โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองตน้
ตารางที่ 3.4.8-1 ดชั นคี ุณภาพนา้ ทีท่ าการวิเคราะห์บริเวณพ้นื ทโ่ี ครงการ
ดชั นีคุณภาพน้า วธิ ีการตรวจวัดวเิ คราะห์
1. ความเปน็ กรด-ดา่ ง (pH) Electrometric Method
2. อุณหภมู ิน้า (Temperature) วัดในสนามโดยใช้ Thermometer
3. ความเคม็ (Salinity) Salinity meter
4. ความโปร่งใส (Transparcncy) วัดในสนามโดยใช้ Secchi Disc
5. ความขนุ่ (Turbidity) Nephelometric Method
6. การน้าไฟฟา้ (Conductivity) วดั ในสนามโดยใช้ Conductivity Meter
7. ออกซเิ จนละลายน้า (DO) Azide Modification
8. บีโอดี (BOD) 5-Day BOD Test
9. แคลเซยี ม (Ca2+) Atomic Absorption Spectrometer Method
10. แมกนีเซียม (Mg2+) Atomic Absorption Spectrometer Method
11. โซเดียม (Na+), Atomic Absorption Spectrometer Method
12. Sodium Absorption Ratio (SAR) คา้ นวณ
13. RSC (Residual Sodium Carbonate) ค้านวณ
14. ความกระด้างทั้งหมด (Total hardness as EDTA Titrimetric Method
CaCO3) Ion Chromatography Method
15. ซัลเฟต (SO42-) Ascorbic Acid Method
16. ฟอสเฟต (PO4) Ion Chromatography Method
17. คลอไรด์ (Cl-),
18. ไนเตรท (NO3-) Ion Chromatography Method
19. แมงกานีส (Mn) Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
20. เหล็ก (Fe) Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
21. ปรมิ าณสารแขวนลอย (TSS) Dried at 103–105°C
22. ปรมิ าณของแขง็ ที่ละลายได้ (TDS) Dried at 180°C
23. ตะกัว่ Digestion, Electrothermal Atomic Absorption
Spectrometric Method
24. แคดเมยี ม Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
25. ปรอท Cole Vapour Atomic Absorption Method
26. โครเมยี ม Atomic Absorption Spectrometric Method
27. สงั กะสี Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
28. ทองแดง Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
29 สารหนู Atomic Absorption Spectrometric Method
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-59 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
ตารางที่ 3.4.8-1 ดชั นีคุณภาพน้าทท่ี าการวเิ คราะห์บริเวณพ้นื ท่ีโครงการ (ตอ่ )
ดัชนคี ุณภาพนา้ วิธีการตรวจวัดวิเคราะห์
30. โคลิฟอรม์ แบคทเี รียทั้งหมด Total Coliform Bacteria Most Probable Number Method
31. ฟคี อลโคลิฟอรม์ แบคทีเรยี Fecal Coliform Bacteria Most Probable Number Method
32. ดดี ีที (DDT Gas Chomatography
33. แอลฟา-บีเอชซี (Alpha-BHC) Gas Chomatography
34. อัลดริน (Aldrin) Gas Chomatography
35. ดีลดริน (Dieldrin) Gas Chomatography
36. เอนดริน (Endrin) Gas Chomatography
37. เฮปตาคลอร์ และเฮปตาคลอรอ์ ีปอกไซด์ Gas Chomatography
(Heptachlor and Heptachlor epoxide)
38. ไซยาไนท์ (cyanide) Distillation, Colorimetric Method
39. ไบคารบ์ อเนต (HC O3-) Calculation
3.4.9 นา้ ใต้ดิน (ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นคณุ ภาพนา้ : นางสาวนชั ษร สังขพนั ธ์)ุ
3.4.9.1 ความก้าวหนา้ ของการศกึ ษา
ท้าการวางแผนในการส้ารวจภาคสนามเพ่ือเก็บตัวอย่างน้าใต้ดิน 2 คร้ัง ตามฤดูกาล คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง
ทั้งจากบ่อน้าต้ืนและบ่อบาดาล ที่อยู่ใกล้เคียงพ้ืนที่โครงการ ดังแสดงในรูปที่ 3.4.9-1 โดยมีจุดเก็บตัวอย่างอย่างน้อย
3 สถานี ไดแ้ ก่ บ่อน้าใต้ดินท่ีบ้านเหมืองตะก่ัว พิกัด 619262E, 798489N จา้ นวน1 สถานี บ่อน้าใต้ดินที่บ้านท่าเขียด
พิกัด 620392E, 803059N จ้านวน 1 สถานี และบ่อน้าใต้ดินท่ีบ้านคลองใหญ่ พิกัด 619306E, 805993N จ้านวน
1 สถานี สา้ หรับดัชนีคุณภาพน้าท่ีจะท้าการตรวจวัด แสดงในตารางที่ 3.4.9-1
ทั้งนี้วิธีการวิเคราะห์และดัชนีการตรวจวัดจะเป็นไปตามประกาศ ของคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ
ฉบับที่ 20 พ.ศ.2543 ซ่ึงก้าหนดให้ใช้วิธีการมาตรฐานส้าหรับการวิเคราะห์น้าและน้าเสีย (Standard Methods
for the Examination of Water and Wastewater) ซึ่ง American Public Health Association, American Water
works Association and water Environmental Federation ของสหรัฐอเมริการ่วมกันก้าหนดหรือตามคู่มือวิเคราะห์
น้าและน้าเสียของสมาคมวิศวกรสิ่งแวดล้อมแหง่ ประเทศไทย
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-60 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งต้น
รูปที่ 3.4.9-1 สถานีเก็บตัวอย่างคณุ ภาพน้าใต้ดินของโครงการ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-61 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้
ตารางที่ 3.4.9-1 ลักษณะคณุ สมบตั ิของนา้ ใตด้ นิ และวธิ กี ารทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาวเิ คราะห์
พารามิเตอร์ หนว่ ย วิธีการวดั /วเิ คราะห์1/
1. สี (Color) Pt-Co Visual Comparison Method
2. ความข่นุ (Turbidity) NTU Nephelometric Method
3. ความเป็นกรด-ด่าง (pH) Electrometric Method
4. การนา้ ไฟฟ้า (Conductivity) - Electrometric Conductivity
5. ความเค็ม (Salinity) µs/cm Electrometric Conductivity
6. เหลก็ (Fe) ppt Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
7. แมงกานสี (Mn) mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
8. ทองแดง mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
9. สังกะสี mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
10. ซัลเฟต mg/l Ion Chromatography Method
11. คลอไรด์ (Cl-) mg/l Ion Chromatography Method
12. ฟลอู อไลด์ mg/l Ion Chromatography Method
13. ไนเตรท (NO3-) mg/l Ion Chromatography Method
14. ความกระด้างทงั้ หมด Total Hardness as CaCO3 mg/l EDTA Titrimetric Method
15. ปรมิ าณของแขง็ ทลี่ ะลายได้ (TDS) mg/l Dried at 180°C
16. สารหนู mg/l Digestion, Hydride Generation / Atomic
mg/l Absorption Spectrometric Method
17. ไซยาไนด์ Distillation, Colorimetric Method
18. ตะกว่ั mg/l Digestion, Electrothermal Atomic Absorption
mg/l Spectrometric Method
19. ปรอท Digestion, Cold-Vapor Atomic Absorption
mg/l Spectrometric Method
20. แคดเมยี ม Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
21. ซลี ีเนยี ม mg/l Digestion, Hydride Generation / Atomic
mg/l Absorption Spectrometric Method
22. อีโคไล (E.Coli) Most Probable Number Method
23. ความกระด้างถาวร MPN/100 ml EDTA Titrimetric Method
24. บักเตรีท่ีตรวจพบโดยวิธี Standard plate count mg/l Standard plate count
25. บกั เตรีท่ีตรวจพบโดยวิธี Most Probable Multiple Tube Fermentation Technique
Number (MPN) Colony/ml
MPN/100 ml
หมายเหตุ : 1/ แหล่งนา้ ประเภทที่ 3 (การอปุ โภคและบริโภคตอ้ งผ่านการฆา่ เช้ือโรคตามปกตแิ ละผา่ นกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้า
ทั่วไปกอ่ น และเพ่ือการเกษตร) ตามประกาศคณะกรรมการสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2537) เรอ่ื งก้าหนด
มาตรฐานคณุ ภาพน้าในแหลง่ น้าผิวดิน
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-62 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้
3.4.9.2 ผลการรวบรวมขอ้ มลู ทุติยภูมิ
สภาพลานา้ บริเวณพนื้ ท่ีโครงการ
จากการทบทวนข้อมูลทตุ ยิ ภมู กิ ารศึกษาวางแผนโครงการอ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชดา้ ริ
จังหวัดพทั ลุง พ.ศ.2552 พบว่า สภาพลา้ น้าคลองเหมอื งตะกวั่ เป็นลา้ น้าท่ีมีน้าไหลตลอดปี มตี น้ ก้าเนดิ มาจากเทอื กเขา
สงู ทางด้านทิศตะวนั ตกทิศทางการไหลของน้าไหลจากทิศตะวันตกมาทางทิศตะวันออกโดยประมาณ ไหลผ่านหบุ เขา
แคบๆ ผ่านจุดท่ีตั้งหัวงานก่อนไหลลงสู่พื้นท่ีราบที่บ้านเหมืองตะกั่ว ความยาวของล้าน้าวัดจากจุดต้นน้าถึงหัวงานมี
ความยาวประมาณ 10 กม. บริเวณที่ตั้งหัวงานล้าห้วยมีความกวา้ งประมาณ 40-50 ม. ลึกประมาณ 2-4 ม.ตลิ่งฝัง่ ซ้าย
ชันกว่าตล่งิ ฝ่ังขวา ตะกอนทางนา้ เป็นตะกอนดินและตะกอนทราย ทอ้ งน้าเป็นกรวดปนตะกอนทราย บรเิ วณล้าคลองมี
หนิ ลอยและพืดหนิ แกรนติ ตามล้านา้
3.4.9.3 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไม่พบปัญหาและอปุ สรรคแต่อย่างใด
3.4.9.4 แผนการดาเนินงานในข้ันถัดไป
จะด้าเนนิ การเก็บตัวอย่างขอ้ มลู ภาคสนามให้ครอบคลุมพนื้ ท่ีโครงการท้งั ในช่วงฤดแู ล้วและฤดฝู น พร้อมท้ัง
ดา้ เนนิ การวิเคราะหข์ อ้ มลู ทั้งขอ้ มลู ทุตยิ ภูมแิ ละข้อมูลภาคสนามในล้าดบั ต่อไป
3.5 การศกึ ษาทรัพยากรชีวภาพ
3.5.1 ป่าไม้ (ผเู้ ชีย่ วชาญดา้ นป่าไม/้ การจัดการลุ่มน้า : ผศ.ดร.ปยิ พงษ์ ทองดนี อก)
3.5.1.1 ความกา้ วหน้าของการศกึ ษา
1) ทรัพยากรป่าไม้
รวบรวมข้อมูลทุติยภูมิเก่ียวกับการใช้ที่ดิน ข้อมูลป่าไม้และช้ันคุณภาพลุ่มน้า รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและวางแผนด้าเนินการส้ารวจภาคสนาม การส้ารวจข้อมูลด้านทรัพยากรป่าไม้ในภาคสนามจะ
ด้าเนนิ การในบริเวณท่ีต้ังหัวงานเขื่อน และพ้ืนท่ีอ่างเกบ็ น้า และพื้นที่โดยรอบ ดังแสดงในรูปท่ี 3.5.1-1 เพื่อให้ทราบ
ถึงชนิดปา่ ลักษณะการใชท้ ด่ี นิ และสงิ่ ปกคลุมดินโดยสงั เขป โดยใช้แผนที่ภูมปิ ระเทศของกรมแผนท่ีทหาร มาตราส่วน
1:50,000 ข้อมูลดาวเทียม Google earth และเคร่ือง GPS (Global Positioning System) เป็นเคร่ืองมือช่วยในการ
ส้ารวจและวางแปลงศึกษา การส้ารวจทรัพยากรป่าไม้ในพ้ืนท่ีโครงการจะใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Stratified
Sampling Technique โดยประยุกต์ใช้วิธีการวางแปลงตัวอย่างแบบ Line Plot System ตามประเภทการใช้ท่ีดิน/
ชนิดปา่ ซึง่ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี
1.1) กรณีพ้ืนที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ท้าการส้ารวจโดยการสังเกตเพื่อศึกษาชนิดพรรณไม้ยืนต้นและ
ไมพ้ น้ื ล่าง ทั้งที่ชาวบ้านปลกู และท่เี กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ
1.2) กรณีพ้ืนที่ท่ีมีสภาพเป็นป่า ท้าการส้ารวจแบบแนวเส้น (Line Plot System) โดยวางแนว
ส้ารวจห่างกันประมาณ 200 เมตร และแปลงส้ารวจช่ัวคราว (Temporary Sample Plots) มีระยะห่างกัน 100 เมตร
โดยแปลงส้ารวจเป็นแปลงสี่เหลี่ยมเพื่อใช้เก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังแสดงในรูปที่ 3.5.1-2 (ต้าแหน่งแปลงส้ารวจ
ทรัพยากรป่าไม้เบื้องตน้ ) คอื
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-63 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น
ขนาดของแปลงตัวอย่าง ใช้แปลงตัวอย่างชั่วคราว (temporary sampling plots) เป็น
รูปสี่เหล่ียมขนาด 40x40 เมตร และในแปลงตัวอย่างขนาด 40x40 เมตร ได้ด้าเนินการแบ่งแปลงย่อย ออกเป็น ขนาด
10x10 5x5 และ 1x1 เมตร ซึ่งเป็นขนาดแปลงตัวอย่างท่ีตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป์ ่า และพันธุ์พืช ก้าหนดเช่นกัน
แบง่ ออกได้ตามลกั ษณะของพรรณไม้ 3 ขนาด ดงั นี้
▪ แปลงตัวอย่างส่ีเหลี่ยม ขนาด 10X10 เมตร (400 ตารางเมตร) ส้าหรับศึกษาไม้ใหญ่
(Tree) ซ่ึงหมายถึงต้นไม้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงอก (DBH) ตั้งแต่ 10 เซนติเมตรขน้ึ ไปเพื่อท้าการบันทึกข้อมูล
ชนิดไม้ (Species) ขนาดความโต (Girth) ความสูง (Height) ความสูงของไม้ยืนต้นและความสูงของไม้ที่สามารถท้า
เป็นสินคา้ ได้ (Total and Merchantable Height) คณุ ภาพของทอ่ นไม้ (TQ : Timber Quality) จา้ นวนทอ่ นไม้ ที่ใช้
เป็นสินค้าได้ (No. of Log) ความยาวไม้ท่อนท่อนละ 6 เมตร แปลงศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์ลักษณะ
ทางนิเวศวิทยาของไม้ใหญ่ทพี่ บในพ้ืนที่ เช่น ชนิดไม้ ความหนาแน่น ความเด่น และปริมาตรไม้ เป็นต้น นอกจากน้ียัง
ทา้ การศกึ ษาไม้ไผ่ ปาลม์ หวาย และไมพ้ ้ืนลา่ งอ่ืนๆ ทพ่ี บในแปลงตวั อย่างดว้ ย
▪ แปลงตัวอย่างส่ีเหลี่ยม ขนาด 4X4 ตารางเมตร (100 ตารางเมตร) วางซ้อนทับลงไปใน
แปลงขนาด 10X10 ตารางเมตร ส้าหรบั ศึกษาลกู ไม้ (Sapling) ทมี่ ี DBH ตา่้ กว่า 4-10 เซนติเมตรและมีความสูงตง้ั แต่
1.30 เมตรข้ึนไป โดยจะท้าการบนั ทึกข้อมลู ชนิด (Species) จ้านวนท่ีพบแต่ละชนดิ และความสูงเฉลยี่ ของลูกไม้ เพื่อ
น้ามาใชใ้ นการคา้ นวณหาความหนาแน่นของลกู ไม้ และใช้ประกอบการประเมนิ สถานภาพทางนิเวศวทิ ยาป่าไมใ้ นดา้ น
ชนดิ ไม้ ความหนาแน่นของลูกไม้ และโอกาสในการทดแทนตามธรรมชาตเิ ป็นไมใ้ หญ่ต่อไป
▪ แปลงตัวอย่างสี่เหล่ียม ขนาด 1X1 ตารางเมตร (16 ตารางเมตร) วางซ้อนทับลงไปใน
แปลงขนาด 4X4 ตารางเมตร ส้าหรับศึกษากล้าไม้ (Seeding) ท่มี ีขนาด DBH ต่้ากวา่ 4 เซนตเิ มตร และมีความสูงต้่า
กว่า 1.30 เมตร โดยจะท้าการบันทึกข้อมูล ชนิดและจ้านวนของกล้าไม้ และไม้พื้นล่างที่ปรากฏในแปลงศึกษา เพ่ือ
วเิ คราะห์หาความหนาแน่นของกล้าไม้ ตลอดจนใช้ในการประเมนิ ศักยภาพของการทดแทนตามธรรมชาติเปน็ ลกู ไม้ต่อไป
นอกจากนี้แล้วจะท้าการคัดเลือกพ้ืนท่ีท่ีเป็นตัวแทนของแต่ละชนิดป่า เพื่อท้าการวาง
แปลงขนาด 20x40 เมตร เพ่ือบันทึกต้าแหน่งของต้นไม้ทุกต้นที่มี DBH ต้ังแต่ 10 เซนติเมตรขึ้นไป ท้าการวัด
เส้นผ่าศูนย์กลางของเรือนยอด โดยท้าการวัด 2 คร้ังตั้งฉากกันโดยใช้เทปวัดระยะ (Measuring Tape) วัดความสูง
ท้ังหมดของต้นไม้ (Total Height) วัดความสูงถึงก่ิงสดกิ่งแรก (Height of The Main Living Branch) โดยใช้ไม้วัด
ความสูง (Measuring Pole) เพอื่ นา้ มาเขียนรูปลกั ษณะการปกคลุมของเรอื นยอดของต้นไม้ เพื่อเป็นแปลงตัวอยา่ งที่ใช้
อ้างองิ ประเภทของป่า และการจัดช้นั ความสงู ตามแนวดงิ่ (Crown Projection and Profile Diagrams)
การวิเคราะหข์ ้อมลู น้าขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการสา้ รวจทง้ั หมดมาท้าการวิเคราะห์หาค่าต่างๆ ดงั นี้
• จ้าแนกชนิดปา่ ชนดิ ไมแ้ ละไมเ้ ด่นที่พบในปา่ แต่ละชนดิ โดยแสดงทง้ั ชื่อไทยและช่ือวิทยาศาสตร์
• วเิ คราะหค์ วามหนาแนน่ เฉลยี่ ของตน้ ไม้ ลูกไม้ และกล้าไม้รวมถึงชนิดพนั ธไ์ุ มเ้ ด่นในสังคมพืช
• การแบ่งชั้นความสูงตามแนวด่ิง (Vertical Stratification) วิเคราะห์โดยใช้ Profile Diagram ตาม
วิธีการของ Davis และ Richards (1933) และ Richards (1983)
• วเิ คราะหป์ ริมาตรไม้ คณุ ภาพและสถานภาพการอนุรกั ษข์ องท่อนไม้ทส่ี ามารถทา้ เป็นสินค้าได้
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-64 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น
รปู ท่ี 3.5.1-1 แผนท่ีพ้ืนทป่ี ่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทดั (โ น C) และ
เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ ่าเขาบรรทัด บริเวณพื้นทโ่ี ครงการ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-65 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
ูรป ่ีท 3.5.1-2 แผนท่ีตาแห ่นงแปลงสารวจท ัรพยากรป่าไ ้มบริเวณ ้พืนที่โครงการ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-66 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้
3.5.1.2 ผลการรวบรวมขอ้ มูลทุติยภูมิ
เขตรกั ษาพันธุ์สัตวป์ ่าเขาบรรทัด
ต้ังอยู่ในเทือกเขาบรรทัดซ่ึงเป็นเทือกเขาท่ีวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ และแบ่งระหว่างภาคใต้ฝ่ังตะวันออกและ
ภาคใต้ฝ่ังตะวันตก แบ่งเป็นจังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ครอบคลุมพื้นท่ีบางส่วนของ
4 จังหวัด ได้แก่ จงั หวัดพัทลุง จงั หวัดตรงั จังหวดั สตลู และจังหวัดสงขลา พื้นที่ประมาณ 791,847 ไร่ หรอื 1266.96
ตารางกิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง ระหว่าง 100-1,350 เมตร และความสูงชันอยู่ระหว่าง 250-
300 ภเู ขาบรเิ วณเขตรักษาพันธ์ุสัตวป์ ่าเขาบรรทดั นอกจากจะเปน็ ท่อี ย่อู าศยั ของสัตว์ปา่ จา้ นวนมาก และยงั เป็นแหล่ง
ต้นน้าทะเลสาบสงขลา ซ่ึงอยู่ทางด้านทางทิศตะวันออกของเทือกเขาน้ี ได้แก่ คลองนาท่อม คลองหัวมร คลองท่า
มะเดื่อ คลองป่าบอน คลองพรุพ้อ และคลองรัตภูมิ ซ่ึงคลองเหล่านี้จะเป็นที่รวมของล้าน้าเล็กอีกจ้านวนหลายสายที่
ไหลลงสู่ทะเลสาปสงขลา ทางด้านตะวันตก นั้นก็เช่นเดียวกันยังมี ล้าน้าอีกหลายสาย ที่ต้นน้าเกิดจากภูเขาในเขต
รักษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา่ เขาบรรทัด และไหลลงสทู่ ะเลอันดามนั ได้แก่ แม่นา้ ตรัง แมน่ ้าปะเหลียน คลองลิพังและคลองละงู
เขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ปา่ เขาบรรทัด มีสภาพป่าที่แตกต่างกัน 2 ลักษณะ คือ ปา่ ดิบชื้นและป่าเขาหินปูน ซ่งึ เป็น
