The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระเครื่อง เงินล้าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patiweth Ketkhong, 2021-03-12 08:00:10

พระเครื่อง เงินล้าน

พระเครื่อง เงินล้าน

เพงรินะเลครา้ อ่ื นง

ประเสรฐิ โล่ห์เพชรตั น์-กติ ติ โล่ห์เพชรตั น์ : เรียบเรยี ง

พระเคร่อื งเงินล้าน

ประเสริฐ โลห่ เ์ พชรตั น์-กิตติ โลห่ เ์ พชรัตน์ : เรยี บเรียง

ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๗๔๔๖-๙๑-๒

ราคา ๒๐๐ บาท

จดั พมิ พโ์ ดย

ส�ำ นกั พิมพ์ กา้ วแรก
๖๗/๑๘๑ หม่ทู ่ี ๗ อาคาร E ดาลินเพลส ซอยพหลโยธนิ ๖๙
แขวงอนสุ าวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๙๗๒-๔๖๙๐, ๐-๒๙๗๒-๕๒๖๕ โทรสาร ๐-๒๙๗๒-๕๒๖๕
จดั จำ�หนา่ ยทว่ั ประเทศโดย

บริษทั อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำ กัด
๑๐๘ หมู่ท่ี ๒ ถนนบางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๙-๙๕๖๑-๓
www.naiin.com
พมิ พท์ ่ี : หา้ งหุ้นส่วนจำ�กัด ภาพพิมพ์
๒๙๖ ซ.อรณุ อัมรนิ ทร์ ๓๐ บางยขี่ ัน บางพลดั กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐
โทรศัพท์ ๐-๒๔๓๓-๐๐๒๖-๗ โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๘๕๘๗
แยกสที ่ี : ห้างหุน้ ส่วนจำ�กัด เลยโ์ ปรเซส
๑๔ ซอย จรัญสนทิ วงศ์ ๔๘ แขวงบางยี่ขนั เขตบางพลัด กทม. ๑๐๗๐๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๘๘๓-๐๓๖๐-๑, ๐-๒๔๓๓-๕๔๓๓ โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๕๑๐๘

ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของส�ำ นกั หอสมุดแหง่ ชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data

ประเสริฐ โลห่ ์เพชรตั น-์ กิตติ โลห่ เ์ พชรัตน์.
พระเครอื่ งเงินลา้ น -- กรุงเทพฯ : ก้าวแรก, ๒๕๕๗
๓๖๐ หน้า..
๑. ศาสนา/ความเช่ือ. I. ประเสรฐิ โลห่ เ์ พชรตั น-์ กิตติ โลห่ ์เพชรัตน,์ เรยี บเรยี ง II. ช่ือเรื่อง.
ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๗๔๔๖-๙๑-๒

ความรู้ ดุจแสงสวา่ งนำ�ทาง การอ่าน คอื ย่างกา้ วสู่โลกกวา้ ง

ยินดีรบั ตน้ ฉบบั ทตี่ รงกับแนวทางของส�ำ นกั พิมพ์
กรุณาสง่ มาที่ [email protected]

บรรณาธิการบริหาร นิคม ชาวเรือ กองบรรณาธิการ เดือนนภา สุรามิตร,
วมิ ลวรรณ รอดเงนิ , ปวันรตั น์ เกยี รตธิ รี ชัย, พรกนก กิตติวรวุฒิ, วริษา กล่นิ ดาว,
ชมพนู ชุ ขอดคำ� ปก/รูปเล่ม รจนา นครโสภา พสิ จู น์อักษร ชัย รงุ่ เรอื ง, สภุ าภรณ์
สว่างจนั ทร,์ วลยั กร เตม็ ขนั ท์ ผจู้ ดั การทว่ั ไป ยทุ ธศกั ด์ิ เซยี เฟอี การตลาด
วภิ าวรรณ เซยี เฟอ,ี ณลณิ พรรณ เผา่ พนั ธข์ุ าว
ส�ำ นักพมิ พ์ ก้าวแรก
๖๗/๑๘๑ หมู่ท่ี ๗ อาคาร E ดาลินเพลส ซอยพหลโยธนิ ๖๙ แขวงอนสุ าวรีย์
เขตบางเขน กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๙๗๒-๔๖๙๐ โทรสาร ๐-๒๙๗๒-๕๒๖๕
www.nokhook.co.th

คำ�นำ�ผูเ้ รยี บเรยี ง
ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพระเคร่ืองไม่มากก็น้อย

มีความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องจากส่ือต่างๆ หรือผู้คนรอบข้างไม่ทางตรงก็
ทางออ้ ม ไดซ้ มึ ซบั โดยตง้ั ใจและไมต่ ง้ั ใจ จนอาจกลา่ ววา่ พระเครอื่ งเปน็ สว่ น
หนึ่งของชีวติ คนไทย
อยา่ งผเู้ ขยี นเองนน้ั มคี นใกลช้ ดิ คอื คณุ พอ่ ทชี่ น่ื ชอบพระเครอื่ งเปน็
อย่างมาก มผี คู้ นไปมาหาสมู่ ากมาย เพื่อมาเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้เร่อื ง
พระเคร่อื งกับคณุ พ่ออยู่เสมอๆ ท�ำ ใหผ้ เู้ ขียนได้เหน็ ไดย้ นิ ได้รบั รู้เรือ่ งราว
เก่ียวกับพระเครอ่ื งมาตง้ั แต่ครง้ั เร่ิมจำ�ความได้
การสร้างพระเครื่องไว้เพ่ือสืบทอดพระพุทธศาสนานั้น ได้มีมา
ตง้ั แตค่ รงั้ สมยั ทวารวดี ในราวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ กาลตอ่ มาคนโบราณ
ผชู้ าญฉลาดไดป้ ระดษิ ฐค์ ดิ สรา้ งพระเครอื่ งขน้ึ ดว้ ยรปู แบบตา่ งๆ ตามแตจ่ ะ
เห็นว่างามและทรงคุณค่าในยุคสมัยนั้นๆ นอกจากน้ันแล้วยังได้บรรจุ
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตลอดจนพระปริตรและหัวใจ
พระพุทธมนต์อีกมากมายหลายแบบด้วยกัน การสร้างพระเครื่องมักนิยม
สร้างให้มีจำ�นวนครบ ๘๔,๐๐๐ องค์ ตามจำ�นวนพระธรรมขันธ์ในพระ
ไตรปิฎก
ในประเทศไทยนน้ั เรมิ่ นยิ มพระเครอื่ งกนั ในสมยั รชั กาลที่ ๕ โดยมี
การนำ�พระเครื่องมาแขวนคอหรือพกติดตัวกัน ในปัจจุบันคนไทยนิยม
พระเครอ่ื งกนั มากและสรา้ งพระเครอื่ งกนั มากขน้ึ เราสรา้ งและสะสมพระเครอ่ื ง
เพ่อื ประโยชน์ เพ่อื ความสุข ดงั นี้

๑. สร้างขึ้นเพื่อเป็นท่ีระลึกให้กับผู้บริจาคทรัพย์ หรือผู้ที่ท�ำ บุญ
ในทางดา้ นตา่ งๆ ในโอกาส เชน่ สรา้ ง บรู ณะ ปฏิสังขรณพ์ ุทธศาสนสถาน
หรอื เพอ่ื ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ เปน็ ตน้ ทง้ั นี้ เพื่อให้ผบู้ รจิ าคหรือผู้
ทำ�บุญในด้านต่างๆ สามารถจบั ตอ้ งถึงผลบญุ ทที่ ำ�ในครั้งน้ันได้
๒. สรา้ งพระเครอ่ื งเพอ่ื ใหเ้ ปน็ ขวญั และกำ�ลงั ใจในการทำ�งาน หรอื
ปฏิบัติหน้าท่ีโดยสุจริต ซ่ึงในข้อน้ีจะเห็นได้ชัดว่า พระเคร่ืองนั้นมีไว้เพ่ือ
ยดึ เหน่ยี วจติ ใจอย่างแท้จริง
๓. สรา้ งพระเครอ่ื งเพอ่ื สบื ทอดพระพทุ ธศาสนา การสรา้ งพระเครอ่ื ง
ในลกั ษณะนม้ี มี านานกวา่ พนั ปแี ลว้ เมอื่ สรา้ งเสรจ็ จะน�ำ พระเครอื่ งนน้ั ไปบรรจุ
ไวใ้ นองคเ์ จดีย์ ในพระสถปู ใต้ฐานพระพทุ ธรปู องค์ใหญ่ หรืออืน่ ๆ
สำ�หรบั ผู้เขียนมองว่าพระเครอื่ งไม่ใชเ่ ร่ืองงมงาย โดยพื้นฐานและ
ความตั้งใจของการสร้างพระเครื่อง ย่อมมีเจตนาดีโดยหลักการอยู่แล้ว
ส่วนการเช่าหาพระเคร่ืองและการบูชาพระเครื่องเพ่ือไว้ระลึกถึงคุณ
พระศรีรัตนตรัย เพ่ือความสบายใจอิ่มเอมใจ และเพื่อเตือนสติถึงส่ิงดีๆ
ให้ปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรม ท่ีกล่าวมานี้ย่อมเป็นสิ่งท่ีดีเป็นเบื้องต้น
และเปน็ หลกั ชยั ของชีวิตแลว้
ในส่วนของกรรมวิธีและวัตถุดิบในการสร้างพระเคร่ือง
สามารถจ�ำ แนกไดต้ ามลกั ษณะของวตั ถดุ บิ ในการจดั สรา้ งพระเครอื่ ง
ออกเปน็
๑. การสร้างพระเนอื้ ดิน
๒. การสร้างพระเนื้อผง
๓. การสร้างพระเน้ือวา่ น
๔. การสรา้ งพระเน้อื ชิน
๕. การสรา้ งพระเน้อื โลหะ ประเภทพระหล่อ พระป๊ัม พระฉดี
๖. การสร้างพระจากวสั ดอุ ่นื ๆ

เมอื่ ผลติ พระเสรจ็ สน้ิ แลว้ องคป์ ระกอบทส่ี ำ�คญั ประการสดุ ทา้ ยคอื
การปลุกเสก อันเสมือนการเชิญพลังแห่งพระรัตนตรัยมาบรรจุประสิทธ์ิ
ประสาทยังพระเครือ่ งทสี่ รา้ ง การปลุกเสกนน้ั แบง่ เปน็
๑. การปลุกเสกหมู่ หมายถึงการนิมนต์พระสงฆ์จ�ำ นวนมากกว่า
๑ รูป มาร่วมกันบรกิ รรมพระคาถา เจรญิ ภาวนา อธิษฐานจติ ปลุกเสกร่วมกนั
กระท�ำ เต็มรปู แบบศาสนพธิ ีการ
๒. การปลุกเสกเดี่ยว หมายถงึ พระเครือ่ งทผ่ี า่ นการบริกรรมพระ
คาถา เจริญภาวนา อธิษฐานจิต โดยพระสงฆ์เพียงรูปเดียว เป็นศาสน-
พิธกี รรม
๓. การอธษิ ฐานจติ
ในชมพูทวปี และประเทศไทยของเรา ปรากฏวา่ มีพระเครอื่ งอยา่ ง
มากมาย เพราะทา่ นพทุ ธศาสนกิ ชนไดส้ รา้ งสบื ตอ่ กนั มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั โดย
ไม่ขาดสาย
ในหนงั สอื เลม่ นี้ ผเู้ ขยี นไดร้ วบรวมพระเครอื่ งทง้ั เกา่ และกลางเกา่
กลางใหมไ่ ว้ พระเครอ่ื งเงนิ ล้านท่ีน่าสนใจ ท้ังพระเนอ้ื ผง เนือ้ ดิน เน้ือวา่ น
เหรยี ญปมั๊ เหรียญหล่อ พระรูปหลอ่ พระปรกใบมะขาม พระปดิ ตา พระ
ชยั วฒั น์ หรอื แมก้ ระทง่ั พระกรงิ่ ในเนอ้ื หาประกอบดว้ ยพระเครอื่ งนนั้ ๆ กบั
ทงั้ ประวตั พิ ระเกจทิ ไี่ ดอ้ ธษิ ฐานจติ ปลกุ เสกไว้ หรอื เกยี่ วเนอ่ื งกบั องคพ์ ระนนั้ ๆ
พร้อมภาพประกอบ และสนนราคาพอสงั เขปใหไ้ ด้ทราบกัน
ผู้เขียนหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้จี ะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำ�หรบั
ผอู้ า่ นผสู้ นใจในวตั ถมุ งคลประเภทพระเครอื่ ง หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด
ผเู้ ขียนตอ้ งกราบขออภัยมา ณ ที่น้ีด้วย

