ชดุ การสอนรายวชิ าภาษาไทย
Earning Package
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๒
๑. นางสาวสุภาพร แซอ่ ้ึง โดย
๒. นายปัณณวิชญ์ ดวงโสภา รหัสนกั ศกึ ษา ๖๑๑๓๑๑๐๙๐๒๑
รหสั นักศกึ ษา ๖๑๑๓๑๑๐๙๐๒๓
รายวชิ านวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศกึ ษา EDP๓๑๐๒
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทา
กระทรวงอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
คำแนะนำสำหรับครู
๑. ศึกษารายละเอียดและคำชี้แจงในการใช้แบบฝึกทักษะและใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้
เร่อื งการแต่งโคลงสสี่ ภุ าพโดยให้นกั เรยี นทำเฉพาะสว่ นทร่ี ะบใุ นแผนการจดั การเรยี นรู้รายชว่ั โมงน้นั ๆ
๒. ใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre – Test) กอ่ นการใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ
๓. จัดการเรียนรูต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ซึ่งระบุการใช้แบบฝึกทกั ษะไวต้ ามขัน้ ตอน
๔. อธิบายวิธีการใช้แบบฝึกทักษะและแจ้งให้นักเรียนอ่านคำชี้แจงในการใช้แบบฝึกทักษะ
เมอ่ื เรมิ่ ใช้ครงั้ แรก
๕. ทำความเขา้ ใจกบั นกั เรียนใหม้ ีวนิ ัยในตนเองและซ่ือสตั ยใ์ นการทำแบบฝกึ ทักษะ
๖. ตรวจใหค้ ะแนนทกุ ครั้งหลังจากนักเรยี นทำแบบฝึกทักษะแต่ละชุด
๗. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน (Post – Test) หลังจากเรียนจบและทำกิจกรรมในแบบ
ฝกึ ครบถว้ นแลว้
คำแนะนำสำหรับนกั เรยี น
๑. ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre – Test)
๒. ศึกษารายละเอียกและคำชี้แจงของแบบฝึกทักษะให้เข้าใจก่อนทำกิจกรรมโดยทำ
แบบฝึกทักษะเป็นรายบุคคลตามลำดับขั้นตอนตามที่ครู มอบหมายในการ
เรยี นแตล่ ะครงั้
๓. ทำแบบฝึกทักษะด้วยความมีวินัย และซื่อสัตย์ต่อตนเองเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะ
ภาษาไทย เรอื่ งการแตง่ โคลงสีส่ ภุ าพ อย่างแทจ้ รงิ
๔. ทำแบบทดสอบหลังเรียน (Post Test) หลังจากเรียนจบและทำกิจกรรมใน
แบบฝกึ ทักษะครบถว้ น
ก.ข.
สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย
• มาตรฐาน
มาตรฐาน ท ๔.๑
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงภาษาและ
พลังของภาษาภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
• ตัวชีว้ ดั
ท ๔.๑ ม. ๓/๑ จำแนกและใช้คำภาษาต่างประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย
ท ๔.๑ ม. ๓/๒ วิเคราะห์โครงสร้างประโยคซับซ้อน
ท ๔.๑ ม. ๓/๓ วิเคราะห์ระดับภาษา
ท ๔.๑ ม. ๓/๔ ใช้คำทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ
ท ๔.๑ ม. ๓/๕ อธบิ ายความหมายคำศัพท์ทางวชิ าการและวชิ าชีพ
ท ๔.๑ ม. ๓/๖ แต่งบทร้อยกรอง
• สาระการเรียนรู้
๑. คำทม่ี าจากภาษาต่างประเทศ
๒. ประโยคซับซ้อน
๓. คำทบั ศพั ท์
๔. ศพั ทบ์ ญั ญัติ
๕. ศพั ทท์ างวิชาการและวิชาชพี
๖. โคลงสีส่ ภุ าพ
• แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรือ่ ง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
ชอื่ รายวิชา ภาษาไทย ท ๒๒๑๐
วิชา ภาษาไทย เวลา ๒ ช่วั โมง
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
ผู้สอน นางสาวสภุ าพร แซ่อึ้ง นายปณั ณวิชญ์ ดวงโสภา
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวชี้วดั
ท ๔.๑ ม.๓/๕ การใชค้ ำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย จะตอ้ งอธิบายความหมายของคำ จำแนกและ
ใชค้ ำภาษาต่างประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทยให้ถกู ต้อง
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. นักเรียนสามารถบอกลักษณะของคำทมี่ าจากภาษาตา่ งประเทศได้
๒. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของคำภาษาตา่ งประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทยได้
๓. นกั เรยี นสามารถจำแนกคำทม่ี าจากภาษาต่างประเทศและใชค้ ำภาษาต่างประเทศท่ใี ชใ้ นภาษาไทยได้
๔. นกั เรยี นมีวินยั ในการทำงาน
สาระสำคัญ
ไทยยมื คำภาษาตา่ งประเทศมาใช้หลายภาษา เช่น ภาษาบาลี-สนั สกฤต จีน เขมร ชวา-มลายู อังกฤษ
ซง่ึ แตล่ ะภาษามลี ักษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั เชน่ คำทม่ี าจากภาษาจนี มกั ใชร้ ปู วรรณยกุ ตต์ รีและจตั วา คำทม่ี าจาก
ภาษาเขมร มักมีพยญั ชนะต้นลักษณะเหมือนคำควบกลำ้ คำท่มี าจากภาษาบาลี ตวั มีตัวสะกดตวั ตามอยู่ใน
วรรคเดียวกัน การยืมคำเหล่านีท้ ำให้ไทยมคี ำใช้เพิม่ ข้ึนมีลกั ษณะหลากหลายมากข้นึ และยงั สะทอ้ นใหเ้ หน็
ความสมั พันธ์ทีด่ รี ะหว่างประเทศไทยกับประเทศอืน่ ๆ อกี ด้วย
สาระการเรียนรู้
๑. หลักการสังเกตคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. มีความมุ่งม่ันในการทำงาน
๒. มีวินัย
สมรรถนะสำคญั
๑. มที ักษะในการสื่อสาร
กจิ กรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมนำเขา้ สู่บทเรยี น
๑. นักเรียนทุกคนทบทวนเรือ่ ง สาเหตขุ องการยมื คำภาษาตา่ งประเทศมาใช้ในภาษาไทย โดยการ
แลกเปลีย่ นความคิดซ่ึงกนั และกัน และใหน้ กั เรียนรว่ มแสดงความคดิ เหน็ จากคำถามที่วา่ “การศึกษาเรื่อง คำ
ภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย มปี ระโยชนต์ อ่ นกั เรียนอยา่ งไร”
๒. ครูใช้คำถามกระตนุ้ ความคดิ เพื่อใหน้ กั เรียนเลือกใช้คำภาษาต่างประเทศใหเ้ หมาะสมกับโอกาส
และให้เลง็ เหน็ ความสำคญั ของภาษาไทยด้วย เพือ่ ปลูกฝังให้นกั เรียนรักความเปน็ ไทย ใช้ภาษาไทยให้ถกู ต้อง
และเหมาะสม
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
๓. นักเรยี นกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑) เรียกวา่ กลุ่มบ้านตวั เอง แลว้ กำหนดหมายเลข
ประจำตัวใหส้ มาชกิ แต่ละคนในกลุ่มเปน็ หมายเลข ๑-๔ จากนน้ั ให้นกั เรยี นท่มี ีหมายเลขเดียวกนั มานงั่ รวมกนั
เรยี กว่า กลุ่มผเู้ ช่ียวชาญ เพือ่ ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เร่ือง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย จากหนังสอื เรียน
ห้องสมุด และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ ตามประเด็นท่ีครกู ำหนด ดังน้ี
- กลุม่ หมายเลข ๑ ศกึ ษาเรอื่ ง คำไทยแทแ้ ละคำภาษาบาลี-สันสกฤต
- กล่มุ หมายเลข ๒ ศึกษาเร่ือง คำภาษาจนี และคำภาษาเขมรในภาษาไทย
- กลมุ่ หมายเลข ๓ ศึกษาเรื่อง คำภาษาอังกฤษและคำภาษาฝรงั่ เศสในภาษาไทย
- กลุม่ หมายเลข ๔ ศึกษาเร่ือง คำภาษาชวาและคำภาษาพมา่ ในภาษาไทย
๔. ครแู จ้งกตกิ าว่า ห้ามสมาชิกออกจากกลุ่มจนกวา่ จะศึกษาความรู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายแล้วเสร็จ ถ้าคน
ใดสงสัยหรอื ไมเ่ ขา้ ใจจะต้องขอความชว่ ยเหลือจากเพื่อนในกลุม่
๕. สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษา อภิปราย และแสดงความคิดเหน็ จนทกุ คนมคี วามรู้ความเข้าใจ
กระจา่ งชัดในหวั ข้อเรื่อง คำภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ไดเ้ ป็นอย่างดี จากนน้ั บันทกึ ความร้ลู งในแบบ
บนั ทึกการอา่ น
๖. สมาชิกกลุม่ ผเู้ ชยี่ วชาญกลับไปยังกลุ่มเดิมของตนทเ่ี รียกว่า กลุ่มบา้ น แลว้ ผลดั กนั อธบิ ายเพอื่
ถ่ายทอดความร้ทู ่ีตนได้ไปศึกษามา โดยเร่ิมจากหมายเลข ๑-๔ ตามลำดบั หรอื อาจให้ถ่ายทอดความรตู้ าม
ความสมัครใจ โดยไม่เรยี งก็ได้ แต่ทุกคนต้องถา่ ยทอดความรู้จนครบ
๗. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เม่ือทำเสรจ็ แล้วให้
แลกเปลย่ี น ใบงานกันตรวจสอบกับเพ่อื นกลุ่มอนื่ ตามท่ีได้ร่วมกนั เฉลยกบั ครู
กจิ กรรมรวบยอด
๘. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายความรูเ้ รอื่ ง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย และความจำเปน็ ใน
การนำคำภาษาตา่ งประเทศมาใช้ในภาษาไทย
สือ่ การเรยี นรู้
๑. ส่อื Powerpoint หลักการสังเกตคำยมื ภาษาต่างประเทศมาใชใ้ นภาษาไทย๒. แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ
๒. หนงั สอื เรียนภาษาไทยชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ (หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย)
แหล่งการเรียนรู้
๑. ห้องสมดุ โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา (ฝา่ ยมธั ยม)
๒. ห้องสมดุ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสนุ นั ทา
การวดั และประเมนิ ผล
เป้าหมาย หลกั ฐาน เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน
สาระสำคัญ ใบงาน เรอ่ื ง แบบประเมินใบงาน ระดบั คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี
คำภาษาต่างประเทศใน เร่อื ง คำภาษาตา่ ง
คำทม่ี าจากภาษาจีนมักใชร้ ูป ประเทศในภาษาไทย ระดบั คณุ ภาพอยูใ่ นระดบั ดี
วรรณยุกต์ตรแี ละจตั วา คำที่มาจาก ภาษาไทย ระดับคณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
ภาษาเขมร มกั มพี ยญั ชนะต้นลักษณะ แบบประเมินใบงาน
เหมือนคำควบกลำ้ คำทีม่ าจากภาษา ใบงาน เรื่อง เร่ือง คำภาษาต่าง
บาลี มีตัวสะกดตัวตามอย่ใู นวรรค คำภาษาต่างประเทศใน ประเทศในภาษาไทย
เดยี วกนั
ภาษาไทย แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
ตัวชว้ี ดั การการมสี ่วนรว่ ม
- ท ๔.๑ ม.๓/๕ การใชค้ ำ คะแนนจากการสังเกต
พฤติกรรมการมสี ่วน
ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย รว่ ม
จะตอ้ งอธบิ ายความหมายของ
คำ จำแนกและใชค้ ำ
ภาษาตา่ งประเทศทใี่ ช้ใน
ภาษาไทยให้ถูกต้อง
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
๑. มีวนิ ัย
๒. มีความมุ่งม่นั ในการทำงาน
สมรรถนะสำคญั ใบงาน เร่ือง แบบประเมินใบงาน
คำภาษาตา่ งประเทศใน เรอื่ ง คำภาษาตา่ ง ระดับคณุ ภาพอยูใ่ นระดับดี
๑. มีทกั ษะในการส่ือสาร
ภาษาไทย ประเทศในภาษาไทย
ลงชือ่ ..................................................ผูส้ อน
(...........................................................)
