The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Move It ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-11-06 00:03:06

Move It 1

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Move It ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 94 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Delicious! แผนการจัดการเรียนรู้ที่8 เรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 95 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Should / Ought to ได้ถูก โครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Should / Ought to บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การ เดินทาง การรับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ใน การศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการ ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs : Should / Ought to บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การ เดินทาง การรับประทานอาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว ได้ถูกโครงสร้างตาม หลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Delicious! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Delicious! 3. การใช้โครงสร้าง Modal Verbs : Should / Ought to ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 96 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to 2. ชิ้นงาน -


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 97 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคที่บรรยายแต่ละภาพ บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่เห็น 1.2 นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของ should และ ought to 1.3 นักเรียนช่วยกันอธิบายถึงความแตกต่างของ should และ ought to ตามความเข้าใจของแต่ละคน 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปการใช้ should, ought to จาก https://www.youtube.com/watch?v =4ay3AQHkpAY 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหาจากวิดีโอคลิปที่นักเรียนได้ดู 2.3 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ should และ ought to 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายการใช้ Modal Verbs : Should / Ought to โดย should กับ ought to เป็นกริยาช่วย (modal verbs) แปลว่า ควร, น่าที่ ที่เป็นคำแนะนำแกมบังคับทั้งคู่ แต่คำว่า should สามารถ แปลว่า น่าจะ ที่หมายถึง “ความเป็นไปได้” อีกหนึ่งความหมาย ดังนั้นถ้าแปลว่า ควรจะ สามารถใช้คำว่า ought to หรือ should แทนกันได้ ซึ่งโดยปกติจะคุ้นเคยกับการใช้ should มากกว่า เพราะในปัจจุบันคำว่า ought to ไม่ ค่อยนิยมใช้ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้ • should + verb • ought to + verb โดยความแตกต่างระหว่าง should กับ ought to จะสังเกตเห็นว่า ought จะต้องตามด้วย to เสมอ (ought to + verb) ส่วน should ไม่ต้องตามด้วย to (should + verb) 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Modal Verbs : Should / Ought to 1. Should โดยทั่วไป Should ใช้กับเรื่องทั่ว ๆ ไปเช่น ให้คำแนะนำ (advise) ให้ความเห็น (opinion) หรือ วิพากษ์วิจารณ์ (criticism) เช่น • You should buy the red one. คุณควรซื้ออันสีแดงนะ • You should try that new restaurant. คุณควรจะลองชิมร้านอาหารใหม่ • Everyone should come to visit Thailand.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 98 ทุกคนควรมาเที่ยวประเทศไทย • The government should raise more taxes on luxury goods. รัฐบาลควรขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยมากกว่านี้ • They should be more carefully on working. พวกเขาควรระมัดระวังในการทำงานมากกว่านี้ 2. Ought to มีความหมายเดียวกันกับ should อย่างชนิดว่าใช้แทนกันได้เลยค่ะ แต่คำนี้ไม่ค่อย นิยมใช้กันในปัจจุบันแล้ว และดูเป็นทางการ เช่น • You ought to relax and stop worrying about it. คุณควรจะปล่อยวางและหยุดกังวลเรื่องนี้ • You’ve got a good wife. You ought to take care of her. คุณมีภรรยาที่ดี คุณควรจะดูแลใส่ใจเธอนะ 3. การใช้ should กับ ought to สำหรับประโยคปฏิเสธ จะใช้ในรูป should not (หรือ shouldn’t) กับ ought not to (หรือ oughtn’t to) ตัวอย่างประโยคเช่น • You shouldn’t go to bed so late. เธอไม่ควรจะเข้านอนดึกเกิน • You oughtn’t to read while you eat. เธอไม่ควรอ่านหนังสือในขณะที่ทานอาหาร 4. การใช้ should กับ ought to สำหรับประโยคคำถาม เราจะใช้ Should หรือ Ought ขึ้นต้น ประโยคนะคะ ตัวอย่างประโยคเช่น • Should you spend all your money on clothes? คุณควรจะใช้เงินทั้งหมดไปกับเรื่องเสื้อผ้าหรือ? • Ought we to drive more carefully? เราควรจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้มั๊ย ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคโดยใช้ should และ ought to 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยค โดยใช้ should และ ought to เช่น • Bryant isn’t working hard enough. He ought to work harder. ไบรอันต์ยังขยันไม่พอ เขาควรที่จะขยันมากกว่านี้ • The teacher said to Katherine, “You should be more careful.” คุณครูบอกแคทเธอลีนว่าเธอควรจะรอบคอบกว่าเดิม • We ought to help our parents when they become old. เราควรจะช่วยพ่อแม่เมื่อท่านมีอายุมาก • You should not spend all your money on clothes. คุณไม่ควรจะใช้เงินทั้งหมดไปกับเรื่องเสื้อผ้า


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 99 • We ought to help the poor. เราควรจะช่วยเหลือคนจน 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนห้องออกมาเขียนว่ามีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องนักเรียนจะแก้ไขประโยคอย่างไรให้มีความถูกต้อง 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ เพราะเหตุใดจึงเลือกตอบข้อนั่น ๆ 1. Which sentence is correct? 1) We should leaving soon. 2) We should leave soon. 3) We should to leave soon. 2. We……………………visit Eric when we are in London. 1) ought 2) should 3) didn’t ought 3. Which question is correct? 1) Should we call the police? 2) We should call the police? 3) Do we should call the police? 4. Which sentence is correct? 1) We ought to have a party to celebrate Kate’s birthday. 2) We ought have a party to celebrate Kate’s birthday. 3) We should to have a party to celebrate Kate’s birthday. 5. You……………………ride a motorbike without a helmet. 1) ought 2) shouldn’t 3) ought not 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการทำใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to 11. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 100 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Modal Verbs : Should / Ought to ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 101 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Delicious! แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 เรื่อง Modal Verbs (Revision) รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ต 1.2 ม.1/2 ใช้คำขอร้อง ให้คำแนะนำ และคำชี้แจง ตามสถานการณ์ ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 4.2 ม.1/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า ความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความสามารถในการจับใจความสำคัญบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น และเรื่องจากสื่อประเภท ต่าง ๆ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ ในการใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 102 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การรับประทาน อาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว และใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / การ ค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ และมีทักษะ ในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง โดยใช้ Modal Verbs บรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว เช่น การเดินทาง การรับประทาน อาหาร การเรียน การเล่นกีฬา ฟังเพลง การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Delicious! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Delicious! 3. การใช้โครงสร้าง Modal Verbs ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 103 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Modal Verbs (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ครูพูดกับนักเรียนคนหนึ่งว่า “Stand up.” แล้วหันไปสั่งนักเรียนอีกคนที่กำลังคุยกันว่า “You must stand up.” แล้วครูซักถามนักเรียนทั้งสองว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อได้ยินครูสั่ง 1.2 นักเรียนดูรูปพวงกุญแจที่มีหางกระต่ายและโดยครูชี้ไปที่หางกระต่าย และถามนักเรียนว่า


