ม.4-5 แผนการจัดการเรียนรู้
ว30193 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ ิกส)์
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
นางสาวสริ ภัทร เสาร์ท้าว
โรงเรียนเตรียมอดุ มศกึ ษาพัฒนาการ สระบุรี
สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสระบรุ ี
บนั ทึกข้อความ
สว่ นราชการ โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ สระบุรี
ท่ี ศธ ๐๔๓๔๒.๐๕/ วันที่ ๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๕
เรื่อง สง่ และขออนญุ าตใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้
เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศกึ ษาพฒั นาการ สระบุรี
เนื่องด้วยข้าพเจา้ นางสาวสิรภัทร เสารท์ า้ ว ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศึกษาพฒั นาการ
สระบุรี ซึ่งปฏิบตั หิ น้าทีค่ รูผูส้ อนกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ได้จัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้และมี
ความประสงค์ขออนญุ าตใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ในรายวชิ าวิทยาศาสตร์กายภาพ ๒ (ฟิสกิ ส์) รหสั ว๓๐๑๙๓ ภาค
เรยี นที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต เวลา ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ รวมเวลา ๖๐ ชัว่ โมง/ภาคเรยี น ใน
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ และ ๕ จำนวนแผนการจัดการเรยี นรู้ ๑๘ แผน ดงั เอกสารท่ีแนบมาพร้อมน้ี
จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบและโปรดพิจารณาอนุญาตให้ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอนต่อไป
ลงชื่อ..………………………….……………….
(นางสาวสิรภทั ร เสาร์ทา้ ว)
ตำแหนง่ ครูผ้ชู ว่ ย
โรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี
ความเห็นหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ความเหน็ หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
………………………………………………………….…………… …………………..…………………………………………………
…………………………………………………………….………… ……….…………………………………….………………………
ลงชอื่ …………….…………………………….. ลงช่อื ………………………………………..
(นางสาวสุกัญญา หมื่นยงิ่ ) (นางยพุ นิ หอมสุข)
……./………./……….. ……./………./………..
ความเห็นผอู้ ำนวยการ
…………………..…………………………………………………
……….…………………………………….………………………
ลงช่ือ……..……………………………..
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกูล)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบรุ ี
……./………./………..
ก
คำนำ
แผนการสอนทีจ่ ดั ทำขึ้นนีเ้ พ่ือใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเรยี นการสอนรายวชิ าวทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ ๒
(ฟสิ กิ ส)์ รหัส ว๓๐๑๙๓ โดยเนน้ จดั การเรยี นการสอนเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน
พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) ตามสาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้
จดั ทำคำอธิบายรายวชิ า กำหนดเวลาเรยี น นำ้ หนกั คะแนน กำหนดทกั ษะกระบวนการในการเรียนการสอน สื่อการ
สอน แหลง่ เรยี นรู้ หนังสืออา่ นประกอบ แหลง่ ข้อมลู ตลอดจนการวดั และประเมินผลการเรียนการสอน
แผนการจัดการเรยี นรูฉ้ บบั นี้ เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้
มัธยมศึกษาปีที่ ๔ และ ๕ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์กายภาพ ๒ รหสั ว๓๐๑๙๓ จัดทำเพอ่ื สะดวกต่อการจดั กิจกรรมการ
เรียนการสอน สามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ไดท้ ุกปีการศึกษา ผทู้ จ่ี ะนำไปใชค้ วรศกึ ษารายละเอยี ดของแผนการจัดการ
เรียนรู้ให้เข้าใจก่อนนำไปใชจ้ รงิ ซึ่งจะเปน็ ประโยชน์สำหรับครูผู้สอนในการพฒั นาคุณภาพการเรียนรูแ้ ละผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นของนักเรียนโรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ สระบุรี สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา
สระบุรี
ผู้จดั ทำหวังเปน็ อย่างย่งิ วา่ แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้จี ะช่วยให้การเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ และ ๕ ดำเนนิ ไปดว้ ยดี และทำใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามสามารถ มี
ทกั ษะกระบวนการและมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ตรงตามจุดมงุ่ หมายของหลักสตู รตอ่ ไป
นางสาวสิรภัทร เสารท์ ้าว
ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย
โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ สระบุรี
สารบัญ ก
คำนำ หนา้
สารบญั ก
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 การเคลือ่ นทแี่ นวตรง ข
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 แรงและกฎการเคลื่อนทข่ี องนวิ ตัน 1
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 การเคลือ่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 การเคลอื่ นที่แบบสน่ั
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 แรงจากสนามโนม้ ถ่วง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 แรงจากสนามไฟฟา้
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 แรงจากสนามแม่เหลก็
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 แรงจากสนามแม่เหล็ก 2
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 แรงในนวิ เคลยี ส
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 พลงั งานในชวี ิตประจำวัน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 พลังงานนวิ เคลียร์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 13 เทคโนโลยีดา้ นพลังงาน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 14 คลน่ื กล
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 15 เสยี ง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16 เสยี ง 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17 คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 ประโยชนข์ องคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 และ 5
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แรงและการเคลอ่ื นที่ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
เรื่อง การเคล่อื นทแ่ี นวตรง เวลา 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการ
เคลอื่ นที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 2.2 ม.4-6/1 วิเคราะหแ์ ละแปลความหมายข้อมลู ความเร็วกับเวลาของการเคลื่อนที่ของวตั ถุ เพอ่ื
อธบิ ายความเร่งของวตั ถุ
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
2.1 นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของการเคล่อื นท่ีแนวตรงได้ (K)
2.2 นักเรยี นสามารถบอกนิยามของปริมาณตาง ๆ ทเี่ ก่ยี วของกับการเคล่อื นท่ีแนวตรงได้ (K)
2.3 นักเรียนมที ักษะการคำนวณหาปริมาณท่เี กยี่ วข้องกบั การเคลือ่ นทใี่ นแนวตรง (P)
2.4 นักเรยี นมีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น และทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
3. สาระสำคัญ
การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุทม่ี กี ารเปลยี่ นความเรว็ เปน็ การเคล่ือนทด่ี ว้ ยความเรง่ ความเรง่ เป็นอตั ราสว่ น
ของความเร็วทีเ่ ปลีย่ นไปต่อเวลาและเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ในกรณีทว่ี ัตถุทีอ่ ย่นู ่ิงหรือเคล่ือนทใี่ นแนวตรงด้วย
ความเร็วคงตัววัตถนุ นั้ มีความเร่งเป็นศูนย์
วัตถมุ คี วามเรว็ เพ่ิมข้นึ ถ้าความเร็วและความเร่งมที ิศเดยี วกัน และมีความเร็วลดลง ถ้าความเร็วและ
ความเรง่ มีทิศตรงกันข้าม
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน (เขียนใหส้ อดคล้องกบั แผนน้ี)
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. เน้อื หาสาระ
การเคลื่อนที่ เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุ ผลของการเปลี่ยนตำแหน่งจะได้ขนาดความยาวของ
เส้นทางการเปล่ียนตำแหน่ง เรียกว่า ระยะทาง จึงเปน็ ปริมาณสเกลาร์ แตถ่ า้ การเปลย่ี นตำแหน่งนั้นมีทิศทาง
ที่แน่นอน คือ มีทิศจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย สิ่งที่ได้จะมีทั้งขนาดและทิศทาง
เรียกว่า การกระจดั จึงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ การเคลื่อนท่ขี องวัตถุต่างๆ เมื่อนำไปเทียบกบั เวลา จะทำให้รู้ว่า
วัตถุนั้นเคลื่อนที่เร็วหรือช้า เรียกว่า มีอัตราเร็ว หรือความเร็ว โดยอัตราเร็วคิดจากอัตราการเปลีย่ นแปลง
ระยะทาง จงึ เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ สว่ นความเร็วคดิ จากอัตราการเปลี่ยนแปลงการกระจัด และเป็นปริมาณ
เวกเตอร์ การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุใด ๆ เมอ่ื ความเร็วไม่เท่าเดิม แสดงว่ามกี ารเร่งใหว้ ตั ถุน้ันเกดิ การเปลี่ยนแปลง
ซึ่งเรียกว่า เกิดความเร่งขึ้นกับวัตถุนั้น และขนาดของความเร่งสามารถหาได้จากอัตราการเปลี่ยนแปลง
ความเร็ว ความเร่งจึงเป็นปรมิ าณเวกเตอร์
6. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น ทักษะศตวรรษที่ 21 (ใช้เฉพาะแกนหลกั 4Cs)
การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทกั ษะด้านการสือ่ สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทกั ษะดา้ นชวี ติ และอาชีพ
ความยดื หย่นุ และการปรบั ตวั
การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และการเป็นตวั ของตัวเอง
ทักษะสังคม และสังคมขา้ มวัฒนธรรม
การเปน็ ผู้สร้างหรือผ้ผู ลิต และความรับผิดชอบเชือ่ ถือได้
ภาวะผูน้ ำและความรบั ผิดชอบ
คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
คุณลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเป็นผูน้ ำ
คุณลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง
คุณลกั ษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อ่นื ความซื่อสตั ย์ สำนึกพลเมือง
7. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขียนให้สอดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในช้ันเรียน
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมดุ
- การสง่ ใบงาน
8. บรู ณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ปรัชญาของ ครู นักเรียน
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความร้มู าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รียน ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
ปรชั ญาของ ครู นักเรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตผุ ล จัดการเรียนรตู้ รงตามหลักสูตร ตวั ช้วี ดั /ผล ความคดิ เห็นได้อย่างมเี หตุผล
การเรยี นรูท้ ี่คาดหวัง นกั เรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง
มีภมู ิคุ้มกนั ใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตวั ทด่ี ี จดั การเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถจบั ใจความสำคัญ
และสรปุ องค์ความรู้จากเร่ืองทเี่ รยี นได้
เง่อื นไขความรู้ ถ่ายทอดความรูต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
เงื่อนไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล นกั เรยี นมีความใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ มน่ั ใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และช่วยเหลอื นักเรียน
ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดโดยไม่ปิดปัง เพื่อ
ความเจริญก้าวหน้าของนักเรียน
9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้ันนำ
กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็นรายบุคคลก่อน
เข้าส่กู จิ กรรม
3. ครูถามคำถามกระตุ้นว่า ในการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองลักษณะ มีปริมาณใด ที่เกี่ยวข้องกับการ
เคล่อื นที่บา้ ง และใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบคำถามปากเปล่าโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรือผิด
4. ครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนเกิดปัญหาและสืบเสาะหาความรู้เพื่อให้ได้คำตอบ โดยใช้คำถาม Big
Question จากหนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 ว่า “อะไรคือต้นเหตุสำคัญท่ที ำ
ใหว้ ัตถุสามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้”