ดว้ ยความเคารพรักยงิ่
ประเสริฐ โล่หเ์ พชรตั น์ - กิตติ โลห่ ์เพชรตั น์

สารบญั

๑. พระสมเดจ็ วัดระฆังฯ ๑๕
๒. พระสมเด็จหลังอุ วดั เทพศิรนิ ทร์ ๒๐
๓. พระสมเดจ็ ปิลันทน์ วัดระฆงั ฯ ๒๔
๔. พระสมเด็จอรหัง วดั มหาธาตยุ ุวราชรังสฤษฏ์ ๒๘
๕. พระสมเดจ็ เกศไชโย วดั เกศไชโย ๓๓
๖. พระสมเด็จบางขุนพรหม วดั ใหม่อมตรส ๓๖
๗. พระสมเด็จบงึ พระยาสุเรนทร์ วดั บึงพระยาสเุ รนทร์ ๔๐
๘. พระสมเด็จ วัดระฆังหลงั ฆอ้ น ๔๕
๙. พระสมเด็จหลวงปู่ภู วัดอนิ ทรวิหาร ๔๘
๑๐. พระสมเดจ็ วัดพลบั ๕๒
๑๑. พระหลวงพ่อสด วดั ปากนำ้� ๕๗
๑๒. พระหลวงพอ่ วงษ์ วัดปรวิ าส ๕๙
๑๓. พระหลวงพ่อสาย วดั อินทาราม ๖๓
๑๔. พระหลวงป่ทู วด วัดชา้ งให้ เนอื้ ว่าน ๖๖

๑๕. พระหลวงพอ่ ปาน วัดบางนมโค ๗๐
๑๖. พระนาคปรกฯ เจา้ คณุ สนิทฯ วัดท้ายตลาด ๗๓
๑๗. พระหลวงพอ่ เนียม วัดน้อย ๗๗
๑๘. เหรยี ญหลวงพอ่ คง วดั ซำ�ปา่ ง่าม ๘๑
๑๙. เหรยี ญหลวงพ่อเงิน วดั ดอนยายหอม ๘๓
๒๐. เหรียญครูบาศรวี ชิ ัย วัดบ้านปาง ๘๗
๒๑. เหรยี ญหลวงพอ่ พรหม วดั ช่องแค ๙๐
๒๒. เหรียญหลวงพอ่ สาย วดั พยคั ฆาราม ๙๕
๒๓. เหรยี ญหลวงพอ่ เพชร วดั วชริ ประดิษฐ์ ๙๗
๒๔. เหรยี ญหลวงพอ่ ช่วง วัดปากน้ำ� ๑๐๐
๒๕. เหรยี ญหลวงพอ่ แชม่ วดั ตาก้อง ๑๐๓
๒๖. เหรยี ญหลวงพอ่ ซัง วดั วัวหลงุ ๑๐๖
๒๗. เหรยี ญหลวงพอ่ อ๋อย วดั ไทร ๑๐๙
๒๘. เหรยี ญหลวงพอ่ โม วดั ไตรมติ รฯ ๑๑๒
๒๙. เหรยี ญหลวงพอ่ ทองศุข วดั โตนดหลวง ๑๑๕
๓๐. เหรยี ญหลวงพ่อคลง้ิ วดั ถลุงทอง ๑๑๘
๓๑. เหรยี ญหลวงพอ่ เทศน์ วดั วิชติ ดติ ถาราม ๑๒๑
๓๒. เหรียญหลวงปสู่ ุข วัดโพธ์ทิ รายทอง ๑๒๔
๓๓. เหรียญสมเด็จพระสังฆราชเจา้
๑๒๘
 กรมหลวงชนิ วรสริ ิวฒั น์ วัดราชบพิธฯ ๑๓๒
๓๔. เหรยี ญหลวงพ่อวงศ์ วดั บ้านค่าย

๓๕. เหรียญหลวงพ่อบตุ ร วดั ใหญ่บางปลากด ๑๓๕
๓๖. เหรยี ญหลวงปศู่ ุข วัดปากคลองมะขามเฒา่ ๑๓๘
๓๗. เหรยี ญพระพทุ ธชนิ ราช วัดปากคลองมะขามเฒา่ ๑๔๒
๓๘. เหรยี ญหลวงปโู่ ต๊ะ วดั ประดู่ฉิมพลี ๑๔๕
๓๙. เหรียญหลวงพ่อวัดไร่ขงิ วัดไรข่ งิ ๑๔๘
๔๐. เหรยี ญหลวงพ่อคลา้ ย วัดสวนขัน ๑๕๒
๔๑. เหรยี ญหลวงพ่อแดง วัดเขาบนั ไดอิฐ ๑๕๕
๔๒. เหรยี ญพระพทุ ธบาท วดั เขาบางทราย ๑๕๘
๔๓. เหรยี ญหลวงปูท่ วด วดั ชา้ งให้ ๑๖๒
๔๔. เหรยี ญหลวงพอ่ เปนิ่ วดั บางพระ ๑๖๕
๔๕. เหรียญหลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด วัดอมั พวัน ๑๖๘
๔๖. เหรยี ญหลวงพอ่ จาด วดั บางกระเบา ๑๗๑
๔๗. เหรยี ญหลวงพ่อรงุ่ วัดท่ากระบอื ๑๗๔
๔๘. เหรยี ญหลวงพ่อมงิ่ วัดกก ๑๗๗
๔๙. เหรยี ญหลวงพอ่ คณู วัดบา้ นไร่ ๑๘๐
๕๐. เหรียญหลวงพอ่ โอภาสี อาศรมบางมด ๑๘๓
๕๑. เหรยี ญอาจารย์ฝัน้ อาจาโร วดั ป่าอุดมสมพร ๑๘๗
๕๒. เหรียญหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ๑๙๐
๕๓. เหรยี ญหลวงพอ่ คง วดั บางกะพ้อม ๑๙๓
๕๔. เหรียญหลวงพ่อสาย วัดหนองสองหอ้ ง ๑๙๖
๕๕. เหรียญหลวงป่ขู าว วดั หลักส่ี ๒๐๐

๕๖. เหรียญหลวงปูเ่ ขียว วดั หรงบล ๒๐๓
๕๗. เหรยี ญหลวงพอ่ อ๋ี วดั สัตหบี ๒๐๖
๕๘. เหรยี ญหลวงพ่อเดมิ วัดหนองโพ ๒๐๙
๕๙. เหรยี ญหลวงพ่อพรงิ้ วดั บางปะกอก ๒๑๒
๖๐. เหรยี ญหลวงพ่อสด วัดปากน�้ำ ๒๑๕
๖๑. เหรียญหลวงพอ่ เนียม วดั เสาธงทอง ๒๑๘
๖๒. เหรียญหลวงพอ่ มว่ ง วดั บา้ นทวน ๒๒๑
๖๓. เหรยี ญหลวงปู่ทมิ วดั ละหารไร่ ๒๒๔
๖๔. เหรียญหลวงปูแ่ หวน วัดดอยแม่ปงั๋ ๒๒๗
๖๕. เหรยี ญหลวงพอ่ นุ้ย วัดอัมพาราม ๒๓๐
๖๖. เหรยี ญหลวงพ่อมงคลบพติ ร ๒๓๓
๖๗. เหรียญหลวงพอ่ กลั่น วดั พระญาติ ๒๓๖
๖๘. เหรยี ญหลวงปูไ่ ข่ วดั เชงิ เลน ๒๓๙
๖๙. เหรยี ญหลวงพ่อฉุย วดั คงคาราม ๒๔๒
๗๐. เหรียญหลวงปู่เอย่ี ม วัดหนงั ๒๔๕
๗๑. เหรยี ญหลวงพ่อไปล่ วัดก�ำ แพง ๒๕๐
๗๒. เหรยี ญหลวงพอ่ จง วดั หน้าต่างนอก ๒๕๔
๗๓. เหรียญหลวงปเู่ ผือก วดั กิง่ แก้ว ๒๕๗
๗๔. เหรียญหลวงพ่อนอ้ ย วัดศรี ษะทอง ๒๖๐
๗๕. เหรียญหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ๒๖๔
๗๖. เหรียญหลวงพอ่ ด่ิง วัดบางววั ๒๖๗
๗๗. เหรียญหลวงพอ่ คง วัดวังสรรพรส ๒๗๐

๗๘. เหรยี ญหลวงปจู่ ันทร์ วดั ศรีเทพ ๒๗๔
๗๙. เหรียญหลวงป่รู อด วัดบางน้�ำ วน ๒๗๘
๘๐. เหรยี ญหลวงปบู่ ุญ วดั กลางบางแกว้ ๒๘๑
๘๑. เหรยี ญหลวงปทู่ อง วัดลาดบวั ขาว ๒๘๔
๘๒. เหรยี ญหลวงพ่อเปลี่ยน วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ๒๘๗
๘๓. เหรยี ญพระแกว้ มรกต วัดพระศรรี ตั นศาสดาราม ๒๙๐
๘๔. พระหลวงพ่อเงิน วดั บางคลาน ๒๙๖
๘๕. พระชัยวัฒน์ หลวงป่บู ุญ วัดกลางบางแกว้ ๓๐๐
๘๖. พระชยั วัฒน์ ทา่ นเจา้ มา วัดสามปลม้ื ๓๐๓
๘๗. พระหลวงป่ทู วด วัดชา้ งให้ เนอ้ื โลหะ ๓๐๘
๘๘. พระปิดตาหลวงปู่โตะ๊ วดั ประด่ฉู ิมพลี ๓๑๒
๘๙. พระปดิ ตาหลวงปู่เอยี่ ม วัดหนัง ๓๑๕
๙๐. พระปิดตาหลวงปูเ่ อ่ียม วดั สะพานสูง ๓๑๘
๙๑. พระปดิ ตาหลวงพ่อทบั วดั ทอง ๓๒๒
๙๒. พระปดิ ตาหลวงพ่อทา วดั พะเนียงแตก ๓๒๖
๙๓. พระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงป่จู นั วดั โมลี ๓๒๙
๙๔. พระปดิ ตาหลวงพ่อเจียม วัดกำ�แพง ๓๓๒
๙๕. พระปิดตาหลวงปยู่ ิ้ม วดั ศรีอุปลาราม ๓๓๕
๙๖. พระปดิ ตาหลวงปู่นาค วัดหว้ ยจระเข้ ๓๓๙
๙๗.พระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ (มาเลเซยี ) ๓๔๓
๙๘. พระกรง่ิ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วดั สุทศั น์ฯ ๓๔๖
๙๙. พระกรง่ิ ปวเรศฯ วัดบวรนเิ วศฯ ๓๕๑



เพงรนิ ะเลคร้า่ือนง

พระสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ พิมพใ์ หญ่

พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พระสมเดจ็ วัดระฆงั ฯ พระสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ
พิมพ์เจดีย์ พิมพเ์ กศบวั ตูม พมิ พ์ปรกโพธ์ิ



พระสมเดจ็

วัดระฆังฯ

ในบรรดาพระเครื่องจำ�นวนมากมาย นักนิยมสะสมพระเครื่องต่างยกย่อง

ใหพ้ ระสมเด็จวัดระฆงั ฯ เป็นยอดแห่งพระเคร่อื ง จนไดร้ บั ถวายสมญานาม
วา่ ราชาแหง่ พระเครื่อง

พระสมเดจ็ วดั ระฆังฯ สรา้ งโดยสมเดจ็ พฒุ าจารย์ (โต) พฺรหมฺ รสํ ี)
แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นพระแห่งยุครัตนโกสินทร์ เป็นพระทรง
ส่เี หล่ยี ม ขนาดความกว้างประมาณ ๒.๒-๒.๔ ซ.ม. สงู ประมาณ ๓.๕ ซ.ม.
หนาประมาณ ๐.๓-๐.๔ ซ.ม. สร้างขึน้ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๐ สนั นษิ ฐานว่า
แมพ่ มิ พส์ รา้ งโดยลูกศษิ ยท์ ่อี ย่ใู นงานชา่ งสบิ หมู่ ซึ่งเป็นชา่ งหลวง และเชอื่
วา่ มหี ลายทา่ นทแ่ี กะพมิ พถ์ วาย ปจั จบุ นั นยิ มเนน้ พมิ พท์ รงของหลวงวจิ ารณ์
เจียรนัย
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีความรู้แตกฉานทางอักษรโบราณ
สามารถอา่ นศลิ าจารกึ ทว่ี า่ ดว้ ยกรรมวธิ กี ารสรา้ งพระเครอื่ ง โดยเฉพาะการ
สรา้ งพระพิมพด์ ว้ ยเน้ือผงขาว ซึ่งต่อมาเรียกกันว่าเนอื้ พระสมเดจ็ โดยมี

