The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sirapat.sa, 2022-11-29 02:15:15

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทย์ฯกายภาพ

ilovepdf_merged (1)

32. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง แรงจากสนามโน้มถ่วง จาก
หนงั สอื เรยี น ลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตัว แลว้ นำมาส่งครทู ้ายชัว่ โมง

33. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามโน้มถ่วง จากแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส)์ ม.5 มาส่งครูในชั่วโมงถดั ไป

ขน้ั สรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
35. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้เกยี่ วกับ แรงโน้มถ่วงและสนามโน้มถ่วง เพอื่ ใหน้ ักเรียนทุกคนได้
มีความเข้าใจในเน้ือหาท่ีได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกตอ้ ง โดยครูให้
นกั เรยี นเขยี นสรปุ ความร้ลู งในสมดุ บนั ทกึ ประจำตัว
36. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรียน
37. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบความเข้าใจก่อนเรียนจาก Understanding Check ในสมุด
บันทึกประจำตวั
38. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 2.1 เร่อื ง แรงจากสนามโนม้ ถ่วง
39. ครตู รวจแบบฝกึ หัดจาก Topic Question เรอ่ื ง แรงจากสนามโน้มถ่วง ในสมุดบันทึกประจำตัว
40. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามโน้มถ่วง จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ กิ ส)์ ม.5
41. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่
42. ครูวดั และประเมินผลจากชน้ิ งานการสรปุ เน้ือหา เร่ือง แรงจากสนามโน้มถว่ ง ทนี่ กั เรียนได้สร้างขึ้น
จากขัน้ ขยายความเขา้ ใจเป็นรายบคุ คล

20. สอ่ื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
2) แบบฝกึ หัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
3) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ
4) ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง แรงจากสนามโน้มถว่ ง
5) PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามโนม้ ถว่ ง
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
13) หอ้ งเรยี น
14) ห้องสมุด
15) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ

21. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ


1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ข้อคำถามในกจิ กรรม - นักเรียนสามารถ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
- นกั เรียนสามารถอธิบาย เรยี น การเรียนรู้ รอ้ ยละ 80

แรงทีเ่ กยี่ วข้องกับสนาม - นกั เรียนสามารถ
ตอบคำถามได้ถูกต้อง
โนม้ ถว่ งที่มตี ่อการ ร้อยละ 80

เคลื่อนท่ีของวตั ถไุ ด้ - นักเรยี นส่งงานตาม
กำหนดเวลา
2) ด้านกระบวนการ (P) - การสง่ ใบงานท่ี 2.1 - ใบงานที่ 2.1

นกั เรยี นสามารถทดลอง - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั

และอธิบายการเคลื่อนท่ี

ของวตั ถุในสนามโนม้ ถว่ ง

ได้

3) คุณลกั ษณะอนั พึง - การส่งสมุดและใบ - สมุดและใบงาน

ประสงค์ (A) งาน

นกั เรยี นมีความสนใจใฝร่ ู้

หรืออยากรูอ้ ยากเหน็

และทำงานร่วมกับผอู้ ืน่

อยา่ งสรา้ งสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ / หรอื ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชื่อ ผตู้ รวจแผน
(นางสาวสุกัญญา หมนื่ ยิ่ง)
........./............../.............


บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสริ ภทั ร เสาร์ท้าว)
........./............../...........

4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/หรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชื่อ ผตู้ รวจแผน
(นางยพุ ิน หอมสุข)

........./............../.............
ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงชื่อ ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นางฉวีวรรณ สุธีระกูล)

ครูชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่ง


ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพฒั นาการ สระบรุ ี
........./............../.............

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 7

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์)

ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 และ 5 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ เรอื่ ง แรงจากสนามไฟฟา้ เวลา 2 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงท่กี ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการ

เคลื่อนท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ดั
ว 2.2 ม.4-6/7 สังเกตและอธบิ ายการเกดิ สนามแม่เหล็กเน่ืองจากกระแสไฟฟ้า

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.22 นักเรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะของสนามไฟฟ้าและความสัมพนั ธ์ระหว่างสนามไฟฟ้ากับประจุไฟฟา้
ชนดิ ตา่ ง ๆ ได้ (K)
2.23 นักเรยี นสามารถทดลองและอธบิ ายผลของสนามไฟฟา้ ต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าได้ (P)
2.24 นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรู้อยากเหน็ และทำงานร่วมกับผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
บรเิ วณทีม่ แี รงระหวา่ งประจุกระทำต่อประจุทดสอบ บริเวณน้นั จะมสี นามไฟฟ้า (electric field) และ

ขนาดของสนามไฟฟ้าจะขึน้ อยกู่ ับปริมาณของประจุไฟฟา้ ขนาดและทศิ ของสนามไฟฟา้ ลพั ธ์ของสนามไฟฟา้
เน่ืองจากจดุ ประจุหลาย ๆ จุด เทา่ กบั ผลรวมของเวกเตอร์ของสนามไฟฟา้ เนื่องจากจุดประจแุ ตล่ ะจดุ ประจุ

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เขียนใหส้ อดคล้องกบั แผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา


ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. เนอื้ หาสาระ
บรเิ วณท่มี ีแรงระหว่างประจุกระทำต่อประจุทดสอบ บริเวณน้ันจะมีสนามไฟฟา้ (electric field) และ

ขนาดของสนามไฟฟา้ จะขึน้ อยกู่ ับปริมาณของประจุไฟฟา้ ขนาดและทิศของสนามไฟฟา้ ลพั ธ์ของสนามไฟฟ้า
เนื่องจากจุดประจุหลาย ๆ จุด เทา่ กบั ผลรวมของเวกเตอร์ของสนามไฟฟา้ เน่ืองจากจดุ ประจแุ ตล่ ะจุดประจุ

6. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ทักษะศตวรรษที่ 21 (ใช้เฉพาะแกนหลกั 4Cs)
 การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะด้านการส่อื สารสนเทศ และรู้เทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหยุน่ และการปรับตัว
 การริเรมิ่ สร้างสรรค์และการเปน็ ตัวของตัวเอง
 ทกั ษะสงั คม และสังคมขา้ มวฒั นธรรม
 การเปน็ ผ้สู ร้างหรอื ผผู้ ลิต และความรบั ผิดชอบเช่ือถือได้
 ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ

คุณลักษณะสำหรับศตวรรษที่ 21
 คณุ ลกั ษณะดา้ นการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผนู้ ำ
 คุณลกั ษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี ำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คณุ ลกั ษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อืน่ ความซ่ือสัตย์ สำนกึ พลเมือง

7. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค์)
- การตอบคำถามในชนั้ เรียน
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมดุ
- การสง่ ใบงาน

8. บรู ณาการกับแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง


ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรยี นสามารถนำความรมู้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับผเู้ รยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จดั การเรยี นรตู้ รงตามหลักสตู ร ตวั ชี้วัด/ผล ความคดิ เห็นไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล
การเรยี นรูท้ ่คี าดหวัง นักเรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรอื การทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง
มีภมู ิคุ้มกันใน การวางแผน และเตรียมความพรอ้ มก่อน และปลอดภยั
ตวั ทด่ี ี จดั การเรยี นรู้ นักเรียนสามารถจบั ใจความสำคญั
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเร่อื งท่ีเรียนได้
เงื่อนไขความรู้ ถ่ายทอดความรู้ตามแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล นกั เรียนมคี วามใฝ่เรยี นรู้และมงุ่ มั่นใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และชว่ ยเหลอื นกั เรยี น
ถ่ายทอดความรู้ท้ังหมดโดยไม่ปิดปัง เพื่อ
ความเจริญกา้ วหนา้ ของนักเรียน

9. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงท่ี 1

ขัน้ นำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
33. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรูใ้ หน้ กั เรยี นทราบ
34. ครสู นทนากบั นักเรียน ทบทวนความรู้ เร่อื ง แรงจากสนามโน้มถ่วง
35. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “แรงไฟฟ้ากับแรงโน้มถ่วง
เหมือนหรอื ต่างกนั อย่างไร” โดยเม่ือนักเรียนไดส้ ืบเสาะหาความรู้แล้วนักเรียนจะต้องตอบได้
(แนวตอบ : แรงโน้มถ่วงเป็นแรงดึงดูดที่กระทำต่อวัตถุที่มีมวลในทิศทางของสนามโน้มถ่วง ส่วนแรง
ไฟฟา้ เปน็ แรงที่กระทำต่ออนภุ าคท่ีมีประจุไฟฟ้า ซ่ึงเปน็ ไดท้ ั้งแรงดึงดูดและแรงผลัก)

ขน้ั สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
50. ครูให้นักเรยี นสบื เสาะหาความรู้ เรอื่ ง แรงไฟฟ้า จากหนังสือเรียน
51. ครูให้นักเรียนสรุปแนวคิด (concept) ที่ได้จากการสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง แรงไฟฟ้า พร้อมทั้ง
สมการทใี่ ชใ้ นการคำนวณหาขนาดของแรงระหว่างจดุ ประจุ ลงในสมดุ บนั ทึกประจำตวั
52. ครูนำนักเรียนอภิปรายแสดงตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของอนุภาคมูลฐานของอะตอม
จากนนั้ ครสู มุ่ นักเรียนออกมาหน้าช้นั เรยี นแล้วเตมิ ขอ้ มลู ลงในตางรางใหถ้ ูกตอ้ ง
53. ครใู ห้นักเรยี นสบื เสาะหาความรู้ เรอื่ ง สนามไฟฟ้า จากหนงั สือเรยี น พรอ้ มทง้ั จดบันทึกสรุปความรู้
ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตัว


54. ครแู จกใบงานที่ 2.2 เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า ใหน้ ักเรยี นศึกษา แลว้ รวบรวมสง่ ครูท้ายช่วั โมง

อธบิ ายความรู้ (Explain)
3. ครูสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้อธิบายคำตอบที่นักเรียนได้ทำลงไปในใบงานที่ 2.2
เร่อื ง แรงจากสนามไฟฟา้
4. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับ แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้า โดยครูให้นักเรียนศึกษาจาก
หนงั สือเรียนควบค่ไู ปกับการทคี่ รอู ธิบาย เพื่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจในเน้ือหาสว่ นนน้ั มากยง่ิ ขึน้

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
9. ครูอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับสนามไฟฟ้าของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า จากนั้นครูตั้งคำถามกับ
นักเรียนว่า “ถ้าอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านบริเวณที่มีสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ จะเป็น
อย่างไร” โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ และยังไม่เฉลยว่าคำตอบของ
นักเรียนคนไหนถูกหรอื ผดิ
10. ครใู ห้นกั เรยี นสืบเสาะหาความรู้ เรอื่ ง ผลของสนามไฟฟ้าต่ออนุภาคทีม่ ีประจุไฟฟ้า จากหนังสือเรียน
11. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ ความร้เู ก่ยี วกบั เรอ่ื งทีก่ ำลังศกึ ษา โดยจดบันทึกลงในสมุดบนั ทกึ ประจำตัว
12. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูงกับนักเรียนว่า “ถ้าให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในแนวตั้งฉากกับ
สนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ แนวการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนจะเปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร” โดยครู
มอบหมายใหน้ กั เรียนเขยี นคำตอบของตนเองลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว
(แนวตอบ : อิเล็กตรอนเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบ เมื่อเคลื่อนที่ในแนวตั้งฉากกับสนามไฟฟ้า
สม่ำเสมอ แนวการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนจะเบนออกเป็นเส้นโค้งพาราโบลา ซึ่งทิศทางการเบน
ออกนีจ้ ะสวนทางกบั ทิศทางของสนามไฟฟ้าสม่ำเสมอ)
13. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษา เรอ่ื ง ประโยชน์จากสนามไฟฟา้ จากหนงั สอื เรียน

อธบิ ายความรู้ (Explain)
25. นกั เรียนเกบ็ รวบรวมสมดุ บันทึกประจำตวั สง่ ครู เพ่ือตรวจคำตอบคำถามทา้ ทายการคิดขน้ั สงู
26. ครสู มุ่ นกั เรียนออกมาหน้าชั้นเรียน จากนน้ั ให้อธิบายการนำความรู้เกี่ยวกับ สนามไฟฟ้า ไปประยุกต์ใช้
ในชวี ติ ประจำวัน จากส่งิ ที่ได้ศกึ ษามาแลว้
27. ครตู รวจคำตอบคำถามทา้ ทายการคดิ ข้ันสูง แล้วคนื สมดุ บันทึกประจำตวั ให้นกั เรยี น

ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
34. ครูนำอภิปรายสรุปเนื้อหา โดยเปิด PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า ให้นักเรียนศึกษาควบคู่
ไปดว้ ย


35. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า ลงในกระดาษ
A4 พรอ้ มท้งั ตกแตง่ ให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน)

36. ครสู ่มุ เลือกนักเรียนออกไปนำเสนอผังมโนทัศน์ของตนเองหนา้ ชน้ั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)

37. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า จาก
หนังสือเรยี น ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว แลว้ นำมาสง่ ครทู า้ ยช่วั โมง

38. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า จากแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 มาสง่ ครใู นชัว่ โมงถดั ไป

ขั้นสรุป

ตรวจสอบผล (Evaluate)
43. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้า เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มี
ความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้
นกั เรยี นเขียนสรปุ ความรู้ลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว
44. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง แรงจากสนามไฟฟา้
45. ครูตรวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เร่อื ง แรงจากสนามไฟฟ้า ในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
46. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ ิกส์) ม.5
47. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่
48. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า ที่นักเรียนได้สร้างขึ้น
จากขนั้ ขยายความเขา้ ใจเป็นรายบคุ คล

22. ส่ือการสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี น วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
2) แบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
3) ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง แรงจากสนามไฟฟา้
4) PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามไฟฟ้า
10.2 แหล่งการเรียนรู้
16) หอ้ งเรียน
17) ห้องสมดุ
18) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


23. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธวี ัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- นกั เรียนสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ขอ้ คำถามในกจิ กรรม ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
นักเรยี นสามารถอธบิ าย เรียน การเรยี นรู้
- นักเรยี นสามารถ
ลกั ษณะของสนามไฟฟา้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ร้อยละ 80
และความสมั พันธ์ระหวา่ ง
- นกั เรียนส่งงานตาม
สนามไฟฟา้ กับประจุไฟฟ้า กำหนดเวลา

ชนดิ ต่าง ๆ ได้

2) ด้านกระบวนการ (P) - การสง่ ใบงานท่ี 2.2 - ใบงานท่ี 2.2

นักเรียนสามารถทดลอง - การทำแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั

และอธบิ ายผลของ

สนามไฟฟา้ ต่ออนุภาคท่ีมี

ประจุไฟฟ้าได้

3) คณุ ลักษณะอนั พึง - การส่งสมุดและใบ - สมดุ และใบงาน

ประสงค์ (A) งาน

นักเรยี นมคี วามสนใจใฝ่รู้

หรืออยากรู้อยากเหน็

และทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน

อย่างสรา้ งสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ / หรอื ผูท้ ่ีได้รับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงช่อื ผ้ตู รวจแผน
(นางสาวสุกัญญา หมืน่ ยง่ิ )
........./............../.............


บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงชอ่ื ผู้จดั การเรยี นรู้
(นางสาวสิรภัทร เสารท์ ้าว)
........./............../...........

4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/หรือผ้ทู ่ีไดร้ ับมอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ ผู้ตรวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเห็นผ้อู ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................


ลงช่ือ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สุธรี ะกลู )

ครูชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบรุ ี

........./............../.............

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 8

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์)

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 และ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 แรงในธรรมชาติ เรือ่ ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ เวลา 2 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการ

เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวัด
ว 2.2 ม.4-6/7 สงั เกตและอธิบายการเกดิ สนามแมเ่ หล็กเน่ืองจากกระแสไฟฟ้า
ว 2.2 ม.4-6/8 สงั เกตและอธบิ ายแรงแมเ่ หล็กทก่ี ระทำต่ออนภุ าคท่มี ีประจุไฟฟ้าทเี่ คล่ือนท่ใี น

สนามแม่เหลก็ และแรงแม่เหล็กทกี่ ระทำต่อลวดตัวนำทีม่ ีกระแสไฟฟ้าผ่านในสนามแมเ่ หลก็ รวมทัง้ อธิบาย
หลักการทำงานของมอเตอร์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.25 นกั เรยี นสามารถบอกความแตกตา่ งระหว่างสารที่เปน็ แม่เหลก็ และสารทีไมเ่ ป็นแมเ่ หล็กได้ (K)
2.26 นกั เรยี นสามารถใชท้ ักษะการทดลอง การสรุป และการอภิปรายแรงจากสนามแมเ่ หล็กได้ถูกต้อง (P)
2.27 นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรู้อยากเห็น และทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
กระแสไฟฟา้ ทำใหเ้ กิดสนามแมเ่ หลก็ ในบรเิ วณรอบแนวการเคลอื่ นท่ีของกระแสไฟฟา้ หาทศิ ทางของ

สนามแม่เหล็กเนื่องจากกระแสไฟฟ้าได้จากกฎมือขวา


ในบรเิ วณท่มี ีสนามแม่เหล็ก เมื่อมีอนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ เคลอื่ นท่โี ดยไม่อย่ใู นแนวเดยี วกับ
สนามแมเ่ หล็ก หรอื มีกระแสไฟฟ้าผา่ นลวดตัวนำโดยกระแสไฟฟา้ ไม่อยู่ในแนวเดยี วกับสนามแมเ่ หลก็ จะมแี รง
แม่เหล็กกระทำ ซ่ึงเป็นพนื้ ฐานในการสรา้ งมอเตอร์

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน (เขียนใหส้ อดคล้องกับแผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. เนอ้ื หาสาระ
สนามแม่เหล็ก คือ บริเวณโดยรอบแทง่ แม่เหลก็ ท่สี ามารถส่งแรงกระทำต่อวตั ถทุ ่เี ป็นสารแม่เหลก็ ซงึ่

วางอยู่ในบรเิ วณนัน้ วัตถทุ ี่แม่เหล็กออกแรงกระทำด้วย เรยี กวา่ สารแมเ่ หล็ก (magnetic substance)
แม่เหลก็ คือ สารที่สามารถดูดเหล็กหรอื เหนย่ี วนาให้เหลก็ หรือสารแมเ่ หล็กเป็นแมเ่ หล็กได้ แบ่งเปน็ 2 ชนิด
คอื แม่เหล็กถาวร (permanent magnetic) และแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแมเ่ หล็กชวั่ คราว แม่เหลก็ มี 2 ข้วั คอื ขั้ว
เหนอื และข้ัวใต้ เมือ่ นำแมเ่ หล็กข้ัวเดียวกนั วางใกล้กันจะเกิดแรงดดู กัน เม่ือนำวตั ถุข้ัวต่างกันมาวางใกล้กนั จะ
เกดิ แรงผลักกนั

6. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทักษะศตวรรษท่ี 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะดา้ นการสื่อสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะดา้ นชีวิตและอาชีพ
 ความยดื หยนุ่ และการปรบั ตัว
 การรเิ ริม่ สร้างสรรค์และการเป็นตัวของตวั เอง
 ทกั ษะสังคม และสังคมข้ามวัฒนธรรม
 การเปน็ ผู้สรา้ งหรือผผู้ ลติ และความรบั ผดิ ชอบเชือ่ ถือได้
 ภาวะผ้นู ำและความรับผดิ ชอบ

คณุ ลกั ษณะสำหรับศตวรรษที่ 21
 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเป็นผ้นู ำ
 คณุ ลกั ษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง
 คณุ ลกั ษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อืน่ ความซ่ือสัตย์ สำนกึ พลเมือง


7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ (เขียนใหส้ อดคล้องกับจุดประสงค์)
- การตอบคำถามในช้ันเรียน
- การตอบคำถามในแบบฝึกหัด
- การส่งสมดุ
- การส่งใบงาน

8. บูรณาการกบั แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

ปรชั ญาของ ครู นกั เรียน
เศรษฐกิจพอเพียง
นกั เรยี นสามารถนำความรมู้ าใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกับผู้เรยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตุผล จัดการเรียนรู้ตรงตามหลักสูตร ตวั ช้วี ัด/ผล ความคดิ เหน็ ได้อย่างมีเหตุผล
การเรียนรูท้ ค่ี าดหวัง นกั เรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกจิ กรรมได้อย่างถูกตอ้ ง
มีภมู ิคมุ้ กนั ใน การวางแผน และเตรียมความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตวั ทดี่ ี จัดการเรยี นรู้ นักเรียนสามารถจบั ใจความสำคญั
และสรุปองคค์ วามรู้จากเร่ืองทเี่ รียนได้
เงือ่ นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจดั การเรียนรูท้ ี่
เงือ่ นไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรยี นรู้และมงุ่ มนั่ ใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลือนักเรียน
ถ่ายทอดความรู้ท้ังหมดโดยไม่ปดิ ปัง เพ่ือ
ความเจรญิ ก้าวหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงท่ี 1

ข้นั นำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
36. ครูสนทนาและซักถามประสบการณ์เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แม่เหล็กท่ีเคยรับรู้มาก่อน โดย
ครูอาจใช้คำถามต่อไปนถี้ ามนักเรยี น เชน่
• แมเ่ หล็กทน่ี กั เรยี นรู้จกั หมายถงึ อะไร
• แม่เหลก็ มีกีช่ นดิ และแตล่ ะชนดิ มจี ุดเดน่ อยา่ งไร
• นักเรียนสามารถใชป้ ระโยชน์จากแมเ่ หล็กนน้ั ไดอ้ ย่างไร และนำไปใชอ้ ะไรบา้ ง
ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เห็นอย่างอสิ ระ โดยยงั ไมเ่ ฉลยว่าคำตอบของใครถกู หรือผดิ
37. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ให้นักเรยี นทราบ
38. ครูสนทนากับนกั เรียน ทบทวนความรู้ เร่อื ง แรงจากสนามไฟฟา้


39. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสอื เรยี น กับนักเรียนวา่ “ผลของสนามแม่เหล็กและผล
ของสนามไฟฟา้ ต่ออนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟ้าต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด”
(แนวตอบ : ต่างกัน เพราะแรงเน่ืองจากสนามไฟฟา้ กระทำต่ออนภุ าคทม่ี ีประจำฟฟ้าทั้งทเี่ คล่ือนที่และ
ไมเ่ คล่ือนที่ สว่ นแรงเนื่องจากสนามแม่เหล็กกระทำต่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนท่ที ้ัน)

ขนั้ สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
55. ครูให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กนั อยา่ งอสิ ระ กล่มุ ละ 3-4 คน
56. ครใู หน้ กั เรยี นสบื เสาะหาความรู้ เร่อื ง แรงแมเ่ หล็กและสนามแม่เหลก็ จากหนังสือเรียน
57. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกบั เข็มทิศ จากอินเทอร์เน็ต โดยเขียนสรุปความร้ลู ง
ในสมดุ บันทึกประจำตัว
58. ครูนำแท่งแม่เหล็ก 2 แท่งขึ้นมาแสดงให้นักเรียนดู จากนั้นสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน 2 คน
ให้นักเรียนถือแท่งแม่เหล็กคนละ 1 แท่ง แล้วให้นักเรียนคนแรกหันขั้วเหนือไปด้านหน้า และ
นักเรียนคนที่สองหันขั้วใต้ไปด้านหน้า จากนั้นครูให้นักเรียนทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน นำแท่ง
แม่เหลก็ เขา้ ใกล้กัน ใหน้ ักเรียนท้งั สองคนอธิบายผลท่ีเกดิ ขน้ึ
59. ครูให้นักเรียนคนที่สองกลับด้านแท่งแม่เหล็ก ให้หันขั้วเหนือไปด้านหน้า จากนั้นครูให้นักเรียนท้ัง
สองคนทำซำ้ เชน่ เดิม ให้นกั เรยี นทัง้ สองคนอธบิ ายผลที่เกิดขึ้น
60. ครูร่วมกันอภิปรายผลท่ีเกิดขึน้ พร้อมกบั ให้นักเรียนศกึ ษาภาพแสดงเส้นสนามแม่เหล็กระหว่างแทง่
แมเ่ หลก็ 2 แทง่ จากหนังสือเรยี น
61. เมื่อนักเรียนทราบถึงทิศทางของเส้นสนามแม่เหล็กแล้ว ครูให้นักเรียนเปรยี บเทียบ สนามแม่เหล็ก
โลก จากหนงั สือเรยี น
62. ครูใหน้ ักเรียนใช้สมาร์ตโฟนสแกน QR Code เรื่อง สนามแม่เหล็กโลก จากหนังสอื เรียน เพ่ือศึกษา
เพมิ่ เตมิ จากสื่อดจิ ิทลั
63. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้าง ๆ แล้วร่วมกันศึกษา เรื่อง ผลของสนามแม่เหล็กต่ออนุภาคที่มี
ประจุไฟฟา้ จากหนงั สอื เรียน
64. ครูอาจถามคำถามชวนคิดกับนักเรียนเมื่อเริ่มศึกษาเนื้อหาว่า “นักเรียนเคยได้ยินคำว่า กฎมือขวา
หรือไม่ แลว้ กฎมือขวาน้ีคอื อะไร” โดยครูอาจสมุ่ ถามนักเรียนเพ่ือตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรียน
เกีย่ วกับเรือ่ งทก่ี ำลงั จะศกึ ษา

