The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pang Natthiyaa, 2022-07-27 01:15:48

รายงานความก้าวหน้า

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองตน้

รปู ที่ 3.4.1-1 สภาพภมู ิประเทศบรเิ วณพ้นื ท่ีศกึ ษา

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-9 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

3.4.2 สภาพภมู ิอากาศ/อตุ นุ ิยมวิทยา (ผู้เชย่ี วชาญด้านอทุ กวทิ ยา : นายไชยาพงษ์ เทพประสทิ ธ)ิ์

3.4.2.1 ความก้าวหนา้ ของการศึกษา
การศกึ ษาด้านอุตุนยิ มวิทยาและอุทกวิทยา เพ่ือใหท้ ราบถึงสภาพภมู ิอากาศโดยทั่วไปของพ้ืนที่โครงการ การ

เปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ศึกษาและวิเคราะห์ปริมาณน้าฝน ปริมาณน้าท่า ปริมาณน้าหลาก และปริมาณตะกอนของ
โครงการ เพ่ือน้าไปใช้ในการศึกษาวิเคราะห์ด้านระบายน้าและอุทกภัย การศึกษาแนวทางการเพิ่มปริมาณน้าต้นทุน
และบรรเทาปญั หาภัยแลง้ และการศึกษาด้านการบริหารจัดการนา้ โดยมหี ัวขอ้ การศกึ ษา ดงั น้ี

สภาพภูมอิ ากาศ
พ้ืนท่ีศึกษาครอบคลุมพื้นท่ีลุ่มน้าทะเลหลวง ประกอบด้วยพื้นที่ 13 อ้าเภอคือ อ.กระแสสินธุ์
อ.ระโนด อ.ควนขนุน อ.ตะโหมด อ.เขาชัยสน อ.ป่าบอน อ.บางแก้ว อ.ปากพะยูน อ.ส ทิงพระ อ.ศรีบรรพต
อ.ศรีนครนิ ทร์ อ.กงหรา และ อ.เมืองพัทลงุ สภาพภูมอิ ากาศโดยทั่วไปอยู่ภายใตอ้ ิทธิพลของลมมรสุมท่ีพัดประจ้าเป็น
ฤดกู าล 2 ชนิดคอื ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาว จะมลี มจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นลมท่ีมีความ
เย็นและแห้งจากประเทศจีน พัดปกคลุมประเทศไทย ท้าให้ภาคต่างๆ ทางตอนบนของประเทศตั้งแต่ภาคกลางขึ้นไป
มอี ากาศหนาวเย็นและแหง้ แล้งทว่ั ไป แต่ภาคใต้ตง้ั แต่จังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ลงไปรวมถึงจังหวดั พัทลุงกลับมฝี นตกชุก
เพราะลมมรสุมน้ีพัดผ่านอ่าวไทย จึงพาเอาไอน้าและความช่มุ ช้ืนไปตกเป็นฝน อากาศจึงไม่หนาวเย็นเหมือนภาคอื่นๆ
ที่อยู่ตอนบนของประเทศ แต่อาจมีอากาศเย็นเป็นคร้ังคราว ลมมรสุมอีกชนิดหนึ่งคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ซ่ึงพัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย จึงได้พาเอาไอน้าและความชุ่มชื้นมาสปู่ ระเทศไทย แต่เน่ืองจากเทือกเขาตะนาวศรซี ่ึงอยู่
ทางด้านตะวนั ตกกันกระแสลมไว้ ท้าให้ภาคใต้ฝั่งตะวนั ออกและจงั หวดั พัทลงุ มฝี นน้อยกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็น
ดา้ นรับลม ดังแสดงทศิ ทางและช่วงเวลาการเกดิ ของลมมรสมุ และพายุจร ที่พดั เขา้ สู่ประเทศไทย ในรปู ท่ี 3.4.2-1
ฤดกู าลของจงั หวัดพัทลุง แบ่งออกเปน็ 2 ฤดกู าลดงั น้ี ฤดูรอ้ น เร่ิมต้งั แต่ในชว่ งเดือนมีนาคมถึงเดือนมถิ ุนายน
ระยะนี้เป็นช่วงที่ไม่มีลมมรสมุ จะมีลมจากทิศตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ท้าให้มีอากาศร้อนอบอ้าวทั่วไป เดือนท่ีมี
อากาศร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน แต่จังหวัดพัทลุงอยู่ใกล้ทะเลจึงไม่รอ้ นมากนัก เพราะได้รับกระแสลมและ ไอน้าท้า
ใหอ้ ากาศคลายความรอ้ นลงไปมาก ฤดูฝน เริ่มตง้ั แต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซ่งึ เปน็ ฤดูมรสมุ ตะวันตกเฉียง
ใต้พัดปกคลุมประเทศไทย และเน่ืองจากเป็นจังหวัดท่ีอยู่ทางด้านตะวันออกของภาคใต้ จึงได้รับอิทธิพลจากมรสุม
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ที่พดั ผ่านอ่าวไทย ท้าให้มฝี นตกชุกในชว่ งเดือนพฤศจิกายนและธนั วาคมอีกด้วย
ในพน้ื ทศ่ี ึกษาและบรเิ วณใกล้เคียง มีสถานตี รวจอากาศของอตุ นุ ยิ มวิทยาตงั้ อยู่ 2 สถานี ได้แก่
สถานีตรวจอากาศพทั ลงุ ต้งั อยทู่ ี่ ต.ล้าปา อ.เมอื ง จ.พัทลงุ (ละตจิ ูด 7o 35’ 00” N และลองติจูด 100o 10’ 00” E)
อยู่สูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง 4.15 เมตร โดยมีสถิติข้อมูลเฉลี่ย 11 ปี (พ.ศ.2549-2559) ดังแสดงสถิติข้อมูล
ภูมิอากาศเฉลี่ย ไว้ในตารางท่ี 3.4.2-1 และแสดงการผันแปรรายเดือนเฉล่ียของตัวแปรภูมิอากาศที่ส้าคัญ ไว้ใน
รปู ท่ี 3.4.2-2
สถานีตรวจอากาศสงขลา ตั้งอยู่ที่ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา (ละติจู ด 7o 10’ 56.6” N และ
ลองติจูด 100o 36’ 27.7” E) อยู่สูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง 6.56 เมตร โดยมีสถิติข้อมูลเฉลี่ย 30 ปี
(พ.ศ.2530-2559) ดงั แสดงสถิตขิ ้อมูลภูมิอากาศเฉลีย่ ไว้ในตารางท่ี 3.4.2-2 และแสดงการผนั แปรรายเดือนเฉล่ียของ
ตวั แปรภูมิอากาศท่ีส้าคญั ไว้ในรูปที่ 3.4.2-3

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-10 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องต้น

ทมี่ า : กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา

รูปที่ 3.4.2-1 ทิศทางและช่วงเวลาการเกดิ ของลมมรสุมและพายจุ รที่พัดเข้าสปู่ ระเทศไทย

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-11 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

ตารางท่ี 3.4.2-1 สถติ ิข้อมูลภูมิอากาศเฉลี่ยในคาบ 11 ปี (พ.ศ.2549-พ.ศ.2559) ของสถานีตรวจวัดอากาศพทั ลงุ

สถานี พทั ลุง ระดบั ของสถานเี หนอื ระดบั นาทะเลปานกลาง 2.00 เมตร

รหสั สถานี 48560 ความสูงของบาโรมิเตอร์เหนอื ระดบั นาทะเลปานกลาง 4.15 เมตร

ละตจิ ดู 7° 35' 0.0" N ความสูงของเทอร์โมมิเตอร์เหนอื พนื ดนิ 1.25 เมตร

ลองตจิ ดู 100° 10' 0.0" E ความสูงของเคร่ืองมือวัดความเร็วลมเหนอื พนื ดนิ 11.00 เมตร

ความสูงของเครือ่ งมือวัดนาฝน 0.90 เมตร

ตวั แปร จานวนปี ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี

ความกดอากาศ (เฮคโตปาสคาล)

เฉลี่ย 11 1,011.6 1,011.0 1,010.2 1,009.1 1,008.4 1,008.1 1,008.4 1,008.6 1,009.2 1,009.7 1,009.6 1,010.4 1,009.5

เปลี่ยนแปลงตอ่ วัน 11 3.7 3.7 4.2 4.2 3.9 3.4 3.4 3.6 4.0 4.1 3.9 3.7 3.8

สูงสุด 11 1,019.3 1,018.6 1,016.5 1,015.6 1,013.7 1,015.1 1,013.8 1,013.7 1,014.9 1,015.9 1,015.7 1,017.1 1,019.3