ปา่ ที่ไม่ผลัดใบ-ปา่ ดงดบิ ชน้ื เป็นป่าที่ขน้ึ ปกคลุมพนื้ ท่ีส่วนใหญ่ของเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า พบตั้งแต่บริเวณลา้ ห้วยขนึ้ ไป
จนถึงยอดเขา มีพรรณไม้ขนาดต่างๆ ข้ึนอยู่อย่างหนาแน่น เรือนยอดปกคลุมมากกว่า 80% บริเวณพ้ืนที่ป่าปกคลุม
ด้วยอินทรีย์วัตถุ ซึ่งเป็นซากของใบไม้กิ่งไม้เป็นจ้านวนมาก-ป่าเขาหินปูน เป็นป่าท่ีข้ึนอยู่เฉพาะตามภูเขาที่เป็นเขา
หินปูนเทา่ นั้น
ในเขตรักษาพนั ธส์ุ ัตว์ป่าเขาบรรทัด พบว่า ปา่ เขาหนิ ปูนบริเวณหน่วยพิทักษป์ ่าโตนเต๊ะ และบริเวณถ้าเจด็ คต
ใกล้หน่วยพิทักษ์ป่าคีรีวง สภาพป่าเป็นป่าแคระแกร็น ไม้ที่ขึ้นอยู่มีขนาดเล็ก เน่ืองจากมีซับหน้าดินน้อยมากชนิด
พรรณไมบ้ ริเวณท่ีข้ึนถงึ นน้ั เปน็ เนินเขาเต้ียๆ ไม่สงู ชัน มีชั้นหนา้ ดนิ ค่อนข้างหนาและติดอยู่กับปา่ ดิบช้ืน
จากการทบทวนขอ้ มูลทุตยิ ภมู กิ ารศกึ ษาวางแผนโครงการอ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกั่วอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา้ ริ
จังหวัดพัทลุง พ.ศ.2552 พบว่า ทรัพยากรป่าไม้ อ้าเภอป่าบอนมีพื้นท่ีป่าไม้ที่ส้าคัญ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขา
จันทร์ ป่าเทือกเขาบรรทัด แปลงที่ 1 ตอนท่ี 3 ท้ังน้ีท่ีปรึกษาได้ด้าเนินการตรวจสอบพื้นท่ีโครงการ ที่
ซ้อนทับอยู่ในพื้นทอี่ นรุ ักษต์ ามกฎหมายต่างๆ ดังแสดงตารางท่ี 3.5.1-1
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-67 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องต้น
ตารางที่ 3.5.1-1 พื้นท่โี ครงการอ่างเก็บนา้ เหมืองตะกั่วอันเน่ืองมาพระราชดาริ อยู่ในเขตพื้นทอ่ี นรุ กั ษ์
องคป์ ระกอบโครงการ พืน้ ที่ (ไร)่ พืน้ ท่ปี ่าเศรษฐกจิ (E) พืน้ ที่ป่าอนุรักษ์ (C) เขตรักษาพันธุ์สตั ว์ปา่ ปา่ เทือกเขาบรรทดั ปา่ เขาจนั ทร์
(ไร)่ (ไร)่ (ไร่) (ไร่) (ไร)่
อา่ งเก็บนา้
หัวงาน 1,044.751 444.217 600.534 640.124 1,044.751 -
ถนนเขา้ หัวงาน
บอ่ ยืมดนิ 263.304 168.214 30.245 44.480 121.043 31.236
12.532 10.236 - - - 10.607
887.213 91.928 209.669 251.007 301.957 38.314
2) ช้ันคุณภาพลมุ่ น้า
รวบรวมเอกสารและข้อมูลจากส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มแห่งชาติ
เป็นตน้ เอกสารและข้อมูลทีท่ ้าการรวบรวม เช่น แผนที่แสดงขอบเขตที่ต้ังและรายละเอียดที่ตั้งโครงการ แผนท่ีแสดง
ขอบเขตชัน้ คณุ ภาพลุ่มน้า บรเิ วณชน้ั คุณภาพลุ่มนา้ ครอบคลมุ พืน้ ท่โี ครงการ แผนทกี่ ารใชท้ ่ีดนิ บรเิ วณพ้นื ทโี่ ครงการ
พบว่า บริเวณโครงการอ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว มีพ้ืนที่น้าท่วมและพื้นท่ีหัวงานครอบคลุมพ้ืนท่ีท้ังหมด
118.71 ไร่ อยใู่ นพื้นท่ีช้นั คุณภาพลุ่มน้าชน้ั ท่ี 3 รองลงมาอยู่ในพื้นที่ช้ันคุณภาพลมุ่ น้าชั้นท่ี 4 ตามล้าดับ ส่วนพื้นท่ีรับ
ประโยชน์มีพ้นื ท่ีทั้งหมด 12,456 ไร่ พื้นที่บางส่วนอยู่ในพ้นื ที่ช้ันคุณภาพลุ่มน้าชั้นที่ 3 และ ชั้นท่ี 4 พน้ื ที่ส่วนใหญ่อยู่
ในชัน้ คณุ ภาพลุม่ นา้ ชั้นที่ 5 ตามลา้ ดับ แสดงดังตารางที่ 3.5.1-2 และรปู ท่ี 3.5.1-3
ตารางท่ี 3.5.1-2 พ้ืนทชี่ ั้นคุณภาพล่มุ นา้ บริเวณพื้นทโี่ ครงการ
หน่วย : ไร่
พื้นทโ่ี ครงการ ชั้นคณุ ภาพลุ่มน้า รวม
1A 1B 2 3 4 5
พืน้ ที่อา่ งเก็บน้า - - - 16.619 102.087 - 118.71
พนื้ ที่รับประโยชน์ - - - 8.840 42.948 12,404.257 12,456.05
ที่มา : ส้านักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตลิ ะส่งิ แวดล้อม, 2548
3.5.1.3 ปญั หาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไข
เนื่องจากพื้นท่ีหัวงานและอ่างเก็บน้า มีพ้ืนท่ีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซ่ึงซ้อนทับอยู่ในเขตป่า
สงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัด ป่าเขาจันทร์ ดังนั้นจึงมีความจ้าเป็นในการขออนุญาตเพื่อเข้าไปท้าการศึกษาหรือ
วิจัยทางวชิ าการในพ้ืนทปี่ ่าอนุรักษ์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช รวมถึงขออนุญาตเข้าทา้ ประโยชน์ใน
การศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ ซึ่งขณะนี้อยรู่ ะหว่างด้าเนนิ การขออนุญาต
จึงยังไมส่ ามารถดา้ เนินการสา้ รวจภาคสนามได้
3.5.1.4 แผนการดาเนินงานในข้นั ถัดไป
เม่ือได้อนุญาตจากหน่วยงานทเ่ี กย่ี วข้องในการขอเข้าศกึ ษาวิจยั ในพน้ื ทปี่ า่ อนรุ กั ษ์จะด้าเนนิ การเก็บตวั อย่าง
ขอ้ มูลภาคสนามพร้อมทง้ั ดา้ เนนิ การวิเคราะหข์ ้อมูลทั้งข้อมลู ทตุ ิยภมู ิและขอ้ มูลภาคสนามในลา้ ดับต่อไป
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-68 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
รูปท่ี 3.5.1-3 แผนท่ีชนั้ คุณภาพลมุ่ นา้ บรเิ วณพนื้ ที่โครงการ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-69 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้
3.5.2 สตั วป์ า่ (ผู้เชีย่ วชาญด้านสัตวป์ ่า : นายประทีป มีวัฒนา)
3.5.2.1 ความก้าวหนา้ ของการศกึ ษา
ท้าการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลดา้ นสัตว์ป่าจากเอกสารและรายงานท่ีไดม้ ีการรวบรวมไว้แล้ว โดยเฉพาะ
ขอ้ มลู จากพื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาตปิ ่าเทือกเขาบรรทดั และเขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ปา่ เขาบรรทัดและบริเวณใกล้เคียง
วางแผนเพ่ือท้าการส้ารวจภาคสนามในพ้ืนที่ศึกษา เพ่ือให้ทราบถึงชนิด ปริมาณ การกระจาย แหล่งอาหาร
และที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการประเมินผลกระทบต่อสัตว์ป่าในพื้นท่ีลุ่มน้า พ้ืนที่รับผลกระทบ/
พื้นที่น้าท่วมของโครงการ โดยจะท้าการส้ารวจ 2 ครัง้ ในช่วงฤดูกาลของการเปลี่ยนแปลงประชากรสัตวป์ ่า ประเภท
สัตว์ประจ้าถ่ิน และสัตว์ป่าอพยพ ท้ังนี้จะใช้ท้ังวิธีการส้ารวจโดยตรง (Direct count) และส้ารวจโดยอ้อม (Indirect
count) ซงึ่ อธบิ ายโดยสังเขป ดังน้ี
• วิธีการส้ารวจโดยตรง (Directed count)เป็นวิธีการเข้าไปส้ารวจภาคสนามในบริเวณพื้นที่ศึกษา โดย
การเก็บขอ้ มูลชนดิ สัตว์ จ้านวนและรอ่ งรอยของสตั ว์ เชน่ รอยเท้า โพรง รงั มูล ขน คราบ และลักษณะอน่ื ๆ ท่ีปรากฏ
เช่น เสียงร้อง เป็นต้น ซ่ึงการส้ารวจโดยตรง อาจใช้วิธีการสังเกต (observed) วิธีการค้นหา (searching) วิธีการ
ส่องไฟ (spotlight count) วิธกี ารใช้กล้อง (camera trap) และวิธีการดักจบั (life trap)การส้ารวจโดยตรงกระทา้ ทั้ง
กลางวัน 6.00-18.30 น. และกลางคนื เวลา 19.00-23.00 น. และมีการนอนคา้ งแรมในพน้ื ที่โครงการด้วย
• วธิ ีการส้ารวจโดยทางอ้อม (Indirected count)เป็นการเก็บข้อมูลสัตว์ป่าโดยทางอ้อมจากแหล่งข้อมูล
ทุติยภูมิ แยกเป็น 2 วิธีการ คือ การตรวจสอบจากเอกสาร (Literature review) และการสอบถาม (Inquiry) ชาวบ้านพราน
และเจ้าหน้าท่ี เพ่ือจะได้ทราบถึงข้อมูล ชนิดสัตว์ป่าที่พบเห็น และผลการสัมภาษณ์ท้าให้ได้ข้อมูลด้านการล่าสัตว์ป่า
และการใชป้ ระโยชนส์ ตั ว์ปา่ ของชาวบ้านดว้ ย
การวเิ คราะห์ข้อมูล ผลจากการรวบรวมข้อมลู ทั้งทางตรงและทางออ้ ม จะน้ามาวเิ คราะหแ์ ละจัดทา้ เป็น
รายช่ือสัตว์ป่าท้ังหมดท่ีส้ารวจพบ โดยแยกเป็น 4 กลุ่ม คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก สัตว์เล้ือยคลาน และสัตว์สะเทินน้า
สะเทินบก ซ่งึ แต่ละกลุม่ จะระบุความชุกชุม (Abundance) สถานที่พบ (Habitat type) และสถานภาพ (Status) ของ
แตล่ ะชนิด
3.5.2.2 ผลการรวบรวมขอ้ มลู ทตุ ยิ ภมู ิ
เขตรักษาพนั ธ์ุสัตวป์ า่ เขาบรรทัด
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด มีทรัพยากรสัตว์น้ัน แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม
สตั ว์จ้าพวกนก สตั วส์ ะเทินน้าสะเทนิ บก สตั วเ์ ลื้อยคลาน ดังนี้
กลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม เช่น ค้างคาวขอบหูขาว ค้างคาวขอบหูด้า ค้างคาวหัวด้า ค้างคาวหน้ายาว
ค้างคาวหางโผล่ กระรอกหางม้า กระรอกดิน กระเต็น พญากระรอกบินหูแดง หนูขนเสียน หนูหวาย หนูฟาน และ
หนูฟันขาว
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-70 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
กลุ่มนก จ้านวน 283 ชนิดมนี กจ้านวนหลายวงศ์ ท่ีมจี ้านวนชนิดสูงมากเกิน 10 ชนิด วงศ์กนิ แมลงมีจา้ นวน
26 ชนิด วงศ์นกปรอด 17 ชนิด วงศ์นกหัวขวานมี 18 ชนิด วงศ์นกจับแมลง 14ชนิด วงศ์นกกินปลามี 12 ชนิด
และวงศ์นกคัดคู 11 ชนิด
กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก มีวงศ์กบต่างๆ จ้านวน 16 ชนิด วงศ์อ่ึงต่างๆ จ้านวน 7 ชนิด กลุ่ม
สัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มเต่า กลุ่มตะพาบน้า มีจ้านวน 3วงศ์ 9 ชนิด กลุ่มต๊ักแก ก้ิงก่าและจิ้งเหลน มี 4 วงศ์ 35 ชนิด
กลุ่มงูมี 6 วงศ์ 28 ชนิด กลุ่มปลาน้าจืด รวมท้ังสิ้น 29 ชนิด วงศ์ที่มีจ้านวนชนิดท่ีสูงท่ีสุด คือ วงศ์ปลารากกล้วย
มจี า้ นวน 6 ชนิด รองลงไปคือ วงศป์ ลาแขยง และวงศ์ปลาช่อน
3.5.2.3 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
เนื่องจากพื้นท่ีหัวงานและอ่างเก็บน้า มีพ้ืนท่ีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซ่ึงซ้อนทับอยู่ในเขต
ปา่ สงวนแห่งชาตปิ า่ เทือกเขาบรรทัด ปา่ เขาจนั ทร์ ดงั นั้นจึงมีความจา้ เป็นในการขออนญุ าตเพอ่ื เขา้ ไปทา้ การศกึ ษาหรือ
วิจัยทางวชิ าการในพ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช รวมถึงขออนุญาตเข้าท้าประโยชน์ใน
การศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ ซ่ึงขณะน้ีอย่รู ะหว่างด้าเนินการขออนุญาต
จึงยังไมส่ ามารถดา้ เนินการสา้ รวจภาคสนามได้
3.5.2.4 แผนการดาเนนิ งานในข้ันถัดไป
เม่ือได้อนุญาตจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการขอเข้าศึกษาวิจัยในพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์จะด้าเนินการเก็บตัวอย่าง
ข้อมูลภาคสนามทั้งในช่วงฤดูแล้วและฤดฝู น พร้อมทั้งด้าเนนิ การวเิ คราะห์ข้อมูลทั้งข้อมูลทุติยภูมแิ ละข้อมูลภาคสนาม
ในล้าดบั ตอ่ ไป
3.5.3 นเิ วศวทิ ยาทางน้า (ผู้เช่ียวชาญด้านนิเวศวทิ ยาทางน้า : ผศ.ดร.สมหมาย เจนกจิ การ)
3.5.3.1 ความกา้ วหนา้ ของการศึกษา
ด้าเนินการรวบรวมข้อมูลจากรายงานท่ีเก่ียวข้องและวางแผนด้าเนินการส้ารวจข้อมูลภาคสนามและเก็บ
ตวั อย่างส่ิงมีชีวิตทางนา้ รวมถึงการสอบถามจากคนในพ้ืนที่เก่ียวกับพันธ์ุปลาและสตั ว์น้าในล้าน้าเหมืองตะกั่วและล้า
น้าใกลเ้ คยี ง เพอ่ื ใหท้ ราบถึงสภาพนิเวศวิทยาทางน้าและทรัพยากรประมงโดยสถานเี ก็บตวั อย่าง เปน็ สถานีเดยี วกันกับ
การเก็บตัวอย่างคุณภาพน้าผิวดิน ท้ังหมด 4 สถานี จ้านวน 2 ฤดูกาล คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง (รูปท่ี 3.4.8-1) โดย
รายละเอยี ดการเกบ็ ตัวอย่างส่งิ มชี วี ิตทางน้า ได้แก่ แพลงกต์ อน สัตว์หนา้ ดนิ และพรรณไมน้ า้ ปลา และสัตวน์ ้าอื่นๆ มีดังนี้
1.1) แพลงกต์ อนพืชและแพลงก์ตอนสตั ว์
ใช้ถุงแพลงก์ตอนขนาดตา 30 ไมครอน เพื่อกรองตัวอย่างน้าปริมาณ 10 ลิตร ซึ่งตักโดยกระบอก
ตักน้าแบบปิดอัตโนมัติ จากบริเวณกลางคลองที่ความลึกประมาณ 1 เมตร ใต้ระดับผิวน้า ตัวอย่างแพลงก์ตอน ท่ีค้างอยู่
ในถุงแพลงก์ตอน จะถูกรวบรวมและดองด้วยน้ายาฟอร์มาลีน เข้มข้น 5-7% เพื่อน้ามาท้าการวิเคราะห์จ้าแนกชนิด
และจ้านวน ณ หอ้ งปฏิบตั ิการต่อไป โดยความหนาแน่นของส่ิงมีชีวิตในน้า จะค้านวณในหน่วยเซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร
หลังจากท่ีท้าการวิเคราะห์ชนดิ และความหนาแนน่ ของแพลงก์ตอนของแต่ละสถานี จะนา้ มาค้านวณความหลากหลาย
ทางชีวภาพ (Species Diversity Index) จากสมการของ Shannon - Wiener Index (Shannon และ Wiener,
1963) ดังน้ี
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-71 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองต้น
H’ = s
- i=1 (ni / n)n(ni / n)
เมอื่ H’ = ดชั นคี วามหลากหลาย
s = จา้ นวนชนิดของแพลงก์ตอน
n = จ้านวนแพลงก์ตอนท้ังหมด
nI = จ้านวนแพลงกต์ อนแต่ละชนิด
ความหลากหลายทางชีวภาพท่ไี ด้ จะบ่งชีถ้ งึ เกณฑ์คุณภาพน้า (Wilhm and Dorrix, 1968) ดังน้ี
H’ < 1.0 คุณภาพน้าต้่า
H’ = 1.0-3.0 คุณภาพนา้ อยใู่ นเกณฑ์ปานกลาง
H’ > 3.0 คณุ ภาพน้าอยู่ในเกณฑ์ดีถงึ ดีมาก
นอกจากน้ีแล้วจะท้าการเก็บตัวอย่างน้าเพ่ือน้าไปวิเคราะห์ Chlorophyll A และ Pheophytin A
โดยมีวิธีการเก็บตัวอย่างตาม Standard methods for the Examination of Water and Wastewater (20 edition, 1998)
ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี
(1) กรองน้าตัวอย่างด้วยกระดาษกรองขนาด 0.45 ไมครอน ทันทีที่เก็บตัวอย่างแล้วจดปริมาตร
ท่ีผ่านกระดาษกรองไว้เพื่อน้าไปค้านวณหา Chlorophyll A ต่อไป โดยปริมาตรน้าท่ีใช้ในการกรองให้ดูจากความ
หนาแนน่ ของแพลงกต์ อน และปริมาณตะกอนทีม่ อี ยู่ในตัวอย่างนา้ นั้นเปน็ หลัก คอื อย่างนอ้ ยบนกระดาษควรปรากฏสี
เขยี วของแพลงก์ตอนให้เหน็
(2) หยด MgCO3 ลงในกระดาษท่ีกรองน้าผ่านแล้ว 3-4 หยด พับคร่ึง แล้วใส่ภาชนะปิดมิดชดิ เช่น
กระดาษฟอยล์ในถุงพลาสติกที่ไม่มีอากาศ แล้วน้าไปเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง และส่งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้า
ของคณะประมงมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
1.2) สัตว์หนา้ ดิน
ท้าการเก็บตัวอย่าง ณ สถานีเดียวกันกับสถานีเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน โดยใช้ Ekman Grab
ขนาดพ้ืนที่ 0.5 ตารางฟุต ตักดินพ้ืนท้องน้า ณ แต่ละสถานี จ้านวน 3 ตัวอย่าง โดยตัวอย่างทั้งหมดท่ีเก็บได้จะถูก
น้ามารวมเข้าด้วยกันเพ่ือจ้าแนกขนาดของสัตว์หน้าดิน โดยตะแกรงลวดหลายขนาด นอกจากนี้จะบันทึกลักษณะ
ตะกอน และดองตัวอย่างท่ีค้างอยู่ในตะแกรงด้วยน้ายาฟอร์มาลีนที่มีความเข้มข้น 5-7% เพ่ือน้ามาท้าการวิเคราะห์
จ้าแนกชนิดและจา้ นวน ณ ห้องปฏิบตั กิ ารตอ่ ไป
1.3) ปลาและสัตวน์ ้าอนื่ ๆ
ท้าการเก็บตัวอย่าง ณ สถานีเดียวกันกับสถานีเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน และสัตว์หน้าดินทั้งหมด
3 สถานี โดยใช้เบ็ดตกปลา และตาข่ายลอ้ มปลา ปลาท่จี บั ไดจ้ ะถกู นา้ มาจา้ แนกชนิด น้าหนักและความยาวของตัวปลา
ซึง่ หากไม่สามารถจา้ แนกชนดิ ได้จะท้าการเก็บรักษาตัวอย่างในถงุ พลาสติกในนา้ ยาฟอรม์ ารนี ความเข้มขน้ 10% และ
น้าส่งไปวเิ คราะห์ที่ห้องปฏบิ ัตกิ ารตอ่ ไป นอกจากนี้จะทา้ การเก็บขอ้ มลู โดยการสอบถามจากชาวบา้ นบรเิ วณน้ันด้วย
ทั้งนี้ในขณะท่ีท้าการเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน สัตว์หน้าดินและปลา จะท้าการตรวจสอบสภาพ
ปัจจุบันของการใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ รมิ ฝง่ั น้า พืชน้า ระบบนิเวศวทิ ยาทางนา้ รวมท้ังการทา้ ประมง และเพาะเลีย้ งสตั วน์ ้า
ในล้าน้า
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-72 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้อื งตน้
3.5.3.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
เนื่องจากพ้ืนที่หัวงานและอ่างเก็บน้า มีพ้ืนที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซ่ึงซ้อนทับอยู่ในเขตป่า
สงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัด ป่าเขาจันทร์ ดังน้ันจึงมีความจ้าเป็นในการขออนุญาตเพ่ือเข้าไปท้าการศึกษาหรือ
วจิ ัยทางวชิ าการในพื้นท่ปี ่าอนรุ ักษ์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช รวมถึงขออนุญาตเข้าท้าประโยชน์ใน
การศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างด้าเนนิ การขออนุญาต
จึงยงั ไม่สามารถด้าเนินการส้ารวจภาคสนามได้
3.5.3.3 แผนการดาเนินงานในขน้ั ถัดไป
เมื่อได้อนุญาตจากหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งในการขอเข้าศึกษาวิจัยในพ้ืนทปี่ ่าอนุรกั ษ์จะด้าเนินการเก็บตัวอย่าง
ข้อมูลภาคสนามให้ครอบคลุมพื้นที่โครงการทั้งในช่วงฤดูแล้วและฤดูฝน พร้อมท้ังด้าเนินการวิเคราะห์ข้อมูลท้ังข้อมูล
ทตุ ิยภูมิและข้อมลู ภาคสนามในล้าดบั ต่อไป
3.6 การศกึ ษาคณุ ค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์
3.6.1 การชลประทาน (ผู้เช่ยี วชาญด้านชลประทาน : นายวรรธนะ ชัชวัชวมิ ล)
3.6.1.1 ความก้าวหนา้ ของการศกึ ษา
1. โครงการพัฒนาแหล่งนา้
โครงการพัฒนาแหลง่ น้าของกรมชลประทานที่ได้ด้าเนินการในพ้ืนท่ีลุ่มน้าทะเลหลวง มีจ้านวน 5 แห่ง
ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้าคลองบางคราม โครงการอ่างเก็บนา้ โหละ๊ จังกระ โครงการอ่างเก็บน้าคลองหัวช้าง โครงการ
อ่างเก็บน้าปา่ บอน และโครงการอ่างเก็บน้าโคกไทร แสดงต้าแหน่งของโครงการดังไว้รูปท่ี 3.6.1-1 สามารถเกบ็ กักน้า
ได้ความจุรวม ประมาณ 87.45 ลา้ น ลบ.ม.
