151
152
153
154
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การดำรงชีวิตของพชื เรือ่ ง เทคโนโลยชี ีวภาพของพชื
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รหสั วชิ า ว 21101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชนั้ ม.1 เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ครูผู้สอน นายดิเรกฤทธ์ิ ยุเหลก็ ตำแหนง่ ครู คศ.1
ใช้สอนวนั ....................... ที่............ เดอื น.................................... พ.ศ. .........................
*************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องสิ่งมีชีวติ หน่วยพื้นฐานของสิง่ มชี ีวิตการลำเลยี งสารผ่านเซลลค์ วามสัมพันธ์
ของโครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องระบบต่างๆของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ทที่ ำงานสมั พนั ธก์ ันความสมั พันธข์ องโครงสรา้ งและ
หน้าท่ีของอวัยวะตา่ งๆของพชื ทท่ี ำงานสมั พันธ์กันรวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด
ว 1.2 ม.1/6 เลอื กวธิ ีการขยายพันธพ์ุ ชื ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนษุ ย์โดยใช้ความรู้เก่ยี วกบั
การสบื พนั ธ์ุของพชื
ว 1.2 ม.1/17 อธิบายความสำคญั ของเทคโนโลยีการเพาะเล้ียงเนอื้ เยื่อพชื ในการใช้ประโยชนด์ ้านต่างๆ
ว 1.2 ม.1/18 ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องการขยายพันธ์ุพชื โดยการนำความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน
2. สาระสำคญั
การปรับปรงุ พนั ธพุ์ ืช เพ่ือใหไ้ ด้สายพันธ์ุท่ีมคี ณุ ภาพดกี วา่ เดิม ท้งั ในแง่ของผลผลิต ความต้านทานโรคและ
แมลง อายุการเกบ็ เกยี่ ว และการเจรญิ เตบิ โต อาจทำได้หลายวิธี ซึ่งในปจั จุบนั เทคโนโลยีชวี ภาพได้ถูกนำมาใช้เพ่ือ
กรณีมากขึน้ และเพอ่ื ประโยชน์ และเพ่อื ประโยชน์ทางดา้ นเกษตรกรรม อาหาร และยารักษาโรค
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
อธิบายเก่ียวกบั เทคโนโลยีชีวภาพท่ใี ชใ้ นการขยายพนั ธ์ุ ปรบั ปรุงพันธุ์ เพ่มิ ผลผลิตของพชื ได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการจำแนกประเภท
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
รอบคอบ ความรับผดิ ชอบ ความซอื่ สัตย์
155
4. สาระการเรยี นรู้
เทคโนโลยีชวี ภาพท่ใี ช้ในการขยายพันธ์ุ ปรับปรุงพันธุ์ และเพมิ่ ผลผลิตของพชื
5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้ันสรา้ งความสนใจ
ทบทวนเรอ่ื งสว่ นประกอบและระบบสบื พนั ธใ์ุ นพชื โดยใชแ้ นวคำถามดังนี้
- การทพี่ ชื มกี ารสบื พันธกุ์ ่อให้เกิดผลดอี ย่างไร
- ถา้ เราตอ้ งการให้พืชมกี ารขยายพันธุ์และเพิ่มจำนวนผลผลิตใหม้ าก ๆ
จะมีวธิ ีดำเนนิ การอยา่ งไร
ขั้นสำรวจและคน้ หา
1. ครนู ำอภิปรายเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยชี ีวภาพมาใชใ้ นการเพ่ิมผลผลิตพืช
2. แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่มเท่า ๆ กัน กลุม่ ท่ี 1 ศึกษาและสบื ค้นขอ้ มูล เรื่อง
การเพาะเล้ียงเนื้อเย่อื กลมุ่ ที่ 2 ศึกษาและสืบค้นข้อมูลเร่ือง GMOs
3. เม่อื ได้หัวข้อแลว้ แต่ละกลุ่มแบง่ เน้ือหาท่ีจะศึกษาออกเปน็ หวั ขอ้ ยอ่ ย ๆ ให้สมาชิกในกลุ่ม
ช่วยกนั คน้ คว้า แล้วนำขอ้ มูลทีไ่ ด้มาเรยี บเรยี งเป็นรายงานกลุ่ม
4. ผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั อภปิ รายจากการสืบค้นข้อมูลจนเป็นท่ีเข้าใจของทุกคน
ในกลุ่ม
ชวั่ โมงท่ี 2
ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ
1.ใหน้ กั เรียนนำข้อมูลท่ีไดจ้ ากการสืบค้นมาอภิปรายรว่ มกันโดยชว่ ยกนั คดิ รูปแบบ
ในการนำเสนอจากนั้นใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมานำเสนอในชัน้ เรียนเพ่ือเปน็ การแลกเปลีย่ นความรู้ระหว่าง
กนั โดยมกี ารอภปิ รายซกั ถามในระหว่างการนำเสนอ
2. หลงั จากอภิปรายแลว้ ให้นักเรยี นดวู ิดีทศั น์ เรอ่ื งการเพาะเลยี้ งเนือ้ เยื่อ
3. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สรปุ ไดว้ ่าเทคโนโลยีชวี ภาพ เปน็ วิธีการนำความรทู้ างชวี วิทยา
มาประยุกตใ์ ช้ในการพฒั นาและปรับปรงุ สงิ่ มีชีวิตหรือองค์ประกอบของสง่ิ มีชวี ติ เพ่ือใหไ้ ด้ผลติ ผล
ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ เทคโนโลยีชวี ภาพท่เี กย่ี วกับพืช เช่น การเพาะเลยี้ งเน้อื เยื่อพืช พันธวุ ิศวกรรมพืช
เป็นตน้ ปจั จบุ ันมกี ารนำเทคโนโลยีชีวภาพดงั กล่าวน้ไี ปใชใ้ นการขยายพันธ์แุ ละปรับปรุงพนั ธพุ์ ชื ไดแ้ ก่ การใช้
เทคนคิ การเพาะเลี้ยงเนอ้ื เยอ่ื พชื ในการเพม่ิ จำนวนไม้ดอก ไมป้ ระดบั ใหไ้ ด้จำนวนมาก
