกต การเกิดเสียงและทิศทางการ
เคลื่อนที่ของเสียง ดาวท่ีปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืน และสาเหตุท่ีมองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่ใน
เวลากลางวัน ลักษณะภายนอกของหินจากลักษณะเฉพาะตัวท่ีสังเกต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การ
สืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ การ
อธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มี
ความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม
แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ การ
เขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื สื่อ การใช้เทคโนโลยใี นการสร้าง จัดหมวดหมู่ คน้ หา จัดเก็บ เรยี กใช้
ข้อมูล การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และดแู ลรักษาอุปกรณเ์ บื้องตน้ ใชง้ านงานอย่างเหมาะสม
รหสั ตัวชี้วดั ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 1.1 ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 1.2 ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 2.1 ป.1/1
มาตรฐาน ว 2.3 ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 3.1 ป.1/1
มาตรฐาน ว 3.2 ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3 , ป.1/4 , ป.1/5
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 15 ตัวชีว้ ัด
20
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 1 ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1
รหสั วิชา ว 11101 เวลา 80 ช่ัวโมง / ปี
ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน นำ้ หนัก
1. ตัวเรา พืชและสัตว์ ตวั ชว้ี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน
2. พืชและสตั ว์ใน ว 1.1 ป1/1 -พชื และสตั ว์ทอี่ าศัยอยู่บรเิ วณต่างๆ
ทอ้ งถน่ิ ว 1.1 ป1/2 -สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมกับการดำรงชีวิตของสัตว์ 12 10
ในบรเิ วณท่อี าศัยอยู่ 12 10
3. วัสดแุ ละการเกิด ว 1.2 ป1/1 -ลักษณะและหนา้ ที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เสียง มนษุ ย์ สัตว์และพชื 18 10
ว 1.2 ป1/2 -การทำหนา้ ท่ีร่วมกันของสว่ นต่างๆของร่างกาย
4. หินและทอ้ งฟ้า มนุษยใ์ นการทำกิจกรรมตา่ งๆ 18 10
ว 2.1 ป1/1 -ความสำคญั ของส่วนต่างๆของรา่ งกายตนเอง และ
5. วทิ ยาการคำนวณ การดแู ลสว่ นต่างๆอยา่ งถูกต้องให้ปลอดภัย 20 20
ว 2.1 ป1/2 -สมบัติท่ีสังเกตไดข้ องวสั ดุท่ใี ช้ทำวตั ถุ ซ่งึ ทำจากวัสดุ
ชนดิ เดยี วหรือหลายชนดิ ประกอบกัน
ว 2.3 ป1/1 -ชนิดของวัสดแุ ละจัดกล่มุ วัสดุตามสมบตั ิทส่ี ังเกตได้
ว 3.1 ป1/1 -การเกดิ เสียงและทิศทางการเคลอื่ นท่ีของเสียง
ว 3.1 ป1/2 -ดาวทีป่ รากฏบนทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวนั และ
กลางคนื
ว 3.2 ป1/1 -สาเหตทุ ม่ี องไม่เห็นดาวสว่ นใหญใ่ นเวลากลางวัน
ว 4.2 ป1/1 -ลักษณะภายนอกของหนิ
ว 4.2 ป1/2 -การแกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใชก้ ารลองผิดลองถกู
การเปรียบเทยี บ
ว 4.2 ป1/3 -ข้ันตอนการทำงานหรือการแกป้ ญั หาอย่างง่ายโดย
ใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรอื ขอ้ ความ
-การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟต์แวร์
21
หรือสือ่
ว 4.2 ป1/4 -การใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จดั เกบ็ เรยี กใช้ข้อมูล
-การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และ
ว 4.2 ป1/5 ดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์เบอื้ งต้น
รวม 15 80 60
คะแนนระหวา่ งเรียน 60
คะแนนสอบกลางปี 10
คะแนนสอบปลายปี 30
รวมคะแนนทงั้ ปี 100
22
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2
ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลางและสาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งส่งิ ไม่มชี วี ิตกบั สง่ิ มชี วี ิตและ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่ มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่
-- - -
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 ขา้ ใจสมบัติของสงิ่ มีชีวติ หน่วยพนื้ ฐานของสิง่ มีชีวิต การลำเลยี งสารผา่ นเซลล์ความสัมพนั ธ์
ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ทที่ ำงานสมั พันธก์ ัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กันรวมท้ังนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการ
เรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
ป.2 ว 1.2 ป 2/1 ระบวุ า่ พืช - พืชตอ้ งการนำ้ แสง เพ่อื การเจริญเตบิ โต - พชื จากแหลง่
ตอ้ งการแสงและน้ำเพื่อ ต่าง ๆ ใน
การเจริญ เติบโต โดยใช้ ทอ้ งถิ่น
ขอ้ มลู จากหลักฐานเชิง
ประจกั ษ์
ว 1.2 ป 2/2 ตระหนัก
ถึงความจำเป็นที่พืชตอ้ ง
ได้รับน้ำและแสงเพ่ือ
การเจรญิ เตบิ โต โดย
ดแู ลพืชให้ได้ รับสิ่ง
ดงั กล่าวอย่างเหมาะสม
ว 1.2 ป 2/3 สร้าง - พชื ดอกเมอื่ เจริญเติบโตและมดี อก ดอกจะมี การสืบพันธ์ุ
23
ชน้ั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการ
เรียนรทู้ ้องถนิ่
แบบจำลองที่ เปลยี่ นแปลงไปเปน็ ผล ภายในผลมีเมล็ด เม่ือเมล็ดงอก ตน้ ออ่ น
บรรยายวฏั จักรชวี ิตของ ทอ่ี ยภู่ ายในเมล็ดจะเจริญ เตบิ โตเปน็ พชื ตน้ ใหม่ พืชตน้ ใหมจ่ ะ
พชื ดอก เจริญเติบโต ออกดอกเพื่อสืบพันธมุ์ ีผลต่อไปไดอ้ กี หมนุ เวยี น
ต่อเนือ่ งเป็นวัฏจักรชีวิตของพืชดอก
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมทมี่ ีผลตอ่ สงิ่ มีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและ
วิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ิต รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
ป.2 ว 1.3 ป 2/1เปรยี บเทยี บ - ส่งิ ทอ่ี ยู่รอบตวั เรามีท้ังท่ีเปน็ ส่งิ มีชวี ิตและ -ส่งิ มชี วี ิต และ
