The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Move It ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-11-06 00:03:06

Move It 1

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Move It ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 244 3. Irregular Verb หรือกริยาไม่ปกติ คือกริยาที่เมื่อทำเป็นรูปอดีตหรือกริยาช่องที่ 2 จะไม่มีการ เติม ed แต่จะมีการเปลี่ยนรูป การเปลี่ยนรูปมี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 3.1 Irregular Verb ที่มี Past tense (กริยาช่องที่ 2) และ Past participle (กริยาช่องที่ 3) เหมือนกัน เช่น tell told told = บอก find found found = ค้นหา 3.2 Irregular verb ที่แตกต่างกันทั้งสามช่อง เช่น speak spoke spoke = พูด take took taken = นำไป, เอาไป 3.3 Irregular verb ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือเหมือนกันทั้งสามช่อง เช่น put put put = วาง shut shut shut = ปิด ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวกับ Regular and Irregular Verbs บน PowerPoint พร้อม ช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ Part I : 1 - 10 Regular Verbs in Past Simple Instructions : Complete the sentence with the correct form of the verb in parentheses. 1. The car………………….……(stop) in the middle of the street. 2. My father………………….……(fix) the TV. 3. The children………………….……(visit) the museum. 4. Helen………………….……(wash) her hair with a new shampoo. 5. My friends………………….……(notice) my new dress. 6. My mother………………….……(guide) me. 7. The criminal………………….……(confess) the murder. 8. They………………….……(offer) me a new CD. 9. Yesterday I………………….……(wait) for you for an hour. 10. A friend of mine………………….……(receive) a weird e-mail. Part II : 11 - 20 Irregular Verbs in Past Simple Instructions : Complete the sentence with the correct form of the verb in parentheses. 11. She………………….……(bring) some chocolates to the party. 12. I………………….……(hear) a new song on the radio. 13. I………………….……(read) three books last week. 14. They………………….……(speak) French to the waitress. 15. He………………….……(understand) during the class, but now he doesn’t understand. 16. I………………….……(forget) to buy some milk.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 245 17. He………………….……(teach) English at the University. 18. You………………….……(lose) your keys last week. 19. They………………….……(swim) 500m. 20. I………………….……(give) my mother a CD for Christmas. Answer Key : 1. stopped 2. fixed 3. Visited 4. Washed 5. noticed 6. guided 7. confessed 8. offered 9. waited 10. Received 11. brought 12. heard 13. read 14. spoke 15. understood 16. forgot 17. taught 18. lost 19. swam 20. gave 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบที่นักเรียนช่วยกันตอบว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบว่ามี ประโยคใดที่นักเรียนตอบไม่ถูกต้อง นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบาย เพิ่มเติม 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Regular and Irregular Verbs โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • My baby brother damaged the TV. • My family planed a trip to the UK. • Mr. Harris carried the heavy boxes to the attic. • I talked to John on the phone. • Last weekend I danced with Jim. • Karen and Sara played computer games. • The students described their last holidays. • Tom collected stamps when he was ten. • The baby clapped his hands with satisfaction. • A friend of mine received a weird e-mail. • At the age of 23, she became a teacher. • I knew the answer yesterday. • Peter told me that he lived in New York. • We lent John €200. • She drank too much coffee yesterday. • The children slept in the car. • He kept his promise. • We chose the steak for dinner. • The film began late. • They flew to Madrid.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 246 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง Regular and Irregular Verbs ชั่วโมงที่ 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูข้อมูล บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Past Simple Tense 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น 1.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปเกี่ยวกับ Regular and Irregular Verb 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ จาก https://www.youtube.com/watch?v=lYgYVyYtCxw 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Simple Past Tense จากhttps://www.youtube.com/watch?v =wQO1UcvZraM 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป อดีตกาล / กฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ จาก https://www.youtube.com/ watch?v=0Ri3QTT41f8 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 247 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Past Simple Tense เราใช้ Past Simple Tense กับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและจบสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้ว สังเกตง่าย ๆ ว่ามักจะมีการระบุช่วงเวลาไว้ด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และใช้กริยาช่อง 2 โดยมีโครงสร้างดังนี้ • I went to the theme park yesterday. • She didn’t come to Thailand last year. • Did you see Jane at the bank last hour? คำกริยาส่วนใหญ่เมื่อเป็น Past Simple Tense มีรูปที่ลงท้ายคำด้วย –ed (regular verb หรือ คำกริยารูปปกติ) เช่น • We invited them to our party, but they decided not to come. • The police stopped me on my home last night. • She passed her examination because she studied very hard. ตัวอย่างคำกริยาที่มีรูปลงท้ายคำด้วย -ed The infinitive The simple past live lived start started visit visited play played watch watched phone phoned marry married แต่มีคำกริยาหลายคำที่เรียกว่าเป็น irregular verb (คำกริยารูปไม่ปกติ) คำกริยาประเภทนี้ไม่ใช้ รูปที่ลงท้ายด้วย –ed เมื่อเป็น Past Simple Tense ดังตัวอย่าง • Mozart wrote more than 600 pieced of music. • We saw David in town a few days ago. • I went to the cinema three times last week. • It was cold, so I shut the window. ตัวอย่างคำกริยาที่มีการเปลี่ยนรูป The infinitive The simple past be was / were write wrote come came do did meet met speak spoke go went


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 248 รูปประโยคบอกเล่าของ Past Simple Tense I, you, he, she, it, we, they played. wrote. did. ตัวอย่างประโยค • I played tennis with my friends yesterday. • I finished lunch and I did my homework. รูปประโยคปฏิเสธของ Past Simple Tense I, you, he, she, it, we, they did not / didn’t play. write. do. ตัวอย่างประโยค • I didn’t like the food last Sunday. • He didn’t enjoy the film much. รูปประโยคคำถามของ Past Simple Tense Did I, you, he, she, it, we, they play? write? do? ตัวอย่างประโยค • Did you play basketball yesterday? • Did he do the homework? Past tense ของ be (am / is / are) คือ was / were ตัวอย่างเช่น รูปประโยคบอกเล่าและปฏิเสธของ be (am / is / are) I / He / She / It was / wasn’t We / You / They were / weren’t รูปประโยคคำถาม Was I / he / she / it? Were we / you / they? จะสังเกตว่าจะไม่ใช้did ในประโยคปฏิเสธและคำถามพร้อมกับ was / were เช่น • I was angry because they were late. • They weren’t able to come because they were so busy. • Was the weather good when you were on holiday?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 249 ใช้ “used to” บอกการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว • I used to play tennis a lot but I don’t play very often now. • Tanya used to travel a lot. These days she doesn’t go away so often. • Do you go to the cinema very often? Not now, but I used to. “I used to do something” เป็น past ไม่มีรูป present ดังนั้นเราจะพูดว่า “I use to do something” ไม่ได้ เปรียบเทียบรูป past และ present ต่อไปนี้ Past He used to smoke We used to live There used to be Present He smokes We live There is ประโยคคำถามใช้รูป did (you) use to…? เช่น • Did you use to eat a lot of sweets when you were a child? ประโยคปฏิเสธใช้รูป didn’t use to… หรือ used not to… เช่น • I didn’t use to like him. หรือ I used not to like him. ชั่วโมงที่ 6 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Simple Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Past Simple Tense โดยไม่ซ้ำกัน • I walked to school yesterday. เมื่อวานนี้ฉันเดินไปโรงเรียน • William lived in Bangkok for ten years, but now he lives in Chiang Mai. วิลเลียมอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ • Emma bought a new car three years ago. เอ็มม่าซื้อรถใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว • I saw Olivia at the bank yesterday. ฉันพบโอลิเวียที่ธนาคารเมื่อวาน • I went to Lucas’s party last night. ฉันไปงานเลี้ยงของลูคัสคืนที่แล้ว • We studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว • He bought a radio last month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว • She came to my house last year. หล่อนมาบ้านฉันปีที่แล้ว • It rained two days ago. ฝนตกสองวันที่แล้ว