2. การสารวจและตรวจเย่ยี มพนื้ ทโ่ี ครงการ
กลุ่มผู้เช่ียวชาญและวิศวกรสนับสนุน ได้ตรวจสอบบริเวณพื้นที่โครงการ เม่ือวันท่ี 9 ตุลาคม 2562 ได้
เข้าพบประชาชนในพื้นทีแ่ ละตรวจสอบพื้นทโี่ ครงการเบื้องตน้ ดังแสดงในรปู ที่ 3.6.1-2
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-73 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้
ทมี่ า : กลุ่มบริษทั ที่ปรกึ ษา, 2562
รปู ที่ 3.6.1-1 โครงการพฒั นาแหล่งนา้ ในปจั จบุ นั ของพ้ืนที่ลมุ่ น้าทะเลหลวง
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-74 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งต้น
รปู ที่ 3.6.1-2 พบประชาชนในพื้นที่และตรวจสอบพน้ื ท่โี ครงการเบื้องต้น
3.6.1.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
ไม่พบปญั หาและอปุ สรรคแต่อย่างใด
3.6.1.3 แผนการดาเนนิ งานในข้ันถัดไป
คัดเลอื กรูปแบบทางเลือกระบบชลประทาน
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-75 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้
3.6.2 เกษตรกรรม ปศสุ ตั ว์ และการเพาะเลี้ยงสตั ว์น้า (ผู้เชีย่ วชาญด้านเกษตร : รศ.ดร.เอ็จ สโรบล)
3.6.2.1 ความกา้ วหน้าของการศึกษา
อ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง ต้ังอยู่ที่อ้าเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง
ส้าหรับการศึกษาข้อมูลด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ประมงและการเล้ียงสัตว์ จะใช้ข้อมูลภาพรวมของจังหวัดพัทลุงเป็น
ตัวแทน เนื่องจากครอบคลมุ พน้ื ทศ่ี ึกษาของโครงการมากท่สี ดุ โดยสรุปรายละเอยี ดแตล่ ะหัวขอ้ ไดด้ งั นี้
1. ครวั เรอื นเกษตรกรและแรงงานภาคเกษตร
จังหวัดพัทลุงมีจ้านวนครัวเรือน 192,087 ครัวเรือน แบ่งเป็นครัวเรือนเกษตรกรจ้านวน 87,093 ครัวเรือน
คิดเป็นร้อยละ 45.34 ของจ้านวนครัวเรือนทั้งหมด เมื่อคิดเป็นจ้านวนแรงงานในภาคเกษตรแล้วมีจ้านวนท้ังส้ิน
250,398 ราย (ตารางที่ 3.6.2-1)
ตารางท่ี 3.6.2-1 จานวนครัวเรอื นเกษตรกรและจานวนแรงงานภาคเกษตรของจังหวดั พทั ลงุ
อาเภอ จานวนครัวเรือน 1 จานวนครัวเรือน รอ้ ยละจานวน จานวนแรงงาน
เกษตรกร 2 ครวั เรือนเกษตร/ ภาคเกษตร (ราย)
เมอื งพัทลงุ ครัวเรอื นท้ังหมด
เขาชัยสน 48,056 15,343 34,281
ควนขนนุ 16,288 7,991 31.93 31,598
ปากพะยนู 31,217 14,624 49.06 33,174
กงหรา 17,259 8,440 46.85 27,260
ตะโหมด 11,308 5,970 48.9 33,462
ศรบี รรพต 11,485 6,201 52.79 12,327
ป่าบอน 6,723 4,171 53.99 9,866
บางแก้ว 17,050 7,914 62.04 31,956
ปา่ พะยอม 9,394 4,710 46.42 9,656
ศรนี ครนิ ทร์ 13,333 5,939 50.14 12,585
9,974 5,790 44.54 14,233
รวม 192,087 87,093 58.05 250,398
45.34
ที่มา : 1 ขอ้ มูลท่ที า้ การปกครองจังหวัดพทั ลงุ ปี 2561
2 ข้อมลู ส้านกั งานเกษตรจังหวดั พัทลุง ปี 2560
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-76 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องต้น
2. การใช้ทีด่ ินเพือ่ การเกษตร
ในปี 2560 มีการใช้ที่ดินเพ่ือการเกษตรจ้านวน 1,555,363 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 72.67 ของพ้ืนที่ท้ังหมด
ส่วนใหญ่ใช้ในการปลกู ไมผ้ ล/ไม้ยืนต้น 1,005,186 ไร่ (ร้อยละ 64.64) รองลงมาคือ ท่ีนา 130,438 ไร่ (ร้อยละ 8.39)
พ้ืนทเี่ กษตรอืน่ ๆ 35,087 ไร่ (ร้อยละ 2.25) และ พืชไร่/พืชผัก/ไมด้ อก 20,055 ไร่ (รอ้ ยละ 1.28) นอกจากนี้ยงั มีเนอื้ ท่ี
ถือครองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จ้านวน 364,598 ไร่ (ร้อยละ 23.45) โดยมีรายละเอียดการใช้ท่ีดินเพื่อการเกษตรแยก
ตามรายอา้ เภอแสดงดังตารางที่ 3.6.2-2
ตารางท่ี 3.6.2-2 การใช้ทด่ี ินเพอ่ื การเกษตรแยกตามรายอาเภอจังหวัดพัทลงุ ปี 2560
พนื ทท่ี าการเกษตร
พนื ทท่ี งั หมด ทนี่ า ไม้ผล/ไม้ยืนตน้ พืชไร่/พชื ผกั /ไม้ดอก เกษตรอน่ื ๆ เนอื ทถี่ อื ครองไม่ใช้ รวมพนื ทท่ี าการเกษตร
จานวน (ไร่) ประโยชน์
อาเภอ
จานวน (ไร่) ร้อยละ จานวน (ไร่) ร้อยละ จานวน (ไร่) ร้อยละ จานวน (ไร่) ร้อยละ จานวน (ไร่) ร้อยละ จานวน (ไร่) ร้อยละ
เมอื งพทั ลงุ 267,138 47,849 3.08 55,765 3.59 710 0.05 6,650 0.43 57,631 3.71 168,604 63.11
106,624 6.86 231 0.01 1,100 0.07 4,122 0.27 122,533 75.37
เขำชัยสน 162,572 10,456 0.67 106,826 6.87 1,726 0.11 12,371 0.80 57,833 3.72 217,180 76.55
74,909 4.82 1,416 0.09 3,157 0.20 113,760 7.31 204,111 75.37
ควนขนุน 283,725 38,424 2.47 80,432 5.17 2,268 0.15 0.03 12,949 0.83 101,355 63.38
106,563 6.85 4,051 0.26 535 0.05 3,999 0.26 116,738 70.68
ปำกพะยูน 270,796 10,869 0.70 82,623 5.31 673 0.04 794 0.07 6,443 0.41 91,726 67.17
163,182 10.49 5,013 0.32 1,077 0.24 20,790 1.34 200,069 84.23
กงหรำ 159,910 5,171 0.33 47,316 3.04 1,466 0.09 3,722 0.08 7,572 0.49 60,376 81.18
102,631 6.60 1,444 0.09 1,236 0.10 39,331 2.53 149,394 61.86
ตะโหมด 165,163 1,331 0.09 78,315 5.04 1,057 0.07 1,628 0.18 40,168 2.58 123,277 87.42
1,005,186 64.64 20,055 1.28 2,817 2.25 364,598 23.45 1,555,363 72.67
ศรีบรรพต 136,565 910 0.06 35,087
ป่ำบอน 237,530 7,362 0.47
บำงแกว้ 74,375 2,786 0.18
ป่ำพะยอม 241,503 4,360 0.28
ศรีนครินทร์ 141,019 920 0.06
รวม 2,140,296 130,438 8.39
ท่ีมา : สา้ นักงานเกษตรจงั หวัดพัทลงุ , 2560
3. การผลติ พืช
1) ขอ้ มูลสนิ ค้าเกษตรที่สาคญั ของจังหวัด
(1) ยางพารา
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรที่เพาะปลูกยางพาราจ้านวน 68,503 ราย เนื้อที่ปลูก
1,001,904 ไร่ เน้ือที่เกบ็ เก่ียว 831,788 ไร่ ผลผลติ เฉลี่ยอยู่ที่ 252 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตท่ีเก็บเก่ียวได้ 209,360,000 กิโลกรัม
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 42.74 บาทต่อกโิ ลกรัม คิดเปน็ มูลคา่ ผลผลิต 8,948.05 ลา้ นบาท
(2) ข้าว
ข้าวนาปี เป็นพืชหนึ่งที่สร้างมูลค่าให้กับจังหวัดพัทลุงนอกเหนือจากยางพารา มีรอบการผลิต
เหล่ือมปีคือเร่ิมปลูกข้าวนาปีในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงเดือนปลายเดือนธันวาคม และเร่ิมเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน
มกราคมถึงกุมภาพันธ์ พันธุ์ขา้ วที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมีท้ังพนั ธุ์พื้นเมืองและพันธส์ุ ่งเสริม ได้แก่ พันธุ์เลบ็ นก เอ้ียง
พัทลุง สังข์หยด ชัยนาท ปทุมธานี 1 และสุพรรณบุรี 1 ส้าหรับข้อมูลการผลิตข้าวนาปี ในปี 2561 พบว่า มีจ้านวน
เกษตรกรท่ีปลูกข้าวนาปีจ้านวน 18,773 ราย เนื้อท่ีปลูก 136,392 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 136,392 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ท่ี
445 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตที่เก็บเก่ียวได้ 60,733,000 กิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 8 บาทต่อกิโลกรัม
คิดเป็นมลู ค่าผลผลิต 485.86 ล้านบาท
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-77 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น
ข้าวนาปรัง ฤดูกาลปลูกข้าวนาปรังในจังหวัดพัทลุง เริ่มต้ังแต่เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน
พันธุ์ข้าวที่นิยมน้ามาปลูกในช่วงนาปรังคือพันธ์ุข้าวท่ีไม่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่ พันธุ์ชัยนาท ปทุมธานี 1 และสุพรรณบุรี 1
ส้าหรับข้อมูลการผลิตข้าวนาปรัง ในปี 2561 พบว่า มีจ้านวนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังจ้านวน 6,627 ราย เน้ือท่ีปลูก
57,292 ไร่ เน้ือที่เก็บเกี่ยว 57,151 ไร่ ผลผลิตเฉล่ียอยู่ที่ 536 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตที่เก็บเก่ียวได้ 60,733,000 กิโลกรัม
ราคาท่ีเกษตรกรขายไดเ้ ฉล่ยี 8 บาทต่อกโิ ลกรัม คดิ เปน็ มลู ค่าผลผลิต 485.86 ลา้ นบาท
(3) ปาลม์ นา้ มัน
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรที่เพาะปลูกปาล์มน้ามันจ้านวน 5,507 ราย เนื้อท่ีปลูก
72,449 ไร่ เน้ือท่ีเก็บเกี่ยว 57,997 ไร่ ผลผลิตเฉล่ียอยู่ที่ 2,569 กิโลกรมั ต่อไร่ ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ 148,996,000 กิโลกรัม
ราคาทเี่ กษตรกรขายได้เฉลยี่ 3.26 บาทต่อกโิ ลกรัม คดิ เป็นมูลคา่ ผลผลติ 485.73 ลา้ นบาท
(4) ทุเรยี น
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรที่เพาะปลูกทุเรียนจ้านวน 2,718 ราย เน้ือท่ีปลูก
4,398 ไร่ ทุเรียนจังหวัดพัทลุงหรือในภาคใต้จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน - ตุลาคมและจะออกมากช่วงเดือน
กรกฎาคม - สิงหาคม ส้าหรับเน้ือที่เก็บเก่ียวในปี 2561 มีจ้านวน 3,457 ไร่ ผลผลิตเฉล่ียอยู่ท่ี 339 กิโลกรัมต่อไร่
ผลผลิตที่เก็บเก่ียวได้ 1,171,000 กิโลกรัม ราคาท่ีเกษตรกรขายได้เฉลี่ย 100 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าผลผลิต
347.22 ลา้ นบาท
(5) มังคดุ
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรที่เพาะปลูกมังคุดจ้านวน 8,309 ราย เน้ือทปี่ ลูก 14,228 ไร่
มังคุดในภาคใต้จะออกสู่ตลาดต้ังแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ส้าหรับเน้ือที่เก็บเกี่ยวในปี 2561 มีจ้านวน 12,871 ไร่
ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ท่ี 450 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตที่เก็บเก่ียวได้ 5,787,000 กิโลกรัม ราคาไม้ผลจะข้ึนอยู่กับปริมาณ
ผลผลิต หากปรมิ าณผลผลิตมากจะท้าให้ราคาที่เกษตรกรขายไดม้ รี าคาต่า้ เนอื่ งจากมงั คดุ ในภาคใต้จะเก็บเกี่ยวในช่วง
ระยะใกลเ้ คยี งกัน ราคาทเ่ี กษตรกรขายได้เฉลี่ย 60 บาทตอ่ กิโลกรมั คดิ เปน็ มูลคา่ ผลผลิต 117.10 ล้านบาท
(6) ลองกอง
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรท่ีเพาะปลูกลองกองจ้านวน 8,142 ราย เน้ือท่ีปลูก
12,012 ไร่ ผลผลิตลองกองในภาคใต้จะเริ่มออกสู่ตลาดต้ังแต่เดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน แต่ช่วงที่ผลผลิตออกชุก
อยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ส้าหรับเน้ือท่ีเก็บเกี่ยวในปี 2561 มีจ้านวน 10,895 ไร่ ผลผลิตเฉล่ียอยู่ที่
146 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตท่ีเก็บเกี่ยวได้ 1,596,000 กิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉล่ีย 30 บาทต่อกิโลกรัม
คิดเปน็ มลู ค่าผลผลิต 45 ลา้ นบาท
(7) เงาะ
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรท่ีเพาะปลูกเงาะจา้ นวน 4,221 ราย เน้ือท่ีปลูก 5,020 ไร่
ผลผลติ จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดอื นมถิ นุ ายน - ตุลาคมและจะออกมากช่วงเดอื น กรกฎาคม - สงิ หาคม สา้ หรับเนื้อท่เี ก็บ
เกี่ยวในปี 2561 มีจ้านวน 4,915 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 366 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตที่เก็บเก่ียวได้ 1,800,000 กิโลกรัม
ราคาท่ีเกษตรกรขายได้เฉล่ีย 25 บาทต่อกิโลกรมั คิดเปน็ มลู คา่ ผลผลติ 47.88 ล้านบาท
จา้ นวนเกษตรกร เนือ้ ท่ีปลกู เนือ้ ท่ีเก็บเกย่ี ว ผลผลิต ผลผลิตตอ่ ไร่ และมูลคา่ ผลผลิตพืชเศรษฐกิจของ
จังหวดั พทั ลงุ ในปกี ารผลติ 2561 สามารถสรุปไดด้ ังตารางที่ 3.6.2-3
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-78 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้ืองตน้
ตารางท่ี 3.6.2-3 จานวนเกษตรกร เนอ้ื ทีป่ ลูก เน้อื ท่เี กบ็ เกย่ี ว ผลผลิต ผลผลติ ตอ่ ไร่ และมูลคา่ ผลผลิตพืช
เศรษฐกจิ ของจังหวดั พัทลุง ปกี ารผลิต 2561
ชนิดพชื จานวน เนื้อท่ี เนอื้ ท่เี ก็บ ผลผลติ ทเ่ี ก็บ ผลผลติ ราคาท่ีเกษตรกร มลู ค่าผลผลติ
เกษตรกร เพาะปลูก เกี่ยว (ไร)่ เกยี่ วได้ เฉล่ยี /เนื้อท่ี ขายได้เฉลีย่ (ล้านบาท)
(ราย) (กโิ ลกรัม) เกบ็ เก่ยี ว (บาท/กโิ ลกรัม)
(ไร่) (กิโลกรมั /ไร่)
ยางพารา 68,503 1,001,904 831,788 209,360,000 252 42.74 8,948.05
136,392 60,733,000 445 8 485.86
ข้าวนาปี 18,773 136,392 57,151 30,631,000 536 8 245.05
57,997 148,996,000 2,569
ขา้ วนาปรงั 6,627 57,292 1,171,000 339 3.26 485.73
3,457 5,787,000 450 100 347.22
ปาลม์ นา้ มัน 5,507 72,449 12,871 1,596,000 146 60 117.10
10,895 1,800,000 366 30 45.00
ทเุ รียน 2,718 4,398 4,915 25 47.88
มังคดุ 8,309 14,228
ลองกอง 8,142 12,012
เงาะ 4,221 5,020
ท่มี า : สา้ นักงานเกษตรจงั หวัดพทั ลุง, 2561
2) ปฏิทินการผลิตพชื เศรษฐกจิ ทส่ี าคญั ของจงั หวัดพัทลงุ
เมื่อพิจารณาข้อมูลการผลิตพืช สามารถประเมินปฏิทินการเพาะปลกู พืชเศรษฐกจิ ในพื้นที่ศกึ ษา ซ่ึงแบ่ง
ออกเป็น 4 ประเภท ตามระบบการผลิตและชนิดพืช ได้แก่ ระบบข้าวนาปีเชิงเดี่ยว ระบบข้าวนาปรัง ไม้ยืนต้น และไม้ผล
โดยมีปฏิทินการเพาะปลูกแสดงดังรปู ท่ี 3.6.2-1
ระบบการผลติ /ชนิดพชื ปฏิทินการผลติ
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ระบบข้าวนาปเี ชิงเดยี่ ว
ข้ำวพนั ธ์ุพนื เมอื งและพนั ธุ์ส่งเสริม
ระบบข้าวนาปรัง
ข้ำวพนั ธุ์สง่ เสริม
ไม้ยนื ตน้
ยำงพำรำ
ปำล์มน้ำมนั
ไม้ผล
มงั คดุ
ลองกอง
เงำะ
ทุเรียน
รูปที่ 3.6.2-1 ปฏิทินการผลิตพืชเศรษฐกิจทสี่ าคัญของจงั หวดั พทั ลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-79 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องตน้
3) ชั้นความเหมาะสมของดินสาหรับการปลกู พชื เศรษฐกจิ ในจังหวัดพัทลุง
จากข้อมูลแผนท่ีเกษตรเพ่ือการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri Map) ของจังหวัดพัทลุงมีช้ันความ