ลกั ษณะของสิง่ มชี วี ิตและ สิ่งไม่มชี วี ติ ส่งิ มชี ีวติ ต้องการอาหาร มีการ ส่งิ ไม่มชี วี ติ ในท้องถิ่น
สงิ่ ไม่มชี วี ิต จากข้อมูลท่ี หายใจ เจริญเติบโต ขับถ่าย เคลอื่ นไหว บรเิ วณต่าง ๆ
รวบรวมได้ ตอบสนองตอ่ สิ่งเร้า และสืบพนั ธ์ไุ ด้ลกู ที่มี
ลักษณะคล้ายคลึงกบั พอ่ แม่ ส่วนสง่ิ ไมม่ ีชีวิต
จะไม่มลี ักษณะดงั กล่าว
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสารกับ
โครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของ
สสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่ิน
ป.2 ว 2.1 ป 2/1 เปรยี บเทียบ - วัสดแุ ต่ละชนดิ มสี มบัตกิ ารดดู ซบั นำ้ -
สมบตั กิ ารดดู ซบั นำ้ ของวัสดุโดย แตกต่างกนั จึงนำไปทำวตั ถเุ พือ่ ใช้
ใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และ ประโยชน์ได้แตกตา่ งกนั เชน่ ใช้ผ้ำท่ดี ูด
ระบุการนำสมบตั กิ ารดดู ซับน้ำ ซบั นำ้ ได้มากทำผำ้ เช็ดตวั ใช้พลาสตกิ ซง่ึ
ของวสั ดไุ ปประยกุ ตใ์ ช้ ในการ ไม่ดดู ซบั น้ำทำร่ม
24
ชนั้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถนิ่
ทำวตั ถใุ นชีวิตประจำวัน
ว 2.1 ป 2/2 อธบิ ายสมบัตทิ ่ี - วสั ดุบางอยา่ งสามาถนำมาผสมกันซ่งึ ทำ -
สังเกตไดข้ องวสั ดทุ เี่ กดิ จากการ ใหไ้ ด้สมบัติท่ีเหมาะสมเพื่อนำไปใช้
นำวัสดุมาผสมกัน โดยใช้ ประโยชนต์ ามต้องการ เช่น แปง้ ผสม
หลักฐานเชงิ ประจักษ์ น้ำตาลและนำ้ กะทิ ใชท้ ำขนมไทย ปูน
ปลาสเตอร์ผสมเยอ่ื กระดาษใช้ทำกระปุก
ออมสิน ปูนผสมหิน ทราย และนำ้ ใชท้ ำ
คอนกรีต
ว 2.1 ป 2/3 เปรียบเทียบ - การนำวัสดุมาทำเป็นวตั ถุในการใชง้ าน
สมบตั ทิ ่ีสังเกตไดข้ องวัสดุ เพอ่ื ตามวตั ถปุ ระสงค์ขน้ึ อย่กู ับสมบัติของวัสดุ
นำมาทำเปน็ วัตถุในการใชง้ าน วัสดทุ ่ใี ช้แล้วอาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น
ตามวัตถปุ ระสงค์ และอธิบาย กระดาษใช้แลว้ อาจนำมาทำเป็นจรวด
การนำวสั ดุทใ่ี ชแ้ ล้วกลับมาใช้ กระดาษ ดอกไม้ประดิษฐ์ ถงุ ใส่ของ เป็น
ใหมโ่ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ตน้
ป.2 ว 2.1 ป 2/4ตระหนกั ถงึ - วัสดใุ นท้องถิ่นท่ี
ประโยชน์ของการนำวสั ดุที่ใช้ สามารถนำมาใช้
แล้วกลบั มาใช้ใหม่ โดยการนำ ประโยชนไ์ ด้
วสั ดทุ ี่ใช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ ลักษณะการเคลือ่ นที่
แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถ่ิน
ป.2 ว 2.2 ป 2/1 ทดลองและอธิบาย - แม่เหล็กมแี รงดงึ ดดู หรือผลกั ระหวา่ ง -
แรงที่เกดิ จากแม่เหลก็ แท่งแม่เหล็ก รอบแท่งแม่เหลก็ มี
สนามแมเ่ หลก็ และสามารถดึงดูดวัตถุท่ี
ทำด้วยสารแม่เหลก็
25
ว 2.2 ป 2/2 อธิบายการนำ - แมเ่ หลก็ มปี ระโยชนใ์ นการทำของ -
-
แมเ่ หล็กมาใชป้ ระโยชน์ เล่น ของใช้ และนำไปแยกสาร
แม่เหล็กออกจากวัตถุอนื่ ได้
ว 2.2 ป 2/3 ทดลองและอธบิ าย - เมือ่ ถวู ัตถุบางชนิดแลว้ นำเข้าใกล้กนั
แรงไฟฟา้ ท่ีเกดิ จากการถูวัตถบุ าง จะดงึ ดดู หรือผลักกันได้ แรงทีเ่ กดิ ขึ้นนี้
ชนิด เรยี กว่าแรงไฟฟ้า และวัตถุนัน้ จะดึงดดู
วตั ถุเบา ๆได้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถนิ่
ป.2 ว 2.3 ป 2/1 บรรยาย - แสงเคลอ่ื นที่จากแหลง่ กำเนิดแสงทุกทศิ ทาง
แนวการเคลอ่ื นท่ขี อง เปน็ แนวตรง เมอ่ื มีแสงจากวัตถุมาเข้าตาจะทำให้
แสงจากแหลง่ กำเนิดแสง มองเหน็ วตั ถนุ ้นั การมองเหน็ วัตถุท่ีเปน็
และอธิบายการมองเหน็ แหล่งกำเนดิ แสง แสงจากวัตถนุ ้ันจะเข้าสู่ตา
วตั ถุจากหลักฐานเชิง โดยตรงสว่ นการมองเหน็ วตั ถทุ ไี่ มใ่ ชแ่ หลง่ กำเนิด
ประจกั ษ์ แสง
ต้องมแี สงจากแหลง่ กำเนิดแสงไป
ว 2.3 ป 2/2 ตระหนัก กระทบวตั ถแุ ล้วสะทอ้ นเขา้ ตา ถ้ามแี สงท่ีสวา่ ง
ในคุณค่าของความรู้ของ มาก ๆ เข้าสู่ตาอาจเกิดอนั ตรายตอ่ ตาได้ จงึ ต้อง
การมองเหน็ โดย หลกี เลย่ี งการมองหรอื ใชแ้ ผ่นกรองแสงทมี่ ี
เสนอแนะแนวทางการ คุณภาพเมอ่ื จำเป็น และตอ้ งจดั ความสวา่ งให้
ป้องกันอันตราย จาก เหมาะสมกับ การทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ เชน่ การ
การมองวัตถุท่ีอยใู่ น อ่านหนงั สือ การดูจอโทรทศั น์ การใชโ้ ทรศพั ท์
บรเิ วณท่ีมแี สงสวา่ ง ไม่ เคล่ือนทีแ่ ละแทบ็ เล็ต
เหมาะสม
26
สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซีดาวฤกษ์
และระบบสรุ ิยะ รวมทั้งปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุรยิ ะทสี่ ง่ ผลตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ
ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่ิน
-- - -
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมท้ังผล
ต่อสิ่งมชี ีวิตและส่ิงแวดล้อม
ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน
ป.2 ว 2.3 ป 2/1 ระบุสว่ นประกอบ - ดนิ ประกอบด้วยเศษหิน ซากพืช - ลักษณะของดินจากแหลง่
ของดิน และจำแนกชนดิ ของดนิ ซากสตั ว์ผสมอยู่ในเนือ้ ดนิ มีอากาศ ตา่ ง ๆ
โดยใช้ลกั ษณะเนื้อดินและการ และนำ้ แทรกอย่ตู ามชอ่ งว่าง ในเนอื้ - ดินในท้องถิ่น และการ
จบั ตวั เปน็ เกณฑ์ ดนิ ดินจำแนกเป็น ดนิ รว่ น ดิน นำไปใช้ประโยชน์
ว 2.3 ป 2/2อธบิ ายการใช้ เหนียว และ ดินทราย ตามลักษณะ
ประโยชน์จากดนิ จากข้อมลู ที่ เน้ือดินและการจับตัวของดนิ ซึง่ มีผล
รวบรวมได้ ตอ่ การอมุ้ นำ้ ท่ีแตกต่างกนั
- ดนิ แตล่ ะชนดิ นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้
แตกตา่ งกนั ตามลักษณะและสมบตั ิ
ของดิน
27
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พอ่ื การดำรงชวี ิตในสังคมทีม่ กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว
ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือ
พฒั นางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม
ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ
-- - -
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็น
ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อยา่ ง
มปี ระสทิ ธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจริยธรรม
ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถนิ่
ป.2 ว 4.2 ป 2/1 แสดงลำดบั ขัน้ ตอน - การแสดงข้ันตอนการแกป้ ัญหาทำได้โดยการ -
การทำงาน หรือ การแก้ปญั หา เขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์
อยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ - ปญั หาอยา่ งง่าย เชน่ เกมตัวตอ่
หรอื ขอ้ ความ 6-12 ช้นิ การแต่งตัวมาโรงเรียน
ว 4.2 ป 2/2 เขียนโปรแกรม - ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมสงั่ ให้
อยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ ตวั ละครทำงานตามท่ีต้องการ และตรวจสอบ
ส่อื และตรวจหาข้อผิดพลาดของ ข้อผดิ พลาด ปรบั แกไ้ ขใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ตามที่
โปรแกรม กำหนด
- การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดทำไดโ้ ดยตรวจสอบ
คำส่ังทแ่ี จ้งข้อผดิ พลาด หรือหากผลลพั ธ์ไม่
เปน็ ไปตามทีต่ อ้ งการใหต้ รวจสอบการทำงานที
ละคำสงั่
ซอฟต์แวร์ หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
เชน่ ใช้บตั รคำส่งั แสดงการเขยี นโปรแกรม,
Code.org
28
ช้นั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถน่ิ
ว 4.2 ป 2/3 ใช้เทคโนโลยีในการ - การใช้งานซอฟตแ์ วร์เบอื้ งตน้ เช่น การเขา้
สรา้ ง จดั หมวดหมู่ ค้นหา จดั เก็บ และออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การ
เรยี กใชข้ ้อมลู ตามวตั ถุประสงค์ จัดเกบ็ การเรยี กใช้ไฟล์ กรแก้ไขตกแตง่ เอกสาร
ทำได้ ในโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ
โปรแกรมกราฟกิ โปรแกรมนำเสนอ
- การสร้าง คัดลอก ย้าย ลบ เปลยี่ นช่อื จดั
หมวดหมไู่ ฟล์และโฟลเดอรอ์ ย่างเปน็ ระบบจะ
ทำใหเ้ รยี กใช้ ค้นหำข้อมูลได้ง่ายและรวดเรว็
ป.2 ว 4.2 ป 2/4 ใช้เทคโนโลยี - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั
สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏิบัติ เชน่ รจู้ ักข้อมลู สว่ นตัว อันตรายจากการ
ตามข้อตกลงในการใช้ เผยแพรข่ ้อมูลสว่ นตวั และไมบ่ อกขอ้ มลู สว่ นตวั
คอมพิวเตอรร์ ่วมกนั ดูแลรกั ษา กบั บุคคลอ่นื ยกเวน้ ผู้ปกครอง หรอื ครู แจ้ง
อุปกรณ์เบือ้ งต้น ใชง้ านอย่าง ผเู้ กี่ยวข้องเม่อื ตอ้ งการ ความชว่ ยเหลอื เกยี่ วกบั
เหมาะสม การใช้งาน
- ขอ้ ปฏบิ ัติในการใชง้ านและการดูแลรักษา
อปุ กรณ์ เชน่ ไม่ขดี เขียนบนอปุ กรณ์ ทำความ
สะอาด ใชอ้ ุปกรณอ์ ย่างถกู วิธี
- การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เชน่ จัดท่านั่งให้
ถูกต้อง การพกั สายตาเมื่อใช้อุปกรณ์เป็น
เวลานาน ระมดั ระวงั อบุ ตั เิ หตจุ ากการใช้งาน
29
คำอธิบายรายวชิ า
ว 12101 วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 80 ชั่วโมง
..............................................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ ความต้องการแสงและน้ำเพ่ือการเจริญเติบโตของพืช วัฏจักรชีวิตของพืชดอก
ลกั ษณะของส่งิ มชี วี ิตและสิ่งไมม่ ีชีวิต สมบตั ิของวสั ดุ สมบัตทิ สี่ งั เกตไดข้ องวัสดทุ เี่ กิดจากการนำวสั ดมุ าผสมกัน และ
การนำสมบัติของวสั ดุไปประยุกต์ใช้ในการทำวัตถุในชวี ิตประจำวัน ประโยชน์ของการนำวัสดุทใี่ ช้แลว้ กลับมาใชใ้ หม่
การเคล่ือนทีข่ องแสงจากแหล่งกำเนดิ แสง การมองเห็นวัตถุ อันตรายจากการมองวัตถทุ ่ีอยใู่ นบรเิ วณทม่ี ีแสงสวา่ งไม่
เหมาะสม โดยเสนอแนะแนวทางการป้องกันอันตราย สว่ นประกอบของดิน ชนิดของดนิ โดยใช้ลักษณะเน้ือดินและ
การจับตัวเป็นเกณฑ์ การใช้ประโยชน์จากดิน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การ
สำรวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ การอธบิ าย อภิปราย และ
การสร้างแบบจำลอง เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ เห็นคุณค่าของการนำความรูไ้ ปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และ
คา่ นยิ มท่ีเหมาะสม
แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรอื การแก้ปญั หาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือสื่อ การใช้เทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ ค้นหา
จัดเก็บ เรยี กใชข้ อ้ มูล การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย และดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์เบ้ืองตน้ ใช้งานงานอย่าง
เหมาะสม
รหสั ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3
มาตรฐาน ว 1.3 ป.2/1
มาตรฐาน ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4
มาตรฐาน ว 2.3 ป.2/1 , ป.2/2
มาตรฐาน ว 3.2 ป.2/1 , ป.2/2
มาตรฐาน ว 4.2 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4
รวม 16 ตวั ชวี้ ัด
30
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 2 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2
รหสั วชิ า ว12101 เวลา 80 ชั่วโมง / ปี
ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนือ้ หา จำนวน น้ำหนกั
1. วฏั จกั รชวี ิตของพืช ตวั ช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน
ดอก ว 1.2 ป2/1 -พืชต้องการแสงและนำ้ เพื่อการเจรญิ เตบิ โต
2. สิง่ มีชวี ติ และ ว 1.2 ป2/2 -ความจำเปน็ ท่พี ชื ต้องได้รบั นำ้ และแสงเพอ่ื 14 14
ส่งิ ไมม่ ชี ีวิต ว 1.2 ป2/3 การเจรญิ เตบิ โต 8 5
3. ธรรมชาตขิ องสสาร ว 1.3 ป2/1 -วฎั จกั รชีวิตของพืชดอก 18 15
ว 2.1 ป2/1 -ลกั ษณะของส่ิงมีชวี ิตและสิง่ ไม่มชี วี ติ
4. แสงและการเคล่อื นที่ 10 8
ว 2.1 ป2/2 -สมบัตกิ ารดูดซบั นำ้ ของวัสดุ และการนำ 10 8
5. ดนิ ว 2.1 ป2/3 สมบัติการดดู ซบั นำ้ ของวัสดไุ ปประยุกตใ์ ช้
ในการทำวตั ถใุ นชีวิตประจำวนั
ว 2.1 ป2/4 -สมบัติท่ีสงั เกตไดข้ องวัสดุทีเ่ กิดจากการนำ