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 104 • What is it? Can you guess? • It might be a bag or it may be a tail of a rabbit? • Who carry this? • Why do some people carry this? 1.3 นักเรียนฝึกคาดเดาโดยใช้ประโยค I guess. It might be……………a (bag / rabbit tail). 1.4 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนข้อมูลที่เพื่อนบอกบนกระดานโดยครูอธิบายเพิ่มเติมว่า It is a tail of a rabbit. Some motorists carry them for good luck. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนฟังครูอธิบายว่าในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนได้เรียนเกี่ยวกับการใช้Modal Auxiliaries: can, could, may, might, must ตามด้วยกริยา โดยเขียนประโยคตัวอย่าง เช่น It might be a tail of a rabbit. และประโยค I wonder why…….. used to express a curiosity or a desire to know. ใช้เพื่อแสดงความสงสัย หรืออยากรู้ 2.2 ครูเปิดโปรแกรม Move it! 1 eText และให้นักเรียนดูเฉพาะภาพ (ไม่ต้อง ดูคำบรรยายใต้ภาพ) และให้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในภาพเหล่านั้นโดยใช้Modal Auxiliaries 2.3 นักเรียนส่งตัวแทนและพูดเดาทีละภาพ หลังจากนั้นนักเรียนดูประโยคที่นักเรียนตอบว่าเหมือนกับ ข้อความที่เขียนไว้ใต้ภาพหรือไม่ ชั่วโมงที่ 2 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint โดยครูอธิบายสรุปว่า can’t, could, may / might, must + Verb be (without to) ใช้คาดเดาสถานการณ์ปัจจุบันหรืออนาคต หรือใช้ในการสรุปข้อมูลหรือหลักฐานที่มีอยู่ดังนี้ 1. can’t + be แสดงความเป็นไปไม่ได้ตามหลักเหตุผล เช่น • Mary has just had lunch. She can’t be hungry. • This restaurant is always empty. It can’t be very good. 2. could + be คาดเดาว่าบางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นขณะนี้หรือในอนาคต มีความหมายเหมือน may / might เช่น • Her story could be true, but I don’t think it is. 3. may / might + be แสดงความเป็นไปได้ในปัจจุบันและอนาคต เช่น • Janet has a lot of work to finish. She may / might be at the office. รูปปฏิเสธของ may / might + be คือ may/might not + be • The story may / might not be true.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 105 4. must + be แสดงความมั่นใจตามหลักฐานที่มีอยู่ เช่น • John works 10 hours a day. He must be tired when he gets home. 3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมโดยครูแสดงประโยคด้วยโปรแกรม PowerPoint แล้วให้นักเรียนอภิปราย โครงสร้างและการสื่อความหมาย ตลอดจน อารมณ์ของผู้พูดและผู้ฟังประโยคดังกล่าว A) Call me on Friday B) You must call me on Friday. You may call me on Friday. You can call me on Friday. You should call me on Friday. 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคทั้ง 2 โดยประโยคทั้ง 2 ประโยค A และ B ล้วนเป็น การออกคำสั่ง • ประโยค A เรียกว่า Imperative โครงสร้าง : (You คือประธานถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ขึ้นต้นด้วย Bare Infinitive คือกริยาที่ ไม่ต้องผัน และอาจมีกรรมตามหรือไม่ก็ได้ การใช้ : 1) ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ 2) ถ้าจะให้สุภาพคือ กลายเป็นขอร้องให้ทำก็เติม please ไว้ต้นหรือท้ายประโยค • ประโยค B เป็นประโยคธรรมดา แต่เพิ่ม Modal Verbs ไว้ข้างหน้ากริยา ซึ่งทั้งนี้ Modal Verbs จะมีน้ำหนักในการสั่งไม่เท่ากัน Must : เป็นการสั่งเชิงบังคับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ (Obligation) May : เป็นการบอก อนุญาตให้ทำ / ไม่ให้ทำ (Permission) Can : เป็นการอนุญาต ส่วนเราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ (Permission) หรือเป็นการระบุ ความสามารถ (Ability) Should : เป็นการแนะนำหรือชวนเชิญ เนื่องจากผู้พูดคิดว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำ / ไม่ควรทำสิ่ง นั้น ๆ (แต่ can นั้นคือสิ่งที่ เป็นไปได้ ทำ / ไม่ทำก็ได้ ผู้พูดไม่ได้คิดในแง่ว่าเราควร / ไม่ควรทำสิ่งนั้น ๆ) โครงสร้าง : 1) Modal Verbs ไม่ต้องผันตามประธาน และกริยาหลักที่ต่อจาก Modal verbs ก็ไม่ต้องผัน คือใช้รูป Bare Infinitive 2) ต้องมีประธาน You หน้า Modal Verbs การใช้ : ใช้ Modal Verbs ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ ไม่ว่าจะในการพูดหรือเขียนก็ตาม 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อแข่งขันกันทำแบบฝึกหัดด้วย โปรแกรมออนไลน์ Quizlet ผ่านมือถือของ นักเรียนเอง โดยสลับกลุ่มไปเรื่อย ๆ 4.2 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติม จากเอกสารประกอบการเรียนและจาก Internet 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนฝึกพูดถามตอบเกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋านักเรียน โดยการใช้โครงสร้าง Modal verbs 5.2 นักเรียนจากการทำใบงานเรื่อง Modal verbs โดยครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนจากการทำ ใบงานเรื่อง Modal verbs 5.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงาน โดยครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมจากการทำ ใบงาน หากพบว่านักเรียนยังเข้าใจไม่ชัดเจนในหัวข้อใด ครูอธิบายและยกตัวอย่างให้นักเรียนเข้าใจให้มากขึ้นใน หัวข้อนั้น ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 106 5.4 นักเรียนฟังครูสรุปหลักการใช้Modal verbs แบบต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง และยกตัวอย่าง ประโยคให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Modal Verbs (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Modal Verbs (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค วาม ร่วม มื อใน การท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 107 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 108 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง Modern History รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 16 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.1/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านอย่าง เหมาะสม ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 1.3 ม.1/3 พูด / เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมหรือเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว พร้อมทั้งให้เหตุผล สั้น ๆ ประกอบ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัวโดยใช้ Prepositions สามารถแสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบ และใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยค และข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านได้มี ทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัวโดยใช้ Prepositions สามารถแสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบ และใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยค และข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านได้ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 7 : Modern History 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 7 : Modern History 3. การใช้Prepositions ในรูปแบบต่าง ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 109 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….…………………………


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 110 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading - ใบงานเรื่อง Prepositions of time - ใบงานเรื่อง Prepositions of place - ใบงานเรื่อง Preposition of movement - ใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading 2. ตรวจใบงานเรื่อง Prepositions of time 3. ตรวจใบงานเรื่อง Prepositions of place 4. ตรวจใบงานเรื่อง Preposition of movement 5. ตรวจใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading 2. ใบงานเรื่อง Prepositions of time 3. ใบงานเรื่อง Prepositions of place 4. ใบงานเรื่อง Preposition of movement 5. ใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 ใบงานเรื่อง Prepositions of time ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 111 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Prepositions of place ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Preposition of movement ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 5 ใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary and Reading จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และช่วยกันพูดคุยถึงคำศัพท์เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ นักเรียนรู้จักทั้งในรูปภาพและนอกเหนือจากรูปภาพที่นักเรียนเห็น 1) 2) 3) 4)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 112 1.2 นักเรียนสามารถตอบ เช่น hit, fall, space, space vehicle, discovery, coffin, prince, princes เป็นต้น 1.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Move it1 หน้าที่ 78 หัวข้อที่ 3 Match the photos (1-8) to the events (a-h) 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบ หน้าที่ 78 หัวข้อที่ 3 Match the photos (1-8) to the events (a-h) 1.5 นักเรียนฟังครูพูดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Modern History โดยครูพูดคำศัพท์เป็นภาษาไทยและนักเรียน บอกคำศัพท์นั้นเป็นภาษาอังกฤษ 1.6 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 1.7 นักเรียนบอกคำศัพท์ โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มไหนบอกและเขียนคำศัพท์บน กระดานได้มากกว่าก็จะเป็นกลุ่มที่ชนะ 1.8 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Modern History เพิ่มเติม 1.9 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายของคำศัพท์ทุกตัว ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้นักเรียน เข้าใจวิธีการใช้คำศัพท์นั้นให้มากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Vocabulary and Reading ในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน 2.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความหมายของคำศัพท์บนกระดานและร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ ในบทเรียนร่วมกัน ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 2 ประโยค 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของนักเรียน จากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ เรื่องที่ 2 เรื่อง Prepositions of time จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนคำศัพท์ที่ได้เรียนมา โดยเล่นเกม Kahoot


