The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ ชุมชนบ้านอาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย เรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mayureenasa, 2021-08-06 06:31:16

ประเพณีแห่ต้นดอกไม้

ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ ชุมชนบ้านอาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย เรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน

Keywords: ท่องเที่ยว,ประเพณี,แห่ต้นดอกไม้,เลย,ท่องเที่ยวชุมชน

~ 114455 ~

ค ามแ ๎งแล๎งได๎เป็นอยํางดี ขยายพันธุ์ด๎ ยการตํอก่ิงทาบกิ่ง ดอก
จาปาจะผลิดอกบนปลายยอดของกิ่ง แตํมีดอกเป็นจาน นมากเป็น
พุํมเป็นพ ง ํ นใ ญํนิยมปลูกจาปา ีขา แม๎จะมี ีอื่นบ๎าง แตํ
กลมุํ คนลา อี านนยิ มปลูกจาปา ขี า เพราะเชื่อ ํามีกลิ่น อม ทน
ตํอแ งแดดค ามร๎อน และท่ี าคัญถือเป็นไม๎ที่มีอายุยืน ต้ังแตํ
โบราณกาลเป็นต๎นมา ดอกจาปาจึงเป็น ัญลัก ณ์แ ํงการมีอายุยืน
มีค ามแข็งแรง และมีค าม ดใ ดชื่นเบํงบานอยํูตลอดเ ลา ี
ขา ยัง ่ือถึงค ามบริ ุทธิ์ผุดผํอง ค ามเลื่อมใ รัทธาตํอ
พระพุทธ า นาดังกรณีที่ชา บ๎านแถบจัง ัดเลยได๎นาเอาดอก
จาปามา ร๎าง รรค์เป็น “ต๎นดอกไม๎” ใช๎บูชาพระในชํ งเท กาล
งกรานตซ์ ง่ึ ถอื ปฏบิ ัติกันมาตัง้ แตํครนั้ อดีตจนถึงปัจจุบัน

“จาปา” เป็นไม๎ยืนต๎น ลาต๎นขนาดกลาง ใบ ีเขีย ขนาด
ใ ญํ ดอกเดี่ย กลีบดอกรูปใบ อก ีเ ลืองอม ๎ม ลัก ณะทั่ ไป
เ มือนดอกจาปี แตํมีขนาดใ ญํและ ีเข๎มก ํา เป็นดอกไม๎โบราณที่
อยํูในพิธีกรรม าคัญของชา อินเดีย ลาย ลาก ชา ฮินดูถือคติ ํา
จาปาเป็นไม๎มงคลเชํนเดีย กับโพธิ์และไทร จึงปลูกไ ๎ตาม ถานที่
ักดิ์ ิทธิ์ และถูกใช๎ในพิธีกรรมของพรา มณ์มาแตํโบราณ ในทาง
พุทธ า นาก็ถือ ําจาปาเป็นต๎นไม๎ตรั รู๎ของอนาคตพระพุทธเจ๎า
เช่ือกนั ําคตดิ งั กลาํ คงเดินทางมา ูํ ุ รรณภูมิพร๎อมกับการค๎าและ
การเผยแพรํ า นาท้ังพรา มณ์และพุทธ ดังปรากฏรํองรอยคติ
ค ามเช่อื ที่เกยี่ กับดอกจาปาทถี่ ูกใช๎เป็นเครือ่ งประกอบในพิธีกรรม

ประเพ~ณ11แี 44ห66ต่ ้น~ดอกไม้

าคัญของราช านักและชนชั้น ูงของไทยมาตั้งแตํ มัยกรุง รี
อยุธยา และได๎รับการยกยํองเป็น “พระยาแ ํงดอกไม๎” การกรอง
จาปาตกแตํงมณฑลพิธีภายในราช านัก ตลอดจนรับแขกบ๎านแขก
เมอื ง แม๎แตํผูค๎ นท่ั ไปกใ็ ช๎อา๎ งอิงในฐานะ ี าคัญ ี นึ่ง นั่นก็คือ “ ี
ดอกจาปา” (องค์ บรรจุน, 2560: 37) การท่ีดอกจาปาออกดอก
เป็นจาน นมากใน นึ่งต๎นนั้นซึ่งจะขา เบํงบาน ะพร่ังงดงามเต็ม
ต๎น ค ามงดงามเชํนน้ีจึงเป็น ัญลัก ณ์ของค ามรํุงเรือง ค ามมั่ง
ค่งั และเปน็ ิริมงคลด๎ ย

อน่ึง เราจะเ ็น ําในคติโบราณเช่ือ ําดอกไม๎กับฝนมี
ค าม ัมพันธ์กัน โดยเช่ือ ําเมื่อบ๎านเมืองใดอยูํดีมี ุขเกิดค าม
รํมเย็นเป็น ุขทั่ ล๎าแล๎ ก็มักจะมีดอกไม๎พืชพรรณนานาเบํงบาน
ะพรั่ง บ๎านเมืองแ ํงน้ันก็จะอุดม มบูรณ์พูน ุข ข๎า ปลาอา าร
ฝนฟูาก็จะตกต๎องตามฤดูกาล ค าม ัมพันธ์ระ ํางฝนกับดอกไม๎
ในค ามคิดค ามเชอื่ ของคนไทยอี านนั้นยังพบเ ็นได๎จากเร่ืองรา
รรณคดีท๎องถ่ิน ดังกรณีเรื่องปฐม มโพธิกถา าน นอี าน
กลํา ถึงเ ตุการณ์เม่ือคร้ันท่ีพระพุทธเจ๎ากาลังจะประ ูติ ํา “เป็น
อัศจรรย์แท้ มภารเพ็งมาก เกิดเป็น ่าฝนดอกไม้” ลัก ณะเชํนนี้
จึง ะท๎อนใ ๎เ ็น ําฝนกับดอกไม๎นั้นเป็น ่ิงท่ีแทนกันได๎ในเชิง
จินตนาการในโลกทาง รรณ ิลป์ ํ นใน ัฒนธรรมลา น้ันก็พบ ํา
ใ ๎ค าม าคญั กบั ดอกจาปาเพราะจัดเป็นดอกไม๎มงคลประจาเดือน

~ 114477 ~

๎าของลา ทั้งนี้เป็นเพราะ ําดอกจาปาลา จะเบํงบาน ะพร่ังใน
เดือน ๎า (เดอื นเม ายนตามปฏิทนิ ุรยิ คติ) มากที่ ุด

ชา ไทยอี านถือ ําดอกจาปาเป็น ัญลัก ณ์มงคล ดังนั้น
เม่อื ถึงเท กาลตรุ งกรานต์ รือปีใ มํของไทย รือในพานบาย รี
ขัน มากเบง็ บูชาพระ ร มท้ังการ ร๎างต๎นดอกไม๎ในประเพณีแ ํต๎น
ดอกไม๎ของชา บ๎านอาฮีด๎ ยจึงนิยมใช๎ดอกจาปาเ มอ ซ่ึงยัง ่ือ
ค าม มายถึงค ามปีติยินดี ค าม ุขค ามร่ืนเริง ดใ ของชี ิต
เพราะเ ลาดอกจาปาเบํงบานก็มักจะบานพร๎อมๆ กันท้ังต๎น
กลายเปน็ ภาพท่ี ยงามย่ิง

พิกุล เป็นไม๎ยืนต๎นขนาดกลาง เชื่อ ําเป็นไม๎ที่แ ดงถึง
ค ามอุดม มบูรณ์ และเป็น ิ่งอันมีคํา จึงมีการจาลอง ร๎างดอก
ด๎ ยเงินและทอง า รับพระม าก ัตริย์ทรงโปรยพระราชทาน
เป็นต๎นไม๎ ักด์ิ ิทธ์ิ เป็นท่ี ถิตของเทพยดาอารัก ์ ากปลูกไ ๎ใน
บริเ ณบ๎านก็จะทาใ ๎คนในบ๎านมีอายุยืน ุขภาพแข็งแรง
ปรา จากโรคภัยไข๎เจ็บ

คูน รือราชพฤก ์ เป็นไม๎ยืนต๎นขนาดกลางทรงพํุมกลม
ูงประมาณ 8-15 เมตร เป็นต๎นไม๎ท่ีเช่ือ ําจะมีพลังอานาจ ค ามดี
งามและเกียรติย นิยมนามาใช๎ในพิธี าง ิลาฤก ์ ร๎างเ า ลัก
เมืองตลอดจน ะเดาะเคราะ ์ตํออายุ ดอก ีเ ลืองของต๎นคูนยัง
เปน็ ัญลกั ณ์แ งํ พระพุทธ า นาและที่ าคัญคือได๎รับการยกยํอง
ใ เ๎ ป็นดอกไมป๎ ระจาชาตไิ ทย

ประเพ~ณ11ีแ44ห88ต่ น้ ~ดอกไม้

มะลิ เป็นไม๎พุํมขนาดเล็ก ดอก ีขา มีกล่ิน อม มีค าม
เช่ือ ํามะลิเป็น ัญลัก ณ์ของค าม ะอาดบริ ุทธิ์ นามาใช๎เป็น
เครื่อง ักการะ ซ่ึงจะใ ๎ผลทางด๎าน มาธิและค าม ุข งบ อีก
ค ามเชื่อ น่ึงเช่ือ ํามะลิเป็นตั แทนของค ามรักและค าม ํ งใย
ปัจจุบันดอกมะลเิ ปน็ ญั ลัก ณข์ อง นั แมํแ งํ ชาติ