ในระยะเวลาสน้ั ๆ เพ่อื ส่งออกนำรายได้เขา้ สปู่ ระเทศ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชสมนุ ไพรเพ่อื สกัดสาร
ทมี่ ีฤทธเิ์ ป็นยานำมาใชใ้ นการรกั ษาโรค การเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือพชื บางชนดิ เพือ่ สกัดสารทใี่ หส้ ีเพือ่ นำมา
156
ใช้ในทางอตุ สาหกรรม การใช้เทคนคิ พันธุวศิ วกรรมในการสรา้ งพชื ท่มี ลี กั ษณะตามท่ตี อ้ งการของมนุษย์ เชน่
พชื ท่ตี ้านทานตอ่ โรค ตอ่ แมลง และต่อยาฆ่าวชั พชื เปน็ ต้น
ช่วั โมงที่ 3
ข้นั ขยายความรู้
ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายในประเด็นท่นี า่ สนใจ เชน่
- เทคโนโลยีชีวภาพจะชว่ ยในการอนรุ ักษ์พชื บางชนิด เช่น พชื สมุนไพร พชื ท่หี ายาก และพชื
ที่ใกล้สูญพันธไุ์ ด้อยา่ งไร
ข้นั ประเมนิ
ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั
6. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
1. สื่อสงิ่ พิมพ์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ ทางอินเทอรเ์ น็ตท่ีเกย่ี วข้อง
2. ใบความรู้ เรอ่ื ง เทคโนโลยีชวี ภาพท่ใี ช้ในการขยายพนั ธพุ์ ชื
3. ห้องสมุด
157
7. การวดั และประเมินผล
ส่ิงท่ีตอ้ งการประเมิน วธิ กี ารวดั ผล เครือ่ งมือทใี่ ช้ เกณฑก์ ารผา่ น
ในการวดั ผล การประเมินผล
ความรู้
อธิบายเกย่ี วกับ การตรวจผลงาน แบบประเมนิ การตรวจ ได้คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ
ผลงาน 60 ขึ้นไป
เทคโนโลยีชีวภาพท่ีใช้ใน
การขยายพนั ธุ์ ปรบั ปรงุ
พนั ธ์ุ เพม่ิ ผลผลิตของพชื
ได้
ทักษะ
กระบวนการสืบเสาะ - การนำเสนอผลงาน - แบบประเมนิ การ ไดค้ ะแนนเฉลี่ย รอ้ ยละ
นำเสนอผลงาน 60 ข้ึนไป
หาความรู้ - แบบประเมินพฤตกิ รรม
การทำงานกล่มุ
- สงั เกตพฤติกรรมการ
ทำงานกลมุ่
คณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์
ความสนใจใฝร่ ู้ ความ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ไดค้ ะแนนเฉล่ยี 2 (ด)ี
มงุ่ มัน่ อดทน รายบุคคล รายบุคคล ขน้ึ ไป
8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ 158
8.1 ผลการจดั การเรยี นรู้
ผูเ้ รียนที่ผา่ นตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นร้อยละ.................
ผูเ้ รียนท่ีไม่ผา่ นตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ จำนวน...............คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................
เลขท่ีของนักเรยี นท่สี อบไมผ่ า่ นตวั ชีว้ ัด..................................................................................................
............................................................................................................................................................................
สาเหตุท่ีไม่ผ่าน .....................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
ผเู้ รยี นท่มี ีความสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ ....................................................................................................
............................................................................................................................................................................
แนวทางการพฒั นา/ส่งเสริม..................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
ผู้เรียนได้รับความรู้ (K) ในเรื่อง ............................................................................................................
ผเู้ รยี นเกดิ ทักษะกระบวนการ (P) ในเร่ือง............................................................................................
ผเู้ รยี นมีคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม (A) ในเร่อื ง.................................................................................
8.2 ปัญหาอุปสรรค
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
8.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ .......................................................ครูผู้สอน
(นายดิเรกฤทธิ์ ยุเหล็ก)
ตำแหน่ง ครู คศ.1
วนั ที.่ ...........เดอื น..........................พ.ศ. ................
159
9. ความคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา/ผูท้ ี่ได้รับมอบหมาย
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ......................................หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้
(นางสาวพัสราภรณ์ พลู แจ้ง)
วันท่.ี ...........เดอื น..........................พ.ศ. ................
