พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 50
พชื อาหาร : พรรณไมท้ ่เี ป็นผลไม้ป่า พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 51
พชื อาหาร : พรรณไม้ทีเ่ ปน็ ผลไมป้ า่
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 52
พชื อาหาร : พรรณไม้ทเี่ ป็นผลไม้ปา่
ตะคร้อ
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Schleichera oleosa (Lour.) Merr.
ช่ือวงศ์ SAPINDACEAE
ช่ืออน่ื บักครอ้ คอสม้
นิเวศนวิสัย พืชพ้ืนเมืองในอินเดียและเอเชียตะวันออก น�้ำมันจากเมล็ด บ�ำรุงผมแก้ผมร่วง เมล็ดบดแห้งใช้ใน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 53
เฉียงใต้ พบตามปา่ ผลัดใบ หรอื ป่าผลัดใบผสม ขึน้ ตาม แผลอกั เสบของสตั ว์พวกวัว-ควาย เพอ่ื ก�ำจัดหนอน และ
เชิงเขาทั่วไป ที่ระดับความสูงจากระดับน�้ำทะเล 900- แมลงท่ีตอมแผล
1,200 เมตร ในประเทศไทยพบได้ในภาคต่าง ๆ ทั่ว 2. ดา้ นอาหาร ใบออ่ นกนิ สดหรอื นำ� มาลวกเป็น
ประเทศ ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยการเพาะเมล็ด ผักเคียง ผลสุกกินได้ มีรสเปรี้ยวฝาด เหมาะแก่การท�ำ
เคร่อื งดมื่ ดบั กระหาย ผลดบิ ทำ� เป็นผลไม้ดอง ใบและกิ่ง
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอ รวมถงึ กากเมล็ด น�ำมาทำ� เปน็ อาหารสตั ว์
ขามทะเลสอ อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา อ�ำเภอ
เฉลมิ พระเกียรติ 3. ดา้ นใช้สอย เนอ้ื ไม้ ท�ำฟืนและถ่าน แกน่ ไม้ มี
ความแข็งและทนทานน�ำมาท�ำเป็นเคร่ืองมือเคร่ืองใช้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ ืนต้นผลดั ใบ สูง 10-25 หลายชนิด เช่น ด้ามขวานหรือพลั่ว น�้ำมันท่ีสกัดจาก
เมตร อาจพบสงู กว่า 40 เมตร ล�ำตน้ บดิ งอ เรือนยอด เมลด็ (Kusum oil) ใชเ้ ปน็ สว่ นประกอบสำ� คญั ของนำ�้ มนั
เป็นพุ่มแผ่กว้าง รูปทรงกรวยหรือรูปร่ม เปลือกเรียบ ตกแต่งทรงผมและบ�ำรงุ เสน้ ผม รวมถึงชว่ ยบ�ำรงุ รากผม
สีน้�ำตาลอมเทา แตกเป็นสะเก็ดหนา ใบประกอบแบบ ให้แข็งแรง
ขนนกปลายคู่ ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรี โคนใบมน 4. สรรพคณุ ทางเภสชั วทิ ยา มงี านวจิ ยั ศกึ ษาฤทธิ์
ปลายใบมีหางส้ัน ขอบใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างหนา ทางยาของสว่ นเปลอื กตน้ ทดสอบฤทธใ์ิ นหนทู ดลอง พบ
ใบออ่ นมีขนเล็กนอ้ ย ดอก ออกท่ีงา่ มใบและปลายกง่ิ สี วา่ มสี ว่ นชว่ ยลดปรมิ าณนำ้� ยอ่ ยในกระเพาะอาหาร ซงึ่ จะ
เหลอื งอมเขยี ว ผล ทรงกลมหรอื รปู ไขป่ ลายตง่ิ แหลม แขง็ ป้องกันและลดการอักเสบอันเน่ืองมาจากแผลใน
ผลดิบมีสีเขียว และเปลยี่ นเป็นสนี ำ้� ตาลเมือ่ สุก เน้อื ในมี กระเพาะอาหารได้
สเี หลอื งสม้ ลกั ษณะเนอื้ เปน็ เยอ่ื หมุ้ เมลด็ แตล่ ะผลมี 1-2
เมล็ด
ประโยชน์ของตะคร้อ
1. ดา้ นสมุนไพร เปลอื ก ตม้ น�ำ้ ด่มื เปน็ ยาสมาน
ทอ้ ง แก้ท้องรว่ ง บรรเทาอาการปวดประจ�ำเดือน รักษา
ผวิ หนังอักเสบและแผลเปือ่ ย แกน่ ตม้ นำ้� ดื่ม แกฝ้ ีหนอง
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 54
พืชอาหาร : พรรณไม้ทเ่ี ป็นผลไมป้ ่า
ตาล
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Borassus flabellifer L.
ชอ่ื วงศ์ ARECACEAE
ชื่ออน่ื โตนด ตน้ ตาล ปอเกา๊ ะตา
นิเวศนวิสัย เป็นไม้ในตระกูลเดียวกันกับปาล์ม และ เสาสะพานปลา ใชท้ ำ� เปน็ ทเี่ กาะของหอยนางรม เปน็ ตน้ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 55
มะพรา้ ว จดั เปน็ ไมช้ นดิ ใหผ้ ล พบไดท้ วั่ ไปในทกุ ภาค เปน็ โดยเฉพาะต้นตาลแก่ ใช้ประดิษฐ์ของใช้ต่าง ๆ เช่น
พืชที่ข้ึนได้บนดินทุกชนิด ทนแล้งและน�้ำท่วมได้ดี ไม่มี ขนั ตกั น�้ำ เครอื่ งเล่น โตะ๊ มา้ น่งั เก้าอี้ กล่องใส่ของ และ
ผลตอ่ พชื อน่ื ๆ รอบขา้ ง เชน่ นาข้าว สวนผกั เฟอรน์ ิเจอรต์ ่าง ๆ เปน็ ตน้ กาบตาลหรอื ทางตาล ใชท้ ำ�
ฟืน เป็นเชอ้ื เพลงิ ทำ� รัว้ บา้ น ร้วั ไร่นา คอกสตั ว์ เสน้ ใย
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา กาบตาล ใช้ท�ำเชือก เครื่องจักสานต่าง ๆ เช่น หมวก
อำ� เภอขามทะเลสอ และอำ� เภอเฉลิมพระเกียรติ กระเปา๋ ไมก้ วาด ใบตาลคนโบราณใชแ้ ทนกระดาษเขยี น
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำ� ตน้ กลม ตรง สงู ชะลดู อาจ หนงั สือ คมั ภีรต์ ่าง ๆ ใชท้ �ำของเลน่ เดก็ เช่น กงั หนั ลม
ถึง 30 เมตร เปลอื กล�ำต้นขรุขระ เนอื้ ไมเ้ ปน็ เสย้ี น แข็ง ปลาตะเพียน ใช้สานเป็นของใช้ เช่น หมวก ภาชนะใส่
เหนยี ว ใบเปน็ รปู พดั ขนาดใหญ่ แขง็ และหนา ใบยอ่ ยแตก สิง่ ของ ใชท้ �ำพดั ขนาดใหญท่ เ่ี รียกว่า “ตาลปตั ร” ใช้มุง
ออกจากปลายก้านใบ ดอกเป็นช่อ ดอกตัวผู้ และ หลงั คา กนั้ ฝาบา้ น ลกู ตาลแกใ่ ชป้ ระดษิ ฐเ์ ปน็ ของเลน่ เชน่
ดอกตัวเมียอยู่แยกต้น ช่อดอกต้นตัวผู้เรียก “งวงตาล” ตุ๊กตา กะลาตาล เน้ือตาลแก่ใช้เผาท�ำถ่านส�ำหรับผสม
ชอ่ ดอกต้นตวั เมยี เรยี ก “ปลตี าล” หรือบางทเี่ รียก งวง ยาสีฟัน น้�ำค้ันลูกตาลแก่ ใช้เป็นส่วนผสมของสบู่
ตาล ออกช่อหลงั ตน้ ตัวผู้ ผลเดีย่ วอยู่รวมกนั เป็นทะลาย ยาสระผม ใยลูกตาลแก่ ทเี่ หลอื จากค้นั แลว้ ใช้เปน็ ฝอย
เกบ็ ผลออ่ นไดท้ ่ี 75-80 วนั หลงั ออกดอก ผลออ่ นมสี เี ขยี ว ลา้ งจาน ผลตาลแก่น�ำมาเพาะพนั ธ์ขุ าย
จาวตาลออ่ นนมุ่ หรอื ดา้ นในยงั เปน็ นำ�้ ผลแกส่ นี ำ้� ตาลเขม้ 2. ด้านอาหาร ผลอ่อนหรือลกู ตาลออ่ น เรยี กวา่
หรือสีด�ำผิวเป็นมัน เนื้อจาวตาลเป็นเส้นใยละเอียด “ลอนตาล” รับประทานเป็นผลไม้ ลูกตาลท่ีแก่จัดจะมี
เหนยี ว มสี ขี นุ่ ขาวจนถงึ เหลอื งแกต่ ามอายผุ ล และมกี ลนิ่ จาวตาลเหนียว แขง็ ใช้ท�ำจาวตาลเช่ือม ลูกตาลทแี่ ก่จัด
หอม เปลือกผลแก่มีสีเหลือง แบ่งพันธุ์ตามลักษณะผล จะมสี เี หลอื งสด นำ� มาคนั้ นำ้� และเอาเสน้ ใยออกจะไดน้ ำ�้
คือพันธุ์ที่มีผลสีด�ำเรียก ตาลโตนดกา และพันธุ์ที่มีผลสี สีเหลือง มีกลิ่นหอม ใช้ต้มดื่มหรือท�ำอาหารคาวหวาน
แดง เรยี ก ตาลโตนดขา้ ว เชน่ แกงหัวตาล ขนมตาล ช่อดอก หรอื งวงตาล เมอื่ ปาด
ประโยชน์ของตาล จะไดน้ ำ�้ หวาน เรยี กวา่ “นำ�้ ตาลสด นำ�้ ตาลโตนดใชเ้ คยี่ ว
1. ดา้ นใชส้ อย ตน้ ตาลใชเ้ ปน็ เชอื้ เพลงิ ใชส้ ำ� หรบั ทำ� นำ�้ ตาลปกึ นำ�้ ตาลปป๊ี ทำ� นำ้� ผงึ้ ตงั เม หมกั ทำ� เปน็ นำ�้ สม้
งานก่อสร้าง เช่น เสาเรือน กระดานพื้นบ้าน สายชู กะแช่หรือกล่ันเหล้าน�ำ้ ตาล
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 56
พืชอาหาร : พรรณไมท้ ่เี ป็นผลไมป้ า่
นมควาย
ช่อื วิทยาศาสตร์ Uvaria rufa Blume.