เน้ือหลักเป็นปูนขาวหรือปูนเปลือกหอย ผสมผสานด้วยวัตถุมงคลอ่ืนๆ
เมื่อนำ�เอามาบดต�ำ กรองจนดีแล้ว จึงน�ำ เอามาผสมผสานกับดินสอพอง
แลว้ ปน้ั เปน็ แทง่ ตากใหแ้ หง้ แลว้ น�ำ มาเขยี นอกั ขระเลขยนั ต์ เสรจ็ แลว้ จงึ ลบ
เอาผงมาสร้างเป็นพระสมเดจ็ ทเี่ รียกว่าผงวิเศษหรือผงพุทธคุณนน่ั เอง
ส่วนตัวประสานที่ทราบกันอย่างเด่นชัดคือ น�ำ้ มันตังอิ๊ว น้ำ�อ้อย
น้�ำ ผึ้ง กลว้ ย และเยือ่ กระดาษ เชอ่ื กันว่าตัวเยอื่ กระดาษเปน็ ตวั หนงึ่ ท่ที ำ�ให้
พระสมเด็จ วัดระฆังฯ มีความนุ่ม เนอ้ื ไมแ่ ห้งกระด้าง โดยเฉพาะส่วนผสม
ประเภทพชื เชน่ ขา้ ว อาหาร กลว้ ย ออ้ ย กม็ สี ว่ นทำ�ใหเ้ นอ้ื พระมคี วามหนกึ
น่มุ เช่นกนั
พระสมเด็จ วัดระฆังฯ เป็นพระที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ สร้าง
เอง เพอื่ แจกญาตโิ ยมทสี่ นทิ ทที่ ำ�บญุ ตกั บาตรตอนเชา้ หรอื ญาตโิ ยมทแ่ี วะ
หาถกู อัธยาศัยกนั ไม่ได้ซื้อขายกัน ใครอยากไดไ้ วบ้ ูชา กอ็ าราธนาขอเอา
ไมห่ วง
ในดา้ นแม่พิมพน์ ัน้ เปน็ รปู แบบเรยี บง่าย เปน็ การออกแบบท่ีทวน
กระแสความคดิ สรา้ งสรรคข์ องคนโบราณอยา่ งสนิ้ เชงิ หาไดอ้ ยภู่ ายใตศ้ ลิ ปะ
พระเครื่องสกุลอื่นใดไม่ พิมพ์พระเป็นรูปส่ีเหล่ียมฟัก มีซุ้มผ่าหวายทรง
ครอบแกว้ ภายในเปน็ รปู นนู ต�่ำ พระปางสมาธิ เกศเรยี วยาวประทบั บนฐาน
๓ ชั้น ไม่ปรากฏรายละเอียดในองค์พระ ท�ำ ให้ดูมีเสน่ห์ ศิลปะเรียบง่าย
แต่มีมนต์ขลัง คาดว่าท่านทำ�ครั้งละไม่มาก คือทำ�ไปแจกไป ทำ�ให้ราย
ละเอียดไม่เหมือนกนั คือสูตรผสมไมต่ ายตวั ที่เชื่ออย่างนเ้ี พราะพระแตล่ ะ
พมิ พม์ วลสารมอี ่อนแก่กวา่ กัน ละเอยี ดบ้าง หยาบบ้าง เม่อื ทา่ นสร้างพระ
แต่ละพิมพ์แต่ละคราวเสร็จ ท่านจะบรรจุลงในบาตร นอกจากท่านจะ
บรกิ รรมปลกุ เสกดว้ ยตวั ทา่ นแลว้ ยงั นมิ นตใ์ หพ้ ระเณรปลกุ เสกอกี ดว้ ย เมอ่ื
ทา่ นออกไปบณิ ฑบาต ทา่ นจะเอาตดิ ตวั ไป ญาตโิ ยมทใ่ี สบ่ าตรทา่ น ทา่ นจะ
แจกพระใหค้ นละองค์ และมกั จะพดู วา่ “เกบ็ เอาไวใ้ หด้ นี ะ ตอ่ ไปจะหายาก”

16 : พระเคร่อื งเงนิ ล้าน

ทา่ นเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ยงั ปลกุ เสกอธษิ ฐานจติ ดว้ ยคาถา “ชนิ -
บัญชร” อนั ศกั ด์สิ ิทธิ์ทไ่ี ด้จากกรุพระโบราณเมืองกำ�แพงเพชร ทส่ี ืบทอด
จากลังกา โดยการอาราธนาคุณแห่งพระพุทธาจารย์ในโบราณกาลทุก
พระองค์ อีกทั้งอัญเชิญพระอรหันต์สาวกมาสถิตอยู่ในพระสมเด็จฯ เพ่ือ
ค้มุ ครองอภบิ าล
พระสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ จ�ำ แนกออกไปเปน็ ๕ พมิ พใ์ หญด่ ว้ ยกนั คอื
๑. พิมพ์พระประธาน หรือพิมพ์ใหญ่
๒. พิมพ์ทรงเจดีย์
๓. พิมพ์เกศบัวตมู
๔. พมิ พ์ฐานแซม
๕. พมิ พ์ปรกโพธ์ิ
พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์พระประธาน หรือท่ีนิยมเรียกว่า
พระพมิ พใ์ หญ่ เปน็ พระพมิ พท์ ไี่ ดร้ บั ความนยิ มสงู สดุ ดว้ ยความงดงามสงา่
ผ่าเผยขององค์พระ และความสมบูรณ์สมส่วนโดยรวมขององค์ประกอบ
ศลิ ปท์ งั้ หมด จงึ สง่ ผลใหพ้ ระสมเดจ็ พมิ พพ์ ระประธานนเี้ ปน็ สดุ ยอดของพระ
ในตระกูลพระสมเดจ็ ทง้ั หมด
พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พิมพ์พระประธาน มีทั้งเนื้อละเอียด เนื้อ
หยาบ เนือ้ แกน่ ้ำ�มันตังอิว๊ หรือเนือ้ สงั ขยา และเนื้อแก่ปูน ในพระพมิ พ์นี้
สามารถแยกแยะออกเปน็ ๓ โครงสร้างใหญ่ โดยถือเอารูปร่างขององค์
พระเป็นตัวก�ำ หนด
พิมพ์ ๑ มีลกั ษณะทลี่ �ำ พระองคห์ นา พระพกั ตร์ค่อนข้างกลมใหญ่
หรอื เรยี กวา่ เอวหนาหน้าใหญ่

พมิ พ์ ๒ มลี กั ษณะทล่ี ำ�พระองคห์ นา สว่ นพระพกั ตรจ์ ะเรยี วอมู ตรง
กลาง และรปู พระพกั ตรย์ าวกวา่ พิมพแ์ รก หรอื ที่เรียกว่ารูปพระพกั ตร์แบบ
ผลมะตมู ใหญ่ (เอวหนาหนา้ กลาง)

ประเสรฐิ โลห่ ์เพชรัตน์-กิตติ โล่ห์เพชรตั น์ : 17

พิมพ์ ๓ มีลกั ษณะทลี่ ำ�พระองคบ์ าง คอดหายไปตรงส่วนปลาย
รปู พระพักตรจ์ ะเรียวอูมรเี ลก็ กวา่ ทกุ พิมพ์ทีเ่ รยี กวา่ ผลมะตมู เล็ก (เอวบาง
หน้าเลก็ )
มีคราวหนึ่ง ท่านสมเด็จฯ โตได้สร้างพระสมเด็จขึ้นมาพิมพ์หน่ึง
โดยฝมี ือช่างหลวงชว่ ยแกะพิมพใ์ ห้ พอสร้างเสรจ็ ปลุกเสกเสร็จ ทา่ นไดใ้ ห้
พระสมเดจ็ พมิ พท์ รงนแ้ี กร่ ชั กาลท่ี ๕ พระองคไ์ ดน้ �ำ พระสมเดจ็ องคน์ ตี้ ดิ ตวั
ไปประเทศเยอรมนั กษตั รยิ เ์ ยอรมนั พบเขา้ กแ็ ปลกใจ แลเหน็ ทห่ี นา้ อกของ
รัชกาลที่ ๕ มีแสงสว่างประกายออกมา จงึ กราบเรยี นถามว่าในตัวมีอะไร
รัชกาลท่ี ๕ นึกข้ึนมาได้ว่ามีพระสมเด็จองค์หน่ึงที่ท่านโตให้ติดตัวมา จึง
ถวายใหก้ บั กษตั ริยเ์ ยอรมนั ไป จึงเรยี กสมเด็จพิมพท์ รงนว้ี ่า พมิ พ์ไกเซอร์

สนนราคาเชา่ หาบชู าองคห์ นงึ่ หลายลา้ น พมิ พน์ ยิ มสวยๆ ไม่
ตำ�่ กวา่ ๑๐ ล้าน หลายองค์มกี ารเช่าบูชากันถงึ ๓๐ ล้านก็มี โดยต้อง
ดูเน้ือประกอบ
พระสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ มพี ทุ ธคณุ ครอบจกั รวาล เนน้ บญุ ฤทธ์ิ
โด่งดังทางโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม หนุนดวงชะตา แคล้วคลาด
ปลอดภยั ใครมบี ารมไี ดไ้ วบ้ ูชาจะรุ่งเรอื งไม่มวี ันตกตำ�่

18 : พระเครือ่ งเงินลา้ น

สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรงั สี

นามเดิมวา่ โต ชาวบ้านทวั่ ไปเรียกกนั ว่า สมเด็จโต ถอื กำ�เนดิ
ตอนเช้าตรู่ ของวนั พฤหสั บดที ่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๓๑ ณ อ. ทา่ เรอื
จ. พระนครศรอี ยุธยา มารดาชือ่ งดุ เกศ บิดาไมป่ รากฏแนช่ ดั (บางแหง่
อา้ งวา่ เป็นราชวงศจ์ กั รี)

บวชเปน็ สามเณรเมอื่ อายไุ ด้ ๑๓ ปี ณ วัดใหญ่ เมืองพจิ ิตร กาล
ตอ่ มารชั กาลท่ี ๑ ทรงโปรดฯ เมตตาสามเณรโตเป็นอยา่ งยิ่ง ครัน้ อายคุ รบ
อุปสมบทในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ อายุ ๒๐ ปี ไดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหอ้ ปุ สมบทเป็น
นาคหลวงทว่ี ดั พระศรรี ตั นศาสดาราม มสี มเดจ็ พระสงั ฆราช (สกุ ) เปน็ พระ
อปุ ชั ฌาย์ ไดน้ ามฉายาวา่ พรหมรงั สี

ในปี พ.ศ. ๒๓๙๕ รัชกาลที่ ๔ ไดพ้ ระราชทานสมณศักดเ์ิ ปน็ พระ
ราชาคณะที่พระธรรมกิติ ขณะนั้นท่านอายุ ๖๕ ปี ได้เป็นเจ้าอาวาสวัด
ระฆังฯ ในปี พ.ศ. ๒๓๙๕ อกี ๒ ปีตอ่ มา คอื ปี พ.ศ. ๒๓๙๗ ไดร้ บั การ
สถาปนาสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระราชาคณะชน้ั ผใู้ หญท่ ่ีพระเทพกวี อกี ๑๐ ปี คอื
ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาสมณศกั ด์ิขึน้ เปน็
สมเด็จพระพุฒาจารย์ มนี ามจารกึ ตามหิรญั บัฏว่า สมเด็จพระพุฒา-
จารย์ เอนกปรชี า วสิ ทุ ธศลี จรรยาสมบัติ นิพัทธตุ คณุ สริ ิสนุ ทร พรตจาริก
อรญั ญิกคนฤศร สมณนิกรมหาปรณิ ายก ตรีปฎิ กโกศล วมิ ลศีลขันธ์ ขณะ
ที่โปรดเกลา้ ฯ เป็นสมเด็จนั้นมอี ายไุ ด้ ๗๖ ปี อายพุ รรษาได้ ๕๖ พรรษา

ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จโตน้ันเป็นคนท่ีอยู่ได้ ๕ แผ่นดิน ตั้งแต่
รัชกาลท่ี ๑ จนถงึ รชั กาลที่ ๕ มรณภาพเมือ่ วนั เสาร์ท่ี ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.
๒๔๑๕ เวลาประมาณ ๒๔.๐๐ น. เศษ บนศาลาใหญว่ ัดอนิ ทรวหิ าร รวมสริ ิ
อายไุ ด้ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔ ด�ำ รงตำ�แหนง่ เจ้าอาวาสวดั ระฆังฯ ได้ ๒๐ ปี
ด�ำ รงฐานนั ดรศักดิ์สมเด็จพระพุฒาจารยไ์ ด้ ๗ ปี

ประเสริฐ โลห่ ์เพชรตั น-์ กิตติ โล่หเ์ พชรตั น์ : 19



พระสมเด็จหลังอุ

วัดเทพศิรินทร์

ด้านวัตถุมงคลท่ีท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ ได้เมตตาปลุกเสกมีหลายแบบ

หลายชนดิ ซง่ึ ลว้ นแลว้ แตม่ คี วามขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ เชน่ พระสมเดจ็ พมิ พห์ ลงั อุ
พระสมเดจ็ ผาสกุ พระสมเดจ็ พมิ พห์ ลงั จงอาง เหรยี ญรปู ไขห่ ลงั เตา่ เหรยี ญ
ลายกนกข้าง เหรียญนาคปรกจเรต�ำ รวจ