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 250 • They ate dinner two hours ago. พวกเขากินอาหารเย็นสองชั่วโมงที่แล้ว • The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว • We had two cups of coffee this morning. พวกเราดื่มกาแฟสองถ้วยเมื่อเช้านี้ • We did not study English last Friday. พวกเราไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษศุกร์ที่แล้ว • He did not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว • She didn’t come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้ว • Lily : Did you see Victoria at the bank yesterday? ลิลี่ : คุณได้พบวิคตอเรียที่ธนาคารเมื่อวานไหม Hannah : Yes, I did. ฮันน่าห์ : ใช่ ฉันได้พบ • Ethan : Did you go to Logan’s party last night? อีธาน : คุณได้ไปงานเลี้ยงของโลแกนคืนที่แล้วไหม Daniel : No, I didn’t. แดเนียล : ไม่ ฉันไม่ได้ไป • Sebastian : Did they study math last Friday? เซบาสเตียน : พวกเราได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วไหม Natalie : Yes, they did. นาตาเลีย : ใช่ พวกเขาเรียน 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Simple Tense โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • I met my girlfriend in 2019. ผมเจอกับแฟนของผมปี 2019 • We got home very late last night. เรากลับบ้านดึกมากเลยเมื่อคืน • We went to London for our holiday. เราไปลอนดอนในช่วงวันหยุด • When I was young, I loved eating snacks. ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันชอบกินขนมมาก • I first met my wife a long time ago. ฉันเจอกับภรรยาของฉันครั้งแรกเมื่อนานมากแล้ว


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 251 • The rain stopped an hour ago. ฝนหยุดตกเมื่อชั่วโมงที่แล้ว • He went to the shopping mall last week. เขาไปห้างเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว • How was the film? หนังเป็นยังไงบ้าง • Where were you last night? เมื่อคืนคุณอยู่ที่ไหน • Jackson always went to school late last year. แจ็คสันไปโรงเรียนสายตลอดเลยเมื่อปีที่แล้ว • I usually ate candy when I was young. ฉันมักจะกินลูกอมเมื่อตอนเป็นเด็ก • Violet normally ate dinner with her family when she was young. ปกติแล้วไวโอเล็ตจะทานอาหารเย็นกับครอบครัวเมื่อเธอยังเด็ก • I was often called Lucy when I was in London. ฉันมักจะถูกเรียกว่าลูซี่ตอนที่ฉันอยู่ลอนดอน • Owen cleaned his room two weeks ago. โอเว่นทำความสะอาดห้องของเขาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว • My dog died two years ago. หมาฉันตายสองปีที่แล้ว • I was at school yesterday. ฉันอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวาน • They were at home last weekend. พวกเขาอยู่บ้านเมื่อวันอยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว • I didn’t see Matthew at the bank yesterday. ฉันไม่ได้พบแมทธิวที่ธนาคารเมื่อวาน • I didn’t go to Sarah’s party last night. ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงของซาร่าห์คืนที่แล้ว • David : Did you go to the party last night? เดวิด : เมื่อคืนคุณไปงานปาร์ตี้ใช่ไหม Joseph : Yes. It was the great party. I saw Wyatt and Dylan. I drank a lot of cola and ate lots of pizza. โจเซฟ : ใช่ มันเป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยม ฉันเห็นไวแอตต์และดีแลน ฉันดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก และฉันกินพิซซ่าเยอะมาก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 252 • Julian : Didn’t he not buy a radio last month? จูเลียน : เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้วใช่ไหม Christopher : Yes, he did. คริสโตเฟอร์ : ใช่ เขาซื้อ • Gianna : Didn’t she come to my house last year? จีอันน่า : หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้วใช่ไหม Ivy : No, she didn’t. ไอวี่ : ไม่หล่อนไม่ได้มา 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Past Simple Tense 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Past Simple Tense 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 1.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Past Simple Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 253 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 254 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Travel แผนการจัดการเรียนรู้ที่17 เรื่อง Past Simple Tense(Revision) รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลือก / ระบุประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ที่อ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา นิทานและเรื่องสั้น ต 2.2 ม.1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการตีความ / ถ่ายโอนข้อมูลให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัวและโรงเรียน - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ ในความเหมือน /ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พูดออกเสียง ed ในบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้นหรือเรื่องจากสื่อประเภทต่าง ๆ และเขียนประโยค หรือข้อความ และเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน โดยใช้ Past Simple Tense ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 255 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - เขียนประโยคหรือข้อความ และเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน พูดบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้นหรือ เรื่องจากสื่อประเภทต่าง ๆ โดยใช้ Past Simple Tense และความเหมือน / ความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ed ในประโยค Past Simple Tense ได้มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ใน การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - เขียนประโยคหรือข้อความ และเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน พูดบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น หรือเรื่องจากสื่อประเภทต่าง ๆ โดยใช้ Past Simple Tense และความเหมือน / ความแตกต่างระหว่างการออก เสียง ed ในประโยค Past Simple Tense ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 8 : Travel 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 8 : Travel 3. การใช้Past Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 256 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPast Simple Tense (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Past Simple Tense (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Past Simple Tense โดยดูข้อมูลบน PowerPoint และร่วมกันแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับ Past Simple Tense


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 257 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อศึกษาและค้นคว้าข้อมูลร่วมกันภายในกลุ่มจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่นห้องสมุดหรือ Internet โดยแบ่งเนื้อหาเพื่อศึกษาค้นคว้าและการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ • กลุ่มที่ 1 Past Simple Form - Positive and Negative Sentences • กลุ่มที่ 2 Adverb of time for Past Simple Tense, Regular and Irregular Verbs • กลุ่มที่ 3 Past Simple Tense “to be”- was / were • กลุ่มที่ 4 Yes / No questions and Information Questions with the past simple ชั่วโมงที่ 2 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจเรื่อง รูปแบบ Past Simple Tense โดย ยกตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น Adverb of time for Past Simple Tense • They played volleyball last week. พวกเขาเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว • The boy got up at six o’clock yesterday. เด็กผู้ชายตื่นนอนตอนหกโมงเย็นเมื่อวานนี้ Positive Sentences : Regular Verbs • The train arrived at 8 o’clock this morning. รถไฟมาถึงเวลา 8 โมงเช้าของวันนี้ • It rained two days ago. ฝนตกเมื่อ 2 วันที่แล้ว


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 258 Positive Sentences : Irregular Verbs • We had two cups of coffee this morning. เมื่อเช้านี้พวกเราดื่มกาแฟ 2 แก้ว • Olivia went to the hospital twice yesterday. โอลิเวียไปโรงพยาบาลสองครั้งเมื่อวานนี้ Negative Sentences • You didn’t cook dinner for me last week. คุณไม่ได้ทำอาหารเย็นให้ฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • Noah didn’t go on holiday last year. ปีที่แล้วโนอาห์ไม่ได้ไปพักผ่อนในวันหยุด Past Simple Tense “to be”- was / were • The weather was fine yesterday. เมื่อวานอากาศดี • They were at home last weekend. พวกเขาอยู่ที่บ้านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Yes / No questions with the past simple • Did you always take the bus to school? คุณนั่งรถบัสไปโรงเรียนเป็นประจำใช่ไหม • Did Oliver like the movie? โอลิเวอร์ชอบภาพยนตร์ใช่ไหม Information Questions with the past simple • How long did it take you to come here? คุณใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อมาที่นี่ • Where did you go on vacation last year? คุณไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ไหนเมื่อปีที่แล้ว 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจำนวน 4 กลุ่ม นำเสนอข้อมูลที่ได้ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลร่วมกันจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่นห้องสมุดหรือ Internet บริเวณหน้าชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 Past Simple Form - Positive and Negative Sentences Past Simple Tense หรือทีบางครั้งแรกว่า อดีตกาล ใช้เพื่อบอกให้ทราบถึงสิ่งที่เกิดและเสร็จสิ้น ไปแล้วในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ในภาษาอังกฤษ Past Simple Tense เป็นรูปพื้นฐานของ tense ที่ใช้บอกอดีต (past tense) โดยเวลาของสิ่งที่ถูกพูดถึงเกิดขึ้นนั้นอาจจะพึ่งเกิดและเสร็จสิ้นไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ หรือเกิดและเสร็จสิ้น ไปนานแล้วก็ได้โดยมีรูปแบบดังนี้ Positive Sentences ประโยคบอกเล่า ประโยคบอกเล่าใน Past Simple Tense คือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 กับประธานทุกตัว


