พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 100
พชื พรรณไม้ดอก ไม้ประดับ
กนั ภยั
ชือ่ วิทยาศาสตร์ Afgekia sericea Craib
ช่อื วงศ์ FABACEAE (PAPILIONOIDEAE)
ชอ่ื อื่น ถ่ัวแปบชา้ ง กันภัยใบขน
นเิ วศนวสิ ยั ขนึ้ ทวั่ ไปตามป่าเต็งรงั และตามปา่ ดบิ แล้ง ท่ี ไมป้ ระดบั ทวั่ ไปตามบา้ นเรอื นและตามสวนทว่ั ไป ในดา้ น พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 101
ระดับความสูงจนถึงประมาณ 300 เมตร เจริญเติบโตได้ ของความเช่ือ ถั่วแปบช้างถือเป็นไม้มงคลท่ีมีอิทธิฤทธ์ิ
ดีในดินร่วนซุยและปนทราย ชอบความชื้นปานกลาง สมช่ือว่า “กนั ภัย”
แสงแดดจดั หรอื กลางแจง้ มถี นิ่ กำ� เนดิ ในประเทศไทย พบ 2. ดา้ นสมนุ ไพร เมล็ด กินบำ� รุงไขมัน และเส้น
ได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ไม่พบบนภูเขาสูงท่ีมีอากาศ เอ็น รากรกั ษาอสี กุ อีใส และซาง โดยตม้ รวมกบั เปลือก
หนาวเยน็ จดั ต้นมะกอกเหล่ียม เปลือกต้นยางนาและเปลือกต้น
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน และอ�ำเภอ หนามทัน
เมืองนครราชสีมา
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เถาเลอ้ื ย เปน็ พมุ่ แนน่ มกั
เลื้อยคลุมยอดหญ้า ทุกส่วนของต้นมีขนสีขาวนุ่ม ใบ
ประกอบแบบขนนกปลายใบเดี่ยว รูปมนแกมรูปขอบ
ขนาน โคนใบมนแล้วค่อย ๆ สอบเรียวเล็กน้อยไปทาง
ปลายใบ ปลายใบแหลมทู่ หลังใบสีเขียวมีขนสั้นๆ
ประปราย ท้องใบมีขนละเอียด โคนก้านช่อและก้านใบ
ยอ่ ย จะมีหใู บเรียวแหลมเล็ก ๆ หน่ึงคู่ ดอกคลา้ ยดอกถัว่
ออกเป็นช่อยาวที่ปลายกิ่ง แต่ละดอกอัดกันแน่นเป็น
กระจุก ดอกหนึ่งจะมีสี 3 สี คือหลังกลีบบน สีขาว ๆ
เหลอื ง ๆ กลีบในสองกลบี สีขาว กลบี ล่างสองกลีบสชี มพู
มว่ ง ปลดี อกสมี ว่ ง ผลเปน็ ฝกั รปู ขอบขนาน หนา มขี นนมุ่
สีน�้ำตาลปกคลุม เมื่อแก่แตกอ้าออกตามรอยประสาน
เมลด็ 2-3 เมลด็ รูปไข่ มีลาย
ประโยชน์ของกนั ภัย
1. ด้านใช้สอยและความเชื่อ น�ำมาปลูกเป็น
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 102
พชื พรรณไมด้ อก ไมป้ ระดับ
ชงโค
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Bauhinia purpurea L.
ชอ่ื วงศ์ FABACEAE วงศ์ย่อย CAESALPINIOIDEAE
ชอ่ื อน่ื เสย้ี วดอกแดง
นเิ วศนวสิ ยั ถน่ิ กำ� เนดิ ทางตอนใตข้ องประเทศจนี รวมไป ชงโคฮอลแลนด์หรือชงโคออสเตรเลีย เป็นลูกผสม พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 103
ถงึ ฮอ่ งกงและทางเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยเปน็ ตน้ ไม้ ระหว่าง “ชงโค” กับ “เสี้ยว” เป็นช่ือที่ต้ังมาใช้ในทาง
ท่ีผลัดใบในช่วงฤดูหนาว (ปลายปี) ผลิใบในช่วงเดือน การคา้ เพอื่ เพม่ิ ความนา่ สนใจ ชว่ ยทำ� ใหซ้ อื้ งา่ ยขายคลอ่ ง
เมษายนถึงพฤษภาคม เปน็ ตน้ ไม้ท่ชี อบแสงแดด และไม่ได้เป็นพันธุ์ไม้ที่มาจากประเทศฮอลแลนด์ หรือ
ออสเตรเลยี หรอื มคี วามเกยี่ วขอ้ งกนั แตอ่ ยา่ งใด โดยจะมี
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีค้ิว และอ�ำเภอ ความแตกตา่ งกบั ชงโคทวั่ ไป ทข่ี นาดดอกทใี่ หญก่ วา่ กลบี
สูงเนิน ดอกใหญ่ และสีทสี่ ดใสกวา่ เล็กน้อย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นสูง 5-15 เมตร กิ่งอ่อน ประโยชน์ของชงโค
มขี นปกคลมุ ใบเด่ยี วคล้ายรูปหวั ใจ ปลายของใบเว้าลกึ 1. ด้านสมุนไพร ใบต้มดื่มรักษาอาการไอ ขับ
มาก ปลายใบท้ังสองด้านกลมมนดูคล้ายใบแฝดติดกัน
(คล้าย ๆ กบั ใบกาหลง) ดอกจะมกี ลน่ิ หอมออ่ น ๆ ออก ปัสสาวะ พอกฝีและแผล ดอก แก้พิษไข้ร้อนจากเลือด
เปน็ ช่อตามปลายกงิ่ แต่ละดอกมีกลีบ 5 กลบี กลบี ดอก และน้�ำดี เป็นยาระบาย เปลือกต้นแก้อาการท้องเสีย
จะมสี ชี มพถู งึ สมี ว่ งแดง คลา้ ยกบั ดอกกลว้ ยไม้ มเี กสรตวั ผู้ ทอ้ งรว่ งบิด ราก ขับลมในกระเพาะ
เปน็ เสน้ ยาว 5 เส้น ยนื่ ออกไปดา้ นหน้า โคง้ ขน้ึ ดา้ นบน
และมีเกสรตัวเมียอยู่ตรงกลาง1 เส้น ยาวกว่าเกสรตัวผู้ 2. ดา้ นใชส้ อย ปลกู ไว้เป็นไมด้ อกไม้ประดบั บา้ น
และสวน เพือ่ ความสวยงาม ให้กล่นิ หอม
ผลเปน็ ฝกั แบนคล้ายฝักถัว่ เมลด็ ในฝักคอ่ นขา้ งแบน
ความรู้เกี่ยวกับชงโค ช่ือของชงโคมาจากใบชงโค
มลี กั ษณะเปน็ ใบแฝดตดิ กนั คลา้ ยรอยเทา้ ววั ตน้ ชงโค จดั
เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งส�ำหรับชาวฮินดู ถือว่าเป็นต้นไม้
ของสวรรคท์ อี่ ยใู่ นเทวโลก และยงั นบั ถอื วา่ เปน็ ตน้ ไมข้ อง
พระลักษมี (พระชายาของพระนารายณ์) จึงควรค่าแก่
การเคารพบูชาและปลูกไว้ในบริเวณบ้านหรือสถานท่ี
ศกั ด์ิสทิ ธิ์ในฐานะตน้ ไม้ประดบั
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 104
พชื พรรณไมด้ อก ไมป้ ระดบั พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 105
ทองพันดุล
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Decaschistia crotonifolia Wight
& Arn.
ชื่อวงศ์ MALVACEAE
ชอ่ื อนื่ ไก่โอก ไกอ่ ู
นเิ วศนวสิ ยั ขน้ึ เปน็ กอเตยี้ ๆ ในทโ่ี ลง่ ตามทงุ่ หญา้ ดนิ รว่ น
ปนทราย ในปา่ เตง็ รัง ป่าเบญจพรรณ และปา่ ละเมาะ ท่ี
ระดับความสูง 50-300 เมตร ออกดอกและผล เดือน
พฤษภาคม-ธันวาคม
บริเวณทพี่ บในเขตอทุ ยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ มุ่ ขนาดเล็ก สงู 30-100
เซนติเมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก
กวา้ ง 2-3 เซนตเิ มตร. ยาว 7-10 เซนติเมตร. ดอกเด่ียว
ออกทปี่ ลายกง่ิ และซอกใบ ลกั ษณะคลา้ ยดอกชบา ขนาด
4-8 เซนตเิ มตร มหี ลายสีตัง้ แตช่ มพู สม้ แกมชมพู แดง
แกมชมพู จนซดี เกอื บขาว โคนกลบี ดอกสขี าว หลอดเกสร
ยาว 3-5 เซนติเมตร. ผล แหง้ แตกได้ รปู ร่างคอ่ นข้าง
กลม มขี นสนี ้�ำตาล
ประโยชนข์ องทองพันดลุ
1. ดา้ นสมนุ ไพร ทง้ั ตน้ ใชท้ บุ แลว้ พอกขาของหมู
แก้อาการเคล็ด หรือนำ� รากมาทุบประคบแผลฟกชำ้� ให้
ไก่ชน รากสด ใช้บดพอกเป็นยาแก้เคล็ดฟกช�้ำในสัตว์
เหง้าใต้ดิน (หัว) กินแกก้ ระหายน้�ำ เป็นยาเยน็
2. ด้านใชส้ อย นำ� ไปปลูกเปน็ ไมป้ ระดับ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 106
พชื พรรณไมด้ อก ไม้ประดบั
พนมสวรรค์
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Clerodendrum aniculatum L.
