แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 2/2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ เร่ือง แมเ่ หล็กกบั แม่เหล็ก
สอนวันท่ี 19 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สปั ดาห์
ผ้สู อน นางสาวพรสุดา โลมา โรงเรยี นน้ำริดราษฎรบ์ ำรุง
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคล่อื นทีแ่ บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรงสัมผัสและแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุ โดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิง
ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/4)
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ระบุคุณสมบัติของแมเ่ หล็กท่ีแตกตา่ งจากวัตถุอื่นได้ (K)
2. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะของแรงแม่เหลก็ ได้ (K)
3. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ีเ่ ก่ยี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนำความรเู้ รื่องแมเ่ หล็กและแรงแม่เหล็กไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ (P)
4. สาระสำคญั
แรงแม่เหล็กเป็นแรงไม่สัมผสั ทเี่ กิดขนึ้ ระหวา่ งแม่เหลก็ กับแม่เหลก็ หรือแม่เหล็กกับสารแม่เหลก็
5. สาระการเรียนรู้
แรงไม่สัมผัส
– แรงแม่เหล็ก
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน
สงั เกตลกั ษณะของแรงแมเ่ หล็ก
9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น
1) ครูนำแม่เหลก็ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ถามคำถามนักเรยี น เชน่
– นกั เรยี นเคยเหน็ วัตถุนห้ี รอื ไม่ (แนวคำตอบ เคย)
– วัตถนุ เ้ี รยี กวา่ อะไร (แนวคำตอบ แม่เหลก็ )
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง
แมเ่ หลก็ และแรงแม่เหลก็
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) รว่ มกบั แบบกลับดา้ น ช้ัน
เรียน (flipped classroom) ซึ่งมีขน้ั ตอนดังน้ี
1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามคำถามนกั เรยี นเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เชน่
– แม่เหล็กมีคุณสมบัติแตกต่างจากวัตถุอื่นอย่างไร (แนวคำตอบ แม่เหล็กสามารถดึงดูดหรือผลัก
แม่เหลก็ ดว้ ยกันและดงึ ดูดสารแมเ่ หลก็ ได)้
(2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเก่ยี วกับคำถามตามความคิดเห็นของแตล่ ะคน
2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องแม่เหล็กและแรงแม่เหล็ก จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย
อธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่า แมเ่ หล็ก คือ วัตถุท่ีสามารถดึงดดู หรือผลักแมเ่ หล็กดว้ ยกันได้และยังสามารถดึงดูดสาร
แม่เหล็ก เรียกแรงดึงดูดหรอื แรงผลักของแม่เหล็กนี้ว่า แรงแมเ่ หลก็ แม่เหลก็ มี 2 ขวั้ คือ ขวั้ เหนือและขั้วใต้ โดยขั้ว
เหนือแทนด้วยสีแดง สญั ลกั ษณ์ N และขัว้ ใต้แทนดว้ ยสนี ้ำเงนิ สญั ลักษณ์ S
(2) ครูแบง่ นักเรยี นกลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม สงั เกตลักษณะของแรงแม่เหลก็ ตามขน้ั ตอน ดังนี้
– นำแม่เหล็ก 2 แท่ง ที่มีขั้วเหมือนกันมาวางห่างกัน 2 เซนติเมตร แล้วปล่อยมือจากแม่เหล็กแท่ง
หน่งึ สังเกตสิ่งทีเ่ กดิ ข้ึน จากนน้ั วาดรปู เปรียบเทยี บตำแหนง่ ของแมเ่ หลก็ กอ่ นและหลังปล่อยมือ
– ดำเนนิ การเชน่ เดยี วกับขั้นตอนท่ี 1 แตห่ ันขัว้ แมเ่ หล็กตา่ งกนั เข้าหากัน
– ดำเนินการเชน่ เดียวกับขั้นตอนที่ 1 แตเ่ ปลยี่ นแมเ่ หลก็ แท่งหน่ึงเป็นลวดเสยี บกระดาษ
(3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้
นักเรียนทุกคนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา
3) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
(1) นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรยี น
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
– เมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่ง ที่มีขั้วเหมือนกันเข้าใกล้กันจะเกิดสิ่งใดขึ้น (แนวคำตอบ แม่เหล็กทั้ง 2
แท่ง ผลักกัน)
– เมื่อนำแม่เหล็ก 2 แทง่ ทม่ี ขี ว้ั ต่างกนั เขา้ ใกล้กนั จะเกิดส่ิงใดข้ึน (แนวคำตอบ แมเ่ หลก็ ทงั้ 2 แท่ง
ดึงดูดกนั )
– เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้กับลวดเสียบกระดาษจะเกิดสิ่งใดขึ้น (แนวคำตอบ แม่เหล็กดึงดูดลวด
เสยี บกระดาษให้เคล่อื นทีเ่ ขา้ หาแมเ่ หล็ก)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แม่เหล็กเป็น
วัตถุที่สามารถดึงดูดหรือผลักแม่เหล็กด้วยกันและสามารถดึงดูดสารแม่เหล็กได้ เรียกแรงดึงดูดหรือแรงผลักของ
แมเ่ หล็กนีว้ ่า แรงแม่เหล็ก
4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปร่างของแม่เหล็ก ให้นักเรียนเข้าใจว่า แม่เหล็กมีรูปร่างแตกต่างกัน เช่น
รูปเกอื กม้า รูปแท่งสเ่ี หล่ยี ม รูปวงแหวน และรูปทรงกระบอก