(แนวตอบ : แรง เปน็ สิง่ ท่ีทำใหว้ ตั ถุเปลย่ี นรปู ร่าง เปล่ียนทศิ ทาง เกดิ การเคล่ือนท่ีหรือหรือหยุดนิ่ง
ได้ ซง่ึ แรงสามารถเปล่ียนความเร็วของวตั ถุได้ หรอื กล่าวไดว้ า่ แรงทำใหว้ ัตถุเกิดความเร่ง)
5. ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นจาก Understanding Check จากหนังสือเรียน
ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
(แนวตอบ : 1. ถกู 2. ผดิ 3. ผดิ 4. ถกู 5. ถูก)
6. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรียน กบั นักเรียนวา่ “การเคลอื่ นที่แนวตรงลักษณะ
ใดท่ไี ม่มีการเคล่ือนท่แี บบอน่ื ๆ”
(แนวตอบ : การเคล่ือนทีแ่ นวตรงในแนวระดบั และการเคลื่อนท่แี นวตรงในแนวด่งิ )
ข้ันสอน
สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครใู ห้นักเรียนสบื เสาะหาความรู้ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นที่แนวตรง จากหนังสือเรียน
2. ครูใช้สถานการณ์จำลองผลักรถทดลองให้เคลื่อนที่ในแนวตรงบนโต๊ะ และปล่อยลูกบอลให้ตกลงสู่
พื้นหอ้ ง แลว้ ตงั้ คำถามกับนกั เรียนวา่
• ท้ังรถทดลองและลกู บอลมีแนวการเคลือ่ นท่ีอยา่ งไร
(แนวตอบ : เคลอื่ นท่ีเปน็ แนวเสน้ ตรง)
• ลักษณะการเคลือ่ นที่ของทงั้ สองกรณีเหมือนกนั หรือแตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ : เคลอ่ื นท่เี ปน็ แนวเสน้ ตรงเหมือนกนั แต่จะตา่ งกันตรงท่ีรถทดลองจะเคลื่อนท่ีเป็น
แนวเสน้ ตรงในแนวระดบั ส่วนลกู บอลจะเคลอ่ื นท่เี ปน็ แนวเส้นตรงในแนวดิ่ง)
3. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษาปริมาณท่ีเกย่ี วข้องกับการเคลื่อนทข่ี องวตั ถใุ นส่วนของ เรอ่ื ง ระยะทางและการ
กระจัด จากหนังสอื เรยี น
4. ครพู ดู คุยซักถามเก่ยี วกบั เร่อื งระยะทางและการกระจดั พรอ้ มต้งั ประเดน็ คำถาม เพ่ือใหน้ ักเรยี น
แสดงความคดิ เหน็ เชน่
• ถ้านักเรียนเดินจากโรงเรียนกลบั บา้ นโดยท่เี ดนิ ตรงไปทางทิศใต้ 500 เมตร แลว้ เดินต่อไปทาง
ทิศตะวันออกอีก 150 เมตร แล้วเดินต่อไปทางทศิ หนืออีก 500 เมตร จึงถึงบ้าน นักเรียนคิด
ว่าระยะทางการเดินจากโรงเรียนกลับบา้ นเปน็ เท่าไร
(แนวตอบ : ระยะทางทั้งหมดเทา่ กับ 500 + 150 + 500 = 1,150 เมตร)
• จากการเดินทางกลับบา้ นของนักเรียน อยากทราบวา่ ระหว่างโรงเรยี นและบ้านของนักเรียนมี
การกระจัดเทา่ ไร
(แนวตอบ : การกระจดั เทา่ กับ 1,150 – 1,000 = 150 เมตร ในทศิ ตะวันออก)
5. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้ข้อเปรียบเทียบหรือข้อแตกต่างระหว่างระยะทางและการกระจัด
จากสื่อต่าง ๆ เช่น จากหนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต แล้วเขียนสรุปตามความเข้าใจของตนเองลง
ในสมุดบันทึกประจำตัว
6. ครูใหน้ กั เรียนวิเคราะหต์ ัวอยา่ งท่ี 1.1 จากหนงั สือเรยี น
7. ครูแจกใบงานที่ 1.1 เรื่อง ระยะทางและการกระจัด ให้นักเรียน จากนั้นมอบหมายให้นักเรียนศึกษา
และลงมือทำ
ชั่วโมงท่ี 2
ขั้นสอน
สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของวตั ถุต่อ โดยเรื่องตอ่ ไปที่จะ
ไดศ้ ึกษา คอื อัตราเร็วและความเร็ว จากหนงั สอื เรยี น
2. ครูแจกใบงานที่ 1.2 เรื่อง อัตราเร็วและความเร็ว ให้นกั เรียนนำกลับไปศึกษาเปน็ การบ้าน
3. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื อย่างสรา้ งสรรค์ จากน้ันร่วมกันสบื เสาะหรือวเิ คราะห์
ตัวอยา่ งท่ี 1.2 จากหนังสือเรียน
4. ครูสนทนากับนักเรียนว่ายงั มีอีกหนึง่ วิธีที่สามารถใช้เพือ่ หาอัตราเร็วในการเคล่ือนที่ของวตั ถุได้ คือ
การใช้เครื่องเคาะสัญญาณเวลา จากนั้นครูให้นักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เร่ือง
เครื่องเคาะสัญญาณเวลา จากหนังสือเรียน เพื่อเป็นการศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมท่ีนอกเหนือจาก
หนงั สอื เรยี น
5. ครูส่มุ นกั เรียน 8 คน โดยเลือกคนที่มีความสามารถสูง ผลการเรียนดอี ันดับต้น ๆ ของช้ันเรียน ออกมา
หนา้ ชน้ั เรยี น เพ่ือทำหนา้ ทเ่ี ปน็ หัวหน้ากลุ่ม จากนน้ั ครใู ห้นักเรียนในช้ันเรยี นทุกคนนับเลข 1-8 คน
ละ 1 เลข ตามลำดับไปเรอ่ื ย ๆ จนคนทกุ คน
6. ครสู ่มุ กำหนดเลขให้หัวหน้ากลุ่มแต่ละคน โดยไมเ่ รียงลำดบั แล้วใหน้ ักเรียนทุกคนแยกเข้ากลุ่มของ
ตนเอง ตามเลขที่แต่ละคนนับได้ จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาและลงมือปฏิบัติ
กิจกรรมการหาอตั ราเร็วเฉล่ีย จากหนงั สอื เรยี น
(หมายเหต:ุ ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )
อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูนำอภิปรายหลักในการศึกษาการเคลื่อนที่แนวตรง ตำแหน่งของวัตถุจะมีการเปลี่ยนแปลงใน
แนวเส้นตรง จึงต้องมีการบอกตำแหน่งของวัตถุและเพื่อความชัดเจน การบอกตำแหน่งของวัตถุ
จะต้องเทียบกับจุดอ้างอิงหรือตำแหน่งอ้างอิง (Reference Point) ซึ่งเป็นจุดหรือตำแหน่งที่อยู่น่งิ
เราสามารถใช้เส้นจำนวนในการบอกตำแหน่ง โดยให้จุด 0 เป็นจุดอ้างอิงได้ โดยถ้าวัตถอุ ยู่ห่างจาก
จุดอ้างอิงไปทางขวา ใช้เครื่องหมายเป็นบวก (+) แต่ถ้าวัตถุอยู่ห่างจากจุดอ้างอิงไปทางซ้ายใช้
เครอ่ื งหมายเป็นลบ (-)
2. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการศึกษากิจกรรมการหาอตั ราเรว็ เฉล่ีย
ช่ัวโมงท่ี 3
ขน้ั สอน
สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูอภิปรายรว่ มกับนักเรยี นเกี่ยวกบั อัตราเร็วและความเร็วว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระยะทางเมื่อ
เทียบกับเวลา แล้วครูถามคำถามเพื่อชักชวนเข้าสู่เนื้อหาที่กำลังจะศึกษาต่อไปว่า อัตราการ
เปลี่ยนแปลงความเร็วหรือความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับเวลาบ่งบอกถึงปริมาณใดในวชิ า
ฟสิ กิ ส์ โดยครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนได้แสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างอสิ ระ และจะยงั ไมแ่ ฉลยวา่ คำตอบ
ที่นกั เรยี นตอบนั้นถูกหรอื ผิด
2. ครูใหน้ กั เรียนสบื เสาะหาความรู้ เร่ือง ความเร่ง จากหนงั สือเรยี น
3. ครใู หน้ ักเรียนวเิ คราะห์ตัวอยา่ งท่ี 1.3 จากหนังสือเรียน โดยใหจ้ ดบันทึกลงในสมุดบันทึกประจำตัว
(หมายเหตุ: ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)
อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูส่มุ ตัวแทนนักเรยี น 4-5 คน ออกมาหนา้ ชัน้ เรียน จากนน้ั ให้ตวั แทนนักเรียนแต่ละคนแสดงวิธีทำ
จากโจทย์ปัญหาในตวั อย่างที่ 1.3 บนกระดานหน้าช้นั เรยี น
2. นกั เรียนทกุ คนแกโ้ จทย์ปัญหาที่แสดงการคำนวณหาปริมาณที่เก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่ในแนวตรง
3. ครูแจกใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง ความเรง่ ใหน้ ักเรยี นศึกษาและลงมือทำ
ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. ครูนำอภิปรายสรุปเนื้อหา โดยเปิด PowerPoint เรื่องที่สอนไปแล้วควบคู่ไปด้วย โดยมีหัวข้อและ
ใจความสำคญั เพอื่ ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของการเคลอ่ื นที่แนวตรงได้ ดงั น้ี
• การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง คือ การเคล่อื นท่ีไปตามเส้นทางท่ีเปน็ เส้นตรงหรือกล่าวได้ว่ามีแนวการ
เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง สามารถแบ่งได้ 2 กรณี คือ การเคลื่อนที่แนวตรงตามแนวระดับ และ
การเคลอื่ นท่แี นวตรงตามแนวดิง่ หรือการตกแบบเสรี
• ระยะทาง คือ ระยะท้ังหมดทว่ี ัตถุเคลื่อนที่วัดตามแนวการเคลื่อนที่จริงของวัตถุตั้งแต่จุดเร่ิมต้น
จนถึงจุดสุดท้าย ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์
• การกระจดั คือ การระบุตำแหน่งของจดุ สุดท้ายเทยี บกบั จดุ เริม่ ตน้ ของการเคลื่อนที่โดยไม่คำนึงถึง
เส้นทางการเคลื่อนท่ี ขนาดของการกระจัดเป็นระยะที่วัดจากจุดเริม่ ต้นจนถึงจุดสดุ ทา้ ย โดย
วัดเปน็ เส้นตรงเช่ือมตอ่ ระหว่างจดุ การกระจดั เป็นปรมิ าณเวกเตอร์
• อัตราเร็ว คือ ระยะทางท่ีวตั ถุเคลื่อนท่ีได้ในหนึ่งหน่วยเวลหรืออัตราการเปล่ียนแปลงระยะทาง
โดยไม่คำนงึ ถึงทิศทาง อัตราเรว็ เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์
• ความเร็ว คือ การกระจัดที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยเวลาหรืออัตราการเปลี่ยนแปลงการ
กระจดั ความเร็วเป็นปริมาณเวกเตอร์
• ความเร่ง คือ ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยเวลาหรืออัตราการเปลี่ยนแปลงความเร็ว
ความเร่งเปน็ ปริมาณเวกเตอร์
2. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง ลงในกระดาษ
A4 พรอ้ มทั้งตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน)
3. ครูสุ่มเลือกนักเรยี นออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหนา้ ชั้นเรียน และนำเสนอช้ินงานของ
ผู้เรียนเพื่อชแี้ จงจดุ ดีและจุดบกพร่องของนกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง การเคล่ือนที่แนวตรง จาก
หนงั สือเรยี น ลงในสมุดบันทึกประจำตวั แลว้ นำมาสง่ ครูท้ายช่วั โมง
5. ครมู อบหมายการบา้ นใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั เร่ือง การเคล่อื นที่แนวตรง จากแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส)์ ม.5 มาสง่ ครูในชั่วโมงถดั ไป
ข้ันสรปุ
ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความรู้เกีย่ วกบั การเคลอ่ื นที่แนวตรง โดยครใู หน้ กั เรียนจดบนั ทกึ ลงใน
สมดุ บนั ทกึ ประจำตวั
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนักเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบความเข้าใจก่อนเรียนจาก Understanding Check ในสมุด
บนั ทกึ ประจำตัว
4. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง ระยะทางและการกระจัด
5. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง อตั ราเรว็ และความเรว็
6. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.3 เรื่อง ความเร่ง
7. ครตู รวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เรอ่ื ง การเคลื่อนที่แนวตรง ในสมุดบันทึกประจำตัว
8. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟิสกิ ส)์ ม.5
9. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล และการ
ทำงานกลมุ่
10. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรปุ เนือ้ หา เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรง ที่นักเรียนได้สร้างข้นึ
จากขนั้ ขยายความเขา้ ใจเป็นรายบคุ คล
10. ส่ือการสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 3 (ฉบบั ปรับปรงุ
พ.ศ.2560)
10.2 อนิ เทอร์เนต็
11. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวดั วิธีวดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- นกั เรียนสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามใน - ข้อคำถามในกิจกรรม ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
- นักเรียนสามารถ ชั้นเรียน การเรียนรู้
- นักเรยี นสามารถ
อธิบายความหมายของ ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
การเคล่ือนที่แนวตรงได้
- นกั เรยี นส่งงานตาม
- นกั เรียนสามารถบอก กำหนดเวลา
นิยามของปริมาณตาง ๆ
ทเ่ี ก่ยี วของกับการ
เคลอ่ื นทแี่ นวตรงได้
2) ดา้ นกระบวนการ - การทำใบงานที่ 1.1 - ใบงานที่ 1.1
(P) - การทำใบงานท่ี 1.2 - ใบงานที่ 1.2
นักเรยี นมีทักษะการ - การทำใบงานท่ี 1.3 - ใบงานที่ 1.3
คำนวณหาปริมาณท่ี - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั
เกย่ี วขอ้ งกับการ
เคลอ่ื นทใ่ี นแนวตรง
3) คณุ ลกั ษณะอนั พึง - การส่งใบงานและ - ใบงานและสมุด
ประสงค์ (A) สมดุ
นกั เรียนมีความสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรู้อยากเหน็
และทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื
อยา่ งสรา้ งสรรค์
12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ / หรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………
ลงช่อื ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสกุ ัญญา หมนื่ ย่งิ )
........./............../.............
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................
ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........
4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )
........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นางฉวีวรรณ สุธรี ะกูล)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบุรี
........./............../.............
