The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.3 หนังสือเรียน Move it ภาคเรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-06-11 20:36:27

Move it 3

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.3 หนังสือเรียน Move it ภาคเรียนที่ 1

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 143 3. ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม 3.1 นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กันเพื่อช่วยกันหาความหมายและศึกษาโครงสร้างหลักการใช้ ประโยค Past Perfect Tense 3.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องประโยคในรูป Past Perfect Tense จาก https://www.youtube. com/watch?v=xQqdM9QNM3I 3.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่องประโยคในรูป Past Perfect Tense จาก https://www.youtube. com/watch?v=SCSLBkSgicQ 3.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Past perfect / had gone / had done / had had - English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=E7TLPg9ISIA 4. ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4.1 นักเรียนแต่ละคนภายในกลุ่มผลัดกันพูดสรุปข้อมูลที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปให้สมาชิกในกลุ่มฟังจน ครบทุกคน 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5.1 สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ Past Perfect Tense ที่ได้ดูวิดีโอคลิปและจากการ ฟังสมาชิกทุกคนพูดสรุป 5.2 นักเรียนศึกษาโครงสร้างประโยค Past Perfect Tense บน PowerPoint โครงสร้างประโยค บอกเล่า Subject + had + Verb 3 I / You / We / They had gone to the shopping mall. He / She / It had found her wallet. โครงสร้างประโยค ปฏิเสธ Subject + had + not + Verb 3 I / You / We / They had not gone to the shopping mall. He / She / It had not know her wallet. โครงสร้างประโยค คำถาม Yes / No question Had + Subject + Verb 3? Had I / you / we / they gone to the shopping mall? Had he / she / it found her wallet? โครงสร้าง ประโยคคำถาม Wh-question Who / What / Where / When / Why / How + had + Subject + Verb 3? Where had I / you / we / they gone? What had he / she / it found? 5.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติม Past Perfect Tense Past Perfect Tense หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Pluperfect เป็น Tense ที่เหมาะกับการใช้เล่าเรื่องมาก ๆ เพราะ Past Perfect จะใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อนที่จะมีอีกเหตุการณ์เกิดตามมา ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและจบลงในอดีตเรียบร้อยแล้ว มักใช้คู่กับ Past Simple พูดแบบนี้อาจจะยังงง ๆ อยู่ ให้ ลองนึกภาพเหตุการณ์จำลอง เมื่อวานหลังจากแม่กินข้าวเสร็จก็ลุกไปดูทีวีซึ่งเหตุการณ์นี้สามารถอธิบายในเชิง Past Perfect ได้ว่า แม่กินข้าวเสร็จ (Past Perfect) ลุกไปดูทีวี (Past Simple) เพราะเหตุการณ์ที่แม่กินข้าวเกิดก่อนลุก ไปดูทีวีนั่นเอง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 144 การใช้ Past Perfect 1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงก่อนจะใช้ Past Perfect ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้น ใช้ Past Simple ซึ่งตัวเชื่อมระห่าง 2 Tense นี้ ได้แก่ before (ก่อนที่ จะ), after (หลังจากที่), because (เพราะว่า), when (เมื่อ), by the time (ในตอนที่) • The plane had left by the time I got to the airport. เครื่องบินได้ออกไปแล้วในตอนที่ฉันถึงสนามบิน • She had established the company before 2020. เธอได้ก่อตั้งบริษัทก่อนปี 2020 • After the alarm had rung, he woke up. หลังจากที่นาฬิกาปลุกดัง เขาก็ตื่น • He couldn’t call anyone because he hadn’t brought his phone with him. เขาไม่สามารถโทรหาใครได้เลยเพราะเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย • When she arrived home, her mother had already cooked dinner. เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน แม่ของเธอก็ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว Tips : After + Past Perfect, Past Simple Before + Past Simple, Past Perfect 2. ใช้ในประโยค Indirect speech หรือ Reported speech (ประโยครายงาน) โดย Past Perfect ใช้ แทน Present Perfect และ Past Simple 2.1 Past Simple เปลี่ยนเป็น Past Perfect ใน Indirect speech Direct speech She said, “I decided to leave earlier today.” เธอบอกว่า “ฉันตัดสินใจจะออกไปในเร็วขึ้นวันนี้” Indirect speech She said that she had decided to leave earlier that day. เธอบอกว่าเธอตัดสินใจว่าจะออกไปให้เร็วขึ้นในวันนั้น 2.2 Present Perfect เปลี่ยนเป็น Past Perfect ใน Indirect speech Direct speech She said, “My mom hasn't arrived yet.” เธอบอกว่า “แม่ของฉันยังมาไม่ถึงเลย” Indirect speech She said that her mom hadn’t arrived yet. เธอบอกว่าแม่ของของเธอยังมาไม่ถึงเลย 3. ใช้ wish + Past Perfect เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจกับเหตุการณ์ในอดีต • I wished I had told the truth. ฉันหวังว่าฉันจะได้บอกความจริง (แต่ในอดีตไม่ได้บอก) • She wished she had seen her friend. เธอหวังว่าจะได้เจอเพื่อนของเธอ (แต่เธอก็ไม่ได้เจอในอดีต) • The boy wished he had asked another question. เด็กชายคนนั้นหวังว่าจะได้ถามอีกซักคำถาม (แต่ก็ไม่ได้ถามในอดีต)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 145 Past Perfect กับ Present Perfect ต่างกันยังไง 1. Past Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อนที่จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นตามหลัง ซึ่งทั้ง สองเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต แต่ Present Perfect ใช้กับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังดำเนินมาถึงปัจจุบัน • My sister had done her homework when I came in. น้องสาวของฉันทำการบ้านเสร็จแล้วตอนฉันเข้าไป 2. ใช้ Past Perfect ในประโยคแรกเพื่อให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่น้องทำการบ้านเสร็จเกิดก่อน และใช้ Past Simple ในประโยคที่สองเพื่อให้รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดทีหลัง แต่ทั้งสองเหตุการณ์เกิดในอดีตทั้งคู่ • My sister has already done her homework. น้องสาวของฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว (เพิ่งทำเสร็จ) 3. ใช้ Present Perfect เพื่อให้รู้ว่าทำการบ้านมาตั้งแต่ในอดีตและเพิ่งทำเสร็จในปัจจุบัน ชั่วโมงที่ 2 6. ขั้นปฏิบัติและ / หรือแสดงผลงาน 6.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดและช่วยกันแต่งปะโยคPast Perfect Tense จำนวนกลุ่มละ 5 ประโยค โดยมีครบทุกโครงสร้างของประโยคPast Perfect Tense 6.2 ตัวแทนแต่ละกลุ่มนำประโยคของแต่ละกลุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียนและเขียนประโยคที่นำเสนอลงบน กระดาน 6.3 นักเรียนและครูช่วยกันตรวจสอบประโยคทั้งหมดบนกระดาน เมื่อพบว่ามีประโยคใดไม่ถูกต้อง ให้ นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและแก้ไขให้ถูกต้องโดยมีครูเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือและเสนอแนะ 7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 7.1 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Past Perfect Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 7.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 7.3 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Past Perfect Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Move it 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Past Perfect Tense 3. ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 146 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผลชิ้นงาน ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 147 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง What’s the story แผนการจัดการเรียนรู้ที่12 เรื่อง Future Simple Tense รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้าง Future Simple Tense ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้ ในโครงสร้างประโยค Future Simple Tense 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประประโยคตามโครงสร้างFuture Simple Tense ในรูปแบบการสนทนา ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาได้ - เขียนประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารโดยใช้โครงสร้างประโยค Future Simple Tense 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและสังคม โดยใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้างFuture Simple Tense ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่าง เหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 148 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและ สังคมโดยใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้าง Future Simple Tense ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 2 : Narrow escapes! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 2 : Narrow escapes! 3. การใช้โครงสร้างประโยค Future Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 149 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Future Simple Tense 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Future Simple Tense วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องFuture Simple Tense โดยนักเรียนดูคำถามและตอบคำถามดังนี้ • What will you do tonight / this evening? • Will you read books tonight? 1.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคคำถามว่าเป็นการถามถึงช่วงเวลาใดและใช้ Tense ใดในการถาม ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint ดังนี้ 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคทั้ง 4 ประโยค โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของ นักเรียน Are you coming to my party? I didn’t know about it. Sure, I’ll come! What will you do after class? I will go to the shopping mall with my friends.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 150 2.3 นักเรียนฝึกสังเกตการใช้กริยาในประโยคดังกล่าวว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร พร้อมทั้ง ช่วยกันหาเหตุผลมาอธิบาย 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Future Simple Tense ในภาษาอังกฤษเมื่อจะพูดถึงเรื่องอนาคต อันดับแรกเราจะนึกถึง Future Tense ที่ใช้ will บ่งบอก ว่า “จะ...”ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องอนาคตในภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่ will แต่ The Futures มีถึง 4 วิธีพูดเรื่องอนาคตใน ภาษาอังกฤษ ดังนี้ วิธีที่ 1 : Future Simple (S + will + V.inf.) - ใช้พูดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น 50% - ใช้พูดถึงสิ่งที่จะทำทั่ว ๆ ไป ไม่ลงรายละเอียดลึก - ใช้พูดถึงความตั้งใจที่จะทำในทันทีไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น มีคนเคาะประตู แล้วเราพูดขึ้นว่า I will open the door. ฉันจะเปิดประตู ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่จะทำทันทีเดี๋ยวนั้น • If you will wait in the room, I will be with you. ถ้าคุณจะรออยู่ในห้อง ฉันจะอยู่กับคุณ วิธีที่ 2 : S + is / am / are + going to + V.inf. - ใช้พูดถึงอนาคตที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น 70% - 80% - ใช้พูดถึงเรื่องที่มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้น เช่น เมื่อเห็นฟ้ามืดครึ้มมีเค้าว่าฝนจะตก จึงพูดว่า It’s going to rain. (ฝนกำลังจะตก) • I’m going to study English next month. ฉันจะเรียนภาษาอังกฤษเดือนหน้า ข้อควรระวัง : ดูตามโครงสร้างอาจสับสนว่าโครงสร้างนี้เป็น Continuous Tense แต่ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ เพราะนี่คือ Future ในอีกรูปแบบหนึ่ง วิธีที่ 3 : Present Continuous (S + is / am / are + V.ing) - ใช้พูดถึงอนาคตที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น 85% - ใช้พูดถึงเรื่องที่วางแผนไว้แล้ว • I’m visiting Nan next month. ฉันจะไปน่านเดือนหน้า (หมายความว่าวางแผนและซื้อตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว) • I’m shopping with Jane this weekend. ฉันจะไปชอปปิ้งกับเจนสุดสัปดาห์นี้(วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะไป) อย่างไรก็ตามแม้จะวางแผนไว้แล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดขึ้น 100% เนื่องจากอาจมีการผิดแผน ได้หรือยกเลิกได้ ข้อสังเกต : ความแตกต่างระหว่างวิธีที่ 3 Present Continuous กับวิธีที่ 2 S + is / am / are + going to + V.inf. คือวิธีที่ 2 จะต้องใช้ going to ส่วนวิธีที่ 3 จะใช้ V.ing อะไรก็ได้ วิธีที่ 4 : Present Simple (S + V.1 (s / es)) - ใช้พูดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ 100% มันเป็นพวกตารางเวลา (Time Table / Schedule) • The last train leaves at 10 pm today. วันนี้รถไฟเดียวสุดท้ายออกตอนสี่ทุ่ม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 151 • The restaurant opens at 5 pm. ร้านอาหารเปิดตอนห้าโมงเย็น ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่อง Simple Future Tense จาก https://www.youtube.com /watch?v=WTHILTNE1yo 3.2 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่องการใช้ Future Tense จาก https://www.youtube.com/ watch?v=oed_gDtlqyc 3.3 นักเรียนศึกษาวิดีโดคลิปเรื่องอนาคต future การใช้ will, going to, present continuous, v.ing ดร.พี่นุ้ย เรียนภาษาอังกฤษ จาก https://www.youtube.com/watch?v=b8Az0K2SCko 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปและถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามา โดยครูสุ่มถามเพื่อทดสอบความเข้าใจ 3.5 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่องFuture Simple Tense บน PowerPoint จำนวน 15 ข้อ Instructions : Complete the sentences with the correct future form (will, be going to, or Present Continuous). 1. We……………………………(go) to Madrid on Monday. 2. Mark’s mother believes that he……………………………(be) famous. 3. Look at those clouds! It……………………………(rain) soon. 4. I hope you……………………………(stay) after the party. 5. Rachel thinks you……………………………(understand) what she means soon. 6. I……………………………(meet) my uncle at the airport. 7. We……………………………(have) a dinner party. Everything is ready. 8. The Browns……………………………(move) to the country next month. They have already sold their house in the city. 9. We……………………………(fly) to London tonight. 10. Do you think your brother……………………………(help)you? 11. I don’t think it……………………………(snow). 12. Lilly……………………………(see) the dentist tomorrow. 13. We……………………………(spend) a week in Spain but we haven’t booked a hotel yet. 14. Wait! I……………………………(bring) you a glass of water. 15. Timothy……………………………(come)on Sunday. Answer Key 1. are going 2. will be 3. is going to rain 4. will stay 5. will understand 6. am meeting 7. are going to have 8. are going to move 9. are flying 10. will help 11. will snow 12. is seeing 13. are going to spend 14. will bring 15. is coming


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 152 3.6 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense บน PowerPoint จำนวน 15 ข้อ โดยครูอธิบายเพิ่มเติม เมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ ขั้นที่ 4 ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดFuture Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดFuture Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน หาก มีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง Future Simple Tense พร้อมทั้งช่วยกันยกตัวอย่างประโยค จำนวน 5 ประโยคเพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียน 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Move it 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Future Simple Tense 3. ใบงานเรื่อง PFuture Simple Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผลชิ้นงาน ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Future Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 153 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 154 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง What’s the story แผนการจัดการเรียนรู้ที่13 เรื่อง 7 Tenses (Revision) รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้าง7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้ ในโครงสร้างประโยค 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประประโยคตามโครงสร้าง 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) ในรูปแบบการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาได้ - เขียนประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารโดยใช้โครงสร้างประโยค 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 155 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและสังคม โดยใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้าง 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง / สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษาชุมชนและ สังคมโดยใช้รูปแบบประโยคตามโครงสร้าง 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 2 : Narrow escapes! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 2 : Narrow escapes! 3. การใช้โครงสร้างประโยค 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 156 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - 2. ชิ้นงาน - ชิ้นงาน Grammar in News ในหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ 7 tenses 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง 7 Tenses (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint ดังนี้ • She goes to visit her friend in the hospital every day. • In this photo, my mother is walking beside a lake. • She’s gone to Paris for a week. She’ll be back tomorrow. • I was sleeping when you called me.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 157 • Yesterday I woke up late and missed the bus because my alarm hadn’t rung. • I am flying to New York tomorrow morning. • We are getting married next week. 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคดังกล่าวว่าใช้โครงสร้างประโยค (Tense) แบบ ใดจาก 7 Tense ที่นักเรียนได้เรียนมา โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อนและปาน กลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการรวมกลุ่มศึกษาด้วยกันโดยนักเรียนทำการจับสลากเลือกประโยคจาก ประโยคบน PowerPoint ทั้ง 7 ประโยค 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์โครงสร้างประโยค รูปแบบประโยคกริยา และหาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Tense ที่ใช้กับประโยคนั้น เช่น • She goes to visit her friend in the hospital every day. จากประโยคเป็นประโยค Present Simple Tense เพราะ กริยาที่ใช้ go เติม es เนื่องจาก ประธานเป็นเอกพจน์ และหลักการใช้Present Simple Tense ใช้กับกริยาช่องที่ 1 เท่านั้น โดยนำกริยาช่องที่ 1 ไปเติมลงในโครงสร้างต่อจากประธาน หากประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเติม s, es และในประโยคมีคำว่าevery day (ทุกวัน) ซึ่งเป็นคำบอกเวลา (Adverbs of Frequency) ที่ปรากฎอยู่ในประโยคเพื่อบอกความถี่ของเหตุการณ์หรือ การกระทำนั้น ๆ ในประโยค Present Simple Tense ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่อง Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense แ ล ะ Future Simple Tense จากแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมใน Internet และในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense แ ล ะ Future Simple Tense 1. Present simple tense โครงสร้างประโยค คือ S + V 1.1 ใช้พูดถึงความจริง (ทั้งที่เกี่ยวกับตัวเรา และความจริงตามธรรมชาติ) • I live in Bangkok. ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพ 1.2 ใช้พูดถึงความชอบ ความคิดเห็น • She likes spicy food. เธอชอบอาหารรสจัด 1.3 ใช้พูดถึงตารางเวลา • The library closes at 7 p.m. ห้องสมุดปิดตอนหนึ่งทุ่ม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 158 2. Present continuous tense โครงสร้างประโยค คือ S + is / am / are + V.ing 2.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือในช่วงเวลานี้ของชีวิต • I am studying Japanese. ฉันกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ 2.2 ใช้พูดถึงอนาคตอันใกล้ที่เกิดขึ้นแน่นอน • I am flying to South Korea tomorrow. ฉันกำลังจะไปเกาหลีใต้พรุ่งนี้ 3. Present perfect tense โครงสร้างประโยค คือ S + have/has + V.3 3.1 ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ระบุช่วงเวลาที่แน่นอนไม่ได้ (ไม่เน้นเวลาที่แน่นอน) • I have met him before. ฉันเคยเจอเขามาก่อน 3.2 ใช้เล่าถึงสิ่งที่เคยทำมา ประสบการณ์ที่ผ่านมา สถานที่ที่เคยไปมา • I have been to South Korea. ฉันเคยไปเกาหลีใต้ 3.3 ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน • I have had several tests this month. ฉันมีสอบหลายตัวเลยเดือนนี้ 3.4 ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมา และเพิ่งเสร็จหรือเพิ่งจบลง (และเหตุการณ์นั้น อาจส่งผลต่อปัจจุบัน) • l have washed the car. ฉันล้างรถเสร็จแล้ว 4. Past simple tense โครงสร้างประโยค คือ S + V.2 4.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นแล้วก็จบ เป็นเหตุการณ์สั้นๆ ที่มีการระบุช่วงเวลาที่เกิด เหตุการณ์ด้วย • I was in South Korea in 2019. ฉันอยู่ที่เกาหลีใต้ในปี 2015 หมายเหตุ : past simple tense และ Present perfect tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน อดีตเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ past simple tense ระบุวันเวลาที่เกิดเหตุการณ์ได้ แต่ Present perfect tense ใช้ พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เราไม่รู้เวลาที่แน่ชัด 5. Past continuous tense โครงสร้างประโยค คือ S + was / were + V.ing 5.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ในอดีต • We were playing football yesterday at 10.00. พวกเรากำลังเล่นฟุตบอลเมื่อวานตอน 10 โมง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 159 5.2 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พร้อม ๆ กัน ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ในอดีต • My dad was exercising while my mom was sunbathing. พ่อของฉันกำลังออกกำลังกายในขณะที่แม่ของฉันกำลังอาบแดดอยู่ 5.3 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอดีต โดยเหตุการณ์แรกเป็นเหตุการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้น แล้ว เหตุการณ์ที่สองก็แทรกขึ้นมา โดยเหตุการณ์แรกนั้น คือ past continuous tense ส่วนเหตุการณ์ที่สองที่แทรกมา นั้น เป็น past simple tense • I was having breakfast when someone came to my home. ฉันกำลังกินอาหารเช้า ตอนที่มีใครมาที่บ้าน 6. Past perfect tense โครงสร้างประโยค คือ S + had + V.3 6.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอดีต โดยเหตุการณ์แรกเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและ ดำเนินมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วจบลง จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่สองตามมา (เหตุการณ์แรกนั้น คือ past perfect tense ส่วนเหตุการณ์ที่สองที่เกิดขึ้นตามนั้น เป็น past simple tense) • I had worked for 8 hours before Emma arrived. ฉันทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ก่อนที่เอ็มม่าจะมา 7. Future simple tense โครงสร้างประโยค คือ S + will + V.1 7.1 ใช้พูดถึงอนาคต เป็นการคาดเดา หรือ จากความรู้สึก • I will pass the exam. ฉันต้องสอบผ่าน 7.2 ใช้พูดถึงการตัดสินใจในทันที ว่าจะทำอะไร • I will go home before it rains. ฉันจะกลับบ้าน ก่อนที่ฝนจะตก 3.4 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Mixed Tense (7 Tenses) บน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ Instructions : Complete the following sentences with the words in parentheses. 1. In summer John usually……………………………(play) tennis once or twice a week. 2. I……………………………(write) a letter to Lucy yesterday. 3. My sister……………………………(live) at home for the moment. 4. Peter……………………………(study) English at this moment yesterday. 5. We……………………………(move) to Manchester next weekend. We…………………………… (already buy) a house there. 6. Please wait here. I……………………………(be) back soon. 7. She……………………………(explain) that she……………………………(forget) her book. 8. In the film he……………………………(play) the central character of Charles Smithson. 9. Tom……………………………(have) a bad car accident. 10. When I……………………………(be) 10 years old, I always……………………………(carry) an umbrella. 11. The concert this afternoon……………………………(start) at 13.15.