ชือ่ วงศ์ ANNONACEAE
ชื่ออื่น พีพวน ตีนตง่ั เครือ บุหงาใหญ่
นเิ วศนวิสยั เป็นพรรณไม้กลางแจง้ พบไดต้ ามป่าดบิ ชื้น 2. ด้านสมุนไพร ผล น�ำมาต�ำผสมกับน้�ำ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 57
ป่าดิบแล้ง หรือป่าผลัดใบ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการ แก้ผดผ่ืนคันตามตวั เปน็ ยาเย็นถอนพิษ เน้ือไม้และราก
เพาะเมลด็ ข้ึนไดใ้ นดนิ ทกุ ชนดิ ชอบความชืน้ ปานกลาง ต้มรวมกันจะเป็นยาแก้ไข้กลับหรือไข้ซ้�ำ และเป็นยา
และแสงแดดตลอดวัน ขยายพนั ธโุ์ ดยใช้เมลด็ ออกดอก เนื่องจากรับประทานทานของแสลงเป็นพิษเข้าไป ราก
เมษายนถงึ พฤษภาคม บ�ำรุงน้�ำนม แก้โรคผอมแห้งของสตรีที่คลอดบุตร และ
อยู่ไฟไม่ได้ แกโ้ รคไตพิการ
บรเิ วณทพี่ บในเขตอทุ ยาน อำ� เภอสคี วิ้ และอำ� เภอเมอื ง 3. ด้านใช้สอย สีจากก่ิงน�ำมาใช้เป็นวัตถุดิบ
นครราชสีมา
ในการเตรยี มสยี อ้ มฝ้ายหรอื ไหม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ ุ่มรอเลอื้ ย สูงถงึ 5 เมตร
เถาอ่อนมีขนเป็นกระจุกรูปดาว เถาแก่ผิวจะเกลี้ยงไม่มี
ขน มีสีน้�ำตาลแดง ใบเด่ียว รูปยาวรี ออกเรียงสลับ
ปลายใบแหลมและเปน็ ตงิ่ โคนใบมนเวา้ เปน็ รปู หวั ใจ ดา้ น
บนใบสาก ใต้ใบจะมีขนสีน�้ำตาลแดง ดอกออกตามกิ่ง
หรือตามงา่ มใบ ช่อหนง่ึ จะมดี อกอยู่ 2–3 ดอก มีสแี ดง
อมมว่ ง (แดงเขม้ ) กลบี ดอกปกคลมุ ไปดว้ ยขนสนี ำ�้ ตาล มี
กลน่ิ หอม ผลเปน็ รปู ไข่ อยรู่ วมกนั เปน็ กระจกุ ผวิ ยน่ และ
มขี นออ่ น ๆ ปกคลมุ เม่อื สกุ สแี ดงสด เมล็ดจ�ำนวนมาก
ประโยชนข์ องนมควาย
1. ดา้ นอาหาร ผลสุกมรี สหวานอมเปรี้ยว ใช้รบั
ประทานเปน็ ผลไมไ้ ด้ ใหว้ ติ ามนิ และสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ
และสามารถน�ำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑต์ ่าง ๆ ได้หลาก
หลายชนิด เชน่ น้�ำผลไม้ ไวน์ และผลไม้อบแหง้ เป็นตน้
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 58
พืชอาหาร : พรรณไม้ทเี่ ปน็ ผลไม้ป่า
นมน้อย
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Polyalthia evecta (Pierre) Finet
& Gagnep.
ช่ือวงศ์ ANNONACEAE
ชอื่ อ่ืน นำ�้ เต้าแล้ง ต้องแล่ง
นิเวศนวสิ ัย ออกดอกชว่ งเดอื นมถิ ุนายนถึงสงิ หาคม พบ Nylon bag) พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 59
ในพื้นที่ขอบชายป่าหรือป่าโปร่ง เกิดตามที่รกร้างทั่ว ๆ 2. ดา้ นสมนุ ไพร สมนุ ไพรยาพน้ื บา้ นใชร้ ากตม้ นำ�้
ไป และป่าเตง็ รงั ชอบดนิ ร่วนปนทราย ด่มื แก้กลา้ มเนื้อท้องเกร็ง บ�ำรุงน�้ำนม
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอเมือง
นครราชสมี า อ�ำเภอขามทะเลสอ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ สงู 0.5-1 เมตร เปลอื ก
สีน�้ำตาลเข้ม กิ่งอ่อนสีเขียว มีขนสีน้�ำตาลหนาแน่น
ใบเดยี่ ว เรียงแบบสลบั รูปขอบขนานหรอื รปู รี ปลายใบ
แหลม ฐานใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบด้านบน
เป็นร่อง ดา้ นล่างนูน ดอกเด่ียว สีเหลือง ออกทีซ่ อกใบ
กลบี เลี้ยงรปู ไข่ สเี ขยี ว กลีบดอก กา้ นดอก ยาวประมาณ
1.2 เซนตเิ มตร ผลกลุ่ม มผี ลย่อย 4-30 ผล รูปรา่ งกลม
มตี งิ่ แหลมทปี่ ลายผล ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสกุ สแี ดง มี 1
เมลด็ ผลรับประทานได้
ประโยชนข์ องนมน้อย
1. ด้านอาหาร ผลสกุ รสชาติหวาน ซ่งึ ในหนง่ึ ลูก
จะมเี นอื้ ใหก้ นิ หวานนดิ เดยี ว ทสี่ ว่ นใหญเ่ ปน็ เมลด็ ไมน่ ยิ ม
กินเมล็ด แต่บางคนก็เคี้ยวกินทั้งเมล็ด เมื่อเวลาไปหา
นมนอ้ ยทาน จะตอ้ งระมดั ระวงั รงั แตน
คุณค่าทางอาหาร โปรตีน 12.2 เปอร์เซ็นต์
ฟอสฟอรสั 0.18 เปอรเ์ ซน็ ต์ โพแทสเซยี ม 0.59 เปอรเ์ ซน็ ต์
แคลเซยี ม 0.60 เปอรเ์ ซ็นต์ ADF 37.0 เปอร์เซน็ ต์ NDF
47.8 เปอร์เซ็นต์ DMD 38.5 เปอร์เซ็นต์ (โดยวิธี
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 60
พชื อาหาร : พรรณไมท้ ีเ่ ป็นผลไมป้ า่
มะขามป้อม
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica L.
ชอ่ื วงศ์ PHYLLANTHACEAE
ชอ่ื อื่น กนั โตด กำ� ทวด ม่งั ลู่
นเิ วศนวสิ ยั มถี น่ิ กำ� เนดิ ในเอเชยี พบมากในประเทศแถบ natural killer cell ปอ้ งกันตับอ่อนไม่ให้เกิดการอกั เสบ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 61
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอินเดีย โดยพบข้ึน แบบเฉยี บพลนั ยบั ยงั้ เอนไซมข์ องไวรสั HIV ปกปอ้ งเซลล์
มากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรงั และปา่ ดิบเขา จากกมั มันตภาพรงั สี
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอเมือง
นครราชสีมา อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ ืนต้นขนาดเลก็ ถึงขนาด
กลาง ผลัดใบ เปลือกสีน้�ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบ
ใบประกอบคล้ายกับใบมะขาม ยอดออ่ นสแี ดงออ่ น เม่อื
แก่สีเขยี วสด ดอกเดยี่ วออกเป็นกระจกุ ตามก้านใบ หรอื
ซอกใบ สขี าวอมเหลอื ง ดอกเพศผแู้ ละเพศเมียแยกดอก
แตอ่ ยูบ่ นต้นเดยี วกนั ผลทรงกลมหรือกลมแบนเลก็ น้อย
ผลออ่ นสเี ขยี วออ่ น ผลสกุ สเี ขยี วอมเหลอื ง เปลอื กผล และ
เน้ือผลรวมกัน เน้ือส่วนที่ใช้รับประทาน มีลักษณะแข็ง
กรอบและฉ�่ำน้�ำ ให้รสเปรี้ยวอมฝาดเล็กน้อย
เปลือกเมล็ดมสี ีเขียวเขม้ มีเนอื้ แขง็ และหนามาก
ประโยชน์ของมะขามปอ้ ม
1. ดา้ นอาหาร ผล ใชร้ บั ประทานผลสด ดอง หรอื
แช่อม่ิ กินแล้วช่มุ คอ ลดการกระหายน้ำ� ลดเสมหะ ลด
อาการระคายคอ แกอ้ าการวิงเวยี นศรี ษะ ขับลม แกท้ ้อง
อืดทอ้ ง ท้องเฟ้อ
2. สรรพคุณทางยา ปกป้องเซลล์จากสารพิษ
ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ
ปอ้ งกนั มะเรง็ ตบั ลดไขมนั ในเลอื ด กระตนุ้ การทำ� งานของ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 62
พชื อาหาร : พรรณไมท้ ี่เปน็ ผลไม้ปา่
มะเมา่
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Antidesma puncticulatum Miq .