พุทธรักษา เป็นไม๎ล๎มลุก ขึ้นเป็นกอ มีใบเดี่ย ขนาดใ ญํ
ดอกออกเป็นชํอ เช่ือ ําเป็นไม๎ที่มีช่ือเป็นมงคล และค ามเป็นมา
ของไมช๎ นิดนมี้ ีในพทุ ธประ ัติ ํา เมื่อพระเท ทัตมีจิตริ ยาพยาบาท
พระพุทธเจ๎า จึงลอบขึ้นไปบนภูเขา มายดักทาร๎ายตามทางที่
พระพุทธเจ๎าเ ด็จผําน คร้ันพระพุทธเจ๎าเ ด็จพระราชดาเนินมาถึง
พระเท ทัตได๎ผลัก ินก๎อนใ ญํกล้ิงลงมาเพื่อทาอันตราย
พระพุทธเจ๎า แตํก๎อน ินน้ันกลับแตกกระจายไป มิได๎ทาอันตราย
พระพุทธเจ๎า แตํมีเ ินชิ้น น่ึงยังกระเด็นถูกพระบาทจน ๎อพระ
โล ิต พระโล ิต ยดลงบนพ้ืนดิน พ้ืนดินตรงน้ันพลันบังเกิดต๎น
พทุ ธรกั าขึ้นต๎น นึ่ง ปัจจุบันดอกพุทธรัก าเป็น ัญลัก ณ์ของ ัน
พอํ แ งํ ชาติ (กรม ิลปากร, 2552: 117-120) จากค ามเชื่อข๎างต๎น
แ ดงใ ๎เ ็นบทบาทและค าม มายของดอกไม๎ในมิติของค ามเช่ือ
ทางพุทธ า นาไดอ๎ ยาํ งนํา นใจ

นอกจากดอกไม๎ท่ีอยํูในค ามคิดค ามเช่ือของคนพื้นถิ่น
แล๎ ยังพบ ํามีการเลือกดอกไม๎เพื่อนาไปไ ๎พระและเชื่อ ําเป็น
ดอกไมม๎ งคลทม่ี คี าม มายดี เป็น ริ มิ งคลแกํตนเอง นาค ามโชคดี

~ 114499 ~

ตํางๆ มาใ ๎ ซ่ึงดอกไม๎แตํละชนิดน้ันมีความ มายแตกตํางกัน แตํ
ทวําดอกไม๎ทีน่ าไปบูชาพระท้ัง มดเช่ือวําควรเป็นดอกไม๎ ดเทําน้ัน
ดังมีรายละเอยี ดตอํ ไปน้ี

ดอกบัว เช่อื วาํ บชู าพระด๎วยดอกไม๎น้ีจะพบแตํความ าเร็จ
เป็นไม๎มงคลเปี่ยมด๎วยคุณคําและ ัญลัก ณ์แ ํงความบริ ุทธ์ิ มี
พลงั รา๎ ง รรค์ เป็นดอกไมท๎ ไี่ ดร๎ ับความนยิ มมากที่ ดุ

ดอกดาวเรือง เชื่อวําบูชาพระด๎วยดอกไม๎นี้จะพบแตํความ
รํุงเรอื ง เ ริมใ ช๎ วี ติ เจริญกา๎ ว น๎า มเี งินมที อง

ดอกพุด เช่ือวําบูชาพระด๎วยดอกไม๎น้ีจะ ํงผลใ ๎มีความ
เจริญ มั่นคง มี ุขภาพแข็งแรง มบูรณ์ ควรใช๎เป็นดอกพุดชนิด ี
ขาว

ดอกมะลิ เช่ือวําบูชาพระด๎วยดอกไม๎นี้จะพบแตํความ ุข
ดชื่น ไมวํ ําจะเป็นมะลซิ ๎อน รือมะลิลา กเ็ ปน็ ิริมงคลในด๎านทาใ ๎
คนในบา๎ นมคี วาม ขุ มีความบริ ทุ ธิ์ มคี วามรักความคดิ ถึงแกํบุคคล
ท่ัวไป

ดอกรกั เช่ือวําบูชาพระด๎วยดอกไม๎นี้จะพบแตํความรักที่
เตม็ เป่ียมไปดว๎ ยความ ขุ มีแตํคนรักใครํ

ดอกแก้ว เชื่อวําบูชาพระด๎วยดอกไม๎จะพบแตํความดีงาม
มีชวี ิตที่มแี ตคํ วาม งู คาํ มีจิตใจแจํมใ บริ ุทธ์ิดุจดงั แก๎ว

ดอกจาปี เชอ่ื วาํ บชู าพระดว๎ ยดอกไม๎นี้จะทาใ ๎ชีวิตรํุงเรือง
เจรญิ ก๎าว นา๎ ใน น๎าท่ีการงาน มคี วามม่ันคงในอาชพี

ประเพ~ณ11ีแ55ห00่ต้น~ดอกไม้

ดอกบานไมร่ ู้โรย เชื่อ าํ บชู าพระด๎ ยดอกไม๎น้ีจะชํ ยเ ริม
ดา๎ นค ามรักของผ๎ูอยํูอา ยั และคํูรักใ ผ๎ ูกพันมั่นคงตํอกนั และกัน

ดอกจาปา เช่ือ ําบูชาพระด๎ ยดอกไม๎น้ีจะนาโชคมา ํู
ครอบครั นาค ามเจริญรํุงเรือง และค ามก๎า น๎ามา ํูผ๎ูบูชาและ
ญาติมิตรท้ัง ลาย เป็นดอกไม๎แ ํงค ามบริ ุทธิ์ ทาใ ๎มีจิตใจเบิก
บาน ดใ ปรา จากโรคภยั ไขเ๎ จ็บ

ดอกเขม็ เชื่อ าํ บูชาพระด๎ ยดอกไม๎นี้จะทาใ ๎ มองปลอด
โปรงํ เกิดค ามคิดอาํ นที่ดี ค ามคิดเฉยี บแ ลม

ดอกพุดตาน เช่ือ ําบูชาพระด๎ ยดอกไม๎น้ีจะมีแตํค าม
พรอ๎ มด๎ ยย ถาบรรดา ักด์ิ เป็น ัญลัก ณข์ องค ามมัน่ คง ย กั ดิ์

~ 115511 ~

5.ประเพณแี ห่ต้นดอกไม้
บา้ นอาฮี อาเภอทา่ ล่ี จังหวัดเลย

ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎เป็นประเพณีที่มีปรากฏอยูํในฮีต ิบ
อง ของชา ลา และอี านโดยท่ั ไป แตํอาจมีลัก ณะรูปแบบที่
แตกตํางออกไปตามแตํละท๎องถ่ิน การแ ํต๎นดอกไม๎นั้นเป็น
กิจกรรมเชิงประเพณีในชํ งเท กาลบุญ งกรานต์ของชา บ๎านใน
แถบจัง ัดเลย บางครั้งก็เรียกกัน ํา “บุญต๎นดอกไม๎” โดยเชื่อ ํา
การถ ายต๎นดอกไม๎เพื่อเป็นพุทธบูชาในชํ งเท กาลเปล่ียนผําน
ไป ํู ักราชใ มํ รือ ันข้ึนปีใ มํน้ันถือเป็นการ ร๎างค ามเป็น ิริ
มงคลใ แ๎ กชํ ี ติ และชุมชนบา๎ นเมือง

ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในชุมชนบ๎านอาฮีน้ันจะจัดขึ้น
ในชํ ง ันที่ 16 เม ายนของทุกปี ซึ่งในปัจจุบันจะเป็นการแ ํ
ดอกไม๎ตอนกลาง ัน กิจกรรมดังกลํา ร๎างค าม นุก นานใ ๎กับ
ชา บ๎านและผู๎ที่เข๎ารํ มขบ นใน มํูบ๎านในชํ งเท กาล งกรานต์
เป็นประเพณีท่ี ร๎างจุดเดํนและเป็นเอกลัก ณ์ของชุมชนอาฮีเป็น
อยาํ งมาก และได๎กลายเปน็ ทรัพยากรทางการทํองเที่ย ของชุมชนที่
เป็นท่ีรจู๎ ักกันมากขนึ้ ในทุก นั น้ี

ประเพ~ณ11ีแ55ห22่ต้น~ดอกไม้

ชาวบ๎านอาฮแี ละนกั ทํองเทีย่ วรวํ มกันตกแตํงประดับประดาตน๎ ดอกไมใ๎ ๎ วยงาม
กิจกรรมการเลนํ าดน้าขณะขบวนแ ํตน๎ ดอกไมเ๎ คลอื่ นผาํ น

~ 115533 ~

ขบวนฟอู นในประเพณีแหตํ น๎ ดอกไม๎

ประเพ~ณ11ีแ55ห44ต่ ้น~ดอกไม้

การดาเนินการงานประเพณีแ ต่ ้นดอกไม้ชุมชนตาบลอาฮี
เพื่อใ ๎เ ็นถึงภาพร มของการดาเนินงานประเพณีแ ํต๎น

ดอกไมข๎ องชา ตาบลอาฮี อาเภอทําล่ี ในที่นี้ผู๎เขียนจะได๎นาเ นอใ ๎
เ น็ ถงึ จุดประ งค์ของการจัดงานประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ ระยะเ ลา
ในการจัดงาน กจิ กรรมในงานประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎และแ ํข๎า พัน
กอ๎ น ลาดบั ขั้นตอนในการจัดงาน ซึ่งมรี ายละเอียดดังตํอไปนี้

จดุ ประ งคข์ องการจัดประเพณแี ต่ น้ ดอกไม้ของชุมชนอาฮี
จากการ าร จข๎อมูลเอก ารและการ ัมภา ณ์ผ๎ูร๎ูและ

ปราชญ์ชา บ๎านในชุมชนแ ํงนี้พบ ํา จุดประ งค์ของการจัด
ประเพณีแ ตํ น๎ ดอกไมใ๎ นชมุ ชน ได๎แกํ 1) เพือ่ เป็นพุทธบูชา รือเป็น
การทาบุญในชํ งเท กาล ัน งกรานต์ รือ ันปีใ มํของไทย บ๎างก็
อธิบาย ําเป็นการขอขมาตํอพระรัตนตรัยด๎ ย 2) เพ่ือ ร๎างค าม
เป็น ิริมงคลแกํตนเอง บ๎านเมืองและเป็นประเพณีที่ชํ ยนาปัจจัย
ไปเกื้อ นุนพระพุทธ า นา 3) เพื่อเผยแพรํและอนุรัก ์
ิลป ัฒนธรรมท่ีเป็นเอกลัก ณ์ของชา ชุมชนอาฮี 4) เพื่อ ํงเ ริม
งานประเพณีอันดีงามของท๎องถิ่น 5) เพื่อ ํงเ ริมค าม ามัคคีของ
ประชาชนทุก มํูเ ลําในชุมชนตาบลอาฮี และ 6) เพื่อเผยแพรํ
ิลป ัฒนธรรมประเพณใี เ๎ ปน็ แ ลงํ ทรพั ยากรทางการทํองเที่ย ใน
กลํุมประชาชนใ เ๎ ปน็ ท่รี ูจ๎ ักกันมากยิ่งข้นึ