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 2
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์)
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แรงและการเคลอื่ นท่ี เรื่อง แรงและกฎการเคลือ่ นทขี่ องนิวตัน เวลา 6 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลื่อนท่แี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้ีวัด
ว 2.2 ม.4-6/2 วเิ คราะห์และแปลความหมายข้อมลู ความเร็วกับเวลาของการเคล่ือนท่ีของวัตถุ เพอื่
อธบิ ายความเร่งของวตั ถุ
ว 2.2 ม.4-6/3 สังเกต วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความเร่งของวตั ถกุ บั แรงลัพธ์ท่ี
กระทำตอ่ วตั ถุและมวลของวัตถุ
ว 2.2 ม.4-6/4 สังเกตและอธบิ ายแรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งวตั ถุคู่หน่งึ ๆ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.5 นกั เรียนสามารถอธบิ ายเกี่ยวกบั ผลของแรงลัพธท์ ่ีกระทำต่อวตั ถุได้ (K)
2.6 นกั เรยี นสามารถสืบค้นข้อมลู การนำความรูเ้ ร่ืองแรงและการเคล่อื นที่ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน
ได้ (P)
2.7 นกั เรียนมคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเหน็ และทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
3. สาระสำคญั
เม่อื มีแรงหลายแรงกระทำตอ่ วตั ถุหนึ่ง โดยแรงทกุ แรงอยใู่ นระนาบเดียวกันสามารถหาแรงลพั ธ์ท่ี
กระทำตอ่ วัตถุนน้ั ไดโ้ ดยรวมแบบเวกเตอร์
เมือ่ แรงลัพธ์มีค่าไมเ่ ทา่ กับศนู ย์กระทำตอ่ วัตถุจะทำให้วตั ถเุ คล่อื นทดี่ ้วยความเรง่ มที ิศทางเดียวกับแรง
ลพั ธ์โดยขนาดของความเร่งข้ึนกบั ขนาดของแรงลัพธก์ ระทำตอ่ วตั ถุและมวลของวัตถุ
แรงกระทำระหวา่ งวตั ถคุ ู่หน่ึง ๆ เปน็ แรงกิริยาและแรงปฏกิ ิรยิ า แรงทั้งสองมีขนาดเทา่ กันเกดิ ขน้ึ
พรอ้ มกนั กระทำกบั วตั ถคุ นละก้อนแตม่ ีทิศทางตรงขา้ ม
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เขยี นให้สอดคล้องกับแผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. เนอ้ื หาสาระ
แรง คือ สิ่งที่สามารถทําใหวัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงลกั ษณะหรือสภาพการเคลื่อนท่ี แรงเปนปริมาณ
เวกเตอร ลกั ษณะของแรงโดยทัว่ ไปจะประกอบไปดว้ ยลักษณะหลัก ๆ ไดแ้ ก่ แรงตอ้ งมีผ้ถู กู กระทำ แรงต้อง
มีผูก้ ระทำ และแรงตอ้ งมีทศิ ทาง เน่อื งจากแรงทำให้วัตถุเคล่อื นท่ี ซึง่ การเคล่ือนท่ีของวตั ถุใด ๆ นนั้ อาจมีผล
มาจากแรงหลายแรงมากระทำต่อวัตถุ จะต้องรวมแรงทั้งหมดเพ่ือหาแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถนุ น้ั โดยการ
หาแรงลพั ธ์โดยการเขียนแผนภาพการรวมแบบเวกเตอร์มี 2 วิธี คือ วิธีเขียนเวกเตอร์แบบหางต่อหัว และวิธี
สรา้ งรปู สเ่ี หลีย่ มดา้ นขนาน
เซอรไ์ อแซก นวิ ตนั ได้นำเสนอแนวคิดและอธิบายความสัมพันธ์ของแรงกับความเร่งท่ีมีผลต่อการเคล่ือนที่
ของวัตถุ เรียกแนวคิดนวี้ ่า “กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน” ประกอบด้วยกฎ 3 ขอ้ คอื กฎการเคล่ือนท่ีข้อท่ีหน่ึง
ของนวิ ตนั กฎการเคลอ่ื นท่ขี อ้ ทส่ี องของนวิ ตนั และกฎการเคลอื่ นทขี่ ้อทีส่ ามของนิวตัน
6. จุดเน้นสูก่ ารพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ทกั ษะศตวรรษที่ 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะดา้ นการส่อื สารสนเทศ และรู้เทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ
ความยดื หย่นุ และการปรบั ตวั
การรเิ ริม่ สรา้ งสรรคแ์ ละการเป็นตวั ของตวั เอง
ทกั ษะสังคม และสงั คมข้ามวฒั นธรรม
การเปน็ ผ้สู รา้ งหรอื ผผู้ ลิต และความรับผดิ ชอบเชื่อถือได้
ภาวะผูน้ ำและความรบั ผดิ ชอบ
คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
คณุ ลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเป็นผูน้ ำ
คณุ ลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง
คณุ ลกั ษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซื่อสตั ย์ สำนึกพลเมือง
7. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยแสดงความร้)ู (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค)์
- การตอบคำถามในชัน้ เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การสง่ สมุด
- การส่งใบงาน
8. บรู ณาการกับแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ปรชั ญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรียนสามารถนำความร้มู าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผ้เู รยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตุผล จัดการเรยี นรู้ตรงตามหลักสตู ร ตวั ชีว้ ัด/ผล ความคิดเห็นได้อย่างมเี หตผุ ล
การเรียนรูท้ ค่ี าดหวงั นักเรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกจิ กรรมได้อย่างถูกตอ้ ง
มีภูมิค้มุ กันใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน และปลอดภัย
ตวั ทด่ี ี จัดการเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถจบั ใจความสำคัญ
และสรปุ องค์ความรู้จากเรื่องทเี่ รยี นได้
เงอื่ นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
เง่อื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรยี นมคี วามใฝเ่ รยี นรู้และมงุ่ มนั่ ใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลือนกั เรียน
ถา่ ยทอดความรูท้ ้ังหมดโดยไม่ปิดปงั เพ่ือ
ความเจรญิ ก้าวหนา้ ของนักเรียน
9. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงท่ี 1-2
ขัน้ นำ
กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
7. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ
8. ครูถามคำถามกระตุ้นว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันของนักเรยี นไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ชา้ ลงหรอื
เรว็ ขึน้ เกีย่ วขอ้ งกับปรมิ าณใด และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถามปากเปล่า
9. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันใช้
อธบิ ายการเคล่ือนท่ีในแง่มมุ ใด”
(แนวตอบ: กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตนั เปน็ กฎทางกายภาพ 3 ขอ้ ท่เี ป็นรากฐานของกลศาสตร์ดั้งเดิม
ใช้สำหรับการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุกับแรงที่กระทำต่อวัตถุนั้น และการเคล่ือนที่เนื่องจาก
แรงเหล่านนั้ )
10. ครูสนทนากับนักเรียนเพ่ือชักชวนเข้าสู่บทเรียน โดยการนำคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการส่งยานข้ึนไป
สำรวจอวกาศ จากนั้นครูถามคำถามกับนักเรยี นวา่ แรงเกี่ยวข้องกบั การเคล่ือนที่ของยานขึ้นไปบน
อวกาศอย่างไร ครใู หน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็นอยา่ งอิสระ โดยยงั ไมเ่ ฉลยวา่ ถกู หรือผดิ
ขน้ั สอน
สำรวจค้นหา (Explore)
8. ครูให้นักเรียนสบื เสาะหาความรู้ เรื่อง แรงและลกั ษณะของแรง จากหนังสือเรียน
9. ครูตัง้ คำถามกบั นักเรียนเกี่ยวกบั แรง ดงั นี้
a. แรงในวชิ าฟสิ กิ ส์หมายถึงอะไร
(แนวตอบ : แรง คือ สิ่งที่กระทำต่อวัตถุแล้วส่งผลให้วัตถุเกิดการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนรูปร่าง
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดและทิศทางของแรงที่มากระทำ เช่น แรงดึง แรงผลัก
แรงเสียดทาน แรงโนม้ ถ่วง แรงดึงในเสน้ เชอื ก แรงในสปรงิ )
b. แรงโดยทั่วไปตอ้ งมลี กั ษณะอย่างไร
(แนวตอบ : แรงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 ลักษณะ คือ แรงตอ้ งมีผู้ถกู กระทำ แรงต้องมผี ู้กระทำ
และแรงต้องมที ศิ ทาง)
c. การป้ันเก่ยี วขอ้ งกับแรงอย่างไร
(แนวตอบ : การปั้นเป็นการกระทำเพื่อให้วัตถุมีรูปร่างตามที่ต้องการ เช่น การปั้นดินน้ำมัน
การปั้นดินเหนียว โดยผู้ปั้นจะต้องออกแรงกระทำต่อวัตถุดิบ ทำให้วัตถุดิบน้ัน ๆ เกิดการ
เปลย่ี นแปลงรูปรา่ งตามที่ตอ้ งการ)
10. ครนู ำอภปิ รายนกั เรยี นเกยี่ วกับกับ การหาแรงลัพธ์ โดยวิธกี ารเขยี นแผนภาพการรวมแบบเวกเตอร์
จากหนังสือเรยี น
11. นักเรียนสรุปและอธิบายเกี่ยวกับแรงลัพธ์ และวิธีการหาแรงลัพธ์โดยการเขียนแผนภาพการรวมแบบ
เวกเตอร์ โดยครูอาจสุ่มถามนกั เรียนเป็นรายบุคคล เพ่อื ตรวจสอบวา่ นกั เรียนได้ทำการศึกษาเน้อื หา
12. ครูให้นกั เรียนร่วมทำงานกับผ้อู ่ืนอย่างสร้างสรรค์ในกิจกรรม เรือ่ ง การหาแรงลพั ธ์โดยวิธีการคำนวณ
จากหนังสือเรยี น โดยจดบันทกึ องค์ความร้ลู งในสมดุ บนั ทึกประจำตวั ตามลำดบั หัวข้อ ดงั นี้
a. กรณีแรงย่อยทงั้ หมดมที ศิ ทางเดียวกัน
b. กรณแี รงยอ่ ยทง้ั หมดมที ศิ ทางตรงขา้ มกนั
c. กรณีแรงยอ่ ยท้ังหมดมีทศิ ทางตง้ั ฉากกนั
d. กรณแี รงย่อยทั้งหมดมที ศิ ทางทำมุมใด ๆ ตอ่ กัน
13. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วร่วมกันศึกษา เรื่อง การหาแรงลัพธ์โดยวิธีการคำนวณ
จากหนงั สอื เรยี น
14. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะค่รู ่วมศึกษาคน้ ควา้ เพิม่ เติมจากอินเทอร์เน็ต
15. ครใู ห้นกั เรียนพดู คุยกับคู่ตนเองเกี่ยวกับผลการศกึ ษา จากน้นั ร่วมกันสรปุ ผลการศึกษา แล้วจดบันทึก
ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตวั ของแต่ละคน
16. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการหาแรงลพั ธโ์ ดยวิธีการคำนวณที่นักเรียนได้ร่วมกันศึกษาแลว้ โดย
ครูอาจใช้คำถามถามนักเรียนว่า การหาแรงลัพธ์โดยวิธีการคำนวณจะต้องนำหลักการใดทาง
คณิตศาสตรม์ าใชบ้ ้าง ครทู งิ้ ชว่ งเวลาให้นักเรยี นได้คิดทบทวน
17. ครูสุ่มนักเรียนให้ยืนขึ้นแล้วตอบคำถามที่ครูได้ถามไปแล้ว เพื่อตรวจสอบความเข้าใจในการบูรณา
การความรูร้ ะหวา่ งวิชาฟิสิกสก์ บั วิชาคณติ ศาสตร์
18. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้จากตัวอย่างที่ 1.4 จากหนังสือเรียน ในประเด็นโจทย์กำหนดสิ่งใด
และโจทย์ต้องการหาสิ่งใดบ้าง และจดบันทึกวิธีการแก้โจทย์ปัญหาจากตัวอย่างลงในสมุดบันทึก
ประจำตัว
19. ครูให้นักเรียนจับกลุ่มกับเพื่อนอย่างอิสระกลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นร่วมกันศึกษาแนวทางการปฏิบัติ
กิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลพั ธ์ จากหนงั สือเรียน
20. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับอุปกรณ์การทำกิจกรรมหน้าช้ันเรียน จากน้ันร่วมกันลงมือปฏิบัติ
กจิ กรรมตามวธิ ปี ฏิบตั ิท่ีได้ศกึ ษา
(หมายเหตุ: ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)
21. นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรมและอธิบายเกี่ยวกับผลของแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุลงในสมุด
บันทึกประจำตวั ทกุ คน
อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. ครูสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน 3-4 คน แล้วให้นักเรียนแสดงวิธีการคำนวณพร้อมทั้งอธิบาย
วธิ ีการแก้โจทย์ปญั หา จากตัวอยา่ งที่ 1.4
4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั การแก้โจทย์ปัญหา จากตัวอย่างที่ 1.4
5. ครูนำการอภิปรายกับนักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์
หลงั จากท่ีนกั เรยี นได้ทำการศกึ ษาแลว้
a. แรงลัพท์ที่ได้จากวธิ ีเขยี นเวกเตอร์ของแรงแบบหางตอ่ หัว และวิธีสร้างรูปสี่เหล่ียมด้านขนาน
มีคา่ เท่ากันหรือไม่
(แนวตอบ : เทา่ กัน)
b. แรงดึงในเส้นเชือกทั้งสามเส้นสัมพนั ธ์กันอย่างไร
(แนวตอบ : แรงดึงในเส้นเชือกของเชือกเสน้ ท่ี 3 จะเท่ากับผลรวมของแรงดึงในเส้นเชือกของ