อธิบายความรู้ (Explain)
5. ครูสมุ่ นกั เรียนออกมาหนา้ ช้ันเรยี น จากนน้ั ให้อธิบายเกี่ยวกับการหาทิศของแรงแม่เหล็กบนอนุภาค
ทม่ี ีประจุไฟฟ้าโดยใชก้ ฎมือขวา
6. ครูอาจกำหนดทศิ ของความเร็วของอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟา้ จากนนั้ ให้นกั เรยี นใช้กฎมอื ขวาในการหา
ทศิ ของแรงแม่เหล็กทีก่ ระทำต่ออนุภาคที่มีประจไุ ฟฟ้าน้นั
7. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับ ผลของสนามแม่เหล็กต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า โดยครูให้
นกั เรียนศกึ ษาจากหนังสือเรียนควบคู่ไปกับการที่ครูอธบิ าย เพื่อให้เกดิ ความเข้าใจในเนื้อหาส่วนน้ัน
มากย่ิงขึ้น

ช่ัวโมงที่ 2


ขนั้ สอน

สำรวจค้นหา (Explore)
14. ครแู บง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตามผลสมัฤทธิ์
(เกง่ ปานกลาง ออ่ น) ใหอ้ ยู่ในกลมุ่ เดยี วกัน เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อลำ
อิเล็กตรอน จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่
ของตนเอง เช่น
• สมาชกิ คนที่ 1 : เตรยี มวัสดุอุปกรณ์
• สมาชกิ คนท่ี 2 : อา่ นและศกึ ษาวิธีปฏบิ ตั ิกิจกรรม แล้วนำมาอธบิ ายสมาชิกในกลมุ่
• สมาชกิ คนท่ี 3 : บันทกึ ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม
• สมาชิกคนที่ 4-5 : คน้ คว้าเพิม่ เตมิ หาแหลง่ ขอ้ มูลอ้างองิ เพอื่ สนับสนุนการปฏิบัตกิ ิจกรรม
• สมาชิกคนที่ 6 : นำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรม
15. ครูชแี้ จงจุดประสงค์ของกจิ กรรมใหน้ ักเรียนทราบ เพือ่ เปน็ แนวทางการปฏบิ ัติท่ีถกู ตอ้ ง
16. ครใู หค้ วามรู้เพมิ่ เติมหรือเทคนิคเกยี่ วกับการปฏบิ ัติกิจกรรม จากน้ันให้นกั เรยี นทกุ กลุม่ ลงมือปฏิบัติ
ตามขั้นตอน
17. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันพดู คุยวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัติกิจกรรม แลว้ อภิปรายผลร่วมกนั
18. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ
นำสง่ ครเู ปน็ การตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

อธิบายความรู้ (Explain)
28. ครูใหแ้ ต่ละกล่มุ สง่ ตัวแทนออกมาหน้าชน้ั เรยี น เพื่อนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
29. ครสู มุ่ นักเรยี นเพือ่ ถามคำถามท่ีเกีย่ วข้องกับกิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั ปฏิบตั กิ จิ กรรม
30. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมและสรุปความร้รู ่วมกนั
31. ครแู จกใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง แรงจากสนามแมเ่ หล็ก ใหน้ ักเรยี นนำกลบั ไปศกึ ษาเปน็ การบ้าน

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
39. ครูนำอภิปรายสรุปเนื้อหา โดยเปิด PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ให้นักเรียนศึกษา
ควบคู่ไปด้วย
40. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนสอบถามเก่ียวกบั ส่ิงทส่ี งสยั หรอื ยงั ไม่เขา้ ใจเพ่ิมเติม
41. ครูให้นักเรียนเขยี นสรุปองค์ความรู้ เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากที่ได้ศึกษามา ลงในสมุดบันทึก
ประจำตวั เสรจ็ แลว้ ตัวแทนนกั เรียนเก็บรวบรวมสง่ ครูท้ายช่ัวโมง
42. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 มาสง่ ครใู นชว่ั โมงถัดไป

ข้ันสรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
49. นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ แรงแม่เหล็ก สนามแม่เหล็ก และผลของสนามแม่เหลก็
ที่มีต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไป


ในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้ลงในสมุดบันทึก
ประจำตวั
50. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 2.3 เรื่อง แรงจากสนามแมเ่ หล็ก
51. ครูตรวจการสรปุ องค์ความรู้ เรอ่ื ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ จากสมุดบนั ทกึ ประจำตัว
52. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟิสิกส์) ม.5
53. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลมุ่

24. สื่อการสอน/แหล่งเรยี นรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ
3) ใบงานที่ 2.3 เร่อื ง แรงจากสนามแม่เหล็ก
4) PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามโนม้ ถ่วง
5) แท่งแมเ่ หล็ก 2 แท่ง
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
19) หอ้ งเรียน
20) ห้องสมุด
21) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

25. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ วี ดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- การตอบคำถามในชั้น - ข้อคำถามในกจิ กรรม - นกั เรียนสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) เรียน การเรยี นรู้ ตอบคำถามได้ถูกต้อง
นักเรยี นสามารถบอก ร้อยละ 80
ความแตกต่างระหว่างสาร - การส่งใบงานท่ี 2.3 - ใบงานที่ 2.3
ทเ่ี ปน็ แมเ่ หลก็ และสารที - การทำแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั - นกั เรียนสามารถ
ไมเ่ ป็นแมเ่ หล็กได้ ตอบคำถามได้ถูกต้อง
2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การส่งสมุดและใบ - สมดุ และใบงาน ร้อยละ 80
นักเรยี นสามารถใช้ทักษะ งาน
การทดลอง การสรปุ และ - นักเรยี นส่งงานตาม
การอภิปรายแรงจาก กำหนดเวลา
สนามแม่เหล็กไดถ้ ูกต้อง
3) คุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์ (A)


นักเรยี นมคี วามสนใจใฝ่รู้
หรอื อยากรู้อยากเหน็
และทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืน
อย่างสร้างสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ / หรอื ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอื่ ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสกุ ญั ญา หม่ืนย่งิ )
........./............../.............

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................ ..................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................... ..........

ลงชอื่ ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสริ ภัทร เสารท์ ้าว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหนา้ งานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................


ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรียน
(นางฉวีวรรณ สธุ ีระกูล)

ครชู ำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหนง่
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี

........./............../.............

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 9

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์)

ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 และ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2565

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ เรือ่ ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ 2 เวลา 6 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการ

เคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ัด
ว 2.2 ม.4-6/8 สังเกตและอธบิ ายแรงแมเ่ หล็กทีก่ ระทำต่ออนภุ าคที่มีประจุไฟฟ้าทเี่ คลือ่ นท่ีใน

สนามแมเ่ หลก็ และแรงแมเ่ หล็กที่กระทำต่อลวดตัวนำทีม่ ีกระแสไฟฟ้าผ่านในสนามแม่เหลก็ รวมทัง้ อธบิ าย
หลกั การทำงานของมอเตอร์

ว 2.2 ม.4-6/9 สงั เกตและอธิบายการเกิดอเี อ็มเอฟ รวมทั้งยกตวั อย่างการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2.28 นักเรยี นสามารถอธิบายผลของสนามแม่เหลก็ ทมี่ ีต่อตัวนำท่ีมีกระแสไฟฟ้าได้ (K)
2.29 นกั เรยี นสามารถประดิษฐม์ อเตอร์อย่างงา่ ยเพ่อื ประยุกต์ใช้งานในชวี ิตประจำวนั ได้ (P)
2.30 นักเรยี นมคี วามสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรู้อยากเห็น และทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
ในบรเิ วณทม่ี สี นามแม่เหล็ก เมอื่ มีอนุภาคที่มปี ระจุไฟฟา้ เคล่ือนท่โี ดยไม่อยู่ในแนวเดียวกับ

สนามแมเ่ หล็ก หรอื มกี ระแสไฟฟา้ ผ่านลวดตวั นำโดยกระแสไฟฟ้าไม่อยใู่ นแนวเดยี วกับสนามแม่เหลก็ จะมแี รง
แมเ่ หลก็ กระทำ ซ่ึงเป็นพื้นฐานในการสร้างมอเตอร์


เมอ่ื มสี นามแม่เหล็กเปล่ยี นแปลงตัดขดลวดตวั นำทำให้เกดิ อีเอ็มเอฟ ซึง่ เปน็ พ้นื ฐานในการสร้างเครือ่ ง
กำเนดิ ไฟฟา้

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เขียนใหส้ อดคลอ้ งกับแผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. เน้อื หาสาระ
กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำเปน็ ผลจากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนอิสระในตัวนำ เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้า

ผา่ นตัวนำที่อยใู่ นสนามแม่เหลก็ ผลจากแรงแมเ่ หล็กทก่ี ระทำตอ่ อิเล็กตรอนอิสระในตัวนำทำใหเ้ กดิ แรง
แม่เหล็กบนตัวนำ โดยแรงแม่เหล็กบนตัวนำเป็นผลรวมของแรงแมเ่ หล็กท่ีกระทำต่ออิเล็กตรอนอิสระท้ังหลาย
ในตัวนำ ซึ่งเปน็ พ้นื ฐานในการสร้างมอเตอร์อย่างง่าย รวมถงึ การสร้างเครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟ้าดว้ ย

6. จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใช้เฉพาะแกนหลกั 4Cs)
 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทกั ษะด้านการส่ือสารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทกั ษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหย่นุ และการปรับตวั
 การริเร่มิ สร้างสรรคแ์ ละการเป็นตวั ของตัวเอง
 ทกั ษะสงั คม และสงั คมขา้ มวัฒนธรรม
 การเป็นผสู้ ร้างหรือผู้ผลติ และความรับผิดชอบเชอ่ื ถือได้
 ภาวะผู้นำและความรบั ผิดชอบ

คณุ ลักษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
 คณุ ลักษณะด้านการทำงาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผ้นู ำ
 คุณลกั ษณะดา้ นการเรียนรู้ ได้แก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คุณลกั ษณะดา้ นศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อืน่ ความซื่อสตั ย์ สำนึกพลเมือง

7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความรู้) (เขยี นให้สอดคล้องกับจุดประสงค)์
- การตอบคำถามในชัน้ เรียน


- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมุด

8. บรู ณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ปรชั ญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นักเรียนสามารถนำความรมู้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ และแสดง
ความมีเหตุผล จัดการเรยี นรตู้ รงตามหลักสตู ร ตัวช้วี ดั /ผล ความคดิ เห็นได้อย่างมีเหตผุ ล
การเรียนรู้ท่คี าดหวงั นักเรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง
มีภมู ิคุม้ กนั ใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตัวทดี่ ี จดั การเรียนรู้ นกั เรียนสามารถจบั ใจความสำคัญ
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเร่อื งทเี่ รียนได้
เงอ่ื นไขความรู้ ถา่ ยทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
เงื่อนไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นักเรยี นมคี วามใฝเ่ รียนร้แู ละมุ่งมั่นใน
การทำงาน
มีความเสมอภาค และช่วยเหลือนกั เรียน
ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดโดยไม่ปิดปงั เพ่ือ
ความเจริญก้าวหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงที่ 1-2

ขัน้ นำ

กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
40. ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ที่ได้ศึกษาไปแล้ว เพื่อเป็นการ
เช่ือมโยงความรูส้ ู่เรอ่ื งทก่ี ำลงั จะศกึ ษา
41. ครูอาจสุม่ นักเรียน เพอ่ื ให้แสดงวธิ ีการใช้กฎมือขวาในการหาทิศของแรงแม่เหล็กท่ีกระทำต่ออนุภาคท่ี
มปี ระจไุ ฟฟา้ เปน็ การกระตนุ้ ความสนใจกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้