~ 115555 ~

จากจดุ ประ งคด์ งั กลํา ทาใ ๎ทราบรายละเอยี ดของการจัด
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชา ชุมชนอาฮี ํา เป็นงานประเพณีที่มํุง
พัฒนาและ ํงเ ริม อนุรัก ์ ิลป ัฒนธรรมอันเนื่องในเท กาล
ประเพณี งกรานต์ ท้ังยังเป็นการแ ดงใ ๎เ ็นถึงประเพณีท่ีมี
เอกลัก ณ์ทาง ัฒนธรรมของชา ชุมชนอาฮี อาเภอทําล่ี และยัง
เป็นการแ ดงถึงค าม มัคร มาน ามัคคีของประชาชนในชุมชน
แ ํงนี้ในการรํ มมือเพือ่ จัดงานประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ได๎อีกประการ
น่ึง

ขบ นแ ตํ น๎ ดอกไมข๎ องแตํละ มบูํ า๎ น

ประเพ~ณ11แี 55ห66่ต้น~ดอกไม้

ระยะเวลาในการจดั งานประเพณีแหต่ ้นดอกไม้ของชมุ ชนอาฮี
การจัดประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชา ชุมชนอาฮี เป็นงาน

ประเพณีที่จัดขึ้นในชํ งเท กาล งกรานต์ รือเป็นงานบุญเดือน ๎า
ที่เรียกกัน ํา “ประเพณีปีใ มํไทย” ซึ่งเป็นงานบุญประเพณี น่ึง
ในฮีต ิบ องของชา อี านที่มีมาแตํโบราณ โดยทั่ ไปแล๎ ชา
ชุมชนอาฮีได๎กา นดจัดงานประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ใ ๎อยํูในชํ ง ัน
ท๎ายๆ ของเท กาล มีกา นดการเพียง นึ่ง ัน คือ ันท่ี 16
เม ายนของทกุ ปี แตกํ จิ กรรมเชิงประเพณีใน ัน งกรานต์ก็มักนิยม
เรม่ิ ตน๎ ตั้งแตํ ันที่ 13 เม ายนเรอ่ื ยมา

ต๎นดอกไม๎ขนาดคน าม 4 คน ในขบ นแ ตํ ๎นดอกไม๎ บา๎ นอาฮี อาเภอทาํ ลี่ จงั ัดเลย

~ 115577 ~

ท้ังน้ีในบางท๎องถ่ินบุญแ ํดอกไม๎ทาภาย ลังจาก ันตรุ
งกรานต์ โดยชา บ๎านจะนาเอาไม๎ไผํมาทาเป็นต๎นดอกไม๎ประดับ
ประดาใบไมด๎ อกไมแ๎ ละมเี ครือ่ งไทยทานอน่ื ๆ เชํน มุด ดิน อ ด๎าย
ไ ม ฝาู ย ไมข๎ ดี ไฟ ยารัก าโรค ธูปเทยี น ฯลฯ ประดับประดาอยําง
ยงาม พอตกตอนเย็นใกล๎พลบค่าก็จะทาการแ ํต๎นดอกไม๎ ไป
ถ ายพระท่ี ัด ในขณะท่ีแ ํผู๎รํ มขบ นจะถือดอกไม๎ธูปเทียนไป
ด๎ ย การแ ํจะมีฆ๎องมีกลองมีฉาบตีเป็นจัง ะดนตรี แ ํกันไป
อยําง นุก นาน ํ นมากจะเปน็ นมํุ า และเด็กๆ จะมีคนเฒําคน
แกํบ๎างก็เล็กน๎อย พอถึง ัดก็จะแ ํเดินรอ ัด 3 รอบ แล๎ จึงนาต๎น
ดอกไม๎ไปถ ายพระ งฆ์ มีการไ ๎พระรับ ีลรับพรกลํา คาถ าย
ต๎นดอกไม๎และฟังเท น์ฉลองต๎นดอกไม๎เป็นอันเ ร็จพิธี ( าลี รัก
ุทธี, 2555: 171)

การแ ํต๎นดอกไม๎ใน มัยกํอน นอกจากการทากันใน

มํูบ๎านของตนเองแล๎ บางแ ํงยังมีการแ ํไปถ าย ัดเ มือน

มูํบ๎านอ่ืน และมีการแ ํไปตอบแทนกันในระ ําง มํูบ๎านด๎ ย

การแ ํไประ ําง มํูบ๎านนิยมทากันในชํ งกลาง ัน โดยขบ นแ ํ

ไปในเ ลาตอนเช๎า พอ ายถ ายเพลเ ร็จแล๎ ก็แ ํรอบ ัดพอดีและ

มีพระ งฆเ์ ป็นผ๎ูนาขบ นเข๎า ดั ด๎ ย เม่ือแ ํรอบ ัด 3 รอบแล๎ ก็นา

ต๎นดอกไม๎ธูปเทียนท่ีถือไปถ ายพระ มีการไ ๎พระรับ ีลกลํา คา

ประเพ~ณ11ีแ55ห88่ตน้ ~ดอกไม้

ถ ายดอกไม๎ มูํบ๎านอื่นไปแ ํอีก มํูบ๎าน นึ่งชา บ๎านเจ๎าของ ัดก็

จะออกมาต๎อนรับพร๎อมกับเลย้ี งขา๎ ปลาอา าร

า รับประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชุมชนอาฮีพบ ํา
เนื่องจากบ๎านอาฮีเป็นชุมชนเกําแกํ ซึ่งเคยมีฐานะเป็นเมืองมานาน
นับร๎อยปีมาแล๎ ชอื่ ําเมอื งตมู มีเจา๎ เมืองช่ือท๎า ุนทรจักร แตํไมํมี
ผ๎ู ืบทอดอานาจ ตํอมาจึงมีฐานะเป็น มํูบ๎าน มีประเพณีพิธีกรรม
และการละเลํนตํางๆ ท่ียังคงรัก าไ ๎อยํางเ นีย แนํน และที่
นุก นานครึกคร้ืนมากที่ ุดก็คือ ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ ซึ่งเรียก
อกี อยําง น่งึ ํา “บุญเดือน ๎า” ซ่ึงมีกา นดการ ดังน้ี

ันท่ี 13 เม ายน จะอัญเชิญพระพุทธรูป าคัญของ ัดลง
มาต้ังไ ๎ท่ี อ รง รือโต๏ะร มกันเพ่ือใ ๎ประชาชนได๎ทาพิธี รงน้า
พระ

ันท่ี 14 เม ายน จะอัญเชิญพระพุทธรูปเกําแกํ
คูํบ๎านคูํเมืองแ ํไปรอบๆ มํูบ๎านใ ๎ประชาชนนาน้า อมมา รง
พระเพ่อื รา๎ งค ามเป็น ริ มิ งคล และมีการเลํน าดน้ากัน เชื่อ ําถ๎า
ประชาชนชา เมืองเลํนน้ากันจาน นมาก ปีนั้นก็จะมีฝนฟูาตกต๎อง
ตามฤดูกาลและมคี ามอดุ ม มบรู ณ์

ันที่ 15 เม ายน จะมีการปักธงกํอกองทราย กิจกรรมน้ี
จะเรียก าํ “กํอเจดียท์ ราย” บางแ ํงก็เรียก ํา “กํอพระทราย” ซึ่ง
จะกํออยํใู นบรเิ ณลาน ดั เชื่อ าํ การนาทรายมาร มกันแล๎ กํอเป็น
เจดยี ์นั้นถือ ําได๎กุ ลและเป็นผลานิ ง ์มากเชํนกัน า รับประ ัติ

~ 115599 ~

ค ามเป็นมาข งการกํ เจดีย์ทรายนั้น มีมูลเ ตุที่เชื่ กัน ํา ในแตํ
ละ ันเราได๎เดินทางเข๎าไปในบริเ ณ ัด รื นานๆ คร้ังก็ตาม เมื่
กลับ กมา าจมีเม็ดทรายติดฝุาเท๎าข งเรา กมาได๎ การที่เม็ด
ทรายตดิ กมาน้ันถื ําเปน็ การทาบาป ยําง น่ึง แมไ๎ มํได๎เจตนาก็
เช่ื กัน ําเป็นบาปที่ไมํได๎เจตนา าจ ะ มมากไปเร่ื ยๆ จนเป็น
บาป นักได๎ จึงพยายาม าชํ งทางทดแทนเม็ดทรายที่ติดมากับฝุา
เท๎าด๎ ยการขนทรายเข๎า ัด แตํจะนาเข๎าไปเฉยๆ ก็ าจไมํเป็นที่
นใจข งคนทั่ ไป จึงได๎มีการจัดใ ๎มีพิธีกรรมขนทรายเข๎า ัด โดย
จดั ใ ๎มกี ํ เจดยี ์ทรายขน้ึ จนเป็นประเพณมี าจนถึงปัจจุบนั

ันท่ี 16 เม ายน จะเป็น ันแ ํต๎นด กไม๎ไปบูชา ักการะ
ตํ พระรัตนตรัย กํ นจะนาพระพุทธรูปข้ึนไปประดิ ฐานยังแทํน
บูชาเดิม เพราะการเลํน าดน้า รื การกระทาการใดๆ ตํ
พระพุทธรูปในระ ํางน้ัน าจเป็นการลํ งเกิน ิ่ง ักด์ิ ิทธ์ิ ันเป็น
ิ่งเคารพ ูง ุด ในทุกๆ ปี ชา ตาบล า ี าเภ ทําล่ี โดย งค์การ
บริ าร ํ นตาบล า ีรํ มกับ ภา ัฒนธรรมตาบล า ี จะจัดงาน
ประจาปีเพื่ ประก ดต๎นด กไม๎ ขบ นแ ํต๎นด กไม๎ จาก มูํบ๎าน
ตํางๆ ประก ดแขํงขันกี าพื้นบ๎าน และการแ ดงการละเลํน
พ้ืนบ๎าน เป็นต๎น ลังจากนั้นก็จะมีพิธีม บราง ัลการประก ดต๎น
ด กไมแ๎ ละขบ นแ ํ