เชอื กเสน้ ที่ 1 และ 2 ในทศิ ทางตรงข้ามกนั )
6. ครูแจกใบงานที่ 1.4 เร่ือง แรงลัพธ์ ให้นกั เรยี น แลว้ มอบหมายให้นักเรียนนำกลับไปศึกษาเปน็ การบ้าน
ชวั่ โมงท่ี 3-4
ข้ันสอน
สำรวจค้นหา (Explore)
4. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ “การเปลี่ยนสภาพของวัตถุ มสี ิง่ ใดเกี่ยวข้องบ้าง” เพื่อนำไปสู่
คำถามทวี่ ่า “การที่วตั ถจุ ะเคลอ่ื นท่ีหรือไม่เคลอ่ื นที่ แรงตอ้ งมสี ่วนเกี่ยวขอ้ งทกุ คร้ังหรือไม่ อยา่ งไร”
โดยครใู หน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ กนั อย่างอิสระ และยงั ไม่เฉลยว่าคำตอบนั้นถกู หรอื ผิด
5. ครแู จง้ เนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ เร่อื ง กฎการเคล่ือนทข่ี องนวิ ตัน นกั เรยี นทราบ จากน้ันให้
นกั เรียนสืบเสาะหาความรู้ เรอื่ ง กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตนั จากหนงั สอื เรียน
6. ครูให้นักเรียนใช้สมาร์ตโฟนของตนเองในการสืบเสาะหาความรู้เกี่ยวกับ งานเขียนของนิวตัน
(Principia) เพ่ิมเตมิ จากอินเทอรเ์ นต็
7. จากความรู้ เรื่อง แรง ครตู ัง้ คำถามกบั นักเรยี น เพ่ือเชื่อมโยงเพอ่ื นำเขา้ สู่ เรอื่ ง กฎการเคล่ือนท่ีข้อท่ี
หนึ่งของนิวตนั เพื่อให้นักเรียนทำนายหรอื ตั้งสมมตฐิ านเกี่ยวกับ “เมื่อไม่มีแรงกระทำต่อวตั ถุ วัตถุ
จะมีสภาพการเคล่อื นทอี่ ย่างไร”
(แนวตอบ : วัตถุจะคงสภาพการเคลื่อนที่เดิมไว้ คือ ถ้าวัตถุที่วางนิ่งอยู่กับที่ก็จะยังคงรักษาสภาพ
เดมิ ไว้ แต่ถา้ วตั ถุทก่ี ำลังเคล่ือนทีก่ ็จะยังคงเคลอื่ นท่ดี ้วยความเรว็ คงตัวตลอดการเคล่อื นท่ี)
8. ครูให้นักเรียนศึกษา เรื่อง กฎการเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตัน จากหนังสือเรียน แล้วให้จดบันทึก
เนื้อหาหรอื ใจความสำคัญลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว จากน้นั ครนู ำอภิปรายข้อสรุปกฎการเคลื่อนท่ี
ข้อทีห่ นงึ่ ของนวิ ตนั
9. ครูตั้งคำถามกับนักเรียนว่า “ถ้าแรงสองแรงที่มีขนาดไม่เท่ากัน และทิศทางตรงข้ามกัน มากระทำ
ต่อวัตถุเดียวกัน จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น อย่างไร” โดยครูให้
นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วร่วมกันอภิปราย จากนั้นครูสุ่มนักเรียนเพื่อให้อภิปรายและ
แสดงความคิดเหน็ จากน้นั ครนู ำอภปิ รายข้อสรุปกฎการเคล่อื นท่ขี อ้ ทีส่ องของนิวตัน
10. ครแู บง่ นักเรยี นออกเป็น 8 กลมุ่ กลุม่ ละประมาณ 5-6 คน โดยให้คละกันระหว่างนักเรียนท่ีมีพ้ืนฐาน
ความรู้เดมิ ในระดับเก่ง คอ่ นข้างเกง่ ปานกลาง และออ่ น ใหอ้ ยูใ่ นกลุม่ เดยี วกัน จากน้นั ครใู ห้นักเรียน
แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากจิ กรรม แรงกับความเรง่ จากหนงั สอื เรียน
11. นกั เรียนตัวแทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมารบั วสั ดุอปุ กรณ์ในการทำกิจกรรมหนา้ ชั้นเรียน
12. ครูแนะนำขั้นตอนและเทคนิคเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติ ก่อนท่ีจะลงมือปฏิบัติ จากนั้นครูให้ทุกกลุ่มลงมือ
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมได้ โดยระหวา่ งท่ีนกั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม ครเู ดินสงั เกตและให้คำแนะนำเม่อื นักเรียน
ไม่เข้าใจหรือเกิดปญั หา
(หมายเหตุ: ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )
13. ครูเน้นยำ้ กับนักเรียนวา่ เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จแลว้ ใหต้ อบคำถามทา้ ยกิจกรรม จากหนังสือเรยี น
โดยจดบนั ทกึ ลงในสมดุ บันทึกประจำตวั เป็นรายบคุ คล
(หมายเหตุ: ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล)
อธิบายความรู้ (Explain)
4. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันวเิ คราะห์ผลการการปฏบิ ัติกิจกรรม และอภิปรายผลท้ายกจิ กรรมรว่ มกัน
5. ครูสมุ่ นกั เรียนตัวแทนกลุ่มออกมาหน้าชน้ั เรียน แล้วใหแ้ ต่ละคนอภปิ รายผลการปฏบิ ัติกิจกรรมของ
กล่มุ ตนเองให้เพอื่ นในชน้ั เรียนฟัง
6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ กจิ กรรม แรงกับความเร่ง
7. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมหลังจากการศึกษากิจกรรม แรงกับความเร่ง กฎการ
เคลอ่ื นทข่ี อ้ ท่ีสองของนวิ ตนั จากหนงั สือเรียน
8. ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามทา้ ทายการคดิ ขัน้ สูงที่ถามวา่ “แรง 1 นิวตนั มคี วามหมายว่าอย่างไร”
(แนวตอบ : แรง 1 นิวตนั คือ แรงทีท่ ำใหว้ ัตถุมวล 1 กโิ ลกรมั เคล่ือนทด่ี ้วยความเร่ง 1 เมตรตอ่ วินาที2
ในทศิ ทางตามแนวแนวแรง)
9. หลังจากทีน่ กั เรยี นทราบถึงหลักการหรอื กฎ และสมการของกฎการเคล่ือนที่ขอ้ ทีส่ องของนิวตันแล้ว
ครูมอบหมายให้นักเรียนวิเคราะห์ตัวอย่างที่ 1.5 จากหนังสือเรียน โดยแสดงวิธีการคำนวณลงใน
สมดุ บันทกึ ประจำตัวของแตล่ ะคน
ช่ัวโมงที่ 5-6
ขนั้ สอน
สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูให้นักเรียนทุกคนใช้ฝ่ามือตบฝ่ามือของเพื่อนอีกคนหนึ่ง แล้วถามนักเรียนว่า “นักเรียนรู้สึกเจบ็
ฝ่ามอื ใช่หรอื ไม่ แล้วทราบหรอื ไม่ว่า เพราะเหตุใดเราจึงเจ็บฝ่ามือ” เป็นการกระตนุ้ ความสนใจของ
นักเรยี น และเพ่อื นำเข้าสู่เนือ้ หาทีก่ ำลงั จะศึกษา
2. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สามของนิวตัน จากหนังสือเรียน โดยจด
บนั ทกึ ใจความสำคัญลงในสมดุ บนั ทกึ ประจำตวั
3. ครูส่มุ นักเรียนตอบคำถามทค่ี รไู ดถ้ ามไปตอนตน้ ช่วั โมง โดยใชก้ ฎการเคลือ่ นท่ขี ้อที่สามของนิวตันใน
การอธบิ าย
4. ครูใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์ตัวอย่างที่ 1.6 จากหนงั สือเรยี น โดยจดบนั ทกึ ลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว
5. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันยกตัวอย่างการเคลื่อนที่ด้วยแรงกิริยา และ
แรงปฏกิ ิริยา ทีส่ ามารถพบเห็นได้ในชีวติ ประจำวนั โดยแตล่ ะค่ยู กตวั อยา่ งมาให้มากทส่ี ดุ
อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูให้นักเรยี นคูท่ ี่สามารถยกตัวอย่างไดม้ ากที่สุด 3 ลำดับแรก ออกมาหน้าช้ันเรียนแล้วอธิบายโดย
การเขียนเวกเตอร์ทศิ ทางของแรงกิรยิ า-ปฏกิ ริ ิยา ทีเ่ กดิ ขึน้ จากการเคล่ือนที่นัน้ ๆ
2. ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละตวั อย่าง คู่ไหนถกู ต้องจำนวนมากที่สุด ครู
อาจให้คะแนนพิเศษ
3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายวิธแี ก้โจทยป์ ญั หาจากตวั อย่างท่ี 1.6
4. ครูแจกใบงานที่ 1.5 เรื่อง กฎการเคล่อื นทีข่ องนวิ ตนั ให้นกั เรียนนำกลับไปศึกษาเป็นการบ้าน
ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
6. ครนู ำอภิปรายสรุปเนื้อหาโดยเปิด PowerPoint เรื่องท่ีสอนไปแลว้ ควบคไู่ ปด้วย
7. ครูให้นักเรียนได้สืบค้นข้อมูลการนำความรู้ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจำวัน จากนั้นครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง กฎการเคลื่อนท่ี
ของนิวตนั ลงในกระดาษ A4 พร้อมทง้ั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน)
8. ครสู มุ่ เลอื กนักเรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหนา้ ชัน้ เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
9. ครูให้นกั เรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรือ่ ง แรงและกฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน
จากหนงั สอื เรยี น ลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว แล้วนำมาสง่ ครทู า้ ยช่วั โมง
10. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน จากแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 เปน็ การบา้ น แล้วมาสง่ ครูในชัว่ โมงถัดไป
ขนั้ สรปุ
ตรวจสอบผล (Evaluate)
11. นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์ และกฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตัน เพื่อให้
นักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจท่ี
ถกู ตอ้ ง โดยครใู หน้ ักเรียนเขียนสรุปความรลู้ งในสมุดบนั ทกึ ประจำตวั
12. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.4 เร่อื ง แรงลัพธ์
13. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง กฎการเคล่ือนทีข่ องนิวตัน
14. ครูตรวจแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ในสมุดบันทึก
ประจำตวั
15. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5
16. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่
17. ครวู ดั และประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเน้อื หา เรื่อง กฎการเคลอ่ื นที่ของนิวตัน ท่ีนกั เรียนได้สรา้ ง
ขนึ้ จากข้นั ขยายความเขา้ ใจเป็นรายบคุ คล
12. ส่ือการสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 แรงและการเคล่ือนท่ี
2) แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
3) ใบงานท่ี 1.4 เรือ่ ง แรงลพั ธ์
4) ใบงานท่ี 1.5 เร่ือง กฎการเคล่ือนท่ขี องนิวตัน
5) PowerPoint เร่ือง แรงและกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตนั
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
13. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ วี ัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน
1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามใน - ขอ้ คำถามในกิจกรรม - นักเรยี นสามารถ
นักเรยี นสามารถอธิบาย ตอบคำถามได้ถูกต้อง
เก่ยี วกับผลของแรงลพั ธ์ ชัน้ เรยี น การเรียนรู้ ร้อยละ 80
ทกี่ ระทำต่อวัตถุได้
2) ดา้ นกระบวนการ - การทำใบงานท่ี 1.4 - ใบงานท่ี 1.4 - นักเรยี นสามารถ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
(P) - การทำใบงานท่ี 1.5 - ใบงานท่ี 1.5 รอ้ ยละ 80
นกั เรยี นสามารถสบื คน้ - การทำแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - นักเรยี นส่งงานตาม
กำหนดเวลา
ขอ้ มลู การนำความรเู้ รื่อง
แรงและการเคล่ือนทไ่ี ป
ใช้ประโยชน์ใน
ชีวติ ประจำวันได้
3) คณุ ลกั ษณะอนั พึง - การส่งใบงานและ - ใบงานและสมุด
ประสงค์ (A) สมุด
นักเรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้
หรืออยากรอู้ ยากเหน็
และทำงานรว่ มกับผู้อ่ืน
อยา่ งสรา้ งสรรค์
12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ / หรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………
ลงชื่อ ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสุกญั ญา หมนื่ ยง่ิ )
........./............../.............
บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................ ..............................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ ......................
ลงช่อื ผู้จัดการเรยี นรู้
(นางสาวสริ ภัทร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........
4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรอื ผ้ทู ไ่ี ด้รับมอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงชอื่ ผ้ตู รวจแผน
(นางยพุ นิ หอมสุข)
........./............../.............
ความเห็นผูอ้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงชื่อ ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกูล)
ครชู ำนาญการพิเศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพัฒนาการ สระบรุ ี
........./............../.............