ข้ันสอน

สำรวจค้นหา (Explore)
65. ครใู ห้นกั เรียนศึกษา เร่ือง ผลของสนามแม่เหล็กตอ่ ตัวนำที่มีกระแสไฟฟา้ จากหนงั สือเรยี น
66. ครูให้นกั เรียนจดบันทึกสรุปความรู้ เรื่อง ผลของสนามแม่เหล็กต่อตวั นำท่ีมกี ระแสไฟฟ้า ลงในสมุด
บนั ทึกประจำตัว
67. ครูใหน้ กั เรียนจับคู่กับเพ่ือนข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษา การใช้กฎมือขวาสำหรับหาทิศของแรงแม่เหล็ก
บนลวดตัวนำตรง จากหนังสือเรียน


68. ครูสุ่มนกั เรียน 1 คู่ จากนน้ั ใหย้ ืนขึ้นแล้วอธิบายการใช้กฎมือขวาสำหรับหาทิศของแรงแม่เหล็กบนลวด
ตวั นำตรง ให้เพ่ือนในช้นั เรียนดู

69. ครอู ภปิ รายรว่ มกบั นกั เรียนเกย่ี วกับ ผลของสนามแม่เหล็กต่อตัวนำทมี่ ีกระแสไฟฟ้า เพอื่ ให้นักเรียน
เกิดความเขา้ ใจมากยง่ิ ข้นึ

70. ครูให้นักเรียนแยกเข้ากลุ่มของตนเอง ที่ได้แบ่งไว้ตอนทำกิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อ
ลำอิเล็กตรอน

71. ครูให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม ผลของสนามแม่เหลก็ ต่อตัวนำทีม่ ีกระแสไฟฟ้า จาก
หนังสือเรียน โดยสมาชิกแตล่ ะคนอาจมีหน้าที่เหมอื นเดิมหรืออาจปรับเปลีย่ นหนา้ ท่ีกนั ใหม่ภายใน
กลุ่ม เพ่อื ใหเ้ กิดกระบวนการทำงานรว่ มกันได้ดียิ่งข้ึน

72. ครชู ้แี จงจุดประสงคข์ องกจิ กรรมใหน้ ักเรียนทราบ เพอื่ เป็นแนวทางการปฏิบัตทิ ถี่ กู ตอ้ ง
73. ครใู ห้ความรู้เพมิ่ เตมิ หรือเทคนิคเก่ยี วกบั การปฏิบตั ิกิจกรรม จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติ

ตามขน้ั ตอน
74. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันพดู คุยวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกนั
75. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ

นำสง่ ครูเป็นการตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม

อธิบายความรู้ (Explain)
32. ครูให้แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาหนา้ ช้นั เรียน เพอื่ นำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรม
33. ครูสุ่มนกั เรยี นเพื่อถามคำถามทีเ่ ก่ียวข้องกับกิจกรรม เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจหลังปฏิบัติกิจกรรม
34. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมและสรุปความรูร้ ่วมกัน

ชัว่ โมงที่ 3-4

ข้ันสอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
19. ครูนำอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับผลกิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า
เพอ่ื เชือ่ มโยงสูเ่ น้อื หาทีก่ ำลงั จะศกึ ษา
20. ครูกล่าวนำว่า เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับ สนามแม่เหล็ก ไปประยุกต์ใช้ หรือสามารถนำไป
อธบิ ายสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้
21. ครใู หน้ ักเรียนสืบเสาะหาความรู้ เรอื่ ง ประโยชนจ์ ากสนามแม่เหลก็ จากหนังสือเรียน
22. ครูให้นกั เรยี นจดบนั ทึกส่งิ ท่กี ำลังศึกษาลงในสมกุ บนั ทึกประจำตวั
23. ครเู น้นยำ้ กับนักเรียนให้พยายามศึกษาทำความเข้าใจกับภาพโครงสร้างของมอเตอร์ จากหนังสือเรียน
หรือครูอาจให้นักเรียนศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเติมเกย่ี วกับ โครงสรา้ งของมอเตอร์ จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
เชน่ อินเทอร์เนต็ ซง่ึ สามารถค้นหาขอ้ มูลไดง้ า่ ย และรวดเร็ว
24. ครใู ห้นกั เรียนแยกเข้ากลุม่ เดมิ ของตนเองท่ีครูเคยแบ่งไวแ้ ลว้ จากน้ันครใู ห้สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มร่วมกัน
ศึกษากิจกรรม มอเตอร์อย่างง่าย เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จากหนังสือเรียน โดยสมาชิก
แต่ละคนอาจมีหน้าที่เหมือนเดิมหรืออาจปรับเปลี่ยนหน้าที่กันใหม่ภายในกลุ่ม เพื่อให้เกิด
กระบวนการทำงานร่วมกันได้ดยี ่งิ ขนึ้


25. ครูชแ้ี จงจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรมใหน้ ักเรียนทราบ เพ่ือเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถกู ตอ้ ง
26. ครใู ห้ความรเู้ พ่มิ เตมิ หรือเทคนิคเกีย่ วกบั การปฏิบตั ิกิจกรรม จากนั้นให้นักเรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติ

ตามข้ันตอน
27. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั พดู คยุ วเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วอภปิ รายผลร่วมกัน
28. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ

นำส่งครเู ปน็ การตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครใู หแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาหนา้ ช้ันเรยี น เพือ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม
2. ครูสุ่มนักเรียนเพ่อื ถามคำถามทเ่ี ก่ียวข้องกบั กิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลท้ายกิจกรรมและสรปุ ความรูร้ ่วมกัน
4. ครูนำสรุปหลังจากศึกษากิจกรรม มอเตอร์อย่างง่าย โดยเชื่อมโยงไปถึงกฎการเหน่ียวนำของฟาราเดย์
ซง่ึ เป็นกฎพ้ืนฐานทางไฟฟา้ และแม่เหลก็

ช่วั โมงท่ี 5-6

ข้นั สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตามผลสมัฤทธิ์
(เกง่ ปานกลาง ออ่ น) ใหอ้ ยใู่ นกลมุ่ เดยี วกนั เพอื่ ร่วมกนั ศกึ ษากิจกรรม กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนำ จาก
หนังสือเรียน โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ กำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนมบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง เชน่
• สมาชกิ คนท่ี 1 : เตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์
• สมาชิกคนที่ 2 : อ่านและศกึ ษาวิธปี ฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วนำมาอธิบายสมาชิกในกลุม่
• สมาชิกคนท่ี 3 : บนั ทกึ ผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
• สมาชกิ คนท่ี 4-5 : ค้นคว้าเพิม่ เติม หาแหลง่ ข้อมูลอ้างองิ เพ่ือสนับสนนุ การปฏิบัตกิ ิจกรรม
• สมาชิกคนที่ 6 : นำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม
2. ครชู แ้ี จงจุดประสงคข์ องกจิ กรรมใหน้ ักเรยี นทราบ เพอ่ื เปน็ แนวทางการปฏิบตั ิทถ่ี ูกตอ้ ง
3. ครูให้ความร้เู พ่ิมเติมหรือเทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบตั ิกิจกรรม จากนน้ั ให้นักเรียนทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติ
ตามขน้ั ตอน
4. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั พูดคุยวิเคราะหผ์ ลการปฏิบตั ิกจิ กรรม แล้วอภปิ รายผลรว่ มกัน
5. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อ
นำสง่ ครูเปน็ การตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมาหน้าชน้ั เรยี น เพือ่ นำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม
2. ครูสมุ่ นกั เรียนเพ่ือถามคำถามที่เกี่ยวข้องกบั กิจกรรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัติกิจกรรม
3. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลทา้ ยกิจกรรมและสรปุ ความรู้ร่วมกนั
4. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาและอธิบายเกยี่ วกบั เครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้า จากหนังสอื เรยี น


ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
43. ครูนำอภิปรายสรุปเนื้อหา โดยเปิด PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ให้นักเรียนศึกษา
ควบคูไ่ ปด้วย
44. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ลงในกระดาษ
A4 พรอ้ มท้ังตกแตง่ ใหส้ วยงาม
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน)
45. ครูสมุ่ เลอื กนกั เรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหน้าชั้นเรียน
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
46. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จาก
หนงั สือเรียน ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตวั แลว้ นำมาสง่ ครูท้ายช่ัวโมง
47. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 มาส่งครูในชว่ั โมงถดั ไป

ข้นั สรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
54. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ ผลของสนามแม่เหล็กที่มีต่อตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า
มอเตอร์อย่างงา่ ย และเครอื่ งกำเนิดไฟฟา้ เพ่ือให้นกั เรยี นทุกคนไดม้ ีความเข้าใจในเน้ือหาท่ีได้ศึกษา
มาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้ลงใน
สมดุ บนั ทึกประจำตัว
55. ครตู รวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เรอื่ ง แรงจากสนามแม่เหลก็ ในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
56. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2
(ฟสิ กิ ส์) ม.5
57. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลุ่ม

ครูวัดและประเมินผลจากชิน้ งานการสรุปเน้ือหา เรื่อง แรงจากสนามแม่เหลก็ ที่นักเรียนได้สร้างขนึ้ จากขัน้
ขยายความเข้าใจเปน็ รายบุคคล

26. ส่อื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ
3) PowerPoint เรื่อง แรงจากสนามแมเ่ หลก็
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
22) ห้องเรียน
23) ห้องสมุด
24) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ


27. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- นักเรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ขอ้ คำถามในกิจกรรม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ร้อยละ 80
นกั เรียนสามารถบอก เรยี น การเรยี นรู้
- นกั เรยี นสามารถ
ความแตกต่างระหวา่ งสาร ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
ทีเ่ ป็นแมเ่ หล็กและสารที
- นักเรยี นส่งงานตาม
ไม่เป็นแมเ่ หลก็ ได้ กำหนดเวลา

2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด

นกั เรียนสามารถใช้ทกั ษะ

การทดลอง การสรุป และ

การอภิปรายแรงจาก

สนามแมเ่ หลก็ ไดถ้ ูกต้อง

3) คุณลักษณะอันพึง - การส่งสมุด - สมดุ

ประสงค์ (A)

นกั เรียนมคี วามสนใจใฝ่รู้

หรอื อยากรู้อยากเหน็

และทำงานร่วมกับผู้อนื่

อย่างสร้างสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ / หรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอื่ ผ้ตู รวจแผน
(นางสาวสุกญั ญา หมนื่ ยง่ิ )
........./............../.............


บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่ือ ผู้จดั การเรยี นรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........

4. ขอ้ เสนอแนะ/ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/หรือผ้ทู ่ีได้รับมอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเห็นผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สุธรี ะกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบรุ ี

........./............../.............


แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 10

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์)

ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 และ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ เรื่อง แรงในนวิ เคลยี ส เวลา 3 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ

เคลอ่ื นทีแ่ บบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั
ว 2.2 ม.4-6/10 สืบค้นข้อมูลและอธิบายแรงเข้มและแรงอ่อน

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
2.31 นกั เรียนสามารถบอกความหมายของแรงเขม้ และแรงอ่อนได้ (K)
2.32 นักเรยี นสามารถอธบิ ายเกีย่ วกบั องคป์ ระกอบของนิวเคลยี สได้ (P)
2.33 นักเรียนมีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรู้อยากเหน็ และทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระสำคัญ
ภายในนวิ เคลยี สมแี รงเขม้ ทีเ่ ปน็ แรงยึดเหน่ยี วของอนภุ าคในนวิ เคลยี ส และเปน็ แรงหลักทใ่ี ช้อธบิ าย

เสถียรภาพของนิวเคลียส นอกจากนย้ี งั มแี รงอ่อน ซึ่งเปน็ แรงท่ีใช้อธบิ ายการสลายให้อนุภาคบีตาของธาตุ
กมั มนั ตรงั สี

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น (เขยี นให้สอดคลอ้ งกบั แผนนี้)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. เนอื้ หาสาระ


แรงในนิวเคลยี สหรือแรงนิวเคลยี ร์ เปน็ แรงกระทำในระยะใกล้ ประกอบดว้ ย 2 ประเภท คอื แรง
นิวเคลียร์อยา่ งเข้ม เป็นแรงที่ยดึ นวิ คลีออนไว้ภายในนิวเคลยี สและเปน็ แรงท่ีสง่ ผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของ
นวิ เคลยี ส และแรงนิวเคลียร์อยา่ งอ่อน เป็นแรงที่ทำใหโ้ ปรตอนเปลย่ี นเปน็ นิวตรอน และนิวตรอนเปลยี่ นเป็น
โปรตอนผ่านการสลายให้อนุภาคบีตาของธาตุกัมมนั ตรงั สี ซึง่ ชว่ ยใหเ้ กิดสมดลุ ระหวา่ งโปรตอนและนวิ ตรอน
ภายในนวิ เคลยี ส ส่งผลใหท้ ุกสิ่งอย่รู วมกันไดใ้ นนวิ เคลยี ส

6. จุดเน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ทกั ษะศตวรรษที่ 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะด้านการส่ือสารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ
 ความยืดหยุน่ และการปรบั ตัว
 การริเร่ิมสรา้ งสรรค์และการเปน็ ตวั ของตวั เอง
 ทกั ษะสังคม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
 การเปน็ ผู้สรา้ งหรือผผู้ ลติ และความรับผิดชอบเช่ือถือได้
 ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ

คุณลักษณะสำหรับศตวรรษที่ 21
 คุณลักษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเป็นผนู้ ำ
 คุณลกั ษณะดา้ นการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คณุ ลกั ษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผู้อื่น ความซ่ือสัตย์ สำนึกพลเมือง

7. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ (เขียนใหส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค)์
- การตอบคำถามในชน้ั เรียน
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การส่งสมดุ
- การทำใบงาน

8. บรู ณาการกับแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง


ปรัชญาของ ครู นกั เรียน
เศรษฐกิจพอเพียง
นักเรียนสามารถนำความรมู้ าใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตุผล จดั การเรียนรู้ตรงตามหลักสตู ร ตัวชว้ี ัด/ผล ความคิดเหน็ ไดอ้ ย่างมีเหตุผล
การเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง นกั เรยี นสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกจิ กรรมได้อย่างถูกต้อง
มีภมู คิ ุ้มกนั ใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภยั
ตัวท่ดี ี จัดการเรยี นรู้ นักเรยี นสามารถจับใจความสำคัญ
และสรุปองค์ความรู้จากเรอื่ งท่เี รียนได้
เงือ่ นไขความรู้ ถ่ายทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี
เงอ่ื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมนิ ผล นักเรยี นมคี วามใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมน่ั ใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลอื นักเรยี น
ถา่ ยทอดความรูท้ ้ังหมดโดยไม่ปิดปงั เพ่ือ
ความเจริญก้าวหน้าของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงท่ี 1-2

ข้นั นำ

กระตุ้นความสนใจ (Engage)
42. ครสู นทนากบั นักเรยี นทบทวนเกย่ี วกบั แรงและชนิดของแรง ท่ีเรียนผ่านมาแล้ว และสนทนาถึงการ
เรยี นเก่ยี วกับ อะตอมและโครงสร้างอะตอม ทีน่ กั เรียนเรียนผ่านมาในวชิ า เคมี สามารถนำมาเช่ือมโยง
กบั วิชาฟิสิกสไ์ ด้
43. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นักเรยี นทราบ
44. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “ขนาดของแรงในธรรมชาติที่
ไดศ้ ึกษามาแล้วในระดบั อนภุ าค จะเรยี งลำดับได้อยา่ งไร”
(แนวตอบ : เมื่อเรียงลำดับตามระยะระหว่างแรงที่กระทำต่อวัตถุหรืออนุภาคจากน้อยไปมาก คือ
แรงในนิวเคลยี ส แรงไฟฟา้ และแรงแม่เหล็ก และแรงโน้มถ่วง)
45. ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกันตง้ั คำถามท่ีตอ้ งการรู้จากเน้ือหาท่ีเกยี่ วข้องกบั เร่ือง แรงในนวิ เคลยี ส

ขั้นสอน

สำรวจค้นหา (Explore)
76. ครใู ห้นกั เรียนจับคู่กบั เพือ่ น แล้วรว่ มกันศึกษา เรือ่ ง แรงในนวิ เคลียส จากหนงั สือเรยี น
77. ครอู าจยกตัวอยา่ งธาตใุ นวิชาเคมี จากนัน้ สุ่มนักเรียนให้อธิบายว่า สามารถเขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์
ของธาตุนั้นไดอ้ ย่างไร และธาตุนัน้ มเี ลขมวลและเลขอะตอมเท่าไร รวมทั้งครูอาจถามเพิ่มอีกว่า ธาตุ
น้ันมจี ำนวนโปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน เท่าไรบ้างตามลำดับ


78. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาข้อมูลเกย่ี วกับ ควาร์ก จากกรอบ Science Focus จากหนังสือเรียน
79. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาเกี่ยวกับ ควารก์ เพ่มิ เติม โดยการนำสมาร์ตโฟนของตนเองขึ้นมา แล้วนำไปสแกน

QR Code เร่ือง ควาร์ก จากหนังสอื เรียน
80. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง จากหนังสือเรียน กับนักเรียนว่า “เพราะเหตุใดการสลายให้

อนุภาคบีตาของธาตุกัมมันตรังสจี ึงอธิบายไม่ได้ดว้ ยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม แรงแม่เหล็กไฟฟ้า และ
แรงโนม้ ถ่วง”
(แนวตอบ : เนื่องจากแรงนวิ เคลียรอ์ ย่างอ่อนเป็นแรงกระทำระหว่างนิวคลีออน และในการสลายให้
อนภุ าคบีตาของธาตกุ ัมมันตรังสี แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อนจะทำหน้าท่ีเปล่ียนนิวตรอนไปเป็นโปรตอน
ขณะท่ีมีการปลดปลอ่ ยอิเลก็ ตรอนและนวิ ทรโิ น)
81. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วร่วมกันศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เครื่องชนอนุภาคแฮดรอน
ขนาดใหญ่ (LHC) จากอนิ เทอรเ์ น็ต จากนั้นเขยี นสรุปผลการศึกษาเป็นความคิดเหน็ ของคู่ตนเองลง
ในกระดาษ A4

อธิบายความรู้ (Explain)
35. ครูสุ่มนักเรียนออกมาหนา้ ชั้นเรียน จากนั้นให้นำเสนอผลการศึกษาของคู่ตนเองเกี่ยวกับ เครื่องชน
อนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ จนครบทกุ คู่
36. ครใู ห้นกั เรียนรว่ มกนั โหวตลงคะแนนผลงานของเพ่ือน โดยครอู าจตรวจและใหค้ ะแนนพิเศษสำหรับ
เจ้าของผลงาน
37. ครูแจกใบงานที่ 2.4 เรื่อง แรงในนิวเคลียส จากนั้นมอบหมายให้นักเรียนศกึ ษา แล้วรวบรวมส่งครู
ทา้ ยชัว่ โมง
38. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรอ่ื ง แรงในนวิ เคลียส จากหนงั สือเรียน
ลงในสมดุ บนั ทึกประจำตัว แล้วนำมาสง่ ครูท้ายช่วั โมง
39. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงในนิวเคลียส จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 เป็นการบา้ น แลว้ มาสง่ ครูในชั่วโมงถดั ไป

ช่ัวโมงที่ 3

ขน้ั สอน

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
48. ครูนำอภิปรายสรปุ เน้อื หา โดยเปดิ PowerPoint เรือ่ งทสี่ อนไปแล้วควบคู่ไปด้วย
49. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเก่ยี วกับสิ่งทส่ี งสัยหรอื ยงั ไม่เข้าใจเพ่มิ เติม
50. ครูให้นักเรียนทำสรุปผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง แรงในนิวเคลียส ลงในกระดาษ A4
พร้อมท้งั ตกแตง่ ให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน)
51. ครสู ุ่มเลือกนกั เรยี นออกไปนำเสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหน้าชน้ั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)


52. ครใู ห้นักเรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง ดว้ ยกรอบ Self Check เรอื่ ง แรงในธรรมชาติ จาก
หนงั สอื เรียน ลงในสมุดบนั ทึกประจำตวั

53. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ
จากหนังสือเรียน โดยทำลงในสมุดบันทึกประจำตัวเป็นการบ้าน แล้วรวบรวมส่งครูเพื่อตรวจสอบ
และใหค้ ะแนน

54. ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจหลังเรยี นของนักเรียน

ข้นั สรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
58. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ แรงในนิวเคลยี ส เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มคี วามเข้าใจ
ในเนอ้ื หาท่ีได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเปน็ ความเข้าใจท่ีถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียน
สรุปความรลู้ งในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
59. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจหลงั เรียนของนักเรยี น
60. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง แรงในนิวเคลียส
61. ครูตรวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เร่อื ง แรงในนิวเคลยี ส ในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
62. ครตู รวจแบบฝกึ หัดจาก Unit Question หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 แรงในธรรมชาติ ในสมุดบันทึกประจำตัว
63. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง Self Check จากหนังสือเรียน ในสมุดบันทึก
ประจำตัว
64. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรอื่ ง แรงในนวิ เคลียส จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5
65. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลุ่ม
66. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง แรงในนิวเคลียส ที่นักเรียนได้สร้างขึ้นจาก
ขนั้ ขยายความเข้าใจเป็นรายบคุ คล

28. สอ่ื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 แรงในธรรมชาติ
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ
3) แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 แรงในธรรมชาติ
4) ใบงานที่ 2.4 เรอ่ื ง แรงในนิวเคลียส
5) PowerPoint เรื่อง แรงในนวิ เคลียส
10.2 แหล่งการเรียนรู้
25) ห้องเรยี น
26) หอ้ งสมดุ
27) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ


29. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ วี ัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- นักเรียนสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามในช้ัน - ข้อคำถามในกจิ กรรม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
รอ้ ยละ 80
นกั เรียนสามารถบอก เรยี น การเรยี นรู้
- นักเรยี นสามารถ
ความหมายของแรงเข้ม ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
รอ้ ยละ 80
และแรงออ่ นได้
- นกั เรยี นสง่ งานตาม
2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำใบงานที่ 2.4 - ใบงานท่ี 2.4 กำหนดเวลา

นกั เรยี นสามารถอธิบาย - การทำแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั

เก่ยี วกับองคป์ ระกอบของ

นิวเคลียสได้

3) คุณลกั ษณะอนั พึง - การส่งสมดุ และใบ - สมดุ และใบงาน

ประสงค์ (A) งาน

นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้

หรืออยากร้อู ยากเหน็

และทำงานร่วมกับผ้อู นื่

อย่างสรา้ งสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ / หรือผ้ทู ่ีไดร้ บั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชื่อ ผตู้ รวจแผน
(นางสาวสกุ ัญญา หม่นื ย่งิ )
........./............../.............


บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผู้ตรวจแผน
(นางยพุ ิน หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 11

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์)

ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 และ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2565

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 พลังงาน เร่อื ง พลังงานในชีวิตประจำวนั เวลา 4 ช่ัวโมง

9. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์

ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง
และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตวั ชี้วดั
ว 2.3 ม.4-6/2 สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า รวมทั้ง

สืบค้นและอภิปรายเกี่ยวกับเทคโนโลยีท่ีนำมาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการทางด้านพลังงาน
โดยเน้นด้านประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านค่าใช้จ่าย

10. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2.34 นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของพลงั งานและจำแนกประเภทของพลงั งานทดแทนได้ (K)
2.35 นกั เรยี นสามารถอธิบายแหล่งทมี่ าของพลงั งานที่พบเหน็ จากการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวนั
ได้ (K)
2.36 นกั เรยี นสามารถนำเสนอผลการศกึ ษา เร่ือง ไฟฟา้ จากพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเปน็ ลำดับขัน้ ตอน (P)
2.37 นักเรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ูห้ รอื อยากรู้อยากเห็น และทำงานร่วมกับผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A)

11. สาระสำคญั
การนำพลงั งานทดแทนมาใช้เปน็ การแกป้ ัญหาหรือตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน เช่น การ

เปล่ียนพลงั งานนิวเคลียร์เปน็ พลังงานไฟฟ้าในโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์ และการเปล่ียนพลังงานแสงอาทิตย์เปน็
พลงั งานไฟฟา้ โดยเซลลส์ รุ ยิ ะ

12. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น (เขียนใหส้ อดคลอ้ งกับแผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด


ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

13. เนื้อหาสาระ
พลังงาน คือ ความสามารถในการทำงานของวัตถุ ในปัจจุบันพลังงานเปน็ สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต

ของมนษุ ย์ ส่งผลให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติซ่ึงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยพลังงาน
มอี ยูท่ ุกแหง่ หนรอบตัวเราในรูปตา่ ง ๆ สามารถแบ่งเปน็ กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ พลังงานตามการใช้งานใน
ชวี ิตประจำวัน และพลังงานตามการใชง้ านของนักวิทยาศาสตร์ พลงั งานสามารถเปลย่ี นรูปไดแ้ ต่ไมส่ ามารถทำ
ใหส้ ญู หายหรอื สรา้ งขนึ้ ใหม่ได้ ซึง่ เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์พลงั งาน จงึ กล่าวได้วา่ การผลติ และการใช้พลงั งาน
ของมนษุ ย์เปน็ เพียงการเปลยี่ นรูปพลงั งานเท่าน้นั เช่น การเปล่ยี นพลังงานกลของน้ำที่กักเก็บไวใ้ นเข่ือนเปน็
พลังงานไฟฟา้ ด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เปน็ ตน้

14. จุดเน้นสู่การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน ทักษะศตวรรษที่ 21 (ใช้เฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ
 ความยดื หยุ่นและการปรับตัว
 การรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์และการเปน็ ตวั ของตวั เอง
 ทักษะสงั คม และสังคมข้ามวัฒนธรรม
 การเป็นผู้สรา้ งหรือผู้ผลติ และความรบั ผดิ ชอบเช่ือถือได้
 ภาวะผนู้ ำและความรบั ผดิ ชอบ

คุณลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
 คุณลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตวั ความเป็นผนู้ ำ
 คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง
 คณุ ลักษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อน่ื ความซื่อสตั ย์ สำนึกพลเมือง

15. ช้ินงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ่ งรอยแสดงความร้)ู (เขยี นใหส้ อดคล้องกับจุดประสงค)์
- การตอบคำถามในช้นั เรยี น
- การตอบคำถามในแบบฝกึ หัด
- การสง่ สมดุ
- การทำใบงาน


16. บูรณาการกับแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรียนสามารถนำความรูม้ าใช้ในการ
พอประมาณ ออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น ตอบปญั หาหรือตอบคำถามได้
นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมเี หตุผล จัดการเรยี นรตู้ รงตามหลักสตู ร ตวั ช้วี ดั /ผล ความคดิ เหน็ ได้อย่างมีเหตุผล
การเรียนรทู้ คี่ าดหวัง นกั เรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมได้อย่างถูกต้อง
มีภมู คิ ุ้มกันใน การวางแผน และเตรยี มความพรอ้ มก่อน และปลอดภยั
ตัวที่ดี จัดการเรยี นรู้ นักเรยี นสามารถจบั ใจความสำคัญ
และสรุปองคค์ วามรู้จากเร่อื งทีเ่ รยี นได้
เงอื่ นไขความรู้ ถ่ายทอดความรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี
เงอื่ นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรยี นร้แู ละมงุ่ ม่นั ใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และช่วยเหลือนักเรยี น
ถา่ ยทอดความรู้ทั้งหมดโดยไม่ปิดปัง เพ่ือ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่ัวโมงที่ 1

ขัน้ นำ

กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
46. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรยี นทราบ
47. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็นรายบุคคลก่อน
เข้าสกู่ ิจกรรม
48. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั กิจกรรมในชีวิตประจำวนั ของนักเรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกัน
ยกตัวอย่างพลังงานทร่ี จู้ กั วา่ มีอะไรบา้ ง
49. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามว่า “ในความเข้าใจของนักเรียน นักเรียนคิดว่าคำว่าพลังงาน
หมายถงึ อะไร” และใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบคำถามปากเปล่าโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด
50. ครูถามคำถามนำเข้าสู่บทเรียน โดยใช้คำถาม Big Question จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 ว่า “ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลต่อพลังงานหรือไม่
อย่างไร”
(แนวตอบ : ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ง่ ผลตอ่ พลงั งาน เน่ืองจากการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้
เกิดการสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการสร้างพลังงานหรอื เก็บกักพลังงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน จึง
ทำให้การแก้ปัญหาเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการด้านพลงั งานได้มากขนึ้ และยงั ทำให้การใช้พลังงาน
มปี ระสิทธภิ าพมากย่งิ ขน้ึ อีกด้วย)


51. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบความเข้าใจก่อนเรียนจาก Understanding Check จากหนังสือเรียน
ลงในสมดุ บันทึกประจำตัว
(แนวตอบ : 1. ผดิ 2. ถกู 3. ถกู 4. ถูก 5. ผดิ )

52. ครใู ห้นักเรียนตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งท่ีต้องการเรียนรู้เกยี่ วกับ เร่ือง พลงั งาน แล้วบันทึกเป็นขอบเขต
และเป้าหมายทต่ี ้องการเรยี นรู้ ลงในสมุดเพอ่ื นำมาสง่ ครู
(หมายเหต:ุ ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

53. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับ
เร่ือง พลังงาน ของนักเรียนว่า “พลังงานแบ่งตามการใช้งานในชีวิตประจำวันออกเป็นก่ีประเภท
อะไรบ้าง”
(แนวตอบ : แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ พลังงานกล พลังงานเคมี พลังงานความร้อน พลังงาน
ไฟฟ้า พลังงานการแผ่รังสี และพลังงานนิวเคลยี ร์)

54. ครแู จง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเกี่ยวกับพลังงานในชวี ติ ประจำวนั

ขั้นสอน

สำรวจค้นหา (Explore)
82. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษา เร่ือง ประเภทของพลังงาน จากหนงั สือเรียน
83. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน เพื่ออธิบายความหมายของพลังงานที่ครูกำหนดให้
คนละ 1 พลงั งาน พรอ้ มยกตวั อยา่ ง โดยไมใ่ ห้ซำ้ กับในหนงั สอื เรยี น
84. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วร่วมกันค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พลังงานกล
พลังงานเคมี พลงั งานความร้อน พลังงานไฟฟ้า พลงั งานการแผ่รังสี และพลังงานนวิ เคลียร์ จากนั้น
ร่วมกันสรุปแลว้ เขียนลงในสมดุ บนั ทึกประจำตวั
85. ครูถามคำถามกระต้นุ ความคิดกับนักเรยี นวา่ กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล่าวว่าอย่างไร
86. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาแผนภาพแสดงตวั อยา่ งการเปล่ยี นรปู พลงั งานระหว่างพลงั งานรปู แบบต่าง ๆ
87. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับพลังงาน
เชน่ ปริมาณน้ำมนั ดิบทล่ี ดลงอยา่ งต่อเนื่อง สง่ ผลให้ราคาขายสูงข้ึน ปญั หามลภาวะในอากาศที่เกิด
จากการเผาไหม้ของเช้ือเพลิงฟอสซลิ ทำใหม้ ีการส่งเสรมิ งานสำรวจและวิจัยเพื่อค้นหาแหลง่ พลังงาน
ใหม่ทดแทนพลังงานจากน้ำมันและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ ซึ่งพลังงานที่ผลิตขึ้นมาทดแทนน้ำมัน
และเชอ้ื เพลงิ ฟอสซลิ คอื พลงั งานทดแทน
88. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาค้นคว้าความหมายของพลังงานทดแทนจากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
89. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา เร่ือง พลังงานทดแทนประเภทสิ้นเปลือง จากหนงั สือเรียน
90. ครใู ห้ความรู้เพ่ิมเติมเกยี่ วกับความหมายของ NGV ซึ่งนักเรยี นสามารถศึกษาไดจ้ ากกรอบ Physics
in real life จากหนังสือเรียน
91. ครูใหน้ กั เรียนจับคกู่ ับเพ่ือนทีน่ ่งั ขา้ ง ๆ จากนน้ั ร่วมกันพูดคยุ และสรุปความรู้ เรอื่ ง พลังงานทดแทน
ประเภทส้ินเปลอื งลงในสมดุ บันทกึ ประจำตวั
92. ครูถามคำถามทา้ ทายการคิดขั้นสูงจากหนังสือเรยี นกับนกั เรียนว่า “เหตุใดจงึ จัดใหพ้ ลังงานนิวเคลียร์
เป็นพลังงานทดแทนประเภทสิ้นเปลอื ง” โดยให้นักเรียนเขยี นคำตอบลงในสมุดบันทกึ ประจำตวั
(แนวตอบ : เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของดวงอาทิตย์จะหมดภายใน
5 พันล้านปี ซึ่งแร่ยูเรเนยี มที่ใชเ้ ปน็ แหล่งพลังงานในโรงไฟฟ้านิวเคลยี ร์ ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของ


นิวเคลียสของยูเรเนียมกลายเป็นธาตุใหม่ เมื่อยูเรเนียมเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แลว้ จะไม่สามารถทำ
ให้ธาตใุ หมท่ ีเ่ กิดขน้ึ กลบั คนื สภาพไปเป็นยูเรเนียมได้อกี จงึ มีความเป็นไปได้ที่เชือ้ เพลงิ นวิ เคลียร์ของ
โลกจะหมดไปในอนาคต)

ขน้ั สอน ช่ัวโมงท่ี 2

อธบิ ายความรู้ (Explain)
40. ให้นกั เรยี นจับกลุ่ม 3 คน ตามเลขท่ีของตนเอง เชน่ กล่มุ เลขที่ 1-3 กลมุ่ เลขที่ 4-6 ไปเร่ือย ๆ จากนั้น
ครแู จกใบงานที่ 3.1 เรอ่ื ง พลังงานส้ินเปลอื ง ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ทำ
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
41. ครูนำอธบิ ายความหมายของพลังงาน ประเภทของพลังงาน รวมถึงพลังงานทดแทนประเภทสิ้นเปลือง
เพื่อเปน็ การสรุปความเข้าใจของนักเรียนใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางเดียวกัน

สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูให้นกั เรยี นศึกษา เรื่อง พลังงานทดแทนประเภทหมุนเวยี น จากหนังสอื เรียน
2. ครูแนะนำให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนประเภทต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูล
สารสนเทศหรืออินเทอร์เน็ต โดยเน้นย้ำถึงขั้นตอนหรือกระบวนการในการเปลี่ยนรูปพลังงานเป็น
พลังงานไฟฟ้าของพลังงานหมนุ เวยี นประเภทต่าง ๆ
3. ครูให้นกั เรียนจับกลุ่มกับเพื่อน 5-6 คน จากน้ันร่วมกนั อภิปรายผลการศึกษาของแต่ละคนภายในกลุ่ม
แลว้ เขยี นสรุปลงในสมดุ บนั ทกึ ประจำตัว
4. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาและอภิปรายร่วมกันของกลุ่มตนเอง
ใหเ้ พ่ือน ๆ และครูฟังหน้าช้ันเรียน
5. ครถู ามคำถามกับนักเรียนว่า พลังงานทดแทนแต่ละประเภทสามารถเปล่ยี นรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
อยา่ งไร เพื่อเป็นการเน้นนำ้ ถงึ จดุ ประสงค์ในการศึกษา เร่อื ง พลงั งานหมุนเวียน
6. ครูให้นักเรียนเก็บรวบรวมใบงานที่ 3.1 เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง ส่งคืนครูเพื่อนำไปตรวจและให้
คะแนน

ช่วั โมงที่ 3

สขำนั้ รสวอจคน้นหา (Explore)

7. ครูคืนใบงานที่ 3.1 และทบทวนเนื้อหาที่ได้ศึกษาไปในชั่วโมงที่แล้วอีกครั้ง โดยเปิด PowerPoint
เรื่อง พลังงานทดแทน แล้วนำสรุปให้นักเรียนเข้าใจตรงกันว่า “สิ่งมีชีวิตต้องอาศัยพลังงานในการ
ดำรงชีวิต มนุษย์ได้นำพลังงานจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งพลังงาน
สิ้นเปลือง ได้แก่ พลังงานฟอสซิล พลังงานนิวเคลียร์ และแหล่งพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานน้ำ
พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานชีวมวล พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้น การใช้
พลงั งานตอ้ งคำนงึ ถงึ แหลง่ พลังงานทีม่ ีอยู่รวมทง้ั ผลกระทบตา่ ง ๆ ท่จี ะเกดิ ขึ้นในทุก ๆ ด้าน”


