The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-12-19 03:03:43

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.3

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.3

เกณฑ์การประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ประเด็นการประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)

1. มวี ินัย ปฏิบัตติ นตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ไมป่ ฏบิ ัติตนตาม

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์

ข้อบังคบั ของโรงเรยี น ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรยี น ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ

และไม่ละเมดิ สิทธิ ตรงตอ่ เวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ โรงเรียน และไมต่ รง

ของผู้อืน่ ตรงตอ่ เวลา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ

ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และรับผิดชอบใน กจิ กรรม

และรบั ผดิ ชอบในการ การทำงาน

ทำงาน

2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน

ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ศึกษาคน้ คว้าหา

ในการเรยี น และมี ในการเรียนและมีสว่ น ในการเรยี นและมีสว่ น ความรู้

สว่ นร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรยี นรู้

และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้ารว่ มกจิ กรรม

การเรยี นรู้ต่าง ๆ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ

ท้ังภายในและ บอ่ ยครงั้ เป็นบางคร้งั

ภายนอกโรงเรยี น

เป็นประจำ

3. มงุ่ ม่นั ในการ ต้ังใจและรับผิดชอบ ตัง้ ใจและรับผิดชอบ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ้ังใจและไมม่ ี

ทำงาน ในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ

ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมาย ปฏบิ ัติหน้าท่ี

สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเร็จ ท่ีได้รบั มอบหมายให้

และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน สำเร็จได้

ให้ดีขึ้นดว้ ยตนเอง ใหด้ ขี น้ึ

เกณฑ์การประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 1 (ดมี าก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)

น้อยกวา่ 4 4 (ปรบั ปรงุ )



เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมรรถนะของผเู้ รยี น

ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ไม่ม่ีความสามารถใน
1. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน
การคิดวิเคราะห์
การคดิ การคดิ วเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

สังเคราะห์ มีทักษะใน สงั เคราะห์ มีทักษะใน สังเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบ
มีวิจารณญาณ
การคิดนอกกรอบ การคดิ นอกกรอบ คิดอยา่ งเป็นระบบ ในการคดิ

อยา่ งสรา้ งสรรค์ อย่างสรา้ งสรรค์ มีวิจารณญาณ ไม่มี่ความสามารถใน
การรบั สาร – ส่งสาร
คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นระบบ ในการคดิ
ถ่ายถอดความรู้
มีวจิ ารณญาณใน มวี จิ ารณญาณ ความเขา้ ใจของ

การคิด สามารถ ในการคดิ ตนเองได้

ตดั สินใจ แกป้ ญั หา

ได้อย่างเหมาะสม

1. ความสามารถใน มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ มีความสามารถในการ

การส่ือสาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – ส่งสาร

ถา่ ยถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ความ

ความเข้าใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง เขา้ ใจของตนเองโดย

โดยใชภ้ าษาที่ โดยใชภ้ าษาท่ี ใชภ้ าษาท่ีเหมาะสม

เหมาะสมใช้วิธกี าร เหมาะสม ใช้วิธีการ

สื่อสารที่เหมาะสม สอ่ื สารท่เี หมาะสม

และเลือกรับหรือไมร่ ับ

ข้อมลู ดว้ ยตนเองได้

อย่างมีเหตผุ ล

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตดั สิน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 7-8 1 (ดีมาก)
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 5-6 2 (ด)ี
3-4 3 (พอใช้)

นอ้ ยกวา่ 3 4 (ปรบั ปรงุ )









แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4

กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนทข่ี องวัตถุ เร่ือง แรงระหว่างขัว้ แมเ่ หล็ก (2)

สอนวนั ท่ี 30 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สัปดาห์

ผู้สอน นางสาวพรสุดา โลมา โรงเรียนนำ้ รดิ ราษฎร์บำรุง

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ

เคลื่อนทแ่ี บบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

2. ตวั ชี้วดั ชั้นปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ งแรงสัมผัสและแรงไมส่ มั ผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้หลักฐาน

เชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิง

ประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/4)

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลกั ษณะของแรงระหว่างขั้วแมเ่ หลก็ ได้ (K)
2. ระบุขัว้ แม่เหลก็ ไดจ้ ากการสงั เกตผลทเ่ี กิดข้นึ ระหว่างข้วั แม่เหลก็ เม่ือนำมาเข้าใกล้กัน (K)
3. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เ่ี ก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนำความรู้เรื่องแรงระหวา่ งข้วั แม่เหล็กไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)

4. สาระสำคญั
แมเ่ หลก็ มี 2 ขัว้ คอื ขั้วเหนือและข้ัวใต้ เมอ่ื นำแมเ่ หล็กทีม่ ขี ้ัวเหมอื นกันเขา้ ใกล้กนั จะเกิดแรงผลักระหว่าง

ขั้วแม่เหล็ก และเมือ่ นำแมเ่ หล็กที่มขี ว้ั ตา่ งกันเขา้ ใกล้กนั จะเกิดแรงดึงดูดระหวา่ งขัว้ แม่เหลก็

5. สาระการเรยี นรู้
แรงไมส่ มั ผัส

– แรงแม่เหล็ก
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวิต

8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน
สงั เกตแรงระหว่างขัว้ แมเ่ หล็ก