รับทราบผลการจัดการเรียนรู้
ลงชื่อ....................................................... ลงช่ือ......................................................
(...................................................) (นายวิรัชต์ จำปาทอง)
ตำแหน่ง รองผูอ้ ำนวยการสถานศกึ ษา ฝ่ายบรหิ ารวิชาการ ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษา
วนั ที่............เดือน..........................พ.ศ. ........... วนั ท่.ี ...........เดือน..........................พ.ศ. ..........
160
ใบความรู้
เรอ่ื ง เทคโนโลยีชวี ภาพท่ีใช้ในการขยายพนั ธพุ์ ชื
เทคโนโลยีชีวภาพทางดา้ นพชื
เทคโนโลยชี ีวภาพเป็นความร้หู รือวชิ าการที่สามารถนำส่ิงมชี วี ิต หรอื ผลผลติ จากส่ิงมีชวี ิตมาใช้ หรอื
มาปรบั เปลี่ยนและประยกุ ตเ์ พ่ือใชป้ ระโยชน์ ในบ้านเรามีการใช้เทคโนโลยีดังกลา่ วมานานแล้ว ตง้ั แตย่ งั ไมม่ ี
การติดต่อกบั ตะวันตกดว้ ยซำ้ การทำน้ำปลา ซอี วิ้ การหมักอาหาร หมักเหล้า ล้วนเป็นเทคโนโลยีชวี ภาพแบบ
ด้ังเดิม เชน่ เดยี วกับการปรับปรุงพันธุ์พืช สตั ว์ ให้มผี ลผลิตมากขน้ึ คณุ ภาพดีขน้ึ หรอื การนำสมนุ ไพรมาใช้
รกั ษาโรค บำรุงสุขภาพ กจ็ ัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยชี ีวภาพแบบดง้ั เดิม อยา่ งไรก็ดีปจั จุบันเม่อื พูดถงึ
เทคโนโลยีชวี ภาพ เรามกั หมายถงึ เทคโนโลยีสมยั ใหมท่ มี่ ีวทิ ยาศาสตรห์ ลายสาขาวิชาผสมผสานกนั อยู่ ตง้ั แต่
ชวี วทิ ยา เคมี ชวี เคมี ไปจนถงึ ฟิสกิ ส์ และวิศวกรรม อาจเรยี กไดว้ า่ เปน็ สหวิทยาการท่นี ำความรู้พื้นฐานด้าน
ตา่ ง ๆ เกย่ี วกับสงิ่ มีชีวิตไปใช้ให้เกิดประโยชน์
เทคโนโลยชี ีวภาพไดแ้ ก่
1. การตดั ต่อยีน (genetic engineering) เทคโนโลยีดีเอ็นเอสายผสม (recombinant DNA) และ
เทคโนโลยโี มเลกุลเครอื่ งหมาย (molecular markers)
2. การเพาะเลี้ยงเซลล์ และ/หรอื การเพาะเล้ียงเน้อื เย่ือ (cell and tissue culturing) พชื และสตั ว์
3. การใชป้ ระโยชน์จลุ ินทรีย์บางชนดิ หรือใชป้ ระโยชน์จากเอนไซน์ของจุลินทรีย์
ปจั จุบนั มนษุ ย์ไดน้ ำเทคโนโลยีชวี ภาพทางด้านพืชมาใช้ในการขยายพนั ธุพ์ ชื การปรบั ปรงุ พันธพ์ุ ชื
เพ่อื เพ่ิมผลผลติ ให้ได้ปรมิ าณมาก ๆ เชน่ การเพาะเลี้ยงเนอื้ เยือ่
การเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอื่
การเล้ยี งเนอ้ื เยือ่ ( Tissue culture ) คือการนำช้ินส่วนใด ๆ ของพชื จากตน้ พอ่ แม่ อาจจะเป็น
บริเวณตาออ่ นหรือตน้ ออ่ นมา เพาะเลี้ยงในอาหารสงั เคราะหใ์ นห้องทดลองท่ีปราศจากเชอื้ โรค สว่ นของตา
ออ่ นหรอื ยอดออ่ นเม่ือได้รับอาหารจะมขี นาดใหญ่ข้นึ เนือ่ งจากมกี ารแบง่ เซลล์ และสามารถตดั แบง่ ไป
เพาะเลย้ี งเนอื้ เย่อื ในหลอดแก้วใหม่ไดอ้ ีกเปน็ จำนวนมาก การขยายพนั ธุว์ ิธีนี้จะทำให้ได้พชื ต้นใหม่จำนวนมาก