8. ครูสนทนากับนักเรียนในประเด็นทีเ่ กี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์ที่ได้ศึกษาไปแล้วว่าเป็นพลังงาน
ทดแทนประเภทหน่งึ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานอยา่ งหน่งึ ท่ีสะอาดและเป็นมิตรกับสง่ิ แวดล้อม

9. ครูนำเข้าสู่เนื้อหาที่กำลังจะศึกษาด้วยการสนทนาต่อว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ผลิตได้
จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คือ ใช้ความรอ้ นจากเคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลยี รแ์ บบฟชิ ชนั

10. ครูให้นักเรียนศึกษาส่วนประกอบสำคัญภายในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบฟิชชันที่ประกอบด้วย
มัดเชื้อเพลงิ แท่งควบคุม และตวั หนว่ งอัตราเร็วของนวิ ตรอนจากหนงั สอื เรยี น

11. ครูสุ่มถามคำถามกับนักเรียนเกี่ยวกับส่วนประกอบภายในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบฟิชชันที่ได้
ศกึ ษามาแล้ว เพื่อเพ่มิ ความเขา้ ใจใหม้ ากขน้ึ

12. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ อย่างอสิ ระกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นใหร้ ว่ มกันศึกษาการทำงานของโรงไฟฟ้า
นวิ เคลียรจ์ ากหนังสอื เรียน

13. ครแู จกกระดาษฟลปิ ชาร์ตให้นักเรียนกลมุ่ ละ 1 แผน่
14. ครูแนะนำให้นักเรียนสืบคน้ ข้อมูลเพิ่มเตมิ จากอินเทอรเ์ นต็ แลว้ ร่วมกนั อภปิ รายผลการศึกษาจนได้

เป็นแนวทางที่เข้าใจตรงกนั ทง้ั กลมุ่
15. ครูใหน้ กั เรียนเขียนสรุปข้อมูลที่ไดจ้ ากการศึกษาลงในกระดาษฟลปิ ชาร์ต เพือ่ นำเสนอผลการศึกษา

หนา้ ชั้นเรยี น พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงาม

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครสู ่มุ นักเรียนออกมาหนา้ ชนั้ เรยี น เพ่อื นำเสนอผลการศึกษาทลี ะกลุม่ จนครบทุกกลุ่ม
2. ครูอธิบายการทำงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้นักเรียนฟังอีกคร้ัง เพื่อเป็นการรวบยอดความคิด
จากการนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม โดยครอู าจให้นกั เรยี นทำการสแกน QR Code เรอ่ื ง โรงไฟฟ้า
นวิ เคลียร์ จากหนังสือเรยี น แล้วดเู ปน็ การสรุปอกี ครั้ง
3. ครเู สริมความรู้ เรื่อง โรงไฟฟ้านวิ เคลยี รฟ์ วิ ชัน ในกรอบ Science Focus จากหนังสือเรยี น

ชั่วโมงที่ 4

ขน้ั สอน

สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครใู หน้ ักเรยี นกลับเข้ากลมุ่ เดิมท่ีได้แบ่งไวเ้ ม่ือชว่ั โมงทผ่ี ่านมา จากนั้นรว่ มกนั ศึกษา เรื่อง ไฟฟ้าจาก
พลังงานแสงอาทิตย์ จากหนังสือเรยี น
2. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกันพูดคุยเกีย่ วกับเร่ืองท่ศี ึกษา จากน้นั ให้นกั เรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้ลงใน
สมดุ บันทกึ ประจำตวั เพ่อื นำส่งครูทา้ ยชว่ั โมง

อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอผลการศกึ ษาหน้าช้ันเรียน โดยสุ่มออกมาเพียง 5 กลุ่ม ซึ่งครูเป็นคน
เลือกวา่ จะใหก้ ลมุ่ ไหนนำเสนอเรอื่ งอะไร โดยมหี ัวขอ้ เรื่อง ดังตอ่ ไปนี้
• การใชค้ วามร้อนจากแสงอาทิตยใ์ นการผลิตไฟฟ้า ระบบความรอ้ นรวมศูนย์
• การใชค้ วามร้อนจากแสงอาทิตย์ในการผลติ ไฟฟ้า ระบบสระแสงอาทติ ย์
• การเปลยี่ นพลงั งานแสงอาทิตย์เปน็ พลังงานไฟฟ้าโดยตรง ระบบเซลลส์ ุริยะแบบอสิ ระ


• การเปลีย่ นพลงั งานแสงอาทิตย์เปน็ พลังงานไฟฟ้าโดยตรง ระบบเซลล์สรุ ยิ ะแบบต่อกับระบบ
จำหน่าย

• การเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลงั งานไฟฟา้ โดยตรง ระบบเซลล์สรุ ยิ ะแบบผสมผสาน
2. ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มกำลังนำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนั้น ๆ

ให้นักเรียนทุกคนได้มีความเขา้ ใจที่ตรงกันมากยิ่งข้นึ

ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
55. ครูนำอภิปรายสรุปเนื้อหาด้วยคำถามต่อไปนี้ แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบปากเปล่า โดยเปิด
PowerPoint เร่ืองท่ีสอนไปแล้วควบคู่ไปดว้ ย
• เทคโนโลยีพลงั งานแสงอาทติ ยน์ ำไปใชใ้ นกี่รปู แบบ อะไรบ้าง
(แนวตอบ : 2 รูปแบบ คือ นำไปผลติ ไฟฟ้าและนำไปผลิตน้ำรอ้ น)
• พลงั งานลมเป็นพลังงานลกั ษณะใด
(แนวตอบ : พลงั งานกล)
• แหล่งพลังงานใดทเี่ ป็นแหลง่ พลังงานต้นกำเนดิ ของพลังงานอน่ื
(แนวตอบ : พลงั งานจากดวงอาทิตย์)
56. ครใู ห้นักเรียนทำสรุปผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เรือ่ ง พลงั งานทดแทน ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน)
57. ครสู ุม่ เลือกนักเรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทัศน์ของตนเองหนา้ ช้ันเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
58. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง พลังงานในชีวิตประจำวัน จาก
หนงั สอื เรียน ลงในสมุดบันทกึ ประจำตัว แล้วนำมาส่งครทู ้ายชว่ั โมง
59. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง พลังงานในชีวิตประจำวัน จากแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 มาสง่ ครูในชัว่ โมงถัดไป

ขน้ั สรุป

ตรวจสอบผล (Evaluate)
67. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกับ พลงั งานในชวี ิตประจำวัน และพลงั งานทดแทน เพ่อื ให้
นักเรยี นทุกคนได้มีความเขา้ ใจในเนอื้ หาท่ีได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดยี วกัน และเปน็ ความเข้าใจที่
ถูกต้อง โดยครใู หน้ ักเรียนเขียนสรุปความรู้ลงในสมดุ บนั ทึกประจำตัว
68. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรยี น
69. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนจาก Understanding Check ในสมดุ
บนั ทึกประจำตวั
70. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 3.1 เร่ือง พลงั งานส้นิ เปลอื ง
71. ครตู รวจแบบฝกึ หดั จาก Topic Question เร่อื ง พลังงานในชีวติ ประจำวัน ในสมดุ บนั ทึกประจำตัว
72. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง พลังงานในชีวิตประจำวัน จากแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5
73. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล และการ
ทำงานกลมุ่


ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง พลังงานทดแทน ที่นักเรียนได้สร้างขึ้นจาก
ขน้ั ขยายความเข้าใจเป็นรายบคุ คล

30. สอ่ื การสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 พลังงาน
2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 พลังงาน
3) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 พลังงาน
4) ใบงานท่ี 3.1 เรอื่ ง พลงั งานส้ินเปลือง
5) PowerPoint เร่ือง พลงั งาน
6) กระดาษฟลปิ ชาร์ต
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
28) หอ้ งเรยี น
29) หอ้ งสมดุ
30) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

31. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ วี ัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- นกั เรียนสามารถ
1. ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคำถามในชั้น - ข้อคำถามในกจิ กรรม ตอบคำถามได้ถูกต้อง
ร้อยละ 80
- นักเรียนสามารถอธิบาย เรยี น การเรยี นรู้
- นกั เรยี นสามารถ
ความหมายของพลงั งาน ตอบคำถามได้ถูกต้อง
รอ้ ยละ 80
และจำแนกประเภทของ
- นกั เรียนสง่ งานตาม
พลงั งานทดแทนได้ กำหนดเวลา

- นกั เรียนสามารถอธิบาย

แหล่งที่มาของพลังงานท่ี

พบเหน็ จากการทำ

กิจกรรมตา่ ง ๆ ใน

ชวี ิตประจำวนั ได้

2) ดา้ นกระบวนการ (P) - การทำใบงานท่ี 3.1 - ใบงานที่ 3.1

นกั เรียนสามารถนำเสนอ - การทำแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด

ผลการศกึ ษา เร่ือง ไฟฟา้

จากพลังงานแสงอาทิตย์

อยา่ งเปน็ ลำดับขน้ั ตอน

3) คณุ ลักษณะอันพึง - การสง่ สมุดและใบ - สมดุ และใบงาน

ประสงค์ (A) งาน


นักเรียนมคี วามสนใจใฝร่ ู้
หรืออยากรู้อยากเห็น
และทำงานร่วมกับผู้อืน่
อย่างสรา้ งสรรค์

12. ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ / หรือผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอ่ื ผูต้ รวจแผน
(นางสาวสกุ ัญญา หม่ืนยง่ิ )
........./............../.............


บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จดั การเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสารท์ ้าว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความเห็นของหัวหน้างานบริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงช่อื ผตู้ รวจแผน
(นางยุพนิ หอมสขุ )

........./............../.............
ความเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................

ลงช่ือ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
(นางฉวีวรรณ สุธรี ะกูล)

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพฒั นาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 12

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)

ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 และ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 พลังงาน เรื่อง พลังงานนวิ เคลียร์ เวลา 1 ช่ัวโมง

17. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์

ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั เสียง แสง
และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตวั ช้ีวดั
ว 2.3 ม.4-6/1 สืบค้นข้อมูลและอธิบายพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชันและฟิวชัน และความสัมพันธ์

ระหว่างมวลกับพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากฟิชชันและฟิวชัน

18. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.38 นกั เรียนสามารถอธบิ ายความหมายของพลังงานนิวเคลยี ร์ได้ (K)
2.39 นักเรยี นสามารถจำแนกประเภทของพลังงานนิวเคลยี ร์ฟิชชนั และฟิวชันได้ (K)
2.40 นักเรียนสามารถเขยี นสรุปข้อมูล เร่ือง พลงั งานนวิ เคลยี ร์ได้อย่างครบถว้ น ตรงตามจุดประสงคท์ ี่
ต้องการสอ่ื สาร (P)
2.41 นักเรียนมีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A)

19. สาระสำคญั
พลังงานทป่ี ลดปล่อยออกมาจากฟิชชัน หรอื ฟวิ ชัน เรียกว่า พลังงานนิวเคลียร์ โดยฟชิ ชนั เป็นปฏกิ ริ ิยา

ท่นี ิวเคลียสทีม่ มี วลมากแตกออกเป็นนวิ เคลยี สที่มีมวลนอ้ ยกว่า ส่วนฟวิ ชนั เป็นปฏิกริ ิยาท่นี วิ เคลยี สทมี่ มี วลนอ้ ย
รวมตวั กนั เกิดเปน็ นวิ เคลียสที่มมี วลมากขึน้ พลงั งานนวิ เคลียรท์ ี่ปลดปลอ่ ยออกมาจากฟชิ ชันและฟวิ ชนั มคี ่า
เปน็ ไปตามความสมั พนั ธร์ ะหว่างมวลกบั พลังงาน

20. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน (เขียนให้สอดคลอ้ งกับแผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา


ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

21. เน้ือหาสาระ
พลังงานนิวเคลียร์ เป็นพลงั งานซึง่ เกิดจากการปลดปล่อยออกมาเม่ือมีการแยก รวม หรอื แปลง

นิวเคลียสของอะตอมของธาตุบางธาตุ ซ่ึงพลังงานเหล่านัน้ อาจเป็นพลงั งานความร้อนและพลังงานจากการแผ่
รงั สอี นั มีผลโดยตรงจากการท่ีมวลสารเปลยี่ นสภาพ เปน็ พลังงานตามทฤษฎีสมั พทั ธภาพแห่งสสารและพลังงาน
ของไอนส์ ไตน์ ในปัจจุบนั มีการคน้ ควา้ วจิ ยั เพ่อื นำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชนใ์ นทางสรา้ งสรรค์ มหี ลาย
ประเทศนำพลงั งานนิวเคลยี รไ์ ปใช้ในการพฒั นาประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะทางดา้ นการแพทย์
การเกษตร และอุตสาหกรรม จนปัจจบุ นั นวิ เคลยี ร์ได้เขา้ ไปมีบทบาทในชวี ิตประจำวันมากข้ึนทุกที