ชอ่ื วงศ์ LAMIACEAE
ชอ่ื อน่ื พวงพีแดง ฉตั รฟา้
นเิ วศนวสิ ยั พบตามปา่ เตง็ รงั ออกดอกชว่ งเดอื นมกราคม ท้ังห้า” (นมววั นมควาย นมราชสหี ์ นมสวรรค์ และนม พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 107
ถงึ เมษายน ผลจากการสำ� รวจปา่ เขาจนั ทน์งาม อ�ำเภอ น้อย) ใชบ้ �ำรุงนำ�้ นมสตรีหลงั คลอด
สีควิ้ ออกดอกชว่ งสิงหาคม 2. ดา้ นใชส้ อย ปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั เนอื่ งจากดอก
พนมสวรรคม์ สี แี ละรปู ทรงทสี่ วยงาม ผลใหส้ มี ว่ งแดง นำ�
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีค้ิว อ�ำเภอสูงเนิน มาเปน็ สียอ้ มผ้า
และอ�ำเภอเฉลิมพระเกยี รติ
3. ด้านอาหาร ยอดอ่อน ใบไม่ออ่ นไมแ่ ก่ น�ำมา
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 เมตร ลำ� ตน้ ใช้ประกอบอาหารได้ เช่น การท�ำแกง มีกลิน่ เหมน็ เขียว
ตรงเปน็ เหลย่ี มและไมม่ กี ง่ิ แตม่ กี า้ นใบซงึ่ จะแตกออกจาก เล็กน้อย หากน�ำมาปรุงอาหารกล่ินจะหายไป ด้วยการ
ลำ� ตน้ โดยตรง เปลอื กตน้ เรยี บ สนี ำ�้ ตาลแกมเขยี ว ใบเดย่ี ว ห่ันเป็นฝอยใส่ลงในกะทิแล้วใช้รองก้นกระทงส�ำหรับ
ออกเรียงตรงข้ามสลับต้ังฉาก ใบรูปไข่กว้างหรือรูปไข่ ห่อหมก แล้วน�ำห่อหมกไปนึ่งให้สุก ใบของพนมสวรรค์
เกือบกลม ขอบใบหยกั เว้าลึกเป็นแฉก 3-7 แฉก ปลาย ก็จะไม่มีกล่ินเหม็นเขียว อีกทั้งยังช่วยให้มีรสชาติหวาน
แฉกจะแหลม ฐานใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเป็นจักคล้าย ชวนนา่ รับประทานยงิ่ ข้ึน
ฟนั เลื่อย ผวิ ใบมขี นและตอ่ มกระจายอยู่ท้ัง 2 ดา้ น หลัง
ใบเรียบมีสีเขียวเข้ม ดอกเล็กท่ีออกเป็นช่อเป็นช้ันคล้าย
ฉัตรจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดดอกขาวจะเรียกว่า “นม
สวรรคต์ ัวผ้”ู ดอกสีแดงเรียกวา่ “นมสวรรคต์ ัวเมีย“ ผล
เมอ่ื สกุ แลว้ จะเปลยี่ นเปน็ สนี ำ้� เงนิ แกมเขยี วหรอื สดี ำ� และ
ในผลมีเมล็ดเดียว มีลักษณะแขง็
ประโยชน์ของพนมสวรรค์
1. ดา้ นสมนุ ไพร ดอก แกพ้ ษิ สตั วก์ ดั ตอ่ ยและพษิ
ที่เกิดจากการติดเช้ือ ตกเลือด ราก ขับลม วัณโรค ไข้
มาลาเรีย อาการไขท้ ีถ่ ่ายเหลว อาเจียนเปน็ เลือด และมี
ผื่นขึ้นที่ผิวหนัง ต้น แก้อักเสบเนื่องจากตะขาบ และ
แมลงป่องตอ่ ย แกพ้ ษิ ฝผี กั บัว พนมสวรรค์ หนึง่ ใน “นม
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 108
พืชพรรณไมด้ อก ไม้ประดับ
มะกล่ำ� ตาหนู
ชื่อวิทยาศาสตร์ Abrus precatorius L.
ชือ่ วงศ์ FABACEAE วงศ์ยอ่ ย Papilionoideae
ชอ่ื อน่ื ตาดำ� ตาแดง กล่ำ� เครือตากลำ�่ กล�่ำตาไก่
นเิ วศนวสิ ยั การกระจายพนั ธต์ุ งั้ แตอ่ นิ เดยี ไปจนถงึ เอเชยี ขับปัสสาวะ ใบใชต้ �ำพอกแก้ปวดบวม อกั เสบ หรอื ต�ำให้ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 109
ตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตได้ดใี นดนิ ทุกประเภท ชอบข้นึ ละเอียดผสมกับน�้ำผึ้งหรอื น�้ำมันพืชก่อนนำ� มาใช้พอก
ตามบรเิ วณทม่ี คี วามชน้ื มักพบขน้ึ ทว่ั ไปตามป่าเปดิ หรือ เมล็ดมะกล่�ำตาหนูมีพิษ ใช้ได้เฉพาะเป็นยาทา
ในท่โี ลง่ ทรี่ กร้าง ปา่ ตามทุ่งนา ป่าเตง็ รงั ภายนอก โดยจะมรี สเผด็ เมาเบอื่ ใหใ้ ชเ้ มลด็ แหง้ นำ� มาบด
ใหล้ ะเอยี ดผสมกบั นำ�้ มนั พชื นำ�้ นำ�้ มนั มะพรา้ ว หรอื เกลอื
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา ใชพ้ อกหรอื ทาแกโ้ รคผวิ หนงั ฆา่ เชอ้ื บรเิ วณผวิ หนงั กลาก
และอ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ เกลอื้ น หดิ ฝมี หี นอง ฆา่ พยาธผิ วิ หนงั และแกอ้ าการบวม
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมเ้ ถาเลอื้ ย มีอายไุ ด้หลายปี อกั เสบ
เถากลมเลก็ เรยี ว และมขี นสขี าวปกคลมุ ใบประกอบแบบ 2. ดา้ นใชส้ อย ดอกมสี สี นั สวยงาม ปลกู รมิ รวั้ เปน็
ขนนกปลายคู่ออกเรียงสลับ ปลายใบและโคนใบมน มี ไมป้ ระดบั หรอื ทำ� คา้ งใหเ้ ล้ือย
หนามขนาดเล็กตดิ อยู่ แผน่ ใบเรยี บ หลังใบมีขนปกคลมุ
ท้องใบมีขนเล็กน้อยและมีหูใบ ดอกเป็นรูปดอกถั่ว
กลีบดอกเป็นสีชมพูแกมสีม่วง ผลเป็นฝัก รูปกระบอก
แกมรูปไข่ ออกเป็นพวง ๆ ปลายฝักแหลมฝักมีขน
สนี ำ�้ ตาล เปลอื กฝกั เหนยี ว ฝกั ออ่ นเปน็ สเี ขยี ว ฝกั แกแ่ ตก
ได้ตามแนวยาว ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 3-6 เมล็ด
เมล็ดเป็นรูปกลมรีสีแดง บริเวณขั้วมีแถบสีด�ำ ผิวเรียบ
เงามนั
ประโยชน์ของมะกลำ�่ ตาหนู
1. ด้านสมุนไพร ใบชงกับน�้ำด่ืมแทนน้�ำชา แก้
อาการรอ้ นในกระหายนำ�้ เจบ็ คอ หลอดลมอกั เสบ ไอ เถา
และรากแก้ตบั อักเสบ ดซี า่ น หืด ร้อนในกระหายน�้ำ ขับ
พิษร้อน หลอดลมอักเสบ คออักเสบ คอบวม คอเจ็บ
เสยี งแหง้ อาเจยี น ขบั เสมหะ รากแกเ้ จบ็ คอ ไอแหง้ สะอกึ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 110
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 111
ืพชพรรณ ส ุมนไพร
พืชพรรณ ส ุมนไพร
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 112
พืชพรรณ สมุนไพร
ขนั ทองพยาบาท
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Suregada multiflora
ชอื่ วงศ์ EUPHORBIACEAE
ช่อื อื่น กระดกู สลอดน้ำ�
นเิ วศนวสิ ัย พบการกระจายท่ัวทกุ ภาค ในป่าดงดบิ ปา่ พูเล็ก ๆ 3 พู ผลอ่อนมเี นอ้ื สเี ขียว ส่วนผลแก่จะมเี นอื้ สี พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 113
เบญจพรรณและป่าเต็งรัง ต้ังแต่ท่ีราบถึงระดับน�้ำทะเล เหลอื งแสด แตกตามรอยประสาน หนงึ่ ผลจะมี 3 เมลด็
ปานกลาง 100-300 เมตร ตามบันทึกหมอยาพื้นบ้าน อยใู่ นแต่ละพขู องผล
และสวนพฤกษศาสตร์ ออกดอกช่วงเดือนมีนาคมถึง
พฤษภาคม ติดผลเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่การ ประโยชน์ของขันทองพยาบาท
ส�ำรวจพบที่ป่าชุมชนโป่งแดง อ�ำเภอขามทะเลสอ 1. ดา้ นใชส้ อย เนอ้ื ไม้ ใชท้ ำ� เครอื่ งมอื ใชส้ อย หรอื
ออกดอกชว่ งเดอื นกันยายน
นำ� มาใชท้ ำ� เครอื่ งจกั สาน ลกั ษณะทรงพมุ่ สวยงาม ใบเปน็
มัน ผลสกุ มีสีเหลืองสดใส ดอกมีกลนิ่ หอม ดา้ นภูมิทัศน์
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอเมือง ใช้ปลูกเปน็ ไมป้ ระดับสวน
นครราชสมี า และอ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ 2. ดา้ นสมนุ ไพร เนอ้ื ไมม้ พี ษิ ทำ� ใหเ้ มา ใชส้ ำ� หรบั
เปน็ ยาเบอ่ื แกก้ ลากเกลอื้ น โรคผวิ หนงั เปลอื กไม้ แกโ้ รค
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ ้นขนาดกลาง สงู 7-13 ตับพกิ าร ปอดพกิ าร อาการลมเป็นพิษ รักษาโรคผวิ หนงั
เมตร ล�ำต้นต้ังตรง เป็นทรงพ่มุ แนน่ ทบึ เรอื นยอดรปู ไข่ กลาก เกล้อื น มีฤทธเ์ิ ป็นยาถ่าย ยาระบาย รักษาเหงอื ก
แตกกิ่งก้านค่อนข้างกลม ก่ิงก้านอ่อนและห้อยลู่ลง อักเสบ บ�ำรุงสุขภาพฟันและเหงือก แก้อาการคันตาม
เปลอื กเรยี บสนี ำ�้ ตาลแกห่ รอื สเี ทา ผวิ บาง มรี อยควน่ั รอบ ผวิ หนัง ถา่ ยน้ำ� เหลอื ง ฆา่ พยาธิ แก้โรคเร้อื น คดุ ทะราด