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 160 12. As he……………………………(read) a book, his wife……………………………(write) a letter. 13. My son……………………………(run) away after he……………………………(break) the window. 14. Look at those black clouds. It……………………………(rain). 15. She……………………………(talk) to a customer on the phone. 16. I hope the weather……………………………(be) sunny next week. 17. By the time he……………………………(come) here, I already……………………………(finish) my dinner. 18. My parents……………………………(go)to spend their holidays at the seaside. They……………………………(already book) the hotel. 19. We…………………………(speak) to each other on the phone but we………………………… (never meet). 20. A : I can’t find my keys! B : No rush. I……………………………(help) you. Answer Key 1. plays 2. wrote 3. is living 4. was studying 5. are moving / have already bought 6. will be 7. explained / had forgotten 8. plays 9. has had 10. was / carried 11. starts 12. was reading / was writing 13. ran / had broken 14. is going to rain. 15. is talking 16. will be 17. came / had finished 18. are going / have already booked 19. have spoken / have never met 20. I will help 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Mixed Tense (7 Tenses) บน PowerPoint 3.6 นักเรียนทำใบงาน Mixed Tense (7 Tenses) ในเอกสารประกอบการเรียน 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน Mixed Tense (7 Tenses) ในเอกสารประกอบการเรียน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนดูตัวอย่างชิ้นงาน Grammar in News และฟังครูอธิบายวิธีการทำชิ้นงาน 4.2 นักเรียนศึกษาอ่านข่าวที่ตนเองเลือก และหาประโยคที่อยู่ในรูปของ 7 Tenses จากข่าวที่นักเรียน ศึกษาในรูปแบบหรือ Tense อะไรก็ได้ คนละ 4 ประโยค 4.3 นักเรียนนำประโยคที่อยู่ในรูปของ 7 Tenses ที่นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียงประโยคใหม่ในสมุด ของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็น Tense อะไรพร้อมเขียนโครงสร้างประกอบตามตัวอย่างชิ้นงาน 4.4 นักเรียนดูตัวอย่าง Passage ที่ครูเขียนบนกระดาน 4.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Passage ว่าเป็น Tense ไหนเพราะอะไร


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 161 4.6 นักเรียนออกมานำเสนอการหาประโยคในข่าว ออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค 4.8 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจรูปประโยค 7 Tenses และวิธีการหา Grammar in News มากขึ้น ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนแต่ละคนนำชิ้นงาน Grammar in News ของตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยน ความรู้ว่าตามประโยคเป็นรูปแบบและ Tense อะไร ช่วยกันคิดและแก้ไขถ้าไม่ถูกต้อง 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสุ่มตัวอย่าง Grammar in News มาให้ครูวิเคราะห์และอธิบายให้ฟัง 5.3 นักเรียนนำชิ้นงาน Grammar in News ส่งครูผู้สอนและช่วยครูผู้สอนคัดเลือกผลงาน 2 - 3 ชิ้นที่ดี ที่สุดมาสรุปผลการประเมิน 5.4 นักเรียนและครูสรุปหลักการใช้tenses ต่าง ๆ จำนวน 7 Tenses อีกครั้ง และยกตัวอย่างประโยค เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น 5.5 นักเรียนนำชิ้นงาน Grammar in News ที่ผ่านการตรวจแล้วนำไปเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้าย นิเทศหน้าห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Move it 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) 3. ใบงานเรื่อง 7 Tenses (Present Simple Tense, Present Progressive Tense, Present Perfect Tense, Past Simple Tense, Past Progressive Tense, Past Perfect Tense, and Future Simple Tense) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผลชิ้นงาน ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ชิ้นงาน Grammar in News ใน หนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ 7 tenses ประเมินจากชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน เกณฑ์การประเมิน ชิ้นงาน 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 162 ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 163 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง It’s a Bargain! รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 12 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความ เป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Travel 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Travel 3. การใช้โครงสร้าง Active and Passive Voice


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 164 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ).................................................................................................................................................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 165 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation 2. ตรวจใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation 2. ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ชิ้นงาน Grammar in News ใน หนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับ Active และ Passive Voice ประเมินจากชิ้นงาน แบบประเมินชิ้นงาน เกณฑ์การประเมิน ชิ้นงาน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 166 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวคำศัพท์การซื้อขายหรือการ Shopping ที่ นักเรียนรู้จัก 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ เช่น advantage, bargain, customer เป็นต้น 1.3 นักเรียนและนักเรียนร่วมพูดคุยเกี่ยวกับคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการการซื้อขายหรือการ Shopping เพื่อให้ นักเรียนสามารถคาดเดาคำศัพท์ได้เพิ่มเติม 1.4 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการเดินทางเพิ่มเติม 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายของคำศัพท์ทุกตัว ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ วิธีการใช้คำศัพท์นั้นให้มากขึ้น ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำใบงานในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 3 ประโยค 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน ครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และ ประเมินความเข้าใจของนักเรียนจากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ เรื่องที่ 2 เรื่อง Active and Passive Voice จำนวนเวลาเรียน 10 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพคำว่า Voice บน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ามีความหมาย ของ Active Voice และ Passive Voice


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 167 1.2 นักเรียนทบทวนเรื่อง Active Voice ต่าง ๆ ที่นักเรียนเคยเรียนมา โดยส่งตัวแทนออกมาเขียนบน กระดาน 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูประโยค Active Voice บน PowerPoint 2.2 นักเรียนดูประโยค Active Voice ที่ครูเปลี่ยนเป็น Passive Voice บน PowerPoint พร้อมร่วมกัน แสดงความคิดเห็นว่าประโยคมีความหมายว่าอย่างไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร 2.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม “Passive Voice คืออะไร มีการใช้อย่างไร” บน PowerPoint 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice Passive voice คือรูปประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งจะใช้ “Verb to be + Verb ช่อง 3” แทน Verb ปกติ หลาย ๆ ประโยคจะสามารถใช้ได้ทั้ง Active Voice และ Passive Voice เช่น “ฉันให้อาหารแมว” (Active Voice) กับ “แมวถูกฉันให้อาหาร” (Passive Voice) ทั้งสองประโยคนี้ถือว่ามีใจความเหมือนกัน หลักเกณฑ์ในการเปลี่ยนประโยค Active Voice เป็น Passive Voice คือ 1. นำกรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานของประโยค Passive Voice เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. 2. เปลี่ยนคำกริยาของประโยค Active Voice เป็นช่องที่ 3 และจะต้องมี Verb to be อยู่หน้า คำกริยานั้นเสมอ (จะใช้ Verb to be ตัวใด ขึ้นอยู่กับประธานของประโยค Passive Voice และ Tense ของ คำกริยาตัวเดิมใน Active Voice) เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. 3. นำประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมีคำว่า by นำหน้า เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. ** ถ้าประธานของประโยค Active Voice เป็นคำสรรพนาม (Pronouns) เมื่อเปลี่ยนไปเป็นกรรม ของประโยค Passive Voice จะต้องเปลี่ยนรูปเป็นกรรมตามไปด้วย เช่น Active Voice : He ate bread. Passive Voice : Bread was eaten by him.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 168 การเขียนประโยค Passive Voice ให้คำนึงถึง คำกริยาในประโยค Active Voice ใน 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. ถ้าในประโยค Active Voice มีคำกริยาช่วยกับคำกริยาแท้ เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย คำกริยาช่วย + be + คำกริยาช่องที่ 3 เช่น Active Voice : Jenny can drive a car. Passive Voice : A car can be driven by Jenny. Active Voice : He will drink coffee. Passive Voice : Coffee will be drunk by him. Active Voice : She has to speak English. (has to หรือ have to = จำเป็นต้อง) Passive Voice : English has to be spoken by her. Active Voice : Mark ought to do homework this evening. (ought to = ควร/ ควรจะ) Passive Voice : Homework ought to be done by Mark this evening. 2. ถ้าในประโยค Active Voice มีเฉพาะคำกริยาแท้ ไม่มีคำกริยาช่วย เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย Verb to be + คำกริยาช่องที่ 3 เป็นหลัก โดยส่วนที่เป็น Verb to be นั้น จะเปลี่ยนรูปไปตามคำกริยาแท้ในประโยค Active Voice เช่น Active Voice : Jenny ate rice. Passive Voice : Rice was eaten by Jenny. (Verb to be ใช้ was เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 2 = ate และประธานของ ประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Rice) Active Voice : Mark does homework every day. Passive Voice : Homework is done by Mark every day. (Verb to be ใช้ is เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 1 = does และประธานของ ประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Homework) Active Voice : She is making a doll. Passive Voice : A doll is being made by her. (Verb to be ใช้ is being เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปปัจจุบันกำลังกระทำ = is making และประธานของประโยค Passive Voice เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 = A doll) Active Voice : He was making dolls. Passive Voice : Dolls were being made by him. (Verb to be ใช้ were being เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปอดีตกำลังกระทำ = was making และประธานของประโยค Passive Voice เป็นพหูพจน์บุรุษที่ 3 = Dolls) หลักทั่วไปในการเปลี่ยนประโยค Active Voice ให้เป็นประโยค Passive Voice 1. ให้กลับเอากรรมของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมในประโยค Passive Voice โดยมี preposition “by” นำหน้า 2. ให้กลับเอากรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานในประโยค Passive Voice


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 169 3. กริยาของประโยค Active Voice นั้น เมื่อนำมาใช้ในประโยค Passive Voice จะต้องเป็นรูป กริยาช่องที่ 3 (Past Participle) และใช้ตามหลัง verb to be คือ is, am, are, was, were, be, being, been ซึ่ง จะใช้ Verb to be ตัวใดนั้นต้องดู tense อย่างไรก็ดี หลักโดยละเอียดในการเปลี่ยน Active Voice ให้เป็น Passive Voice นั้น ให้ศึกษาจาก ตาราง ดังต่อไปนี้ 1. ใน tense ต่าง ๆ Active Voice Passive Voice 1. Present Simple - The teacher punishes the boy. - Do you always laugh at him? is, am, are + V3 - The boy is punished by the teacher. - Is he always laughed at by you? 2. Present Continuous - The painters are painting our house. - Are the students doing the exercises? is, am, are + being + V3 - Our house is being painted by the painters. - Are the exercises being done by the students? 3. Present Perfect - They have built a new hotel. - Has the boy caught a bird? has, have + been + V3 - A new hotel has been built by them. - Has a bird been caught by the boy? * Present Perfect Continuous - Trenton Company has been making bikes since 1960. has, have + been + being +V3 - Bikes have been being made by Trenton Company since 1960. 4. Past Simple - My sister wrote a letter. - Did the servant polish Tom's shoes? was, were + V3 - A letter was written by my sister. - Were Tom's shoes polished by the servant? 5. Past Continuous - While John was introducing me, the telephone rang. - Weren’t they digging this hole when you went past yesterday? was, were + being + V3 -While I was being introducing by John, the telephone rang. - Wasn’t this hole being dug by them when you went past yesterday? 6. Past Perfect - The guests had eaten all the food. - Had he seen you before? had + been + V3 - All the food had been eaten by the guests. - Had you been seen by him before? * Past Perfect Continuous - Mr. Trevor had been teaching English in Jamiaca for many years before he moved to Thailand. had + been + being + V3 - English had been being taught by Mr.Trevor in Jamaica for many years before he moved to Thailand.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 170 Active Voice Passive Voice 7. Future Simple - His mother will beat him if he does that again. - Will Mary invite Jack to her party? will + be + V3 - He will be beaten by his mother if he does that again. - Will Jack be invited by Mary to her party? 8. "going to" future - They are going to widen the bridge. - Is she going to open the shop? is, am, are +going to + be + V3 - The bridge is going to be widened by them. - Is the shop going to be opened ? 9. Future Continuous - They will be mowing the grass at two o'clock tomorrow. will be + being + V3 - The grass will being mown at two o'clock tomorrow by them. 10. Future Perfect - By next March the pupils will have taken the examination. - Will she have announced the results by the end of next month? will have + been + V3 - By next March the examination will have been taken by the pupils. - Will the results have been announced by her by the end of next month? **Future perfect Continuous - By next year they'll have been building that road for a year. will have been being + V3 - By next year that road will have been being built by them for a year. 2. ใน verb form ต่าง ๆ คือ verb form Active Voice Passive Voice Infinitive to write to be written Perfect Infinitive to have written to have been written Present Participle writing being written Past Participle written been written คำที่ไม่สามารถทำให้เป็นประโยค Passive Voice ได้ 1. Intransitive Verb คือคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม เช่น • They go to school every day. • She swims suite well. 2. Transitive Verb บางคำ เช่น • David had his breakfast. (His breakfast was had by David. = wrong) 3. Verb of Incomplete คือกริยาซึ่งไม่สมบูรณ์ เช่น • She became queen. (A queen was become by her. = wrong) (เพราะ queen ในประโยคแรกเป็น complement ไม่ใช่ object)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 171 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยค Active Voice บน PowerPoint 3.2 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค He opened the door. ให้อยู่ในรูป Passive Voice Active Voice : He opens the door. Passive Voice : The door is opened by him. 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียน เก่ง อ่อน และ ปานกลาง 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเปลี่ยนประโยคประโยคบน PowerPoint จากประโยค Active Voice เป็น Passive Voice จำนวน 10 ข้อ Instructions : Change the following sentences to be a sentence in active voice. 1. I read a book every day. 2. He will write his letter in the evening. 3. They are playing football now. 4. The horse kicked the naughty boy. 5. We speak English every day. 6. Peter washes his hands in the bathing place. 7. We like an American song very much. 8.Someone sent me a letter yesterday. 