22. จดุ เน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (ใช้เฉพาะแกนหลัก 4Cs)
 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และทกั ษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem
Solving)
 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
 ทักษะด้านความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
 ทกั ษะด้านการสือ่ สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media
Literacy)

ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหย่นุ และการปรับตวั
 การริเร่มิ สรา้ งสรรค์และการเป็นตวั ของตวั เอง
 ทกั ษะสงั คม และสังคมข้ามวฒั นธรรม
 การเปน็ ผสู้ รา้ งหรือผู้ผลติ และความรบั ผดิ ชอบเชอื่ ถือได้
 ภาวะผ้นู ำและความรับผดิ ชอบ

คณุ ลักษณะสำหรับศตวรรษท่ี 21
 คณุ ลกั ษณะด้านการทำงาน ไดแ้ ก่ การปรับตวั ความเป็นผู้นำ
 คุณลักษณะด้านการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชี้นำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง
 คุณลกั ษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ เคารพผู้อื่น ความซื่อสัตย์ สำนึกพลเมือง

23. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความรู้) (เขียนให้สอดคล้องกับจดุ ประสงค)์
- การตอบคำถามในชน้ั เรยี น
- การส่งสมดุ
- การทำใบงาน

24. บรู ณาการกบั แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง


ปรัชญาของ ครู นกั เรยี น
เศรษฐกจิ พอเพียง
นกั เรยี นสามารถนำความรูม้ าใชใ้ นการ
พอประมาณ ออกแบบกจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ผ้เู รยี น ตอบปัญหาหรือตอบคำถามได้
นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ และแสดง
ความมีเหตผุ ล จดั การเรียนรู้ตรงตามหลักสตู ร ตวั ชีว้ ดั /ผล ความคดิ เห็นได้อย่างมีเหตุผล
การเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง นักเรียนสามารถวางแผนการทำงาน
หรือการทำกจิ กรรมได้อย่างถูกตอ้ ง
มภี มู ิคมุ้ กันใน การวางแผน และเตรยี มความพร้อมก่อน และปลอดภัย
ตัวทดี่ ี จัดการเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถจับใจความสำคัญ
และสรปุ องคค์ วามรู้จากเร่ืองทีเ่ รียนได้
เงอ่ื นไขความรู้ ถ่ายทอดความรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
เง่อื นไขคุณธรรม กำหนด และประเมินผล นักเรียนมีความใฝเ่ รยี นร้แู ละมุ่งมั่นใน
การทำงาน
มคี วามเสมอภาค และชว่ ยเหลอื นกั เรียน
ถา่ ยทอดความรทู้ ั้งหมดโดยไม่ปิดปงั เพื่อ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของนักเรียน

9. กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงท่ี 1

ข้ันนำ

กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูนำวดี ทิ ัศนเ์ ก่ยี วกบั พลังงานนิวเคลียร์และระเบิดปรมาณู มาเปดิ ใหน้ กั เรยี นชม
3. นักเรียนอภปิ รายและบอกไดว้ ่าพลงั งานนิวเคลยี รม์ ีประโยชน์และโทษอย่างไรในชีวิตประจำวัน
4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 เพื่อกระตุ้น
ความสนใจของนักเรยี นวา่ “พลังงานท่ีได้จากปฏกิ ิริยานิวเคลียร์เป็นผลมาจากสิ่งใด” และใหน้ กั เรียน
ช่วยกนั ตอบคำถามปากเปลา่ โดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรอื ผิด
(แนวตอบ : พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนิวเคลียสของธาตุ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นมี 2 แบบ คือ นิวเคลียสของธาตุมวลมากแตกออกเป็นธาตุที่มีมวลน้อยกว่า
และนิวเคลียสของธาตทุ ี่มมี วลนอ้ ยรวมกนั เป็นนิวเคลียสของธาตุทีม่ ีมวลมากขน้ึ )
5. ครถู ามคำถามกระตุ้นความสนใจกับนกั เรียนวา่ “พลงั งานนิวเคลยี รเ์ กดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร”
6. ครใู ห้นักเรียนต้ังคำถามเกีย่ วกับส่ิงทตี่ ้องการเรยี นรู้เกยี่ วกับ เรอ่ื ง พลังงานนิวเคลียร์ แล้วบันทึกเป็น
ขอบเขตและเปา้ หมายทีต่ อ้ งการเรียนรู้ ลงในสมดุ เพ่อื นำมาส่งครู
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

ข้ันสอน


สำรวจคน้ หา (Explore)
93. ครใู ห้นักเรยี นศึกษา เรื่อง พลังงานนวิ เคลียร์ จากหนังสือเรียน
94. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิชชันและฟิวชันจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ เช่น
อินเทอรเ์ น็ต ประกอบกับเนื้อหาจากหนงั สือเรยี น
95. ครใู หน้ ักเรยี นเขยี นสรปุ ความรทู้ ่ไี ดศ้ ึกษาลงในสมุดบันทึกประจำตัวของแต่ละคน
96. ครูสมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นออกมาหนา้ ชัน้ เรยี น เพ่ืออธบิ ายใหเ้ พ่อื นในชั้นเรยี นฟังเกยี่ วกบั ข้อมูลที่ตนเอง
ได้ทำการศึกษามาแล้ว
97. ครูแจกใบงานที่ 3.2 เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ ให้นักเรียน จากนั้นมอบหมายให้นักเรียนลงมือทำ
แล้วเกบ็ รวบรวมสง่ คืนครูท้ายช่วั โมง

อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ความหมายของปฏิกิริยาฟิชชัน ปฏิกิริยาฟิวชัน และ
การใชป้ ระโยชน์
2. ครูเปิด PowerPoint เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ ให้นักเรียนดูเป็นการสรุปความรู้ให้มีความเข้าใจใน
ทศิ ทางเดียวกนั มากย่งิ ขึน้
3. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความสำคญั ของพลังงานนิวเคลียรใ์ นชวี ิตประจำวัน

ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. ครใู หน้ ักเรียนทำสรุปผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่ือง พลังงานนิวเคลียร์ ลงในกระดาษ A4
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน)
2. ครสู ุ่มเลือกนักเรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทัศน์ของตนเองหนา้ ช้นั เรียน
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
3. ครูให้นักเรียนศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง พลังงานในชีวิตประจำวัน
จากหนงั สอื เรียน ลงในสมดุ บนั ทึกประจำตวั แลว้ ส่งครทู า้ ยช่ัวโมง
4. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5

ขั้นสรปุ

ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้เกยี่ วกับ พลังงานนวิ เคลียร์ เพอ่ื ให้นักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจ
ในเน้ือหาที่ได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดยี วกัน และเปน็ ความเข้าใจท่ีถกู ต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียน
สรปุ ความรลู้ งในสมดุ บันทึกประจำตัว
2. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 3.2 เรือ่ ง พลงั งานนวิ เคลียร์
3. ครตู รวจแบบฝึกหดั จาก Topic Question เรื่อง พลงั งานนิวเคลียร์ ในสมดุ บันทึกประจำตัว
4. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ จากแบบฝึกหัด รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์
กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส)์ ม.5


5. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ
ทำงานกลุม่

ครวู ัดและประเมินผลจากชิน้ งานการสรุปเนอ้ื หา เร่ือง พลังงานนวิ เคลียร์ ท่ีนักเรยี นไดส้ รา้ งข้นึ จากขั้นขยาย
ความเข้าใจเป็นรายบุคคล

32. ส่ือการสอน/แหล่งเรียนรู้
10.1 ส่ือการเรียนรู้
7) หนงั สือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พลงั งาน
8) แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 พลังงาน
9) ใบงานที่ 3.2 เรื่อง พลงั งานนิวเคลียร์
10) PowerPoint เร่ือง พลังงาน
11) วดิ ที ัศน์เกีย่ วกับพลังงานนิวเคลียร์ ระเบิดปรมณู
10.2 แหลง่ การเรยี นรู้
31) หอ้ งเรยี น
32) หอ้ งสมุด
33) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

33. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ วี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
- การตอบคำถามในช้ัน - ขอ้ คำถามในกิจกรรม - นกั เรยี นสามารถ
1. ด้านความรู้ (K) เรยี น การเรยี นรู้ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
- นักเรยี นสามารถอธิบาย รอ้ ยละ 80
ความหมายของพลังงาน - การทำใบงานท่ี 3.2 - ใบงานท่ี 3.2
นวิ เคลยี รไ์ ด้ - นกั เรียนสามารถ
- นกั เรียนสามารถจำแนก - การส่งใบงาน - ใบงาน ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง
ประเภทของพลงั งาน รอ้ ยละ 80
นิวเคลยี ร์ฟชิ ชนั และฟิว
ชันได้ - นกั เรียนสง่ งานตาม
2) ด้านกระบวนการ (P) กำหนดเวลา
นักเรยี นสามารถเขียนสรปุ
ขอ้ มูล เร่ือง พลงั งาน
นิวเคลยี รไ์ ดอ้ ยา่ งครบถว้ น
ตรงตามจดุ ประสงค์ที่
ต้องการสือ่ สาร
3) คณุ ลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์ (A)


นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้
หรอื อยากรอู้ ยากเห็น

12. ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ / หรอื ผทู้ ่ไี ดร้ ับมอบหมายตรวจแผน
……………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..…………..………………

ลงชอ่ื ผู้ตรวจแผน
(นางสาวสุกัญญา หมน่ื ย่งิ )
........./............../.............


บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
1. ผลการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................

ลงช่อื ผู้จัดการเรียนรู้
(นางสาวสิรภทั ร เสาร์ทา้ ว)
........./............../...........

4. ข้อเสนอแนะ/ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
ความเหน็ ของหัวหน้างานบริหารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผู้ตรวจแผน
(นางยพุ ิน หอมสขุ )

........./............../.............
ความเหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น
(นางฉววี รรณ สธุ ีระกลู )

ครชู ำนาญการพเิ ศษ รกั ษาการในตำแหนง่
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี

........./............../.............


แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์)

ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 และ 5 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2565

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 พลังงาน เรือ่ ง เทคโนโลยีดา้ นพลังงาน เวลา 3 ชั่วโมง

25. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์

ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเกีย่ วข้องกบั เสียง แสง
และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวช้วี ัด
ว 2.3 ม.4-6/2 สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเปล่ียนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า รวมทั้ง

สืบค้นและอภิปรายเกี่ยวกับเทคโนโลยีท่ีนำมาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการทางด้านพลังงาน
โดยเน้นด้านประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านค่าใช้จ่าย

26. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.42 นกั เรียนสามารถอธบิ ายการเปล่ยี นพลงั งานทดแทนเปน็ พลงั งานไฟฟา้ ได้ (K)
2.43 นกั เรยี นสามารถอภิปรายเก่ยี วกบั การนำเทคโนโลยมี าแก้ปัญหาดา้ นพลังงานได้ (K)
2.44 นกั เรียนสามารถนำเสนอผลงาน เรอื่ ง เทคโนโลยีดา้ นพลงั งาน ได้อยา่ งครบถว้ นและเป็นลำดบั ขั้นตอน
(P)
2.45 นกั เรียนมคี วามสนใจใฝ่รูห้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A)

27. สาระสำคญั
เทคโนโลยีพลงั งานเป็นการนำความร้แู ละทักษะกระบวนการวิทยาสาสตร์มาสร้างอปุ กรณ์ เช่น เซลล์

เช้ือเพลงิ เซลลส์ รุ ิยะ เอทานอล ไบโอดีเซล แกส๊ ชวี ภาพ เพ่ือแกป้ ัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการด้าน
พลงั งาน ซงึ่ ชว่ ยให้เกิดประโยชน์สงู สดุ ในการใช้พลงั งานและลดปญั หาสิ่งแวดล้อม ทำให้การใช้พลงั งานมี
ประสิทธภิ าพยิ่งขึน้

28. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (เขียนให้สอดคลอ้ งกบั แผนน้ี)
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคดิ


Click to View FlipBook Version