ในระยะเวลาส้ัน และไดล้ กั ษณะเหมือนต้นพ่อแมพ่ นั ธุ์ทุกประการ
ปจั จุบันเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือพชื จัดเป็นเทคนคิ พนื้ ฐานที่นำมาใช้ประโยชนใ์ นดา้ น
การขยายพนั ธ์พุ ืช การศกึ ษา และการค้นคว้าวิจัยในทุกสาขาทเี่ กี่ยวข้องกบั พืช ส่วนใหญ่นำมาใช้
ผลติ และขยายพันธุพ์ ืช ใช้ในการผลิตเชิงการค้า เน่ืองจากสามารถผลิตพืชใหม้ ีคณุ ภาพดีสม่ำเสมอ
ได้ปรมิ าณมาก ในเวลาอนั รวดเร็ว เมอื่ เทียบกับวิธีการขยายพนั ธแุ์ บบไม่ใช้เพศอ่นื ๆการเพาะเล้ียงเนื้อเยอ่ื ได้
ถูกนำมาใช้จนเกดิ ผลเปน็ รปู ธรรมกับพชื หลายชนิด ตัวอย่างพืชท่ที ำเปน็ การคา้ ประสบผลสำเร็จ และให้
ผลตอบแทนมาก คอื พวกไม้เน้ืออ่อน เชน่ กลว้ ยไม้ หน้าวัว ลลิ ล่ี เบญจมาศ
กลอ๊ กซเิ นยี เยอบรี า่ เป็นต้น
161
ประโยชน์
1. สามารถผลติ ตน้ พนั ธ์ุพืชปริมาณมากในระยะอนั รวดเรว็
2. ตน้ พืชที่ผลิตได้จะปลอดโรค โดยเฉพาะโรคท่ีมีสาเหตุจากเชื้อไวรสั แบคทีเรยี
ดว้ ยการตดั เน้ือเย่อื ทเี่ จริญอย่บู รเิ วณปลายยอดของลำตน้ ซึ่งยงั ไมม่ ที ่ออาหาร อนั เปน็ ทางเคลอ่ื นย้าย
ของเชอื้ โรคดงั กล่าว
3. ตน้ พชื ท่ผี ลติ ได้ จะมีลักษณะทางพนั ธกุ รรมเหมอื นตน้ แม่ คอื มลี กั ษณะตรงตามพันธุ์
ด้วยการใชเ้ ทคนคิ ของการเลีย้ งจากช้ินตาพชื พัฒนาเปน็ ตน้ โดยตรง หลีกเลี่ยงขัน้ ตอนการเกิดกลมุ่
กอ้ นเซลล์ทเ่ี รยี กว่า แคลลัส
4. ต้นพชื ทผี่ ลิตได้จะมขี นาดสม่ำเสมอ ผลผลิตทไี่ ด้มมี าตรฐานและเกบ็ เกย่ี วได้คราวละ
มากๆ พร้อมกนั หรือในเวลาเดียวกนั
5. เพ่อื การเก็บรักษาหรือแลกเปลี่ยนพนั ธพุ์ ชื ระหว่างประเทศ
6. เพ่อื ประโยชนด์ ้านการสกัดสารจากต้นพชื นำมาใชป้ ระโยชน์ดา้ นต่างๆ เชน่ ยาฆ่า
แมลง ยารักษาโรค เป็นตน้
7.ใชเ้ พาะเล้ยี งพชื ทไี่ ม่สามารถงอกในธรรมชาติได้ เชน่ กล้วย กล้วยไม้ เปน็ ตน้
นอกจากนย้ี ังมีคุณประโยชน์อีกหลายประการ เช่น เพ่ือการผลติ พืชทนทานตอ่ สภาพแวดล้อม ทน
กรด ทนเค็ม ฯลฯ หรือการใชป้ ระโยชนเ์ ก่ียวกับการศกึ ษาทางชีวเคมี และสรีรวิทยาของพืช เป็นต้น ในสว่ น
ของของกรมส่งเสริมการเกษตรได้นำประโยชน์ข้อ 1-4 มาเปน็ ขอ้ กำหนดคุณลักษณะพนั ธพ์ุ ชื ทผี่ ลิตด้วยวิธีการ
เพาะเลย้ี งเนือ้ เย่ือ กอ่ นนำเขา้ ระบบสง่ เสริมสเู่ กษตรกร คอื ตน้ พนั ธ์พุ ชื ทผ่ี ลิตได้ตอ้ งปลอดโรค ลักษณะตรง
ตามพันธ์ุ และสามารถขยายไดป้ ริมาณมาในเชิงอุตสาหกรรม นับเปน็ หน่วยงานแรกของภาครัฐที่มีการนำ
เทคโนโลยเี พาะเลย้ี งเน้อื เยอ่ื มาพฒั นาการใช้งานขยายพันธุพ์ ชื เศรษฐกจิ ในเชงิ พาณิชยอ์ ย่างเป็นรูปธรรมและ
พร้อมนำไปใช้ในระบบสง่ เสริม ตัวอยา่ งพนั ธุ์พืชเพาะเล้ียงทมี่ กี ารทดลองนำรอ่ งปลกู ในสภาพไร่ และประสบ
ผลสำเร็จเป็นอย่างดี ไดแ้ ก่ หน่อไม้ฝร่งั กลว้ ย อ้อย สบั ปะรด ไผ่ เบญจมาศ และสตรอเบอรี่ เปน็ ต้น