ชอื่ วงศ์ PHYLLANTHACEAE
ชอ่ื อน่ื บ่าเหมา้ หมากเม่า มะเมา่ หลวง
นิเวศนวิสัย พืชในตระกลู มะเม่ามที ั้งหมด 170 สายพนั ธุ์ 2. ด้านสมนุ ไพร ผลสกุ บำ� รุงสายตา ฟอกโลหติ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 63
ในประเทศไทย พบ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ มะเม่าหลวง ขับเสมหะ เป็นยาระบาย ตน้ และราก แก้กษัย ขับโลหติ
มะเม่าสร้อย มะเม่าไข่ปลา มะเม่าควาย และมะเม่าดง ขับปัสสาวะ แก้มดลูกพิการ อักเสบช�้ำบวม แก้อาการ
มักขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ หรือตามหัวไร่ ตกขาว ขบั น้ำ� คาวปลา แก้เสน้ เอน็ พกิ าร ใบ องั ไฟแล้ว
ปลายนา ตอนนก้ี ั้นหลังไม่เสมอ ท่ตี ามหัวไร่ เปน็ ผลไม้ นำ� มาประคบใชร้ กั ษาอาการฟกชำ�้ ดำ� เขยี ว ใบสดตำ� พอก
ท้องถน่ิ ของภาคอสี าน แผลฝีหนอง ท้ังห้าส่วนต้มดื่มเป็นประจ�ำเป็นยาอายุ
วฒั นะ (ผล ราก ต้น ใบ ดอก)
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอทุ ยาน ปา่ เขาจนั ทนง์ าม อำ� เภอสคี วิ้ 3. ด้านใช้สอย น้�ำค้ันจากผลมะเม่าสุกท�ำสีผสม
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ นื ตน้ แตกกง่ิ กา้ นเปน็ พมุ่ อาหาร ให้สีมว่ งเข้ม เน้อื ไม้ ใชท้ �ำที่อยอู่ าศัย หรือท�ำเปน็
ทรงกลม สงู 5-10 เมตร เน้อื ไมแ้ ข็ง ใบเดี่ยวสีเขียวสด เฟอรน์ เิ จอร์ ปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ใชป้ ลกู เพอ่ื เปน็ รม่ ไม้
ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน ดอกขนาดเล็กสีขาวอม
เหลอื ง เปน็ ชอ่ ยาวตามปลายกง่ิ และซอกใบ ดอกแยกเพศ สรรพคณุ ทางด้านสมุนไพร
อยู่คนละต้น ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือน 1. สารแอนโทไซยานนิ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ ขจดั สาร
เมษายน ผลสุกในเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน ผล
ทรงกลมขนาดเล็ก ผลดิบมีสีเขียวอ่อนหรอื สีเขยี วเข้ม มี พิษออกจากร่างกาย และชะลอความแก่ชรา
รสเปร้ียว เม่ือสุกเปลี่ยนเป็นสีแดงและม่วงด�ำ ผลสุก 2. สารฟลาโวนอยด์ ยับย้ังไม่ใหผ้ นังหลอดเลอื ด
รสหวานอมเปรย้ี วและฝาด เปลือกหมุ้ เมลด็ แขง็
เส่อื มหรอื เปราะง่าย
ประโยชนข์ องมะเม่า 3. สารแทนนิน ช่วยใหเ้ กล็ดเลือดจบั ตัวกันนอ้ ย
ลง ป้องกันโรคหัวใจลม้ เหลว
4. ช่วยกระตุ้นภมู ิคุ้มกันและมฤี ทธต์ิ า้ นเชื้อ HIV
1. ด้านอาหาร ผลสุกรับประทานเป็นผลไม้สด
หรอื ทำ� เปน็ สม้ ตำ� มะเมา่ ยอดออ่ นรบั ประทานเปน็ ผกั สด คุณค่าทางโภชนาการของผลมะเม่า ต่อ 100 กรัม
แปรรปู เปน็ ผลิตภณั ฑ์ได้หลายอยา่ ง เช่น แยม น้ำ� ผลไม้ พลงั งาน 75.2 กโิ ลแคลอรี โปรตนี 0.63 กรมั เสน้ ใย 0.79
หรือน�ำไปท�ำเป็นไวน์คุณภาพสูง พระสงฆ์ในแถบเทือก กรมั คารโ์ บไฮเดรต 17.96 กรมั กรดแอสพารต์ กิ 559.43
เขาภพู านใชเ้ ป็นนำ้� ปาณะมาตงั้ แต่สมยั โบราณกาล มิลลิกรัม ทรีโอนีน 227.47 มิลลิกรัม ซีรีน 285.75
มลิ ลกิ รมั กรดกลตู ามกิ 618,62 มลิ ลกิ รมั โพรลนี 234.94
ืพชพรรณและเ ็หดราธรรมชา ิต ในอุทยานธรณีโคราช 64 มิลลิกรัม ไกลซนี 250.23 มิลลิกรัม อะลา
นีน 255.17 มิลลิกรัม วาลีน 57.36
มิลลกิ รัม ซสี ทนี 274.60 มลิ ลกิ รมั เมทไธ
โอนนี 22.87 มิลลกิ รัม ไอโซลิวซนี 226.78
มลิ ลกิ รัม ลิวซีน 392.53 มลิ ลกิ รัม ไทโรซีน
175.17 มิลลิกรัม ฟีนิลอะลานีน 317.70
มลิ ลกิ รัม ฮสี ทิดนี 129.43 มลิ ลกิ รัม ไลซีน
389.08 มิลลิกรัม อาร์จินีน 213.33
มิลลิกรัม ทรปิ โตเฟน 189.00 มลิ ลิกรมั วิ
ตามินบี 1 4.50 ไมโครกรัม วิตามินบี 2
0.03 ไมโครกรมั วิตามินซี 8.97 มิลลกิ รมั
วิตามินอี 0.38 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม
13.30 มิลลกิ รมั ธาตุเหล็ก 1.44 มิลลิกรัม
(กองวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัย
ราชมงคลอสี านสกลนคร)
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 65
ืพชอาหาร : พรรณไม้ ่ทีเ ็ปนผลไ ้ม ่ปา
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 66
พชื อาหาร : พรรณไม้ทเ่ี ปน็ ผลไมป้ า่ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 67
เล็บเหยย่ี ว
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Ziziphus oenoplia L.
ชอ่ื วงศ์ RHAMNACEAE
ชือ่ อืน่ ยบั เยย่ี ว พทุ ราขอ
นเิ วศนวสิ ยั พบตามปา่ เตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ และปา่ คนื
สภาพ ชอบแสงแดดจัด จากการส�ำรวจ ในอุทยานธรณี
โคราช เล็บเหยี่ยว ออกดอก เดือนกรกฎาคมถึงเดือน
สิงหาคม ตดิ ผลกันยายน ผลสกุ เดือนตุลาคม
บรเิ วณทพี่ บในเขตอทุ ยาน พบทกุ อำ� เภอในอทุ ยานธรณี
โคราช ยกเวน้ อำ� เภอสีคิว้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เถาเนื้อแข็ง เถาและกิ่งมี
หนามแหลมงอทว่ั ทงั้ ตน้ เปลอื กเถาสดี ำ� เทาใบเดยี่ ว หลงั
ใบสีเขียวเข้มคล้ายใบพุทรา ดอกออกเป็นกระจุกตาม
ซอกใบ ผลกลม ผลดบิ จะมสี เี ขยี ว เมอ่ื สกุ มสี ดี ำ� รสหวาน
อมเปร้ยี ว มี 1 เมล็ด
ประโยชน์ของเล็บเหย่ียว
ดา้ นสมนุ ไพร ตำ� รายาไทย ราก เปลอื กตน้ รสจดื
เฝ่อื นเล็กนอ้ ย ต้มดมื่ เปน็ ยาขบั ระดขู าว ขับปสั สาวะ แก้
มดลูกพิการ แก้ฝีมุตกิด แก้ฝีในมดลูก และแก้โรค
เบาหวาน ผล รสเปร้ยี วหวาน ฝาดเย็น แก้เสมหะแกไ้ อ
ท�ำให้ชุ่มคอ ผลสุกรับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน
เป็นยาระบาย
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 68
พชื อาหาร : พรรณไมท้ ่เี ปน็ ผลไมป้ ่า
หวา้
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Syzygium cinereum (Kurz) Chan-
tar. & J. Parn.
ชือ่ วงศ์ MYRTACEAE
ชอื่ อน่ื หว้าข้แี พะ เสม็ดแดง หว้าทุ่ง
นเิ วศนวิสยั สภาพดนิ ร่วนที่อุดมสมบรู ณ์ ชอบแสงแดด 2. ดา้ นใชส้ อย เนอ้ื ไม้ ใชท้ ำ� สิง่ ปลกู สรา้ งที่อย่ใู น พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 69
จัดและความช้ืนปานกลาง ออกดอกเดือน กุมภาพันธ์- ร่ม เปลอื กตน้ ใช้ย้อมผา้ ได้สมี ่วง
เมษายน ตดิ ผลเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ขยายพันธุ์โดย
การเพาะเมลด็ ขน้ึ ชกุ ชมุ ในปา่ ทล่ี มุ่ ใกลช้ ายฝง่ั ทะเล และ
ในปา่ พรุ
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอทุ ยาน อำ� เภอสคี วิ้ และอำ� เภอเมอื ง
นครราชสมี า
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ ้น สูง 5-12เมตร เปลือก
สนี �้ำตาลเทา เรียบหรือแตกรอ่ งเป็นแผน่ หนา เปลอื กช้นั
ในหนา สีน�้ำตาลแกมชมพูถึงน้�ำตาลอ่อน เหนียว ลอก
ออกเป็นแผ่นยาว ใบเดี่ยวเกิดเป็นคู่อยู่ตรงข้ามระนาบ
เดียวกนั แผ่นใบรูปไข่รี โคง้ มน ปลายใบมน ผวิ ใบเรยี บ
ล่ืน ดอกเป็นช่อเกิดตามปลายกิ่งดอกสีขาวหรือเหลือง
อ่อน ผลสดเป็นช่อ รปู รแี กมรูปไข่ เมือ่ สกุ มีสมี ่วงด�ำ ผวิ
เรียบมนั เนื้อฉ�ำ่ น้ำ� รสฝาด หรือหวานปนฝาด เมล็ดกลม
สขี าว มีสารชว่ ยลดนำ้� ตาลในเลือด
ประโยชน์ของหว้า
1. ดา้ นสมุนไพร เปลือกต้น ต้มน้ำ� ดืม่ แก้บดิ อม
แก้ปากเปอื่ ย ผลดิบ แกท้ ้องเสีย ผลสกุ รบั ประทานได้
ใช้ท�ำเคร่ืองด่ืม มีรสเปรี้ยวอมฝาด สามารถน�ำไปท�ำ
นำ้� ผลไม้ ไวน์ เปน็ เครอ่ื งดม่ื ทใี่ หส้ มี ว่ ง แกท้ อ้ งรว่ งและบดิ
เมล็ด มีสารช่วยลดน�้ำตาลในเลือด แก้ทอ้ งเสยี ถอนพษิ
จากเมลด็ แสลงใจ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 70
พืชพรรณ ไมส้ ร้างทอ่ี ยู่อาศัยและไม้ใช้สอย พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 71
พชื พรรณ ไมส้ รา้ งที่อยอู่ าศัยและไมใ้ ชส้ อย
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 72
พชื พรรณ ไมส้ รา้ งท่ีอย่อู าศัยและไม้ใช้สอย
จามจุรี
ชอื่ วิทยาศาสตร์ Samanea saman (Jacq) Merr.
