151
การจดั การเรยี นรู้
การจดั การเรียนรเู้ ปน็ กระบวนการสำคญั ในการนำหลักสูตรสูก่ ารปฏิบตั ิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น
เป้าหมายสำหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝัง
เสริมสร้างคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสำคัญใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย
๑. หลกั การจดั การเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจดั การเรียนรตู้ ้องสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพ คำนึงถึงความ
แตกต่างระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม
๒. กระบวนการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น
เครอ่ื งมอื ทีจ่ ะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสตู ร กระบวนการเรยี นรู้ที่จำเปน็ สำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการ
เรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญ
สถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง
กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรยี นรกู้ ารเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนสิ ยั
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลเุ ป้าหมายของหลักสตู ร ดังนัน้ ผสู้ อน จงึ จำเป็นต้องศึกษาทำความ
เขา้ ใจในกระบวนการเรียนรูต้ ่าง ๆ เพื่อใหส้ ามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้
พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายท่ีกำหนด
152
๔. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รียน
การจัดการเรียนรู้เพือ่ ให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท
ดังน้ี
๔.๑ บทบาทของผู้สอน
๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ที่
ท้าทความสามารถของผเู้ รียน
๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น
ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทง้ั คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการ
ทางสมอง เพ่อื นำผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย
๔) จัดบรรยากาศที่เออื้ ต่อการเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผู้เรียนให้เกิดการเรยี นรู้
๕) จดั เตรยี มและเลือกใชส้ ่ือให้เหมาะสมกับกจิ กรรม นำภูมปิ ัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยที ี่เหมาะสม
มาประยกุ ตใ์ ช้ในการจัดการเรยี นการสอน
๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผ้เู รียนด้วยวิธกี ารทีห่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาตขิ องวิชา
และระดบั พัฒนาการของผูเ้ รียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการจัดการ
เรยี นการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผ้เู รียน
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา
คำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวิธีการตา่ งๆ
๓) ลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ สรุปสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รียนร้ดู ้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นสถานการณ์ตา่ งๆ
๔) มีปฏสิ มั พนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู
๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างต่อเนือ่ ง
สื่อการเรยี นรู้
สือ่ การเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนบั สนุนการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ให้ผเู้ รียนเขา้ ถึงความรู้ ทกั ษะ
กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลาย
ประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใช้ส่ือ
ควรเลอื กให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการ และลลี าการเรียนรูท้ หี่ ลากหลายของผ้เู รยี น
153
การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี
คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง
สถานศึกษา เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา หนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้องและผูม้ ีหนา้ ท่จี ดั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ควรดำเนนิ การดงั นี้
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพือ่ การศึกษาคน้ คว้าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์
การเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถ่ิน ชมุ ชน สังคมโลก
๒. จัดทำและจดั หาสอ่ื การเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรยี น เสริมความรใู้ หผ้ ้สู อน รวมทั้งจัดหา
สง่ิ ที่มอี ยใู่ นท้องถน่ิ มาประยุกตใ์ ช้เป็นสื่อการเรียนรู้
๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ
เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผูเ้ รียน
๔. ประเมนิ คุณภาพของสอื่ การเรยี นร้ทู ีเ่ ลือกใช้อยา่ งเป็นระบบ