9.The boys play football in the field near their school. 10. Nobody writes a letter to me. Answer Key 1. A book is read by me every day. 2. His letter will be written by him in the evening. 3. Football is being played by them now. 4.The naughty boy was kicked by the horse. 5. English is spoken by us every day. 6. His hands are washed by Peter in the bathing place. 7. American song is liked very much. 8. I was sent a letter yesterday. 9.Football is played by the boys in the field near their school. He opens the door.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 172 10. A letter isn’t written to me. 4.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยประโยคบน PowerPoint ที่นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเปลี่ยนจาก ประโยค Active Voice เป็น Passive Voice 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเขียนประโยคภาษาอังกฤษโดยใช้Passive Voice ของนักเรียน 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ที่ได้เรียนไป ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น Active : What makes the boy angry? Passive : By what is the boy made angry? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice in wh~word questions จาก https://www.youtube. com/watch?v=s4LjqjnupB8 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 173 ประโยค Active Voice ที่เป็นประโยคคำถาม ขึ้นต้นด้วยคำ Question Words หากเปลี่ยนเป็น Passive Voice จะทำได้อย่างไร ประโยค Active voice ที่เป็นคำถามขึ้นต้นด้วยคำ Question Words เมื่อ เปลี่ยนเป็น Passive Voice มีโครงสร้างและวิธีการดังนี้ โครงสร้าง Wh-question + กริยาช่วย + ประธาน + V.3 (past participle) วิธีการเปลี่ยนประโยค Question Words เป็น Passive Voice 1. นำ Question Word เช่น What, When, Where, Why, Whom, Whose, Which etc. ขึ้น ไปไว้ต้นประโยคเหมือน Active ยกเว้นคำว่า Who ให้เปลี่ยนเป็น by whom 2. คำอื่น ๆ เช่น Verb to be, can, could, must, may, might, etc. ให้เรียงแบบคำถาม โดย นำไปวางไว้หน้าประธาน (แต่ต้องอยู่หลัง Question Words) 3. ประธานใน Active Voice ต้องนำไปเป็นกรรม ตามหลัง by 4. กริยาแท้ใน Active Voice เมื่อเปลี่ยนเป็น Passive ต้องใช้ช่อง 3 เช่น • Active : What do you want? คุณต้องการอะไร? Passive : What is wanted by you? อะไรถูกต้องการโดยคุณ? (What ใน Active เป็นกรรมของ Want, ใน Passive กลายมาเป็นประธานของ is wanted) • Active : Who punished him? ใครลงโทษเขา? Passive : By whom was he punished? เขาถูกลงโทษโดยใคร? • Active : Where do you see her? คุณพบเธอที่ไหน? Passive : Where is she seen by you? เธอถูกพบโดยคุณที่ไหน? • Active : When did he send her a letter? เมื่อไรเขาส่งจดหมายให้หล่อน? Passive : When was she sent a letter by him? หล่อนถูกส่งจดหมายให้โดยเขเมื่อไร? • Active : Which book do you buy? คุณซื้อหนังสือเล่มไหน? Passive : Which book is bought by you? หนังสือเล่มไหนถูกซื้อโดยคุณ • Active : Why did they destroy it? ทำไมเขาจึงทำลายมัน? Passive : Why was it destroyed (by them)? ทำไมมันจึงถูกทำลาย


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 174 • Active : Whose care are you going to buy? คุณจะซื้อรถยนต์ของใคร? Passive : Whose car is going to be bought by you? รถยนต์ของใครจะถูกซื้อโดยคุณ • Active : Whom does she love ? หล่อนรักใคร? Passive : Who is loved by her? ใครถูกรักโดยหล่อน? • Active : How will you do it? คุณจะทำได้อย่างไร? • Passive : How will it be done by you? มันจะถูกทำโดยคุณได้อย่างไร? 3.4 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค Wh-questions ให้อยู่ในรูป passive voice จำนวน 7 ข้อ Instructions : Change the following wh-questions to passive voice. 1. Who needs a bicycle? 2. Whom does he love? 3. What is making you nervous? 4. When is Ravi writing the letter? 5. Why are they decorating the hall? 6. Where did you send him? 7. How doesn’t he wear suits? Answer Key 1. By whom is a bicycle needed? 2. Who is loved by him? 3. By what are you being made nervous? 4. When is the letter being written by Ravi? 5. Why is the hall being decorated by them? 6. Where was he sent by you? 7. How is suits not worn by him? 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions ในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Wh-questions บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Change the following wh-questions to passive voice. 1. Where did you see the snake? 2. How do you make this soup?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 175 3. Why did he tear the report? 4. Who wrote “Harry Potter”? 5. What will you send me? 6. When should I take the pill? 7.Who broke the vase? 8.When did he send her a letter? 9.Which car was he driving when the accident happened? 10. How will you do it? Answer Key 1. Where was the snake seen? 2. How is this soup made? 3. Why was the report torn? 4. By whom was “Harry Potter” written? 5. What will I be sent by you? 6. When should the pill be taken? 7.By whom was the vase broken? 8.When was she sent a letter by him? 9. Which car was being driven when the accident happened (by he)? 10. How will it be done by you? 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Whquestions บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Whquestions ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice ในประโยค Wh-questions 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPassive Voice ในประโยค Wh-questions 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Wh-questions ชั่วโมงที่ 5 - 6 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ในประโยค Wh-questions ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อน หน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 176 Active : Do you like mangoes? Passive : Are mangoes liked by you? 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice in yes/no questions จาก https://www.youtube.com/ watch?v=Fn91YqeZSaw 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes/ No questions ประโยค Active Voice ที่เป็นประโยคคำถาม ขึ้นต้นด้วย Yes / No question หากเปลี่ยนเป็น Passive Voice จะทำได้อย่างไร ประโยค Active voice ที่เป็นคำถามขึ้นต้นด้วยคำ Yes / No question เมื่อ เปลี่ยนเป็น Passive Voice มีโครงสร้างและวิธีการดังนี้ โครงสร้าง Present Simple : Is , Am , Are + s + V.3 +by …. Present Continuous :Is , Am , Are + s + being + V.3 + by … Present Perfect : Have , Has +s + been + V.3 + by …. Present Perfect Continuous : have + been + s + been +being + V.3 + by … Past Simple : Was , Were + s + V.3 + by… Past Continuous : Was , Were+ s+ being + V.3 + by… Past Perfect : Had + s + been + V.3 + by…. Past Perfect Continuous : Had + s + been + being + V.3 + by … Future Simple : Will + s + be + V.3 + by… Future Continuous : Will + s +be + being + V.3 + by … Future Perfect : Will+ s + have +been + V.3 + by …. Future Perfect Continuous : Will + s + have + been + being + V.3 + by … เช่น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 177 • Active : Did Jane eat the cake yesterday? เจนกินขนมเค้กเมื่อวานหรือเปล่า Passive : Was the cake eaten by Jane yesterday? ขนมเค้กถูกกิน โดยเจนเมื่อวาน หรือเปล่า • Active : Has Jane already eaten cake? เจนกินขนมเค้กแล้วหรือยัง Passive : Has the cake been eaten by Jane already? ขนมเค้กถูกกิน โดยเจน แล้วหรือยัง 3.4 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค Yes / No question ให้อยู่ในรูป passive voice จำนวน 5 ข้อ Instructions : Put the following sentences into passive voice. 1. Have you seen a lion? 2. Was he playing cricket? 3. May I take your pen? 4. Has he finished his work? 5. Did the teacher punish Peter? Answer Key 1. Has a lion been seen by you? 2. Was cricket being played by him? 3. May your pen be taken by me? 4. Has his work been finished by him? 5. Was Peter punished by the teacher? 