The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krabbit1973, 2022-12-11 09:00:31

file Ebook

file Ebook

บทประพันธ์ที่แสดงถึงปณิธานและความรักในวิชาชีพไว้บทหน่ึงในค�ำน�ำหนังสือ
รามเกียรต์ิ ตอนนางลอย ท่ีรวบรวมและเรียบเรียงจัดพมิ พ์ไว้ ความวา่

“ถึงตัวไปใจอยู่คู่กบั ศลิ ป จนสดุ ส้นิ ชีวติ ปลดิ สังขาร
ขอเทอดทูนศิลปศาสตร์นาฏการ ให้ยนื นานจรรโลงอยู่ค่ชู าตเิ อย ๚”
ตลอดชีวิตของนายประพันธ์ นับได้ว่าเป็นผู้ท่ีใฝ่ใจศึกษา ค้นคว้าหาความรู้
เก่ียวกับโขน ละครมาโดยตลอด มีผลงานดา้ นการเรยี บเรียง รวบรวม เขียนตำ� รา
เกี่ยวกับโขน ละคร และบทพากย์ไว้เป็นจ�ำนวนมาก ตลอดจนได้ช่วยสอนโขน
ในสถานศกึ ษาตา่ ง ๆ จนเปน็ ทย่ี อมรบั ยกยอ่ ง ไดร้ บั เกยี รตคิ ณุ บตั ร และรางวลั จาก
หน่วยงานตา่ ง ๆ หลายแหง่ เช่น รบั เกยี รติบตั รเป็นผทู้ ี่สนบั สนุนการปฏิบตั ิหน้าท่ี
ราชการอย่างดยี ่งิ จากกรมศิลปากร รบั ประทานของทร่ี ะลกึ จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เน่ืองในโอกาสเสด็จไปทอดพระเนตร
การแสดงโขนชุดหนุมานอาสา ของโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ
ผู้สนับสนุนการแสดงโขนนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ประสานมติ ร (ฝา่ ยประถม) และไดร้ บั รางวลั คกึ ฤทธิ์ สาขาคตี ศลิ ป์ จากมลู นธิ คิ กึ ฤทธ์ิ ๘๐
ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี

เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณช์ น้ั สงู สดุ ทไ่ี ดร้ บั พระราชทาน คอื เบญจมาภรณม์ งกฎุ ไทย

นายประพนั ธส์ มรสกับนางสาวส่องศรี กาญจนจูฑะ มีบตุ รรวมทงั้ สิน้ ๕ คน
คือ นายสพุ จน์ นายนิพนธ์ ดอกเตอร์ประภาศรี นันทน์ ฤมิต นางแสงแข ชัยชนะวงศ์
และนางสาวภัทราวดี สุคนธชาติ

วาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ นายประพนั ธป์ ว่ ยดว้ ยโรคเบาหวานและมะเรง็ ตบั เขา้ รบั
การรักษาท่ีโรงพยาบาลวิชัยยุทธ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถึงแก่กรรม
ดว้ ยโรคปอดตดิ เชอ้ื และมนี ำ้� ในปอดเปน็ จำ� นวนมาก ณ โรงพยาบาลวชิ ยั ยทุ ธ เมอื่ วนั ที่
๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ สริ ิอายุ ๘๗ ปี ๘ เดือน ๑๐ วนั

นางศิริวรรณ์ อินทรก�ำแหง ผู้เรียบเรยี ง
ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 49

ครูภมู ิปัญญาไทย

ขอ้ มูลอา้ งอิง

๑. ประพนั ธ์ สคุ นธะชาต.ิ รามเกยี รต์ิ ตอนนางลอย. กรงุ เทพฯ : หา้ งหนุ้ สว่ นจำ� กดั ศวิ พร, ๒๕๑๓.
๒. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายประพันธ์ สุคนธชาติ บ.ม. ณ เมรุวัดดวงแข
เขตปทุมวนั กรงุ เทพมหานคร วนั อาทิตย์ที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๒
๓. ผใู้ หข้ ้อมลู เพม่ิ เติม
๓.๑ นายสมโภชน์ อนิ ทรกำ� แหง อดีตผ้อู ำ� นวยการสถาบันวฒั นธรรมศึกษา กรมสง่ เสริม
วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม
๓.๒ นางสาวภัทราวดี สุคนธชาติ บุตร

50 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายพงษ์ลักษณ์ สุวรรณมาลี

พ.ศ. ๒๔๙๘–๒๕๖๔

นายพงษล์ กั ษณ์ สวุ รรณมาลี เกดิ เม่อื วนั ท่ี ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘
ท่หี มูบ่ า้ นเลก็ ใกล้วัดเจ็ดยอด ต�ำบลช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตร
คนโตในจ�ำนวนพ่ีน้อง ๔ คน ของนายศลิ ป์ กับนางล�ำดวน สวุ รรณมาลี
มนี อ้ งชาย ๓ คน คอื นายพนั ธลภ นายพพิ ฒั น์ และนายธรี วรี ์ สวุ รรณมาลี

ครู ภูมิปั ญญาไทย
52 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

เรมิ่ เรยี นจากครใู กลบ้ า้ น ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ - ๔ ทโ่ี รงเรยี นปรนิ สร์ อยแยลส์
วิทยาลยั จบช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๗ ทโี่ รงเรียนศิริมังคลาจารย์ ระดบั มัธยมศึกษา
(มศ.๓) ทโ่ี รงเรยี นธรรมราชศกึ ษา และจบประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.)
จากวิทยาลัยครเู ชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในปจั จบุ นั )
ชวี ติ วยั เดก็ นายพงษล์ ักษณ์เติบโตในชมุ ชนขว่ งสงิ ห์ ใกลโ้ รงเผาหม้อน�้ำก้าบ
(เครอ่ื งปน้ั ศลิ าดลโบราณ) ในฐานะบตุ รคนโตของบา้ นไดร้ บั มอบหมายใหน้ ง่ึ ขา้ วเหนยี ว
ในตอนเช้า วิถีชีวิตคุ้นเคยกับหม้อข้าวหม่า หม้อน้�ำก้าบ๑ ตามภาษาถิ่น หม้อแช่
ขา้ วเหนยี วทเ่ี ปน็ เครอื่ งเคลอื บสเี ขยี ว เชา้ มดื วนั หนงึ่ ไดเ้ หน็ แสงไฟสวา่ งจา้ จากหนา้ ตา่ ง
ย่ิงมองยิ่งสวย ความมืดกับแสงไฟสูง ๓-๔ เมตร ให้ความสว่างไสว งดงาม
พรอ้ มเกิดค�ำถามข้อสงสัยทันที “เขาท�ำอะไรกัน” ได้ติดตามตายายไปกาด (ตลาด)
ไดพ้ บเห็นเครอื่ งปั้นดินเผาวางขาย สนใจ แวะเข้าไปดูบ่อยจนพอ่ อุ้ยแม่อ้ยุ ๒ ช่างปนั้
สงู วยั เอน็ ดู สอนวธิ ที ำ� ไดเ้ รยี นรกู้ ารปน้ั เขยี นลายไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ฝกึ ทำ� หมอ้ นำ้� กา้ บ
จากดนิ เหนยี ว กอปรกบั นายพงษล์ กั ษณเ์ ปน็ คนใฝร่ ู้ ชา่ งสงั เกต ใจรกั งานศลิ ปะและ
งานจิตรกรรม การวาดภาพวิถีชีวิต งานชนบท และงานลายเส้น การวาดภาพ
ดว้ ยดนิ สอ วาดทวิ ทศั น์ ตน้ ไมใ้ บหญา้ เปน็ งานทช่ี อบ สมยั เปน็ นกั เรยี นมรี ายไดจ้ าก
การวาด ส.ค.ส. ขายในราคาแผ่นละ ๒๕ สตางค์ สร้างความตื่นเต้น ประทับใจ
ไดข้ อ้ สรปุ ใหต้ นเอง “ผลงานคอื บทพสิ จู นค์ วามตง้ั ใจในการทำ� งานทร่ี กั ” เชน่ เดยี วกบั
เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาทม่ี แี รงบนั ดาลใจจากประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการแชข่ า้ วกอ่ นหงุ หนง่ึ คนื
พรอ้ มกบั ความทนทานของหมอ้ นำ้� กา้ บ เกดิ จนิ ตนาการหลายอยา่ ง เมอ่ื ไดถ้ งึ โรงงาน
ไดเ้ รียนรู้ สอบถามกบั ช่างผูเ้ ฒ่าในขน้ั ตอนการผลิต ตั้งแตค่ ัดหาดินด�ำ คิด ปั้น เผา
จนถึงชุบน�้ำเคลอื บ ย่ิงถามยง่ิ บอกดจุ สอนลกู หลาน พรอ้ มใหโ้ อกาสป้นั โอ่งชิ้นแรก

๑ หม้อ หรือกระถางที่ผ่านการเคลือบ ใช้แช่ข้าวเหนียว ใส่น�้ำค้างคืนเพ่ือน่ึงในตอนเช้า มีรูป
ทรงกระบอก (พจนานุกรมภาษาถิน่ ภาคเหนอื สถาบนั ราชภัฏเชยี งใหม,่ ๒๕๓๙)
๒ ค�ำเรียกผู้สูงวยั ฝา่ ยชาย ฝ่ายหญงิ ในภาษาถน่ิ เหนอื ดังเชน่ ป่ยู า่ ตายาย

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 53

ครูภมู ปิ ัญญาไทย
ผลงานชนิ้ โบวแ์ ดง รับค�ำแนะน�ำ ตชิ ม ได้แนวคดิ “ปญั หามา ปญั ญาเกิด ปญั ญามา
ปัญหาหาย” เป็นจุดประกายให้สร้างเคร่ืองปั้นดินเผาเคลือบศิลาดล ภูมิปัญญา
อนั ทรงคณุ คา่ ของบรรพบรุ ษุ คณุ คา่ ทางจติ ใจจากผถู้ า่ ยทอดทสี่ ง่ ตอ่ ภมู ปิ ญั ญาโดยไมค่ ดิ
คา่ ตอบแทนในการนำ� ดนิ มาสรา้ งคณุ ประโยชนใ์ นรปู แบบตา่ ง ๆ มงุ่ หวงั สบื สานงานปน้ั
ของไทยใหก้ า้ วต่อไปในอนาคต

หลังส�ำเร็จการศึกษา นายพงษ์ลักษณ์เข้ากรุงเทพฯ แสวงหาความรู้และ
ประสบการณใ์ นงานเขยี นลายและการทำ� เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผากบั โรงงานตา่ ง ๆ เรม่ิ จาก
โรงงานกอ้ งฟา้ เครอื่ งเคลอื บกงั ไส ยา่ นบางแค ได้พบกับนายช่างจิตรกรชาวจีน ผู้มี
ฝีมือชนั้ สูง เมตตาถ่ายทอดความรทู้ ง้ั ทักษะและการเขียนลวดลาย การเขียนภาพสี
แบบจีน กรรมวิธีการท�ำเคร่ืองปั้นดินเผาโดยละเอียด ต่อมาเข้าท�ำงานท่ีโรงงาน
ยา่ นพระประแดง ไดค้ วามรเู้ รอ่ื งเครอื่ งปน้ั ลายครามจนเชย่ี วชาญ ไดร้ บั การทาบทาม
ให้ดูแลโรงงานแสงชัยเซรามิก ๑ ผู้ผลิตชามตราไก่ช่ือดังของจังหวัดล�ำปาง
ช่วยด�ำเนินการและออกแบบลวดลายจนโรงงานเตบิ โตมีช่ือเสียง
นายพงษ์ลักษณ์มีหลักการของตนเอง คือ มุ่งหาความรู้ สร้างฐานอาชีพ
ใหม้ นั่ คงในวนั ขา้ งหนา้ แคม่ ที อี่ ยู่ มอี าหารกพ็ อแลว้ ไมค่ ำ� นงึ ถงึ คา่ แรงและคา่ ตอบแทน
ท่ีได้รับ ด้วยความมุ่งมั่นในการสืบสานงานภูมิปัญญาเครื่องปั้นดินเผา ได้เรียนรู้
ขนั้ ตอนการผลติ ตง้ั แตก่ ารจดั หาดนิ คดั ดนิ นวดดนิ ปน้ั ดนิ เขยี นลวดลาย เผาเครอ่ื งปน้ั
ในเตาโบราณ ปรุงแต่ง ชุบน้�ำเคลือบ ฝึกปฏิบัติ และเรียนรู้เทคนิคการผลิต
ในทุกขน้ั ตอนจากผเู้ ฒา่ ผเู้ ชย่ี วชาญ รวมทงั้ ศกึ ษาเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทงั้ จากตำ� รา
วชิ าการ แหลง่ เรยี นรู้ และฝกึ ปฏบิ ัติเพิ่มเตมิ ดว้ ยตนเอง เพือ่ สรา้ งรายไดแ้ ละอาชีพ
54 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

สู่สังคม นายพงษ์ลักษณ์ลงทุนสร้างโรงงานที่เชียงใหม่ แต่ตั้งได้เพียงสองปีก็ต้อง
ปดิ กิจการ เนอ่ื งจากอ่อนประสบการณ์ทางธรุ กจิ
ดว้ ยความมงุ่ มน่ั ในการสานตอ่ งานเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา นายพงษล์ กั ษณจ์ งึ วางแผน
ใช้ชีวิตโดยเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องการตลาด สร้างโรงงานเครื่องเคลือบศิลาดลของ
ตนเองใหม่ที่อยากสืบสานมาตั้งแต่วัยเยาว์ ๑๒ ปี ในชื่อ “พงษ์ศรีนครศิลาดล”
ใน พ.ศ. ๒๕๓๕ ทีบ่ า้ นเหนอื ดอนอฐิ ต�ำบลสมั ปทวน อำ� เภอนครชัยศรี จังหวดั
นครปฐม อนั เปน็ ถน่ิ พำ� นกั ของภรรยา เปน็ ทงั้ บา้ นพกั โรงงาน แกลเลอร่ี แหลง่ เรยี นรู้
และศนู ยเ์ รียนรใู้ นเวลาตอ่ มา ผลติ ภณั ฑ์แรกเริม่ เปน็ ของช�ำรว่ ย อาทิ จานรองแกว้
ชุดน้�ำชา แก้วน�้ำ ส่งฝากขายท่ีร้านค้าในจังหวัดสมุทรสาครซึ่งมีช่ือเสียงเรื่อง
เครื่องเบญจรงค์ สอดคล้องกับผลผลิตศิลาดลท่ีมีลวดลายบ่งบอกความเป็นไทย
สะทอ้ นประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม ศาสนา ประเพณี ปรชั ญาชวี ติ วิถคี วามเป็นอยู่
และการละเล่น เสมือนบันทกึ ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย
“ศลิ าดล” เปน็ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทเี่ คลอื บดว้ ยวสั ดธุ รรมชาติ คอื ขเี้ ถา้ ไมร้ กฟา้
มีส่วนผสมของแร่เหล็ก เอามาผสมดินหน้านา (ดินท่ีเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว
ทนความรอ้ นสงู ) ผา่ นการเผาในเตาแมงปอ่ ง หรอื เตาทเุ รยี ง๓ ดว้ ยความรอ้ นสงู ประมาณ
๑,๒๖๓-๑,๓๐๐ องศาเซลเซยี ส เผาดว้ ยวธิ ลี ดออกซเิ จน (Reduction) คอื การเผาไหม้
ไม่สมบูรณ์ โดยปริมาณออกซิเจนมีสัดส่วนน้อยกว่าเชื้อเพลิง ท�ำให้เกิดเป็นก๊าซ
คารบ์ อนมอนนอกไซดท์ เ่ี หลอื จากการเผาไหมท้ ำ� ปฏกิ ริ ยิ ากบั ออกซเิ จนในนำ้� เคลอื บ
ท�ำให้ผิวเคลือบรานแตกลายงาบนผิวเนื้อภาชนะซึ่งเกิดจากการหดตัวของเนื้อดิน
กับน�้ำเคลือบท่ีต่างกันเม่ือเย็นตัวลง มีสีเขียวสุกสว่างสดใสแตกต่างจากเครื่องปั้น
ดินเผาชนิดอน่ื ๆ เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตัวท่ีเหน็ ไดด้ ้วยสายตา คอื มสี เี ขยี วและ
มีรอยแตกในตัวเน้ือของผิวเนื้อช้ินงาน จนมีการกล่าวกันว่า “ถ้าไม่ใช่สีเขียว
หรอื ไม่แตกลายงา กไ็ ม่ใช่ศิลาดล”