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 113 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนทวนการใช้ประโยค Preposition ดังนี้Preposition หรือคำบุพบทคือ คำที่ใช้เชื่อมคำนาม กับคำนาม หรือเชื่อมคำนามกับวลี/ ประโยค เป็นคำที่ใช้แสดงสถานที่ ตำแหน่ง การเคลื่อนไหว ทิศทาง เวลา ลักษณะ และความสัมพันธ์เช่น on, in, under, at, between, next to • The books on the desk are Ryker’s. หนังสือบนโต๊ะนั้นเป็นของไรเกอร์ เป็นการเชื่อมระหว่าง books (คำนาม) และ desk (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่งนี้ว่า หนังสืออยู่บนโต๊ะ • She works as a receptionist at the mall. เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่ห้างสรรพสินค้า เป็นการเชื่อมระหว่าง works (คำกริยา) และ the mall (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 สิ่งนี้ว่า ทำงานที่ห้างสรรพสินค้า 2.2 นักเรียนดูตารางข้อมูลบน PowerPoint Prepositions of time at in on Usage precise time months, years, centuries and long periods days and dates Example at 2 o’clock in January on Tuesday at 09.30 am in summer on Saturday at night in the autumn on 5 April at dinnertime in 1985 on 25 Dec. 2021 at bedtime in the 1990s on Christmas Day at sunrise in the next century on Independence Day at sunset in the Ice Age on my birthday at the moment in the past / future on New Year’s Eve 2.3 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและอภิปรายข้อมูลในตารางราง 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Preposition of Time (คำบุพบทบอกเวลา) 1. In ใช้กับ เดือน ฤดู ปี เช่น • My sister’s birthday is in December. วันเกิดของน้องสาวฉันตรงกับเดือนธันวาคม 2. On ใช้กับ วันและเทศกาล เช่น • He will be at here on next Monday. เขาจะมาที่นี่วันจันทร์หน้า 3. At ใช้กับ เวลาที่เฉพาะเจาะจง เช่น • I will go to the market at 6 p.m. ฉันจะไปตลาดตอน 6 โมงเย็น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 114 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Prepositions of time ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint จำนวน 4 ข้อ 1. I’m busy………………….…the moment, but I’ll be free this evening. 1) at 2) in 3) on 2. Let’s meet………………….…midday………………….…Saturday. 1) at / at 2) in / on 3) at / on 3. The manager isn’t here………………….…present, but she’ll be back………………….…half an hour. 1) at / in 2) at / at 3) in / in 4. You won’t be working………………….…Saturday nights………………….…the future, will you? 1) at / in 2) on / in 3) on / at Answer Key 1. 1) 2. 2) 3. 1) 4. 2) 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาหน้าชั้นเรียนจำนวน 2 - 3 คน ออกมาแต่งประโยคโดยใช้ Prepositions of time บนกระดาน • My birthday is in September. • She met her husband in 2012. • Trump was born in 1946. • We always go to the beach in summer. • The trees here are really beautiful in the spring. • The meeting starts in 5 minutes. • Trade was important in the 1990s. • It was built in the 5th century. • I often get sleepy in the afternoon. 4.2 นักเรียนช่วยกันตรวจสอบประโยคของตัวแทนเพื่อนที่เขียนลงบนกระดาน เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้ ช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไข้ประโยคให้ถูกต้อง 4.3 นักเรียนดูตัวอย่างแบบฝึกหัดPrepositions of time บน PowerPoint จำนวน 6 ข้อ • I usually go to my parents’ house………………….…….Christmas. We eat turkey together………………….…….Christmas Day. • The train leaves………………….…….tomorrow morning………………….…….10:00 am. • The class is………………….…….9 am………………….…….Tuesday mornings. • Andrew likes to drink coffee………………….…….the morning and tea………………….…….the afternoon.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 115 • We’re meeting………………….…….lunchtime………………….…….next Tuesday • Bryant is arriving………………….…….May the 13th………………….…….ten o’clock………………….…… the morning. Answer Key : 1.at / on 2. - / at 3. at / on 4. in / in 5. at / - 6. on / at / in 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Prepositions of time บน PowerPoint 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเหตุผลในการตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Prepositions of time บน PowerPoint ที่ละข้อ 5.3 นักเรียนช่วยกันทบทวนโครงสร้างประโยค Prepositions of time 5.4 ครูสังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรม การเขียนประโยคและการตอบคำถามใน แบบฝึกหัดเรื่อง Prepositions of time ของนักเรียน ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Prepositions of time จากที่ได้เรียนมาในชั่วโมงที่แล้ว โดยนักเรียนดู รูปภาพ Prepositions of time บน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Prepositions of time จากภาพบน PowerPoint 1.3 นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างประโยค โดยใช้ Prepositions of time จำนวน 5 ประโยค 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียน 1.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Prepositions of time 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of Time IN – ON – AT | Rules and Examples จาก https://www.youtube.com/watch?v=wUDamb69ugc 2.2 นักเรียนฟังครูอธิบายPrepositions of Time เพิ่มเติม Preposition of Time คือ คำบุพบทบอกเวลา ได้แก่ 1. at ใช้กับจุดย่อยของเวลา, เวลาตามนาฬิกา, และช่วงเทศกาลประจำปี ได้แก่ at dawn ตอนรุ่งเช้า at noon ตอนเที่ยง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 116 at night ตอนกลางคืน at six o’clock ตอน 6 โมง at New Year ตอนปีใหม่ at Christmas ตอนช่วงคริสต์มาส at midnight ตอนเที่ยงคืน at the moment ขณะนี้ at ใช้กับเวลาตามนาฬิกาและในสำนวน เช่น at dawn, at noon, at midday, at night, at midnight, at bedtime, at lunchtime, at dinnertime, at sunrise, at sunset, at present, at the moment, at the same time • The appointment is at 10:30. • Jane works best at night. • I’ll see you at lunchtime. • I’m afraid he’s not here at present. Can I take a message? • We finished the test at the same time. นอกจากนี้ at ยังใช้กับวันหยุดสุดสัปดาห์ (weekend) และเทศกาล (festival) ต่าง ๆ เมื่อ ต้องการ กล่าวถึงช่วงเวลานั้นตลอดทั้งช่วง • Did you have fun at the weekend? (ตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์) • What are you doing at Christmas? (ตลอดช่วงเทศกาลคริสต์มาส) 2. on ใช้กับวัน (ซึ่งอาจมีเดือน พ.ศ. ด้วย) ช่วงเวลา , วันสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ on Monday on Sunday night on New Year’s Day on Christmas Day on Songkran’s Day on November 12th (on the twelfth of November) on ใช้กับวันต่าง ๆ ของสัปดาห์ วันที่ และในสำนวน เช่น on Monday morning, on Friday evening, on Saturday night, on the weekend, on weekends เป็นต้น • Annie’s baby was born on Monday. • His birthday is on March 5. • Are you doing anything on Saturday night? • What do you usually do on the weekend? on ยังใช้เมื่อกล่าวถึงวันใดวันหนึ่งเป็นการเฉพาะในระหว่างเทศกาลหนึ่ง ๆ • There’s a party at Ann’s house on Christmas Day. • Do you have any celebration on Easter Sunday? ข้อควรจำ ไม่ใช้คำบุพบทบอกเวลา in, on, at กับคำว่า today, tomorrow, yesterday และสำนวน บอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วยคำบางคำ เช่น last, next, every, this เป็นต้น • Do you have any meetings today? • What did you do last night? สำนวนที่ใช้กันโดยทั่วไปอีกสองสำนวนคือ in time และ on time จะมีความหมายแตกต่างกันคือ in time หมายถึง ทันเวลา (ก่อนเวลา ก่อนกำหนด) ส่วน on time จะหมายถึง ตรงเวลาพอดี 3. in ใช้กับช่วงเวลาของวัน, เดือน, ปี, ค.ศ., ศตวรรษ, ฤดู in the morning in the afternoon in the evening