นอกจากนีก้ ารปรบั ปรุงพันธพุ์ ืช เพ่ือให้ได้พืชที่มคี ุณลกั ษณะความต้องการ เช่นความแขง็ แรง
ต้านทานโรค ให้ผลผลิตสงู สามารถเจรญิ ไดใ้ นสภาวะอากาศของประเทศไทย ปัจจุบนั จึงไดน้ ำความรู้ทางด้าน
พนั ธุศาสตรเ์ ขา้ ชว่ ยในการปรับปรุงพนั ธุพ์ ืช เช่น การตดั ตอ่ ยีน หรือสารพนั ธุกรรมของพชื เพื่อใหไ้ ดล้ ักษณะ
ตามที่ตอ้ งการซึง่ เรยี กวา่ วิชาพนั ธวุ ศิ วกรรม ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ พชื สายพันธุใ์ หม่ ๆ เกิดข้ึนในโลกเช่น พชื จี เอ็ม โอ
(GMOs)
162
ตวั อยา่ งพชื ดัดแปลงพนั ธุกรรม
วอลนัท หลังจากทท่ี ำการตดั ตอ่ ทางพนั ธุกรรมแลว้ จึงทำให้เม็ดวอลนทั นัน้ มีคณุ สมบตั ิทดี่ ีขน้ึ
คอื
1. เมด็ วอลนัทแขง็ ข้ึน
2. ทนทานตอ่ โรค
สตรอเบอร่ี การตัดตอ่ ทางพันธุกรรม (GMO) ส่งผลให้สตรอเบอรี่
1. เนา่ ชา้ ลง ทำให้สะดวกตอ่ การขนส่ง
2. เพิ่มสารอาหาร
แอปเปิล ผลของการตดั ตอ่ ทางพนั ธุกรรมท่ีมีตอ่ แอปเปิลคอื
1. ทำให้ความสดและความกรอบของผลแอปเปลิ มรี ะยะเวลานานข้นึ
2. ทนต่อแมลงต่างๆ ท่ีเปน็ ศตั รูพชื
มะเขอื เทศ ลกั ษณะทีด่ ีข้ึนของมะเขือเทศ หลังจากทที่ ำการตัดต่อทางพนั ธกุ รรมแลว้ มีดังนี้
1. ทนทานต่อโรคมากข้ึน
2. เพ่มิ ความแข็งของเนือ้ มะเขอื เทศมากขึ้น ทำให้ลดปญั หาผลผลติ เสียหายขณะขนส่ง
3. ผลผลิตท่ีไดจ้ ากการเก็บเก่ียวจะเกิดการเนา่ เสียช้าลง
ข้าวโพด นับวา่ เป็นพืชทางเศรษฐกจิ อีกชนิดหนึง่ ท่ีเรานำมาทำการตัดตอ่ ทางพันธุกรรม
โดยการตัดตอ่ ยีนของแบคทเี รียท่ีชอื่ ว่า Bacillus thuringiensis เขา้ ไปในยนี ของเมลด็ ข้าวโพด จงึ ทำให้
ขา้ วโพดทไ่ี ด้ทำการตัดตอ่ ทางพนั ธุกรรมนี้มีคุณสมบตั พิ ิเศษ คอื สามารถสร้างสารพษิ ต่อแมลงท่ีเปน็ ศตั รพู ืชได้
โดยเม่อื แมลงมากดั กนิ ข้าวโพดน้แี มลงกจ็ ะตาย
มันฝรั่ง (Potato) เป็นพชื เศรษฐกิจทม่ี กี ารตัดตอ่ ทางพนั ธุกรรมเชน่ เดยี วกันกับข้าวโพด โดยใชก้ าร
ตัดต่อยีนของแบคทีเรยี ที่ชอ่ื ว่า Bacillus thuringiensis เข้าไปในยีนของมนั ฝร่ัง ทำให้มันฝรั่งท่ไี ด้รบั การตัด
ต่อทางพนั ธกุ รรมแล้วมคี ณุ ค่าทางสารอาหารเพม่ิ ขึน้ (เพม่ิ ปริมาณโปรตนี ) และในบางชนิดยงั สามารถผลิต
วคั ซนี ท่ีเป็นประโยชน์ต่อมนษุ ย์อกี ด้วย
ถั่วเหลือง มกี ารดดั แปลงพันธุกรรมถวั่ เหลอื งเพือ่ ให้มีคณุ สมบตั ิพิเศษ สามารถทนต่อสารเคมกี ำจดั
วชั พชื ชนดิ Roundup ไดด้ ีกวา่ ถวั่ เหลืองทว่ั ไป ทำใหผ้ ู้ปลูกสามารถใช้สารเคมีชนิด Roundup ไดม้ ากขนึ้ มี
ผลทำใหไ้ ดผ้ ลผลิตมากขนึ้ ตามไปด้วย
ฝา้ ย เป็นฝา้ ยท่ีผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรมโดยใสย่ ีนของแบคทเี รยี Bacillus thuringiensis
var. kurataki (B.t.k) เข้าไปในโครโมโซมของต้นฝ้าย ทำให้สามารถผลิตโปรตีน Cry 1A ซ่งึ มีคุณสมบตั ใิ นการ