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Yes / No question บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Put the following sentences into passive voice. 1. Do the Muslims burn their dead? 2. Had Martina Hingis defeated Monica Seles? 3. Should I take exercise? 4. Should we obey the elders? 5. Can you lift this box? 6. Must you cross this river? 7. Had you beaten your brother? 8. Will he write a letter? 9. Did you buy this shirt? 10. Does the postman deliver the mail?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 178 Answer Key 1. Are their dead burned by the Muslims? 2. Had Monica Seles been defeated by Martina Hingis? 3. Should exercise be taken by me? 4. Should the elders be obeyed by us? 5. Can this box be lifted by you? 6. Must this river be crossed by you? 7. Had your brother been beaten by you? 8.Will a letter be written by him? 9. Was this shirt bought by you? 10. Is the mail delivered by the postman? 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Passive Voice ในประโยค Yes / No question บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice ในประโยค Yes / No question 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Passive Voice ในประโยค Yes / No question 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ชั่วโมงที่ 7 - 8 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ในประโยค Yes / No question ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมง ก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น Active : Speak English. Passive : Let English be spoken. 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice / imperative sentences / modal verbs / part 2 จาก https://www.youtube.com/watch?v=DKoVXxV9jTU


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 179 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice - and imperative sentences จาก https://www. youtube.com/watch?v=_jRCSg-hswo 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้ 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice ในประโยค Imperative sentences การเปลี่ยนประโยคคำสั่ง (Imperative) เป็น Passive Voice มีโครงสร้างและหลักการดังต่อไปนี้ โครงสร้าง ประโยคคำสั่ง Let + Object + be + V.3 (past participle) ประโยคคำสั่งห้าม Let + Object + not be + V.3 (past participle) เช่น • Active : Close the door. Passive : Let the door be closed • Active : Do not touch the flower. Passive : Let the flower not be touch. นอกจากนี้สามารถขึ้นประโยค Passive Voice ด้วยสรรพนาม You ในกรณีที่ต้องการเน้นตัว บุคคลโดยเฉพาะในประโยคคำสั่งเชิงขอร้องให้ผู้อื่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยใช้คำแสดงการขอร้องถาษาอังกฤษ เช่น requested, asked หรือแสดงการให้คำแนะนำ ตักเตือน เช่น advised, warned เช่น • Active : See the doctor. Passive : You are advised to see the doctor. • Active : Do not buy that house. Passive : You are warned not to buy that house. 3.4 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนประโยค Imperative sentences ให้อยู่ในรูป passive voice จำนวน 5 ข้อ Instructions : Change following imperative sentences into passive voice. 1. Complete the work. 2. Turn off the television. 3. Don’t kill the snake.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 180 4. Don’t punish the boy. 5. Speak the truth. Answer Key 1. Let the work be completed. 2. Let the television be turned off. 3. Let the snake not be killed. 4. Let the boy not be punished. 5. Let the truth be spoken. 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ในเอกสารประกอบการ เรียนและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Imperative sentences ในรูป passive voice บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Write these imperative sentences into passive voice. 1. Please offer a seat to the elderly. 2. Walk on the footpath. 3. Use the zebra crossing. 4. Clean your room. 5. Do not scare the pigeons away. 6. Please come to my party tonight. 7. Do not keep him waiting. 8. Put your signature on the dotted lined. 9. Do not touch the electric wires. 10.Pack your bags quickly. Answer Key 1. Please let the seat be offered to the elderly. 2. Let the footpath be walked on. 3. Let the zebra crossing be used. 4. Let the pigeons not be scared away 5. He requested me to come to the party that night. 6. Let him not be kept waiting. 7. Let your signature be put on the dotted line. 8. Let the electric wires not be touched. 9. Let your bags be packed quickly. 10. Let the command be given. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ในเอกสารประกอบการ เรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 181 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Imperative sentences ในรูป passive voice t จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในประโยค Yes / No question ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Imperative sentences ในรูป passive voice 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของ Imperative sentences ในรูป passive voice 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Imperative sentences ในรูป passive voice ชั่วโมงที่ 9 - 10 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPassive Voice ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ทั้งหมด 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Passive Voice คืออะไร? จาก https://www.youtube.com/watch?v=JyAWtPBwKo 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Passive voice จาก https://www.youtube.com/watch?v =g3o6IY6Yrsw 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป passive voice / interrogative sentences & wh questions / Part 3 จาก https://www.youtube.com/watch?v=a06w-xCfrTA 2.4 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 3 วิโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Passive Voice


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 182 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างPassive Voice เช่น • My son was bitten by a dog • The cheese cake was eaten. • His letter hasn’t been read yet. • The report will be finished soon 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Passive Voice ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Passive Voice ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Passive Voice 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Passive Voice 5.3 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPassive Voice 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Passive Voice เรื่องที่ 3 เรื่อง Active and Passive Voice (Revision) จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนช่วยกันบอกหลักการเปลี่ยนประโยค Active และ Passive Voice 1.2 นักเรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.3 นักเรียนและครูร่วมกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนเขียนบนกระดาน ว่าประโยคที่เขียนเป็นประโยค Active หรือ Passive Voice นักเรียนทราบได้อย่างไรว่าเป็น Tense ไหนสังเกตจากอะไร 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาตัวอย่างชิ้นงาน Grammar in News และฟังครูอธิบายการทำชิ้นงาน โดยให้นักเรียน ศึกษาอ่านข่าวที่ตนเองเลือก และหาประโยคที่อยู่ในรูปของ Active and Passive Voice จากข่าวที่นักเรียนศึกษา ในรูปแบบหรือ Tense อะไรก็ได้ คนละ 4 ประโยค 2.2 นักเรียนนำประโยคที่อยู่ในรูปของ Active and Passive Voice ที่นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียง ประโยคใหม่ในสมุดของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็น Tense อะไรพร้อมเขียนโครงสร้างประกอบตามตัวอย่าง ชิ้นงาน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูตัวอย่างประโยค บนกระดานและช่วยกันแสกงความคิดเห็น