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 117 in June in 1996 in nineteenteh century in summer/ in winter/ in autumn/ in spring มี article “the” นำหน้าก็ได้ นอกจากนี้ in ยังใช้กับ การบอกกำหนดช่วงเวลาล่วงหน้า, ภายในเวลา เช่น • I can read this book in 2 hours. ฉันสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง • Ask me again in two or three days, please. โปรดถามฉันอีกครั้งในอีกสองสามวัน หมายเหตุ : สำนวน in time = ทันเวลา แต่ on time = ตรงเวลา in ใช้กับเดือน ปี ทศวรรษ ศตวรรษ ฤดูกาล และสำนวน the first/second/third, etc./last week • In Thailand, the weather’s great in December. • I started work at pizza company in 1985. • There was an economic crash in the 1990s. • Columbus went to America in the fifteenth century. • In winter, it often snows in England. • My family and I usually have our main holiday in the summer. • The school board meetings are in the first and third weeks of the month. ขอสังเกต เมื่อกล่าวถึงฤดูกาลเป็นการเฉพาะ (อาจหมายถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในฤดูนั้น) ไม่ใช่กล่าว ทั่ว ๆ ไป จะใช้ the นำหน้าด้วย นอกจากนี้ in ยังใช้ในสำนวนดังเช่น in the morning/afternoon/evening ในสำนวน in the night เมื่อเป็นการกล่าวถึงคืนใดคืนหนึ่งเป็นการเฉพาะ (มักใช้ในกรณีของคืนวันที่ผ่านมา) และในสำนวน in the past, in the future • We went to the Temple of the Emerald Buddha in the afternoon. • I had a horrible dream in the night. • What would you like to do in the future? ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนอ่านทบทวนใบความรู้เรื่อง Prepositions of time ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ 1. Mary wore a witch costume………………….……Halloween. 2. I have English classes………………….……Tuesdays. 3. My dad comes home………………….……lunchtime. 4. The children like to go to the park………………….……the morning. 5. Henry's birthday is………………….……November. 6. Lots of people go shopping………………….……Christmastime. 7. Justin Bieber was born………………….……March 1, 1994. 8. Leaves turn red, gold and brown………………….……Autumn. 9. My friends like to go the movies………………….……Saturdays. 10.The pilgrims arrived in America………………….……1620.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 118 11. My sister likes to watch TV………………….……the evening. 12. Mum always reads stories………………….……bedtime. 13. I like to watch the parade………………….……Independence Day. 14. Hippies protested against the war………………….……the 1960s. 15. We finished the marathon………………….……the same time. Answer key : 1) on 2) on 3) at 4) in 5) in 6) at 7) on 8) in 9) on 10) in 11) in 12) at 13) on 14) in 15) at 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Prepositions of time โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • I get up at 7 o’clock. • My English class starts at 10 am. • She finishes work at 6.15 • I left the party at midnight. • Do you normally get together with your relatives at Christmas? • Did you eat a lot of chocolate at Easter? • I will return it to you on Wednesday. • They got married on Friday the 13th . • We get paid on the 20th of every month. • I drank too much milk on New Year’s eve. • My birthday is in January. (I don’t mention the date, just the month) • My grandmother was born in 1927. • The river near my house is dry in Summer. • The company was founded in the 19th century. • We need to have this report ready in 15 minutes. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Prepositions of time ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of time 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Prepositions of time


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 119 เรื่องที่ 3 เรื่อง Prepositions of place จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง Prepositions of time โดยดูวิดีโอคลิป AT ON IN - Prepositions of Time in English จาก https://www.youtube.com/watch?v=Lr1BBoNu6hI 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และสรุปการใช้ Prepositions of time 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Video 6 Prepositions of Place จาก https://www.youtube.com/ watch?v=OQUpgLcC64c 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิป ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนดูรูปภาพบน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 120 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปข้อมูลจากที่ปรากฏบน PowerPoint 3.3 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ in, on, at กับเวลาและสถานที่ 3.4 นักเรียนช่วยกันพูดประโยคการใช้ ที่ in, on, at กับสถานที่ และออกมาเขียนประโยคที่พูดบน กระดาน • My hometown is Lost Angeles, which is in California. • I forgot my phone. It’s in the car. • Yesterday, I was in a taxi. • I’m in the supermarket. (นั่นหมายความว่าอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้ว) • That picture is on the wall. • The books are on the table. • The company is on the Sukhumvit 21 Road. • My brother is working at Google. • I was at cinema last night. • My daughter did well at the school. • My home at number 123 Asoke. 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียนว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบว่ามี ประโยคใดไม่ถูกต้อง นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายคำศัพท์เกี่ยวกับ Prepositions of Place ทีละคำ • over / above เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่อยู่สูงกว่าหรืออยู่เหนือกว่าสิ่งหนึ่งขึ้นไป • under / below เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่อยู่ข้างล่าง ข้างใต้ หรือต่ำกว่าสิ่งหนึ่งลงมา • between เพื่อกล่าวถึงตำแหน่งที่อยู่ระหว่างสิ่ง 2 สิ่งว่าสิ่งใดอยู่ระหว่างอะไร • inside เพื่อกล่าวถึงว่าสิ่งใดอยู่ภายในหรือข้างในอะไร • outside เพื่อกล่าวถึงว่าสิ่งใดอยู่ภายนอกหรือข้างนอก • behind เพื่อกล่าวถึงว่าสิ่งใดอยู่ข้างหลังหรือด้านหลัง • in front of เพื่อกล่าวถึงว่าสิ่งใดอยู่ด้านหน้าหรือข้างหน้า • opposite เพื่อกล่าวถึงว่าสิ่งใดอยู่ตรงข้าม ตรงกันข้ามกับอะไร • near เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ใกล้กับสิ่งใด • next to / beside เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ติดกับ อยู่ข้างๆ หรืออยู่ถัดจากสิ่งใด 4.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม Prepositions of place 1 จำนวน 15 ข้อ โดยครูเปิดคำถามจาก https://wordwall.net/th/resource/614574/prepositions-of-place-1


