The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sirapat.sa, 2022-11-29 02:15:15

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทย์ฯกายภาพ

ilovepdf_merged (1)

ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

29. เนือ้ หาสาระ
เทคโนโลยพี ลงั งานเปน็ การนำความรู้และทักษะกระบวนการวทิ ยาสาสตรม์ าสร้างอุปกรณ์ เชน่ เซลล์

เชอื้ เพลงิ เซลลส์ รุ ิยะ เอทานอล ไบโอดีเซล แก๊สชวี ภาพ เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื ตอบสนองความต้องการด้าน
พลังงาน ซ่ึงชว่ ยใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดในการใชพ้ ลงั งานและลดปญั หาสงิ่ แวดล้อม ทำให้การใช้พลงั งานมี
ประสทิ ธิภาพยิ่งขึ้น

30. จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะดา้ นการส่ือสารสนเทศ และรู้เทา่ ทันสื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะด้านชวี ติ และอาชีพ
 ความยดื หยุน่ และการปรับตวั
 การริเริม่ สร้างสรรค์และการเป็นตัวของตวั เอง
 ทักษะสังคม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
 การเปน็ ผสู้ รา้ งหรอื ผู้ผลติ และความรับผิดชอบเชือ่ ถือได้
 ภาวะผนู้ ำและความรับผิดชอบ

คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
 คณุ ลักษณะดา้ นการทำงาน ได้แก่ การปรับตวั ความเปน็ ผู้นำ
 คุณลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ได้แก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง
 คณุ ลักษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซ่ือสัตย์ สำนึกพลเมือง

31. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจุดประสงค)์
- การตอบคำถามในชั้นเรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การสง่ สมดุ
- การทำใบงาน

32. บูรณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง


ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรียนสามารถนำความรู้มาใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จดั การเรยี นรตู้ รงตามหลักสตู ร ตัวช้ีวัด/ผล ความคิดเหน็ ไดอ้ ย่างมีเหตผุ ล
การเรียนรู้ท่คี าดหวงั นกั เรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง
มภี มู ิคุม้ กันใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตัวท่ีดี จดั การเรยี นรู้ นักเรยี นสามารถจับใจความสำคญั
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเรอ่ื งทเี่ รยี นได้
เง่อื นไขความรู้ ถ่ายทอดความรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรียนมีความใฝเ่ รยี นรูแ้ ละมุง่ ม่ันใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และช่วยเหลือนักเรียน
ถ่ายทอดความรู้ท้ังหมดโดยไม่ปดิ ปัง เพื่อ
ความเจริญก้าวหนา้ ของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงที่ 1

ขน้ั นำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ให้นักเรยี นทราบ
2. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรียน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 เพื่อกระตุ้น
ความสนใจของนักเรียนว่า “เหตุผลหลักของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานคือสิ่งใด” และให้
นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคำถามปากเปลา่ โดยไมม่ กี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผดิ
(แนวตอบ : เพื่อแกป้ ัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการด้านพลงั งานที่มีมากขน้ึ )
3. ครสู นทนากบั นักเรยี นต่อโดยถามคำถามกับนักเรียนวา่ ตามความคดิ ของนักเรยี น มอี ะไรบ้างท่ีเป็น
เทคโนโลยดี า้ นพลงั งาน ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบคำถามปากเปล่าโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถกู หรือผิด
4. ครูใหน้ ักเรียนต้ังคำถามเก่ียวกบั สิ่งท่ตี ้องการเรียนร้เู ก่ียวกับ เรื่อง เทคโนโลยดี า้ นพลังงาน แลว้ บนั ทึก
เป็นขอบเขตและเป้าหมายทต่ี อ้ งการเรยี นรู้ ลงในสมุดเพื่อนำมาสง่ ครู
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

ขัน้ สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครูให้นักเรยี นศึกษา เรื่อง เทคโนโลยดี า้ นพลงั งาน จากหนังสอื เรยี น


2. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเซลล์เชื้อเพลิง เซลล์สุริยะ เอทานอล
ไบโอดีเซล และแก๊สชีวภาพ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ เช่น อินเทอร์เน็ต เพื่อศึกษาประกอบกับ
เน้ือหาจากหนงั สอื เรยี น

3. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แบบคละความสามารถ (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-
อ่อน) อย่ใู นกลุ่มเดยี วกัน

4. ครูให้นักเรียนร่วมกันพูดคุยและอภิปรายร่วมกันภายในกลุ่ม จากข้อมูลที่สมาชิกแต่ละคนได้ศึกษา
คน้ คว้ามาเบ้ืองตน้ แลว้

ช่วั โมงท่ี 2

ขนั้ นำ

สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ)
5. ครูแจกกระดาษฟลปิ ชารต์ ให้นักเรยี นกลุ่มละ 1 แผน่
6. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนสรุปองค์ความรู้หลังจากที่ไดอ้ ภิปรายผลการศึกษาร่วมกัน
แล้ว โดยรว่ มกันสรา้ งสรรคร์ ปู แบบการนำเสนอใหม้ ีเนื้อหาครบถ้วน มคี วามนา่ สนใจ สามารถเข้าใจ
ไดง้ า่ ย และมีความสวยงาม
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
7. ครกู ำหนดเวลาในการสร้างสรรคผ์ ลงานใหน้ ักเรยี น เมอ่ื ครบกำหนดเวลาตามท่ีกำหนด ครใู หน้ กั เรียน
แตล่ ะกลุ่มนำผลงานของตนเองไปแปะไวท้ ผี่ นงั โดยรอบห้องเรียน
8. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเดนิ ชมผลงานพร้อมฟังการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม โดยครูส่มุ กลุ่มท่ีจะนำเสนอ
เป็นลำดับแรก จากนั้นครูและนักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ไปรวมตัวกันที่หน้าผลงานของกลุ่มที่นำเสนอ
จากน้ันก็วนไปทีละกลุม่ จนครบทุกกลุม่
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
9. ขณะทเ่ี พ่ือนกำลังนำเสนอผลงาน ครใู หน้ กั เรียนกลุ่มอ่ืน ๆ ท่ีไม่ไดเ้ ป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกันจดบันทึก
ส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นรู้จากการนำเสนอของกลุ่มน้นั ๆ ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
10. เมื่อนำเสนอผลงานครบทุกกลุ่มแล้ว ครูให้นักเรียนกลับเข้ากลุ่มของตนเอง แล้วร่วมกันพูดคุย
ประเมนิ ผลงานพร้อมใหค้ ะแนนผลงานของแตล่ ะกลุ่ม รวมท้ังกล่มุ ของตนเองพร้อมเหตุผลประกอบ
ลงในกระดาษ A4 แลว้ รวบรวมสง่ ครู

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูอธิบาย เรื่อง เทคโนโลยีด้านพลังงาน ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง โดยเปิด PowerPoint เรื่อง
เทคโนโลยีด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการอธิบายเนื้อหาจากหนังสือเรียน เพื่อเป็นการสรุปเนื้อหา
และสร้างความเข้าใจของนักเรียนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันมากยง่ิ ข้ึน
2. ครสู ุ่มนักเรยี นแลว้ ถามคำถามกบั นักเรยี น เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นในเบ้ืองต้น
• เซลลเ์ ช้อื เพลงิ คืออะไร
(แนวตอบ : เป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าจากปฏิกิริยาเคมี เซลล์เชื้อเพลิงประกอบด้วย
ข้ัวแอโนด ขวั้ แคโทด และสารพาประจ)ุ


• เซลลส์ รุ ิยะ คืออะไร
(แนวตอบ : เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทีเ่ ปล่ียนพลงั งานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง
เซลลส์ รุ ยิ ะสร้างจากสารกงึ่ ตัวนำ)

• เอทานอลเปน็ ผลิตภัณฑท์ ี่ได้มาจากส่งิ ใด
(แนวตอบ : ได้มาจากการหมักผลิตผลทางการเกษตรท่ีมีน้ำตาลหรือแปง้ เปน็ องค์ประกอบ)

• กระบวนการทีใ่ ชใ้ นการผลิตไบโอดีเซลคืออะไร
(แนวตอบ : กระบวนการทรานสเ์ อสเทอริฟเิ คชัน (transesterification process))

• จงยกตัวอยา่ งประโยชน์ของแก๊สชวี ภาพ
(แนวตอบ : ใช้เป็นแก๊สหุงต้มแทนแก๊สธรรมชาติ ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ ใช้เป็น
เช้ือเพลิงใหค้ วามร้อน เปน็ ต้น)

3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง เทคโนโลยีด้านพลังงาน จาก
หนงั สือเรียน ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตวั และรวบรวมสง่ ครูทา้ ยชัว่ โมง

4. ครแู จกใบงานที่ 3.3 เร่อื ง เทคโนโลยีด้านพลงั งาน ใหน้ ักเรียนนำกลับไปทำเปน็ การบา้ น

ช่วั โมงท่ี 3

ข้ันสอน

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูเก็บรวบรวมใบงานท่ี 3.3 เรื่อง เทคโนโลยีด้านพลงั งาน ทีใ่ หน้ กั เรยี นนำกลบั ไปทำเปน็ การบา้ น
2. ครใู หน้ ักเรยี นทำสรุปผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เรอื่ ง เทคโนโลยดี ้านพลังงาน ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน)
3. ครูอธบิ ายสรปุ ความรู้อกี ครงั้ โดยให้นักเรยี นดู Summary เรือ่ ง พลงั งาน จากหนังสือเรียน
4. ครูสมุ่ เลอื กนักเรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหน้าชั้นเรียน
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
5. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง เทคโนโลยีด้านพลังงาน จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5
6. ครูให้นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง ด้วยกรอบ Self Check เรื่อง พลังงาน จากหนังสอื
เรียน ลงในสมุดบันทกึ ประจำตัว
7. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงาน จาก
หนังสือเรยี น เป็นการบ้าน โดยทำลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว แล้วรวบรวมสง่ ครูเพื่อตรวจสอบและ
ใหค้ ะแนน
8. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนของนักเรียน

ขั้นสรุป

ตรวจสอบผล (Evaluate)


1. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ ความร้เู ก่ยี วกับ เทคโนโลยดี า้ นพลังงาน เพ่ือให้นักเรียนทุกคนไดม้ ีความ
เขา้ ใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกนั และเป็นความเข้าใจท่ถี ูกตอ้ ง โดยครูให้นักเรยี น
เขยี นสรปุ ความร้ลู งในสมุดบันทึกประจำตวั

2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจหลังเรียนของนักเรยี น
3. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 3.3 เรอ่ื ง เทคโนโลยดี า้ นพลังงาน
4. ครูตรวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เร่อื ง เทคโนโลยดี า้ นพลงั งาน ในสมุดบันทึกประจำตวั
5. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรือ่ ง เทคโนโลยีดา้ นพลังงาน จากแบบฝึกหัด รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์

กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5
6. ครูตรวจแบบฝึกหัดจาก Unit Question หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 พลงั งาน ในสมุดบันทึกประจำตัว
7. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง Self Check จากหนังสือเรียน ในสมุดบันทึก

ประจำตัว
8. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ

ทำงานกลุ่ม
9. ครวู ัดและประเมินผลจากชน้ิ งานการสรุปเนื้อหา เร่อื ง เทคโนโลยีด้านพลังงาน ทนี่ ักเรียนได้สร้างขึ้น

จากขั้นขยายความเข้าใจเปน็ รายบคุ คล

34. สื่อการสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 ส่ือการเรียนรู้
12) หนงั สือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 พลงั งาน
13) ใบงานที่ 3.3 เรื่อง เทคโนโลยีด้านพลงั งาน
14) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 พลงั งาน
15) PowerPoint เร่ือง พลงั งาน
16) กระดาษฟลปิ ชารต์
10.2 แหล่งการเรียนรู้
34) ห้องเรยี น
35) หอ้ งสมดุ
36) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

35. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน

1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในช้ัน - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม - นักเรียนสามารถ
- นักเรียนสามารถอธิบาย เรียน การเรียนรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
การเปล่ียนพลงั งาน ร้อยละ 80
ทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟา้
ได้


- นักเรียนสามารถ - ใบงานที่ 3.3 - นกั เรียนสามารถ
อภิปรายเก่ยี วกบั การนำ - ใบงาน ตอบคำถามได้ถูกต้อง
เทคโนโลยีมาแก้ปัญหา ร้อยละ 80
ด้านพลังงานได้
- นักเรียนส่งงานตาม
2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำใบงานที่ 3.3 กำหนดเวลา
นกั เรยี นสามารถนำเสนอ
ผลงาน เรอื่ ง เทคโนโลยี
ดา้ นพลงั งาน ได้อย่าง
ครบถ้วนและเป็นลำดับ
ขนั้ ตอน

3) คุณลกั ษณะอันพึง - การส่งใบงาน
ประสงค์ (A)
นกั เรียนมีความสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรูอ้ ยากเหน็

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ / หรอื ผ้ทู ีไ่ ด้รับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอ่ื ผ้ตู รวจแผน
(นางสาวสุกญั ญา หม่นื ยง่ิ )
........./............../.............


บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นางฉวีวรรณ สุธรี ะกูล)

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์)

ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 คล่นื เร่อื ง คลน่ื กล เวลา 6 ชั่วโมง

33. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์

ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั เสียง แสง
และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์

ตวั ช้วี ดั
ว 2.3 ม.4-6/3 สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหักเห การเล้ียวเบน และการรวมคลื่น
ว 2.3 ม.4-6/4 สงั เกตและอธบิ ายความถ่ีธรรมชาติ การส่ันพ้อง และผลท่เี กิดขึ้นจากการสั่นพอ้ ง

34. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.46 นกั เรยี นสามารถอธิบายรูปรา่ งและชนดิ ของคล่นื กลได้ (K)
2.47 นักเรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะทส่ี ำคญั ของคล่ืนกลได้ (K)
2.48 นักเรียนสามารถทำการทดลองเพอื่ ศกึ ษาสมบตั ิของคลื่นกลได้ (P)
2.49 นกั เรยี นมีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A)

35. สาระสำคญั
เมือ่ คลน่ื เคลือ่ นท่ีไปพบสง่ิ กีดขวาง จะเกดิ การสะทอ้ น เมือ่ คลืน่ เคลื่อนทผ่ี ่านรอยต่อระหวา่ งตวั กลางที่

ตา่ งกัน จะเกิดการหกั เห เมื่อคลนื่ เคลื่อนที่ไปพบขอบสง่ิ กีดขวางจะเกิดการเล้ยี วเบนเมื่อคล่นื สองขบวนมาพบ
กนั จะเกิดการรวมคลืน่ เกิดรูปรา่ งของคลื่นรวม หลงั จากคลื่นทงั้ สองเคล่ือนทผี่ า่ นพ้นกนั แลว้ จะแยกกัน โดยแต่
ละคลนื่ ยังคงมรี ปู ร่างและทศิ ทางเดิม

เม่ือกระตุน้ ใหว้ ตั ถุส่นั แลว้ หยุดกระตุ้น วตั ถจุ ะส่ันดว้ ยความถที่ ่ีเรียกวา่ ความถธ่ี รรมชาติ ถา้ มแี รง
กระตุน้ วตั ถุท่ีกำลงั สน่ั ด้วยความถ่ขี องการออกแรงตรงกับความถธ่ี รรมชาตขิ องวัตถนุ ั้นจะทำใหว้ ตั ถุส่นั ดว้ ยแอม
พลจิ ูดมากขึ้น เรยี กว่า การส่ันพอ้ ง เชน่ การสน่ั พ้องของอาคารสงู การส่นั พ้องของสะพาน การส่ันพ้องของเสยี ง
ในเครอ่ื งดนตรปี ระเภทเปา่

36. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (เขยี นให้สอดคล้องกับแผนน้ี)


ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

37. เนอื้ หาสาระ
คลืน่ เกดิ จากอนภุ าคถูกรบกวนใหเ้ สียสมดุลแล้วถา่ ยโอนพลังงานดว้ ยการแผ่ออกไปทกุ ทิศทาง ใน

แนวเสน้ ตรง อนุภาคทท่ี ำให้เกดิ คลื่นจะสั่นไปมาอยู่ตำแหน่งเดมิ ผา่ นแนวสมดุล โดยไมเ่ คล่อื นท่ีไปกบั คลื่นซ่ึงมี
ลักษณะเช่นเดียวกบั การส่ันแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ในการถา่ ยโอนพลงั งานนอ้ี าจมี ตวั กลางหรอื ไม่มีตวั กลาง
กไ็ ด้ ในกรณีที่มีตัวกลาง เรียกวา่ คลนื่ กล เมอื่ พิจารณาจากลักษณะการสนั่ ของอนุภาคตวั กลางขณะท่ีคลื่นกล
เคล่อื นผา่ น สามารถแบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ คลื่นตามยาว และคลนื่ ตามขวาง โดยคลน่ื ท้งั 2 ชนดิ จะมี
สมบัติ 4 ประการ คือ การสะท้อน การหักเห การเลีย้ วเบน และการแทรกสอดหรือการรวมคลนื่

38. จดุ เน้นส่กู ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทักษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทกั ษะดา้ นการสือ่ สารสนเทศ และรู้เทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทกั ษะด้านชวี ติ และอาชีพ
 ความยดื หย่นุ และการปรับตัว
 การริเร่มิ สรา้ งสรรค์และการเปน็ ตวั ของตัวเอง
 ทกั ษะสงั คม และสงั คมขา้ มวฒั นธรรม
 การเป็นผสู้ รา้ งหรือผ้ผู ลิต และความรับผิดชอบเชื่อถือได้
 ภาวะผู้นำและความรบั ผดิ ชอบ

คุณลักษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
 คุณลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเป็นผู้นำ
 คุณลักษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การชีน้ ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง
 คุณลกั ษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซื่อสตั ย์ สำนึกพลเมือง

39. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค)์
- การตอบคำถามในชัน้ เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมดุ


- การทำใบงาน

40. บูรณาการกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรียนสามารถนำความรมู้ าใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรียน ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จัดการเรยี นรู้ตรงตามหลักสูตร ตัวชวี้ ดั /ผล ความคดิ เหน็ ได้อย่างมีเหตผุ ล
การเรียนรูท้ ี่คาดหวงั นักเรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกิจกรรมได้อย่างถูกต้อง
มีภมู คิ ุ้มกนั ใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน และปลอดภัย
ตวั ทดี่ ี จดั การเรียนรู้ นักเรยี นสามารถจบั ใจความสำคัญ
และสรุปองคค์ วามรู้จากเรอ่ื งทเี่ รยี นได้
เงอื่ นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล นกั เรยี นมีความใฝ่เรยี นร้แู ละมุ่งม่นั ใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และชว่ ยเหลอื นกั เรียน
ถา่ ยทอดความรู้ท้ังหมดโดยไม่ปดิ ปงั เพื่อ
ความเจริญกา้ วหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงที่ 1

ขั้นนำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
55. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราขว้างก้อนหินลงไปในแหล่งน้ำ
หลังจากที่ก้อนหินกระทบกับผิวน้ำ นักเรียนสังเกตเห็นสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มี
ความสำคญั อยา่ งไร เหตใุ ดนำ้ บรเิ วณอืน่ ๆ ทไี่ ม่โดนก้อนหินโดยตรงจงึ ถกู รบกวนไปดว้ ย
56. ครูทงิ้ ช่วงเวลาใหน้ กั เรยี นคดิ จากนัน้ ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระ
57. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนทราบ
58. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็นรายบุคคลก่อน
เขา้ สกู่ จิ กรรม


59. ครูถามคำถามนำเข้าสู่บทเรียน โดยใช้คำถาม Big Question จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า
“สมบตั ใิ ดของคลื่นทท่ี ำใหค้ ล่ืนตา่ งจากวัตถอุ ย่างชัดเจน”
(แนวตอบ: ลักษณะการส่งผ่านพลังงาน เนื่องจากการส่งผ่านพลังงานของวัตถุหรืออนุภาคนั้น
อนุภาคจะเป็นตัวนำพาพลังงานไปถึงจุดหมาย เช่น การเตะลูกบอล มีการส่งผ่านพลังงานจากเท้า
ผ่านลูกบอล แล้วลูกบอลนั้นจะนำพาพลังงานต่อไปยังจดุ หมาย ซึ่งจะเห็นว่าลูกบอลจะเคล่ือนที่ไป
กับพลังงานนัน้ ด้วย ส่วนการส่งผา่ นพลังงานของคลื่น เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ คลื่นจะพาพลังงานไปด้วย
แต่ตวั กลางทีค่ ลน่ื เคล่ือนท่ผี ่านจะไม่ไดเ้ คลื่อนทีต่ ามคลน่ื ไป จะเคลอ่ื นท่สี นั่ ไปสน่ั มาอยู่ตำแหน่งเดิม
เช่น ใบไม้บนผิวน้ำ เมื่อคลื่นน้ำผ่านมาก็จะสั่นขึ้นลงอยู่กับที่ พอคลื่นน้ำผ่านไปใบไม้ก็จะอยู่นิ่งๆ
เหมอื นเดิม)

60. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนจาก Understanding Check จากหนังสือเรียน
ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตัว
(แนวตอบ 1. ถกู 2. ผดิ 3. ถกู 4. ถกู 5. ผดิ )

61. ครูใหน้ กั เรียนตงั้ คำถามเกย่ี วกบั ส่งิ ท่ีต้องการเรยี นรู้เก่ียวกบั เรอ่ื ง คลนื่ แล้วบนั ทึกเป็นขอบเขตและ
เป้าหมายทตี่ ้องการเรยี นรู้ ลงในสมุดเพ่อื นำมาส่งครู
(หมายเหต:ุ ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)

62. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรยี น เพือ่ เปน็ การตรวจสอบความรู้เดิมเกยี่ วกับ เรื่อง
คลื่น ของนกั เรียนว่า “คลน่ื กลมลี กั ษณะเฉพาะอย่างไร แบ่งเป็นกี่ชนิด อะไรบา้ ง”
(แนวตอบ: คลื่นกล เป็นคลื่นที่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่หรือถ่ายโอนพลังงาน ซึ่งต่างจากคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่หรือถ่ายโอนพลังงาน โดยคลื่นกลแบ่งตามลักษณะ
การส่นั เป็น 2 ชนิด ไดแ้ ก่ คลื่นตามยาว และคลนื่ ตามขวาง)

63. ครแู จ้งใหน้ กั เรยี นทราบว่าจะได้ศกึ ษาเก่ยี วกบั คลืน่ กล

ข้นั สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
98. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษา เร่ือง คลน่ื กล จากหนังสือเรียน
99. ครสู ุม่ ตวั แทนนักเรียนให้ยนื ขน้ึ เพ่ืออธิบายความหมายของคล่ืนกล จากน้นั ครสู ่มุ นักเรียนอีก 2 คน
เพ่อื อธบิ ายความหมายของคลน่ื ตามยาว และคลื่นตามขวาง
100.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วร่วมกันค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลื่นตามยาว
และคลน่ื ตามขวาง จากนั้นรว่ มกนั สรปุ แลว้ เขียนลงในสมดุ บนั ทกึ ประจำตัว
101.ครูให้นักเรียนศึกษา เรื่อง ส่วนประกอบของคลืน่ และอัตราเร็วของคลื่น จากหนังสือเรียน โดยครู
กำหนดให้นกั เรียนเขยี นสรปุ เก่ยี วกับเน้อื หาทีก่ ำลังศึกษาลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว
102.ครูให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส่วนประกอบของคลื่น และอัตราเร็วของคลื่น จาก
แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ เช่น อนิ เทอร์เนต็
103.ครูแจกใบงานท่ี 4.1 เร่อื ง องคป์ ระกอบของคลนื่ กล ใหน้ กั เรียนนำกลบั ไปศกึ ษาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ขัน้ สอน


สำรวจค้นหา (Explore)
104.ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษา เรือ่ ง สมบัติของคลื่น ในหัวข้อ การสะทอ้ น จากหนงั สือเรียน
105.ครูแนะนำให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ การสะท้อนของคลื่น จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ
เช่น อินเทอร์เน็ต เพ่ือให้ได้รับข้อมูลท่ีหลากหลาย และสร้างความเข้าใจให้ตนเองได้มากข้ึน
106.ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม
ผลสมฤั ทธิ์ (เกง่ ปานกลาง อ่อน) ใหอ้ ยใู่ นกลุม่ เดียวกนั เพ่ือร่วมกนั ศึกษากิจกรรม การสะท้อนของ
คลื่นผิวน้ำ จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่
ของตนเอง เชน่
a. สมาชกิ คนท่ี 1 : เตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์
b. สมาชิกคนที่ 2 : อา่ นและศึกษาวิธปี ฏิบัติกจิ กรรม แลว้ นำมาอธิบายสมาชกิ ในกลุ่ม
c. สมาชิกคนท่ี 3 : บันทกึ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม
d. สมาชกิ คนท่ี 4-5 : ค้นควา้ เพิ่มเติม หาแหลง่ ข้อมูลอ้างองิ เพ่อื สนบั สนนุ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
e. สมาชิกคนท่ี 6 : นำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม
107.ครูชี้แจงจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมใหน้ ักเรยี นทราบ เพอ่ื เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิทีถ่ ูกตอ้ ง
108.ครูให้ความรู้เพิ่มเติมหรือเทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรม จากนั้นให้นักเรียนทุกกลุ่ มลงมือ
ปฏบิ ัติตามขนั้ ตอน
109.นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันพดู คุยวิเคราะหผ์ ลการปฏิบตั กิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผลร่วมกัน
110.ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ
นำส่งครเู ปน็ การตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม
111.ในระหว่างท่ีนักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิด
ปัญหา หรอื มีขอ้ สงสัยเก่ยี วกับกจิ กรรม

อธบิ ายความรู้ (Explain)
42. ครูสนทนากบั นักเรยี นเกี่ยวกับการปฏบิ ัติกจิ กรรม
43. ครูให้แตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาหนา้ ชนั้ เรียน เพื่อนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม
44. ครูส่มุ นกั เรียนเพื่อถามคำถามทเ่ี ก่ียวข้องกับกิจกรรม เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัติกจิ กรรม
45. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมและสรปุ ความรูร้ ่วมกัน