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 259 • I saw a movie last week. ฉันดูหนังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • We gave her a doll for her birthday. พวกเรามอบตุ๊กตาให้กับเธอในวันเกิดของเธอ • Michael played football yesterday. ไมเคิลเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ • He travelled to Italy last month. เขาไปเที่ยวอิตาลีเมื่อเดือนที่แล้ว Negative Sentences ประโยคปฏิเสธ ประโยคปฏิเสธใน Past Simple Tense ให้เอา did not หรือ didn’t นำหน้ากริยาหลัก และ กริยาหลักให้เปลี่ยนเป็น ช่องที่1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es • I didn’t know what happened on Monday. ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันจันทร์ • We didn’t do our exercises this morning. เช้านี้พวกเราไม่ได้ออกกำลังกาย • Sofia didn’t arrive on time this morning. โซเฟียไม่ได้มาถึงตรงเวลาเมื่อเช้านี้ • My family didn’t have time to visit the Eiffel Tower. ครอบครัวของฉันไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมหอไอเฟล • Sebastian didn’t want to play basketball. เซบาสเตียนไม่อยากเล่นฟุตบอล • The homeless didn’t have any money. คนไร้บ้านไม่มีเงิน กลุ่มที่ 2 Adverb of time for Past Simple Tense, Regular and Irregular Verbs Adverb of time for Past Simple Tense คือคำวิเศษณ์ที่บอกเวลาในอดีต ประกอบไปด้วย 1. yesterday (เมื่อวานนี้) the day before yesterday (เมื่อวานซืนนี้) this morning (เมื่อเช้านี้) 2. คำที่ขึ้นต้นด้วย “last” เช่น last night ( เมื่อคืนที่แล้ว) last week (สัปดาห์ที่แล้ว) last month (เดือนที่แล้ว) last Saturday (วันเสาร์ที่แล้ว) last January (เดือนมกราคมที่แล้ว)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 260 3. คำที่ลงท้ายด้วย “ago” เช่น a month ago (เมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้ว) two years ago (สอง เดือนที่ผ่านมาแล้ว) five hours ago (ห้าชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว) six weeks ago (หกสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว) a moment ago (เมื่อสักครู่นี้) 4. เวลาซึ่งเป็นปี ค.ศ. ในอดีต ขึ้นต้นด้วย “in” เช่น in 1999 คำเหล่านี้มักจะวางไว้ท้ายประโยค หรืออาจวางไว้หน้าประโยคก็ได้ เช่น • I washed my car two weeks ago. หรือ Two weeks ago, I washed my car . ฉันล้างรถเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว • She went to Korea last month. หรือ Last month, She went to Korea. หล่อนไปเกาหลีเมื่อเดือนที่แล้ว หลักการใช้ ใช้คำหรือวลีที่บอกเวลาในอดีตกำกับเพื่อใช้อธิบายเหตุการณ์นั้น ๆ ว่าที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุด แล้ว เช่น • I saw you yesterday. ฉันเห็นคุณเมื่อวานนี้ ประธาน = I กริยา = saw คำหรือวลีที่บอกเวลา = yesterday • He worked in Paris last year. เขาทำงานที่ปารีสเมื่อปีที่แล้ว ประธาน = He กริยา = worked คำหรือวลีที่บอกเวลา = last year Regular and Irregular Verbs Regular Verb (กริยาปกติ) หมายถึง กริยาที่ผันเป็นรูปอดีต (past) ช่อง 2 โดยการเติม -ed ข้างท้าย และ ยังมีหลักการการเติม -ed ดังนี้ 1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น love - loved = รัก move - moved = เคลื่อน hope - hoped = หวัง 2. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -ed เช่น cry - cried = ร้องไห้ try - tried = พยายาม marry - married = แต่งงาน ** ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติม -ed ได้เลย เช่น play - played = เล่น stay - stayed = พัก, อาศัย enjoy - enjoyed = สนุก obey - obeyed = เชื่อฟัง 3. กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม -ed เช่น plan - planned = วางแผน stop - stopped = หยุด


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 261 beg - begged = ขอร้อง 4. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วย พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม -ed เช่น concur - concurred = ตกลง,เห็นด้วย occur - occurred = เกิดขึ้น refer - referred = อ้างถึง permit - permitted = อนุญาต ** ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น cover - covered = ปกคลุม open - opened = เปิด 5. นอกจากกฎที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม -ed ได้เลย เช่น walk - walked = เดิน start - started = เริ่ม worked - worked = ทำงาน ตัวอย่างปะโยค • Cameron stayed at home last night. He didn’t go out with his friend. • เมื่อคืนที่แล้วคาเมรอนอยู่บ้าน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนของเขา • I worked from 7 a.m. to 7 p.m. yesterday. I’m really tired today. • ฉันทำงานตั้งแต่ 07.00 น. (7 โมงเช้า) ถึง 19.00 น. (1 ทุ่ม) เมื่อวานนี้ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก • You studied a lot for the exam and deserved to get a good mark. • คุณเรียนมามากเพื่อสอบและสมควรได้รับคะแนนดี • They waited an hour for the train and eventually decided to take a bus. • พวกเขารอรถไฟหนึ่งชั่วโมงและตัดสินใจขึ้นรถบัสในที่สุด Irregular Verb (กริยาอปกติ) หมายถึง กริยาที่ไม่เป็นปกติ (Irregular Verb) คือ เมื่อเป็นอดีตแล้ว (Past tense verb) จะไม่เติม -ed หลังคำกริยานั้นแต่จะเปลี่ยนรูปไปเลย โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. Irregular Verbs เมื่อเป็นอดีต (Past tense verb) จะมีลักษณะเหมือนกับกริยาช่อง 1 (Base from of verb) เช่น bet bet = พนัน cut cut = ตัด put put = วาง shut shut = ปิด 2. Irregular Verbs เมื่อเป็นอดีต (Past tense verb) จะมีการเปลี่ยนรูป come came = มา run ran = วิ่ง buy bought = ซื้อ catch caught = จับ, ขึ้นรถ begin began = เริ่มต้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 262 choose chose = เลือก 3. Irregular Verbs บางคำสามารถเป็นได้ทั้ง Regular verbs และ Irregular verbs เช่น burn burnt หรือ burned = เผา, ไหม้ dream dreamt หรือ dreamed = ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน bet bet หรือ betted = พนัน, วางเดิมพัน learn learnt หรือ learned = เรียน, ศึกษา, เล่าเรียน ตัวอย่างปะโยค • Yesterday, I cut wood to build a fire. เมื่อวานฉันตัดไม้มาก่อไฟ • My mother shut all the doors and windows before she goes to bed. แม่ของฉันปิดประตูและหน้าต่างทุกบานก่อนเข้านอน • Xavier paid the laptop in cash last night. เซเวียร์จ่ายเงินสดค่าแล็ปท็อปเมื่อคืนนี้ • Austin spoke Swedish at the conference yesterday. ออสตินพูดภาษาสวีเดนที่งานประชุมเมื่อวานนี้ • I think I burnt / burned my finger. ฉันคิดว่าฉันเผานิ้วของฉัน • The children learnt / learned about squirrels in school yesterday. เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องกระรอกที่โรงเรียนเมื่อวานนี้ • My brother left school when he was 16 but I stayed until I was 18. พี่ชายของฉันออกจากโรงเรียนตอนเขาอายุ 16 ปี แต่ฉันเรียนอยู่จนกระทั่งอายุ 18 ปี • Natalie took off her coat and put it on the chair. นาตาเลียถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้ววางมันบนเก้าอี้ กลุ่มที่ 3 Past Simple Tense “to be”- was / were