ช่ือวงศ์ FABACEAE
ชือ่ อน่ื ก้ามปู ฉำ� ฉา ส�ำสา ตุ๊ดตู่
นิเวศนวสิ ยั มีถิ่นกำ� เนิดในทวปี อเมรกิ าใต้ ถูกนำ� เข้ามา นำ� มาเปน็ อาหาร ฝกั แก่ เนอ้ื ฝกั ใชร้ บั ประทาน ใหร้ สหวาน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 73
ปลูกครั้งแรกในประเทศไทยจากประเทศพม่า เมื่อ หอมมาก รวมถึงน�ำมาต้มหรอื ชงเปน็ ชาด่มื
ประมาณปี 2443 (ค.ศ. 1900) โดย Mr. H. Slade 3. ด้านสมุนไพร รากรักษาอาการท้องร่วง ฝน
ทาแผล รกั ษาแผลอกั เสบ เปน็ หนอง ฝกั หรอื ผลสกุ บำ� รงุ
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา ร่างกาย ใบสดหรือตากแห้งน�้ำด่ืม รักษาโรคท้องร่วง
และอำ� เภอขามทะเลสอ เปลือกต้น ต้มน�้ำดื่มรักษาโรคท้องเสีย ท้องร่วง แก้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาด ริดสีดวงทวารหนัก ใช้ฝนหรือบดทารักษาแผล แผลติด
ใหญ่ สงู 25 เมตร มีอายุเป็นรอ้ ยปี ทรงพุ่มกวา้ งมากกว่า เชอื้ แผลเปน็ หนอง แกโ้ รคผวิ หนงั กลาก เกลอ้ื น น�ำมา
25 เมตร เปลือกตน้ แกส่ ดี ำ� เป็นแผ่นสะเก็ด ใบประกอบ เคีย้ วชว่ ยลดอาการเหงอื กบวม แกป้ วดฟนั เมล็ด ตม้ น้ำ�
แบบขนนก ใบย่อย 4-6 คู่ ดอกออกเป็นช่อท่ีปลายก่ิง ดม่ื รกั ษาโรคทอ้ งเสยี ทอ้ งรว่ ง ใชฝ้ นหรอื บดทารกั ษาแผล
เหนือซอกใบ กลีบดอกส้ันเล็กสีเหลือง ก้านเกสรตัวผู้สี แผลติดเชอื้ แผลเป็นหนอง ใช้รักษาแก้โรคผวิ หนัง กลาก
ขาวทเ่ี ป็นเส้นยาวจำ� นวนมาก และเมื่อแกป่ ลายเกสรจะ เกลอ้ื น
มีสชี มพู ผลเปน็ ฝัก แบนยาวคล้ายฝกั ถั่ว
ประโยชนข์ องจามจุรี
1. ดา้ นใชส้ อย เนอ้ื ไมจ้ ามจรุ วี งนอกสขี าวเหลอื ง
แกน่ สนี ำ้� ตาลเขม้ จนถงึ ดำ� เปน็ ลายสวยงาม นำ� มาแปรรปู
เปน็ ไมก้ อ่ สรา้ งบา้ น นยิ มใชท้ ำ� เปน็ เฟอรน์ เิ จอร์ นยิ มปลกู
เพอื่ ให้รม่ เงา กงิ่ อ่อนเป็นอาหารของคร่งั ฝักแก่หมักเป็น
เหล้าหรือแอลกอฮอล์ โดยฝักแก่ 100 กิโลกรัม ผลิต
แอลกอฮอล์ไดม้ ากกวา่ 11 ลิตร ใบที่ร่วงจากต้น ทำ� เป็น
ปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะไม้ตระกูลโป๊ยเซียน
ลำ� ตน้ และกงิ่ ใชท้ ำ� ฟนื ใหพ้ ลงั งานสำ� หรบั หงุ หาอาหาร ใน
ครัวเรอื น
2. ด้านอาหาร ใบมีสารอาหารหลายชนิด นิยม
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 74
พชื พรรณ ไม้สร้างทอ่ี ย่อู าศยั และไม้ใช้สอย
ปอสา
ช่ือวิทยาศาสตร์ Broussonetia papyrifera (L.)
L’Hér. ex Vent.
ชอื่ วงศ์ MORACEAE
ช่ืออนื่ ชำ� สา ปอกะสา หมอมี
นิเวศนวิสัย ชอบดินร่วนซุยมีความอุดมสมบูรณ์สูง 2. ดา้ นสมุนไพร เปลือกตน้ ใช้น้�ำคน้ั กินแกโ้ รค พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 75
อากาศมคี วามชน้ื สงู โดยเฉพาะบรเิ วณใกลแ้ หลง่ นำ�้ พบ ตาแดง ตม้ นำ้� กนิ แกอ้ าเจยี น หรอื ตำ� ละเอยี ดนำ� กากพอก
ตงั้ แตพ่ น้ื ราบจนถงึ ทรี่ ะดบั ความสงู 400-900 เมตร จาก บริเวณท่ีเป็นผื่นคัน ราก ต้มน้�ำกินแก้ปวดฝี รากและ
ระดบั น้ำ� ทะเล เปลือกตน้ แก้ไอ แกล้ มขึน้ แกบ้ ดิ บิดเป็นเลือด ถ่ายเปน็
เลอื ด สตรตี กเลอื ด ลดอาการบวมนำ้� ใบบดใหผ้ งละเอยี ด
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอุทยาน อำ� เภอสคี วิ้ ท�ำเปน็ เมด็ กิน รักษาอาการหอู อ้ื ตามวั ใบสด ต้มน้�ำกนิ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ นื ตน้ ผลดั ใบขนาดเลก็ ถงึ แก้เลือดก�ำเดาไหลไม่หยุด อาเจียนเป็นเลือด กระอัก
ขนาดกลาง สูง 6-10 เมตร แตกกิ่งก้านโปร่งกว้าง กิ่ง เลอื ด ตกเลือด แก้อาการบวมนำ้� ตำ� พอกแผลแมลงสตั ว์
เปราะหักงา่ ย เปลอื กลำ� ตน้ เป็นสีน้ำ� ตาลอ่อน เรียบบาง กดั ตอ่ ย ผลมรี สหวานชมุ่ เปน็ ยาชกู ำ� ลงั บำ� รงุ เสน้ เอน็ แก้
เป็นเส้นใย ตามกิง่ อ่อนและยอดออ่ นมขี นสขี าว เมื่อกรดี อาการออ่ นเพลีย ให้ใชผ้ ลแห้ง 1-2 ผลต้มกับน้ำ� กนิ
ล�ำต้นจะมีน�้ำยางสีขาวคล้ายนมไหลออกมา ใบเด่ียว
แผ่นใบสากมือเล็กน้อย ดอกแยกเพศแยกต้น ดอกตัวผู้
เป็นชอ่ หางกระรอก สว่ นชอ่ ดอกเพศเมียจะออกเปน็ ช่อ
กลมมดี อกย่อยจ�ำนวนมาก ผลกลม สีแดงอมสม้ ภายใน
มเี มล็ดสแี ดง
ประโยชนข์ องปอสา
1. ดา้ นใชส้ อย เปลอื กใชท้ ำ� กระดาษสา สามารถ
นำ� มาทำ� เปน็ สงิ่ ประดษิ ฐแ์ ละของใช้ เชน่ กระดาษหอ่ ของ
ขวญั รม่ วา่ ว พัด ดอกไม้ โคมไฟ ตุก๊ ตา ของช�ำรว่ ย ใบ
หรอื ยอดอ่อนน�ำมาหนั่ หยาบๆ ใช้เปน็ อาหารหมหู รอื ต้ม
ให้หมูกิน อาหารเล้ียงวัว เล้ียงปลา ผลสุกหรือเมล็ดใช้
เป็นอาหารของนกและกระรอก น�้ำมันจากเมล็ดใช้
สำ� หรับทำ� เครื่องเขิน สบู่ ใบใช้เปน็ แหล่งสีธรรมชาติใหส้ ี
เหลือง
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 76
พืชพรรณ ไม้สร้างทีอ่ ยูอ่ าศยั และไมใ้ ชส้ อย
ตะโกนา
ช่อื วิทยาศาสตร์ Diospyros rhodocalyx Kurz
ชื่อวงศ์ EBENACEAE
ช่ืออ่ืน มะถ่านไฟผี พระยาชา้ งดำ�
นิเวศนวิสัย เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการ 2. ด้านอาหาร ผลแกส่ ามารถน�ำมารบั ประทาน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 77
แสงแดดแบบเตม็ วนั มคี วามทนทานตอ่ สภาพแหง้ แลง้ ได้ เป็นอาหารได้ มีรสหวานอมฝาด
ดี ตามปา่ เบญจพรรณแล้ง ป่าละเมาะและตามท่งุ นา ที่ 3. ดา้ นสมนุ ไพร เปลอื กตน้ และเนอ้ื ไมต้ ม้ กนิ เปน็
ความสูงจากระดบั น้�ำทะเลตั้งแต่ 40-300 เมตร ยาบ�ำรุงธาตุ บ�ำรุงก�ำลัง กระตุ้นร่างกายและแก้โรค
กามตายด้าน ผลมรี สฝาด เฝือนขม แก้ทอ้ งรว่ ง ตกเลือด
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา แก้บวม ขับพยาธแิ ละแก้ฝีเน่าเป่ือย เปลือกผล เผาเปน็
อ�ำเภอขามทะเลสอ และอำ� เภอเฉลิมพระเกียรติ ถ่านแช่นำ้� กนิ ขับระดขู าวและขับปสั สาวะ รากตม้ นำ้� กิน
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นไม่ผลดั ใบ สงู 8-15 แกโ้ รคเหนบ็ ชา โรคทางเดนิ ปสั สาวะ น�ำ้ เหลอื งเสยี แก้
เมตร ล�ำต้นเปลา เปลอื กสดี ำ� แตกเปน็ สะเกด็ หนา เรือน ปวดเมอ่ื ยออ่ นเพลีย ช่วยเจริญอาหารและแก้รอ้ นใน
ยอดเป็นพุ่มกลมหรือรูปไข่ ทึบ กิ่งอ่อนมีขนประปราย
ปลายกงิ่ มกั หอ้ ยลลู่ ง ใบเดยี่ ว เรยี งสลบั ใบรปู ไข่ ปอ้ ม และ
รูปสเี่ หลี่ยมขนมเปยี กปนู เนือ้ ใบค่อนขา้ งหนา ด้านหลงั
