The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผวคณป1-หมุน_merged_removed

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by deadthecatko, 2022-05-01 15:10:12

ผวคณป1-หมุน_merged_removed

ผวคณป1-หมุน_merged_removed

แบบประเมินผลงาน

วชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1
หน่วยที่ 1 การใชเ้ ทคโนโลยีเบ้ืองต้น เรื่อง การใช้ซอฟตแ์ วร์เบอื้ งตน้

คำชี้แจง : โปรดแสดงความคดิ เหน็ ของทา่ น และทำเครือ่ งหมาย () ลงในช่องวา่ ง

ข้อที่ เกณฑ์การวัดและประเมินผล ระดบั คะแนน
3 21

1. พิมพข์ อ้ ความโดยใช้ชุดคำสั่งในโปรแกรม Microsoft word

2. วาดภาพโดยใช้โปรแกรม Paint

3. ใชช้ ุดคำสง่ั ในโปรแกรม Paint

4. แทรกรูปภาพและเพิม่ สไลด์ โดยใช้โปรแกรม Microsoft PowerPoint

5. นำเสนองานโดยใชช้ ดุ คำสงั่ ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint

6. ยกตวั อยา่ งการเลือกใช้โปรแกรมซอฟต์แวรใ์ นชวี ิตประจำวัน

7. ตอบคำถามเกย่ี วกับการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในชีวติ ประจำวนั ให้
ปลอดภยั

รวม

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
19-21 ดมี าก
15-18 ดี
11-14 พอใช้
ปรับปรุง
ต่ำกวา่ 10

32

เกณฑ์การแบบประเมินผลงานของนกั เรยี น

หวั ขอ้ ประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
321

พิมพข์ ้อความโดยใช้ พิมพข์ อ้ ความโดยใช้ พิมพข์ ้อความโดยใช้

โปรแกรม Microsoft โปรแกรม Microsoft โปรแกรม Microsoft

1. พมิ พ์ขอ้ ความโดยใช้ชุดคำสง่ั ใน word ไดถ้ ูกตอ้ ง และ word ไดถ้ ูกต้อง และ word ได้บา้ ง และใช้
โปรแกรม Microsoft word ใชง้ านชุดคำสั่งได้ ใชง้ านชดุ คำสง่ั งานชดุ คำส่ังบางอย่าง
ถกู ตอ้ งเหมาะสมกบั บางอยา่ งไดถ้ กู ตอ้ ง ได้เล็กนอ้ ย ตอ้ งได้รับ

ลักษณะงานท่ตี อ้ งการ เหมาะสมกบั ลักษณะ คำแนะนำจากครู

งานที่ต้องการ

สามารถวาดภาพโดยใช้ สามารถวาดภาพโดยใช้ สามารถวาดภาพโดยใช้

โปรแกรม Paint ได้ โปรแกรม Paint ได้ โปรแกรม Paint ไดแ้ ต่

2. วาดภาพโดยใชโ้ ปรแกรม Paint เลือกใช้ชุดคำสง่ั ใน เลือกใช้ชดุ คำส่งั ใน ไมส่ มบูรณ์ เลือกใช้
โปรแกรมไดเ้ หมาะสม โปรแกรมบางอย่างได้ ชดุ คำส่งั ในโปรแกรมได้

กบั งาน เหมาะสมกบั งาน ไม่คอ่ ยเหมาะสมกบั

งาน

สามารถใช้ชดุ คำสง่ั ใน สามารถใชช้ ดุ คำส่งั สามารถใชช้ ุดคำสงั่ ใน

โปรแกรมทกุ อยา่ งได้ บางสว่ นในโปรแกรมได้ โปรแกรมได้เล็กนอ้ ย

3. ใช้ชุดคำสั่งในโปรแกรม Paint และเลอื กใช้ชุดคำสัง่ และเลือกใชช้ ดุ คำสง่ั และเลอื กใช้ชดุ คำสง่ั ยงั
ตรงกับการใชง้ านของ ตรงกบั การใช้งานของ ตรงกับการใช้งานของ

ชิ้นงานน้ัน ทำให้ได้ ชิ้นงานน้นั ทำให้ได้ ชิ้นงานนน้ั ทำให้ทำ

ชนิ้ งานทถ่ี กู ต้อง ช้ินงาน ช้นิ งานไมส่ ำเร็จ

ใช้ชดุ คำสัง่ แทรก ใชช้ ุดคำสั่งแทรก ใชช้ ุดคำส่ังแทรก

รูปภาพโดยใช้ รูปภาพโดยใช้ รปู ภาพโดยใช้

4. แทรกรูปภาพโดยใช้โปรแกรม โปรแกรม Microsoft โปรแกรม Microsoft โปรแกรม Microsoft
Microsoft PowerPoint PowerPoint ได้ PowerPoint ได้ PowerPoint ไมค่ ่อย
ถกู ตอ้ ง โดยไม่ต้อง ถกู ต้อง แต่ตอ้ งได้รบั ได้ ต้องไดร้ บั คำแนะนำ

ได้รับคำช้ีแนะจาก คำแนะนำจากครูผู้สอน จากครูผู้สอน

ครผู ู้สอน บ้างเลก็ น้อย

33

หวั ขอ้ ประเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
321

นำเสนองานโดยใช้ นำเสนองานโดยใช้ นำเสนองานโดยใช้

ชุดคำสงั่ ในโปรแกรม ชดุ คำสัง่ ในโปรแกรม ชุดคำสั่งในโปรแกรม

Microsoft Microsoft Microsoft

5.นำเสนองานโดยใช้ชุดคำส่งั ใน PowerPoint ได้ PowerPoint ได้ PowerPoint ได้บา้ ง

โปรแกรม Microsoft PowerPoint ถกู ต้อง และใชง้ าน ถกู ตอ้ ง และใช้งาน และใชง้ านชุดคำสง่ั

ชุดคำสัง่ ไดถ้ กู ตอ้ ง ชดุ คำสั่งบางอยา่ งได้ บางอย่างได้เลก็ น้อย

เหมาะสมกับลักษณะ ถกู ต้องเหมาะสมกบั ตอ้ งได้รับคำแนะนำ

งานทีต่ อ้ งการ ลกั ษณะงานท่ตี อ้ งการ จากครู

ตอบคำถามการ ตอบคำถามการ ตอบคำถามการ

เลือกใช้โปรแกรม เลอื กใช้โปรแกรม เลือกใชโ้ ปรแกรม

6.ตอบคำถามการเลอื กใชโ้ ปรแกรม ซอฟแวรใ์ น ซอฟตแ์ วรใ์ น ซอฟตแ์ วรใ์ น
ซอฟต์แวรใ์ นชวี ิตประจำวัน ชวี ิตประจำวนั ถูกต้อง ชีวิตประจำวันถกู ต้อง ชีวติ ประจำวันไดย้ ังไม่
เหมาะสม และนำไปใช้ และอาจนำไปใชไ้ ดจ้ ริง ถกู ต้องเทา่ ท่ีควร และ

ได้จริง ไมส่ ามารถนำไปใชไ้ ด้

จริง

ตอบคำถามบอก ตอบคำถามบอก ตอบคำถามบอก

วิธีการใช้เทคโนโลยี วธิ ีการใช้เทคโนโลยี วิธกี ารใชเ้ ทคโนโลยี

7.ตอบคำถามเก่ียวกับการใช้ สารสนเทศใน สารสนเทศใน สารสนเทศใน

เทคโนโลยีสารสนเทศใน ชวี ติ ประจำวนั ให้ ชีวติ ประจำวนั ให้ ชวี ิตประจำวันให้

ชวี ิตประจำวนั ใหป้ ลอดภัย ปลอดภัยไดถ้ ูกต้อง ปลอดภัยได้ อาจ ปลอดภยั ได้ แตอ่ าจ

เป็นวธิ ีท่ีดี ปฏิบตั ไิ ด้ ปฏิบตั ิได้จริง ปฏบิ ตั ิไม่ไดจ้ รงิ

จรงิ

34

แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น ป.1

ชือ่ ............................................................เลขท.่ี ...............ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 หอ้ ง....................

คำชแ้ี จง : ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี √ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั
ระดับคะแนน

ขอ้ การสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น ระดับความคิดเหน็
321

มีวินัย

1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ

2 ปฏิบัตติ ามคำตักเตอื นของครู

3 ทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ

ใฝ่เรยี นรู้

4 รว่ มทำกจิ กรรมต่างๆ ทค่ี รูจัดใหอ้ ยา่ งตง้ั ใจ

5 หม่นั ซักถาม เมอ่ื เกิดข้อสงสยั
6 เอาใจใส่งานท่ีได้รบั มอบหมาย
มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกบั เพื่อนอยา่ งกระตอื รอื รน้

8 ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ
9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ปฎิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
2 คะแนน 23-27 ดีมาก
ปฎบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี
13-17 พอใช้
ปฎิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ (50%) ให้ ปรบั ปรุง
ต่ำกว่า 13

35

แบบบันทึกหลงั แผนการจดั การเรียนรู้

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชือ่ ..............................................ผบู้ นั ทกึ
(................................................)

ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ

ลงชื่อ................................................

36

(................................................)
ตำแหน่ง.................................................