ลาดับขนั้ ต นและกา นดการโครงการ นุรัก ์ประเพณีแ ํ
ต๎นด กไม๎ ประจาปี 2560 งค์การบริ าร ํ นตาบล า ี าเภ

ประเพ~ณ11ีแ66ห00ต่ ้น~ดอกไม้

ทําล่ี จัง ัดเลย จัดขึ้น ณ ัดเมื งตูมธรรมาราม บ๎าน า ี มํู 1
ตาบล า ี ใน ันท่ี 16 เม ายน พ. .2560 มีกา นดการดังน้ี
เ ลา 09.00 น.
- ลงทะเบียนผเ๎ู ข๎ารํ มงานโครงการ นรุ ัก ์ประเพณแี ตํ ๎นด กไม๎
- ต๎นด กไม๎พร๎ มขบ นนางราพร๎ มกันท่ี
ลาน ัดเมื งตูมธรรมาราม บ๎าน า ี มูํ 1
เ ลา 10.00 น.
- การแขงํ ขันกี าพน้ื บ๎านข งแตํละ มูํบ๎าน
- กี ากิน บิ ากชาย- ญงิ
- กี าปดิ ตาแตงํ น๎าคูชํ าย- ญงิ
เ ลา 12.00 น. รบั ประทาน า ารเทยี่ ง
เ ลา 13.20 น.
- ประธานในพธิ ี (ผู๎ าํ ราชการจัง ัดเลย รื ตั แทน)

เดินทางมาถงึ บรเิ ณพธิ ี
เ ลา 13.30 น.
- พิธีเปดิ งานประเพณแี ํตน๎ ด กไม๎ ประจาปี 2560
เ ลา 14.00 น.
- ขบ นแ ํแตํละ มูํบา๎ นทาการแ ดงผาํ น นา๎ ประธาน
เ ลา 16.00 น.
- ขบ นแ ํแตลํ ะ มํบู ๎านท้งั 11 มูํบ๎าน
เคล่ื นขบ นไปยัง ดั ริ มิ งคล บ๎าน า ี มูํ 6

~ 116611 ~

- ขบ นแ ํของแตํละ มูํบ๎านเดนิ ทางมาถงึ ลาน ดั ิริมงคล
- ทาพิธถี ายตน๎ ดอกไม๎
- ประกา ผลการแขงํ ขันต๎นดอกไม๎ ยงาม ขบ นแ ํ ยงาม
- พธิ ีมอบราง ัลแตลํ ะประเภท
- เ รจ็ พิธี

ประเพณีแห่ต้นดอกไม้และแห่ขา้ วพันก้อน
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ใน ัน งกรานต์นั้นถือเป็น

เอกลัก ณ์ท่ีโดดเดํนมาก กลํา คือ เม่ือถึง ันปีใ มํไทย คือ ันตรุ
งกรานต์ 13 เม ายนของทุกปี ชา บ๎านจะอัญเชิญพระพุทธรูป
าคญั ลงมาต้งั ไ ๎ท่ี อ รงกลางลาน ดั เพือ่ ใ ๎ประชาชนได๎ทาพิธี รง
น้าพระพุทธรูปและพระภิก ุ งฆ์ ามเณร ันตํอมา 14 เม ายน
ภาคเช๎ากเ็ ป็นการ รงน้าพระท่ี อ รง ดั ตามปกติ พอตกตอนบํายก็
จะพร๎อมกันแ ํพระพุทธรูป าคัญไปรอบๆ ชุมชนเพื่อใ ๎ประชาชน
นาน้า อมมา รงพระ

การแ ํพระจะมีการจัดทาต๎นกัณฑ์เพ่ือแผํปัจจัยและมีการ
าดน้าเลํนน้ากันไปตลอดทาง ผู๎เฒําผู๎แกํตลอดถึง นํุม า จะออก
มารํ มขบ นแ ํแ นเลํน าดน้ากันเป็นที่ นุก นานเพื่อขอใ ๎ฝน

ประเพ~ณ11แี 66ห22ต่ น้ ~ดอกไม้

ฟูาตกต๎องตามฤดูกาล ํวนเด็กวัยรํุน นุํม าวก็ถือโอกา เลํน าด
น้ากันไปด๎วย พอตะวันบาํ ยคลอ๎ ยขบวนแ ํจึงเดินทางกลับถึงวัด

ในตอนกลางคืนนั้น ผ๎ูเฒําผ๎ูแกํจะนัด มายกันนาข๎าว าร
เ นียวมาชุมนุมนอนค๎างคืนที่วัดแชํข๎าวแล๎วนึ่ง จากน้ันก็ป้ันเป็น
ก๎อนใ ๎ได๎จานวน นึ่งพันก๎อน จัดแจงใ ํกระจาด ท่ีขาดไมํได๎คือต๎น
กัณฑ์ เตรียมฆ๎อง กลอง เกราะ รือ “ขอลอ” แ ํไปรอบ มูํบ๎าน
เพ่ือเย่ียมเยือนยังบ๎านเรือนตาม ลังตํางๆ ใน มํูบ๎าน เมื่อไปถึงจะ
ประโคมเ ียงข้ึน เรียกวํา ลอน รือจูํโจม ใ ๎เจ๎าบ๎านตื่นลุกขึ้นมา
ทาบุญต๎อนรับด๎วยข๎าวปลาอา าร พร๎อมอนุโมทนาปัจจัยเพ่ือ
มทบทุนบารุงศา นา ร๎างเ นา นะ งฆ์เรียกวํา แ ํข๎าวพันก๎อน
การแ ํข๎าวพันก๎อนไปจํูโจม รือ “ ลอน” น้ีจะทาไปจนครบทุก
บ๎านทุกคุ๎ม แล๎วกลับมานอนกันท่ีวัด ตอนเช๎าวันใ มํจึงจะนาข๎าว
พันก๎อนและปัจจัยทาพิธีถวายเพ่ือเป็นพุทธบูชา เมื่อบ๎านเมือง
กว๎างขวางขยายมากข้ึนก็มีการแ ํข๎าวไป ลอนกันถึง อง ามคืนก็
มี มัยกํอนมีการแ ํข๎าวพันก๎อนไปถวายท่ีวัดใน มํูบ๎านอ่ืนด๎วย
โดยการจํูโจมแอบไป ลอน ด๎วยการล่ันกลอง ฆ๎อง โปงของวัด ทา
เอาพระใ ๎ตน่ื ข้นึ มารับปัจจยั ดว๎ ยเชนํ กนั

~ 116633 ~

ในประเพณีแ ํข๎า พันก๎อนน้ันเลํา ํา ทาใ ๎เกิด นุก นาน
และยังกํอใ ๎เกดิ ค าม ามัคคีระ ํางผ๎คู นในชุมชนด๎ ย อีกท้ังยังได๎
กุ ลแรง ด๎ ยเ ตุนี้จึงมีประเพณีนอนแรมคืนที่ ัดตลอดระยะเ ลา
งกรานต์เพ่ือตระเตรียมต๎อนรับญาติโยมจาก มํูบ๎านอื่นๆ ัดบ๎าน
ใครถูก ลอนถอื ําเ ีย น๎าทง้ั ชา ดั และชา บ๎านด๎ ย

ันท่ี 15 เม ายน เป็น ันกํอกองทราย ปักธงเล็ก ีตํางๆ
ไ ๎รายรอบ ปะแปูงและน้า อมแล๎ ทาพิธีถ ายกองทราย ชํ ง
กลางคืนจะมีการฟังเท น์อานิ ง ์การกํอกองทรายด๎ ยและยังมี
การแ ขํ ๎า พนั ก๎อนเชนํ กบั ันกอํ นๆ และนอนครบงนั ที่ ดั ตามเดิม

ันท่ี ่ตี รงกบั ันท่ี 16 เม ายน เปน็ นั ุดท๎ายค๎ุมตํางๆ จะ
นาไม๎ไผํมาผํา เ ลาผูกเป็นโครงรํางต๎นดอกไม๎ โดยมีคาน ามเป็น
ฐาน องข๎าง ผูกโครงไม๎ไข ๎เป็นทรงปุองตรงกลาง ํ นบน ุดมี
ลัก ณะแ ลมเ มือนยอดเจดีย์ แล๎ นาดอกคูน ดอกจาปา มาผูก
ประดบั โครงราํ งน้ันจนเ ลอื งอรําม นาทางมะพร๎า มาผําซีก ตํอเติม
ท่ีมุมของต๎นดอกไม๎ 4 ทิ เป็นแขน จากนั้นนาเกราะ รือท่ีภา า
ถิ่นเรียก ํา “ขอลอ” โปง กระดึงท่ีผูกคอ ัต ์เลี้ยงมาผูกไ ๎ตาม ํ น
ตํางๆ ของตน๎ ดอกไม๎

ประเพ~ณ11แี 66ห44่ต้น~ดอกไม้

ประดับเ ร็จก็เป็นเวลาบํายคล๎อย พลบค่าแยกกันไปกิน
ข๎าวปลาอา ารแล๎วก็จุดตะเกียง โคมไฟเตรียมแ ํกันไปท่ี
วัด ชํวงเวลาของการแ ํต๎นดอกไม๎เป็น ่ิงท่ีทุกคน นใจวํา คุ๎มไ น
แตํงได๎ วยงาม คม๎ุ ไ นแ ํเซ้ิง นุก นานครึกคร้ืนท่ี ุด การโยกย๎าย
ํายเอว การฟูอนแขนของต๎นดอกไม๎กับคน ามกลมกลืนกันจนคน
ดูนึก นุกเข๎ารํวมเลํนด๎วย รือไมํก็มีการเลํน าดน้าขบวนท่ีผําน
น๎าบ๎าน ซึ่งเป็นภาพท่ียากจะลืมได๎ ขาดไมํได๎ในการแ ํต๎นดอกไม๎
อีกอยําง นึ่ง คือ ดนตรีท่ีมีกลองต๎ุม กลอง าง กลองก่ิง ขอลอ
กะลา แคน คนกลุํมน้ีจะ นุกกับการใ ๎จัง วะในขบวนเ ียงกลองท่ี
เรงํ เร๎า อดรบั กบั เพลงลกู ทุงํ ท้งั เกําและรวํ ม มยั ล๎วนแตํเป็น ี ันใ ๎
ขบวนแ ํมีเ นํ ์มากข้ึน เม่ือแ ํต๎นดอกไม๎เข๎าเขตวัดศิริมงคล แล๎ว
จะแ ํวนรอบอุโบ ถและพระธาตุมะนาวเดี่ยว 3 รอบ แล๎วจึง
รํวมกันทาพิธีบูชาพระรัตนตรัย มาทานศีลฟังเทศน์อานิ ง ์ถวาย
ดอกไม๎เป็นพุทธบูชา จากนั้นพร๎อมกันกลําวคาถวายดอกไม๎และ
ปัจจัยเปน็ อันเ ร็จพิธี