ตา่ สุด 10 1,003.9 1,004.4 1,003.4 1,002.8 1,002.6 1,002.3 1,003.2 1,003.6 1,004.0 1,003.4 1,001.6 1,004.0 1,001.6

อณุ หภมู ิ (องศาเซลเซยี ส, oC)

เฉล่ียสูงสุด 11 30.5 31.6 32.8 33.9 34.0 33.5 33.3 33.4 33.0 32.1 30.4 29.8 32.4

สูงสุด 11 32.8 34.5 36.3 39.4 37.7 36.7 36.7 37.7 36.8 36.4 34.4 32.8 39.4

เฉลี่ยตา่ สุด 11 23.8 23.8 24.3 25.0 25.1 24.6 24.4 24.3 24.4 24.3 24.3 24.2 24.4

ตา่ สุด 11 20.3 18.5 20.3 23.0 23.0 22.5 22.0 21.9 22.5 21.2 19.8 21.8 18.5

เฉลี่ย 11 26.9 27.5 28.2 28.9 28.6 28.3 27.9 27.9 27.7 27.3 26.9 26.6 27.7

ความชืนสัมพทั ธ์ (%)

เฉลี่ย 11 84 81 80 80 81 80 80 80 81 84 87 87 82

เฉล่ียสูงสุด 11 94 93 93 94 94 94 94 94 94 95 96 95 94

เฉลี่ยตา่ สุด 11 72 67 65 64 63 62 61 60 62 67 76 77 66

ตา่ สุด 11 55 47 49 39 44 42 38 34 40 43 52 58 34

จดุ นาค้าง (องศาเซลเซยี ส, oC)

เฉลี่ย 11 23.8 23.6 24.2 24.9 24.8 24.2 23.9 23.8 23.8 24.1 24.5 24.2 24.2

ปริมาณการระเหยจากถาด (มม.)

รวม 11 87.4 103.4 121.0 121.8 121.6 114.5 119.4 125.2 109.6 95.2 70.5 68.8 1,258.4

เมฆปกคลุม (1-10)

เฉล่ีย 11 6.2 4.7 4.9 5.5 6.6 6.8 7.2 6.8 7.2 7.5 7.4 7.2 6.5

ชัว่ โมงทมี่ ีแสงแดด (ชม.)

เฉลี่ย 11 175.9 237.2 225.8 214.7 202.1 180.2 176.8 187.6 159.1 157.7 133.8 146.1 2,197.0

ทศั นวิสัย (กม.)

เฉล่ีย 11 8.5 8.9 9.2 9.2 9.1 9.0 8.8 9.1 8.8 8.4 7.9 8.0 8.7

07.00 L.S.T. 10 7.0 7.5 7.6 8.0 8.0 8.0 8.0 8.0 8.0 7.6 7.2 7.2 7.7

ความเร็วลม (นอ๊ ต)

ทศิ ทางลม * 11 E E E E W W W W W W NE,W E -

ความเร็วเฉลี่ย 11 1.9 2.1 2.0 1.9 1.9 2.2 2.3 2.5 2.6 2.1 1.4 1.7 2.1

ความเร็วสูงสุด 11 21.0 20.0 25.0 25.0 30.0 25.0 33.0 30.0 32.0 31.0 40.0 22.0 40.0

ปริมาณฝน (มม.)

รวม 30 124.5 71.7 118.2 111.8 100.6 80.4 86.0 98.7 112.6 239.5 539.6 473.0 2,156.6

จานวนวันทฝ่ี นตก 30 12.0 5.0 7.3 9.3 12.7 10.4 12.0 12.7 13.8 19.6 21.8 20.7 157.3

รายวันสูงสุด 30 176.1 312.8 199.1 128.2 120.3 68.2 76.2 134.4 84.5 111.6 312.7 302.4 312.8

จานวนวันทเ่ี กดิ (วัน)

หมอก 11 0.6 0.1 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.2 0.3 0.5 0.3 0.5 2.5

เมฆ 11 0.7 2.6 3.2 4.4 3.9 6.6 5.7 4.7 5.1 1.8 0.6 0.2 39.5

ลูกเหบ็ 11 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.1 0.0 0.1

ฟา้ คะนอง 11 0.9 0.5 3.7 6.2 9.6 5.6 5.3 5.4 5.6 7.8 7.8 3.3 61.7

ลมพายุ 11 0.0 0.0 0.2 0.5 0.5 0.5 0.5 1.2 0.6 0.4 0.0 0.1 4.5

หมายเหตุ * : E หมายถงึ ทิศตะวันออก , W หมายถงึ ทศิ ตะวนั ตก , NE หมายถงึ ทิศตะวันออกเฉียงเหนอื
ทม่ี า : กรมอุตุนยิ มวทิ ยา

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-12 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้

องศาเ ลเ ียส 45 เปอร์เ ็นต์ (%)100
40 สงู สุด 95 เฉลี่ย
90
35 85 เฉล่ยี
30 เฉลี่ย 80
75
25 70
20 ต่าสดุ 65 เฉลย่ี
60
15 55
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย.พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย.พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
อุณหภูมิ (องศาเซลเซยี ส, oC)
ความชืนสัมพัทธ์ (เปอร์เซน็ ต์, %)
1,020
45
1,018 40
1,016 สูงสุด 35 สูงสุด
30
เ คโตปาสคาล1,014 25
20
1,012 นอต 15
10
1,010 เฉลีย่ 5 เฉลย่ี
1,008 0

1,006 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

1,004 ต่าสุด ความเร็วลม (น๊อต)
1,002

1,000

ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

ความกดอากาศ (เฮคโตปาสคาล, Hecto Pascal)

600ิมลลิเมตร ิมลลิเมตร 600
500
500 400
300
400 200
100
300
0
200 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

100 ปริมาณฝน (มิลลิเมตร)

0
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

ปริมาณการระเหยจากถาด (มิลลิเมตร)
ทม่ี า : กลมุ่ บริษัททป่ี รึกษา, 2562

รปู ท่ี 3.4.2-2 การผันแปรรายเดือนเฉลยี่ ของตัวแปรภูมิอากาศทส่ี าคญั ของสถานตี รวจอากาศพัทลุง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-13 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้

ตารางที่ 3.4.2-2 สถิติข้อมูลภมู ิอากาศเฉล่ียในคาบ 30 ปี (พ.ศ.2530-พ.ศ.2559) ของสถานีตรวจวดั อากาศสงขลา

สถานี สงขลา ระดบั ของสถานเี หนอื ระดบั น้าทะเลปานกลาง 4.57 เมตร

รหสั สถานี 48568 ความสูงของบาโรมิเตอร์เหนอื ระดบั น้าทะเลปานกลาง6.56 เมตร

ละตจิ ดู 7° 10' 55.6" N ความสูงของเทอร์โมมิเตอร์เหนอื พนื้ ดนิ 1.30 เมตร

ลองตจิ ดู 100° 36' 27.7" E ความสูงของเครือ่ งมือวัดความเร็วลมเหนอื พนื้ ดนิ 17.78 เมตร

ความสูงของเครอื่ งมือวัดนา้ ฝน 0.80 เมตร

ตวั แปร จานวนปี ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี

ความกดอากาศ (เ คโตปาสคาล)

เฉล่ีย 30 1,012.0 1,011.7 1,010.3 1,009.6 1,009.0 1,009.3 1,009.5 1,009.9 1,010.8 1,010.7 1,010.0 1,011.8 1,010.4

เปล่ียนแปลงตอ่ วัน 30 4.8 5.0 4.2 5.4 5.2 5.9 5.9 6.1 7.5 6.4 3.9 5.7 5.5

สูงสุด 29 1,017.8 1,017.7 1,018.7 1,015.3 1,013.4 1,014.9 1,013.9 1,015.0 1,016.2 1,016.1 1,016.7 1,018.6 1,018.7

ตา่ สุด 29 1,005.0 1,004.5 1,002.7 1,003.3 1,002.9 1,003.0 1,002.6 1,003.6 1,003.4 1,003.4 1,003.0 1,004.2 1,002.6

อณุ หภูมิ (องศาเ ลเ ยี ส, oC)