อธิบายว่าเป็น Passive Voice รูปแบบใด และเป็น Tense ไหนเพราะอะไร 3.2 นักเรียนส่งตัวแทนออกมานำเสนอการหาประโยค Active and Passive Voice ในข่าว ออกมาเขียน ประโยคบนกระดาน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 183 3.4 นักเรียนฟังครูครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจรูปประโยค Active and Passive Voice และวิธีการหา Grammar in News มากขึ้น 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคนนำชิ้นงาน Grammar in News ของตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยน ความรู้ว่าตามประโยคเป็นรูปแบบและ Tense อะไร ช่วยกันคิดและแก้ไขถ้าไม่ถูกต้อง 4.2 นักเรียนช่วยกันเลือกชิ้นงาน Grammar in News มาวิเคราะห์และอธิบายให้สมาชิกในห้องฟัง 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนนำชิ้นงาน Grammar in News ให้ครูผู้สอนตรวจ เพื่อให้ครูผู้สอนคัดเลือกผลงาน 2 - 3 ชิ้น ที่ดีที่สุดมาสรุปผลการประเมิน 5.2 นักเรียนและครูสรุปหลักการเปลี่ยนประโยค Active เป็นประโยค Passive Voice และการเปลี่ยน ประโยค Passive เป็นประโยค Active Voice ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง และยกตัวอย่างประโยคให้นักเรียนเข้าใจมาก ขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 184 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง It’s a Bargain! แผนการจัดการเรียนรู้ที่14 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่ออธิบายความเหมือนและความแตกต่างเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย - นักเรียนมีความรู้การ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคโดยใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด เข้าใจในความหมายของคำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อใช้อธิบายเหมือนและความแตกต่างระหว่างที่เกี่ยวข้อง กับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ โรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 185 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง เข้าใจในความหมายของคำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อใช้อธิบายเหมือนและความแตกต่างระหว่างที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Travel 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Travel 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 186 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวคำศัพท์การซื้อขายหรือการ Shopping ที่ นักเรียนรู้จัก 1.2 นักเรียนสามารถตอบได้ เช่น advantage, bargain, customer เป็นต้น 1.3 นักเรียนและนักเรียนร่วมพูดคุยเกี่ยวกับคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการการซื้อขายหรือการ Shopping เพื่อให้ นักเรียนสามารถคาดเดาคำศัพท์ได้เพิ่มเติม 1.4 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการเดินทางเพิ่มเติม 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายของคำศัพท์ทุกตัว ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ วิธีการใช้คำศัพท์นั้นให้มากขึ้น ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำใบงานในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน ชั่วโมงที่ 2 ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 3 ประโยค


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 187 3.2 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน ครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และ ประเมินความเข้าใจของนักเรียนจากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Move it 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary, reading and conversation 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 188 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 189 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง It’s a Bargain! แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 เรื่อง Active and Passive Voice รหัสวิชา อ23111 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 10 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 2.2 ม.3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย - นักเรียนมีความรู้ ในโครงสร้างประโยค Active and Passive Voice 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนเปรียบเทียบ ความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ได้ - เขียนประโยค Active and Passive Voice เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความ เป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 190 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง เข้าใจในความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Active and Passive Voice ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความ เป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 3 : Travel 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 3 : Travel 3. การใช้โครงสร้าง Active and Passive Voice 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 191 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Active and Passive Voice 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Active and Passive Voice วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P และวิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพคำว่า Voice บน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่ามีความหมาย ของ Active Voice และ Passive Voice 1.2 นักเรียนทบทวนเรื่อง Active Voice ต่าง ๆ ที่นักเรียนเคยเรียนมา โดยส่งตัวแทนออกมาเขียนบน กระดาน 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูประโยค Active Voice บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23111) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 192 2.2 นักเรียนดูประโยค Active Voice ที่ครูเปลี่ยนเป็น Passive Voice บน PowerPoint พร้อมร่วมกัน แสดงความคิดเห็นว่าประโยคมีความหมายว่าอย่างไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร 2.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม “Passive Voice คืออะไร มีการใช้อย่างไร” บน PowerPoint 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Passive Voice Passive voice คือรูปประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งจะใช้ “Verb to be + Verb ช่อง 3” แทน Verb ปกติ หลาย ๆ ประโยคจะสามารถใช้ได้ทั้ง Active Voice และ Passive Voice เช่น “ฉันให้อาหารแมว” (Active Voice) กับ “แมวถูกฉันให้อาหาร” (Passive Voice) ทั้งสองประโยคนี้ถือว่ามีใจความเหมือนกัน หลักเกณฑ์ในการเปลี่ยนประโยค Active Voice เป็น Passive Voice คือ 1. นำกรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานของประโยค Passive Voice เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. 2. เปลี่ยนคำกริยาของประโยค Active Voice เป็นช่องที่ 3 และจะต้องมี Verb to be อยู่หน้า คำกริยานั้นเสมอ (จะใช้ Verb to be ตัวใด ขึ้นอยู่กับประธานของประโยค Passive Voice และ Tense ของ คำกริยาตัวเดิมใน Active Voice) เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. 3. นำประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมีคำว่า by นำหน้า เช่น Active Voice : John eats bread. Passive Voice : Bread is eaten by John. ** ถ้าประธานของประโยค Active Voice เป็นคำสรรพนาม (Pronouns) เมื่อเปลี่ยนไปเป็นกรรม ของประโยค Passive Voice จะต้องเปลี่ยนรูปเป็นกรรมตามไปด้วย เช่น Active Voice : He ate bread. Passive Voice : Bread was eaten by him. การเขียนประโยค Passive Voice ให้คำนึงถึง คำกริยาในประโยค Active Voice ใน 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. ถ้าในประโยค Active Voice มีคำกริยาช่วยกับคำกริยาแท้ เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย คำกริยาช่วย + be + คำกริยาช่องที่ 3 เช่น Active Voice : Jenny can drive a car. Passive Voice : A car can be driven by Jenny. Active Voice : He will drink coffee. Passive Voice : Coffee will be drunk by him. Active Voice : She has to speak English. (has to หรือ have to = จำเป็นต้อง) Passive Voice : English has to be spoken by her. Active Voice : Mark ought to do homework this evening. (ought to = ควร/ ควรจะ) Passive Voice : Homework ought to be done by Mark this evening.


Click to View FlipBook Version