(2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแม่เหล็กและแรงแม่เหล็ก จากหนังสือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนฟัง คดั คำศัพทพ์ ร้อมทงั้ คำแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร
บา้ ง
(3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และการนำ
ความรูท้ ่ไี ด้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– แรงแม่เหล็กเกิดขึ้นระหว่างสิง่ ใดกับส่ิงใด (แนวคำตอบ เกิดขึ้นระหวา่ งแม่เหล็กกับแม่เหล็กหรอื
แม่เหล็กกบั สารแมเ่ หล็ก)
– ยกตวั อย่างรูปร่างของแม่เหล็กมา 2 รปู ร่าง (แนวคำตอบ รูปเกือกม้าและรูปแทง่ สเ่ี หล่ียม)
ขน้ั สรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแม่เหล็กและแรงแม่เหล็กโดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง
มโนทศั น์
10. ส่ือการเรยี นรู้
1. แมเ่ หลก็
2. ลวดเสียบกระดาษ
3. สมดุ วาดรปู
4. สีไม/้ สีเทยี น
5. ใบงาน
6. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
7. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3
8. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
9. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3
11. การวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ
11.1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ แบบประเมิน รอ้ ยละ 70 ข้ึนไป
จดุ ประสงค์ การตอบคำถาม การตอบคำถาม ร้อยละ 70 ขึ้นไป
ร้อยละ 70 ขึน้ ไป
1. ระบุคณุ สมบัติของแมเ่ หล็กทแี่ ตกต่างจาก ประเมิน แบบประเมิน
วัตถอุ น่ื ได้ (K) การตอบคำถาม การตอบคำถาม
แบบประเมนิ
2. สอื่ สารและนำความรูเ้ รื่องสมบัติของวสั ดุ สังเกต พฤติกรรมรายบคุ คล
ดา้ นความแข็งไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) พฤติกรรม
3. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
11.2 สมรรถนะของผเู้ รยี น
สมรรถนะของผู้เรยี น วธิ ีการวัด เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ความสามารถในการคดิ การทดสอบ แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
ก่อนเรยี น/หลงั เรียน ระดับ 2 ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์
2. ความสารถในการสื่อสาร ประเมิน
การตอบคำถาม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ
11.3 คุณลกั ษณะอังพงึ ประสงค์ การตอบคำถาม ระดบั 2 ข้ึนไป ผ่านเกณฑ์
คุณลกั ษณะอังพึงประสงค์
1. มีวนิ ยั วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
2. ใฝเ่ รยี นรู้ การสังเกต แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผา่ นเกณฑ์
การสังเกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดับคณุ ภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดบั 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์
การสงั เกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดับคณุ ภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
เกณฑก์ ารประเมินผลจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ประเดน็ การประเมิน คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน
1. ระบคุ ณุ สมบัติของแมเ่ หล็กที่
แตกตา่ งจากวัตถุอน่ื ได้ (K) ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑)
ระบุคณุ สมบตั ิ
2. สื่อสารและนำความรเู้ รื่อง ของแม่เหลก็ ที่ ระบุคุณสมบตั ิของ ระบคุ ณุ สมบตั ขิ อง ระบคุ ณุ สมบตั ิ
สมบตั ิของวัสดุด้านความแข็งไป แตกตา่ งจากวตั ถุ
ใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) อืน่ ไดล้ ะเอยี ด แม่เหลก็ ทแ่ี ตกตา่ ง แมเ่ หลก็ ท่แี ตกตา่ ง ของแมเ่ หล็กท่ี
ถกู ต้องทัง้ หมด
3. ทำงานร่วมกับผูอ้ ่ืนอยา่ ง ส่ือสารและนำ จากวตั ถอุ น่ื ได้ จากวตั ถุอ่นื แตกต่างจากวตั ถุ
สร้างสรรค์ (A) ความรเู้ รือ่ งไม้ไป
ถูกตองบางสว่ น ไดถ้ ูกตองเพยี ง อืน่ ไม่ได้
ใชใ้ น
ชีวิตประจำวัน เลก็ น้อย
ได้ละเอยี ด
ถูกต้องทง้ั หมด ส่อื สารและนำ สอื่ สารและนำ ส่ือสารและนำ
ทำงานรว่ มกบั
ความรู้เรื่องไม้ไปใช้ ความรูเ้ ร่ืองไม้ไปใช้ ความรู้เร่อื งไม้ไป
ผู้อื่นอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ ในชวี ิตประจำวัน ในชีวิตประจำวัน ใชใ้ น
ได้ดีมาก
ไดถ้ ูกต้องบางส่วน ได้ถูกต้องเพียง ชีวิตประจำวนั
เล็กนอ้ ย ไมไ่ ด้
ทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื มที ำงานรว่ มกบั ไมม่ ีทำงาน
อย่างสร้างสรรค์ ผอู้ น่ื อย่าง รว่ มกับผอู้ ื่นอย่าง
สร้างสรรค์
ได้ดี ได้เล็กน้อย สรา้ งสรรค์
ไมถ่ ูกตองตาม
บรบิ ท
เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 1 (ดีมาก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)
น้อยกว่า 4 4 (ปรบั ปรงุ )
เกณฑ์การประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ประเด็นการประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน
ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
1. มวี ินัย ปฏิบัตติ นตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ไมป่ ฏบิ ัติตนตาม
กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์
ข้อบังคบั ของโรงเรยี น ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรยี น ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ
และไม่ละเมดิ สิทธิ ตรงตอ่ เวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ โรงเรียน และไมต่ รง
ของผู้อืน่ ตรงตอ่ เวลา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ
ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และรับผิดชอบใน กจิ กรรม
และรบั ผดิ ชอบในการ การทำงาน
ทำงาน
2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน
ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ศึกษาคน้ คว้าหา
ในการเรยี น และมี ในการเรียนและมีสว่ น ในการเรยี นและมีสว่ น ความรู้
สว่ นร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรยี นรู้
และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้ารว่ มกจิ กรรม
การเรยี นรู้ต่าง ๆ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ
ท้ังภายในและ บอ่ ยครงั้ เป็นบางคร้งั
ภายนอกโรงเรยี น
เป็นประจำ
3. มงุ่ ม่นั ในการ ต้ังใจและรับผิดชอบ ตัง้ ใจและรับผิดชอบ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ้ังใจและไมม่ ี
ทำงาน ในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ
ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมาย ปฏบิ ัติหน้าท่ี
สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเร็จ ท่ีได้รบั มอบหมายให้
และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน สำเร็จได้
ให้ดีขึ้นดว้ ยตนเอง ใหด้ ขี น้ึ
เกณฑ์การประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 1 (ดมี าก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)
น้อยกวา่ 4 4 (ปรบั ปรงุ )
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมรรถนะของผเู้ รยี น
ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน
ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ไม่ม่ีความสามารถใน
1. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน
การคิดวิเคราะห์
การคดิ การคดิ วเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์
สังเคราะห์ มีทักษะใน สงั เคราะห์ มีทักษะใน สังเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบ
มีวิจารณญาณ
การคิดนอกกรอบ การคดิ นอกกรอบ คิดอยา่ งเป็นระบบ ในการคดิ
อยา่ งสรา้ งสรรค์ อย่างสรา้ งสรรค์ มีวิจารณญาณ ไม่มี่ความสามารถใน
การรบั สาร – ส่งสาร
คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นระบบ ในการคดิ
ถ่ายถอดความรู้
มีวจิ ารณญาณใน มวี จิ ารณญาณ ความเขา้ ใจของ
การคิด สามารถ ในการคดิ ตนเองได้
ตดั สินใจ แกป้ ญั หา
ได้อย่างเหมาะสม
1. ความสามารถใน มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ มีความสามารถในการ
การส่ือสาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – ส่งสาร
ถา่ ยถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ความ
ความเข้าใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง เขา้ ใจของตนเองโดย
โดยใชภ้ าษาที่ โดยใชภ้ าษาท่ี ใชภ้ าษาท่ีเหมาะสม
เหมาะสมใช้วิธกี าร เหมาะสม ใช้วิธีการ
สื่อสารที่เหมาะสม สอ่ื สารท่เี หมาะสม
และเลือกรับหรือไมร่ ับ
ข้อมลู ดว้ ยตนเองได้
อย่างมีเหตผุ ล
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตดั สิน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 7-8 1 (ดีมาก)
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 5-6 2 (ด)ี
3-4 3 (พอใช้)
นอ้ ยกวา่ 3 4 (ปรบั ปรงุ )
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2/2564
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 แรงและการเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุ เรอื่ ง ขวั้ แม่เหล็ก
สอนวนั ที่ 23 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สัปดาห์
ผู้สอน นางสาวพรสุดา โลมา โรงเรียนนำ้ ริดราษฎรบ์ ำรุง
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลือ่ นท่แี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ งแรงสัมผัสและแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวตั ถุ โดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิง
ประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/4)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สังเกตและอธบิ ายลักษณะการวางตัวของข้ัวเหนือและข้ัวใต้ของแม่เหลก็ เม่ือปล่อยให้แมเ่ หล็กหมนุ
อย่างอิสระแลว้ หยุดนิ่งได้ (K)