๓ เตาเผาเครื่องชามสังคโลกสมัยสุโขทัย เป็นเตาเผาแบบอิฐ ขุดดินเป็นหลุม หรืออุโมงค์
กวา้ งหน่งึ ถึงสองเมตร ยาวส่ีถงึ หา้ เมตร รูปร่างคลา้ ยประทุนเกวยี น มีสามส่วน คือ ท่ใี สไ่ ฟ
ที่วางถ้วยชาม และปล่องไฟ

ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 55

ครู ภูมิปั ญญาไทย

ผู ้ใช้ นวัตกรรมพัฒนาศิลาดลให้เป็ นศิลปะล้�ำค่า
บ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็นไทย

นายพงษ์ลักษณ์พัฒนาและต่อยอดพงษ์ศรีนครศิลาดลให้เป็นอุตสาหกรรม
ครอบครวั กงึ่ อุตสาหกรรมขนาดเลก็ นำ� คณุ คา่ งานหตั ถกรรมโบราณจากเชียงใหม่
มาสบื สานใหช้ มุ ชนนครชยั ศรี ไดส้ รา้ งคน สรา้ งอาชพี งานหตั ถกรรมศลิ ป์ สรา้ งผลติ ภณั ฑ์
ต้ังแต่ของใช้ในครัวเรือนในชีวิตประจ�ำวัน ของช�ำร่วย ราคา ๑๕ บาท จนถึง
ของประดบั บา้ น ราคาเปน็ แสนบาท ใชก้ รรมวธิ กี ารผลติ แบบโบราณผสมผสานเทคนคิ
นวัตกรรมสมัยใหม่ อาทิ ใช้ดินเหนียวสีด�ำ (ball clay) เน้ือดินที่เหนียวและแกร่ง
จากการเผาในอุณหภูมิท่ีเหมาะสมแทนดินหน้านา ใช้หินปูน หินเข้ียวหนุมาน
สนิมเหลก็ เป็นน�้ำเคลอื บแทนการใช้ขเ้ี ถา้ ไม้รกฟา้ ไมม้ ะก่อ ได้ผลงานโดดเดน่
ตอ่ มา กรมการพฒั นาชมุ ชนเขา้ รว่ มสนบั สนนุ ประชาสมั พนั ธ์ คดั เลอื กใหเ้ ปน็
ผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าโอทอป ระดับ ๔ ดาว ๕ ดาว (OTOP : One Tambon
One Product)๔ มีโอกาสออกงานแสดงสินค้ากับภาครัฐ เคร่ืองเคลือบศิลาดล

๔ โครงการหนง่ึ ตำ� บล หนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ เปน็ โครงการเพมิ่ อาชพี และรายไดใ้ หช้ มุ ชนระดบั รากหญา้
ของกรมการพฒั นาชมุ ชน เริ่มใน พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยนำ� ทรัพยากรภูมิปญั ญาท้องถิน่ มาพัฒนา
ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรกิ ารใหม้ คี ณุ ภาพ มงุ่ สรา้ งเศรษฐกจิ ฐานรากใหเ้ ขม้ แขง็ โดยรฐั สนบั สนนุ เทคโนโลยี
การบริหารจดั การ เชอื่ มโยงสนิ ค้าสตู่ ลาดทงั้ ในและนอกประเทศ มกี ารคัดสรรและจัดอันดบั
ผลติ ภณั ฑ์ในห้าระดับ/ดาว ๔ ดาว หมายถึง สนิ คา้ ที่ได้รบั การยอมรับในระดบั ประเทศ ๕ ดาว
หมายถึง สนิ คา้ ทมี่ ศี กั ยภาพในการส่งออก

56 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

เริ่มมีชื่อเสียง ต่างประเทศยอมรับ ส่งผลให้เกิดการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และ
เพม่ิ ลวดลาย
ขณะเดียวกัน พบปัญหาผลิตภัณฑ์มีน้�ำหนักมาก การขนส่งทางไกลท�ำให้
สินค้าช�ำรุด ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จึงขอความช่วยเหลือไปท่ีหน่วยงานภาครัฐ ได้รับ
การสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย
(Industrial Technology Assistant Program : ITAP) สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๒ รว่ มวจิ ยั และพฒั นา
คณุ ภาพของผลติ ภณั ฑศ์ ลิ าดล ในโครงการปรบั สตู รดนิ เบา โครงการควบคมุ คณุ สมบตั ิ
ของดนิ และโครงการพฒั นาเครอ่ื งผสมดนิ อเนกประสงค์ มกี ารสนบั สนนุ งบประมาณ
ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้สูตรปรับดินเน้ือเบาจากการใช้วัสดุธรรมชาติเหลือใช้
ในภาคการเกษตรมาประยุกต์ใช้ อาทิ แกลบ ข้ีเลื่อย กากอ้อย ผสมกับหินปูน
หินเข้ียวหนมุ าน บดละเอยี ด สตู รเนอื้ ดนิ เบาสง่ ผลใหล้ ดต้นทนุ การผลติ ลดปรมิ าณ
ความเสียหายจากการขนส่ง แข็งแรงทนทาน สะดวกต่อสภาพการใช้ในปัจจุบัน
ทั้งอุปกรณท์ ำ� ความสะอาดแบบอตั โนมตั ิ (เครือ่ งล้างจาน) ไมโครเวฟ
การพฒั นาสตู รปรบั เนอื้ ดนิ เบา นายพงษล์ กั ษณม์ งุ่ พฒั นาผลติ ภณั ฑใ์ หส้ มบรู ณ์
กอ่ นผลติ ออกจำ� หนา่ ย โดยศกึ ษาตวั แปรทเ่ี หมาะสมกบั การผลติ และควบคมุ คณุ สมบตั ิ
ของดินกอ่ นน�ำไปผลติ เคร่ืองปัน้ ดนิ เผา ศกึ ษาอนภุ าคของสารเตมิ แต่ง ระยะเวลา
ในการบด การผสม ปรมิ าณความช้นื ความหนดื และความสามารถในการขึ้นรปู
รวมทั้งแนวทางการพัฒนาเคร่ืองผสมดินอเนกประสงค์ท่ีด�ำเนินการได้ตั้งแต่ต้น
จนถึงขัน้ ตอนสดุ ท้าย คอื ดูดอากาศ ปนั่ และนวดดนิ ให้แลว้ เสรจ็ ในเคร่ือง ๆ เดียว
ประหยดั ท้ังเวลาและพืน้ ทใ่ี นการตดิ ต้งั
ในการน้ี นายวรรณภพ กล่อมเกล้ียง ผ้อู ำ� นวยการศูนย์บรู ณาการเทคโนโลยี
ของอตุ สาหกรรมไทย และผจู้ ดั การโครงการ ITAP ยอมรับวา่ ผลการศึกษาทดลอง
ของนายพงษล์ กั ษณ์ เจา้ ของ “พงษศ์ รนี ครศลิ าดล” ถอื วา่ ประสบผลสำ� เรจ็ อยา่ งมาก

ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 57

ครูภมู ิปัญญาไทย

ท้ังการพฒั นาคุณภาพของวัตถดุ ิบและผลิตภัณฑ์ นับเป็นความส�ำเรจ็ ในการศึกษา
“วัสดศุ าสตร”์ ทไ่ี ด้ท้งั การพฒั นาคณุ ภาพเนอื้ ดิน พฒั นาองค์ความร้ขู องผู้เชย่ี วชาญ
และนักศึกษาที่ช่วยเก็บข้อมูล
ผลงานวิจัยน้ี สร้างประโยชน์
ต่อธุรกิจเคร่ืองปั้นดินเผา
ในประเทศไทย

ผลิตภณั ฑศ์ ลิ าดลจดั เป็นผลิตภัณฑส์ ากลทไี่ ดร้ ับการรบั รองมาตรฐาน SGS๕
และมาตรฐานการผลติ จากศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและวสั ดแุ หง่ ชาติ (MTEC (National
Metal and Materials Technology Center)) เนน้ ความปลอดภยั ของผบู้ รโิ ภคของ
สารโลหะปนเปอ้ื น รวมทง้ั พฒั นาเตาเผาจากเตาโบราณ-เตาทเุ รยี ง ไปสเู่ ตาประหยดั
พลังงาน เปล่ียนจากพลังงานไม้เปน็ พลงั งานฟอสซิล (LPG)๖ เพ่ิมรปู แบบผลติ ภัณฑ์
สรา้ งแมแ่ บบ (โมล) และลกู พมิ พใ์ หม้ มี าตรฐานทางการผลติ พฒั นาการปน้ั การเขยี น
ลวดลายแบบไทยท่ีเก่ียวข้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบเดิม พัฒนาการอบ
ผลติ ภณั ฑใ์ นเตาเผาดว้ ยระบบลดออกซเิ จน (OF-RF : Oxidation Firing-Reduction
Firing) ในอุณหภมู ิ ๐-๑,๓๐๐ องศาเซลเซียส ประมาณ ๑๐-๑๒ ช่ัวโมง
นายพงษ์ลักษณ์กล่าวเสมอว่าการท�ำงานในทุกวันน้ีมุ่งสอนเพ่ือการด�ำรงชีพ
มุ่งสร้างงานท่ีมีคุณค่า โดยหยิบย่ืนองค์ความรู้สู่ชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้
และสบื สานงานศิลปหตั ถกรรมแขนงนี้ใหด้ ำ� รงอยู่ตอ่ ไป มไิ ดม้ ุ่งหวงั สะสมทรพั ยส์ ิน

๕ SGS ยอ่ มาจาก Societe Generale de Surveillanceb องค์กรมาตรฐานในระดบั สากล
ให้บรกิ ารรับรองคุณภาพของผลผลติ และบริการด้านตา่ ง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมท้ังการผลิตและ
การค้าปลีก สินค้าการเกษตร สินค้าอุปโภค บริโภค น้�ำมัน เคมี ระบบงานและบริการ
มสี ำ� นักงานใหญ่
๖ Liquefied Petroleum Gas ก๊าซปิโตรเลียมเหลว เป็นพลังงานบริสุทธ์ิ ค่าความร้อนสูง
ไรก้ ล่นิ ไรส้ ี

58 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

การถ่ายทอดความรู้เป็นเป้าหมายส�ำคัญอีกประการหนึ่งที่นายพงษ์ลักษณ์
มุ่งถ่ายทอดสู่เยาวชน สถานศึกษา สู่ท้องถิ่นเพ่ืออนุรักษ์รากฐานภูมิปัญญา
เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา เปดิ โอกาสใหเ้ รยี นรกู้ ารผลติ เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาศลิ าดลในทกุ ขน้ั ตอน
โดยไมค่ ดิ มลู คา่ สอนทงั้ ความรู้ ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ศกึ ษาดงู าน สาธติ เปน็ วทิ ยากรใหห้ นว่ ยงาน
ภาครฐั เอกชน และสถานศึกษา อาทิ มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร คณะวศิ วกรรมศาสตร์
และเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา มหาวทิ ยาลยั
หอการคา้ ไทย มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ โรงเรยี นนลิ ประพนธ์ โรงเรยี นประชาคมนานาชาติ
(International Community School) เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรู้ ความคดิ และทกั ษะ

งานเคร่ืองปั้นดินเผาศิลาดลหัตถกรรม
โบราณให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ต่อไป
ในวันข้างหน้าอย่างรู้คุณค่าของภูมิปัญญา
จากรนุ่ สรู่ นุ่ สบื ตอ่ ไปอยา่ งมคี วามสขุ ในความรู้
และอาชีพ รวมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้
เครื่องเคลือบศิลาดลผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ
ท้ังสื่อส่ิงพิมพ์ วีดิทัศน์ และเว็บไซต์ อาทิ
ศลิ ปนิ เคลอื บปน้ั ดนิ เผาเคลอื บศลิ าดล ใน www.youtube.com ๑๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
(Thai PBS) ขอ้ เขยี นเครอื่ งปน้ั ดนิ เผาเคลอื บ “ศลิ าดล” จากแรงบนั ดาลใจ สกู่ ารผลติ
ท่สี ืบสานจากภูมปิ ัญญาพ้ืนบ้าน
นายพงษ์ลักษณ์ใช้พื้นท่ีบ้านเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนหัตถกรรมเคร่ืองปั้น
ดินเผาศิลาดล (บ้านเหนือดอนอิฐ) และสถาบันการจัดการภูมิปัญญา OTOP
Pongsrinakorn Celadon เพื่อการเรียนรู้ เปิดสอน อบรม สาธิตให้ผู้เรียน
ในทกุ ระดบั การศกึ ษา รบั ฝกึ งาน และฝกึ ปฏบิ ตั ผิ เู้ รยี นทง้ั ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ
มงุ่ หวังถา่ ยทอดความร้แู ละประสบการณ์แกช่ มุ ชน ผ้สู นใจ ให้รู้คุณค่า ร่วมอนรุ กั ษ์
และสืบทอดงานเคร่ืองปั้นดินเผาต่อไป จากการน�ำกรรมวิธีการผลิตแบบโบราณ
ผสมผสานเทคนคิ การผลติ ดว้ ยนวตั กรรม ใหค้ วามสมำ่� เสมอของเนอื้ ศลิ าดล บรรเทา

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 59

ครูภมู ิปัญญาไทย

ปัญหาที่ผ่านมา โรงงานพงษ์ศรีนครศิลาดลได้จัดรูปแบบเสมือนพิพิธภัณฑ์
แสดงผลติ ภณั ฑศ์ ลิ าดล สอื่ แสดงถงึ พฒั นาการของงานเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา ใหท้ งั้ ความรู้

ความเพลิดเพลินในความงดงาม
กระตุ้นให้เกิดการแลกเปล่ียน
เรียนรู้ซงึ่ กนั และกนั เชน่ เดยี วกับ
ท่ีเปิดศูนย์เรียนรู้เพื่อให้โอกาสกับ
ชมุ ชน ผสู้ นใจในความรแู้ ละอาชพี