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน

รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ระยะเวลา 7 ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วดั

ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชวี ิตจริงอยา่ งเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ว 4.2 ป. 1/1 แก้ปญั หาอย่างงา่ ยโดยใชก้ ารลองผิดลองถกู การเปรยี บเทียบ
ว 4.2 ป. 1/2 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน หรอื การแก้ปญั หาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์
หรอื ข้อความ

2. สาระการเรยี นรู้

1) การแก้ปัญหาใหป้ ระสบความสำเร็จทำไดโ้ ดยใชข้ ัน้ ตอนการแก้ปญั หา
2) การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หาทำไดโ้ ดยการเขยี น บอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์
3) ปญั หาอยา่ งง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหาจดุ แตกตา่ งของภาพ การจัดหนงั สอื ใสก่ ระเป๋า

3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกทักษะการคิด
เชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ และการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ

การแสดงขน้ั ตอนการแก้ปัญหา สามารถทำได้โดยการเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลักษณ์
การแกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ข้ันตอนการแก้ปัญหาสามารถฝึกฝนผ่านเกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ และ
การจดั กระเปา๋ นกั เรยี นได้ ทำให้สามารถแก้ปัญหาท่พี บในชีวิตจริงได้อย่างเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบ

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มั่นในการทำงาน
1) ทกั ษะการคดิ เชงิ คำนวณ
2) ทักษะการสังเกต
3) ทกั ษะการสื่อสาร
4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั
5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้

37

6) ทักษะการแกป้ ญั หา

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ใบงานเร่อื ง การเปรยี บเทียบ
- ใบงานเร่ือง ไขต่ กไมแ่ ตก
- กิจกรรมหาจดุ แตกต่างของภาพหนา้ 39 หนังสือเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.1
- กิจกรรมหน้า 41 หนังสือเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.1
- กจิ กรรมในแบบฝกึ หัดเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1 หน้า 29

6. การวดั และการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธีวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
6.1 การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ

- แบบทดสอบกอ่ น ก่อนเรียน - รอ้ ยละ 50 ผ่านเกณฑ์
เรยี น หน่วยการ - ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์
เรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ งการ -ตรวจใบงาน เร่อื งการ -ใบงาน เรือ่ งการ
แก้ปญั หาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน
6.2 ประเมนิ ระหว่าง เปรยี บเทยี บ เปรยี บเทยี บ
การจัดกจิ กรรม
การเรยี นรู้ -แบบประเมินผลงาน -แบบประเมินผลงาน
1) ผลงานเรือ่ งการแกป้ ัญหา
2) ผลงานเร่ือง การแสดง ตรวจใบงาน เรื่อง ไข่ ใบงาน เรื่อง ไข่ตกไม่
ขั้นตอนการแกป้ ัญหา
ตกไมแ่ ตก แตก

3) การแก้ปัญหาอย่างงา่ ย ตรวจกิจกรรมหาจดุ -กจิ กรรมหาจุดแตกตา่ ง - ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์
แตกตา่ งของภาพหน้า ของภาพหน้า 39 หนงั สือ
39 หนงั สือเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการ
(วิทยาการคำนวณ) คำนวณ) ป.1
ป.1 -กจิ กรรมหนา้ 41
-กจิ กรรมหน้า 41 หนังสือเทคโนโลยี
หนงั สอื เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1

38

รายการวดั วธิ ีวดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

4) พฤติกรรม (วิทยาการคำนวณ) ป. -กจิ กรรมในแบบฝึกหดั - ระดับคณุ ภาพ ดี ผา่ น
การทำงานรายบคุ คล เกณฑ์
1 เทคโนโลยี (วิทยาการ

-กิจกรรมใน คำนวณ) ป.1 หน้า 29

แบบฝึกหัดเทคโนโลยี

(วิทยาการ

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม

การทำงาน การทำงาน

รายบุคคล

6.3 การประเมนิ หลังเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น - ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์

- แบบทดสอบหลงั หลังเรียน

เรียน หนว่ ยการ

เรยี นรูท้ ี่ 2 เรอ่ื งการ

แก้ปญั หาอย่างเป็นข้ันตอน

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

• แผนท่ี 1 : การแก้ปัญหา เวลา 2 ชั่วโมง

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : การลองผดิ ลองถูก

• แผนท่ี 2 : การแสดงข้ันตอนการแก้ปญั หา เวลา 2 ชัว่ โมง

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : การแก้ปญั หา (Problem Solving Method)

• แผนท่ี 3 : การแก้ปญั หาอย่างง่าย เวลา 3 ชั่วโมง

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : กระบวนการคิดคำนวณ Computational Thinking

Process

(รวมเวลา 7 ชวั่ โมง)

39

8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
1. บลอ็ กรปู ทรงเรขาคณิตและกรอบสเ่ี หลย่ี ม
2. บัตรภาพ เรื่อง เปรยี บเทียบความแตกต่างของภาพ
3. ใบงานเรือ่ ง การเปรียบเทยี บ
4. สไี ม้
5. ใบงาน เรอื่ ง ไขต่ กไมแ่ ตก
6. ไข่ไก่หรอื ไข่นกกระทาดิบ
7. กระดาษ
8. หนงั ยาง
9. ฟองน้ำ
10. กิ่งไมห้ รือตะเกยี บ
11. หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การแก้ปัญหาอย่างเป็น
ขั้นตอน
12. หนังสือแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง การแก้ปัญหา
อย่างเปน็ ขัน้ ตอน
13. ใบงานเร่ือง เกมเขาวงกต
14. ภาพ เกมจดุ แตกตา่ งของภาพ

40

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ข้ันตอน
เวลา 10 นาที

คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นวง  ลอ้ มรอบตวั อักษร ก,ข และ ค หน้าคำตอบที่ถูกต้อง

1. จากภาพ ภาพใดเปน็ ภาพเตม็ ของภาพนี้

ก. ข. ค.
2. จากภาพด้านล่าง ภาพใดแตกต่างจากภาพอื่น

ก. ข. ค.
3. กลอ่ งใดมขี นาดเท่ากบั กลอ่ งน้ี
ค.
ก. ข. ค. โมโห
4. สญั ลักษณ์นี้ แสดงถงึ อารมณ์ใด

ก. ดีใจ ข. เสยี ใจ

41

5. สัญลกั ษณ์ขั้นตอนการแก้ปญั หา จดุ เร่มิ ต้นหรอื สิน้ สุด ค.
ก. ข.

6. ขอ้ ใดเป็นการใช้สัญลกั ษณแ์ ทนความหมายว่า เลี้ยวขวา

ก. ข. ค.
7. กำหนดให้
=1 =2

ถ้า ข. 2 ค. 3

ก. 1
8. สังเกตภาพ

จุดแตกตา่ งของภาพทั้งสอง มีกี่จดุ

ก. 4 จุด ข. 5 จดุ ค. 6 จุด

42

9. จากภาพ

นักเรียนจะพาลิงไปกินกลว้ ยได้อย่างไร โดยใช้คำสั่งดังน้ี เดนิ เดิน
ซ้าย ขวา
เดนิ เดนิ
ข้นึ ลง

ก. ค.
ข.
ค.
10. อุปกรณใ์ ดทไี่ มค่ วรจดั ใสก่ ระเป๋านกั เรียน

ก. ข.

เฉลย 1.ก 2.ค 3.ข 4.ค 5.ก 6.ก 7.ค 8.ข 9.ข 10.ค

43

แบบทดสอบหลังเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน

เวลา 10 นาที

คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนวง  ล้อมรอบตัวอกั ษร ก,ข และ ค หนา้ คำตอบทถี่ กู ต้อง

1. จากภาพ ภาพใดเปน็ ภาพทีป่ ระกอบกันแลว้ จะมลี ักษณะเหมอื นภาพเตม็ น้ี

1. ข. ค.
2. จากภาพด้านลา่ ง ภาพใดแตกต่างจากภาพอ่ืน

ก. ข. ค.
3. จากภาพ ภาพใดมีขนาดเท่ากบั ภาพนี้

ก. ข. ค.
ค. โมโห
4. สัญลักษณน์ ้ี แสดงถงึ อารมณ์ใด

ก. เสียใจ ข. ดใี จ

44

5. สญั ลักษณ์ขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา ปฏบิ ัติ ค.
ก. ข.

6. ข้อใดเป็นการใช้สญั ลกั ษณแ์ ทนความหมายว่า เล้ยี วซา้ ย

ก. ข. ค.
7. กำหนดให้
=1 =2

ถา้ ข. 2 ค. 3

ก. 1
8. สังเกตภาพ

จุดแตกตา่ งของภาพทั้งสอง มกี ี่จดุ ข. 5 จดุ ค. 6 จดุ
ก. 4 จดุ

45

9. จากภาพ

นักเรยี นจะพาผ้งึ กลับรังได้อยา่ งไร โดยใช้คำสงั่ ดังนี้ เดิน เดนิ
ซ้าย ขวา
เดิน เดิน
ขนึ้ ลง ค.

ก.
ข.
ค.

10. อปุ กรณใ์ ดทไ่ี ม่ควรจดั ใส่กระเป๋านักเรยี น
ก. ข.