ว 2.3 ป2/1 วสั ดมุ าผสมกัน
ว 2.3 ป2/2 -สมบตั ิทีส่ ังเกตได้ของวสั ดุเพื่อนำมาทำเป็น
ว 3.2 ป2/1 วตั ถใุ นการใชง้ าน และการนำวสั ดุท่ีใช้แล้ว
ว 3.2 ป2/2 กลบั มาใช้ใหม่
-ประโยชนข์ องการนำวัสดุท่ใี ช้แล้วกลับมา
ใช้ใหม่
แสงและการเคลื่อนท่ีของแสงจาก
แหลง่ กำเนดิ แสง
-การมองเหน็ วัตถุและอนั ตรายจากการมอง
วตั ถุทอี่ ยู่ในบริเวณท่ีมีแสงสว่างไมเ่ หมาะสม
-ส่วนประกอบของดิน และจำแนกชนดิ ของ
ดินโดยใช้ลกั ษณะเนอ้ื ดินและการจบั ตวั เป็น
เกณฑ์
-การใช้ประโยชน์จากดิน
31
ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนื้อหา จำนวน นำ้ หนัก
6. วิทยาการคำนวณ ตวั ช้วี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน
รวม ว 4.2 ป2/1 -ขน้ั ตอนการทำงานหรือการแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ย 20 10
โดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ 80 60
60
ว 4.2 ป2/2 -การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ 10
30
หรอื ส่อื 100
ว 4.2 ป2/3 -การใช้เทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดหมวดหมู่
คน้ หา จดั เก็บ และเรยี กใชข้ อ้ มูล
ว 4.2 ป/4 -การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
และดูแลรักษาอุปกรณ์เบอ้ื งต้น
15
คะแนนระหว่างเรียน
คะแนนสอบกลางปี
คะแนนสอบปลายปี
รวมคะแนนท้งั ปี
32
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3
ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลางและสาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งไมม่ ชี ีวิตกับส่ิงมีชีวติ และ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชัน้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
-- --
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องส่ิงมีชวี ิต หนว่ ยพ้ืนฐานของส่ิงมีชวี ติ การลำเลยี งสารผา่ นเซลลค์ วามสัมพันธ์
ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กันรวมท้ังนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
ป.3 ว 1.2 ป 3/1 บรรยายส่งิ ท่จี ำเป็น - มนุษย์และสัตวต์ อ้ งการอาหาร น้ำ - การดำรงชีวติ และการ
ต่อการดำรงชวี ิต และการ และอากาศ เพื่อการดำรงชีวิตและ เจริญเตบิ โตของส่ิงมีชวี ิต
เจริญเติบโตของมนษุ ยแ์ ละสัตว์ การเจริญเติบโต ในทอ้ งถนิ่
โดยใช้ข้อมูลทร่ี วบรวมได้
ว 1.2 ป 3/2 ตระหนักถึง - อาหารช่วยใหร้ า่ งกายแขง็ แรงและ -
ประโยชน์ของอาหาร น้ำ และ เจรญิ เติบโต นำ้ ช่วยให้รา่ งกาย
อากาศ โดยการดูแลตนเองและ ทำงานไดอ้ ย่างปกติ อากาศใช้ ใน
สตั ว์ใหไ้ ด้รับ สิง่ เหล่านี้อย่าง การหายใจ
เหมาะสม
ว 1.2 ป 3/3 สรา้ งแบบจำลองที่ - สตั ว์เมอ่ื เป็นตวั เตม็ วัยจะสบื พันธ์ุมี -
บรรยายวัฏจกั รชีวติ ของสตั ว์ ลกู เมอื่ ลูกเจรญิ เติบโตเป็นตัวเตม็ วัย
และเปรยี บเทียบวัฏจกั รชวี ิตของ กส็ บื พนั ธม์ุ ลี ูกตอ่ ไปได้อกี หมนุ เวยี น
สตั ว์ บางชนดิ ตอ่ เน่ืองเปน็ วฏั จักรชวี ติ ของสตั ว์ ซึง่
33
ชัน้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
ว 1.2 ป ¾ ตระหนักถงึ คณุ ค่า สัตว์ แต่ละชนิด เช่น ผีเส้ือ กบ ไก่ -
ของชีวติ สัตว์ โดยไมท่ ำให้วัฏจกั ร มนษุ ย์จะมวี ัฏจกั รชีวิตทเ่ี ฉพาะ และ
ชวี ิตของสตั วเ์ ปล่ยี นแปลง แตกต่างกนั
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธกุ รรม
การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวติ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่นิ
-- --
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสารกบั
โครงสร้างและแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของ
สสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่ิน
ป.3 ว 2.1 ป 3/1อธบิ ายว่าวัตถุ - วัตถุอาจทำจากชิ้นส่วนยอ่ ย ๆ -
ประกอบข้ึนจากชิ้นส่วนยอ่ ย ๆ ซ่ึง ซงึ่ แต่ละช้นิ มีลกั ษณะเหมือนกันมาประกอบ
สามารถแยกออกจากกันไดแ้ ละ เขา้ ดว้ ยกัน เมือ่ แยกชิ้นสว่ นยอ่ ย ๆ แต่ละ
ประกอบกนั เป็นวตั ถุช้ินใหมไ่ ด้ โดย ชนิ้ ของวตั ถอุ อกจากกนั สามารถนำชน้ิ สว่ น
ใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ เหลา่ น้ันมาประกอบเป็นวตั ถุช้ินใหมไ่ ด้ เชน่
กำแพงบ้านมีกอ้ นอฐิ หลาย ๆ กอ้ น
ประกอบเข้าด้วยกนั และสามารถนำกอ้ นอฐิ
จากำแพงบา้ นมาประกอบเปน็ พ้ืนทางเดิน
ได้
ว 2.1 ป 3/2 อธบิ ายการ - เมอ่ื ให้ความร้อนหรือทำใหว้ ัสดรุ ้อนขึน้ -
เปลี่ยนแปลงของวสั ดุเมอ่ื ทำให้ร้อน และเมอ่ื ลดความร้อนหรอื ทำใหว้ ัสดุเย็นลง
ขึน้ หรอื ทำใหเ้ ย็นลง โดยใช้ วัสดจุ ะเกิด การเปล่ียนแปลงได้ เชน่ สี
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เปล่ียน รปู รา่ งเปล่ยี น
34
ว 2.2 ป 3/1 ระบุผลของแรงที่มตี ่อ - การดงึ หรอื การผลัก เป็นการออกแรง
การเปลีย่ นแปลง การเคลอ่ื นท่ีของ กระทำตอ่ วตั ถุ แรงมีผลตอ่ การเคลือ่ นท่ีของ
วัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ วัตถุ แรงอาจทำใหว้ ัตถุเกิดการเคล่ือนทีโ่ ดย
เปลี่ยนตำแหนง่ จากที่หนึ่ง ไปยังอกี ท่หี น่งึ -
- การเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุ
ไดแ้ ก่ วัตถุท่อี ยนู่ ิง่ เปล่ยี นเปน็ เคลอ่ื นท่ี วัตถุ
ทก่ี ำลังเคลื่อนทเ่ี ปลี่ยนเป็นเคล่ือนท่ีเร็วขึ้น
หรือชำ้ ลงหรอื หยดุ นิง่ หรอื เปลย่ี นทิศ
ทางการเคล่ือนท่ี
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคล่อื นที่
แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการ
เรยี นรู้ท้องถ่นิ
ป.3 ว 2.2 ป 3/1 ระบผุ ลของ - การดึง หรอื การผลกั เปน็ การออกแรงกระทำตอ่ วัตถุ แรง -
แรงทม่ี ีต่อการ มผี ลต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงอาจทำใหว้ ตั ถเุ กิดการ
เปลีย่ นแปลง การ เคลอ่ื นที่โดยเปล่ียนตำแหน่งจากที่หน่ึง ไปยงั อีกทหี่ นงึ่ - -
เคลือ่ นท่ขี องวตั ถุจาก การเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นทขี่ องวัตถุ ไดแ้ ก่ วตั ถุท่ีอยู่นิ่ง