กิ่งดเู ป็นขอ้ ๆ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รปู ขอบขนานแกมรปู รวมทง้ั รกั ษากามโรค ลำ� ตน้ ใชต้ ม้ กบั น�้ำอาบสำ� หรับสตรี
หอก เนอื้ ใบหนาทึบ เหนียว หลังใบเรยี บลืน่ เป็นมนั ไมม่ ี อยไู่ ฟ
ขนแต่มีต่อมน้�ำมันกระจายอยู่ท่ัวไป ท้องใบเรียบสีอ่อน
กวา่ ฐานใบรูปหวั ใจ ปลายใบเปน็ ต่งิ ยาว ขอบใบจักฟนั
เลื่อย ดอกสเี ขียวอมเหลอื งอ่อน ออกเป็นชอ่ ส้ัน ๆ ตรง
ซอกใบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกอยู่
ต่างตน้ กัน ดอกเพศผมู้ กี ลบี เล้ียง 5 กลีบ ไมม่ ีกลบี ดอก
แต่จะมีเกสรอยู่มาก ดอกเพศเมียมีกลีบเล้ียงหนา รังไข่
เหนือวงกลบี มขี นละเอยี ด รปู ร่างกลมเปน็ พตู ามยาว 3
พู ผลสดแบบมเี นอ้ื ลกั ษณะเกอื บกลม ผวิ เกลยี้ ง แบง่ เปน็
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 114
พืชพรรณ สมนุ ไพร
ขี้เหล็ก
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Cassia siamea หรอื Senna siamea
ช่ือวงศ์ CAESALPINIOIDEAE
ชอ่ื อนื่ ขีเ้ หลก็ หลวง ข้ีเหลก็ ใหญ่
นเิ วศนวสิ ัย พบไดใ้ นท่ีโลง่ แจง้ และรกร้าง มกั น�ำมาปลูก แกโ้ รคลม แกโ้ รคลมเบอื้ งสงู ลดลง แกล้ มอนั กระทำ� ใหเ้ ยน็ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 115
เพ่อื ใชป้ ระโยชน์ ทั่วร่างกาย แก้พยาธิในท้องให้ตก เป็นยาระบาย ฟอก
โลหิตในสตรี ขบั น�้ำคาวปลา ขบั ถ่ายโลหติ เสยี ถอนพษิ
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีคิ้ว อ�ำเภอเมือง ผิดสำ� แดง แกบ้ วม แกไ้ ตพกิ าร ถ่ายเสมหะ แกจ้ กุ เสยี ด
นครราชสีมา อ�ำเภอขามทะเลสอ และอ�ำเภอ คุมกำ� เนดิ แก้เบาหวาน แก้โรคกำ� เดา ใบ แกร้ ะดูขาว
เฉลมิ พระเกยี รติ ขบั ปสั สาวะ แกน้ ว่ิ แกน้ อนไมห่ ลบั เปน็ ยาระบาย แกโ้ รค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง ไม่ เหนบ็ ชา ถ่ายกษัย แก้โรคก�ำเดา ถอนพษิ แก้พยาธิ เจริญ
ผลัดใบ สงู ถงึ 20 เมตร ใบประกอบแบบขนนก ปลาย ไฟธาตุ แก้สะอกึ เจริญอาหาร ลดความดนั โลหติ สูง ถ่าย
ยอดคู่ ใบยอ่ ย 6-12 คู่ รปู มนรี ดอกสเี หลอื งแบบชอ่ ออก พิษไข้ พิษเสมหะ พอกฝีมะม่วง แก้บิด ดอก แก้นอน
ทีป่ ลายกงิ่ ชอ่ ยาว20-30 เซนติเมตร ผลเปน็ ฝกั แบนยาว ไมห่ ลบั แก้โลหิต แก้หืด แก้รงั แค ผายธาตุ ขับพยาธิ เป็น
ขนเกล้ียงเปน็ ร่องมสี คี ลำ้� เมล็ดรปู ไข่ ยาวแบนสีน้�ำตาล ยาระบาย เจริญอาหาร บ�ำรุงประสาท ฝัก แก้พิษไข้
อ่อน เรยี งตวั ตามขวาง เปลือกฝักแก้เส้นเอ็นพิการ ท้ังห้าของสมุนไพร ถ่ายพิษ
ประโยชนข์ องขเี้ หลก็ กษัย ถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะ แก้พิษทั้งปวง บ�ำรุงน้�ำดี
ด้านสมุนไพร รากถ่ายพิษไข้ แก้ไข้กลับซ้�ำ ไข้ ขบั ถา่ ยอจุ จาระ ถ่ายโลหิต ด่างไม้สมุนไพร แก้กษยั แก้
หนาว ๆร้อน ๆ เจริญธาตไุ ฟ แกช้ กั ในเดก็ ผดิ สำ� แดง แก้ นว่ิ ขบั ปสั สาวะ ขบั มตุ กดิ กดั เถาดาน กดั เสมหะ กดั เมอื ก
โรคอนั เกย่ี วกบั ธาตุ แก้เหน็บชา บำ� รุงธาตุ ต้นรักษาโรค มันในล�ำไส้ ถา่ ยเส้นเอน็ ให้หยอ่ น ยอดแกโ้ รคเบาหวาน
ผวิ หนงั เปน็ ยาระบาย เปลอื กแกร้ ดิ สดี วง แกก้ ษยั แกพ้ ษิ
ไข้ พิษเสมหะ ท�ำให้เส้นเอ็นหย่อน กระพี้ แก้ร้อน
กระสับกระส่าย แก้โลหิตอันท�ำให้ระส่�ำระสาย ขับถ่าย
โลหติ เสยี แกก้ ษยั แกเ้ สน้ เอน็ พกิ าร แกไ้ ข้ บำ� รงุ โลหติ แก้
ไขจ้ บั ส่นั มา้ มย้อย แก้โลหติ ข้นึ เบ้อื งบน คมุ ก�ำเนิด แก่น
แก้กามโรค ไฟธาตุพกิ าร ทำ� ใหต้ วั เยน็ แก้แสบตา ถา่ ยใน
โรคม้ามยอ้ ย ถา่ ยโรคเหน็บชา ถา่ ยพิษทงั้ ปวง แกโ้ ลหติ
แก้โลหิตอันท�ำให้ระส�่ำระสายในท้อง บ�ำรุงโลหิต
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 116
พชื พรรณ สมุนไพร
ดองดึง
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Gloriosa superba L.
ชอ่ื วงศ์ COLCHICACEAE
ชื่ออืน่ พนั มหา มะขาโก้ง คมขวาน
นเิ วศนวสิ ยั พบตามปา่ ดบิ เขา ทร่ี กรา้ งวา่ งเปลา่ ทม่ี คี วาม ให้สัตว์กินเพ่ือขับพยาธิ หัว รสร้อนเมา แก้โรคเรื้อน พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 117
ชุ่มชนื้ สงู คดุ ทะราด แกโ้ รคปวดขอ้ (gout) แกก้ ามโรค แกพ้ ษิ แมลง
สัตว์กัดต่อย ขับผายลม มีสารที่ใช้รักษาโรคมะเร็งได้
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีคิ้ว อ�ำเภอเมือง หวั สด ต�ำพอก หรอื ทา แก้ปวดข้อ แก้พษิ แมลงสัตว์กัด
นครราชสีมา อ�ำเภอขามทะเลสอ และอ�ำเภอ ต่อย ต�ำผสมท�ำยาประคบแก้ปวดข้อ แก้ปวดเม่ือยตาม
เฉลมิ พระเกียรติ กล้ามเนื้อ แก้ข้ออักเสบฟกบวม หัวแห้ง ปรุงเป็นยา
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมเ้ ถาเลอ้ื ย อายหุ ลายปี ยาว รับประทาน รกั ษาโรคเรือ้ น มะเร็งคุดทะราด โรคปวดขอ้
ไดถ้ งึ 5 เมตร ล�ำต้นเป็นหวั หรอื เหง้าขนาดเล็กอยใู่ ตด้ ิน แก้กามโรค ขับผายลม จะต้องใช้ในปริมาณน้อย ถ้า
รปู รา่ งกลมเรียว มีหงอนเหมอื นขวาน ใบเดีย่ ว รูปขอบ เกนิ ขนาดอาจเกิดพษิ ได้ ราก รสเมาร้อน แกล้ มจุกเสยี ด
ขนานแกมรปู ใบหอก ยาว รี ก้านใบ เป็นกาบหุ้มล�ำต้น แกเ้ สมหะ ทาแก้โรคผวิ หนัง แกป้ วดข้อ ตำ� พอกหรือทา
ปลายใบแหลมบดิ มว้ นเปน็ มอื เกาะ เสน้ ใบขนานกนั ไปสน้ิ แกโ้ รคผิวหนงั เรอ้ื น มะเรง็ คุดทะราด แกป้ วดข้อ ต้มดม่ื
สุดท่ีปลายใบ หลังใบและท้องใบเรียบ ดอกเด่ียวขนาด แกล้ มจกุ เสยี ด แกเ้ สมหะ ตอ้ งใชป้ รมิ าณนอ้ ยและเจอื จาง
ใหญ่ ออกท่ีซอกใบ ใกล้ปลายเถา โคนกลีบเม่ือบาน ถ้าเข้มข้นเกนิ ไปอาจเกิดพษิ ถึงตายได้
ใหม่ ๆ มสี เี หลือง เมอ่ื ดอกบานเตม็ ที่จะเปลย่ี นเป็นสแี ดง
ท้งั ดอก กลบี รปู แถบเรียว โค้งกลบั ไปทางก้านดอก ขอบ ข้อควรระวงั
กลีบหยกั เป็นคลนื่ เกสรเพศผ้มู ี 6 อนั ช้ีออกเปน็ รัศมี ผล การใชด้ องดงึ เปน็ ยารกั ษาโรคเกาต์ ไมค่ วรใชเ้ หงา้
เป็นฝักแห้ง แตกได้ รปู กระสวย ผวิ เรียบ มกั มสี นั ตื้น ๆ
มี 3 พู ต้มหรือปรุงวธิ ีอนื่ กิน อาจเป็นพษิ ถงึ ตายได้ เพราะขนาด
รักษาใช้ปริมาณน้อยมากและใกล้เคียงกับขนาดท่ีท�ำให้
ประโยชนข์ องดองดึง เกิดพิษ ควรใช้ในรูปยาเม็ดแผนปัจจุบัน ซึ่งสามารถ
กำ� หนดขนาดรับประทานทปี่ ลอดภยั ได้ เหง้าดองดึงเปน็
ด้านสมุนไพร ต�ำรายาพื้นบ้านจังหวัด พิษต่อการแบ่งตัวของเซลล์ และเป็นพิษต่อทางเดิน
อบุ ลราชธานี ระบไุ ว้วา่ รากและเหง้า เป็นยาทอี่ นั ตราย อาหาร อาการของพษิ จะเกดิ เมอ่ื กนิ สารนเ้ี ขา้ ไปประมาณ
มาก เหงา้ และเมลด็ มพี ษิ มาก ใช้รักษาโรคมะเร็ง ต�ำรา 2 ชั่วโมง การใชต้ อ้ งอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
ยาไทย ใช้ หวั และเมลด็ แก้ปวดตามขอ้ แกโ้ รคเรอื้ น แก้
คดุ ทะราด แก้เสมหะ ฝนนำ้� ทาแกพ้ ษิ แมลงสัตว์กัดต่อย
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 118
พืชพรรณ สมนุ ไพร
ปีบ
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Millingtonia hortensis L.