เฉลย เฉลย 1.ข 2.ค 3.ก 4.ก 5.ค 6.ก 7.ค 8.ข 9.ข 10.ค

46

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง วิธีการแก้ปัญหา

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน ระยะเวลา 2 ชั่วโมง

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยวี ทิ ยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1

1. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด
1.1 ตัวชี้วดั
ว 4.2 ป.1/1 แก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชก้ ารลองผดิ ลองถกู การเปรยี บเทยี บ

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. แก้ปัญหาโดยใช้การลองผิดลองถกู ได้ (K) (P)
2. เปรียบเทยี บโดยการสงั เกตวสั ดุท่ีมคี วามแตกตา่ งกันได้ (P)
3. ยกตัวอยา่ งวธิ กี ารแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวันได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
การแกป้ ัญหาให้ประสบความสำเรจ็ ทำได้โดยใช้ขนั้ ตอนการแก้ปัญหา

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ปัญหาแต่ละปัญหามีวิธีการแก้ท่ีแตกต่างกัน การลองผิดลองถูกและการเปรียบเทียบเป็น

วธิ กี ารหน่งึ ทีน่ ำไปสู่การแก้ปัญหา

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
1) ทักษะการคิดเชิงคำนวณ
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทกั ษะการสอื่ สาร
4) ทักษะการทำงานร่วมกัน
5) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้

47

6) ทกั ษะการแกป้ ัญหา
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : การลองผดิ ลองถกู

ชั่วโมงที่ 1

ขัน้ นำ 20 นาที

1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่อื งการแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอน จำนวน 10 ขอ้ 3 ตวั เลอื ก เวลา 10
นาที
2.ครใู ห้นกั เรยี นเลน่ กจิ กรรมท่ี 1 โดยครชู ้ีแจงกตกิ าดังนี้
2.1 ใหน้ กั เรียนจับลกู บอลในกล่อง แล้วดสู ีของลูกบอลทต่ี นเองจบั ได้
2.2 ให้นักเรยี นนำลูกบอลไปใส่ในกล่องให้ตรงตามสีที่ตนเองจบั ได้ โดยให้เดินผา่ นทางเดนิ ที่กำหนดให้
2.3 นักเรียนเลอื กเส้นทางการเดนิ ทางเอง โดยมเี ง่อื นไขวา่ ให้เดนิ ไดเ้ ฉพาะชอ่ งทีม่ ีรอยเทา้
2.4 ถ้านักเรียนเดนิ เหยียบระเบิดใหย้ ้อนกลับมาท่จี ุดเรมิ่ ต้น
3.ครใู ห้นักเรียนออกมา 5 คนเพื่อเล่นเกมในรอบท่ี 1 ครใู ห้นักเรียนสุ่มหยิบลูกบอล แล้วนำไปวางใส่กล่อง
จากน้นั ให้ไปยนื อยู่ขา้ งหลงั กล่อง
4.เมอ่ื นกั เรยี นเล่นเกมครบทุกคน ครใู หน้ ักเรียนจัดกลมุ่ โดยแบง่ ตามสีลกู บอลที่นักเรยี นจบั ได้

ข้นั สอน 40 นาที

1. ครใู หน้ ักเรยี นเข้าตามกลุม่ ครูชี้แจงกิจกรรมท่ี 2 ว่า ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ นำสิ่งของต่างๆ ในตะกรา้ ไปใส่
ลงในกลอ่ งใหค้ รบทุกชิ้น

2. ครูชแี้ จงกตกิ าการทำกิจกรรมดังนี้
2.1ผเู้ ลน่ คนที่ 1 ของทีม หยิบวตั ถุ 1 ชน้ิ

48

2.2 นำวตั ถุไปใสใ่ นกลอ่ งของกลุ่มตวั เอง โดยมเี ง่อื นไขวา่ ให้เดินผ่านชอ่ งที่มีรอยเท้าเท่านั้น
2.3 ถ้านักเรียนเดินไปช่องท่มี ีระเบดิ ตอ้ งยอ้ นกลับมาที่จุดเริม่ ตน้
2.4 เมอื่ ผู้เลน่ คนท่ี 1 นำวตั ถุใสล่ งไปในกล่องซง่ึ กล่องจะมีชอ่ งท่ีมลี กั ษณะแตกต่างกัน ให้นักเรยี น
หาช่องทส่ี ามารถใสว่ ตั ถนุ ้ันลงไปในกลอ่ งให้ได้
2.5 เมื่อผู้เล่นคนท่ี 1 ใส่วัตถุลงในกล่องเรียบร้อย ให้เดนิ กลับมา โดยเดินผา่ นช่องที่เป็นรอยเท้า
เพ่ือมาแตะมอื กับผูเ้ ล่นคนท่ี 2
2.6 ผ้เู ลน่ คนท่ี 2 กท็ ำเชน่ เดนิ กลบั ผู้เล่นคนท่ี 1 และทำไปเร่ือยๆ จนถึงผเู้ ล่นคนสดุ ทา้ ย
2.7 ทีมไหนใส่วตั ถคุ รบทกุ ช้นิ เป็นทีมแรก ถอื วา่ เป็นผชู้ นะ
3. ครูใหน้ กั เรยี นลงมอื ปฏิบัตกิ จิ กรรม
4. เม่ือนักเรียนทำกิจกรรมครบเรยี บรอ้ ยแลว้ ครูจึงถามคำถามกับกลุ่มทชี่ นะว่า นักเรียนใช้วิธกี ารอย่างไร
จึงทำใหน้ ำวตั ถไุ ปใส่กลอ่ งได้ครบในเวลาท่รี วดเร็ว
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผ้สู อน)

4. ครูสุ่มถามนักเรียนว่า นักเรียนใช้เวลาเดินจากจุดเริ่มต้น ในกิจกรรมที่ 1กับกิจกรรมท่ี 2 แตกต่างกัน
หรอื ไม่

(แนวคำตอบ แตกต่างกัน เพราะรอบแรกใช้เวลานานกว่าเนื่องจากยังไม่รู้เส้นทาง รอบที่ 2 เดินได้เร็วข้ึน
เพราะรเู้ สน้ ทางการเดนิ )

5. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเพราะรอบแรกนักเรียนยังไม่ทราบเส้นทางเลยทดลองเดินไปหลายทางอาจเดินถูก
ทางบ้างผดิ ทางบา้ งหรือเดนิ เหยียบระเบดิ บา้ ง จงึ ทำให้ใชเ้ วลานาน แต่รอบท่ี 2 นักเรียนได้เรยี นรู้จากรอบ
แรกแล้ว นกั เรยี นทราบเส้นทางที่จะเดนิ แลว้ ทำใหเ้ ดนิ ได้เรว็ ข้นึ

6. ครถู ามนักเรียนว่า นักเรียนสามารถนำวัตถุใสก่ ล่องไดอ้ ย่างไร

(แนวคำตอบ ลองใสว่ ัตถุลงไปในชอ่ งต่างๆ ใสไ่ ปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอชอ่ งท่ีพอดีและใส่วัตถุน้นั ลงไปได้

7. ครถู ามนักเรียนว่า ใครคิดว่าตัวเองใส่วัตถุลงไปในกล่องใช้เวลานานที่สุด และเพราะอะไรจึงใช้เวลานาน
(ครใู ห้นักเรียนยกมอื สุ่มตอบคำถาม2 - 3 คน)

(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)

8. ครูเทวัตถุออกจากล่องลงตะกร้า แล้วให้นักเรียนหยิบวัตถุชิ้นเดิมหรือลักษณะเหมือนเดิมที่ตนเองจับใส่
กล่องในรอบ

9. ครใู ห้นักเรยี นนำวัตถใุ ส่ลงไปในกล่องน้นั อีกรอบ

49

10. ครูส่มถามนักเรียน 2-3 คนที่ตอบคำถามวา่ ตนเองนำวัตถุลงใส่ในกล่องช้า ว่า รอบน้ีนักเรียนนักเรียนใส่
วัตถุไดเ้ รว็ ขน้ึ หรือไม่ และเพราะอะไร
(แนวคำตอบ ได้เร็วขึ้นเพราะว่าเคยใส่ไปแล้ว เลยจำได้ว่าใส่ไปที่ช่องไหน ไม่ต้องทดลองหลายๆ ครั้ง
เหมอื นรอบแรก

11. ครูใหน้ กั เรยี น ดภู าพที่ 2.2 การลองผดิ ลองถกู หน้า 25 หนงั สือเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1
12. ครูสนทนากับนักเรียนว่า จากภาพจะเห็นว่า มีวัตถุ 2 ช้ิน และช่อง 2 ช่องที่มีลักษณะต่างกัน เขาต้อง

ทดลองหลายครั้งกว่าจะสามารถใส่วัตถุให้ลงไปพอดีช่องได้ เช่นเดียวกับท่ีเรานำวัตถุใส่ลงไปในกล่อง
บางคร้ังเราต้องทดลองหลายครั้งกวา่ จะใส่ได้ วธิ กี ารน้คี ือการลองผิดลองถูก ซ่ึงเปน็ การแกป้ ญั หา
13. ครูอธิบายจากหนังสือเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1 หน้า 25 ว่า การลองผิดลองถูก คือการ
แก้ปัญหาโดยการทดลอง เหมาะสำหรับปัญหาที่ยังไมท่ ราบแน่ชัดถึงวธิ ีการแก้ปัญหา อาจต้องใช้เวลาใน
การทดลองหาวธิ แี ก้ปญั หาหลายๆ วธิ ี จนกวา่ จะประสบความสำเรจ็