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 263 Was และ Were คือ กริยาช่องที่ 2 ของ Verb to be (is, am, are) ใช้เพื่อบอกเล่าที่มีเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีตอย่าง Past Simple Tense Was มาจาก is, am ใช้กับประธานเอกพจน์ รวมทั้ง I ด้วย ประธานเอกพจน์ ได้แก่ I, he, she, it เช่น • I was up late last night เมื่อวานนี้ฉันนอนดึก • He was a student last year. เขา (เคย) เป็นนักเรียนเมื่อปีที่แล้ว Were มาจาก are ใช้กับประธานพหูพจน์ประธานพหูพจน์ ได้แก่ you, we, they เช่น • We were teachers. พวกเราเคยเป็นครู • The students were at museum yesterday. นักเรียนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เมื่อวานนี้ ทั้ง was / were แปลว่า เป็น, อยู่, คือ แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต (Past Tense) Usage Structure Affirmative sentence I, he, she, it + was + object We, you, they + were + object Negative sentence I, he, she, it + was not (wasn’t) + object We, you, they + were not (weren’t) + object Yes / No question Was + I, he, she, it +…? Were + we, you, they +…? Information question Wh-question + was + I, he, she, it? Wh-question + were + we, you, they? Affirmative sentence with was / were การใช้ was / were ในประโยคบอกเล่า • He was a waiter last year but he became a chef last month. เขา (เคย) เป็นบริกรเมื่อปีที่แล้ว แต่เขากลายเป็นหัวหน้าคนครัวเมื่อเดือนที่แล้ว • She was happy because she met you at the party. เธอมีความสุข เพราะเธอได้เจอคุณที่งานปาร์ตี้ • They were at clinic yesterday. They did facial spa treatments all day. พวกเขาอยู่ที่คลินิกเมื่อวานนี้ พวกเขาทำสปาหน้ากันทั้งวัน Negative sentence with was / were การใช้ was/ were ในประโยคปฏิเสธ • He wasn’t a mechanic last month. เขาไม่ (เคย) เป็นช่างยนต์เมื่อเดือนที่แล้ว • She wasn’t exhausted. เธอไม่ (เคย) เหนื่อย • They weren’t at airport yesterday. พวกเขาไม่ได้อยู่ที่สนามบินเมื่อวานนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 264 Yes / No question with was / were การใช้ was / were กับประโยคคำถาม Yes / No • Q : Was she a receptionist last year? ปีก่อนเธอเป็นพนักงานต้อนรับใช่ไหม A : Yes, she was. / No, she wasn’t. ใช่, เธอเคยเป็น / ไม่ใช่, เธอไม่เคยเป็น • Q : Were they at hospital yesterday? พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหมเมื่อวานนี้ A : Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่, พวกเขาอยู่ที่นั่น / ไม่ใช่, พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั้น • Q : Were the demonstrations in the center of town? เมื่อเช้านี้มีการประท้วงที่ใจกลางเมืองใช่ไหม? A : Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่, มีการประท้วง / ไม่ใช่, ไม่มีการประท้วง Information question with was / were การใช้ was / were กับประโยคคำถาม Wh-questions • Q : Who was in your bedroom yesterday? ใครอยู่ในห้องนอนของคุณเมื่อวานนี้ A : It was my niece. หลานสาวฉันเอง • Q : Where were you last week? สัปดาห์ที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน A : I was in Paris. ฉันอยู่ในกรุงปารีส • Q : How was your sister yesterday. น้องสาวของคุณเป็นอย่างไรบ้างเมื่อวานนี้ A : She was not fine. She has a fever. เธอไม่สบาย เธอเป็นไข้ กลุ่มที่ 4 Yes / No questions and Information Questions with the past simple 1. Yes / No questions with the past simple การทำประโยคคำถามให้เอาคำว่า Did มาวางไว้หน้าประโยคแค่นั้นเองและอย่าลืมเติม เครื่องหมายคำถามท้ายประโยคด้วย ประโยคคำถามแบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ ถามในรูปแบบบอกเล่า และถามรูปแบบปฏิเสธ 1. การถามในรูปแบบบอกเล่า Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Did I, you, we, they, cats he, she, it, a cat eat?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 265 ตัวอย่าง • Did you eat bananas yesterday? Yes, I did. / No, I didn’t. • Did I cook dinner for you last week? Yes, you did. / No, you didn’t. • Did we clean the house last month? Yes, we did. / No, we didn’t. • Did they dance last night? Yes, they did. / No, they didn’t. • Did two cats die last year? Yes, they did. / No, they didn’t. 2. การถามในรูปแบบปฏิเสธ การถามในรูปปฏิเสธแบ่งออกอีกสองประเด็นคือ ในรูปแบบเต็ม และรูปแบบย่อ 2.1 รูปแบบเต็ม Did + ประธาน +not+ กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Did I, you, we, they, cats he, she, it, a cat not eat? ตัวอย่าง • Did he not buy a computer last Sunday? • Did he not give you her heart last Christmas. 2.2 รูปแบบย่อ Didn’t + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Didn’t I, you, we, they, cats he, she, it, a cat eat? ตัวอย่าง • Didn’t it rain heavily last rainy season. • Didn’t the train arrive at 8 o’clock this morning. 2. Information Questions with the past simple (ประโยคคำถาม Wh – Question) ให้เอาคำเหล่านี้ (Who, What, Where, When, Why, How) นำหน้าประโยค ตามด้วย did ** คำว่า Who กับ What ให้ตามด้วย กริยาช่อง 2 ในกรณีที่ใช้ Who กับ What เป็นประธาน ของประโยค** เช่น • Who ate bananas yesterday? I did. • What ate bananas yesterday? A monkey did. • Who did you see at the party? I saw Jane.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 266 • What did you eat this morning? I ate bananas. • Where did you cook last week? I cooked in the garage. • When did we clean the house? We cleaned the house last month. • How did they dance last night? They dance slowly. • Why did two cats died last year? They had nothing to eat. 4.2 นักเรียนทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Past Simple Tense (Revision) Topic : Past Simple Tense (Revision) Part I : 1 - 15 Gap Filling Instruction : Fill in the blanks with correct forms of verbs given in parentheses. To me, it 1)………………….……(be) a wonderful childhood. I 2)………………….……(live) in a compound family. Each married couple 3)………………….……(have) their house built on the compound. My single aunts, uncles and cousins 4)………………….……(live) in the big house. I 5)………………….……(remember) I 6)………………….……(have) grandparents and great grandparents to go to whenever I 7)………………….……(fight) with me sisters and brothers. They usually 8)………………….……(comfort) me giving me some candies. If I 9)………………….……(cannot) do some homework, one of my aunts or uncles usually 10)………………….…… (help) me if my parents 11)………………….……(not be) available. Most of the time, we 12)………………….……(be) taken out by one of the relatives if we 13)………………….……(want) to enjoy ourselves out of the house. Being with a lot of cousins, we hardly 14)………………….……(want) to go out, since we 15)………………….……(can play) among ourselves. Part II : 16 - 20 Multiple Choice Instruction : Choose the best alternative 16. I………………….……not………………….……tennis yesterday. 1) did / play 2) do / play 3) does / play 4) did / played 17. He………………….……late this morning. 1) get up 2) gets up 3) gotten up 4) got up