ชวั่ โมงที่ 3

สขำั้นรสวอจคนน้ หา (Explore)

1. ครูให้นกั เรียนศกึ ษา เร่ือง สมบัตขิ องคล่ืน ในหัวข้อ การหกั เห จากหนงั สอื เรียน
2. ครูแนะนำให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ กฎของสเนลล์ (Snell’s law) จากแหล่งข้อมูล

สารสนเทศ เช่น อินเทอร์เน็ต เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่หลากหลาย และสร้างความเข้าใจให้ตนเอง
ได้มากข้ึน


3. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “เพราะเหตุใดเมื่อเรามอง
คล่ืนในทะเลท่ีระยะไกล ๆ เราจะเห็นคลื่นใหญ่กว่าคลื่นท่ีเคล่ือนที่เข้าใกล้ฝ่ัง”
(แนวตอบ : คลื่นที่อยู่ในทะเลจะอยู่ใกล้แหล่กำเนิดคลื่นและได้รับการถ่ายโอนพลังงานมากกว่า
คลื่นท่ีอยู่ใกล้ฝั่ง เมื่อคลื่นในทะเลเคล่ือนที่เข้าใกล้ฝั่ง แรงเสียดทานระหว่างพ้ืนใต้ทะเลกับคลื่น
น้ำจะมากข้ึน ส่งผลให้คล่ืนมีการสูญเสียพลังงานเราจึงมองเห็นคล่ืนท่ีเข้าใกล้ฝั่งเล็กกว่าคลื่นที่
อยู่ไกลออกไป)

4. ครูให้นักเรียนกลับเข้ากลุ่มของตนเองที่ครูเคยแบ่งไว้แล้ว เพื่อศึกษากิจกรรม การหักเหของ
คลื่นผิวน้ำ จากหนังสือเรียน โดยแต่ละกลุ่มอาจมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคน
เพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ
สมาชิกภายในกลุ่ม

5. ครชู ้ีแจงจดุ ประสงค์ของกิจกรรมใหน้ ักเรยี นทราบ เพ่ือเปน็ แนวทางการปฏบิ ัติทถี่ กู ต้อง
6. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมหรือเทคนิคเกยี่ วกบั การปฏิบตั ิกิจกรรม จากนั้นให้นกั เรยี นทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติ

ตามข้นั ตอน
7. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันพดู คยุ วเิ คราะห์ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกนั
8. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพ่ือ

นำส่งครเู ป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม
9. ในระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิด

ปัญหา หรือมขี อ้ สงสัยเก่ยี วกบั กิจกรรม

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสนทนากบั นักเรียนเกีย่ วกับการปฏบิ ัติกิจกรรม
2. ครูใหแ้ ต่ละกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมาหน้าชั้นเรียน เพ่ือนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
3. ครูส่มุ นักเรยี นเพ่ือถามคำถามทเ่ี ก่ยี วข้องกบั กิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัติกจิ กรรม
4. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลทา้ ยกจิ กรรมและสรุปความรู้รว่ มกนั

ชั่วโมงที่ 4

สขำัน้ รสวอจคน้นหา (Explore)

1. ครูให้นักเรียนศกึ ษา เร่อื ง สมบัติของคลื่น ในหัวข้อ การเลีย้ วเบน จากหนงั สือเรยี น
2. ครูให้นักเรียนกลับเข้ากลุ่มของตนเองที่ครูเคยแบ่งไว้แล้ว เพื่อศึกษากิจกรรม การเลี้ยวเบน

ของคลื่นผิวน้ำ จากหนังสือเรียน โดยแต่ละกลุ่มอาจมีการปรับเปล่ียนหน้าที่ของสมาชิกแต่ละ
คน เพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ
ของสมาชิกภายในกลุ่ม
3. ครชู แ้ี จงจดุ ประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรยี นทราบ เพือ่ เปน็ แนวทางการปฏิบัติทถ่ี ูกต้อง
4. ครูใหค้ วามรเู้ พมิ่ เติมหรือเทคนิคเกย่ี วกับการปฏิบัติกิจกรรม จากน้ันให้นักเรยี นทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามข้นั ตอน


5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันพูดคุยวิเคราะหผ์ ลการปฏิบตั กิ จิ กรรม แลว้ อภิปรายผลรว่ มกัน
6. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพ่ือ

นำส่งครูเป็นการตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
7. ในระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิด

ปัญหา หรอื มขี ้อสงสยั เก่ียวกบั กจิ กรรม

อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเกีย่ วกับการปฏิบัตกิ ิจกรรม
2. ครูใหแ้ ตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนออกมาหน้าชัน้ เรยี น เพื่อนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
3. ครสู ุ่มนักเรียนเพื่อถามคำถามทีเ่ กีย่ วข้องกบั กิจกรรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลังปฏิบัตกิ จิ กรรม
4. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลทา้ ยกิจกรรมและสรปุ ความรู้ร่วมกัน

ช่ัวโมงที่ 5-6

สขำนั้ รสวอจคน้นหา (Explore)

1. ครสู นทนากบั นักเรียนทบทวนความรู้วา่ สมบัติของคล่นื กลมีกป่ี ระการ ประกอบด้วยอะไรบ้าง”
(แนวตอบ : 4 ประการ ไดแ้ ก่ การสะทอ้ น การหกั เห การเลีย้ วเบน และการแทรกสอด)

2. ครูถามคำถามกับนักเรียนต่อว่า “สมบัติใดที่เรายังไม่ได้ศึกษาบ้าง” เพื่อนำเข้าสู่เนื้อหาที่กำลังจะ
ศกึ ษา

3. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษา เรอ่ื ง สมบตั ขิ องคล่นื ในหัวขอ้ การแทรกสอด จากหนังสือเรียน
4. ครสู ุ่มนักเรยี นเพ่ือถามคำถามท่ีเก่ยี วข้องกบั สมบตั ิการแทรกสอดของคลน่ื ท่ีกำลงั ศกึ ษา เพื่อกระตุ้น

ความสนใจและเพ่มิ ความเข้าใจใหม้ ากขึน้
5. ครูให้นกั เรยี นแยกเขา้ กลุ่มของตนเองท่ีครูเคยแบง่ ไวแ้ ล้วในการทำกจิ กรรม
6. ครูแจกกระดาษฟลิปชารต์ ให้นักเรยี นกลุ่มละ 1 แผ่น
7. ครูให้นักเรียนเขียนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษา เรื่อง สมบัติของคลื่น ลงในกระดาษฟลิปชาร์ต

เพื่อนำเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน พร้อมตกแต่งให้สวยงาม โดยครูแนะนำให้นักเรียนสืบค้น
ข้อมูลเพิ่มเตมิ จากอินเทอรเ์ น็ต แล้วร่วมกนั อภิปรายผลการศึกษาจนได้เป็นแนวทางท่ีเข้าใจตรงกนั
ทั้งกลมุ่
8. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมาหนา้ ช้นั เรียน เพอื่ นำเสนอผลการศึกษา
9. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเตรียมตวั และแบ่งหน้าที่ของสมาชกิ ภายในกลุ่ม เพ่อื ศึกษากิจกรรม การแทรกสอด
ของคลน่ื ผิวนำ้ จากหนังสือเรยี น
10. ครูชี้แจงจุดประสงคข์ องกจิ กรรมใหน้ ักเรียนทราบ เพ่อื เป็นแนวทางการปฏิบตั ทิ ่ถี กู ตอ้ ง
11. ครใู หค้ วามรเู้ พิ่มเติมหรือเทคนิคเก่ยี วกับการปฏิบตั ิกิจกรรม จากนั้นใหน้ กั เรยี นทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามข้ันตอน
12. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันพูดคยุ วิเคราะห์ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกนั
13. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ
นำสง่ ครเู ป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม


14. ในระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิด
ปญั หา หรอื มีข้อสงสยั เก่ียวกับกิจกรรม

15. เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเสร็จเรียบร้อย ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา เรื่อง ความถี่
ธรรมชาติและการสั่นพ้องตามธรรมชาติ จากหนังสือเรียน จากนั้นแต่ละกลุ่มร่วมกันสนทนาและ
อภิปรายผลการศึกษาเปน็ ความคดิ เหน็ ของกลุ่ม

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมาหนา้ ชั้นเรียน เพื่ออภิปรายผลการศึกษา เร่ือง ความถ่ีธรรมชาติและการสั่น
พ้องตามธรรมชาติ
2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการปฏิบตั กิ จิ กรรม
3. ครใู ห้แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาหนา้ ช้ันเรยี น เพื่อนำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม
4. ครสู มุ่ นกั เรียนเพอื่ ถามคำถามทเ่ี กี่ยวข้องกบั กจิ กรรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
5. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลทา้ ยกจิ กรรมและสรปุ ความรูร้ ว่ มกนั

ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
60. ครนู ำอภิปรายสรุปเนือ้ หาโดยเปดิ PowerPoint เรอื่ งที่สอนควบค่ไู ปด้วย
61. ครใู หน้ กั เรยี นทำสรปุ ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง คลนื่ กล ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน)
62. ครสู ุ่มเลือกนักเรียนออกไปนำเสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหนา้ ชนั้ เรียน
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
63. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง คลื่นกล จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 มาส่งครูในชัว่ โมงถดั ไป

ข้ันสรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
74. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรเู้ กี่ยวกับ คลืน่ กล องคป์ ระกอบของคลนื่ กล สมบตั ขิ องคลน่ื กล
โดยครูให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้ทงั้ หมดลงในสมุดบันทกึ ประจำตัว
75. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรียน
76. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบความเข้าใจก่อนเรียนจาก Understanding Check ในสมดุ
บันทึกประจำตวั
77. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง องค์ประกอบของคลนื่ กล
78. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง คลื่นกล จากแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟิสิกส์) ม.5
79. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล และการ
ทำงานกลุ่ม

ครูวัดและประเมนิ ผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เร่ือง คลน่ื กล ท่นี กั เรยี นได้สรา้ งขึ้นจากขัน้ ขยายความเขา้ ใจ
เปน็ รายบคุ คล

36. ส่ือการสอน/แหล่งเรียนรู้


10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 คลื่น
2) แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 คลื่น
3) แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 คลืน่
4) ใบงานท่ี 4.1 เรื่อง องคป์ ระกอบของคลื่นกล
5) PowerPoint เรื่อง คลืน่ กล
6) กระดาษฟลิปชารต์

10.2 แหล่งการเรยี นรู้
37) ห้องเรยี น
38) ห้องสมุด
39) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ

37. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ ีวดั เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- นกั เรยี นสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามในช้ัน - ข้อคำถามในกจิ กรรม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
รอ้ ยละ 80
- นักเรียนสามารถอธบิ าย เรียน การเรียนรู้
- นกั เรียนสามารถ
รปู รา่ งและชนิดของคลน่ื ตอบคำถามได้ถูกต้อง
ร้อยละ 80
กลได้
- นักเรยี นสง่ งานตาม
- นกั เรยี นสามารถอธบิ าย กำหนดเวลา

ลักษณะที่สำคัญของคลน่ื

กลได้

2) ด้านกระบวนการ (P) - การทำใบงานท่ี 4.1 - ใบงานที่ 4.1

นักเรียนสามารถทำการ - การทำแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด

ทดลองเพือ่ ศกึ ษาสมบตั ิ

ของคลืน่ กลได้

3) คณุ ลกั ษณะอันพึง - การส่งสมดุ และใบ - สมดุ และใบงาน

ประสงค์ (A) งาน

นกั เรยี นมีความสนใจใฝร่ ู้

หรืออยากรู้อยากเหน็

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ / หรือผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชื่อ ผ้ตู รวจแผน
(นางสาวสกุ ญั ญา หม่นื ย่งิ )


........./............../.............