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 3
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์)
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 และ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แรงและการเคล่อื นที่ เรอื่ ง การเคลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทล์ เวลา 2 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจำวัน ผลของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลอื่ นทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 2.2 ม.4-6/5 สังเกตและอธบิ ายผลของความเรง่ ทมี่ ีตอ่ การเคล่ือนทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ ไดแ้ ก่ การ
เคล่อื นที่แนวตรง การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ การเคล่ือนทแี่ บบวงกลม และการเคลอ่ื นทแี่ บบสั่น
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.8 นกั เรียนสามารถอธิบายผลของความเรง่ ที่มีตอ่ การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทลไ์ ด้ (K)
2.9 นกั เรยี นสามารถทดลองและสรุปความสัมพนั ธ์ระหว่างมมุ ยิงกบั ระยะตกของวตั ถุท่ีเคลื่อนทีแ่ บบ
โพรเจกไทล์ได้ (P)
2.10 นักเรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ และทำงานรว่ มกับผู้อน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ (A)
3. สาระสำคัญ
วตั ถทุ เ่ี คลอื่ นท่ดี ว้ ยความเรง่ คงตวั หรอื ความเรง่ ไม่คงตวั อาจเป็นการเคลือ่ นที่แนวตรง การเคลือ่ นที่
แนวโค้ง หรือการเคล่ือนทแ่ี บบสนั่ การเคลือ่ นที่แนวตรงดว้ ยความเรง่ คงตัว นำไปใชอ้ ธิบายการตกแบบเสรี
การเคล่ือนท่แี นวโคง้ ด้วย ความเรง่ คงตัว นำไปใช้อธบิ ายการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เขียนใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. เนื้อหาสาระ
การเคลื่อนท่แี บบโพรเจกไทล์ เปน็ การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุแบบอิสระรูปแบบหน่ึงที่เปน็ แนววถิ โี ค้ง วัตถุ
ทมี่ ีการเคลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทล์จะมีแรงกระทำอนั เน่อื งมาจากแรงโนม้ ถ่วงของโลกในแนวด่ิง และแรงคงตวั ใน
แนวระดบั ทำให้วัตถเุ คล่ือนท่ีด้วยความเรง่ คงตัวเท่ากับความเรง่ โน้มถว่ งของโลก โดยการเคลื่อนท่ีทง้ั สองแนว
จะเกิดขึ้นพร้อมกนั
6. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลกั 4Cs)
การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะด้านการส่อื สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทักษะด้านชวี ิตและอาชีพ
ความยืดหยนุ่ และการปรบั ตวั
การรเิ รม่ิ สรา้ งสรรคแ์ ละการเปน็ ตวั ของตัวเอง
ทกั ษะสงั คม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
การเปน็ ผ้สู ร้างหรอื ผู้ผลติ และความรบั ผดิ ชอบเชื่อถือได้
ภาวะผู้นำและความรบั ผิดชอบ
คุณลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
คณุ ลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเป็นผนู้ ำ
คุณลกั ษณะด้านการเรียนรู้ ได้แก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง
คุณลักษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อนื่ ความซ่ือสตั ย์ สำนึกพลเมือง
7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู้) (เขียนให้สอดคล้องกับจุดประสงค์)
- การตอบคำถามในชัน้ เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมดุ
- การสง่ ใบงาน
8. บูรณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ปรชั ญาของ ครู นักเรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรียนสามารถนำความรู้มาใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมให้เหมาะสมกับผ้เู รียน ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จัดการเรยี นรู้ตรงตามหลักสูตร ตัวช้วี ดั /ผล ความคิดเหน็ ได้อย่างมเี หตผุ ล
การเรยี นรู้ที่คาดหวัง นักเรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง
มีภูมิคุ้มกันใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตวั ทดี่ ี จัดการเรียนรู้
ปรชั ญาของ ครู นักเรียน
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรียนสามารถจบั ใจความสำคญั
เง่อื นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ที่ และสรุปองค์ความรู้จากเรอ่ื งที่เรียนได้
กำหนด และประเมินผล
นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรียนรู้และมงุ่ มนั่ ใน
มคี วามเสมอภาค และช่วยเหลอื นักเรียน การทำงาน
เงอ่ื นไขคุณธรรม ถา่ ยทอดความรู้ท้ังหมดโดยไม่ปดิ ปงั เพ่ือ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน
9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั นำ
กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
11. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู ห้นกั เรยี นทราบ
12. ครูนำลกู เทนนิสหรือลูกบอลมาขว้างออกไปในแนวระดับ และในทิศทํามุมกับแนวระดับ พรอมกับให
ผูเรียนสังเกตแนวการเคล่อื นทขี่ องวตั ถุท่ีครขู ว้างออกไป
13. ครูเปลี่ยนเปนขวางยางลบ กอนดินน้ำมัน หรือยิงปนอัดลม และใหผูเรียนสังเกตแนวการเคลื่อนท่ี
อกี ครง้ั
14. ครูถามคำถามกระตุ้นกับนักเรียนว่า “การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอล เมื่อนักกีฬาโยนไปที่แป้น
เพ่ือให้ลงหว่ ง มีลักษณะการเคลอ่ื นท่ีอย่างไร” และใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบคำถามปากเปล่า
(แนวตอบ : มีลกั ษณะการเคลอ่ื นทีเ่ ปน็ วิถีโคง้ หรือเป็นการเคลอ่ื นท่แี บบโพรเจกไทล์)
15. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กบั นักเรยี นว่า “การเคลือ่ นที่แบบโพรเจกไทล์
มลี ักษณะเฉพาะอย่างไร”
(แนวตอบ : การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์เป็นการเคลื่อนท่ีแบบ 2 มิติ คือ เคลื่อนท่ีทั้งในระดับและ
แนวดิ่งพร้อมกนั โดยในแนวด่ิงเปน็ การเคลื่อนทีท่ ี่มคี วามเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ในขณะท่ี
แนวระดบั ไมม่ ีความเร่ง เพราะไม่มีแรงกระทำในแนวระดับ)
ขัน้ สอน
สำรวจคน้ หา (Explore)
22. ครูใหน้ กั เรียนสืบเสาะหาความรู้ เร่อื ง การเคล่ือนทแี่ บบโพรเจกไทล์ จากหนังสือเรยี น
23. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมจากสื่อดิจิทัล โดยให้นักเรียนนำสมาร์ตโฟนของตนเองข้ึน
มาแล้วสแกน QR Code เรือ่ ง การเคล่ือนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ จากหนงั สือเรยี น
24. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นสรุปความรู้ เร่อื ง โพรเจกไทล์ ท่ีได้ศึกษาจากหนงั สือเรียนและ QR Code ลงใน
สมุดบนั ทึกประจำตวั
25. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียน โดยแบ่งตามระดับสติปัญญาที่แตกต่างกันกลุ่มละ 5-6 คน ประกอบด้วย
เก่ง 1 คน ปานกลาง 2-3 คน อ่อน 2-3 คน จากนั้นให้นักเรียนแยกเข้ากลุ่มของตนเอง แล้วศึกษา
กิจกรรม เคร่ืองยิงโพรเจกไทล์ จากหนงั สอื เรยี น
26. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นักเรียนทราบ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติว่า “ เพื่อศึกษา
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งมมุ ยงิ กบั ระยะตกของวัตถุท่เี คลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทล”์
27. ครูให้ความรู้เพิม่ เตมิ หรือเทคนิคเกย่ี วกับการปฏบิ ัติกจิ กรรม จากนน้ั ใหน้ กั เรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามขน้ั ตอน
28. นกั เรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั พดู คุยวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม แลว้ อภิปรายผลรว่ มกนั
29. ครเู น้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม จากหนังสอื เรยี น ลงในสมุดบนั ทึกประจำตวั
อธิบายความรู้ (Explain)
7. ครูใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาหนา้ ชัน้ เรียน เพือ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม
8. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลท้ายกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสรุปผลให้นกั เรียนเข้าใจไปในแนวทาง
เดยี วกันอกี คร้งั โดยอาจให้นกั เรยี นสืบเสาะหาความรู้จากหนังสือเรียนประกอบการสรปุ กิจกรรมว่า
มุมในการยิงวัตถุให้เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์คู่หนึ่ง ๆ ที่มีผลรวมเป็น 90 องศา จุดเริ่มต้นและจุด
ตกจะอยทู่ ่จี ดุ เดียวกัน
9. ครูให้นักเรียนวิเคราะห์การขว้างวัตถุออกไปในแนวระดับ จากภาพในหนังสือเรียนว่าเกี่ยวข้องกับการ
เคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ครูได้ขว้างลูกบอลให้
นกั เรยี นดหู นา้ ชั้นเรียน
10. ครอู ภิปรายรว่ มกับกบั นักเรยี นเก่ยี วกับกิจกรรมในชีวติ ประจำวนั ทีม่ ีการเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์
11. ครสู ุ่มนักเรียนใหย้ กตัวอย่างกจิ กรรมที่สามารถอธบิ ายการเคลื่อนที่น้ันด้วยความรู้เรื่องการเคลื่อนที่
แบบโพรเจกไทลไ์ ด้ เช่น ด้านกฬี า ไมว่ า่ จะเปน็ กฬี าทุ่มนำ้ หนกั กฬี าพงุ่ แหลน หรือแม้กระท่ังท่ีเห็น
ชัดเจนทีส่ ดุ คอื กฬี าบาสเกตบอล
12. ครูแจกใบงานท่ี 1.6 เร่ือง การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์ แล้วมอบหมายใหน้ ำกลับไปศึกษาเป็นการบ้าน
ชั่วโมงที่ 2
ขัน้ สอน
ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
11. ครนู ำอภิปรายสรุปเนอ้ื หา โดยเปิด PowerPoint เรอ่ื งทส่ี อนไปแล้วควบค่ไู ปดว้ ย
12. ครูให้นักเรียนทำสรปุ ผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ลงใน
กระดาษ A4 พรอ้ มท้งั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน)
13. ครสู ุม่ เลือกนกั เรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทัศน์ของตนเองหน้าช้นั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
14. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
จากหนังสือเรยี น ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตวั แล้วนำมาสง่ ครูท้ายชั่วโมง
15. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัด เรอื่ ง การเคลื่อนท่แี บบโพรเจกไทล์ จากแบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 เป็นการบา้ น แล้วมาส่งครูในชวั่ โมงถดั ไป
ข้นั สรปุ
ตรวจสอบผล (Evaluate)
18. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ การเคลื่อที่แบบโพรเจกไทล์ เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มี
ความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้
นักเรยี นเขยี นสรปุ ความรลู้ งในสมุดบันทกึ ประจำตัว
19. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.6 เร่อื ง การเคลอื่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์
20. ครูตรวจแบบฝกึ หัดจาก Topic Question เรื่อง การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ ในสมดุ บันทึกประจำตวั
21. ครตู รวจสอบแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง การเคลอื่ นทแี่ บบโพรเจกไทล์ จากแบบฝกึ หัด วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2
(ฟิสิกส)์ ม.5
22. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลุ่ม
ครวู ัดและประเมินผลจากชนิ้ งานการสรปุ เนือ้ หา เรื่อง การเคล่อื นที่แบบโพรเจกไทล์ ทน่ี ักเรียนได้สรา้ งขนึ้ จาก
ขั้นขยายความเขา้ ใจเป็นรายบุคคล
14. ส่อื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แรงและการเคลื่อนท่ี
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แรงและการเคล่ือนที่
3) ใบงานท่ี 1.6 เร่ือง การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์
4) QR Code เรอ่ื ง การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์
5) PowerPoint เร่ือง การเคล่อื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์
10.2 แหลง่ การเรยี นรู้
4) หอ้ งเรียน
5) ห้องสมุด
6) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ
15. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วธิ วี ัด เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามในช้ัน - ข้อคำถามในกจิ กรรม - นักเรียนสามารถ
นกั เรียนสามารถอธบิ าย เรยี น การเรยี นรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ผลของความเร่งท่ีมตี ่อการ รอ้ ยละ 80
เคลอื่ นที่แบบโพรเจกไทล์
ได้
2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำใบงานที่ 1.6 - ใบงานท่ี 1.6 - นกั เรยี นสามารถ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
นักเรียนสามารถทดลอง - การทำแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด รอ้ ยละ 80
และสรปุ ความสมั พนั ธ์ - นกั เรียนสง่ งานตาม
กำหนดเวลา
ระหว่างมมุ ยิงกบั ระยะตก
ของวัตถุท่เี คล่ือนทแ่ี บบ
โพรเจกไทล์ได้
3) คุณลักษณะอันพึง - การส่งใบงานและ - ใบงานและสมดุ
ประสงค์ (A) สมดุ
นกั เรียนมคี วามสนใจใฝร่ ู้
หรืออยากรู้อยากเหน็
และทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น
อย่างสรา้ งสรรค์
12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ / หรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………
ลงชือ่ ผตู้ รวจแผน
(นางสาวสุกญั ญา หมน่ื ยง่ิ )
........./............../.............
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................
ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........
4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )
........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นางฉวีวรรณ สุธรี ะกูล)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบุรี
........./............../.............