๕. ศึกษาค้นควา้ วจิ ัย เพอื่ พัฒนาสือ่ การเรยี นรูใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรยี นรเู้ ปน็ ระยะๆ และสมำ่ เสมอ
ในการจัดทำ การเลอื กใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรยี นรู้ทใี่ ช้ในสถานศกึ ษา ควรคำนึงถึงหลักการ
สำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ
เรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมยั ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อ
ศีลธรรม มกี ารใช้ภาษาท่ีถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอทเี่ ข้าใจง่าย และน่าสนใจ
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน
เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จน้ัน
ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ
สำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก
ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่
แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการ
ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนรอู้ ย่างเต็มตามศกั ยภาพ
154
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชัน้ เรยี น ระดับสถานศกึ ษา ระดับ
เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดงั นี้
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ
ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การ
ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน
ผู้ปกครองร่วมประเมนิ ในกรณีทีไ่ ม่ผ่านตัวชวี้ ัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ
การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมพี ัฒนาการความก้าวหน้าในการเรยี นรู้ อัน
เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา
ปรบั ปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ยี ังเป็นข้อมูลใหผ้ สู้ อนใช้ปรบั ปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งนี้โดย
สอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ัด
๒. การประเมินระดบั สถานศกึ ษา เป็นการประเมินที่สถานศกึ ษาดำเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียนของ
ผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และ
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ
เรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนใน
สถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อ
การปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจั ด
การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พืน้ ฐาน ผปู้ กครองและชุมชน
๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพ
ผลสมั ฤทธ์ขิ องผ้เู รียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนนิ การโดยเขตพืน้ ท่ีการศึกษา หรือดว้ ยความร่วมมือกับ
หน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมิน
ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนที่การศึกษา
๔. การประเมนิ ระดับชาติ เป็นการประเมินคณุ ภาพผู้เรียนในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรตู้ าม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ ูเ้ รียนทุกคนท่ีเรียน ในช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ช้นั
ประถมศึกษาปที ่ี ๖ เข้ารบั การประเมนิ ผลจากการประเมินใช้เปน็ ข้อมลู ในการเทยี บเคยี งคุณภาพการศึกษาใน
155
ระดบั ตา่ ง ๆ เพอื่ นำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเปน็ ขอ้ มลู สนับสนนุ การ
ตดั สนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข
ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตาม
สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตำ่ กลมุ่ ผเู้ รยี นท่ีมปี ญั หาดา้ นวนิ ัยและพฤตกิ รรม กลุ่มผเู้ รียนท่ปี ฏิเสธโรงเรยี น กลุม่ ผู้เรียน
ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็น
หัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและ
ประสบความสำเรจ็ ในการเรียน
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน เพ่ือใหบ้ ุคลากรทีเ่ ก่ียวข้องทุกฝ่ายถือปฏบิ ัติรว่ มกัน
เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการเรียน
การตดั สนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น คุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นนนั้ ผู้สอนต้องคำนึงถงึ การพัฒนานักเรียนแต่ละคนเป็นหลกั และต้องเก็บ
ขอ้ มูลของนักเรยี นทุกด้านอย่างสมำ่ เสมอและต่อเนื่องในแตล่ ะภาคเรยี น มีเกณฑ์ดังน้ี
(๑) ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมด
(๒) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมนิ ทุกตวั ชวี้ ดั และผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐
ของจำนวนตัวช้ีวัด
(๓) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า
(๔) ผ้เู รียนตอ้ งได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนดในการ