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 267 18. They………………….……not………………….……English last week. 1) does / study 2) did / studied 3) did / study 4) do / study 19. A : Did she borrow your pen B : ………………….…… . 1) No, she didn’t 2) No, she did 3) Yes, she do 4) Yes, she didn’t 20. ………………….……you………………….……a pen last week? 1) Did / bought 2) Did / buy 3) Do / buy 4) Do / bought Answer Key Part I : 1 - 15 Gap Filling 1) was 2) lived 3) had 4) lived 5) remembered 6) had 7) fought 8) comforted 9) could not 10) helped 11) was not 12) was 13) wanted 14) wanted 15) could play) Part II : 16 - 20 Multiple Choice 16. 1) did / play 17. 4) got up 18. 3) did / study 19. 1) No, she didn’t 20. 2) Did / buy 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Past Simple Tense 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Past Simple Tense ให้มากขึ้น 5.3 นักเรียนและครูร่วมสรุปหลักการใช้Past Simple Tense อีกครั้ง 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Past Simple Tense (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 268 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 269 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง Technology Time รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 12 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเองกิจวัตรประจำวันประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ต 2.1 ม.1/2 บรรยายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม.1/3 เข้าร่วม / จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆจากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยค Future Simple Tense ที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ ประโยค Be going to ในการเขียนประโยคเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น วันคริสต์มาส วันวา เลนไทน์ และและใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมี คุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนประโยค Future Simple Tense ที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ใช้ ประโยค Be going to ในการเขียนประโยคเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น วันคริสต์มาส วันวา เลนไทน์ และและใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 270 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 9 : Technology Time 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 9 : Technology Time 3. การใช้Future Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 271 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….………………………… 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading - ใบงานเรื่อง Will and Shall - ใบงานเรื่อง Be going to - ใบงานเรื่อง Future Simple Tense (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading 2. ตรวจใบงานเรื่อง Will and Shall 3. ตรวจใบงานเรื่อง Be going to 4. ตรวจใบงานเรื่อง Future Simple Tense (Revision) 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading 2. ใบงานเรื่อง Will and Shall 3. ใบงานเรื่อง Be going to 4. ใบงานเรื่อง Future Simple Tense (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 272 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 2 ใบงานเรื่อง Will and Shall ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Be going to ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Future Simple Tense (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary and Reading จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับเทคโนโลยีในหนังสือแบบเรียน Move it! 1 หน้าที่ 98 และช่วยกันแสดง ความคิดเห็น พูดคุยถึงคำศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่นักเรียนรู้จักทั้งในรูปภาพและนอกเหนือจากรูปภาพที่นักเรียน เห็นในหนังสือ Move it! 1 หน้าที่ 98


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 273 1.2 นักเรียนสามารถตอบ เช่น blog, broadband, digital radio, e-reader, flash drive, IM (instant message), interactive whiteboard, netbook, screen, smart phone, social networking site, Wi-Fi เป็นต้น 1.3 นักเรียนช่วยกันจับคู่คำศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยีพร้อมทั้งออกมาเขียนบนกระดาน เช่น interactive whiteboard Answer Key 1. interactive whiteboard 2. broadband 3. digital radio 4. e-reader 5. flash drive 6. instant messaging 7. netbook 8. smart phone 9. social networking site 10. Wi-Fi 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำศัพท์ที่นักเรียนออกมาเขียน เมื่อพบว่าประโยคใดไม่ถูกต้องให้ แก้ไขให้ถูกต้อง 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Move it1! หน้าที่ 98 แบบฝึกหัดที่ 2 Complete the sentences with word from Exercise 1 2.2 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Move it1! หน้าที่ 98 แบบฝึกหัดที่ 3 Read the definition and say the word. 2.3 นักเรียนทำกิจกรรม Look at the picture. What are mystery phrase? เช่น ข้อ 1 send an e-mail


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 274 Answer Key 1. send an e-mail 2.charge your cell phone 3. download music 4. use the internet 5. send a text 6. chat online 7. write a blog 2.4 นักเรียนทำกิจกรรมแบบฝึกหัดที่ 4 In pairs, ask and answer about technology. ในหนังสือ แบบเรียน Move it! 1 หน้าที่ 98 2.5 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบที่นักเรียนได้ตอบลงในหนังสือเรียน Move it1! หน้าที่ 98 แบบฝึกหัดที่ 2 และ 3 ตามลำดับ 2.6 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 2.7 นักเรียนบอกคำศัพท์ โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มไหนบอกและเขียนคำศัพท์บน กระดานได้มากกว่าก็จะเป็นกลุ่มที่ชนะ 2.8 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Technology Time เพิ่มเติม 2.9 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายของคำศัพท์ทุกตัว ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้นักเรียน เข้าใจวิธีการใช้คำศัพท์นั้นให้มากขึ้น ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความหมายของคำศัพท์บนกระดานและร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ ในบทเรียนร่วมกัน 3.4 นักเรียนใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียนแต่งประโยค คนละ 4 ประโยค 3.5 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.6 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของนักเรียน จากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 275 เรื่องที่ 2 เรื่อง Will and Shall จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P และแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Will และ Shall ที่ได้เรียนมาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 โดยนักเรียนดู รูปภาพพร้อมคำศัพท์บน PowerPoint 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้ Will และ Shall 1.3 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint 1.4 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายประโยคบน PowerPoint 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง Will and Shall โดยดูบทสนทนาบน PowerPoint Mother : Have you passed the exam? Vincent : I don’t know. We shall know it tomorrow. Mother : Do you think you will pass? Vincent : Don’t worry, mom. I’m sure I shall pass. Mother : How about George, do you think he will pass? Vincent : I am not sure, mom. I think he won’t pass. 2.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายข้อมูล Will and Shall บน PowerPoint I will cook you some eggs. I shall cook you some eggs.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 276 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Will and Shall บน PowerPoint 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Will and Shall พร้อมทั้งยกตัวอย่างประโยคเพื่อให้นักเรียน เข้าใจมากขึ้น Future Simple Tense คือ อนาคตกาลธรรมดาแบบเรียบง่าย เป็นเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต โดยมีโครงสร้างของประโยค ดังนี้ Will ใช้ได้กับประธานทุกตัว ส่วน Shall ใช้ได้กับประธาน I และ We เท่านั้น รูปแบบย่อของ Will และ Shall • She will She’ll • I shall I’ll • They will They’ll • We shall We’ll • She will not She won’t • I shall not I shan’t • They will not They won’t • We shall not We shan’t