ชอื่ วงศ์ BIGNONIACEAE
ชื่ออ่ืน กาซะลอง ก้านของ
นเิ วศนวิสัย พบแทบทกุ ภาคของไทย ยกเว้นภาคใต้ ขนึ้ เป็นบุหรี่ สูบแก้หอบหืด ขยายหลอดลม ดอกปีบน�ำมา พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 119
กระจายห่าง ๆ ในป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทน ตากแหง้ นำ� มาชงใสน่ ำ�้ รอ้ นดม่ื เปน็ ชากไ็ ด้ โดยดอกปบี ชง
น�ำ้ ท่วมขังได้ ออกดอกราวเดือนกันยายนถึงธันวาคม ตดิ นจ้ี ะมกี ลนิ่ หอมละมนุ ออ่ น ๆ มรี สชาตหิ วานแบบนมุ่ นวล
ผลราวเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ เป็นสัญลักษณ์ ไม่ขม ดีตอ่ สขุ ภาพ
ของพยาบาลไทย 2. ด้านใช้สอย เน้ือไม้ของต้นปีบมีสีขาวอ่อน
สามารถเลื่อยหรือไสกบเพ่ือตกแต่งให้ขึ้นเงาได้ง่าย จึง
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีคิ้ว อ�ำเภอเมือง เหมาะแก่การน�ำมาใช้ท�ำเป็นเคร่ืองเรือน เคร่ืองตกแต่ง
นครราชสมี า และอ�ำเภอขามทะเลสอ ภายในบ้านได้ เปลอื กต้น เมอื่ กอ่ นสามารถนำ� มาใช้แทน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาด ไมก้ ๊อกสำ� หรับอุดจุกขวดได้
กลาง สงู 5-10 เมตร ล�ำต้นตรง เปลือกมสี เี ทาเข้ม แตก 3. ใบใชม้ วนบหุ รส่ี บู แทนฝน่ิ ใชร้ กั ษาอาการหอบ
เป็นร่องลึก มีช่องอากาศ รากเกิดเป็นหน่อ เจริญเป็น หืดไดเ้ ช่นกัน
ต้นใหม่ได้ ใบประกอบแบบขนนกใบยอ่ ย 4-6 ครู่ ปู หอก
แกมรปู ไข่ ฐานใบรปู ลมิ่ ขอบหยกั เปน็ ซหี่ ยาบ ปลายเรยี ว
แหลม เน้อื ใบบางคลา้ ยกระดาษ เกล้ยี ง ดอกช่อกระจกุ
แยกแขนง ดอกยอ่ ยประกอบดว้ ยกลบี เลย้ี งมสี เี ขยี ว เชอ่ื ม
กันเป็นรูประฆงั ปลายตัดกลีบดอกสีขาว กลิน่ หอม เกสร
เพศผู้ สองคยู่ าวไมเ่ ท่ากัน เกสรเพศเมียมจี ำ� นวน 1 อัน
อยู่เหนือวงกลีบ ออกดอก ประมาณเดือนพฤศจิกายน-
พฤษภาคม ผลแห้งแตก ลักษณะแบนยาวขอบขนาน
เมลด็ มีจ�ำนวนมาก เป็นแผน่ บางมีปกี
ประโยชนข์ องปบี
1. ดา้ นสมุนไพร ดอกน�ำมาตากแห้งแลว้ ผสมกบั
ยาสูบมวนบุหรี่ ใชส้ บู ทำ� ใหช้ ุ่มคอ ท�ำให้ปากหอม และยงั
มกี ลิ่นควันบหุ ร่ที ่หี อมอีกดว้ ย ดอกแหง้ 6-7 ดอก มวน
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 120
พืชพรรณ สมุนไพร
ฝาง
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Caesalpinia sappan L.
ชื่อวงศ์ FABACEAE
ชื่ออื่น ฝางแดง หนามโคง้ ฝางเสน
นเิ วศนวสิ ยั เปน็ ไมก้ ลางแจง้ ขยายพนั ธโ์ุ ดยใชเ้ มลด็ เจรญิ ประโยชน์ของฝาง พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 121
เติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย พบตามป่าละเมาะ ป่าเต็งรัง ดา้ นสมนุ ไพร แกน่ ไมฝ้ างมรี สขมฝาด มสี รรพคณุ
ป่าดิบแล้ง และตามเขาหินปูน ถ้าเนื้อไม้หรือแก่นเป็นสี แกร้ อ้ นในกระหายนำ�้ เมอื่ แชน่ ำ้� หรอื ตม้ นำ�้ จะใหส้ ารสแี ดง
แดงเข้มและมีรสขมหวานจะเรียกว่า “ฝางเสน” แต่ถ้า ละลายออกมา เปน็ เครอื่ งดม่ื สมนุ ไพรสสี นั ชวนดมื่ ในชว่ ง
แก่นไม้เป็นสีเหลืองส้มและมีรสฝาดขื่นจะเรียกว่า “ฝาง 60-70 ปที ผ่ี า่ นมา มกี ารผลติ นำ้� ยาอทุ ยั ออกจำ� หนา่ ยเปน็
ส้ม” ที่นิยมอย่างมาก ผู้ผลิตจะมีสูตรแตกต่างกันออกไป แต่
จะมฝี างเป็นตัวยาหลัก นอกจากนี้ฝางสามารถโรคหลาก
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีคิ้ว อ�ำเภอสูงเนิน หลายชนดิ เชน่ โรคประดง โรคไต ขับปสั สาวะ แก้ไขห้ วดั
อ�ำเภอเมอื งนครราชสีมา และอ�ำเภอเฉลมิ พระเกียรติ แก้ไอ แก้หอบหืด เป็นสมุนไพรท่ีปรากฏในต�ำรับยา
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางหรอื เปน็ โบราณมากท่ีสุดชนิดหน่ึง โดยอยู่ในต�ำรับยาหอม เช่น
ไม้พมุ่ หรือไม้พ่มุ กง่ึ ไมเ้ ถาผลัดใบ สูง 5-13 เมตร เปลอื ก ยาหอมอินทจักร ยาแก้ไข้ เช่น ยาจันทลีลา และอยู่ใน
ล�ำต้นและกิ่งก้านมีหนามขนาดใหญ่ โคนหนามพองโต ต�ำรับยาบ�ำรุงโลหิต แก้ปอดพิการ แก้ร้อนใน
คลา้ ยเต้านม ใบประกอบแบบขนนก สเี ขียวสด เมือ่ แก่มี กระหายน�้ำ แก้ท้องร่วง ธาตุพิการ โลหิตออกทาง
สเี ขียวเข้ม ดอกมีสเี หลืองกลางดอกมีสแี ดง ออกรวมกนั ทวารหนกั แกก้ ำ� เดา แก้เสมหะ ใชส้ ว่ นแก่น เป็นหลัก
เป็นช่อตามปลายกิ่งและซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบรอง
ดอกมี 5 กลบี รองซ้อนทบั กนั ที่ขอบกลีบ โดยมีกลีบลา่ ง
สดุ มลี กั ษณะโคง้ งอและมขี นาดใหญส่ ดุ กลบี ดอกมี 5 กลบี
รูปไขก่ ลบั ขอบกลบี มีลักษณะยน่ เกสรตวั ผู้ 10 อนั ผล
เปน็ ฝักรูปสเ่ี หลยี่ มแขง็ แบนสเี ขยี ว เมอ่ื แก่จะมสี ีน�ำ้ ตาล
หรือน้�ำตาลเข้ม และแก่เต็มท่ีหรือแห้งจะมีสีน�้ำตาลด�ำ
หรอื ดำ� บรเิ วณผวิ ฝกั มลี ายแตม้ เปน็ จดุ ๆ ทำ� ใหม้ ลี กั ษณะ
คล้ายกับถั่วแปบ โดยมีปลายฝักย่ืนออกมาเป็นจงอย
แหลม
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 122
พชื พรรณ สมนุ ไพร
สกณุ ี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia calamansanay
(Blanco) Rolfe
ช่อื วงศ์ COMBRETACEAE
ชอื่ อน่ื ตนี นก ขม้ี อด ตาโหลน แหนแดง
นิเวศนวิสัย พรรณไม้กลางแจ้งท่ีเจริญเติบโตในดินร่วน ประโยชนข์ องสกณุ ี พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 123
ซุย พบขึ้นทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึง 1. ด้านใช้สอย เน้ือไม้ใช้ท�ำเฟอร์นิเจอร์
ฟิลิปปินส์และนิวกินี ประเทศไทยพบขึ้นตามป่า เครื่องเรือน ใชใ้ นการก่อสร้างภายในตวั อาคารหรือในรม่