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ เปล่ยี นเปน็ เคลอ่ื นที่ วตั ถุทก่ี ำลังเคลอ่ื นที่เปล่ยี นเปน็
เคลอื่ นท่เี ร็วขึ้นหรือช้ำลงหรือหยุดนิ่ง หรอื เปล่ียนทศิ
ทางการเคล่อื นท่ี
ว 2.2 ป 3/2เปรียบเทียบ การดงึ หรอื การผลกั เป็นการออกแรงที่เกดิ จากวตั ถหุ นึ่ง
และยกตัวอยา่ งแรงสมั ผัส กระทำกับอีกวัตถุหนึ่ง โดยวัตถุทัง้ สองอาจสัมผัสหรือไม่ต้อง
และแรงไมส่ มั ผสั ทมี่ ีผล สมั ผสั กัน เชน่ การออกแรงโดยใชม้ ือดึงหรอื การผลกั โต๊ะให้
ต่อการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ เคลอื่ นที่เป็นการออกแรงท่ีวตั ถุต้องสมั ผัสกนั แรงน้ีจึงเปน็
โดยใช้หลกั ฐานเชิง แรงสมั ผสั สว่ นการที่แมเ่ หล็กดงึ ดดู หรือผลักระหว่าง
ประจกั ษ์ แมเ่ หล็กเป็นแรงท่เี กิดข้ึนโดยแม่เหล็กไม่จำเปน็ ต้องสมั ผัส
กนั แรงแม่เหลก็ น้ีจึงเป็นแรงไม่สัมผสั
ว 2.2 ป 3/3 จำแนกวัตถุ - แมเ่ หลก็ สามารถดงึ ดูดสารแม่เหล็กได้ -
โดยใชก้ ารดึงดดู กบั - แรงแม่เหล็กเปน็ แรงที่เกดิ ข้ึนระหวา่ งแม่เหล็ก กับสาร
35
ชั้น ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการ
เรยี นรู้ท้องถ่ิน
แม่เหล็ก เป็นเกณฑ์จาก แม่เหลก็ หรือแม่เหล็กกับแม่เหล็ก แม่เหล็ก มี 2 ขว้ั คือ ขัว้
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เหนอื และข้วั ใต้ ข้วั แม่เหล็กชนดิ เดียวกนั จะผลกั กัน ตา่ ง
ว 2.2 ป 3/4 ระบุ ชนดิ กนั จะดึงดูดกัน
ขั้วแมเ่ หล็กและพยากรณ์
ผลท่ีเกิดขนึ้ ระหว่าง
ขว้ั แม่เหล็กเม่อื นำมาเขา้
ใกล้กนั จากหลกั ฐานเชงิ
ประจกั ษ์
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์
ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวขอ้ ง
กับเสียง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่นิ
ป.3 ว 2.3 ป 3/1 ยกตวั อยา่ ง - พลังงานเปน็ ปรมิ าณที่แสดงถงึ ความสามารถ ใน -
การเปล่ยี นพลังงานหนงึ่ ไป การทำงาน พลงั งานมหี ลายแบบ เชน่ พลงั งานกล
เป็นอีกพลงั งานหนง่ึ จาก พลังงานไฟฟ้า พลงั งานแสง พลงั งานเสียง และ
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ พลังงานความร้อน โดยพลงั งานสามารถเปลย่ี น
จากพลังงานหน่ึงไปเป็นอีกพลังงานหนง่ึ ได้ เช่น
การถมู อื จนรู้สกึ ร้อน เป็นการเปล่ียนพลงั งานกล
เป็นพลงั งานความร้อน แผงเซลล์สุรยิ ะเปล่ียน
พลงั งานแสง เป็นพลงั งานไฟฟา้ หรือเครื่องใชไ้ ฟฟา้
เปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เป็นพลังงานอนื่
ว 2.3 ป 3/2 บรรยายการ - ไฟฟ้าผลิตจากเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้าซ่ึงใชพ้ ลังงาน -
ทำงานของเคร่ืองกำเนิด จากแหล่งพลังงานธรรมชาตหิ ลายแหลง่ เช่น
ไฟฟา้ และระบแุ หล่ง พลงั งานจากลม พลังงานจากน้ำ พลังงานจากแก๊ส
พลังงานในการผลิตไฟฟ้า ธรรมชำติ
จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้
36
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิน่
ว 2.3 ป 3/3 ตระหนักใน - พลังงานไฟฟา้ มคี วามสำคัญตอ่ ชวี ติ ประจำวัน -
ประโยชน์และโทษของไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้านอกจากตอ้ งใชอ้ ยา่ งถูกวิธี ประหยดั
โดยนำเสนอวธิ ีการใช้ไฟฟ้า และคมุ้ ค่าแล้ว ยงั ตอ้ งคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ดว้ ย
อยา่ งประหยัด และ
ปลอดภยั
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซีดาวฤกษ์
และระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุรยิ ะที่สง่ ผลต่อส่ิงมชี วี ติ และการประยกุ ต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ
ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถ่นิ
ป.3 ว 3.1 ป 3/1อธบิ ายแบบรปู เส้นทาง - คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์ -
การขนึ้ และตก ของดวงอาทติ ย์โดย ปรากฏขน้ึ ทางดา้ นหน่งึ และตกทางอีก -
ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ ด้านหน่ึงทุกวัน หมนุ เวยี นเปน็ แบบรปู
ซ้ำ ๆ
- โลกกลมและหมนุ รอบตวั เองขณะ
ว 3.1 ป 3/2 อธบิ ายสาเหตกุ ารเกิด โคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บริเวณของ
ปรากฏการณก์ ารขน้ึ และตกของดวง โลกได้รบั แสงอาทิตยไ์ มพ่ รอ้ มกัน โลก
อาทติ ย์ การเกิดกลางวนั กลางคนื ด้านทีไ่ ด้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเปน็
กลางวัน สว่ นด้านตรงขา้ มที่ไม่ไดร้ ับ
และการกำหนดทศิ โดยใช้
แสงจะเปน็ กลางคนื นอกจากน้ีคนบน
แบบจำลอง
โลกจะมองเห็นดวงอาทติ ย์ปรากฏขนึ้
ว 3.1 ป 3/3 ตระหนักถงึ -
ความสำคัญของดวงอาทติ ย์ โดย ทางด้านหน่ึงซงึ่ กำหนดให้เปน็ ทศิ
บรรยายประโยชนข์ องดวงอาทิตยต์ อ่ ตะวนั ออก และมองเห็นดวงอาทิตย์ตก
ทางอกี ด้านหนงึ่ ซ่ึงกำหนดให้เปน็ ทิศ
สิ่งมีชวี ติ
ตะวนั ตก และเมือ่ ให้ด้านขวามืออยู่
ทางทิศตะวันออก ดา้ นซา้ ยมอื อย่ทู าง
ทศิ ตะวนั ตก ด้านหน้าจะเปน็ ทิศเหนือ
และดา้ นหลงั จะเปน็ ทศิ ใต้
37
ชัน้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถนิ่
- ในเวลากลางวันโลกจะไดร้ ับพลังงาน
แสงและพลังงานความร้อนจากดวง
อาทติ ย์ ทำให้สิ่งมีชีวติ ดำรงชีวติ อยู่ได้
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก
และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ัตภิ ัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมท้ัง
ผลต่อส่งิ มีชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
ชน้ั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ท้องถิน่
ป.3 ว 3.2 ป 3/1 ระบสุ ่วนประกอบ - อากาศโดยทวั่ ไปไมม่ สี ี ไม่มีกลน่ิ
ของอากาศ บรรยายความสำคัญ ประกอบด้วย แกส๊ ไนโตรเจน แก๊ส - ขอ้ มูลปญั หา
ของอากาศ และผลกระทบของ ออกซเิ จน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ มลพิษทางอากาศ
มลพษิ ทางอากาศตอ่ สิ่งมีชีวิต แกส๊ อืน่ ๆ รวมทงั้ ไอนำ้ และ ฝุ่น ในชมุ ชน และ