อา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
การให้ระดบั ผลการเรียน
๑๓.๑ การตดั สนิ ผลการเรียนรายวิชาของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลข แสดงระดับการ
เรยี นในแต่ละกล่มุ สาระ ดงั นี้
156
ระดับผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนรอ้ ยละ
๔ ผลการเรยี นดเี ยีย่ ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรียนดีมาก ๗๕ - ๗๙
๓ ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรียนดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๕๕ - ๕๙
๑ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรยี นพอใช้ ๐ - ๔๙
ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ
ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์
๑๓.๒ การประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นผา่ นและไมผ่ า่ น ถ้ากรณีทีผ่ า่ น กำหนด
เกณฑ์การตดั สนิ เป็นดีเย่ียม ดี และผา่ น
ดีเยยี่ ม หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนทมี่ ีคณุ ภาพดี
เลศิ อยเู่ สมอ
ดี หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนท่ีมคี ุณภาพเป็นที่
ยอมรบั
ผา่ น หมายถงึ มีผลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น ที่มีคณุ ภาพ
เปน็ ทย่ี อมรับ แตย่ ังมีข้อบกพร่องบางประการ
ไมผ่ า่ น หมายถงึ ไมม่ ผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน หรือถา้
มีผลงาน ผลงานนั้นยงั มขี ้อบกพร่องทต่ี ้องได้รับการปรับปรุงแกไ้ ขหลายประการ
๑๓.๓ การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ รวมทุกคุณลกั ษณะเพือ่ การเล่ือนชัน้ และจบ
การศกึ ษา เปน็ ผ่านและไม่ผา่ น ในการผา่ น กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดเี ยย่ี ม ดี และผ่าน และความหมาย
ของแตล่ ะระดับ ดงั น้ี
ดีเยีย่ ม หมายถงึ ผู้เรยี นปฏิบตั ติ นตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันเพอ่ื
ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเยยี่ ม จำนวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่
มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดบั ดี
ดี หมายถึง ผูเ้ รียนมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑ์ เพื่อใหเ้ ป็นการยอมรับของสังคมโดย
พจิ ารณาจาก
157
๑) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยี่ยมจำนวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการ
ประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ดี หรือ
๒) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี เยี่ยมจำนวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ผ่านหรือ
๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผลการประเมนิ
ต่ำกวา่ ระดับผา่ น
ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่สถานศึกษากำหนด โดยพิจารณา
จาก
๑) ไดผ้ ลการประเมินระดับผา่ น จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดได้ผลการ
ประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับผา่ น หรือ
๒) ไดผ้ ลการประเมินระดับดี จำนวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตำ่
กว่าระดับผา่ น
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผ้เู รยี นรับรู้และปฏบิ ตั ไิ ด้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไม่ผ่านตั้งแต่ ๑ คณุ ลักษณะ
๑๓.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาท้ังเวลาการเข้ารว่ มกิจกรรมการปฏบิ ัติ
กจิ กรรมและผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑท์ ่ีโรงเรยี นกำหนดและใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผา่ น และไม่ผ่านให้ใช้
ตวั อกั ษรแสดงผลการประเมิน ดงั นี้
“ผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ปฏบิ ัติ
กจิ กรรมและมผี ลงานเปน็ ที่ประจกั ษ์
“มผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ปฏบิ ัติกจิ กรรมและมีผลงาน
ไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด
ในกรณีทผี่ เู้ รยี นได้ “มผ” ครูผ้ดู แู ลกิจกรรมต้องจดั ซ่อมเสริมให้ผูเ้ รียนทำกิจกรรมในส่วนท่ผี ูเ้ รียน
ไม่ไดเ้ ข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลีย่ นผลการเรยี นจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ ทงั้ นี้ ตอ้ งดำเนนิ การ
ใหเ้ สร็จส้ินภายในปกี ารศกึ ษานัน้ ยกเวน้ มเี หตุสดุ วสิ ัยห้อยูใ่ นดุลยพนิ ิจของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ีไดร้ ับ
มอบหมาย
การเลอื่ นช้นั
เม่ือสน้ิ ปกี ารศึกษา ผเู้ รยี นจะไดร้ ับการเล่ือนชนั้ เมื่อมีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้เรียนต้องมเี วลาเรียนไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด
158
(๒) ผูเ้ รยี นต้องได้รบั การประเมนิ ทกุ ตัวช้วี ดั และผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของจำนวน
ตวั ชี้วดั