เบญจพรรณ ท่ีความสูงไม่เกิน 200 เมตร จากระดับ ที่ไม่ต้องการความแขง็ แรงมากนัก
น�ำ้ ทะเล ทิ้งใบช่วงท้ิงใบในชว่ งสัน้ ๆ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง 2. ดา้ นสมนุ ไพร เปลอื กตน้ บำ� รงุ หวั ใจ ตม้ นำ้� ดมื่
เดอื นเมษายน ขยายพันธด์ุ ว้ ยวิธีการตอนและใช้เมลด็ แกต้ านซางในเดก็ ตำ� รายาไทยใชเ้ ปน็ ยาแกน้ ว่ิ ในทางเดนิ
บรเิ วณทพี่ บในเขตอุทยาน อำ� เภอเมืองนครราชสมี า ปัสสาวะ ยาแก้ตกเลือด
ขอ้ มูลทางเภสชั วิทยา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดกลาง สารในกลุ่ม ellagitannins ได้แก่ 1-α-O -gal-
ถงึ ขนาดใหญ่ มพี พู อนขนาดเลก็ ทโี่ คนตน้ เปลอื กแตกเปน็
รอ่ งต้นื ๆ สนี ้ำ� ตาลอมเทา ใบเด่ยี วรูปไข่กลบั เรยี งเวยี น loylpunicalagin, 2-O -galloylpunicalin, puni-
สลับไปตามข้อตน้ อัดกันแน่นใกลป้ ลายกิ่ง ปลายใบเรยี ว calagin, sanguiin H-4 ความเข้มข้น 100 ไมโครโมล
แหลม โคนใบสอบแคบ ใบค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนัง เมื่อน�ำมาทดสอบกับเซลล์มะเร็ง HL-60 พบว่ามีความ
มขี นนมุ่ ปกคลมุ ทง้ั สองดา้ น หลงั ใบดา้ นบนมกั เปน็ มนั เงา เปน็ พษิ ตอ่ และเหนีย่ วน�ำใหเ้ กิดการตายของเซลลม์ ะเร็ง
และมีตุ่มเล็ก ๆ บนผวิ ดอกเปน็ แกนช่อตามซอกใบ และ แบบ apoptosis โดยท�ำให้เกิดการแตกหักของ DNA
ทปี่ ลายยอด ชอ่ ดอกเปน็ แบบชอ่ เชงิ ลด ดอกเปน็ สเี หลอื ง (DNA fragmentation) และกระตุ้นการท�ำงานของ
อ่อนหรือสีขาวแกมเหลือง มีกลิ่นเหม็น ไม่มีกลีบดอก เอนไซม์ caspase 3 แต่จะไม่มผี ลต่อเซลลป์ กติ แสดงว่า
กลบี เล้ยี งทโ่ี คนเชอ่ื มติดกนั สว่ นปลายแยกเป็น 5 กลบี สาร ellagitannins อาจนำ� มาพฒั นาเปน็ ยาปอ้ งกนั และ
เปน็ รปู ถว้ ยตน้ื ๆ ดอกเพศผจู้ ะอยสู่ ว่ นปลายชอ่ ใบประดบั รักษาโรคมะเร็งได้ (ส�ำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะ
รปู เสน้ ดา้ ย รว่ งง่าย ผลรปู สามเหล่ยี ม มีปีกหนา 2 ปกี เภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล, 2560 : ออนไลน)์
อยปู่ กี ละขา้ งของผล มขี นสนี ำ�้ ตาลออ่ น รปู รา่ ง และขนาด
ของผลน้ันจะตา่ งกัน ผลแหง้ จะไมแ่ ตก ภายในผลมีเมล็ด
เด่ียว
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 124
พืชพรรณ สมุนไพร พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 125
สะแกนา
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Combretum quadrangulare Kurz.
ชอื่ วงศ์ COMBRETACEAE
ชือ่ อืน่ ขอนเข้ แพ่ง
นิเวศนวิสัย พบตามป่าเต็งรัง ออกดอกช่วงเดือน
กมุ ภาพนั ธ์ ถึงมนี าคม
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา
อ�ำเภอขามทะเลสอ และอ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง
เปลือกต้นสีเทา ต้นที่มีอายุมากจะพบหนามบริเวณโคน
ต้น ใบเด่ียวเรียงแบบตรงขา้ ม ดอกสขี าวถงึ สเี หลอื งออ่ น
ออกเปน็ ชอ่ ตรงโคนกา้ นใบ ผลเปน็ ครีบมี 4 ครบี เมอ่ื แก่
จดั สเี หลอื งอมนาํ้ ตาล ภายในมเี มลด็ สนี ำ้� ตาลเขม้ 1 เมลด็
มีครีบ 4 ครบี
ประโยชนข์ องสะแกนา
ดา้ นสมนุ ไพร เมลด็ แก่ ใชข้ บั พยาธเิ สน้ ดา้ ย พยาธิ
ไส้เดือน ในเด็ก โดยใช้ 1 ช้อนคาว ต�ำผสมกับไข่น�ำไป
ทอด รากปรงุ เปน็ ยาแกก้ ามโรค หนองใน ฝมี ะมว่ ง แกน้ ำ้�
เหลอื งเสยี แกพ้ ษิ ไข้เซอื่ งซมึ ใบอ่อน รักษาแผลสด แก้
บดิ มูกเลอื ด ใบ แกป้ วดเม่อื ยตามรา่ งกาย ผลดิบ แช่น้ำ�
ไว้ให้วัวควายกนิ ขับพยาธิ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 126
พชื พรรณ สมุนไพร พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 127
กระทกรกตน้
ช่ือวิทยาศาสตร์ Olax psittacorum Vahl.
ชอ่ื วงศ์ OLACACEAE
ชื่ออื่น นำ้� ใจใคร่ กระเดาะ ควยเซยี ก
นิเวศนวิสัย ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม ถึงมิถุนายน
ยอดออ่ น และผลสกุ รับประทานได้ พบขนึ้ ตามปา่ เต็งรัง
ปา่ เบญจพรรณ ป่าดิบแลง้ และป่าเขาทั่วไป
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอ
ขามทะเลสอ อำ� เภอเมือง และอำ� เภอเฉลมิ พระเกียรติ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ ่มุ รอเลื้อย สูง 3-5 เมตร
ใบเดีย่ ว รูปขอบขนาน เรยี งสลับ ดอกสขี าว ออกเปน็ ช่อ
ที่ซอก ผลกลมสีครีมหรือสีเหลือง ปลายผลมีจุกคล้าย
หมวกคลุมผม
ประโยชนข์ องกระทกรกต้น
1. ดา้ นอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อน มรี สหวานมัน
และฝาดเล็กนอ้ ย ใชเ้ ป็นผักแกงเลียง แกงส้ม หรือ กิน
เปน็ ผกั แนมจม้ิ นำ้� พรกิ (ผกั เหนาะ) ผล ชาวบา้ นจะใชเ้ ปน็
ตัวตรวจสอบด้วยว่าปริมาณน้�ำฝนในแต่ละปีจะมีมาก
นอ้ ยเพยี งใด ถา้ ปีไหนผลน้ำ� ใจใคร่มกี ลบี เลยี้ งหมุ้ มากจน
เกอื บมดิ ผล นน่ั แสดงวา่ ปนี น้ั นำ�้ ทา่ จะอดุ มสมบรู ณ์ แตถ่ า้
กลบี เลยี้ งหมุ้ ผลสน้ั หรอื มนี อ้ ย ผลโผลอ่ อกมามาก กแ็ สดง
ว่าปนี ้นั ฝนจะตกนอ้ ย
2. ดา้ นสมนุ ไพร ล�ำตน้ ต้มกนิ แก้อาการไตพิการ
และโรคเกย่ี วกับทางเดนิ ปสั สาวะ เปลือกใชเ้ ป็นยาแกไ้ ข้
เนอื้ ของผล เป็นยารกั ษาโรคตาแดง
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 128
พืชพรรณ สมุนไพร
กระทมุ่ นา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mitragyna diversifolia (Wall. ex