วตั ถมุ งคลทท่ี า่ นไดส้ รา้ งเองมเี พยี งสว่ นนอ้ ย สว่ นใหญจ่ ะมบี คุ คลอน่ื
สร้างข้นึ แล้วนำ�มาขอให้ท่านอธิษฐานจิตให้ ท่านไม่เคยสอนให้เช่อื ในวัตถุ
มงคลอยา่ งงมงาย เพราะอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ย์ อ่ มไมอ่ ยเู่ หนอื กฎแหง่ กรรมไปได้

ค�ำ ว่า อุ ยอ่ มาจากคำ�ว่าอดุ ม หรอื อุตมะ ซง่ึ เป็นอักษรคำ�แรกของ
ผสู้ รา้ งพระสมเดจ็ หลงั อุ คอื ทา่ นเจา้ คณุ พระอดุ มสารโสภณ โดยสรา้ งขน้ึ
จากผงตา่ งๆ ดงั นี้

๑. ผงแป้งเจิมพระพทุ ธมงคลนายก ซ่ึงเหลอื จากพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเจมิ พระพทุ ธมงคลนายก ตอนถวายผา้ พระกฐนิ ปี พ.ศ. ๒๕๐๘

๒. ผงธปู จากพธิ อี ธษิ ฐานจติ พระพทุ ธมงคลนายก พระกรง่ิ เชยี งแสน
แผน่ ยันตด์ วงทอง-เงนิ -ทองแดง เม่ือวันท่ี ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๘

๓. ผงพระเครื่องเก่า เชน่ เศษแตกหกั จากพระสรงน้ำ�สมเดจ็ พระ
พุทธโฆษาจารย์ ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ และพระสรงน้�ำ เกาหลี ปี พ.ศ. ๒๔๙๓

พระสมเดจ็ หลังอุ รนุ่ แรก พระสมเด็จหลังอุ พิมพน์ ิยม

พระสมเดจ็ หลังอุ ไหลจ่ ุด (หนา้ -หลัง) พระสมเด็จหลงั อุ ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ (หน้า-หลงั )

พระสมเดจ็ หลงั อุ ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ส่วนใหญ่ตวั อุ หางจะตรง
(หลัง-ขา้ ง)

พระสมเดจ็ หลงั อุ จ�ำ นวนสรา้ งทง้ั สน้ิ ๓,๐๐๐ องค์ เปน็ พระสมเดจ็
พมิ พใ์ หญ่ คลา้ ยสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ สจี ะเปน็ สขี าวปนเหลอื ง บางองคส์ เี หลอื ง
ปนเทากม็ ี สาเหตทุ ต่ี ง้ั ชอ่ื เรยี กวา่ พระสมเดจ็ หลงั อุ เพราะมรี ปู รา่ งองคพ์ ระคลา้ ย
กบั พระสมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ พมิ พใ์ หญ่ ดา้ นหลงั มตี วั อุ

พระสมเด็จหลังอุ สร้างถวายโดยพระอุดมสารโสภณ ผู้ช่วยเจ้า
อาวาสวัดเทพศริ ินทร์ สรา้ งข้นึ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้ขอใหท้ ่านเจา้ คุณนรฯ
อธิษฐานจติ ปลกุ เสกให้ครงั้ แรก เมือ่ วันท่ี ๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๓ จำ�นวน
๘๐๐ องค์ ท่านเจ้าคณุ นรฯ อธิษฐานจติ ทว่ี ัดเทพศริ ินทร์ ครัง้ ที่ ๒ ได้นำ�
พระจำ�นวน ๘๐๐ องค์ ไปให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตให้อีก เมื่อวันที่ ๒๘
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ กราบนมัสการบอกท่านว่าจะไปฮ่องกง ญี่ปุน่ เกาหลี
ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้อีก ท่านเจ้าคุณอุดมฯ ได้น�ำ พระสมเด็จหลังอุ
ทงั้ ๘๐๐ องค์ ถวายแดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราช เพอื่ ทรงประทานแกพ่ ทุ ธบรษิ ทั
ชาวฮ่องกง ญีป่ นุ่ เกาหลี และชาวไทยในฮ่องกง ที่คอยเฝ้ารับเสด็จ ครงั้ ที่
๓ ไดน้ �ำ พระสมเด็จหลงั อุ ท่เี หลอื อกี ๑,๔๐๐ องค์ เขา้ พธิ ีใหญเ่ สารห์ ้า ใน
วนั เสารท์ ี่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ทีว่ ดั เทพศริ นิ ทร์ พระจ�ำ นวนน้ไี ด้แจก
ใหแ้ ก่ผู้ท่มี าขอพระด้วยตัวเอง

เอกลักษณส์ ำ�คัญในการพจิ ารณา
๑. พิมพ์แรกเส้นคอจะยาวมาถงึ ไหล่
๒. พมิ พแ์ รกจะมีเส้นนำ้�ตกยาวลงมาถงึ ฐานพระท่ีสอง
๓. ด้านหลังพ้ืนผวิ หยาบยน่ คล้ายหนงั ช้าง
๔. ขอบพระด้านล่างหยาบท้ังสด่ี า้ น
๕. จุดส�ำ คัญ ขอบพระดา้ นบนทง้ั สดี่ ้านคอ่ นข้างเรยี บ
สนนราคาหาเชา่ ไมห่ ยดุ นงิ่ ขยบั ขนึ้ ตลอด เปน็ พระเครอื่ งทม่ี ี
ราคาสูง อยู่ทห่ี ลักแสนตน้
ดา้ นพุทธคุณในองค์พระเด่นทางเมตตามหานิยม

เจา้ คณุ นรฯ วดั เทพศิรินทร์ กรงุ เทพฯ

เจา้ คณุ นรฯ วดั เทพศริ นิ ทร์ กรงุ เทพฯ เมอื่ กลา่ วถงึ เจา้ คณุ นร-
รตั นราชมานติ หลายคนมกั จะเรยี กวา่ เจา้ คณุ นรฯ ซง่ึ ทา่ นเปน็ พระปฏบิ ตั ิ
ในเมืองกรุงท่ีเคร่งครัดในการเจริญสมาธิและวิปัสสนากรรมฐาน จนได้รับ
การยกยอ่ งว่าเป็นพระอรยิ สงฆผ์ ู้เป่ยี มด้วยความบริสุทธ์ิ

เจ้าคุณนรฯ หรอื พระยานรรตั นราชมานิต มีนามเดิมวา่ ตรึก
จนิ ตยานนท์ เกดิ เมอื่ วนั ที่ ๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๔๐ ทบี่ า้ นใกลว้ ดั โสมนสั ฯ
เป็นบุตรของพระนรราชภักดี (ตรอง จินตยานนท์) และนางนรราชภักดี
(พกุ จินตยานนท์) เขา้ ศึกษาทโี่ รงเรยี นมหาดเล็กหลวงในพระบรมมหาราช
วงั (ภายหลงั เปลย่ี นเปน็ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ) โดยเรยี นคณะรฐั ศาสตร์
สอบผ่านจบเป็นบัณฑิตรนุ่ แรกในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ มีบรรดาศักดิเ์ ป็นพระยา
นรรตั นราชมานิต เมื่อวันท่ี ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้เปน็ องคมนตรี
ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันท่ี ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ท่านรับราชการจน
กระทั่งรชั กาลที่ ๖ เสด็จสวรรคต ขณะนัน้ ทา่ นมที ้ังฐานะ ท้งั ทรพั ย์สมบัติ
และโอกาสท่ีจะหาความเจริญในทางโลกต่อไปอย่างพร้อมมูล แต่ท่านได้
สละทุกส่ิงทุกอย่างออกอุปสมบท เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่รัชกาลท่ี
๖ เมื่อวนั ที่ ๒๔ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ณ วดั เทพศิรินทราวาส โดยมีสมเดจ็
พระพทุ ธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) เป็นพระอุปชั ฌาย์ ไดร้ บั ฉายา
ทางสมณเพศว่า ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ ท่านได้ครองสมณเพศตลอดมาจน
มรณภาพ ท่านอย่ใู นสมณเพศเปน็ เวลา ๔๖ ปี ท่านมรณภาพเมื่อวันท่ี ๘
มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ รวมสิริอายุ ๗๔ ปี

ประเสรฐิ โล่หเ์ พชรตั น-์ กิตติ โลห่ ์เพชรัตน์ : 23



พระสมเดจ็ ปิลนั ทน์

วดั ระฆงั ฯ

ผลงานของสมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (ม.จ.ทดั เสนีวงศ์) เป็นวตั ถุมงคล

ทม่ี กี ระแสความนยิ มดมี าตลอด พระสมเดจ็ ปลิ นั ทน์ ถา้ จะเรยี กใหถ้ กู ตอ้ ง
คอื “พระสมเดจ็ พระพุทธุปบาทปลิ ันทน์”
หม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) สร้างพระเคร่ืองตั้งแต่
ทรงชว่ ยเจา้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ สรา้ งพระสมเดจ็ ฯ เปน็ ตน้ มา และไดท้ รงสรา้ ง
พระเครือ่ งของท่านขนึ้ มาบ้างในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ภายหลงั จากเจา้ ประคุณ
สมเดจ็ ฯ ไดส้ รา้ งพระสมเดจ็ ฯ มาแลว้ ๒ ปี แตก่ ม็ ไิ ดส้ รา้ งตามล�ำ พงั พระองค์
เดยี ว หากอาราธนาใหเ้ จา้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ รว่ มสรา้ งดว้ ย และไดข้ อผงวเิ ศษ
ท้ังห้าของเจ้าประคุณฯ มาเป็นอิทธิวัตถุผสมเป็นหลักของมวลสาร ดังนั้น
พระเคร่ืองของท่าน คนในสมัยก่อนจึงเรียกว่า “พระสองสมเดจ็ ฯ” หลัง
จากท่เี จ้าประคณุ สมเดจ็ ฯ (โต) สน้ิ แลว้ ทา่ นจงึ ไดบ้ รรจพุ ระเครื่องเหล่านั้น
ไว้ในพระเจดีย์องค์หนึ่ง ซ่ึงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระอุโบสถวัด
ระฆงั ฯ โดยอุทศิ พระกศุ ลถวายเจ้าประคุณสมเด็จฯ

พระสมเดจ็ ปลิ นั ทน์ พระสมเดจ็ ปลิ นั ทน์ พิมพป์ รกโพธ์ใิ หญ่
พิมพป์ รกโพธิ์ กรอบกระจก ซมุ้ ครอบแก้ว (หนา้ -หลงั )

พระสมเด็จปิลันทน์ พมิ พ์ปรกโพธิ์ พระสมเดจ็ ปลิ นั ทน์ พิมพ์ปรกโพธเ์ิ ลก็
ซ้มุ สเี่ หล่ยี ม (หนา้ -หลงั ) ซ้มุ ครอบแก้ว (หนา้ -หลงั )

พระสมเด็จปลิ ันทน์ พิมพ์ซุม้ ประตู 25
(หนา้ -หลัง)
ประเสริฐ โลห่ ์เพชรัตน-์ กติ ติ โลห่ ์เพชรัตน์ :

พระเจดีย์กรุพระสมเด็จปิลันทน์ถูกลักเจาะคร้ังแรกในปี พ.ศ.
๒๔๗๑ โดยคนร้ายได้พระไปเป็นส่วนน้อย และทางวัดได้ซ่อมอุดช่องเสีย
ต่อมากรุถูกลักเจาะอีก เม่ือกรุแตกมีคนนำ�พระมาให้พระธรรมถาวร ท่าน
จ�ำ ได้ว่าเปน็ พระของหมอ่ มเจา้ พระพฒุ าจารย์ (ทัด) ไดท้ รงสรา้ งไว้ ทางวัด
จงึ ไดน้ �ำ พระบางสว่ นบรรจใุ นถงุ ผา้ ดบิ สง่ มอบใหก้ ระทรวงกลาโหม เพอ่ื แจก
ทหารออกศกึ ตามที่ทางราชการขอมา
พระสมเด็จปิลันทน์เป็นพระพิมพ์ที่ออกแบบพิมพ์ทรงโดยช่าง
หลวง ดงั นัน้ พิมพท์ รงจงึ มีความวจิ ติ รบรรจงงดงาม แบบพิมพม์ มี ากกวา่
๑๐ แบบ เชน่ พมิ พซ์ มุ้ ประตู พมิ พค์ รอบแกว้ ใหญ่ พมิ พค์ รอบแกว้ เลก็ พมิ พ์
เปลวเพลงิ พิมพ์โมคคลั ลาน์ พมิ พ์ปดิ ตา พมิ พห์ ยดแป้ง พมิ พส์ มเด็จพิมพ์
เลก็ พมิ พส์ มเดจ็ พมิ พป์ รกโพธิ์ ซงึ่ มที งั้ พมิ พป์ รกโพธใิ์ หญ่ กลาง เลก็ เปน็ ตน้
พระสมเด็จปิลันทน์ เน้ือผงใบลานเผา เน้ือออกสีเทาเป็นส่วน
ใหญ่ ที่ออกเป็นสีด�ำ ก็มี และมีเน้ือออกสีขาวอมเหลืองเป็นส่วนน้อย พระ
ส่วนท่ีแจกออกไปก่อนท่ีจะได้บรรจุกรุ พระส่วนน้ีจะไม่ปรากฏคราบกรุ
คราบไขจะมีบ้างก็น้อย พระส่วนใหญ่เป็นพระที่ถูกบรรจุไว้ในกรุ ผิวของ
พระจึงปรากฏคราบกรุและไขข้นึ แมว้ า่ สนนราคาบางพมิ พค์ อ่ นขา้ งสูง แต่
บางพิมพร์ าคายงั เบาสบายไมส่ ูงนกั
สนนราคานนั้ พมิ พซ์ มุ้ ประตเู ปน็ พมิ พท์ นี่ ยิ มทสี่ ดุ ราคาจะสงู
ส�ำ หรบั ผทู้ เี่ บย้ี นอ้ ยหอยนอ้ ยกห็ าพมิ พท์ ยี่ งั ไมแ่ พงมาก เชน่ พมิ พป์ รก
โพธกิ์ รอบกระจก หรอื พมิ พค์ รอบแกว้ เลก็ พมิ พป์ รกโพธก์ิ รอบกระจก
พระพิมพ์น้ีในปัจจุบันราคายังไม่สูงมาก ราคาอยู่ที่หลักหม่ืนต้นๆ
เท่าน้ัน
ในดา้ นพุทธคณุ ในองคพ์ ระเด่นทางเมตตามหานิยม