(๓) ผูเ้ รียนต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นทุกรายวิชา ไมน่ อ้ ยกวา่ ระดับ
“ ๑ ” จึงจะถือว่าผา่ นเกณฑ์ตามที่สถานศกึ ษากำหนด
(๔) นักเรียนต้องไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน
ในระดบั “ ผา่ น ” ขนึ้ ไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดบั “ ผ่าน ” ขน้ึ ไป และมีผลการ
ประเมนิ กิจกรรมพัฒนานกั เรียน ในระดบั “ ผ่าน ”
ทงั้ น้ี ถ้าผู้เรยี นมีข้อบกพร่องเพยี งเล็กน้อย และพิจารณาเห็นว่าสามารถพฒั นาและสอน
ซอ่ มเสริมไดใ้ ห้อย่ใู นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาท่จี ะผ่อนผันให้เลื่อนช้นั ได้
อน่ึง ในกรณีทีผ่ ู้เรียนมีหลกั ฐานการเรยี นรทู้ ีแ่ สดงวา่ มคี วามสามารถดเี ลศิ สถานศึกษาอาจใหโ้ อกาส
ผเู้ รียนเลื่อนชน้ั กลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบดว้ ยฝ่ายวิชาการของสถานศกึ ษา
และผแู้ ทนของเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาหรือต้นสังกดั ประเมนิ ผเู้ รียนและตรวจสอบคุณสมบัตใิ หค้ รบถ้วนตามเงื่อนไขทงั้
๓ ประการต่อไปนี้
๑. มีผลการเรียนในปีการศกึ ษาทีผ่ ่านมาและมผี ลการเรยี นระหว่างปีทกี่ ำลังศกึ ษาอยูใ่ นเกณฑด์ ี
เย่ยี ม
๒. มวี ุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเรียนในช้ันท่ีสงู ขน้ึ
๓. ผา่ นการประเมนิ ผลความร้คู วามสามารถทุกรายวิชาของชน้ั ปีท่เี รยี นปัจจบุ นั และความรู้
ความสามารถทกุ รายวชิ าในภาคเรียนแรกของชนั้ ปีทจ่ี ะเล่ือนขึน้
การอนุมัตใิ หเ้ ลื่อนชั้นกลางปกี ารศกึ ษาไปเรยี นชน้ั สงู ข้ึนได้ ๑ ระดับชนั้ นี้ ตอ้ งได้รบั การยนิ ยอม
จากผู้เรียนและผปู้ กครองและตอ้ งดำเนนิ การให้เสรจ็ สิน้ ก่อนเปดิ ภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศกึ ษาน้นั สำหรบั ใน
กรณที ่ีพบวา่ มีผูเ้ รียนกลุ่มพิเศษประเภทต่างๆ มีปญั หาในการเรยี นรใู้ ห้สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกับสำนกั งานเขต
พ้นื ที่การศึกษาเฉพาะความพิการหาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา
การสอนซอ่ มเสริม
การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณที ่ีผู้เรยี นมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ
หรอื คุณลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด จะต้องจัดสอนซอ่ มเสริมเพอื่ พัฒนาการเรียนรขู้ องผู้เรยี นเต็มตาม
ศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนเพ่ือแก้ไขขอ้ บกพร่องกรณที ่ผี ้เู รยี นมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ
หรือเจตคต/ิ คุณลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด สถานศกึ ษาต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เปน็ กรณี
159
พเิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกติเพื่อพัฒนาให้ผเู้ รยี นสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัดท่ี
กำหนดไวเ้ ปน็ การใหโ้ อกาสแก่ผูเ้ รยี นได้เรยี นรแู้ ละพัฒนา โดยจดั กิจกรรมการเรยี นร้ทู ่หี ลากหลายและตอบสนอง
ความแตกต่างระหว่างบุคคล
การเปลยี่ นผลการเรยี น
การเปลี่ยนผลการเรียน“๐”
สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั ที่ผูเ้ รียนสอบไมผ่ ่านก่อน
แล้วจึงสอบแกต้ วั ได้ไม่เกิน ๒ คร้งั ถ้าผเู้ รยี นไม่ดำเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาทสี่ ถานศกึ ษากำหนดให้อยู่ใน
ดุลยพินจิ ของสถานศึกษาทจี่ ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ ง
ดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศกึ ษานั้น
ถ้าสอบแก้ตัว ๒ คร้ังแลว้ ยงั ได้ระดบั ผลการเรยี น “๐” อีก ใหส้ ถานศึกษาแตง่ ตั้ง
คณะกรรมการดำเนนิ การเกี่ยวกบั การเปล่ยี นผลการเรียนของผูเ้ รยี นโดยปฏิบตั ดิ งั นี้
๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพ้ืนฐานให้เรียนซ้ำรายวิชาน้ัน
๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพิ่มเติมให้เรยี นซำ้ หรอื เปลย่ี นรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังนใี้ หอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจ
ของสถานศกึ ษา ในกรณีท่เี ปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทน
รายวชิ าใด
การเปลี่ยนผลการเรยี น“ร”
การเปล่ียนผลการเรยี น“ร” ใหด้ ำเนนิ การดังนี้ ให้ผู้เรยี นดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อ
ผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ ๐-๔) ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการแก้ไข “ร”
กรณีที่ส่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมินระหว่างภาคเรียนและปลายภาคให้ผู้สอนนำข้อมูลที่มีอยู่ตัดสินผลการ
เรียนยกเวน้ มเี หตุสุดวสิ ยั ให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของสถานศึกษาทีจ่ ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาค
เรียนสำหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้วให้เรียนซ้ำ
หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนินการแกไ้ ขตามหลักเกณฑ์
การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส”
การเปล่ยี นผลการเรียน“มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้
๑) กรณีผเู้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐
แต่มเี วลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานน้ั ใหจ้ ัดใหเ้ รยี นเพิม่ เตมิ โดยใชช้ วั่ โมงสอนซ่อม
เสริมหรือใช้เวลาว่าง หรือใช้วันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำจนมีเวลาเรียนครบตามที่กำหนดไว้สำหรับรายวิชา
นน้ั แล้วจึงใหว้ ัดผลปลายภาคเปน็ กรณีพิเศษ
160
ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดบั ผลการเรยี นไม่เกิน “๑” การแก้
“มส” กรณีนี้ให้กระทำให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียน ไม่มาดำเนินการแก้
“มส” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ให้เรียนซ้ำ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยาย
เวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น แต่เมื่อพน้ กำหนดนี้แลว้ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังนี้
(๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพ้นื ฐานให้เรยี นซำ้ รายวชิ าน้นั
(๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยน
รายวชิ าเรยี นใหม่
๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน
ท้ังหมดใหส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ การดงั น้ี
(๑) ถา้ เป็นรายวิชาพืน้ ฐานให้เรยี นซำ้ รายวชิ านนั้
(๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยน
รายวิชาเรยี นใหม่ ในกรณที เี่ ปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหม่ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทนรายวิชา
ใด
การเรียนซ้ำรายวชิ า ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้วไม่ผ่านเกณฑ์การ
ประเมินให้เรียนซ้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำในช่วงใดช่วงหนึ่งท่ี
สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พกั กลางวนั วันหยุด ชัว่ โมงวา่ งหลังเลิกเรียน ภาคฤดรู ้อนเป็นตน้
ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนินการให้เสร็จส้นิ
ก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรียนของ
ผเู้ รียนได้
การเปลีย่ นผล“มผ”
กรณที ่ีผูเ้ รยี นได้ผล “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรยี นทำกิจกรรมในส่วนทผ่ี ู้เรียนไม่ได้เข้า
ร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาค
เรียนนั้น ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๑
ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ต้องดำเนนิ การให้เสรจ็ สิ้นภายในปีการศกึ ษาน้นั
การเรยี นซ้ำชน้ั
ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรีย นในระดับชั้นที่สูงขึ้น
สถานศึกษา ต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถ
ของผเู้ รยี นเป็นสำคัญ
161
ผเู้ รยี นท่ีไมม่ คี ณุ สมบัติตามเกณฑก์ ารเลือ่ นช้นั สถานศกึ ษาควรให้เรียนซ้ำช้นั ทงั้ น้ี สถานศึกษาอาจ
ใชด้ ุลยพนิ จิ ให้เลื่อนชน้ั ได้ หากพิจารณาวา่ ผูเ้ รียนมีคุณสมบตั ขิ อ้ ใดข้อหนึ่ง ดงั ต่อไปนี้
๑) มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเนื่องจากสาเหตุจำเป็นหรือเหตุสุดวิสัย แต่มีคุณสมบัติ
ตามเกณฑก์ ารเลือ่ นชน้ั ในขอ้ อืน่ ๆ ครบถว้ น
๒) ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่สถานศึกษา
กำหนดในแต่ละรายวิชา แต่เห็นว่าสามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษานั้น และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การ
เล่อื นช้นั ในขอ้ อื่น ๆ ครบถ้วน
๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม
ศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรมอยู่ในระดบั ผ่าน
กอ่ นทีจ่ ะใหผ้ ู้เรียนเรยี นซำ้ ชน้ั สถานศึกษาต้องแจ้งใหผ้ ู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของการ
เรียนซำ้ ชน้ั
เอกสารหลกั ฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศทีเ่ กี่ยวข้องกับ
พัฒนาการของผู้เรียนในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน
ตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ
สถานศกึ ษา และผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น สถานศึกษาจะตอ้ งบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ผู้เรียน
เป็นรายบคุ คล เม่ือผูเ้ รียนจบการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา
๑.๓ แบบรายงานผูส้ ำเรจ็ การศกึ ษา เปน็ เอกสารอนุมัติการจบหลักสตู รโดยบันทึกรายช่ือและข้อมูล
ของผูจ้ บการศกึ ษาระดับประถมศึกษา
๒. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่สี ถานศกึ ษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับผู้เรียน