G. Don) Havil.
ชื่อวงศ์ RUBIACEAE
ชอื่ อื่น ทอ่ มนา ทอ่ มขหี้ มู ต้มุ แซะ โทมนอ้ ย กวา้ วตมุ้
นเิ วศนวิสัย ชอบดินเหนยี ว ตอ้ งการน้ำ� ค่อนขา้ งมาก มี ทอ้ ง เปลือกตน้ และใบใชเ้ ป็นยาแกบ้ ดิ มูกเลอื ด ยารกั ษา พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 129
เขตการกระจายพันธุ์จากตอนใต้ของจีน จนถึงมาเลเซีย โรคผิวหนังทุกชนดิ แกม้ ะเรง็ คดุ ทะราด
ในประเทศไทยพบขึ้นในป่าเบญจพรรณชื้นที่ค่อนข้าง งานวจิ ยั พบวา่ ใบกระทมุ่ นามอี ลั คาลอยดช์ ว่ ยลด
โปรง่ ใกลน้ �ำ้ และตามทงุ่ นาท่วั ไป ความดนั โลหติ และออกฤทธก์ิ ดตอ่ กลา้ มเนอื้ เรยี บในสตั ว์
ทดลอง
บริเวณที่พบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา 2. ดา้ นใช้สอย เนื้อไมใ้ ช้ประโยชน์ในดา้ นการน�ำ
อ�ำเภอขามทะเลสอ และอำ� เภอเฉลิมพระเกียรติ
ไปแปรรปู ปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดกลาง ทรงพมุ่ กลม
ผลัดใบ สงู 8-15 เมตร แตกก่งิ แขนง ล�ำต้นคดหรอื เปลา
ตรง เปลือกล�ำต้นด้านนอกเป็นสีเทา หลุดเป็นแผ่น
เลก็ ๆ เมอื่ ลำ� ตน้ แกโ่ คนตน้ มกั จะเปน็ พพู อน ใบเดย่ี ว เรยี ง
ตรงข้ามเวยี นสลบั ต้งั ฉากกนั ใบรูปไข่ รปู ขอบขนาน รปู
รี ปลายใบมน โคนใบมนหรือเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ
หลงั ใบเกลีย้ ง ส่วนดา้ นล่างมีขนข้ึนประปรายหรอื เกลย้ี ง
เนื้อใบค่อนขา้ งเหนียว มหี ใู บอยรู่ ะหว่างกา้ นใบค่ลู ะ 1 คู่
ดอกเป็นช่อกระจกุ ซอ้ น 3 ชัน้ ระนาบเดียวกนั สลบั กบั
ตรงข้าม ออกตามซอกใบ มีใบประดับขนาดใหญ่ทุกชั้น
ดอกสเี หลอื งแบบกระจกุ แน่นเหมอื นดอกกระถิน ขนาด
1-2 เซนติเมตร กลิ่นหอมแรง ผลทรงกลมหรือรูปไข่
ขนาดเลก็ ผิวผลขรขุ ระ แขง็ อดั รวมกันเปน็ ก้อนกลม ผล
เม่อื แหง้ จะแตกออก ภายในมเี มล็ดมปี ีก
ประโยชน์ของกระทมุ่ นา
1. ด้านสมุนไพร ใบลดความดันโลหิตและออก
ฤทธ์ิกดต่อประสาทและกล้ามเน้ือ แก้ทอ้ งรว่ ง ปวดมวน
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 130
พชื พรรณ สมนุ ไพร พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 131
คำ� มอกหลวง
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Gardenia sootepensis Hutch.
ช่ือวงศ์ OLACACEAE
ชอ่ื อื่น หอมไก๋ ยางมอกใหญ่
นิเวศนวิสัย เจริญได้ในที่แสงแดดดี กลางแจ้ง ต้องการ
ความชนื้ นอ้ ย ขน้ึ ตามปา่ เตง็ รงั และปา่ เบญจพรรณ ความ
สูงถึงประมาณ 1500 เมตร บางครั้งพบเป็นไม้ประดับ
ออกดอกในชว่ งเดอื นมกราคมถงึ เดอื นมนี าคม ออกผล ใน
ช่วงเดือนมนี าคมถึงเดือนสงิ หาคม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้น ขนาดเล็กถึงขนาด
กลาง สงู 7-15 เมตร ผลดั ใบชว่ งสน้ั ๆ เวลาออกดอก
แตกก่งิ น้อย ก่ิงอ่อนมขี นปกคลุม ปลายยอดมียางเหลอื ง
ขน้ ใบเดย่ี ว ออกตรงขา้ มเปน็ คู่ รปู รหี รอื ไขก่ ลบั เสน้ แขนง
ใบเห็นชัดเจน หใู บอยู่ระหว่างก้านใบ ดอกเดย่ี วสีเหลอื ง
สด ออกตามซอกใบ โคนกลีบเช่อื มตดิ กนั เป็นหลอดยาว
ปลายแยกเปน็ 5 กลบี เมอ่ื ดอกใกลโ้ รยจะเปล่ียนสีเป็น
ขาวลนวลหรือซีด กลิ่นหอมแรง ในช่วงบ่ายถึงพลบค�่ำ
ดอกบานวันเดยี วแล้วโรย ผลรูปรี สเี ขยี ว เมื่อแก่เปล่ียน
เป็นสดี ำ� มเี มลด็ จ�ำนวนมาก
ประโยชนข์ องค�ำมอกหลวง
1. ดา้ นสมนุ ไพร เมลด็ ตม้ เคย่ี วกบั นำ้� ผสมเปน็ ยา
สระผมกำ� จดั เหา แกน่ ปรงุ เปน็ ยารกั ษาโรคเบาหวาน แกน่
ค�ำมอกหลวงใช้ผสมกับแก่นมะพอก น�ำมาต้มรวมกันให้
หญงิ อยู่ไฟใช้อาบและสระผม
2. ปลูกเป็นไม้ประดับให้ดอกสวยงาม ให้ร่มเงา
ทนแล้ง
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 132
พชื พรรณ หายาก เส่ยี งตอ่ การสญู พันธุ์ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 133
พชื พรรณ หายาก เสี่ยงตอ่ การสูญพนั ธ์ุ
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 134
พชื พรรณ หายาก เสี่ยงต่อการสญู พนั ธ์ุ
แจง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Maerua siamensis (Kurz) Pax
ชอ่ื วงศ์ CAPPARACEAE
ชอื่ อื่น แก้ง แจ้ง
นิเวศนวิสัย การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย กัมพูชา เมลด็ เมลด็ เปน็ รูปไต พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 135
และเวยี ดนาม สามารถขน้ึ ไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ พบในปา่
ละเมาะ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ผสมผลดั ใบ ปา่ เตง็ รงั แลง้ ปา่ โปรง่ ประโยชน์ของแจง
แห้ง เขาหินปูน ท่มี คี วามสงู จากระดบั นำ้� ทะเลประมาณ 1. ด้านอาหาร ดอกอ่อน ยอดอ่อน น�ำมาดอง
0-400 เมตร โดยจะพบได้มากทางภาคตะวันออกเฉียง
เหนอื ทั้งยงั เปน็ ไม้พนื้ ถน่ิ ในนครราชสมี า คล้ายกับผักเสี้ยนหรือดอกกุ่ม อีสานเรียกว่า “ค้ันส้ม”
เช่นเดียวกับการกินยอดผักกุ่ม ท่ีต้องน�ำมาดอง หรือ
คน้ั สม้ กอ่ นนำ� มารบั ประทาน และคนอสี านยงั เชอ่ื วา่ หาก
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอสีคิ้ว อ�ำเภอเมือง ไดร้ บั ประทานคน้ั สม้ ของยอดออ่ นของตน้ แจงปลี ะครง้ั จะ
นครราชสีมา อ�ำเภอขามทะเลสอ และอ�ำเภอ ชว่ ยปอ้ งกนั สภาวะสายตายาวได้ และยงั ชว่ ยบำ� รงุ สายตา
เฉลิมพระเกียรติ ไดด้ เี ยยี่ มอกี ดว้ ย ผลรบั ประทานได้ (แตไ่ มอ่ รอ่ ยจงึ ไมเ่ ปน็
ท่นี ิยม) ใชเ้ ปน็ อาหารของนกได้
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ไมผ่ ลดั ใบ สงู 2. ด้านใช้สอย ล�ำต้นเป็นส่วนผสมหลักในการ
5-10 เมตร พบบ้างที่เป็นไม้พุ่มเต้ีย โตช้าแตกก่ิงแขนง
มากมายคล้ายกับไม้พุ่ม ก่ิงก้านแตกออกแผ่เป็นรูปร่ม ผลิตลูกแป้งหรือแป้งข้าวหมาก การตัดไม้ตามขวางของ
เปลอื กลำ� ตน้ เปน็ สเี ขยี วเขม้ จนเกอื บดำ� เปลอื กเรยี บ หรอื ล�ำต้น จะเห็นวงปไี ด้ชดั เจน จงึ นยิ มน�ำมาใช้เป็นตัวอยา่ ง
แตกเปน็ สะเก็ดเลก็ ๆ ใบประกอบแบบน้ิวมือ ใบย่อย 3 ในการเรียนการสอนทางชีววทิ ยา เปน็ ตน้ ไม้หายาก ควร
ใบ (บางครง้ั อาจพบวา่ มี 4-5 ใบ แต่พบได้นอ้ ย) รปู ไข่ รปู อนรุ กั ษ์ เหมาะแกก่ ารปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั เพอ่ื ชนื่ ชมความ
ไข่กลับ รูปขอบขนาน หรือรูปแถบ ปลายใบสอบเรียว งามของดอกและผลท่ีมีลักษณะสวยงามและแปลกตา
หรือกลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาและเกลี้ยงท้ังสอง
ดอกเป็นช่อกระจะ ออกตามซอกใบหรือที่ปลายกิ่ง 3. ด้านสมุนไพร รากใชต้ ้มกับน�้ำดืม่ เป็นยาบำ� รุง
ดอกยอ่ ยสีเขียวอมสขี าว ไม่มกี ลีบดอก กลบี เลีย้ ง 4 กลบี ก�ำลัง แก้กษัย ปวดเมื่อย โลหิตจาง รักษาฝีในคอ ขับ
โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉกรูปไข่ ปลายแหลม ปสั สาวะ ปรงุ เปน็ ยาแกป้ สั สาวะพกิ าร นำ�้ ปสั สาวะขนุ่ ขน้
ออกดอกในชว่ งเดอื นธนั วาคมถงึ เดอื นมนี าคม ผลเปน็ รปู หรอื อาจมเี ลอื ดปนออกมากบั ปสั สาวะ ลำ� ตน้ ใชต้ ม้ กบั นำ�้
ดืม่ เปน็ ยาบ�ำรุงธาตใุ นร่างกาย ท�ำใหก้ ระปรกี้ ระเปร่า
ทรงกลมรหี รอื รปู กระสวย ผลออ่ นเปน็ สเี ขยี ว เมอ่ื สกุ แลว้
เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 2-3
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 136
พชื พรรณ หายาก เส่ยี งตอ่ การสญู พันธ์ุ
ธนนไชย
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Buchanania siamensis Miq.