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 121 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเลือกตอบคำตอบในแต่ละข้อ ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Prepositions of place จากที่ได้เรียนมาในชั่วโมงที่แล้ว โดยนักเรียน ดูรูปภาพ Prepositions of time บน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันพูดประโยค โดยใช้Prepositions of place จากภาพบน PowerPoint 1.3 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคตามรูปภาพบนกระดาน A : The dog is on the chair. B : The cat is on the table. C : The cat is behind the computer. D : The dog is behind the wardrobe. The cat is in the wardrobe. E : The dog is on the bed. The cat is under the bed. F : The dog is in front of the picture. G : The cat is behind the cupboard. H : The cat is on the right of the TV. The dog is on the left of the TV. The TV is between the cat and the dog. J : The dog is on the left of the chest of drawers. The cat is on the chest of drawers.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 122 K : There is a cat on the right of the bookcase, and another cat on the left of the bookcase. The bookcase is between the two cats. L : The dog is in front of the CD system. 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียน 1.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Prepositions of place 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Preposition of Place | คำบุพบทบอกสถานที่ พร้อมประโยคตัวอย่าง จาก https://www.youtube.com/watch?v=TnOhfhomtKM 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of Place - English Lesson จาก https://www.youtube. com/watch?v=lhUzq16KM48 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายPrepositions of Place เพิ่มเติม Prepositions of place คำบุพบทบอกสถานที่ ใช้เพื่อระบุตำแหน่ง สถานที่ บริเวณ หรือจุดย่อย ของสถานที่ นั่นก็คือ ใช้ระบุสถานที่ของบุคคล วัตถุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 1. ใช้ over / above เพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่สูงกว่าหรืออยู่เหนือกว่าสิ่งหนึ่งขึ้นไป เช่น • There’s a helicopter hovering above my house. มีเฮลิคอปเตอร์บินลอยอยู่เหนือบ้านของฉัน • The temperature is above 50 degrees in summer. อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาในฤดูร้อน • The dog jumped over the fence. สุนัขกระโดดข้ามเหนือรั้ว • Today’s temperature is over 45 degrees. อุณหภูมิวันนี้สูงกว่า 45 องศา 2. ใช้ under / below เพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่ข้างล่าง ข้างใต้ หรือต่ำกว่าสิ่งหนึ่งลงมา เช่น • The cat is under the table. แมวอยู่ใต้โต๊ะ • The wreck of Titanic still remains under the sea. ซากของเรือไททานิคยังคงอยู่ใต้ทะเล • The liquid must be kept below 5 degrees. ของเหลวจะต้องถูกเก็บไว้ต่ำกว่า 5 องศา • The college will not accept candidates with test scores below 60. วิทยาลัยจะไม่รับผู้สมัครที่มีคะแนนสอบต่ำกว่า 60 3. ใช้ between เพื่อบอกตำแหน่งที่อยู่ระหว่างสิ่ง 2 สิ่งว่าสิ่งใดอยู่ระหว่างอะไร ตัวอย่างเช่น • The border between Sweden and Norway. ชายแดนระหว่างสวีเดนและนอร์เวย์ • We fly between Rome and Paris twice daily. เราบินระหว่างโรมและปารีส 2 ครั้งต่อวัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 123 • Our house is between the supermarket and the school. บ้านของเราอยู่ระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตและโรงเรียน 4. ใช้ inside เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ภายในหรือข้างในอะไร เช่น • The melon was still green inside. แตงโมยังคงเป็นสีเขียวอยู่ข้างใน • You shouldn’t stay inside the castle. คุณไม่ควรอยู่ข้างในปราสาท • We’re inside the coffee shop. เราอยู่ในร้านกาแฟ ข้อสังเกต เราสามารถใช้ in แทน inside ได้ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง 5. ใช้ outside เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ภายนอกหรือข้างนอก เช่น • You must wait outside. คุณต้องรอข้างนอก • We sat at a table outside the café. เรานั่งที่โต๊ะข้างนอกร้านกาแฟ • There’s a chair just outside the room. มีเก้าอี้อยู่ภายนอกห้อง 6. ใช้ behind เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ข้างหลังหรือด้านหลัง เช่น • He slammed the gate shut behind him. เขากระแทกประตูปิดตามหลังเขา • There’s a little man behind the counter. มีผู้ชายตัวเล็กอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ • The car behind us is flashing its lights. รถด้านหลังเรากำลังกระพริบไฟ 7. ใช้ in front of เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ด้านหน้าหรือข้างหน้า เช่น • We parked our car in front of the hotel. เราจอดรถด้านหน้าโรงแรม • This dragon statue is in front of a temple. รูปปั้นมังกรนี้อยู่หน้าวัด • He sits in front of his computer at work every day. เขานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ที่ทำงานทุกวัน 8. ใช้ opposite เพื่อใช้บอกว่าสิ่งใดอยู่ตรงข้าม ตรงกันข้ามกับอะไร เช่น • John lives in the house opposite ours. จอห์นอาศัยอยู่ในบ้านตรงข้ามกับบ้านเรา • A condo will be built opposite the temple. คอนโดจะถูกสร้างตรงข้ามกันกับวัด