2. มคี วามสนใจใฝ่รูห้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A)
3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เี่ ก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทำงานร่วมกบั ผ้อู ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนำความรู้เร่ืองขวั้ แมเ่ หลก็ ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
4. สาระสำคญั
แมเ่ หล็กมี 2 ขว้ั คอื ขั้วเหนือและข้วั ใต้ โดยเมื่อปลอ่ ยให้แมเ่ หลก็ หมนุ อย่างอสิ ระแล้วหยุดนิง่ ข้ัวเหนอื ของ
แมเ่ หลก็ จะช้ไี ปทางทศิ เหนือ และข้วั ใต้ของแม่เหลก็ จะชไ้ี ปทางทิศใต้เสมอ
5. สาระการเรยี นรู้
แรงไม่สัมผัส
– แรงแม่เหล็ก
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ มั่นในการทำงาน
4. มีจติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
สงั เกตข้วั แม่เหล็ก
9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น
1) ครนู ำแมเ่ หล็กท่มี ีข้วั มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ถามคำถามนักเรยี น เชน่
– แมเ่ หลก็ มลี ักษณะภายนอกอย่างไร (แนวคำตอบ แมเ่ หล็กมี 2 สี โดยคร่งึ หนงึ่ เป็นสแี ดง ส่วนอีก
ครึ่งหนง่ึ เปน็ สนี ำ้ เงิน และมีสญั ลกั ษณ์ N และ S ปรากฏบนแม่เหลก็ )
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง
ขว้ั แม่เหลก็
ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้
จดั กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) รว่ มกบั แบบกลับด้าน ช้ัน
เรยี น (flipped classroom) ซึง่ มีข้ันตอนดงั น้ี
1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครถู ามคำถามนกั เรยี นเพ่ือกระตนุ้ ความสนใจ เช่น
– สีบนแม่เหลก็ กำหนดไว้เพ่ืออะไร (แนวคำตอบ เพ่ือบอกถึงข้ัวแมเ่ หล็กว่าเป็นข้ัวเหนือหรือข้ัวใต้
โดยข้ัวเหนือแทนด้วยสแี ดง สว่ นขั้วใต้แทนด้วยสนี ำ้ เงิน)
– สัญลักษณ์ที่ปรากฏบนแม่เหล็กคืออะไร (แนวคำตอบ สัญลักษณ์ที่กำหนดขั้วแม่เหล็ก โดยข้ัว
เหนอื แทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ N และข้วั ใตแ้ ทนด้วยสัญลกั ษณ์ S)
(2) นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายหาคำตอบเก่ยี วกบั คำถามตามความคิดเหน็ ของแตล่ ะคน
2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูแบง่ นักเรยี นกลุม่ ละ 3 – 4 คน ปฏิบตั ิกจิ กรรม สงั เกตขั้วแมเ่ หล็ก ตามขั้นตอน ดังนี้
– นำเข็มทิศมาใช้ในการหาทิศเหนือ โดยวางเข็มทิศไว้บนโต๊ะ แล้วรอจนเข็มชี้ของเข็มทิศหยุดนิ่ง
จากนั้นหมุนเขม็ ทิศให้ตวั อักษร N บนเข็มทศิ อยู่บรเิ วณปลายของเข็มชี้ (ดา้ นท่มี ีสี) ของเข็มทิศพอดี จะได้ทิศเหนือ
ของบรเิ วณนั้น
– จัดโต๊ะทั้ง 2 ตัวให้ห่างกันประมาณ 60 เซนติเมตร แลว้ นำไม้เมตรไปวางพาดระหวา่ งโตะ๊ ท้งั 2 ตัว
– นำปลายเชอื กดา้ นหนึ่งมาผูกบรเิ วณกึ่งกลางแมเ่ หลก็ และผกู ปลายเชือกอกี ด้านหนง่ึ เขา้ กบั ไม้เมตร
เพอ่ื ใหแ้ ม่เหลก็ หมนุ ไดอ้ ย่างอิสระ
– ใช้มือปัดให้แม่เหล็กหมุนอย่างอิสระ แล้วรอจนแม่เหล็กหยุดหมุน สังเกตการวางตัวของขั้วเหนือ
และข้วั ใตข้ องแม่เหล็ก บันทึกผล จากนน้ั ทำซำ้ อกี 2 ครง้ั และสรปุ ผล
(2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้
นกั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ัญหา
3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– แมเ่ หลก็ มกี ขี่ วั้ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 2 ขั้ว คือ ขวั้ เหนอื และข้ัวใต้)
– การวางตัวของขั้วเหนือและขั้วใต้ของแม่เหล็กมีลักษณะแตกต่างกันหรอื ไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ
แตกตา่ งกัน โดยขว้ั เหนือของแม่เหล็กช้ไี ปทางทิศเหนอื และข้ัวใตข้ องแมเ่ หล็กช้ไี ปทางทิศใตเ้ สมอ)
(3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ แมเ่ หล็กมี 2 ขั้ว
คือ ขั้วเหนือและขั้วใต้ โดยเมื่อปล่อยให้แม่เหล็กหมุนอย่างอิสระแล้วหยุดนิ่ง ขั้วเหนือและขั้วใต้ของแม่เหล็กจะ
วางตัวในแนวทศิ เหนือและทิศใต้ ตามลำดับ
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูอธบิ ายเรื่องน่ารู้ เร่อื ง แม่เหล็กโลก ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า โลกของเรามีแมเ่ หล็กขนาดใหญ่อยู่ภายใน
แกนกลางโลก แต่ขว้ั แม่เหล็กโลกมีทิศตรงกันข้ามกับทศิ ของเขม็ ทศิ คอื ขว้ั ใต้ (S) หนั ไปทางทิศเหนือ ส่วนข้ัวเหนือ
(N) หนั ไปทางทิศใต้
(2) นกั เรยี นค้นคว้าคำศัพทภ์ าษาตา่ งประเทศเก่ยี วกับขั้วแม่เหล็ก จากหนงั สือเรยี นภาษาต่างประเทศหรือ
อินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พือ่ นฟัง คัดคำศพั ทพ์ รอ้ มทงั้ คำแปลลงสมุดส่งครู
5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร
บา้ ง
(3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั ประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม และการนำ