วัตถุประ งค์ของการแ ํต๎นดอกไม๎นั้น เพื่อนาดอกไม๎ไป
คารวะขอขมาตํอพระรัตนตรัยท่ีได๎ลํวงเกินระ วํางนาพระพุทธรูป
ลงมา รงน้าและเลํน าดน้ากัน การนาดอกไม๎ไปเพื่อการน้ีได๎

~ 116655 ~

คล่ีคลายมาเป็นประเพณีการละเลํนท่ี าคัญของชา ตาบลอาฮีมา
จนทุก ันน้ี นั่นก็คือ การถ ายต๎นดอกไม๎เพื่อเป็นพุทธบูชา ืบเน่ือง
กนั มาจนถงึ ปัจจุบัน

ประโยชน์ รืออานิ ง ์ท่ีได๎จากการแ ํต๎นดอกไม๎ คือ
นอกจากเช่ือ ําไดบ๎ ุญแล๎ ยงั ไดป๎ ระชา ัมพันธ์ประเพณีที่ าคัญและ
ยังเป็นการ ร๎างชื่อเ ียงเกียรติคุณของชุมชน ํงเ ริมกลํุมอาชีพ
และการทํองเท่ีย ในท๎องถ่ิน ํงเ ริมการอนุรัก ์พืชพันธ์ุไม๎ดอก
ประจาถ่ิน ประชาชนมีค าม ามัคคีกลมเกลีย ภาคภูมิใจในภูมิ
ปัญญาประเพณี ฒั นธรรมของท๎องถน่ิ ท่บี รรพบรุ ุ ของตน ่ัง มมา

ในปัจจุบันนั้น ภา ัฒนธรรมตาบลอาฮีรํ มกับองค์การ
บริ าร ํ นตาบลและประชาชนชา ตาบลอาฮี ได๎ถือเอา ันท่ี 16
เม ายนของทุกปีเป็น ันจัดงานประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ มีการ
ประก ดแขํงขันการละเลํนพื้นบ๎าน เชํน เ ็งกลองดึง นัง แขํงขัน
ข่ีกั๊งก๏ะ อย จํายผญา ประก ดร๎อง รภัญญะ การจา นํายอา าร
ผลิตภัณฑ์ของกลํุมแมํบ๎านเพื่อ ํงเ ริมเ ร ฐกิจท๎องถ่ินและ
นโยบายทอํ งเทีย่ ไทย

ประเพ~ณ11แี 66ห66ต่ น้ ~ดอกไม้

คากล่าวถวายดอกไม้

อิมานิ มะยัง ภุนเต, บปุ ผานิ ะปะริวารานิ, ภิกขุ ังฆั ะ,
นะโมชะยามะ, าธุโนภันเต, ภิกขุ ังโข, อิมานิ บุปผานิ ะปะริวา
รานิปฏิคัน าตุ, อมิ ทากิง, ทฆี ะรัตตงั , ติ ายะ, ขุ ายะ.

คาแปล

ข๎าแตํพระ งฆ์ผ๎ูเจริญ ข๎าพเจ๎าถวายขอน๎อมถวายดอกไม๎
กับทั้งบริวารทั้ง ลายเ ลําน้ี แดํพระภิก ุ งฆ์ ขอพระภิก ุ งฆ์จง
รบั ดอกไม๎ กบั ทัง้ บริวารทั้ง ลายเ ลํานี้ เพื่อประโยชน์และความ ุข
แกํข๎าพเจ๎าทงั้ ลาย นิ้ กาลนานเทอญ

ประเพณแี หต่ ้นดอกไม้ของชุมชนอาฮี
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ บ๎านอาฮี ตาบลอาฮี อาเภอทําล่ี

จัง วัดเลย เป็นการละเลํนพ้ืนถ่ินที่คล๎ายกันกับท่ีอ่ืนๆ ในพื้นท่ี
จัง วัดเลยดังที่ได๎กลําวมาแล๎วข๎างต๎น จากการ ัมภา ณ์ปราชญ์
ชุมชน คือ อาจารย์ราไพ กาแกว๎ ( ัมภา ณ์, 2560) ได๎ าระความร๎ู
เกีย่ วกับประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชาวชมุ ชนอาฮี ดงั ตอํ ไปน้ี

~ 116677 ~

1. ประวตั ิการทาและแห่ต้นดอกไม้

ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎มีมาตั้งแตํครั้งไ นไมํทราบแนํชัด
แตํได๎มีการอนุรัก ์และปฏิบัติ ืบ านโดยพี่น๎องชา ตาบลอาฮีจาก
คนรุนํ ตอํ รนํุ บื เนือ่ งกันมาจนทุก ันน้ี

เมื่อถึง ัน ้ิน ักราช รือ ัน ังขารลํ ง ตรงกับ ันท่ี 13
เม ายน ชา บ๎านจะทาน้า อมจากม ลดอกไม๎และ มุนไพรเคร่ือง
อมไป รงพระพุทธรูป รดน้าผ๎ู ูงอายุเพื่อขอพร จากน้ันจึงเท่ีย
เลํน าด รงน้าแกํคนท่ั ไปเรียก ํา เลํน งกรานต์ พอยํางถึง
ันรํุงข้ึน 14 เม ายน เป็น ันเนํา รือ ันเนา ์ ก็พร๎อมอัญเชิญพระ
คํูบ๎านคูํเมืองไปแ ํตามถนนรอบๆ ชุมชน เพื่อใ ๎คนทุกคนทุกเพ
ทุก ัยได๎ รงน้า ักการะ ใน ันที่ 15 เม ายน เป็น ันเถลิง กใ มํ
ชา บ๎านจะ ยุดทางานทุกอยําง ันมา นุก นานด๎ ยการละเลํน
พื้นบ๎าน ใน ันท่ี 16 เม ายน เป็น ัน ังกาจ ขึ้น ันนั้นค๎ุมตํางๆ จะ
พร๎อมกันทาต๎นดอกไม๎ ธง ลาก ี กํอกองทราย พอตกบํายก็แ ํต๎น
ดอกไม๎และจัตปุ จั จยั จากคุม๎ ของตนมาที่ ัด ไ ๎พระรับ ีล ฟังเท น์
อานิ ง ์ถ ายต๎นดอกไม๎ ทาพิธีขอขมาคาร ะตํอพระรัตนตรัย จึง
เ ร็จพิธี อนึ่งทุกคืนระ ํางนี้จะมีการแ ํข๎า พันก๎อนไปเย่ียมเยือน
คุ๎มตาํ งๆ อยําง นุก นาน

ประเพ~ณ11แี 66ห88่ตน้ ~ดอกไม้

ตน๎ ดอกไมท๎ ่มี คี นหาม 4 คน ในขบวนแหํตน๎ ดอกไม๎ บา๎ นอาฮี อาเภอทําล่ี จงั หวดั เลย

~ 116699 ~

2. วัตถุประ งค์ในการแ ่ต้นดอกไม้

เพื่อกราบไ ๎ ิง่ กั ด์ิ ทิ ธท์ิ ี่ ิง ถติ อยูํภายในบริเ ณ ัดของ
มํูบ๎านและพระรัตนตรัย เป็น ่ิง ูง ุดของชา พุทธ เมื่อถึง ัน
งกรานต์ก็จะอัญเชิญพระพุทธรูปลงจากแทํนท่ีเคยประดิ ฐาน
กราบไ ๎ มาแ ํแ นและ าด รงกันเป็นท่ี นุก นาน ทั้งพระภิก ุ
ามเณรและชา บ๎าน ในการนี้อาจได๎ลํ งเกินด๎ ยกายกรรม
จีกรรม และมโนกรรมใดๆ กํอนจะอัญเชิญกลับไปประดิ ฐ์ที่เดิม
จึงนาดอกไม๎เคร่ือง อมธูปเทียนมากราบขอขมาลาโท และชํ ย
ํงผลบุญทาใ ๎ประชาชนอยํูดมี ี ขุ ฝนตกต๎องตามฤดูกาล เ ร ฐกิจ
ดีและไมํใ ๎เกิดภัยพิบัติใน มูํบ๎าน ตลอดจนไมํใ ๎เป็นบาปกรรม
อัปมงคลติดตั ไปตง้ั แตชํ าตนิ ้แี ละชาติ นา๎

3. รปู แบบการจัดขบวนแ ต่ น้ ดอกไม้

รูปแบบการจัดขบ นแ ํต๎นดอกไม๎นั้นประกอบไปด๎ ย คน
ถือปูาย 2 คน คน ามต๎นดอกไม๎ 4 คน งมโ รีดนตรี ประกอบด๎ ย
กลอง ฉิ่ง ฉาบ ขอลอ กระโ ลํง ร มเป็น 12 คน ผู๎แ ดงฟูอนราอยํู
น๎าต๎นดอกไม๎ ( มเ ื้อมํอฮ๎อม ใ ํผ๎าถุง ใ ํผ๎า ไบ) ประมาณ 20

ประเพ~ณ11ีแ77ห00่ตน้ ~ดอกไม้

คน ชุดผู๎ติดตามอยูํข๎าง ลังต๎นดอกไม๎ ( วมเ ื้อมํอฮ๎อม) ใ ํกางเกง
ขายาว 30 คน ควบคุมทีม 6 คน