ใบเกลี้ยง ดอกเป็นชอ่ ช่อดอกเพศผู้และดอกเพศเมยี อยู่
ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้ มขี นาดเล็กสขี าวหรอื เหลืองออ่ น
ออกรวมกนั เปน็ ชอ่ เลก็ ๆ ตามงา่ มใบ ผล กลม ขนาด 2-3
เซนติเมตร ผลอ่อนมีขนสีน�้ำตาลแดงคลุม ผลแก่เกลี้ยง
สเี หลอื งอมเขยี ว กลบี จกุ ผลมเี สน้ ลายกลบี พอสงั เกตเหน็
ได้
ประโยชนข์ องตะโกนา
1. ด้านใช้สอย ไม้ประดับ คนไทยนิยมปลูกไม้
ตะโกนา โดยนำ� มาทำ� เปน็ ไมด้ ดั ผลออ่ นใชย้ อ้ มผา้ ลำ� ตน้
เน้ือไม้ สีขาวหรือน�้ำตาลอ่อน เน้ือค่อนข้างละเอียด
เหนียว ใช้ท�ำด้ามเครือ่ งมือทางดา้ นเกษตร เสา รอด ตง
คาน ฯลฯ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 78
พืชพรรณ ไมส้ รา้ งทีอ่ ยู่อาศยั และไมใ้ ช้สอย
ตบั เตา่ ตน้
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Diospyros ehretioides Wall. ex
G. Don
ชือ่ วงศ์ EBENACEAE
ช่ืออื่น มะไฟผี มะโกป่า ชิ้นกวาง ตับเต่าหลวง
มะพลับดง
นิเวศนวิสัย เขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในพม่า และ เปลอื กตน้ และใบผสมกับลำ� ต้นตบั เต่าเครอื ใบหรอื ราก พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 79
ภมู ภิ าคอนิ โดจนี (ลาวและกมั พชู า) ในประเทศไทยพบได้ กลว้ ยเตา่ และผกั บงุ้ รวมทง้ั ตน้ นำ� มาบดใหเ้ ปน็ ผงละเอยี ด
แทบทกุ ภาค ยกเวน้ ทางภาคใต้ โดยมกั ขน้ึ ตามปา่ เตง็ รัง ละลายกบั นำ�้ รอ้ นดมื่ เปน็ ยารกั ษาโรคมะเรง็ ในตบั ผลเปน็
และตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ที่ความสูงจากระดับ ยาเบ่อื ปลา ย้อมสีผ้า กง่ิ สดทุบใช้สฟี ัน
นำ้� ทะเล 100-500 เมตร 2. ดา้ นใชส้ อย ลำ� ตน้ ใชส้ รา้ งบา้ น ใชท้ ำ� เครอื่ งมอื
ขนาดเล็กได้ กิ่งท�ำฟืน เน้ือไม้และเปลือก ใช้ท�ำเย่ือ
บรเิ วณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมอื งนครราชสมี า กระดาษ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนตน้ ผลัดใบ สูง 10-15
เมตร ทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวย เปลือกต้นสีน�้ำตาลปน
เทาหรอื สีเทาอมขาว ใบเดย่ี วเรยี งสลบั ใบรปู ขอบขนาน
รูปไขก่ ว้าง รูปไขถ่ ึงรูปวงรี ปลายใบกลมหรือมน โคนใบ
กลม หรือคลา้ ยรปู หัวใจ เนอื้ ใบเกลี้ยงและหนา ใบออ่ น
เปน็ สีน�้ำตาลแดง ดอกแยกเพศ อยคู่ นละต้น กลีบดอก
เปน็ สขี าว รปู คนโท ด้านนอกมขี น สว่ นด้านในเรียบ ผล
เป็นผลสด รปู ไขเ่ กอื บกลม หรอื กลมป้อม มกี ลบี เลย้ี งติด
คงทน เอนโดสเปิร์มมีลาย เม่ือแก่แห้งเป็นสีด�ำ และไม่
แตก
ประโยชน์ของตบั เตา่ ตน้
1. ดา้ นสมนุ ไพร ตำ� รบั ยาไทยมกั ใชร้ ว่ มกบั ตบั เตา่
นอ้ ย “ตบั เตา่ ทง้ั สอง” แกน่ และรากใชต้ ม้ หรอื ฝนกนิ เปน็
ยาแกไ้ ข้ ลดไข้ ดบั พษิ ร้อน แก้ร้อนใน แก้พษิ ไข้ แกพ้ ิษทงั้
ปวง แกว้ ณั โรค บำ� รงุ ปอด เปลอื กตน้ รกั ษาโรครำ� มะนาด
แก้ท้องร่วง ผสมกับล�ำต้นเฉียงพร้านางแอ และล�ำต้น
หนามแท่ง น�ำมาต้มกับน�้ำด่ืมเป็นยาแก้ผิดส�ำแดง
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 80
พชื พรรณ ไมส้ ร้างทอี่ ยู่อาศยั และไม้ใชส้ อย
ถอ่ น
ชื่อวิทยาศาสตร์ Albizia procera (Roxb.) Benth.
ชอื่ วงศ์ FABACEAE
ชื่ออน่ื พระยาฉัตรทัน ส่วน ทงิ้ ถ่อน
นเิ วศนวสิ ยั ขนึ้ บรเิ วณดนิ ตะกอนใกลล้ ำ� ธารหรอื ทดี่ นิ ลกึ ประโยชนข์ องถ่อน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 81
มีความชุ่มช้ืน หน้าดินท่ีเป็นช้ันหินตื้น และทนแล้งได้ดี 1. ดา้ นอาหาร ใบออ่ น ยอดอ่อนและดอกออ่ น
แต่ไม่ทนต่ออากาศหนาวจัดและท่ีสูง ๆ ในสภาพ ลวกหรอื ต้ม จ้ิมนำ้� พริก
ธรรมชาติจะพบขึ้นอยู่ในท่ีสูงจากระดับน�้ำทะเล 200- 2. ดา้ นใชส้ อย ใบนำ� มาเผาไฟผสมกบั นำ้� ใบยาสบู
800 เมตร ในประเทศไทยพบขน้ึ ในปา่ เบญจพรรณ และ ฉนุ ๆ และน้ำ� ปนู ขาว ใช้เป็นยาฉดี ฆา่ ตวั สัตว์ หนอน และ
ปา่ ท่งุ ตอนลุม่ ในภาคกลางท่ัว ๆ ไป แมลงไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เปลอื กตน้ ใหน้ ำ�้ ฝาดทส่ี ามารถนำ� มา
ใชใ้ นการฟอกหนงั ใชใ้ นการยอ้ มผา้ เนอ้ื ไมม้ คี วามเหนยี ว
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอทุ ยาน พบทกุ อำ� เภอ ยกเว้นอ�ำเภอ แข็งแรงทนทานและชักเงาได้ดี ใช้ในการก่อสร้างบ้าน
ขามทะเลสอ เรือน ใช้เป็นไม้แกะสลัก ท�ำเฟอร์นิเจอร์ และท�ำ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ ืนต้น ผลัดใบ สูง 15-30 เคร่อื งมอื ในงานเกษตร เชน่ ดา้ มจอบ ครกต�ำขา้ ว หรือ
เมตร ลำ� ตน้ เปลามกั โคง้ เรอื นยอดเปน็ พมุ่ กลมโปรง่ ขณะ ใชท้ ำ� กระเดอ่ื ง ฟันสขี า้ ว ถงั ไม้ ท�ำรถ เรือแจว เรือพาย
ทแ่ี ตกใบออ่ นเรอื นยอดจะออกสแี ดงเรอ่ื ๆ หรอื สนี ำ้� ตาล ฟนื ถา่ น ฯลฯ
อมแดง เปลอื กสขี าวอมเขยี ว และมรี อยดา่ งสนี ำ้� ตาลเปน็
แผน่ ๆ ท่ัวลำ� ตน้ ใบ แบบขนนกสองชัน้ ชอ่ ติดเรยี งสลับ
ใบยอ่ ยเบยี้ วรปู รี คลา้ ยรปู สเี่ หลย่ี มขนมเปยี กปนู หรอื รปู
ขอบขนานแกมรปู ไข่ แผ่นใบเบ้ยี วไมไ่ ด้สัดสว่ น ปลายใบ
มน หลังใบเกลี้ยง ท้องใบมีขนละเอียดคลุมประปราย
ดอก ขนาดเล็ก สีขาว ไมม่ ีก้านดอก ข้นึ อดั แน่นบนแกน
ชอ่ ดอกรปู ทรงกลม ชอ่ ดอกแตล่ ะชอ่ แตกแขนงมาจากชอ่
ใหญ่หรือรวมกลุ่มกันเป็นช่อใหญ่ตามง่ามใบ ท่ีปลายกิ่ง
หรอื ใกลป้ ลายกงิ่ ออกดอกชว่ งเดอื นพฤษภาคม-สงิ หาคม
ผล เปน็ ฝกั สนี ้�ำตาล รูปบรรทดั บางและแบนเรียบ หัว
แหลมทา้ ยแหลม เมลด็ แบน สนี ำ้� ตาล ฝกั จะแกป่ ระมาณ
เดือนตุลาคม-ธนั วาคม
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 82
พืชพรรณ ไมส้ ร้างที่อย่อู าศยั และไม้ใชส้ อย
ทงุ้ ฟา้
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Alstonia macrophylla Wall. ex
G.Don
ชือ่ วงศ์ APOCYNACEAE
ช่ืออืน่ ตนี เทยี น พวมพรา้ ว
นิเวศนวิสัย ในธรรมชาติขึ้นในบริเวณป่าเส่ือมโทรม เป็นยาพอกแก้ขอ้ ตอ่ เคล่อื น พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 83
เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นดนิ ทลี่ กึ และมกี ารระบายนำ้� ไดด้ อี ตั รา 2. ดา้ นใชส้ อย เนอ้ื ไม้ ทำ� กระดานพน้ื ฝา หบี ลงั