ความรู้ทไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– ถ้าปล่อยให้แม่เหล็กหมุนอย่างอิสระแล้วหยุดนิ่งจะพบว่า แม่เหล็กมีการวางตัวลักษณะใด (แนว
คำตอบ ขวั้ เหนือและขว้ั ใต้ของแม่เหล็กจะวางตวั ในแนวทศิ เหนอื และทศิ ใต้ ตามลำดับ)
– ลกั ษณะการวางตัวของขั้วเหนือและข้ัวใต้ของแมเ่ หล็กถกู นำมาประยุกต์ใช้ในการประดิษฐ์อุปกรณ์
ใด (แนวคำตอบ เขม็ ทศิ )
ข้นั สรุป
ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับขั้วแมเ่ หลก็ โดยรว่ มกันเขียนเปน็ แผนทค่ี วามคดิ หรือผังมโนทัศน์
10. สื่อการเรียนรู้
1. แมเ่ หลก็ ท่มี ีข้วั
2. ใบกิจกรรม สังเกตขว้ั แมเ่ หล็ก
3. หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอร์เนต็
4. ใบงาน
5. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3
6. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3
7. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3
8. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
11. การวัดและการประเมินผลการเรยี นรู้ วิธีการวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมนิ
11.1 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ประเมนิ แบบประเมิน ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
จุดประสงค์ การตอบคำถาม การตอบคำถาม
ร้อยละ 70 ข้ึนไป
1. สังเกตและอธบิ ายลักษณะการวางตวั ของ ประเมนิ แบบประเมนิ รอ้ ยละ 70 ขนึ้ ไป
ขว้ั เหนือและขั้วใตข้ องแมเ่ หลก็ เมือ่ ปล่อยให้ การตอบคำถาม การตอบคำถาม
แม่เหล็กหมุนอยา่ งอสิ ระแลว้ หยดุ น่ิงได้ (K) แบบประเมิน
2. สอ่ื สารและนำความรเู้ ร่ืองสมบตั ขิ องวสั ดุ สังเกต พฤติกรรมรายบุคคล
ดา้ นความแข็งไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) พฤติกรรม
3. ทำงานรว่ มกับผ้อู ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
11.2 สมรรถนะของผเู้ รียน
สมรรถนะของผูเ้ รียน วธิ กี ารวัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ
1. ความสามารถในการคดิ การทดสอบ แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ
ก่อนเรยี น/หลังเรียน ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผ่านเกณฑ์
2. ความสารถในการสื่อสาร ประเมิน
การตอบคำถาม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ระดับคณุ ภาพ
11.3 คุณลักษณะอังพงึ ประสงค์ การตอบคำถาม ระดับ 2 ขึน้ ไป ผา่ นเกณฑ์
คุณลักษณะองั พึงประสงค์
1. มีวนิ ัย วิธกี ารวัด เครื่องมอื วดั เกณฑ์การประเมิน
2. ใฝเ่ รียนรู้ การสังเกต แบบสงั เกต ผ่านเกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขนึ้ ไป ผ่านเกณฑ์
การสงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์
การสังเกต แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
เกณฑ์การประเมนิ ผลจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ประเด็นการประเมิน ดมี าก (๔) คำอธิบายระดับคณุ ภาพ/ระดับคะแนน ควรปรับปรงุ (๑)
1. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะ สังเกตและอธบิ าย ดี (๓) พอใช้ (๒) สงั เกตและอธิบาย
การวางตัวของขว้ั เหนอื และข้ัว
ใตข้ องแมเ่ หล็ก เมื่อปล่อยให้ ลักษณะการ สงั เกตและอธิบาย สงั เกตและอธบิ าย ลกั ษณะการ
แมเ่ หลก็ หมุนอยา่ งอสิ ระแลว้ วางตัวของข้ัว ลกั ษณะการวางตวั ลกั ษณะการวางตวั วางตวั ของขว้ั
หยุดนงิ่ ได้ (K) เหนือและข้ัวใต้ ของข้วั เหนือและข้วั ของขว้ั เหนือและขว้ั เหนือและข้ัวใต้
ของแมเ่ หล็ก เม่ือ ใต้ของแม่เหลก็ เม่อื ใตข้ องแมเ่ หล็ก เมื่อ ของแมเ่ หลก็ เม่ือ
2. สอื่ สารและนำความรู้เรื่อง ปลอ่ ยให้แม่เหล็ก ปล่อยให้แมเ่ หล็ก ปล่อยใหแ้ มเ่ หล็ก ปล่อยให้แม่เหล็ก
สมบัติของวสั ดุด้านความแขง็ ไป หมุนอย่างอสิ ระ หมุนอยา่ งอสิ ระ หมนุ อยา่ งอสิ ระ หมุนอยา่ งอิสระ
ใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) แลว้ หยดุ นิง่ แล้วหยุดนิง่ ไม่ได้
ไดล้ ะเอียด แล้วหยุดน่งิ ได้ แล้วหยุดนิ่งไดถ้ ูกต
3. ทำงานร่วมกบั ผอู้ ื่นอย่าง ถูกต้องทัง้ หมด ถูกตองบางสว่ น องเพยี งเล็กน้อย สอ่ื สารและนำ
สรา้ งสรรค์ (A) สอื่ สารและนำ ความร้เู รือ่ งไม้ไป
ความรเู้ ร่ืองไม้ไป สอื่ สารและนำ สอื่ สารและนำ
ความร้เู ร่อื งไม้ไปใช้ ความรู้เรอ่ื งไม้ไปใช้ ใชใ้ น
ใช้ใน ในชวี ติ ประจำวนั ในชีวติ ประจำวนั ชีวติ ประจำวนั
ชวี ิตประจำวนั ไดถ้ ูกต้องบางส่วน ได้ถูกต้องเพยี ง
ได้ละเอียด ไม่ได้
ถกู ต้องท้งั หมด เลก็ นอ้ ย
ทำงานรว่ มกบั ไมม่ ีทำงาน
ทำงานร่วมกับผู้อืน่ มที ำงานรว่ มกบั รว่ มกบั ผู้อืน่ อย่าง
ผอู้ ่นื อยา่ ง อยา่ งสรา้ งสรรค์ ผอู้ ่นื อย่าง
สร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์
ได้ดีมาก ได้ดี ได้เลก็ น้อย ไมถ่ ูกตองตาม
บริบท
เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 1 (ดีมาก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)