4. วิธกี ารทาดอกไม้

การนาดอกไม๎มากราบบูชาพระ เมื่อปฏิบัติ ะ มเป็น
ประเพณีติดตํอกันยาวนานก็พัฒนามาเป็น ประดิ ฐ์พํุมไม๎ขนาด
ใ ญํเรียกวํา “ต๎นดอกไม๎” แล๎วชํวยกัน าดอกไม๎ที่มีอยูํในท๎องถ่ิน
ตามฤดูกาล เชํน ดอกจาปา รือล่ันทม ดอกคูน มาประดับตกแตํง
แล๎วแ แํ นกันอยาํ งครกึ ครน้ื นุก นานเพื่อไปถวายพระทวี่ ดั

5. ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากประเพณีแหต่ น้ ดอกไม้

การทาต๎นดอกไม๎ในวิถีวัฒนธรรมชาวบ๎านนั้นเชื่อวําได๎บุญ
รืออานิ ง ์ ร๎างความ ามัคคีของคนในชุมชน ทุกคนได๎
แ ดงออกถึงน้าใจที่มี ํวนรวม มีความเข๎าใจเ ็นอกเ ็นใจกัน เป็น
กิจกรรมนันทนาการใ ๎ทั้ง าระและบันเทิง เป็นการอนุรัก ์และ
ํงเ ริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ทาใ ๎เกิด านึกในการ
อนุรัก ์ดอกไม๎ในท๎องถ่ิน เชํน ดอกคูณ ดอกจาปา แล๎วเกิดการ
รา๎ งงานในท๎องถิ่น เชํน การบริการในเชิงธุรกิจ และการทํองเท่ียว
และ รา๎ งเอกลัก ณแ์ ละชื่อเ ียงแกทํ ๎องถน่ิ

~ 117711 ~

6. การแห่ตน้ ดอกไม้

เม่ือต๎นดอกไม๎เ ร็จชา คุ๎มจะแยกย๎ายกันไปอาบน้า กิน
ข๎า แตํงตั มาพร๎อมกันใ มํในเ ลาพลบค่า ลังจากนั้นก็จะจุดใต๎
ตะเกียง ํ นเทียนยา นั้นจุดไ ๎ตามต๎นดอกไม๎ใ ๎ดู ํางไ เกิด
ค าม ยงาม แล๎ ก็จะเริ่มแ ํไปที่ ัด ต๎นดอกไม๎ต๎น น่ึงจะมีคน
แบกคาน าม 4 คน นอกนั้นคอย ับเปล่ียนชํ ยกัน ํ นผู๎รํ มใน
ขบ นก็จะนาเคร่ืองดนตรีมาทาจัง ะ เชํน กลอง าง กลองกริ่ง
ฉาบ แคน ฆ๎อง เกราะ รือ ขอลอ ไม๎ไผํ กะลาเพ่ือทาจัง ะงํายๆ
แล๎ รอ๎ งราทาเพลงครึกคร้ืนไปด๎ ย ํ นคน าบก็โยกตั เข๎าจัง ะ
เป็นท่ี นุก นาน ถึง ัดแล๎ แ ํ น 3 รอบ จากนั้นจึงนาไป างไ ๎
ข๎างๆ อทรง รือ าลาการเปรียญ แล๎ ทาพิธีไ ๎พระรับ ีล ฟัง
เท น์อานิ ง ์ถ ายดอกไม๎ กลํา คาถ ายพร๎อมกัน กลํา คาถ าย
คาร ะพระรัตนตรยั รับพรแล๎ เป็นอนั เ ร็จพิธี

โอกา ในการแ ํต๎นดอกไม๎ คือ ันที่ 16 เม ายน ทุกปี
ชา ตาบลอาฮี โดยองค์การบริ าร ํ นตาบลรํ มกับ ภา ัฒนธรรม
ตาบลอาฮีจัดงานประจาปีประก ดต๎นดอกไม๎ ขบ นแ ํต๎นดอกไม๎
จาก มํูบ๎านตํางๆ ประก ด มอลาพื้นบ๎าน มอแคน มอ อย

ประเพ~ณ11แี 77ห22ต่ ้น~ดอกไม้

จํายผญา แขํงขันกี าพื้นบ๎าน การแ ดงการละเลํนพ้ืนบ๎านข งดี
าี

กิจกรรมการประกวดตน๎ ด กไมข๎ งแตลํ ะ มูบํ า๎ น

~ 117733 ~

ประเพ~ณ11แี 77ห44ต่ ้น~ดอกไม้

~ 117755 ~

6.บทบาทของประเพณีแหต่ ้นดอกไม้
กบั การพัฒนาดา้ นการทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน

การจัดการประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชุมชนอาฮีในฐานะท่ี
เป็นกิจกรรมทางการทํองเท่ีย ชุมชนพบ ํา มีลัก ณะของการ
ดาเนินงานและจัดการโดยชุมชน กลํา คือเม่ือกลํา ถึงการ
ทํองเท่ีย เชิงประเพณีพิธีกรรมและ ัฒนธรรม ผ๎ูได๎รับผลประโยชน์
รือผลกระทบมากที่ ุดกค็ อื คนในชุมชนท๎องถ่ินผู๎เป็นเจ๎าของแ ลํง
ทํองเท่ีย ทาง ัฒนธรรมในฐานะเจ๎าบ๎าน (Hosts) ใ ๎นักทํองเท่ีย
ไดม๎ าเยี่ยมเยือน

การทํองเที่ย ที่อา ัยเร่ืองรา ประเพณี ัฒนธรรมถือเป็น
่ิงที่พบเ ็นได๎ใน ิถีการทํองเท่ีย ในประเท ไทยในทุกภาค
ประเพณีของคนไทยนั้นมีการจัดข้ึนแทบทุกเดือนจนคนไทยมี
ประเพณีท่ีเรียกกัน ํา “ประเพณี ิบ องเดือน” ในกรณีของ
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชา บ๎านอาฮี อาเภอทําลี่ จัง ัดเลยน้ัน
ก็เป็น น่งึ ในประเพณี าคัญของชุมชน นั่นก็คือ ประเพณี งกรานต์
ซ่ึงเกิดจากค ามคิดค ามเช่ือท่ี ืบทอดกันมาเป็นเ ลาช๎านาน
ในชํ งการจัดประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในพ้ืนที่บ๎านอาฮีนั้นพบ ํา
ประเพณีดังกลํา ได๎เริ่มเป็นท่ีร๎ูจักในแ ด งการทํองเที่ย เพ่ิมมาก
ข้ึนก ําอดีต ทาใ ๎ชุมชนมีการพัฒนาและปรับเปล่ียนรูปแบบ

ประเพ~ณ11แี 77ห66ต่ ้น~ดอกไม้

ประเพณีเพ่ือใ ๎ อดคล๎องกับกระแ การทํองเท่ียวไทยในปัจจุบัน
และแม๎วําประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎จะมีอยูํในชุมชนอื่นๆ ด๎วย เชํน
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชาวบ๎านแ งภา อาเภอนาแ ๎ว จัง วัด
เลย ซึ่งจัดกิจกรรมแ ํต๎นดอกไม๎ในชํวงเวลากลางคืน แตํทวํา
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ของชาวบ๎านอาฮีนั้นจะจัดในชํวงกลางวัน
แทน การเดินทางเข๎ามาชื่นชมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวบ๎าน
อาฮีของกลุํมนักทํองเที่ยวที่เพิ่มมากข้ึน ทาใ ๎ประเพณีแ ํต๎น
ดอกไม๎ได๎เข๎าไปมีบทบาท าคัญตํอ ังคมและชุมชนท๎องถิ่นมาก
ยิ่งข้ึน การท่ีชุมชนมีการทํองเที่ยวเข๎ามา ํงเ ริมและ นับ นุนก็
ยอํ ม ํงผลตอํ การพฒั นาใน ลายๆ ด๎านด๎วยเชนํ กนั

บทบาทของประเพณีแห่ตน้ ดอกไมก้ บั การท่องเทยี่ วและการ
พัฒนาเชงิ เศรษฐกจิ

า รับบทบาทของประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎เพ่ือใช๎เป็น
ทรัพยากรทางการทํองเที่ยวชุมชนในพ้ืนท่ีของชุมชนอาฮี อาเภอทําลี่
จงั วดั เลย พบวํามีรายละเอียดดงั น้ี

1) ความ าคัญของประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในชุมชนอาฮี
พบวํา มบี ทบาท าคัญประการ นึ่งคือการกํอใ ๎เกิดรายได๎เพ่ิมมาก
ขึ้น นักทํองเท่ียวที่เดินทางเข๎ามายังชุมชนเพื่อเรียนรู๎และ ัมผั วิถี
ชวี ติ ชมุ ชนและประเพณวี ฒั นธรรมของชุมชนท๎องถ่ินยํอมมี ํวนชํวย
ใ ๎ชุมชนนั้นได๎รับรายได๎ในรูปของเงินตราเพิ่มข้ึน มีการจับจํายซ้ือ

~ 117777 ~

ของตํางๆ ในชุมชน นอกจากน้ียังมีการเข๎ามาเชําที่พักค๎างแรม
ตลอดจนการซื้ออา ารเครื่องดื่มและรับบริการในภาคธุรกิจตํางๆ
ในชุมชน ด๎ ยเ ตุนี้รายได๎ดังกลํา ท่ีเกิดข้ึนจึงมีลัก ณะ
เชํนเดยี กับการจา นาํ ย นิ ค๎าแบบ นึง่ 2) ค าม าคัญอีกประการ
นึ่งของการ ํงเ ริมประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ใ ๎เป็นทรัพยากร
ทางการทํองเท่ีย ของชุมชนพบ ํา ทาใ ๎เกิดภา ะมีการทามากขึ้น
เน่ืองจากต๎องมีการจ๎างงาน มีการกระจายรายได๎ไป ํูผู๎คนในชุมชน
ด๎ ยกนั เอง