บนั ทกึ หลังสอน
๑. ผลการสอน
๒. ปัญหาและอุปสรรค
๓. ขอ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรยี นการสอน
คำชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วมของนักเรียนแล้วทำเครอ่ื งหมาย /ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดับคะแนน
รายการประเมนิ
เลขท่ี ชอื่ – สกุล ความมีสว่ นร่วม การแสดงความ ความตรงตอ่ เวลา รวม หมาย
และความสามคั คี คิดเหน็ และตอบ และความเป็น (๑๕) เหตุ
ระเบียบของชนิ้ งาน
คำถาม
๓ ๒๑๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ คะแนน
แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ๒ คะแนน
แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ๑ คะแนน
แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง
ระดับคณุ ภาพ
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ดี = ๓
ชว่ งคะแนน พอใช้ = ๒
ปรบั ปรุง = ๑
๑๒ – ๑๕
๘ – ๑๑
ตำ่ กว่า ๘
• แบบฝกึ ทักษะท่ี ๑.๑
แบบฝึกทักษะท่ี ๑.๑
เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนนำคำที่กำหนดให้ ไปเติมลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง
แมกกาซีน บงั คม สะใภ้ สงั คม ศอก เหว ปะหนนั
ออกซิเจน บุฟเฟต์ ปาร์เกต์
สนั ติ กะปิ เฆี่ยน โสหุย้ ปัญญา ส่วย แฟชนั่
ฉบบั ทุกขเ์ ขยี ง ภรรยา
โอเค กิโลกรัม กระทรวง เชลย กรวดน้าแผนก กยุ๊ โชเฟอร์
จบั กงั เฉ่ง ก๋ง
ละออ โลภ คอมพวิ เตอร์ ผจญ กาจาย ซ่าโบะ สาเนา
ดาบ จวน ใหญ่
บาป นกกระจิบ ฟุตบอล ตนุ าหงนั ขา่ ว การะบหุ นิง เจา้ สวั
บหุ งา โกเ้ ก๋ คูปอง
สมภาร กงสุล เรสเตอรองต์ ดาหลงั โนรี ฉะน้นั บาท
ครัวซองท์ ปันจุเหร็จ แตะ๊ เอีย เพกา
ขมีขมนั กริช สามญั เมอแรง
เกี๊ยว มะงมุ มะงาหรา แบงก์ แทก็ ซี่
กิโยติน เซ็งล้ี ฮลั โหล กวยจบั๊
กระดุกกระดิก
คำภาษาไทยแท้
คำภาษาชวา
คำภาษาฝรั่งเศส
คำภาษาอังกฤษ
คำภาษาจีน
คำภาษาเขมร
คำภาษาบาลี-
นสกฤตสั
คำภาษาพมา่
• เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ ๑.๑
เฉลยใบงานที่ ๑.๑
เรอื่ ง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำช้ีแจง ให้นักเรียนนำคำท่ีกำหนดให้ ไปเติมลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง
แมกกาซีน บงั คม สะใภ้ สังคม ศอก เหว ปะหนนั
ออกซิเจน บุฟเฟต์ ปาร์เกต์
สนั ติ กะปิ เฆี่ยน โสหุย้ ปัญญา ส่วย แฟชนั่
ฉบบั ทุกขเ์ ขียง ภรรยา
โอเค กิโลกรัม กระทรวง เชลย กรวดน้าแผนก กุ๊ย โชเฟอร์
จบั กงั เฉ่ง ก๋ง
ละออ โลภ คอมพวิ เตอร์ ผจญ กาจาย ซ่าโบะ สาเนา
ดาบ จวน ใหญ่
บาป นกกระจิบ ฟุตบอล ตนุ าหงนั ขา่ ว การะบหุ นิง เจา้ สวั
บหุ งา โกเ้ ก๋ คปู อง
สมภาร กงสุล เรสเตอรองต์ ดาหลงั โนรี ฉะน้นั บาท
ครัวซองท์ ปันจุเหร็จ แต๊ะเอีย เพกา
ขมีขมนั กริช สามญั เมอแรง
เก๊ียว มะงมุ มะงาหรา แบงก์ แทก็ ซ่ี
กิโยติน เซ็งล้ี ฮลั โหล กวยจบ๊ั
กระดุกกระดิก
คำภาษาไทยแท้ เฆี่ยน ใหญ่ นกกระจิบ เขียง สะใภ้ ฉะน้นั กระดกุ กระดิก ข่าว ศอก เหว
คำภาษาชวา บหุ งา มะงมุ มะงาหรา ดาหลัง ปันจเุ หร็จ ซา่ โบะ ตุนาหงนั โนรี กริช ปะหนัน การะบหุ นงิ
คำภาษาฝรงั่ เศส โกเ้ ก๋ คูปอง ครัวซองท์ โชเฟอร์ กโิ ยติน กงสลุ บุฟเฟต์ ปาร์เกต์ เรสเตอรองต์ เมอแรง
คำภาษาอังกฤษ แบงก์ คอมพิวเตอร์ ฟุตบอล โอเค กโิ ลกรัม ฮัลโหล แฟช่นั แมกกาซีน แท็กซี่ ออกซเิ จน
คำภาษาจนี จบั กัง กวยจ๊บั เก๊ยี ว เซ็งลี้ โสห้ยุ เฉง่ กุ๊ย แตะ๊ เอีย กง๋ เจ้าสวั
คำภาษาเขมร ละออ บงั คม ผจญ สำเนา ขมขี มนั กรวดนำ้ ฉบบั กำจาย กระทรวง แผนก
บาป สามญั สนั ติ สมภาร ปัญญา ภรรยา โลภ สังคม บาท ทกุ ข์
คำภาษาบาลี- กะปิ เพกา ดาบ จวน สว่ ย เชลย
นสกฤตัส
คำภาษาพม่า
เกณฑก์ ารประเมนิ ใบงาน
คำชแี้ จง : เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมการเรยี นเปน็ รายบุคคลสร้างข้ึนเพ่ือให้ครูใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมิน
นักเรยี นเป็นรายบคุ คลโดยพจิ ารณาพฤตกิ รรมของนักเรยี นว่าตรงเกณฑ์ในช่องใด
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
๑. เนือ้ หา
(๔) (๓) (๒) (๑)
๒. อกั ขรวิธี
เนื้อหามคี วาม เนื้อหามีความ เนอื้ หามีความ เน้อื หาไม่
๓. การใชภ้ าษา
สอดคล้องกับชือ่ สอดคล้องกับช่อื สอดคล้องกบั ชอ่ื สอดคลอ้ งกับชื่อ
๔. การตรงตอ่ เวลา
๕. ความเปน็ ระเบียบ เร่อื ง เสนอเนอื้ หา เรื่อง มปี ระเดน็ เร่อื ง และข้อมลู เรอื่ ง
อยา่ งสรา้ งสรรค์ น่าสนใจ และขอ้ มูล ครบถว้ น
มีประเดน็ นา่ สนใจ ครบถ้วน
และข้อมลู ครบถ้วน
ใช้คำที่ถูกต้อง ใช้คำที่ถูกตอ้ ง ใช้คำทถี่ ูกต้อง ใช้คำทีถ่ ูกต้อง
สะกดคำ การันต์ สะกดคำ การนั ต์ สะกดคำ การนั ต์ สะกดคำ การันต์
คำชอื่ เฉพาะตา่ งๆ คำช่อื เฉพาะตา่ งๆ คำช่อื เฉพาะตา่ งๆ คำชอื่ เฉพาะตา่ งๆ
ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ ูกตอ้ ง ผดิ ๕ ได้ถูกต้อง ผดิ ๗ ได้ถกู ตอ้ ง ผดิ ๗
ตำแหนง่ ตำแหน่ง ตำแหนง่ ขนึ้ ไป
ใชภ้ าษาถกู ตอ้ ง ใช้ภาษาถกู ตอ้ ง ใช้ภาษาถูกต้อง ใช้ภาษาไม่ถูกตอ้ ง
สละสลวย ส่ือ สละสลวย สละสลวย แต่การ หรือไม่เหมาะสม
ความหมายชัดเจน การลำดับความไม่ ลำดับความวกวน การลำดบั ความ
การลำดับความไม่ วกวน วกวน
วกวน
เข้าชั้นเรียน และส่ง เข้าชั้นเรียนตรงเวลา เข้าชั้นเรียนไม่ตรง เข้าชั้นเรียนไม่ตรง
งานตรงเวลาท่กี ำหนด แต่ส่งงานล่าช้า ไม่ เวลา และสง่ งานลา่ ชา้ เวลา และไมส่ ง่ งานท่ี
เกนิ ๒ วัน เกนิ ๒ วนั ได้รับมอบหมาย
สะอาด เรียบร้อย สะอาด เรยี บรอ้ ย มี สะอาด เรียบรอ้ ย มี ไมส่ ะอาดเรียบรอ้ ย
ไมม่ รี อยขดู ขีด ฆา่ รอยขูด ขดี ฆา่ ลบ รอยขูด ขดี ฆา่ ลบ มรี อยขูด ขดี ฆ่า
ลบ แบ่งวรรคตอน ไม่เกนิ ๓ ตำแหน่ง ไมเ่ กิน ๗ ตำแหนง่ ลบ ๗ ตำแหนง่ ข้ึน
ได้เหมาะสม อ่าน แบ่งวรรคตอนได้ ไป
ง่าย เหมาะสม
เกณฑก์ ารประเมิน ๑๓ - ๑๖ คะแนน อย่ใู นเกณฑ์ ดี
๑๗ - ๒๐ คะแนน อยใู่ นเกณฑ์ ดมี าก ๕ - ๘ คะแนน อยูใ่ นเกณฑ์ ควรปรบั ปรงุ
๙ - ๑๒ คะแนน อยใู่ นเกณฑ์ พอใช้
• แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๒
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรียนรู้หลกั ประจักษ์ภาษา เรื่อง ประโยคซบั ซ้อน
วิชาภาษาไทยพน้ื ฐาน ท๒๓๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
เวลาเรียน ๔ คาบ ผูส้ อน นางสาวสภุ าพร แซอ่ งึ้ นายปณั ณวชิ ญ์ ดวงโสภา
มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวช้วี ัด
ม.๓/๒ วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคซบั ซ้อน
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. นักเรยี นสามารถบอกลกั ษณะของประโยคแตล่ ะชนิดได้
๒. นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์โครงสร้างประโยคแต่ละชนิดได้
๓. นักเรยี นมีความมุง่ มั่นในการทำงาน
สาระสำคัญ
ประโยคเกิดจากการนำคำและกลุ่มคำมาร้อยเรียงกัน โดยคำและกลมุ่ คำนี้ต้องมีการลำดับตามหนา้ ท่ี
ตำแหน่ง และชนดิ ของคำแต่ละประเภทท่มี ีความเกย่ี วเนอื่ งกนั ในทางไวยากรณ์ การศึกษาหลกั ภาษาต้อง
วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคซับซอ้ น เพื่อให้สามารถสรา้ งประโยคที่สละสลวย สื่อความหมายไดช้ ดั เจน
สาระการเรยี นรู้
๑ .ลกั ษณะของประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม ประโยคความซ้อน และประโยคซบั ซ้อน
๒. หลักการวิเคราะหป์ ระโยคความเดยี ว ประโยคความรวม ประโยคความซ้อน และประโยค
ซบั ซอ้ น
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. มุ่งม่นั ในการทำงาน
สมรรถนะสำคัญ
ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์
กิจกรรมการเรียนรู้
ชัว่ โมงที่ ๑ – ๒
ขน้ั นำ
๑. ครแู บ่งกลม่ นกั เรยี นเป็น ๔ กลุ่ม โดยใหช้ อ่ื กลมุ่ ว่า
- ใคร
- ทาอะไร
- ทไ่ี หน
- เม่อื ไหร่
- อยา่ งไร
๒. ครแู จกกระดาษใหน้ กั เรยี นเขยี นคาวา่ อะไรกไ็ ดโ้ ดยตอ้ งมเี น้อื หาตรงกบั ชอ่ื กลุ่มของตน เช่น
ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เมอื่ ไหร่ อยำ่ งไร
โอต๊ เดนิ เลน่ ในสวน ตอนเยน็ สบายใจ
๓. ครเู ช่อื มโยงใหน้ กั เรยี นสงั เกตว่า คาทน่ี กั เรยี นนามาเรยี งต่อกนั ใหไ้ ดใ้ จความ เรยี กอกี อยา่ ง
หน่งึ ว่า ประโยค
ขนั้ สอน
๑. ครูให้นักเรียนทบทวนความรเู้ รอื่ ง ชนดิ และหน้าที่ของคำทง้ั ๗ ชนดิ และวลี โดยครูกระตนุ้ ให้
นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น จากนนั้ ครูควรยกตวั อย่างเพอื่ ให้นกั เรยี นแยกไดว้ า่ เปน็ คำ วลี
หรอื ประโยค
ตัวอย่าง