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แรงและการเคล่ือนท่ี เร่ือง การเคล่อื นที่แบบวงกลม เวลา 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุ ลกั ษณะการ
เคลอ่ื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วดั
ว 2.2 ม.4-6/5 สังเกตและอธิบายผลของความเร่งทีม่ ีตอ่ การเคลื่อนท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ ได้แก่ การ
เคล่ือนทแี่ นวตรง การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม และการเคลอ่ื นทแ่ี บบสนั่
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.11 นกั เรียนสามารถอธบิ ายผลของความเรง่ ท่ีมตี อ่ การเคลื่อนที่แบบวงกลมได้ (K)
2.12 นกั เรียนสามารถยกตัวอยา่ งกิจกรรมในชีวิตประจำวันทเี่ ก่ยี วข้องกบั การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมได้ (K)
2.13 นกั เรยี นสามารถทดลองและสรุปขนาดของแรงสู่ศูนย์กลาง ณ ตำแหนง่ ต่าง ๆ ของวตั ถทุ เ่ี คลือ่ นที่แบบ
วงกลมได้ (P)
2.14 นกั เรียนมีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเหน็ และทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ (A)
3. สาระสำคญั
วตั ถุท่ีเคลื่อนท่ดี ว้ ยความเร่งคงตวั หรอื ความเร่งไม่คงตวั อาจเป็นการเคลอื่ นที่แนวตรง การเคลอ่ื นที่
แนวโคง้ หรือการเคล่ือนทีแ่ บบส่นั การเคลือ่ นท่ีแนวโค้งด้วยความเร่งมที ิศทางตง้ั ฉากกับความเร็วตลอดเวลา
นำไปใช้อธบิ ายการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลม
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (เขยี นให้สอดคลอ้ งกับแผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. เนือ้ หาสาระ
การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม เปน็ การเคล่อื นทีท่ ่ีมีแนวการเคล่ือนที่เป็นวงกลมหรอื สว่ นของวงกลม วตั ถุท่ี
เคลอื่ นท่แี บบวงกลมบนระนาบใด ๆ อตั ราเรว็ ขณะใดขณะหน่ึงของวัตถุจะคงตวั หรือไม่ก็ได้ แต่ความเร็วของ
วตั ถจุ ะไม่คงตัว เนื่องจากมกี ารเปลีย่ นทิศทางของการเคลอื่ นที่ตลอดเวลา ซ่ึงเมื่อวัตถุที่มีการเปลย่ี นทศิ ทางการ
เคลอื่ นทแ่ี สดงวา่ วตั ถุต้องมีองคป์ ระกอบของแรงมากระทำในทิศทางท่ตี ง้ั ฉากกับเสน้ ทางการเคลื่อนทีด่ ้วย และ
กรณที ี่การเคลื่อนทม่ี ีอตั ราเรว็ ไม่คงตัวแสดงว่าต้องมีองค์ประกอบของแรงในทศิ ทางที่ขนานกับแนวการ
เคลื่อนท่ีด้วย
6. จดุ เน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ทักษะศตวรรษที่ 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะดา้ นการส่ือสารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทันสื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ
ความยืดหย่นุ และการปรับตัว
การริเริ่มสร้างสรรคแ์ ละการเปน็ ตวั ของตวั เอง
ทักษะสงั คม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผูผ้ ลิต และความรับผดิ ชอบเชื่อถือได้
ภาวะผูน้ ำและความรับผดิ ชอบ
คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
คณุ ลักษณะดา้ นการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตวั ความเปน็ ผู้นำ
คุณลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง
คณุ ลกั ษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซ่ือสตั ย์ สำนึกพลเมือง
7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขยี นให้สอดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในชน้ั เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมดุ
- การสง่ ใบงาน
8. บรู ณาการกับแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรียนสามารถนำความรู้มาใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับผู้เรยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จดั การเรยี นรู้ตรงตามหลักสตู ร ตวั ชว้ี ดั /ผล ความคิดเหน็ ไดอ้ ย่างมีเหตผุ ล
การเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง นักเรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกจิ กรรมได้อย่างถูกต้อง
มีภมู ิค้มุ กันใน การวางแผน และเตรยี มความพรอ้ มก่อน และปลอดภัย
ตัวที่ดี จดั การเรียนรู้ นักเรยี นสามารถจับใจความสำคญั
และสรปุ องค์ความรู้จากเร่อื งที่เรียนได้
เงือ่ นไขความรู้ ถ่ายทอดความรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
เงื่อนไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรียนมีความใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ ม่นั ใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และชว่ ยเหลือนักเรยี น
ถ่ายทอดความรทู้ ้ังหมดโดยไม่ปิดปงั เพื่อ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน
9. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1-2
ข้ันนำ
กระตุ้นความสนใจ (Engage)
16. ครูและนักเรยี นสนทนาทบทวนความร้เู ดิม เรื่อง การเคลือ่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ โดยครูเปดิ โอกาสให้
นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ครูอาจให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ผลของ
ความเรง่ ทม่ี ตี อ่ การเคล่ือนทแี่ บบโพรเจกไทล์”
17. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนในกับนักเรียนว่า “ผลของความเร่งที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบวงกลม
เป็นอย่างไร” (ทิ้งช่วงให้นักเรียนคิด) แล้วสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยจะยังไม่เฉลยคำตอบ
น้ันถูกหรอื ผดิ
18. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นักเรียนทราบ
19. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “ความเร่งในการเคลือ่ นทีแ่ บบ
วงกลม มลี กั ษณะเฉพาะอยา่ งไร”
(แนวตอบ : ความเร่งในการเคล่ือนที่แบบวงกลมเป็นความเรง่ ทม่ี ีทิศพุ่งเข้าสจู่ ุดศูนย์กลางของวงกลม
ตลอดเวลาเช่นเดยี วกบั แรงสศู่ ูนยก์ ลาง)
ข้นั สอน
สำรวจค้นหา (Explore)
30. ครูให้นักเรียนจับคูก่ ับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การเคลื่อนท่ี
แบบวงกลม จากหนงั สอื เรยี น
31. ครูตั้งคำถามกับนักเรียนว่า “แรงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมอย่างไร และ
ทิศทางของแรงมลี กั ษณะอยา่ งไร” โดยครสู ุ่มนักเรยี นเป็นบางคูใ่ หย้ นื ขนึ้ แลว้ ตอบคำถาม
(แนวตอบ : วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบวงกลมจะมีแนวการเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง มีแรงที่ตั้งฉากกับ
ทศิ ทางของความเร็วมากระทำตลอดเวลา วตั ถจุ งึ เคล่ือนท่ีแบบวงกลมได)้
32. ครูนำเชือกมา 1 เสน้ พร้อมผกู วตั ถชุ นิ้ หนงึ่ ไว้ที่ปลายด้านหนึ่งของเชอื ก แลว้ แกวง่ เชือกให้วัตถุที่ผูก
ไว้เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง พร้อมกับให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ของการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้นกับ
ความเรว็ ของวตั ถุ แรงสู่ศนู ยก์ ลาง ความเร่งสู่ศูนยก์ ลาง จากหนังสอื เรยี น
33. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันเองอย่างอิสระ กลุ่มละ 3-4 คน แล้วศึกษากิจกรรม การเคลื่อนที่แบบ
วงกลมในแนวดิง่ จากหนังสอื เรยี น
34. ครชู แ้ี จงจดุ ประสงค์ของกิจกรรมใหน้ กั เรียนทราบ เพ่อื เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิท่ีถูกต้อง
35. ครใู หค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ หรือเทคนิคเกย่ี วกบั การปฏบิ ัติกิจกรรม จากนนั้ ให้นกั เรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามข้ันตอน
36. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกนั พูดคุยวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกนั
37. ครูเนน้ ย้ำใหน้ กั เรียนตอบคำถามท้ายกจิ กรรม จากหนงั สือเรียน ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
อธบิ ายความรู้ (Explain)
13. ครใู หแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาหนา้ ชัน้ เรยี น เพ่ือนำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม
14. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสรุปเกี่ยวกับ ผลของความเร่งที่มีต่อ
การเคล่อื นท่ีแบบวงกลม และสรุปขนาดของแรงสู่ศูนย์กลาง ณ ตำแหน่งตา่ ง ๆ ของวัตถุท่ีเคลื่อนที่
เป็นวงกลมใหน้ ักเรียนเข้าใจไปในแนวทางเดยี วกนั อกี ครง้ั
15. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมหลังทำกิจกรรมว่า นอกจากการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมที่ได้ทำการศึกษามาแล้วน้ัน
การเคลื่อนที่ของรถยนต์หรอื รถจักรยานยนต์บนถนนโค้ง ก็เป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมอีกเช่นกนั
โดยเป็นการนำความรู้ เรื่อง การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมมาอธบิ ายได้เช่นกัน เช่น การเข้าโคง้ ของรถจะ
มีแรงเสียดทานระหว่างล้อรถกบั พืน้ ถนนในทิศพุ่งเข้าสู่จดุ ศนู ย์กลางของทางโคง้ ดงั นน้ั แรงเสยี ดทาน
ทีเ่ กิดขน้ึ นเ้ี ปรียบเสมอื นแรงสศู่ นู ย์กลางในการเคล่ือนที่แบบวงกลม
16. ครอู ภิปรายการแกโ้ จทย์ปัญหาเกี่ยวกับ Σ ⃑ = 0 และ =
17. ครแู จกใบงานที่ 1.7 เร่ือง การเคล่อื นทแี่ บบวงกลม แล้วมอบหมายใหน้ ำกลบั ไปศกึ ษาเปน็ การบา้ น
ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
16. ครนู ำอภปิ รายสรปุ เนือ้ หา โดยเปดิ PowerPoint เรือ่ งทส่ี อนไปแล้วควบคู่ไปด้วย
17. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเกยี่ วกบั สิง่ ทส่ี งสัยหรอื ยงั ไม่เขา้ ใจเพมิ่ เติม
18. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลม และ
ยกตัวอย่างกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม ลงในกระดาษ A4
พร้อมทงั้ ตกแต่งใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน)
19. ครสู ุ่มเลือกนักเรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหน้าช้ันเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
20. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลม จาก
หนังสือเรียน ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตัว แลว้ นำมาส่งครูท้ายช่ัวโมง
21. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั เร่อื ง การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส)์ ม.5 เปน็ การบ้าน แลว้ มาสง่ ครใู นช่วั โมงถดั ไป
ขน้ั สรปุ
ตรวจสอบผล (Evaluate)
23. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ การเคลื่อนที่แบบวงกลม เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มี
ความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้
นักเรยี นเขยี นสรุปความรู้ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
24. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 1.7 เรอื่ ง การเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม
25. ครูตรวจแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรอ่ื ง การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม ในสมดุ บนั ทกึ ประจำตัว
26. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลม จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ ิกส)์ ม.5
27. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่
ครูวดั และประเมินผลจากชนิ้ งานการสรปุ เนือ้ หา เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม ทน่ี ักเรยี นไดส้ ร้างขึน้ จากข้นั
ขยายความเข้าใจเปน็ รายบุคคล
16. สือ่ การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แรงและการเคล่ือนท่ี
2) แบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 แรงและการเคลื่อนที่
3) ใบงานท่ี 1.7 เรอื่ ง การเคล่ือนทแี่ บบวงกลม
4) PowerPoint เร่ือง การเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
7) ห้องเรียน
8) หอ้ งสมดุ
9) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
17. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวดั วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม - นักเรียนสามารถ
- นกั เรียนสามารถอธิบาย เรียน การเรียนรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ผลของความเร่งที่มตี ่อการ รอ้ ยละ 80
เคลื่อนท่ีแบบวงกลมได้
- นักเรียนสามารถ
ยกตัวอยา่ งกจิ กรรมใน
ชีวิตประจำวนั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
กับการเคล่อื นท่ีแบบ
วงกลมได้
2) ด้านกระบวนการ (P) - การทำใบงานท่ี 1.7 - ใบงานท่ี 1.7 - นกั เรียนสามารถ
ตอบคำถามได้ถูกต้อง
นกั เรยี นสามารถทดลอง - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 80
และสรปุ ขนาดของแรงสู่ - นกั เรียนสง่ งานตาม
กำหนดเวลา
ศนู ย์กลาง ณ ตำแหนง่
ตา่ ง ๆ ของวตั ถุที่เคล่ือนที่
แบบวงกลมได้
3) คุณลกั ษณะอันพึง - การส่งใบงานและ - ใบงานและสมุด
ประสงค์ (A) สมุด
นกั เรียนมีความสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรอู้ ยากเหน็
และทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่
อย่างสรา้ งสรรค์
12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ / หรอื ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………
ลงชือ่ ผตู้ รวจแผน
(นางสาวสกุ ัญญา หม่นื ยง่ิ )
........./............../.............
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................
ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........
4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )
........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นางฉวีวรรณ สุธรี ะกูล)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบุรี
........./............../.............