เหมาะสมของดนิ สา้ หรบั การปลกู ยางพารา ขา้ ว ปาล์มนา้ มัน ทุเรยี น เงาะ และมงั คุด รวมจ้านวน 3,804,846 ไร่ ซ่ึงพืช
ดังกล่าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส้าคัญของจังหวัดพัทลุงและเป็นพืชท่ีสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดและสร้างรายได้
ใหก้ ับประเทศ เมือ่ พจิ ารณาตามชนิดพืชและระดบั ชัน้ ความเหมาะสมของดนิ สรุปได้ดงั น้ี (ตารางท่ี 3.6.2-4)
ยางพารา พื้นที่ 1,067,274 ไร่ อยู่ในชั้นความเหมาะสมมาก 267,166 ไร่ และเหมาะสมปานกลาง
800,108 ไร่
ข้าว พ้ืนท่ี 884,061 ไร่ อยู่ในชั้นความเหมาะสมมาก 765,451 ไร่ และเหมาะสมปานกลาง
118,610 ไร่
ปาล์มน้ามัน พื้นท่ี 1,250,510 ไร่ อยู่ในช้ันความเหมาะสมมาก 974,905 ไร่ และเหมาะสมปาน
กลาง 275,605 ไร่
ไม้ผล (ทุเรียน เงาะ มังคุด) พ้ืนท่ี 603,001 ไร่ อยู่ในชั้นความเหมาะสมมาก 345,422 ไร่ และ
เหมาะสมปานกลาง 257,579 ไร่
ตารางท่ี 3.6.2-4 ชน้ั ความเหมาะสมของดินสาหรับการปลูกพชื เศรษฐกจิ ในจงั หวดั พทั ลงุ
ความเหมาะสม ยางพารา ชนิดพชื เศรษฐกจิ ทุเรยี น เงาะ มังคุด
ข้าว ปาลม์ นา้ มนั 345,422
257,579
เหมาะสมมาก (S1) 267,166 765,451 974,905 -
เหมาะสมปานกลาง (S2) 800,108 118,610 275,605 -
เหมาะสมน้อย (S3) 603,001
ไม่เหมาะสม (N) - - -
- - -
รวม 1,067,274 884,061 1,250,510
ท่ีมา : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ / Agri Map online
4. การปศสุ ตั ว์
1) สกุ ร
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรท่ีเลี้ยงสุกรจ้านวน 4,956 ราย ปริมาณการเล้ียง 380,675 ตัว
ผลผลติ 34,260,750 กโิ ลกรมั ราคาทเ่ี กษตรกรขายได้เฉลย่ี 63 บาทต่อกิโลกรมั คิดเป็นมลู ค่า 2,158.43 ล้านบาท
2) โคเน้ือ
เกษตรกรท่ีเล้ียงโคเนื้อมีจ้านวน 23,200 ราย ปริมาณการเล้ียง 119,550 ตัว ผลผลิต 24,420,750
กโิ ลกรัม ราคาท่เี กษตรกรขายไดเ้ ฉลี่ย 88 บาทต่อกิโลกรมั คิดเปน็ มลู ค่า 2,149.03 ล้านบาท
3) โคนม
เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมมีจ้านวน 142 ราย ปริมาณการเลี้ยง 2,769 ตัว ผลผลิต 4,673,000 กิโลกรัม
ราคาทเ่ี กษตรกรขายไดเ้ ฉลี่ย 19.5 บาทตอ่ กโิ ลกรมั คิดเป็นมลู คา่ 91.12 ลา้ นบาท
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-80 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น
4) ไก่เนอื้
เกษตรกรที่เล้ียงไก่เนื้อมีจ้านวน 39,457 ราย ปริมาณการเลี้ยง 7,519,451 ตัว ผลผลิต 15,038,902 กิโลกรัม
ราคาทีเ่ กษตรกรขายไดเ้ ฉล่ยี 45 บาทต่อกิโลกรมั คิดเปน็ มลู ค่า 676.75 ลา้ นบาท
5) ไก่ไข่
เกษตรกรท่ีเล้ียงไก่ไข่มีจา้ นวน 2,372 ราย ปรมิ าณการเลี้ยง 1,076,358 ตัว ผลผลิต 303,019,000 ฟอง
ราคาท่ีเกษตรกรขายได้เฉลี่ย 3.2 บาทต่อฟอง คิดเป็นมูลค่า 969.66 ล้านบาท จ้านวนเกษตรกร ปริมาณการเลี้ยง
ผลผลิต ราคาผลผลิต และมูลค่าผลผลิตดด้านการผลิตสัตว์ของจังหวัดพัทลุง ปี 2561 สามารถสรุปได้ดังตารางท่ี
3.6.2-5
ตารางท่ี 3.6.2-5 จานวนเกษตรกร ปรมิ าณการเล้ยี ง ผลผลติ ราคาผลผลติ และมูลคา่ ผลผลิตดา้ นการผลิตสตั ว์
ของจังหวดั พทั ลุง ปี 2561
ชนิด จานวน จานวนสัตว์ ข้อมลู ผลผลติ ราคาเฉล่ีย มูลคา่ ผลผลิต
สตั ว์ เกษตรกร (ราย) (ตวั ) จานวน หนว่ ยนบั (บาท/หนว่ ย) (ล้านบาท)
สุกร 4,956 380,675 34,260,750 กโิ ลกรัม 63 2,158.43
โคเนอ้ื 23,200 119,550 24,420,750 กโิ ลกรัม 88 2,149.03
โคนม 142 2,769 4,673,000 กโิ ลกรัม 19.5 91.12
ไกเ่ น้ือ 39,457 7,519,451 15,038,902 กโิ ลกรัม 45 676.75
ไกไ่ ข่ 2,372 1,076,358 303,019,000 ฟอง 3.2 969.66
ท่มี า : สา้ นักงานปศุสตั วจ์ ังหวดั พัทลุง, 2561
5. การประมง
1) ปลานลิ
ในปี 2561 จังหวัดพัทลุง มีจ้านวนเกษตรกรท่ีเล้ียงปลานิลจ้านวน 3,173 ราย พื้นที่เล้ียงจ้านวน
2,478.53 ไร่ ผลผลิต 1,738,000 กิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 65 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 112.97
ล้านบาท
2) ปลาดุกลูกผสม
เกษตรกรที่เลี้ยงปลาดุกลูกผสมมีจ้านวน 3,347 ราย พ้ืนที่เล้ียงจ้านวน 1,789.98 ไร่ ผลผลิต
2,017,000 กโิ ลกรัม ราคาท่ีเกษตรกรขายได้เฉลี่ย 48 บาทต่อกโิ ลกรัม คิดเป็นมูลค่า 96.82 ลา้ นบาท
3) ปลากะพงขาว
เกษตรกรท่ีเล้ียงปลากะพงขาวมีจ้านวน 114 ราย พื้นท่ีเล้ียงจ้านวน 336.09 ไร่ ผลผลิต 33,300 กิโลกรัม
ราคาทเี่ กษตรกรขายได้เฉลี่ย 160 บาทต่อกิโลกรมั คิดเป็นมูลค่า 5.33 ล้านบาท
4) กุ้งขาว
เกษตรกรท่เี ลีย้ งกุ้งขาวมีจ้านวน 128 ราย พนื้ ทีเ่ ล้ยี งจา้ นวน 1,396.95 ไร่ ผลผลิต 1,294,400 กโิ ลกรัม
ราคาทเี่ กษตรกรขายไดเ้ ฉลีย่ 126 บาทตอ่ กิโลกรัม คดิ เป็นมลู ค่า 163.09 ลา้ นบาท
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-81 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองตน้
5) กงุ้ ก้ามกราม
เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามมีจ้านวน 1,500 ราย โดยพื้นที่เล้ียงกุ้งก้ามกรามจะเล้ียงในทะเลสาบ
สงขลา ผลผลิต 220,000 กิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉล่ีย 350 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 77 ล้านบาท
จ้านวนเกษตรกร พื้นท่ีเลี้ยง ผลผลิต ราคาผลผลิต และมูลค่าผลผลิตด้านการประมงของจังหวัดพัทลุง ปี 2561
สามารถสรปุ ไดด้ งั ตารางท่ี 3.6.2-6
ตารางที่ 3.6.2-6 จานวนเกษตรกร พ้ืนท่ีเลี้ยง ผลผลิต ราคาผลผลิต และมูลค่าผลผลิตด้านการประมงของ
จังหวดั พัทลุง ปี 2561
ชนิดสัตว์ จานวน พน้ื ทีเ่ ลี้ยง ผลผลิต ราคาเฉลี่ย มูลคา่ ผลผลติ
เกษตรกร (ราย) (ไร)่ (กโิ ลกรมั ) (บาท/กก.) (ลา้ นบาท)
ปลานลิ 3,173 2,478.53 1,738,000 65 112.97
ปลาดุกลูกผสม 3,347 1,789.98 2,017,000 48 96.82
ปลากะพงขาว 114 336.09 33,300 160 5.33
กงุ้ ขาว 128 1,396.95 1,294,400 126 163.09
กุ้งก้ามกราม 1,500 ทะเลสาบสงขลา 220,000 350 77.00
ที่มา : สา้ นกั งานประมงจงั หวดั พัทลุง
3.6.2.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไมพ่ บปญั หาและอุปสรรคแต่อยา่ งใด
3.6.2.3 แผนการดาเนินงานในขัน้ ถดั ไป
ลงพื้นท่ีส้ารวจในพ้ืนท่ีโครงการ เพื่อวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของเกษตรกรและประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ท่ีดิน
ทางดา้ นการเกษตรในพ้ืนท่ี
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-82 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้
3.6.3 การใช้น้า
3.6.3.1 ความกา้ วหนา้ ของการศกึ ษา
ความตอ้ งการใช้น้าในพ้นื ทลี่ ุ่มน้าย่อยคลองปา่ บอน สามารถจา้ แนกออกได้ ดงั นี้
1) ความต้องการใช้นา้ เพอ่ื การเกษตร
2) ความต้องการใชน้ ้าเพื่อการอปุ โภคบรโิ ภค
3) ความตอ้ งการใชน้ ้าเพ่ือการปศสุ ัตว์
4) ความต้องการใชน้ า้ เพอ่ื การอตุ สาหกรรม
5) ความตอ้ งการใช้น้าเพอื่ รกั ษาระบบนเิ วศวิทยาทา้ ยนา้
การศึกษาด้านความต้องการใช้น้ามีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการศึกษาสมดุลน้าของพื้นที่
โครงการ โดยไดป้ ระเมินความต้องการใช้นา้ ลุ่มนา้ ยอ่ ยคลองป่าบอน ในปัจจุบัน (ปี 2561) แยกตามกจิ กรรมการใช้น้า
ประเภทต่างๆ ได้แก่ การเกษตร การอุปโภคบริโภค การปศุสัตว์ และการรักษาระบบนิเวศท้ายน้า พบว่าในปัจจุบัน
พืน้ ท่ีโครงการมีความต้องการใช้น้ารวมทุกกิจกรรม 12.623 ลา้ นลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยความต้องการใช้น้าส่วนใหญ่
เป็นความต้องการใช้น้าในภาคการเกษตร ซึ่งมีถึงร้อยละ 56.53 ของความต้องการใช้น้าท้ังหมด ซ่ึงแสดงผลการ
วิเคราะห์ความตอ้ งการใชน้ ้าในทุกกจิ กรรมดงั ตารางท่ี 3.6.3-1
ตารางท่ี 3.6.3-1 ความต้องการใช้น้าในพ้ืนทล่ี มุ่ น้าย่อยคลองป่าบอน
กิจกรรม ความตอ้ งการใชน้ า้ (ล้าน ลบ.ม./ป)ี
สภาพปจั จบุ ัน
1. การเกษตร 7.136
2. การอปุ โภคบริโภค 0.336
3. การปศุสตั ว์ 0.141
4 รักษาระบบนิเวศ 5.01
12.623
รวม
3.6.3.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไมม่ ี
3.6.3.3 แผนการดาเนนิ งานในขั้นถัดไป
การด้าเนนิ งานข้นั ต่อไปโดยการเริ่มค้านวณความต้องการใชน้ า้ ดา้ นต่างๆ ในกรณีที่มีโครงการแล้วเสร็จ
และน้าเข้าข้อมมูลดังกล่าวสู่แบบจา้ ลองสมดุลนา้ ตอ่ ไป
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-83 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งต้น
3.6.4 การระบายนา้ และการบรรเทาอทุ กภยั
3.6.4.1 ความกา้ วหน้าของการศึกษา
1. สภาพปัญหาด้านอุทกภยั
พ้ืนที่โครงการตั้งอยู่ในลุ่มน้าทะเลหลวงซ่ึงเป็นลุ่มน้าสาขาของลุ่มน้าทะเลสาบสงขลา มีพื้นท่ีรับน้า
ประมาณ 4,522.98 ตารางกิโลเมตร (รูปท่ี 3.6.4-1) ครอบคลุมพื้นที่อ้าเภอกระแสสินธุ์ อ้าเภอระโนด อ้าเภอควนขนุน
อ้าเภอตะโหมด อ้าเภอเขาชัยสน อ้าเภอป่าบอน อ้าเภอบางแก้ว อ้าเภอปากพะยูน อ้าเภอสทิงพระ อ้าเภอศรีบรรพต
อา้ เภอศรีนครนิ ทร์ อ้าเภอกงหรา และอา้ เภอเมืองพทั ลุง มคี ลองเกิด คลองอ้ายโต คลองใหญ่ และคลองท่าแคเป็นล้าน้า
สายหลัก และมีคลองเล็ก ๆ หลายสายไหลมารวมกัน ได้แก่ คลองหัวช้าง คลองโล๊ะจังกระ คลองตะโหมด คลองเหมือง
ตะก่ัว คลองหลายพัน เป็นต้น ซึ่งต้นน้าเกิดจากเทือกเขาบรรทัด ไหลผ่านเขตอ้าเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ลงสู่
ทะเลสาบสงขลา ลักษณะทางกายภาพบรเิ วณตอนบนของพื้นที่โครงการ มีลักษณะเป็นพ้ืนท่ีลาดเชิงเขา โดยปัญหาการ
ระบายน้าหลากของพ้ืนท่ีโครงการ มีสาเหตุหลักมาจากคลองธรรมชาติสายต่าง ๆ ในพื้นท่ีที่เป็นคลองระบายน้าน้ัน
ปัจจุบันต้ืนเขินไม่สามารถระบายน้าได้อย่างเต็มที่ ความจุคลองธรรมชาติบางช่วง โดยเฉพาะอย่างย่ิงช่วงปากคลอง
มคี ่าต้่ามาก เม่ือเทียบกับอัตราปริมาณน้าหลากไหลในคลอง เป็นผลให้น้าล้นตล่ิงมาท่วมพื้นที่เกษตรและพื้นท่ีอยู่อาศัย
ตามแนวคลองธรรมชาติ
2. สภาพปัญหาด้านภัยแล้ง
จากพน้ื ที่เสย่ี งภัยแลง้ ของจงั หวดั พัทลุง โดยกรมพฒั นาที่ดนิ พ.ศ.2556 พบว่าบรเิ วณพื้นทโ่ี ครงการอยใู่ น
เขตอ้าเภอป่าบอน จดั อยใู่ นพนื้ ท่เี สี่ยงต่อการเกดิ ภัยแล้งในระดบั ต่า้ ดังแสดงในรปู ที่ 3.6.4-2
3. แนวคดิ การแกไ้ ขปัญหา
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่วอันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ
จังหวัดพทั ลงุ มีระบบระบายน้าประกอบดว้ ยคลองระบายนา้ ธรรมชาตสิ ายหลัก คือ คลองเกิด คลองอ้ายโต คลองใหญ่
คลองท่าแค และคลองระบายน้าธรรมชาติอีกหลายสาย ท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีโครงการ แต่เป็นคลองท่ีมีขนาดเล็ก ท้าให้ไม่
สามารถระบายน้าดา้ นเหนือน้าไดท้ นั เวลา
แนวทางการวิเคราะห์อุทกภัยในพ้ืนที่โครงการ ท่ีมีหัวงานอยู่ท่ีบริเวณบ้านเหมืองตะก่ัว จะส่งผลดีต่อพื้นท่ี
ลุม่ นา้ ทะเลหลวง เนือ่ งจากได้ท้าการสา้ รวจและรวบรวมข้อมูลของพ้ืนทโี่ ครงการในเร่อื งของอทุ กภยั รวมทงั้ จากผลการ
วิเคราะห์สภาพน้าท่วมด้วยแบบจ้าลองคณิตศาสตร์ สามารถสรุปแนวทางเลือกในการบรรเทาสภาพน้าท่วมซึ่งอธบิ าย
ไดด้ ังต่อไปนี้
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-84 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองต้น
รปู ท่ี 3.6.4-1 ลักษณะพืน้ ทล่ี ุม่ น้าและระบบคลองธรรมชาตขิ องโครงการ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-85 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้
ทมี่ า : กรมพัฒนาที่ดิน, 2556
รปู ที่ 3.6.4-2 พน้ื ทเี่ สย่ี งตอ่ การเกดิ ภัยแล้ง บริเวณพื้นทโี่ ครงการและข้างเคียง
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-86 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้
4. มาตรการหลักในการบรรเทาอทุ กภยั
จากการลงสนามดูพ้ืนท่ีบริเวณโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่ว
อันเนอื่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง สามารถสรุปปัญหาและอุปสรรคท่ีส้าคัญไดด้ ังน้ี
1. ปริมาณน้าต้นทนุ ไมเ่ พียงพอ และภยั แล้ง
2. ระบบชลประทานและอาคารไม่มีประสิทธิภาพ
3. อตั รากา้ ลงั ไม่เพียงพอ
4. ปญั หาน้าทว่ มและการระบายน้า
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชด้าริ
จังหวัดพัทลุง มีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาเสนอเป็นแผนพัฒนาปี 60 ดังแสดงในรูปที่ 3.6.4-3 โดยแนวทางในการ
แกไ้ ขปญั หาทส่ี อดคลอ้ งกับแนวคิดของโครงการน้ัน จะต้องนา้ ไปศึกษาวเิ คราะหใ์ นรายละเอยี ดใหช้ ัดเจน เพ่ือพจิ ารณา
ปรับปรุงโครงการท่เี หมาะสมตอ่ ไป
3.6.4.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
ไม่มี
3.6.4.3 แผนการดาเนนิ งานในข้นั ถัดไป
ประเมนิ การระบายน้าและการบรรเทาอทุ กภัย
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-87 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้
ระดับความเส่ยี งเพิ่มประสิทธภิ าพการระบายน้าคลองปากพะเนียด
อัตราการระบายน้า 364 ลบ.ม./วนิ าที
พน้ื ทเี่ ส่ียงตอ่ การเกิดภยั แลง้ ต่า
เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการระบายน้าคลองปากพะเนียด พ้ืนทเ่ี สย่ี งต่อการเกดิ ภัยแล้งปานกลาง
อตั ราการระบายน้า 318 ลบ.ม./วนิ าที พ้ืนทีเ่ ส่ยี งตอ่ การเกิดภยั แล้งสูง
เพ่มิ ประสทิ ธิภาพการระบายน้าคลองปากบาง เพ่มิ ประสิทธิภาพการระบายน้าคลองทา่ มะเดอ่ื
อตั ราการระบายน้า 46 ลบ.ม./วนิ าที อตั ราการระบายน้า 248 ลบ.ม./วนิ าที
เพิ่มประสทิ ธภิ าพการระบายนา้ คลองลานชา้ ง
อตั ราการระบายนา้ 111 ลบ.ม./วนิ าที
เพม่ิ ประสิทธภิ าพการระบายน้าคลองลานช้าง
อตั ราการระบายน้า 173 ลบ.ม./วนิ าที
เพมิ่ ประสทิ ธิภาพการระบายน้าคลองเคียม
อัตราการระบายนา้ 57 ลบ.ม./วนิ าที
อ่างเก็บนา้ คลองหวั ชา้ งดาเนนิ ก่อสรา้ งแลว้
ความจุ 30 ล้าน ลบ.ม.