ชอื่ วงศ์ ANACARDIACEAE
ชอ่ื อนื่ ศรีธนนไชย ลวงไซ
นิเวศนวิสัย เป็นไม้หายากอีกชนิดหน่ึง พบกระจายตัว 3. ด้านอาหาร ยอดอ่อน ใบ รับประทานเป็น พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 137
ห่าง ๆ ในป่าเตง็ รังทางภาคอีสาน เจริญเตบิ โตไดใ้ นท่ดี ิน ผกั สดรว่ มกับนำ�้ พริก ลาบ
เคม็ ถึงเค็มจดั
บริเวณท่ีพบในเขตอุทยาน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา
อ�ำเภอขามทะเลสอ
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมต้ น้ สงู 5–10 เมตร กง่ิ ออ่ น
ใบออ่ นและช่อดอก มีขนนมุ่ สนี ้�ำตาลปกคลมุ โดยเฉพาะ
ตามเสน้ ใบเมอ่ื ยงั ออ่ น เมอ่ื เจรญิ ขนึ้ จะเกลยี้ ง และเปน็ มนั
ใบเดี่ยวเรยี งสลับ แผน่ ใบรูปไขก่ ลับ รูปชอ้ นปลายใบมน
หรอื กลมเวา้ เปน็ แอ่ง โคนใบมน หรอื สอบแคบ มขี นนุ่ม
ดอกขาวหรือขาวอมเหลือง ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ผล
ขนาดเล็กค่อนข้างกลม หรอื เป็นรูปหวั ใจเบีย้ ว แบนด้าน
ข้าง ปลายตัด มขี นเล็กน้อยหรอื เกล้ียง เม่ือสกุ มสี มี ว่ งอม
แดง
ประโยชนข์ องศรธี นนไชย
1. ด้านสมุนไพร เปลือกต้น ใช้ต้มน�้ำผสมเกลือ
รกั ษาโรคเหงอื กและแผลในปาก อมแกร้ ำ� มะนาด รากตม้
กบั รากผกั เสีย้ นผีและรากข่อย ใสน่ ำ้� 3 ถว้ ย ต้มใหเ้ หลือ
1 ถ้วย แลว้ ผสมน�ำ้ ผง้ึ ลงไป 1 ช้อนละลายใหเ้ ข้ากนั แลว้
ด่ืม จะแก้อาการสะอึกท่ีเกิดจากความไม่สมดุลของลม
ในรา่ งกาย
2. ด้านใช้สอย เปลอื กตน้ น�ำมาตม้ สกดั น้�ำยอ้ ม
จากเปลอื กสด ให้สชี มพู ใช้ยอ้ มผ้า
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 138
พืชพรรณ หายาก เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 139
นมแมวซ้อน
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Anomianthus dulcis (Dunal) J.
Sinclair
ชอ่ื วงศ์ ANNONACEAE
ชื่ออน่ื ตนี ตังน้อย นมววั
นเิ วศนวสิ ยั นมแมวซอ้ นเปน็ พชื เฉพาะถนิ่ ทพ่ี บไมก่ แ่ี หง่
ในประเทศไทย เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้�ำปานกลาง
ขยายพนั ธุค์ อ่ นขา้ งยาก มีการทดลองขยายพันธหุ์ ลายวิธี
เชน่ ตอนก็ไมต่ ดิ เสยี บยอดกไ็ มโ่ ต ต้องเพาะเมล็ดเทา่ นนั้
บรเิ วณที่พบในเขตอทุ ยาน อ�ำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มรอเลื้อย เล้ือยได้ไกล
ถงึ 8 เมตร เถาขนาดกลาง ล�ำต้นเหนียวและแข็ง มีกิ่งที่
ปลายเปน็ หนามแข็ง ๆ อยู่ตามลำ� ตน้ เปลือกเรยี บสีเทา
ใบอ่อนมีขนท้งั สองด้าน ดอกเด่ยี วหรอื เป็นกระจกุ 2-4
ดอก ออกท่ปี ลายก่งิ สีเหลอื งจำ� ปาหรือสชี มพู กลีบดอก
มี 6 กลบี เรยี งเปน็ 2 ชนั้ ขอบกลบี บดิ เปน็ คลน่ื กลบี เลยี้ ง
มี 3 กลบี ดอกสง่ กล่ินหอม ฟงุ้ ไปทัว่ ชว่ งกลางวันหอม
ออ่ น และหอมมากในชว่ งเย็นถึงกลางคนื บานอยูไ่ ด้ 3-4
วัน ออกดอกในช่วงเดอื นมีนาคม-กรกฎาคม
ประโยชน์ของนมแมวซอ้ น
1. ด้านอาหาร ผลสุกมีรสหวาน ใชร้ บั ประทาน
ได้
2. ด้านใช้สอย นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับท่ัวไป
ตามร้วั หรอื ซมุ้
3. ดา้ นสมนุ ไพร ลำ� ต้นหรอื ราก น�ำมาตม้ กับน้�ำ
ดมื่ เปน็ ยาบ�ำรงุ นำ้� นมขณะอยไู่ ฟของสตรี
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 140
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 141
เ ็หดใน ุอทยานธรณีโคราช
เห็ดใน ุอทยานธร ีณโคราช
เห็ดขอนแดง
ืพชพรรณและเ ็หดราธรรมชาติ ใน ุอทยานธรณีโคราช 142 ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Pycnoporus sanguineus (Fr.) Murr แหลง่ ทพ่ี บและการแพร่กระจาย
ชอื่ วงศ์ POLYPORACEAE ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ
ชือ่ อื่น
ปา่ ดบิ แลง้ หลงั ฝนตก 2-3 วนั มแี ดด
แหลง่ ทพี่ บและการแพรก่ ระจาย เป็นรูขนาดเล็กสีส้มสะท้อนแสง ออก อากาศร้อนอบอ้าว ในช่วง
พบบนก่ิงไม้ร่วง และ สปอรร์ ูปไข่ ใส เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ข้ึนเป็น
ขอนไม้ทต่ี ายแลว้ ในป่าเตง็ รัง บริเวณที่พบในเขตอุทยาน ดอกเด่ียวหรือเป็นกลุ่ม 4-5 ดอก
ลกั ษณะ อำ� เภอขามทะเลสอ กระจายอยู่ทั่วไป
ดอกเห็ดรูปครึ่งวงกลม ลักษณะ
หรือรูปพัดขนาดเล็ก ไม่มีก้าน การใช้ประโยชน์
หรอื มกี า้ นสนั้ สเี ดยี วกบั หมวก ผวิ ยังไม่มีรายงานการใช้ หมวกเห็ดอ่อนมีเยื่อหุ้ม
ด้านบนสีแดงอมส้มหรือมีแถบสี หนา รูปกลมหรือรูปไข่ ขนาด
ประโยชน์ 3-4×3-5 เซนติเมตร เมื่อเจริญข้ึน
เย่ือหุ้มด้านบนปริแตกออกเป็นรูป
แดงสลบั เหลอื ง แผแ่ บน มรี อยยน่ ถว้ ย หมวกเหด็ รปู ไข่ สนี ำ�้ ตาลอมสม้
ผิวเป็นมันวาวเล็กน้อย ด้านล่าง หรอื น�้ำตาลอมเหลือง เม่ือดอกบาน
เห็ดในอุทยานธรณโี คราช
เห็ดไขเ่ หลือง
จะเป็นรูปกระทะคว่�ำแล้วแบนราบ เส้นผ่าน ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Amanita sp. พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 143
ศูนย์กลาง 6-12 เซนติเมตร ผิวเรียบเป็นมัน ชอ่ื วงศ์ AMANITACEAE
และหนืดมือเมื่ออากาศชื้น ขอบเป็นริ้วยาว ชอ่ื อ่ืน เห็ดไขห่ า่ น เห็ดระโงกเหลือง
0.5-1.0 เซนติเมตร เหน็ ชดั เจนต้งั แต่โผลอ่ อก
จากเย่ือหุ้ม ครีบสีขาวนวล ไม่ยึดติดกับก้าน
ก้านสีขาวนวล ยาว 5-10 เซนตเิ มตร เสน้ ผา่ น
ศนู ยก์ ลาง 1-3 เซนตเิ มตร ภายในสขี าวมรี กู ลวง
แอนนูลัสเป็นแผ่นบางสีขาวห้อยติดอยู่
บนก้าน สปอรร์ ปู รี ผวิ เรยี บ ผนงั บาง
บรเิ วณทพี่ บในเขตอุทยาน
อ� ำ เ ภ อ สู ง เ นิ น แ ล ะ อ� ำ เ ภ อ
เฉลมิ พระเกียรติ
การใช้ประโยชน์
ยังไม่มีรายงานการใชป้ ระโยชน์
เหด็ แครง
ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Schizophyllum commune
ชอื่ วงศ์ SCHIZOPHYLLACEAE
ชอื่ อน่ื เหด็ ตีนตกุ๊ แก
ืพชพรรณและเ ็หดราธรรมชาติ ใน ุอทยานธรณีโคราช 144 ลกั ษณะและการแพร่กระจาย
เป็นเห็ดท่ีขึ้นได้ท่ัวทุกภูมิภาคท่ัวโลก และ
เจริญเติบโตได้ตลอดปี เป็นเห็ดขนาดเล็ก เส้นผ่าน
ศนู ย์กลาง 1-4 เซนตเิ มตร รปู ทรงคลา้ ยพดั ไมม่ ีกา้ นดอก
พบข้ึนอยู่กับวัสดุหลายชนิด เช่น ท่อนไม้ ก่ิงไม้ ใบไม้
ใบหญา้ กระดาษ
เนือ่ งจากมสี ารท่ีมีคณุ สมบตั ใิ นการต่อตา้ นเช้ือไวรัส และ
บริเวณทพี่ บในเขตอุทยาน ยับย้งั เซลลม์ ะเร็ง
อำ� เภอขามทะเลสอ และอำ� เภอเมอื งนครราชสมี า 3. ด้านอื่น ๆ มีงานวิจัยซ่ึงใช้สารสกัดจาก
เหด็ แครงในกระบวนการขดุ เจาะนำ้� มันดิบ โดยสารสกดั
การใชป้ ระโยชน์ จากเหด็ แครงทเ่ี ปน็ สารไบโอพอลเิ มอรน์ จ้ี ะถกู นำ� มาผสม