ฆ่าหนอนท่ีเป็นศตั รฝู ้ายได้
มะละกอ มีการตัดต่อพนั ธกุ รรมมะละกอ เพอ่ื ให้สามารถต้านทานโรคระบาดได้
จะเห็นไดว้ า่ หากนักเรยี นนำความร้ใู นดา้ นเทคโนโลยชี ีวภาพที่เก่ียวกับการปรบั ปรุงพนั ธพ์ุ ืช การขยายพันธ์ุพืช
การตัดต่อยนี ทท่ี ำให้เกิดพชื ลกั ษณะใหม่ ๆ ขึ้นนนั้ มาใชพ้ ฒั นาประเทศในดา้ นต่าง ๆ เช่นการเกษตรกรรม จะ
163
ทำให้ผลผลติ ทางการเกษตรสูงขนึ้ ในขณะท่ีต้นทุนตำ่ ลง ด้านอุตสาหกรรม
จะสามารถทำให้ลดต้นทุนการผลติ ลงได้และมวี ัตถุดบิ เพียงพอตามทตี่ อ้ งการและทางด้านการแพทย์ พืชหลาย
ๆ ชนดิ มคี วามสำคัญในด้านหารแพทย์ มีประโยชนด์ า้ นการศึกษาวิจัยเพ่อื ผลิตอาหาร และยาเพ่ือใช้รกั ษาโรค
หากเทคโนโลยีชีวภาพมกี ารพัฒนามากขึ้น การเพาะเลย้ี งเนือ้ เยอื่ สมุนไพรท่หี ายากจะมีประโยชน์ทำใหไ้ ดพ้ ืช
ตามปริมาณทีต่ ้องการ เมอื่ ใช้ในการศึกษา วิจยั ดังกลา่ ว
164
แบบทดสอบประจำหนว่ ย
1. ข้อใดไม่ใช่ประโยชนข์ องพืชทไี่ ด้รบั การดดั แปลงพันธ์ุ
ก. ช่วยรกั ษาระบบนิเวศให้สมดลุ
ข. สามารถต้านทานโรคและแมลงได้ดี
ค. สามารถสร้างสารพเิ ศษบางชนิดได้มากขึ้น
ง. ใหผ้ ลผลิตมากข้นึ
2. ในการปลูกพชื ไร้ดิน ต้นพชื จะไดร้ บั แรธ่ าตตุ ่างๆ จากแหลง่ ใด
ก. สารอาหารตา่ งๆ ท่ีละลายอยูใ่ นนำ้ ตามธรรมชาติ
ข. จากอากาศรอบข้าง
ค. จากกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
ง. จากแรธ่ าตุตา่ งๆ ทีล่ ะลายอยู่ในนำ้ เนือ่ งจากมนษุ ยใ์ สเ่ พม่ิ ลงไป
3. เพราะเหตใุ ดพืช GMOs และผลติ ภัณฑ์จากพชื GMOs จึงมกั ถูกตอ่ ตา้ นโดยองค์การตา่ งๆ
ก. เพราะพืช GMOs ไม่สามารถทำได้จรงิ
ข. เพราะยังไม่ทราบแนช่ ดั ว่าจะมีผลเสยี ตอ่ สุขภาพและต่อส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งไร
ค. เพราะการปลกู พชื GMOs จะทำใหด้ ินเส่อื มสลาย
ง. เพราะพชื GMOs มีรสชาติแย่กวา่ พืชปกติ
4. สว่ นใดของพืชทนี่ ิยมนำมาใช้ในการเพาะเล้ียงเนือ้ เยอ่ื
ก. ใบแก่ ๆ
ข. กงิ่ แก่ ๆ
ค. รากออ่ น
ง. ปลายยอดอ่อน
5. การตดั แต่งจีน (Gene) สำหรับพชื บางชนดิ เพอื่ เพ่ิมผลผลติ ของพืชน้ัน ฝ่ายท่ีต่อตา้ นการดำเนนิ งาน
ลักษณะดงั กลา่ วน้ี มีขอ้ ห่วงใยในเรื่องใดมากท่ีสดุ
ก. การกลายพันธ์ุของพชื
ข. วัฏจักรการเจริญเติบโต
ค. ผลข้างเคียงตอ่ ผูบ้ รโิ ภค
ง. การขยายพนั ธ์ุเพื่อเพ่มิ ผลผลิต
165
เฉลย แบบทดสอบประจำหน่วย
1. ก
2. ง
3. ข
4. ง
5. ค
166
แบบประเมินการทดลอง
กลุ่มท่ี .............. ช้นั ...................
สมาชิก 1 ................................................................... 2 ...................................................................
3 ................................................................... 4 ....................................................................