กอ่ สร้างอ่างเก็บน้าคลองโหละจงั กระ
ความจุ 17 ลา้ น ลบ.ม.
กอ่ สรา้ งอา่ งเกบ็ น้าคลองบางคราม
ความจุ 7.5 ลา้ น ลบ.ม.
พ้ืนทีศ่ ึกษา
รปู ที่ 3.6.4-3 แนวคดิ ของโครงการเสนอเป็นแผนพฒั นาปี 60
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-88 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งต้น
3.6.5 การใชป้ ระโยชนท์ ี่ดิน (ผเู้ ช่ียวชาญด้านดินและการใช้ประโยชนท์ ่ีดิน : ผศ.ดร.ชยั ฤกษ์ สุวรรณรัตน์)
3.6.5.1 ความก้าวหนา้ ของการศกึ ษา
1) วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา
การศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาของโครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม
เบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกว่ั อนั เนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จงั หวัดพทั ลงุ มีวัตถปุ ระสงค์ ดงั น้ี
1.1) เพื่อศึกษาสภาพการใช้ประโยชน์ท่ีดินประเภทต่างๆ ในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาโครงการ โดย
เปรียบเทียบข้อมูลปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.2561 และจัดเตรียมแผนที่การใช้ประโยชน์ท่ีดินที่เป็นปีปัจจุบัน
(ปี พ.ศ.2562)
1.2) เพ่ือเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์ส้าหรับน้าไปประกอบใช้ในการศึกษาด้านต่างๆ เช่น ด้าน
การเกษตรและด้านอนื่ ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
1.3) เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อการใช้ประโยชน์ท่ีดินจากการพัฒนาโครงการและเสนอ
มาตรการการติดตาม ตรวจสอบผลกระทบดังกลา่ ว
2) ขอบเขตและวิธกี ารศกึ ษา
2.1) การรวบรวมข้อมูลด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินประกอบด้วยข้อมูลจากแผนที่สภาพการใช้
ประโยชน์ท่ีดินมาตราส่วน 1 : 50,000 ของจังหวัดพัทลุงท่ีจัดท้าและเผยแพร่ในปี พ.ศ.2550 และแผนที่การใช้
ประโยชน์ท่ีดินมาตราส่วน 1 : 25,000 ของจังหวัดพัทลุงที่จัดท้าและเผยแพร่ในปี พ.ศ.2561 โดยกรมพัฒนาท่ีดิน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งใช้เปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐานในการศกึ ษา
2.2) การส้ารวจและตรวจสอบลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดินสภาพปัจจุบันในภาคสนามโดยใช้ข้อมูล
แผนทีส่ ภาพการใชป้ ระโยชน์ท่ีดิน ของปี พ.ศ.2561 เป็นพืน้ ฐานประกอบการสา้ รวจ
2.3) การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้แประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นที่ศกึ ษาของโครงการ และจัดเตรยี มแผน
ทีส่ ภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นปปี จั จบุ ัน (ปี พ.ศ.2562)
2.4) การประเมนิ ผลกระทบที่เกดิ ข้ึนต่อการใช้ประโยชนท์ ด่ี นิ จากการพัฒนาโครงการและเสนอมาตรการ
ปอ้ งกันแก้ไช รวมทง้ั สองมาตรการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบดังกลา่ ว
3) ผลการศึกษา
การศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ จะใช้เกณฑ์การจ้าแนกประเภทการใช้
ประโยชน์ท่ีดิน ที่ก้าหนดโดยกรมพัฒนาท่ีดิน ที่ได้จ้าแนกออกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย พื้นท่ีเกษตรกรรม พ้ืนท่ี
ป่าไมพ้ ื้นท่ชี มุ ชนและสง่ิ ปลูกสร้าง พ้ืนทีเ่ บ็ดเตล็ดและพืน้ ทน่ี ้า
ประเภทท่ี 1 ; พื้นท่ีเกษตรกรรม : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนท่ีเกษตรกรรมในบริเวณพื้นที่
ศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็นกลุ่มชนิดต่างๆ ประกอบด้วยพ้ืนท่ีนา พืชไร่ ไม้ยืนต้น ไม้ผล ทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และ
โรงเรอื นเลี้ยงสตั ว์ ซ่ึงในแต่ละกลุ่มชนิดของการใช้ประโยชนท์ ีด่ นิ ยงั แบ่งเป็นพืชและสัตวช์ นิดต่างๆ ดงั น้ี
กลุ่มพื้นทน่ี า ประกอบดว้ ย ส่วนท่ีเปน็ นาร้างและนาข้าว
กลุ่มพืชไร่ ประกอบดว้ ย สว่ นทเ่ี ป็นมนั ส้าปะหลังและสับปะรด
กลุม่ ไมย้ ืนตน้ ประกอบด้วย สว่ นทเี่ ปน็ ยางพารา ปาลม์ นา้ มันและกระถนิ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-89 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น
กลุ่มไมผ้ ล ประกอบดว้ ย สว่ นทีเ่ ป็นไมผ้ ลผสม กล้วยและลางสาดลองกอง
กลุ่มทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และโรงเรือนเล้ียงสัตว์ ประกอบด้วย ส่วนท่ีเป็นโรงเรือนและสัตว์ปีกและโรงเรือน
เล้ียงสุกร
ประเภทท่ี 2 ; พ้ืนท่ี ป่าไม้ : การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นท่ีป่าไม้ในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาโครงการ เป็นกลุ่ม
ไม้ผลดั ใบ ประกอบดว้ ยป่าเพียงชนิดเดยี วคอื ป่าไมผ้ ลดั ใบสมบูรณ์
ประเภทที่ 3 ; พ้ืนท่ี ชุมชนและสิ่งปลูก : การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนท่ีชุมชนและส่ิงปลูกไม้ในบริเวณ
พื้นที่ศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็นกลุ่มสถานที่ชนดิ ต่างๆ ได้ 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลมุ่ หมู่บ้าน มีเพยี งชนิดเดียว (ได้แก่
หมู่บ้านบนพ้ืนท่ีราบไม้ผลผสม) กลุ่มสถานที่ราชการและสถาบันต่างๆ และกลุ่มสถานที่คมนาคม มีเพียงชนิดเดียว
(ไดแ้ ก่ ถนน)
ประเภทที่ 4 ; พื้นท่ีเบ็ดเตล็ด : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนที่เบ็ดเตล็ด ในบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ
แบ่งออกเป็นกลมุ่ สถานท่ีชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วย กลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ แบ่งย่อออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ส่วนที่
เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ และส่วนที่เป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ และกลุ่มเหมืองแร่บ่อขุดซ่ึงแบ่งย่อยออกได้เป็น
2 ชนิด เชน่ เดยี วกนั ประกอบด้วยส่วนท่ีเป็นบ่อลกู รังและสว่ นทเ่ี ป็นบ่อดนิ
ประเภทที่ 5 ; พ้ืนที่น้า : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นท่ีน้า ในบริเวณพ้ืนที่ศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็น
กลุ่มของชนิดแหล่งน้าชนิดต่างๆ ประกอบด้วยกลุ่มของแหล่งน้าธรรมชาติ กระกอบด้วยแหล่งน้าชนิดเดียวคือ ส่วนท่ี
เป็นแม่นา้ ล้าห้วย ล้าคลอง และส่วนที่เป็นหนองบึงทะเลสาบ และกลุ่มของแหล่งน้าที่สร้างขึ้นประกอบด้วยแหล่งน้า
ชนิดเดยี ว ได้แก่ อา่ งเก็บน้า
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ดี ินในบริเวณพื้นทีศ่ ึกษาโครงการ จะแบ่งแยกกล่าวละเอียดออกเป็น
พ้ืนทแี่ ต่ละส่วน โดยองคป์ ระกอบของพืน้ ทศี่ กึ ษาโครงการ ประกอบดว้ ย 5 ส่วน ดังนี้
(1) พน้ื ที่อ่างเกบ็ นา้ เหมอื งตะก่วั (พ้ืนที่ 550.30 ไร่)
(2) พ้ืนที่หวั งาน (พื้นท่ี 263.30 ไร่)
(3) พ้นื ที่ถนนเข้าหวั งาน (พน้ื ท่ี 12.53 ไร)่
(4) พื้นทบี่ อ่ ยืมดนิ ทา้ ยน้า (พืน้ ที่ 887.21 ไร่)
(5) พ้ืนที่รับประโยชน์ (พื้นที่ 12,256 ไร่)
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินประเภทต่างๆ 5 ประเภท ในพื้นที่แต่ละส่วนของโครงการ โดย
จากการใช้ข้อมูลในปี พ.ศ.2550 (อดีต) และข้อมูลของปีงบ พ.ศ.2561 รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โดยการเปรียบเทียบขอ้ มูลปี พ.ศ.2550 กบั ข้อมลู ปงี บ พ.ศ.2561
(1) พ้นื ทอ่ี ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะกั่ว (พ้ืนท่ี 550.30 ไร่)
ผลการศึกษด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่วของโครงการ จะ
แยกกล่าวรายละเอยี ดเป็นส่วนของการใช้ประโยชน์ทีด่ ินในปี พ.ศ.2550 และส่วนการใช้ประโยชนข์ องปีงบ พ.ศ.2561
รวมท้ังการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินชนิดต่างๆ (เปรียบเทียบข้อมูลปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.2561)
รายละเอียดแสดงไวใ้ นตารางที่ 3.6.5-1 รปู ท่ี 3.6.5-1 (ปี พ.ศ.2550) และรูปที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-90 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น
ตารางท่ี 3.6.5-1 แสดงการใช้ประโยชน์ทีด่ ินแต่ละชนดิ ในบรเิ วณพ้ืนทอ่ี า่ งเก็บน้าเหมอื งตะกัว่ พ้นื ท่หี ัวงาน พน้ื ท่ี
ถนนเขา้ หัวงาน และพ้ืนท่ีบ่อยมื ดินท้ายนา้ ของโครงการ
ชนดิ พนื ทข่ี องข้อมูล พนื ทข่ี องข้อมูล พนื ที่ทเี่ ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ด่ี ิน ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561 พนื ท่เี พมิ่ ขึน (+) พนื ทล่ี ดลง (-)
ไร่ ร้อยละ ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ ไร่ ร้อยละ
พืนที่อา่ งเกบ๋ นาเหมืองตะกว่ั :
- ไม้ยนื ตน้ ผสม 28.07 5.10 0.00 0.00 28.07 5.10
- ยำงพำรำ 225.28 40.94 272.02 49.43 46.74 8.49
- ไม้ผลผสม 50.76 9.22 43.46 7.90 7.30 1.32
- ปำ่ ไม่ผลดั ใบสมบรู ณ์ 246.19 44.74 234.82 42.67 11.37 2.07
รวม 550.30 100.00 550.30 100.00 46.74 8.49 46.74 8.49
พนื ทหี่ วั งาน :
- ยำงพำรำ 175.72 66.73 177.87 67.55 2.15 0.82
- ไม้ผลไม้ผสม 29.59 11.24 29.59 11.24 0.00 0.00
- ทุ่งหญ้ำสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมำะ 57.99 22.03 55.84 21.21 2.15 0.82
รวม 263.30 100.00 263.30 100.00 2.15 0.82 2.15 0.82
พืนทถี่ นนเข้าหวั งาน :
- ยำงพำรำ 11.73 93.59 11.72 93.59 0.01 0.00
- หมู่บำ้ นบนพนื รำบ/ไม้ผลผสม 0.80 6.41 0.67 5.31 0.13 1.10
- ถนน 0.00 0.00 0.14 1.10 0.14 1.10
รวม 12.53 100.00 12.53 100.00 0.14 1.10 0.14 1.10
พนื ทบ่ี อ่ ยมื ดินทา้ ยนา :
- ไม้ยืนตน้ ผสม 69.46 7.83 0.00 0.00 69.46 7.83
- ยำงพำรำ 735.34 82.88 825.14 93.00 89.80 10.12
- ไม้ผลผสม 81.07 9.14 0.00 0.00 81.07 9.14
- ทุ่งหญ้ำสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมำะ 1.34 0.15 62.07 7.00 60.73 6.85
รวม 887.21 100.00 887.21 100.00 150.53 16.97 150.53 16.97
หมายเหตุ : 1. พนื ท่ีคดิ เป็นรอ้ ยละของพนื ท่ีรวมของพนื ที่แตล่ ะสว่ น
2. พนื ที่ท่ีเปลีย่ นแปลงทังในสว่ นของพนื ที่เพม่ิ ขึน (+) หรือพนื ที่ลดลง (-) เปน็ กำรเปรียบเทยี บของขอ้ มูลปี พ.ศ.2550 กบั ข้อมูลปี พ.ศ.2561 วำ่ ในปี พ.ศ.2561
มีกำรใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ แตล่ ะชนิดเปน็ พนื ที่เพมิ่ ขึนหรือลดลงจำกปี พ.ศ.2550
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-91 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น
รปู ท่ี 3.6.5-1 แสดงการใช้ประโยชน์ท่ีดนิ ในพน้ื ท่ีโครงการ ปี พ.ศ.2550
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-92 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้
รูปที่ 3.6.5-2 แสดงการใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ ในพืน้ ที่โครงการ (ปี พ.ศ. 2561)
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-93 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
การใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินชนิดต่างๆ ใน
บริเวณอ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัวของปี พ.ศ.2550 พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ผลัดใบสมบูรณ์ (พื้นท่ีร้อยละ 44.74
ของอา่ งเก็บน้าเหมืองตะกั่ว) และเป็นพื้นที่ปลกู ยางพารา (พื้นทร่ี อ้ ยละ 40.94) พืน้ ทสี่ ว่ นทเี่ หลืออีกไม่มากนักเปน็ พืน้ ท่ี
ปลูกไม้ผสม (พ้นื ทร่ี อ้ ยละ 9.22) และเปน็ พน้ื ท่ีปลกู ไม้ผสม (พน้ื ทร่ี ้อยละ 5.10)
การใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินชนิดต่างๆ ใน
บริเวณอ่างเก็บน้าเหมอื งตะกัว่ ของปี พ.ศ.2561 พบวา่ พืน้ ท่ีสว่ นใหญเ่ ปน็ พ้ืนที่ปลกู ยางพารา (พืน้ ทร่ี อ้ ยละ 49.43 ของ
อ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว) และเป็นป่าไม้ผลัดใบสมบูรณ์ (พ้ืนที่ร้อยละ 42.67) พื้นท่ีส่วนท่ีเหลืออีกไม่มากนักเป็นพ้ืนที่
ปลูกไม้ผลผสม (พ้ืนทร่ี ้อยละ 7.90) ไม่พบสว่ นของไม้ยนื ต้นผสม
การเปลย่ี นแปลงการใช้ประโยชนท์ ี่ดิน : ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ทีด่ ินพ้ืนท่ี
อ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัวพบว่าในปี พ.ศ.2561 ส่วนที่เป็นพื้นที่ปลูกยางพารามีพื้นท่ีเพิ่มมากข้ึน (พื้นที่เพิ่มขึ้น 46.74 ไร่
หรือคิดเป็นร้อยละ 8.49 ของพ้ืนที่อ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่ว) เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในปี พ.ศ.2550 ในขณะท่ีพื้นที่
ปลกู ไมย้ ืนต้นผสม ทีพ้นื ทีล่ ดลง (พ้ืนท่ีลดลง 28.07 ไร่ หรอื คดิ เป็นร้อยละ 5.10) พ้นื ทีป่ ลกู ไมผ้ ลผสมก็มีพน้ื ท่ีลดน้อยลง
เช่นเดียวกัน (พ้ืนที่ลดลง 7.30 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.32 ) รวมทั้งส่วนที่เป็นป่าไม้ผลัดใบสมบูรณ์ก็มีพ้ืนที่ลดน้อยลง
เช่นเดียวกัน (พ้ืนที่ 11.37 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.07 ) การลดลงของพื้นที่ทั้ง 3 ส่วนนี้ถูกเปล่ียนแปลงน้าไปใช้
ประโยชนใ์ นการปลกู ยางพาราทีม่ ีพื้นทเ่ี พิม่ มากขน้ึ ดังกลา่ ว
(2) พนื้ ที่หัวงาน (พนื้ ท่ี 263.30 ไร่)
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นที่หัวงานของโครงการ ของปี พ.ศ.2550
พบว่าการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละชนิดเป็นพื้นท่ีใกล้เคียงกันดังรูปแสดงไว้ในตารางท่ี 3.6.5-1 และรูปท่ี 3.6.5-1
(ปี พ.ศ.2550) แสดงรูปที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)
การใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาพบวา่ พนื้ ที่ส่วนใหญเ่ ป็นพืน้ ท่ปี ลูกยางพารา
(พ้ืนที่รอ้ ยละ 66.73 ของพื้นที่หัวงาน) รองลงมาเปน็ ท่งุ หญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ (พนื้ ที่ร้อยละ 22.03) และท่มี ีพืน้ ที่
น้อยสุดเป็นพ้ืนท่ีปลูกไม้ผลผสม (พ้ืนท่ีรอ้ ยละ 11.24)
การใช้ประโยชน์ท่ดี นิ ในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาพบวา่ พ้ืนท่ีสว่ นใหญ่เป็นพน้ื ทป่ี ลูกยางพารา
(พน้ื ที่รอ้ ยละ 67.55 ของพื้นท่ีหวั งาน) รองลงมาเป็นทุง่ หญา้ สลับไมพ้ ุ่ม/ไม้ละเมาะ (พืน้ ทีร่ ้อยละ 21.21) และท่มี ีพ้ืนที่
น้อยสดุ เปน็ พ้ืนท่ีปลูกไมผ้ ลผสม (พน้ื ทีร่ อ้ ยละ 21.21)
การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน : ผลการศึกษาการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
พบวา่ พื้นทห่ี ัวงาน มีการเปล่ียนแปลงน้อยมาก คิดเป็นพ้นื ท่ีเปลย่ี นแปลงเพียง 2,015 ไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 0.82 ของ
พ้ืนท่ีหัวงาน โดยพื้นท่ีปลูกยางพารามีแนวโน้มมีพื้นท่ีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้
ละเมาะ มแี นวโนม้ มพี นื้ ทลี่ ดลงเพยี งเลก็ น้อย ไมพ่ บการเปล่ียนแปลงของพื้นท่ีปลกู ไม้ผลผสม
(3) พืน้ ที่ถนนเข้าหัวงาน (พน้ื ที่ 12.53 ไร)่
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณพ้ืนที่ถนนเข้าหัวงานที่มีพื้นที่น้อยมาก พบว่า
มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละชนิดเป็นพื้นท่ีใกล้เคียงกันทั้งของปี พ.ศ.2550 และปี พ.ศ.2561 ดั งแสดงไว้ใน
ตารางที่ 3.6.5-1 และรปู ที่ 3.6.5-1 (ปี พ.ศ.2550) แสดงรปู ที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)
การใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาพบว่าพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นพื้นท่ีปลูกยางพารา