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 124 • The bus stop is opposite the cinema. ป้ายรถเมล์อยู่ตรงข้ามโรงหนัง 9. ใช้ near เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ใกล้กับสิ่งใด ตัวอย่างเช่น • She lives near her mother. เธออาศัยอยู่ใกล้กับแม่ของเธอ • The car is parked near the train station. รถจอดอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ • Is there an Indian restaurant near here? มีร้านอาหารอินเดียใกล้ๆ นี้มั้ย 10. ใช้ next to เพื่อบอกว่าสิ่งใดอยู่ติดกับ อยู่ข้างๆ หรืออยู่ถัดจากสิ่งใด เช่น • His house’s next to my house. บ้านของเขาอยู่ถัดจากบ้านของฉัน • It’s next to the Department Store. มันอยู่ถัดจากห้างสรรพสินค้า • Do you mind my sitting next to you? จะรังเกียจไหมถ้าจะขอนั่งข้าง ๆ เธอ? ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนอ่านทบทวนใบความรู้เรื่อง Prepositions of Place ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ Instructions : Answer the following questions by using the pictures. 1.The clock is………………….……the wall. 2. The ball is………………….……the table. 3. The cat is………………….……the armchair. 4. The table is………………….……the armchair. 5. The carpet is………………….……the floor. 6. The lamp is………………….……the table. 7. The flowers are………………….……the vase.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 125 8. The table is………………….……the chair and the armchair. Answer key : 1) on 2) under 3) in front of 4) next to 5) on 6) on 7) in 8) between 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Prepositions of place โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • The toy is under the table. ของเล่นอยู่ใต้โต๊ะ • The key is locked inside the car. กุญแจถูกล็อกไว้ข้างในรถ • They stepped outside the house. พวกเขาก้าวออกจากบ้าน • The temperature is above 40 degrees in summer. ในฤดูร้อนมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา • Our house is between the supermarket and the bank. บ้านของเราอยู่ระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ตและธนาคาร • Her house’s next to my house. บ้านของเธออยู่ถัดจากบ้านของฉัน • My dad’s standing beside me. พ่อยืนข้างๆฉัน • The car is parked near the police station. รถจอดอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ 4.2 นักเรียนทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions of place Instructions : Circle the correct option and fill in the blanks.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 126 แหล่งที่มา : https://englishwsheets.com/prepositions%20of%20place%201.pdf 4.3 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Prepositions of place ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of place 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Prepositions of place เรื่องที่ 4 เรื่อง Prepositions of movement จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคที่บรรยายแต่ละภาพ บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่เห็น Prepositions of Movement Adam jumped over the fence and escaped.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 127 1.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม รู้มั๊ยPrepositions of movement ที่พบเห็นกันบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง...? • across ข้ามไปอีกฟาก/ ด้านหนึ่ง • along เลียบอะไรบางอย่าง • around รอบ ๆ หรือ รอบ • away from ออกมาจาก • behind ด้านหลัง แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านหลังอะไรบางอย่าง • between ระหว่าง แสดงถึงวัตถุที่อยู่ตรงกลางของของสองสิ่ง • down ลงด้านล่าง • in front of ด้านหน้า แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านหน้าอะไรบางอย่าง • in ด้านใน แสดงถึงวัตถุที่อยู่ในอะไรบางอย่าง • next to ถัดจาก แสดงถึงวัตถุที่อยู่ถัดจากอะไรบางอย่าง • off การลงมาจากอะไรบางอย่าง • on ด้านบน แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านบนอะไรบางอย่าง • onto ขึ้นไปข้างบนของอะไรบางอย่าง • out of ออกมาจากอะไรบางอย่าง • over ข้าม แสดงถึงการข้ามอะไรบางอย่าง • past ผ่าน • through ผ่าน, ทะลุ • toward มุ่งหน้าไปยัง • under ใต้, ข้าง, ล่าง, เบืองใต้, ตํ่ากว่า, รอง, ใน, ภายใต้บังคับบัญชา, ใช้แสดง ถึงตำแหน่ง (position) • under ด้านใต้ แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านใต้อะไรบางอย่าง • up ขึ้นข้างบน 1.3 นักเรียนช่วยกันบอกความหมาย Prepositions of movement ที่นักเรียนช่วยกันตอบจากคำถาม รู้มั๊ย Prepositions of Movement ที่พบเห็นกันบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง...? 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปการใช้ Prepositions of movement: English Language จาก https://www.youtube.com/watch?v=oUIJN242tBw 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหาจากวิดีโอคลิปที่นักเรียนได้ดู 2.3 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้Prepositions of movement 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายการใช้ Prepositions of movement คือ คำบุพบทบอกทิศทางหรือการ เคลื่อนไหว เป็นคำที่ใช้อธิบายว่าของสิ่งนั้นอยู่ทิศทางตำแหน่งไหนของสิ่งที่ต้องการจะบอก โดยประกอบไปด้วย 1. การบอกตำแหน่ง 1.1 in (ด้านใน) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ในอะไรบางอย่าง • Kitty Lamoon is sleeping in the box. แมวเหมียวน้อยลามูน นอนอยู่ในกล่อง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 128 1.2 On (ด้านบน) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านบนอะไรบางอย่าง • I put extra money on the bed, you go grab it before you leave. ฉันวางเงินเพิ่มให้บนเตียงแล้วนะ เธอไปหยิบก่อนออกจากบ้านได้เลย 1.3 Under (ด้านใต้) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านใต้อะไรบางอย่าง • Did you put the paper under my bedsheet? เธอวางกระดาษไว้ใต้ผ้าปูที่นอนเหรอ 1.4 Between (ระหว่าง) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ตรงกลางของของสองสิ่ง • Please wait between those two pillars. ขอความกรุณารอได้ที่ระหว่างเสานั่นเลยค่ะ 1.5 Behind (ด้านหลัง) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านหลังอะไรบางอย่าง • I see her standing right behind the John. ฉันเห็นเธอยืนอยู่ข้างล่างจอห์นเลย 1.6 In front of (ด้านหน้า) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ด้านหน้าอะไรบางอย่าง • He’s waiting for you in front of the building. เขารอเธออยู่หน้าตึกละ 1.7 Next to (ถัดจาก) แสดงถึงวัตถุที่อยู่ถัดจากอะไรบางอย่าง • Come sit next to me. มานั่งข้าง ๆ ฉันสิ 2. การบอกทิศทางการเคลื่อนไหว 2.1 Up (ขึ้นข้างบน) • Elevator is out of order, I need to climb up 6 floor stairs! ลิฟท์เสีย นี่ฉันต้องปีนบันไดขึ้นมาหกชั้นเลยนะ! 2.2 Down (ลงด้านล่าง) • Water is running down the tube. น้ำไหลในท่อลงมาจากด้านบน 2.3 Over (ข้ามอะไรไป) • Watch out for broken glasses, walk over them carefully. ระวังกระจกที่แตก เดินข้ามมันอย่างระมัดระวังล่ะ 2.4 Across (ข้ามผ่านอะไรบางอย่าง) จะต่างกับ over ตรงที่ over จะให้ความหมายแนวว่า ข้ามสิ่งนั้นแบบเต็มที่มักจะเป็นส่วนโค้ง มีการขึ้นและลง ส่วน across อาจจะคือการเดินข้ามธรรมดา เป็นแนว เส้นตรงได้ • I’m riding the bicycle across the road. ฉันขี่จักรยานข้ามถนน 2.5 Along (เลียบอะไรบางอย่าง) • Let’s drive a car along the river. มาขับรถเลียบแม่น้ำกันเถอะ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 129 2.6 Into (เข้าไปในอะไรบางอย่าง) • We’re walk into the room together. พวกเราเดินเข้าไปในห้องด้วยกัน 2.7 Out of (ออกมาจากอะไรบางอย่าง) • Let’s get out of here, I’m so bored. ออกไปจากที่นี่กันเถอะ ฉันเบื่อมากแล้ว 2.8 Onto (ขึ้นไปข้างบนของอะไรบางอย่าง) • My cat jumps onto the bookshelf swiftly. แมวของฉันกระโดดไปบนชั้นวางหนังสืออย่างเร็ว 2.9 Off (การลงมาจากอะไรบางอย่าง) • Where do we get off the bus? เราจะลงจากรถเมล์แถวไหน 2.10 Past (การผ่านอะไรบางอย่าง ที่ไม่ได้ทะลุผ่านกลุ่มนั้น ๆ) • She walked past me but she didn’t notice I was here. เธอเดินผ่านฉันไปโดยที่ไม่สังเกตเลยว่าฉันอยู่ที่นี่ 2.11 Through (การผ่านเข้าไปในกลุ่มอะไรบางอย่าง) • The plane is flying through condensed group of clouds. เครื่องบินกำลังบินผ่านกลุ่มเมฆที่หนาแน่น 2.12 Around (การวนรอบอะไรบางอย่าง) • My mom exercises by walking around the house every day. แม่ฉันออกกำลังกายด้วยการเดินรอบบ้านทุกวัน 2.13 Toward (มุ่งหน้าไปยัง) • They’re walking toward me. พวกเขากำลังเดินมาหาฉัน 2.14 Away from (ออกมาจาก) • Get away from that place now, it’s very dangerous. ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ มันอันตรายมาก ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคโดยใช้ Prepositions of movement 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยค โดยใช้ Prepositions of movement เช่น • It took us three days to drive across the desert. • A big dog was sleeping on the floor so she had to walk around it. • The mouse ran away from the cat and escaped. • He climbed down the ladder to the bottom of the well. • He got into the car and closed the door.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 130 • The wineglass fell off the table and shattered on the floor. • Move the kettle onto the counter. • Take your hands out of your pockets and help me! • We are flying over the mountains. • We could see children in the playground as we drove past the school. • The train goes through a tunnel under the hill. • The night sky got brighter as they drove toward the city. • The mouse ran under the chair. • The boat takes two hours going up the river and one hour coming down. 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนห้องออกมาเขียนว่ามีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องนักเรียนจะแก้ไขประโยคอย่างไรให้มีความถูกต้อง 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ เพราะเหตุใดจึงเลือกตอบข้อนั่น ๆ แหล่งที่มา : https://www.englishclub.com/vocabulary/prepositions-movementpicture-quiz.php


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 131 4.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน เพื่อช่วยกันตอบคำถามในใบงาน จำนวน 10 ข้อ 1. Oliver came………………….……the room and took his gun………………….……his pocket. 2. Victoria walked………………….……the table and moved………………….……the window. 3. They saw someone running………………….……the school,………………….……a car and ………………….……the road. 4. David jumped………………….……the platform and ran………………….……the rails just before the train arrived. 5. The prisoners squeezed………………….……the window, ran………………….……the grass and escaped………………….……the fence. 6. Owen and Sophia walked………………….……the hill. Pretty soon they were tumbling ………………….……the hill. 7. Did you walk here………………….……home? 8. At last she could recognize the person coming………………….……her. 9. Christian went………………….……the room to smoke a cigarette. 10.They ran………………….……the hill to the stream below. Answer Key : 1) into / out of 2) around / toward 3) away from / past / towards 4) off / over 5) through / across / under 6) up / down 7) from 8) towards 9) out of 10) down 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมการตอบคำถามบน PowerPoint เกี่ยวกับ Prepositions of movement 5.2 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมกลุ่มและการตอบคำถามในใบงานเกี่ยวกับ Prepositions of movement 5.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Prepositions of movement จากที่ได้เรียนมาในชั่วโมงที่แล้ว โดย นักเรียนดูรูปภาพ Prepositions of movement บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 132 1.2 นักเรียนช่วยกันพูดประโยค โดยใช้ Prepositions of movement จากภาพบน PowerPoint 1.3 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคตามรูปภาพบนกระดาน 1. The cat is in the bag. 2. The bee is above the rose flower. The rose flower is under the bee. 3. The cat is behind the dog. The dog is in front of the cat. 4. The hare is next to the bear. 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียน 1.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Prepositions of movement 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of movement: English Language จาก https://www.youtube.com/watch?v=oUIJN242tBw 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป คำบุพบท เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว มีอะไรบ้าง / Preposition of movement จาก https://www.youtube.com/watch?v=HS5JHQsWYxQ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายPrepositions of movement เพิ่มเติม บุพบทบอกการเคลื่อนไหว (Preposition of movement) โดยจะทำหน้าที่บอกตำแหน่ง หรือ การเคลื่อนไหว โดยจะแบ่งกล่าวเป็นกลุ่มๆ ดังนี้ • กลุ่มที่ 1 along, across, through, past • กลุ่มที่ 2 into, out of, onto, off, to, from • กลุ่มที่ 3 up, down, (a)round กลุ่มที่ 1 along, across, through, past 1. ใช้ along (เออะ-ลอง) ในความหมายว่า “(เดิน, วิ่ง, แล่น, ….) ไปตาม เช่น ถนน, เส้นทาง….” • Father is running along the road. พ่อกำลังวิ่งไปตามถนน • Sam walked along the street alone. แซมเดินไปตามถนนคนเดียว 2. ใช้ across (เออะ-ครอส) ในความหมายว่า “ข้ามไปอีกฟาก / ด้านหนึ่ง” • A man is walking across the road. ชายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน • We ran across the bridge. เราวิ่งข้ามสะพาน 3. ใช้ through (ธรู) ในความหมายว่า “ทะลุลอดไปอีกด้านหนึ่ง” • The thief is creeping through the pipe. ขโมยกำลังคืบคลานลอดไปตามท่อ • The rain poured through the roof. ฝนรั่วลอดหลังคา