นอกจากน้ี นายพงษ์ลักษณ์
ไ ด ้ ร ่ ว ม กิ จ ก ร ร ม กั บ ห น ่ ว ย ง า น
องคก์ รต่าง ๆ อาทิ กรมการพฒั นาชุมชน ผู้บริหารจัดการโครงการหนึ่งต�ำบล
หน่ึงผลิตภัณฑ์ จัดกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพให้ศิลปินผู้ผลิตงาน OTOP
ได้จัดแสดง จำ� หนา่ ย และเผยแพรผ่ ลงาน ทง้ั ในระดบั จงั หวดั ภมู ภิ าค และระดบั ประเทศ
นายพงษล์ กั ษณ์ หนง่ึ ในสดุ ยอดศลิ ปนิ กลมุ่ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา กลา่ วดว้ ยความภาคภมู ใิ จวา่
นับเป็นคร้ังแรกท่ีเห็นการรวมตัวอย่างเข้มแข็งของเหล่าศิลปินผู้ผลิตงาน OTOP
จากท่ัวประเทศ ทุกคนมุ่งม่ันสืบสานมรดกภูมิปัญญาของชาติให้คงอยู่ยาวนาน
ยินดีถ่ายทอดเคล็ดลับฝีมือให้คนรุ่นใหม่ท่ีต้ังใจสืบสานสิ่งดีงามท่ีตกทอดมาจาก
บรรพบุรุษ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ OTOP อย่างต่อเนื่อง ผลงานเปน็ ทปี่ ระจกั ษแ์ ละ
ได้รบั การยอมรบั จากสังคมอย่างกวา้ งขวาง นับเปน็ การสร้างคุณค่าและมูลคา่ ของ
ผลติ ภัณฑ์ OTOP ที่สรา้ งงาน สรา้ งรายได้ใหแ้ กช่ มุ ชน
นายพงษล์ กั ษณค์ อื ผทู้ ม่ี คี วามพรอ้ มของความเปน็ ชา่ ง ความเปน็ ศลิ ปนิ และ
ความเป็นครูผทู้ ่ที �ำงานด้วยมอื สมอง และหัวใจ นำ� ความภาคภมู ิใจในวฒั นธรรม
แตด่ ัง้ เดมิ พัฒนาอัตลกั ษณค์ วามเปน็ ศิลาดล เปน็ ท่ปี ระจักษ์แก่สายตาท้งั ชาวไทย
และชาวต่างประเทศด้วยการถ่ายทอดจิตวิญญาณบนเนื้อดินธรรมดาให้เป็น
ของลำ�้ คา่ ทน่ี า่ ประทบั ใจจากการสรา้ งลวดลาย มลี วดลายดอกพกิ ลุ เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ
ของพงษศ์ รนี ครศลิ าดล เพน้ ทล์ าย การจรดปลายพกู่ นั แฝงปรชั ญาเชงิ พทุ ธศาสนา
60 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรม วิถีชีวิตไทยในอดีต วัฒนธรรม ประเพณี
ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย และโบราณสถาน ทใี่ หข้ อ้ คดิ อยา่ งแยบยล ดว้ ยกรรมวธิ กี ารผลติ
ในแบบดั้งเดิม ใช้สีวาดเพียงสองสีคือด�ำกับน้�ำตาล พร้อมกับการเคลือบน้�ำทอง
บนเนื้อศิลาดลที่เกิดมิติความงดงามอย่างประมาณค่ามิได้ พงษ์ศรีนครศิลาดล
สร้างผลผลิตเครื่องปั้นดินเผาจากดินด�ำสู่ศิลาดลที่สูงส่งท่ีแฝงปรัชญาธรรมชาติ
ใหค้ วามรคู้ คู่ ณุ ธรรมตลอดทาง สดุ แตแ่ นวคดิ แนวปฏบิ ตั ขิ องลกู หลาน คดิ ได้ ทำ� ได้
พัฒนาต่อเนอื่ งไดอ้ ย่างไร
การสืบทอดและพัฒนาเครื่องปั้นดินเผาศิลาดล ส่งผลให้นายพงษ์ลักษณ์
ได้รบั รางวัลเกยี รติยศต่าง ๆ อาทิ พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๗ ประกาศรบั รองมาตรฐาน
ผลติ ภณั ฑห์ นง่ึ ตำ� บล หนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์ จงั หวดั นครปฐม ระดบั ๔ ดาว ๕ ดาว พ.ศ. ๒๕๔๖
รางวัลโครงการประกวดหัตถกรรมพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา สมเด็จ
พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ จงั หวดั นนทบรุ ี พ.ศ. ๒๕๕๑ ผเู้ ชยี่ วชาญสาขา
เครอื่ งป้นั ดินเผา แห่งพระราชบัญญตั ิคมุ้ ครองส่ิงบง่ ชที้ างภูมศิ าสตร์ กรมทรัพย์สิน
ทางปัญญา พ.ศ. ๒๕๕๒ ปริญญาศิลปบัณฑิตกติ ติมศักด์ิ สาขาวชิ าเครื่องปน้ั ดินเผา
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ ประจำ� ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครภู มู ิปัญญาไทย รุน่ ท่ี ๖ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ส�ำนกั งานเลขาธิการ
สภาการศึกษา และครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจ�ำปี ๒๕๕๕ ประเภทเครื่องปั้น
(งานศลิ าดล) ศนู ยส์ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๙ ผทู้ ำ� คณุ ประโยชน์
ใหก้ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร และโลค่ นดแี ทนคณุ แผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๕๙
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันสูงสุดที่ได้รับพระราชทาน คือ เหรียญเงิน
ดิเรกคุณาภรณ ์
นายพงษล์ ักษณส์ มรสกับนางสาวกาญจนา แกว้ ราเวยี ง มีบตุ รชาย ๑ คน
คือ นายพงษ์ศกร สวุ รรณมาลี
นายพงษล์ กั ษณถ์ งึ แกก่ รรมดว้ ยอบุ ตั เิ หตรุ ถชน ขณะขจ่ี กั รยานออกกำ� ลงั กาย
เม่ือวันท่ี ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ สริ ิอายุ ๖๕ ปี ๑๐ เดอื น ๕ วนั

นางสาวพุฒสิ าร์ อคั คะพู ผู้เรียบเรยี ง

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 61

ครูภูมปิ ัญญาไทย

ข้อมูลอา้ งองิ

๑. “ป้ันดิน ใหเ้ บาลง ติดปีกงานศิลปด์ ้วยเทคโนโลย”ี Thailand Industrial Today July
2009 หนา้ ๑๐๖–๑๐๗
๒. “พงษศ์ รีนครศลิ าดล เคร่ืองปน้ั มีเอกลกั ษณ์ รุกตลาดในไทย” เส้นทางเศรษฐี กรกฎาคม
๒๕๕๒ “วสิ าหกจิ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา-ศลิ าดล ปรบั สตู รเนอื้ ดนิ เบาขนึ้ ๔๐% ยม้ิ รบั ตน้ ทนุ ตำ�่ ”
ใน http://oknation.nation tv/blog/cia/2009 วันพฤหสั บดี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
๓. ศนู ยส์ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน). ๒๕๕๖ ชมุ ชนหตั ถกรรมเครอ่ื งปน้ั
ดนิ เผาศลิ าดล (บา้ นเหนือดอนอิฐ) จงั หวดั นครปฐม
๔. ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. ๒๕๕๓. ครูภมู ิปญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๖ ภาคกลางและ
ภาคตะวันออก. กรุงเทพฯ
๕. สุธีรา รอสุวรรณ. ศิลาดล..บทเรียนชีวิตและปรัชญา : ศิลปะล�้ำค่าจากก้อนดิน SACICT
Living Thai ฉบับท่ี ๒, 2012 หน้า ๓๐-๔๕
๖. ผใู้ หข้ ้อมลู เพิม่ เตมิ
๖.๑ นางกาญจนา สวุ รรณมาลี
๖.๒ นายวษิ ณุ เอมประณีตร์
๖.๓ นายวุฒศิ กั ด์ิ ศรีเสมาเมอื ง

62 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายไพฑรู ย์ ศิรริ ักษ์

พ.ศ. ๒๔๙๗–๒๕๖๔

นายไพฑูรย์ ศริ ริ กั ษ์ เกิดเม่อื วันท่ี ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๗
เป็นบุตรชายคนกลางจากพ่นี อ้ งทงั้ หมด ๕ คน ของนายพชิ ัย และนางถนอม
ศิรริ ักษ์ มพี ่ี ๒ คน คือ นายไพศาล นางเพ็ญศิริ หนูมณี มนี ้อง ๒ คน
คือ นายเจรญิ ชัย และนายพุ ทธชิ าติ ศริ ิรกั ษ์

ครูภมู ิปัญญาไทย

นายไพฑูรยเ์ กิดที่บา้ นเลขท่ี ๔๒ หมูท่ ี่ ๔
ตำ� บลจะทง้ิ พระ อ�ำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ส�ำหรับอ�ำเภอสทิงพระ หรืออ�ำเภอจะทิ้งพระ
หรอื อำ� เภอปละทา่ ในอดตี เปน็ หนง่ึ ในกลมุ่ อำ� เภอ
ของจังหวดั สงขลา ตัง้ อยู่บนคาบสมุทรสทิงพระ๑
ซง่ึ เปน็ ชมุ ชนโบราณกอ่ นประวตั ศิ าสตร์ และเปน็ ทต่ี งั้ ถนิ่ ฐานของชมุ ชนชาวบก หรอื
ชาวชมุ ชนบนคาบสมทุ รสทงิ พระ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๔ นายพจน์ อนิ ทรวเิ ชยี ร นายอำ� เภอ
จะท้งิ พระในขณะน้นั ได้เปลยี่ นชื่อจากอำ� เภอจะทิ้งพระ เป็นอ�ำเภอสทิงพระ จนถึง
ปจั จุบัน
นายไพฑรู ยจ์ บการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ทโ่ี รงเรยี นบา้ นจะทง้ิ พระ
(วจิ ารณศ์ ลี คณุ ) อำ� เภอสทงิ พระ จงั หวดั สงขลา เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๘ ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีที่ ๗ ทโี่ รงเรียนวเิ ชียรชม อ�ำเภอเมืองสงขลา จังหวดั สงขลา เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๑
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ทโ่ี รงเรยี นมหาวชริ าวธุ อำ� เภอเมอื งสงขลา เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๔
ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) ท่ีวิทยาลัยครูสงขลา (ปัจจุบันคือ
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา) เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๖ ระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าการศกึ ษา

๑ ชาวบ้านเล่ากันว่าเป็นผืนแผ่นดินอันน่ามหัศจรรย์ เดิมเป็นเกาะ ๒ เกาะ แต่ด้วย
เกดิ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ทำ� ใหพ้ นื้ ทเี่ กาะทงั้ สองเคลอื่ นเขา้ มาตดิ กนั กลายเปน็ คาบสมทุ ร
ซง่ึ ประกอบดว้ ย ๔ อำ� เภอ ของจงั หวดั สงขลา ไดแ้ ก่ สทงิ พระ สงิ หนคร ระโนด และกระแสสนิ ธ์ุ
ในทางโบราณคดวี า่ เกดิ จากสนั ทราย ยังมีสภาพเปน็ ลอนทรายใหญ่ ๆ จนปัจจบุ ัน

64 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ชน้ั สงู (ป.กศ.สงู ) อตุ สาหกรรมศลิ ป์ ทวี่ ทิ ยาลยั ครพู ระนคร (ปจั จบุ นั คอื มหาวทิ ยาลยั
ราชภัฏพระนคร) กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ และระดับปริญญาตรี
วชิ าเอกอตุ สาหกรรมศลิ ป์ สาขาเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา จากวทิ ยาลยั เดยี วกนั เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๐
ดา้ นการศกึ ษาทางธรรมนนั้ ไดบ้ รรพชาเปน็ สามเณรในโครงการของวทิ ยาลยั ครสู งขลา
ซง่ึ มกี ารฝกึ อบรมอยา่ งเขม้ ขน้ เปน็ เวลา ๑๕ วนั เมอ่ื วนั ที่ ๒๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๕
ณ สวนโมกขพลาราม โดยท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นพระอปุ ชั ฌาย์
หลงั จากจบการศกึ ษา นายไพฑรู ยต์ ดั สนิ ใจกลบั มาทำ� งานทบ่ี า้ นเกดิ เพอื่ ดแู ล
บิดามารดา โดยสอบบรรจุเข้ารับราชการเปน็ ครสู อนทโี่ รงเรียนระโนดวทิ ยา อ�ำเภอ
ระโนด จงั หวดั สงขลา เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๐ ดว้ ยความสนใจงานดา้ นวฒั นธรรมและชมุ ชน
จงึ ยา้ ยไปเปน็ ครศู นู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี นภาคใต้ จงั หวดั สงขลา เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๔

เป็นนักพัฒนาชุมชนของ
ศูนย์พัฒนาอาชีพจังหวัด
สงขลา ศนู ยศ์ รเี กยี รตพิ ฒั น์
กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น
(ปัจจุบันคือ ส�ำนักงาน
สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัย) เม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้วางแผนและด�ำเนินโครงการ
ฝกึ อบรมหลักสูตรชา่ งสบิ หมู่ จำ� นวน ๘๐๐ ชวั่ โมง ใน ๕ สาขา ไดแ้ ก่ งานช่างเขยี น
จติ รกรรมไทย งานชา่ งเขยี นลายรดนำ้� งานชา่ งสลกั (ตอกกระดาษ) งานชา่ งครอ่ื งปน้ั
ดนิ เผา งานชา่ งแกะ (แทงหยวก) จนรวมเปน็ กลมุ่ “รอ่ งลายไทย” และไดฟ้ น้ื ฟศู ลิ ปะ
การแทงหยวกขนึ้ มาอกี ครง้ั หนง่ึ อยา่ งไรกต็ าม พ.ศ. ๒๕๔๕ นายไพฑรู ยไ์ ดเ้ กษยี ณอายุ
ราชการกอ่ นกำ� หนด ในขณะทม่ี อี ายุ ๕๕ ปี แตด่ ว้ ยมคี วามสามารถและมปี ระสบการณ์
ด้านภูมิปัญญา นายไพฑูรย์จึงได้รับเชิญจากศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์
ใหม้ สี ว่ นรว่ มในการกอ่ ตง้ั วทิ ยาลยั ภมู ปิ ญั ญาชมุ ชน มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ตำ� บลพนางตงุ
อำ� เภอควนขนนุ จงั หวดั พทั ลงุ ในตำ� แหนง่ เจา้ หนา้ ทบี่ รหิ ารงานทวั่ ไป จนเกษยี ณอายุ
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 65

ครู ภูมิปั ญญาไทย
นายไพฑูรย์เป็นคนในชุมชนชาวบกโดยก�ำเนิด “ชาวบก”๒ ซึ่งมีวิถีชีวิต
และวัฒนธรรมของผู้คนบนแผ่นดินบกหรือคาบสมุทรสทิงพระ มีความผูกโยงกับ
“โหนด-นา-เล” อนั เป็นวิถีชวี ติ ทสี่ ืบทอดกันมาหลายชว่ั คนนานนับพันปีจวบจนถงึ
ปจั จบุ นั ผคู้ นสว่ นใหญม่ อี าชพี ทำ� นา ขน้ึ ตาลโตนด และทำ� ประมงควบคกู่ นั จงึ ทำ� ให้
ชมุ ชนทอ่ี ยใู่ นอาณาบรเิ วณดงั กลา่ วตอ้ งพง่ึ พงิ ทรพั ยากรประมงรอบทะเลสาบสงขลา
วถิ ีโหนด-นา-เล ประกอบด้วยภมู ปิ ัญญาท่ีหลากหลายท้ังภูมปิ ัญญาการเลยี้ งควาย
ในปา่ พรแุ ถบทะเลสาบตอนบน ภมู ปิ ญั ญาศิลปะ ภูมิปัญญาด้านหัตถกรรมพ้นื บ้าน
ทหี่ ลากหลายโดยรอบลมุ่ นำ�้ ทะเลสาบสงขลา จงึ เปน็ วถิ ชี มุ ชนทนี่ า่ สนใจศกึ ษาเรยี นรู้
ดา้ นวฒั นธรรมชุมชน โดยเฉพาะวถิ ีอยู่ วิถีกิน ท่ใี ชภ้ มู ปิ ัญญาในการแกป้ ัญหาและ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการด�ำรงชีพด้วยวิถีโหนด-นา-เล ของชาวชุมชน
บนคาบสมทุ รสทงิ พระ ทส่ี บื ทอดวถิ ภี มู ปิ ญั ญาตอ่ ๆ กนั มาเปน็ เวลาชา้ นาน วถิ ชี วี ติ
ผคู้ นทอ่ี ยู่ภายใต้วถิ โี หนด-นา-เล มรี ายละเอยี ดดังน้ี
วิถีโหนด เปน็ วถิ ชี ีวิตเก่ียวกบั ตาลโตนด ประกอบดว้ ย การข้ึนตาลโตนด
เฉาะลกู ตาล ลูกตาลเชอ่ื ม การท�ำนำ�้ ผง้ึ แวน่ นำ�้ ผึ้งเหลว การแปรรปู ผลติ ภัณฑ์จาก
ตาลโตนด และการเพาะลกู โหนด