(พ้ืนทีร่ อ้ ยละ 93.59 ของพื้นที่ถนนเขา้ หวั งาน) สว่ นทีเ่ หลือเปน็ หมบู่ ้านบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนทร่ี ้อยละ 6.41)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-94 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาพบว่าพื้นท่ีเกือบทั้งหมดเป็นพื้นท่ี
ปลูกยางพาราซึ่งมีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ปลูกยางพาราในปี พ.ศ.2550 (พื้นที่ร้อยละ 93.59 ของพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน)
สว่ นทีเ่ หลือเปน็ หมบู่ ้านบนพ้นื ราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนที่ร้อยละ 5.31) และส่วนท่ีเปน็ ถนน (พืน้ ทีร่ ้อยละ1.10)
การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน : ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
พบว่าพื้นท่ีหัวงาน มีการเปล่ียนแปลงน้อยมาก โดยมีพื้นท่ีปลูกยางพาราปี พ.ศ.2561 โดยมีพ้ืนที่ปลูกยางพารา ซ่ึงมี
พื้นท่ีเท่ากับพื้นที่ปลูกยางพาราในปี พ.ศ.2550 โดยพ้ืนที่ส่วนที่เป็นหมู่บ้านบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสมของ พ.ศ.2561 มี
แนวโน้มมีพื้นท่ีลดลงเพียงเล็กน้อยมากจากปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.2561 มีพื้นท่ีถนนเพ่ิมเข้ามาแต่ก็เป็นพื้นที่
เล็กนอ้ ยมาก ๆ เชน่ กัน (พ้นื ที่เพิ่มข้ึน 0.14 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 1.10)
(4) พน้ื ที่บ่อยมื ดินดา้ นท้ายน้า (พื้นที่ 887.21 ไร)่
ผลการศกึ ษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ดี นิ ในบริเวณพ้ืนทบี่ ่อยมื ดนิ ดา้ นทา้ ยน้าของโครงการ จะแยก
กลา่ วรายละเอียดเป็นสว่ นของการใชป้ ระโยชน์ทีด่ ินในปี พ.ศ.2561 รวมทั้งการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ชนิด
ต่างๆ (เปรียบเทียบข้อมูลของปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลของปี พ.ศ.2561) รายละเอียดแสดงไว้ในตารางท่ี 3.6.5-1 และ
รปู ที่ 3.6.5-1 (ปีพ.ศ.2550) และรปู ที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศกึ ษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในบริเวณพ้นื ท่บี ่อ
ยมื ดินด้านท้ายน้าของปี พ.ศ.2550 พบว่าพื้นท่ีส่วนใหญ่ประมาณมากกวา่ 8 ส่วนใน 10 ส่วนเพียงเล็กน้อยของบ่อยืม
ดินดา้ นทา้ ยนา้ เป็นพ้ืนท่ีปลูกยางพารา (พ้ืนทรี่ ้อยละ 82.88 ของพ้นื ที่บอ่ ยมื ดนิ ด้านทา้ ยน้า) พื้นทีส่ ่วนที่เหลอื อีกประมาณ
2 ส่วนใน 10 ส่วน ประกอบดว้ ยส่วนทีเ่ ป็นพื้นท่ีปลูกไม้ผลผสม (พนื้ ท่ีร้อยละ 9.14) ส่วนท่เี ป็นพ้ืนทีป่ ลูกไมย้ ืนต้นผสม
(พื้นทีร่ อ้ ยละ 7.83) และมพี ื้นท่ีอีกเพยี งเล็กนอ้ ยมากเป็นทุง่ หญ้าสลบั ไมพ้ ุ่ม/ไมล้ ะเมาะ (พน้ื ทรี่ ้อยละ 0.15)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินชนิดต่าง ๆ ใน
บริเวณพื้นท่ีบ่อยืมดินด้านท้ายน้าของ พ.ศ.2561 พบว่าพื้นท่ีส่วนใหญ่ประมาณมากกว่า 9 ส่วนใน 10 ส่วนเพียง
เล็กน้อยของพ้ืนท่ีบ่อยืมดินด้านท้ายน้า เป็นพื้นท่ีปลูกยางพารา (พ้ืนที่ร้อยละ 93.00 ของพ้ืนท่ีบ่อยืมดินด้านท้ายน้า)
พ้ืนท่ีท่ีเหลือเป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ (พื้นท่ีร้อยละ 7.00) ไม่พบพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นผสมและพ้ืนท่ีปลูก
ไมผ้ ลผสม
การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน : ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินใน
พื้นทีบ่ ่อยืมดินด้านท้ายน้าพบว่าในปี พ.ศ.2561 ส่วนที่เป็นพื้นท่ีปลูกยางพาราท่มี ีพื้นท่ีส่วนใหญ่ (พ้ืนท่ีรอ้ ยละ 93.00)
มีพ้ืนทเี่ พมิ่ มากข้ึน (พนื้ ท่ีเพ่ิมข้นึ 89.80 ไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 10.12 ของพน้ื ที่บ่อยืมดนิ ดา้ นท้ายน้า) เมอื่ เปรยี บเทียบ
กับข้อมูลในปี พ.ศ.2550 พื้นท่ีส่วนท่ีเป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ ก็พบว่าในปี พ.ศ.2561 มีพ้ืนท่ีเพิ่มข้ึน
เชน่ เดียวกนั พื้นทเ่ี พม่ิ ขึ้น 60.73 หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 6.85 ของพ้ืนท่ีบอ่ ยืมดินด้านท้ายนา้ ในขณะทีพ่ ้ืนที่ปลูกไมย้ ืนต้น
ผสม มีพ้ืนที่ลดน้อยลง (พ้ืนที่ลดลง 69.46 ไรห่ รือคิดเป้นร้อยละ 7.83 ของพ้ืนที่บ่อยืมดินดา้ นท้ายนา้ ) และพ้ืนท่ีไมผ้ ล
ผสมก็มีพ้ืนท่ีลดลงเช่นเดียวกัน (พื้นที่ลดลง 81.07 ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 9.14 ของพื้นท่ีบ่อยืมดินด้านท้ายน้า) การ
ลดลงของพ้ืนท่ี 2 ส่วนดังกล่าวน้ี ไดม้ ีการเปล่ียนแปลงถกู นา้ ไปใชป้ ระโยชนเ์ พื่อการปลูกยางพาราที่มีพื้นท่ีเพมิ่ มากขึ้น
ดังทกี่ ลา่ วไปในตอนต้น และมีพืน้ ที่บางส่วนถกู ปล่อยใหเ้ ปน็ ทุ่งหญ้าสลบั ไม้พ่มุ /ไม้ละเมาะ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-95 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น
สรปุ : การใชป้ ระโยชนท์ ่ีดินชนิดต่างๆ ในพืน้ ท่ที งั้ 4 ส่วนดังกลา่ วในปี พ.ศ.2550 และในปี พ.ศ.2561
(1) พน้ื ท่ีอา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะก่ัว (พน้ื ที่ 550.30 ไร)่ : พบวา่ พ้ืนท่ีสว่ นใหญ่เปน็ พ้ืนทปี่ ่าไม้ผลดั ใบสมบรู ณแ์ ละ
พน้ื ทีป่ ลกู ยางพารา
(2) พน้ื ที่หวั งาน (พน้ื ท่ี 263.30 ไร่) : พบว่าพื้นที่สว่ นใหญ่เป็นพื้นทปี่ ลูกยางพารา
(3) พ้นื ทถี่ นนเขา้ หวั งาน (พน้ื ท่ี 12.53 ไร่) : พบว่าพืน้ ทส่ี ่วนใหญ่เปน็ พ้นื ท่ีปลกู ยางพารา
(4) พืน้ ที่บอ่ ยืมดนิ ดา้ นท้ายน้า (พ้ืนท่ี 12.53 ไร)่ : พบว่าพ้นื ท่สี ว่ นใหญเ่ ปน็ พื้นทีป่ ลูกยางพารา
(5) พนื้ ที่รบั ประโยชน์ (พ้ืนที่ 12,256 ไร)่
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพ้ืนที่รับประโยชน์ของโครงการ จะแยกกล่าวกล่าว
รายละเอียดเป็นส่วนของการใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2550 และส่วนของการใช้ประโยชน์ทีดินในปี พ.ศ.2561
รวมท้ังการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ประเภท กลุ่มชนิดต่างๆ (เปรียบเทียบข้อมลู ของปี พ.ศ.2550 และขอ้ มูล
ข้องปี พ.ศ.2561) โดยการใช้ประโยชน์ทดี่ ินประเภท/ชนิดต่างๆ ของปี พ.ศ.2561 มพี น้ื ทีเ่ พ่ิมข้ึน (+) หรอื มพี ้นื ที่ลดลง
(-) เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ประโยชน์ที่ดินของปี พ.ศ.2550 ดังสรุปรายละเอียดแสดงไว้ในตารางที่ 3.6.5-2
รปู ที่ 3.6.5-1 (ปพี .ศ.2550) และรูปท่ี 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)
การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ินในปี พ.ศ.2550
ผลการศกึ ษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดนิ ในบริเวณพืน้ ท่ไี ดร้ ับประโยชน์ของโครงการ ปี พ.ศ.2550 พบว่ามี
การใช้ประโยชน์ที่ดิน 4 ประเภท โดยพื้นท่ีส่วนใหญ่ประมาณ 9 ส่วนใน 10 ส่วนของพื้นท่ีประโยชน์ เป็นพ้ืนที่
เกษตรกรรม (พืน้ ที่ร้อยละ 90.39 ของพน้ื ที่รบั ประโยชน์) พื้นทส่ี ่วนที่เหลอื อกี ประมาณ 1 ส่วน 10 ส่วน ประกอบด้วย
การใช้ประโยชน์ที่ดินอีก 3 ประเภท โดยมีพนื้ ท่ีเรียงล้าดับจากมากไปหาน้อยดังน้ี พ้ืนที่เบ็ดเตล็ด (พื้นทร่ี ้อยละ 6.25)
พืน้ ทช่ี ุมชนและสิ่งปลูกสรา้ ง (พ้ืนที่รอ้ ยละ 2.85) และพ้ืนท่ีน้า (พ้ืนที่รอ้ ยละ 0.51) ไม่พบพืน้ ทป่ี ่าไม้ในบรเิ วณพืน้ ท่ีรับ
ประโยชนข์ องโครงการ
การใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละประเภท ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชกลุ่มของสถานท่ีกลุ่มของพ้ืนที่และ
กลุ่มของแหล่งน้าชนดิ ตา่ ง ดังนี้
พ้นื ที่เกษตรกรรม (พืน้ ท่ี 11,078.48 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 90.39 ของพ้นื ทร่ี ับประโยชน)์
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นที่เกษตรกรรม แบ่งออกเป็นกลุ่มพืชชนิดต่างๆ ดังนี้โดยพื้นท่ีส่วนใหญ่
ประมาณ 8 ส่วนใน 9 ส่วนของพื้นท่ีเกษตรกรรมเป็นกลุ่มไม้ยืนต้น (พื้นท่ีร้อยละ 80.91 ของพ้ืนที่รับประโยชน์)
พ้ืนที่ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1 ส่วนใน 9 ส่วน ประกอบด้วย กลุ่มไม้ผล (พื้นที่ร้อยละ 5.09) และกลุ่มพ้ืนที่นา
(พนื้ ท่ีรอ้ ยละ 4.38)
พชื ที่ของกลุ่มพืชชนิดต่างๆ ยงั แบง่ ย่อยออกเป็นพชื ชนดิ ตา่ งๆ ดังน้ี
- กลมุ่ พืน้ ทนี่ า : พบว่าพ้นื ที่สว่ นใหญ่เป็นนาขา้ ว (พนื้ ทีร่ ้อยละ 3.53 ของพืน้ ที่รับประโยชน์) ส่วนท่ีเหลือ
เป็นนารา้ ง (พ้ืนทร่ี ้อยละ 0.85)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-96 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น
ตารางที่ 3.6.5-2 แสดงการใช้ประโยชน์ทีด่ นิ แตล่ ะประเภท/ชนิด ในบริเวณพ้ืนทรี่ บั ประโยชน์ของโครงการ
ประเภท/กลุ่ม/ชนดิ พืนทีข่ องข้อมูล พนื ทขี่ องข้อมูล พืนท่ที ีเ่ ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ีด่ ิน
ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561 พนื ที่เพ่มิ ขึน (+) พนื ทีล่ ดลง (-)
พืนที่รวมทงั หมด
รวมพืนท่เี กษตรกรรม : ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ ไร่ รอ้ ยละ ไร่ รอ้ ยละ
พนื ที่นา 12,256.00 100.00 12,256.00 100.00 347.47 2.82 347.47 2.82
- นำรำ้ ง
- นำข้ำว 11,078.48 90.38 10,779.60 87.97 298.88 2.42
พชื ไร่
- มันสำ้ ปะหลงั 536.86 4.38 57.08 0.47 479.78 3.91
- สบั ปะรด
ไม้ยนื ต้น 104.75 0.85 5.68 0.05 99.07 0.80
- ยำงพำรำ
- ปำลม์ นำ้ มัน 432.11 3.53 51.40 0.42 380.71 3.11
- กระถนิ
ไม้ผล 0.00 0.00 7.92 0.07 7.92 0.07
- ไม้ผลผสม
- กลว้ ย 0.00 0.00 1.98 0.02 1.98 0.02
- ลำงสำด ลองกอง
ทงุ่ หญ้าเลียงสัตว์และโรงเรอื น 0.00 0.00 5.94 0.05 5.94 0.05
เลียงสัตว์
- โรงเรอื นเลียงสตั วป์ ีก 9,917.63 80.92 10,560.03 86.17 642.40 5.25
- โรงเรอื นเลยี งสกุ ร
รวมพืนท่ีชุมชนและส่ิงปลูกสรา้ ง : 9,838.24 80.27 10,446.48 85.24 608.24 4.97
หมู่บา้ น
- หมู่บำ้ นบนพนื รำบ/ไม้ผลผสม 79.39 0.65 111.02 0.91 31.63 0.26
สถานท่รี าชการและสถาบนั ต่างๆ
- สถำนที่รำชกำรและสถำบัน 0.00 0.00 2.53 0.02 2.53 0.02
ตำ่ งๆ
สถานคี มนาคม 623.99 5.09 121.63 0.99 502.36 4.10
- ถนน
รวมพืนทเ่ี บด็ เตล็ด : 623.99 5.09 114.31 0.93 509.68 4.16
ทงุ่ หญ้าและไม้ละเมาะ
- ทุ่งหญ้ำธรรมชำติ 0.00 0.00 1.99 0.02 1.99 0.02
- ทุ่งหญ้ำสลบั ไม้พมุ่ /
ไม้ละเมำะ 0.00 0.00 5.33 0.04 5.33 0.04
0.00 0.00 32.94 0.27 32.94 0.27
0.00 0.00 24.27 0.20 24.27 0.20
0.00 0.00 8.67 0.07 8.67 0.07
349.57 2.85 674.33 5.49 324.76 2.64
349.57 2.85 666.39 5.43 316.82 2.58
349.57 2.85 666.39 5.43 316.82 2.58
0.00 0.00 6.36 0.05 6.36 0.05
0.00 0.00 3.36 0.05 6.36 0.05
0.00 0.00 1.58 0.01 1.58 0.01
0.00 0.00 1.58. 0.01
765.99 6.25 717.40 5.85 1.58 0.01
765.99 6.25 680.94 5.55
0.00 0.00 24.55 0.19 48.59 0.40
765.99 6.25 656.39 5.36
85.05 0.70
24.55 0.19
109.60 0.89
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-97 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้
ตารางท่ี 3.6.5-2 แสดงการใชป้ ระโยชนท์ ่ีดนิ แตล่ ะประเภท/ชนิด ในบรเิ วณพนื้ ที่รับประโยชน์ของโครงการ (ต่อ)
ประเภท/กลุ่ม/ชนดิ พืนทขี่ องข้อมูล พนื ทขี่ องข้อมูล พนื ทที่ เ่ี ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ดี่ ิน ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561
ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ พืนทเ่ี พิ่มขึน (+) พนื ทลี่ ดลง (-)
เหมืองแร่บอ่ ขุด 0.00 0.00 36.46 0.30
- บอ่ ลกู รงั 0.00 0.00 29.18 0.24 ไร่ รอ้ ยละ ไร่ รอ้ ยละ
- บ่อดนิ 0.00 0.00 7.28 0.06
พนื ทน่ี า : 61.96 0.51 84.67 0.69 36.46 0.30
แหล่งนาธรรมชาติ 55.97 0.46 78.68 0.64
- แม่นำ้ ล้ำห้วย ล้ำคลอง 0.00 0.00 21.41 0.17 29.18 0.24
- หนอง บึง ทะเลสำบ 55.97 0.46 57.27 0.47
แหล่งนาทสี่ รา้ งขึน 5.99 0.05 5.99 0.05 7.28 0.06
- อำ่ งเกบ็ นำ้ 5.99 0.05 5.99 0.05
22.71 0.18
22.71 0.18
21.41 0.17
1.30 0.01
0.00 0.00
0.00 0.00
- กลุ่มไม้ยืนตน้ : พบวา่ พ้นื ที่ส่วนใหญ่เกอื บท้งั หมดเป็นพ้ืนท่ีปลูกยางพารา (พ้ืนท่ีร้อยละ 80.27 ของพืน้ ที่รับ
ประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกไมม่ ากนักเปน็ พนื้ ท่ีปลูกปาล์มน้ามัน (พน้ื ที่ร้อยละ 0.65)
- กลุ่มไม้ผล : พบว่าพ้ืนท่ที ัง้ หมดเป็นเป็นพื้นทป่ี ลกู ไมผ้ สม (พน้ื ทรี่ อ้ ยละ 5.09 ของพน้ื ที่รับประโยชน)์
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นท่ชี ุมชนและสิง่ ปลูกสรา้ ง พบวา่ มีกล่มุ ของสถานทีเ่ พียงกลุ่มเดยี ว คือกลุ่มหมู่บ้าน
(พื้นที่ร้อยละ 2.85 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) โดยมีเพียงชนิดเดียว ได้แก่ หมู่บ้านพื้นราบ/ไม้ผลผสม พื้นท่ีร้อยละ 2.85
ของพ้นื ท่ีรบั ประโยชน์)
พนื้ ท่ีเบด็ เตลด็ (พนื้ ที่ 765.99 ไร่ หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 6.25 ของพ้ืนทีร่ บั ประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพืน้ ที่เบด็ เตลด็ พบว่ามีกลุ่มของพนื้ ที่เพียงกลุ่มเดียว คือ พื้นทท่ี ่ีเป็นกลุม่ ทุ่งหญ้าและ
ไม้ละเมาะ (พนื้ ท่ีรอ้ ยละ 6.25 ของพื้นทรี่ บั ประโยชน์)
พ้นื ทนี่ ้า (พ้นื ท่ี 61.96 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 0.51 ของพน้ื ทีร่ ับประโยชน)์
การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่น้า แบ่งออกเป็นแหล่งน้า 2 กลุ่ม โดยพื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของแหล่งน้า
ธรรมชาติ (พื้นท่ีร้อยละ 0.46 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พื้นท่ีส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเป็นกลุ่มของแหล่งน้า
ทีส่ รา้ งขึ้น (พื้นทรี่ ้อยละ 0.05)
พ้ืนที่ของกลุ่มแหลง่ น้า 2 กล่มุ ยังแบง่ ย่อยออกเปน็ 2 แหล่งน้าชนิดตา่ งๆ ดงั น้ี
- กล่มุ ของแหล่งน้าธรรมชาติ : พบว่ามแี หลง่ น้าเพียงชนิดเดยี ว ได้แก่ หนอง บึง ทะเลสาบ (พนื้ ท่ีร้อยละ 0.46
ของพื้นทร่ี บั ประโยชน)์
- กลุ่มของแหล่งน้าที่สร้างขึ้น : พบว่ามีแหล่งน้าเพียงชนิดเดียว ได้แก่ อ่างเก็บน้า (พื้นท่ีร้อยละ 0.05
ของพื้นทร่ี บั ประโยชน)์
การใชป้ ระโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2561
ผลการศึกษาดา้ นการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบรเิ วณพ้นื ที่ไดร้ ับประโยชน์ของโครงการ ปี พ.ศ.2561 พบวา่ มี
การใช้ประโยชน์ท่ีดิน 4 ประเภท โดยพ้ืนที่ส่วนใหญ่ประมาณ 9 ส่วนใน 10 ส่วนของพื้นที่ประโยชน์ เป็นพ้ืนท่ี
เกษตรกรรม (พ้ืนที่ร้อยละ 89.97 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พน้ื ที่ส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 1 ส่วน10 สว่ น ประกอบด้วย
การใช้ประโยชน์ที่ดินอีก 3 ประเภท โดยมีพ้ืนที่ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่เบ็ดเตล็ด (พ้ืนท่ีร้อยละ5.85) และพ้ืนที่อีก
ประมาณครึ่งหน่ึงเป็นพน้ื ท่ีชุมชนและสิ่งปลกู สรา้ ง (พื้นท่ีรอ้ ยละ 5.49) พื้นท่ีส่วนที่เหลืออีกเพยี งเล็กน้อยเป็นพื้นที่น้า
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-98 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งต้น
(พนื้ ท่รี ้อยละ 0.51) ไมพ่ บพืน้ ที่ป่าไม้ในบรเิ วณพ้นื ที่รบั ประโยชน์เชน่ เดียวกนั กับในปี พ.ศ.2550
การใช้ประโยชน์ในแต่ละประเภท ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชกลุ่มของสัตว์ กลุ่มของสถานท่ี กลุ่มของ
พื้นท่ีและกลุม่ ของแหล่งน้าชนดิ ต่างๆ ดังนี้