คำ เสื้อสีแดง หนังสอื เรียน
วลี เส้อื สีแดงตวั ใหญ่ หนังสือเรยี นบนโตะ๊
ประโยค เสื้อสแี ดงตัวใหญ่มสี สี ันสวยงาม หนงั สือเรียนบนโตะ๊ เป็นของฉัน
๒. ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกับการประกอบคำ คำเมื่อเรียงประกอบเป็นประโยคแลว้ อาจจะเป็นวลี
ประเภทต่างๆ ได้ เชน่ นามวลี กริยาวลี วเิ ศษณว์ ลี เป็นต้น พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบเพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจ
ไดช้ ดั เจน
๓. ครูให้ความรแู้ กน่ ักเรียนเรื่องประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม และประโยคความซอ้ น วา่ มี
ลกั ษณะอยา่ งไร สามารถวิเคราะห์ได้อย่างไรบ้าง โดยใช้สื่อ Powerpoint อธิบายลักษณะพร้อมยกตัวอย่าง
ประกอบการอธิบาย ระหว่างทีค่ รูสอนต้องคอยถามนกั เรียนเพอื่ วดั ความเข้าใจของนักเรียน
๔. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดเร่ือง “ประโยค” จำนวน ๓๐ ข้อ เวลา ๒๐ นาที หลังจากนนั้ ครู
และนักเรยี นร่วมกันเฉลยและวเิ คราะหค์ ำตอบไป ก่อนจะข้ึนเรือ่ งประโยคซบั ซ้อน
๕. ครูให้นักเรยี นทำกิจกรรม “วิเคราะห์โครงสร้าง ความตา่ งของประโยค ”โดยใหน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่
กลุ่มละ ๔-๕ คน โดยครจู ะกำหนดคำให้ในแต่ละกลุ่ม โดยไม่ซำ้ กัน หลงั จากน้นั ให้นักเรียนสร้างประโยคความ
เดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อน อยา่ งละ ๑ ประโยค ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันระดมความคดิ แล้ว
วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งของประโยค ลงในใบกิจกรรม “วิเคราะห์โครงสรา้ ง ความตา่ งของประโยค” กำหนดเวลา
๒๐ นาที และส่มุ กลมุ่ นักเรยี น ๓ กลมุ่ มาอภิปรายหนา้ ช้นั เรียน
๖. ครูให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามผ่านกิจกรรม “ตอบให้ได้ ทายให้ถกู ” โดยตั้งคำถามผ่านสอ่ื
อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ อพพลิเคช่ัน line เร่อื งชนดิ ของประโยคโดยใชค้ ำถามดังน้ี
- พ่อและแม่ปลกู ต้นไม้ จากประโยคข้างตน้ เป็นประโยคชนิดใด
- เด็ก ๆ ชอบให้คุณตาเลา่ นิทาน แต่ คณุ ยายชอบให้เดก็ ๆ อา่ นหนังสือ จากประโยคขา้ งตน้
เปน็ ใจความชนดิ ใด
- ท่านจะใหล้ กู เรียนหนงั สือและเล่นกีฬาดว้ ย หรอื จะให้ลูกเรยี นหนังสือแต่ไม่เลน่ เป็น
ประโยคชนดิ ใด
ขนั้ สรุป
๖. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายความร้ทู ี่ไดจ้ ากการเรยี นในชั่วโมงนี้ โดยการใช้คำถาม
ประโยคความเดยี ว ความรวม และความซ้อนมีลกั ษณะอย่างไร
ช่ัวโมงท่ี ๓ – ๔
ขัน้ นำ
๑. ครทู บทวนเร่ืองประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อน ที่เรยี นไปในชว่ั โมง
ทีแ่ ลว้ โดยให้วิเคราะหป์ ระโยคตอ่ ไปน้ี
คนงานหลบั เม่ือหวั หนา้ ไม่อยู่
คนดีท่ีทำงานเพื่อส่วนรวมควรไดร้ ับการยกยอ่ ง
ขนั้ สอน
๓. ครูใหค้ วามร้แู ก่นักเรยี นเร่ืองประโยคซับซ้อนแตล่ ะชนิด ไดแ้ ก่ ประโยคความเดียวซับซ้อน
ประโยคความรวมซบั ซอ้ น ประโยคความซ้อนซบั ซ้อน วา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร สามารถวเิ คราะหไ์ ด้อย่างไรบ้าง
โดยใช้ส่ือ Powerpoint และใบความร้เู รอื่ ง “ประโยค” อธิบายลกั ษณะพร้อมยกตัวอยา่ งประกอบการอธบิ าย
ระหว่างทคี่ รสู อนตอ้ งคอยถามนักเรียนเพื่อวดั ความเข้าใจของนักเรียน
๔. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบกจิ กรรมเรือ่ ง “ประโยคซับซ้อน ”กำหนดเวลาที่ ๑๕ นาที
๕. ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรม “ตอบให้ได้ ทายให้ถกู ” จากส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ แอพพลเิ คช่ัน LINE โดย
แบง่ กลุ่มนักเรยี นออกเป็น ๔-๕ คน โดยตอบคำถามผ่านเกมในเว็บไซต์ แอพพลิเคช่ัน LINE เพอื่ วดั ความเขา้ ใจ
ในเรื่องประโยคแตล่ ะชนดิ
ขั้นสรปุ
๖. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายความรู้ทไี่ ด้จากการเรียนในช่วั โมงน้ี โดยการใช้คำถาม
ประโยคความเดียวซบั ซ้อน ความรวมซบั ซ้อน และความซอ้ นซับซ้อนมีลักษณะอย่างไร
สอ่ื การเรยี นรู้
๑. ใบความรเู้ รือ่ ง “ประโยค”
๒. ใบกจิ กรรมเรอ่ื ง “ประโยค”
๓. ใบกจิ กรรมเร่อื ง “วิเคราะห์โครงสรา้ ง ความต่างของประโยค”
๔. ใบกจิ กรรมเร่ือง “ประโยคซบั ซ้อน”
๔. ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ แอพพลิเคชัน่ LINE เร่ืองชนดิ ของประโยค
๕. สื่อ powerpiont เรือ่ งชนิดของประโยค
แหลง่ การเรยี นรู้
จติ ตน์ ิภา ศรีไสย์และประนอม วบิ ูลย์พนั ธุ.์ หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย. กรงุ เทพฯ: สำนักพมิ พ์
บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จำกดั , ๒๕๕๗.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๑ .(ววิ ิธภาษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ .กรงุ เทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
การวัดและประเมินผล
เปา้ หมาย หลักฐาน เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การ
ประเมนิ
สาระสำคัญ ใบกิจกรรมเรอ่ื ง “ประโยค” แบบประเมินคะแนนใบกจิ กรรม
ประโยคเกิดจากการนำคำและ เรื่อง “ประโยค” ถูกให้ ๑ คะแนน
แบบประเมนิ คะแนนใบกิจกรรม ผดิ ให้ ๐ คะแนน
กล่มุ คำมารอ้ ยเรยี งกัน โดยคำและ ใบกจิ กรรมเร่ือง เรอ่ื ง วิเคราะหโ์ ครงสร้างของ
กลมุ่ คำน้ีตอ้ งมีการลำดับตามหนา้ ท่ี “วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งของ ประโยค“ประโยค”
ตำแหน่ง และชนิดของคำแตล่ ะ ประโยค”
ประเภทที่มีความเกย่ี วเนอ่ื งกันในทาง
ไวยากรณ์ การศกึ ษาหลักภาษาตอ้ ง
วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคแตล่ ะชนดิ ใบกิจกรรมเรือ่ ง “ประโยค แบบประเมินคะแนนใบกิจกรรม
เพ่อื ใหส้ ามารถสรา้ งประโยคที่ เรื่อง “ประโยคซับซอ้ น”
ซบั ซอ้ น”
สละสลวย สือ่ ความหมายได้ชดั เจน
ตัวชวี้ ดั ใบกจิ กรรมเรื่อง “ประโยค แบบประเมินคะแนนใบกจิ กรรม ถกู ให้ ๑ คะแนน
เรอ่ื ง “ประโยคซับซ้อน” ผิดให้ ๐ คะแนน
วเิ คราะหโ์ ครงสร้างประโยคซับซอ้ น ซบั ซอ้ น” แบบประเมนิ คะแนนใบกจิ กรรม
เรื่อง “ประโยค” ทำงานครบถว้ น
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใบกจิ กรรมเรื่อง “ประโยค” แบบประเมินคะแนนใบกจิ กรรม เรียบร้อย และ
๑. ใฝ่เรยี นรู้ เรื่อง
วิเคราะหโ์ ครงสร้างของประโยค ถูกตอ้ ง
๒. มุ่งมั่นในการทำงาน ใบกจิ กรรมเร่ือง วเิ คราะห์ “ประโยค”
ถูกให้ ๑ คะแนน
โครงสร้างของประโยค แบบประเมินคะแนนใบกิจกรรม ผิดให้ ๐ คะแนน
เรอื่ ง “ประโยคซับซ้อน”
“ประโยค”
แบบประเมินคะแนนใบกจิ กรรม
สมรรถนะ ใบกิจกรรมเร่อื ง “ประโยค เรื่อง “ประโยค”
ความสามารถในการคดิ เปน็ ซับซ้อน” แบบประเมินคะแนนใบกิจกรรม
ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เรื่อง วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งของ
ใบกจิ กรรมเรือ่ ง “ประโยค” “ประโยค”
แบบประเมนิ คะแนนใบกจิ กรรม
ใบกจิ กรรมเรอ่ื งวิเคราะห์ เรื่อง “ประโยคซับซ้อน”
โครงสรา้ งของ“ประโยค”
ใบกิจกรรมเรื่อง “ประโยค
ซับซ้อน”
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น เพ่ือการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ชื่อนกั เรยี น...................... ..............................................ชน้ั ...................ภาคเรยี นท.ี่ ...........ปกี ารศึกษา
.................
คำชแ้ี จง การบันทกึ ให้กาเคร่ืองหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมที่เกดิ ขึ้นจรงิ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ใน
การทำงาน
ระดับการปฏิบัติ
ที่ พฤติกรรม ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย
)๐)
)๓) )๒) )๑)
๑ ต้งั ใจเอาใจใส่และมีความเพยี รพยายามในการเรยี นรู้
๒ สนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
๓ ศึกษาค้นควา้ หาความรูจ้ ากหนังสอื เอกสาร สิ่งพิมพ์
สอื่ เทคโนโลยีตา่ ง ๆ แหลง่ เรยี นร้ทู ง้ั ภายในและ
ภายนอกโรงเรียน และเลือกใชส้ ื่อได้อยา่ งเหมาะสม
๔ สามารถบันทึกสรุปความรู้ วิเคราะห์ ข้อมูลจากสงิ่ ที่
เรียนรสู้ รปุ เป็น องคค์ วามรู้
๕ มีระเบยี บวินัยในการทำงาน
รวมคะแนน/ระดบั คณุ ภาพ
ลงช่ือ ...................................................ผปู้ ระเมิน
(.............................................................................)