เฉล่ียสูงสุด 30 29.8 30.5 31.5 32.6 33.3 33.3 33.2 33.1 32.6 31.5 30.0 29.4 31.7

สูงสุด 30 32.4 34.3 35.2 37.3 38.6 37.1 37.0 37.3 35.9 38.5 34.0 33.4 38.6

เฉล่ียตา่ สุด 30 24.9 24.9 25.2 25.7 25.7 25.4 25.1 24.9 24.8 24.5 24.6 24.6 25.0

ตา่ สุด 30 20.5 19.3 22.1 21.3 22.6 22.0 21.6 21.7 21.4 22.0 21.7 21.7 19.3

เฉลี่ย 30 27.1 27.5 28.1 28.9 28.9 28.7 28.4 28.3 28.0 27.4 27.0 26.8 27.9

ความช้ืนสัมพทั ธ์ (%)

เฉล่ีย 30 78 77 78 77 77 76 76 76 78 82 84 82 78

เฉลี่ยสูงสุด 30 87 87 89 89 90 89 89 89 90 92 93 90 90

เฉลี่ยตา่ สุด 30 69 67 67 65 63 60 60 59 62 68 74 73 66

ตา่ สุด 30 49 32 48 35 38 34 39 35 39 42 48 54 32

จดุ น้าค้าง (องศาเ ลเ ยี ส, oC)

เฉลี่ย 30 22.7 22.8 23.6 24.3 24.3 23.8 23.4 23.3 23.4 23.7 23.9 23.3 23.5

ปริมาณการระเหยจากถาด (มม.)

รวม 30 143.2 154.7 175.5 168.9 155.4 139.7 143.9 148.6 136.1 125.2 103.7 113.5 1,708.4

เมฆปกคลุม (1-10)

เฉล่ีย 30 5.7 5.1 5.1 5.3 6.4 6.6 7.0 6.9 7.1 7.4 7.4 7.0 6.4

ชวั่ โมงทมี่ ีแสงแดด (ชม.)

เฉลี่ย 30 234.4 247.9 269.1 263.4 223.1 171.3 195.0 203.7 176.7 166.2 141.3 156.7 2,448.8

ทศั นวิสัย (กม.)

เฉลี่ย 30 9.7 10.1 10.2 10.4 10.5 10.1 9.9 10.0 10.1 9.6 9.1 9.1 9.9

07.00 L.S.T. 30 8.7 8.8 9.0 9.4 9.8 9.5 9.2 9.4 9.5 8.9 8.2 8.2 9.1

ความเร็วลม (นอต)

ทศิ ทางลม * 27 E E E NE SW SW SW SW W SW NE E -

ความเร็วเฉล่ีย 30 4.9 4.6 3.8 2.8 2.4 2.5 2.8 3.0 2.8 2.5 3.1 4.3 3.3

ความเร็วสูงสุด 30 28.0 26.0 34.0 33.0 37.0 29.0 38.0 40.0 37.0 34.0 32.0 29.0 40.0

ปริมาณฝน (มม.)

รวม 30 97.6 50.5 71.0 82.8 112.8 97.6 93.1 133.4 123.1 270.9 545.0 458.7 2,136.5

จานวนวันทฝ่ี นตก 30 10.6 6.0 7.7 8.9 13.1 13.3 12.9 15.0 15.2 20.0 23.2 20.9 166.8

รายวันสูงสุด 30 182.0 353.6 87.5 115.8 193.2 86.0 99.5 99.3 88.0 150.8 521.8 290.5 521.8

จานวนวันทเ่ี กดิ (วัน)

หมอก 30 0.1 0.1 0.1 0.1 0.0 0.0 0.0 0.1 0.1 0.3 0.1 0.2 1.2

เมฆ 30 1.3 1.4 1.8 2.6 1.2 2.5 3.9 2.2 1.0 1.1 0.3 1.7 21.0

ลูกเหบ็ 30 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0

ฟา้ คะนอง 30 0.5 0.3 2.6 5.2 11.2 8.7 7.5 7.1 8.5 10.3 7.2 3.3 72.4

ลมพายุ 30 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0

หมายเหตุ * : E หมายถงึ ทิศตะวันออก, NE หมายถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนอื , SW หมายถงึ ทิศตะวันตกเฉียงใต้, W หมายถึงทิศตะวนั ตก
ทมี่ า : กรมอุตุนิยมวทิ ยา

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-14 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้

องศาเ ลเ ียส 40 สูงสดุ เปอร์เ ็นต์ (%) 95
90 เฉล่ยี
เ คโตปาสคาล 35 นอต 85
80 เฉลี่ย
30 เฉลี่ย 75
70
25 65 เฉลย่ี
ตา่ สดุ 60
55
20
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย.พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
15
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย.พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ความชืนสมั พทั ธ์ (เปอร์เซน็ ต์, %)

อณุ หภูมิ (องศาเซลเซยี ส, oC) 45
40 สูงสุด
1,020 35
1,018 30
1,016 สงู สดุ 25
1,014 20
1,012 15
1,010 เฉล่ยี 10
1,008 5 เฉลี่ย
1,006 0
1,004 ตา่ สุด
1,002 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
1,000
ความเร็วลม (น๊อต)
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

ความกดอากาศ (เฮคโตปาสคาล, Hecto Pascal)

ิมลลิเมตร600 ิมลลิเมตร600
500
500 400
300
400 200
100
300
0
200 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

100 ปริมาณฝน (มิลลเิ มตร)

0
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

ปริมาณการระเหยจากถาด (มิลลเิ มตร)
ทมี่ า : กลมุ่ บรษิ ทั ท่ีปรกึ ษา, 2562

รูปท่ี 3.4.2-3 การผันแปรรายเดือนเฉลี่ยของตัวแปรภูมอิ ากาศท่ีสาคญั ของสถานตี รวจอากาศสงขลา

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-15 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น

ในภาพรวมข้อมูลภูมิอากาศจากท้ังสองสถานี มีค่าใกล้เคียงกัน ยกเว้นค่าการระเหยท่ีสถานีตรวจอากาศ
สงขลา 1,708.4 มม./ปี ส่วนท่ีพัทลุง 1,258.4 มม./ปี ช่ัวโมงที่มีแสงแดดท่ีสถานีตรวจอากา ศสงขลา
2,448.8 ชม./ปี ส่วนที่พัทลุง 2,197.0 ชม./ปี เน่ืองจากสถานีตรวจอากาศสงขลา ตั้งอยู่ใกล้ทะเลมากกว่า จึงท้าให้
ไดร้ ับอิทธพิ ลของลมและฝนมากกวา่ สถานีตรวจอากาศพัทลุง

แต่เนื่องจากสถานีตรวจอากาศพัทลุง ตั้งอยู่ใกล้พื้นที่โครงการมากกว่า จึงถูกเลือกให้เป็นตัวแทนข้อมูล
ภูมอิ ากาศของโครงการ โดยสรปุ ตวั แปรภมู อิ ากาศที่ส้าคัญเฉพาะของสถานตี รวจอากาศพัทลุง ไดด้ ังนี้

อุณหภูมิ จังหวดั พทั ลุงอยู่ใกลท้ ะเล ฤดูร้อนมอี ากาศไม่รอ้ นมากนัก ส่วนฤดฝู นจะมีอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิ
เฉล่ียตลอดปีประมาณ 27.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมสิ ูงสุดเฉล่ีย 32.4 องศาเซลเซยี ส อุณหภมู ิต่้าสดุ เฉล่ีย 24.4 องศา
เซลเซียส เดือนท่ีมีอากาศร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน เคยตรวจอุณหภูมิสูงที่สุดได้ 39.4 องศาเซลเซียส และตรวจ
อณุ หภมู ติ ้่าท่สี ดุ ได้ 18.5 องศาเซลเซียส ในเดือนกุมภาพันธ์

ความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์กับมวลอากาศและอิทธิพลของลมมรสุมเป็นส้าคัญ เนื่องจากได้รับอิทธิพล
จากมรสุมทั้งสองฤดู คอื มรสุมตะวันออกเฉียงเหนอื และลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ มรสมุ ทงั้ สองชนิดนก้ี อ่ นทีจ่ ะพัดเขา้ สู่
บริเวณจังหวัด ได้พัดผ่านทะเลและมหาสมุทรจึงได้พาเอาไอน้าและความชุ่มชื้นมาด้วย ท้าให้มีความชื้นสัมพัทธ์สูง
ความชื้นสัมพัทธ์เฉล่ียตลอดปีประมาณ 82 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 94 % ความช้ืนสัมพัทธ์ต่้าสุดเฉลี่ย 66 %
เคยตรวจความชื้นสัมพัทธ์ตา่้ ทส่ี ุดได้ 34 % ในเดอื นสงิ หาคม