การเจริญทางความสงู มากกวา่ 1 เมตรตอ่ ปี และมีอัตรา ใส่ของ เคร่อื งเรือน เครอ่ื งใช้เบา ๆ เหมาะส�ำหรบั นำ� ไป
เพ่ิมพูนทางขนาดความโตของเส้นรอบวงโดยเฉล่ียไม่ต่�ำ ปอกหรอื ฝานท�ำไม้บางเพอื่ ทำ� ส่วนผิวหนา้ ของไม้อัด
กวา่ ปลี ะ 5 เซนตเิ มตร ออกดอกระหวา่ งเดอื นพฤศจกิ ายน
ถึงเดอื นมกราคม
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา
อำ� เภอขามทะเลสอ อ�ำเภอเฉลิมพระเกยี รติ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ นื ตน้ สูงไดถ้ งึ 20 เมตร
ทุกสว่ นมนี ำ�้ ยางขาว ไมผ่ ลดั ใบ เรือนยอดเป็นรูปไข่ แกม
รปู กรวยแหลม ค่อนขา้ งโปร่ง ล�ำตน้ มีลกั ษณะเปลาตรง
กิ่งใหญ่ต้ังฉากกับล�ำต้นเป็นวงรอบ โคนต้นเป็นพูพอน
เปลือกต้นเรียบเป็นสีขาวอมเทาหรือสีเทาอ่อน เนื้อไม้
ละเอียด เสี้ยนไม้ตรง สีเหลืองออ่ น และมเี ปลอื กบาง ใบ
รปู ใบหอกกลับหรอื รปู ไข่แกมรูปหอกกลับ ปลายใบเป็น
ตง่ิ แหลม ขอบใบเรยี บ ท้องใบเปน็ คราบสขี าว ดอกเปน็
สขี าวหรอื สขี าวอมเหลอื ง โคนกลบี เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด
ผลเปน็ ฝกั ยาวขนาดเลก็ ออกเปน็ คู่ ๆ เมอ่ื แกจ่ ะแตกออก
เปน็ 2 ซีก และบดิ เป็นเกลียว
ประโยชนข์ องทงุ้ ฟ้า
1. ด้านสมุนไพร ราก ผสมยารับประทานบ�ำรุง
ก�ำลัง บ�ำรงุ ก�ำหนัด เปลอื ก แกไ้ ข้ รักษาโรคมาเลเรยี แก้
บดิ ขับระดู ใบ ตำ� ผสมกับนำ้� มนั มะพรา้ วท�ำใหร้ อ้ น ใช้
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 84
พืชพรรณ ไม้สร้างที่อยู่อาศยั และไม้ใชส้ อย
พมิ าน
ชือ่ วิทยาศาสตร์ Vachellia harmandiana (Pierre)
ชื่อวงศ์ FABACEAE
ช่ืออนื่ ปี้มาน มะขมี้ าน หนามขาว
นิเวศนวิสัย ข้ึนกระจายทั่วไปในภาคกลาง ภาคเหนือ สรรพคุณเปน็ ยาเยน็ รกั ษาฝลี �ำมะลอก พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 85
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นดนิ ทกุ ชนดิ 3. ด้านใช้สอย เน้ือไม้ แปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์
ไม้ โครงสร้างต่าง ๆ หรือใช้ในงานก่อสร้างท่ีไม่ต้องรับ
บรเิ วณทีพ่ บในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา น�้ำหนักมากและไม่เป็นช้ินส่วนท่ีฝังลงในดิน แปรรูปท�ำ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง ไม้อัดหรือเยื่อกระดาษ ปรับปรุงสภาพดินเลวเนื่องจาก
ผลัดใบ สงู 10–15 เมตร เรือนยอดโปรง่ แผก่ วา้ ง คลา้ ย เปน็ พชื ตระกลู ถวั่ และสามารถปลกู เพอ่ื ใชเ้ ปน็ รม่ เงา เปน็
รูปร่ม เปลือกต้นสีขาวแกมเทา กิ่งอ่อนมีขนหนาแน่น ไม้ประดับ เป็นพชื คลุมดนิ และแนวกันลมไดอ้ ีกด้วย
ตามกิ่งมีหูใบแปลงรูปเป็นหนามแหลมแข็งและยาว ใบ
ประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบ บันทึกนักสังเกต ใบอ่อน ยอดอ่อน มีการเปลี่ยนสี
ขนาน ปลายมน โคนเบ้ียว แผ่นใบมขี นทั้ง 2 ด้าน ดอก จากแดงอมส้ม ค่อย ๆ เปล่ียนเป็นสีเขียวในช่วงต้นฤดู
เป็นช่อกลมคล้ายช่อดอกกระถิน ขนาดเล็กสีขาว ออก หนาว สงั เกตการเปลีย่ นสีเพอ่ื บอกฤดกู าลได้
ตามงา่ มใบ 1-4 ชอ่ กลน่ิ หอมออ่ นๆ ผล เปน็ ฝกั แบนแคบ
รปู ขอบขนาน ฝกั แก่สนี ำ�้ ตาล โค้งงอ เมลด็ รปู ไข่ มีหลาย
เมลด็
ประโยชนข์ องพมิ าน
1. ด้านอาหาร ใบอ่อน ยอดอ่อน รับประทาน
เปน็ ผักสดกบั นำ้� พรกิ ลาบ รวมกบั ผกั อืน่ ๆ
2. ดา้ นสมนุ ไพร ราก แก้พษิ สัตว์กดั ต่อย เห็ดท่ี
เกดิ ขน้ึ จากไมก้ ระถนิ พมิ าน เรยี กวา่ เหด็ กระถนิ วมิ าน แก้
ปวดฝีในหู แก้เริม งูสวัด ผสมกับตัวยาอ่ืน แก้ไข้พิษ
ไขก้ าฬ ฝนกนั น�้ำปนู ใสหรือเหลา้ ขาวใช้หยอดหู แก้ปวด
ฝใี นหู บาดแผลเนา่ เปอ่ื ย นำ้� เหลอื งเสยี แกเ้ รมิ งสู วดั แผล
เร้ือรงั ไฟลามทุ่ง คนไทยใชใ้ บวา่ นมหากาฬ ใบพญายอ
ใบต�ำลึง เห็ดกระถินพิมาน ใบน้�ำเต้า หรือใบไม้ที่มี
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 86
พืชพรรณ ไมส้ รา้ งทีอ่ ยอู่ าศยั และไมใ้ ช้สอย
มะเกลอื
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Diospyros mollis Griff.
ชื่อวงศ์ EBENACEAE
ชื่ออื่น มักเกลือ ผเี ผา
นิเวศนวสิ ยั ข้ึนตามปา่ เบญจพรรณแลง้ ท่ัวไป ทค่ี วามสูง ได้หลายชนิด เช่น พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวกลม พยาธิ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 87
5-500 เมตร จากระดับน�้ำทะเล ออกดอก ระหวา่ งเดือน ตวั ตืด พยาธิปากขอ แต่ควรเลือกใช้ลูกมะเกลอื สด ผลสี
มกราคมถึงเดือนกันยายน ติดผลระหว่างพฤษภาคม เขียวเท่านั้น ไม่ควรรับประทานผลมะเกลือสุก หรือผล
ถงึ เดือนธนั วาคม มะเกลือสีด�ำในการถ่ายพยาธิโดยเด็ดขาด เพราะมีพิษ
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสมี า อันตราย อาจท�ำใหต้ าบอดได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 8-15
เมตร เรอื นยอดเป็นพุม่ กลม กิง่ อ่อนมขี นนมุ่ เปลือกนอก
สดี ำ� แตกเปน็ สะเกด็ เลก็ ตามยาว ใบเดย่ี วเรยี งสลบั รปู ไข่
หรอื แกมขอบขนาน ปลายใบสอบ เมอื่ แหง้ เปน็ สดี ำ� ดอก
ตา่ งเพศอยู่ตา่ งต้น ดอกเพศผอู้ อกเปน็ ชอ่ ส้ัน ๆ ตามงา่ ม
ใบ โคนกลีบเลีย้ งเชือ่ มติดกนั ปลายแยกเป็นสี่แฉก โคน
เชื่อมตดิ กันเป็นรูปเหยอื กน้�ำ ปลายแยกเป็นสีแ่ ฉก เกสร
ตัวผู้ 14-24 อัน ดอกเพศเมีย ออกดอกเด่ียว มีขนนุ่ม
ปกคลมุ เกสรผเู้ ทยี ม 8-10 อนั ผล กลม เกลีย้ ง ขนาด
2-3 เซนตเิ มตร มีกลบี เล้ยี งตดิ อยทู่ ี่ข้วั ผล ผลแก่จัดสดี �ำ
เมอ่ื แห้ง เปลือกเปราะ
ประโยชน์ของมะเกลอื
1. ดา้ นใชส้ อย เนอ้ื ไม้เปน็ มนั สเี ขม้ นยิ มใชท้ ำ� ไม้
ถือกบไสไม้และเครื่องตกแต่งบ้าน เปลือกต้นใช้ผสม
เครื่องด่ืมพ้ืนเมืองเพ่ือกันบูด ผล ใช้ย้อมผ้า เครื่องมือ
ประมง
2. ดา้ นสมนุ ไพร ผล ใชเ้ ป็นยาถ่ายพยาธิ ถอื ว่า
เปน็ สรรพคุณในด้านการแพทย์ท่ีโดดเดน่ มาก ถา่ ยพยาธิ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 88
พชื พรรณ ไมส้ รา้ งท่ีอยูอ่ าศัยและไมใ้ ช้สอย
มะค่าแต้
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Sindora siamensis Teijsm. ex Miq.