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสริ ภทั ร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/หรอื ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชอ่ื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพิน หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชื่อ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
(นางฉววี รรณ สธุ รี ะกลู )

ครูชำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 15

กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์)
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 และ 5
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 คลื่น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565

เร่ือง เสียง เวลา 4 ช่ัวโมง

41. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์

ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับเสยี ง แสง
และคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชวี้ ัด
ว 2.3 ม.4-6/5 สังเกตและอธิบายการสะท้อน การหักเห การเล้ียวเบน และการรวมคล่ืนของ

คล่ืนเสียง
ว 2.3 ม.4-6/6 สืบค้นข้อมลู และอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความเข้มเสยี งกับระดับเสียงและผลของ

ความถี่กบั ระดบั เสียงที่มีต่อการได้ยนิ เสียง
ว 2.3 ม.4-6/7 สงั เกตและอธบิ ายการเกดิ เสียงสะท้อนกลบั บตี ดอปเพลอร์ และการสน่ั พ้องของเสียง

42. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.50 นักเรียนสามารถอธบิ ายการเกิดคลนื่ เสียง ธรรมชาติของเสียงได้ (K)
2.51 นักเรยี นสามารถสืบค้นข้อมูลและอภิปรายเกีย่ วกับมลพิษทางเสยี งได้ (P)
2.52 นักเรียนมีความสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

43. สาระสำคัญ
เสียงมกี ารสะทอ้ น การหกั เห การเลีย้ วเบนและการรวมคลื่นเช่นเดียวกับคล่นื อ่ืน ๆ
ความถขี่ องคล่นื เสียงเปน็ ปริมาณทีใ่ ชบ้ อกเสยี งสูง เสียงตำ่ โดยความถีท่ ี่คนไดย้ ินมีคา่ อยูร่ ะหวา่ ง 20-

20,000 เฮิรตซ์ ระดบั เสียงเป็นปริมาณทใ่ี ช้บอกความดงั ของเสียงซ่ึงขนึ้ กับความเข้มเสยี ง โดยความเขม้ เสยี ง
เปน็ พลังงานเสียงท่ตี กตง้ั ฉากบนพน้ื ท่หี นง่ึ หนว่ ยในหนง่ึ หน่วยเวลา เสยี งท่ีมคี วามดังมากเกินไปเป็นอนั ตรายต่อ
หู

เมื่อเสียงจากแหล่งกำเนดิ เดินทางไปกระทบวัตถุ แลว้ สะท้อนกลบั มายังผ้ฟู ัง ถ้าผู้ฟังไดย้ นิ เสียงที่ออก
จากแหล่งกำเนิดและเสยี งท่สี ะท้อนกลับมาแยกจากกนั เสียงทไี่ ด้ยินน้เี ป็นเสยี งสะท้อนกลับ

เมอ่ื คล่นื เสียงสองขบวนที่มคี วามถใี่ กล้เคียงกนั มารวมกนั จะเกิดบตี


44. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (เขียนให้สอดคล้องกบั แผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

45. เนอ้ื หาสาระ
เสียง เป็นคลืน่ กลชนดิ หนึ่ง ท่ีตอ้ งอาศยั ตัวกลางในการเคลื่อนท่ีหรือถ่ายโอนพลงั งาน เสียงเกิดจากการ

สน่ั ของแหลง่ กำเนดิ เสียง เสยี งจึงมีสมบตั ิเหมือนคลน่ื กลทกุ ประการ ได้แก่ การสะท้อน การหกั เห การ
เล้ยี วเบน และการแทรกสอด

บีต เป็นปรากฏการหนงึ่ ท่ีแสดงใหเ้ ห็นวา่ เสยี งรวมตวั กนั ได้ตามสมบัติของคลน่ื กล ธรรมชาตขิ องเสยี ง
ก่อให้เกดิ การไดย้ นิ เสียงทมี่ ีลักษณะแตกต่างกนั ไป เช่น เสียงสงู เสยี งตำ่ เสยี งแหลม เสียงทุ้ม อีกทง้ั คุณสมบัติ
หลายประการของเสยี งยังทำใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละโทษในชวี ติ ประจำวนั ของมนุษย์

46. จดุ เนน้ สกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทกั ษะดา้ นการสือ่ สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทันสื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะดา้ นชีวติ และอาชีพ
 ความยดื หยุ่นและการปรับตัว
 การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และการเปน็ ตัวของตัวเอง
 ทักษะสงั คม และสงั คมข้ามวฒั นธรรม
 การเป็นผูส้ รา้ งหรอื ผู้ผลิต และความรับผิดชอบเช่ือถือได้
 ภาวะผ้นู ำและความรบั ผิดชอบ

คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเปน็ ผนู้ ำ
 คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชน้ี ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรูข้ องตนเอง
 คุณลักษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซื่อสัตย์ สำนกึ พลเมือง

47. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู)้ (เขยี นให้สอดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในช้นั เรยี น


- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมุด
- การทำใบงาน

48. บูรณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ปรัชญาของ ครู นักเรียน
เศรษฐกิจพอเพียง
นกั เรียนสามารถนำความรู้มาใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั ผ้เู รยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จดั การเรียนรู้ตรงตามหลักสตู ร ตัวชีว้ ดั /ผล ความคิดเหน็ ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล
การเรยี นรูท้ ีค่ าดหวัง นักเรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
มภี ูมคิ ุม้ กันใน การวางแผน และเตรียมความพรอ้ มก่อน และปลอดภัย
ตวั ท่ดี ี จดั การเรียนรู้ นักเรียนสามารถจับใจความสำคัญ
และสรุปองค์ความรู้จากเรอ่ื งทเี่ รียนได้
เงื่อนไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรยี นมีความใฝเ่ รยี นรู้และมุ่งมนั่ ใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และช่วยเหลอื นักเรียน
ถา่ ยทอดความร้ทู ้ังหมดโดยไม่ปิดปงั เพ่ือ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงท่ี 1

ขน้ั นำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
64. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ยี วกบั เสยี งทีน่ กั เรียนได้ยินจากสถานการณ์ในชวี ิตประจำวัน
65. ครสู นทนากบั นกั เรียนตอ่ เกย่ี วกับการเกดิ คล่นื และสมบัติต่างๆ พร้อมถามคำถามกับนักเรียน เช่น
• นักเรียนทราบหรือไมว่ า่ เสยี งท่เี ราได้ยินทกุ วันน้ี เกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : เกดิ จากการสัน่ ของแหล่งกำเนิดเสยี ง)

• นกั เรียนว่าเสียงจัดเปน็ คลน่ื หรอื ไม่ นกั เรียนจะพิสูจนไ์ ด้อย่างไร
(แนวตอบ : เสียงจัดเป็นคลื่นกลชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีสมบัติการสะท้อน การหักเห
การเลี้ยวเบน และการแทรกสอด เหมือนคลืน่ กลทุกประการ)

66. ครแู จง้ ใหน้ ักเรยี นทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับ เสียง


ขัน้ สอน

สำรวจค้นหา (Explore)
112.ครใู หน้ ักเรียนศึกษา เรื่อง เสียง จากหนงั สือเรียน
113.ครใู หค้ วามรู้เพม่ิ เติมเก่ียวกบั คลื่นเสียง ทีแ่ บ่งตามช่วงความถ่ี ได้แก่ คลนื่ เสียงความถ่ีต่ำ คลื่นเสียง
ที่ได้ยิน และคลื่นเสียงความถี่สูง โดยครูอาจนำสื่อจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศมาให้นักเรียนศึกษา
เพ่ิมเตมิ นอกเหนอื จากหนังสอื เรียน
114.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษา สมบัติของคลื่นเสียง ในหัวข้อ การ
สะทอ้ นของเสียง จากหนงั สอื เรียน
115.ครูสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้ยืนหันหน้าเข้าหาผนงั หอ้ งเรียน พูดคำว่า “ฮัลโหล”
แลว้ สังเกตสิง่ ทเี่ กดิ ข้ึน
116.ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาเก่ยี วกับสมบัติของเสยี งต่อในหวั ข้อ การหักเหของเสียง การเลีย้ วเบนของเสียง
และการแทรกสอดของเสยี ง
117.ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันเขียนสรุปเกี่ยวกับ สมบัติของคลื่นเสียง ลงในกระดาษ A4 เสร็จแล้ว
ตัวแทนรวบรวมสง่ ครทู ้ายช่วั โมง

อธบิ ายความรู้ (Explain)
46. ตวั แทนนกั เรียนเก็บรวบรวมผลงานการสรุปความรู้เก่ยี วกับ สมบัติของคลื่นเสียง สง่ ครูผู้สอน
47. ครตู รวจสอบผลงานของนักเรียนในเบื้องต้น จากนั้นสุม่ ผลงานท่ีโดดเดน่ และใหน้ กั เรียนเจ้าของ
ผลงานออกมาหนา้ ชน้ั เรียน เพ่ือนำเสนอผลงานของตนเอง

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั สอน

สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครใู ห้นักเรยี นศึกษา เรอื่ ง ธรรมชาตขิ องเสยี ง จากหนังสือเรียน
2. ครูใหน้ ักเรยี นจดบันทกึ ความรู้ที่ได้ศึกษาเกยี่ วกับ เร่ือง ธรรมชาตขิ องเสียง ลงในสมุดบันทกึ ประจำตัว
3. ครูให้นักเรียนศึกษาและจดบันทึกตาราง ความเข้มและระดับความดังจากแหล่งกำเนิดเสียงต่าง ๆ
ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตวั
4. ครูให้นักเรียนศกึ ษาเพม่ิ เติมจากส่ือดจิ ิทลั โดยนำสมารต์ โฟนขนึ้ มาแลว้ นำมาสแกน QR Code เร่อื ง
มลพิษทางเสยี ง จากหนังสือเรียน
5. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนสรา้ งสรรคแ์ ผ่นพับความรู้ขนาด A4 เรอื่ ง มลพษิ ทางเสียง พร้อมตกแต่งให้
สวยงาม เพ่อื สง่ ครทู า้ ยชว่ั โมง

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครสู มุ่ ตวั แทนนักเรียนออกมาหนา้ ช้นั เรียน เพ่ือให้นักเรยี นนำเสนอแผ่นพับความรู้ของตนเอง
2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันศึกษาเกยี่ วกบั มลพิษของเสยี ง จากกรอบ Science Focus จากหนังสอื เรียน
3. ครสู นทนากบั นักเรียนและให้ความรู้เพ่ิมเตมิ เก่ียวกับ ธรรมชาตขิ องเสยี ง


ช่ัวโมงท่ี 3-4

สขำ้ันรสวอจคนน้ หา (Explore)

10. ครูสนทนากับนักเรียน โดยถามคำถามเชื่อมโยงไปถึงวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ชีววิทยา) ว่า
“นักเรยี นทราบหรือไมว่ ่าหูแบง่ เป็นกสี่ ่วน แตล่ ะสว่ นประกอบด้วยอะไรบา้ ง” จากนนั้ ครูท้งิ ช่วงเวลา
ให้นกั เรยี นคดิ แลว้ อาจสุ่มนกั เรียนเพอ่ื ตอบคำถาม และครยู งั ไมเ่ ฉลยวา่ คำตอบนนั้ ถูกหรือผิด

11. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษา เรื่อง หูกับการได้ยนิ จากหนังสือเรยี น
12. ครูอาจเนน้ ยำ้ ให้นกั เรียนทำความเข้าใจและจดจำให้ไดว้ ่าหแู ต่ละสว่ นประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
13. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกย่ี วกับ สว่ นประกอบของหู จากอนิ เทอรเ์ น็ต เพ่ือให้เกิดความ

เขา้ ใจมากยิ่งข้ึน
14. ครูสุ่มถามนักเรียนเกี่ยวกับส่วนประกอบของหู เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีความตั้งใจในการศึกษา

ค้นคว้าหรอื ไม่ เช่น

• หชู นั้ นอก ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง และทำหน้าที่อะไร
(แนวตอบ : ประกอบด้วยใบหูและรูหู ทำหน้าที่รับเสียงจากภายนอก เป็นทางผ่านของ
เสยี ง และขยายสัญญาณเสียงบางความถี่)

• ชัน้ กลาง ประกอบด้วยอะไรบ้าง และทำหนา้ ทอ่ี ะไร
(แนวตอบ : ประกอบด้วยเยื่อแก้วหู กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน ทำหน้าที่
ขยายและลดเสยี งให้พอดี เพ่อื ป้องกนั เสยี งเขา้ ไปทำลายหชู ัน้ ใน)

• ชัน้ ใน ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง และทำหนา้ ทอ่ี ะไร
(แนวตอบ : ประกอบด้วยคอเคลีย หลอดครึ่งวงกลม ประสาทรับเสียง ทำหน้าที่รับรู้การ
ส่นั ของคลน่ื เสียง แปลงสญั ญาณเสียงเป็นสญั ญาณประสาท และส่งสญั ญาณไปยังสมอง)

15. ครูให้นักเรียนศึกษา เร่ือง บีต จากหนังสือเรียน
16. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม

ผลสมัฤทธิ์ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม การเกิดบีตของ
เสียง จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ของ
ตนเอง เชน่
f. สมาชกิ คนท่ี 1-2 : เตรยี มวัสดุอุปกรณ์
g. สมาชิกคนท่ี 3 : อ่านและศึกษาวิธปี ฏิบตั กิ ิจกรรม แล้วนำมาอธิบายสมาชกิ ในกลุ่ม
h. สมาชกิ คนที่ 4 : บนั ทกึ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม
i. สมาชกิ คนที่ 5 : ค้นคว้าเพม่ิ เติม หาแหลง่ ข้อมลู อ้างอิงเพอื่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ิกิจกรรม


j. สมาชิกคนที่ 6 : นำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรม
17. ครชู ้แี จงจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมใหน้ กั เรยี นทราบ เพอ่ื เป็นแนวทางการปฏิบัตทิ ีถ่ ูกต้อง
18. ครูใหค้ วามรเู้ พิม่ เติมหรือเทคนิคเกยี่ วกบั การปฏบิ ัติกจิ กรรม จากน้ันให้นักเรียนทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติ

ตามขน้ั ตอน
19. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันพดู คุยวเิ คราะห์ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกนั
20. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพ่ือ

นำสง่ ครูเปน็ การตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
21. ในระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คำปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิด

ปัญหา หรอื มขี ้อสงสัยเกย่ี วกับกิจกรรม

อธิบายความรู้ (Explain)
5. ครูสนทนากบั นักเรียนเกยี่ วกับการปฏิบัติกจิ กรรมเกิดปัญหาหรือมีอปุ สรรคอะไรบ้างในระหวา่ ง
ปฏิบัตติ ามขน้ั ตอนการปฏิบตั ิ
6. ครูใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนออกมาหน้าช้ันเรยี น เพื่อนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
7. ครูส่มุ นกั เรียนเพื่อถามคำถามทเี่ ก่ียวข้องกับกจิ กรรม เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั ปฏิบัตกิ จิ กรรม
8. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมและสรุปความรู้รว่ มกนั
9. ครูอธิบายความรเู้ พม่ิ เตมิ หลังจากปฏบิ ัติกิจกรรมเก่ียวกับ ประโยชน์ของบีต จากกรอบ Science
Focus จากหนังสอื เรยี น

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
64. ครนู ำอภิปรายสรุปเนื้อหาโดยเปิด PowerPoint เรื่องที่สอนควบคไู่ ปด้วย
65. ครูให้นักเรยี นทำสรปุ ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรอ่ื ง เสยี ง ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน)
66. ครูสุม่ เลือกนักเรยี นออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหน้าชนั้ เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
67. ครูแจกใบงานท่ี 4.2 เรอ่ื ง สมบัติของคล่นื เสยี ง ใหน้ กั เรยี นศึกษาและลงมือทำ เสรจ็ แลว้ รวบรวมสง่
ครูท้ายชั่วโมง
68. ครมู อบหมายการบ้านใหน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หัด เร่ือง เสยี ง จากแบบฝกึ หัด วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2
(ฟสิ กิ ส)์ ม.5 มาสง่ ครูในชว่ั โมงถดั ไป

ขน้ั สรุป

ตรวจสอบผล (Evaluate)
80. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรู้เกี่ยวกับ คลืน่ เสยี ง สมบตั ขิ องคลืน่ เสียง เพ่อื ให้นักเรียนทุกคนได้
มีความเข้าใจในเน้ือหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้
นกั เรียนเขยี นสรุปความรูล้ งในสมดุ บันทกึ ประจำตัวของตนเอง
81. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 4.2 เร่อื ง สมบัติของคล่ืนเสยี ง


82. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง เสียง จากแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ ิกส์) ม.5

83. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่

84. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง เสียง ที่นักเรียนได้สร้างขึ้นจากขั้นขยาย
ความเขา้ ใจเปน็ รายบุคคล

38. สื่อการสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 คลน่ื
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 คล่ืน
3) ใบงานท่ี 4.2 เร่อื ง สมบตั ิของคลนื่ เสยี ง
4) PowerPoint เร่ือง คล่ืนกล
10.2 แหลง่ การเรยี นรู้
40) ห้องเรียน
41) ห้องสมุด
42) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ

39. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วิธีวัด เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ
- การตอบคำถามในช้ัน - ขอ้ คำถามในกิจกรรม - นกั เรียนสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K) เรียน การเรียนรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
นกั เรยี นสามารถอธบิ าย ร้อยละ 80
การเกดิ คลนื่ เสยี ง - การทำใบงานท่ี 4.2 - ใบงานที่ 4.2
ธรรมชาตขิ องเสยี งได้ - การทำแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - นกั เรียนสามารถ
2) ดา้ นกระบวนการ (P) ตอบคำถามได้ถูกต้อง
นกั เรยี นสามารถสืบคน้ - การส่งสมุดและใบ - สมดุ และใบงาน ร้อยละ 80
ข้อมูลและอภิปราย งาน
เกีย่ วกับมลพิษทางเสียงได้ - นกั เรียนส่งงานตาม
3) คุณลักษณะอนั พึง กำหนดเวลา
ประสงค์ (A)
นกั เรียนมีความสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรูอ้ ยากเห็น

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ / หรอื ผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมายตรวจแผน


……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงช่อื ผ้ตู รวจแผน
(นางสาวสกุ ัญญา หม่ืนยิ่ง)
........./............../.............

บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงชอ่ื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสริ ภทั ร เสารท์ า้ ว)
........./............../...........

4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื ผตู้ รวจแผน
(นางยพุ นิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สุธรี ะกลู )

ครชู ำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ สระบรุ ี

........./............../.............


แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 16

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์)
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 และ 5
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 คลืน่ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2565

เรื่อง เสียง 2 เวลา 2 ชั่วโมง

49. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ มั พันธ์

ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วขอ้ งกับเสียง แสง
และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชีว้ ดั
ว 2.3 ม.4-6/7 สังเกตและอธิบายการเกิดเสียงสะท้อนกลับ บีต ดอปเพลอร์ และการส่ันพ้อง

ของเสียง
ว 2.3 ม.4-6/8 สบื คน้ ข้อมูลและยกตัวอยา่ งการนำความรเู้ กย่ี วกับเสยี งไปใช้ประโยชน์ใน

ชีวติ ประจำวัน

50. จุดประสงค์การเรยี นรู้
2.53 นกั เรียนสามารถบอกความหมายและอธบิ ายเกยี่ วกับปรากฏการณด์ อปเพลอร์ และการสน่ั พอ้ งของ
เสยี งได้ (K)
2.54 นกั เรียนสามารถสบื คน้ ข้อมลู การนำความรเู้ ก่ียวกบั เสียงไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P)
2.55 นกั เรียนมคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)

51. สาระสำคัญ
เมือ่ แหลง่ กำเนดิ เสยี งเคลอื่ นที่ ผ้ฟู ังเคล่ือนที่ หรอื ทงั้ แหล่งกำเนดิ และผู้ฟังเคลื่อนท่ี ผู้ฟงั จะได้ยนิ เสยี ง

ท่ีมคี วามถเ่ี ปลีย่ นไป เรยี กวา่ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์
ถ้าอากาศในท่อถกู กระต้นุ ด้วยคล่นื เสียงท่ีมคี วามถี่เทา่ กบั ความถี่ธรรมชาติของอากาศในทอ่ น้ันจะเกิด

การส่ันพ้องของเสียง
ความรเู้ กี่ยวกับเสยี งนำไปใช้ประโยชนใ์ นด้านตา่ ง ๆ เชน่ คล่ืนเหนือเสยี งหรืออลั ตราซาวนดใ์ ช้ในทาง

การแพทย์ บีตของเสยี งในการปรับเทยี บเสียงของเครื่องดนตรี การส่ันพ้องของเสียงใชใ้ นการออกแบบเครื่อง
ดนตรีและอธิบายการเปลง่ เสียงของมนุษย์


52. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (เขียนใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

53. เน้ือหาสาระ
ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ เปน็ ปรากฏการณ์ทางวทิ ยท่ีเกยี่ วกบั การเปลีย่ นแปลงความถี่ของคลนื่ และ

ความยาวคลนื่ ในมุมมองของผู้สงั เกต เมอ่ื มกี ารเคล่ือนท่ที ส่ี ัมพนั ธ์กับแหล่งกำเนดิ คล่นื นั้น สามารถพบเห็นได้
ทว่ั ไปในชีวติ ประจำวนั เช่น เม่ือมรี ถพยาบาลสง่ สญั ญาณไซเรนเคลื่อนเข้าใกล้ ผา่ นตัวเรา และว่ิงห่างออกไป
โดยคลน่ื เสยี งทเี่ ราได้ยินจะมีความถ่สี ูงขึ้น (สูงกวา่ คลน่ื ท่สี ง่ ออกมาตามปกติ) ขณะท่รี ถเคลอ่ื นที่เข้ามาหา คล่นื
เสยี งมลี กั ษณะปกตขิ ณะท่รี ถผา่ นตวั และจะมีความถีล่ ดลงเมอ่ื รถวิง่ หา่ งออกไป

54. จุดเนน้ สกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน ทกั ษะศตวรรษที่ 21 (ใช้เฉพาะแกนหลกั 4Cs)
 การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะดา้ นการสือ่ สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทกั ษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยดื หยุ่นและการปรบั ตวั
 การริเริม่ สร้างสรรคแ์ ละการเป็นตวั ของตวั เอง
 ทักษะสงั คม และสังคมขา้ มวัฒนธรรม
 การเป็นผ้สู รา้ งหรอื ผู้ผลติ และความรับผดิ ชอบเชือ่ ถือได้
 ภาวะผูน้ ำและความรับผิดชอบ

คณุ ลักษณะสำหรับศตวรรษที่ 21
 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผ้นู ำ
 คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชน้ี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง
 คณุ ลักษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อ่นื ความซ่ือสัตย์ สำนกึ พลเมือง

55. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความรู)้ (เขยี นให้สอดคล้องกับจุดประสงค์)
- การตอบคำถามในช้นั เรียน
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมุด


56. บรู ณาการกบั แนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรชั ญาของ ครู นกั เรียน
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความรมู้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมให้เหมาะสมกับผูเ้ รียน ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตผุ ล จดั การเรยี นร้ตู รงตามหลักสูตร ตัวชีว้ ดั /ผล ความคดิ เห็นได้อย่างมเี หตุผล
การเรยี นรูท้ ่คี าดหวัง นักเรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
มีภมู คิ ้มุ กันใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตัวที่ดี จัดการเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถจับใจความสำคญั
และสรุปองคค์ วามรู้จากเรื่องท่ีเรียนได้
เงือ่ นไขความรู้ ถ่ายทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นักเรียนมีความใฝเ่ รียนรแู้ ละมุง่ ม่นั ใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และชว่ ยเหลือนกั เรียน
ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดโดยไม่ปดิ ปัง เพื่อ
ความเจรญิ ก้าวหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงท่ี 1-2
ขนั้ นำ -

กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
67. ครสู นทนากบั นกั เรยี นโดยถามคำถามกับนกั เรียนเพอ่ื เป็นการกระตนุ้ ความสนใจ เช่น นักเรียนคิดว่า
เสียงทีม่ ีความถเ่ี ปล่ยี นไปจากความถีเ่ ดมิ จะเป็นอย่างไร
(แนวตอบ : ความถ่ีสูงกวา่ เดมิ จะได้ยินเสยี งแหลม แตถ่ ้าความถตี่ ำ่ กว่าเดิมจะไดย้ นิ เสยี งท้มุ )
68. ครแู จ้งให้นกั เรยี นทราบว่าจะได้ศึกษาเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ การสั่นพ้องของเสียง และ
ประโยชนข์ องเสียง
69. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “สำหรับปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ เป็นปรากฏการณ์ที่ผู้ฟังได้ยินเสียง
เปลีย่ นไปจากเดิม โดยไม่ปรับเปล่ยี นเสียงจากแหล่งกำเนิด”
70. ครถู ามนักเรียนต่อว่า “ถ้าไมป่ รับเสียงจากแหล่งกำเนดิ เสียง แลว้ ความถี่เสยี งเปล่ยี นไปได้อย่างไร”
โดยครูทงิ้ ชว่ งเวลาให้นกั เรียนคดิ และอาจสุม่ นักเรียนให้แสดงความคดิ เห็นจากความรูเ้ ดมิ
(แนวตอบ : แหล่งกำเนิดเสยี งหรอื ผู้ฟงั เคลอื่ นทด่ี ้วยความเรว็ สมั พทั ธท์ ่ีไมเ่ ทา่ กับศูนย)์


ขัน้ สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
118.ครูให้นกั เรียนศึกษา เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ จากหนังสอื เรยี น
119.ครูให้นกั เรยี นดภู าพแล้วตอบคำถามต่อไปน้ี

1

2

• เหตกุ ารณ์ในภาพที่ 1 และภาพท่ี 2 คอื อะไร
(แนวตอบ : ภาพที่ 1 แหล่งกำเนิดเสียงและผู้ฟังไม่เคลื่อนที่ ภาพที่ 2 แหล่งกำเนิดเสียง
และผฟู้ ังเคล่ือนท่ไี ปทางเดยี วกันและความเรว็ เทา่ กนั )

• ทง้ั 2 ภาพ เก่ียวข้องกับปรากฏการณ์ดอปเพลอร์อย่างไร
(แนวตอบ : แหลง่ กำเนิดเสยี งและผฟู้ งั อยู่ในสภาพความเร็วสัมพทั ธ์เท่ากบั ศูนย์ สง่ ผลให้ไม่
เกดิ ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์)

120.ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา เรอื่ ง การส่ันพ้องของเสียง จากหนงั สือเรียน
121.ครเู ตรยี มขวดเปล่า 2 ขวด โดยขวดใบหน่ึงเป็นขวดเปล่า ส่วนขวดอีกใบเติมนำ้ ลงไป 1/3 ของขวด