9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำเขา้ ส่บู ทเรียน

1) ครูถามคำถามนักเรยี นเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เชน่
– แมเ่ หลก็ ทุกแท่งมีแรงแม่เหลก็ อยโู่ ดยรอบใชห่ รือไม่ (แนวคำตอบ ใช่)
– แรงแม่เหลก็ มกี ่ีลักษณะ อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ 2 ลักษณะ คอื แรงผลักและแรงดึงดดู )

2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง
แรงระหวา่ งขัว้ แมเ่ หล็ก

ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) รว่ มกบั แบบกลบั ดา้ น ชั้น

เรียน (flipped classroom) ซงึ่ มีขนั้ ตอนดงั น้ี

1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครใู ห้นกั เรียนทบทวนความรเู้ ดมิ ที่ไดเ้ รียนรู้มาแล้วโดยใชค้ ำถามต่อไปนี้
– เมื่อนำแม่เหลก็ ที่มขี ัว้ เหมือนกันเข้าใกล้กัน แรงระหว่างข้ัวแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะใด (แนว

คำตอบ แรงระหว่างขัว้ แม่เหล็กทีเ่ กิดขึ้นจะเปน็ แรงผลัก)

– เมื่อนำแม่เหล็กที่มีขั้วต่างกันเข้าใกล้กัน แรงระหว่างขั้วแม่เหล็กที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะใด (แนว
คำตอบ แรงระหว่างขวั้ แม่เหล็กที่เกดิ ข้นึ จะเปน็ แรงดงึ ดดู )

(2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกีย่ วกบั คำถามตามความคดิ เหน็ ของแตล่ ะคน

2) ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูแบ่งนักเรียนกล่มุ ละ 3 – 4 คน ปฏิบตั ิกจิ กรรม สงั เกตแรงระหว่างข้วั แม่เหล็ก ตามข้นั ตอน ดงั น้ี
– นำแม่เหล็กแทง่ หน่ึงมาห่อดว้ ยกระดาษ แล้วทำสัญลักษณ์ทป่ี ลายด้านใดด้านหนึ่งบนกระดาษที่ห่อ

ไว้
– นำแม่เหล็กที่ห่อด้วยกระดาษมาไว้บนโต๊ะ จากนั้นนำขั้วเหนือของแม่เหล็กอีกแท่งหนึ่งเข้าใกล้

แม่เหล็กทห่ี ่อดว้ ยกระดาษดา้ นท่ที ำสัญลกั ษณ์ไว้ สังเกตส่ิงที่เกดิ ขน้ึ บันทกึ ผล
– ดำเนินการเช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 2 แต่เปลี่ยนเป็นนำขั้วเหนือของแม่เหล็กเข้าใกล้แม่เหล็กที่ห่อ

ดว้ ยกระดาษดา้ นทีไ่ ม่ได้ทำสญั ลักษณ์ไว้
– คาดคะเนวา่ แม่เหล็กที่ห่อด้วยกระดาษด้านใดเป็นข้ัวเหนอื และด้านใดเป็นขัว้ ใต้
– แกะกระดาษที่ห่อแมเ่ หลก็ ออก โดยเริม่ แกะจากดา้ นที่ทำสัญลักษณ์ไว้ บันทึกผล จากนั้นแกะด้าน

ทไ่ี มไ่ ดท้ ำสัญลกั ษณ์ไว้ บนั ทึกผล และสรปุ ผล
(2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้

นักเรียนทกุ คนซักถามเมอื่ มีปญั หา

3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
(1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เชน่
– นักเรียนคาดคะเนไว้ว่าด้านใดเป็นขั้วเหนือและด้านใดเปน็ ข้ัวใต้ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ด้านที่

ทำสัญลกั ษณ์ไวเ้ ปน็ ข้ัวเหนือ สว่ นด้านท่ีไม่ได้ทำสัญลักษณ์ไวเ้ ปน็ ขั้วใต้ เพราะเม่ือนำข้วั เหนือของแม่เหล็กเข้า
ใกล้แม่เหล็กที่ห่อด้วยกระดาษด้านที่ทำสัญลักษณ์ไว้ พบว่าแม่เหล็กทั้งสองผลักกัน แต่เมื่อนำขั้วเหนือของ
แมเ่ หล็กเข้าใกลแ้ ม่เหลก็ ที่ห่อด้วยกระดาษด้านทีไ่ ม่ได้ทำสัญลักษณไ์ ว้ พบวา่ แมเ่ หลก็ ท้ังสองดึงดูดกัน)

– เม่อื แกะกระดาษทหี่ ่อแม่เหล็กออก ด้านที่ทำสญั ลกั ษณ์ไวค้ ือขว้ั ใด (แนวคำตอบ ขวั้ เหนือ)
– เมอ่ื แกะกระดาษที่หอ่ แมเ่ หล็กออก ด้านทีไ่ ม่ได้ทำสัญลกั ษณไ์ ว้คอื ข้วั ใด (แนวคำตอบ ขว้ั ใต)้
– นักเรยี นคาดคะเนขั้วแม่เหลก็ ไดถ้ กู ต้องหรือไม่ (แนวคำตอบ ถกู ต้อง)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงระหว่าง
ขั้วแม่เหลก็ มี 2 ลกั ษณะ คือ แรงผลกั และแรงดงึ ดดู โดยแรงผลักจะเกิดข้ึนเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งที่มีขั้วเหมือนกัน
เขา้ ใกลก้ นั และแรงดงึ ดูดจะเกดิ ข้นึ เมื่อนำแม่เหล็ก 2 แทง่ ทีม่ ีข้วั ตา่ งกนั เข้าใกลก้ ัน