๒ ชื่อเรียกของชาวชุมชนท่าหินบนคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา จากการศึกษาของ
นกั ประวัติศาสตร์และนกั โบราณคดี พบวา่ “แคว้นสทิงพระ” หรือ “แผน่ ดินบก” เกดิ ข้ึน
ในบรเิ วณรอบ ๆ ทะเลสาบสงขลา ตง้ั แตอ่ ำ� เภอหวั ไทร จงั หวดั นครศรธี รรมราชลงมา คลมุ พนื้ ท่ี
ทั้งหมดในเขตจังหวดั สงขลาและพัทลุง บรเิ วณทเี่ ป็นศนู ย์กลางของแคว้น คอื บริเวณที่เรียกวา่
“แผน่ ดนิ บก” เร่มิ ต้ังแตเ่ ขตอำ� เภอระโนด ผา่ นสทงิ พระมายงั เขาหัวแดงในเขตอ�ำเภอสงิ หนคร

66 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

วิถีนา เป็นวิถีชีวิตการท�ำนา อาชีพท�ำนาเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน
บนคาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งการท�ำนานี้จะสลับกับอาชีพตาลโตนด บางบ้าน
เมือ่ หมดหนา้ ตาลโตนด กจ็ ะมาประกอบอาชพี ทำ� นา
วิถีเล เป็นวิถีชีวิตชาวประมงแบบดั้งเดิมและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมง
เชน่ การท�ำไซ-สมุ่ การทำ� กุ้งสม้ ปลาแหง้ ปลาต้มน�้ำผึ้ง เปน็ ตน้
อยา่ งไรกต็ าม การพฒั นาประเทศในศตวรรษที่ผา่ นมา เป็นการพฒั นาแบบ
ทุนนิยมท่ีถ่ายโอนทรัพยากรออกจากชุมชน หมู่บ้าน เพ่ือเลี้ยงดูเมืองและส่งออก
ตา่ งประเทศ มงุ่ เพมิ่ ประสทิ ธผิ ลในกจิ การอตุ สาหกรรม ผลของการพฒั นาจงึ ตกเปน็
ของคนเพียงกลุ่มเดียว ชุมชนเมืองกับชุมชนชนบทจึงเกิดความแตกต่างกันมาก
เกดิ ความเจรญิ แบบกระจกุ ในขณะทท่ี รพั ยากรของชมุ ชนในชนบทถกู ทำ� ลายไปเรอ่ื ย ๆ
อาทิ การเปลย่ี นสภาพภมู นิ เิ วศนข์ องพนื้ ทภี่ าคใตจ้ ากผนื นาและปา่ ใชส้ อยของชมุ ชน
ถูกแทนท่ีด้วยการปลูกยางพาราและปาล์มน�้ำมัน ท�ำให้ไม่เพียงแต่ผืนนาเท่าน้ัน
ทล่ี ดจำ� นวนลง หากแตต่ น้ ตาลทเ่ี คยมกี เ็ รม่ิ ลดนอ้ ยลงไปดว้ ย นอกจากน้ี “เล คอื ชวี ติ
เล คือบ้าน เล คืออาหาร และ เล คือปัจจัยส่ี” ก็ถูกท�ำร้ายโดยผู้คน ถูกท�ำลาย
ดว้ ยเทคโนโลยสี มยั ใหม่ ทำ� ใหท้ ะเลไทยทง้ั สองฝง่ั รวมทงั้ ทะเลสาบสงขลาเขา้ สวู่ กิ ฤติ
ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ปลาเหลอื นอ้ ย นำ�้ เสยี ตน้ื เขนิ เพราะเปน็ ทรี่ องรบั สงิ่ ปฏกิ ลู นำ�้ เสยี
จากบา้ นเรอื นในชมุ ชน ตวั เมอื ง และโรงงานอตุ สาหกรรมทรี่ ายรอบ ซง่ึ สง่ ผลกระทบ
ต่อประชาชนและชุมชนท่ีด�ำรงชีวิตอยู่ภายใต้วิถีโหนด-นา-เลในพ้ืนท่ีคาบสมุทร
สทิงพระ และกำ� ลังสญู หายไปเหลอื เพยี งไม่กี่รายเท่านน้ั


ครูผู้ฟ้ื นฟู วิถีชีวิต “โหนด นา เล”

จากการวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตโหนด-นา-เล จึงเป็น
แรงบนั ดาลใจใหน้ ายไพฑรู ยไ์ ดก้ อ่ ตง้ั ศนู ยก์ ารเรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญาชาวบกขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๕๕๓
โดยได้ใช้ท่ีดินส่วนตัวซ่ึงตั้งอยู่ริมถนนสายสทิงพระ-สงขลา เลขท่ี ๗/๔ หมู่ที่ ๗
ตำ� บลจะทงิ้ พระ อำ� เภอสทงิ พระ จำ� นวน ๕ ไร่ เปน็ พน้ื ทสี่ ำ� หรบั การตง้ั ศนู ยก์ ารเรยี นรู้
ภมู ปิ ญั ญาชาวบก โดยเนอ้ื ที่ ๓ ไร่ นำ� มาใชเ้ ปน็ แปลงสาธติ การทำ� นาขา้ ว สว่ นอกี ๒ ไร่

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 67

ครูภมู ปิ ัญญาไทย

ไดท้ ำ� เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั อาคารศนู ยก์ ารเรยี นรู้ และพน้ื ทส่ี ำ� หรบั เพาะปลกู พชื และเลย้ี งสตั ว์
โดยปลูกสร้างอาคารด้วยทุนส่วนตัวท่ีเก็บหอมรอมริบจากเงินเดือน เงินได้ และ
เงนิ บำ� เหนจ็ ทไ่ี ดจ้ ากการออกจากราชการกอ่ นกำ� หนด หวงั ตง้ั ใจในการทำ� ศนู ยก์ ารเรยี นรู้
ภูมิปัญญาชาวบก เพ่ือใช้เป็นท่ีรวมตัวกันเพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้ของชาวชุมชน
บนคาบสมทุ รสทงิ พระ โดยเนน้ การใชท้ นุ ทางธรรมชาติ การเกษตรในวถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน
ท่ีเกี่ยวเนื่องกับโหนด-นา-เล ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคลที่เป็น
ภมู ปิ ญั ญาของชมุ ชน “ชาวบก” ทสี่ งั่ สมและสบื ทอดกนั มานานหลายชวั่ คน โดยยดึ หลกั
ภูมิปัญญาไทย “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตัวอาคารศูนย์การเรียนรู้สร้างแล้วเสร็จ
ปลายเดือนสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ แตย่ ังไมไ่ ด้เปดิ ทำ� การ แคเ่ พียงเรมิ่ ตน้ ก็ประสบ
ภยั พบิ ัติจากวาตภัย เม่อื คืนวันท่ี ๑ พฤศจิกายน ในปีเดียวกนั ทำ� ให้อาคารประสบ
ความเสยี หายอยา่ งหนกั
หลงั จากซอ่ มแซมอาคารเสรจ็ นายไพฑรู ยไ์ ดร้ วบรวมวสั ดแุ ละความชว่ ยเหลอื
จากเครือข่ายเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯ เป็นศูนย์ประสานช่วยเหลือชาวบ้านท่ีได้รับ
ความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยดังกล่าวเป็นคร้ังแรก ส�ำหรับจุดเด่นของ
ศนู ย์การเรียนร้แู ห่งนี้ อยูท่ ่ีการแนะน�ำใหผ้ ู้ทเ่ี ข้ามาเรียนร้ไู ดเ้ ขา้ ใจถึงวถิ ขี องการท�ำ
เกษตรแบบพอเพยี งทจี่ ะตอ้ งปรบั ใชใ้ หเ้ ขา้ กนั กบั สภาพดนิ และนำ้� ของในแตล่ ะพน้ื ที่
ซง่ึ มคี วามแตกตา่ งกนั สอนการปรบั ปรงุ สภาพดนิ ใหส้ ามารถทำ� การเพาะปลกู พชื ได้
โดยใชน้ ำ้� หมักจลุ ินทรีย์จากเศษอาหารภายในครวั เรอื น รวมถึงแนะน�ำการปลูกพชื
และผักอย่างถูกวิธี เช่น ตะไคร้ จากปกติท่ีนิยมปลูกกันหลุมละ ๓-๕ ต้น และ
ให้ผลผลิตได้เพียงกอละ ๑๐๐ ต้น ใหเ้ ปลย่ี นมาปลกู หลมุ ละ ๑ ต้น ซง่ึ จะใหผ้ ลผลิต
ได้มากถึงกอละ ๑๒๐-๑๕๐ ต้น โดยใช้พื้นท่ีเท่าเดิม และประหยัดต้นพันธุ์ได้
จำ� นวนมาก นอกจากนี้ มกี ารทำ� คอกเลยี้ งสตั วท์ งั้ หมู เปด็ ไก่ และหา่ น โดยปราศจาก
กลน่ิ รบกวน ซ่ึงเปน็ ผลพลอยไดจ้ ากการหมักจลุ นิ ทรียจ์ ากเศษอาหาร และมูลสัตว์
ทไี่ ดก้ ส็ ามารถนำ� ไปใสป่ ยุ๋ ตน้ ไมแ้ ละพชื ผกั นานาชนดิ ภายในสวน ซง่ึ มอี ยนู่ บั รอ้ ยชนดิ
ขณะท่ีสัตว์ท่ีเล้ียงเอาไว้ก็จะมีทั้งน�ำมาเป็นอาหาร จ�ำหน่าย และแบ่งปันพ่อพันธุ์
แม่พันธุใ์ หก้ บั ชาวบ้านคนอ่ืน ๆ ด้วย
68 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายไพฑูรย์ได้ทุ่มเททั้งก�ำลังกาย เวลา และก�ำลังทรัพย์เพ่ือท�ำประโยชน์
ให้กบั ส่วนรวม โดยเป็นนกั วจิ ัยโครงการ “วัฒนธรรมตาลโตนด : กระบวนการสร้าง
ชุมชนเข้มแข็ง” ของส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ประธานชมรม
นักจัดรายการวิทยุเพ่ือชุมชนคนสงขลา (บินหลาหาข่าว) เป็นนักจัดรายการวิทยุ
เพอ่ื ชมุ ชนคนสงขลาทางคล่นื เอฟ. เอม็ . ๙๐.๕ MHz ออกอากาศทางสถานวี ทิ ยุ
กระจายเสยี งแหง่ ประเทศไทยจงั หวดั สงขลา สง่ กระจายเสยี งครอบคลมุ พนื้ ท่ี ๕ จงั หวดั
ได้แก่ สงขลา พัทลุง สตลู ปตั ตานี และยะลา ในการจดั รายการวิทยุเพือ่ การศกึ ษา
และรายการวทิ ยเุ พอื่ ชมุ ชนนน้ั เปน็ การใหค้ วามรผู้ า่ นการนำ� เสนอเนอ้ื หาสาระทใ่ี กลต้ วั
กบั พนี่ อ้ งประชาชน เชน่ อาชพี สขุ ภาพ การศกึ ษา วฒั นธรรม สงิ่ แวดลอ้ ม กฎหมาย
ชาวบ้าน ฯลฯ โดยรูปแบบรายการวิทยเุ ปน็ รายการสดทีใ่ ช้ภาษาใต้ในการสือ่ สาร
และไมม่ โี ฆษณาคนั่ เปน็ การจดั รายการวทิ ยโุ ดยไมร่ บั คา่ ตอบแทน มกี ารเชญิ วทิ ยากร
ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถ่ินมาพูดคุยในรายการ พร้อมทั้งให้ผู้ฟังโทรศัพท์เข้ามาพูดคุย
เสนอความคดิ เหน็ เพอ่ื แลกเปลยี่ นเรยี นรซู้ ง่ึ กนั และกนั และในชว่ งหลงั มกี ารถา่ ยทอดสด
ผา่ นเฟซบกุ๊ (Facebook Live) ทำ� ใหร้ ายการมผี รู้ บั ฟงั กวา้ งขวางมากยงิ่ ขน้ึ ครอบคลมุ
ทั่วประเทศไปจนถงึ ตา่ งประเทศ

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 69

ครูภมู ปิ ัญญาไทย

นายไพฑูรยเ์ ป็นผู้ทส่ี นใจกจิ กรรมดา้ นวัฒนธรรม สง่ิ แวดล้อม และสุขภาวะ
ของชมุ ชน ในฐานะเป็นคนท่ี “สนใจ” ชมุ ชนและเป็นคน “ใส่ใจ” ปญั หาของชุมชน
จึงได้ให้ความส�ำคัญกับการแก้ปัญหาก่อนการพัฒนาชุมชน โดยใช้กระบวนการ
“แลอนาคตชมุ ชน” และยดึ หลกั ในการทำ� งานวา่ “ขอ้ มลู เปน็ สำ� คญั ชมุ ชนเปน็ ฐาน
บรู ณาการกบั ชวี ติ จรงิ และองิ เทคโนโลย”ี จงึ มกั ไดร้ บั เชญิ ใหท้ ำ� หนา้ ทต่ี า่ ง ๆ ในชมุ ชน
อยา่ งหลากหลาย อาทิ วทิ ยากรกระบวนการในการพฒั นาศกั ยภาพชมุ ชน กรรมการ
สถานศึกษา โรงเรียนวรนารเี ฉลมิ จังหวัดสงขลา กรรมการมลู นธิ ิพระราชทาน
สงเคราะหผ์ ู้ป่วยอนาถา ในพระบรมราชปู ถัมภโ์ รงพยาบาลสงขลา เปน็ ตน้
การทุ่มเทเสียสละอุทิศตนให้กับชุมชนน้ี ได้รับการกล่าวขานถึงจากผู้คน
ในหลากหลายแวดวง เช่น
นางกมลทพิ ย์ อินทะโณ เจ้าหนา้ ท่ีมลู นิธชิ ุมชนสงขลา/อดตี อาสาสมัคร
เพือ่ สงั คม ร่นุ ที่ ๒๒ มลู นธิ ิอาสาสมัครเพอื่ สังคม/ลูกศิษย์ท่เี รียนรูจ้ ากวิถีปฏิบัติของ
นายไพฑรู ยท์ ที่ ำ� ใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ งมากกวา่ การสอนดว้ ยคำ� พดู ความวา่ “ครผู ไู้ มย่ อมแพ้
ต่อสิง่ ใด ครผู ู้ปลกู ภูมปิ ญั ญาแห่งบรรพชนชาวบก…ตราบชีวติ ”
นายศิริพล ศัจจาพันธุ์ ผู้ประสานงานสภาองค์กรชุมชนจังหวัดสงขลา
ความว่า “นกั จัดรายการวิทยเุ พอ่ื ชมุ ชน จดั ๒ ชั่วโมง โดยไม่มีการคั่นรายการ
สาระล้วน ผเู้ สียสละ (เวลา) ท่ยี ่งิ ใหญ่ มีเวลาใหผ้ อู้ ืน่ ในทุกมิต”ิ
นายพรชัย ศรีไพบูลย์ ประธานชมรมข้าราชการบ�ำนาญ มหาวิทยาลัย
สงขลานครนิ ทร์ ความวา่ “ครทู มี่ คี วามสมำ่� เสมอในคำ� วา่ ‘คร’ู ครผู ใู้ หแ้ กส่ งั คมเสมอมา”
70 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายจรูญ หยทู อง กวี นักเขียนนามปากกา รูญ ระโนด และอดีตนกั วชิ าการ
ชำ� นาญการพเิ ศษ สถาบนั ทกั ษณิ คดศี กึ ษา มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ความวา่ “นายไพฑรู ย์
ศริ ริ กั ษ์ เปน็ แกนหลกั เปน็ แกนนำ� ในการทำ� ใหร้ ายการบนิ หลาหาขา่ ว ชมรมบนิ หลา
หาข่าว ตลอดจนชาวบนิ หลาท้งั หลายเป็นรูปเปน็ ร่าง เป็นตวั เป็นตน แข็งแรงขน้ึ
รวมท้ังรับหน้าทเ่ี ป็นประธานชมรมบินหลาหาข่าวทีข่ ยนั ขันแข็งดว้ ย ต่ืนตั้งแตต่ ี ๓
ตี ๔ ขับรถจากสทิงพระมา สวท. สงขลา ตี ๕ เร่ิมเข้ารายการบินหลาหาข่าว
จน ๗ นาฬกิ า จดั วา่ เป็นคนแขง็ แรงคนหนึง่ กอ่ นเสยี ชีวติ น่กี ็อาบเหงื่อต่างน้ำ� ทกุ วนั
ไถนาเอง ปลูกข้าวเอง ปลูกพืชอินทรีย์ ท�ำน�้ำหมัก ท�ำน้�ำส้ม สารพัด ครูฑูรย์
เรยี กสงิ่ ทต่ี วั เองทำ� อยวู่ า่ ‘วถิ อี ยวู่ ถิ กี นิ ’ แลว้ ยงั บอกกลา่ ว แนะนำ� แบง่ ปนั คนอน่ื ๆ
ผา่ นสอื่ ตา่ ง ๆ ดว้ ย ครฑู รู ยจ์ ดั เปน็ ผรู้ ู้ ผเู้ ลน่ ผรู้ แู้ จง้ แทงตลอด เรอื่ งของภมู ปิ ญั ญาชาวบก
จนต้ังศนู ยเ์ รียนรู้ภมู ปิ ญั ญาชาวบกขึ้นด้วยตนเอง เคยทำ� วิจยั เรือ่ ง ‘๑๐๐ ประโยชน์
ตาลโตนดไทย ผลผลติ วฒั นธรรมชมุ ชนบนคาบสมทุ รสทิงพระ’ เคยทำ� งานร่วมกบั
ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ในฐานะผู้อ�ำนวยการศูนย์ภูมิปัญญาชุมชน
ท่ีทะเลน้อยพัทลุง เคยเป็นครูบาอาจารย์ทั้งในระบบและนอกระบบ จนแม้แต่
การเรยี นรูต้ ามอธั ยาศยั กเ็ คยท�ำมาแล้วท้ังสิ้น จนใคร ๆ เรียก ‘ครูฑูรย์’”
นายไพฑรู ยม์ ผี ลงานเขยี นหนงั สอื และบทความมากมาย เชน่ ประวตั แิ ละผลงาน
แมถ่ นอม ศริ ิรักษ์ ครภู มู ิปญั ญาไทย ด้านโภชนาการ ร่นุ ที่ ๓ เร่ือง “๑๐๐ ประโยชน์
ตาลโตนดไทย ผลผลิตวัฒนธรรมชุมชนบนคาบสมุทรสทิงพระ” เร่ือง “แผน่ ดินบก
บนแควน้ สทงิ พระ” และเรอ่ื ง “เรอื่ งราวเกา้ หอ้ ง” ในหนงั สอื “รอ้ ยเรอื่ งเมอื งปกั ษใ์ ต”้
๕๐ ปี การท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย ปี ๒๕๕๓ “ภมู ปิ ญั ญาการท�ำหวาก๓ น�้ำส้ม
สายชูหมัก๔” และ “แผ่นดินบกบนแคว้นสทิงพระ” ในหนังสือพระดีศรีดอนคัน