พนื้ ท่เี กษตรกรรม (พ้นื ท่ี 10,779 ไร่ หรอื คดิ เป็นร้อยละ 87.97 ของพื้นท่ีรับประโยชน)์
การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นท่ีเกษตรกรรม แบ่งออกเป็นกลุ่มพชื และกลุ่มสัตว์ชนิดต่างๆ ดังน้ี โดยพื้นท่ีส่วน
ใหญ่หรือเกือบทั้งหมดในกลุ่มไม้ยืนต้น (พ้ืนท่ีร้อยละ 86.17 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนท่ีเหลืออีกไม่มากนัก
(ร้อยละ 1.80) ประกอบด้วยกลุ่มไม้ผล (พื้นท่ีร้อยละ 0.99) กลุ่มพื้นท่ีนา (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.47) กลุ่มทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์
และโรงเรือนสตั วน์ ้า (พื้นที่รอ้ ยละ 0.27) และกล่มุ พืชไร่ (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.07)
พื้นที่ของกล่มุ พืชและของกลุ่มสัตว์ชนิดต่างๆ ยงั แบง่ ยอ่ ยออกเปน็ พืชและสัตว์ชนดิ ต่างๆ ดงั น้ี
- กลุ่มพื้นที่นา : พบว่ามีพื้นท่นี ้อยในพื้นท่ีเกษตรกรรมโดยพืน้ ท่ีเกอื บทั้งหมดเป็นขาข้าว (พื้นทีร่ ้อยละ 0.42
ของพ้ืนที่รบั ประโยชน)์ สว่ นท่ีเหลือเพียงเล็กนอ้ ย เป็นนาร้าง (พื้นทีร่ อ้ ยละ 0.05)
- กลุ่มพืชไร่ : พบว่ามีพื้นที่เพียงเล็กน้อยมากๆ ในพ้ืนที่เกษตรกรรม ประกอบด้วย พื้นท่ีปลูกสับปะรด
(พ้นื ท่รี อ้ ยละ 0.05 ของพื้นทร่ี บั ประโยชน)์ และพืน้ ท่ปี ลูกมันส้าปะหลัง (พนื้ ที่ร้อยละ 0.02)
- กลุ่มไม้ยืนต้น : พบว่ามีพ้ืนท่ีเพียงเล็กน้อยมากที่สุดในพ้ืนที่เกษตรกรรมพ้ืนท่ีส่วนใหญ่หรือเกือบ
ทงั้ หมดเป็นพนื้ ที่ปลกู ยางพารา (พืน้ ท่ีร้อยละ 85.24 ของพื้นที่รบั ประโยชน)์ พ้ืนที่สว่ นที่เหลือไม่มากนักเป็นพน้ื ที่ปลูก
ปาล์มน้ามัน (พื้นท่ีร้อยละ 0.91) และที่มพี ้ืนทเ่ี พยี งเล็กน้อยมากๆ เปน็ พ้ืนทปี่ ลูกกระถนิ (พนื้ ทร่ี อ้ ยละ 0.02)
- กลุ่มไม้ผล : พบว่ามีพื้นท่ีค่อนข้างน้อยในพ้ืนที่เกษตรกรรมโดยพื้นที่ส่วนใหญ่หรือเกือบท้ังหมดเป็น
พืน้ ที่ปลูกไมผ้ ลผสม (พ้ืนที่ร้อยละ 0.93 ของพื้นที่รับประโยชน)์ พื้นท่ีส่วนท่ีเหลอื อีกเพียงเล็กน้อย ประกอบด้วยพื้นท่ี
ปลกู ลางสาด ลองกอง (พืน้ ท่รี ้อยละ 0.04) และพ้ืนทีป่ ลูกกล้วย (พืน้ ทรี่ อ้ ยละ 0.02)
- กลุ่มทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และโรงเรือนสัตว์น้า : พบว่ามีพ้ืนที่น้อยในพ้ืนที่เกษตรกรรม ประกอบด้วย
โรงเรอื นเล้ยี งสัตว์ปีก (พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 0.20 ของพนื้ ทรี่ บั ประโยชน์) และโรงเรือนเล้ียงสกุ ร (พน้ื ทีร่ อ้ ยละ 0.07)
พน้ื ทช่ี มุ ชนและส่ิงปลูกสรา้ ง (พื้นท่ี 674.33 ไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 5.47 ของพื้นทร่ี บั ประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนท่ีชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง แบ่งเป็นกลุ่มสถานที่ต่างๆ โดยพ้ืนท่ีเกือบทั้งหมด
เปน็ กลุ่มของหมบู่ ้าน (พนื้ ทรี่ อ้ ยละ 5.43 ของพ้นื ทีร่ ับประโยชน)์ พ้นื ที่สว่ นที่เหลืออกี เพยี งเลก็ น้อยมากๆ ประกอบดว้ ย
กลุ่มของสถานที่ราชการและสถาบันต่างๆ (พื้นที่ร้อยละ 0.05) และกลุ่มของสถานีคมนาคม (พื้นที่ร้อยละ 0.01) โดย
พ้ืนท่ีของแต่ละสถานท่ี 3 กลมุ่ ดังกลา่ วน้ี ประกอบด้วยสถานทตี่ า่ งๆ ดังน้ี
- กลุ่มหมู่บ้าน : พบว่ามีพ้ืนท่ีเพียงชนิดเดียว คือหมู่บ้านบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสม (พื้นที่รอ้ ยละ 5.49 ของ
พ้นื ทร่ี ับประโยชน)์
- กลุ่มสถานที่ราชการและสถาบันต่างๆ : พบว่ามีพื้นที่เพียงชนิดเดียว คือ สถานท่ีราชการและสถาบัน
ตา่ งๆ (พื้นที่ร้อยละ 0.05 ของพืน้ ท่รี ับประโยชน์)
- กลมุ่ สถานคี มนาคม : พบวา่ มีพืน้ ที่เพียงชนิดเดียว คือ ถนน (พน้ื ทรี่ ้อยละ 0.01 ของพื้นท่ีรบั ประโยชน์)
พน้ื ทเ่ี บ็ดเตลด็ (พื้นท่ี 717 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 5.85 ของพื้นทร่ี บั ประโยชน)์
การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เบ็ดเตล็ด แบ่งออกเป็นกลุ่มพื้นท่ีชนิดต่างๆ โดยพ้ืนที่เกือบทั้งหมดได้แก่
ส่วนที่เป็นกลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ (พ้ืนท่ีร้อยละ 5.55 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนที่ส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อย
ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่บ่อขดุ (พ้ืนทรี่ ้อยละ 0.30) ซึ่งกลุ่มพ้นื ท่ี 2 กลุ่มดังกล่าวน้ียงั แบ่งย่อยออกเปน็ ทีช่ นดิ ต่างๆ ได้ดงั นี้
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-99 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้
- กลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ : พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่หรือเกือบท้ังหมดได้แก่ ทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/
ไม้ละเมาะ (พื้นท่ีร้อยละ 5.36 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อย ได้แก่ ทุ่งหญ้าธรรมชาติ
(พ้นื ที่รอ้ ยละ 0.19)
- กลุ่มเหมืองแร่บ่อขุด : พบว่าพื้นที่เกือบทั้งหมด ได้แก่ บ่อลูกรัง (พ้ืนที่ร้อยละ 0.24) ของพ้ืนที่รับ
ประโยชน์ สว่ นท่ีเหลอื ไดแ้ ก่ บ่อดิน (พ้ืนท่ีรอ้ ยละ 0.06)
พ้นื ท่ีนา้ (พื้นท่ี 84.67 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.69 ของพน้ื ที่รบั ประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นท่ีน้า แบ่งออกเป็นแหล่งน้า 2 กลุ่ม โดยพ้ืนที่เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มของ
แหล่งน้าธรรมชาติ (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.64 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พื้นท่ีส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยมาก ได้แก่ กลุ่มของ
แหลง่ น้าทีส่ รา้ งขึ้น (พืน้ ท่รี อ้ ยละ 0.05) พ้นื ท่ขี องกลุ่มแหล่งน้า 2 กลุม่ ดังกล่าวยงั แบ่งยอ่ ยออกเป็นแหล่งน้าชนิดตา่ ง ๆ ดังน้ี
- กลุม่ ของแหลง่ น้าธรรมชาติ : พบว่ามีแหล่งนา้ อยู่ 2 ชนดิ โดยพื้นท่สี ่วนใหญ่ ได้แก่ ส่วนท่เี ป็นหนอง บึง
ทะเลสาบ (พื้นที่ร้อยละ 0.47 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พื้นท่ีส่วนท่ีเหลือ ได้แก่ ส่วนท่ีเป็นแม่น้า ล้าห้วย ล้าคลอง (พ้ืนที่
รอ้ ยละ 0.17)
- กลุ่มของแหล่งน้าท่ีสร้างข้ึน : พบว่ามีอยู่เพียงชนิดเดียว ได้แก่ อ่างเก็บน้า (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.05 ของ
พ้ืนท่รี ับประโยชน์)
การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชนท์ ่ีดนิ (เปรียบเทียบข้อมูลปี พ.ศ.2550 กบั ข้อมลู ของปี พ.ศ.2561)
การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภท/กลุ่ม/ชนิด ในบริเวณพื้นท่ีรับประโยชน์ของโครงการ
เป็นการเปรยี บเทียบข้อมูลของปี พ.ศ.2550 และขอ้ มูลของปี พ.ศ.2561 วา่ ในปี พ.ศ.2561 มีการใช้ประโยชนท์ ีด่ ินของ
แต่ละประเภท/กลุ่ม/ชนิด โดยมีพ้ืนท่ีเพ่ิมข้ึน (+) หรือมีพื้นที่ลดลง (-) เม่ือเปรียบเทียบกับข้อมูลของการใช้ประโยชน์
ที่ดินในปี พ.ศ.2550 ผลการศกึ ษาได้สรุปแสดงไว้ในตารางท่ี 3.6.5-2 ถงึ ตารางท่ี 3.6.5-3
ผลการศึกษาของการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินของแต่ละประเภท (ประกอบด้วย 4 ประเภท) ใน
พน้ื ที่รับประโยชน์ของโครงการของแต่ละประเภท
ประเภทการใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ ทีม่ ีพน้ื ทีเ่ พ่ิมมากขึ้น (+) พบว่ามกี ารเปลีย่ นแปลงเปน็ พนื้ ที่ไม่มากนัก
ผลการศึกษาประเภทการใช้ประโยชน์ท่ีดินท่ีมีพ้ืนท่ีเพิ่มมากข้ึนในปี พ.ศ.2561 เม่ือเปรียบเทียบกับ
ปี พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 2 ประเภท ประกอบด้วย พื้นที่ชุมชนและส่ิงปลูกสร้างมีพืน้ ท่ีเพิ่มขึ้น (+) 324.76 ไร่ (คดิ เป็น
ร้อยละ 2.64 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) และอีกประเภทหนึ่งเป็นพ้ืนที่น้าซ่ึงมีพื้นท่ีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก คือ 22.71 ไร่
(คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.18 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน)์
ประเภทการใชป้ ระโยชนท์ ่ดี นิ ท่ีมีพ้ืนทีล่ ดนอ้ ยล (-)
ผลการศึกษาประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีพ้ืนที่ลดน้อยลงในปี พ.ศ.2561 เม่ือเปรียบเทียบกับปี พ.ศ.2550
พบว่ามีอยู่ 2 ประเภท ประกอบด้วยพ้ืนท่ีเกษตรกรรมมีพื้นที่ลดลง (-) 298.88 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 2.42 ของพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน์) และอีกประเภทหนงึ่ เป็นพื้นท่ีเบ็ดเตล็ดซึ่งมีพื้นท่ีลดลงไม่มากนัก คือ 48.59 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 0.40 ของพ้ืนที่
รบั ประโยชน)์
การลดลงของพื้นท่ีเกษตรกรรม และพื้นท่ีเบ็ดเตล็ด ในปี พ.ศ.2561 ส่วนใหญ่แล้วพ้ืนที่ที่ลดลงไป จะถูก
เปล่ียนน้าไปใช้ประโยชน์เป็นพื้นท่ชี ุมชนและสิง่ ปลกู สร้างพื้น ทเี่ พิ่มข้ึนเปน็ กลุ่มหมู่บา้ นชนดิ ท่เี ป็นหมบู่ ้านบนพ้ืนราบ/
ไมผ้ ลผสม (พ้ืนที่เพ่ิมขน้ึ 316.82 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.58 ของพ้นื ที่รับประโยชน์) พื้นทส่ี ว่ นท่ีเหลือที่มีพน้ื ท่ีไม่มาก
นักถกู น้าไปใชป้ ระโยชน์เป็นสถานทร่ี าชการและสถาบันตา่ งๆ (พ้ืนท่ี 6.36 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 0.05) และสว่ นที่เป็น
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-100 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้
สถานีคมนาคม ท่ีเป็นถนน (พื้นที่ 1.58 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.01) นอกจากน้ันมีพ้ืนที่อีกเพียงเล็กน้อยถูก
เปลี่ยนแปลงน้าไปใชป้ ระโยชนเ์ ปน็ พนื้ ทีน่ ้า พื้นที่เพ่ิมขึ้นท่ีอยู่ในกลุ่มของแหล่งน้าธรรมชาติ โดยสว่ นใหญ่เป็นส่วนของ
แม่น้า ล้าห้วย ล้าคลอง (พ้ืนท่ี 21.41 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.17) และมีพ้ืนท่ีเพียงเล็กน้อยมาก ๆ ที่เป็นหนอง บึง
ทะเลสาบ (พ้ืนท่ี 1.30 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 0.01)
การเปลย่ี นแปลงการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินประเภทต่าง ๆ ในบรเิ วณพน้ื ทร่ี ับประโยชน์ของโครงการ
ประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดนิ พ้ืนทเี่ พมิ่ ขึ้น (+) พืน้ ทล่ี ดลง (-)
ไร่ ร้อยละ ไร่ ร้อยละ
พื้นทเ่ี กษตรกรรม 298.88 2.42
พ้ืนท่ชี มุ ชนและสิ่งปลูกสรา้ ง 324.76 2.64
พน้ื ทเ่ี บ็ดเตลด็ 48.59 0.40
พื้นที่น้า 22.71 0.18
รวม 347.47 2.82 347.47 2.82
การเปล่ียนแปลงการใชป้ ระโยชนข์ องกลมุ่ พืชและกลมุ่ สตั ว์ชนิดต่าง ๆ ในพืน้ ท่ีบรเิ วณเกษตรกรรม
การใช้ประโยชนท์ ด่ี ินของกลุ่มพชื / พ้ืนท่ีเพิ่มขึ้น (+) พื้นท่ีลดลง (-)
กลุ่มสตั ว์ ไร่ รอ้ ยละ
ไร่ ร้อยละ
กลุ่มพ้ืนที่นา
479.78 3.91
กลุ่มพชื ไร่ 7.92 0.07
กลมุ่ ไมย้ นื ตน้ 642.40 5.25
กลุ่มไมผ้ ล 502.36 4.10
กลมุ่ ทุ่งหญ้าเลย้ี งสตั ว์และโรงเรอื น 32.94 0.27 982.14 8.01
เลย้ี งสัตว์ 683.26 5.59
รวม
การเปลี่ยนแปลงการใชป้ ระโยชนใ์ นพื้นท่เี กษตรกรรม
การใช้ประโยชน์ที่ดินในประเภทท่ีเป็นพื้นท่ีเกษตรกรรม ซึ่งเป็นพ้ืนท่ีหลักมีพ้ืนที่มากท่ีสุดในพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน์ของโครงการ (คิดเป็นร้อยละ 90 ของพื้นที่รับประโยชน์) พบว่ากลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ต่างๆ ยังมีการ
เปลย่ี นแปลงท้ังเปน็ ในสว่ นท่ีพ้นื ทเี่ พมิ่ มากขึ้น (+) และในส่วนทมี่ ีพืน้ ทลี่ ดน้อยลง (-) โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี
กลมุ่ พืชหรอื กลุ่มสัตวท์ ่ีมีพื้นท่ีเพิม่ มากขนึ้ (+)
การใช้ประโยชน์ที่ดินท่ีเป็นกลุ่มพืชหรือกลุ่มสัตว์ท่ีมีพ้ืนที่เพ่ิมมากขึ้นในปี พ.ศ.2561 เมื่อเปรียบเทียบกับปี
พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 3 กลุม่ ประกอบด้วยกลุ่มไม้ยนื ตน้ ที่มีพ้ืนที่เพ่ิมขึ้น (+) เป็นพื้นที่มากที่สุด (พ้ืนที่เพ่ิมขึ้น 642.40 ไร่
หรือคิดเป็นร้อยละ 5.25 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) โดยพื้นที่ที่เพ่ิมขึ้นเป็นพ้ืนที่ปลูกยางพารา (พื้นท่ีเพิ่มข้ึน 608.24 ไร่
หรือคิดเป็นร้อยละ 4.97) ส่วนการใช้ประโยชน์ท่ีดินของอีก 2 กลุ่ม ท่ีมีพ้ืนท่ีเพ่ิมข้ึนเพียงเล็กน้อย ได้แก่ กลุ่มทุ่งหญ้า
เลย้ี งสัตว์และโรงเรือนเล้ียงสตั ว์ (พ้ืนที่เพม่ิ ขนึ้ 32.94 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 0.27) และกลุ่มพืชไร่ (พ้ืนท่ีเพ่ิมข้นึ 7.92 ไร่
หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.07)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-101 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น
กลุ่มพชื ที่มพี ื้นท่ลี ดน้อยลง (-)
การใช้ประโยชน์ทดี่ ินเป็นกลุ่มพืช ทม่ี ีพ้นื ทล่ี ดน้อยลงในปี พ.ศ.2561 เมื่อเปรยี บเทียบกับปี พ.ศ.2550 พบว่า
มีอยู่ 2 กลุม่ ทีม่ ีพน้ื ท่ีลดน้อยลงใกล้เคียงกนั ประกอบด้วยกลุ่มไม้ผล (พ้ืนที่ลดลง 502.36 ไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 4.10
ของพ้ืนท่ีรับประโยชน)์ และกลุม่ พ้ืนที่นา (พ้ืนทลี่ ดลง 479.78 หรือคิดเปน็ ร้อยละ 3.91)
พ้นื ที่ส่วนใหญ่ของกลุม่ ไมผ้ ล พ้ืนทีเ่ กือบท้ังหมดเป็นไม้ผลผสมท่ีมพี ื้นทล่ี ดน้อยลง และพื้นท่ีบางส่วนของกลุ่มพ้นื ที่
นา พื้นท่ีเกือบท้ังหมดเป็นนาข้าว ที่มพี ้ืนท่ีลดลงเช่นเดียวกัน พื้นท่ีส่วนใหญ่จะถูกเปล่ยี นไปเป็นพื้นท่ีกลุ่มไม้ยืนต้น ซ่ึง
ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ปลูกยางพารา (พ้ืนท่ีเพ่ิมข้ึน 608.24 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.97 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) และมี
พื้นที่อกี เพยี งเล็กน้อยที่เป็นพื้นที่ปลกู ปาลม์ นา้ มัน (พนื้ ทเ่ี พ่มิ ขึ้น 31.63 ไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.26)
3.6.5.2 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
ไม่มี
3.6.5.3 แผนการดาเนินงานในขน้ั ถัดไป
ท้าการสา้ รวจสภาพการใช้ประโยชน์ทีด่ นิ ภาคสนามในบริเวณพืน้ ทีศ่ ึกษาของโครงการ
3.6.6 การคมนาคมขนส่ง
3.6.6.1 ความกา้ วหนา้ ของการศกึ ษา
จังหวัดพัทลุง มีการคมนาคมสะดวกเพราะต้ังอยู่กึ่งกลางของภาคใต้ (กึ่งกลางระหว่างจังหวัดชุมพร-นราธิวาส)
เป็นศูนย์รวมของการคมนาคมทางบก จากภาคใต้ตอนบน (ฝั่งอ่าวไทย) และภาคตะวันตก (ฝั่งอันดามัน) ลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง
โดยใชเ้ สน้ ทางเพชรเกษม (หมายเลข 4)
1. การขนสง่ ทางบก เป็นการคมนาคมขนส่งท่ีสะดวกท่สี ดุ
1) การเดินทางโดยรถยนต์ มีทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอ้าเภอป่าพะยอม ควนขนุน เมือพัทลุง เขาชัยสน
บางแก้ว ตะโหมด ป่าบอน และทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านอ้าเภอเมืองพัทลุง ศรียครินทร์ เขาชัยสน บางแก้ว ตะโหมด และ
ป่าบอน นอกจากนี้ยังมีถนนหรอื ทางหลวงท่ีอยใู่ นความรบั ผิดชอบของหน่วยงานอนื่ ๆ
2) การเดินทางโดยรถไฟ มีรถไฟสายใตผ้ า่ นท้องที่อา้ เภอควนขนนุ เมืองพัทลงุ เขาชยั สน บางแก้ว ป่าบอน และ
อา้ เภอปากพะยูน มีสถานีรับส่งผโู้ ดยสารและสินค้า 9 สถานี ได้แก่ สถานแี หลมโตนด ปากคลอง พทั ลุง บ้านต้นโดน เขาชัยสน
บางแก้ว ควนเคยี่ ม หารเทา และสถานีโคกทราย
2. การขนสง่ ทางน้า มีการเดนิ ทางเพียงสายเดียว คอื เส้นทางระหวา่ งจังหวัดพทั ลุงกับอ้าเภอระโนด จังหวดั สงขลา
มีทา่ เทยี บเรือทส่ี า้ คญั เพียงแหง่ เดยี ว คอื ทา่ เทียบเรือปากพะยนู อา้ เภอปากพะยูน จังหวดั พทั ลุง