น้อยกว่า 4 4 (ปรบั ปรงุ )
เกณฑ์การประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ประเด็นการประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน
ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
1. มวี ินัย ปฏิบัตติ นตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ไมป่ ฏิบัติตนตาม
กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์
ข้อบังคบั ของโรงเรยี น ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรยี น ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ
และไม่ละเมดิ สิทธิ ตรงตอ่ เวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ โรงเรียน และไมต่ รง
ของผู้อืน่ ตรงตอ่ เวลา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ
ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และรับผิดชอบใน กจิ กรรม
และรบั ผดิ ชอบในการ การทำงาน
ทำงาน
2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน
ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ศึกษาคน้ คว้าหา
ในการเรยี น และมี ในการเรียนและมีสว่ น ในการเรยี นและมีสว่ น ความรู้
สว่ นร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรยี นรู้
และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้ารว่ มกจิ กรรม
การเรยี นรู้ต่าง ๆ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ
ท้ังภายในและ บอ่ ยครงั้ เป็นบางคร้งั
ภายนอกโรงเรยี น
เป็นประจำ
3. มงุ่ ม่นั ในการ ต้ังใจและรับผิดชอบ ตัง้ ใจและรับผิดชอบ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ้ังใจและไมม่ ี
ทำงาน ในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ
ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมาย ปฏบิ ัติหน้าท่ี
สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเร็จ ท่ีได้รบั มอบหมายให้
และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน สำเร็จได้
ให้ดีขึ้นด้วยตนเอง ใหด้ ขี น้ึ
เกณฑ์การประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 1 (ดมี าก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)
น้อยกวา่ 4 4 (ปรบั ปรงุ )
เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมรรถนะของผเู้ รยี น
ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน
ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ไม่ม่ีความสามารถใน
1. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน
การคิดวิเคราะห์
การคดิ การคดิ วเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์
สังเคราะห์ มีทักษะใน สงั เคราะห์ มีทักษะใน สังเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบ
มีวิจารณญาณ
การคิดนอกกรอบ การคดิ นอกกรอบ คิดอยา่ งเป็นระบบ ในการคดิ
อยา่ งสรา้ งสรรค์ อย่างสรา้ งสรรค์ มีวิจารณญาณ ไม่มี่ความสามารถใน
การรบั สาร – ส่งสาร
คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นระบบ ในการคดิ
ถ่ายถอดความรู้
มีวจิ ารณญาณใน มวี จิ ารณญาณ ความเขา้ ใจของ
การคิด สามารถ ในการคดิ ตนเองได้
ตดั สินใจ แกป้ ญั หา
ได้อย่างเหมาะสม
1. ความสามารถใน มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ มีความสามารถในการ
การส่ือสาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – ส่งสาร
ถา่ ยถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ความ
ความเข้าใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง เขา้ ใจของตนเองโดย
โดยใชภ้ าษาที่ โดยใชภ้ าษาท่ี ใชภ้ าษาท่ีเหมาะสม
เหมาะสมใช้วิธกี าร เหมาะสม ใช้วิธีการ
สื่อสารที่เหมาะสม สอ่ื สารท่เี หมาะสม
และเลือกรับหรือไมร่ ับ
ข้อมลู ดว้ ยตนเองได้
อย่างมีเหตผุ ล
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตดั สิน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 7-8 1 (ดีมาก)
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 5-6 2 (ด)ี
3-4 3 (พอใช้)
นอ้ ยกวา่ 3 4 (ปรบั ปรงุ )
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2/2564
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 แรงและการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทขี่ องวัตถุ เรอ่ื ง แรงระหวา่ งขัว้ แมเ่ หล็ก (1)
สอนวนั ท่ี 25 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สปั ดาห์
ผู้สอน นางสาวพรสดุ า โลมา โรงเรยี นนำ้ ริดราษฎร์บำรุง
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลอื่ นทแ่ี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวช้ีวัดชัน้ ปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรงสัมผัสและแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้หลักฐาน
เชิงประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิง
ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/4)