รายการประเมิน ระดับคะแนน
ดมี าก (3) ดี (2) พอใช้ (1)
1. การตง้ั ปญั หา
2. การตง้ั สมมตฐิ าน
3. การทดลอง
4. การลงขอ้ สรุปผลการทดลอง บันทึกและเขียนรายงาน
167
เกณฑก์ ารประเมินการทดลอง
รายการประเมิน ระดบั คะแนน
1. การตั้งปญั หา
3
- ถกู ตอ้ งตรงประเดน็ 2
- ถูกต้องบางส่วน ไมต่ รงประเดน็ 1
- ไมถ่ กู ต้องและไมต่ รงประเด็น
2. การตั้งสมมติฐาน 3
- ต้ังสมมติฐานไดต้ รงประเด็น 2
- ถกู ตอ้ งบางส่วนไม่ตรงประเด็น 1
- ไม่ถูกต้องและไม่ตรงประเด็น
3. การทดลอง 3
- ใช้อุปกรณ์เรียงลำดับถกู ตอ้ ง ปลอดภัย ใช้เวลาตามท่กี ำหนด 2
- ใช้อุปกรณไ์ ด้แต่ยงั ไมถ่ ูกตอ้ ง ครคู อยชแี้ นะเป็นบางครงั้ ตรงเวลา 1
- ใช้อุปกรณ์ไมเ่ ปน็ ครูต้องคอยแนะนำเสมอ ไม่ตรงเวลา
4. การลงขอ้ สรปุ ผลการทดลอง บนั ทึกและเขียนรายงาน 3
- บนั ทึกผลการทดลอง สรปุ ผลถูกต้อง และชดั เจน 2
- บันทึกผลการทดลองไดเ้ อง เขยี นรายงานได้บ้าง แต่ยังไมส่ มบรู ณ์ 1
- บันทกึ ผลการทดลองยงั ไม่ได้ ครูตอ้ งคอยแนะนำ การเขยี นและสรปุ ผล
เกณฑ์การตัดสนิ ดมี าก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน5 – 6
168
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
กลุ่มท่ี .............. ช้นั ...................
สมาชกิ 1 .................................................................. 2 ....................................................................
3 ................................................................... 4 ....................................................................
ระดับคะแนน
รายการประเมิน ดีมาก ดี (2) พอใช้
1. ความสามารถในการทางาน (3) (1)
2. การรักษาเวลาและการนำเสนอ
3. การตอบคำถามและการแก้ปญั หาเฉพาะหนา้
4. บุคลิกภาพ
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน 169
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
1. ความสามารถในการทางาน
3
- นำเสนอถูกต้องครบถว้ น เน้นประเดน็ สำคัญ 2
- นำเสนอถกู ตอ้ งครบถว้ น ประเดน็ สำคญั ไม่ชัดเจน 1
- นำเสนอไม่ค่อยถกู ต้อง ไมม่ ีประเด็นทชี่ ัดเจน
2. การรกั ษาเวลาและการนำเสนอ 3
- นำเสนอราบร่ืน มกี ารทางานเป็นทมี แบ่งเวลาเหมาะสม 2
- นำเสนอราบรน่ื มกี ารทางานเป็นทีม แบง่ เวลาไม่เหมาะสม 1
- การนำเสนอเสรจ็ ทันเวลา แต่ขน้ั ตอนการนำเสนอไม่เปน็ ระบบ
3. การตอบคำถามและการแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ 3
- แกป้ ัญหาได้ดี สามารถตอบปัญหาได้ตรงประเด็น 2
- แกป้ ัญหาได้ดี สามารถตอบปญั หาได้ไม่ตรงประเดน็ 1
- ตอบปญั หาได้เลก็ นอ้ ย ครูต้องคอยใหค้ วามช่วยเหลอื บ้าง
4. บคุ ลิกภาพ 3
- พูดชัดเจน มีความม่ันใจในการนำเสนอ 2
- พูดเสียงเบา แตม่ ีความมั่นใจในการนำเสนอ 1
- ไม่คอ่ ยม่ันใจในการนำเสนอพูดตะกกุ ตะกักบ้าง
เกณฑ์การประเมิน ดมี าก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน5 – 6
170
แบบตรวจผลงาน
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ดีมาก (3) ดี (2) พอใช้ (1)
1. เนื้อหา
- เนื้อหา ถูกต้องตรงตามประเดน็
- มแี หล่งอา้ งองิ
2. การออกแบบ
- รูปแบบนา่ สนใจ
- สีสันสวยงาม
- ความคดิ สร้างสรรค์
3. การนำเสนอ
- ความเปน็ ระเบยี บ
- ขนาดตัวหนังสือ
- การเรยี งลำดับหัวข้อ
4. ความตรงต่อเวลา
ผรู้ ับประเมนิ ......................................................... ผูป้ ระเมนิ ..........................................................
(........................................................)
.........../......................./.....................
เกณฑ์การประเมนิ ดมี าก
คะแนน10 – 12 ดี
คะแนน7 –9 พอใช้
คะแนน4 – 6
171
แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิการกลุม่
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี……….. ปกี ารศึกษา ……………..
วันท่ี ………. เดือน ……………………….. พ.ศ. ………………..
พฤติกรรม การ การทางาน การแสดง สรปุ ผลการประเมิน
วางแผน การแบง่ งาน ร่วมกบั หมู่ ความคดิ คะแนนเฉลยี่
รบั ผดิ ชอบ คณะ เหน็ ร่วมกัน
รว่ มกนั
กลมุ่ ที่ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
1
2
3
4
5
6
7
8
ลงชอ่ื ………………………………. ผู้ประเมนิ
(……………………………..)
เกณฑ์การให้คะแนน
ระดบั 3 หมายถงึ มีผลการปฏิบัตมิ าก
ระดบั 2 หมายถงึ มีผลการปฏิบัตปิ านกลาง
ระดับ 1 หมายถงึ มีผลการปฏิบัตินอ้ ย
เกณฑก์ ารประเมนิ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
24-30 3 = ดี
17-23 2 = พอใช้
10-16 1 = ปรับปรุง
172
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ลำดบั ท่ี ัทกษะการ ัสงเกต
ัทกษะการจำแนก
ัทกษะการลงความ
ิคดเ ็หนจาก ้ขอ ูมล
ัทกษะการ ัจดกระทำ
และ ่ืสอความหมาย
้ขอ ูมล
รวม
ผล การประเ ิมน
333 3 12
ลงชื่อ …………………………………………………………. ผูป้ ระเมิน
(…………………………………..……………..)