๓ หวากหรอื นำ้� ตาลเมา โดยทว่ั ไปจะใชน้ ำ้� ตาลโตนดหมกั ดว้ ยไมเ้ คยี่ ม หวากมกี ลนิ่ ฉนุ กวา่ นำ้� ตาลสด
มีรสหวานอมเปร้ียวและฝาดเฝอื่ นจากไม้เคย่ี ม ด่มื แล้วทำ� ให้มีอาการมนึ เมาเหมือนสุรา
๔ การท�ำน�ำ้ ตาลหวานให้เปน็ น้�ำตาลเปรี้ยว ท่ชี าวบา้ นเรียกว่า น้�ำส้มโหนด ขน้ั ตอนกวา่ จะเป็น
นำ�้ สม้ หมกั ตอ้ งผา่ นการเปน็ หวาก (กระแช)่ เสยี กอ่ น นยิ มใชใ้ นการปรงุ แตง่ รสชาตอิ าหารพน้ื บา้ น
ประจำ� ถิน่ ของคนบนคาบสมทุ รสทิงพระ เช่น แกงสม้ ต้มส้ม พรกิ นำ้� สม้

ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 71

ครูภูมปิ ัญญาไทย

เนื่องในโอกาสท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระเถระที่มีพระคุณแก่พ่ีน้องชาวบ้าน
ดอนคัน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และบทความเก่ียวกับภูมิปัญญาชาวบกบนบล็อก
Gotoknow มากกวา่ ๗๐ บทความ
นอกจากน้ี ยังได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติหลายด้าน ไดแ้ ก่ รางวลั รายการวทิ ยุ
ดเี ดน่ จงั หวดั สงขลา พ.ศ.๒๕๔๕ รางวลั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในสถานศกึ ษาดเี ดน่ กรมการศกึ ษา
นอกโรงเรียน พ.ศ. ๒๕๔๖ โล่เชิดชูเกียรติผู้สนับสนุนกรมประชาสัมพันธ์ เขต ๖
พ.ศ. ๒๕๔๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๐ รางวลั คนดศี รสี งขลา พ.ศ. ๒๕๔๗ คนดแี ทนคณุ แผน่ ดนิ
จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๗ โล่ผู้ท�ำคุณประโยชน์ด้านท�ำนุบ�ำรุงวัฒนธรรม
“ปิตาภรณ์แผ่นดนิ ” จากสำ� นักศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา
พ.ศ.๒๕๖๑ศษิ ยเ์ กา่ ดเี ดน่ ทส่ี รา้ งชอ่ื เสยี งของคณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรมมหาวทิ ยาลยั
ราชภฏั พระนคร พ.ศ. ๒๕๖๒ และศูนยก์ ารเรียนร้ภู มู ปิ ัญญาชาวบก เปน็ ต้นแบบ
ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามศาสตร์พระราชา จากกองการศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั สงขลา พ.ศ. ๒๕๖๒

72 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน ได้แก่ ทวีติยาภรณ์
มงกุฎไทย และตริตาภรณช์ า้ งเผอื ก
นายไพฑรู ย์สมรสกับนางสาวลดาวลั ย์ เมอื งศรี

เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๔ มบี ตุ รดว้ ยกนั ๓ คน ไดแ้ ก่ นายภควตั ิ
เภสชั กรหญงิ ดอกเตอร์ธนั ยช์ นก และนางสาวอสมา
ศริ ริ กั ษ์
นายไพฑรู ยม์ สี ขุ ภาพแขง็ แรงและทมุ่ เททำ� กจิ กรรม
เพ่ือสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นายไพฑูรย์
ถงึ แกก่ รรมเนอื่ งมาจากภาวะหวั ใจขาดเลอื ดเฉยี บพลนั
ภายหลังออกไปปลูกต้นไม้ในสวนของตนเองท่ีต�ำบล
เกาะใหญ่ อ�ำเภอกระแสสินธ์ุ ซ่ึงหา่ งจากบา้ น ๕๐ กโิ ลเมตร เมื่อวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ สริ ิอายุ ๖๖ ปี ๑๑ เดือน ๒๔ วนั

นางสาวปยิ ะมาศ เมิดไธสง ผู้เรยี บเรยี ง

ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 73

ครูภมู ปิ ัญญาไทย

ขอ้ มูลอา้ งองิ

๑. หนังสือ “วัฒนธรรมตาลโตนด” กระบวนการสร้างชุมชนเข้มแข็ง งานวิจัยชุดโครงการ
“ภมู ปิ ญั ญาทกั ษณิ จากวรรณกรรมและพฤตกิ รรม” ศาสตราจารยส์ ธุ วิ งศ์ พงศไ์ พบลู ย์ หวั หนา้
โครงการ โดยการสนบั สนนุ ของส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั (สกว.)
๒. วิทยาลัยภูมิปัญญาชุมชน. ๑๐๐ ประโยชน์ตาลโตนดไทย ผลผลิตวัฒนธรรมชุมชน
บนคาบสมทุ รสทงิ พระ. มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ วทิ ยาเขตพทั ลงุ
๓. ประวัตแิ ละผลงาน แมถ่ นอม ศิรริ ักษ์ ครูภมู ปิ ัญญาไทย ดา้ นโภชนาการ รนุ่ ท่ี ๓ ประจ�ำปี
พุทธศกั ราช ๒๕๔๖
๔. ผูใ้ หข้ อ้ มูลเพ่ิมเติม
๔.๑ นางลดาวัลย์ เมืองศรี ภรรยา
๔.๒ เภสชั กรหญงิ ดอกเตอรธ์ นั ยช์ นก ศริ ริ ักษ์ บตุ ร
๔.๓ นายประเสรฐิ รักษ์วงศ์ เพอ่ื น

74 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายอ่ิม จันทรช์ มุ

พ.ศ. ๒๔๗๕–๒๕๖๐

นายอ่ิม จันทร์ชุม เกิดเม่ือวันท่ี ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
ท่ตี ำ� บลบา้ นใหม่ อำ� เภอระโนด จงั หวัดสงขลา เป็นบุตรคนท่ี ๓ ในจ�ำนวน
พ่นี อ้ ง ๔ คน ของนายคลง้ิ กบั นางนว่ ม จนั ทรช์ ุม โดยมนี ายขม้ิ นางพลอย
เป็นพ่ี และนางอ่วม จันทร์ชุม เป็นนอ้ ง ครอบครวั เป็นชาวนาปลกู ขา้ ว
มีอาชีพเสริมทางการแสดงหนังตะลุง นายหนังคล้งิ หรือหนังคล้ิงโหมง่
นายหนังท่ีมีช่ือเสียง สมาชิกใน “ครอบครัวจันทร์ชุม” คุ้นเคยคลุกคลี
เรียนรู้ศลิ ปะแขนงน้ีตงั้ แต่เยาว์วัย เป็นช่ างแกะสลกั หนังตะลุงทุกคน

ครู ภูมิปั ญญาไทย

เม่ือนายอมิ่ อายุ ๘ ขวบ นางน่วม
ถงึ แกก่ รรม นายคลง้ิ หยดุ เลน่ หนงั มาทำ� นา
และสง่ นายอม่ิ ใหน้ ายปลอด ชศู รี ผเู้ ปน็ ลงุ
เลย้ี งดู นายปลอดมอี าชพี แกะสลกั รปู หนงั
ใหค้ ณะหนงั ตา่ ง ๆ ในภาคใต้ สง่ หลานชาย
ไปเป็นศิษย์พระครูเรือง ปุญฺญสสโร
เจา้ อาวาสวดั หวั วงั อำ� เภอระโนด จังหวัด
สงขลา จนนายอ่ิมจบชั้นประถมปีท่ี ๔
ทโี่ รงเรยี นวดั หวั วงั เรอื งประชา หลงั จากนน้ั
ได้กลับมาอยู่กับนายปลอดที่เห็นแวว
ความสามารถทางศิลปะ ถ่ายทอดวิชา
แกะหนงั ตะลงุ มงุ่ หวงั ใหห้ ลานคนนส้ี บื ทอด
งานแกะหนังตะลงุ สบื ต่อไป โดยสอนเปน็
76 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ขน้ั ตอน ดงั นี้ ขั้นท่ี ๑ ฝกึ วาดรูป วาดตวั หนังตะลุง ใสง่ านลายไทย จากน้ัน แกะเป็น
ตวั หนงั ตะลงุ ขนั้ ท่ี ๒ ฝกึ ปน้ั รปู คน รปู สตั วด์ ว้ ยดนิ เหนยี ว และขนั้ ที่ ๓ ฝกึ แกะสลกั ไม้
เป็นรปู ต่าง ๆ อาทิ กลอ่ งบุหรแ่ี ละหมวก
นายอมิ่ เรยี นรกู้ บั นายปลอดได้ ๒ ปี จงึ มวี ชิ าตดิ ตวั แกะหนงั ตะลงุ ออกจำ� หนา่ ย
เร่ิมออกงานพ้ืนที่ แสวงหาความรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ ฝึกเขียนรูปบนกระจก
จนช�ำนาญ ฝึกร�ำโนราที่บ้านทะเลน้อย ร�ำออกโรงได้หลายปี พากย์หนังตะลุง

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 77

ครูภมู ิปัญญาไทย
งานปั้น งานเขียนภาพจิตรกรรมบนฝาผนังโบสถ์
ท่ีวัดท่าลาด อ�ำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วัดแจ้ง
อำ� เภอระโนด จงั หวดั สงขลา และทว่ี ดั ประชาภริ มย์
อ�ำเภอเมืองนราธิวาส จังหวดั นราธวิ าส
หนงั ตะลงุ เปน็ ศลิ ปะการแสดงพน้ื บา้ นของภาคใต้
เปน็ มหรสพทนี่ ยิ มแพรห่ ลายเปน็ เวลานาน แสดงดว้ ยการ
จัดตัวหนังและพากย์หนังเป็นการเล่าเร่ืองราวที่
ผูกร้อยเป็นนิยาย ด�ำเนินเร่ืองด้วยบทร้อยกรอง
ขับร้องเป็นส�ำเนียงท้องถ่ิน เรียกกันว่า “ว่าบท”

มบี ทสนทนาแทรกเปน็ ระยะ และใชก้ ารแสดงเงาบนจอผา้ เปน็ จดุ ดงึ ดดู สายตาของผชู้ ม
หนงั ตะลงุ เปน็ มหรสพทใ่ี หท้ ง้ั ความบนั เทงิ ใหข้ า่ วสารบา้ นเมอื ง เหตุการณท์ ้องถิน่
การลอ้ เลยี น การแสดงแทรกคตธิ รรมสอนใจ การวา่ บท การสนทนา และการแสดงเงาน้ี
นายหนงั ตะลงุ เปน็ ผแู้ สดงเองทงั้ หมด เปน็ การแสดงความสามารถในการเชดิ และพากย์
ของนายหนงั
การแกะหนังตะลุงเป็นงานหัตถศิลป์แขนงหนึ่ง ได้รับการถ่ายทอดวิชาและ
กระบวนการผลติ จากบรรพบรุ ษุ ในลกั ษณะงานฝมี อื ในครอบครวั เรยี นรอู้ ยใู่ นลกั ษณะ
งานช่างศิลป์ไทยโบราณ คือ ไม่มีหลักสูตรและระยะเวลาศึกษาแน่นอน อาศัย
สายสัมพันธ์ในครอบครัวและเครือญาติเป็นปัจจัยส�ำคัญ จนออกไปปฏิบัติได้
ด้วยตนเอง เปน็ อาชพี ได้ จงึ ถอื วา่ จบหลักสูตรวชิ าน้ี

78 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

อย่างไรก็ดี นายหนังตะลุงกับช่างแกะหนังตะลุงมีสัดส่วนแตกต่างกันมาก
กล่าวได้ว่า จ�ำนวนช่างแกะหนังตะลุง มี ๑ ส่วน ส่วนนายหนังตะลุง มี ๗ ส่วน
นายอ่ิมตระหนักในข้อเท็จจริงว่าศิลปะพ้ืนบ้านการแกะหนังตะลุงอันเก่าแก่น้ีก�ำลัง
สูญหาย ผู้มีส่วนเก่ียวข้องด้านอนุรักษ์และเยาวชนเห็นคุณค่าน้อยลง จ�ำเป็นต้อง

สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมน้ีให้คงอยู่ตลอดไป
จึงหาวิธีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หนังตะลุง
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ทันยุคสมัย เพ่ิมคุณค่าและมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์
แปรรปู แบบหนงั ตะลงุ ใหห้ ลากหลาย ทง้ั ของทร่ี ะลกึ
ของฝาก และเคร่อื งประดบั บ้าน ผลงานของนายอิม่
จึงมีช่ือเสียงเป็นท่ียอมรับจากนายหนังทั่วภาคใต้
ผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
นายอม่ิ ไดร้ บั การตดิ ตอ่ ใหไ้ ปสอนการแกะหนงั ทป่ี ระเทศแถบยโุ รป เปน็ เวลา
๕ ปี ดว้ ยคา่ ตอบแทนทส่ี งู หากดว้ ยอดุ มการณม์ งุ่ หวงั อนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดศลิ ปกรรม
ท่เี รยี นร้จู ากบรรพบรุ ุษให้อยคู่ ู่ชาตไิ ทยเท่านั้น นายอ่มิ จึงปฏเิ สธและมีความคดิ ว่า
“เงนิ เปน็ ลา้ น ซอื้ ฝมี อื ชา่ งไทยไมไ่ ด้ ศลิ ปะไทยตอ้ งอยกู่ บั คนไทย ชาตอิ นื่ เลยี นแบบได้
แต่รับรองฝีมอื ไมเ่ หมือนคนไทย”
นายอม่ิ ไดร้ วบรวมและพฒั นางานชา่ งศลิ ปไ์ ทยใหเ้ ปน็ ทปี่ ระจกั ษ์ ตง้ั แตข่ น้ั ตอน
การแกะรูปหนังตะลงุ การพัฒนาอุปกรณ์ตอกหนัง ซงึ่ ไดจ้ ากสายสมั พันธก์ บั ลกู ค้า
ชาวญี่ปุ่นท่ีสนใจ สอบถามการท�ำอุปกรณ์ตอกหนังแบบปลายเปิดรูปแบบต่าง ๆ
ปรับเปล่ียนจากการใช้ก้านร่มจีนมาเป็นมุกหรือตุ๊ดตู่ ส่งผลให้แกะสลักรูปหนัง
ไดส้ ะดวก รวดเรว็ และสวยงาม ใชก้ ันอยา่ งแพรห่ ลายจนถึงปัจจุบัน นายอิม่ ไดร้ บั
คัดเลือกจากจังหวัดพัทลุงให้เป็นประธานกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและ
ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีของจังหวัด สาธิตการแกะรูปหนังตะลุงแก่ประชาชน
และผูส้ นใจ

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 79

ครูภมู ปิ ัญญาไทย

ในระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๒๓-๒๕๒๔ เปน็ ความภาคภมู ใิ จของครอบครวั จนั ทรช์ มุ
เม่ือนายอิ่มได้รับคัดเลือกจากจังหวัดให้เป็นผู้สาธิตการแกะหนังตะลุงถวาย
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
และพระบรมวงศานุวงศ์ ในโอกาสเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร
ในจังหวัดพัทลุง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง มพี ระราชด�ำรสั กับนายอ่ิมว่า “...หนงั ตะลุงเปรยี บเสมอื นเพชรในตม
ข้าพเจ้าขอฝากด้วย ช่วยอนุรักษ์เอาไว้ อย่าให้เสื่อมเสียไป…๑” รวมท้ัง
มีพระราชด�ำริใหแ้ กะรปู หนงั ตะลุงเพื่อน�ำไปเผยแพรใ่ นต่างประเทศ
นายอมิ่ ไดร้ เิ รมิ่ จดั ตง้ั ศนู ยศ์ ลิ ปหตั ถกรรมรปู หนงั บางแกว้ (ศนู ยศ์ ลิ ปหตั ถกรรม
บางแกว้ : ครูอม่ิ แกะหนงั บางแกว้ ในปัจจุบัน) ทีต่ �ำบลท่ามะเด่ือ อ�ำเภอบางแก้ว
จงั หวดั พทั ลงุ ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ ใหเ้ ปน็ ศนู ยส์ าธติ สอนเผยแพรค่ วามรกู้ ารแกะหนงั ตะลงุ
สนองพระราชด�ำริในการสืบทอดศิลปะการแกะหนังตะลุงของชาติ โดยก�ำหนด
ผลติ ภัณฑห์ นังตะลุงเปน็ ๓ ประเภท คือ ประเภทท่ีหนงึ่ รปู หนงั ตะลงุ สามารถเชดิ
หรอื ขยบั สว่ นไดบ้ างสว่ น เชน่ ปาก แขน ขา ประเภททส่ี อง รปู หนงั ใหญม่ ขี นาดใหญ่
มคี วามหมายและคำ� ตอบในบท นยิ มเลน่ เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ และประเภททสี่ าม ภาพศลิ ป์
งานแกะสลักตามจินตนาการ งานแกะสลักหนังตะลุงนิยมใช้ตัวละครในวรรณคดี
เช่น พระราม นางสีดา ทศกัณฐ์ หนุมาน นอกจากน้ี ยังมีความหลากหลาย
จากความตอ้ งการของลูกคา้ คนจีนซึ่งนิยมรปู มังกรและเจ้าแม่กวนอิม


ครูผู้รังสรรค์หนังตะลุงให้มีชี วิต
ศูนย์ศิลปหัตถกรรมรูปหนังบางแก้วเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งรวบรวมมรดก
ทางหตั ถศลิ ป์ สมาชกิ ครอบครวั ทกุ คน ลกู ศษิ ยท์ เ่ี สมอื นลกู ไมท้ ห่ี ลน่ ใกลต้ น้ รว่ มแรง

๑ ครูอิ่ม จันทร์ชุม ช่างแกะสลักหนังตะลุง. อยุธยา สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
(องคก์ ารมหาชน)

80 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ร่วมใจสืบสานต่อยอดการท�ำหนังตะลุงจากภูมิปัญญาที่นายอิ่มสรรค์สร้างไว้ อันมี
จุดเร่ิมต้นจากการรวมตัวของสมาชิกกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์การแกะหนังตะลุง
เผยแพรป่ ระวตั คิ วามเปน็ มาของหนงั ตะลงุ ชอ่ื ของตวั หนงั และคณุ คา่ ของหนงั ตะลงุ
ท่ีจำ� เป็นต้องอนรุ ักษ์ โดยมขี น้ั ตอนตงั้ แต่ ข้นั ตอนทหี่ น่ึง ใหค้ วามรกู้ ารท�ำรูปหนงั
การลงลายเสน้ ขน้ั ตอนทส่ี อง เตรยี มหนงั ใชห้ นงั ววั สดจะดที สี่ ดุ วธิ ลี า้ งหนงั ฆา่ เชอ้ื
และฟอกหนงั ให้ใส ไม่มกี ลิ่น ขั้นตอนทีส่ าม เตรียมเคร่ืองมอื แกะหนัง เชน่ มดี ค้อน
ตดุ๊ ตู่ เขยี งไม้ เหลก็ เขียนลาย ข้ันตอนทสี่ ่ี รา่ งและแกะฉลลุ าย ตอกดว้ ยตุด๊ ตู่หรือมกุ
ดว้ ยมดี และขัน้ ตอนทหี่ า้ ลงสี เคลอื บน�้ำมนั
การแกะสลักหนังนิยมใช้หนังวัวซ่ึงน่ิมและมีความกว้างเพียงพอ วัวหนึ่งตัว
ไดห้ นงั ประมาณ ๗ กโิ ลกรัม สามารถแกะเปน็ ตวั หนังตะลุงไดป้ ระมาณ ๒๐ ตวั
เศษที่เหลือแกะเปน็ ของช�ำร่วยทรี่ ะลึกได้
นายอ่ิมอุทิศตนเองทั้งแรงกายแรงใจ ส่งเสริมและสนับสนุนการถ่ายทอด
ความรใู้ หน้ กั เรยี น ผสู้ นใจงานแกะสลกั หนงั ตะลงุ มามากกวา่ ๒๐ ปี เรมิ่ สอนควบคกู่ บั
การแกะรปู หนังของตน ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ ตั้งแตส่ อนที่บ้าน ที่วัด และศนู ย์หตั ถกรรม
การถา่ ยทอดจะเปน็ ไปในลกั ษณะการสอน การสาธติ การวาดในทกุ ขนั้ ตอน ถา่ ยทอด
ความรจู้ ากครสู ศู่ ษิ ย์ จากศษิ ยร์ นุ่ พส่ี ศู่ ษิ ยร์ นุ่ นอ้ ง พอ่ แมถ่ า่ ยทอดใหล้ กู หลาน รวมทง้ั

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 81

ครูภมู ิปัญญาไทย
เปิดสอนนักเรยี น นกั ศกึ ษาในสถานศกึ ษา เปน็ วิทยากรบรรยาย สาธิตใหห้ น่วยงาน
ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และผู้สนใจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ มุ่งหวัง
เพ่ือสบื สานหนงั ตะลุงให้คงอยู่ ใหศ้ ิษย์ไดน้ �ำความร้ไู ปประกอบอาชพี ได้
การแกะสลกั หนงั ตะลงุ เปน็ ชดุ หนงั หมนุ นยุ้ ของกองทพั ภาคที่ ๔ เปน็ ผลงานหนงึ่
ท่ีนายอ่ิมภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมช่วยบ้านเมือง อาทิ แกะภาพผู้น�ำ ฟามวันดง
เหมาเจอ๋ ตง และคารล์ มารค์ เพอื่ ใชป้ ฏบิ ตั กิ ารทางจติ วทิ ยาตอ่ สเู้ อาชนะคอมมวิ นสิ ต์
นายอิ่มมีฝีมือในการแกะหนังตะลุงสวยงาม ยอดเยี่ยม เป็นที่เลื่องลือ
มคี วามสำ� คัญตอ่ วงการหนังตะลุง ไดร้ ับการยกยอ่ งเป็น บรมครูแกะหนงั ตะลุงของ
ภาคใต้ นายอ่ิมมโี อกาสแสดง สาธิตการแกะหนังตะลงุ ร่วมกับศิลปาชพี ภาคต่าง ๆ
ทั้งงานในกรุงเทพมหานครและงานภูมิภาค โดยรับการสนับสนุนจากส�ำนักงาน
พัฒนาชมุ ชนจังหวัดพทั ลุง และสำ� นักงานสภาสตรีแห่งชาติ ซง่ึ เปิดตลาดจ�ำหน่าย
หนังตะลงุ ให้ทัง้ ตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๐ วิทยาลัยครูสงขลา (มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ในปจั จุบนั )
ไดจ้ ดั งานวฒั นธรรมสมั พนั ธ์ โดยไดเ้ ชญิ นายอมิ่ เปน็ วทิ ยากรบรรยาย สาธติ การแกะ

82 ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

หนงั ตะลงุ และขอใหเ้ ปน็ ทั้งผ้สู อน ผูบ้ รรยาย และผใู้ ห้ค�ำปรึกษาแกอ่ าจารยแ์ ละ
นกั ศึกษา ทงั้ น้ี ไดจ้ ัดงานน้มี าอยา่ งต่อเนื่อง
ผลงานโดดเด่นที่นายอ่ิมภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง คือ หนังรูปฤาษี ส�ำหรับ
แขวนประดับฝาผนังขนาดใหญ่ ขนาดสูงเกือบ ๒ เมตร ผลงานท่ีผสมผสาน
ความศรทั ธาเขา้ กับความคดิ แรงบันดาลใจ และฝีมือเชงิ ชา่ งอันสูงสง่ ใช้เวลาราว
หน่ึงเดอื น สร้างสรรค์ ภาพฤาษีพรหมเมศร พรอ้ มกัน ๒ ภาพ ภาพหน่ึงทูลเกลา้ ฯ
ถวายสมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพันปหี ลวง
สว่ นอกี ภาพหนง่ึ ประดบั ท่ี “ศนู ยศ์ ลิ ปหตั ถกรรมบางแกว้ : ครอู ม่ิ แกะหนงั บางแกว้ ”
เพอ่ื เปน็ สริ มิ งคลและเปน็ มรดกแกล่ กู หลาน สญั ลกั ษณอ์ นั แสดงถงึ ความรกั ความเคารพ
ในงานทำ� หนงั ตะลงุ ของตน

เกยี รติยศท่ีได้รบั นายอิม่ ไดร้ ับรางวัลเกยี รตยิ ศจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ อาทิ
รางวัลประธานกลุ่มอาสาสาธิตผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของจังหวัดพัทลุง เกียรติบัตร
ผมู้ ผี ลงานดเี ดน่ ทางดา้ นวฒั นธรรม ประเภทแกะสลกั (ภาคใต)้ สำ� นกั งานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๖ โล่ผู้สาธิตสินค้าหัตถกรรมดีเด่น พ.ศ. ๒๕๓๑
ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๒ ด้านศิลปกรรม ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๕ ปริญญาศลิ ปบณั ฑติ กติ ตมิ ศักด์ิ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย
ราชภัฏสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๑ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี ๒๕๕๔ สถาบันส่งเสริม
ศลิ ปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 83

ครูภมู ปิ ัญญาไทย
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน คือ เบญจมาภรณ์
มงกุฎไทย และปฐมดิเรกคณุ าภรณ์
นายอิ่มมีภรรยา ๓ คน บตุ รธิดา รวม ๑๖ คน ภรรยาคนที่ ๑ คอื นางสาวถ้นั
(ถงึ แก่กรรม) มบี ุตร ๓ คน ได้แก่ นายสมพร นางพมิ ดาว และนางเพ็ญ มะโนเพชร
ภรรยาคนที่ ๒ คอื นางสาวสมใจ จนั ทรค์ รปุ ต์ มบี ตุ ร ๙ คน ไดแ้ ก่ นางวภิ า (ถงึ แกก่ รรม)
นางประไพ เหมอื นวนุ่ นายวฒุ ภิ ทั ร นายวชั ระ นางจรสั ศรี ศรอี อ่ นทอง (ถงึ แกก่ รรม)
นางฉวีวรรณ นายฉลอง นางสาวฉลวย และนางสาวรัตติยา ภรรยาคนที่ ๓ คือ
นางสาวรดิ บตุ รเกตุ มบี ตุ ร ๔ คน ไดแ้ ก่ นายชรนิ ทร์ นางสาวบญุ เรยี ม นางสาวมารสิ า
และนางสาวรตั นจิตร จนั ทร์ชุม
นายอ่ิมถึงแก่กรรมด้วยความชรา เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐
สิริอายุ ๘๕ ปี ๑ เดอื น ๘ วนั

นางสาวพุฒสิ าร์ อคั คะพู ผเู้ รียบเรียง

84 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ข้อมูลอ้างอิง

๑. มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา. ๒๕๕๑. ประวตั แิ ละผลงานของนายอมิ่ จนั ทรช์ มุ สงขลา. มปท.
๒. สถาบนั สง่ เสรมิ ครชู า่ งศลิ ปวฒั นธรรมไทย. ๒๕๕๕. ครอู ม่ิ จนั ทรช์ มุ ชา่ งแกะสลกั หนงั ตะลงุ
ครูศิลปข์ องแผน่ ดนิ . มปท.
๓. ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. ๒๕๔๕. ครภู มู ปิ ญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๒ ภาคใต.้ กรงุ เทพฯ
๔. สำ� นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั พทั ลงุ . ๒๕๖๔. นายอมิ่ จนั ทรช์ มุ ศลิ ปนิ พนื้ บา้ น พทั ลงุ . มปท.
๕. ผูใ้ ห้ขอ้ มลู เพมิ่ เติม
๕.๑ นางฉวีวรรณ จนั ทรช์ ุม
๕.๒ นายประเสริฐ รกั ษว์ งศ์

ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 85

ครู ผู้บริหาร และ
ศึกษานิเทศก์

นางชโลมใจ ภิงคารวฒั น์

พ.ศ. ๒๔๘๖–๒๕๖๔

นางชโลมใจ ภิงคารวฒั น์ สกุลเดมิ จนั ทรโชติ เกิดเม่ือวันท่ี ๖
มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๖ ท่จี ังหวดั ปัตตานี เป็นบุตรคนท่ี ๒ ของนายชาติ
และนางชมา้ ย จนั ทรโชติ มพี ่นี อ้ งรว่ มบดิ ามารดารวม ๑๐ คน คอื นางมญชรี
สมภักดี นางชโลมใจ ภิงคารวัฒน์ นายชาญณรงค์ (ถึงแก่กรรม)
นางสาววดิ า ปานนยั (ถงึ แกก่ รรม) นางสาวเปรมวดี นางกลั ยาณี อฐิ รตั น์
นางพัชรี พลเอก ชนินทร์ นางพรพรรณ และนางภานิณี จันทรโชติ
(ถึงแกก่ รรม)