4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดของแรงระหว่างขั้วแม่เหล็ก ให้นักเรียนเข้าใจว่า ขนาดของแรงระหว่าง

ขว้ั แม่เหลก็ จะมากหรอื น้อยข้นึ อย่กู บั ระยะหา่ งระหวา่ งขั้วแม่เหล็ก นนั่ คือ ถ้าระยะหา่ งระหว่างขั้วแม่เหลก็ มาก แรง
ระหว่างข้วั แมเ่ หลก็ จะน้อย ในทางกลับกัน ถา้ ระยะห่างระหวา่ งข้ัวแมเ่ หลก็ นอ้ ย แรงระหวา่ งขวั้ แมเ่ หล็กจะมาก

5) ขนั้ ประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่

เขา้ ใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร

บา้ ง
(3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ท่ีได้รบั จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และการนำ

ความรทู้ ่ไี ด้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เชน่
– แรงผลักระหว่างขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นเมื่อใด (แนวคำตอบ เกิดขึ้นเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งที่มีขั้ว

เหมอื นกนั เขา้ ใกลก้ นั )
– แรงดึงดูดระหว่างขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นเมื่อใด (แนวคำตอบ เกิดขึ้นเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งที่มีข้ัว

ตา่ งกนั เข้าใกล้กนั )
– แรงระหว่างขั้วแม่เหล็กจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวคำตอบ ระยะห่างระหว่าง

ขั้วแมเ่ หล็ก)

ขนั้ สรุป
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเก่ยี วกับแรงระหวา่ งข้วั แมเ่ หล็กโดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนท่ีความคิดหรือผังมโน

ทศั น์

10. ส่ือการเรียนรู้
1. กระดาษ
2. แม่เหล็ก
3. เทปใส
4. กรรไกร
5. ปากกาสเี มจิก
6. โต๊ะ
7. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3
8. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3
9. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3
10. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3

11. การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การประเมิน
11.1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ แบบประเมิน รอ้ ยละ 70 ขนึ้ ไป
จดุ ประสงค์ การตอบคำถาม การตอบคำถาม
รอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
1. ระบขุ ว้ั แมเ่ หล็กได้จากการสงั เกตผลท่ี ประเมนิ แบบประเมิน ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
เกิดข้ึนระหวา่ งข้วั แมเ่ หล็กเม่ือนำมาเข้าใกล้ การตอบคำถาม การตอบคำถาม
กนั (K) แบบประเมิน
2. สอ่ื สารและนำความรเู้ รื่องสมบัติของวัสดุ สังเกต พฤติกรรมรายบุคคล
ดา้ นความแข็งไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) พฤติกรรม
3. ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A)

11.2 สมรรถนะของผเู้ รียน

สมรรถนะของผู้เรียน วิธกี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ความสามารถในการคดิ การทดสอบ แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ
ก่อนเรยี น/หลังเรียน ระดับ 2 ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์
2. ความสารถในการสื่อสาร ประเมิน
การตอบคำถาม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ
11.3 คุณลกั ษณะอังพึงประสงค์ การตอบคำถาม ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะองั พึงประสงค์
1. มวี นิ ัย วธิ กี ารวดั เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมิน
2. ใฝเ่ รียนรู้ การสงั เกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ
3. ม่งุ มั่นในการทำงาน พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์

การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดบั 2 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
การสังเกต แบบสังเกต ผ่านเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดบั 2 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์

เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้



เกณฑ์การประเมินผลจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

ประเด็นการประเมิน ดมี าก (๔) คำอธิบายระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ควรปรับปรงุ (๑)
ระบขุ ัว้ แมเ่ หล็กได้ ดี (๓) พอใช้ (๒) ระบขุ ้วั แม่เหล็กได้
1. ระบุขั้วแมเ่ หล็กได้จากการ จากการสงั เกตผล จากการสงั เกตผล
สงั เกตผลที่เกิดขนึ้ ระหว่าง ทเี่ กิดขน้ึ ระหวา่ ง ระบขุ ว้ั แม่เหล็กได้ ระบุขัว้ แมเ่ หล็กได้ ท่ีเกิดขึ้นระหวา่ ง
ขว้ั แม่เหลก็ เม่ือนำมาเขา้ ใกลก้ ัน ขัว้ แมเ่ หล็กเม่ือ จากการสังเกตผลท่ี จากการสงั เกตผลที่ ขั้วแม่เหลก็ เมื่อ
(K) นำมาเข้าใกล้กนั นำมาเขา้ ใกลก้ นั
เกดิ ข้ึนระหว่าง เกดิ ขึ้นระหวา่ ง
2. ส่อื สารและนำความรูเ้ ร่ือง ไดล้ ะเอยี ด ขัว้ แม่เหล็กเม่ือ ขว้ั แม่เหล็กเมื่อ ไม่ได้
สมบัติของวัสดดุ า้ นความแขง็ ไป ถูกต้องทง้ั หมด นำมาเข้าใกล้กัน ได้ นำมาเข้าใกลก้ ัน ได้
ใช้ในชีวติ ประจำวันได้ (P) ส่ือสารและนำ ถกู ตองบางส่วน ถูกตองเพยี ง สือ่ สารและนำ
ความรเู้ รอ่ื งไม้ไป ความรเู้ รอื่ งไม้ไป
3. ทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื อยา่ ง เล็กนอ้ ย
สร้างสรรค์ (A) ใช้ใน สื่อสารและนำ สอื่ สารและนำ ใช้ใน
ชีวิตประจำวัน ความรเู้ รือ่ งไม้ไปใช้ ความรู้เร่ืองไม้ไปใช้ ชวี ติ ประจำวัน
ได้ละเอียด ในชีวิตประจำวัน ในชวี ติ ประจำวัน
ถูกต้องทง้ั หมด ได้ถูกต้องบางสว่ น ได้ถูกต้องเพยี ง ไมไ่ ด้
ทำงานรว่ มกบั
เล็กนอ้ ย ไมม่ ีทำงาน
ผู้อนื่ อยา่ ง ร่วมกบั ผู้อ่นื อย่าง
สร้างสรรค์ ทำงานร่วมกับผู้อนื่ มที ำงานรว่ มกบั
ได้ดมี าก อย่างสรา้ งสรรค์ ผอู้ น่ื อย่าง สร้างสรรค์
สร้างสรรค์ ไม่ถูกตองตาม
ไดด้ ี ได้เล็กน้อย
บริบท

เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 1 (ดีมาก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)

น้อยกว่า 4 4 (ปรบั ปรงุ )



เกณฑ์การประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ประเด็นการประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)

1. มวี ินัย ปฏิบัตติ นตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ไมป่ ฏบิ ัติตนตาม

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์

ข้อบังคบั ของโรงเรยี น ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรยี น ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ

และไม่ละเมดิ สิทธิ ตรงตอ่ เวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ โรงเรียน และไมต่ รง

ของผู้อืน่ ตรงตอ่ เวลา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ

ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และรับผิดชอบใน กจิ กรรม

และรบั ผดิ ชอบในการ การทำงาน

ทำงาน

2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน

ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ศึกษาคน้ คว้าหา

ในการเรยี น และมี ในการเรียนและมีสว่ น ในการเรยี นและมีสว่ น ความรู้

สว่ นร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรยี นรู้

และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้ารว่ มกจิ กรรม

การเรยี นรู้ต่าง ๆ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ

ท้ังภายในและ บอ่ ยครงั้ เป็นบางคร้งั

ภายนอกโรงเรยี น

เป็นประจำ

3. มงุ่ ม่นั ในการ ต้ังใจและรับผิดชอบ ตัง้ ใจและรับผิดชอบ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ้ังใจและไมม่ ี

ทำงาน ในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ

ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมาย ปฏบิ ัติหน้าท่ี

สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเร็จ ท่ีได้รบั มอบหมายให้

และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน สำเร็จได้

ให้ดีขึ้นดว้ ยตนเอง ใหด้ ขี น้ึ

เกณฑ์การประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 1 (ดมี าก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)

น้อยกวา่ 4 4 (ปรบั ปรงุ )



เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมรรถนะของผเู้ รยี น

ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ไม่ม่ีความสามารถใน
1. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน
การคิดวิเคราะห์
การคดิ การคดิ วเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

สังเคราะห์ มีทักษะใน สงั เคราะห์ มีทักษะใน สังเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบ
มีวิจารณญาณ
การคิดนอกกรอบ การคดิ นอกกรอบ คิดอยา่ งเป็นระบบ ในการคดิ

อยา่ งสรา้ งสรรค์ อย่างสรา้ งสรรค์ มีวิจารณญาณ ไม่มี่ความสามารถใน
การรบั สาร – ส่งสาร
คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นระบบ ในการคดิ
ถ่ายถอดความรู้
มีวจิ ารณญาณใน มวี จิ ารณญาณ ความเขา้ ใจของ

การคิด สามารถ ในการคดิ ตนเองได้

ตดั สินใจ แกป้ ญั หา

ได้อย่างเหมาะสม

1. ความสามารถใน มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ มีความสามารถในการ

การส่ือสาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – ส่งสาร

ถา่ ยถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ความ

ความเข้าใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง เขา้ ใจของตนเองโดย

โดยใชภ้ าษาที่ โดยใชภ้ าษาท่ี ใชภ้ าษาท่ีเหมาะสม

เหมาะสมใช้วิธกี าร เหมาะสม ใช้วิธีการ

สื่อสารที่เหมาะสม สอ่ื สารท่เี หมาะสม

และเลือกรับหรือไมร่ ับ

ข้อมลู ดว้ ยตนเองได้

อย่างมีเหตผุ ล

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตดั สิน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 7-8 1 (ดีมาก)
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 5-6 2 (ด)ี
3-4 3 (พอใช้)

นอ้ ยกวา่ 3 4 (ปรบั ปรงุ )









แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5

กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ เรอ่ื ง แรงรอบ ๆ เม่เหลก็

สอนวนั ที่ 2 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สปั ดาห์

ผสู้ อน นางสาวพรสุดา โลมา โรงเรยี นนำ้ รดิ ราษฎร์บำรุง

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ

เคลอื่ นท่แี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ งแรงสัมผัสและแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคล่ือนทีข่ องวัตถุ โดยใช้หลักฐาน

เชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. จำแนกวัตถโุ ดยใชก้ ารดงึ ดดู กบั แมเ่ หลก็ เปน็ เกณฑ์จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/3)
3. ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้กันจากหลักฐานเชิง

ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/4)

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะของแรงรอบ ๆ แมเ่ หล็กได้ (K)
2. ระบุได้ว่าบริเวณข้วั เหนือและข้ัวใตข้ องแม่เหล็กเป็นบริเวณที่มแี รงแม่เหลก็ มากทส่ี ุด (K)
3. มีความสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ีเ่ กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานรว่ มกับผู้อนื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. ส่อื สารและนำความรู้เรื่องแรงรอบ ๆ แม่เหล็กไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P)

4. สาระสำคัญ
บริเวณข้ัวเหนอื และขั้วใต้ของแม่เหล็กเป็นบรเิ วณท่มี ีแรงแม่เหล็กมากท่ีสุด และน้อยลงเร่ือย ๆ เมื่อถดั จาก

ขัว้ แมเ่ หลก็ เข้ามา จนนอ้ ยท่ีสุดบริเวณกลางแท่ง

5. สาระการเรียนรู้
แรงไม่สัมผัส

– แรงแม่เหลก็

6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต

8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน
สังเกตแรงรอบๆ แม่เหล็ก

9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรียน

1) ครูให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เดิมท่ไี ดเ้ รียนรู้มาแล้วโดยใชค้ ำถามต่อไปนี้
– แรงที่เกิดขึ้นระหว่างแม่เหล็กกับแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กกับสารแม่เหล็กคือแรงชนิดใด (แนว

คำตอบ แรงแมเ่ หลก็ )
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง

แรงรอบๆ แมเ่ หลก็

ข้นั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกบั แบบกลบั ด้าน ชั้น

เรียน (flipped classroom) ซ่ึงมขี ั้นตอนดงั นี้

1) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครถู ามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– แรงแมเ่ หล็กเกิดขน้ึ บริเวณใด (แนวคำตอบ เกิดขึน้ บริเวณรอบ ๆ แมเ่ หล็ก)

(2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายหาคำตอบเก่ียวกบั คำถามตามความคดิ เห็นของแตล่ ะคน

2) ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ แรงรอบ ๆ แม่เหล็ก ตามขั้นตอน

ดังน้ี
– นำเชือกมาผกู บรเิ วณกง่ึ กลางของแม่เหลก็
– นำปลายแม่เหล็กเขา้ ใกล้กับลวดเสียบกระดาษ แล้วสังเกตสงิ่ ทีเ่ กิดขน้ึ
– นำแม่เหล็กด้านอนื่ ๆ เขา้ ใกล้กับลวดเสียบกระดาษ แลว้ สังเกตสิ่งท่ีเกิดขนึ้

(2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้
นักเรยี นทุกคนซักถามเมื่อมีปัญหา

3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นกั เรียนแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น
(2) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
– เมื่อนำปลายแม่เหล็กเข้าใกล้กับลวดเสียบกระดาษจะเกิดสิ่งใดขึ้น (แนวคำตอบ ลวดเสียบ

กระดาษเคลือ่ นท่เี ขา้ หาแมเ่ หล็ก)
– เมื่อนำแม่เหล็กด้านอื่นๆ เข้าใกล้กับลวดเสียบกระดาษจะเกิดสิ่งใดขึ้น (แนวคำตอบ ลวดเสียบ

กระดาษเคลอ่ื นทเี่ ขา้ หาแมเ่ หลก็ ทกุ ด้าน)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า บริเวณรอบๆ

แม่เหล็กจะมีแรงแม่เหล็กอยู่เสมอ โดยบริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของแม่เหล็กเป็นบริเวณทีม่ ีแรงแม่เหลก็ มากที่สดุ
และน้อยลงเรื่อยๆ เมอื่ ถัดจากขัว้ แม่เหลก็ เขา้ มา จนน้อยทส่ี ุดบรเิ วณกลางแท่ง

4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่อง สนามแม่เหล็ก ให้นักเรียนเข้าใจว่า บริเวณรอบๆ แม่เหล็กจะมีเสน้ แรงแม่เหลก็

ซึ่งมีทิศพุ่งออกจากขั้วเหนือและพุ่งเข้าสู่ขั้วใต้ของแม่เหล็กเสมอ เรียกบริเวณที่มีเส้นแรงแม่เหล็กนี้ว่า
สนามแม่เหล็ก

5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้ างที่ยังไม่

เข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร

บา้ ง

(3) ครูและนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม และการนำ
ความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์

(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เช่น
– เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้ลวดเสียบกระดาษจะมีแรงแม่เหล็กกระทำต่อลวดเสียบกระดาษหรือไม่

สังเกตจากสิ่งใด (แนวคำตอบ มีแรงแม่เหล็กกระทำต่อลวดเสียบกระดาษ โดยสังเกตจากการที่ลวดเสียบ
กระดาษเคลื่อนท่เี ขา้ หาแมเ่ หล็ก)

– บริเวณใดของแม่เหล็กที่มีแรงแม่เหล็กมากที่สุด (แนวคำตอบ บริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้ของ
แม่เหล็ก)

ข้ันสรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแรงรอบๆ แม่เหล็ก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน

ทศั น์

10. ส่ือการเรียนรู้
1. ใบกจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ แรงรอบ ๆ แมเ่ หล็ก
2. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3
3. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3
4. แบบฝึกทักษะรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
5. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3

เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

11. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การประเมิน
11.1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ แบบประเมนิ ร้อยละ 70 ขึน้ ไป
จุดประสงค์ การตอบคำถาม การตอบคำถาม ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
รอ้ ยละ 70 ข้ึนไป
1. สังเกตและอธิบายลักษณะของแรงรอบ ๆ ประเมิน แบบประเมิน
แม่เหล็กได้ (K) การตอบคำถาม การตอบคำถาม
แบบประเมนิ
2. ส่อื สารและนำความรเู้ ร่ืองสมบตั ิของวัสดุ สังเกต พฤติกรรมรายบคุ คล
ด้านความแข็งไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ (P) พฤติกรรม
3. ทำงานร่วมกับผ้อู ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

11.2 สมรรถนะของผเู้ รียน

สมรรถนะของผเู้ รียน วธิ ีการวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน
1. ความสามารถในการคิด การทดสอบ แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑร์ ะดบั คุณภาพ
ก่อนเรียน/หลังเรยี น ระดับ 2 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
2. ความสารถในการส่ือสาร ประเมนิ
การตอบคำถาม แบบประเมิน ผา่ นเกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ
11.3 คณุ ลกั ษณะอังพงึ ประสงค์ การตอบคำถาม ระดบั 2 ขึน้ ไป ผ่านเกณฑ์
คุณลักษณะองั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ
2. ใฝเ่ รยี นรู้ การสงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์

การสังเกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดบั 2 ขนึ้ ไป ผ่านเกณฑ์
การสงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ
พฤติกรรม พฤติกรรม ระดับ 2 ขน้ึ ไป ผ่านเกณฑ์



เกณฑก์ ารประเมินผลจุดประสงค์การเรยี นรู้

ประเดน็ การประเมิน ดมี าก (๔) คำอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ควรปรบั ปรุง (๑)
1. สังเกตและอธิบายลักษณะ สังเกตและอธบิ าย ดี (๓) พอใช้ (๒) สังเกตและอธิบาย
ของแรงรอบ ๆ แมเ่ หลก็ ได้ (K) ลกั ษณะของแรง ลกั ษณะของแรง
รอบ ๆ แม่เหล็ก สงั เกตและอธิบาย สงั เกตและอธิบาย รอบ ๆ แมเ่ หล็ก
2. ส่ือสารและนำความร้เู ร่ือง ลกั ษณะของแรง ลักษณะของแรง
สมบัติของวัสดดุ า้ นความแขง็ ไป ไดล้ ะเอียด รอบ ๆ แมเ่ หล็กได้ รอบ ๆ แมเ่ หล็กได้ ไม่ได้
ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (P) ถูกต้องท้ังหมด ถูกตองบางส่วน ถกู ตองเพยี ง
ส่ือสารและนำ สือ่ สารและนำ
3. ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อย่าง ความร้เู รอ่ื งไม้ไป เล็กนอ้ ย ความรเู้ ร่อื งไม้ไป
สรา้ งสรรค์ (A) สื่อสารและนำ สื่อสารและนำ
ใชใ้ น ความร้เู ร่อื งไม้ไปใช้ ความรู้เร่ืองไม้ไปใช้ ใช้ใน
ชวี ิตประจำวนั ในชีวติ ประจำวนั ในชีวิตประจำวัน ชีวติ ประจำวนั
ไดล้ ะเอียด ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น ได้ถูกต้องเพยี ง
ถกู ต้องท้งั หมด ไม่ได้
ทำงานรว่ มกับ เล็กนอ้ ย
ไมม่ ีทำงาน
ผอู้ ่นื อย่าง ทำงานรว่ มกับผู้อนื่ มที ำงานร่วมกับ รว่ มกับผู้อ่ืนอย่าง
สร้างสรรค์ อยา่ งสร้างสรรค์ ผอู้ ่ืนอยา่ ง
ไดด้ ีมาก สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์
ได้ดี ไดเ้ ลก็ น้อย ไม่ถูกตองตาม

บริบท

เกณฑก์ ารประเมิน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 1 (ดีมาก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)

น้อยกว่า 4 4 (ปรบั ปรงุ )



เกณฑ์การประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ประเด็นการประเมนิ คำอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)

1. มวี ินัย ปฏิบัตติ นตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ไมป่ ฏบิ ัติตนตาม

กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์

ข้อบังคบั ของโรงเรยี น ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรยี น ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ

และไม่ละเมดิ สิทธิ ตรงตอ่ เวลาในการ ตรงต่อเวลาในการ โรงเรียน และไมต่ รง

ของผู้อืน่ ตรงตอ่ เวลา ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ

ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และรับผิดชอบใน กจิ กรรม

และรบั ผดิ ชอบในการ การทำงาน

ทำงาน

2. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน

ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ไม่ศึกษาคน้ คว้าหา

ในการเรยี น และมี ในการเรียนและมีสว่ น ในการเรยี นและมีสว่ น ความรู้

สว่ นร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรียนรู้ ร่วมในการเรยี นรู้