ช่ัวโมงท่ี 2

ขัน้ สอน (ต่อ) 50 นาที

1. ครูทบทวนความรู้เดิมชั่วโมงท่ีแล้วโดยถามว่า หากนักเรียนเจอปัญหาแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงวิธีการ
แกป้ ัญหานกั เรยี นจะใช้วิธกี ารแกป้ ญั หาอยา่ งไร พร้อมบอกเหตุผล
(แนวคำตอบ แก้ปัญหาโดยการลองผิดลองถูก เพราะเป็นการแก้ปัญหาท่ีต้องทดลองหาวิธีแก้ปัญหา
หลายๆ วธิ ี จนกวา่ จะประสบความสำเรจ็ )

2. ครูนำบัตรภาพ 3 ภาพตดิ ไว้หน้ากระดาน ไดแ้ ก่ภาพกลว้ ย แตงโม ส้ม ครูให้นกั เรยี นสังเกตภาพ
3. ครูถามนกั เรียนดังนี้

3.1 แตงโมกบั สม้ เหมือนกนั อยา่ งไร
(แนวคำตอบ เปน็ ผลไมเ้ หมือนกัน รปู ร่างทรงกลมเหมือนกัน)

3.2 แตงโมกบั ส้มตา่ งกนั อยา่ งไร
(แนวคำตอบ สม้ สสี ้มแตงโมสเี ขียว แตงโมลกู ใหญก่ วา่ สม้ )

3.3 กล้วยกบั แตงโมเหมอื นกันอยา่ งไร
(แนวคำตอบ เปน็ ผลไมเ้ หมือนกนั )

50

3.4 กล้วยกับแตงโมตา่ งกนั อยา่ งไร
(แนวคำตอบ แตงโมรปู ร่างทรงกลม กลว้ ยรูปร่างทรงรียาว)

3.5 ถ้าครูให้นักเรียนเปรียบเทียบผลไม้ท้ัง 3 ชนิด นักเรียนคิดว่าผลไม้ชนดิ ไหนรูปร่างแตกต่างจากชนิด
อืน่ และเพราะอะไร
(แนวคำตอบ กล้วย เพราะจากการสงั เกตกล้วยมีรูปร่างรียาว สว่ นส้มกับแตงโมมีรูปร่างกลม
เหมือนกัน)

4. ครใู หน้ กั เรียนจบั กลุม่ ละ 3-4 คน และครแู จกใบงาน เรอ่ื ง การเปรียบเทียบ
5. ครูใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพตา่ งๆ ท่ีอยู่ในใบงาน ใหน้ ักเรียนโยงเส้นจบั ค่ภู าพเงาให้ถูกต้อง
6. นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ัติกจิ กรรมในใบงาน
7. ครตู รวจสอบความถกู ต้อง
8. ให้นักเรียนทำกิจกรรมตอนที่ 2 โดยครูชี้แจงกิจกรรมว่า ให้นักเรียนสังเกตภาพ แล้ววงกลมล้อมภาพที่

นักเรียนคดิ ว่าแตกต่างจากข้ออน่ื
9. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด โดยครูให้แต่ละกลุ่มบอกคำตอบของกลุ่มตนเอง พร้อมเหตุผลว่า

เพราะอะไรถงึ คดิ ว่าภาพน้แี ตกต่างจากข้ออ่ืน หากนกั เรียนอธบิ ายเหตผุ ลยังไมค่ รบถ้วนครูอธิบายเพิม่ เตมิ ให้
นกั เรียนเขา้ ใจมากขนึ้

ขน้ั สรุป 10 นาที

1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ พฤติกรรมและครูอธิบายเพิม่ เติมวา่ การแก้ปัญหาแบบนีค้ อื การแกป้ ญั หาแบบ
เปรียบเทยี บ โดยการเทียบเคียงของส่ิงของ 2 ส่ิงขึน้ ไป เพ่ือให้เห็นลักษณะท่ีคล้ายคลงึ กนั เหมือนกัน หรือ
แตกต่างกนั โดยอาศยั การสงั เกต

2. ครูสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับนักเรียนว่า จากปัญหาท่ีครูให้นักเรียนหาภาพท่ีเหมือนหรือแตกต่างกัน
นกั เรียนคดิ ว่า วิธกี ารแก้ปญั หาทน่ี กั เรียนใชแ้ ก้ปญั หา เปน็ การแกป้ ัญหาแบบใดบา้ ง
(แนวคำตอบการแกป้ ญั หาแบบลองผดิ ลองถูก และการแก้ปญั หาแบบเปรยี บเทยี บ)

3. ครูถามคำถามดังนี้
- หากนักเรียนเจอปัญหาหรือเหตุการณ์บางอย่างทต่ี ้องแกไ้ ข อันดบั แรกนักเรียนควรทำอยา่ งไร

(แนวคำตอบวเิ คราะหป์ ญั หา และทำความเข้าใจปัญหา)

51

- เม่อื เรารูป้ ัญหาแลว้ ว่าคอื อะไร สาเหตุเกดิ จากอะไร เราต้องการแกเ้ ร่ืองไหน ข้นั ตอนตอ่ ไปที่เรา
ควรทำอย่างไร

(แนวคำตอบ การวางแผนแก้ปญั หา ว่าเราจะแก้ปญั หาโดยวธิ ีไหน จะทำอยา่ งไรบ้าง)

- เมอื่ เรารู้ปัญหา รวู้ ิธกี ารที่จะแกไ้ ข เราควรทำข้ันตอนไหนตอ่ ไป

(แนวคำตอบ ลงมือแกป้ ญั หา)

ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า เม่ือเราลงมือแก้ปัญหาแล้วเราต้องตรวจสอบผล บางครงั้ การแก้ปัญหาของเรา
อาจไม่ประสบผลสำเร็จ เราก็ต้องย้อนกลับไปดวู ิธีการแก้ปัญหา ว่าเราทำถูกวิธีหรือไม่ เลือกวิธีแก้ปัญหา
ถกู ต้องไหมและลงมือแก้ปัญหาจนสำเรจ็

14. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกระบวนการแก้ปัญหาว่ามี 4 ข้ันตอนจากหนังสือเรียนเทคโนโลยี (วิทยาการ

คำนวณ) ป.1 หน้า 23 ดงั น้ี

มี 4 ขน้ั ตอน 1. วเิ คราะหแ์ ละทำความเข้าใจกบั ปัญหา 2. วางแผนการแกป้ ญั หา

3. ลงมอื แกป้ ญั หา 4. ตรวจสอบผลการแกป้ ญั หา

5. ครยู กตวั อย่างสถานการณ์ว่า ถ้าครูไปตลาดเพ่ือไปซื้อรองเทา้ แตว่ ่ารองเท้าวางกองรวมกนั อยู่หลายคู่ จนครู
เจอรองเทา้ ทถี่ กู ใจ แตไ่ ด้มาเพยี งขา้ งเดียว นักเรียนชว่ ยคุณครูคิดได้ไหวค่ะ ว่าครจู ะหารองเท้าอกี ข้างเจอได้
อยา่ งไร (แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครผู ู้สอน)

7. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์
วธิ กี าร
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 10 ขอ้ รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์
ทดสอบก่อนเรยี น ใบงาน เรื่องการเปรยี บเทียบ ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงาน เรื่องการเปรยี บเทยี บ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผ่าน
เกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล แบบประเมินผลงาน
คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผา่ น
ตรวจผลงานและกระบวนการทำงาน เกณฑ์
เรอ่ื ง วิธีการแกป้ ญั หา

52

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

1. กลอ่ ง 5 สี ได้แก่ เขียว แดง ฟา้ เหลอื ง ชมพู
2. ลกู บอล 5 สี ไดแ้ ก่ เขียว แดง ฟา้ เหลอื ง ชมพู
3. วตั ถุรปู ทรงตา่ งๆ
4. บตั รภาพ เร่อื ง เปรยี บเทียบความแตกตา่ งของภาพ
5. ใบงานเรือ่ ง การเปรยี บเทยี บ
6. สีไม้

53

 ตวั อย่างกิจกรรมท่ี 2 กล่องและวตั ถรุ ูปทรงตา่ งๆ
คำช้แี จง ให้นักเรียนนำวัตถุใสล่ งไปในกลอ่ ง

ตัวอยา่ งกลอ่ ง
ตวั อยา่ งวัตถุรปู ทรงตา่ งๆ

54

ตัวอย่างแผนท่ีทางเดินเทา้

55

บตั รภาพ เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของ 
คำชแ้ี จง จากภาพดา้ นล่างภาพใดแตกต่างจากภภาพาพอืน่

*ครูนำบตั รภำพนี้ ตดิ ไวท้ ห่ี นำ้ กระดำน

56

ใบงานเรอื่ ง การเปรียบเทยี บ

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนโยงเสน้ จับค่กู ับภาพให้ถูกตอ้ ง
1.