26 : พระเครือ่ งเงินล้าน

สมเด็จพระพฒุ าจารย์
(ม.จ.ทัด เสนวี งศ)์

สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (ม.จ.ทดั เสนวี งศ)์ เปน็ พระโอรส
ในกรมหลวงเสนีบริรักษ์ (พระองค์เจ้าแดง) ในกรมพระราชวังบวร
สถานภมิ ขุ (วงั หลงั ) ประสตู เิ มอ่ื ปี พ.ศ. ๒๓๖๕ ทรงอปุ สมบทเปน็
นาคหลวง ท่ีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ โดยมี
สมเดจ็ พระสงั ฆราช (ด่อน) เป็นพระอุปชั ฌาย์ เจ้าประคุณสมเด็จ
พระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ ประทบั
อยู่ท่ีวัดระฆังฯ ทรงศึกษาพระบาลี พระปริยัติธรรมกับเจ้าประคุณ
สมเด็จฯ โดยตรง มาตงั้ แต่ตน้ จนได้เปรียญ ๗ ประโยค และเปน็
ศษิ ยท์ ที่ รงสมณศกั ดสิ์ งู ทสี่ ดุ ของเจา้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ อกี ดว้ ย ได้
รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงสมณศักดิ์เป็น หม่อมเจ้าพระ
พุทธุปบาทปิลันทน์ ในรัชกาลท่ี ๔ อันเป็นสมณศักดิ์ที่ทรง
พระราชทานถวายเฉพาะแตพ่ ระเถระทเี่ ปน็ พระราชวงศเ์ ทา่ นน้ั แลว้
โปรดเกล้าฯ ใหไ้ ปครองวัดพระเชตุพนฯ ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๔๑๓ ได้
ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะท่ี หม่อมเจ้าสมเด็จพระ
พุฒาจารย์ ครองวัดระฆังฯ แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต (ซ่ึงยก
เปน็ พระกิตตมิ ศกั ดิ)์ เนื่องจากชราภาพ
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ หมอ่ มเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด)
ได้มรณภาพลง รวมสิรอิ ายุได้ ๗๘ ปี ๕๘ พรรษา



พระสมเด็จอรหัง

วดั มหาธาตุยวุ ราชรงั สฤษฏ์

พระสมเดจ็ อรหงั วดั มหาธาตฯุ เปน็ พระทส่ี มเดจ็ พระสงั ฆราชญาณ-

สังวร (สุก) ได้ทรงสร้างไว้ พระส่วนหนึ่งได้มีการแจกจ่ายแก่ประชาชน
และสว่ นหนึ่งบรรจุไวใ้ นกรวุ ัดมหาธาตฯุ

พระสมเดจ็ อรหงั ใชป้ นู เปลอื กหอยเปน็ มวลสารหลกั สว่ นผสมอน่ื ๆ
เชน่ เศษอาหารทฉ่ี ัน วัสดบุ ชู า และผงอทิ ธเิ จ เนอื้ ขององคพ์ ระมี ๒ สี คือ
เนื้อขาวและเน้อื แดง

พระสมเด็จอรหังเป็นพระเน้ือผงรูปสี่เหลี่ยม องค์พระประธาน
ประทบั นงั่ แสดงปางสมาธแิ ละมซี มุ้ ครอบแกว้ แบง่ แยกพมิ พไ์ ดท้ งั้ หมด ๘ พมิ พ์
คอื ๑. พิมพ์ใหญ่ ฐานสามชน้ั เนื้อขาว ๒. พิมพฐ์ านคู่ เนอ้ื ขาว ๓. พิมพ์
ใหญ่ ฐานสามช้ัน เกศอุ เนื้อขาว ๔. พิมพ์เล็ก มีประภามณฑล เนือ้ ขาว
๕. พมิ พเ์ ลก็ ไมม่ ปี ระภามณฑล เนอื้ ขาว ๖. พมิ พช์ น้ิ ฟกั เนอื้ ขาว ๗. พมิ พ์
ใหญ่ ฐานสามช้ัน เนือ้ แดง ๘. พมิ พ์ฐานคู่ เน้ือแดง

พระสมเดจ็ อรหัง พมิ พ์ฐานคเู่ กศอุ (หนา้ -หลัง)

พระสมเด็จอรหงั พระสมเด็จอรหัง
พมิ พ์เลก็ หลงั ยันต์

พระสมเด็จอรหังทุกพิมพ์จะมีพิมพ์ด้านหลังเหมือนกัน คือมีรอย
เหลก็ จารลกึ ลงไปในเนอ้ื วา่ “อรหงั ” พนื้ ผวิ จะปรากฏรอยเหย่ี วยน่ และการ
ยุบตวั ของเน้ือพระคล้ายเสน้ พรายนำ้�

สนนราคานับวันย่ิงทวีสูงข้ึนเร่ือยๆ สภาพสวยๆ บางองค์

หลักแสนต้นๆ ถึงหลักแสนกลาง อนาคตคงหลักล้านแบบไม่ยอม
ถอย

ด้วยท่านเจา้ ประคุณสมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ (สุก) เป็นพระ
อาจารยข์ องทา่ นเจา้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ (โต) จงึ เปน็ พระทมี่ พี ทุ ธคณุ สงู
พทุ ธคณุ เดน่ ทางด้านเมตตามหานิยม คงกระพัน และแคลว้ คลาด

สมเดจ็ พระสังฆราช
(สกุ ญาณสังวร)

สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สุก ญาณสงั วร) วดั มหาธาตุยุว-
ราชรังสฤษฏิ์ มีพระฉายานามอันเป็นที่รู้กันท่ัวไปว่า สมเด็จพระ
สงั ฆราชไกเ่ ถอ่ื น เพราะทรงสามารถแผเ่ มตตาพรหมวหิ ารธรรม ให้
ไก่ปา่ เชอ่ื งเปน็ ไกบ่ ้านได้

สมเดจ็ พระสงั ฆราช (สกุ ) ประสตู เิ มอ่ื วนั ศกุ ร์ ขน้ึ ๑๐ ค�ำ่
เดอื นย่ี ปฉี ลู จ.ศ. ๑๐๙๕ ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ตรงกบั วนั ศกุ รท์ ่ี ๔
มกราคม พ.ศ. ๒๒๗๖ ภายนอกก�ำ แพงนอกคเู มอื ง ดา้ นเหนอื ของกรงุ
ศรอี ยธุ ยา ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ พระองคท์ รงมพี ระ
วรรณะขาวผอ่ งใสไปขา้ งพระชนกซง่ึ เปน็ ชาวจนี จงึ มพี ระนามใหว้ า่ สกุ

30 : พระเครอื่ งเงินลา้ น

มคี วามหมายวา่ ขาวหรอื ใส ซง่ึ กะเวลาประมาณได้ ๐๕.๔๘ นาที พระ
ญาตขิ า้ งฝา่ ยพระชนกเปน็ ชนชาวจนี อยใู่ นกรงุ ศรอี ยธุ ยามา ๓ ชว่ั
อายคุ น พระชนกของพระองคม์ พี ระนามวา่ เสง็ พระชนนมี พี ระนาม
วา่ จบี ขณะทรงเจรญิ พระชนั ษาไดป้ ระมาณ ๑๒-๑๓ พรรษา ทรงมี
ความสามารถตรสั ภาษาจนี ได้ เมอ่ื พระองคท์ รงมพี ระชนมายยุ า่ งเขา้
๑๓ พรรษา ทางบา้ นไดจ้ ดั งานโสกนั ต์ ซง่ึ ตดิ มาขา้ งพระชนนี

พระองค์บรรพชาเป็นสามเณร ท่านขรัวตาทองเป็นพระ
อุปชั ฌาย์อาจารย์ ถงึ ปี พ.ศ. ๒๒๙๔ พระองคม์ พี ระชนมายุได้ ๑๘
พรรษา พระองค์จึงไปขออนุญาตท่านขรัวตาทองลาบรรพชาจาก
สามเณร เพ่ือออกไปช่วยพระชนก-ชนนี ดูแลเรอื กสวนไร่นา ต่อ
มาพระชนก-ชนนีได้น�ำ ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านพระครูเถระ
ผเู้ ฒา่ วดั โรงชา้ ง ตอ่ มาพระองคอ์ ปุ สมบท ทรงไดร้ บั พระฉายานาม
ว่า พระปณุ ณะปัญญา

สมเด็จพระสงั ฆราช (สกุ ญาณสงั วร) ทรงเป็นพระ
อาจารย์ของรัชกาลที่ ๑ แตค่ ร้ังยังทรงเปน็ พระอาจารย์สกุ วดั
ทา่ หอย ครนั้ เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ จงึ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหน้ มิ นต์
มาอยใู่ นกรงุ เทพฯ ทรงตงั้ เปน็ พระราชาคณะทพ่ี ระญาณสงั วรเถร
ทรงเป็นท่ีเคารพนับถือของพระบรมราชวงศ์มาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑
และรัชกาลท่ี ๒ ทรงเป็นพระกรรมวาจาจารย์แทบทุกพระองค์
นับแตค่ ราวทรงผนวชรชั กาลที่ ๒ ทรงเป็นพระราชอุปชั ฌายจ์ ารย์
ของรัชกาลที่ ๓ และรชั กาลท่ี ๔ ครั้นมาในรชั กาลท่ี ๒ ทรงโปรด
เกลา้ ฯ สถาปนาพระญาณสังวรเถร ข้นึ เป็นสมเดจ็ พระราชาคณะ
โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนาในราชทนิ นามวา่ สมเดจ็ พระญาณสงั วร
ตามราชทนิ นามเดิม ท่ไี ด้รบั พระราชทานแต่ครงั้ รชั กาลที่ ๑

ประเสรฐิ โลห่ เ์ พชรตั น์-กติ ติ โล่หเ์ พชรัตน์ : 31

ในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จ
พระสงั ฆราช ราชทนิ นามทสี่ มเดจ็ ญาณสงั วร ทไี่ มไ่ ดโ้ ปรดเกลา้ ฯ
พระราชทานสถาปนาพระเถระรูปใดอีกเลยนับแต่รัชกาลที่ ๒
จนกระทงั่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลปจั จบุ นั โปรดเกลา้ ฯ
ให้สถาปนาพระสาสนโสภณ (สุวฑฺฒโน เจริญ คชวัตร) ใน
ราชทนิ นามทส่ี มเดจ็ พระญาณสงั วร ในวโรกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา
๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ นบั เปน็ เวลา ๑๕๐ ปีพอดี นับเปน็ สมเด็จ
พระญาณสังวร รปู ที่ ๒ แห่งกรงุ รตั นโกสินทร์

รัชกาลที่ ๒ ทรงโปรดฯ ให้แห่จากวัดพลับ มาอยู่วัด
มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฏวิ์ รมหาวหิ าร เมอื่ ทรงไดร้ บั การสถาปนาเปน็
สมเดจ็ พระสังฆราช พระองค์ท่ี ๔ แห่งกรงุ รตั นโกสินทร์ น้ัน
ทรงมพี ระชนมายไุ ด้ ๘๘ พรรษาแล้ว ทรงเป็นสมเด็จพระสงั ฆราช
และทรงจำ�พรรษาท่ีวัดมหาธาตุฯ อยู่ ๑ ปี กับ ๑๐ เดือน ก็
สน้ิ พระชนมเ์ มื่อวันที่ ๒๙ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๖๕ รวมสริ ิอายไุ ด้
๘๙ ปี พรรษา ๖๙ พระองคจ์ ำ�พรรษาอยูท่ ่ีวดั พลับนานถงึ ๓๘ ปี
ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ถงึ พ.ศ. ๒๓๖๓