จากน้นั สมุ่ นักเรยี นออกมาหน้าช้ันเรียน แลว้ ให้นักเรยี นลองปฏิบตั ติ ามเน้ือหาเรื่อง การส่ันพ้องของ
เสยี ง จากหนงั สอื เรียน เพื่อทดสอบว่าผลที่เกดิ ขน้ึ จะเป็นอย่างไร
122.ครูอาจนำสอ้ มเสียงขนาดต่าง ๆ พร้อมกบั ชดุ ทดลองทอ่ สัน่ พอ้ งของเสียง มาแสดงให้นักเรียนศึกษา
ประกอบกบั การศกึ ษาเนือ้ หา จากหนังสือเรยี น
123.ครูให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การสั่นพ้องของเสียง จากอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้
นกั เรยี นเขียนสรปุ ความรู้ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตัว
124.ครใู ห้นกั เรยี นศกึ ษาเกย่ี วกับ ประโยชนข์ องเสยี ง จากหนังสือเรียน
125.ครูให้นักเรียนทำแผ่นพับความรู้ขนาด A4 เกี่ยวกับ ประโยชน์ของเสียง โดยครูกำหนดให้มี
การยกตัวอย่างการนำความรู้ เรื่อง เสียงไปประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ซ้ำกับหนังสือเรียน ถ้า
เวลาไมพ่ อครอู าจกำหนดใหน้ ักเรียนนำกลับไปทำเป็นการบ้านแลว้ นำมาสง่ ในชว่ั โมงถดั ไป


อธบิ ายความรู้ (Explain)
48. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกบั ประโยชนข์ องเสียงจากตัวอย่างท่ีมีอยใู่ นหนงั สือเรียน
49. ครูสมุ่ นกั เรียนอธิบายความรู้เกี่ยวกบั การนำความรเู้ ก่ียวกับเสียงไปประยุกตใ์ ช้

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
69. ครนู ำอภปิ รายสรุปเนื้อหาโดยเปดิ PowerPoint เร่อื งท่สี อนควบคู่ไปดว้ ย
70. ครูให้นกั เรยี นทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่อื ง ปรากฏการดอปเพลอร์ ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน)
71. ครูสมุ่ เลือกนักเรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหนา้ ชั้นเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
72. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาและทำแบบฝึกหดั จาก Topic Question เร่อื ง คลื่นกล จากหนังสือเรยี น ลงใน
สมดุ บันทึกประจำตวั แลว้ นำมาส่งครูทา้ ยช่ัวโมง
73. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ จากแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 มาส่งครใู นชั่วโมงถดั ไป

ข้ันสรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
85. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรเู้ กย่ี วกับ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ การสน่ั พ้องของเสียง
ประโยชน์ของเสียง เพอื่ ใหน้ กั เรียนทกุ คนไดม้ ีความเขา้ ใจในเนอ้ื หาท่ีไดศ้ ึกษามาแล้วไปในทาง
เดยี วกัน และเป็นความเข้าใจท่ีถกู ต้อง โดยครใู หน้ ักเรยี นเขียนสรุปความรู้ลงในสมดุ บันทึก
ประจำตวั
86. ครูตรวจสอบผลจากการทำแผ่นพับความรู้ เรอ่ื ง ประโยชน์ของเสยี ง
87. ครตู รวจแบบฝึกหัดจาก Topic Question เร่อื ง คลนื่ กล ในสมุดบนั ทึกประจำตวั
88. ครตู รวจสอบแบบฝกึ หดั เรือ่ ง เสียง จากแบบฝกึ หดั รายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5
89. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล และการ
ทำงานกล่มุ
90. ครูวดั และประเมินผลจากช้ินงานการสรุปเนอื้ หา เร่ือง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ ที่นักเรียนไดส้ ร้าง
ขนึ้ จากขนั้ ขยายความเขา้ ใจเป็นรายบคุ คล

40. ส่ือการสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 คลืน่
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 คลื่น
3) ใบงานท่ี 4.2 เร่อื ง สมบตั ขิ องคลืน่ เสียง
4) PowerPoint เรื่อง คลื่นกล
10.2 แหล่งการเรียนรู้
43) หอ้ งเรยี น


44) ห้องสมดุ
45) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ

41. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
- การตอบคำถามในชั้น - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม - นกั เรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) เรยี น การเรยี นรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
นกั เรียนสามารถบอก รอ้ ยละ 80
ความหมายและอธบิ าย - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั
เกย่ี วกับปรากฏการณด์ - นกั เรยี นสามารถ
อปเพลอร์ และการส่นั - การส่งสมดุ - สมดุ ตอบคำถามได้ถูกต้อง
พ้องของเสียงได้ รอ้ ยละ 80
2) ดา้ นกระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถสืบค้น - นักเรียนส่งงานตาม
ข้อมลู การนำความรู้ กำหนดเวลา
เก่ียวกับเสยี งไปใช้
ประโยชน์ใน
ชวี ิตประจำวันได้
3) คณุ ลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์ (A)
นักเรียนมีความสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรอู้ ยากเห็น

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ / หรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางสาวสุกญั ญา หม่ืนยงิ่ )
........./............../.............


บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................. ............................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................

ลงช่อื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสริ ภัทร เสารท์ า้ ว)
........./............../...........

4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรือผูท้ ่ไี ด้รับมอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชอื่ ผ้ตู รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสุข)

........./............../.............
ความเห็นผูอ้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชื่อ ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นางฉววี รรณ สุธีระกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบรุ ี

........./............../.............


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์)

ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 และ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 คล่นื เรอ่ื ง คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ เวลา 3 ช่ัวโมง

57. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ัด
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์

ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ทีเ่ กีย่ วข้องกบั เสียง แสง
และคลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตวั ชีว้ ดั
ว 2.3 ม.4-6/9 สังเกตและอธิบายการมองเห็นสีของวัตถุและความผิดปกติในการมองเห็นสี
ว 2.3 ม.4-6/10 สงั เกตและอธิบายการทำงานของแผ่นกรองแสงสี การผสมแสงสี การผสมสารสี และ

การนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวัน
ว 2.3 ม.4-6/11 สืบค้นข้อมูลและอธิบายคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าส่วนประกอบคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า และ

หลักการทำงานของอุปกรณบ์ างชนดิ ทอี่ าศยั คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า

58. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.56 นักเรยี นสามารถบอกลักษณะสำคญั ของคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า และอธิบายการเกิดคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าได้
(K)
2.57 นกั เรียนสามารถเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งแสงสปี ฐมภูมิกบั สารสปี ฐมภูมไิ ด้ (P)
2.58 นักเรยี นสามารถสบื ค้นข้อมูลและอธิบายเกย่ี วกับสเปกตรัมของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ได้ (P)
2.59 นักเรียนมีความสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรู้อยากเห็น (A)

59. สาระสำคญั
เม่ือแสงตกกระทบวัตถุ วตั ถจุ ะดดู กลืนแสงสีบางสโี ดยข้ึนกับสารสีบนผวิ วตั ถุ และสะท้อนแสงสที ี่เหลอื

ออกมา ทำให้มองเหน็ วตั ถเุ ป็นสตี ่าง ๆขึน้ กับแสงสีท่ีสะท้อนออกมา ความผดิ ปกตใิ นการมองเห็นสหี รอื การ
บอดสีเกิดจากความบกพร่องของเซลลร์ ปู กรวยบนจอตา

แผน่ กรองแสงสยี อมให้แสงสีบางสีผ่านออกไปได้และกั้นบางแสงสี
การผสมแสงสีทำให้ได้แสงสที ่ีหลากหลายเปลยี่ นไปจากเดิม ถ้านำแสงสีปฐมภูมใิ นสัดสว่ นที่เหมาะสม
มาผสมกนั จะไดแ้ สงขาว
การผสมสารสที ำให้ไดส้ ารสที ี่หลากหลายเปลยี่ นไปจากเดิม ถ้านำสารสปี ฐมภูมิในปรมิ าณทเี่ ทา่ กันมา
ผสมกันจะไดส้ ารสีผสมเปน็ สดี ำ
การผสมแสงสีและการผสมสารสสี ามารถนำไปใช้ประโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่น ดา้ นศิลปะ ดา้ นการ
แสดง


คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ประกอบด้วยสนามแม่เหลก็ และสนามไฟฟา้ ทีเ่ ปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยสนาม
ทง้ั สองมีทิศทางตัง้ ฉากกัน และตง้ั ฉากกับทศิ ทาง การเคล่ือนทีข่ องคล่นื

60. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เขยี นใหส้ อดคลอ้ งกับแผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

61. เนอื้ หาสาระ
คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า (electromagnetic waves) เกดิ จากการเหน่ยี วนำแมเ่ หล็กไฟฟา้ กลา่ วคือ เม่อื มี

การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหลก็ หรือการเปลยี่ นแปลงของสนามไฟฟา้ สนามทง้ั สองจะเหน่ยี วนำซ่งึ กันและ
กนั ทำใหเ้ กิดคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ ขึน้ เจมส์ เคลริ ์ก แมกซเ์ วลล์ (James Clerk Maxwell) นักวทิ ยาศาสตร์คน
สำคญั ทที่ ำการศึกษาเกยี่ วกับเรื่องน้ี แลว้ รวบรวมข้ึนเป็นสมการทางคณิตศาสตรท์ ่เี รยี กว่า สมการของแมกซ์
เวลล์ (Maxwell’s equation)

คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าสามารถแผ่กระจายไปไดท้ ุกท่ีไม่ว่าจะเปน็ ท่วี ่างเปลา่ หรอื ในตัวกลางใด ๆ จดั เปน็ คลื่น
ตามขวางท่ีไม่อนุภาคตัวกลางในการเคลื่อนท่ีหรือถ่ายโอนพลงั งาน สเปกตรมั ของคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ หมายถงึ
คลืน่ แม่เหล็กไฟฟา้ ที่มีความต่อเนือ่ งกนั ตง้ั แตค่ วามถ่ีตำ่ สุดจนถงึ ความถ่ีสูงสุด ประกอบดว้ ย คลื่นวิทยุ คลน่ื
โทรทศั น์ คล่ืนไมโครเวฟ รังสีอนิ ฟาเรด แสง รงั สอี ลั ตราไวโอเลต รงั สีเอกซ์ และรงั สแี กมมา

62. จุดเนน้ สู่การพฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น ทักษะศตวรรษท่ี 21 (ใช้เฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะดา้ นการสื่อสารสนเทศ และรู้เท่าทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหย่นุ และการปรับตวั
 การริเริม่ สร้างสรรคแ์ ละการเป็นตัวของตวั เอง
 ทกั ษะสังคม และสังคมขา้ มวัฒนธรรม
 การเป็นผสู้ รา้ งหรือผ้ผู ลติ และความรบั ผิดชอบเชื่อถือได้
 ภาวะผนู้ ำและความรับผิดชอบ

คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผนู้ ำ


 คุณลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชน้ี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คุณลักษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อ่นื ความซื่อสัตย์ สำนกึ พลเมือง

63. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู้) (เขียนใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค)์
- การตอบคำถามในชนั้ เรียน
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมุด
- การทำใบงาน

64. บรู ณาการกบั แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

ปรัชญาของ ครู นักเรียน
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความร้มู าใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รียน ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตผุ ล จัดการเรียนรตู้ รงตามหลักสตู ร ตวั ช้วี ดั /ผล ความคิดเห็นไดอ้ ย่างมีเหตุผล
การเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง นกั เรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
มีภูมิค้มุ กนั ใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภัย
ตวั ทดี่ ี จดั การเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถจับใจความสำคัญ
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเรื่องท่ีเรียนได้
เงื่อนไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี
เงื่อนไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรียนรู้และมุ่งม่ันใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลอื นักเรียน
ถา่ ยทอดความร้ทู ้ังหมดโดยไม่ปดิ ปงั เพ่ือ
ความเจรญิ ก้าวหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงท่ี 1-2
ขนั้ นำ -

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
71. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ียวกับการเกดิ สนามแม่เหลก็ การเกิดกระแสไฟฟ้าเหนย่ี วนำในขดลวด
ตวั นำ คลืน่ และสมบตั ิของคล่ืน เพื่อทบทวนความรขู้ องนักเรยี นก่อนเข้าสกู่ ิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
72. ครตู ้งั คำถามให้เป็นเปา้ หมายสำหรับนักเรียน โดยเม่อื จบกจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ นักเรียนจะต้อง
ตอบคำถามนี้ได้อยา่ งถูกต้อง ครบถ้วน และตรงประเด็น เช่น “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคืออะไร เกิดข้ึน
ได้อย่างไร และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ มีสมบัติเหมอื นคลนื่ กลท่ีได้ศกึ ษามาแลว้ หรอื ไม่ อยา่ งไร”
73. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ


74. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจกับนักเรียน โดยใช้คำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน ว่า
“คล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ ต่างจากคลื่นกล อยา่ งไร”
(แนวตอบ : คล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ เป็นคลนื่ ชนิดหนึ่งท่ีไม่อาศัยอนภุ าคตัวกลางในการเคลื่อนท่ีหรือถ่าย
โอนพลังงาน ซงึ่ ต่างจากคล่ืนกล เชน่ เสียง ท่ตี ้องอาศัยอนุภาคตัวกลางในการเคลื่อนท่หี รือถ่ายโอน
พลงั งาน)