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตัดสนิ
ได้คะแนนรวมระหว่าง ๑๓-๑๕ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินข้อใดข้อหนงึ่ ต่ำกวา่ ๒ คะแนน
ระดบั คุณภาพ
ดเี ยีย่ ม ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๙-๑๒ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ขอ้ ใดข้อหน่ึงต่ำกวา่ ๐ คะแนน
ดี
ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๕-๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินข้อใดขอ้ หนง่ึ ต่ำกว่า ๐ คะแนน
ไม่ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๔ คะแนน
• ใบความรู้ที่ ๑ ใบความรู้ที่ ๑
ประโยค คอื หนว่ ยทางภาษา ทีเ่ กิดจากการนำคำหลายๆ คำ หรอื กลุ่มคำมาเรยี งต่อกัน อยา่ งเปน็
ระบบ คำแตล่ ะคำมคี วามสัมพันธก์ นั และมีใจความสมบูรณ์ แสดงให้รู้วา่ ใคร ทำอะไร ท่ีไหน
๑. สว่ นประกอบของประโยค ประโยคทส่ี มบูรณ์ จะประกอบด้วย สว่ นสำคัญท่ีขาดไม่ได้ ๒ สว่ น
.1ภาคประธาน คอื คำหรือกลมุ่ คำท่ที ำหน้าทเ่ี ป็นผแู้ สดงกิริยาหรอื เป็นผูก้ ระทำ
.2ภาคแสดง คือ คำหรือกลุ่มคำที่แสดงการกระทำของภาคประธาน ประกอบด้วย บทกริยา บทขยาย
กรยิ า บทกรรม และบทขยายกรรม
เพิม่ เติม บทกริยา อกรรมกรยิ า เช่น ฝนตก, ดอกไมห้ อม
สกรรมกริยา เชน่ รฐั บาลออกกฎหมายฉนั ,กนิ ขา้ ว
ตัวอย่าง วิกตรรถกริยา เช่น นายสีเป็นพอ่ ค้าเธอ ,เหมือนพ่อ
(มกั ใช้กรยิ าคำว่า เป็น เหมือน คล้าย คอื ดุจ ประหน่ึง แปลวา่ เป็นต้น)
ประโยค ภาคประธาน ภาคแสดง
ประธาน ขยายประธาน กริยา ขยายกริยา กรรม ขยายกรรม
๑ นกบนิ นก - บิน - - -
๒ฝนตกหนกั ฝน - ตก หนกั - -
๓.นกั เรยี นหลายคน นกั เรียน หลายคน เรียน เกง่ มาก ภาษาไทย -
เรียนภาษาไทยเก่งมาก
สว่ นขยายของประโยคอาจเป็นคำ กล่มุ คำ หรือประโยคท่ีมาขยายส่วนตา่ งๆ เพื่อให้ประโยคมีใจความ
ชดั เจนยิง่ ขึ้น เชน่
พนักงานรักษาความสะอาดเก็บกระเปา๋ สตางค์ได้
“)รักษาความสะอาด” เปน็ กลุ่มคำที่มาขยายประธาน “พนักงาน”)
พวกเรายินดตี ้อนรบั นกั เรยี นแลกเปลยี่ น
“)แลกเปล่ียน” เป็นคำท่ีมาขยาย “นกั เรยี น” ซ่ึงทำหนา้ ทเี่ ปน็ กรรม)
นารีร้องไห้จนนำ้ ตาเปน็ สายเลือด
“)จนน้ำตาเปน็ สายเลือด” เป็นประโยคที่มาขยาย “ร้องไห้” ซง่ึ ทำหน้าทเ่ี ป็นคำกรยิ า)
หากตอ้ งการเช่อื มประโยคหลายประโยคเขา้ ด้วยกนั ใหเ้ ตมิ คำสันธานในตำแหนง่ ทถี่ ูกต้อง เช่น
ประโยค + คำสนั ธาน + ประโยค หรือ สนั ธาน + ประโยค + ประโยค
ประโยคความซ้อนท่ีใชค้ ำสันธาน ที่ ซ่ึง อัน ผู้
๒. ชนดิ ของประโยค
ชนดิ ของประโยคจำแนกไดห้ ลายวธิ ี
๒.๑ จำแนกตามเจตนา มี ๓ ชนดิ
๑) แจง้ ให้ทราบ
๒) ถามใหต้ อบ
๓) บอกให้ทำ
๒.๒ จำแนกตามรปู ประโยค มี ๕ ชนิด คอื
๑) ประโยคประธาน คือประโยคทม่ี ีผกู้ ระทำเปน็ ประธานขึ้นตน้ ประโยค เชน่
-น้องรอ้ งไห้ - พเี่ ตะบอล
-แมวกนิ ปลา -เด็กดเี ปน็ ที่รกั ของทุกคน
๒) ประโยคกรรม คือ ประโยคทนี่ ำผถู้ ูกกระทำ หรือ กรรม ข้ึนต้นประโยค เช่น
-หมยู า่ ง - ประตูเปิด
-น้องถูกแมด่ ุ - บ้านหลังนใี้ ครซอื้
๓) ประโยคกรยิ า คือ ประโยคท่นี ำคำกรยิ ามาขึ้นตน้ ประโยคแลว้ ตามด้วยประธาน กรยิ าท่ี
นำมาขน้ึ ต้นประโยคได้ ไดแ้ ก่ เกดิ มี ปรากฏ เช่น
-เกดิ แผน่ ดนิ ไหวในประเทศญี่ปนุ่
-มขี องอร่อยมากมายใหล้ ิ้มลอง
-ปรากฏเหตกุ ารณ์สุริยปุ ราคา
๔) ประโยคการติ คือ ประโยคที่ประธานรองถูกประธานหลกั ของประโยค “สงั่ ” จะมีกรยิ า
“ให”้ เป็นกริยาสำคญั เช่น
-ครสู ่ังใหห้ ัวหนา้ หอ้ งรวบรวมรายงานมาสง่ พรงุ่ นี้
“)คร”ู เป็นประธานหลักส่งั ให้ “หัวหน้าห้อง” ซงึ่ เปน็ ประธานรองทำกริยา “รวบรวมมาส่ง” โดย
มี “รายงาน” เปน็ กรรม)
-แม่บอกให้ซ้ือไอศกรีม
“)แม”่ เปน็ ประธานหลักสงั่ ให้“ฉนั ”ซ่งึ เปน็ ประธานรองทำกรยิ า“ซอื้ ” มี “ไอศกรมี ” เปน็ กรรม)
๕) ประโยคกริยาสภาวมาลา คือ ประโยคที่นำคำนามมาเปน็ ประธาน กรรม หรอื ส่วนขยาย
โดยไม่ใส่ การ ความ เชน่
-กินอาหารมปี ระโยชน์ทำให้สขุ ภาพแขง็ แรง
“)กนิ ” เป็นกริยาแต่ทำหน้าทีเ่ ปน็ ประธานของประโยคได้เหมอื นคำนาม “การกิน”)
-หัวเราะบ่อยๆ มผี ลตอ่ สุขภาพจติ ที่ดี
“)หัวเราะ” เปน็ กรยิ าแตท่ ำหนา้ ทเ่ี ปน็ ประธานของประโยคไดเ้ หมือนคำนาม “การหัวเราะ”)
๒.๓ จำแนกตามโครงสร้างของประโยค มี ๓ ชนดิ
๑) ประโยคความเดยี ว (เอกรรถประโยค) คือ ประโยคทม่ี ีประธานและกรยิ าสำคัญเพียงบทเดียว ไม่
มีคำเชื่อปรากฏ เช่น - คนไทยมีอธั ยาศยั ดี - แม่ไปซ้ือผ้าทีพ่ าหุรัด
-แม่รักลูกทุกคน - พ่อเดนิ
๒) ประโยความรวม (อเนกกรรถประโยค) คือ ประโยคท่ีรวมประโยคความเดยี วตัง้ แต่ ๒ ประโยค
ขึ้นไปเป็นประโยคเดียวกัน โดยมคี ำเชอ่ื มเชื่อมประโยคเหล่านนั้ เขา้ ด้วยกนั แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ตามชนิด
ของคำเชอื่ มและความสัมพันธข์ องเนื้อความในประโยค ดงั น้ี
ประโยคความรวมที่มีความคล้อยตามกนั ) และ, แลว้ , ครน้ั ...จึง, แล้ว...ก,็ พอ...ก็ ฯลฯ (
ประโยคความรวมที่มีความขัดแย้งกนั ) แต,่ แต่ว่า, แตท่ วา่ , ถึง...ก็, กว่า...ก็ ฯลฯ)
ประโยคความรวมที่มคี วามใหเ้ ลือก) หรือ, มฉิ ะนน้ั , ไมเ่ ช่นนนั้ , หรือไม่ก็, หรือ...ไม่, ไม.่ ..ก็(
ประโยคความรวมท่ีมคี วามเปน็ เหตุเป็นผลกนั คอื ประโยคหนึง่ เป็นประโยคเหตุ และ
ประโยคหนงึ่ เปน็ ประโยคผล (จึง, เพราะ, เพราะเหตุว่า, ดังนั้น...จึง, เพราะ...จงึ ฯลฯ)
๓) ประโยคความซ้อน (สังกรประโยค) คือ ประโยคท่ีประกอบด้วยประโยคความเดยี วตัง้ แต่ ๒
ประโยคขน้ึ ไป ประโยคความเดยี วท่ีมีใจความสำคัญจะเป็นประโยคหลกั (มุขยประโยค) และมีประโยคยอ่ ย
(อนุประโยค) ทำหน้าท่ีขยายความสว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของประโยคหลักให้ชัดเจน โดยมีคำเชอ่ื มทงั้ ๒ ประโยคเขา้
ด้วยกัน อาจกลา่ วได้ว่าประโยคความซ้อนคือ “ประโยคขยายประโยค”
แบ่งออกเปน็ ๓ ชนิด
ประโยคย่อยท่ีทำหน้าทีแ่ ทนนาม (นามานปุ ระโยค)
ทำหนา้ ที่เปน็ บทประธาน บทกรรม หรือสว่ นเติมเต็ม ของประโยคก็ได้ มีคำเชื่อมคือ ให,้ วา่ เชอื่ ม
ประโยค หรืออาจไม่มีคำเช่ือมเลยกไ็ ด้
-คณุ ครบู อกว่า โรงเรยี นใกล้จะปดิ แลว้
-ฉันชอบขนมทำจากผลไม้
ประโยคยอ่ ยทำหน้าท่ีขยายประธาน กรรม และ ส่วนเติมเตม็ ของประโยคหลกั (คณุ านุ
ประโยค) มีคำเชอ่ื ม ผ้,ู ท่ี, ซง่ึ , อนั
-เด็กทอ่ี ยู่ในหอ้ งข้าง ๆ กำลังรอ้ งเพลง
-นิชาเปน็ นกั เรยี นทไี่ ด้รับรางวลั เรยี นดี
ประโยคยอ่ ยทำหนา้ ที่ขยายคำกรยิ า หรอื คำวเิ ศษณ์ในประโยคหลัก (วิเศษณานปุ ระโยค)
มคี ำเช่ือม เมอ่ื , จน
-ฉนั กลบั บา้ นเมื่อแม่นอนแล้ว
-เธอพดู ช้าจนฉันง่วง
เปรียบเทยี บประโยคทั้ง ๓ แบบ
ประโยคความเดียว -นอ้ งกนิ ขนมอย่างมีความสุข พ่ีซื้อขนมมาจากต่างประเทศ
ประโยคความรวม -นอ้ งกินขนมอย่างมีความสุข เพราะพีซ่ ้ือขนมมาจากต่างประเทศ
ประโยคความซ้อน -น้องกนิ ขนมท่ีพซี่ ้อื มาฝากจากต่างประเทศอยา่ งมคี วามสุข
วธิ ีสังเกตโครงสร้างประโยคแบบงา่ ย ๆ
ประโยคความเดยี ว -มี ๑ประธาน ๑ กรยิ า ไม่มคี ำเชื่อม
ประโยคความรวม -มกี ริยามากกวา่ ๑ ตวั
มีประโยคมากกวา่ ๑ ประโยค มคี วามสำคัญเทา่ กัน -
-ตำแหนง่ ประโยคมักอยู่แยกจากกัน
มคี ำเช่อื มเชื่อมประโยคเขา้ ด้วยกนั คำเช่อื มจะบอกความสมั พนั ธ์ -
ระหวา่ งประโยค
ประโยคความซอ้ น -มีกรยิ ามากกว่า ๑ ตัว
มีประโยคมากกวา่ ๑ ประโยค มีประโยคหลกั และประโยคย่อยทำ -
หนา้ ท่ขี ยายสว่ นประกอบในประโยคหลัก
-ประโยคย่อยต้องมีคำกริยาด้วย
มีคำเชอ่ื มเช่ือมระหวา่ งประโยคดงั ท่ีกล่าวไว้แล้ว -
• แบบฝึกทักษะท่ี ๑
แบบฝึกทักษะท่ี ๑
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้
๑. ประโยคคอื ขอ้ ความทม่ี ใี จความสมบูรณม์ คี รบทงั้ ภาคประธาน และภาคแสดง ประโยคที่
สมบูรณ์จะต้องมสี ว่ นประกอบอย่างนอ้ ย ๒ สว่ น คือ
๑......................................................... .๒..........................................................