การอนรุ ัก ์ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในชุมชนบ๎านอาฮีเพื่อใช๎
เป็น “ทุนทางการทํองเท่ีย ” จะทาใ ๎เกิดการพัฒนาทั้งทางด๎าน
เ ร ฐกิจและ ังคม ัฒนธรรม ท้ังน้ีการดาเนินการจัดการประเพณี
แ ํต๎นดอกไม๎ในฐานะท่ีเป็นทรัพยากรทางการทํองเท่ีย ท่ีดี ซึ่ง
พบ ํามีแน ทาง าคัญๆ กลํา คือ การจัดการประเพณีแ ํต๎น
ดอกไม๎ของชุมชนอาฮี จะชํ ยใ ช๎ ุมชนท๎องถนิ่ ามารถเช่ือมโยงและ
ตอบ นองกับชุมชนภายนอกได๎ดีย่ิงข้ึน การ ํงเ ริม นับ นุนใ ๎
ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎เป็นทรัพยากรทางการทํองเที่ย ไมํเพียงแตํ
จะทาใ ๎ ร๎างค าม ัมพันธ์ท่ีดีเกิดขึ้นภายในชุมชนเทําน้ัน แตํยัง
เป็นการชํ ยทาใ ๎ชุมชนท๎องถิ่น ามารถปรับตั ได๎ โดยมีค าม
อดคล๎องกับกระแ การพัฒนาประเท โดยใช๎ทุนทาง ัฒนธรรม
นามา ร๎าง “มูลคําทางเ ร ฐกิจ” เพ่ือกํอใ ๎เกิดค ามเข๎มแข็งใ ๎
เกิดขึ้นแกํชุมชน การใช๎ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎จึงเ มือนเป็นการ

ประเพ~ณ11ีแ77ห88ต่ น้ ~ดอกไม้

ร๎างกลยุทธ์ของชุมชนท๎องถ่ินในการตอบ นองตํอ ภาพแ ดล๎อม
และการเปล่ยี นแปลงทาง งั คมที่เร่ิมมีค ามนิยมในการเดินทางเพื่อ
การทอํ งเทย่ี ทเ่ี พ่ิมมากขึ้น

บทบาทของประเพณีแ ่ต้นดอกไม้ในฐานะทรัพยากรการ
ท่องเท่ีย เชิง ัฒนธรรมกับการลดค ามยากจนในชุมชนและ
ร้างประโยชน์ทางเ ร ฐกิจ

การ ร๎าง รรค์ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ใ ๎เป็นแ ลํง
ทํองเท่ีย ทาง ัฒนธรรมของชุมชนอาจเป็น ํ น น่ึงในการชํ ยลด
ค ามยากจนของคนในชุมชนได๎ รือ ามารถ ร๎างประโยชน์ในเชิง
การพัฒนาเ ร ฐกิจของชุมชนใ ๎แกํคนในชุมชนด๎านตํางๆ อาทิ
การจ๎างงานในชุมชนและทาใ ๎คนในชุมชนมีรายได๎จากคําจ๎างที่
เพิ่มข้ึน อีกทั้งยังเป็นการเพ่ิมโอกา ใ ๎ชุมชนท๎องถิ่นได๎เข๎ามา
จัดการตนเอง รือพัฒนานโยบายและเ นอแน ทางการพัฒนา
ชุมชนได๎อีกประการ นึ่ง มีการกํอใ ๎เกิดอาชีพกํอใ ๎เกิดรายได๎
ในชํ งดาเนินกิจกรรมการทํองเที่ย ชุมชน เชํน มีการจา นําย
ินค๎าเคร่ืองมือเครื่องไม๎ รือการ ําจ๎างผ๎ูมีฝีมืองานชํางตํางๆ ใน
ท๎องถิ่น โดยนัยนี้การ ร๎าง รรค์ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในชุมชนจึง
มี ํ นในการลดปญั าค ามยากจนและกํอใ ๎เกิดรายได๎แกํชุมชนได๎
เชํนกัน

~ 117799 ~

บทบาทและความสาคญั ท่ีมตี ่อสังคมและวัฒนธรรม
1) ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในฐานะแ ลํงทํองเท่ีย ทาง

ัฒนธรรมมี ํ นในการ ํงเ ริมค าม ัมพันธ์ กํอใ ๎เกิด ันติภาพ
ค ามเป็นมิตรไมตรี และค ามเข๎าใจอันดีระ ํางเจ๎าของและผู๎มา
เยอื น และ รา๎ งค าม มัคร มาน ามัคคีของคนในชุมชนท๎องถิ่น มี
การเดินทางไปมา า ํูกนั พบปะทางานรํ มกนั

2) ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในฐานะแ ลํงทํองเท่ีย ทาง
ัฒนธรรม ชํ ยใ ๎บรรยากา และ ภาพแ ดล๎อมของชุมชนท๎องถ่ิน
ดีขึ้น กลํา คือ ด๎ ยเ ตุที่ต๎องการอนุรัก ์และบารุงรัก า
ภาพแ ดล๎อมและบรรยากา ของชุมชนท๎องถ่ินเอาไ ๎ ตลอดจน
พยายามที่จะอนุรัก ์รัก า ภาพแ ดล๎อมธรรมชาติภายในชุมชน
ด๎ ย กลํา คือ เนื่องจากประเพณีนี้มีการจัดเก็บดอกไม๎พ้ืนบ๎านท่ี
ปลูกไ ๎ใน มํูบ๎านนา ร๎าง รรค์เป็นต๎นดอกไม๎เป็น ลัก ไมํนิยมซื้อ
ดอกไม๎ตํางถ่ินตํางท่ีและตํางพันธ์ุมาใช๎ในงานประเพณี ดังนั้น
ชา บ๎านจึงพยายามท่ีจะยังคงปลูกไม๎ดอกพื้นเมืองในชุมชนท๎องถ่ิน
ของตน และอนรุ กั แ์ ละบารงุ รกั าไ เ๎ ป็นอยํางดี

3) ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในฐานะแ ลํงทํองเท่ีย เชิง
ัฒนธรรม ชํ ย ํงเ ริมใ ๎ประชาชนเ ็นค าม าคัญของ
ลิ ป ฒั นธรรมประเพณีของตน ชํ ยกนั อนุรัก ์และรัก าค ามเป็น
เอกลัก ณ์ของชุมชนท๎องถิ่นเอาไ ๎ เชํน ค ามเป็นชุมชนที่มีน้าจิต
น้าใจท่ีดีงาม มีมิตรไมตรีตํอผู๎มาเยือน การจัดเท กาลประเพณีใน

ประเพ~ณ11แี 88ห00ต่ ้น~ดอกไม้

เชงิ อนุรัก ์ และตระ นักถึงคุณคําของประเพณี ัฒนธรรมที่เป็น ิ่ง
ที่ ืบทอดกันมาตั้งแตํคร้ันบรรพชน เ ลํานี้จึงเป็น ่ิงท่ี ร๎าง
แรงจูงใจใ น๎ กั ทํองเทยี่ เดินทางกลับมาเย่ียมเยอื นในอีก ลายคร้ัง

บทบาทของประเพณีแห่ต้นดอกไม้ท่ีมีต่อการพัฒนาแหล่ง
ท่องเทีย่ วของชุมชน

จากการ ึก าค๎นค ๎าพบบทบาทของประเพณีแ ํต๎น
ดอกไม๎ในฐานะท่ีเป็นแ ลํงทรัพยากรทางการทํองเท่ีย ของชุมชน
อาฮี บทบาทของประเพณีท่ีมีตํอการพัฒนาแ ลํงทํองเที่ย ชุมชนมี
ดังน้ี

1. ดา้ นพนื้ ท่แี หล่งท่องเทยี่ ว
มีการเพ่ิมการดูแลค าม ะอาดและบารุงรัก าแ ลํง
ทํองเทย่ี และ ภาพแ ดล๎อมของชุมชน โดยมกี ารแบํง น๎าท่ีใ ๎ผู๎นา
ชุมชนเป็นผู๎กระจายค ามรับผิดชอบ อีกทั้งยังมีการพยายาม
ปรับปรุง ภาพภูมิทั น์ของชุมชนท๎องถ่ิน โดยมีการปลูกต๎นไม๎ที่
ออกดอกเป็น ัญลัก ณ์ าคัญของงาน เชํน ดอกลีลา ดี รือดอก
จาปาลา ในพื้นท่ีของชุมชนเพิ่มมากขึ้น ร มทั้งต๎นไม๎ที่ออกดอก
ชนิดอื่นๆ ซ่ึงกํอใ ๎เกิดค าม ยงามในชุมชน ไมํ ําจะเป็นดอก
ดา เรอื ง ดอกเฟืองฟูา ดอกพุด ดอกคนู เป็นต๎น นอกจากน้ียังมีการ
จัด ภาพแ ดล๎อมและ ภาพอาคารบ๎านเรือนใ ๎มีลัก ณะเป็น
เอกลัก ณ์ท่ีเป็นชุมชนชนบท มีการ ร๎าง รรค์แ ลํงทํองเท่ีย

~ 118811 ~

ภายในพื้นท่ีชุมชนเพ่ือใช๎เป็นแ ลํงเรียนร๎ู ัฒนธรรมของชุมชน
เพิ่มขึ้น เชํน ัด ิริมงคล ล งปูุนาคมุจลินท์ รือพระธาตุมะนา
เดีย่ ตน๎ ไมล๎ อด เมืองเกําบา๎ นเมืองตูม จุดชม ิ ริมน้าเ ือง ชม ิ ภู
ผกั าน เปน็ ตน๎

2. ดา้ นการจดั การแหล่งทอ่ งเที่ยว
ผู๎มี ํ นเก่ีย ข๎องในการดาเนินกิจกรรมประเพณีแ ํต๎น
ดอกไม๎ในชุมชนอาฮี มีการ างแผน นโยบายเพ่ือพัฒนาการ
ทํองเทยี่ อยํางจริงจงั เพอ่ื พัฒนาใ ๎เป็น ิถีชี ิต ัฒนธรรมของชุมชน
ใ ๎แกํประชาชนในท๎องถ่ิน นอกจากน้ีการจัดกิจกรรมประเพณีแ ํ
ต๎นดอกไม๎ยังทาใ ๎ทุกภาค ํ นมี ํ นรํ มในการกา นดทิ ทางใน
การพฒั นาชุมชนในด๎านตํางๆ รํ มกัน จนกํอใ ๎เกิดเป็นยุทธ า ตร์
ด๎านการพัฒนาชุมชนท๎องถ่ินโดยใช๎ทุนทางการทํองเท่ีย ท่ีเป็น
มรดกทางประเพณี ัฒนธรรมของชุมชนเข๎ามา นุนเ ริม การจัด
กิจกรรมประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ยังทาใ ๎ นํ ยงานตํางๆ ท้ังภาครัฐ
และภาคเอกชน ผ๎ูนา มูํบ๎าน ประชาชนในท๎องถ่ินมีการรํ มมือกัน
ในการ นับ นุนและชํ ยเ ลือในการจัดกิจกรรมการทํองเท่ีย เชิง
ประเพณีของชุมชนข้ึนมา มีการ นับ นุนใ ๎คนในชุมชนร มตั กัน
เปิดร๎านจา นํายอา ารและเครื่องด่ืม นาอา ารพ้ืนบ๎านมา
จา นําย มีการร มกลํุมต้ังเป็นกลํุม มูํบ๎านโฮม เตย์เชิง ัฒนธรรม
อาฮีข้ึน เป็นการ ร๎างเครือขํายใ ๎มีท่ีพักภายในชุมชนซ่ึงมี
เอกลัก ณ์แบบ ิถีชี ิตขนบธรรมเนียมของท๎องถ่ินท่ีนํา นใจ