ครนั้ พระราชทานเพลงิ ศพแลว้ รชั กาลท่ี ๓ ทรงโปรดเกลา้ ฯ
ให้ป้ันพระรูปบรรจุอัฐิ ประดิษฐานไว้ในกุฏิกรรมฐานหลังหน่ึง
บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถวัดราชสิทธาราม นอกจากน้ีรัชกาลท่ี
๓ ยังโปรดฯ ใหห้ ลอ่ พระรปู สมเดจ็ พระสังฆราช (สุก) เท่าองคจ์ รงิ
เม่ือปี พ.ศ. ๒๓๘๗ อยู่ท่วี ัดพระแกว้ ตอ่ มาในสมัยรชั กาลที่ ๔ โปรดฯ
ใหเ้ ชิญไปสถิตอยใู่ นพระวิหารวดั มหาธาตุฯ ในปี พ.ศ. ๒๓๙๕ มา
จนทกุ วนั นี้

32 : พระเครือ่ งเงนิ ลา้ น



พระสมเดจ็ เกศไชโย

วัดเกศไชโย

วัดไชโยวรวหิ าร หรอื วัดเกศไชโย อ. ไชโย จ. อา่ งทอง ปรากฏชอ่ื เสยี ง

เปน็ ทร่ี จู้ กั กนั เมอื่ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) ไดม้ าสรา้ งพระพทุ ธรปู องค์
ใหญข่ น้ึ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๐๐-๒๔๐๕ สมเด็จฯ (โต) สรา้ งขึน้ เพอ่ื อทุ ศิ
ส่วนกุศลให้กับโยมมารดาที่ชอื่ เกศ ท่านสร้างพระพิมพ์สมเดจ็ ๗ ช้ัน แล้ว
นำ�มาแจก รวมทัง้ บรรจกุ รไุ วใ้ นกรวุ ัดไชโยวรวหิ าร
พระสมเด็จวัดเกศไชโยถือได้ว่าเป็นสมเด็จอีกตระกูลหน่ึงท่ี
เกยี่ วขอ้ งกบั สมเดจ็ ฯ (โต) ทงั้ ในดา้ นการปลกุ เสกและบรรจกุ รุ สว่ นผสมใน
การสรา้ งสว่ นใหญใ่ ชส้ ตู รเดยี วกบั สมเดจ็ วดั ระฆงั ฯ และสมเดจ็ บางขนุ พรหม
ประกอบด้วยมวลสารหลกั ไดแ้ ก่ ปูนเปลือกหอย ผงวเิ ศษ (ผงอิทธิเจ
ผงพุทธคุณ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงตรีนิสิงเห) ข้าวสุก กล้วยป่า
ดอกไม้แห้ง นำ้�มนั ตงั อว๊ิ และมวลสารอน่ื ๆ
เน้ือพระอาจแบ่งได้ ๓ ลักษณะ คือเน้ือนุ่ม เน้ือนุ่มปานกลาง
และเน้ือแกร่ง พระเน้ือนุ่มมีมวลสารและนำ้�มันตังอิ๊วผสมอยู่มาก เรียกว่า
เน้ือจัด ส่วนใหญ่มีสีขาวขุ่นอมนำ้�ตาล ส่วนพระเนื้อนุ่มปานกลาง มีส่วน

พระสมเดจ็ เกศไชโย พมิ พ์ใหญ่ (นยิ ม) ๗ ช้ัน (หน้า-หลัง)

พระสมเด็จเกศไชโย พมิ พ์ต้อ ๗ ชัน้ พระสมเดจ็ เกศไชโย พิมพป์ รกโพธ์ิ ๗ ช้นั

34 พ:รพะิมพสพมรโ์เะดยเค้็จ๗เรก่ือศงชไเนั้ชงโนิ ยล้าน พระสมเดจ็ เกศไชโย พระสมเดจ็ เกศไชโย
พิมพ์ไหล่ตรง ๖ ชน้ั พิมพ์ลำ�่ ๖ ชั้น

ผสมทไี่ ดส้ ดั สว่ นลงตวั สว่ นใหญส่ ขี าวอมเหลอื ง และพระเนอื้ แกรง่ เปน็ พระ
เนือ้ แก่ปนู ผิวแห้ง แกร่ง คล้ายเน้ือหินออ่ น

พระสมเดจ็ เกศไชโยเปน็ พระท่ีมวี รรณะหลายสี เช่น ขาวแปง้ ขาว
นวล สเี ทา และมที งั้ เนอ้ื หยาบและเนอื้ ละเอยี ด จ�ำ แนกพมิ พอ์ อกไดเ้ ปน็ ๒๐
พิมพ์โดยประมาณ ดงั น้ี ๑. พิมพ์ ๗ ช้ัน พิมพใ์ หญ่ (พมิ พน์ ยิ ม) ๒. พมิ พ์
๗ ชน้ั พิมพเ์ ลก็ ๓. พิมพ์ ๗ ชน้ั พิมพ์หปู ระบา่ ๔. พมิ พ์ ๗ ชน้ั พมิ พ์แขน
กลม ๕. พิมพ์ ๗ ชน้ั พิมพเ์ ขา่ โคง้ ๖. พมิ พ์ ๗ ช้ัน พิมพ์แข้งหมอน
๗. พมิ พ์ ๗ ช้ัน พมิ พไ์ หลต่ รง ๘. พมิ พ์ ๗ ชน้ั พมิ พ์แขนด่งิ ๙. พิมพ์ ๗
ช้นั พิมพเ์ ศียรกลม ๑๐. พมิ พ์ ๗ ชั้น พิมพ์อกตัน ๑๑. พิมพ์ ๗ ชนั้ พมิ พ์
ต้อ ๑๒. พิมพ์ ๗ ช้นั พมิ พป์ รกโพธิ์ ๑๓. พมิ พ์ ๖ ช้นั พมิ พ์ใหญ่ เอ
๑๔. พมิ พ์ ๖ ช้นั พมิ พใ์ หญ่ บี ๑๕. พิมพ์ ๖ ชนั้ พมิ พ์ลำ่� ๑๖. พิมพ์ ๖ ชัน้
พิมพไ์ หลต่ รง ๑๗. พมิ พ์ ๖ ช้ัน พิมพ์อกตนั ๑๘. พิมพ์ ๖ ชน้ั พิมพอ์ กตลอด
๑๙. พมิ พ์ ๕ ชั้น ๒๐. พิมพต์ ลก

พระพิมพ์ ๗ ชัน้ เป็นพิมพ์ทน่ี ิยมของกรนุ ี้ เจ้าประคณุ ฯ (โต)
ได้สร้างบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อโตวัดไชโยวรวิหาร
สนนราคาคา่ นยิ มพมิ พ์ ๗ ชน้ั ยามนอ้ี ยทู่ หี่ ลกั แสน

ด้านพุทธคณุ นัน้ เด่นทางด้านโชคลาภ แคลว้ คลาดปลอดภยั
และเมตตามหานิยม

สมเด็จพระพฒุ าจารย์

สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ผปู้ ลุกเสกพระ
สมเด็จเกศไชโย วดั เกศไชโย ไดม้ อี ยใู่ นเลม่ นแี้ ล้ว มีอยู่ในบทท่ี ๑
พระสมเด็จ วดั ระฆังฯ



พระสมเดจ็ บางขุนพรหม

วดั ใหมอ่ มตรส

สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) นอกจากทา่ นไดท้ �ำ พระแจกทวี่ ดั ระฆงั ฯ แลว้

ทา่ นยงั ไดน้ �ำ พระสมเดจ็ อกี สว่ นหนงึ่ บรรจลุ งในพระเจดยี ข์ องวดั ใหมอ่ มตรส
(บางขุนพรหม) ไม่ทราบจำ�นวนท่ีสร้าง เป็นเพียงสันนิษฐานกันไปว่า
น่าจะประมาณ ๘๔,๐๐๐ องค์

จัดสร้างเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๑๓ แล้วบรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์ใหญ่
ของวดั ใหมอ่ มตรส ตอ่ มาได้มกี ารลักลอบนำ�ออกมาอย่างตอ่ เน่อื ง ทางวัด
ไดท้ ำ�การเปิดกรอุ ยา่ งเป็นทางการเม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ไดพ้ ระสมเดจ็ จากกรุ
จ�ำ นวนมาก ท่ีสมบูรณเ์ พยี งประมาณ ๒,๕๐๐ องค์ นอกนนั้ แตกหักเปน็ ชนิ้
เลก็ ชน้ิ นอ้ ย ซงึ่ ไดน้ ำ�ชนิ้ สว่ นของพระสมเดจ็ แทๆ้ มวลสารพระสมเดจ็ รนุ่ ปี
พ.ศ. ๒๕๐๙, ๒๕๑๗, ๒๕๓๑ มาสร้างพระสมเดจ็ บางขนุ พรหมรนุ่ น้ีอกี คร้ัง

กอ่ นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มกั จะเรยี กกนั วา่ พระบางขนุ พรหม กรเุ กา่ และ
หลงั ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มกั จะเรยี กกนั วา่ กรใุ หม่ ทง้ั พระกรเุ กา่ และพระกรใุ หม่
บรรจอุ ยใู่ นพระเจดยี อ์ งคเ์ ดยี วกนั เนอ้ื พระจะแขง็ แกรง่ ละเอยี ดเปน็ สว่ นมาก
ถา้ ถกู ใชม้ าดว้ ยแลว้ เนอ้ื จะยง่ิ ละเอยี ดและหนกึ นมุ่ เนอ้ื จะออกสนี ำ�้ ตาลออ่ น
เปน็ จดุ ๆ ผวิ ของพระถา้ ยงั ไมถ่ กู ใชจ้ ะเหน็ ผวิ เปน็ เกลด็

พระสมเด็จบางขุนพรหม พมิ พ์ใหญ่ พระสมเดจ็ บางขนุ พรหม พมิ พใ์ หญ่
เกศทะลุ ปี พ.ศ. ๒๕๐๙

พระสมเดจ็ บางขนุ พรหม พระสมเดจ็ บางขุนพรหม
พิมพอ์ กครฑุ พมิ พ์เส้นด้าย

ประเสริฐ โล่หเ์ พชรตั น์-กิตติ โล่ห์เพชรตั น์ : 37

สภาพองคพ์ ระกรเุ กา่ มกั จะสดใสไรข้ กี้ รุ เพราะสว่ นใหญพ่ ระจะอยู่
ดา้ นบน ไดม้ าด้วยวิธตี กเบด็ สว่ นกรุใหม่บางองคม์ ีข้ีกรจุ บั เต็ม

พิมพ์พระสมเด็จของกรุวัดใหม่อมตรส เท่าท่ีพบเมื่อคร้ังเปิด
องค์พระเจดยี ์ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ปรากฏว่ามีพระพมิ พอ์ ยู่หลายพมิ พ์
ด้วยกนั คอื

๑. พิมพใ์ หญ่ ๒. พมิ พ์ทรงเจดยี ์ ๓. พิมพเ์ สน้ ดา้ ย ๔. พิมพฐ์ าน
แซม ๕. พมิ พเ์ กศบวั ตูม ๖. พิมพส์ ังฆาฏิ มีหูชิด ๗. พิมพส์ งั ฆาฏิ พมิ พม์ ี
หูหา่ ง ๘. พิมพอ์ กครฑุ เศียรบาตร ๙. พมิ พป์ รกโพธิ์ ๑๐. พมิ พไ์ สยาสน์
๑๑. พมิ พ์ ๗ ชั้น (แบบเดยี วกับวดั เกศไชโย) ๑๒. พมิ พ์อกครุฑ เศียรบาตร
พิมพเ์ ล็ก (พิมพว์ า่ วจุฬา)

พิมพ์หมายเลข ๙-๑๒ เปน็ พมิ พท์ ่หี าได้ยากมาก

พระสมเดจ็ บางขนุ พรหมพมิ พใ์ หญ่

เป็นพมิ พ์ยอดนิยม พอจะแยกออกได้ถงึ ๙ แมพ่ มิ พ์ดว้ ยกันคอื
๑. พิมพ์พระกรตรงเกศตรง (แขนตรงเกศตรง) ๒. พระกรตรงเกศ
เอียง (แขนตรงเกศเอียง) ๓. พระกรโค้ง (แขนโคง้ ) ๔. พระกรกวา้ ง (แขน
กวา้ ง) ๕. พระอรุ ะเลก็ (อกเล็ก) ๖. พระอุระตวั วี (อกตัวว)ี ๗. พระพกั ตร์
เลก็ (หนา้ เลก็ ) ๘. พมิ พล์ ึก ๙. พิมพ์ตื้น
การชจ้ี ดุ สงั เกตขอน�ำ พมิ พใ์ หญเ่ กศตรง เพอื่ เปน็ หลกั ตอ่ การสงั เกต
เนอ่ื งจากพระพทุ ธลกั ษณะโดยรวมของพระพมิ พใ์ หญส่ ว่ นมากจะคลา้ ยกนั
๑. เสน้ ขอบองคพ์ ระทงั้ สดี่ า้ น เฉพาะองคท์ พ่ี มิ พต์ ดิ ชดั จะเหน็ เปน็
เส้นนนู เรยี วเลก็
๒. เส้นซุ้ม เปน็ แบบหวายผ่าซีกท่ีกลมใหญ่ โดยเส้นโค้งดา้ นขวา
องค์พระจะมีความชันกวา่ ด้านซา้ ย สว่ นพระเกศจะเปน็ เส้นตรง และปลาย
เรยี วจรดเสน้ ซมุ้ อันเปน็ ท่มี าของช่ือพมิ พ์ใหญแ่ ขนตรงเกศตรง ส่วนพมิ พ์
ใหญ่แขนตรงเกศเอยี ง พระเกศจะเอยี งไปทางดา้ นขวาเลก็ น้อย