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 277 หมายเหตุ *.. Verb1 ใน Future Simple Tense ที่ตามหลัง will / shall ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย (Auxiliary or helping verbs) จะต้องไม่ผันตามประธาน คือ ไม่เติม s, es, ies, ing หรือ Verb 2 (past tense), Verb 3 (past participle) เพราะเป็นไปตามหลักการใช้กริยาช่วยที่จะต้องตามด้วย Verb 1 (base from or infinitive) เท่านั้น หลักการใช้ Future Simple Tense มีดังนี้ คือ 1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักจะมีคำระบุเวลาเหล่านี้บ่งบอกไว้ใน ประโยค ตัวอย่างประโยค • Paul will come to Thailand next month. พอลจะมาเมืองไทยเดือนหน้า • I’ll do it soon. ฉันจะทำมันเร็วๆนี้ • We shall need an extra bedroom when the new baby arrives. เราจะต้องมีห้องนอนเสริมเมื่อเด็กทารกใหม่มาถึง • I shall contact you again when I have further information. ฉันจะติดต่อคุณอีกครั้งเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม • He will not watch football game tonight. เขาจะไม่ดูเกมส์ฟุตบอลคืนนี้ • I won’t go to university next week. ผมจะไม่ไปมหาวิทยาลัยอาทิตย์หน้า • I shan’t see Victoria next week. สัปดาห์หน้าฉันจะไม่ไปพบวิคตอเรีย • We shall not be on the school bus this time tomorrow. พรุ่งนี้พวกเราจะไม่ขึ้นรถโรงเรียน • Will you do it tomorrow? คุณจะทำมันมั้ยพรุ่งนี้ • Will Calvin come to school next Monday? เคลวินจะมาโรงเรียนวันจันทร์หน้าใช่มั้ย • Won’t Natalie have spicy food? นาตาเลียจะไม่ทานอาหารเผ็ดใช่มั้ย • Won’t you go to school today? วันนี้คุณไม่ไปโรงเรียนเหรอ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 278 • Shall I open the window? ฉันจะเปิดหน้าต่างได้ไหม? • Shall we go to the cinema tonight? คืนนี้เราไปดูหนังกันไหม • How many times will you read that email? คุณจะอ่านอีเมลนั้นอีกกี่ครั้ง • When will the boxers fight again? นักมวยจะชกอีกเมื่อไหร่? • What shall I tell the boss about this money? ฉันจะบอกเจ้านายเกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้อย่างไร • What shall we do today? วันนี้เราจะทำอะไร? • Don’t worry. I shan’t / won’t be late and Edward won’t be late either. ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ / จะไม่สายและเอ็ดเวิร์ตก็จะไม่สายเช่นกัน 2. ใช้กล่าวถึงการคาดเดา คาดการณ์ หรือคาดคะเน เหตุการณ์ในอนาคต มักจะมีคำเหล่านี้ร่วมอยู่ ด้วย think (คิดว่า) sure (แน่ใจว่า) expect (คาดว่า) know (รู้ว่า) probably (อาจจะ) guess (เดาว่า) believe (เชื่อว่า) hope (หวังว่า) • I guess he will come to my birthday party. ฉันเดาว่าเขาจะมางานเลี้ยงวันเกิดฉัน • I’m sure you’ll pass the exam. ฉันแน่ใจว่าคุณจะต้องสอบผ่าน • I don’t know when she will come back. ผมไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ • I believe that it’ll come true. ผมเชื่อว่ามันจะเป็นจริง • I think I shall buy a new car. ฉันคิดว่าฉันจะซื้อรถยนต์คันใหม่ 3. ใช้กล่าวถึงความรู้สึก ความตั้งใจ และการสัญญา • You girlfriend will not be happy about that. แฟนของคุณจะไม่มีความสุขกับเรื่องนั้น • We won’t let you down. เราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง • I promise I shall not drink again. ผมสัญญาว่าผมจะไม่ดื่มอีก • We shall not get married in next September. เราจะไม่แต่งงานกันในเดือนกันยายนปีหน้า


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 279 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัด Will and Shall บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Topic : Will and shall exercise Instructions : Fill in the blanks with the correct form of The Future Simple Tense : Will / Shall 1. There………………….……(be) strong winds tomorrow in the south of the country. 2. A : Which size do you want? Medium or large? B : I………………….……(have) large. (decision) 3. ………………….……we………………….……(invite) Louisa and Jill to the party? 4. It’s cold in here. ………………….……I………………….……(close) the door? 5. Where………………….……you………………….……(have) lived before you goes to Japan? 6. He………………….……(send) us the report when he has all the data. 7. ………………….……I………………….……(water) your plants while you’re away? 8. We………………….……(not mind) if you arrive late. 9. Where………………….……we………………….……(travel) to this New Year? 10. ………………….……they………………….……(discuss) this matter tomorrow? Answer Key 1. will be 2. will have หรือ shall have 3. Shall / invite หรือ Will / invite 4. Shall / close หรือ Will / close 5. will / have 6. will send 7. Shall / water หรือ Will / water 8. won’t mind 9. will / travel 10. Will / discuss 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเหตุผลในการตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Will and Shall บน PowerPoint ที่ละข้อ 5.2 ครูสังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Will and Shall ของนักเรียน ชั่วโมงที่ 3 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูข้อมูล บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Will and Shall