2.

57

ตอนท่ี 2 ใหส้ ังเกตภาพแล้ววงกลมล้อมรอบภาพท่แี ตกต่างจากภาพอ่ืน
1
2
3
4
5

58

เฉลย ใบงานเรือ่ ง การเปรยี บเทยี บ

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนโยงเสน้ จับคกู่ บั ภาพให้ถกู ตอ้ ง
1.

เฉลย ใบงานเร่อื ง การเปรยี บเทยี บ

2.

59

ตอนท่ี 2 ใหส้ ังเกตภาพแล้ววงกลมล้อมรอบภาพท่แี ตกต่างจากภาพอ่ืน
1
2
3
4
5

60

แบบประเมินผลงาน ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1
วชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เรื่อง วิธีการแก้ปัญหา
หนว่ ยท่ี 2 การแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน

คำช้ีแจง : โปรดแสดงความคิดเห็นของทา่ น และทำเคร่อื งหมาย () ลงในช่องวา่ ง ระดบั คะแนน
3 21
ขอ้ ที่ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล

1. การหาวธิ ใี นการแกป้ ญั หา
2. อธบิ ายวธิ ีการแก้ปัญหาด้วยการลองผิดลองถูก
3. ความรว่ มมือของสมาชิกในกลมุ่ ในการหาวิธีการแกป้ ัญหา
4. นำความร้ไู ปใช้แกป้ ัญหาในชีวิตประจำวันได้

รวม

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
5-6 พอใช้
ต่ำกว่า 5 ปรับปรงุ

61

เกณฑ์การแบบประเมินผลงานของนกั เรยี น

หวั ขอ้ ประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน
321

1. การหาวิธใี นการแก้ปัญหา นกั เรียนกระตือรือรน้ มี นกั เรยี นมีการลองผดิ ลอง นักเรียนไม่กระตือรือร้นใน

การลองผดิ ลองถูก หา ถกู หาวธิ ีตา่ งๆ เพอ่ื ให้ การหาวธิ แี กป้ ญั หา

หลายๆ วธิ เี พือ่ ใหส้ ามารถ สามารถหาเส้นทางเดนิ ครูผสู้ อนตอ้ งคอยกระตุ้น

หาเส้นทางเดนิ และนำวตั ถุ และนำวัตถใุ ส่กล่องได้ นักเรียน

ใส่กล่องได้สำเรจ็ และ

รวดเร็ว

2. อธิบายวิธีการแกป้ ญั หาดว้ ยการลองผิด สามารถอธบิ ายวิธกี ารลอง สามารถอธิบายวิธกี ารลอง สามารถอธิบายวิธีการลอง

ลองถกู ผิดลองถกู ในการใช้ ผิดลองถูกในการใช้ ผิดลองถูกในการใช้

แกป้ ญั หาท่ียงั ไม่ทราบวิธี แกป้ ัญหาที่ยงั ไม่ทราบวธิ ี แก้ปญั หาไดไ้ ม่ถูกตอ้ ง

แนช่ ัดได้ถกู ตอ้ งชดั เจน แน่ชดั ได้ และเลือกใช้ เท่าท่คี วรและเลือกใช้

และเลือกใชว้ ธิ ีการ วธิ ีการแก้ปัญหาได้ วธิ ีการแกป้ ัญหาไมค่ ่อย

แก้ปญั หาได้เหมาะสมกบั เหมาะสมกับปัญหานัน้ เหมาะสมกบั ปัญหาน้ัน

ปัญหานน้ั

3. ความรว่ มมอื ของสมาชกิ ในกล่มุ ในการหา สมาชกิ ทุกคนในกล่มุ ให้ สมาชิกสว่ นใหญใ่ นกล่มุ ให้ สมาชกิ ในกลุม่ บางคน

วิธกี ารแก้ปัญหา ความรว่ มมือในกจิ กรรม ความรว่ มมือในกิจกรรม ไม่ใหค้ วามรว่ มมอื ใน

และมีสว่ นแสดงความ และมสี ว่ นแสดงความ กจิ กรรม และไมม่ สี ว่ น

คดิ เหน็ ในการหาวิธีต่างๆ คดิ เหน็ ในการหาวธิ ีต่างๆ แสดงความคิดเห็นในการ

เพอ่ื แก้ปญั หา เพือ่ แกป้ ัญหา หาวธิ ีต่างๆ เพ่ือแกป้ ญั หา

ต้องได้รับคำแนะนำจาก

ครู

4. นำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ประจำวัน นักเรียนสามารถบอก นักเรยี นสามารถบอก นกั เรยี นยงั ไมส่ ามารถบอก

ได้ วธิ กี ารแกป้ ัญหาใน วิธกี ารแก้ปัญหาใน วธิ กี ารแก้ปญั หาใน

ชวี ิตประจำวันได้ถกู ต้อง ชีวติ ประจำวันได้ แตย่ งั ไม่ ชวี ิตประจำวนั ได้

เหมาะสม และสามารถ เหมาะสมเท่าทีค่ วร และ

นำไปใช้ได้จรงิ อาจนำไปใช้ได้จรงิ ไมไ่ ด้

62

แบบสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน ป.1

ชือ่ ............................................................เลขท.่ี ...............ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ห้อง....................

คำชแ้ี จง : ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด √ ลงในชอ่ งที่ตรงกับ
ระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น ระดับความคิดเหน็
321

มีวินัย

1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรยี นสมำ่ เสมอ

2 ปฏิบัตติ ามคำตักเตอื นของครู

3 ทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ

ใฝ่เรยี นรู้

4 รว่ มทำกจิ กรรมต่างๆ ทค่ี รูจดั ใหอ้ ยา่ งตง้ั ใจ

5 หม่นั ซักถาม เมอ่ื เกิดข้อสงสยั
6 เอาใจใส่งานท่ีได้รบั มอบหมาย
มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกบั เพื่อนอย่างกระตอื รอื รน้

8 ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างตง้ั ใจ
9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ปฎิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
2 คะแนน 23-27 ดีมาก
ปฎบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี
13-17 พอใช้
ปฎิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ (50%) ให้ ปรบั ปรุง
ต่ำกวา่ 13

63

แบบบนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น

 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงชอ่ื ..............................................ผ้บู นั ทกึ

ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ................................................
(................................................)

ตำแหนง่ .................................................

64

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 เร่ือง การแสดงข้ันตอนการแกป้ ัญหา

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขนั้ ตอน ระยะเวลา 2 ช่ัวโมง

กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยีวทิ ยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1

1.มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
1.1. ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ป.1/2 แสดงลำดับข้ันตอนการทำงาน หรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ
สัญลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ

2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกวิธกี ารแกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือขอ้ ความได้ (K)
2. เขยี นขอ้ ความ วาดภาพ หรอื สัญลักษณ์แสดงลำดับขน้ั ตอนการแก้ปญั หาได้ (P)
3. ตอบคำถามการแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวันได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
แสดงลำดับข้ันตอนการทำงาน หรือการแก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การแก้ปญั หาให้ประสบความสำเรจ็ ทำไดโ้ ดยใช้ข้ันตอนการแกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใช้

สญั ลักษณ์ หรอื ขอ้ ความ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
1) ทักษะการคิดเชิงคำนวณ
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทกั ษะการส่อื สาร
4) ทักษะการทำงานร่วมกนั
5) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้
6) ทักษะการแกป้ ญั หา

63

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : การแก้ปัญหา (Problem Solving

Method)

ช่วั โมงที่ 1

ขน้ั นำ1.ข้นั กำหนดปัญหำ 20 นาที

1. ครูยกตวั อย่างสถานการณ์มาเล่าให้นกั เรียนฟังว่า มีเดก็ ผู้ชายคนหนงึ่ ช่ือก้านกล้วยอายุ 7 ขวบ เขาอยบู่ ้าน
กบั พ่สี าว และ คุณพ่อคุณแม่ มีอยู่วันหนงึ่ คณุ พ่อกับคุณแม่ไมอ่ ยู่บา้ น ท้งั สองหิวขา้ วมากกา้ นกล้วยจึงอาสา
ไปเกบ็ ไข่ไก่ที่เลา้ เพ่ือจะมาทอด แต่ไข่ไก่อยู่บนท่ีสูงมาก เขาจึงต้องปนี ขึ้นไป แต่ทีน้ีเขาเจอปัญหาว่า เขาจะ
เอาไข่ลงไปข้างล่างอย่างไร เพราะถ้าใช้มือถือไข่ เขาก็จะตกบันได ใส่ถุงกางเกงไข่กอ็ าจแตกได้ เขามองไป
รอบๆ มีแค่กระดาษ หนังยาง ฟองน้ำ ก่ิงไม้ เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร จึงจะนำไข่ลงไปข้างล่างได้
โดยท่ไี ข่ไม่แตก

2. ครูถามสนทนากบั นกั เรยี นว่าวันน้เี รามาชว่ ยก้านกล้วยให้สามารถนำไข่ไปทำกับข้าวกันดกี วา่
3. แบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุ่มละ 4-5 คน