38 : พระเครอื่ งเงินล้าน

๓. พระพักตร์ลักษณะคล้ายผลมะตูม ในองค์ที่พิมพ์ติดชัด จะ
สังเกตเห็นพระกรรณท่ีดา้ นซา้ ย สว่ นพระกจั จะดา้ นซ้ายจะสูงกวา่ ด้านขวา
เล็กน้อย และพระกรท้ังสองข้างท้ิงด่ิงมาประสานเป็นรูปตัวยู โดยพระกร
ซา้ ยเปน็ เส้นตรง ส่วนพระกรขวากางออกเลก็ นอ้ ย

๔. พระอุระกวา้ งนูนเด่นรับกับพระอทุ ร มีลกั ษณะคล้ายกับตวั วี ท่ี
ทอดลงไปจรดกับวงพระกรทีเ่ ปน็ รปู ตัวยู

๕. พระเพลานนู หนาใหญย่ าว ประทบั นงั่ สมาธริ าบและปรากฏเสน้
ชายจวี รท่ีพาดจากพระกบั ประซา้ ย ทอดลงไปยงั พระเพลาซ้าย

๖. ฐานที่มี ๓ ชั้น ยาวกว่าพระเพลาเล็กน้อย โดยฐานชั้นแรก
ลกั ษณะเปน็ แทง่ หนาใหญ่ ยาวกวา่ ฐานชน้ั อน่ื ๆ ฐานชน้ั ทสี่ องจะเลก็ ลงและ
ส้ันกวา่ ฐานชัน้ แรก โดยปลายทั้งสองขา้ งมีลักษณะเปน็ ฐานสงิ ห์ สว่ นฐาน
ช้ันท่ีสามจะเล็กส้ันกว่าฐานชั้นท่ีสอง ลักษณะเป็นเส้นตรงที่ยาวขนานกัน
กบั พระเพลา

สนนราคาแล้วแต่พิมพ์ เช่น พิมพ์เส้นด้าย อยู่ที่แสนกลาง
พิมพ์อกครุฑ อยทู่ ี่แสนปลายจนแตะลา้ น สว่ นพิมพ์ใหญ่ อยทู่ ่หี ลัก
แสนกลางถึงหลกั ลา้ น

พุทธคุณในองคพ์ ระเดน่ ทางโชคลาภและเมตตามหานิยม

สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์

สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) พรหมรงั สี ผู้ปลุกเสกพระ
สมเด็จเกศไชโย วดั เกศไชโย ไดม้ อี ย่ใู นเล่มน้ีแลว้ มีอย่ใู นบทท่ี ๑.
พระสมเด็จ วัดระฆงั ฯ

ประเสรฐิ โลห่ เ์ พชรัตน์-กิตติ โล่ห์เพชรตั น์ : 39



พระสมเดจ็ บึงพระยาสุเรนทร์

วัดบงึ พระยาสเุ รนทร์

พันตรีพระยาสุเรนทร์ได้รับการถ่ายทอดการปลุกเสกนำ้�มันมนต์วิเศษ

จาก เจา้ พระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สงิ หเสนี) ปู่ของทา่ น ท่านไดส้ ืบหา
พระเกจิอาจารยข์ อถ่ายทอดวิชาอาคม อาทิ หลวงพอ่ ทอง วัดราชโยธา
รวมท้งั ขอผงวเิ ศษและว่านศักดิส์ ทิ ธิเ์ ก็บรวบรวมรักษาไว้ กระทัง่ บรรพชา
เปน็ สามเณร ได้ดำ�ริสรา้ งพระพมิ พ์ข้นึ

มวลสารหลักคอื ผงปูนซีเมนต์ผสมผงพทุ ธคุณวิเศษตา่ งๆ (ผงนะ
แผน่ ดนิ ผงนะพนิ ทุ ผงนะปฐมกัป) นำ�้ มันมนตป์ ระจ�ำ ตระกลู สงิ หเสนี และ
น�้ำ ต�ำ ลงึ คน้ั มวลสารทนี่ �ำ มาประกอบการสรา้ งนบั เปน็ ต�ำ รบั ลบั เฉพาะของ
ตระกูลสงิ หเสนี มเี อกลกั ษณ์ที่ส�ำ คญั คอื เนอ้ื องค์พระดแู ก่น�้ำ มนั และออก
สีเขยี ว

พระบึงพระยาสเุ รนทร์ ปรากฏพมิ พ์ดา้ นหน้าหลายพมิ พ์ ไดแ้ ก่
พิมพพ์ ระเจ้า ๕ พระองค์ พิมพ์ปรกโพธ์ิ พมิ พ์ฐานแซม พิมพฐ์ าน ๓ ชนั้
และพิมพ์ซมุ้ กอ ซง่ึ ทำ�เปน็ รูปสมเดจ็ แตต่ ัดพมิ พด์ ้านบนตามรอยโค้งของ

พระสมเดจ็ บงึ พระยาสุเรนทร์ กรวุ ดั บึง พระสมเดจ็ บึงพระยาสเุ รนทร์ (ด้านหลัง)
พระยาสุเรนทร์ จารอกั ขระขอม ๔ ตัว “ติ ติ อุ นิ”

พระสมเดจ็ บึงพระยาสเุ รนทร์ กรุวดั บงึ พระยาสเุ รนทร์ (หนา้ -หลัง)
ประเสริฐ โล่ห์เพชรัตน์-กิตติ โลห่ ์เพชรัตน์ : 41

ซมุ้ ครอบแก้ว สว่ นด้านหลังจะเรยี บ มักพบจารอกั ขระขอม ๔ ตัว อ่านได้
ว่า “ติ ติ อุ น”ิ และข้ึนยอดเป็นตัวอณุ าโลม

การพจิ ารณาวา่ เปน็ พระแทห้ รอื ไม่ ใหด้ อู งคพ์ ระทผ่ี า่ นการใช้ องค์
พระจะแลดูฉ่ำ�คลา้ ยผงนำ�้ มัน ของเทียมเนอ้ื จะฝ่อหดเห่ยี ว องค์พระแทเ้ นอ้ื
จะปริแยก เนอ่ื งจากเนอื้ พระไม่เกาะติดแน่น พมิ พพ์ ระด้านหน้าไม่ลึกมาก
ขอบพระมรี อ่ งรอยเปน็ ทวิ ๆ ขอบหนามรี อ่ งรอยปรแิ ยก องคพ์ ระสจี ะไมเ่ สมอ
กนั เช่น ดา้ นบนของพระอาจจะเขียวเขม้ สว่ นด้านลา่ งอาจจะเขียวออ่ น

พระส่วนหนงึ่ ได้แจกแกบ่ รรดาญาติ อกี สว่ นหนึ่งเกบ็ ไว้ทว่ี ดั สว่ น
ที่เก็บไว้กับญาติน้ัน ครั้นเม่ือเกิดสงครามโลกคร้ังที่ ๑ ได้นำ�พระจำ�นวน
๑,๕๐๐ องคข์ ึ้นทลู เกล้าฯ ถวายรัชกาลท่ี ๖ สำ�หรับพระราชทานแก่ทหาร
อีกส่วนหนึ่งแจกแก่ผู้ต้องการนำ�ไปบูชาติดตัว นอกนั้นบรรจุในองค์พระ
เจดียข์ ้างบงึ พระยาสุเรนทร์ และใตฐ้ านชกุ ชีพระประธานในพระอุโบสถ

พระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์แตกกรุครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๘๕
ครง้ั นนั้ ไดน้ �ำ พระทพี่ บภายในองคพ์ ระเจดยี ม์ อบให้ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม
แจกแกท่ หารจ�ำ นวนสามถงุ ใหญ่ ประมาณวา่ หลายพนั องค์ ตอ่ มาในปี พ.ศ.
๒๕๑๒ ทางวดั ได้ท�ำ การเปิดกรอุ ยา่ งเปน็ ทางการอกี ครงั้ ท่ใี ต้ฐานชกุ ชีพระ
ประธานในพระอุโบสถ และไดน้ �ำ พระออกจำ�หน่ายให้ประชาชน เพอ่ื นำ�ไป
สมทบทุนบูรณปฏิสังขรณเ์ สนาสนะ

ค่านิยมในการเช่าหาขึ้นอยู่กับพระกรุเก่า-กรุใหม่ โดยพระ
กรุเก่าจะได้รับความนิยมและราคาเช่าสูงกว่า สนนราคาหาเช่าบูชา
อยู่ท่ีหลักพันต้นถึงหลักพันกลาง นิยมมากสุดคือพิมพ์พระเจ้า ๕
พระองค์ และพมิ พส์ มเดจ็ ฐานแซม ทสี่ �ำ คญั หลวงปทู่ อง วดั ราชโยธา
ปลุกเสกดว้ ย จึงนบั วา่ เปน็ พระดที ีร่ าคาถกู สงู ด้วยพุทธคณุ

พทุ ธคณุ ในองคพ์ ระเปน็ เลศิ ทางแคลว้ คลาด คงกระพนั ชาตรี
และเมตตามหานิยม

42 : พระเครื่องเงนิ ล้าน

พนั ตรพี ระยาสเุ รนทรร์ าชเสนา

พนั ตรพี ระยาสเุ รนทรร์ าชเสนา (พง่ึ สงิ หเสน)ี เปน็ บตุ ร
ของท่านเจ้าพระยามุขมนตรี (เกด สิงหเสนี) มารดาช่ือนางนาค
กัลาณสตุ รับราชการทหาร สบื ทอดความเปน็ นกั รบจากบรรพบรุ ุษ
ผเู้ ปน็ ปู่ เจา้ พระยาบดินทรเดชา (สงิ ห์ สิงหเสนี) สมหุ นายกคู่
พระทยั รชั กาลท่ี ๓ โดยถวายตวั เปน็ มหาดเลก็ กรมพระราชวงั บวร-
ไชยชาญ รชั กาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ใหเ้ ปน็ พระยาสุเรนทรร์ าช-
เสนา เมอื่ อายุ ๓๐ ปี ภายหลงั ไดร้ บั สญั ญาบตั รเปน็ นายพนั ตรใี นกรม
ยทุ ธนาธกิ ารทหารบก

พันตรีพระยาสุเรนทร์ราชเสนามิได้สืบทอดแต่ความเป็น
นกั รบจากตน้ ตระกลู สงิ หเสนเี ทา่ นนั้ แตย่ งั เปน็ ผสู้ บื ทอดความจงรกั
ภกั ดแี ด่พระมหากษัตริยแ์ ละสืบทอดพระพทุ ธศาสนาดว้ ย

ท่านรับราชการแผ่นดินในหลวงรัชกาลที่ ๕ มีศักดินา
๔,๐๐๐ ไร่ เมอื่ ออกจากราชการแลว้ ไดส้ รา้ งวัดบงึ พระยาสุเรนทร์
ขน้ึ โดยเมอ่ื วนั ที่ ๒๕ เมษายน ๒๔๒๕ บนเนอ้ื ทขี่ องทา่ น ทเ่ี ขตคลอง
สามวา เพอ่ื ถวายเปน็ พระราชกุศลแดร่ ชั กาลที่ ๕ (ไดพ้ ระราชทาน
วิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๑) ท่านได้บรรพชาอุปสมบทด้วย
ศรทั ธาอนั แน่วแน่ จนกระท่ังมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ รัชกาลที่ ๕
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ พนกั งานสง่ หบี เพลงิ พระราชทาน
เพลิงศพ อนั เปน็ เกียรตยิ ศยิ่ง

ประวัติ หลวงปทู่ อง วัดราชโยธา (วัดลาดบัวขาว) ผู้
ปลกุ เสกพระสมเด็จบึงพระยาสเุ รนทร์ ได้มีอยใู่ นเล่มนแี้ ล้ว ในบทท่ี
๘๑ เหรยี ญหลวงปู่ทอง วดั ราชโยธา