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 280 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น 1.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้เรื่อง Will and Shall จากข้อมูลบน PowerPoint 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป สรุปวิธีใช้ Lesson 3: How to use “Will and Shall” จาก https://www.youtube.com/watch?v=IE9NYd7Z0xk 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป English Grammar to Use-The Future with Will and Shall จาก https://www.youtube.com/watch?v=EtcbV5EQ-vY 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ Future tense แบบที่ 1 will / shall จาก https://www. youtube.com/watch?v=zLD17vArNCE 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Will and Shall ชั่วโมงที่ 4 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Will and Shall 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Will and Shall โดยยกตัวอย่างเป็นประโยคคู่กัน • We shall go to school tomorrow. พวกเราจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ • He will go to school tomorrow. เขาจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ • You won’t hurt yourself if you listen to me. คุณจะไม่ทำให้ตัวคุณบาดเจ็บถ้าคุณฟังผม • I shan’t hurt myself if I listen to you. ฉันจะไม่ทำให้ตัวฉันบาดเจ็บถ้าฉันฟังคุณ I shall take good care of myself, and I won't get sick with Coronavirus disease. When will the COVID-19 pandemic end? Will the corona pandemic end soon?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 281 • A : I’m afraid we may not have enough handouts for the audience. ผมเกรงว่าเราอาจจะมีเอกสารแจกให้ผู้ฟังไม่พอ B : Don’t worry. I shall make some more photocopies. ไม่ต้องวิตก ผมจะถ่ายเอกสารเพิ่มเติม • A : I’m afraid we may not have enough handouts for the audience. ผมเกรงว่าเราอาจจะมีเอกสารแจกให้ผู้ฟังไม่พอ B : Don’t worry. My secretary will make some more photocopies. ไม่ต้องวิตก เลขาผม (เลขานุการของผม) จะถ่ายเอกสารเพิ่มเติม 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Will and Shall โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น Will กับ Shall ใน Future Simple Tense แปลว่า “จะ” ด้วยกันทั้งคู่ โดย I, We ใช้ shall และ He, She, It, We, They ใช้ will 1. การใช้ will 1.1 ใช้บอกว่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ ดังที่กล่าวมาแล้วใน Future Simple Tense • I will buy a bike next month. ฉันจะซื้อจักรยานเดือนหน้า • Will you buy a bike next month? คุณจะซื้อจักรยานเดือนหน้าใช่ไหม 1.2 ใช้เพื่อเป็นการให้คำมั่นสัญญา (มักใช้กับ I, We) • I will always love you. ฉัน (สัญญาว่า) จะรักคุณเสมอ • We will never do this again. พวกเรา (สัญญาว่า) จะไม่ทำอย่างนี้อีก 1.3 ใช้เพื่อขอร้อง (เป็นประโยคคำถาม แต่ไม่ใช่คำถาม) • Will you open the door, please. ช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยครับ • Will you sit here, please. ช่วยนั่งตรงนี้ด้วยครับ ***โดยมากนิยมใช้คำว่า Would, Could แทน will เพราะสุภาพกว่า 2. การใช้ Shall 2.1 ใช้เพื่อแนะนำ ชักชวน (เชิงออกคำสั่ง) • Shall we go now? เราควรไปเดี๋ยวนี้ไหม • I shall leave tomorrow. ฉันควรไปพรุ่งนี้ (อยากบอกว่าห้ามไปวันนี้)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 282 • We shall pay now. พวกเราควรจ่ายเดี๋ยวนี้(ไม่งั้น…..) 2.2 ใช้เพื่ออนุญาต หรือยื่นข้อเสนอ • Shall we stay here? พวกเราขอพักที่นี่ได้ไหม (ขออนุญาต) • Shall I play games, mom? ผมขอเล่นเกมได้ไหมแม่ (ขออนุญาติ) • Shall I get you some coffee? ฉันชงกาแฟให้คุณนะคะ (ยื่นข้อเสนอ) • Shall we wash the car? พวกเราล้างรถเองนะครับ / คะ (ยื่นข้อเสนอ) ***การขออนุญาตสามารถใช้คำว่า Can, Could, May แทน Shall ก็ได้ 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Will and Shall ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Will and Shall 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Will and Shall เรื่องที่ 3 เรื่อง Be going to จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es และกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขั้น (5 STEPs) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูข้อมูล บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Will และ Be going to 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นระหว่างประโยค 2 ประโยค What am I going to use “will” or “ be going to”?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 283 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Going to & Will Tense ตอนที่ 9 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6 จาก https://www.youtube.com/watch?v=nxmv_e7cuZ0 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป ภาษาอังกฤษ ม.1 Will / Going to ครูสิทธิพงษ์ วงศ์อาจ จาก https://www.youtube.com/watch?v=C6J2s0p3tE8 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป ESL Future Tenses in English - will, be going to, present continuous - Common English Mistakes จาก https://www.youtube.com/watch?v=uMUjCBlYo2s 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Be going to การใช้ Future Simple Tense “Be going to”ในภาษาอังกฤษ นอกจากรูปแสดงอนาคตกาลโดยใช้ Will หรือ Shall ใน Future Simple Tense แล้ว ยังมีรูป Future Simple Tense โดยใช้ Be going to ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการใช้บ่อย ๆ ในสถานการณ์หรือเหตุการณ่ใน อนาคต ดังนี้ 1. Statement form “ประโยคบอกเล่า” Subject + is / am / are + going to + infinitive + object Going to เป็นส่วนที่แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต กริยาแท้ช่อง 1 หมายความ เช่นเดียวกับ infinitive without to หรือกริยาแท้ช่อง 1 ที่ไม่มี to เช่น • Look at the clouds. It is going to rain soon. ดูเมฆสิ ฝนจะตกในไม่ช้า • Look out! That boy is going to fall down. ระวัง เด็กชายคนนั้นจะตกลงมาแล้ว 2. Negative form “ประโยคปฏิเสธ” Subject + is / am / are + not + going to + infinitive + object รูปย่อของ is not = isn’t หรือ ’s not am not = ’m not are not = aren’t หรือ ’re not • The machine is quite old. I’m afraid it’s not going to work. เครื่องจักรค่อนข้างเก่า ผมเกรงว่ามันจะไม่ทำงาน • If we hurry, I’m sure we’re not going to miss the train. ถ้าเรารีบ ผมแน่ใจว่าเราจะไม่พลาดรถไฟ 3. Yes / No question “ประโยคคำถาม Yes / No” Is / Am / Are + subject + going to + infinitive + object ? • A : Is it going to rain? ฝนจะตกหรือ B : Yes, if there is no wind. ใช่ ถ้าไม่มีลม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 284 • A : Are we going to tell him when he asks us? เราจะบอกเขาไหมหากเขาถามเรา B : No. We won’t let him know. ไม่เราจะไม่ให้เขารู้ 4. Wh-question “ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words” Wh-question + is / am / are + subject + going to + infinitive + object ? • A : When are you going to return my book? เมื่อไรคุณจะคืนหนังสือของดิฉัน B : Tomorrow. พรุ่งนี้ • A : Where are we going to stay tonight? คืนนี้เราจะพักกันที่ไหน B : In a resort, perhaps. บางทีอาจจะพักที่รีสอร์ต (สถานที่พักตากอากาศ) • Situation : William is going to tell Isabella the truth. A : Who is going to tell Mary the truth? ใครจะเล่าความจริงให้อิซาเบลล่าฟัง B : William. วิลเลียม • Situation : We are going to give Charlotte a ring. A : Who are we going to give a ring? เราจะให้แหวนแก่ใคร B : Charlotte. ชาร์ลอตต์ การใช้ Be going to 1. ใช้ Be going to เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างใน อนาคตที่มีเหตุบ่ง บอกให้เห็นชัดเจนในขณะปัจจุบัน ลักษณะดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกมั่นใจของผู้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือ สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา จากสาเหตุปัจจุบัน ในอนาคตอันใกล้เช่น • Look at those black clouds in the sky. It’s going to rain. Those people are going to get wet. ดูเมฆดำทะมึนในท้องฟ้าเหล่านั้นสิ ฝนกำลังจะตก คนเหล่านั้นกำลังจะเปียก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 285 แต่ถ้าใช้ Will จะหมายถึง เราคิดหรือเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นในอนาคต ซึ่งภาวะของ การเกิดเหตุการณ์ยังห่างไกลกว่าการใช้ be going to เช่น Situation : That boat doesn’t look very safe. สถานการณ์ : เรือลำนั้นดูไม่ค่อยปลอดภัย • That boat’ll sink in that heavy sea. มันอาจจะจมในทะเลที่คลื่นลมแรง • Look at that boat! It’s going to sink. มองดูเรือลำนั้นสิ มันกำลังจะจม Situation : Don’t climb up that tree. สถานการ์ : อย่าปีนขึ้นต้นไม้ต้นนั้น • You’ll fall and hurt yourself. คุณอาจจะตกลงมาได้รับบาดเจ็บ • Look out! You’re going to fall! ระวัง คุณกำลังจะตกลงมา ชั่วโมงที่ 2 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Be going to 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Be going to โดยไม่ซ้ำกัน • I’m going to have a shower. ผมกำลังจะอาบน้ำ • He is going to buy a new car soon. เขากำลังจะซื้อรถใหม่เร็ว ๆ นี้ • We are going to have fun at the party. พวกเราจะไปสนุกกันในงานปาร์ตี้ • I feel dreadful; I’m going to be sick. ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันกำลังจะไม่สบาย • It’s 8.30! You’re going to miss your train! แปดโมงครึ่งแล้ว! นายกำลังจะพลาดรถไฟนะ! 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Be going to โดยครูเขียนตัวอย่าง ประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • He is going to have a new pet next month. เขากำลังจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในเดือนหน้า • I am going to leave him alone for a while. ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 286 • We aren’t going fly to London next Monday. พวกเราจะไม่บินไปลอนดอนวันจันทร์หน้า • I am not going to visit my grandmother tomorrow. ฉันจะไม่ไปเยี่ยมคุณยายในวันพรุ่งนี้ • Are you going to watch TV tonight? คืนนี้คุณจะดูทีวีไหม • Is Jacob going to read a book over the weekend? เจคอบจะอ่านหนังสือในช่วงสุดสัปดาห์หรือไม่? • Where are you going to spend your holidays? คุณจะไปพักผ่อนที่ไหน • What is Daniel going to have for dinner? แดเนียลจะทานอะไรเป็นอาหารค่ำ? 4.2 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Be going to บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Topic : Future Simple Tense with Be going to Instructions : Complete the following sentences. Use the correct form of “be going to” and the verbs in parentheses. 1. Your ice cream………………….……(melt) in a minute. 2. They are not going to (not teach) English next semester. 3. ………………….……the new house………………….……(be) built by September? 4. Who………………….……you………………….……(go) out with tonight? 5. You………………….……(not eat) papaya salad tonight. 6. He………………….……(be) late because his car isn’t working. 7. How much………………….……they………………….……(pay) for their furniture? 8. ………………….……Sebastian and Joseph………………….……(play) basketball with us this weekend? 9. They………………….……(scream) if they know you’re here. 10. What time………………….……the movie………………….……(start)? Answer Key : 1. is going to melt 2. are not going to teach 3. Is / going to be 4. are / going to go 5. am not going to eat 6. is going to be 7. are / going to pay 8. Are / going to play 9. are going to scream 10. is / going to start 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Be going to บน PowerPoint 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Be going to