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 133 4. ใช้ past (พาสทฺ) ในความหมายว่า “(เดิน, วิ่ง,….) ผ่านไป” • The policeman walked past the thief. ตำรวจเดินม่านขโมยไป • I dashed past him. ผมวิ่งผ่านหน้าเขาไป กลุ่มที่ 2 : into, out of, onto, off, to, from 1. ใช้ into (อินทู) ในความหมายว่า “(ลง, เข้า, เดิน, วิ่ง,…) ไปยัง” ขณะที่ out of (เอ้าทฺ ออฟ) หมายถึง “ออกมาจาก, ออกจาก” • Mrs. Brown was walking into the hairdresser’s. นางบราวน์กำลังเดินเข้าไปในร้านทำผม • Mrs. Brown is walking out of the hairdresser’s now. นางบราวน์กำลังเดินออกจากร้านทำผมขณะนี้ 2. ใช้ onto (ออนทู) ในความทมายว่า “ลงไปบน” ในขณะที่ off (ออฟ) หมายถึง “ออกจาก” • The cat is jumping onto the roof. แมวกำลังกระโดดลงไปบนหลังคา • The cat is jumping off the roof. แมวกำลังกระโดดออกจากหลังคา 3. ใช้ to (ทู) ในความหมายว่า “ตรงไปยัง” ในขณะที่ from (ฟรอม) หมายถึง “มาจาก” • They are walking to the beach. พวกเขากำลังเดินไปยังชายหาด • They are walking from the beach. พวกเขากำลังเดินมาจากชายหาด กลุ่มที่ 3 :up, down, (a)round 1. ใช้ up (อัพ) ในความหมายว่า “ขึ้นไปบ้างบน” ส่วน down (ดาวนฺ) มีความหมายว่า “ลงมา ข้างล่าง” • Sam was climbing up the mountain. แซมกำลังปีนขึ้นเขา • He’s now falling down the mountain. ตอนนี้เขากำลังกลิ้งตกลงมาจากเขา 2. ใช้ round (ราวดฺ) หรือ around (เออะ-ราวดฺ) ในความหมายว่า “รอบ ๆ” หรือ “รอบ” • He walked (a)round the path. เขาเดินไปรอบทาง • The car was turning (a)round the comer of the road. รถยนต์วิ่งไปรอบมุมถนน ที่มา : รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 134 ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนอ่านทบทวนใบความรู้เรื่อง Prepositions of movement ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ Instructions : look and complete with the missing words. in – on – under – next to – in front of - between 1. The bed is………………….……the window. 2. The red chair is………………….……the bed. 3. The books are………………….……the table. 4. The schoolbag is………………….……the table. 5. The sports shoes are………………….……the floor. 6. The pencils are………………….……the glass. 7. The dog is………………….……the doorway and the cat is………………….……the bed. 8. The picture is………………….……the wall,………………….……the door and the window. Answer key : 1) in front of 2) next to 3) on 4) under 5) on 6) in 7) in / next to 8) on / between แหล่งที่มา : https://en.islcollective.com/english-esl- worksheets/grammar/ prepositions-place/bedroom-and-prepositions/122318 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Prepositions of movement โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • We ran across the bridge. พวกเราวิ่งข้ามสะพาน • The car was turning (a)round the comer of the road. รถยนต์วิ่งไปรอบมุมถนน • She is walking down the stairs. เธอกำลังเดินลงบันได


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 135 • The cat is jumping off the roof. แมวกำลังกระโดดออกจากหลังคา • The bird flows over out head. นกบินอยู่เหนือศีรษะพวกเรา • The policeman walked past the thief. ตำรวจเดินผ่านขโมยไป • We sit under the tree? เรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ 4.2 นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน และช่วยกันทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions of movement Instructions : Complete the crossword and help Dotty tidy her room. แหล่งที่มา : https://en.islcollective.com/english-esl- worksheets/grammar/ prepositions/prepositions-crossword/12700 What a mess! Across 2. The cat is………………….……the dog. 4. The dog is………………….……the door. 5. The cat is………………….……the wardrobe. Down 1. The radio is………………….……the bed. 3. The wardrobe is………………….……the picture and the door.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 136 4.3 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions of movement 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ใน เอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Prepositions of movement เรื่องที่ 5 เรื่อง Prepositions (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง Prepositions of time,Prepositions of place และ Prepositions of movement ที่ได้เรียนมาในชั่วโมงก่อนหน้านี้โดยดูข้อมูลจาก PowerPoint 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และสรุปการใช้ Prepositions ทั้ง 3 ประเภท