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายลักษณะของแรงระหวา่ งขว้ั แมเ่ หลก็ ได้ (K)
2. ระบขุ ้วั แม่เหล็กและคาดคะเนผลทีเ่ กิดขนึ้ ระหวา่ งขั้วแม่เหลก็ เมอ่ื นำมาเข้าใกล้กันได้ (K)
3. มคี วามสนใจใฝร่ ้หู รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่เี กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สือ่ สารและนำความรเู้ ร่ืองแรงระหวา่ งขว้ั แมเ่ หล็กไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P)
4. สาระสำคัญ
เมื่อนำแม่เหล็กที่มีขั้วเหมือนกันเข้าใกล้กันจะเกิดแรงผลักระหว่างขั้วแม่เหล็ก และเมื่อนำแม่เหล็กที่มีขั้ว
ตา่ งกันเข้าใกลก้ ันจะเกิดแรงดงึ ดดู ระหวา่ งข้ัวแมเ่ หลก็
5. สาระการเรียนรู้
แรงไมส่ ัมผสั
– แรงแมเ่ หล็ก
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน
สังเกตแรงแมเ่ หลก็
9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำเขา้ ส่บู ทเรยี น
1) ครูให้นกั เรยี นทบทวนความร้เู ดิมท่ีไดเ้ รียนรมู้ าแลว้ โดยใช้คำถามต่อไปน้ี
– แม่เหล็กคืออะไร (แนวคำตอบ วัตถุที่สามารถดึงดูดหรือผลักแม่เหล็กด้วยกันและดึงดูดสาร
แมเ่ หล็กได)้
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เ รื่อง
แรงระหว่างขว้ั แม่เหล็ก
ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) รว่ มกับแบบกลับด้าน ชั้น
เรียน (flipped classroom) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามคำถามนักเรียนเพือ่ กระตุน้ ความสนใจ เชน่
– แรงทเี่ กดิ ขึ้นระหว่างแมเ่ หล็กกบั แม่เหลก็ เรียกว่าอะไร (แนวคำตอบ แรงแมเ่ หล็ก)
– แม่เหลก็ แทง่ หนงึ่ จะมีแรงกระทำต่อแม่เหลก็ อีกแท่งหน่ึงในลักษณะใด (แนวคำตอบ ถา้ แม่เหล็กมี
ขั้วเหมือนกันจะมีแรงผลักระหว่างขั้วแม่เหล็ก แต่ถ้าแม่เหล็กมีขั้วต่างกันจะมีแรงดึงดูดระหว่างขั้วแม่เหล็ก)
2) นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายหาคำตอบเก่ยี วกบั คำถามตามความคิดเหน็ ของแตล่ ะคน
2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครใู ห้นักเรยี นศึกษาเร่ืองแรงระหว่างข้ัวแม่เหล็ก จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบาย
ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ บรเิ วณขัว้ เหนือและขัว้ ใตข้ องแมเ่ หลก็ เปน็ บรเิ วณที่มีแรงแม่เหลก็ มากท่สี ุด และน้อยลงเรื่อย ๆ
เมื่อถัดจากขั้วแม่เหล็กเขา้ มา จนน้อยที่สุดบรเิ วณกลางแท่ง และถ้าเรานำแม่เหลก็ 2 แท่งเข้าใกล้กัน แล้วหันขั้วท่ี
เหมือนกันเข้าหากันจะเกิดแรงผลักกันระหว่างแม่เหล็กทัง้ สอง แต่ถ้าหันขั้วที่ต่างกันเข้าหากันจะเกิดแรงดึงดูดกนั
ซ่ึงกล่าวไดว้ ่า “ข้ัวแม่เหล็กชนดิ เดียวกนั จะผลักกนั และขัว้ แมเ่ หลก็ ต่างชนดิ กันจะดงึ ดดู กัน”
(2) ครแู บ่งนักเรยี นกลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบตั ิกจิ กรรม สงั เกตแรงแมเ่ หล็ก ตามขน้ั ตอน ดังน้ี
– คาดคะเนว่าเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งเข้าใกล้กัน โดยให้ขั้วแม่เหล็กที่เหมือนกันเข้าใกล้กันและ
ขว้ั แมเ่ หล็กทต่ี ่างกนั เข้าใกล้กนั จะเกิดการเปลย่ี นแปลงลักษณะใด
– วางแม่เหล็กแท่งที่ 1 บนโต๊ะ นำขั้วเหนือของแมเ่ หลก็ แท่งที่ 2 เข้าใกล้ขั้วเหนือของแม่เหล็กแท่งท่ี
1 สังเกตสิง่ ที่เกิดขนึ้ บันทึกผล
– นำข้วั ใตข้ องแมเ่ หลก็ แท่งที่ 2 เข้าใกล้ข้ัวใต้ของแม่เหลก็ แท่งที่ 1 สังเกตส่งิ ท่ีเกดิ ข้นึ บันทึกผล
– เปลี่ยนเป็นวางแม่เหล็กแท่งที่ 2 บนโต๊ะ นำขั้วใต้ของแม่เหล็กแท่งที่ 1 เข้าใกล้ขั้วเหนือของ
แม่เหล็กแท่งที่ 2 และนำขั้วเหนือของแม่เหล็กแท่งที่ 1 เข้าใกล้ขั้วใต้ของแม่เหล็กแท่งที่ 2 ตามลำดับ สังเกตสิ่งท่ี
เกิดขน้ึ บันทกึ ผล และสรปุ ผล
(3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้
นกั เรยี นทกุ คนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
3) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– เมื่อนำแม่เหล็กขั้วเหมือนกันและขั้วต่างกันเข้าใกล้กันจะเกิดสิ่งใดขึ้น (แนวคำตอบ แม่เหล็กข้ัว
เหมอื นกันจะผลกั กัน สว่ นแมเ่ หล็กข้วั ต่างกันจะดึงดูดกัน)
– เมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งเข้าใกล้กัน มีแรงกระทำต่อแม่เหล็กทั้งสองหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนว
คำตอบ มีแรงกระทำต่อแมเ่ หลก็ ทั้งสอง สังเกตจากแม่เหลก็ ท้งั สองสามารถเคลื่อนที่เขา้ หากนั หรอื เคลอ่ื นที่ออก
จากกันได)้
(3) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเนน้ ให้นักเรยี นเข้าใจว่า เมื่อนำแม่เหลก็
2 แทง่ เข้าใกล้กัน โดยใหข้ ้ัวแม่เหลก็ ที่เหมือนกนั เข้าใกล้กันจะเกิดแรงผลักกนั แต่ถา้ ใหข้ ้ัวแม่เหล็กที่ต่างกันเข้าใกล้
กันจะเกดิ แรงดึงดูดกัน
4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแรงระหว่างขั้วแม่เหล็ก จากหนังสือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พอื่ นฟัง คดั คำศพั ท์พร้อมทง้ั คำแปลลงสมดุ ส่งครู
ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นกั เรยี นเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร
บ้าง
(3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีได้รับจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม และการนำ
ความรูท้ ไี่ ด้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคำถาม เชน่
– ขั้วแมเ่ หลก็ อยูบ่ รเิ วณใดของแม่เหลก็ (แนวคำตอบ บรเิ วณปลายท้ัง 2 ขา้ งของแม่เหล็ก)
– แรงระหว่างขั้วแม่เหล็กคืออะไร (แนวคำตอบ แรงที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำแม่เหล็ก
เขา้ ใกลก้ ัน อาจเปน็ ได้ท้ังแรงผลักและแรงดงึ ดดู )
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงระหว่างขั้วแม่เหล็ก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง
มโนทัศน์
10. ส่ือการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรม สังเกตแรงแมเ่ หล็ก
2. หนงั สือเรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอร์เน็ต
3. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3
4. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3
5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3
6. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3
11. การวัดและการประเมินผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ
11.1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ แบบประเมิน รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
จุดประสงค์ การตอบคำถาม การตอบคำถาม รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
1. อธบิ ายลักษณะของแรงระหว่างขัว้ แมเ่ หล็ก ประเมิน แบบประเมิน
ได้ (K) การตอบคำถาม การตอบคำถาม
แบบประเมนิ
2. ส่ือสารและนำความรูเ้ ร่ืองสมบัตขิ องวัสดุ สังเกต พฤติกรรมรายบคุ คล
ดา้ นความแข็งไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) พฤติกรรม
3. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
11.2 สมรรถนะของผู้เรียน
สมรรถนะของผู้เรียน วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมิน
1. ความสามารถในการคิด การทดสอบ แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
กอ่ นเรยี น/หลงั เรียน ระดับ 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์
2. ความสารถในการส่ือสาร ประเมิน
การตอบคำถาม แบบประเมิน ผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ
11.3 คณุ ลกั ษณะอังพึงประสงค์ การตอบคำถาม ระดบั 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะองั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
2. ใฝเ่ รียนรู้ การสังเกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ
3. มุ่งม่ันในการทำงาน พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผ่านเกณฑ์
การสังเกต แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผา่ นเกณฑ์
การสงั เกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดบั 2 ขึน้ ไป ผา่ นเกณฑ์
เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
เกณฑก์ ารประเมินผลจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดับคุณภาพ/ระดบั คะแนน
1. อธบิ ายลกั ษณะของแรง
ระหว่างขวั้ แมเ่ หล็กได้ (K) ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑)
อธบิ ายลกั ษณะ
2. ส่อื สารและนำความร้เู ร่ือง ของแรงระหว่าง อธิบายลกั ษณะของ อธิบายลกั ษณะของ อธบิ ายลักษณะ
สมบตั ิของวัสดุด้านความแข็งไป ข้ัวแมเ่ หลก็ ได้
ใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (P) ละเอียด ถูกต้อง แรงระหวา่ ง แรงระหวา่ ง ของแรงระหวา่ ง
3. ทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ ง ท้งั หมด ขวั้ แมเ่ หลก็ ได้ ขวั้ แมเ่ หลก็ ได้ถูกต ขวั้ แม่เหล็ก ไม่ได้
สร้างสรรค์ (A) สือ่ สารและนำ
ความรเู้ ร่ืองไม้ไป ถกู ตองบางสว่ น องเพียงเลก็ น้อย
ใช้ใน ส่อื สารและนำ สือ่ สารและนำ ส่ือสารและนำ
ชวี ิตประจำวนั ความรเู้ ร่อื งไม้ไปใช้ ความรูเ้ ร่อื งไม้ไปใช้ ความรเู้ รื่องไม้ไป
ไดล้ ะเอยี ด ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวัน
ถูกต้องทง้ั หมด ได้ถูกต้องบางส่วน ใช้ใน
ทำงานรว่ มกบั ได้ถูกตอ้ งเพียง ชวี ติ ประจำวนั
เลก็ น้อย
ผอู้ ื่นอย่าง ไมไ่ ด้
สรา้ งสรรค์
ได้ดมี าก ทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ มที ำงานรว่ มกบั ไมม่ ีทำงาน
อย่างสร้างสรรค์ ผู้อ่นื อยา่ ง ร่วมกับผูอ้ ่ืนอย่าง
สรา้ งสรรค์
ได้ดี ไดเ้ ลก็ น้อย สรา้ งสรรค์
ไม่ถูกตองตาม
บริบท
เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 1 (ดีมาก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)
น้อยกว่า 4 4 (ปรบั ปรงุ )