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 287 ชั่วโมงที่ 3 ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูบัตรคำที่ครูติดบนกระดาน ดังนี้ ………………….……a few exams at the end of the year. ………………….……the math test tomorrow. ………………….……during the holiday? ………………….……Colorado next month? 1.2 นักเรียนรับแผ่นกระดาษเป็นส่วนหน้าของประโยคคนละ 1 แผ่น โดยแต่ละประโยคถูกเขียนใส่ใน กระดาษสีต่างกัน ดังนี้ I’m going to take We are not going to fail Are the teachers going to work Why is Sally going to leave 1.3 นักเรียนนำบัตรคำส่วนหน้าของประโยคมาติดบริเวณด้านซ้ายของบัตรคำที่ติดบนกระดาน 1.4 นักเรียนสังเกต คำเหล่านั้นที่นักเรียนนำมาต่อกันมีลักษณะเป็นอย่างไร และมีสีใดติดเยอะมากที่สุด 1.5 นักเรียนส่งตัวแทนออกไปหยิบกระดาษสีที่แตกต่างจากกระดาษส่วนใหญ่ ติดไว้บริเวณด้านขวามือ ของบัตรคำ 1.6 เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนแสดงความรู้เดิม ออกมา และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่นำกระดาษสีที่แปลกจากเพื่อนไปติดได้อธิบายเหตุผลของการเลือกนำกระดาษ ไปติด ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน ให้แต่ละกลุ่มจับฉลากศึกษาใบคววามรู้จากเอกสาร ประกอบการเรียน ตามหัวข้อต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 และ 2 ศึกษาเรื่อง Be going to : Affirmative and Negative Form กลุ่มที่ 3 และ 4 ศึกษาเรื่อง Be going to : Yes / No question and Wh-question 2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มที่จับฉลากได้เรื่องไหนให้รวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน โดยการอภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมระดมความคิดเห็นจนเข้าใจครบทุกคนจากใบความรู้ในเอกสารประกอบการเรียนที่ครู กำหนดให้ 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนในกลุ่มฟังจนเข้าใจครบทุกคน ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 288 2.4 นักเรียนดูตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมที่ครูเขียนบนกระดาน • Are those shirts going to be on sale next week? • I am going to prepare for my presentation tomorrow. • Our grandparents are not going to visit us next Christmas. • Where is your father going to hang the picture? 2.5 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและอธิบายว่าเป็นประโยค Be going to แบบใด 2.6 นักเรียนและครูช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องในสิ่งที่นักเรียนได้พูดและอธิบายว่าเป็นประโยค Be going to แบบใด ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Be going to ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่นเกมต่อประโยค โดยครูแจกบัตรคำให้นักเรียนกลุ่มละ 4 บัตรคำ ให้นักเรียน แต่ละกลุ่มหากริยาช่อง 1 (infinitive) และส่วนขยายมาต่อประโยคให้ได้ใจความภายในเวลาที่กำหนด โดยไม่จำกัด ความหมายขึ้นอยู่กับการระดมความคิดของนักเรียน 1. Are your children going to………………….…… . 2. I am not going to………………….…… . 3. What are you going to………………….…… . 4. The exchange student is going to………………….…… . Answer keys that are possible : 1. perform at the school concert next week? 2. come to the office and work tomorrow. 3. do at this time tomorrow? 4. stay at my parents’ house next week. 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปองค์ความรู้เรื่อง Be going to จากการอภิปรายรายกลุ่ม แล้วให้ นักเรียนเขียนลงในสมุดจดบันทึกของนักเรียน 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานเรื่อง Be going to ในเอกสารประกอบการเรียน โดยให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเปลี่ยนกันตรวจพร้อมรวมคะแนนให้เรียบร้อย ชมเชยนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินและให้นักเรียนที่ ไม่ผ่านเกณฑ์แก้ไขให้ถูกต้อง ชั่วโมงที่ 4 ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนรวบรวมข้อมูล Be going to : Affirmative and Negative Form, Yes / No question and Wh-question จากหนังสือ Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบกระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 ครูและนักเรียนร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Be going to : Affirmative and Negative Form, Yes / No question and Wh-question แล้วร่วมกันสรุปเป็นความรู้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 289 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนออกแบบโปสเตอร์(poster) เรื่อง Be going to : Affirmative and Negative Form, Yes / No question and Wh-question 5.2 ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนดังนี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทำงานร่วมกันสังเกตการ ตอบคำถามของนักเรียนในชั้นเรียน 5.3 นักเรียนประเมิน โปสเตอร์(poster) เรื่อง Be going to : Affirmative and Negative Form, Yes / No question and Wh-question และนำเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้ายนิเทศหน้าห้องเรียนและบริเวณ ภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องที่ 4 เรื่อง Future Simple Tense (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนฟังครูแจ้งจุดประสงค์ว่าวันนี้จะเรียนเกี่ยวกับ Future Simple Tense และทบทวนความรู้ นักเรียนเรื่อง Will, Shall และ Be going to 1.2 นักเรียนดูภาพและประโยค Will, Shall และ Be going to บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 290 1.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคบน PowerPoint ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูข้อมูลFuture Simple Tense บน PowerPoint 2.2 นักเรียนดูฟังครูอธิบายFuture Simple Tense บนหน้าจอ Projector 2.3 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Future Simple Tense จากเว็บไซต์ ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ตจากแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน โดยครูตั้งกติกาว่าจะต้องศึกษาอย่างน้อย 1 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 8 เพื่อออกมาเขียนประโยค Future Simple Tense ที่ได้ศึกษามา 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของประโยคที่ตัวแทนทั้ง 8 คนออกมาเขียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Future Simple Tense ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 5-6 คน โดยคละนักเรียนออกตามความสามารถ ให้แต่ละกลุ่มเลือก หัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลมและช่วยกันศึกษา Future Simple Tense จากเอกสารประกอบการเรียน 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Future Simple Tense หลักการใช้ Future Simple Tense 1. ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่น ๆ เช่น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 291 • I will go to the hospital tomorrow. ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ 2. ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น • I think I will buy a new mobile phone next week. ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า 3. ใช้ “to be going to” แทน will / shall ใน Future Simple Tense เมื่อ…กล่าวถึง แผนการ หรือ ความตั้งใจ เช่น • He is going to have a new pet next month. เขากำลังจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในเดือนหน้า • I am going to leave him alone for a while. ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก 4. กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เชื่อจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น • Your ice cream is going to melt in a minute. ไอศกรีมของคุณกำลังจะละลายในอีกนาทีข้างหน้า 5. กล่าวถึง การคาดคะเน เช่น • They are going to scream if they know you’re here. พวกเขาคงต้องกรีดร้องออกมาถ้ารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ 6. การใช้ Shall และ “Will” โดย Shall จะใช้กับสรรพนามบุรุษที่ 1 (I , We) ส่วน Will จะใช้กับ สรรพนามบุรุษที่ 2, 3 (He, She, It, We, They) • We shall go to school tomorrow. พวกเราจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ • He will go to school next week. เขาจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มพูดสรุปความรู้เรื่อง Future Simple Tense 5.2 หัวหน้ากลุ่มรวบรวมคำพูด องค์ความรู้จากสิ่งที่เพื่อนทุกคนพูดเกี่ยวกับหลักการใช้ หลักการแต่ง ประโยค Future Simple Tense 5.3 นักเรียนช่วยกันทำใบงานเรื่องFuture Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Future Simple Tense 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเหตุผลในการตอบในแต่ละข้อ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนตัวแทนกลุ่มรับกระดาษปรู๊ฟและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนในวันนี้ 6.2 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้โครงสร้าง Future Simple Tense ที่ได้เรียนมา 6.3 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอประโยค Future Simple Tense หน้าชั้นเรียน 6.4 นักเรียนนำกระดาษปรู๊ฟที่นักเรียนเขียนสรุปและตัวอย่างประโยคไปติดบริเวณด้านหลังห้อง และรอบ ๆ ห้อง 6.5 นักเรียนสลับหมุนเวียนเพื่อศึกษาข้อมูลของกลุ่มอื่น ๆ จนครบทั้ง 5 กลุ่ม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 292 ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Future Simple Tense ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่องFuture Simple Tense ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุปร่วมกัน ทั้งห้องแล้วบันทึกความรู้ลงในสมุดบันทึก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 293 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง Technology Time แผนการจัดการเรียนรู้ที่18 เรื่อง Vocabulary and Reading รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเองกิจวัตรประจำวันประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ต 2.1 ม.1/2 บรรยายเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม.1/3 เข้าร่วม / จัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆจากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและความสำคัญของเทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ประเพณีของเจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเทศกาลและวันสำคัญของเจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้ ในความเหมือน / ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พูดและเขียนประโยค Future Simple Tense เพื่อบรรยายเกี่ยวกับความเป็นมาและความสำคัญของ เทศกาล วันสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษาได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา เพื่อเข้าร่วม กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น วันคริสต์มาส วันวาเลนไทน์ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


Click to View FlipBook Version