และเข้าร่วมกิจกรรม และเขา้ รว่ มกจิ กรรม และเข้ารว่ มกจิ กรรม

การเรยี นรู้ต่าง ๆ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ

ท้ังภายในและ บอ่ ยครงั้ เป็นบางคร้งั

ภายนอกโรงเรยี น

เป็นประจำ

3. มงุ่ ม่นั ในการ ต้ังใจและรับผิดชอบ ตัง้ ใจและรับผิดชอบ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ้ังใจและไมม่ ี

ทำงาน ในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ

ที่ไดร้ บั มอบหมายให้ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมาย ปฏบิ ัติหน้าท่ี

สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ สำเรจ็ มกี ารปรับปรงุ ใหส้ ำเร็จ ท่ีได้รบั มอบหมายให้

และพัฒนาการทำงาน และพฒั นาการทำงาน สำเร็จได้

ให้ดีขึ้นดว้ ยตนเอง ใหด้ ขี น้ึ

เกณฑ์การประเมิน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
10-12 1 (ดมี าก)
7-9 2 (ดี)
4-6 3 (พอใช้)

น้อยกวา่ 4 4 (ปรบั ปรงุ )



เกณฑก์ ารประเมนิ ผลสมรรถนะของผเู้ รยี น

ประเด็นการประเมนิ คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ไม่ม่ีความสามารถใน
1. ความสามารถใน มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน
การคิดวิเคราะห์
การคดิ การคดิ วเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ การคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์

สังเคราะห์ มีทักษะใน สงั เคราะห์ มีทักษะใน สังเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบ
มีวิจารณญาณ
การคิดนอกกรอบ การคดิ นอกกรอบ คิดอยา่ งเป็นระบบ ในการคดิ

อยา่ งสรา้ งสรรค์ อย่างสรา้ งสรรค์ มีวิจารณญาณ ไม่มี่ความสามารถใน
การรบั สาร – ส่งสาร
คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดอย่างเป็นระบบ ในการคดิ
ถ่ายถอดความรู้
มีวจิ ารณญาณใน มวี จิ ารณญาณ ความเขา้ ใจของ

การคิด สามารถ ในการคดิ ตนเองได้

ตดั สินใจ แกป้ ญั หา

ได้อย่างเหมาะสม

1. ความสามารถใน มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ มีความสามารถในการ

การส่ือสาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – สง่ สาร รับสาร – ส่งสาร

ถา่ ยถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ ถ่ายถอดความรู้ความ

ความเข้าใจของตนเอง ความเข้าใจของตนเอง เขา้ ใจของตนเองโดย

โดยใชภ้ าษาที่ โดยใชภ้ าษาท่ี ใชภ้ าษาท่ีเหมาะสม

เหมาะสมใช้วิธกี าร เหมาะสม ใช้วิธีการ

สื่อสารที่เหมาะสม สอ่ื สารท่เี หมาะสม

และเลือกรับหรือไมร่ ับ

ข้อมลู ดว้ ยตนเองได้

อย่างมีเหตผุ ล

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตดั สิน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน 7-8 1 (ดีมาก)
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 5-6 2 (ด)ี
3-4 3 (พอใช้)

นอ้ ยกวา่ 3 4 (ปรบั ปรงุ )









แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6

กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2/2564

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 แรงและการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ เรอ่ื ง ผลของแมเ่ หลก็ (1)

สอนวันที่ 6 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 จำนวน 1 คาบ/สปั ดาห์

ผูส้ อน นางสาวพรสุดา โลมา โรงเรยี นน้ำรดิ ราษฎรบ์ ำรงุ

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ

เคล่อื นทแ่ี บบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

2. ตัวช้ีวัดช้ันปี
1. เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ งแรงสัมผัสและแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวตั ถุ โดยใช้หลักฐาน

เชิงประจกั ษ์ (ว 2.2 ป. 3/2)
2. จำแนกวัตถุโดยใช้การดึงดดู กบั แม่เหล็กเป็นเกณฑจ์ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 3/3)

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สงั เกตและอธิบายผลของแรงแม่เหล็กที่กระทำต่อวตั ถุท่ีทำมาจากสารแม่เหล็กได้ (K)
2. จำแนกประเภทของวัตถุโดยใช้การดงึ ดูดกบั แมเ่ หล็กเป็นเกณฑ์ได้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่รูห้ รอื อยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานร่วมกับผูอ้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนำความรู้เรื่องผลของแรงแมเ่ หล็กไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P)

4. สาระสำคญั
แม่เหล็กสามารถดึงดูดหรือผลักแม่เหล็กด้วยกัน และดึงดูดสารหรือวัตถุบางชนิดได้ โดยสารหรือวัตถุที่

แม่เหลก็ สามารถดึงดูดได้นีเ้ รียกว่า สารแม่เหลก็

5. สาระการเรียนรู้
แรงไม่สัมผัส
– ผลของแรงแม่เหล็ก

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
4. มีจติ วิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดำเนินชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
สังเกตแรงแม่เหล็กท่ีกระทำต่อวัตถตุ า่ งๆ

9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น

1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยครูนำแก้วที่บรรจุน้ำและลวดเสียบกระดาษมาวางไว้หน้า
ห้องเรียน จากนนั้ ใส่ลวดเสยี บกระดาษลงในแก้ว แลว้ ถามคำถามนักเรียนว่า