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แรงและการเคลอื่ นท่ี เรื่อง การเคล่อื นทแี่ บบสั่น เวลา 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงที่กระทำตอ่ วัตถุ ลกั ษณะการ
เคลอ่ื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชี้วัด
ว 2.2 ม.4-6/5 สงั เกตและอธิบายผลของความเรง่ ท่ีมีตอ่ การเคลอ่ื นท่แี บบต่าง ๆ ของวตั ถุ ได้แก่ การ
เคล่ือนทแี่ นวตรง การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลม และการเคลื่อนทแ่ี บบสั่น
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2.15 นกั เรียนสามารถอธิบายลกั ษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบสนั่ ได้ (K)
2.16 นกั เรียนสามารถยกตัวอยา่ งกิจกรรมในชวี ิตประจำวันทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการเคลื่อนทแ่ี บบสั่นได้ (K)
2.17 นกั เรียนสามารถนำหลักการของการเคลือ่ นที่แบบสนั่ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ (P)
2.18 นักเรียนมคี วามสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ และทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A)
3. สาระสำคัญ
วัตถทุ เ่ี คลอ่ื นทดี่ ้วยความเรง่ คงตัวหรือความเร่งไม่คงตวั อาจเปน็ การเคลือ่ นท่แี นวตรง การเคลอ่ื นท่ี
แนวโค้ง หรือการเคล่ือนทแี่ บบส่ัน การเคลอ่ื นทกี่ ลับไปกลับมาด้วยความเร่งมีทิศทางเข้าสู่จุดท่ีแรงลัพธเ์ ปน็
ศูนย์ เรียกจดุ นว้ี า่ ตำแหน่งสมดลุ ซึง่ นำไปใช้อธิบายการเคลือ่ นท่แี บบส่นั
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เขยี นใหส้ อดคลอ้ งกับแผนน้ี)
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. เน้อื หาสาระ
การเคลอ่ื นท่ีแบบสน่ั หรอื การเคล่อื นทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย (simple harmonic motion) เป็น
การเคล่ือนทกี่ ลับไปกลับมารอบตำแหน่งสมดลุ หรอื ตำแหน่งทีแ่ รงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถเุ ป็นศูนย์ดว้ ยความเรง่ ที่
มีทิศเขา้ หาตำแหนง่ สมดลุ ตลอดเวลา โดยการเคลอื่ นท่แี บบส่นั ท่ีพบเหน็ ได้บอ่ ยในชวี ติ ประจำวนั ไดแ้ ก่ การ
แกวง่ ของวตั ถุติดปลายเชือก และการส่ันของวัตถุติดปลายสปริง
6. จุดเนน้ ส่กู ารพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ทักษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลกั 4Cs)
การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศ และรู้เทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทกั ษะด้านชีวิตและอาชีพ
ความยดื หยุ่นและการปรับตวั
การรเิ รม่ิ สรา้ งสรรคแ์ ละการเป็นตวั ของตวั เอง
ทักษะสังคม และสังคมขา้ มวัฒนธรรม
การเป็นผสู้ รา้ งหรอื ผผู้ ลติ และความรับผดิ ชอบเชื่อถือได้
ภาวะผ้นู ำและความรบั ผดิ ชอบ
คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
คณุ ลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตวั ความเปน็ ผูน้ ำ
คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง
คุณลักษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซื่อสัตย์ สำนึกพลเมือง
7. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในชั้นเรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมุด
8. บูรณาการกบั แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรชั ญาของ ครู นักเรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความรู้มาใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกับผ้เู รยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมีเหตผุ ล จัดการเรียนรตู้ รงตามหลักสตู ร ตัวชี้วดั /ผล ความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุผล
การเรียนร้ทู ค่ี าดหวัง
ปรัชญาของ ครู นักเรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรียนสามารถวางแผนการทำงาน
มีภูมคิ มุ้ กันใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน หรอื การทำกจิ กรรมได้อย่างถูกตอ้ ง
ตัวทด่ี ี จดั การเรียนรู้ และปลอดภัย
นักเรียนสามารถจับใจความสำคญั
เงอ่ื นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรู้ตามแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ และสรุปองคค์ วามรู้จากเร่ืองที่เรยี นได้
เงอื่ นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล
นกั เรียนมีความใฝเ่ รยี นรูแ้ ละม่งุ มน่ั ใน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลือนักเรยี น การทำงาน
ถา่ ยทอดความร้ทู ั้งหมดโดยไม่ปิดปัง เพื่อ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน
9. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ช่วั โมงที่ 1
ขนั้ นำ
กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
20. ครูและนักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เดิม เรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลม โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระ
21. ครูใหน้ ักเรยี นสังเกตและอธิบายการเคลอ่ื นท่ีของลูกตมุ้ นาฬิกา และการเคลือ่ นท่ขี องตกุ๊ ตาตดิ สปรงิ
22. ครตู ง้ั คำถามกระตุ้นความสนใจกบั นักเรยี นเก่ยี วกับ “การกระจัดของลูกตุ้มนาฬิกาและสปริงในการ
เคล่ือนทีแ่ บบสัน่ เป็นอย่างไร” (ทิ้งชว่ งให้นกั เรียนคิด) แลว้ สุ่มถามนกั เรียนเป็นรายบุคคล โดยจะยัง
ไมเ่ ฉลยคำตอบถูกหรอื ผิด
23. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ กั เรียนทราบ
24. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “ความเร่งในการเคลือ่ นที่แบบ
สั่น มลี กั ษณะเฉพาะอย่างไร”
(แนวตอบ : ความเร่งในการเคลื่อนที่แบบสั่นเป็นความเร่งที่ไม่คงตัว ขนาดของความเร่งจะแปรผัน
ตรงกับขนาดของการกระจัดจากตำแหน่งสมดุล ซง่ึ ขนาดของความเร่งจะมคี ่าสูงสุดทต่ี ำแหน่งไกลสุด
ของการส่นั และมีคา่ เปน็ ศนู ยท์ ต่ี ำแหน่งสมดลุ โดยความเรง่ มีทิศพุง่ ออกจากจดุ สมดลุ ตลอดเวลาและ
มที ศิ ตรงข้ามกบั การกระจัดตลอดเวลา)
25. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั ตั้งคำถามท่ีต้องการรูจ้ ากเน้ือหาท่เี ก่ยี วข้องกบั เรื่อง การเคลื่อนทแี่ บบสน่ั
ข้นั สอน
สำรวจค้นหา (Explore)
38. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา เรอื่ ง การเคลอ่ื นท่ีแบบส่ัน ในส่วนของหวั ข้อ การแกวง่ ของวัตถุติดปลายเชือก
จากหนังสือเรียน
39. ครแู บ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กล่มุ ละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตามผลสัมฤทธ์ิ
(เกง่ ปานกลาง อ่อน) ให้อยูใ่ นกลุม่ เดียวกนั เพือ่ รว่ มกนั ศึกษากิจกรรม การเคลื่อนท่แี บบแกวง่ จาก
หนงั สือเรยี น โดยให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มกำหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนมบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น
a. สมาชกิ คนท่ี 1 : เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์
b. สมาชิกคนที่ 2 : อ่านและศึกษาวธิ ปี ฏบิ ัตกิ จิ กรรม แล้วนำมาอธิบายสมาชิกในกลมุ่
c. สมาชิกคนท่ี 3 : บันทกึ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม
d. สมาชกิ คนที่ 4-5 : คน้ คว้าเพมิ่ เติม หาแหล่งขอ้ มูลอา้ งองิ เพ่อื สนบั สนุนการปฏบิ ัติกจิ กรรม
e. สมาชิกคนท่ี 6 : นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
40. ครูช้ีแจงจุดประสงค์ของกิจกรรมใหน้ ักเรียนทราบ เพื่อเปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิทถี่ ูกต้อง
41. ครูให้ความรู้เพ่มิ เตมิ หรือเทคนิคเก่ยี วกับการปฏิบตั ิกจิ กรรม จากนนั้ ใหน้ ักเรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามขั้นตอน
42. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกนั
43. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อนำส่ง
ครเู ป็นการตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
อธิบายความรู้ (Explain)
18. ครใู ห้แต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมาหนา้ ชัน้ เรยี น เพ่ือนำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม
19. ครสู ุม่ นกั เรยี นเพ่อื ถามคำถามท่เี กย่ี วข้องกับกิจกรรม เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจหลังปฏบิ ตั ิกิจกรรม
20. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลท้ายกิจกรรมและสรปุ ความร้รู ่วมกนั
ชัว่ โมงท่ี 2
ขั้นสอน
สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครใู ห้นักเรยี นจบั คู่กบั เพอ่ื นอย่างอิสระ แลว้ รว่ มกันศึกษาเก่ยี วกับ การส่ันของวตั ถุตดิ ปลายสปริง
2. ครูมอบหมายให้แต่ละคู่พูดคุยเกย่ี วกับเน้ือหาทกี่ ำลังศึกษา แล้วเขยี นสรุปลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครสู ่มุ นกั เรยี นออกมาหนา้ ชัน้ เรียน จากนั้นครใู ห้นกั เรยี นอภปิ รายผลการศกึ ษาของคูต่ นเองให้เพื่อน
ในชั้นเรยี นฟัง โดยครูอาจอธิบายเพมิ่ เตมิ จากส่งิ ทน่ี กั เรยี นได้อภิปราย
2. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม จาก
หนังสือเรยี น ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตัว แลว้ นำมาสง่ ครทู ้ายช่วั โมง
3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบสั่น จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 เป็นการบา้ น แล้วมาสง่ ครูในชวั่ โมงถดั ไป
ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
22. ครนู ำอภิปรายสรปุ เนือ้ หา โดยเปดิ PowerPoint เร่ืองทสี่ อนไปแลว้ ควบค่ไู ปด้วย
23. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเกย่ี วกบั สิ่งทสี่ งสยั หรือยังไมเ่ ขา้ ใจเพ่มิ เตมิ
24. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคลื่อนที่แบบสั่น และยกตัวอย่าง
กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบสั่น ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้งตกแต่งให้
สวยงาม
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน)
25. ครสู มุ่ เลือกนกั เรยี นออกไปนำเสนอผงั มโนทัศน์ของตนเองหน้าชน้ั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
26. ครูให้นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง ด้วยกรอบ Self Check เรื่อง แรงและการเคลือ่ นท่ี
จากหนังสอื เรียน ลงในสมดุ บนั ทกึ ประจำตัว
27. ครูมอบหมายให้นักเรียนอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่แบบสั่นและทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แรงและการเคลื่อนท่ี จากหนังสือเรียน โดยทำลงในสมุดบันทึกประจำตัวเป็น
การบา้ น แลว้ รวบรวมส่งครูเพ่ือตรวจสอบและให้คะแนน
28. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั เรียนของนกั เรียน
ข้ันสรปุ
ตรวจสอบผล (Evaluate)
28. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ การเคลื่อนที่แบบสั่น เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีความ
เขา้ ใจในเน้ือหาท่ีได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดียวกัน และเปน็ ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง โดยครูให้นักเรียน
เขยี นสรุปความรูล้ งในสมุดบันทกึ ประจำตัว
29. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจหลงั เรียนของนักเรยี น
30. ครูตรวจแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง การเคลอ่ื นที่แบบสนั่ ในสมุดบันทกึ ประจำตวั
31. ครูตรวจแบบฝกึ หัดจาก Unit Question หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 แรงและการเคลื่อนที่ ในสมุดบันทึก
ประจำตวั
32. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง Self Check จากหนังสือเรียน ในสมุดบันทึก
ประจำตัว
33. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลื่อนที่แบบสั่น จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ กิ ส์) ม.5
34. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกล่มุ
ครวู ัดและประเมินผลจากช้นิ งานการสรุปเนื้อหา เรอ่ื ง การเคลอื่ นทแี่ บบส่ัน ท่นี ักเรียนได้สร้างขึ้นจาก
ขน้ั ขยายความเข้าใจเป็นรายบคุ คล
18. สอ่ื การสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แรงและการเคลื่อนท่ี
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 แรงและการเคลื่อนท่ี
3) แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรูท่ ี่ 1 แรงและการเคลื่อนท่ี
4) PowerPoint เร่ือง การเคลื่อนที่แบบส่ัน
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
10) ห้องเรยี น
11) ห้องสมุด
12) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
19. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- นกั เรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในช้ัน - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม ตอบคำถามได้ถูกต้อง
ร้อยละ 80
- นกั เรียนสามารถอธิบาย เรียน การเรียนรู้
- นักเรยี นสามารถ
ลกั ษณะของการเคล่ือนที่ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ร้อยละ 80
แบบสน่ั ได้
- นักเรียนส่งงานตาม
- นกั เรียนสามารถ กำหนดเวลา
ยกตัวอย่างกิจกรรมใน
ชวี ิตประจำวันที่เกีย่ วขอ้ ง
กับการเคล่ือนท่ีแบบสน่ั ได้
2) ด้านกระบวนการ (P) - การทำแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด
นักเรยี นสามารถนำ
หลกั การของการเคล่อื นที่
แบบสั่นไปประยุกต์ใชใ้ น
ชวี ติ ประจำวนั ได้
3) คุณลักษณะอันพึง - การส่งสมุด - สมุด
ประสงค์ (A)
นักเรียนมคี วามสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากร้อู ยากเหน็
และทำงานรว่ มกบั ผู้อนื่
อย่างสร้างสรรค์
12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ / หรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………
ลงช่อื ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสุกัญญา หมื่นยิง่ )
........./............../.............
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................
ลงชอ่ื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสริ ภัทร เสารท์ า้ ว)
........./............../...........
4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรอื ผ้ทู ่ไี ด้รับมอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพิน หอมสุข)
........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สธุ รี ะกูล)
ครชู ำนาญการพิเศษ รกั ษาการในตำแหน่ง
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบรุ ี
........./............../.............