3. การคมนาคมทางอากาศ จงั หวัดพทั ลงุ ไม่มสี นามบินพาณชิ ย์ของตนเอง การเดนิ ทางทางอากาศ อาศัยสนามบิน
พาณชิ ยต์ รงั สนามบินพาณิชยห์ าดใหญ่ และสนามบินพาณชิ ยน์ ครศรธี รรมราช
4. ระบบโครงข่ายคมนาคมและขนส่งครอบคลุมพ้ืนที่โครงการอ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว และพื้นที่รับประโยชน์
ของโครงการ พบว่าเป็นระบบคมนาคมขนสง่ ที่มีสภาพดี และสามารถตดิ ตอ่ เชื่อมโยงกนั ได้อยา่ งสะดวกและรวดเรว็
5. การสารวจเส้นทางเข้าสู่พ้ืนท่ีหัวงาน การเดินทางเข้าสู่หัวงานสามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถยนต์ โดยเริ่ม
จากตัวเมืองพัทลุงมุ่งหน้าไปทางทิศใต้บนถนนหมายเลข 4 เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จากน้ันเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน
หมายเลข 4122 มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรจากน้ันเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-102 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
1029 มุ่งหน้าทางทิศใต้เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จากน้ันเล้ียวขวาเข้าสู่ทางลาดยางสู่น้าตกโตนสะตอ ประมาณ 500
เมตร และเดินเท้าอีกประมาณ 200 เมตรจะถงึ ทตี่ ้ังหัวงานโครงการ
6. ข้อมูลปริมาณการจราจร จากการรวบรวมข้อมูลปริมาณจราจรต่อวันตลอดปี (AADT) บนทางหลวงสายหลัก
ทางหลวงหมายเลข 4 บริเวณพ้ืนท่ีศึกษาและบริเวณใกล้เคียง ปี 2561 พบว่าชนิดรถที่มีการว่ิงบนถนนทางหลวงหมายเลข 4
มากที่สุด คือ รถยนต์นั่ง (ไม่เกิน 7 คน) รองลงมารถบรรทุกขนาดเล็ก (4 ล้อ) รถยนต์นั่ง (เกิน 7 คน) และรถจักรยานยนต์
ตามลา้ ดับ ดังตารางที่ 3.6.6-1
3.6.6.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
ไม่พบปญั หาและอุปสรรคแต่อยา่ งใด
3.6.6.3 แผนการดาเนนิ งานในขั้นถัดไป
ลงพนื้ ที่สา้ รวจปรมิ าณจราจรในพน้ื ทีโ่ ครงการ
3.7 การศกึ ษาคณุ ค่าต่อคณุ ภาพชวี ิต
3.7.1 เศรษฐกจิ สังคม (ผู้เช่ียวชาญดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และองค์กร : นางกาญจนา จนั ทร์วเิ มลือง)
3.7.1.1 ความกา้ วหน้าของการศึกษา
จากการทบทวนแผนพัฒนาส่ีปี (พ.ศ.2560 – 2564) ของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ คือ
องค์การบรหิ ารสว่ นต้าบลหนองธง ซ่ึงเปน็ พ้นื ท่ีต้ังโครงการและมีพ้ืนที่รบั ประโยชน์ และพื้นท่ีเทศบาลต้าบลคลองใหญ่
พบว่า มีสภาพพื้นท่ีท่ีเอื้ออานวยตอ่ การประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ ประกอบดว้ ย สวนยางพารา
ท้านา และสวนผลไม้ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่ท้ารายได้ ให้แก่ประชาชนในพ้ืนที่ ท้าให้มีความสอดคล้องกับแนว
ทางการพัฒนาโครงการท่จี ัดหาแหล่งนา้ ให้กับประชาชนในพนื้ ที่
3.7.1.2 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไมพ่ บปัญหาและอุปสรรคแตอ่ ยา่ งใด
3.7.1.3 แผนการดาเนนิ งานในขั้นถดั ไป
(1) รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม ในระดับจังหวัด อ้าเภอ องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น (เทศบาลและองค์การบริหารส่วนต้าบล) ระดับหมู่บ้านในพ้ืนท่ีโครงการ เพ่ิมเติม จากข้อมูลแผนพัฒนาของ
จังหวดั อ้าเภอ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ข้อมูล จปฐ. และข้อมลู กชช. 2 ค. ของพ้ืนท่ีทเ่ี กี่ยวข้อง เพ่อื ท้าการศกึ ษา
เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและสภาพสังคมในภาพรวม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบท้ังทางบวกและลบจาก
การพัฒนาโครงการ
(2) ทบทวนประเดน็ ค้าถามในแบบสอบถามดา้ นเศรษฐกิจและสังคม ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ
และสงั คม เพอื่ น้าเสนอตอ่ คณะกรรมการก้ากับฯ ตอ่ ไป
(3) วางแผนงานส้ารวจภาคสนามด้านเศรษฐกิจและสังคม ในระดับพื้นที่โครงการ เม่ือทราบข้อมูลพื้นท่ีท่ี
ได้รับผลกระทบทง้ั ทางบวกและลบจากการพฒั นาโครงการ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-103 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด ตารางท่ี 3.6.6-1 ปรมิ าณจราจรต่อวันตลอดปี (AADT) บนทางหลวงสายหลกั ทางหลวงหมายเลข 4 ปี 2561
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั
ลาดับ ทาง ตอน รถยนตน์ งั่ รถยนต์นงั่ รถ รถโดยสาร รถ รถบรรทุก รถบรรทุกขนาด รถบรรทุก รถบรรทุกพว่ ง รถบรรทุกก่ึง % จักรยาน สามล้อ แขวงทาง โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกัว่
ท่ี หลวง ควบคุ จุดสารวจ (ไมเ่ กิน (เกิน 7 โดยสาร ขนาดกลาง (มากกว่า 3 พว่ ง (มากกว่า ของ 2 ล้อ และ เคร่ืองและ หลวง อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง
สาย ชอ่ื สายทาง โดยสาร ขนาดเล็ก 2 เพลา ขนาด 3 เพลา เพลา) รวม ยานยนต์ จักรยาน 3 ล้อ จักรยานยนต์ จังหวัด
ม 7 คน) คน) ขนาดเล็ก 3 เพลา) หนกั
ขนาดใหญ่ (4 ล้อ) (6 ล้อ) (10 ล้อ)
1 4 1301 เขำพับผ้ำ - พัทลุง 1144+104 4,230 1,524 62 39 57 3,234 252 194 112 237 9,941 8.96 18 1,440 ขท.พัทลุง พัทลุง
2 4 1301 เขำพับผ้ำ - พัทลุง
3 4 1302 พัทลุง - นำโหนด 1160+640 10,390 1,354 209 234 132 8,088 517 423 209 209 21,765 7.92 42 4,269 ขท.พัทลุง พัทลุง
4 4 1304 ห้วยทรำย - พรพุ ้อ
5 4 1401 พรพุ ้อ - เนนิ พิชัย 1173+259 6,251 6,031 411 373 426 5,353 4,967 5,111 4,983 4,960 38,866 53.57 0 3,918 ขท.พัทลุง พัทลุง
6 4 1401 พรพุ ้อ - เนนิ พิชัย
1205+559 5,890 2,989 17 36 120 10,480 1,017 1,431 1,448 1,095 24,523 20.99 6 1,564 ขท.พัทลุง พัทลุง
1220+559 10,313 3,244 78 89 153 1,406 820 947 921 821 18,792 19.96 31 1,179 ขท.สงขลำที่ 1 สงขลำ
1230+459 12,563 6,469 155 138 169 2,522 958 1,205 1,137 1,385 26,701 18.70 41 2,541 ขท.สงขลำท่ี 1 สงขลำ
3-104
รายงานความกา้ วหน้า บทท่ี 3
(Progress Report) การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้
3.7.2 สขุ ภาพอนามยั และการบริการสาธารณสขุ
(ผู้เชย่ี วชาญด้านการประเมนิ ผลกระทบต่อสขุ ภาพ : ผศ.ดร.สพญ.ญาณิน ลิมปานนท์)
3.7.2.1 ความก้าวหน้าของการศกึ ษา
1) ผลการรวบรวมข้อมูลทตุ ิยภูม
1.1) สถานบรกิ ารสาธารณสขุ
• สถานบรกิ ารสาธารณสุขบริเวณพ้ืนทศ่ี ึกษาโครงการ
พื้นที่ศึกษาของโครงการครอบคลุมพื้นท่ี 2 อ้าเภอ ของจังหวัดพัทลุง ได้แก่ อ้าเภอป่าบอน
และอ้าเภอตะโหมด ทั้งน้พี บสถานพยาบาลทอี่ ยู่ใกล้เคียงพ้ืนที่ของโครงการ จา้ นวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลป่าบอน
และโรงพยาบาลตะโหมด
1.2) บุคลากรดา้ นสาธารณสุข
จังหวัดพัทลุง มีบุคลากรด้านสาธารณสุข ทั้งหมด 1,675 โดยแบ่งเป็น แพทย์ จ้านวน 51 คน
ทันตแพทย์ จ้านวน 50 คน เภสัชกร จ้านวน 68 คน และพยาบาลวิชาชีพ 802 คน นักวิชาการสาธารณสุข/เจ้า
พนักงานสาธารณสขุ 650 คน และแพทย์แผนไทย 54 คน รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 3.7.2-1
ส้าหรับพ้ืนท่ีศึกษาโครงการ มีบุคลากรด้านสาธารณสุข ประกอบไปด้วย โรงพยาบาลป่าบอน
มีแพทย์ 3 คน ทันตแพทย์ 5 คน เภสัชกร 7 คน พยาบาลวิชาชีพ 46 คน นักวิชาการสาธารณสุข 4 คน
นักกายภาพบ้าบัด 2 คน แพทย์แผนไทย 2 คน เจ้าพนักงานสาธารณสุข 1 คน และนักเทคนิคการแพทย์ 2 คน
เจ้าพนักงานทนั ตสาธารณสุข 2 คน และนกั รงั สีการแพทย์ 1 คน และโรงพยาบาลตะโหมด มีแพทย์ 4 คน ทันตแพทย์
3 คน เภสัชกร 5 คน พยาบาลวิชาชีพ 42 คน นักวิชาการสาธารณสุข 5 คน นักกายภาพบ้าบัด 2 คน นักรังสี
การแพทย์ 1 คน และนกั เทคนคิ การแพทย์ 2 คน รายละเอียดแสดงดังตารางท่ี 3.7.2-1
ตารางที่ 3.7.2-1 บคุ ลากรด้านสาธารณสขุ บรเิ วณพ้นื ท่ีศึกษาโครงการ
ตาแหน่ง จงั หวดั พัทลุง โรงพยาบาลป่าบอน โรงพยาบาลตะโหมด
แพทย์ 51 3 4
ทันตแพทย์ 50 5 3
เภสัช 68 7 5
พยาบาลวิชาชีพ 802 46 42
นกั วิชาการสาธารณสขุ /เจา้ พนักงานสาธารณสขุ 650 5 5
นกั เทคนคิ การแพทย์ -2 2
เจา้ พนักงานทันตสาธารณสขุ -2 -
นักรังสกี ารแพทย์ -1 1
นกั กายภาพบา้ บัด -2 2
แพทย์แผนไทย 54 2 -
รวม 1,675 75 64
ท่มี า : ส้านักงานสาธารณสุขจงั หวัดพัทลงุ โรงพยาบาลปา่ บอน และโรงพยาบาลตะโหมด, 2562 (ข้อมูล ณ เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-105 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้
1.3) สถิติดา้ นสุขภาพ
(1) จานวนผปู้ ่วยตามกล่มุ สาเหตกุ ารปว่ ย 21 กลุ่มโรค
• จังหวัดพัทลุง จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ ส้านักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง
ปี พ.ศ.2558–2559 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคระบบหายใจ โรคอาการแสดงและสิ่ง
ผดิ ปกติทีพ่ บได้จากการตรวจทางคลินิกและทางห้องปฏิบัติการที่ไม่สามารถจ้าแนกโรคในกลุ่มอ่ืนได้ และโรคเก่ียวกับ
ต่อมไร้ท่อ โภชนาการและเมตะบอลิซัม ส้าหรับในปี พ.ศ.2559 พบว่า โรคที่มีผู้ป่วยมากที่สุด คือ โรคระบบหายใจ
มีผู้ป่วยจ้านวน 305,454 ราย รองลงมา ได้แก่ โรคอาการแสดงและส่ิงผิดปกติท่ีพบได้จากการตรวจทางคลินิกและ
ทางห้องปฏิบัติการท่ีไม่สามารถจ้าแนกโรคในกลุ่มอ่ืนได้ มีผู้ป่วยจ้านวน 280,865 ราย และ โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ
โภชนาการและเมตะบอลิซมั มผี ้ปู ว่ ยจ้านวน 275,643 ราย ดังแสดงรายละเอยี ดในตารางที่ 3.7.2-2
• โรงพยาบาลป่าบอน จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ โรงพยาบาลป่าบอน ปี พ.ศ.
2558–2562 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคระบบไหลเวียนเลือด โรคเก่ียวกับต่อมไร้ท่อ
โภชนาการ และเมตะบอลิซัม และโรคระบบหายใจ ส้าหรับในปี พ.ศ.2562 พบว่า โรคที่มีผู้ป่วยมากที่สุด คือ โรคระบบ
ไหลเวียนเลือด มีผู้ป่วยจ้านวน 13,171 ราย รองลงมา ได้แก่ โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิซัม
มีผู้ปว่ ยจ้านวน 12,646 ราย และ โรคระบบหายใจ มีผ้ปู ่วยจ้านวน 8,157 ราย ดังแสดงรายละเอียดในตารางที่ 3.7.2-3
• โรงพยาบาลตะโหมด จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ โรงพยาบาลตะโหมด
ปี พ.ศ. 2558–2562 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วยมากท่ีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคเก่ียวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิ
ซัม โรคระบบไหลเวียนเลือด และโรคระบบย่อยอาหาร รวมโรคในช่องปาก ส้าหรับในปี พ.ศ.2562 พบว่า โรคที่มีผู้ป่วย
มากที่สุด คือ โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิซัม มีผู้ป่วยจ้านวน 17,791 ราย รองลงมา ได้แก่
โรคระบบไหลเวียนเลือด มีผู้ป่วยจ้านวน 14,173 ราย และ โรคระบบหายใจ มีผู้ป่วยจ้านวน 11,269 ราย ดังแสดง
รายละเอียดในตารางท่ี 3.7.2-4
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-106 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้
ตารางท่ี 3.7.2-2 จานวนผู้ปว่ ยตามกลุ่มสาเหตุการปว่ ย 21 กลุ่มโรค จงั หวัดพัทลงุ ปี พ.ศ.2558 – 2562
สาเหตุการปว่ ย (กลุ่มโรค) จานวนผ้ปู ว่ ย (ราย) รวม
1. โรคติดเชอื้ และปรสติ พ.ศ.2558 พ.ศ.2559 พ.ศ.2560 พ.ศ.2561 พ.ศ.2562 140,969
2. เนื้องอก (รวมมะเร็ง) 69,162 - 26,545
3. โรคเลอื ดและอวยั วะสร้างเลือดและความผดิ ปกติ 12,605 71,807 - - -
25,690
เกี่ยวกบั ภูมคิ ุ้มกนั 13,940 - - -
4. โรคเก่ียวกับตอ่ มไรท้ ่อ โภชนาการและเมตะบอลซิ มั 540,439
5. ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรม 12,285 13,405 - - - 92,535
6. โรคระบบประสาท - 52,279
7. โรคตารวมสว่ นประกอบของตา 264,796 275,643 - - - 77,050
8. โรคหูและปุม่ กกหู 42,272 50,263 - - - 34,533
9. โรคระบบไหลเวยี นเลือด 27,713 24,566 - - - 520,006
10. โรคระบบหายใจ 40,436 36,614 - - - 606,609
11. โรคระบบย่อยอาหาร รวมโรคในชอ่ งปาก 16,940 17,593 - - - 426,663
12. โรคผวิ หนงั และเนอ้ื เย่อื ใตผ้ ิวหนงั 256,392 263,614 - - - 146,158
13. โรคระบบกล้ามเนอ้ื รวมโครงรา่ งและเน้ือยึดเสริม 301,155 305,454 - - - 390,183
14. โรคระบบสบื พนั ธุร์ ว่ มปัสสาวะ 201,996 224,667 - - - 176,549
15. ภาวะแทรกในการตั้งครรภ์ การคลอด และระยะหลงั 70,774 75,384 - - -
198,191 191,992 - - 18,926
คลอด 82,479 94,070 - - -
16. ภาวะผดิ ปกติของทารกท่ีเกิดขึ้นในระยะปริก้าเนิด 2,131
9,901 9,025 - - -
(อายุครรภ์ 22 สปั ดาหข์ นึ้ ไปจนถึง 7 วนั หลงั คลอด) 4,504
17. รูปรา่ งผดิ ปกติแต่กา้ เนิด การพกิ ารจนผดิ รูปแต่กา้ เนิด 1,134 997 - - -
551,888
และโครโมโซมผดิ ปกติ 2,334 2,170 - - -
18. อาการ, อาการแสดงและส่ิงผิดปกตทิ พี่ บไดจ้ ากการ 909
271,023 280,865 - - - 25,507
ตรวจทางคลนิ กิ และทางหอ้ งปฏบิ ัติการท่ไี ม่สามารถ - 144,009
จา้ แนกโรคในกลมุ่ อืน่ ได้ 464 445 - - - 4,034,082
19. การเป็นพิษและผลที่ตามมา 12,291 13,216 - - -
20. อบุ ตั เิ หตจุ ากการขนสง่ และผลท่ตี ามมา 77,252 66,757 - -
21. สาเหตจุ ากภายนอกอ่ืนๆ ท่ีทา้ ให้ ปว่ ยหรือตาย 1,971,595 2,062,487 - -
รวม
ท่มี า : ส้านกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั พทั ลงุ , 2562 (ขอ้ มูล ณ เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-107 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
ตารางที่ 3.7.2-3 จานวนผูป้ ่วยตามกลุ่มสาเหตุการป่วย 21 กลุม่ โรค โรงพยาบาลปา่ บอน ปี พ.ศ.2558 – 2562
สาเหตกุ ารปว่ ย (กลุ่มโรค) พ.ศ. จานวนผปู้ ว่ ย (ราย) พ.ศ. รวม
2558 พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2562
1. โรคติดเชอื้ และปรสิต 3,258 2559 2560 2561 3,137 18,133
2. เน้ืองอก (รวมมะเรง็ ) 536 4,460 3,521 3,757 377 2,515
3. โรคเลอื ดและอวยั วะสร้างเลือด 490 532 510 560 789 3,265
4. โรคเกี่ยวกบั ต่อมไร้ทอ่ โภชนาการและเมตะบอลิสม 11,077 674 587 725 12,646 60,632
5. ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรม 1,121 10,825 12,274 13,810 1,809 8,462
6. โรคระบบประสาท 1,102 1,708 1,962 1,862 1,188 5,505
7. โรคตารวมสว่ นประกอบของตา 1,317 1,143 935 1,137 1,418 7,116
8. โรคหูและปุ่มกกหู 616 1,236 1,401 1,744 606 3,065
9. โรคระบบไหลเวยี นเลอื ด 13,393 577 560 706 13,171 68,522
10. โรคระบบหายใจ 10,682 12,977 13,833 15,148 8,157 48,977
11. โรคระบบย่อยอาหาร รวมโรคในชอ่ งปาก 8,438 10,618 9,272 10,248 7,606 44,348
12. โรคผิวหนังและเนือ้ เย่ือใต้ผิวหนงั 2,378 10,412 8,765 9,127 1,685 11,472
13. โรคระบบกลา้ มเนื้อ รวมโครงร่างและเนื้อยึดเสริม 7,448 2,531 2,371 2,507 7,762 38,068
14. โรคระบบสืบพันธ์รุ ่วมปสั สาวะ 2,527 8,139 6,981 7,738 5,066 18,423
15. ภาวะแทรกในการต้ังครรภ์ การคลอด 489 2,836 3,478 4,516 427 2,750
16. ภาวะผิดปกติของทารกทเี่ กิดข้ึนในระยะปริก้าเนดิ 133 692 716 426 79 551
17. รูปร่างผดิ ปกตแิ ต่กา้ เนิด 72 119 113 107 65 340
18. อาการ, อาการแสดงและส่ิงผิดปกติทพ่ี บไดจ้ ากการ 8,974 61 74 68 7,482 44,012
9,947 9,054 8,555
ตรวจทางคลนิ กิ และทางหอ้ งปฏบิ ัติการ 102
19. การเปน็ พิษและผลที่ตามมา 872 61 68 89 47 367
20. อุบตั เิ หตุจากการขนส่งและผลท่ตี ามมา 3,041 797 727 770 599 3,765
21. สาเหตจุ ากภายนอกอื่นๆ ท่ีท้าให้ ปว่ ยหรือตาย 78,066 3,318 3,706 4,472 3,724 18,261
83,663 80,908 88,072 77,840 408,549
รวม
ท่ีมา : โรงพยาบาลปา่ บอน, 2562 (ขอ้ มูล ณ เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-108 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)