ขัน้ สอน

สำรวจค้นหา (Explore)
126.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่น่ังข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษา เร่ือง คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ในหัวข้อ
ลักษณะของคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และสเปกตรัมของคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ จากหนงั สอื เรียน
127.ครใู ห้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมจากส่ือดิจิทัล โดยครูใหน้ กั เรียนนำสมารต์ โฟนข้ึนมาแลว้ นำไปสแกน
QR Code เรอื่ ง คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า จากหนงั สอื เรียน
128.ครูแนะนำให้นักเรียนค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับ
สเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด จากนั้นร่วมกันสนทนาแล้วอภิปรายผลการศึกษา
ร่วมกนั
129.ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะค่รู ว่ มกันศึกษา เรือ่ ง แสง จากหนงั สอื เรียน
130.ครใู หน้ กั เรียนค้นคว้าข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับ สเปกตรัมของแสงขาวตามความยาวคล่นื จากอินเทอร์เน็ต
โดยพยายามรวบรวมขอ้ มลู ทีเ่ ก่ยี วข้องให้ไดม้ ากที่สดุ
131.ครูถามคำถามกับนักเรียนวา่ “นักเรียนทราบหรือไม่ว่าตาของมนษุ ยม์ ีส่วนประกอบอะไรบ้าง และ
ทำหนา้ ท่อี ะไร”
(แนวตอบ : ตาของมนุษย์มสี ่วนประกอบมากมาย และสว่ นประกอบต่าง ๆ กม็ ีหนา้ ที่แตกต่างกันไป
เชน่ กระจกตา ทำหน้าทเี่ ปน็ ทางผ่านของแสงเข้าส่ตู า ม่านตา ทำหนา้ ทค่ี วบคุมปริมาณแสงท่ีจะผ่าน
ไปสู่เลนส์ตา)
132.ครูอาจถามคำถามตอ่ ว่า “การทมี่ นษุ ยม์ องเหน็ วัตถุเปน็ สีต่าง ๆ เกิดจากอะไร”
(แนวตอบ : เกิดจากการที่แสงตกกระทบจอตา ซึ่งมีเซลล์รับแสงอยู่ ทำให้มนุษย์มองเห็นวัตถเุ ป็นสี
ตา่ ง ๆ ได้)
133.ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับ การมองเห็นภาพ จากหนังสือเรียน จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียนให้ยืน
ข้นึ แล้วอธบิ ายการมองเหน็ ภาพของมนุษยจ์ ากที่ได้ศึกษามาแล้ว
134.ครสู นทนากับนักเรยี นเกยี่ วกบั การมองเห็นภาพ จากนัน้ ครแู บ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม โดยใช้เกณฑ์
การแบ่งตามความผิดปกติทางสายตา ได้แก่ สายตาปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แล้วให้
นักเรียนแยกเข้ากลมุ่ ของตนเอง
135.ครใู ห้แต่ละกลมุ่ รว่ มกันศึกษาเกีย่ วกับ ความผดิ ปกตทิ างสายตา จากหนังสือเรียน
136.สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันสนทนาและอภปิ รายผลการศึกษาร่วมกัน จากนน้ั ครกู ำหนดใหแ้ ต่ละกลุ่ม
ส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการศกึ ษาของกลุ่มตนเองหน้าชัน้ เรียน
137.ครูถามคำถามกับนักเรียนว่า “นอกจากความผิดปกติทางสายตาที่ได้ศึกษามาแล้ว ยังมีความ
ผิดปกตหิ รือความบกพรอ่ งอะไรอกี บา้ งทเ่ี กี่ยวกับการมองเห็น”
(แนวตอบ : ความบกพร่องของการมองเห็นสี)
138.ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศึกษาเกย่ี วกบั ความบกพร่องของการมองเห็นสี จากหนงั สือเรียน


อธิบายความรู้ (Explain)
50. ครนู ำตวั อยา่ งแผน่ ทดสอบการบอดสอี ิชฮิ ารามาแสดงให้นกั เรียนดู
51. ครูให้นักเรียนออกมาหน้าช้ันเรียนแล้วทดสอบการบอดสีทีละ 1 คน จนครบทุกคน เพ่ือเป็นการ
ตรวจสอบความบกพร่องของการมองเหน็ สีของตนเอง
52. ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับสเปกตรมั ของแสงขาวตามความยาวคล่นื โดยครอู าจส่มุ นักเรยี นให้
อธิบายว่าชว่ งแสงแต่ละสีอยู่ในชว่ งความยาวคลืน่ ใดบ้าง
53. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อธบิ ายความรเู้ ก่ยี วกบั ตากับการมองเหน็

ชวั่ โมงที่ 3
ขั้นนำ -

สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูสนทนากับนักเรียน โดยเปิดประเด็นว่า การที่มนุษย์เรามองเห็นภาพ เกิดจากแสงไปกระทบกับ
บนจอตาซึ่งมีเซลล์รับแสงอยู่ ทำให้เรามองเห็นภาพต่าง ๆ แล้วนักเรียนทราบหรือไม่ว่าสีของวัตถุ
หรอื แสงสตี ่าง ๆ นน้ั เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร
2. ครูให้นักเรียนศึกษา เร่อื ง การผสมแสงสแี ละการใชป้ ระโยชน์ จากหนังสอื เรยี น
3. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม
ผลสมัฤทธิ์ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม การผสมแสงสี
บนฉากขาว จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ กำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนมีบทบาทหน้าที่
ของตนเอง เช่น

• สมาชิกคนท่ี 1 : เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์

• สมาชิกคนที่ 2 : อ่านและศึกษาวิธีปฏิบัติกจิ กรรม แลว้ นำมาอธิบายสมาชกิ ในกลุม่

• สมาชิกคนท่ี 3 : บันทึกผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม

• สมาชกิ คนท่ี 4-5 : คน้ คว้าเพมิ่ เติม หาแหล่งข้อมูลอ้างอิงเพือ่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

• สมาชกิ คนที่ 6 : นำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม
4. ครูช้แี จงจดุ ประสงค์ของกิจกรรมใหน้ กั เรยี นทราบ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัตทิ ่ีถูกต้อง
5. ครูใหค้ วามรู้เพ่มิ เติมหรือเทคนิคเกย่ี วกบั การปฏิบตั ิกจิ กรรม จากนนั้ ใหน้ กั เรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ

ตามขน้ั ตอน
6. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันพดู คุยวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผลร่วมกนั
7. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อนำส่ง

ครเู ป็นการตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั ศึกษา เรื่อง การผสมสารสีและการใช้ประโยชน์ จากนั้นแต่ละกลุ่ม

รว่ มกนั อภปิ รายผลการศกึ ษาภายในกลุ่ม

อธิบายความรู้ (Explain)
5. ครใู หแ้ ตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมาหน้าช้ันเรียน เพื่อนำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม
6. ครสู ่มุ นักเรยี นเพือ่ ถามคำถามที่เก่ียวข้องกบั กจิ กรรม เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลทา้ ยกจิ กรรมและสรปุ ความร้รู ่วมกัน


ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
74. ครนู ำอภิปรายสรปุ เนื้อหาโดยเปดิ PowerPoint เร่ืองท่สี อนควบค่ไู ปด้วย
75. ครูใหน้ กั เรยี นทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่ือง แสง ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน)
76. ครูสมุ่ เลือกนกั เรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทัศน์ของตนเองหนา้ ชั้นเรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
77. ครูแจกใบงานที่ 4.3 เร่ือง คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า ใหน้ ักเรียนนำกลับไปศกึ ษาเปน็ การบ้าน
78. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 มาส่งครูในช่วั โมงถดั ไป

ขนั้ สรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
91. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั ลักษณะของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า สเปกตรมั คลื่น
แม่เหลก็ ไฟฟา้ แสง เพ่ือให้นักเรียนทกุ คนไดม้ ีความเขา้ ใจในเน้อื หาที่ไดศ้ ึกษามาแล้วไปในทาง
เดยี วกนั และเป็นความเข้าใจทีถ่ กู ต้อง โดยครูให้นักเรยี นเขียนสรปุ ความรลู้ งในสมุดบนั ทึก
ประจำตัว
92. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 4.3 เร่ือง คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า
93. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5
94. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลุ่ม
95. ครวู ดั และประเมินผลจากชิ้นงานการสรปุ เนอื้ หา เร่ือง แสง ทีน่ ักเรียนได้สรา้ งขึน้ จากข้ันขยายความ
เขา้ ใจเป็นรายบคุ คล

42. ส่อื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 คลน่ื
2) แบบฝึกหัด วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 คลื่น
3) ใบงานที่ 4.3 เร่ือง คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
4) PowerPoint เร่ือง คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า
5) แผ่นทดสอบการบอดสีอิชฮิ ารา
10.2 แหลง่ การเรยี นรู้
46) ห้องเรียน
47) หอ้ งสมุด
48) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


43. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- นักเรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ข้อคำถามในกิจกรรม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
รอ้ ยละ 80
นักเรียนสามารถบอก เรยี น การเรยี นรู้
- นกั เรียนสามารถ
ลกั ษณะสำคญั ของคล่นื ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
แม่เหลก็ ไฟฟา้ และ
- นักเรยี นสง่ งานตาม
อธบิ ายการเกดิ คลนื่ กำหนดเวลา

แม่เหลก็ ไฟฟา้ ได้

2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำใบงานท่ี 4.3 - ใบงานที่ 4.3

- นกั เรยี นสามารถ - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด

เปรยี บเทียบความ

แตกตา่ งระหว่างแสงสี

ปฐมภมู กิ บั สารสีปฐมภู

มิได้

- นักเรยี นสามารถสืบค้น

ข้อมูลและอธิบายเกย่ี วกบั

สเปกตรมั ของคลน่ื

แมเ่ หล็กไฟฟ้าได้

3) คุณลักษณะอันพึง - การสง่ สมุดและใบ - สมุดและใบงาน

ประสงค์ (A) งาน

นกั เรยี นมีความสนใจใฝร่ ู้

หรอื อยากรอู้ ยากเหน็

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ / หรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงช่อื ผูต้ รวจแผน
(นางสาวสกุ ญั ญา หมืน่ ย่งิ )
........./............../.............


บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผู้ตรวจแผน
(นางยพุ ิน หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 18

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 และ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 คลน่ื เรื่อง ประโยชน์ของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า เวลา 3 ช่ัวโมง

65. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์

ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง
และคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชี้วดั
ว 2.3 ม.4-6/11 สืบค้นข้อมลู และอธิบายคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าส่วนประกอบคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า และ

หลักการทำงานของอุปกรณ์บางชนิดที่อาศยั คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้
ว 2.3 ม.4-6/12 สืบค้นข้อมลู และอธิบายการสื่อสาร โดยอาศัยคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าในการส่งผ่าน

สารสนเทศและเปรียบเทียบการสอ่ื สารด้วยสัญญาณแอนะลอ็ กกับสัญญาณดิจิทลั

66. จุดประสงค์การเรยี นรู้
2.60 นกั เรียนสามารถยกตัวอย่างอุปกรณท์ ่ีมกี ารทำงานโดยอาศัยคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าได้ (K)
2.61 นกั เรียนสามารถนำความรู้เก่ียวกบั คล่ืนแมเ่ หล็กฟ้าไปอธบิ ายสถานการณ์ทเี่ กยี่ วข้องกบั ชีวิตประจำวัน
ได้ (P)
2.62 นักเรียนมคี วามสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรู้อยากเหน็ (A)

67. สาระสำคญั
อปุ กรณ์บางชนิดทำงานโดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า เชน่ เครอ่ื งควบคมุ ระยะไกล เครื่องถ่ายภาพ

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และเคร่ืองถ่ายภาพการส่นั พ้องแมเ่ หล็ก
ในการส่อื สารโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพ่ือส่งผา่ นสารสนเทศจากที่หนงึ่ ไปอีกทหี่ นึ่ง สารสนเทศจะ

ถูกแปลงให้อยูใ่ นรปู สญั ญาณสำหรบั ส่งไปยงั ปลายทางซ่ึงจะมีการแปลงสญั ญาณกลับมาเป็นสารสนเทศที่
เหมอื นเดมิ

สญั ญาณทใ่ี ชใ้ นการสอื่ สารมีสองชนิด คือ แอนะลอ็ กและดิจิทลั การสง่ ผ่านสารสนเทศด้วยสัญญาณ
ดิจทิ ัลสามารถสง่ ผา่ นได้โดยมีความผิดพลาดน้อยกว่าสญั ญาณแอนะล็อก

68. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (เขียนใหส้ อดคลอ้ งกับแผนนี้)
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี


69. เน้ือหาสาระ
ปัจจบุ นั อุปกรณ์ต่าง ๆ ทีท่ ำงานโดยอาศยั หลักการคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้านำไปใช้ประโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ

มากมาย เชน่ อุปกรณ์ควบคุมระยะไกล เคร่ืองถ่ายภาพเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายภาพการสั่นพ้อง
แม่เหลก็ รวมถึงการใชค้ ลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ในการส่ือสารหรือสง่ ผา่ นข้อมูลมากมาย ทจ่ี ะตอ้ งทำการแปลงข้อมูล
หรอื สารสนเทศให้เปน็ สญั ญาณไฟฟา้ เรยี กวา่ สญั ญาณข้อมูล กอ่ นท่ีจะส่งผา่ นสือ่ กลางในการส่งข้อมูล โดย
สัญญาณข้อมูลท่ีใชใ้ นการส่ือสาร แบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ ได้แก่ สัญญาณแอนะล็อก และสัญญาณดจิ ทิ ลั
นอกจากน้ีการสื่อสารขอ้ มูลต้องอาศัยส่อื กลางในการส่งผ่านขอ้ มลู เพือ่ นำเข้าข้อมลู ไปยังจุดหมายปลายทาง
โดยสอื่ กลางในการสอื่ สารข้อมูลแบ่งเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สอ่ื กลางแบบใชส้ าย และส่ือกลางแบบไรส้ าย

70. จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใช้เฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะดา้ นการสอ่ื สารสนเทศ และรู้เทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทกั ษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหยนุ่ และการปรับตัว
 การริเร่มิ สรา้ งสรรค์และการเปน็ ตัวของตัวเอง
 ทกั ษะสังคม และสงั คมข้ามวฒั นธรรม
 การเปน็ ผ้สู รา้ งหรือผูผ้ ลิต และความรบั ผิดชอบเชื่อถือได้
 ภาวะผูน้ ำและความรบั ผิดชอบ

คุณลกั ษณะสำหรับศตวรรษท่ี 21
 คณุ ลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตวั ความเป็นผนู้ ำ
 คณุ ลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชน้ี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คณุ ลกั ษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อนื่ ความซื่อสัตย์ สำนึกพลเมือง

71. ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความรู้) (เขยี นให้สอดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในชน้ั เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมุด
- การทำใบงาน


72. บูรณาการกับแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรียนสามารถนำความรมู้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้เรียน ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตผุ ล จัดการเรยี นร้ตู รงตามหลักสตู ร ตวั ชีว้ ัด/ผล ความคดิ เห็นไดอ้ ย่างมีเหตุผล
การเรียนร้ทู ่คี าดหวัง นกั เรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
มภี มู ิคุ้มกันใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภัย
ตวั ทีด่ ี จัดการเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถจบั ใจความสำคญั
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเร่ืองท่เี รยี นได้
เงอื่ นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี
เง่ือนไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นักเรียนมคี วามใฝ่เรียนรูแ้ ละมุ่งมั่นใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และช่วยเหลอื นกั เรียน
ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดโดยไม่ปดิ ปงั เพื่อ
ความเจริญกา้ วหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงที่ 1-2
ขัน้ นำ -

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
75. ครสู นทนากับนกั เรียนทบทวนความรู้เกีย่ วกับคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้
76. ครูถามคำถามกับนักเรียนว่า “นักเรียนทราบหรือไม่ว่าในชีวิตประจำวันของนักเรียน มีอะไรบ้างท่ี
สามารถอธิบายได้ดว้ ยความรเู้ ก่ียวกับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า” ครูทงิ้ ชว่ งเวลาใหน้ กั เรียนคิด จากน้ันครู
อาจสุม่ นักเรียนเพือ่ ใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงความคิดเหน็ ของตนเอง

ขนั้ สอน

สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันอย่างอิสระ กลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน
ศึกษา เรื่อง ประโยชนข์ องคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า จากหนังสือเรียน
2. ครจู ัดเตรยี มสลากหมายเลข 1-4 ใส่ไว้ในกล่องทบึ แสง
3. ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมาหนา้ ชั้นเรยี น จากนน้ั ใหต้ วั แทนจับสลากทีละ 1 คน โดยหยิบแล้ว
เปดิ ดูว่าไดห้ มายเลขอะไรใหจ้ ำเอาไว้ แลว้ เก็บกลบั ไปไวใ้ นกล่องเช่นเดิม จนครบทกุ คน
4. ครแู จ้งใหน้ กั เรยี นทราบว่าแต่ละหมายเลขท่แี ตล่ ะกลมุ่ ได้ไปน้ันหมายถงึ อะไร ดังนี้


• หมายเลข 1 อปุ กรณค์ วบคุมระยะไกล

• หมายเลข 2 เครอื่ งถ่ายภาพเอกซเรยค์ อมพวิ เตอร์

• หมายเลข 3 เคร่ืองถ่ายภาพการส่ันพ้องแม่เหลก็

• หมายเลข 4 การใชค้ ล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในการสอื่ สารข้อมลู
5. ครมู อบหมายให้แตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาคน้ คว้าข้อมลู ที่เก่ียวกับหัวข้อท่ีกลุ่มตนเองได้ โดยพยายาม

รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด จากนั้นร่วมกันสนทนาและอภปิ รายผลการศึกษาภายในกลุม่ แล้วนำ
ข้อมูลท่ีได้มาเขยี นเปน็ รายงานลงในกระดาษ A4 นำส่งครทู า้ ยชว่ั โมง
6. ในขณะที่นักเรียนกำลังร่วมกันศึกษาและจัดทำรายงาน ครูเดินสังเกตการณ์และให้คำปรึกษาเม่ือ
นักเรียนเกดิ ปญั หาหรือมขี ้อสงสยั
7. ครูถามคำถามกับนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่นักเรียนกำลังศึกษา โดยอาจเป็นแนวทางในการศึกษา
คน้ ควา้ ขอ้ มูลของนักเรยี นแต่ละกลุ่ม เชน่

• อุปกรณ์ควบคุมระยะไกลแบ่งตามชนิดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้เป็นสื่อกลางในการส่ง
สญั ญาณมกี ชี่ นิด อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : 2 ชนิด ไดแ้ ก่ รโี มตอินฟาเรด และรีโมตคลนื่ วทิ ยุ)

• ขอ้ ไดเ้ ปรยี บของรีโมตคลนื่ วิทยุทเ่ี หนือกว่ารโี มตอนิ ฟาเรดคืออะไร เพราะเหตุใด
(แนวตอบ : ระยะทำการ เพราะรีโมตคลื่นวิทยุส่งสัญญาณได้ไกลถึง 100 ฟุต และสัญญาณ
วทิ ยสุ ามารถทะลผุ า่ นผนังและตู้กระจกได)้

• ความพิเศษของเครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เครื่องเอกซเรย์ธรรมดาไม่สามารถทำ
ไดค้ ืออะไร
(แนวตอบ : เครื่องถ่ายภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามารถสร้างภาพภาคตัดขวางของลำตัว
ผ้รู บั การตรวจ ทำใหไ้ ดภ้ าพอวยั วะเป็นช้ัน ๆ)

• เครอ่ื งถา่ ยภาพการสน่ั พอ้ งแม่เหล็กมสี ่วนประกอบสำคัญ 4 ส่วน ประกอบด้วยอะไรบ้าง
(แนวตอบ : แม่เหล็กกำลังสูง ขดลวดสร้างสนามแม่เหล็กค่าลดหลั่น ขดลวดส่งและรับ
คล่ืนวิทยุ และคอมพิวเตอร์)

• สญั ญาณขอ้ มลู คืออะไร และแบง่ ได้เปน็ กช่ี นดิ อะไรบ้าง
(แนวตอบ : การนำข้อมูลหรือสารสนเทศซึ่งไม่สารมารถส่งไปในระยะทางไกลด้วยความเร็ว
สูงได้ จึงต้องนำข้อมูลและสารสนเทศนั้นมาแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งเรียกว่า สัญญาณ
ข้อมลู แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ สญั ญาณแอนะลอ็ ก และสญั ญาณดิจทิ ลั )

• สื่อกลางในการสง่ ผ่านข้อมูลแบบใช้สายหมอื นหรือแตกต่างกบั สื่อกลางแบบไร้สาย อย่างไร
(แนวตอบ : แตกต่างกัน คือ สื่อกลางแบบใช้สายจะส่งข้อมูลผ่านสายนำสัญญาณไฟฟ้าด้วย
ระดับสัญญาณไฟฟ้าที่แตกต่างกัน แต่สื่อกลางแบบไร้สายจะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการ
ส่งผ่านหรือส่อื สารขอ้ มูล เช่น อนิ ฟาเรด ใชเ้ ปน็ สื่อกลางในการสือ่ สารระยะใกลโ้ ดยไม่มีส่ิงกีด
ขวางระหว่างผู้สง่ กับผรู้ ับ)

อธิบายความรู้ (Explain)
54. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสนทนาเกีย่ วกับประโยชนข์ องคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ จากหนงั สือเรียน


55. ครูสุ่มสมาชิกตัวแทนกลุ่ม จากกลุ่มที่ได้สลากหมายเลข 1 ออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้นำเสนอ
รายงานของกลุม่ ตนเอง

56. ครสู ุ่มสมาชิกตวั แทนกลมุ่ ต่อไป จากกลุ่มท่ีไดส้ ลากหมายเลข 2 ออกมานำเสนอรายงาน จากนั้นครู
สุ่มจนครบ 4 หมายเลข

57. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายความรู้ เรื่อง ประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือการนำความรู้
เกี่ยวกับคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั

58. ครมู อบหมายให้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั จาก Topic Question เรือ่ ง คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ จากหนังสือเรียน
ลงในสมุดบันทึกประจำตัว และรวบรวมสง่ ครทู ้ายช่ัวโมง

ช่ัวโมงท่ี 3

ขั้นสอน -

ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

79. ครูนำอภิปรายสรุปเน้ือหาโดยเปิด PowerPoint เร่ืองทส่ี อนควบคไู่ ปด้วย

80. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง ประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ลงในกระดาษ A4

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน)

81. ครูอธิบายสรปุ ความรู้ เรือ่ ง คล่นื อีกครงั้ โดยใหน้ ักเรยี นดู Summary จากหนงั สอื เรียน

82. ครูสมุ่ เลือกนักเรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทัศน์ของตนเองหน้าช้นั เรียน

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)

83. ครูให้นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง ด้วยกรอบ Self Check เรื่อง คลื่น จากหนังสือเรียน

ลงในสมุดบนั ทึกประจำตวั

84. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดจาก Unit Question หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 คลื่น จาก

หนังสือเรียน เป็นการบ้าน โดยทำลงในสมดุ บนั ทึกประจำตวั แล้วรวบรวมสง่ ครเู พื่อตรวจสอบและ

ให้คะแนน

85. ครูมอบหมายการบ้านใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัด เร่อื ง ประโยชน์ของคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า จากแบบฝึกหัด

วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 มาส่งครใู นชว่ั โมงถดั ไป

86. ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนของนักเรยี น

ข้นั สรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
96. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรเู้ กีย่ วกบั ประโยชนข์ องคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า เพื่อให้นักเรียนทกุ คน
ได้มคี วามเข้าใจในเนอ้ื หาท่ีได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดยี วกัน และเปน็ ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครู
ใหน้ กั เรียนเขียนสรปุ ความรลู้ งในสมดุ บันทึกประจำตัว
97. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจหลงั เรียนของนกั เรียน
98. ครูตรวจสอบผลจากการทำรายงาน เรอื่ ง ประโยชนข์ องคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
99. ครตู รวจแบบฝกึ หัดจาก Topic Question เร่ือง คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในสมุดบันทกึ ประจำตัว


100. ครตู รวจสอบผลการตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง Self Check เรื่อง คลนื่ จากหนังสือ
เรียน ในสมุดบนั ทึกประจำตวั

101. ครตู รวจแบบฝกึ หัดจาก Unit Question หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 คลน่ื ในสมดุ บันทกึ ประจำตัว
102. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เร่ือง ประโยชนข์ องคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ จากแบบฝึกหัด

วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5
103. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

และการทำงานกลมุ่
104. ครวู ดั และประเมนิ ผลจากช้นิ งานการสรุปเนอื้ หา เรื่อง ประโยชนข์ องคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ท่ี

นักเรยี นได้สร้างขึน้ จากขั้นขยายความเข้าใจเปน็ รายบคุ คล

44. สื่อการสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 คลืน่
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 คลื่น
3) แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท่ ี่ 4 คลื่น
4) PowerPoint เรื่อง คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
49) หอ้ งเรียน
50) ห้องสมุด
51) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ

45. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
- การตอบคำถามในช้ัน - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม - นักเรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) เรยี น การเรียนรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
นกั เรียนสามารถ ร้อยละ 80
ยกตัวอย่างอปุ กรณท์ ม่ี ี - การทำแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด
การทำงานโดยอาศยั คลน่ื - นักเรียนสามารถ
แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าได้ - การส่งสมดุ และใบ - สมุดและใบงาน ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
2) ดา้ นกระบวนการ (P) งาน ร้อยละ 80
นกั เรียนสามารถนำความรู้
เกย่ี วกับคล่นื แมเ่ หลก็ ฟ้า - นกั เรยี นสง่ งานตาม
ไปอธบิ ายสถานการณ์ที่ กำหนดเวลา
เกีย่ วขอ้ งกบั
ชวี ิตประจำวนั ได้
3) คณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์ (A)


นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้
หรอื อยากรอู้ ยากเห็น

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ / หรอื ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอ่ื ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสุกัญญา หมน่ื ย่งิ )
........./............../.............


บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จัดการเรยี นรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผู้ตรวจแผน
(นางยพุ ิน หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบรุ ี

........./............../.............


Click to View FlipBook Version