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์)
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 แรงในธรรมชาติ เร่ือง แรงจากสนามโน้มถว่ ง เวลา 5 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลือ่ นท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ัด
ว 2.2 ม.4-6/6 สบื ค้นข้อมูลและอธิบายแรงโนม้ ถว่ งทีเ่ กย่ี วกบั การเคลอื่ นท่ีของวตั ถตุ า่ ง ๆ รอบโลก
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
2.19 นกั เรียนสามารถอธบิ ายแรงท่ีเกีย่ วขอ้ งกับสนามโนม้ ถว่ งทมี่ ีต่อการเคลอ่ื นที่ของวตั ถไุ ด้ (K)
2.20 นกั เรียนสามารถทดลองและอธบิ ายการเคล่ือนทขี่ องวัตถใุ นสนามโน้มถ่วงได้ (P)
2.21 นกั เรยี นมีความสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ และทำงานรว่ มกับผู้อนื่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
3. สาระสำคญั
ในบริเวณท่มี สี นามโน้มถว่ ง เม่ือมวี ตั ถุที่มีมวลจะมีแรงโน้มถว่ งซง่ึ เป็นแรงดึงดูดของโลกกระทำต่อวัตถุ
แรงนี้นำไปใช้อธบิ ายการเคล่อื นที่ของวัตถุต่าง ๆ เช่น ดาวเทียม และดวงจนั ทรร์ อบโลก
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เขยี นให้สอดคลอ้ งกับแผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. เนอ้ื หาสาระ
ในบริเวณทมี่ สี นามโน้มถว่ ง (gravitational field) จะมแี รงโนม้ ถว่ งและแรงดงึ ดูดของโลกกระทำต่อ
วตั ถุทำให้ส่ิงต่าง ๆ มีนำ้ หนกั และเคลื่อนท่ีลงตามทศิ ของความเร่งเนอื่ งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก เม่ือไมค่ ิดแรง
ต้านอากาศหรือแรงตา้ นการเคล่อื นทใี่ ด ๆ จะเรยี กวา่ การตกแบบเสรี
6. จุดเนน้ สกู่ ารพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน ทกั ษะศตวรรษที่ 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะด้านการส่อื สารสนเทศ และร้เู ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)
ทกั ษะดา้ นชวี ติ และอาชีพ
ความยืดหยนุ่ และการปรับตวั
การรเิ ริม่ สร้างสรรค์และการเปน็ ตัวของตัวเอง
ทักษะสงั คม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
การเป็นผสู้ รา้ งหรือผู้ผลิต และความรบั ผดิ ชอบเชอื่ ถือได้
ภาวะผ้นู ำและความรับผิดชอบ
คณุ ลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
คณุ ลกั ษณะดา้ นการทำงาน ได้แก่ การปรับตวั ความเปน็ ผนู้ ำ
คุณลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
คุณลกั ษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อื่น ความซ่ือสัตย์ สำนึกพลเมือง
7. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู)้ (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจุดประสงค์)
- การตอบคำถามในชนั้ เรียน
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมุด
- การส่งใบงาน
8. บูรณาการกบั แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความรมู้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จดั การเรยี นร้ตู รงตามหลักสตู ร ตัวชีว้ ัด/ผล ความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างมีเหตุผล
การเรียนรทู้ คี่ าดหวัง
ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นกั เรียนสามารถวางแผนการทำงาน
มีภูมคิ ุ้มกันใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน หรือการทำกจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
ตัวท่ีดี จดั การเรียนรู้ และปลอดภัย
นกั เรยี นสามารถจับใจความสำคญั
เงอื่ นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรู้ตามแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี และสรปุ องค์ความรู้จากเร่ืองท่ีเรยี นได้
เงื่อนไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล
นกั เรียนมีความใฝ่เรยี นรแู้ ละมุ่งม่นั ใน
มีความเสมอภาค และช่วยเหลอื นกั เรียน การทำงาน
ถ่ายทอดความรูท้ ั้งหมดโดยไม่ปิดปงั เพ่ือ
ความเจรญิ ก้าวหน้าของนักเรียน
9. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1-2
ขั้นนำ
กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
26. ครูถามคำถามกับนักเรยี นพร้อมการสาธิต เช่น ครูถือแปรงลบกระดานโดยยื่นแขนออกไปดา้ นหน้า
ลำตัวให้แปรงลบกระดานอยู่ในระดับเดียวกับไหล่ จากนั้นครูปล่อยแปรงลบกระดาน แล้วถาม
คำถามกับนักเรียนว่า “แปรงลบกระดานตกลงสพู่ ้ืนเพราะเหตใุ ด”
(แนวตอบ : วัตถใด ๆ จะตกลงสู่พื้นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดวัตถุนั้น ๆ ซึ่งในกรณีนี้แรง
โนม้ ถว่ งของโลกดึงดูดแปรงลบกระดาน แปรงลบกระดานจงึ ตกลงสู่พ้ืน)
27. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ
28. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็นรายบุคคลก่อน
เขา้ สู่กจิ กรรม
29. ครูถามคำถามนำเข้าสู่บทเรียน โดยใช้คำถาม Big Question จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ว่า “แรงพื้นฐานมีกี่ชนิด และแต่ละชนิดมีลักษณะ
อยา่ งไร”
(แนวตอบ : แรงพื้นฐานในธรรมชาตมี 4 ชนิด โดยเป็นแรงเชิงสนาม ได้แก่ แรงจากสนามโน้มถ่วง
แรงจากสนามไฟฟา้ แรงจากสนามแมเ่ หล็ก และแรงในนวิ เคลียส)
30. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนจาก Understanding Check จากหนังสือเรียน
ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
(แนวตอบ : 1. ถกู 2. ถูก 3. ถูก 4. ถกู 5. ผดิ )
31. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “แรงโน้มถ่วงของโลกส่งผล
อยา่ งไรตอ่ ส่งิ ตา่ ง ๆ บนพื้นผิวโลก”
(แนวตอบ : แรงโนม้ ถว่ งส่งผลให้เกิดแรงดึงดูดกระทำต่อมวลของวัตถุ โดยมีทิศทางตามสนามโน้มถ่วง
ซง่ึ พุ่งเข้าสศู่ นู ย์กลางของโลก)
32. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสนทนาทบทวนความรู้เดิมเกีย่ วกับ แรงและการเคล่ือนที่ เพิม่ เชื่อมโยงเข้าสู่
เนอื้ หาที่กำลงั จะศึกษา
ข้ันสอน
สำรวจค้นหา (Explore)
44. ครใู หน้ ักเรยี นสบื เสาะหาความรู้ เรือ่ ง แรงโนม้ ถ่วงและสนามโน้มถว่ ง จากหนงั สือเรยี น
45. ครูอภิปรายกับนักเรียน โดยให้นักเรียนสังเกตภาพ สนามโน้มถ่วงของโลกมีทิศพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง
ของโลก จากหนังสือเรียน ครถู ามคำถามชวนคดิ กบั นกั เรยี นว่า “แล้วดาวดวงอนื่ ๆ มีสนามโน้มถ่วง
เหมอื นโลกหรือไม่ อยา่ งไร” โดยครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนไดแ้ สดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระ
46. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วงของโลก จากหนังสือ
เรยี น
47. ครูใหน้ กั เรียนจับกลมุ่ กับเพอื่ นอย่างอิสระกลุ่มละ 3-4 คน
48. ครูให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับส่ิงทีต่ นเองได้ศึกษามา จากนั้นร่วมกันอภิปรายเป็น
ผลการศกึ ษาของกลุม่
49. ครูให้นักเรียนจดบันทึกสรุปเน้ือหา เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถใุ นสนามโนม้ ถ่วงของโลก ลงในสมุด
บันทึกประจำตวั ของแต่ละคน เพอ่ื นำสง่ ครูหลงั จบกจิ กรรมการเรียนรู้
อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสุม่ บางกลมุ่ ออกมาหนา้ ชนั้ เรียน จากนัน้ ใหน้ กั เรียนนำเสนอผลการศึกษาของกล่มุ ตนเอง
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับ ความเร็วขณะเวลาต่าง ๆ ของวัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่งใน
สนามโนม้ ถ่วงของโลก โดยครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาจากหนังสือเรียนควบคู่ไปกบั การทค่ี รูอธิบาย เพ่ือให้
เกิดความเข้าใจในเนอื้ หาส่วนนน้ั มากยง่ิ ขึ้น
ช่วั โมงที่ 3-4
ขน้ั สอน
สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครถู ามนักเรียนว่า “นกั เรียนชั่งน้ำหนักคร้ังล่าสดุ เมื่อไร และน้ำหนักที่ได้เท่ากับเท่าไร” โดยครูถาม
นักเรยี นตามเลขท่ี แล้วจดบันทึกลงในใบรายชอ่ื
2. ครสู ุ่มนกั เรยี นออกมาหน้าชัน้ เรียน จากนนั้ ครใู ห้นักเรยี นขนึ้ บนเครอ่ื งชง่ั เพ่อื ชัง่ นำ้ หนักปจั จบุ ัน
3. ครถู ามคำถามชวนคิดกับนักเรียนว่า “ตัวของนักเรียนมีมวลกี่กโิ ลกรัม” เพ่อื ตรวจสอบความรู้เดิมของ
นกั เรยี นและเช่ือมโยงสู่เนื้อหาท่ีกำลังจะศึกษา โดยครูยงั ไมเ่ ฉลยว่าคำตอบทน่ี ักเรยี นตอบน้ันถูกหรือผิด
4. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา เร่อื ง น้ำหนัก จากหนงั สอื เรยี น
5. ครถู ามคำถามเดิมกับนักเรียนวา่ “ตวั ของนักเรียนมีมวลก่ีกโิ ลกรัม” เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลัง
ศึกษาเนอื้ หา เรอ่ื ง น้ำหนัก จากหนงั สือเรยี น
(แนวตอบ : ขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่ชั่งได้จากเครื่องชั่งแล้วนำไปคำนวณจากสมการ W=mg จะทำให้
ทราบมวลของนกั เรยี นแตล่ ะคน)
6. ครูแจกเศษกระดาษท่ีเกดิ จากการแบ่งกระดาษขนาด A4 เปน็ 4 สว่ น เทา่ ๆ กนั ให้นักเรียน
7. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูงกับนักเรียนว่า “หากโลกไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง จะส่งผลต่อสิ่งต่าง ๆ
บนโลหหรือไม่ อย่างไร” โดยครูให้นักเรียนเขียนคำตอบลงในเศษกระดาษที่ครูแจกให้ เสร็จแล้ว
ตวั แทนนกั เรียนเก็บรวบรวมส่งครู
(แนวตอบ : แรงโน้มถ่วงเป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุ ส่งผลให้วัตถเุ คล่ือนท่ีลงสู่ผวิ โลกเสมอ แรงโน้มถ่วง
มที ศิ พุ่งเข้าสู่ศนู ย์กลางของโลก หากไร้ซงึ่ แรงโนม้ ถ่วงจะสง่ ผลใหว้ ัตถุลอยข้นึ ไปในอากาศเช่นเดียวกับ
ในอวกาศ หรอื เรียกวา่ สภาพไร้น้ำหนกั )
8. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มกับเพ่ือนอย่างอิสระ กลมุ่ ละ 5-6 คน จากนน้ั ครมู อบหมายให้นักเรียนศึกษา
กจิ กรรม แรงทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนทีข่ องวตั ถใุ นสนามโน้มถ่วงของโลก จากหนงั สอื เรียน
(หมายเหต:ุ ครเู ร่ิมประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)
อธบิ ายความรู้ (Explain)
21. เม่อื ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเสรจ็ แล้ว ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตัว
22. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มรว่ มกันพดู คุยเก่ียวกับผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แลว้ อภิปรายผลเป็นข้อสรปุ ของกลมุ่
23. ครสู ่มุ สมาชกิ กลมุ่ ละ 1 คน ออกมาหน้าช้นั เรียน แลว้ ใหน้ ำเสนอผลการการปฏิบัติกิจจกรมจากการ
อภิปรายร่วมกันภายในกลุ่มของตนเอง
24. ครูสนทนากับนักเรียนแลว้ รว่ มกนั อภปิ รายผลการศึกษากจิ กรรม การเคลื่อนทขี่ องวตั ถุในสนามโน้ม
ถว่ งของโลก
ชั่วโมงที่ 5
ข้นั สอน
สำรวจคน้ หา (Explore)
14. ครสู นทนากับนักเรยี นเก่ยี วกบั แรงโนม้ ถ่วง สนามโนม้ ถว่ ง และน้ำหนกั เพ่อื ทบทวนความรู้
15. ครูให้นกั เรียนศึกษา เรือ่ ง ประโยชนจ์ ากสนามโนม้ ถ่วง จากหนงั สือเรียน
อธิบายความรู้ (Explain)
10. ครสู ุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ้ อกมาหนา้ ชนั้ เรยี น
11. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้ เรื่อง สนามโน้มถ่วงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดย
หา้ มซ้ำกับหนังสือเรียน และห้ามซำ้ กบั เพ่อื น
12. ครแู จกใบงานที่ 2.1 เร่ือง แรงจากสนามโนม้ ถว่ ง ให้นักเรียนนำกลบั ไปศึกษาเป็นการบ้าน
ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
29. ครนู ำอภปิ รายสรุปเนือ้ หา โดยเปิด PowerPoint เรื่อง สนามโน้มถว่ ง ให้นกั เรยี นศกึ ษาควบคู่ไปด้วย
30. ครใู หน้ ักเรยี นทำสรุปผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) เรือ่ ง แรงจากสนามโนม้ ถว่ ง ลงในกระดาษ
A4 พรอ้ มทงั้ ตกแตง่ ให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน)
31. ครสู มุ่ เลือกนกั เรียนออกไปนำเสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหนา้ ช้นั เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)