173
เกณฑก์ ารให้คะแนนทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการ เกณฑ์การให้คะแนน
ทางวทิ ยาศาสตร์
1. ทักษะการสังเกต 321
2.ทักษะการจำแนก ใชป้ ระสาทสัมผัส อย่าง ใชป้ ระสาทสมั ผัส อย่าง ใช้ประสาทสัมผัส อยา่ ง
ใดอย่างหน่ึง หรือหลาย ใดอย่างหนงึ่ หรือหลาย ใดอย่างหน่ึง หรือหลาย
อยา่ ง เพอ่ื หาขอ้ มลู อยา่ ง เพอื่ หาขอ้ มูล อยา่ ง เพื่อหาข้อมลู
หรอื รายละเอียดของสงิ่ หรอื รายละเอียดของสง่ิ หรือรายละเอยี ดของสิ่ง
ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ต่าง ๆ ได้ถูกต้องเปน็ ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกต้องเป็น
ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางสว่ น
การแบ่งพวก หรือ การแบง่ พวก หรอื การแบง่ พวก หรอื
เรียงลำดบั วัตถุ หรือสิง่ เรียงลำดบั วตั ถุ หรอื สิ่ง เรยี งลำดบั วัตถุ หรอื สงิ่
ท่ีอย่ใู นปรากฏการณ์ ทอี่ ยูใ่ นปรากฏการณ์ ท่อี ยใู่ นปรากฏการณ์
โดยใชเ้ กณฑ์ ความ โดยใชเ้ กณฑ์ ความ โดยใชเ้ กณฑ์ ความ
เหมือน ความแตกต่าง เหมือน ความแตกต่าง เหมอื น ความแตกต่าง
หรือความสัมพนั ธอ์ ยา่ ง หรือความสัมพนั ธ์อย่าง หรือความสัมพนั ธอ์ ย่าง
ใดอย่างหน่ึง ไดถ้ ูกตอ้ ง ใดอยา่ งหน่งึ ไดถ้ ูกตอ้ ง ใดอย่างหน่งึ ไดถ้ ูกตอ้ ง
สมบูรณ์ สมบรู ณ์ไดถ้ กู ต้องเป็น สมบรู ณ์
ส่วนใหญ่ ถกู ตอ้ งเป็นบางส่วน
3. ทกั ษะการลงความ การเพมิ่ ความคดิ เห็น การเพม่ิ ความคิดเห็น การเพม่ิ ความคดิ เหน็
คิดเห็นจากขอ้ มูล
ใหก้ ับขอ้ มูลที่ได้จาก ให้กับขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก ใหก้ ับข้อมูลท่ไี ด้จาก
การสังเกตอยา่ งมี การสงั เกตอยา่ งมี การสังเกตอย่างมี
เหตุผล โดยอาศยั เหตผุ ล โดยอาศัย เหตผุ ล โดยอาศยั
ความรูห้ รือ ความรู้หรอื ความรหู้ รือ
ประสบการณ์เดิมมา ประสบการณเ์ ดิมมา ประสบการณ์เดมิ มา
ชว่ ย ไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น ช่วย ไดถ้ กู ตอ้ งเปน็ สว่ น ชว่ ย ได้ถกู ตอ้ งเป็น
ใหญ่ บางสว่ น
174
ทกั ษะกระบวนการ เกณฑก์ ารให้คะแนน
ทางวทิ ยาศาสตร์
321
4. ทักษะการจัด
กระทำและส่ือ นำผลการสงั เกต นำผลการสังเกต นำผลการสังเกต
ความหมายขอ้ มูล
การวัด การทดลองจาก การวัด การทดลองจาก การวัด การทดลองจาก
แหลง่ ต่าง ๆ โดยการ แหลง่ ตา่ ง ๆ โดยการ แหลง่ ตา่ ง ๆ โดยการ
หาความถ่ี เรยี งลำดับ หาความถ่ี เรียงลำดบั หาความถี่ เรยี งลำดบั
จดั แยกประเภท เพือ่ ให้ จัดแยกประเภท เพ่ือให้ จดั แยกประเภท เพ่ือให้
ผอู้ ืน่ เข้าใจความหมาย ผอู้ ื่นเข้าใจความหมาย ผ้อู ่ืนเขา้ ใจความหมาย
ของขอ้ มลู ดยี ง่ิ ขึน้ ได้ ของขอ้ มูลดยี ิ่งขึน้ ได้ ของขอ้ มูลดยี ง่ิ ข้ึน ได้
ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ งเป็นบางสว่ น
เปน็ ส่วนใหญ่
เกณฑ์การประเมนิ
ได้คะแนนต้ังแต่ 11 - 12 คะแนน มที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สูง
ได้คะแนนต้ังแต่ 6 - 10 คะแนน มที กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ปานกลาง
ได้คะแนนตง้ั แต่ 4 - 5 คะแนน มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต่ำ