ประเสริฐ โลห่ ์เพชรัตน์-กติ ติ โลห่ เ์ พชรตั น์ : 43

หลวงปู่ทอง

หลวงป่ทู อง วดั ลาดบวั ขาว (วัดราชโยธา) ทา่ นเกิด
เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๖๓ ทา่ นเปน็ ยอดพระเกจิ โดยทา่ นเปน็ ศษิ ยร์ นุ่ นอ้ ง
ของสมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต) ซง่ึ มอี าจารยร์ ว่ มสำ�นกั เดยี วกนั คอื
หลวงปู่แสง วัดมณีชลขัณฑ์ นอกจากน้ีสหายของหลวงปู่ท่ีไปมา
หาสกู่ นั เปน็ ประจ�ำ เพอ่ื แลกเปลยี่ นวชิ าความรแู้ ละวชิ าอาคมตา่ งๆ
กม็ หี ลวงพอ่ เงนิ วดั บางคลาน, หลวงปศู่ ขุ วดั ปากคลองมะขามเฒา่ ,
หลวงปู่พร้ิง วัดบางปะกอก, หลวงปู่ภู วัดอินทร์, หลวงปู่เอ่ียม
วดั หนงั , หลวงปู่แชม่ วดั ทา่ ฉลอง, ทา่ นเจา้ มา วดั สามปลื้ม

ส่วนลกู ศษิ ย์ของหลวงป่ทู องก็มี หลวงปูเ่ ผอื ก วดั กิง่ แกว้
ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่าน เพราะท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวช
ให้เอง นอกจากน้ียังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่านที่มาขอเรียน
วิชาจากหลวงปู่ทอง เชน่ หลวงปเู่ หลอื วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อจง
วัดหนา้ ตา่ งนอก, หลวงปูค่ ง วดั บางกะพอ้ ม, หลวงป่จู าด วัดบาง
กระเบา, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ�, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน,
หลวงพอ่ ทองอยู่ วดั ใหมห่ นองพะอง, หลวงพอ่ อ๋ี วดั สตั หบี เปน็ ตน้
หลวงปูท่ องมรณภาพ ปี พ.ศ. ๒๔๘๐ รวมสริ อิ ายุ ๑๑๗ ปี
นับเปน็ ยอดพระเกจิอาจารย์ที่หาไดย้ ากย่ิงในปจั จุบัน

44 : พระเคร่ืองเงนิ ล้าน



พระสมเด็จ

วัดระฆงั หลงั ฆ้อน

เจา้ ประคณุ สมเดจ็ ฯ (เจรญิ ) มสี ว่ นชว่ ยในการสรา้ งสมเดจ็ พระพทุ ธ-

บาทปิลันทน์ ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมจากสมเด็จพระพุฒา-
จารย์ (โต) การสรา้ งพระของเจ้าประคุณสมเด็จฯ (เจริญ) ไมส่ รา้ งให้
เหมอื นของอาจารย์ จะเหน็ ไดว้ า่ สมเดจ็ พระพุทธบาทปลิ นั ทน์ ไมย่ อม
สรา้ งเลยี นแบบพระสมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต) ผู้เป็นอาจารย์

เจา้ ประคุณสมเด็จฯ (เจริญ) ไดส้ ร้างเปน็ พระเนอ้ื โลหะผสม ดว้ ย
วิธีเททองหล่อแบบโบราณ พระสมเด็จวัดระฆังหลังฆ้อนท่ีสร้างวาระ
แรก เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ พทุ ธลกั ษณะเปน็ พระพทุ ธรปู นงั่ สมาธิ บนบลั ลงั ก์
บวั ๒ ชนั้ ในซมุ้ ปรกโพธิเ์ มด็ เนื้อทองผสมทีใ่ ชใ้ นการหลอ่ มีชนวนรปู หล่อ
พระพทุ ธชนิ ราช วดั เบญจมบพติ ร และชนวนรปู หลอ่ สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์
(โต) ผสมอยเู่ ป็นจำ�นวนมาก กรรมวิธกี ารหลอ่ พระเปน็ การหล่อแบบเปน็
เสน้ ยาว (๑ เส้นมพี ระหลายองคเ์ ปน็ แนวยาว) เมื่อน�ำ พิมพพ์ ระเขา้ หุ่นดิน
แล้ววางบนรางโลหะ เสร็จแล้วทุบหุ่นดินออก และเคาะพระออกจากราง
โลหะโดยใชส้ วิ่ หรอื เครอ่ื งมอื มคี มตดั พระดา้ นบนและดา้ นลา่ งออกเปน็ องคๆ์

พระสมเดจ็ วัดระฆังหลังฆ้อน เนื้อโลหะผสม พระสมเดจ็ วัดระฆังหลงั ฆ้อน เนอ้ื ชนิ

พระสมเดจ็ วัดระฆังหลังฆอ้ น พระสมเด็จวดั ระฆงั หลังฆอ้ น (หนา้ -หลงั -ข้าง)

46 : พระเครอื่ งเงนิ ลา้ น

พระสว่ นใหญด่ า้ นหลังจะเรียบ มขี ้อสังเกตคอื องคพ์ ระจะมีรอยตัดด้านบน
และด้านล่าง ดา้ นขา้ งขององค์พระท้งั ๒ ด้าน ส่วนใหญจ่ ะไมม่ ีรอ่ งรอยการ
ตบแต่งด้วยตะไบ มีบ้างท่ีมีการตบแต่งด้วยตะไบเพ่ือความเรียบร้อย
พระส่วนใหญ่จะมีความหนามากกว่าการสร้างในวาระท่ี ๒ ที่สร้าง
ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๘๓ กรรมวิธีการหล่อแตกต่างไปจากการ
สร้างวาระแรก คือเป็นการเทหล่อโบราณแบบเข้าช่อ ตัดก้านชนวน ช่อ
หน่งึ อาจมพี ระ ๑๕-๓๐ องค์ พอเทเสรจ็ จะทุบหนุ่ ดนิ ออก ตัดเอาองค์พระ
ออกจากช่อชนวน แล้วนำ�พระไปตบแต่งขอบ มีร่องรอยตบแต่งขอบรอบ
องคพ์ ระทุกด้าน

สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร)
วัดระฆงั ฯ กรุงเทพฯ เกิดเม่อื ปี พ.ศ. ๒๔๐๐ เป็นบุตรหม่อมเจา้ ถกึ
(พระโอรสในสมเดจ็ พระเจา้ สมั พนั ธวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอศิ ราน-ุ
รกั ษ์ ผเู้ ปน็ ตน้ ราชสกลุ อศิ รางกรู ฯ) บรรพชาตงั้ แตเ่ ยาวว์ ยั เมอ่ื ปี พ.ศ.
๒๔๑๓ ขณะอายุ ๑๓ ปี อปุ สมบทเมอื่ รชั กาลท่ี ๕ ทรงพระกรณุ าโปรด
เกลา้ ฯ ใหอ้ ุปสมบทเป็นนาคหลวง ณ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ได้
เลอื่ นสมณศักดข์ิ ้นึ ตามล�ำ ดบั จนถึงเปน็ พระราชาคณะ เช่ยี วชาญทั้ง
วิปัสสนาธุระและคันถธุระ ดำ�รงตำ�แหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ หลัง
จากสมเด็จพระพุทธบาทปิลันทน์ (ม.จ.ทัด) ย้ายไปครองวัด
พระเชตพุ นฯ เมือ่ ปี พ.ศ.๒๔๖๐ เจ้าประคุณสมเดจ็ ฯ (เจรญิ ) นบั เปน็
เจ้าอาวาสวดั ระฆงั ฯ รูปที่ ๓ นับจากสมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต) และ
สมเด็จพระพุทธบาทปิลันทน์ (ม.จ.ทัด) ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.
๒๔๗๐ รวมสริ อิ ายุ ๗๐ ปี พรรษา ๕๐



พระสมเด็จหลวงปู่ภู

วัดอินทรวหิ าร

หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ ได้สร้างพระเนื้อผงข้ึนหลายแบบ

พมิ พ์ จากหลกั ฐานการสรา้ งพระของทา่ น ไดจ้ ดั สรา้ งขนึ้ หลงั จากทท่ี า่ นเจา้
ประคุณสมเด็จฯ (โต) ไดม้ รณภาพแล้วในปี พ.ศ. ๒๔๑๕ เน่อื งจากทา่ นมี
ความส�ำ นึกท่จี ะไมท่ �ำ อะไรแข่งกับผู้ท่ีเคารพนบั ถือ

มูลเหตุที่ท่านสร้างพระเครื่อง เนื่องจากท่านต้องรับภาระต่อจาก
ทา่ นเจา้ ประคณุ สมเดจ็ ดำ�เนนิ งานกอ่ สรา้ งพระศรอี รยิ เมตไตรย เหตนุ ท้ี า่ น
จงึ ไดส้ รา้ งพระผงขน้ึ เพอ่ื แจกใหก้ บั ผมู้ จี ติ ศรทั ธาสละเงนิ ชว่ ยในการกอ่ สรา้ ง

วตั ถมุ งคลทไี่ ดร้ บั ความนยิ มมมี ากมายหลายชนดิ ส�ำ หรบั พระเนอ้ื
ผงพิมพ์ต่างๆ ของท่านนั้นมีด้วยกันหลายพิมพ์ นับจากรุ่นแซยิด เม่ือปี
พ.ศ. ๒๔๗๐ องค์ประกอบสรา้ งพระใชห้ ลักการเดยี วกบั พระสมเด็จฯ (โต)
คือใชผ้ งปูนผสมกับผงพทุ ธคณุ ลักษณะโดยทว่ั ไปจะมีความแน่นและแหง้
จดั สจี ะออกเหลอื งหมน่ ๆ ลกั ษณะเนอื้ พระจะคลา้ ยพระสมเดจ็ บางขนุ พรหม
กรเุ กา่ มาก ในบางองคจ์ ะออกเปน็ สขี าวนวล หรอื สอี อกเทากม็ ี พทุ ธลกั ษณะ
พระท่ีสร้างไว้ จำ�นวนพิมพ์มากท่ีสุดประเภทหนึ่ง มีทั้งพิมพ์สมเด็จแบบ

พิมพแ์ ซยดิ แขนหักศอก

พมิ พ์เจด็ ชั้นหตู ิ่ง แขนกลม พิมพ์แปดช้นั แขนหกั ศอก พิมพ์สามชั้น ก้างปลา หบู ายศรี

พมิ พ์ยนื อมุ้ บาตรใหญ่ พิมพ์ยนื ลีลา

ต่างๆ พิมพ์ห้าเหลี่ยม พิมพ์สามเหล่ียม แบบกลีบบัว แบบพระปิดทวาร
แบบพระปดิ ตา แบบเลบ็ มอื รวมทง้ั ทสี่ รา้ งขนึ้ แลว้ มขี นาดเลก็ ๆ อกี มากมาย
หลายพิมพ์ จนเรียกได้ว่าพระหลวงปู่ภูมีพุทธลักษณะทุกอิริยาบถ ท้ังน่ัง
ยืน นอน จากการเป็นพระทมี่ ีการสรา้ งหลายแบบดงั ทกี่ ลา่ วมาแล้ว ทำ�ให้
ยากต่อการกำ�หนดพิมพ์ที่สร้างข้ึนมาให้แน่นอนลงตัว คงพอจำ�แนกพิมพ์
ทเี่ ป็นที่นยิ มกนั เพือ่ เป็นขอ้ สังเขปต่อการศกึ ษาจดจ�ำ มดี งั นี้

๑. พมิ พ์แซยิด แขนหกั ศอก ๒. พมิ พ์แซยดิ แขนกลม ๓. พิมพเ์ จด็
ชน้ั หตู งิ่ แขนกลม ๔. พมิ พ์แปดชัน้ แขนหกั ศอก ๕. พมิ พแ์ ปดชนั้ แขนกลม
๖. พิมพส์ ามชั้น กา้ งปลา หูบายศรี ๗. พิมพ์สามชน้ั ทรงเจดีย์ ๘. พมิ พ์
ฐานคแู่ ขนกว้าง ๙. พมิ พ์ฐานคู่ พมิ พเ์ ลก็ ๑๐. พิมพย์ นื อุ้มบาตรใหญ่
๑๑. พิมพ์ยืนอมุ้ บาตรเลก็ ๑๒. พิมพ์ไสยาสน์ ๑๓. พิมพ์ยนื ลลี า ๑๔. พมิ พ์
สงั กัจจายน์หา้ เหลย่ี ม ๑๕. พิมพ์ปิดตาสองหนา้ ๑๖. พิมพส์ มาธิหา้ เหลี่ยม
๑๗. พมิ พ์เจดยี ซ์ มุ้ เรือนแก้ว ๑๘. พิมพ์จ๋ิวต่างๆ เปน็ ตน้

สนนราคามตี ง้ั แตห่ ลกั หมน่ื จนไปถงึ หลกั แสน พทุ ธคณุ ทเี่ ลา่
สบื ทอดกันมาในองคพ์ ระนเี้ ด่นทางเมตตามหานยิ ม

50 : พระเครอ่ื งเงนิ ลา้ น


Click to View FlipBook Version