ขั้นสอน 40 นาที

ขั้นระบุปัญหา

1. ครถู ามนักเรยี นวา่ จากสถานการณ์ท่เี ล่ามา ปัญหาทก่ี ้านกลว้ ยเจอคอื อะไรบ้าง
(แนวคำตอบ พอ่ แม่ไมอ่ ยู่ หวิ ขา้ ว ตอ้ งปนี ไปเอาไข่ เอาไขล่ งมาไมไ่ ด)้

2. ครูถามนักเรียนว่า สิ่งท่ีก้านกลว้ ยต้องการแกป้ ญั หาอนั ดบั แรกคือเขาตอ้ งทำสง่ิ ใด
(แนวคำตอบ หาวิธโี ยนไขล่ งมาไม่ให้ไข่แตก)

64

ขน้ั สำรวจและค้นควา้ ขอ้ มลู

3. ครูแจกอุปกรณ์คือ กระดาษ หนังยาง ฟองน้ำ กิ่งไม้ ให้นักเรียนศึกษาดูว่าของแต่ละอย่างมีคุณสมบัติ
อยา่ งไร (ครชู ว่ ยอธิบายข้อมลู เพ่ิมเติมให้นกั เรยี น)

ข้ันกำหนดทางเลอื ก

4. ครูให้นักเรียนในกลุ่มเสนอความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรใช้วิธีการไหนดี ทุกคนในกลุ่มแลกเปล่ียนความ
คดิ เหน็ กนั

5. โดยครูมอี ปุ กรณใ์ หด้ ังน้ี กระดาษ หนงั ยาง ฟองน้ำ กง่ิ ไม้ นกั เรียนคิดวิธกี ารต่างๆ ในการหอ่ ไข่
6. นักเรียนในกลุ่มระดมความคิด และลงความเห็นว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรบ้างในการห่อไข่ จะเร่ิมต้นห่อ

อยา่ งไร

ชั่วโมงที่ 2

ข้ันสอน (ต่อ) 40 นาที

ขั้นออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหาและลงมอื ทำ

7. ครูทบทวนเร่ืองท่ีเรียนมาชั่วโมงที่แล้วว่า จากสถานการณ์ที่ครูเล่าให้ฟังในช่ัวโมงท่ีแล้ว ปัญหาที่เราต้อง
แกไ้ ขอันดบั แรกคอื อะไร (แนวคำตอบ หาวิธีโยนไขล่ งมาไมใ่ หแ้ ตก)

8. ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนสนทนาภายในกลมุ่ ตัวเองว่าช่ัวโมงที่แลว้ กลุ่มของนักเรยี นใช้วิธีการ
อย่างไรท่จี ะโยนไขไ่ ม่ให้แตก

9. ครสู นทนาเก่ยี วกบั การแสดงขนั้ ตอนการแก้ปัญหากบั นกั เรียนวา่ มวี ิธีการใดบ้าง โดยครูใหน้ กั เรียนเปิด
หนงั สอื หน้า 29-31 ครอู ธิบายเก่ยี วกับการแสดงข้ันตอนการแกป้ ญั หา และให้นักเรียนถามคำถามหรอื
ข้อเสนอแนะกบั ครใู นเรอ่ื ง การแสดงข้ันตอนการแกป้ ัญหา

10. ครแู จกใบงาน เร่อื ง ไขต่ กไม่แตก ใหน้ กั เรียนกล่มุ ละ 1 แผ่น
11. ให้นักเรียนเขียนหรือวาดภาพ แสดงข้ันตอนการแก้ปัญหา ว่าจะทำอย่างไรบ้าง เริม่ ต้นจากทำอะไร ข้ัน

ตอ่ ไปคืออะไร
12. เมอื่ นกั เรยี นสามารถเขยี นหรือวาดภาพขน้ั ตอนการแก้ปญั หาได้แล้ว ครจู งึ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ จากหนงั สือหน้า

33 ว่า นอกจากวิธีการเขียนหรือวาดภาพ แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาแล้ว เรายังสามารถใช้สัญลักษณ์
แทนได้

65

13. ครูอธบิ ายความหมายของสญั ลกั ษณ์ดังนี้ แทนความหมาย
เริม่ ต้นหรอื สิน้ สุด
สัญลักษณ์
ปฏิบัติ
ตดั สินใจ
ทิศทาง

14. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกลำดับข้ันตอนการแก้ปัญหา ครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงหน้ากระดาน
เป็นขอ้ ๆ

15. ครถู ามนักเรียนว่าเร่ิมต้นควรใช้สญั ลักษณ์ใด เมอ่ื จะไปต่อขั้นท่ี 2 ใช้สัญลักษณ์อันไหน เมือ่ กจิ กรรมน้ีเป็น
ปฏิบัติควรใช้สัญลักษณ์อันไหน เมื่อสิ้นสุดใช้สัญลักษณ์อันไหน โดยที่นักเรียนในห้องช่วยกันแสดงความ
คดิ เห็น

16. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ลงมือปฏบิ ตั ติ ามที่ไดว้ างแผนไว้

17. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทน 1 คนเพือ่ ทดสอบการโยนไข่

18. ครูใหต้ วั แทนโยนไขข่ น้ึ สูงๆ เมื่อไข่ตกครจู ะแกะดวู ่าไขว่ า่ แตกหรอื ไม่

ขัน้ สรปุ 20 นาที

1. ครูถามนกั เรยี นบางกลุ่มวา่ ไขท่ ีน่ กั เรยี นโยนขน้ึ ไปแตกหรือไม่ เพราะอะไร

(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน ตามดุลยพินิจของครผู ู้สอน)

2. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า บางกลุ่มที่ไข่แตก เกิดจากข้อผิดพลาดในข้ันตอนไหน นักเรียนทราบหรือไม่ การที่
เราเขยี นการแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน ตรงทีน่ กั เรยี นสามารถย้อนกลับมาดไู ด้วา่ ทำผิดพลาดขั้นตอนไหน
บา้ ง หรืออาจปรับเปล่ยี นข้ันตอนวิธีการแกป้ ญั หา การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ระบบ เขียนข้ันตอนชัดเจน เพื่อ
ไม่ให้เสยี เวลา หลงทาง และสบั สน วธิ กี ารแกป้ ัญหาแตล่ ะวธิ มี คี วามเหมาะสมกบั งานแตกต่างกนั ไป

3. นักเรียนสามารถแสดงข้ันตอนการแก้ปญั หาไดห้ ลากหลายรูปแบบ เชน่ อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ เช่นการ
เขียน วาดรูป ใชส้ ญั ลักษณ์)

4. ครูตั้งประเด็นปัญหาขึน้ วา่ ครไู ปซอื้ ไข่ไกท่ ่ีตลาด โดยแมค่ า้ นำไขไ่ กไ่ ปวางในถุงกระดาษบางๆ ระหว่างทาง
กลบั บา้ น ปรากฏวา่ มไี ข่แตก แลว้ ทำให้ถุงขาด ไข่ทงั้ หมดเลยร่วงลงจากถุง ถา้ ครูกลับไปซ้ือไขใ่ หม่อีกรอบ
ครคู วรทำอยา่ งไรดี ไขถ่ งึ จะไม่แตกเหมอื นเดมิ

66

(แนวคำตอบพิจารณาคำตอบของนักเรยี น ตามดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

7. การวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑ์
ใบงาน เร่อื ง ไข่ตกไมแ่ ตก
วธิ กี าร รอ้ ยละ 50 ผ่านเกณฑ์
ตรวจคำตอบ ใบงาน เรอ่ื ง ไข่
ตกไมแ่ ตก คุณภาพอยู่ในระดับ ดี ผ่าน
เกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรม
คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผ่าน
ตรวจผลงานและกระบวนการ เกณฑ์
ทำงาน เรื่อง การแสดงขนั้ ตอน แบบประเมินผลงาน
การแกป้ ัญหา

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
1. ใบงาน เรอื่ ง ไข่ตกไมแ่ ตก
2. ไข่ไกห่ รือไขน่ กกระทาดิบ
3. กระดาษ
4. หนงั ยาง
5. ฟองนำ้
6. ก่ิงไมห้ รือตะเกียบ

67

กลมุ่ ที่..........

ให้นักเรียนเขียนหรือวาดภาพ วธิ กี ารหรือข้นั ตอนการโยนไขล่ งบนพ้ืนไมแ่ ตก
อุปกรณ์ทใ่ี ชม้ ีดงั น้ี

- กระดาษ - ฟองน้ำ

- หนงั ยาง - กิ่งไม้

เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนนท่ไี ด้
ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป

68

กล่มุ ที่..........