ความกดอากาศ โดยมีค่าเฉล่ียตลอดปีประมาณ 1,009.5 เฮคโตปาสคาล ความกดอากาศสูงสุดท่ีเคยวัดได้
1,019.3 เฮคโตปาสคาล ในเดือนมกราคม และเคยตรวจวัดความกดอากาศต้่าที่สุดได้ 1,001.6 เฮคโตปาสคาล ใน
เดอื นพฤศจิกายน

ลม จังหวัดพัทลุงมีลมพัดผ่านประจ้าตลอดปีดังน้ี ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เป็นลมทิศตะวันออก
ความเร็วเฉลี่ย 1.7–2.1 น๊อต เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเป็นลมทิศตะวันตก ความเร็วลมเฉลี่ย 1.9–2.6 น๊อต ส่วน
เดือนพฤศจิกายนเป็นลมตะวนั ออกเฉียงเหนือและลมตะวันตก ความเร็วลมเฉลี่ย 1.4 น๊อต ก้าลังลมสูงที่สุดเคยตรวจ
ได้มีดังน้ี ฤดูรอ้ นเคยตรวจลมสงู ทสี่ ุดได้ 30 น๊อต เป็นลมทศิ ตะวันตก ในเดอื นพฤษภาคม ฤดูฝนเคยตรวจลมสูงที่สดุ ได้
40 น๊อต เป็นลมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และลมตะวันตก ในเดอื นพฤศจกิ ายน

ปริมาณการระเหยจากถาด มีค่าเฉล่ียต่อปีเท่ากับ 1,258.4 มิลลิเมตร โดยเดือนที่มีการระเหยจากถาดมาก
ท่ีสุดคือเดือนสิงหาคม เท่ากับ 125.2 มิลลิเมตร และเดือนท่ีมีการระเหยจากถาดน้อยที่สุดคือเดือนธันวาคม เท่ากับ
68.8 มิลลเิ มตร

ฝน พัทลุงจัดว่าเป็นจังหวัดที่มีฝนค่อนข้างดีของภาคใต้ ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนตกชุก
มากกว่าในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เพราะอยู่ทางด้านตะวันออก ไม่มีภูเขาสูงปิดกั้น จึงได้รับมรสุมเต็มท่ี ท้าให้
มีฝนตกชุกโดยเฉพาะระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ส่วนในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีฝนน้อยกว่าฤดูมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือเพราะมีเทือกเขาตะนาวศรีปิดก้ันท้าให้ได้รับกระแสลมไม่เต็มท่ี ฝนเฉล่ียประมาณ
2,156.6 มลิ ลิเมตรต่อปี และมจี ้านวนวนั ท่ฝี นตกต่อปี ประมาณ 157 วนั เดือนท่ีมฝี นตกมากทส่ี ดุ คือเดอื นพฤศจิกายน
มีฝนตกเฉลี่ยประมาณ 539.6 มิลลิเมตร และมีฝนตกประมาณ 22 วัน เคยวัดฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมงได้ 312.8 มิลลิเมตร
ในเดือนกมุ ภาพนั ธ์

พายหุ มุนเขตร้อน ท่ีพัดผ่านบริเวณภาคใต้และมีอิทธิพลกับจังหวดั พัทลุง ส่วนมากเป็นพายุดีเปรสชนั่ ซ่ึงเกิด
จากทะเลจีนใต้และมหาสมทุ รแปซิฟิค ทา้ ให้มีฝนตกหนกั และลมกรรโชกแรงเปน็ ครั้งคราว บางคร้ังท้าให้เกดิ น้าทว่ มได้

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-16 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอื้ งต้น

กา้ ลังแรงของลมและคลื่นในทะเลจะสร้างความเสียหายต่อเรือขนาดเล็ก พืชผลการเกษตร และอาคารบ้านเรือนท่ีอยู่
ตามชายฝ่ัง ส้าหรับสถิติในช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ.2494 – 2556 ปรากฎว่ามีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดพัทลุง
จ้านวน 7 ลูก โดยพายทุ ่ีมคี วามรุนแรงและทา้ ความเสียหายใหแ้ กจ่ ังหวดั พัทลุงและภาคใต้เป็นบริเวณกวา้ ง ไดแ้ กพ่ ายุ
โซนร้อน “แฮเรียต” ซ่ึงก่อตัวในทะเลจีนใต้ใกล้ปลายแหลมญวน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2505 แล้วเคล่อื นตัวเข้าสู่อ่าว
ไทยพรอ้ มทวีความรนุ แรงข้ึนเปน็ พายุโซนรอ้ น และได้เคลอื่ นตัวผา่ นจังหวดั นครศรีธรรมราช สรุ าษฎรธ์ านี และสงขลา
ระหว่างวันท่ี 25 – 26 ตุลาคม 2505 ลงสู่ทะเลอันดามัน พายุนี้ได้ท้าความเสียหายให้เกือบทกุ จงั หวัดในภาคใต้ โดยมี
ผู้เสียชีวิตถึง 935 คน และบาดเจ็บ 445 คน ทรัพย์สินของทางราชการและราษฎรเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 1,320 ล้านบาท
นบั เป็นความเสียหายจากภัยธรรมชาตทิ ่ีร้ายแรงคร้ังหนง่ึ ของประเทศไทย

การวิเคราะห์ปริมาณการคายระเหยของพืชอ้างอิง (Reference Crop Evapotranspiration) โดยใช้วิธี
Penman-Monteith เนื่องจากในปี ค.ศ.1990 ทาง American Society of Civil Engineers (ASCE) โดย Jensen
และคณะ ไดท้ ้าการศึกษาเปรียบเทียบจากวธิ ีการต่างๆ ถึง 20 วธิ ีด้วยกัน ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันและได้ผล
สรุปว่าวิธีของ Penman-Monteith เป็นวิธีท่ีให้ผลการค้านวณใกล้เคียงกับค่าท่ีทดลองตรวจวัดได้ดีท่ีสุดไม่ว่าจะอยู่
ในสภาพอากาศช้ืน (Humid) หรือแห้งแล้ง (Arid) อีกท้ังได้รวบรวมองค์ประกอบที่ส้าคัญท่ีมีผลต่อการใช้น้ามาอยู่
ในสูตร ได้แก่ ค่ารังสีแสงอาทิตย์ อุณหภูมิ ความชื้นของอากาศ และความเร็วลม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักท่ีท้าให้เกิดการระเหยและ
การคายน้า ได้ผลการค้านวณ ดังตารางท่ี 2.4.1-3 โดยมีสมการการค้านวณ ดังน้ี (จากเอกสาร Crop evapotranspiration -
Guidelines for computing crop water requirements - FAO Irrigation and drainage paper 56 , 1998)

โดย ETo= ปริมาณการคายระเหยของพชื อา้ งองิ (mm/day)
Rn = ปรมิ าณรงั สีสทุ ธิท่ีบริเวณต้นพืช (MJ/m2/day)
G = Soil heat flux density (MJ/m2/day)
T = อุณหภูมิ ทค่ี วามสูง 2 เมตรจากพื้นดิน (oC)
U2 = ความเรว็ ลม ทคี่ วามสูง 2 เมตรจากพืน้ ดนิ (m/sec)
D = Slope vapour pressure curve (kPa/ oC)
g = Psychrometric constant (kPa/ oC)

(es–ea) = ความต่างความดันไอนา้ อมิ่ ตวั กบั ความดนั ไอน้าจริง (kPa)
900 = ตวั คูณแปลงหนว่ ย

ตารางที่ 3.4.2-3 ปริมาณการคายระเหยของพชื อ้างอิง ในพ้นื ท่ีศึกษาและบรเิ วณใกลเ้ คียง

หน่วย : มิลลิเมตร/เดอื น
ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี

สถานตี รวจอากาศพทั ลุง
105.0 124.0 138.1 136.2 132.8 122.4 124.5 131.3 121.0 114.0 94.0 94.0 1,437.0

สถานีตรวจอากาศสงขลา
129.2 133.8 153.7 150.5 139.0 121.3 131.9 138.2 126.6 117.3 100.1 104.8 1,546.3
ทมี่ า : กลมุ่ บรษิ ทั ที่ปรกึ ษา, 2562

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-17 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้

3.4.2.2 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข

ไม่มี

3.4.2.3 แผนการดาเนนิ งานในขั้นถัดไป
(1) ศึกษาผลกระทบขององค์ประกอบโครงการต่อสภาพภมู อิ ากาศ