ชอ่ื วงศ์ FABACEAE
ชื่ออน่ื มะค่าหนาม มะคา่ หยมุ
นิเวศนวิสัย ขึ้นกระจัดกระจายในปา่ เตง็ รัง ปา่ ชายหาด กับเมล็ดมะขาม มรี สมัน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 89
ท่ัว ๆ ไป ป่าเบญจพรรณแล้งสามารถข้ึนได้ดีบนพ้ืนท่ี 2. ด้านใช้สอย เนื้อไม้สีน�้ำตาลอ่อนหรือน�้ำตาล
ท่ีเส่ือมโทรม ค่อนข้างแห้งแล้ง ออกดอก มีนาคม- แก่ ค่อนขา้ งหยาบ แขง็ แรง ทนทาน ทนมอดปลวกได้ดี
พฤษภาคม ผลแก่ กรกฎาคม–กันยายน พบคร้ังแรกที่ แตไ่ สกบตบแตง่ ยาก ใชก้ อ่ สรา้ งและเครอื่ งมอื การเกษตร
จังหวัดราชบุรี โดย J.E. Teijsmann ชื่อสปีชีส์ตั้งเป็น ไถ คราด และสว่ นประกอบเกวยี น ฝักและเปลอื ก ให้น�้ำ
เกียรตแิ กป่ ระเทศไทย ฝาดสำ� หรับฟอกหนัง ใบใชแ้ ทนช้อนในการตกั อาหารทม่ี ี
นำ�้ แกงได้
บรเิ วณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอขามทะเลสอ อ�ำเภอ 3. ด้านสมุนไพร เปลือกน�ำมาแช่น�้ำให้ได้น้�ำ
เมอื งนครราชสีมา และอ�ำเภอเฉลมิ พระเกียรติ
สนี ำ�้ ตาลแดง ใชแ้ ชแ่ ผลจากการคลอดบตุ รใหส้ มานตวั เรว็
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู 10-25 เมตร ไม่ติดเชื้อ
เปลือกเรยี บสีเทาคล้ำ� กงิ่ ออ่ นมีขนคลมุ บาง ๆ เรอื นยอด
แผ่ทรงเจดยี ์ต่ำ� ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยเรยี งตรง บันทึกนักสังเกต มะค่าแต้ท่ีมีอายุหลายปี เปลือกมี
ข้าม 3-4 คู่ ใบยอ่ ยรูปรี กวา้ ง 3-8 เซนตเิ มตร ยาว 6-15 ลกั ษณะแตกตา่ งกนั ทร่ี ะดบั ความสงู นอ้ ยกวา่ 1.30 เมตร
เซนตเิ มตร ปลายใบกลมหยกั เวา้ ตนื้ ๆ ตรงกลางเลก็ นอ้ ย เปลือกจะแตกเป็นสะเก็ด ส่วนเปลือกที่ระดับความสูง
และโคนใบแหลมหรอื มน ดอก ขนาดเลก็ สเี หลอื ง ออก มากกว่า 1.30 เมตร มลี ักษณะเรยี บสีเทาคล้ำ�
รวมกันเป็นช่อตามปลายก่ิง ผล เป็นรูปโล่ ขนาด 4-9
เซนตเิ มตร มจี งอยแหลมทป่ี ลาย ผวิ ฝกั มหี นามแหลมแขง็
แตกเม่ือแห้ง แต่ละฝักมเี มล็ด 1-3 เมล็ด
ในภาคอสี านของไทยมีมะคา่ แตส้ องสายพันธค์ุ อื
แตโ้ หลน ฝกั แบบรปู ไข่ ไมม่ หี นาม และแตห้ นาม ฝกั แบน
รูปไข่ มีหนาม
ประโยชนข์ องมะคา่ แต้ ลักษณะของเปลอื ก ที่ ลักษณะของเปลือก ท่ี
1. ด้านอาหาร เมล็ดแก่ น�ำมาเผาไฟแล้ว ต่�ำกว่า 1.30 เมตร สงู กวา่ 1.30 เมตร
กะเทาะเปลือก เอาแต่เนื้อข้างในมารับประทาน คล้าย
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 90
พืชพรรณ ไมส้ รา้ งที่อยู่อาศัยและไม้ใช้สอย
มะค่าโมง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Afzelia xylocarpa (Kurz) Craib
ช่อื วงศ์ FABACEAE
ชอื่ อ่นื มะค่าใหญ่ มะค่าหลวง
นเิ วศนวิสัย พบตามป่าดบิ แล้ง แนวเชอ่ื มตอ่ ระหว่างปา่ ประโยชนข์ องมะคา่ โมง พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 91
เต็งรังและป่าดิบแล้ง ริมล�ำธารในป่าเบญจพรรณ 1. ดา้ นใช้สอย มะค่าโมงเปน็ ไมเ้ นื้อแข็ง เนื้อไม้มี
ออกดอกราวเดอื นกมุ ภาพนั ธถ์ งึ เมษายน ตดิ ผลราวเดอื น ลวดลายสวยงาม สีน้ำ� ตาลอมแดง นิยมใชแ้ ปรรปู เปน็ ไม้
มถิ ุนายนถึงสิงหาคม จัดเป็นไม้เดน่ 1 ใน 5 ทพ่ี บในป่า แผ่นปูพื้น วงกบ เสาบ้านและไม้ชายคาส�ำหรับก่อสร้าง
เบญจพรรณ บา้ น เฟอรน์ ิเจอรต์ า่ ง ๆ เปลือกมีน�้ำฝาด นยิ มใชส้ �ำหรบั
ฟอกหนงั
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีค้ิว และอ�ำเภอ 2. ด้านอาหาร ฝักอ่อนน�ำเน้ือเมล็ดมาต้ม
สงู เนนิ
รับประทาน ทั้งรับประทานเป็นของคบเค้ียว และ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ ผลดั ใบ รบั ประทานค่กู บั อาหารอน่ื ๆ เมล็ดแก่นำ� มาเผาไฟ หรือ
ช่วงสั้น ๆ สูงได้ถึง 30 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้าง คัว่ รบั ประมาณ เนอื้ เมลด็ ใหร้ สมนั
เปลอื กต้นสีเทาอ่อน หรือสชี มพอู มนำ้� ตาล ผิวตน้ ขรุขระ
กง่ิ ออ่ นมขี นประปราย ตน้ แกม่ กั มปี มุ่ ปม เนอ้ื ไมม้ ลี วดลาย
สวยงามสีน�้ำตาลอมเหลือง ใบประกอบแบบขนนกชั้น
เดียว ปลายใบคู่ ใบยอ่ ยมี 3-5 คู่ รูปไข่แกมขอบขนาน
ปลายใบแหลมมตี ิ่งส้นั ๆ โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผน่ ใบ
คอ่ นข้างหนา เรยี บเกลย้ี ง ดอกเปน็ ชอ่ แบบช่อแยกแขนง
ออกตามปลายก่ิงหรือซอกใบ ทุกส่วนมีขนคลุมบาง ๆ
ดอกคล้ายดอกถั่ว ผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนาน ผิว
เปลือกเรยี บไม่มหี นาม เปลอื กแข็งหนาเป็นเนื้อไม้ ปลาย
เป็นจงอยสนั้ ๆ ฝักแกส่ นี ้ำ� ตาลเข้มเกือบด�ำ พอแหง้ แตก
ออกเปน็ 2 ซกี เมล็ดแขง็ มี 2-4 เมล็ด สดี �ำ ผวิ มัน มเี นอ้ื
หมุ้ ท่โี คนเมลด็ สีเหลอื งสด หุ้มเป็นรูปถ้วย ยาวประมาณ
1.5 เซนตเิ มตร
สถานะการอนรุ กั ษ์ ถกู คกุ คาม ใกลส้ ญู พนั ธ์ุ (IUCN 2.3)
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 92
พืชพรรณ ไม้สรา้ งทอ่ี ยอู่ าศัยและไม้ใช้สอย
ย่านลเิ ภา
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Lygodium polystachyum Wall.ex
Moore
ชื่อวงศ์ LYGODIACEAE
ชือ่ อ่นื เฟิร์นตีนมงั กร หมอยยายชี ตีนตะขาบ กระฉอก
กูดเครอื
นิเวศนวสิ ยั เจรญิ เตบิ โตไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แสงแดด เหงา้ ล�ำต้น ทง้ั ตน้ ตม้ นำ�้ ด่มื แกอ้ าการเจบ็ คอ เสยี งแหบ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 93
ร�ำไร พบตามป่าทว่ั ไป ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดบิ ปา่ เต็ง ขบั เสมหะ แก้อาการรอ้ นใน ใบอ่อน (ชนดิ Lygodium
รัง ป่าผลัดใบ ป่าผลัดใบผสมทั่วทุกภาคของประเทศ circinatum (Burm. F.) Sw. เข้าใจวา่ ใช้ไดท้ ้ังสองชนดิ )
ขยายพนั ธโุ์ ดยใชส้ ปอรแ์ ละวธิ กี ารปักชำ� แช่บีบเอาน�้ำออกมาใช้เป็นยาหยอดตาแก้ตาเจ็บ หรือ
นยั นต์ าเปน็ แผล ทงั้ ตน้ แกพ้ ษิ ฝภี ายใน ฝภี ายนอก ทงั้ ตน้
บริเวณทพี่ บในเขตอุทยาน อำ� เภอสคี ิว้ และอำ� เภอเมอื ง รวมรากและเหงา้ ตม้ นำ้� ดม่ื ขบั ปสั สาวะ รกั ษาโรคทางเดนิ
นครราชสีมา ปัสสาวะ น่ิวในไต เลือดตกใน แก้เลือดพิการ แก้ระดู
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นเฟิร์นทอดเลื้อย ยาวได้ มากะปรบิ กะปรอย
หลายเมตร ลำ� ตน้ เปน็ เหงา้ สนั้ มขี นสนี ำ้� ตาลเขม้ เสน้ ผา่ น
ศนู ยก์ ลาง 3-6 มลิ ลเิ มตร ไมม่ เี กลด็ ลำ� ตน้ เมอ่ื แกส่ ดี ำ� และ
เป็นมนั ใบประกอบแบบขนนกสองชน้ั แผ่นใบเปน็ รูปใบ
หอก ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ส่วน
ขอบใบหยกั เวา้ เปน็ ฟนั ปลา หลงั ใบเกลยี้ ง ทอ้ งใบมขี นขน้ึ
ประปรายตามเสน้ ใบ ใบยอ่ ยสร้างสปอร์ แอนนลู สั เปน็
เซลลเ์ พยี งแถวเดยี ว เรยี งตวั ในแนวขวางและอยตู่ รงยอด
ของอับสปอร์ เย่ือคลุมกลุ่มอับสปอร์เทียมจะมีลักษณะ
เป็นถุงเรยี งซ้อนกนั และมีขนใส
ประโยชนข์ องลิเภา
1. ด้านใช้สอย ล�ำต้นหรือเถาเป็นวัสดุส�ำคัญ
ส�ำหรบั งานจกั สานเปน็ เครอ่ื งใชต้ ่าง ๆ ได้มากมายหลาย กระเปา๋ ย่านลเิ ภา
ชนิด เช่น กระเป๋าย่านลิเภา เชียนหมาก พาน
กระเป๋าหมาก เปน็ ตน้
2. ด้านสมุนไพร รากต้มดื่มเป็นยาแก้ปัสสาวะ
แดง ปสั สาวะเหลอื ง รกั ษาโรครดิ สดี วงทวารและนว่ิ ราก
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 94
พืชพรรณ ไม้สร้างทีอ่ ย่อู าศัยและไมใ้ ชส้ อย
หนามแทง่
ชื่อวิทยาศาสตร์ Catunaregam spathulifolia
Tirveng.