ให้นักเรยี นเขยี นหรือวาดภาพ วธิ ีการหรอื ขนั้ ตอนการโยนไข่ลงบนพน้ื ไมแ่ ตก
อุปกรณท์ ีใ่ ชม้ ีดังนี้

- กระดาษ - ฟองน้ำ

- หนงั ยาง - หลอดดูดนำ้

1.เตรยี มไข่
2.นำฟองนำ้ ห่อไข่
3.ใช้กระดาษห่อ

4.หนงั ยางรดั

5.ใชห้ ลอดดดู หอ่ และรดั หนงั ยาง

69

แบบประเมนิ ผลงาน

วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1

หน่วยท่ี 2 การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้นั ตอน เรอื่ ง การแสดงข้นั ตอนการแกป้ ญั หา

คำช้ีแจง : โปรดแสดงความคิดเหน็ ของท่าน และทำเครอื่ งหมาย () ลงในช่องว่าง ระดับคะแนน
321
ข้อที่ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล

1. ระบุปญั หา
2. วางแผนการแก้ปญั หา
3. แสดงวธิ ีการแก้ปัญหาโดยการเขยี นหรอื วาดภาพ
4. การมสี ว่ นร่วมเสนอความคิดเห็นเกีย่ วกับการแสดงข้ันตอนการแก้ปัญหา
5. สามารถบอกข้อดี ข้อผิดพลาดของแต่ละขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา
6. ตอบคำถามการแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวนั ได้

รวม

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
15-18 ดมี าก
11-14 ดี
7-10 พอใช้
ตำ่ กว่า 7 ปรับปรุง

70

เกณฑก์ ารแบบประเมนิ ผลงานของนกั เรยี น

หวั ขอ้ ประเมิน 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
สามารถระบปุ ญั หาได้ 2 ยังไมส่ ามารถระบุ
1. ระบุปัญหาวิเคราะหแ์ ละทำความ ถูกต้องชัดเจน โดยการ ปญั หาได้ ต้องไดร้ ับ
เขา้ ใจปัญหา วเิ คราะห์และทำความ สามารถระบุปญั หาได้ คำแนะนำจากครผู ู้สอน
เขา้ ใจปัญหา แต่ยังไม่ชดั เจน โดย
การวิเคราะห์และทำ
ความเข้าใจปญั หา

2. วางแผนการแก้ปัญหา สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ
แก้ปัญหาไดอ้ ย่างเปน็ แกป้ ัญหาได้อย่างเปน็ แก้ปญั หาได้ แต่ยังเป็น
3. แสดงวธิ ีการแกป้ ัญหาโดยการ ลำดบั ขน้ั ตอน ลำดับขัน้ ตอน ลำดบั ขนั้ ตอน ตอ้ ง
เขยี นหรือวาดภาพ เหมาะสมและ เหมาะสมแต่อาจ ไดร้ ับคำแนะนำจาก
แกป้ ญั หาได้จรงิ แก้ปญั หาไมไ่ ดจ้ รงิ ครผู ้สู อน
4. การมีสว่ นร่วมเสนอความคิดเห็น แสดงวิธกี ารแกป้ ญั หา แสดงวธิ ีการแก้ปัญหา แสดงวธิ กี ารแก้ปญั หา
เกย่ี วกับการแสดงขน้ั ตอนการ โดยการเขียนหรือวาด โดยการเขยี นหรือวาด โดยการเขียนหรือวาด
แก้ปญั หา ภาพ ได้เข้าใจ ถูกต้อง ภาพ ไดเ้ ข้าใจ แต่ยังไม่ ภาพได้ แต่ยงั ไมถ่ ูกต้อง
ชัดเจน ชัดเจน
สมาชิกทุกคนในกลุ่มมี สมาชิกสว่ นใหญใ่ น สมาชิกในกลุม่ ไมค่ อ่ ยมี
ส่วนร่วมเสนอความ กล่มุ มีสว่ นร่วมเสนอ สว่ นรว่ มเสนอความ
คิดเห็นเก่ียวกบั การ ความคดิ เหน็ เก่ยี วกับ คดิ เหน็ เกี่ยวกบั การ
แสดงขัน้ ตอนการ การแสดงขนั้ ตอนการ แสดงขนั้ ตอนการ
แกป้ ญั หา แกป้ ัญหา แกป้ ญั หา

71

หวั ข้อประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
5. สามารถบอกข้อดี ขอ้ ผิดพลาดของ สามารถบอกได้ว่า 2 สามารถบอกข้อดไี ด้
ข้นั ตอนไหนส่งผลให้ วา่ ข้ันตอนไหนสง่ ผล
แต่ละขั้นตอนการแก้ปญั หา ประสบผลสำเรจ็ และ สามารถบอกข้อดีได้ ให้ประสบผลสำเร็จ
หาผิดพลาดของ ว่าขน้ั ตอนไหนส่งผล และไมส่ ามารถหา
6.ตอบคำถามการแกป้ ัญหาใน ขน้ั ตอนท่ีทำให้ ใหป้ ระสบผลสำเร็จ ผดิ พลาดว่าผิดพลาด
แก้ปญั หาไมส่ ำเร็จได้ และหาผิดพลาดของ ข้ันตอนไหน
ชวี ิตประจำวันได้ อยา่ งชดั เจนถูกตอ้ ง ขัน้ ตอนท่ที ำให้
สามารถย้อนกลับไป แก้ปัญหาไดไ้ ม่สำเรจ็ นักเรยี นยังไมส่ ามารถ
แก้ไขขัน้ ตอนนนั้ แตย่ งั ไมส่ ามารถแกไ้ ข บอกวิธกี ารแก้ปญั หา
เพื่อให้แก้ปัญหาได้ ข้นั ตอนน้ันได้ ในชวี ติ ประจำวนั ได้
สำเร็จ
นกั เรียนสามารถบอก นกั เรยี นสามารถบอก
วิธีการแก้ปญั หาใน วธิ ีการแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจำวันได้ ชวี ิตประจำวันได้ แต่
ถูกต้องเหมาะสม ยังไม่เหมาะสม
และสามารถนำไปใช้ เท่าท่ีควร และอาจ
ได้จรงิ นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ ไม่ได้

72

แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น ป.1

ชือ่ ............................................................เลขท.่ี ...............ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 หอ้ ง....................

คำชแ้ี จง : ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี √ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั
ระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น ระดับความคิดเหน็
321

มีวินัย

1 ปฏิบัติตามข้อตกลงในการเรยี นสม่ำเสมอ

2 ปฏิบัตติ ามคำตักเตอื นของครู

3 ทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ

ใฝ่เรยี นรู้

4 รว่ มทำกจิ กรรมต่างๆ ทค่ี รูจดั ใหอ้ ยา่ งตง้ั ใจ

5 หม่นั ซักถาม เมอ่ื เกิดข้อสงสยั

6 เอาใจใส่งานท่ีได้รบั มอบหมาย

มุ่งมน่ั ในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกบั เพื่อนอย่างกระตอื รอื รน้

8 ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ
9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ปฎิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
2 คะแนน 23-27 ดีมาก
ปฎบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี
13-17 พอใช้
ปฎิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ (50%) ให้ ปรบั ปรุง
ต่ำกว่า 13

73

แบบบันทึกหลงั แผนการจัดการเรียนรู้

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

 ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชือ่ ..............................................ผบู้ นั ทกึ
(................................................)

ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ

ลงชื่อ................................................
74 (................................................)

ตำแหนง่ .................................................

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 3 เรือ่ ง การแกป้ ัญหา

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ข้นั ตอน ระยะเวลา 3 ชวั่ โมง

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยวี ทิ ยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด
1.1. ตัวช้ีวัด
ว 4.2 ป.1/1 แก้ปญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ
ป.1/2 แสดงลำดับข้นั ตอนการทำงาน หรือการแกป้ ญั หาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ
สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกวิธกี ารแก้ปญั หาได้ (K)
2. วางแผนการจัดกระเป๋านักเรียนอย่างเป็นขน้ั ตอนได้ (K)
3. เขยี นเส้นทางการเดนิ เขาวงกตได้ (P)
4. หาจุดแตกต่างของภาพโดยการสงั เกตได้ (P)
5. ยกตัวอย่างการแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ปญั หาอยา่ งง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ การจัดหนงั สอื ใส่กระเป๋า

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ก าร แ ก้ ปั ญ ห า อ ย่ างเป็ น ข้ั น ต อ น แ ล ะ เป็ น ร ะ บ บ ช่ ว ย ให้ ส าม าร ถ แ ก้ ปั ญ ห าไ ด้ อ ย่ างมี

ประสิทธิภาพ ฝึกทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณการ
แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา สามารถทำได้โดยการเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์การ
แก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหาสามารถฝึกฝนผ่านเกมเขาวงกต เกมหาจุด
แตกต่างของภาพ และการจัดกระเป๋านักเรียนได้ ทำให้สามารถแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้
อย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ

75

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
1) ทกั ษะกระบวนการคิดอย่างมี
วจิ ารณญาณ
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทักษะการสือ่ สาร
4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั
5) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้
6) ทักษะการแกป้ ญั หา
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : กระบวนการคิดคำนวณ

Computational Thinking Process

ชัว่ โมงที่ 1

ข้นั นำ 10 นาที

1. ครูทบทวนความรู้เดิมท่ีเรียนมาในชั่วโมงที่แล้วว่า การแสดงขั้นตอนของปัญหามีอะไรบ้าง ให้นักเรียน
ภายในหอ้ งชว่ ยกันตอบคำถามร่วมกนั
(แนวตอบ มี 3 ข้นั ตอน คือ การเขียนบอกเล่า การวาดภาพ และการใชส้ ัญลกั ษณ์)