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 137 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป prepositions of time, place, movement จาก https://www. youtube.com/watch?v=8UXGGe9zg4M 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of Place and Movement in English | Prepositions with Pictures จาก https://www.youtube.com/watch?v=p_lgP_XwDig 2.3 นักเรียนจดบันทึกประโยคที่ปรากฏบนวิดีโดคลิปที่ 1 2.4 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 2.5 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคที่ปรากฏบนวิดีโอคลิปที่ 1 • I am very busy at the moment. • The bus leaves in six minutes. • We can go to the house of mother on Sunday. • The boy : Good buy, see you on Monday. The girl : At night. • The dog is under the table. • The pail is on the table. • Ambulance is in front of bus. • Bus is behind ambulance. • The vacuum cleaner is beside / next to the washing machine. • The lander is near the washing machine. • The man is at the door. • The pizza and soda are in the dining room. • The car is between the house and the traffic light. (The house is between the card and the traffic light.) • The teacher is standing among the students. • The girl is getting into the house. • The boy is getting out of the house. • The car is going up the hill. • The bus is going down the hill. • The plane is flying over the city. • The car is going along the street. • The man and woman are walking across the street. (The man and woman are walking across is the street.) 2.6 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคใดที่เขียนผิดในวิดีโอคลิปที่ 1 พร้อมทั้งช่วยกันแก้ไขให้ ถูกต้อง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 138 ประโยคที่ 1 • The house is between the card and the traffic light. จากรูปภาพ บ้านไม่ได้อยู่ระหว่างรถยนต์และสัญญาณไฟจราจร และคำว่า card (บัตร, บัตรอวยพร, โปสการ์ด, ไพ่) ต้องเปลี่ยนเป็น car ซึ่งมีความหมายว่า รถยนต์ ดังนั้นแล้วประโยคนี้ต้องแก้ไขเป็น • The car is between the house and the traffic light. ประโยคที่ 2 • The man and woman are walking across is the street. จากรูปภาพ ผู้ชายและผู้หญิงกำลังข้ามถนน ประโยคดังกล่าวจึงถูกต้อง แต่จากประโยค Verb จะ เป็น are walking และตามด้วย Preposition of movement คือคำว่า across ซึ่งหลัง Preposition of movement นั้นจะเป็นคำนาม แต่จากประโยคจะเป็น Verb to be คือคำว่า is ดังนั้นแล้วประโยคนี้ต้องตัด is ออก เพราะเป็น กริยาที่เกินเข้ามาในประโยค • The man and woman are walking across the street. ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนดูรูปภาพบน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 139 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปข้อมูลจากที่ปรากฏบน PowerPoint 3.3 นักเรียนช่วยกันพูดประโยคการใช้ Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) ที่ได้เรียนมา และออกมาเขียนประโยคที่พูดบนกระดาน • Time Prepositions - I always wake up at 7 o’clock. - Let’s meet on Saturday. - She goes to the gym in the evening. - We’re going to the theatre on Wednesday evening. • Place Prepositions - Your shoes are under the table. - We hung the painting on the all. - The bike is in the garden. - She is waiting at the bus stop. • Movement Prepositions. - We can drive through the tunnel. - He looked straight into her eyes. - She pushed her face towards him. - They rode along narrow country lanes. - Her hair whipped around her face in the wind. 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียนว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบว่ามี ประโยคใดไม่ถูกต้อง นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายศัพท์เกี่ยวกับ Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) เพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น Preposition หรือคำบุพบท คือ คำที่ใช้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคำ ๆ หนึ่ง กับคำอื่นในประโยค เช่น • The books on the desk are Tae’s. หนังสือบนโต๊ะนั้นเป็นของเต้ เป็นการเชื่อมระหว่าง books (คำนาม) และ desk (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่งนี้ ว่า หนังสืออยู่บนโต๊ะ • She works as a receptionist at the mall. เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่ห้างสรรพสินค้า เป็นการเชื่อมระหว่าง works (คำกริยา) และ the mall (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่งนี้ว่า ทำงานที่ห้างสรรพสินค้า Preposition แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1. Preposition of Time (คำบุพบทบอกเวลา) เช่น in, on, at เป็นต้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 140 In ใช้กับ เดือน ฤดู ปี เช่น • My sister’s birthday is in December. วันเกิดของน้องสาวฉันตรงกับเดือนธันวาคม On ใช้กับ วันและเทศกาล เช่น • Lucas will be at here on next Monday. ลูคัสจะมาที่นี่วันจันทร์หน้า At ใช้กับ เวลาที่เฉพาะเจาะจง เช่น • I will go to the market at 6 p.m. ฉันจะไปตลาดตอน 6 โมงเย็น 2. Preposition of Place (คำบุพบทบอกสถานที่) เช่น in, on, at, above (เหนือ), under (ข้าง ใต้) และ over (ข้าม) เป็นต้น In หมายถึง ข้างใน ใช้กับ เมือง ประเทศ และสิ่งของ / พื้นที่ที่มีขอบเขต เช่น • Charlotte is dancing in the kitchen room. ชาร์ลอตต์กำลังเต้นรำในห้องครัว On หมายถึง บน (อยู่บนบางสิ่ง) ใช้กับ ชื่อถนนและพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ เช่น • My sister puts Aurora’s photo on the wall. น้องสาวของฉันติดรูปออโรร่าบนผนังบ้าน At หมายถึง ที่ ใช้กับ สถานที่ที่เจาะจง เช่น • I wait for Ethan at the tent every day. ฉันรอคุณอีธานที่ท่าน้ำทุกวัน Above หมายถึง เหนือ (ต่างจาก On (บน) ตรงที่ Above คือ อยู่ข้างบนแบบที่ยังมีช่องว่าง ระหว่างสองสิ่งนั้น) เช่น • Natalie attaches the picture above the TV. นาตาเลียติดรูปไว้เหนือทีวี Under หมายถึง ข้างใต้ เช่น • Lily hides herself under the bed. ลิลี่ซ่อนตัวเองอยู่ใต้เตียง Over หมายถึง ข้าม เช่น • The kid jumps over my purse. เด็กกระโดดข้ามกระเป๋าของฉัน 3. Preposition of Movement (คำบุพบทบอกการเคลื่อนไหว) เช่น to, onto, into และ toward เป็นต้น To หมายถึง ถึง, ไปถึง, ที่ (จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง) เช่น • Daniel runs to the train station. แดเนียลวิ่งไปสถานีรถไฟ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 141 Onto หมายถึง ขึ้นไปยัง (ไปข้างบนถึงจุดหนึ่ง) เช่น • Matthew climbs onto the tree. แมทธิวปีนขึ้นไปบนต้นไม้ Into หมายถึง เข้าไปข้างใน เช่น • Caroline is walking into the rest room. แคโรไลน์กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ Toward หมายถึง ไปยัง (ไม่เจาะจงว่าจะไปที่นั่นโดยตรง 100%) เช่น • I am walking toward the school. ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน (อาจไม่ได้ไปในโรงเรียน แค่เดินไปทางโรงเรียน) 4.2 นักเรียนทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) จำนวน 20 ข้อ Topic : Prepositions Of Time & Place & Movement Worksheet. Instructions : Choose the best alternative 1. A : When is his birthday? B : It’s………………….……January 19th . 1) in 2) on 3) at 4) up 2. Look at the helicopter………………….……the air! It is pink! 1) in 2) up 3) on 4) at 3. Sally met John………………….……the new cinema in Brooklyn, not………………….……Ivy Street. 1) on / in 2) in / at 3) at / on 4) near / through 4. Marcy usually worked………………….……the weekend………………….……the past. 1) at / in 2) on / from 3) in / between 4) from / to 5. I was………………….……Paris for a business trip………………….……Christmas. 1) on / to 2) at / in 3) in / at 4) from / on 6. Ryan often goes to bed………………….……midnight………………….……Sundays. 1) between / near 2) on / in 3) in / at 4) at / on


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 142 7. Nelson always sits………………….……Margaret in the classroom and their desk is………………….……Clara and Mandy’s. 1) next to / behind 2) among / near 3) across / between 4) behind / along 8. The man is sitting at his desk………………….……the middle of the room and a light bulb is hanging………………….……his head. 1) onto /under 2) in / over 3) on / through 4) by / across 9. Stacy travelled………………….……one continent to another………………….……bicycle last year. 1) into / along 2) out of / onto 3) from / by 4) up / down 10. I am travelling to India………………….……two weeks and I am going to stay there ………………….……the winter, too. 1) on / at 2) in / in 3) at / in 4) next to/ on 11. A : Where is the vacuum cleaner? I can’t find it. B : It is………………….…….the door, but you need to take it………………….……its box. 1) behind / out of 2) on / through 3) next to / along 4) besides / across 12. The cock jumped………………….……the fence………………….……the farm and began crowing. 1) across / up 2) along / down 3) among / over 4) onto / around 13. Eric visited his aunt at the hospital………………….……the morning and called one of his neighbours………………….……noon. 1) in /at 2) on / in 3) at / on 4) in / on 14. A : Some Indians have a red mark………………….……their two eyebrows. B : Yes, it is called a “bindi”. 1) through 2) onto 3) from 4) between


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 143 15. In the Arabic love story, Layla and Majnun, Majnun walks………………….……the desert to find Layla. 1) through 2) onto 3) across 4) over 16. Her grand grandfather wrote a special dictionary………………….……the 20th century and you can find it in some libraries………………….……present. 1) at / on 2) on / in 3) in / at 4) from / near 17. A : The black van………………….……the bank transports money. B : And there is a man………………….……it. He is wearing a uniform. It must be the driver. 1) under / along 2) through / near 3) next to / among 4) in front of / beside 18. He first walked………………….……the street when the traffic light turned green and then started to walk………………….……the pavement. 1) across / along 2) onto / through 3) over / down 4) around / out of 19. A : When did your cousins visit you? B : ………………….……Christmas Day………………….……dawn. 1) In / on 2) On / at 3) At / in 4) From / to 20. A : Can you see the turtle………………….……the flowers? B : Yes, it is coming………………….……its shell. It is not afraid of us! 1) at / through 2) near / across 3) in / onto 4) among / out of Answer Key : 1. 2) 2. 1) 3. 3) 4. 1) 5. 3) 6. 4) 7. 1) 8. 2) 9. 3) 10. 4) 11. 1) 12. 2) 13. 1) 14. 4) 15. 3) 16. 3) 17. 4) 18. 1) 19. 2) 20. 4) แหล่งที่มา : https://www.englishtestsonline.com/prepositions-of-time-placemovement-test-a1-a2-grammar-exercises/?download-pdf 4.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน โดยนักเรียนช่วยกันตอบว่าแต่ละข้อตอบอะไรพร้อมทั้งให้ เหตุผลอธิบายในแต่ละข้อ โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม


Click to View FlipBook Version