เชน่ แบบรายงานประจำตวั นักเรียน แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจำรายวชิ า ระเบยี นสะสม ใบรับรองผลการเรียน
และ เอกสารอ่นื ๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้
การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศกึ ษาสามารถเทียบโอนผลการเรยี นของผเู้ รยี นในกรณตี า่ งๆไดแ้ ก่ การย้ายสถานศกึ ษา การเปลี่ยน
รูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศ
162
และขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้
อน่ื ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชพี การจัดการศกึ ษาโดยครอบครวั
การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดำเนินการในช่วงก่อนเปดิ ภาคเรยี นแรก หรอื ต้นภาคเรยี นแรก ท่ี
สถานศกึ ษารับผขู้ อเทียบโอนเป็นผ้เู รยี น ทงั้ นี้ ผเู้ รียนทไ่ี ดร้ ับการเทยี บโอนผลการเรียนตอ้ งศกึ ษาต่อเนื่องใน
สถานศกึ ษาทีร่ ับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาท่รี ับผเู้ รียนจาก
การเทยี บโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหน่วยกิตทจ่ี ะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม
การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั นี้
๑. พจิ ารณาจากหลกั ฐานการศึกษา และเอกสารอ่นื ๆ ที่ใหข้ ้อมลู แสดงความรู้ ความสามารถของผู้เรยี น
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผูเ้ รยี นโดยการทดสอบด้วยวิธีการตา่ งๆ ทั้งภาคความร้แู ละ
ภาคปฏิบตั ิ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติในสภาพจริง
การเทียบโอนผลการเรียนให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
การบรหิ ารจัดการหลกั สูตร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ทอ้ งถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลกั สูตรน้ัน
หนว่ ยงานต่างๆ ทเี่ กยี่ วข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดบั ท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี
และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้การดำเนนิ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจดั การเรียนการสอนของสถานศกึ ษามีประสิทธิภาพสูงสุด
อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในระดับชาติคุณภาพของของ
ผู้เรยี นทีส่ ำคัญ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ระดบั ทอ้ งถนิ่ ได้แก่ สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา หน่วยงานต้นสงั กัดอ่นื ๆ เป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาทใน
การขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่
กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ
สถานศกึ ษา ส่งเสริมการใชแ้ ละพัฒนาหลักสูตรในระดบั สถานศึกษา ให้ประสบความสำเรจ็ โดยมภี ารกิจสำคญั คือ
กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็น
ความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมทั้ง
เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล
ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผู้เรียน
สถานศกึ ษามีหน้าท่ีสำคัญในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนนิ การใช้หลกั สูตร การ
เพม่ิ พูนคุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวิจยั และพัฒนา การปรบั ปรงุ และพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบการวัดและ
163
ประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พืน้ ฐาน และรายละเอยี ดทีเ่ ขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา หรอื หนว่ ยงาน สงั กดั อ่ืนๆ ในระดับทอ้ งถิน่ ได้จดั ทำเพิ่มเติม รวมทั้ง
สถานศกึ ษาสามารถเพิม่ เติมในสว่ นทเ่ี กยี่ วกบั สภาพปญั หาในชมุ ชนและสงั คม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน และความตอ้ งการ
ของผูเ้ รียน โดยทุกภาคส่วนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา
164
ภาคผนวก
- คำสัง่ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู ร
- ประกาศท่เี กย่ี วข้อง
165
คำสง่ั สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๓
ที่ / ๒๕๖๑
เรื่อง แตง่ ต้งั คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน
โรงเรยี นบา้ นหนองวดั ป่า
*********************************
เพ่ือให้การบรหิ ารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพสอดคล้อง
กับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๔ มาตรา ๒๗ ที่กำหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมี
หนา้ ทีจ่ ัดทำสาระของหลักสูตรเพ่ือความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมืองท่ีดีของชาติ การดำรงชีวติ และการประกอบ
อาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพของปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ และสอดคล้องกับ
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.
๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรยี นบ้านหนองวดั ปา่ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ดงั น้ี
๑. นายสะอาด อุตมรตั น์ ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษา ประธานกรรมการ
๒. นางสาวน้ำฝน เขนเขยี ว หัวหนา้ การเรยี นรู้ปฐมวัย กรรมการ
๓. นางปาริชาติ หมืน่ ไธสง หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ กรรมการ
๔. นางสาวนงเยาว์ ประโมนะกงั หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ กรรมการ
๕. นางอมรรัตน์ แกว้ พรหม หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษาฯ กรรมการ
๖. นางอภญิ ญดา ภทั รบัวพฒุ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา กรรมการ
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
๗. นางสาวอมรา ไชยศกึ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพฯ กรรมการ
๘. นายสีดา เทยี บอนุ่ ผู้อำนวยการโรงเรียน 166
๙. นางภรชนนั ท์ สุวรรณชาติ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย กรรมการ/เลขานกุ าร
กรรมการ/ผู้ช่วยเลขานุการ
คณะกรรมการดำเนินการ มหี นา้ ทแ่ี ละดำเนนิ การจดั การตามขน้ั ตอนท่ีกำหนด ดงั นี้
๑. วางแผนการดำเนินงานวิชาการ กำหนดสาระรายละเอียดของหลักสูตรระดับสถานศึกษาและ แนว
ทางการจัดสัดส่วนสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) และสภาพเศรษฐกิ จ สังคม
ศลิ ปวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน
๒. จัดทำคู่มือการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กำกับ ติดตาม ให้คำปรึกษา
เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสตู ร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให้สอดคลอ้ งและ
เปน็ ไปตามหลกั สตู รการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
๓. สง่ เสริมและสนบั สนนุ การพัฒนาบุคลากรเกยี่ วกับการพฒั นาหลกั สตู ร การจัดกระบวน การเรยี นรู้ การวัดและ
ประเมินผลและการแนะแนวใหเ้ ป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดำเนินการของหลักสตู ร
๔. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพื่อให้การใช้หลักสูตรเป็นไป
อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและมคี ุณภาพ
๕. ประชาสัมพนั ธห์ ลกั สูตรและการใช้หลกั สูตรแก่นกั เรียน ผูป้ กครอง ชมุ ชนและผู้เกยี่ วขอ้ งและนำข้อมูล
ปอ้ นกลับจากฝ่ายตา่ ง ๆ มาพจิ ารณาเพอื่ ปรับปรุงและพัฒนาหลกั สตู รของสถานศึกษา
๖. สง่ เสริมสนับสนนุ การวิจยั เกีย่ วกบั การพฒั นาหลกั สูตร และกระบวนการเรียนรู้
๗. ติดตามผลการเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล ระดับชั้น และช่วงชั้น ระดับวิชา กลุ่มวิชา ในแต่ละปี
การศกึ ษา เพอ่ื ปรับปรงุ แกไ้ ข และพัฒนาการดำเนนิ งานดา้ นต่าง ๆ ของสถานศกึ ษา
๘. ตรวจสอบทบทวน ประเมินมาตรฐาน การปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับ
สถานศึกษาในรอบปีที่ผ่านมา แล้ว ใช้ผลการประเมิน เพื่อวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหาร
หลักสตู รปกี ารศึกษาต่อไป
๙. รายงานผลการปฏบิ ัตงิ านและผลการบริหารหลักสูตรของสถานศึกษา โดยเน้นผลการพัฒนาคุณภาพ
นักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือสถานศึกษา
สาธารณชน และผูเ้ ก่ยี วขอ้ ง
๑๐. ใหด้ ำเนินการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยภาคเรียนละ ๒ คร้ัง
167
ทั้งนี้ให้ผูไ้ ด้รับการแตง่ ตั้งปฏบิ ตั ิหน้าทีท่ ี่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถปุ ระสงค์
ท่ตี ั้งไว้ ตงั้ แต่บดั นเี้ ป็นต้นไป
ส่ัง ณ วันที่ ๑๕ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
(ลงชอื่ )
( นายสนอง สดุ สะอาด )
ผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๓