๒.แตบ่ างประโยคจะตอ้ งมสี ่วนประกอบ ๓ ส่วนจงึ จะสมบูรณ์ คือ
๑..........................................................
๒..........................................................
๓..........................................................
๓.ประโยคซบั ซอ้ น คอื อะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..
๔. ประโยคความซอ้ นทซ่ี ับซอ้ น หมายถงึ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..
๕. “เธออว้ นจนเดนิ ไมไ่ หว เพราะฉะน้ันเธอจงึ ควรลดน้ำหนักเพราะอาจจะมปี ัญหาสขุ ภาพ” จาก
ประโยคดังกลา่ วสามารถแยกเปน็ ประโยคความซ้อนไดอ้ ยา่ งไร
ประโยคความซ้อน……………………………………………
บทเชอ่ื ม…………………………………………………………
ประโยคความซอ้ น……………………………………………
• เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี ๑ เฉลยใบงาน
คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้
๑. ประโยคคือข้อความทม่ี ใี จความสมบรู ณม์ ีครบทัง้ ภาคประธาน และภาคแสดง ประโยคทีส่ มบรู ณ์จะตอ้ งมี
ส่วนประกอบอย่างน้อย ๒ สว่ น คือ
๑.ประธาน
๒.กรยิ า
๒.แต่บางประโยคจะตอ้ งมสี ว่ นประกอบ ๓ ส่วนจึงจะสมบรู ณ์ คือ
๑.ประธาน
๒.กรยิ า
๓.กรรม
๓.ประโยคซับซ้อน คืออะไร
ประโยคความเดยี ว ประโยคความรวม ประโยคซ้อนที่ขยายความให้ซับซ้อนยิง่ ขึน้
๔. ประโยคความซ้อนที่ซบั ซ้อน หมายถึง
เป็นประโยคทม่ี ีคำหรือกลุ่มคำมาขยายประโยคหลักหรอื ประโยคยอ่ ย มสี ว่ นยอ่ ยเป็นประโยคความ
รวมหรอื มีส่วนย่อยเป็นประโยคความซ้อน
๕. “เธออว้ นจนเดินไม่ไหว เพราะฉะน้นั เธอจึงควรลดนำ้ หนักเพราะอาจจะมปี ัญหาสขุ ภาพ” จากประโยค
ดงั กลา่ วสามารถแยกเปน็ ประโยคความซ้อนได้อยา่ งไร
ประโยคความซ้อน เธออว้ นจนเดินไม่ไหว
บทเชือ่ ม เพราะฉะนน้ั …จึง
ประโยคความซ้อน เธอควรลดนำ้ หนักเพราะอาจจะมีปญั หาสุขภาพ
• แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรียนรู้หลัก ประจักษภ์ าษา เรอ่ื ง ระดับภาษา
วิชาภาษาไทยพ้นื ฐาน ท๒๓๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
เวลาเรยี น ๒ คาบ ผสู้ อน นางสาวสภุ าพร แซอ่ ึ้ง นายปณั ณวชิ ญ์ ดวงโสภา
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
๒. ตัวช้ีวัด
ม.๓/๓ วเิ คราะห์ระดับภาษา
๓. จดุ ประสงค์
ดา้ นความรู้ )knowledge(
๓.๑ นกั เรยี นเข้าใจความหมายของระดับภาษา
ด้านทักษะ )practice (
๓.๒ นักเรยี นวเิ คราะหร์ ะดับภาษาได้
๓.๓ นกั เรยี นใช้ภาษาสอ่ื สารได้ถูกต้องตามระดบั ภาษา
ด้านเจคติ (attitude (
๓.๔ นักเรยี นมีความมุ่งม่นั ในการทำงาน
๔ .สาระสำคญั
ลักษณะสำคัญของภาษาเปน็ ๕ ระดับ ระดบั พธิ กี าร ภาษาระดบั ทางการ ภาษาระดบั ก่ึงทางการ
ภาษาระดบั ไมเ่ ป็นทางการ ภาษาระดับกันเอง
๕ .สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
๕.๑ ความสามารถในการคดิ
๕.๒ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๖ .คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
๖.๑ ใฝเ่ รียนรู้
๖.๒ มุง่ มนั่ ในการทำงาน
๗ .การออกแบบการจัดการเรียนรู้
ขัน้ ท่ี ๑ ขน้ั นำ
๑. อธบิ ายความหมายของระดับภาษาแตล่ ะชนิด
๒. เขยี นภาษาระดับภาษาสนทนา และระดบั ภาษาทางการ แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบว่ามีคำใดเป็น
ภาษาสนทนา และระดบั ภาษาทางการ ดังนี้
โรงหนัง ใบขับขี่ ใบรับรอง
โรงภาพยนตร์ ใบอนุญาตขับรถยนต์ หนงั สอื รับรอง
ข้ันท่ี ๒ ข้ันสอน
๒.๑ ครูอธิบายความหมายของระดบั ภาษาให้นักเรียนฟัง
๒.๒ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันคดิ คำทีใ่ ช้ในระดับภาษาทต่ี ่างกนั
๒.๓ ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดเรอ่ื งระดบั ภาษาเป็นรายบุคคล 30 นาที และเฉลยใบงาน
ข้นั ท่ี ๓ ขัน้ สรปุ
๓.๑ นักเรียน และครรู ว่ มกันสรุปความหมายของระดับภาษา
๓.๒ แจกใบงานที่2 เรื่องระดับภาษาให้นกั เรียนนำกลับไปทำเปน็ การบา้ น
๘. สอ่ื อุปกรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้
๑. ใบงานเรอื่ งระดับภาษา
๒. โปรเจ็คเตอร์
๙ .การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมอื ผปู้ ระเมนิ
การทำงานกลุ่ม เกมคล้องจองมอง ครู
ขอบเขตการวดั และประเมิน
นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในชนั้ เรียน การถามตอบ สัมผสั ครู
คำถาม
สังเกตพฤตกิ รรมการโต้ตอบของ ครู
นกั เรียน ใบงาน การตรวจใบงาน
นกั เรียนสามารถทำใบงานได้ถูกต้อง
๑๐. บนั ทกึ หลงั การสอน
ผลการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………..
ปญั หา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ……………………………..………….ผู้สอน
(............................................................)
• ใบความรู้ ท่ี ๑ ใบความรทู้ ่ี ๑
ระดบั ของภาษา
การใช้ภาษาขึ้นอยู่กบั กาลเทศะ สถานการณ์ สภาวะแวดลอ้ ม และสัมพนั ธภาพระหว่างบุคคล ซง่ึ อาจ
แบง่ ภาษาเปน็ ระดับตา่ งๆได้หลายลกั ษณะ เช่น (ภาษาระดับทเี่ ปน็ แบบแผนและไม่เปน็ แบบแผน),(ภาษาระดับ
พธิ กี าร ระดับกงึ่ พิธกี าร ระดับไมเ่ ป็นทางการ) ในชัน้ เรียนน้ี เราจะช้ลี ักษณะสำคญั ของภาษาเปน็ ๕ ระดบั
ดังน้ี
๑.ระดับพิธกี าร ใชส้ อื่ สารกนั ในทีป่ ระชมุ ทจี่ ัดข้ึนอย่างเปน็ ทางการ ไดแ้ ก่ การประชุมรัฐสภา การ
กล่าวอวยพร การกลา่ วตอ้ นรับ การกลา่ วรายงานในพิธีมอบปรญิ ญาบัตร ประกาศนยี บัตร การกลา่ วสดุดหี รือ
การกลา่ วเพื่อจรรโลงใจใหป้ ระจักษ์ในคณุ ความดี การกล่าวปิดพธิ ี เป็นต้น ผสู้ ง่ สารระดับนี้มักเป็นคนสำคญั
สำคัญหรอื มตี ำแหนง่ สูง ผ้รู บั สารมกั อยู่ในวงการเดยี วกนั หรอื เปน็ กลมุ่ คนสว่ นใหญ่ สมั พันธภาพระหว่างผู้ส่ง
สารกบั ผ้รู ับสารมีตอ่ กันอย่างเป็นทางการ สว่ นใหญผ่ ู้สง่ สารเปน็ ผ้กู ล่าวฝ่ายเดียว ไม่มีการโตต้ อบ ผกู้ ลา่ วมกั
ตอ้ งเตรยี มบทหรอื วาทนิพนธ์มาล่วงหน้าและมักนำเสนอดว้ ยการอ่านต่อหน้าที่ประชุม
๒.ภาษาระดบั ทางการ ใชบ้ รรยายหรอื อภิปรายอยา่ งเป็นทางการในท่ปี ระชมุ หรอื ใช้ในการเขยี น
ขอ้ ความทปี่ รากฏต่อสาธารณชนอยา่ งเป็นทางการ หนงั สือทใี่ ช้ตดิ ตอ่ กับทางราชการหรอื ในวงธรุ กจิ ผูส้ ง่ สาร
และผูร้ ับสารมักเป็นบุคคลในวงอาชพี เดียวกนั ภาษาระดบั นีเ้ ป็นการส่ือสารให้ไดผ้ ลตามจดุ ประสงคโ์ ดยยึดหลกั
ประหยดั คำและเวลาให้มากที่สุด
๓.ภาษาระดบั กึ่งทางการ คล้ายกบั ภาษาระดบั ทางการ แต่ลดความเปน็ งานเป็นการลงบ้าง เพื่อให้
เกิดสมั พนั ธภาพระหว่างผู้ส่งสารและผู้รบั สารซึ่งเปน็ บุคคลในกลุ่มเดยี วกนั มีการโตแ้ ย้งหรือแลกเปลย่ี นความ
คิดเห็นกนั เปน็ ระยะๆ มักใชใ้ นการประชมุ กลมุ่ หรอื การอภิปรายกล่มุ การบรรยายในชัน้ เรียน ข่าว บทความใน
หนังสอื พิมพ์ เน้ือหามกั เป็นความรทู้ ่วั ไป ในการดำเนนิ ชีวิตประจำวัน กิจธุระตา่ งๆ รวมถึงการปรึกษาหารือ
รว่ มกนั
๔.ภาษาระดับไมเ่ ป็นทางการ ภาษาระดับนม้ี ักใช้ในการสนทนาโตต้ อบระหว่างบุคคลหรือกลมุ่ บคุ คล
ไม่เกนิ ๔-๕ คนในสถานทแ่ี ละกาละท่ีไมใ่ ช่ส่วนตวั อาจจะเปน็ บุคคลทคี่ ้นุ เคยกัน การเขยี นจดหมายระหว่าง
เพอื่ น การรายงานข่าวและการเสนอบทความในหนังสือพิมพ์ โดยทว่ั ไปจะใช้ถอ้ ยคำสำนวนท่ีทำใหร้ ู้สึกคนุ้ เคย
กันมากกว่าภาษาระดับทางการหรือภาษาทใี่ ช้กันเฉพาะกลุ่ม เนื้อหาเปน็ เร่ืองทัว่ ๆไป ในการดำเนิน
ชวี ติ ประจำวนั กิจธุระต่างๆรวมถงึ การปรึกษาหารือหรอื ร่วมกนั
๕.ภาษาระดับกนั เอง ภาษาระดับน้ีมักใช้กันในครอบครวั หรอื ระหว่างเพื่อนสนิท สถานท่ใี ชม้ ักเป็น
พน้ื ท่สี ว่ นตวั เนือ้ หาของสารไมม่ ีขอบเขตจำกัด มักใช้ในการพดู จากนั ไมน่ ิยมบนั ทึกเป็นลายลักษณ์อกั ษร
ยกเว้นนวนยิ ายหรอื เร่ืองสัน้ บางตอนท่ีตอ้ งการความเปน็ จริง (การแบง่ ภาษาดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ มไิ ดห้ มายความ
ว่าแบ่งกันอย่างเด็ดขาด ภาษาระดับหน่ึงอาจเหลอื่ มลำ้ กับอกี ระดับหนึ่งก็ได้)
ขอ้ ควรสังเกตเก่ยี วกบั ความลดหล่นั ตามระดับภาษา
๑.ภาษาท่ใี ชใ้ นระดบั พิธีการ ระดับทางการและระดับกึง่ ทางการ คำสรรพนามท่ีใชแ้ ทนตนเอง (สรรพ
นามบุรุษที่ ๑) มักใช้ กระผม ผม ดิฉัน ข้าพเจ้า คำสรรพนามทใี่ ชแ้ ทนผู้รับสาร(สรรพนามบุรุษที่ ๒) มักจะใช้
ท่าน ท่านทง้ั หลาย สว่ นภาษาระดับที่ไมเ่ ป็นทางการและระดบั กันเอง ผู้สง่ สารจะใช้สรรพนาม ผม ฉนั ดิฉัน
กัน เรา หนู ฯลฯ หรอื อาจใช้คำนามแทน เชน่ นิด ครู หมอ แม่ พ่อ พี่ ป้า ฯลฯ
๒.คำนาม คำนามหลายคำเราใชเ้ ฉพาะในภาษาระดบั กึ่งทางการ ระดับไม่เป็นทางการและระดับ
กันเองเทา่ น้ัน หากนำไปใช้เป็นภาษาระดับทางการจะต่างกันออกไป เช่น โรงจำนำ>สถานธนานุเคราะห์
โรงพัก>สถานีตำรวจ หมู>สุกร ควาย>กระบอื รถเมล์>รถประจำทาง หมา>สุนัข เป็นต้น
๓.คำกรยิ า คำกริยาที่แสดงระดับภาษาต่างๆอยา่ งเหน็ ไดช้ ัด เช่น ตาย อาจใช้ ถงึ แก่กรรม เสยี ลม้ กนิ
อาจใช้ รับประทาน บริโภค
๔.คำวเิ ศษณ์ บางคำใช้คำขยายกรยิ า มักใชใ้ นระดับภาษาไม่เปน็ ทางการและระดบั กนั เองหรืออาจใช้
ในภาระดับกง่ึ ราชการก็ได้ คำวเิ ศษณ์เหลา่ นี้มักเป็นมักเป็นคำบอกลกั ษณะหรือแสดงความรู้สึก เชน่ เปรย้ี วจีด๊
เย็นเจย๊ี บ ว่งิ เต็มเหยยี ด ฟาดเต็มเหน่ยี ว เยอะแยะ ภาษาระดบั ทางการขึ้นมีใชบ้ ้าง เชน่ เปน็ อันมาก มาก
• แบบฝึกทักษะที่ ๑.๑
ใบงานที่ ๑.๑
เร่ือง ความแตกตา่ งของภาษากงึ่ ทางการ ภาษาทเี่ ปน็ ทางการ
คำช้ีแจง ให้นักเรียนแกไ้ ขคำจากภาษากง่ึ ทางการ ให้เป็นภาษาทเ่ี ป็นทางการ
ภาษาก่งึ ทางการ ภาษาทเี่ ป็นทางการ
๑. ด่ืมเหล้า .......................................................