ครู ผู บ้ รหิ าร และศึกษานิเทศก์
นางชโลมใจเรียนชั้นประถมและ
มัธยมที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากบิดา
รบั ราชการตำ� รวจ ตอ้ งยา้ ยตามบดิ าไปตาม
จังหวัดต่าง ๆ ส�ำเร็จการศึกษาระดับ
ประกาศนยี บตั รวชิ าการศกึ ษา (ป.กศ.) จาก
วทิ ยาลยั ครธู นบรุ ี (ปจั จบุ นั คอื มหาวทิ ยาลยั
ราชภฏั ธนบรุ )ี ประกาศนยี บตั รวชิ าการศกึ ษา
ชนั้ สงู (ป.กศ.สงู ) จากวทิ ยาลยั ครจู นั ทรเกษม
(ปจั จบุ นั คอื มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม)
พ.ศ. ๒๕๐๘ ส�ำเรจ็ ปริญญาตรี การศึกษา
บณั ฑติ (กศ.บ.) จากวทิ ยาลยั วชิ าการศกึ ษา
ประสานมิตร (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัย
ศรนี ครินทรวโิ รฒ) พ.ศ. ๒๕๑๒ และส�ำเร็จ
การศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท ครศุ าสตรมหา-
บณั ฑติ (ค.ม.) จากจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
พ.ศ. ๒๕๒๕ นอกจากนี้ นางชโลมใจ
ไดเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมหลกั สตู รระยะสน้ั จาก
องคก์ ารรฐั มนตรศี กึ ษาแหง่ เอเชยี ตะวนั ออก
เฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of
Education Organization) เรียกยอ่ ๆ ว่า
SEAMEO เร่ืองการวัดและประเมินผล
ทางการศกึ ษาและตวั ชวี้ ดั ณประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์
เม่อื พ.ศ. ๒๕๓๕

88 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นางชโลมใจเขา้ รบั ราชการเปน็ ครโู รงเรยี นบา้ นสไุ หงโก-ลก อำ� เภอสไุ หงโก-ลก
จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวง
ศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๑๒ เมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีการปรับโครงสร้างใหม่
ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยมสี ำ� นักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ (สปช.)
จัดการศึกษาระดับประถมศึกษา และมีส�ำนักงานการประถมศึกษาจังหวัด และ
ส�ำนักงานการประถมศึกษาอ�ำเภอ/ก่ิงอ�ำเภอในแต่ละจังหวัดท�ำหน้าที่ดูแล
การจดั การฝึกสอนของหน่วยงานในสังกดั นางชโลมใจจงึ ไดส้ มัครเปน็ ศึกษานเิ ทศก์
สำ� นกั งานการประถมศกึ ษาจงั หวดั นราธวิ าส (ปจั จบุ นั คอื สำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา
ประถมศึกษานราธิวาส เขต ๑) ปฏิบตั งิ านทีน่ ี่ได้ ๓ ปี ก็ยา้ ยไปหนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์
สำ� นกั งานการประถมศกึ ษาจงั หวดั เพชรบรุ ี (ปจั จบุ นั คอื สำ� นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา
ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต ๑) ซง่ึ เป็นบา้ นเกดิ ของสามี
นางชโลมใจมอี ปุ นสิ ยั พดู จรงิ ทำ� จรงิ มคี วามมงุ่ มนั่ ตงั้ ใจในการทำ� งาน ขณะเปน็
ศึกษานิเทศก์ ส�ำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดเพชรบุรี ได้รับความไว้วางใจ
จากหัวหนา้ งานและผบู้ งั คบั บัญชาให้ท�ำงานส�ำคญั หลายโครงการ ไดแ้ ก่ โครงการ
ประชาธิปไตยในโรงเรียน ขณะน้ันนายสนิท ย่ีรงค์ ด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้า
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำ� นกั งานการประถมศกึ ษาจงั หวดั เพชรบรุ ี นิเทศและตดิ ตาม
การดำ� เนนิ การของโรงเรยี นจนประสบความสำ� เรจ็ มผี สู้ นใจมาศกึ ษาดงู านจำ� นวนมาก
ได้แก่ โรงเรยี นบา้ นพมุ ่วง (ปจั จุบนั คือ โรงเรยี นไทยรัฐ ๑๓ อ�ำเภอเขายอ้ ย จงั หวัด
เพชรบรุ ี) ซ่งึ ธนาคารกรุงเทพ จ�ำกัด (มหาชน) ได้ถา่ ยทำ� เปน็ ภาพยนตร์เผยแพร่
เรอื่ งประชาธปิ ไตยในสายเลอื ด ตอ่ มายา้ ยมาปฏบิ ตั งิ านทสี่ ำ� นกั งานการประถมศกึ ษา
จงั หวดั สมทุ รปราการ เพอ่ื การศกึ ษาของบตุ ร นางชโลมใจรบั ผดิ ชอบการจดั ทำ� แผนงาน
และงบประมาณ มผี ลงานเปน็ ที่ประจกั ษ์ ดอกเตอร์รุ่ง แก้วแดง รองเลขาธกิ าร
คณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาตใิ นขณะนนั้ จงึ ใหม้ าเปน็ คณะทำ� งานโครงการ
พฒั นาการศึกษาระยะท่ี ๖ ของธนาคารโลก (คพศ.๖) ขนึ้ อยู่กับส�ำนักงานโครงการ
รบั ความชว่ ยเหลอื จากตา่ งประเทศ (สร.สปช.) จดั ทำ� คมู่ อื พฒั นาบคุ ลากรฝา่ ยนโยบาย

ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 89

ครู ผู บ้ รหิ าร และศึกษานิเทศก์
และแผนของจังหวดั ฝึกอบรมบคุ ลากรฝ่ายนโยบายและแผนทกุ จงั หวัด จังหวดั ละ
๗ คน รวม ๕๐๐ คน โดยแบง่ เปน็ รนุ่ รนุ่ ละ ๔๒ คน การอบรมแบง่ เปน็ ๓ ระยะ คอื
ระยะท่ี ๑ สรา้ งความรู้ความเข้าใจ ระยะที่ ๒ กลับไปเขียนแผนงาน/โครงการ และ
ระยะที่ ๓ นำ� เสนอผลงาน สถานทอ่ี บรมหมนุ เวยี นไปตามภาคตา่ ง ๆ ผลการดำ� เนนิ การ
เปน็ ทน่ี า่ พอใจ ทำ� ใหบ้ คุ ลากรฝา่ ยนโยบายและแผนสามารถวางแผนพฒั นาคณุ ภาพ
การศึกษาของแต่ละจังหวดั ได้อยา่ งเหมาะสมและสอดคล้องกบั สภาพจรงิ

ในปีงบประมาณ ๒๕๒๙-๒๕๓๑ นางชโลมใจเป็นหัวหน้าโครงการพัฒนา
ด้านการศึกษาในเขตปฏิรูปท่ีดินของจังหวัดพิจิตร (โครงการความร่วมมือระหว่าง
ประเทศไทยและออสเตรเลยี ) มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ดา้ นการศกึ ษา
แกโ่ รงเรยี นทอี่ ยหู่ า่ งไกล กนั ดาร และขาดแคลน โรงเรยี นทอ่ี ยใู่ นเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ ของ
จงั หวดั พจิ ติ ร มี ๓ อำ� เภอ ไดแ้ ก่ อำ� เภอโพทะเล อำ� เภอสามงา่ ม และอำ� เภอโพธป์ิ ระทบั ชา้ ง
การพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนเข้าโครงการมีเจ้าหน้าท่ีจากส่ีกระทรวงหลัก ได้แก่
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ
กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาโรงเรียนท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายร่วมกัน ลักษณะ
การชว่ ยเหลือ ได้แก่ จดั ซื้อ จัดหาวสั ดุครุภัณฑ์ และจัดสรรงบประมาณสนับสนุน
ตามความต้องการจ�ำเป็น เมื่อส้ินสุดโครงการ ได้ผลงานตามเป้าหมาย ท�ำให้
คณะท�ำงานดา้ นการศึกษาได้ไปศกึ ษาดงู านทสี่ าธารณรฐั เกาหลี
90 ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ศึกษานิเทศก์ผู้พัฒนาครู ผู้บริหาร อย่างมืออาชี พ

นางชโลมใจมคี วามจรงิ ใจตอ่ ผรู้ บั การนเิ ทศ และรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร
โรงเรยี น และคณะครเู สมอ ดภู ายนอกเหมอื นเปน็ คนดุ ตรงไปตรงมา แตจ่ ะมวี ธิ กี ารพดู
ทไ่ี มท่ ำ� ใหผ้ รู้ บั การนเิ ทศรสู้ กึ ผดิ ใหค้ ำ� ปรกึ ษาและใหผ้ รู้ บั การนเิ ทศเลอื กวธิ ปี รบั ปรงุ
แกไ้ ขงานดว้ ยตนเอง การปฏบิ ตั ติ นตอ่ เพอื่ นรว่ มงานกเ็ ชน่ เดยี วกนั เปน็ ในลกั ษณะของ
พสี่ อนนอ้ งมากกวา่ การตำ� หนิ และใหค้ วามเสมอภาคกนั ในบทบาทของการเปน็ ผนู้ ำ�
นางชโลมใจไม่แสดงออกในที่ประชุมว่าให้ความส�ำคัญกับใครมากกว่ากัน รับฟัง
ความคดิ เหน็ ของทกุ คน และยงั เปน็ คนมนี ำ้� ใจ มคี วามละเอยี ดและใสใ่ จเพอื่ นรว่ มงาน
ทุกคน ในปีทีผ่ ้เู รียบเรียงเกษยี ณอายุราชการ ไดร้ บั ของขวญั พิเศษจากนางชโลมใจ
เปน็ หนงั สอื ปกแขง็ เลม่ เลก็ ๑ เลม่ ภายในเปน็ ภาพของผเู้ รยี บเรยี งและภาพกจิ กรรม
ทำ� ดว้ ยกระดาษอารต์ สสี วยงาม แมม้ เี พยี งไมก่ หี่ นา้ กท็ ำ� ใหผ้ รู้ บั ปลมื้ ใจทส่ี ดุ เพราะเปน็
หนังสือเลม่ เดยี วในโลก เพ่อื นรว่ มงานอีกคนหนง่ึ ได้รบั กล่องใสก่ ระดาษโนต้ เล็ก ๆ
ท่ีฝากล่องเป็นลายดอกไมน้ ่ารกั และลงชื่อผู้ให้ ดูเก๋ไกไ๋ มซ่ �ำ้ แบบใคร คณุ ลักษณะ
ในการสรรหาสงิ่ ของใหถ้ ูกใจผรู้ บั นีค้ ือเสน่หอ์ ย่างหน่งึ ของนางชโลมใจ

การนิเทศของนางชโลมใจมักเร่ิมด้วยการสร้างความตระหนักให้เห็น
ความสำ� คญั ของเรอ่ื งทน่ี เิ ทศ ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ มตี วั อยา่ งประกอบ ใหร้ ะยะเวลา
ในการดำ� เนนิ การ และเปดิ โอกาสใหผ้ รู้ บั การนเิ ทศไดแ้ ลกเปลยี่ นเรยี นรซู้ งึ่ กนั และกนั
เช่น การนิเทศให้ผู้บริหารและครูวิชาการโรงเรียนสามารถตรวจแผนการสอนได้
เม่ือผู้รับการนิเทศเห็นความส�ำคัญของแผนการสอนทีละองค์ประกอบว่าคืออะไร
มีวิธีเขียนอย่างไร กิจกรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ สื่อการเรียนรู้ และ
เครอื่ งมือวดั และประเมินผลและการเขียนบนั ทกึ ผลหลงั สอน แต่ละองคป์ ระกอบ
ตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ นั แลว้ จงึ ลงรายละเอยี ดถงึ การสงั เกตการสอน ทำ� ให้
ผู้บริหารและครูวิชาการโรงเรียนเกิดความม่ันใจและให้ค�ำแนะน�ำแก่เพื่อนครู
ในโรงเรียนได้ตรงจุด

ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 91

ครู ผู บ้ ริหาร และศกึ ษานเิ ทศก์

ศกึ ษานเิ ทศก์ สำ� นกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ มหี นา้ ทห่ี ลกั
คือ นิเทศและพัฒนาการเรียนการสอนตามกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ่ีหลักสูตรก�ำหนด
นิเทศและติดตามผลการจัดการศึกษาของหน่วยงานในสังกัดท้ังระดับจังหวัด
อ�ำเภอ และโรงเรียน และพัฒนาการจัดการศึกษาตามความต้องการของพ้ืนที่
นางชโลมใจรบั ผดิ ชอบดแู ลเขตการศกึ ษา ๘ ประกอบดว้ ย เชยี งใหม่ เชยี งราย แพร่
น่าน ลำ� พูน ลำ� ปาง พะเยา และแมฮ่ อ่ งสอน นางชโลมใจและศึกษานเิ ทศก์
สำ� นกั งานการประถมศกึ ษาจงั หวดั นา่ น ไดร้ ว่ มกนั ทำ� โครงการพฒั นาการนเิ ทศภายใน
โรงเรยี นทกุ โรงเรยี นในสงั กดั สำ� นกั งานการประถมศกึ ษาอำ� เภอปวั จำ� นวน ๔๙ โรงเรยี น
เพื่อพัฒนาผู้บริหารโรงเรียนและคณะครูให้มีความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองการนิเทศ
ภายในโรงเรียน ฝึกปฏิบัติการจัดท�ำแผนการนิเทศ นิเทศติดตามผล รายงานผล
การดำ� เนนิ การและจดั ทำ� คมู่ อื การประเมนิ มาตรฐานการนเิ ทศภายในโรงเรยี น โดยมี
นางชโลมใจและผู้บริหารโรงเรียนท่ีประสบความส�ำเร็จเป็นวิทยากรพ่ีเลี้ยง
หลังจากการทดลองท่ีส�ำนักงานการประถมศึกษาอ�ำเภอปัวครบทุกโรงเรียนแล้ว
หัวหน้าการประถมศึกษาอ�ำเภอปัวก็ได้ด�ำเนินการเรื่องน้ีอย่างต่อเนื่อง โดยผนวก
เข้ากับวาระการประชุมผู้บริหารโรงเรียนประจ�ำเดือน และจัดให้มีการประเมิน
มาตรฐานการนิเทศภายในเป็นระยะ ๆ ผลการด�ำเนินการพบว่าทุกโรงเรียน
ผา่ นการประเมนิ ตามมาตรฐานระดบั ประเทศ ทำ� ใหเ้ ปน็ แหลง่ ศกึ ษาดงู านแกโ่ รงเรยี น
ในอำ� เภออน่ื ๆ ใน พ.ศ. ๒๕๓๘ กไ็ ดข้ ยายผลการดำ� เนนิ การไปยงั อำ� เภออน่ื ๆ ในสงั กดั
ครบทุกโรงเรียน และระหว่าง พ.ศ. ๒๕๓๙-๒๕๔๕ พัฒนาลงลึกถึงครูผู้สอน
ในเรอื่ งการวิเคราะหห์ ลกั สูตร การจดั ทำ� แผนการสอน การวดั ผลประเมินผล และ
การเขยี นบันทกึ ผลหลังสอนดว้ ย
นายวิจติ ร ศศิวจั น์ไพสิฐ อดีตผอู้ ำ� นวยการเชยี่ วชาญ โรงเรยี นบา้ นปรางค์
อ�ำเภอปัว จังหวัดน่าน ท่ีด�ำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนได้ประสบความส�ำเร็จ
เล่าถึงความประทับใจที่ได้รับจากนางชโลมใจไว้ว่า “นอกจากท่านมานิเทศงาน
ที่โรงเรียนแล้ว ยังให้ความเป็นกันเอง คอยช่วยเหลือแนะน�ำแบบพ่ีน้อง ส่วนใหญ่
92 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ท่านจะคอยก�ำกับให้คณะครูคิดเอง หาแนวทางแก้ปัญหาเอง เพ่ือให้งานบรรลุ
ตามเป้าหมาย พรอ้ มทงั้ ใหก้ ลยทุ ธก์ ารนเิ ทศภายในโรงเรยี นอยา่ งหลากหลาย ทำ� ให้
ผู้บริหารโรงเรียนและคณะครูท�ำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เช่นเดียวกับ
นายสกล รุ่งโรจน์ อดตี ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นวดั บางพลใี หญก่ ลาง อำ� เภอบางพลี
จงั หวดั สมทุ รปราการ เมอื่ ครงั้ ทเี่ ปน็ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นวดั บางเสาธงนอก อำ� เภอบางเสาธง
จงั หวดั สมทุ รปราการ ซง่ึ เปน็ โรงเรยี นขนาดเลก็ ครนู อ้ ย นกั เรยี นนอ้ ย นางชโลมใจ
มานิเทศที่โรงเรียน ใหค้ วามรู้ ใหค้ ำ� แนะนำ� และใหก้ ำ� ลงั ใจแกค่ ณะครู โดยนายสกล
กล่าวว่า “ผมท�ำหน้าที่เป็นผู้นิเทศเอง สังเกตการสอน ตรวจแผนการสอน และ
ตรวจสมดุ งานของนกั เรยี น ทำ� ใหก้ ารนเิ ทศเปน็ ระบบมากขน้ึ มกี ารจดั ทำ� แผนการนเิ ทศ
ปฏิทินการนิเทศ ก�ำหนดส่งแผนการสอน และนิเทศครูเป็นรายบุคคล ผมรู้จัก
ครูทุกคน ท�ำให้การจดั การเรยี นการสอนมคี ณุ ภาพ สง่ ผลใหน้ กั เรยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรยี นสงู ขน้ึ และสามารถพฒั นาเปน็ ผลงานทางวชิ าการเพอื่ ขอเลอ่ื นวทิ ยฐานะ
เป็นผู้อ�ำนวยการช�ำนาญการพิเศษได้ ท�ำให้ภูมิใจ
ในตัวเอง”
นางชโลมใจเปน็ คนขยนั และรกั การทำ� งาน
หลงั จากเกษยี ณอายรุ าชการกอ่ นกำ� หนด ๒ ปี
เมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๔ ในตำ� แหนง่ ศกึ ษานเิ ทศกเ์ ชย่ี วชาญ
ก็ได้จัดต้ังบริษัทประเมินคุณภาพโรงเรียน ภายใต้
การกำ� กบั ของสำ� นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ
คณุ ภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) นอกจากนี้
นางชโลมใจยังเป็นทั้งหัวหน้าและคณะท�ำงานโครงการพัฒนาการศึกษาและ
งานวจิ ยั ตา่ ง ๆ ของทางราชการ สถาบนั การศกึ ษา องคก์ รอสิ ระทงั้ ในประเทศและ
ระหวา่ งประเทศ เปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ปิ ระเมนิ ผลงานทางวชิ าการของศกึ ษานเิ ทศกแ์ ละครู
เพอ่ื เลอื่ นวทิ ยฐานะใหส้ งู ขนึ้ รวมทง้ั ยงั เปน็ อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาในการสอบวทิ ยานพิ นธ์
ของบณั ฑติ และมหาบัณฑติ ของมหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ ท้ังของภาครัฐและภาคเอกชน

ประวตั คิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 93

ครู ผู ้บริหาร และศกึ ษานิเทศก์
นางสาวผอ่ งพรรณ เอกอาวธุ อดีตผ้เู ชยี่ วชาญด้านการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการพฒั นาโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา ในโครงการ
ตามพระราชด�ำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี เลา่ วา่ “นางชโลมใจไดเ้ ขา้ มาพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในของ
โรงเรยี นในโครงการดว้ ยความต้ังใจและเตม็ ใจ ตอ้ งใชค้ วามใจเย็นทจี่ ะปรบั พ้นื ฐาน
ความรขู้ องผบู้ รหิ ารโรงเรยี นซง่ึ เปน็ พระอาจารยแ์ ละครวู ชิ าการโรงเรยี นซง่ึ เปน็ ฆราวาส
มคี วามแตกตา่ งกนั มาก มกี ารมอบงานและตรวจงานอยา่ งละเอยี ด ประสานวทิ ยากร
มาให้ความรู้เรื่องการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษา ระหว่างด�ำเนินการก็อนุญาตให้
ผรู้ บั การนเิ ทศซกั ถามปญั หาทางโทรศพั ทไ์ ดต้ ลอดเวลา เปน็ ทพี่ อใจของผรู้ บั การนเิ ทศ
นอกจากน้ี นางชโลมใจยังได้จัดท�ำโครงการพัฒนาการคัดลายมือของนักเรียน
ท้ังโรงเรียน ร่วมกับมูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.คุณบรรจบ พันธุเมธา ในจังหวัดชลบุรี
เชียงราย พิจิตร และอบุ ลราชธานี และร่วมงานการกุศล ได้แก่ งานอาสากาชาด
และอื่น ๆ ตามแต่จะมีเวลา ดังน้ัน ภาควิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ได้มอบรางวัลศิษย์เก่าดเี ดน่ ใหแ้ ก่นางชโลมใจ เมือ่ พ.ศ.
๒๕๔๑”
ศึกษานิเทศก์ท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้เขียนถึงนางชโลมใจไว้ใน
หนงั สอื อนุสรณ์งานพระราชทานเพลงิ ศพ นางชโลมใจ ภงิ คารวัฒน์ ขอกลา่ วถงึ
บางคน ดงั น้ี
นางสพุ รรณี มเี ทศน์ อดตี ศกึ ษานเิ ทศกเ์ ชย่ี วชาญ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา
ประถมศึกษานนทบุรี เขต ๑ ซง่ึ เดิมเป็นศกึ ษานิเทศก์ ส�ำนกั งานคณะกรรมการ
การประถมศึกษาแห่งชาติ เขียนว่า

94 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

ศน.ชโลมใจใครใครร ู้ พเ่ี ป็นผเู้ ชีย่ วชาญการศกึ ษา
เป็นคนเก่งคนดมี ีเมตตา งามสง่าทงั้ สว่ นตัวและการงาน
เป็นคนตรงคนซือ่ ถือคำ� มน่ั ผสู้ ร้างสรรค์ความรกั สมัครสมาน
เปน็ ศน. สปช. ตอ่ เนื่องนาน มผี ลงานครอู าจารย์กล่าวขานชม...
เป็นคนมีน้ำ� ใจใสสะอาด เปน็ คนเก่งคนสามารถคนเหมาะสม
ท้งั เพอื่ นพอ้ งน้องพี่ทีน่ ิยม คนแหลมคมพดู ชดั ตามความเปน็ จรงิ

นายสมชาย เอี่ยวสกุล อดีตผู้อ�ำนวยการกลุ่มนิเทศและติดตามผลการ
จัดการศึกษา ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต ๑ ซึ่งเดิม
เป็นศึกษานเิ ทศก์ ส�ำนักงานการประถมศึกษาจงั หวัดยะลา เขียนวา่

เปน็ หญงิ เก่งแกร่งกลา้ น่ายกยอ่ ง ผู้แคลว่ คล่องนิเทศงานการศึกษา
คนพดู จริงท�ำจรงิ องิ ค้นคว้า เขียนต�ำราให้เห็นเป็นรปู ธรรม
ผู้เชย่ี วชาญการนิเทศวิเศษย่งิ ทดลองจรงิ ประชาธปิ ไตยไมถ่ ล�ำ
องคก์ รดมี หี ลักการงานแผนน�ำ ต้องจดจ�ำชโลมใจไมล่ ืมเลอื น

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน คือ ประถมาภรณ์
มงกฎุ ไทย ทวตี ยิ าภรณช์ ้างเผอื ก และเหรยี ญจักรพรรดมิ าลา
นางชโลมใจสมรสกบั นายบำ� รงุ รกั ภงิ คารวฒั น์ มบี ตุ ร ๒ คน คอื นางสาวชญานชุ
และนางสาวบศุ รินทร์ ภงิ คารวัฒน์
นางชโลมใจปว่ ยดว้ ยโรคกล้ามเน้อื อ่อนแรง รักษาทโี่ รงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์
ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ ตน้ มา และถงึ แกอ่ นจิ กรรม เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๔
สิรอิ ายุ ๗๘ ปี ๔ เดอื น ๒๒ วัน

นางสาวเออ้ื งฟา้ สมบัติพานิช ผู้เรยี บเรยี ง
ประวตั ิครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ 95

ครู ผู ้บริหาร และศกึ ษานิเทศก์

ข้อมูลอ้างองิ

๑. เอกสาร
๑.๑ หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์ชโลมใจ ภิงคารวัฒน์ วันท่ี ๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ เมรุวัดธาตทุ อง พระอารามหลวง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
๑.๒ ชโลมใจ ภงิ คารวฒั น์ และอทุ ยั บญุ ประเสรฐิ . (๒๕๒๘). หลักและแนวทางในการ
จัดนิเทศภายในสำ� หรบั โรงเรยี นประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : รุ่งเรอื งสาสน์ การพิมพ.์
๑.๓ ชโลมใจ ภงิ คารวฒั น.์ (๒๕๓๙). การนเิ ทศภายในโรงเรยี นประถมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ :
แพร่พทิ ยา.
๑.๔ ชโลมใจ ภิงคารวัฒน์ และสุรพล หวังดี. (๒๕๓๑). ระบบข้อมูลและสารสนเทศ
เพอื่ พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : ร่งุ เรืองสาส์นการพมิ พ์.
๒. ผใู้ หข้ อ้ มูลเพ่ิมเตมิ ประกอบด้วย ผู้บรหิ ารของหนว่ ยงาน ศึกษานเิ ทศก์ ผู้บรหิ ารโรงเรยี น
และบุคลากรที่เกย่ี วขอ้ ง ดงั น้ี
๒.๑ นายพิสิษฐ์ ศิวิลัย อดตี รองเลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน
๒.๒ นางเบญจลักษณ์ น้ำ� ฟ้า อดตี รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
๒.๓ นางเอมอร สรอ้ ยสวุ รรณ อดตี ศกึ ษานเิ ทศกช์ ำ� นาญการพเิ ศษ สำ� นกั งานคณะกรรมการ
การประถมศกึ ษาแห่งชาติ
๒.๔ นางสาวผอ่ งพรรณ เอกอาวธุ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ศนู ยพ์ นั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยชี วี ภาพแหง่ ชาติ สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
แห่งชาติ
๒.๕ นางสาวจงรักษ์ รัตนวิฑูรย์ อดีตผู้อ�ำนวยการกลุ่มนิเทศและติดตามผลการ
จดั การศกึ ษา สำ� นักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาน่าน เขต ๑
๒.๖ นางสาวดวงเดือน สุคันธมาลย์ อดีตศึกษานิเทศก์ช�ำนาญการพิเศษ ส�ำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต ๑
๒.๗ นายสมชาย เอีย่ วสกลุ อดีตผอู้ ำ� นวยการกล่มุ นิเทศและตดิ ตามผลการจัดการศึกษา
ส�ำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษายะลา เขต ๑
๒.๘ นายสกล รงุ่ โรจน์ อดตี ผอู้ ำ� นวยการเชย่ี วชาญ โรงเรยี นวดั บางพลใี หญก่ ลาง สำ� นกั งาน
เขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต ๒
๒.๙ นายวิจติ ร ศศวิ จั นไ์ พสฐิ อดีตผอู้ �ำนวยการเชยี่ วชาญ โรงเรยี นบ้านปรางค์ ส�ำนกั งาน
การประถมศกึ ษาอำ� เภอปวั จงั หวดั น่าน
๒.๑๐ นางสาวบุศรินทร์ ภิงคารวัฒน์ บุตร ผู้อ�ำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารความเสี่ยง
บริษทั หลักทรัพย์ เคจไี อ (ประเทศไทย) จำ� กดั (มหาชน)

96 ประวัติครู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖

นายบุญธรรม แก้วสาร

พ.ศ. ๒๔๙๒–๒๕๕๐

นายบุญธรรม แกว้ สาร เกดิ ท่คี มุ้ บา้ นโพธ์ิ ตำ� บลทงุ่ แต้ อำ� เภอยโสธร ๑
จังหวดั อุบลราชธานี เม่อื วันท่ี ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นบุตรของ
นายทา และนางบา แก้วสาร เป็นน้องสุดท้องในจ�ำนวนพ่ีน้อง ๑๑ คน
ทุกคนถึงแก่กรรมแล้ว คือ นายบุพผา นางสาวทุมมา นางสาวจ�ำปา
นายทองดี นายบุญมี นายบุญศรี นายชารี นางสาวจำ� ปี รวมทงั้ เดก็ ชายเบอร์
และเด็กชายทองสขุ แก้วสาร ซ่ึงถงึ แกก่ รรมในวยั เยาว์

๑ เมอ่ื วนั ที่ ๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ไดม้ ปี ระกาศแยกอำ� เภอ รวม ๖ อำ� เภอ จากจังหวดั อบุ ลราชธานี
จัดตง้ั เปน็ จงั หวัดยโสธร

ครู ผู บ้ รหิ าร และศกึ ษานิเทศก์

ด้านการศึกษา ไม่อาจระบุปีการศึกษาได้ชัดเจน แต่ล�ำดับการศึกษาได้ว่า
จบประถมศึกษาปีที่ ๗ จากโรงเรียนอรุณรัตน์วิทยาคม จังหวัดอุบลราชธานี
จบมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (มศ.๓) โรงเรียนอัสสละฟียะฮ์วิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
หลังจากนั้น ได้ศึกษาต่อท่ีโรงเรียนฝึกหัดครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ (ปัจจุบันคือ
มหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ)์ ได้รบั ประกาศนียบัตร
วชิ าการศึกษา (ป.กศ.) ต่อมาสอบไดป้ ระกาศนียบัตรประโยคครพู เิ ศษมัธยม (พ.ม.)
กระทรวงศึกษาธิการ ขณะเป็นครูสอนท่ีโรงเรียนทวีวัฒนาซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน
แห่งหนึ่งในเขตยานนาวา เมื่อเข้ารับราชการครูแล้วได้ศึกษาต่อท่ีมหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (ปัจจุบันยุบรวมเข้ากับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เมอื่ พ.ศ. ๒๕๓๖) จบการศกึ ษาบณั ฑติ (กศ.บ.) วชิ าเอกภาษาไทย ตอ่ มาไดศ้ กึ ษาตอ่
ระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จบการศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.)
วชิ าเอกการบริหารการศึกษา
นายบญุ ธรรมเริม่ รับราชการ พ.ศ. ๒๕๑๕ ในต�ำแหนง่ ครูตรี โรงเรยี นประถม
นนทรี กรงุ เทพมหานคร สงั กดั กรมสามญั ศกึ ษา (ปจั จบุ นั คอื สำ� นกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน) พ.ศ. ๒๕๑๘ ด�ำรงต�ำแหน่งอาจารย์ ๑ โรงเรียนเดิม ต่อมา
พ.ศ. ๒๕๒๒ ไดย้ า้ ยไปทีโ่ รงเรียนวดั อมรินทราราม และดำ� รงตำ� แหนง่ อาจารย์ ๒
ในปเี ดียวกนั
98 ประวัตคิ รู ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖


Click to View FlipBook Version