จากข้อมูล ทรี่ วบรวมได้ ละออง อากาศมคี วามสำคญั ต่อ แนวทางแกป้ ญั หา
ว 3.2 ป 3/2 ตระหนักถงึ ส่งิ มชี วี ิต หากส่วนประกอบของ
ความสำคัญของอากาศ โดย อากาศไมเ่ หมาะสม เน่อื งจากมีแก๊ส
นำเสนอแนวทางการปฏิบัตติ นใน บางชนดิ หรือฝุ่นละอองในปริมาณ
การลด การเกดิ มลพิษทางอากาศ มาก อาจเป็นอนั ตรายตอ่ ส่งิ มีชวี ติ
ชนิดตา่ ง ๆ จัดเปน็ มลพษิ ทาง
อากาศ
- แนวทางการปฏบิ ัติตนเพือ่ ลดการ
ปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ใช้
พาหนะรว่ มกนั หรอื เลือกใช้
เทคโนโลยีท่ีลดมลพษิ ทางอากาศ
ว 3.2 ป 3/3 อธิบายการเกดิ ลม - ลม คอื อากาศทีเ่ คลือ่ นท่ี เกิดจาก - ทิศทางลมในเวลา
จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ความแตกตา่ งกันของอุณหภมู ิอากาศ ตา่ ง ๆ (เช้า
บรเิ วณทอ่ี ยูใ่ กล้กนั โดยอากาศ กลางวัน กอ่ นเลกิ
บริเวณท่มี ีอณุ หภูมิสูงจะลอยตวั เรยี น ในบริเวณตา่ ง
38
ว 3.2 ป ¾ บรรยายประโยชน์ สงู ข้ึน และอากาศบรเิ วณท่มี อี ุณหภูมิ ๆ -
และโทษของลม จากขอ้ มลู ท่ี ตำ่ กว่าจะเคลอ่ื นเขา้ ไปแทนท่ี
รวบรวมได้
-ลมสามารถนำมาใชเ้ ปน็ แหล่ง
พลงั งานทดแทน ในการผลิตไฟฟา้
และนำไปใชป้ ระโยชน์
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่ือการดารงชวี ติ ในสงั คมทม่ี ีการเปลย่ี นแปลงอย่าง
รวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพ่ือแก้ปญั หา
หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และส่งิ แวดล้อม
ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
-- - -
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปน็ ขั้นตอนและเปน็
ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาได้อย่าง
มีประสิทธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมีจริยธรรม
ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถ่ิน
ป.3 ว 3.2 ป 3/1แสดง - อลั กอรทิ มึ เป็นข้ันตอนที่ใช้ในการแก้ปัญหา -
อลั กอริทึมในการ - การแสดงอัลกอริทมึ ทำไดโ้ ดยการเขยี น บอกเล่า
ทำงาน หรอื การ วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์
แก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดย - ตัวอยา่ งปญั หา เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกม
ใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ Tetris เกม OX การเดนิ ไปโรงอาหาร การทำความ
หรอื ข้อความ สะอาดหอ้ งเรยี น
ว 3.2 ป 3/2 เขยี น - การเขียนโปรแกรมเปน็ การสร้างลำดับของคำส่ัง -
โปรแกรมอย่างง่าย ให้คอมพิวเตอรท์ ำงาน
โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือ - ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมท่ีสัง่ ให้ ตัว
39
ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถิ่น
สื่อ และตรวจหำ ละครทำงานซำ้ ไม่ส้ินสดุ
ขอ้ ผิดพลาดของ - การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดทำไดโ้ ดยตรวจสอบคำส่ังที่
โปรแกรม แจง้ ขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลัพธไ์ ม่เป็นไปตามที่
ตอ้ งการให้ตรวจสอบการทำงำนทลี ะคำส่งั
- ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่อื ทใี่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่
ใช้บัตรคำสงั่ แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org
ว 3.2 ป 3/3 ใช้ - อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ เครอื ข่ายขนาดใหญ่ช่วยให้ การ -
อินเทอร์เน็ตคน้ หา ติดตอ่ ส่ือสารทำได้สะดวกและรวดเร็ว และ เปน็
ความรู้ แหล่งข้อมูลความร้ทู ่ชี ่วยในการเรียน และการดำเนนิ
ชวี ิต
- เว็บเบราว์เซอร์เปน็ โปรแกรมสำหรบั อ่านเอกสาร
บนเวบ็ เพจ
- การสบื ค้นขอ้ มลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ ทำได้โดยใช้
เว็บไซตส์ ำหรบั สบื ค้น และต้องกำหนด
ป.3 ว 3.2 ป 3/4 รวบรวม คำคน้ ที่เหมาะสมจึงจะได้ข้อมูลตามตอ้ งการ -
ประมวลผล และ – ขอ้ มลู ความรู้ เชน่ วิธีทำอาหาร วิธีพบั กระดาษ
นำเสนอขอ้ มูล โดยใช้ เปน็ รปู ตา่ ง ๆ ขอ้ มูลประวัติศาสตร์ชาติไทย (อาจเปน็
ซอฟต์แวรต์ าม ความร้ใู นวิชาอืน่ ๆ หรอื เร่ืองทเ่ี ป็นประเดน็ ท่ีสนใจ
วัตถุประสงค์ ในชว่ งเวลานั้น)
- การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตอย่างปลอดภยั ควรอยใู่ นการ
ดแู ลของครู หรอื ผู้ปกครอง
- การรวบรวมข้อมูล ทำไดโ้ ดยกำหนดหวั ข้อท่ี
ตอ้ งการ เตรยี มอุปกรณ์ในการจดบันทึก
- การประมวลผลอย่างง่าย เช่น เปรยี บเทยี บ จัด
กลุ่ม เรียงลำดับ
- การนำเสนอข้อมลู ทำได้หลายลกั ษณะตาม ความ
เหมาะสม เช่น การบอกเล่า การทำเอกสารรายงาน
การจดั ทำป้ายประกาศ
- การใชซ้ อฟตแ์ วร์ทำงานตามวตั ถุประสงค์ เช่น ใช้
40
ช้ัน ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิ่น
ซอฟตแ์ วร์นำเสนอหรอื ซอฟต์แวร์กรำฟกิ สร้าง
แผนภูมริ ูปภาพ ใช้ซอฟตแ์ วรป์ ระมวลคำ ทำป้าย
ประกาศ หรือเอกสารรายงาน ใชซ้ อฟตแ์ วร์ตาราง
ทำงานในการประมวลผลข้อมูล
ว 3.2 ป 3/5 ใช้ - การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น -
เทคโนโลยีสารสนเทศ ปกปอ้ งขอ้ มูลส่วนตวั
อย่างปลอดภยั ปฏิบัติ - ขอความช่วยเหลอื จากครู หรอื ผ้ปู กครองเมือ่ เกิด
ตามขอ้ ตกลงในการใช้ ปญั หาจากการใช้งาน เม่อื พบข้อมูลหรอื บุคคลที่ทำ
อินเทอร์เนต็ ให้ไมส่ บายใจ
- การปฏิบัติตามขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ต จะ
ทำให้ไมเ่ กิดความเสียหายต่อตนเองและผูอ้ น่ื เชน่ ไม่
ใช้คำหยาบ ลอ้ เลยี น ด่ำทอ ทำใหผ้ อู้ ่นื เสยี หาย หรือ
เสียใจ
41
คำอธิบายรายวิชา
ว 13101 วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 80 ชั่วโมง
..............................................................................................................................................................................