(2) เสนอมาตรการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศและการปรับปรุงระบบการติดตาม

ตรวจสอบสภาพภมู อิ ากาศ/อตุ นุ ยิ มวิทยา

(3) จดั ทา้ แผนการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศทเ่ี กดิ จากการพฒั นาโครงการ

3.4.3 ทรพั ยากรดนิ (ผเู้ ช่ียวชาญด้านดนิ และการใช้ประโยชนท์ ดี่ ิน : ผศ.ดร.ชัยฤกษ์ สุวรรณรตั น์)
3.4.3.1 ความกา้ วหนา้ ของการศึกษา

1) วัตถุประสงค์ของการศึกษา
การศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนที่ศึกษาของโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น

อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกัว่ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.1) เพ่ือศึกษาชนิดของดินและสมบัติของดินชนิดต่างๆ ที่พบในพื้นท่ีศึกษาของโครงการและ

จดั เตรยี มแผนท่ดี ิน
1.2) เพ่ือประเมินความเหมาะสมของดินในการปลูกพืชและประเมินความเหมาะสมของท่ีดินส้าหรับ

การชลประทานเพอ่ื การปลูกพชื
1.3) เพ่ือประเมินผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อทรัพยากรดิน จากการพัฒนาโครงการและเสนอมาตรการ

ป้องกนั แกไ้ ขในการลดผลกระทบตอ่ ทรพั ยากรดนิ รวมทั้งเสนอมาตรการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบดงั กลา่ ว

2) ขอบเขตและวิธกี ารศึกษา
2.1) การรวบรวมข้อมูลด้านทรัพยากรดิน จากเอกสารและรายงานท่ีเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย แผน

ท่ีดินมาตราส่วน 1:50,000 (รายละเอียดแบ่งออกเป็นกลุ่มชุดดินต่างๆ) และรายงานส้ารวจดินเพื่อการเกษตรของ
จังหวัดพัทลุง ที่จัดท้าและเผยแพร่ในปี พ.ศ.2543 โดยกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนท่ีภูมิ
ประเทศมาตราสว่ น 1:50,000 ของกรมแผนทที่ หาร

2.2) การส้ารวจดินภาคสนามและเก็บตัวอย่างดินท่ีเป็นตัวแทนของกลุ่มชุดดินต่างๆ ในบริเวณพ้ืนท่ี
ศึกษาโครงการ กระท้าโดยใช้วิธีขุดเจาะดิน ด้วยสว่านเจาะดิน (Hand Auger) ในความลึกประมาณ 120 เมตรจาก
ผิวดิน ท้าการเจาะรวมท้ังหมด 8 หลุม และเก็บตัวอย่างดินในแต่ละหลุมที่ขุดเจาะ โดยแบ่งตัวอย่างดินออกเป็น
2 ตัวอย่าง/ 1 หลุมขุดเจาะ ประกอบด้วย ตัวอย่างดินช้ันบน (ความลึก 0-30 เซนติเมตร) และตัวอย่างดินช้ันล่าง
(ความลึก 30-100 เซนติเมตร) รวมเปน็ ตวั อย่างดินทัง้ หมด 16 ตัวอยา่ ง/ 8 หลุมขุดเจาะ นา้ ตวั อย่างดนิ ไปวิเคราะหใ์ น
ห้องปฏบิ ตั กิ าร เพอ่ื ตรวจสอบสมบตั บิ างประการที่จะน้ามาประกอบใช้ในการประเมนิ ปัญหาและความอุดมสมบูรณ์ของดนิ

2.3) การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและท้าการประเมนิ ความเหมาะสมของดิน เพื่อการปลูกพืชเศรษฐกจิ 3 กลุ่ม
ประกอบด้วย ขา้ ว พชื ไร่ ไม้ผล-ไม้ยืนต้น และท้าการประเมนิ ความเหมาะสมของที่ดินส้าหรบั การชลประทานเพื่อการ
ปลกู พชื ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาทีด่ ินและการจดั เตรยี มแผนทีด่ นิ ในบริเวณพ้นื ที่ศึกษาของโครงการ

2.4) การประเมินผลกระทบต่อทรัพยากรดิน การเสนอมาตรการป้องกันแก้ไขในการลดผลกระทบ
และการเสนอมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบต่อทรัพยากรดนิ ดงั กล่าว เมื่อมกี ารพัฒนาโครงการ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-18 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น

3) ผลการศึกษา
ผลการศกึ ษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนท่ศี กึ ษาของโครงการ จะแบ่งแยกรายละเอียดออกเป็นแตล่ ะ

ส่วน โดยองคป์ ระกอบของพื้นทีศ่ กึ ษาของโครงการประกอบด้วย 5 ส่วน ดังนี้
(1) พื้นที่อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกวั่ (พื้นท่ี 550.30 ไร)่
(2) พน้ื ที่หัวงาน (พื้นท่ี 263.30 ไร่)
(3) พ้ืนทถี่ นนเข้าหวั งาน (พ้ืนที่ 12.53 ไร่)
(4) พื้นที่บอ่ ยมื ดนิ ทา้ ยนา้ (พ้ืนท่ี 887.21 ไร)่
(5) พื้นทรี่ บั ประโยชน์ (พ้นื ท่ี 12,256 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนที่แต่ละส่วนของพื้นที่โครงการ สรุปรายละเอียด

แสดงไว้ในตารางที่ 3.4.3-1 และรูปที่ 3.4.3-1 โดยมีรายละเอยี ดดังนี้
กลุ่มชุดดินในบริเวณพื้นที่ศึกษาทั้งหมดของโครงการ พบว่ามีอยู่ทั้งหมดจ้านวน 7 กลุ่มชุดดิน

โดยแบง่ ออกเป็น 2 กล่มุ
(ก) กลมุ่ ชดุ ดินในพื้นท่ีลุ่ม จา้ นวน 2 กลุม่ ชดุ ดิน ประกอบดว้ ย กลุ่มชุดดินท่ี 6 และ 17
(ข) กล่มุ ชดุ ดนิ ในพ้ืนท่ีดอน จ้านวน 5 กลมุ่ ชุดดนิ ประกอบด้วย กลุ่มชุดดนิ ที่ 32 34 51 53 และ 62
กลุ่มชุดดินในพื้นท่ีลุ่ม : โดยธรรมชาติใช้ประโยชน์เพ่ือการปลูกข้าว (นาปี) ในช่วงฤดูฝนและ

ในช่วงฤดูแล้ง ซึง่ มีน้าเพียงพอจะถูกใช้ประโยชนเ์ พ่ือการปลูกข้าว (นาปรงั ) หรือปลูกพืชไร่ หรือพืชผักสวนครัวท่ีมีอายุ
เก็บเกีย่ วส้ัน

กลุ่มชุดดินในพื้นท่ีดอน : โดยธรรมชาติใช้ประโยชน์เพ่ือการปลูกพืชไร่หรือไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
หรือพืชผกั สวนครวั ทั้งท่มี อี ายุสน้ั หรืออายุเกบ็ เก่ียวยาวนาน

(1) พ้ืนทอ่ี ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกัว่ (พน้ื ที่ 550.30 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนท่ีอ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว พบว่ามีดินชนิด

ต่างๆ แพร่กระจายอยู่ 2 กลุ่มชุดดิน ที่เป็นกลุ่มชุดดินในพื้นที่ดอน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 2 ส่วนใน 3 ส่วน เป็น
กลุ่มชุดดิน 62 (พ้ืนที่ร้อยละ 67.62 ของพื้นท่อี ่างเก็บน้าเหมืองตะก่ัว) พื้นท่ีสว่ นที่เหลอื อีกประมาณ 1 ส่วนใน 3 สว่ น
เป็นกลมุ่ ชดุ ดนิ ที่ 34 (พนื้ ท่ีร้อยละ 32.38)

(2) พน้ื ทห่ี ัวงาน (พ้นื ที่ 263.30 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพื้นที่หัวงาน พบว่ามีดินชนิดต่างๆ แพร่กระจาย

อยู่ 3 กลุ่มชุดดิน ที่เป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 2 ส่วนใน 3 ส่วน เป็นกลุ่มชุดดินที่ 62
(พ้ืนที่รอ้ ยละ 68.40 ของพื้นท่ีหัวงาน) พ้ืนท่ีส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 1 ส่วนใน 3 ส่วน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชุดดินที่ 34
(พ้นื ท่ีร้อยละ 25.02) และท่ีเหลอื อีกเพยี งเล็กนอ้ ยเป็นกลุม่ ชดุ ดนิ ที่ 51 (พืน้ ที่ร้อยละ 6.55)