– ถ้านักเรียนต้องการนำลวดเสียบกระดาษขึ้นมาจากแก้ว โดยไม่ให้มือหรือวัตถุอื่นสัมผัสกับลวด
เสียบกระดาษโดยตรง นักเรียนควรทำอย่างไร (แนวคำตอบ ใชแ้ มเ่ หล็กดึงดูดลวดเสียบกระดาษออกจากแกว้ )

2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง
ผลของแรงแม่เหลก็

ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น ชั้น

เรียน (flipped classroom) ซึ่งมขี น้ั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น
– สิง่ ท่ีแมเ่ หล็กสามารถดึงดูดไดเ้ รียกว่าอะไร (แนวคำตอบ สารแมเ่ หล็ก)
(2) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคดิ เหน็ ของแตล่ ะคน

2) ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องผลของแรงแม่เหล็ก จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า นอกจากแม่เหลก็ จะสามารถดึงดูดหรอื ผลักแม่เหล็กด้วยกนั ได้แล้วยังสามารถดึงดูดสารหรือวัตถุ
บางชนิดได้อีกด้วย โดยสารหรือวัตถุที่แม่เหล็กสามารถดึงดูดได้นี้เรียกว่า สารแม่เหล็ก ส่วนใหญ่สารแม่เหล็กจะ
เป็นโลหะ เช่น เหล็ก นิกเกิล และโคบอลต์ ส่วนสารที่ไม่เป็นสารแม่เหล็ก เช่น พลาสติก อะลูมิเนียม สังกะสี และ
ทองแดง
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตแรงแม่เหล็กที่กระทำต่อวัตถุต่างๆ ตาม
ขั้นตอน ดังนี้

– สำรวจวตั ถุไมซ่ ำ้ กนั มา 10 ชนิด เขยี นช่ือวัตถทุ ีส่ ำรวจพบและวสั ดทุ ่ีใชท้ ำวตั ถุชนิดนั้น
– นำแมเ่ หล็กมาสมั ผัสวัตถแุ ต่ละชนดิ แล้วสังเกตว่ามีแรงดงึ ดูดหรือไม่
– จำแนกประเภทของวตั ถตุ า่ งๆ โดยใชก้ ารดงึ ดูดของแมเ่ หลก็ เปน็ เกณฑ์ บนั ทกึ ผล และสรปุ ผล
(3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาสให้
นกั เรียนทกุ คนซกั ถามเมื่อมปี ญั หา

3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
(1) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน
(2) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เชน่
– วสั ดุทีแ่ ม่เหลก็ สามารถดงึ ดูดไดม้ ีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ เหล็กเคลอื บด้วยนกิ เกิลและเหลก็ )
– วัสดุที่แม่เหล็กไม่สามารถดึงดูดได้มีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ทองแดง อะลูมิเนียม พลาสติก ไม้

และยาง)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แม่เหล็กดึงดูด

เฉพาะวตั ถทุ ที่ ำมาจากเหลก็ หรอื โลหะบางชนิดเท่านั้น

4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครเู ชอื่ มโยงความรู้เข้ากบั บรู ณาการอาเซียน โดยครอู ธิบายเกีย่ วกบั ความต้องการใช้เหล็กของประเทศ

ในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ให้นักเรียนเข้าใจว่า เหล็กเป็นสารแม่เหล็กที่นิยมนำมาใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรง
เชน่ โครงสร้างอาคาร โครงสรา้ งรถยนต์ และโครงสร้างของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทำใหม้ ีความต้องการใช้เหล็กมาก
ขนึ้ โดยแต่ละประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนมีความต้องการใช้เหลก็ แตกต่างกัน เชน่ ประเทศเวียดนามและไทยมี
ความต้องการใช้เหล็กมากที่สุดปีละประมาณ 20 ล้านตัน ประเทศอินโดนีเซียปีละประมาณ 13 ล้านตัน และ
ประเทศฟิลปิ ปินสแ์ ละมาเลเซียปีละประมาณ 10 ล้านตัน

(2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับผลของแรงแม่เหล็ก จากหนังสือเรียน
ภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พอ่ื นฟงั คดั คำศพั ทพ์ ร้อมทั้งคำแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้ันประเมิน (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่

เขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร

บา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับประโยชนท์ ี่ได้รับจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และการนำ

ความรทู้ ่ไี ดไ้ ปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เชน่
– วัตถใุ ดทแ่ี ม่เหล็กสามารถดึงดูดได้ (แนวคำตอบ วตั ถทุ ่ที ำมาจากสารแมเ่ หล็ก)
– ยกตวั อย่างวัสดทุ เ่ี ป็นสารแม่เหล็กมา 3 ชนดิ (แนวคำตอบ เหล็ก นกิ เกลิ และโคบอลต์)
– ยกตัวอยา่ งวัสดทุ ไ่ี ม่ใชส่ ารแม่เหลก็ มา 3 ชนิด (แนวคำตอบ ไม้ พลาสติก และอะลูมิเนียม)

ขั้นสรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับผลของแรงแม่เหล็ก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน

ทศั น์

10. สื่อการเรยี นรู้
1. แก้วทบี่ รรจุน้ำ
2. ลวดเสยี บกระดาษ
3. ใบกิจกรรม แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทำตอ่ วัตถุตา่ ง ๆ
4. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต
5. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
6. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3
7. แบบฝึกทักษะรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3
8. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3

เกณฑใ์ นการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้


Click to View FlipBook Version