ประเพ~ณ11แี 88ห22่ตน้ ~ดอกไม้

ประเพณีแ ํต๎นดอกไม๎ในฐานะแ ลํงทํองเท่ียวเชิงวัฒนธรรมยังถือ
เป็นการ ร๎างจุดขาย จุดเดํนที่เป็นเอกลัก ณ์ของชุมชนได๎อยําง
เดนํ ชดั

3. ดา้ นการมสี ่วนรว่ มของชุมชน
ประเพณแี ตํ ๎นดอกไม๎ในชุมชนอาฮี มี ํวนในการ นับ นุน
ใ ๎ชุมชนได๎มี ํวนรํวมในการกา นดมาตรฐานการดูแลรัก า
ิ่งแวดล๎อมใ ๎เป็นพ้ืนที่ รือ มํูบ๎านวัฒนธรรมเพ่ือการทํองเท่ียว
โดยชุมช น นอกจากน้ีประเพณีนี้ยังถือเป็นการเป็นการ
ประชา ัมพันธ์แ ลํงทํองเที่ยวและขนบธรรมเนียมประเพณีของ
ชุมชนท่ีมีเอกลัก ณ์ใ ๎ผู๎คนภายนอกที่เป็นนักทํองเที่ยวได๎ร๎ูจัก
เพิ่มขน้ึ

~ 118833 ~

บรรณานกุ รม

กิแดง พอนกะเ ม ุก. (2539). “งานบุญปใี มลํ า ”
นา๎ 127-130. ใน ทรง ักด์ิ ปรางค์ ฒั นากุล
(บรรณาธิการ). (2539). งกรานตใ์ น 5 ประเทศ:
การเปรยี บเทียบทางวัฒนธรรม. เชยี งใ มํ:
านกั ํงเ ริม ิลป ัฒนธรรม ม า ทิ ยาลัยเชียงใ มํ
รํ มกับ กรม ารนเิ ท กระทร งการตาํ งประเท .

คาผยุ พลิ า ง ์. (2011). วัฒนธรรมและประเพณีโบราณลาว.
เ ียงจันทน์: านักพมิ พแ์ ง ุ ัน. (เอก ารภา าลา ).

จ. เปรยี ญ. (ม.ป.ป). ประเพณีพิธมี งคลไทยอี าน. กรงุ เทพฯ:
อาน ย า ์น.

จุลจอมเกล๎าเจา๎ อยูํ ั , พระบาท มเดจ็ พระ. (2556). พระราชพธิ ี
ิบ องเดอื น พระราชนิพนธ์ในพระบาท มเดจ็
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ ัว. กรุงเทพฯ: แ งดา .

โจ เซยี่ นเทียน. (2555). เปดิ ตานานเทศกาลจนี . แปลโดย
ถา ร ิงขโก ล. กรงุ เทพฯ: มตชิ น.

เชดิ เกยี รติ กลุ บุตร. (2558). เร่ืองเล่าชาวนาออ้ พัฒนาการทาง
ประวัติศา ตรท์ อ้ งถนิ่ ของชมุ ชนนาออ้ และวถิ ีวัฒนธรรม
ชมุ ชนนาอ้อ. เลย: องคก์ ารบริ ารการพฒั นาพ้ืนท่ีพเิ

ประเพ~ณ11แี 88ห44่ต้น~ดอกไม้

เพอื่ การทอํ งเทยี่ อยาํ งย่งั ยืน (องค์การม าชน)
านกั งานพน้ื ทพ่ี เิ เลย.
เติม ิภาคย์พจนกิจ. (2557). ประ ตั ิ า ตรอ์ ี าน. พมิ พ์คร้งั ที่ 5.
กรงุ เทพฯ: านักพิมพม์ า ิทยาลยั ธรรม า ตร์.
ทรง กั ดิ์ ปรางค์ ัฒนากลุ (บรรณาธกิ าร). (2539). งกรานตใ์ น 5
ประเท : การเปรยี บเทียบทาง ฒั นธรรม.
เชียงใ มํ: านัก ํงเ ริม ลิ ป ัฒนธรรม
ม า ทิ ยาลัยเชยี งใ มํ รํ มกบั กรม ารนเิ ท
กระทร งการตํางประเท .
ทั นี ฑิ ธู รี านต์. (2549). การพัฒนาคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์ นอ่ ไม้ตม้
บรรจุถงุ ของกลมุ่ อาชพี บ้านอาฮี อาเภอทา่ ล่ี จงั ัดเลย.
เลย: ทุน นับ นุนจากเครอื ขาํ ยบริ ารการ ิจยั และ
ถํายทอดเทคโนโลยี ํูชมุ ชน ภาคตะ นั ออกเฉียงเ นอื
ม า ทิ ยาลัยราชภัฏเลย.
ไทยโรจน์ พ งมณี. (2554). การ กึ าอตั ลัก ณป์ ระเพณผี ตี าโขน
ประเพณผี ขี นนา้ และประเพณีแ ต่ ้นดอกไม้:
การออกแบบ รา้ ง รรคช์ ุดการแ ดง า รับการนาเ นอ
ภาพลกั ณ์การทอ่ งเที่ย จงั ัดเลย. เลย: โครงการ ิจยั
ทนุ นบั นุนการ จิ ัยจากกรม งํ เ ริม ัฒนธรรม
กระทร ง ัฒนธรรม.

~ 118855 ~

ธรี ะ ฒั น์ แ นคา. (2560). “ชมุ ชนโบราณบา๎ นอาฮี: พัฒนาการทาง
ประ ตั ิ า ตร์ท๎องถน่ิ ของชมุ ชนโบราณในลมุํ แมนํ ้าเ ือง”,
าร ารพนื้ ถิ่นโขง ชี มลู . ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-
มิถนุ ายน 2560): 85-118.

บญุ รี ตาแก๎ . (ม.ป.ป). ประเพณอี ี าน ฉบับ .ธรรมภักด.ี
กรงุ เทพฯ: .ธรรมภักด.ี

บุนมี เทบ เี มอื ง. (2553). ค ามเปน็ มาของชนชาติลา การตั้ง
ถ่นิ ฐานและ ถาปนาอาณาจกั ร เล่ม 1. แปลโดย ไผท ภูธา.
กรุงเทพฯ: ุขภาพใจ.

ปรีชา พิณทอง. (2540). ประเพณีโบราณไทยอี าน. อบุ ลราชธานี:
ริ ธิ รรมออฟเซ็ท.

เพชรราช รัตนะ ง า, เจา๎ . (2011). โ รา า ตรล์ า ภาคตน้ .
เ ยี งจันทน์: านักพมิ พ์ดอกเกด. (เอก ารภา าลา ).

ราไพ กาแก๎ . (2542). ประเพณี งกรานต์ แ ต่ น้ ดอกไม้
ข้า พนั ก้อน. เลย: เอก ารอดั าเนา.

ิลปากร, กรม. (2552). นามานุกรมขนบประเพณไี ทย
ม ดประเพณรี า ฎร์ เล่ม 3 (คติค ามเช่อื ).
กรงุ เทพฯ: กรม ิลปากร.

. ธรรมภกั ด.ี (2529). พุทธทานายจากพระโอ ฐ์และพระปฐม
มโพธิ์ ภาคอี านฉบบั มบูรณ์. กรงุ เทพฯ:
านกั พมิ พ์ . ธรรมภกั ด.ี

ประเพ~ณ11แี 88ห66่ตน้ ~ดอกไม้

าลดิ บั ี ะ ดั . (2002). ฮตี คองประเพณีลาว. เ ียงจันทน์:
มลู นธิ ิโตโยตา๎ แ งํ ประเท ญปี่ นุ . (เอก ารภา าลา ).

าลี รกั ุทธี. (2555). ืบ านตานานงานบญุ ประเพณีอี าน.
กรุงเทพฯ: พ. .พฒั นา.

าร าระทั นานันท์. (2542). “บุญแ ดํ อกไม”๎ . ารานุกรม
วฒั นธรรมไทย ภาคอี าน เล่ม 15. กรงุ เทพฯ:
มูลนิธิ ารานกุ รม ฒั นธรรมไทย
ธนาคารไทยพาณชิ ย์ จากดั .

พุ จน์ พร มมาโนช. (2530). “เร่อื งรา กํอนประ ตั ิ า ตร์จงั ดั
เลย: ลักฐานจากเครื่องมือ นิ ”, น๎า 1-16. ใน
โบราณคดี ประวัติศา ตรแ์ ละวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน จงั วดั
เลย. เลย: เอก ารประกอบการประชุม มั มนาทาง ิชาการ
ณ ูนย์ ฒั นธรรมจัง ัดเลย ทิ ยาลยั ครเู ลย
ันท่ี 22-24 ธัน าคม 2530.

องค์ บรรจุน. (2560). “จาปามอญ จาปาขอม จาปาลา กับล่ันทม
ยามและลีลา ดี”, ศิลปวฒั นธรรม. ปที ่ี 38 ฉบบั ท่ี
(มกราคม 2560): 34-43.

พมิ พท์ ี่ : หจก.โรงพมิ พค์ ลังนานาวทิ ยา 232/199 ถ.ศรีจันทร์ ต.ในเมอื ง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
Tel. 043-466444 Fax. 043-466863 E-mail : [email protected] 2560 รหัส 08


Click to View FlipBook Version