1. ด้านอาหาร ด้านคุณค่าทางโภชนาการ กับน�้ำ และสูบเข้าไปในบ่อน�้ำมันดิบเพื่อชะล้างและพา
น�้ำมันดิบที่ยังคงเหลืออยู่ภายในบ่อน้�ำมันให้ออกมาได้
เห็ดแครงมีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูง นิยมน�ำมาแกง มากท่ีสุด
คั่วกับปลาย่าง หรือน�ำมาย่างโดยโขลกพริกข้ีหนู ข่า
ตะไคร้ ขมนิ้ พรกิ ไทย แลว้ นำ� เห็ดแครงผสมลงไป พร้อม ปัจจุบันเห็ดแครงเริ่มหารับประทานยากข้ึน
ดว้ ยมะพรา้ วขดู และไขไ่ ก่ แลว้ หอ่ ดว้ ยใบตองนำ� ไปปง้ิ กบั ท�ำให้มีผู้คิดค้นวิธีการเพาะเห็ดแครงข้ึนเพื่อจะได้มีเห็ด
เตาถ่าน เห็ดชนิดนี้ยังเป็นท่ีรู้จักมากในแถบภาคใต้ พบ บรโิ ภคตลอดทั่งปี
มากบนทอ่ นไมย้ างพาราทต่ี ดั ทง้ิ ไว้ โดยนยิ มนำ� มาทำ� แกง
สมรมซงึ่ เปน็ แกงทขี่ าดไมไ่ ดส้ ำ� หรบั งานบญุ สารทเดอื นสบิ
2. ด้านสมุนไพร ในประเทศญี่ปุ่นใช้ท�ำเป็นยา
พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 145
เ ็หดใน ุอทยานธรณีโคราช
เหด็ โคน
ืพชพรรณและเ ็หดราธรรมชาติ ใน ุอทยานธรณีโคราช 146 ลกั ษณะและการแพร่กระจาย ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Termitomyces fuliginosus Heim
เป็นเห็ดป่าเติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ชื่อวงศ์ Tricholomataceae วงศ์ย่อย Termitophilae
ความชนื้ และอณุ หภมู ิที่พอเหมาะ มกั เกดิ ตามจอมปลวก ชื่ออ่ืน เห็ดปลวก
ฤดูกาลที่พบได้แก่ฤดูฝน ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือน
สงิ หาคม จะมีให้รับประทานเพยี งปีละครั้ง พบมากแถบ อาหารได้หลายอย่างทั้งต้มย�ำ ย�ำในรูปแบบต่าง ๆ ผัด
จังหวัดกาญจนบุรี นครราชสมี า ราชบรุ ี และ เพชรบุรี ต้มจดื ต้มเปร้ยี ว แกงเลียง แกงเขยี วหวาน หรอื นำ� มาต้ม
กับเกลือ กินกบั น�้ำพรกิ
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอุทยาน
อำ� เภอเมอื งนครราชสีมา สรรพคณุ ทางยา
เห็ดโคนช่วยให้เจริญอาหาร บ�ำรุงก�ำลัง แก้บิด
การใช้ประโยชน์ คล่ืนไส้อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ น�้ำที่สกัดจาก
รับประทานได้ หายาก ราคาแพง เป็นเห็ดท่ีมี เห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิดได้ เช่น เช้ือ
รสชาติดี เนื้อนุ่มเหนียว คล้ายเนื้อไก่ น�ำมาประกอบ ไทฟอยด์ เป็นต้น
เห็ดในอุทยานธรณีโคราช พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 147
เหด็ แดงน�้ำหมาก
ลกั ษณะและการแพรก่ ระจาย
พบในเขตป่าเต็งรงั ป่าเบญจพรรณ ปา่ ดบิ แล้ง มกั เกิดเปน็
ดอกเดยี่ ว ๆ แตอ่ ยเู่ ปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 2-5 ดอก เกดิ บนพนื้ ดนิ ลกั ษณะ
ดนิ เป็นรว่ นปนทราย
บรเิ วณทพ่ี บในเขตอทุ ยาน
อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ อำ� เภอเมอื งนครราชสมี า และอำ� เภอ
สูงเนนิ
ลักษณะ
รูปทรงร่มหรือกระทะคว�่ำ หมวกสีแดงสดหรือแดงอมชมพู
กลางหมวกบุ๋มเว้าลงเล็กน้อย ผิวหมวกแห้ง สากมือ บางบริเวณมี
ลกั ษณะเปน็ คลนื่ เวา้ นนู สลบั กนั ดอกออ่ นหมวกมว้ นงอเกอื บตดิ กา้ น
ดอกแก่หมวกบานแผก่ างออกเปน็ ทรงรม่ ขอบหมวกเรียบ หยักเปน็
คล่ืนและงอลงเล็กน้อย ดอกแก่มาก ๆ หมวกมีลกั ษณะงอขน้ึ เปน็ รูป
ทรงกรวย บางดอกขอบหมวกฉีกขาด เนื้อภายในหมวกมสี ขี าว นวล
นุ่ม ขนาดหมวกกวา้ ง 5.0-8.0 เซนตเิ มตร ยาว 5.5- 10.0 เซนติเมตร
ครีบสขี าวนวลหรอื ขาวอมครมี เป็นแผน่ หนา ลกั ษณะเปน็ ครีบยาว
เทา่ กนั ตลอด ไม่มีครีบสน้ั สับหวา่ ง จำ� นวนครบี 8-13 ครบี ตอ่ 1.0
เซนตเิ มตร กา้ นดอก สขี าวอมชมพูแดงผิวก้านเรยี บแหง้ ก้านแข็งแต่
เปราะ กว้าง 1.3-2.0 เซนติเมตร ยาว 2.5 -5.0 เซนตเิ มตร สปอร์ รูป
ทรงกลม ผิวขรขุ ระมีหนามโดยรอบ รอยพิมพ์สปอร์มสี ขี าว
การใชป้ ระโยชน์
รับประทานได้ ส่วนใหญ่ แกงหรือต้ม รวมกบั เห็ดชนิดอ่ืน
ชือ่ วิทยาศาสตร์ Russula emitica
ช่อื วงศ์ RUSSULACEAE
ชอื่ อ่ืน เหด็ นำ�้ หมาก เห็ดกอ่ เหด็ แดง เห็ดหนา้ แดง
เหด็ ผึ้งขม
ืพชพรรณและเ ็หดราธรรมชาติ ใน ุอทยานธรณีโคราช 148 ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Boletus grisepurrpureus Corner
ชื่อวงศ์ BOLETACEAE
ช่ืออน่ื เห็ดขม เหด็ ยูคา เหด็ เสมด็ เห็ดห้า
ลกั ษณะและการแพร่กระจาย ออ่ น ดอกออ่ นมขี นคลา้ ยกำ� มะหยส่ี นี �้ำตาล เม่ือบานเตม็
พบตลอดชว่ งเดอื นพฤษภาคม-มถิ นุ ายน หลงั ฝน ท่ีกลางหมวกเว้าเล็กน้อย เน้ือสีขาวสานกันแน่นเม่ือฉีก
ตกหนัก 2-3 วัน อากาศร้อนอบอ้าว ขึ้นเป็นดอกเด่ียว ขาดหรือช�้ำไม่เปล่ียนสี ด้านล่างของหมวกมีรูเล็ก ๆ
หรือกลุ่มบนพ้ืนดินในป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ สีขาวนวลขอบหนา ปากรูเชอ่ื มติดเปน็ เนือ้ เดยี วกัน และ
ปา่ เตง็ รงั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เรยี กเหด็ ผง้ึ เนอ่ื งจาก ชิดติดกับก้าน เม่ือบานเต็มที่รูเปล่ียนไปเป็นสีชมพูอ่อน
เมื่อน�ำไปประกอบอาหารสีของน้�ำแกงจะเหมือนสีของ อมนำ�้ ตาล เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางดอก 12-30 เซนตเิ มตร กา้ น
น�้ำผง้ึ สีเดียวกับหมวกยาว 5 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2
เซนติเมตร โคนโป่งเป็นกระเปราะเม่ือเป็นดอกอ่อนบน
ลักษณะ กา้ นมลี ายสนี ำ�้ ตาลออ่ น สานกนั แบบตาขา่ ยหา่ งๆ ปรแิ ตก
หมวกเหด็ โคง้ นนู เปน็ รปู กระทะควำ�่ สเี ทาอมมว่ ง เปน็ แหง่ ๆ ดา้ นลา่ งของหมวกมรี กู ลมเลก็ ๆ เชอ่ื มตดิ เปน็
เห็ดในอุทยานธรณโี คราช
เห็ดตะไคลเขยี ว พชื พรรณและเหด็ ราธรรมชาติ ในอุทยานธรณโี คราช 149
เนื้อเดียวกัน สปอร์สีชมพูน้�ำตาล ลักษณะและการแพร่กระจาย
อ่อน พบได้ท้องถ่ินตามธรรมชาติ บริเวณหนองน�้ำ ป่าละเมาะ
บริเวณท่พี บในเขตอทุ ยาน
ป่าเต็งรงั แถบภาคอสี าน ภาคเหนือ ชอบข้ึนตามปา่ ท่เี ปยี กชืน้ เวลา
อำ� เภอสงู เนนิ และอำ� เภอ ฝนตกใหม่ ๆ แหล่งธรรมชาติชุมชนท้องถ่ินต่าง ๆ ส่วนมากทาง
เฉลมิ พระเกียรติ ภาคอสี าน
บริเวณท่ีพบในเขตอทุ ยาน
อ�ำเภอสูงเนิน อ�ำเภอเมืองนครราชสีมา และอ�ำเภอ
เฉลิมพระเกียรติ
ลกั ษณะ
คลา้ ยเห็ดก่อ ดอกใหญ่แข็งและกรอบ มีสีขาวปนเทา เวลา
ย่างจะมีกล่ินหอม คนท้องถ่ินเช่ือกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ แก้โรค
ตา่ ง ๆ ได้มากมายตามความเชอื่ ของคนโบราณซ่ึงไดส้ ืบทอดกนั
การใชป้ ระโยชน์
รับประทานได้ เป็นท่นี ยิ มมากในภาคอสิ าน
ชือ่ วิทยาศาสตร์ Russula virescens (schaeff.) fr.
ชอื่ วงศ์ RUSSULACEAE
ช่ืออนื่ เห็ดหล่มเขียว เหด็ ไค เห็ดตะไคร