(3) พ้ืนท่ถี นนเข้าหวั งาน (พน้ื ท่ี 12.53 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน ที่มีพ้ืนท่ีเพียงเล็กน้อยมาก

พบว่ามีดินอยู่เพียง 1 กลุ่มชุดดิน โดยพื้นท่ีท้งั หมดเป็นกลุม่ ชดุ ดินที่ 34 (พื้นท่ีร้อยละ 100.00 ของพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน)
ท่ีเปน็ กลมุ่ ชดุ ดนิ ในพนื้ ท่ีดอน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-19 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องต้น

(4) พน้ื ที่บ่อยืมดนิ ทา้ ยน้า (พน้ื ที่ 887.21 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนที่บ่อยืมดินท้ายน้า พบว่ามีดินชนิดต่างๆ

แพรก่ ระจายอยู่ 3 กลุ่มชดุ ดนิ ที่เปน็ กลมุ่ ชุดดนิ ในพ้นื ทีด่ อน โดยมพี ้ืนท่ีแตกต่างกนั ไม่มากนัก ประกอบดว้ ยกลุ่มชุดดิน
ที่ 51 (พ้ืนที่ร้อยละ 38.15 ของพ้ืนท่ีบ่อยืมดินม้ายน้า) กลุ่มชุดดินท่ี 62 (พื้นที่ร้อยละ 32.18) และกลุ่มชุดดินที่ 34
(พื้นท่ีร้อยละ 29.67)

(5) พ้ืนที่รับประโยชน์ (พน้ื ท่ี 12,256 ไร)่
ผลการศกึ ษาทรัพยากรดนิ ในบริเวณพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการ พบวา่ มดี ินชนิดตา่ งๆ

แพร่กระจายอยู่ 7 กลุ่มชุดดิน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่พบในพ้ืนที่ลุ่ม ประกอบด้วย 2 กลุ่ม
ชุดดิน คือกลุ่มชุดดินท่ี 6 และกลุ่มชุดดินที่ 17 (มีพ้ืนท่ีรวมกันคิดเป็นร้อยละ 46.22 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) ส่วนอีก
กลุ่มหนึ่งท่ีมีพ้ืนที่มากกว่ากลุ่มแรกแต่เป็นพื้นท่ีแตกต่างกันไม่มากนัก ได้แก่ กลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน ประกอบด้วย
5 กลุ่มชุดดิน คือกลุ่มชุดดินที่ 32 กลุ่มชุดดินท่ี 34 กลุ่มชุดดินที่ 51 กลุ่มชุดดินท่ี 53 และกลุ่มชุดดินท่ี 62
(มีพน้ื ทรี่ วมกนั คิดเป็นรอ้ ยละ 53.78 ของพน้ื ที่รบั ประโยชน์)

กลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ลุ่ม (พ้ืนท่ี 5,663.73 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 46.22 ของพ้ืนที่รับ
ประโยชน์) : พบว่ามีอยู่ 2 กลุ่มชุดดิน โดยส่วนใหญ่พ้ืนที่ประมาณ 2 ส่วน ใน 3 ส่วน ของพื้นท่ีดินในพื้นท่ีลุ่มท้ังหมด
ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 17 (พ้ืนท่ีร้อยละ 31.81 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนที่เหลืออีกประมาณเกือบ 1 ส่วนใน
3 ส่วน ไดแ้ ก่ กลมุ่ ชุดดินท่ี 6 (พ้นื ทร่ี ้อยละ 14.41 ของพน้ื ทีร่ บั ประโยชน์)

กลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน (พื้นท่ี 6,592.27 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 53.78 ไร่ ของพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน์) : พบว่ามีอยู่ 5 กลุ่มชุดดิน โดยส่วนใหญ่พ้ืนท่ีประมาณเกือบ 2 ส่วนใน 3 ส่วน ของพื้นที่ดินในพื้นท่ีดอน
ทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 34 (พ้ืนที่รอ้ ยละ 34.37 ของพื้นที่รับประโยชน์) พน้ื ทอี่ ีกประมาณเกือบ 1 สว่ นใน 3 ส่วน
ของดนิ ในพ้นื ที่ดอน ไดแ้ ก่ กลุม่ ชุดดนิ ที่ 32 (พื้นทร่ี อ้ ยละ 16.66 ของพ้ืนที่รบั ประโยชน์) พื้นที่สว่ นท่ีเหลอื อีกไม่มากนัก
ประกอบด้วย กลุ่มชุดดินที่ 53 (พ้ืนที่ร้อยละ 2.13 ของพื้นที่รับประโยชน์) กลุ่มชุดดินท่ี 51 (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.44 ของ
พื้นที่รบั ประโยชน์) และกลุ่มชุดดินที่ 62 (พ้ืนที่ร้อยละ 0.18 ของพนื้ ที่รับประโยชน)์

สรุป : กลุ่มชุดดินในพื้นท่ีรับประโยชน์ของโครงการ จ้านวนท้ังหมด 7 กลุ่มชุดดิน สามารถ
เรยี งล้าดับจากกล่มุ ชุดดนิ ท่มี ีพน้ื ท่ีมากที่สุด ไปหากลุ่มชุดดนิ ทม่ี ีพ้นื ทนี่ ้อยที่สุด ได้ดังนี้

กลุ่มชุดดนิ ท่ี 34 (ทด่ี อน) (พืน้ ทีร่ ้อยละ 34.37 ของพน้ื ท่ีรบั ประโยชน์และมพี น้ื ท่ีมากสดุ ) > กลุ่ม
ชุดดินที่ 17 (ที่ลุ่ม) (พ้ืนที่ร้อยละ 31.81) > กลุ่มชุดดินที่ 32 (ท่ีดอน) (พื้นท่ีร้อยละ 16.66) > กลุ่มชุดดินท่ี 6 (ท่ีลุ่ม)
(พนื้ ท่รี ้อยละ 14.41) > กลุ่มชุดดินที่ 53 (ทดี่ อน) (พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 2.13) > กลุ่มชดุ ดนิ ท่ี 51 (ท่ีดอน) (พนื้ ท่ีร้อยละ 0.44)
> กลุม่ ชุดดินที่ 62 (ท่ีดอน) (พ้นื ที่รอ้ ยละ 0.18 และมีพื้นที่น้อยสดุ )

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-20 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ตารางท่ี 3.4.3-1 แสดงชนิดและพื้นที่ของกลุ่มชุดดิน ในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาของโครงการ ส่วนประกอบด้วยพื้นที่

อา่ งเก็บนา้ เหมอื งตะกั่ว พ้ืนท่ีหัวงาน พ้ืนท่ถี นนเข้าหัวงาน พื้นท่ีบ่อยืมด้านท้ายนา้ และพ้ืนท่ีรับ

ประโยชน์

กลุม่ ชุดดิน พน้ื ที่อา่ งเก็บนา้ เหมอื งตะกวั่ พน้ื ท่หี ัวงาน พื้นที่ถนนเข้าหัวงาน พ้ืนที่บอ่ ยมื ดนิ ท้ายน้า
ไร่ ร้อยละ ไร่ ร้อยละ ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ

34 178 32.38 65.97 25.05 12.53 100.00 263.22 29.67

51 17.24 6.55 338.48 38.15

62 372.11 67.62 180.09 68.40 285.51 32.18

พืน้ ท่ีรวม 550.30 100.00 263.30 100.00 12.53 100.00 887.21 100.00

กลุ่มชุดดนิ พน้ื ที่รบั ประโยชน์

กลมุ่ ชุดดนิ ในพน้ื ท่ลี มุ่ ไร่ รอ้ ยละ
6
17 1,765.49 14.41
3,898.24 31.81
รวมดินในพืน้ ทล่ี มุ่ 5,663.73 46.22
กลุ่มชดุ ดินในพนื้ ทีด่ อน
2,042.22 16.66
32 4,212.67 34.37
34 54.03 0.44
51 260.68 2.13
53 22.67 0.18
62 6,592.27 53.78
รวมดินในพน้ื ท่ดี อน 12,256.00 100.00
พน้ื ทรี่ วม

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-21 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ท่ีมา : ดัดแปลงจากกรมพฒั นาที่ดิน, 2543

รปู ที่ 3.4.3-1 การแพร่กระจายของกลมุ่ ชุดดนิ ในบริเวณพื้นท่ศี กึ ษาของโครงการ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-22 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบือ้ งต้น