2. ครถู ามนักเรียนว่า นกั เรียนเคยเลน่ เกมอะไรกนั มาบา้ ง และใชว้ ธิ ใี นการชนะเกมนั้นอยา่ งไร
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของครูผูส้ อน)

76

3. ครูเล่าสถานการณ์ให้นักเรียนฟังโดยบอกว่า มีผึ้งน้อยท่ีหิวโหยออกไปหาน้ำหวานที่ในป่าและเขาพบว่า
น้ำหวานที่เขาตามหาอยู่ในดอกไม้ท่ีอยใู่ นเขาวงกต นักเรยี นจะมีวธิ ีพาผ้ึงน้อยตัวนี้เดินทางเข้าไปยังเขา
วงกตเพือ่ ไปเก็บน้ำหวานดอกไม้ให้สำเร็จได้อยา่ งไร

4. ครแู บง่ กล่มุ ให้นักเรยี นกลุ่มละ 4-5 คน

ขนั้ สอน 50 นาที

ขั้นแยกแยะและระบปุ ญั หา
1. ครูถามนกั เรยี นว่า ผ้งึ นอ้ ยตวั น้ีพบปัญหาในเรอ่ื งใดบา้ ง
(แนวคำตอบ - ผ้ึงนอ้ ยหาน้ำหวานจากดอกไม้
- ผึง้ น้อยตอ้ งเดินทางผา่ นเขาวงกต )

ขัน้ ใชเ้ หตผุ ลในการจัดการขอ้ มลู
2. ครูใหน้ ักเรยี นท่ีจบั คแู่ ลกเปลีย่ นสนทนากันว่าจะทำอยา่ งไรดี

3. ครูถามนักเรยี นว่า
3.1 นกั เรียนจะพาผงึ้ น้อยไปที่ดอกไม้เพ่ือกินน้ำหวาน แล้วนักเรียนจะไปถึงดอกไมไ้ ด้อยา่ งไร (แนว
คำตอบ เดินผา่ นเขาวงกต)
3.2 การที่นักเรียนจะไปกินน้ำหวานได้ ต้องผ่านเขาวงกต ดังน้ันส่ิงที่นักเรียนต้องแก้ปัญหาอันดับ
แรกคอื ต้องทำอย่างไร (แนวคำตอบ หาวิธีเดนิ ผา่ นเขาวงกต เพ่อื หาทางออกไปกนิ น้ำหวานจาก
ดอกไม)้

4. ครูให้นักเรียนในกลุ่มช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เดินออกจากเขาวงกตน้ีได้ โดยครูแจกแผนที่เขา
วงกตให้ แลว้ ให้นักเรยี นศกึ ษาเส้นทาง

ขั้นออกแบบและจัดลำดบั ขั้นตอน

5. ครแู จกใบงาน เกมเขาวงกต โดยให้นกั เรียนเขียน วาดภาพ หรือสัญลกั ษณ์แสดงขนั้ ตอนลำดับท่จี ะพา
ผ้งึ น้อยไปหานำ้ หวานดอกไมใ้ หส้ ำเร็จ
6. ให้นกั เรยี นใช้สดี ำระบายทับเสน้ ทางท่ีนกั เรยี นจะพาผึ้งน้อยไปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้

7.ให้นักเรียนวางหุ่นยนต์จ๋ิว จากชุดส่ือ โอโซบอต (Ozobot) วางท่ีจุดเริ่มต้น แล้วปล่อยให้เคลื่อนที่ตาม
เสน้ ทลี่ ากไปจนถึงจดุ หมาย ทดลองเดนิ 3 ครั้ง ครตู รวจสอบความถกู ต้อง

8. ครตู ง้ั เงื่อนไขเพม่ิ วา่ ใหไ้ ปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้ 2 ดอก

9. ครูแจกภารกิจท่ี 2 ให้นกั เรยี นในกลมุ่ ระดมสมอง และกำหนดทศิ ทางการเดินของหุ่นยนตจ์ ิว๋ เพื่อไปเก็บ
ดอกไม้ใหค้ รบตามภารกิจท่ไี ดร้ บั

77

10. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง
11. ครูสุ่มถามนกั เรียน 2-3 คน ว่าใชว้ ิธกี ารอย่างไร เจอปัญหาอะไรบ้าง กวา่ จะพาผึง้ น้อยไปเกบ็ น้ำหวาน
ได้

(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
12. ครถู ามว่าจากกิจกรรมเกมเขาวงกตทีน่ ักเรียนเล่นไปแล้วน้นั นักเรียนคดิ ว่าเราใช้วิธกี ารแก้ปัญหาแบบ

ใด (แนวคำตอบ แบบลองผิดลองถูก)

ชวั่ โมงท่ี 2
ขน้ั สอน (ต่อ) 60 นาที

1. ครูถามนักเรียนว่า ช่ัวโมงท่ีแล้วทำกิจกรรมอะไร(แนวคำตอบ กิจกรรมเขาวงกต พาผ้ึงน้อยไปกิน
นำ้ หวานจากดอกไม้)
2. ครูถามนักเรียนต่อว่า แล้วจากกิจกรรมท่ีทำนักเรียนได้เรียนรู้อะไรมา(แนวคำตอบ ได้รู้ว่าควร
แก้ปัญหาส่งิ ใดก่อน การเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับปัญหา รวมถึงรูว้ ิธีการแก้ปัญหาแบบลอง
ผิดลองถูก)
3. ครูนำภาพที่มจี ดุ แตกตา่ งกนั 2 ภาพติดไวห้ น้ากระดาน ใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพทง้ั สอง

4.ครูถามนกั เรียนว่า นักเรียนเห็นอะไรในภาพท้ัง 2
(แนวคำตอบ เห็นภาพที่คลา้ ยกนั แต่มบี างส่วนไมเ่ หมือนกัน)
5.ครแู บง่ กลุ่มนักเรียนออกเปน็ กลุ่มละ 3 – 4 คน

ข้ันแยกแยะและระบปุ ญั หา (Breaking Problem Into Part)
6.ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่า จากภาพทั้งสองที่ครูให้ กิจกรรมวันนี้ของเรานักเรียนจะต้องทำอะไร
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู ูส้ อน)
7. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปว่า จากภาพ2 ภาพที่ให้มา ให้หาจดุ แตกตา่ งของภาพทง้ั สอง

ขน้ั กำหนดรูปแบบ
8.เมอื่ นกั เรยี นได้ภาพครจู งึ ถามนักเรียนวา่ จะทำอย่างไรจึงจะหาจุดแตกต่างของภาพได้
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)

78

9.ครูให้นกั เรียนหาจุดแตกตา่ งของภาพท่ี 1 ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนหาจดุ แตกต่างภาพเจออยา่ งไร ใช้
เวลานานแค่ไหน และคิดวา่ มวี ิธกี ารที่หาจุดแตกตา่ งของภาพได้เร็วกว่าน้ีหรือไม่

(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของครผู สู้ อน)
ขน้ั ใช้เหตผุ ลในการจดั การขอ้ มูล

10.ครูและนักเรียนร่วมกันหา วิธีการท่ีจะหาความแตกต่างของภาพโดยที่ศึกษาข้อมูลจากหนังสือ
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณหน้า 38) โดยให้นกั เรยี นดภู าพและครูอธิบายเพ่ิมเตมิ

ขนั้ ออกแบบและจัดลำดบั ข้นั ตอน
11. นักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถามวา่ การที่นักเรียนจะหาจุดแตกตา่ งของภาพได้นักเรียนต้องเรม่ิ จากทำ
สิง่ ใดตามลำดบั โดยครเู ขยี นคำตอบของนกั เรยี นไว้หนา้ กระดาน
(แนวคำตอบ ขน้ั ตอนการหาจดุ แตกตา่ งของภาพมดี งั นี้
1. แบง่ ภาพออกเป็น 4 ส่วน
2. มองภาพด้านซ้ายของชอ่ งบนซ้าย
3. มองภาพดา้ นขวาของช่องบนซ้าย
4. พบจุดแตกต่างภาพ
5. วงลอ้ มรอบจุดท่มี คี วามแตกต่าง
6. ทำซ้ำแบบนใ้ี นสว่ นของบนขวา ล่างซ้าย และลา่ งขวา)
12. นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมหาจุดแตกต่างของภาพหน้า 39 หนังสือเทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ป.1
13. ครตู รวจสอบความถกู ต้อง
14. ครูถามนักเรียนว่า การแก้ปัญหาจุดแตกต่างของภาพเป็นการแก้ปัญหาโดยนักเรียนใช้วิธีการ
แก้ปัญหาอย่างไร (แนวคำตอบ การแกป้ ัญหาแบบการเปรยี บเทียบมาใช้เพื่อแกป้ ัญหา)

ช่วั โมงที่ 3

ข้ันสอน (ต่อ) 20 นาที

ขัน้ แยกแยะและระบปุ ญั หา (Breaking Problem Into Part)

1. ครูถามนำภาพ 2 ภาพติดหน้ากระดาน แล้วถามนักเรียนว่า เห็นอะไรในภาพบ้าง (แนวคำตอบ พิจารณา
คำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของครูผู้สอน นกั เรียนบอกจุดแตกตา่ งของภาพ)

79


Click to View FlipBook Version