ศกึ ษา วิเคราะห์ ส่ิงท่จี ำเปน็ ต่อการดำรงชวี ติ การเจริญเตบิ โตของมนุษยแ์ ละสตั ว์ ประโยชน์ของอาหาร
นำ้ และอากาศ การดูแลตนเองและสัตว์อยา่ งเหมาะสม วัฏจกั รชีวิตของสัตวแ์ ละคณุ ค่าของสตั ว์ ส่วนประกอบของ
วัตถุ การเปล่ียนแปลงของวัสดุเมื่อทำให้ร้อนขน้ึ หรือทำให้เย็นลง แรงท่ีมีต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ
แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส แรงกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ การดึงดูดระหว่างแม่เหล็กกับวัตถุ ข้ัวแม่เหล็ก การ
เปล่ียนพลังงาน การทำงานของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า และแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า ประโยชน์และโทษของ
ไฟฟา้ วธิ ีการใชไ้ ฟฟา้ อย่างประหยัดและปลอดภัย เสน้ ทางการข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ การเกดิ กลางวนั กลางคืน
การกำหนดทิศ ความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อส่ิงมีชีวิต ส่วนประกอบของอากาศ ความสำคัญของอากาศ
ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสิ่งมีชีวิต การปฏิบตั ิตนในการลดมลพษิ ทางอากาศ การเกิดลม ประโยชน์และ
โทษของลม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การเปรียบเทียบข้อมลู จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ การอธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง เพอ่ื ให้เกิดความรู้
ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรยี นรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ นำความรไู้ ปใช้ ในชีวิตประจำวัน
มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มทเี่ หมาะสม
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา แสดงอัลกอริทึมในการทำงาน แก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ภาพ
สัญลักษณ์หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือส่ือ ตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้
อนิ เทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ รวบรวม ประเมนิ นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศ
รหสั ตัวชี้วัด ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4
มาตรฐาน ว 1.2 ป.3/1 , ป.3/2
มาตรฐาน ว 2.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3, ป.3/4
มาตรฐาน ว 2.2 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3
มาตรฐาน ว 2.3 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3
มาตรฐาน ว 3.1 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4
มาตรฐาน ว 3.2 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4, ป3/5
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 25 ตัวชีว้ ัด
42
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 3 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3
รหัสวิชา ว13101 เวลา 80 ช่วั โมง / ปี
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนื้อหา จำนวน น้ำหนัก
1. วฏั จกั รชีวติ ของ ตัวชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน
สัตว์ ว 1.2 ป.3/1 -สิ่งทีจ่ ำเป็นตอ่ การดำรงชีวติ และ
ว 1.2 ป.3/2 การเจริญเตบิ โตของมนุษยแ์ ละสัตว์ 10 9
2. วัสดรุ อบตัว ว 1.2 ป.3/3 -ประโยชน์ของน้ำและอาหาร
3. ธรรมชาตขิ องแรง ว 1.2 ป.3/4 -วัฏจักรชวี ติ สตั ว์ คุณคา่ ของสัตว์ 85
ว 2.1 ป3/1 -ส่วนประกอบของวัตถุ 10 8
4. พลังงานและไฟฟา้ ว 2.1 ป3/2 -การเปลยี่ นแปลงของวสั ดุ
ว 2.2 ป3/1 -แรงท่ีมีตอ่ การเปลี่ยนแปลง 10 10
5. ปรากฏการณ์ ว 2.2 ป3/2 -การเคล่ือนที่ของวัตถุ
ธรรมชาติ ว 2.2 ป3/3 -การดึงดดู กับแมเ่ หลก็ 10 8
6. อากาศ ว 2.2 ป3/4 -ข้ัวแมเ่ หล็ก 12 10
ว 2.3 ป3/1 -การเปลยี่ นแปลงพลังงาน
ว 2.3 ป3/2, -เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟ้า
ว 2.3 ป3/3 -แหลง่ พลังงานไฟฟ้า
-ประโยชนแ์ ละโทษของไฟฟ้า
ว 3.1 ป3/1 -วิธีการใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยดั
ว 3.1 ป3/2 -การข้นึ และตกของดวงอาทติ ย์
ว 3.1 ป3/3 -การเกิดกลาวนั กลางคืน
ว 3.2 ป3/1 -การกำหนดทิศ
ว 3.2 ป3/2 -ส่วนประกอบของอากาศ
ว 3.2 ป3/3 -ตวามสำคัญของอากาศ
ว 3.2 ป3/4 -ผลกระทบของมลพิษ
-การเกดิ ลม
-ประโยชนแ์ ละโทษของลม
43
ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน นำ้ หนัก
7. วิทยาการคำนวณ ตวั ชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน
ว 4.2 ป3/1 -แสดงอลั กอริทึมในการทำงานแกป้ ญั หา
ว 4.2 ป3/2, -เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 20 10
ว 4.2 ป3/3 -การใชอ้ ินเทอร์เน็ต
ว 4.2 ป3/4 -การใช้ซอฟแวร์นำเสนอข้อมูล
ว 4.2 ป3/5 -การใช้เทคโนโลยอี ย่างปลอดภัย
รวม 25 80 60
คะแนนระหวา่ งเรยี น 60
คะแนนสอบกลางปี 10
คะแนนสอบปลายปี 30
รวมคะแนนท้งั ปี 100
44
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลางและสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ ไม่มีชวี ิตกับสง่ิ มชี วี ติ และ
ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มรวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน
-- - -
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิ่งมชี วี ติ หนว่ ยพ้นื ฐานของสิ่งมีชวี ิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพนั ธ์
ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนุษยท์ ี่ทำงานสมั พันธ์กัน ความสัมพนั ธ์
ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ที่ทำงานสมั พันธก์ ันรวมท้งั นำความร้ไู ปใช้
ประโยชน์
ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่
ป.4 ว 1.2 ป 4/1 บรรยายหนา้ ทข่ี อง - ส่วนตา่ ง ๆ ของพืชดอกทำหนา้ ท่ี
ราก ลำต้น ใบ และดอกของพืช แตกตา่ งกนั - พืชทีพ่ บในบรเิ วณต่าง
ดอกโดยใชข้ ้อมูลทร่ี วบรวมได้ - รากทำหน้าทด่ี ดู น้ำและแร่ธาตขุ ้ึน ๆ เชน่ ใกลโ้ รงเรยี น ริม
ไปยังลำต้น ทะเล ฯลฯ ไดแ้ ก่
- ลำต้นทำหน้าท่ีลำเลยี งนำ้ ต่อไปยงั
สว่ นตา่ ง ๆ ของพืช
- ใบทำหนา้ ท่ีสรา้ งอาหาร อาหารท่ี
พืชสร้างขึน้ คือน้ำตาลซึ่งจะ
เปล่ยี นเปน็ แป้ง
- ดอกทำหน้าทสี่ ืบพันธุ์
ประกอบด้วยส่วนประกอบตา่ ง ๆ
ไดแ้ ก่ กลีบเลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศ
ผู้ และเกสรเพศเมยี ซึง่ สว่ นประกอบ
45
ชั้น ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิ่น
แต่ละสว่ นของดอก ทำหน้าที่
แตกตา่ งกนั
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธกุ รรม
การเปลยี่ นแปลงทางพันธกุ รรมท่ีมผี ลต่อส่ิงมชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ัฒนาการ
ของส่ิงมชี ีวติ รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ช้นั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถ่ิน
ป.4 ว 1.3 ป 4/1จำแนกสง่ิ มีชวี ติ โดยใช้ - ส่งิ มชี วี ติ มหี ลายชนิด สามารถ - สง่ิ มชี วี ติ ทพี่ บ
ความเหมือนและ ความแตกต่างของ จัดกลมุ่ ไดโ้ ดยใช้ ความเหมอื น บรเิ วณโรงเรยี น
ลกั ษณะของสิง่ มีชวี ิตออกเป็นกลุ่มพืช และความแตกต่างของลกั ษณะ ชุมชนโดยรอบ
กลมุ่ สตั ว์ และกล่มุ ทไี่ ม่ใช่พืชและสัตว์ ตา่ ง ๆ เชน่ กลุ่มพืชสรา้ งอาหาร และอื่น ๆ
เองได้ และเคลอื่ นทด่ี ว้ ยตนเอง
ไม่ได้ กลมุ่ สตั ว์กนิ สง่ิ มชี วี ติ อืน่ เป็น
อาหารและเคลอื่ นที่ได้ กล่มุ ท่ี
ไมใ่ ช่พืชและสัตว์ เชน่ เห็ด รา
จลุ นิ ทรยี ์
ว 1.3 ป 4/2 จำแนกพืชออกเปน็ พชื - การจำแนกพืช สามารถใชก้ าร - ขอ้ มูลพืช และ
ดอกและพชื ไม่มดี อก โดยใชก้ ารมีดอก มีดอกเปน็ เกณฑ์ ในการจำแนก สัตว์ ทีพ่ บใน
เปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ ไดเ้ ป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก บรเิ วณโรงเรยี น
ว 1.3 ป 4/3จำแนกสตั วอ์ อกเปน็ สัตว์ -การจำแนกสตั ว์ สามารถใช้การมี ชมุ ชนโดยรอบ
มกี ระดกู สนั หลังและสัตว์ไม่มกี ระดกู กระดกู สนั หลัง เป็นเกณฑ์ในการ และอน่ื ๆ
สนั หลัง โดยใช้การมีกระดูกสนั หลงั จำแนก ได้เป็นสัตว์มกี ระดูกสนั -
เป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ หลังและสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลัง
ว 1.3 ป 4/4บรรยายลกั ษณะเฉพาะที่ - สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั มีหลาย
สงั เกตได้ของสตั ว์มกี ระดกู สันหลังใน กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลุ่มปลา กล่มุ สัตว์
กลุ่มปลา กลุ่มสัตวส์ ะเทนิ นำ้ สะเทนิ บก สะเทินนำ้ สะเทินบก กล่มุ
กลมุ่ สัตว์เลือ้ ยคลาน กลมุ่ นก และกลุม่ สตั ว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และ
สตั วเ์ ลยี้ งลูกด้วยน้ำนม และ กลุ่มสตั ว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซง่ึ แต่
46
ชัน้ ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ยกตัวอย่างสง่ิ มชี ีวิตในแต่ละกลุ่ม ทอ้ งถิ่น
ละกลมุ่ จะมลี กั ษณะเฉพาะท่ี
สงั เกตได้
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัติของสสารกบั
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของ
สสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
ชั้น ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถิ่น
ป.4 ว 2.1 ป 4/1 เปรยี บเทียบสมบตั ิทาง - วสั ดแุ ตล่ ะชนดิ มสี มบตั ิทาง - วัสดุ/อุปกรณ์
กายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุน่ กายภาพแตกตา่ งกัน วัสดุท่ีมีความ ตา่ ง ๆ
การนำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของ แขง็ จะทนตอ่ แรงขูดขีด วสั ดุทม่ี ี
วัสดุโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษจ์ าก สภาพยดื หยุ่นจะเปลยี่ นแปลง
การทดลองและระบุการนำสมบตั เิ รอ่ื ง รูปรา่ งเมอื่ มีแรงมากระทำและกลับ
ความแขง็ สภาพยืดหยุน่ การนำความ สภาพเดมิ ได้ วัสดทุ ่นี ำความร้อนจะ
ร้อน และการนำไฟฟ้าของวสั ดุไปใช้ใน รอ้ นไดเ้ ร็วเม่อื ไดร้ ับความร้อน และ
ชวี ิตประจำวนั ผา่ นกระบวนกำรออก วัสดทุ ่ีนำไฟฟา้ ได้ จะให้
แบบช้ินงาน กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ ดงั นั้นจึง
ว 2.1 ป 4/2 แลกเปล่ียนความคิดกบั อาจนำสมบัติต่าง ๆ มาพจิ ารณา
ผูอ้ ืน่ โดยการอภิปรายเก่ยี วกับสมบตั ิ เพ่ือใช้ในกระบวนการออกแบบ
ทางกายภาพของวสั ดุอยา่ งมีเหตุผล ชน้ิ งานเพอื่ ใชป้ ระโยชนใ์ น
จากการทดลอง ชวี ติ ประจำวนั
ว 2.1 ป 4/3 เปรยี บเทยี บสมบตั ิของ - วัสดุเปน็ สสารเพราะมมี วลและ
สสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลทไ่ี ด้จาก ต้องการท่อี ยู่ สสารมสี ถานะเปน็
การสังเกต มวล การตอ้ งการทอ่ี ยู่ ของแข็ง ของเหลว หรือแกส๊
รปู รา่ งและปริมาตรของสสาร ของแข็ง มีปรมิ าตรและรูปรา่ งคงท่ี
ว 2.1 ป 4/4ใชเ้ ครื่องมือเพอื่ วัดมวล ของเหลวมปี รมิ าตรคงที่ แตม่ ี
และปริมาตรของสสารทัง้ 3 สถานะ รูปรา่ งเปล่ียนไปตามภาชนะเฉพาะ
ส่วนที่บรรจุของเหลว ส่วนแกส๊ มี