ช่อื วงศ์ RUBIACEAE
ช่อื อ่ืน หนามเคลด็ เคลด็ ทุ่ง
นเิ วศนวิสัย พบต้ังแต่ปา่ ผลัดใบ ปา่ เบญจพรรณแล้ง ปา่ ดูดสารพิษจากอาหาร พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 95
เต็งรัง ชอบดินปนทรายหนามแท่ง มีอยู่สองชนิด คือ ทางเภสชั วิทยา สถาบันวิจยั วลัยรุกขเวช อา้ งถึง
หนามแท่งด�ำ กับ หนามแท่งขาว หนามแท่งด�ำ ปลาย ในโตะ๊ ขา่ วเกษตร คมชดั ลึก, 2559: ออนไลน์ ได้ศกึ ษา
หนามจะมสี ดี ำ� หนามแทง่ ขาวปลายหนามจะมสี ขี าว หรอื การสกดั ดว้ ย 50% แอลกอฮอล์ จากลำ� ตน้ หนามแทง่ พบ
แดง หมอยานยิ มใชห้ นามแทง่ ดำ� วา่ มสี ารกลมุ่ แทนนนิ และคารด์ แิ อคไกลโคไซด์ มปี รมิ าณ
total phenolics = 114.29 มก./มล. มีฤทธใิ์ นการต้าน
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน และอ�ำเภอ อนุมูลอิสระ (EC50 = 152.30 มก./มล.) ไม่มีฤทธ์ิก่อ
เฉลมิ พระเกียรติ กลายพันธุ์ แต่มีฤทธ์ิต้านการกลายพันธุ์ในภาวะท่ีมีการ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ มุ่ ขนาดยอ่ ม ลำ� ต้น และ ท�ำงานของเอนไซม์ร่วมด้วย ไม่มีฤทธ์ิในการกระตุ้นภูมิ
กง่ิ กา้ นทรงกระบอก เปลอื กสีน้�ำตาล แตกกง่ิ เกอื บขนาน คุ้มกันโดยตรง แต่สามารถเสริมการกระตุ้นการเพ่ิม
กบั พนื้ ตามกง่ิ กา้ นและลำ� ตน้ มหี นามแหลมยาว ออกเปน็
ค่ตู รงขา้ มกนั ใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปไข่กลับ ปลายมน
ฐานใบสอบแหลม ขอบใบเรยี บ ผิวใบดา้ นล่างมขี นสีเทา
นวล มีหูใบอย่รู ะหวา่ งกา้ นใบ มีขนออ่ นปกคลุมตลอดใบ
ดอกเดยี่ วออกตามซอกใบ กลีบเลีย้ ง 5 กลบี กลบี ดอก 5
กลีบ สีเหลืองปนขาว เกสรเพศผู้มี 8 อนั ผล รูปไขม่ ีขน
สนี ำ�้ ตาลปกคลมุ เมอ่ื ตน้ สงู ราว 2 เมตร จะมลี กั ษณะยอด
บดิ คดไปมา คลา้ ยใบบอนไซ พุ่มยอดรูปปลายตัด
จำ� นวนของเซลลภ์ มู คิ มุ้ กนั ชนดิ ทเี ซลล์ มฤี ทธต์ิ า้ นเชอ้ื ไวรสั
ซง่ึ เปน็ สาเหตขุ องโรคเรมิ Herpes simplex virus type
ประโยชนข์ องหนามแท่ง
1. ดา้ นสมุนไพร ท้ังตน้ รกั ษาโรคเบาหวาน แก้ 1 (IC50 = 112.32 มก./มล.) มฤี ทธฆ์ิ า่ เซลลม์ ะเรง็ ตบั ปาน
โรคมะเรง็ เช่น มะเรง็ ตับ มะเรง็ ในกระดูก แกว้ ัณโรค กลาง (IC50 = 316.7±34 มก./มล.) โดยพบว่าสามารถ
2. ดา้ นใชส้ อย ผลแก่ นำ� มาทบุ พอแหลกใชซ้ กั ผา้ ชกั นำ� การตายของเซลลม์ ะเร็งตับแบบอะพอพโทซสิ เม่อื
ทำ� ความสะอาดร่างกายและสระผมได้ น้�ำแชผ่ ล ใช้เบื่อ เซลล์ได้รับสารสกดั นาน 1 วัน
ปลา คนอสี านนยิ มนำ� กง่ิ มาทำ� สาก (ไมต้ พี รกิ ) เชอื่ วา่ ชว่ ย
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 96
พชื พรรณ ไมส้ ร้างทอ่ี ยอู่ าศยั และไม้ใช้สอย
หม่หี มีเหมน็
ชื่อวิทยาศาสตร์ Litsea glutinosa (Lour.) C. B. Rob
ชอ่ื วงศ์ LAURACEAE
ชอ่ื อื่น ตังสีไพร ดอกจุม๋ ไม้หม่ี
นเิ วศนวสิ ัย พบขึ้นตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดิบแล้ง และ เหา สระผม ในทางเคร่ืองส�ำอางใช้เป็นสารเคลือบผิว พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 97
ป่าดงดิบ ออกดอกราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม และผม ปกปอ้ งและใหค้ วามชมุ่ ชน้ื แกผ่ วิ และผม สารเพม่ิ
ขยายพันธโุ์ ดยใช้เมล็ด ความหนืดให้กับผลิตภัณฑ์เครื่องส�ำอาง ดอก ตากแห้ง
อบน้�ำหอม ประดษิ ฐเ์ ปน็ ของชำ� ร่วย เปลือกใช้ยอ้ มสีผา้
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน และอ�ำเภอ ย้อมแหให้ติดสี ผงจากเปลือกใช้ท�ำธูปจุดไล่แมลง ยาง
เมืองนครราชสมี า ของตน้ ใชท้ าเครอื่ งจกั สานดกั แมลงตวั เลก็ เนอ้ื ไมก้ อ่ สรา้ ง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 5-15 บา้ นเรอื น เฟอรน์ เิ จอร์ หรอื ทำ� ฟืน
เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกต้นสีน�้ำตาล 3. ด้านสมุนไพร ราก เป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง แก้ไข้
ล�ำต้นแก่แตกเป็นร่องต้ืน ๆ ตามยาว กิ่งอ่อน และ ออกฝีเครือ แก้ลมเป็นก้อนในท้อง แก้อาการท้องอืด
ยอดอ่อนมีขนละเอียด ใบเด่ียวออกเรียงสลับ เป็นกลุ่ม ท้องร่วง เปลือกต้มน�้ำด่ืมแก้ปวดมดลูก แก้บิด แก้ท้อง
หนาแน่นท่ีปลายกิ่ง ใบรูปรี แกมขอบขนาน รูปไข่กลับ เสยี แกผ้ น่ื คนั แสบรอ้ น อมแก้ปวดฟนั ปากเหมน็ ใบ ขยี้
หรอื คอ่ นขา้ งกลม ปลายใบมนหรอื เรยี วแหลม โคนใบมน ทาแก้พิษแมงมุม ขับปัสสาวะ แก้ริดสีดวงแตก รักษา
หรอื สอบเปน็ ครบี ขอบใบเรยี บหรอื เปน็ คลน่ื เลก็ นอ้ ย หลงั กลากเกล้ือน กระตุน้ ความร้สู กึ ทางเพศ รากและเปลอื ก
ใบเกลย้ี ง สเี ขยี วเขม้ เปน็ มนั ทอ้ งใบมขี น กลน่ิ หอมเฉพาะ ตน้ เปน็ ยาฝาดสมาน ฝนทาแกพ้ ษิ จากแมลง
ตัว ตามก้านใบมีขน ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น เป็นช่อ 4. ด้านประเพณีและความเช่ือ บางท้องถ่ินจะ
แบบซร่ี ม่ ตามซอกใบและปลายกงิ่ ดอกยอ่ ยเปน็ สเี หลอื ง ใชใ้ บนำ� มาหอ่ ขา้ วตม้ ประกอบในพธิ บี ายศรสี ขู่ วญั ใช้แกน่
ไมม่ กี ลบี ผล รปู ทรงกลม มกี ลน่ิ เหมน็ ผวิ ผลเรยี บเปน็ มนั ท�ำช่อฟ้าอุโบสถ ใช้ใบไล่ผี เวลาเดินทางไกลจะน�ำใบมา
ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุก เปลี่ยนสีม่วงเข้มเกือบด�ำ เหน็บบ้ันเอวไว้ โดยเช่ือว่าจะท�ำให้หายจากอาการจุก
ภายในผลมเี มลด็ 1 เมลด็ เมลด็ แขง็ ชอ่ หนงึ่ มผี ลประมาณ เสยี ด เชอ่ื วา่ คนทอ้ งทส่ี ระผมดว้ ยใบหมกี่ บั นำ�้ ซาวขา้ วแลว้
3-5 ผล จะชว่ ยใหค้ ลอดบตุ รไดง้ า่ ยข้นึ
ประโยชนข์ องหมีเหม็น
1. ดา้ นอาหาร ผลสกุ ใช้รบั ประทาน
2. ด้านใช้สอย ใบ บ่มกล้วยให้สุกเร็ว ปิดปาก
ไหปลาร้ากนั หนอน ยอ้ มผา้ ให้สีเขียว พอกศีรษะเพือ่ ฆา่
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 98
พชื พรรณไม้ดอก ไม้ประดบั พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 99
พชื พรรณไม้ดอก ไมป้ ระดับ