4) ลักษณะและสมบตั บิ างประการของดนิ แต่ละกลมุ่ ชุดดิน
ลักษณะและสมบัติที่ส้าคัญบางประการของดินแต่ละกลุ่มชุดดินในบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการ

(จ้านวน 7 กลุ่มชุดดิน) ประกอบด้วย ความลาดชันและสภาพพื้นที่ ความลึกของดิน ประเภทของเน้ือดิน สภาพการ
ระบายน้าของดิน การชะล้างพังทลายของหน้าดิน ปฏิกริ ิยาของดินและระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยแบ่งแยก
เป็นของกลุ่มชุดดินในพื้นที่ลุ่มและกลุ่มชุดดินในพ้ืนท่ีดอน สรุปแสดงไว้ในตารางที่ 3.4.3-2 และตารางท่ี 3.4.3-3
ตามลา้ ดบั

ก. กล่มุ ชดุ ดินในพ้นื ทลี่ ุ่ม (จา้ นวน 2 กลุ่มชดุ ดิน)
กลุ่มชุดดินท่ี 6 : พบในสภาพพื้นท่ีที่ราบเรียบ มีความลาดชัน 0-2% เป็นดินที่มีความลึกมาก

ดินชั้นบนมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งถึงเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง ส่วนดินช้ันล่าง มีเนื้อดิน
ประเภทเป็นดินเหนียวปนทรายแป้งถงึ เป็นดินเหนยี ว ดินมีสภาพการระบายน้าเลว ดินชั้นบนมีปฏิกิริยาเปน็ กรดจัดถึง
เปน็ กรดปานกลาง ส่วนดนิ ชน้ั ล่าง เปน็ กรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด ดินใความอดุ มสมบูรณ์ตามธรรมชาติอยู่ในระดบั ต่า้

กลุ่มชุดดินที่ 17 : พบในสภาพพ้ืนที่ที่ราบเรียบ มีความลาดชัน 0-2% เป็นดินท่ีมีความลึกมาก
ดนิ ช้ันบนมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วนปนทรายถงึ เปน็ ดินร่วนเหนียวปนทราย ดินมีสภาพการระบายนา้ เลว ดินชั้นบน
มปี ฏิกริ ิยาเป็นกรดจดั มากถึงเป็นกรดจัด สว่ นดนิ ชั้นล่างเป็นกรดจดั ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติอยู่ในระดับต้า่

ข. กลุ่มชุดดนิ ในพื้นทดี่ อน (จา้ นวน 5 กลมุ่ ชดุ ดิน)
กลมุ่ ชดุ ดนิ ท่ี 32 : พบสภาพพน้ื ที่ที่ค่อนข้างราบเรียบ มคี วามลาดชนั 0-2% เป็นดินที่มีความลึก

มาก ดินช้ันบนมีเนื้อดินประเภทเป็นดินร่วนถึงเป็นดินร่วนปนทรายแป้ง ส่วนดินช้ันล่างมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วน
เหนยี วปนทรายแป้งดนิ มีสภาพการระบายนา้ ดปี านกลางถงึ ดี มีการชะลา้ งพงั ทลายของหน้าดินในระดบั เล็กน้อย ไมพ่ บ
เศษหินกรวดท่ีผิวดิน ดินช้ันบนมีปฏิกริ ิยาเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดปานกลาง ส่วนดินชัน้ ล่างเป็นกรดจัดถึงเป็นกรด
เล็กน้อย ดนิ มคี วามอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาติอยู่ในระดับค่อนข้างต้า่

กลุ่มชุดดนิ ที่ 34 : พบในสภาพพน้ื ท่ที คี่ อ่ นข้างราบเรยี บถงึ เปน็ ลูกคล่นื ลอนลาดเล็กนอ้ ย มคี วาม
ลาดชัน 0-5% เป็นดินที่มีความลึกมาก ดินช้ันบนมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วนปนทราย ส่วนดินชั้นล่างมีเนื้อดิน
ประเภทเปน็ ดินรว่ นเหนยี วปนทราย ดินมีสภาพการระบายน้าคอ่ นขา้ งดีถึงดี มีการชะล้างพังทลายของหน้าดนิ ในระดับ
เล็กน้อย ไม่พบเศษหินกรวดท่ีผิวดิน ดินชั้นบนมีปฏิกิริยาเป็นกรดจัด ส่วนดินชั้นล่างเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด
ดนิ ใความอดุ มสมบูรณ์ตามธรรมชาตอิ ยู่ในระดับต่า้

กลุ่มชุดดินที่ 51 : พบในสภาพพื้นท่ีท่ีเป็นลูกคล่ืนลอนชัน มีความลาดชัน 12-20% เป็นดินตื้น
ดินช้ันบนมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วนปนเศษถึงเป็นดินร่วนปนทรายปนเศษหินส่วนดินชั้นล่างมีเน้ือดินประเภทเป็น
ดินร่วนปนทรายปนเศษหิน ส่วนดินช้ันล่างมีเนื้อดิน ประเภทเป็นดินร่วนปนเศษหินถึงเป็นดินร่วนเหนยี วปนทรายปน
เศษหิน (พบชั้นหินพ้ืนแข็งในความลึกระดับ 50 เซนติเมตร จากผิวดิน) ดินมีสภาพการระบายน้าดีถึงดีมาก มีการชะ
ล้างพังทลายของหน้าดินในระดับปานกลางถึงสูง พบเศษหินกรวดท่ีผิวดินในปริมาณปานกลาง ดินชั้นบนมีปฏิกิริยา
เป็นกรดจัด ส่วนดินช้นั ล่างเป็นกรดจดั มากถงึ เป็นกรดจดั ดนิ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ตามธรรมชาติอย่ใู นระดับตา่้

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-23 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้

กล่มุ ชดุ ดินที่ 62 : พบในสภาพพ้ืนท่ีที่เป็นลูกคล่ืนลอนชัน มีความลาดชนั มากกว่า 35% เป็นดิน
ที่มีความลึกไม่แน่นอนและมีเนื้อดินไม่แน่นอนเช่นเดียวกัน ดินมีสภาพการระบายน้าดีมาก มีการชะล้างพังทลายของ
หน้าดินในระดับสูงถึงสูงมาก พบเศษหินหินกรวดที่ผิวดินในปริมาณปานกลางถึงมาก ดินมีปฏิกิริยาไม่แน่นอนและมี
ความอุดมสมบูรณ์อยู่ในระดับต่้า กลุ่มชุดดินที่ 62 ไม่ควรน้ามาใช้ประโยชน์ในทางการเกษตรควรปล่อยไว้ให้เป็นป่า
ส่วนทน่ี า้ ไปใชป้ ระโยชน์ในการปลูกไม้ยนื ต้นหรือไม้ผลควรนา้ พื้นที่เปลยี่ นมาปลกู ป่าแทน

3.4.3.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข

ไม่มี

3.4.3.3 แผนการดาเนนิ งานในขัน้ ถดั ไป

(1) จะทา้ การสา้ รวจดนิ และเกบ็ ตัวอยา่ งดนิ มาวิเคราะหใ์ นหอ้ งปฏบิ ัติการ

(2) จะท้าการประเมินความอุดมสมบูรณ์และปัญหาของดินและท้าการประเมนิ ความเหมาะสมของดนิ ในการปลกู พืช
รวมทง้ั ทา้ การประเมนิ ความเหมาะสมของทดี่ ินส้าหรับการชลประทาน เพอื่ การปลกู พชื

(3) การจัดเตรียมแผนทด่ี ิน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-24 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั ตารางที่ 3.4.3-2 ลักษณะและสมบตั ิบางประการของดินของแต่ละกลุ่มชุดดินในพื้นท่ีลุ่ม ในบริเวณพ้ืนที่ศึกษาของโครงการ
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด
ประเภทของเนอื ดนิ ความลาดชัน (%) ปฏิกริ ิยาของดนิ (pH) ช่วงระยะเวลานาขัง ระดบั ความอดุ มสมบรู ณ์ การใช้ประโยชน์ทดี่ นิ
และสภาพพนื ที่ ก. ชันบน ทผ่ี วิ ดนิ
กลมุ่ ชุดดนิ ความลกึ ของดนิ (ซม.) ก. ชันบน สภาพการระบายนาของดนิ ข. ชันลา่ ง (เดอื น) ตามธรรมชาติ ตามธรรมชาติ โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว
6 (0-2%) เลว ก. 5.0-6.0 3-5 อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง
ข. ชันลา่ ง รำบเรียบ ข. 4.5-5.5
17
> 150 ก. ร่วนเหนียวปนทรำยแป้ง, (0-2%) ต้่ำ ข้ำว
รำบเรียบ
เหนียวปนทรำยแป้ง