๒. กนิ .......................................................
๓. ตตี รา .......................................................
๔. หวั .......................................................
๕. แสตมป์ .......................................................
๖. ใบรับรอง .......................................................
๗.ใบขบั ข่ี .......................................................
๘. โรงบาล .......................................................
๙. โรงหนงั .......................................................
๑๐. ปลงศพ .......................................................
• แบบฝกึ ทักษะที่ ๑.๒ ใบงานท่ี ๑.๒
คำส่ัง ให้นกั เรยี นวิเคราะห์ข้อความต่อไปน้ี แล้วเลือกใส่ระดับภาษาให้เหมาะสม
ระดบั พิธีการ ระดับทางการ ระดบั กง่ึ ทางการ ระดบั ไม่เปน็ ทางการ ระดบั กันเอง
๑. "ขอพระบรมเดชานภาพแหง่ สมเดจ็ พระบรุ พมหากษัตรยิ าธิรช จงคุค้ รองประเทศชาตแิ ละ
ประชาชาวไทยให้ฝานฟันภิบตั ทิ ัง้ ปวง อริรชศตั รภายนอกอยา่ ล่วงเขา้ ทำอนั ตรายได้ ศัตรูห่พาล
ภายในใหว้ อดวายฟายแฟ้ภัยตัว บันดาลความสขุ ความม่นั คงใหบ้ ังเกิดทว่ั มณฑล บันดาลความ
ร่มเย็นแก่อเนกกชนคบคามเขตขอบขณั ฑสมี า"
…………………………………………………………………………………………………………..
๒."ช่วงเรยี นอยใู่ นระดบั มธั ยม ผ้ทู ่มี ีความขยังมนั่ จะเข้ามหาวทิ ยาลัยให้ได้ จะได้สนใจส่ิงแวดลอ้ ม
รอบกายท้งั สิน้ ยกเวน้ สงิ่ ที่เขาคิดว่จะสามารถทำให้ขาสอบเขม้ หาวทิ ยาลัยได้ ชวี ิตนักเรยี นมัธยมจงึ
มแี ตูตวิ ติว และตวิ กีฬาฉนั ไม่เลน่ กิจกรรมฉันไม่มีเวลาทำ และยิ่งห้องสมุด ฉันไทราบวา่ จะเขไ้ ป
ทำไม เพราะเวลาทงั้ หมดจะต้องใชท้ ่องตำราอย่างเดียว แล้วก็มกั จะประสบ-ความสำเร็จตามท่ีคิด
เสยี ดว้ ยคอื สอบเขา้ มหาวิทยาลัยได"้
……………………………………………………………………………………………………………......
๓."เฮย้ ! ใครเอาหมาตายมาโยนไว้ในดูวะ เหม็นวายร้ายเลย" อีกคนหนงึ่ ค้านวา่ "ขา้ ไม่เห็น มหี มาน่ี
หวา่ " แหงนหนา้ ข้ึนทำจมูกย่น” ปบู่ ุญแกคงทำกับข้าวท้งิ ไว้จนบดู เหม็นเน่าละ่ มงั "
……………………………………………………………………………………………………………
๔."แพทย์หญิงรุ่นพีน่ ีห้ นังเหนยี วดีจรงิ แกเ่ ร็วตายยากกวา่ แพทยช์ ายถงึ ๒ เทา แพทย์ร่นุ นชี้ อบกล
ทพี่ ญามจั จุราชชอบแพทยช์ ายมากกว่า ผิดปกตจิ รงิ ๆ แพทย์ชายตายไปแล้ว ๒ คน แพทยห์ ญงิ
ตายไปเพียง ๒ คน"
………………………………………………………………………………………………………………..
๕.บทละครไทยเปน็ อีกรปู แบบหนงึ่ ของวรรณกรรมไทย บทละครของไทยเปน็ วรรณกรรมท่ี
ประพนั ธข์ ึน้ ทงั้ เพ่อื อ่านและเพอ่ื แสดง รปู แบบที่นิยมกนั มาแต่เดมิ คือบทละครรำ ต่อมาการ
ปรบั ปรุงละครรำใหท้ ันสมัยขึ้นตามความนิยมแบบตะวันตก จึงมรี ปู แบบไหมกดิ ขน้ึ ได้แก่ ละครดกึ
ดำบรรพ์ ละครพนั ทาง เป็นตน้ นอกจากน้ีงมกี ารรบั รูปแบบละครจากตะวนั ตกมาดดั แปลงให้เข้า
กบั สงั คมไทยและวฒั นธรรมไทย ทำให้การละครไทยพัฒนาข้ึนโดยมกี ระบวนการแสดงท่แี ตกตา่ ง
ไปจากละครไทยทมี่ ีอยู่ มาเป็นละครรอ้ ง ละครพดู และละครสงั คีต"
………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลยใบงานท่ี ๑.๑
เรือ่ ง ความแตกต่างของภาษาก่ึงทางการ ภาษาทเ่ี ปน็ ทางการ
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนแกไ้ ขคำจากภาษากงึ่ ทางการ ใหเ้ ป็นภาษาทีเ่ ปน็ ทางการ
ภาษาก่ึงทางการ ภาษาทเี่ ป็นทางการ
๑. ด่ืมเหล้า .....................ด...ม่ื ..ส..ุร..า.........................
๒. กนิ .....................ร..บั...ป..ร..ะ..ท..า..น...................
๓. ตตี รา .....................ป...ร..ะ.ท...ับ..ต...ร.า...................
๔. หัว ..........................ศ..ีร..ษ..ะ.......................
๕. แสตมป์ .....................ต...ร.า..ไ..ป..ร..ษ..ณ....ยี ..ก..ร............
๖. ใบรบั รอง ..................ห...น..งั..ส..ือ..ร..ับ..ร..อ..ง..................
๗.ใบขับขี่ ..................ใ.บ...อ..น..ญุ....า.ต...ข..ับ..ร..ถ...............
๘. โรงบาล .....................โ..ร..ง.พ...ย..า..บ..า..ล..................
๙. โรงหนัง .....................โ.ร..ง..ภ..า..พ...ย..น..ต..ร..์ ..............
๑๐. ปลงศพ
..........................ฌ...า..ป..ก..จิ..ศ...พ...............
เฉลยใบงานท่ี ๑.๒
คำส่ัง ให้นักเรียนวิเคราะห์ข้อความต่อไปนี้ แล้วเลอื กใส่ระดับภาษาใหเ้ หมาะสม
ระดับพิธีการ ระดบั ทางการ ระดับก่ึงทางการ ระดบั ไมเ่ ปน็ ทางการ ระดบั กนั เอง
๑. "ขอพระบรมเดชานภาพแหง่ สมเดจ็ พระบุรพมหากษัตริยาธิรช จงคุ้ครองประเทศชาตแิ ละ
ประชาชาวไทยให้ฝานฟันภิบตั ิทง้ั ปวง อรริ ชศตั รภายนอกอย่าล่วงเขา้ ทำอนั ตรายได้ ศัตรหู ่พาล
ภายในให้วอดวายฟายแฟภ้ ยั ตัว บันดาลความสุขความมัน่ คงใหบ้ ังเกดิ ท่ัวมณฑล บนั ดาลความ
รม่ เยน็ แกอ่ เนกกชนคบคามเขตขอบขณั ฑสมี า"
…………………………………………………ร…ะด…ับ…พ…ธิ …กี า…ร………………………………………..
๒."ชว่ งเรยี นอยู่ในระดับมัธยม ผู้ทีม่ คี วามขยังมน่ั จะเข้ามหาวิทยาลัยใหไ้ ด้ จะได้สนใจสิ่งแวดล้อม
รอบกายทงั้ สิ้นยกเวน้ ส่งิ ท่เี ขาคดิ ว่จะสามารถทำใหข้ าสอบเข้มหาวทิ ยาลัยได้ ชีวิตนักเรียนมัธยมจึง
มีแตูตวิ ติว และตวิ กฬี าฉนั ไม่เลน่ กิจกรรมฉันไม่มเี วลาทำ และย่งิ ห้องสมุด ฉันไทราบว่าจะเขไ้ ป
ทำไม เพราะเวลาท้ังหมดจะตอ้ งใชท้ ่องตำราอยา่ งเดียว แลว้ กม็ ักจะประสบ-ความสำเร็จตามทีค่ ิด
เสียด้วยคอื สอบเขา้ มหาวิทยาลยั ได"้
………………………………………………………ร…ะ…ดบั…ก…งึ่ …ทา…งก…า…ร………………………………......
๓."เฮ้ย! ใครเอาหมาตายมาโยนไว้ในดูวะ เหมน็ วายร้ายเลย" อกี คนหนง่ึ ค้านว่า "ข้าไม่เห็น มหี มาน่ี
หวา่ " แหงนหน้าขึ้นทำจมูกยน่ ” ปู่บุญแกคงทำกับขา้ วทิง้ ไว้จนบูดเหม็นเนา่ ละ่ มงั "
……………………………………………………………ร…ะด…ับ…ก…นั เ…อง…………………………………
๔."แพทยห์ ญงิ รุ่นพ่ีน้ีหนงั เหนียวดีจริง แก่เร็วตายยากกวา่ แพทย์ชายถงึ ๒ เทา แพทยร์ ุน่ นี้ชอบกล
ท่พี ญามัจจุราชชอบแพทย์ชายมากกว่า ผดิ ปกติจริงๆ แพทยช์ ายตายไปแลว้ ๒ คน แพทย์หญงิ
ตายไปเพยี ง ๒ คน"
……………………………………………………ร…ะ…ดบั…ไ…ม…่เป็…น…ทา…งก…า…ร………………………………..
๕.บทละครไทยเปน็ อกี รูปแบบหนงึ่ ของวรรณกรรมไทย บทละครของไทยเป็นวรรณกรรมที่
ประพันธข์ นึ้ ทั้งเพือ่ อา่ นและเพื่อแสดง รูปแบบทีน่ ยิ มกนั มาแต่เดมิ คอื บทละครรำ ต่อมาการ
ปรับปรุงละครรำให้ทนั สมัยขน้ึ ตามความนยิ มแบบตะวันตก จึงมรี ูปแบบไหมกดิ ขน้ึ ได้แก่ ละครดกึ
ดำบรรพ์ ละครพนั ทาง เป็นต้นนอกจากนี้งมกี ารรับรูปแบบละครจากตะวันตกมาดดั แปลงใหเ้ ข้า
กับสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ทำใหก้ ารละครไทยพฒั นาข้นึ โดยมีกระบวนการแสดงทแี่ ตกตา่ ง
ไปจากละครไทยทีม่ ีอยู่ มาเป็นละครร้อง ละครพูด และละครสงั คีต"
……………………………………………………………ร…ะด…ับ…ท…าง…กา…ร…………………………………..
• แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔
รหัสวชิ า ท๒๓๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทยพ้นื ฐาน จำนวน ๑๕ หน่วยกติ
เรอื่ ง คำทับศัพทแ์ ละศัพท์บัญญตั ิ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ ภาษาต่างประเทศทใี่ ช้ในภาษาไทย
เวลา ๕๐ นาที
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓
ชอื่ ครผู ู้สอน ๑.นางสาวสภุ าพร แซ่อึ้ง ๒.นายปัณณวชิ ญ์ ดวงโสภา
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวชว้ี ดั
ตัวชีว้ ดั ขอ้ ม. ๓/๔ ใชค้ ำทบั ศพั ท์และศัพท์บัญญตั ิ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกความหมายของคำทับศพั ท์และคำศัพท์บัญญัติได้
๑. วิเคราะห์คำทบั ศัพท์และคำศัพท์บญั ญตั ิได้
สาระสำคัญ
คำทับศัพท์ คือ คำในภาษาไทยท่ีมีรากมาจากภาษาอ่ืนโดยเอามาใชท้ ้ังคำซึ่งการออกเสยี งอาจเพี้ยนไป
จากเดมิ เลก็ น้อยแต่การเขยี นเป็นการเขียนดว้ ยภาษาไทย ศพั ท์บัญญัติ คือ คำศัพท์ ที่กำหนดขนึ้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็
มาตรฐานในการเขยี นเอกสารของทางราชการ และการเรยี นการสอน
สาระการเรยี นรู้
คำทบั ศัพท์ และคำศัพทบ์ ัญญัติ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. ใฝเ่ รยี นรู้
๒. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
สมรรถนะสำคัญ
ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์
กจิ กรรมการเรียนรู้
กิจกรรมนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น
๑. ครูให้นักเรียนดูรปู ภาพท่เี ป็นคำทับศัพท์ และศัพท์บญั ญตั ิ ได้แก่ ทางด่วน ไฟฟ้า วฒั นธรรม เซน็
คปู อง คลนิ ิก ไอศกรีม โควตา แล้วใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์จากส่งิ ทเี่ ห็น
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
๑. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน
๒. ครูให้เรยี นลองวิเคราะห์คำยืมภาษาอังกฤษในบทประพันธ์ จากเรอ่ื งนริ าศลอนดอน ความวา่
ตะวนั ชายบา่ ยประมาณสกั โมงเศษ จำจากเขตกรงุ ไทยมไหศวรรย์
ฝา่ ยอังกฤษตวั ดที ี่กปั ตัน ให้ชว่ ยกันถอนสมอจะจรลี
เอนชะเนียนายจักรก็ศักดิ์สิทธ์ิ ใส่ไฟติดน้ำพลัง่ ดังฉฉ่ี ี่
สะกรูหันผนั พัดในนัทที เรือกร็ ่เี ร็วควา้ งไปกลางชล
(หมอ่ มราโชทัย ม.ร.ว.กระตา่ ย อิศรางกูร ณ อยธุ ยา)
จากพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนหน่ึง
(จากเอกสารอ้างอิง [๔] หน้า ๗๑) ว่า “ให้มาประชุมที่หอมิวเซียมในวนั ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๘ ปฤกษาด้วยเรื่องท่ี
จะจดั การรักษาดา่ นเมืองตาก ตรวจข้อบงั คับนายด่านซ่งึ พระยาสุจริตรกั ษาทำ แลตรวจกฎหมายโปลิศซง่ึ ไดร้ า่ ง
ขึ้นไวใ้ นทปี่ ระชุมเคานซ์ ลิ แต่คร้งั กอ่ น”
๓. ครูใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั คำทับศพั ท์และคำศัพท์บญั ญัติ โดยใช้ใบความรเู้ รอ่ื ง “คำทบั ศัพท์และศัพท์
บญั ญัต”ิ
๕. หลังจากนัน้ ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรอื่ งคำทบั ศัพท์และคำศัพท์บญั ญตั ิ ตอนที่ ๑ และตอนท่ี ๒
พรอ้ มส่งใหค้ รูตรวจ
ส่อื การเรียนการสอน
๑. แบบฝกึ หัดเร่ือง “คำทับศัพท์และคำศพั ทบ์ ญั ญัติ”
๒. ใบความรเู้ รือ่ ง “คำทับศัพท์และศัพท์บญั ญตั ิ”
๓. แบบทดสอบก่อนเรยี น “คำทับศพั ท์และศัพท์บัญญตั ”ิ
แหล่งเรยี นรู้
๑. หนงั สือเรียนวิวธิ ภาษา กระทรวงศึกษาธกิ าร
๒. http://.www.stv.ac.th เน้ือหาคำทบั ศพั ทแ์ ละคำศัพท์บญั ญัติ
การวดั และประเมินผล
เปา้ หมาย หลกั ฐาน เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
สาระสำคญั ถูกให้ ๑ คะแนน
ผิดให้ ๐ คะแนน
ความเจรญิ ก้าวหนา้
ถกู ให้ ๑ คะแนน
ทางด้านเทคโนโลยีทำให้เรา ผดิ ให้ ๐ คะแนน
ทำงานครบถ้วน
สามารถติดต่อสอื่ สารถึงกนั ใบกิจกรรมเรื่อง “คำ แบบประเมินคะแนนใบ เรียบร้อย และถูกต้อง
ไดอ้ ยา่ งไร้พรมแดน ฉะนน้ั ทับศพั ท์และคำศัพท์ กิจกรรมเร่ือง “คำทบั ถกู ให้ ๑ คะแนน
ในภาษาไทยของเราจึงมีคำ บัญญตั ”ิ ศพั ท์และคำศัพท์ ผิดให้ ๐ คะแนน
ทับศัพท์ ศัพทบ์ ญั ญัติ บัญญัติ”
เกิดขน้ึ เราจงึ จำเป็นต้อง
รจู้ กั และทราบความหมาย
ของคำเหล่านี้จึงจะส่ือสาร
กนั ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
ตัวช้วี ดั ใบกิจกรรมเร่ือง “คำ แบบประเมนิ คะแนนใบ
ใช้คำทับศัพทแ์ ละศัพท์ ทบั ศัพท์และคำศัพท์ กิจกรรมเรื่อง “คำทับ
บัญญัติ บญั ญัต”ิ ศัพท์และคำศัพท์
บัญญัติ”
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใบกิจกรรมเรื่อง “คำ แบบประเมินคะแนนใบ
๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ทับศัพท์และคำศัพท์ กิจกรรมเร่ือง “คำทับ
๒. มุ่งมั่นในการทำงาน บญั ญตั ”ิ ศัพท์และคำศัพท์
บญั ญตั ”ิ
สมรรถนะ ใบกิจกรรมเรื่อง “คำ แบบประเมินคะแนนใบ
ความสามารถในการคิด ทับศัพท์และคำศัพท์ กิจกรรมเรื่อง “คำทับ
เป็นความสามารถในการคิด บัญญัติ” ศัพท์และคำศัพท์
วิเคราะห์ บญั ญตั ”ิ
บันทึกหลังสอน
๑. ผลการสอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๓. ขอ้ เสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
ช่อื -สกลุ นกั เรยี น...........................................................................หอ้ ง..............................เลขท่ี.......................
คำชีแ้ จง : ให้ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓
ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดับคะแนน
คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อนั พงึ ประสงค์ ๓ ๒ ๑๐
๑. ใฝห่ าความรู้ ๑.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรียนรูต้ ่างๆ
๑.๒ มกี ารจดบนั ทกึ ความรูอ้ ย่างเป็นระบบ
๑.๓ สรปุ ความรไู้ ดอ้ ย่างมเี หตุผล
๒ .มงุ่ มัน่ ในการ ๒.๑ มีความต้งั ใจ และพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
ทำงาน ๒.๒ มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสำเรจ็
ลงช่อื ผปู้ ระเมิน......................................................................
(.....................................................................)
....................../................................/ ...........
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน สรุปผลการประเมิน ผา่ น
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ ๑ คะแนน ระดบั ดีเยี่ยม ดี ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
- พฤติกรรมท่ไี มไ่ ด้ปฏบิ ตั ิ ให้ ๐ คะแนน
ไมผ่ า่ น ระดับ ปรบั ปรงุ
รอ้ ยละ ๕๐ - ๖๖ ระดบั คณุ ภาพ ดีเยย่ี ม (๓)
รอ้ ยละ ๔๐ - ๔๙ ระดบั คุณภาพ ดี (๒)
ร้อยละ ๒๐ - ๓๙ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ (๑)
ร้อยละ ๐ - ๑๙ ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง (๐)
แบบประเมินสมรรถนะของผูเ้ รียน
ชอ่ื -สกุล เดก็ ชาย/เดก็ หญิง ................................................................................................. เลขที่...................
คำช้ีแจง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียน แลว้ ทำเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคุณภาพ
ระดบั คณุ ภาพ
สมรรถนะดา้ น รายการประเมนิ ดี ดี พอใ ปรั สรปุ ผล
มา (๒) ช้ บป การ
ก (๑) รุง ประเมนิ
(๓) (๐)
๑. ๑.๑ มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์
ความสามาร สงั เคราะห์ ดีมาก
ถในการคิด ๑.๒ มที ักษะในการคิดนอกกรอบอยา่ ง
ดี
สร้างสรรค์
๑.๓ สามารถคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ พอใช้
๑.๔ มีความสามารถในการสร้างองคค์ วามรู้
๑.๕ ตดั สินใจแกป้ ญั หาเก่ียวกับตนเองได้อย่าง
ปรับปรงุ
เหมาะสม
สรปุ ผลการประเมนิ สมรรถนะทั้ง ๕ ด้าน อยูใ่ นระดบั คุณภาพ
ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
ลงชื่อ....................................................................ผู้ประเมนิ
(........................................................)
วัน เดือน ปี ท่ีประเมิน........................................................
เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คุณภาพ
ดีมาก หมายถงึ พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบตั ินัน้ ชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ระดบั ๓ คะแนน
ดี หมายถงึ พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตินั้นชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ระดับ ๒ คะแนน
พอใช้ หมายถงึ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ระดับ ๑ คะแนน
ตอ้ งปรบั ปรงุ หมายถงึ ไม่เคยปฏบิ ัติพฤติกรรมน้ันเลย ให้ระดับ ๐ คะแนน
เกณฑ์การสรปุ ผล ใชห้ ลกั การหาค่ากลางแบบฐานนยิ ม (MODE)
• แบบทดสอบก่อนเรยี น ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓
แบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง คำทบั ศพั ทแ์ ละศัพทบ์ ัญญตั ิ เวลา ๒๐ นาที
รายวชิ า ท ๒๓๑๐๑ ภาษาไทยพน้ื ฐาน
จำนวน ๑๐ ข้อ
คำช้แี จง ใหท้ ำเครอื่ งหมาย เลือกคำตอบที่ถูกท่สี ุดลงในกระดาษคำตอบ
๑. เหตุใดภาษาอังกฤษจึงได้รับความนิยม ๔. คำในข้อใดเปน็ การเปลย่ี นเสียงและคำใน
มากทส่ี ุด ภาษาไทย
ก. ใชเ้ ฉพาะวงการศึกษา ก. คัตชู (court shoes)
ข. ใชเ้ รียกชื่ออาหาร ข. เช้ิต (shirt)
ค. ใชต้ ิดต่อสือ่ สาร ค. เรือบด (boat)
ง. ใช้ตดิ ต่อเฉพาะกับชาวอังกฤษ ง. ทมี (team)
๒. เหตุใดภาษาอังกฤษจึงเข้ามาปะปน ๕. ขอ้ ใดไม่ใชค่ ำทับศพั ท์ภาษาอังกฤษ
ในภาษาไทย ก. เกม (game)
ข. โทรศัพท์ (television)
ก. การคา้ ขายกบั ชาติตะวันตก ค. การ์ตนู (cartoon)
ข. ถกู บังคับให้เรียนภาษาองั กฤษ ง. ฟารม์ (farm)
ค. การรับวัฒนธรรมตะวนั ตกเขา้ มา
ง. การตกเป็นอาณานคิ มของตะวันตก ๖. คำในขอ้ ใดทภ่ี าษาไทยนำมาใช้โดยการตดั คำ
ก. ตวิ (tutor)
๓. ภาษาไทยมีโครงสร้างของภาษาแตกต่าง ข. วารสาร (journal)
จากภาษาองั กฤษอยา่ งไร ค. ฟลิ ม์ (film)
ง. สนามบิน (airport)
ก. ภาษาไทยเปน็ คำหลายพยางค์
ข. ภาษาไทยเป็นภาษาทม่ี วี ิภัตตปิ ัจจยั ๗. คำวา่ “โก” (goal) เปน็ คำลกั ษณะใด
ค. ภาษาไทยมพี ยางคท์ นี ำมาประกอบ ก. ลากเขา้ ความ
ข. คำทบั ศพั ท์
ท้ายคำ ค. การเปล่ียนเสียงและคำ
ง. ภาษาไทยเปน็ คำโดด ง. การตัดคำ
๘. ข้อใดใชค้ ำภาษาไทยแปลคำภาษาองั กฤษ
ก. เอน็ (entrance)
ข. รถเมล์ (bus)
ค. โกโก้ (cocoa)
ง. โบนสั (bonus)
๙. คำยมื ที่มาจากภาษาองั กฤษในข้อใดนำมาใช้
กับคำศพั ทท์ างวิชาการ
ก. ครีม (cream)
ข. ฟตุ บอล (football)
ค. เทนนสิ (tennis)
ง. มลพิษ (pollution)
๑๐. คำกริยาข้อใดเป็นคำยืมที่มาจาก
ภาษาองั กฤษ
ก. โซฟา (sofa)
ข. สกี (ski)
ค. เซอรเ์ วย์ (survey)
ง. คัตเตอร์ (cutter)
• ใบความรู้
ใบความรู้
เร่ือง คำยมื ทม่ี าจากภาษาองั กฤษ
ภาษาอังกฤษ เปน็ ภาษามีวภิ ัตติปัจจยั อยู่ในตระกลู อนิ โดยูโรเปียน ภาษาองั กฤษได้รบั ความนยิ มใชเ้ ป็น
ภาษาเพื่อการส่ือสารมากทส่ี ดุ มปี ระเทศตา่ ง ๆ ยอมรับภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาราชการ และกลายเป็นภาษาสากล
ของชาวโลก คนไทยได้ศึกษาภาษาอังกฤษเป็นภาษาทส่ี อง จนภาษาอังกฤษเขา้ มามอี ิทธิพลต่อชีวติ ของคนไทยมาก
ข้นึ ภาษาองั กฤษเขา้ มาปะปนกบั ภาษาไทย เพราะการเขา้ มาเจรญิ สมั พันธไมตรคี ้าขาย เผยแพรว่ ทิ ยาการความรู้
การศึกษาตา่ ง ๆ เผยแพร่ศาสนา การแสวงหาอาณานิคมของประเทศตะวันตก
เกรด็ ความรู้ คำยืมที่มาจากภาษาองั กฤษจงึ หลงั่ ไหลเขา้ มาในภาษาไทย ท้ังในวงการศึกษา ธุรกิจ การเมอื ง
การบนั เทิง เป็นต้น คนไทยบางคนนยิ มพดู ภาษาไทยปนฝร่ังกันอย่างแพร่หลาย
สาเหตุทที่ ำให้ภาษาอังกฤษ เข้ามาปะปนในภาษาไทย คำยมื ท่มี าจากภาษาองั กฤษ เกิดขึ้นเน่ืองจากการ
เขา้ มาของชาติตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษท่ีเริม่ เขา้ มาแสวงหาอาณานคิ มในทวีปเอเชีย ในช่วงเวลาเดียวกนั องั กฤษ
ได้พยายามเขา้ มาเจรจาการค้ากบั ไทยในสมัยรัชกาลที่ ๒ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และเกดิ สนธิสญั ญาทางการค้าฉบบั
แรกขน้ึ ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ เวลานน้ั กล่มุ ชนช้นั ผ้นู ำของไทย ทง้ั พระบรมวงศานุวงศ์ และขนุ นาง ตา่ งเห็นความสำคญั
ของภาษาอังกฤษ จึงเริ่มมีการเรยี นภาษาองั กฤษและมีการนำคำภาษาองั กฤษมาใช้ทับศัพท์ในคำทีภ่ าษาไทยไม่มใี ช้
ทำใหเ้ กดิ การยืมคำภาษาองั กฤษเปน็ ครงั้ แรก แต่มกี ารเปล่ียนแปลงเสยี งให้เหมาะกบั การออกเสยี งในภาษาไทย เชน่
กดั ฟนั มนั สยาม มาจาก Government Siam ช่อื บคุ คลในสมัยนั้นกม็ ีการเรียกตามสำเนียงไทย เชน่ หันตรา บารนี
มาจาก Henry Burney
สมัยรัชกาลที่ ๔ - ๖ ประเทศไทยเปิดรับวัฒนธรรมตะวนั ตกเข้ามา เพื่อพฒั นาประเทศใหม้ คี วามเท่าเทยี มกบั
อารยประเทศ เชน่ การส่งนักเรยี นไปศึกษาต่อยังตา่ งประเทศ การตดิ ต่อสอ่ื สารระหว่างประเทศ จึงทำใหม้ ีคำยมื ท่มี า
จากภาษาอังกฤษมากข้นึ โดยเฉพาะในดา้ นของเทคโนโลยีและการส่อื สาร
รไู้ หมว่า...
เรายืมคำภาษาอังกฤษมาใช้ ๖ ลักษณะ คอื ทบั ศพั ท์ ทับศัพทเ์ สียงเปลย่ี นไป ใช้คำไทยแปล ใช้คำบาลี –
สนั สกฤตหรอื คำอังกฤษซ้อนหรือประสมกบั คำไทย และเปล่ยี นความหมาย
การสงั เกตคำยมื ท่มี าจากภาษาองั กฤษ
ภาษาอังกฤษมีลักษณะโครงสรา้ งทางภาษาแตกตา่ งจากภาษาไทย เพราภาษาไทยเปน็ ภาษาคำโดด แต่
ภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาที่มีวิภัตตปิ ัจจัย คือ มีพยางค์ที่นำมาประกอบทา้ ยศัพท์ เพื่อให้ร้หู นา้ ที่และความเกีย่ วข้องของ
คำในประโยค
การใชค้ ำภาษาองั กฤษในภาษาไทย
๑. ลากเขา้ ความ เปน็ วธิ ีการของคนสมัยก่อนทย่ี ังไม่คุ้นเคยกบั ภาษาอังกฤษจงึ ลากเสยี ง และความหมายเข้าหา
เสยี งทตี่ นคุ้นเคย เช่น
Court shoes คัตชู (รองเท้าห้มุ สน้ )
Lemonade นำ้ มะเน็ด (น้ำมะนาว)
Uniform ยนู ิฟอร์ม (เครอ่ื งแบบ)
Packing ปะเกน็ (แผ่นอัดสำหรับเคร่ืองจักรหรอื เครอื่ งยนต)์
Coffee กาแฟ
Croton โกสน
Bradley บลดั เล
Beater อเี ต้อ (เคร่อื งทุบตอ่ ย)
๒. การเปลย่ี นเสยี งและคำใช้สะกด ในการออกเสยี งภาษาไทย เชน่
England อังกฤษ Boat เรอื บด
France ฝร่งั เศส Goal โก
Raj pattern ราชปะแตน Pipe แป๊บ
Cook Civilize
Sign กุก๊ Statistic ศิวไิ ลซ์
เซน็ สถติ ิ
๓. การทบั ศัพท์ ภาษาองั กฤษด้วยภาษาไทย ไมม่ ีการเปลี่ยนรปู คำหรือเสียง เช่น
Shirt เชติ้ Taxi แทก็ ซี่
Suit สทู Bonus โบนัส
Lipstick ลปิ สติก Pump ปั๊ม
Team ทีม Battery แบตเตอรี่
Kiwi กวี ี Term เทอม
Check เชค็ Fashion แฟช่ัน
Game เกม Cartoon การต์ ูน
Cocoa โกโก้ Ice – cream ไอศกรมี
Credit เครดติ Film ฟลิ ์ม
Farm ฟารม์ Cock กอ๊ ก
๔. การบญั ญตั ิศัพท์ ข้นึ ใช้ในวงการตา่ ง ๆ เชน่
Revolution ปฏวิ ัติ Experience ประสบการณ์
Reform ปฏิรปู Television โทรทศั น์
Engineer วศิ วกร สโมสร
องค์กร Club ภูมหิ ลัง
Organization เครือ่ งพิมพด์ ีด Background วีดทิ ศั น์
Typewriter วัฒนธรรม พัฒนาการ
ตูเ้ ย็น Video วารสาร
Culture ศลี ธรรม Development
Refrigerator หลักสตู ร มหาวทิ ยาลัย
Journal สนามบิน
Morals University
Curriculum Airport
๕. การตดั คำ หมายความวา่ คำภาษาอังกฤษมีหลายพยางค์ ไทยนำมาใชโ้ ดยการตดั บางพยางค์ออก ทำให้ส้ันลงแต่
ยงั ไดค้ วามเหมอื นเดมิ เชน่
Kilometer กโิ ล มาตราวัดความยาว
Kilogram โล มาตราช่ังน้ำหนัก
Double เบิ้ล การเพ่ิมเป็นสองเท่า
Microphone ไมค์ เครื่องขยายเสยี ง
Number เบอร์ เลขท่ี
Champion แชมป์ ผชู้ นะเลิศ
Uniform ฟอร์ม เครื่องแบบ
Air-Conditioner แอร์ เครื่องปรบั อากาศ
Air-hostess แอร์ พนกั งานตน้ รบั บนเคร่ืองบิน
Badminton แบด กีฬาชนดิ หนึง่
Football บอล กฬี าชนิดหนึ่ง
Psychology ไซโค จิตวิทยา
Tutor ตวิ สอนพเิ ศษนอกเหนือเวลาปกติ
Entrance เอน็ การสอบคัดเลอื กเขา้ มหาวทิ ยาลยั
Basketball บาส กีฬาชนิดหน่ึง
Racket แร็ก ไมต้ ลี กู ขนไกห่ รอื ลกู บอล