ข. เหนียวปนทรำยแป้ง, เหนียว

> 150 ก. ร่วนปนทรำย, ร่วน เลว ก. 4.5-5.5 3-4 ต่้ำ ข้ำว

ข. ร่วนเหนียวปนทรำย ข. 5.0-5.5

ตารางท่ี 3.4.3-3 ลักษณะและสมบัติบางประการของดินของแตล่ ะกลุ่มชดุ ดินในพื้นท่ดี อน ในบริเวณพ้ืนที่ศึกษาของโครงการ

3-25 ประเภทของเนอื ดนิ ปริมาณเศษหินกรวด ความลาดชัน (%) และ สภาพการระบายนา การชะลา้ ง พังทลาย ปฏิกริ ิยาของดนิ (pH) ระดบั ความอดุ มสมบรู ณ์ การใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ตาม
ก. ชันบน ของดนิ ของหนา้ ดนิ ก. ชันบน ตามธรรมชาติ ธรรมชาติ
กลมุ่ ชุดดนิ ความลกึ ของดนิ (ซม.) ข. ชันลา่ ง ทผ่ี วิ ดนิ สภาพพนื ท่ี เลก็ น้อย ข. ชันลา่ ง คอ่ นข้ำงต้่ำ
6 ดปี ำนกลำงถึงดี เล็กน้อย ก. 4.5-6.0 ต่้ำ ไมผ้ ล พชื ไร่ ไมย้ ืนตน้
17 > 150 ก. ร่วน, ร่วนปนทรำยแป้ง ไมม่ ี (0-2%) คอ่ นข้ำงดถี ึงดี ปำนกลำงถึงสูง ข. 5.0-6.5 ต่้ำ ไมผ้ ล พชื ไร่ ไมย้ ืนตน้
51 ก. 5.0-5.5
ข. ร่วนเหนียวปนทรำยแป้ง คอ่ นข้ำงรำบเรียบ ดถี ึงดมี ำก ปำนกลำง ข.4.5-5.5 ต้่ำ ไไมย้ ืนตน้ , ทุ่งหญ้ำ
53 สงู ถึงสงู มำก ต้่ำ ป่ำไม้ (ดนิ ตนื )
62 > 150 ก. ร่วนปนทรำย ไมม่ ี (0-5%) ดี ก. 5.0-5.5
ดมี ำก ข. 4.5-5.5 พชื ไร่ ทงุ่ หญ้ำ
ข. ร่วนเหนียวปนทรำย คอ่ นข้ำงรำบเรียบถึง ไมย้ ืนตน้ ป่ำไม้
ก. 5.0-5.5 ป่ำไม้ (ดนิ ตนื )
ลูกคล่นื ลอนลำดเล็กน้อย ข. 5.0-5.5

< 50 ก. ร่วนปนเศษหิน, ปำนกลำง (12-20%) ไมแ่ น่นอน

ร่วนปนทรำยปนเศษหิน ลกู คล่นื ลอนชนั บทที่ 3
การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
ข. ร่วนปนเศษหิน,

ร่วนเหนียวปนทรำยปนเศษเศษหิน

(พบชนั หินพนื แข็ง ภำยใน 50 ซม.)

รายงานความก้าวหน้า 50-100 ก. ร่วนเหนียวปนทรำย เล็กน้อย (12-20%)
(Progress Report)
ข. ร่วนเหนียวปนเศษหินผ,ุ ลูกคลน่ื ลอนชนั

เหนียวปนเศษหินผุ

ไมแ่ น่นอน ไมแ่ น่นอน ปำนกลำงถึงมำก (> 35%)

เนินเขำสงู ถึงภูเขำ

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

3.4.4 ธรณีวทิ ยา แผน่ ดินไหว และวสั ดทุ ่ีใชใ้ นการกอ่ สร้าง
(ผู้เช่ียวชาญดา้ นธรณวี ิทยาแผ่นดินไหว/แหลง่ แร่/วสั ดกุ อ่ สรา้ ง : ดร.ภาณุ พร้อมพุทธางกูร)

3.4.4.1 ความกา้ วหนา้ ของการศกึ ษา
ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปของจังหวัดพัทลุงเป็ นเทือกเขาสูงทางด้านบริเวณ ตะวันตกตอนกลางแล ะด้าน

ตะวันออกของจังหวัด เป็นที่ราบลุ่มแมน่ ้าและที่ราบระหว่างหุบเขา บรเิ วณแนวรอยต่อระหว่างเทือกเขาดา้ นตะวนั ตก
กับที่ราบตอนกลางเป็นที่เนินและที่ราบลอนลาด และมีท่ีราบชายฝ่ังทะเลเป็นแนวแคบ ๆ ขนานกับทะเลทางด้าน
ตะวันออกของจังหวัด พ้ืนที่จังหวัดพัทลุงรองรับด้วยหินแข็งอายุตั้งแต่ 570 ล้านปี มีทั้งหินตะกอน หินแปร
และตะกอนรวนแสดงในรูปที่ 3.4.4-1

1. ลาดบั ชัน้ หนิ
พื้นที่จังหวัดพัทลุงร้อยละ 75 รองรับด้วย หินตะกอน หินแปร และตะกอนร่วน สามารถจ้าแนกย่อย

เป็นหนิ ตะกอนและหินแปร 9 หน่วย และตะกอนรวน 7 หน่วย
หินตะกอน เกิดจากการสะสมและตกตะกอนทับถมของเศษหิน ดิน ทราย ท่ีแตกหลุดหรือ

ถูกชะล้าง ละลายออกมาจากหินเดิมโดยตวั การตามธรรมชาติ เชน่ น้า ลม ธารนา้ แข็ง นา้ ทะเล พดั พาตะกอนไปทบั ถม
ในแอ่งสะสมตัวตะกอน ท่ีสะสมตัวมากข้ึนมีการกดทับอัดตัวกันแน่น การเช่ือมประสานและกลายเป็นหินในที่สุด
หนิ ตะกอนบางประเภทเกิดจากการตกตะกอนโดยมปี ฏิกิริยาทางเคมี เช่น หินปนู หนิ โดโลไมต์

หินแปร เป็นหินท่ีเกิดจากการแปรสภาพของหินเดิม ซึ่งเป็นได้ทั้งหินตะกอน หินอัคนี และหินแปร
ภายใต้อิทธิพลของความร้อนหรือความดัน หรือท้ังสองอย่าง กระบวนการแปรสภาพอาจท้าให้เกิดการเรียงตัวของ
เม็ดแร่หรอื เกิดแร่ใหม่ข้นึ

ลา้ ดบั ชน้ั หนิ ที่พบในจังหวัดพัทลงุ เรียงอายุจากแกไ่ ปออ่ น ได้ดังนี้
1) หินยุคแคมเบรียน (ε)

กลุ่มหินตะรุเตา เป็นชื่อที่ใช้เรียกหินยุคแคมเบรียน (อายุประมาณ 570-505 ล้านปี) ทางภาคใต้ของประเทศ
ประกอบ ด้วย หินทราย และหินควอร์ตไซต์สีขาว สีเทาอ่อน เม็ดละเอียดแสดงลักษณะเป็นชั้นหนาถึงบาง
มีการวางชั้นเรียงระดับ และแถบชั้นบาง พบกระจายตัวอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด บริเวณที่ติดต่อกับ
จงั หวดั สตูลและตรงั

2) หนิ ยคุ ออร์โดวเิ ชยี น (O)
กลุ่มหินทุ่งสง ใช้เรียกหินปูนยุคออรโ์ ดวิเชียน (อายุประมาณ 505-438 ล้านป)ี ซ่งึ มลี ักษณะคลา้ ยคลึงกัน

ท้ังประเทศ ประกอบด้วย หินปูน สีเทา ผลึกละเอียดถึงหยาบ ช้ันบางถึงไม่แสดงชั้น มีเนื้อดินชั้นบาง ๆ แทรก
พบซากดึกดา้ บรรพ์จา้ พวกแกสโตรพอดและแบรคโิ อพอด

หินปูน มีส่วนประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) มีป ระโยชน์สามารถใช้
เป็นวัตถุดิบทั้งในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมเคมีนอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ดีหินปูนมี
คุณสมบัติสามารถละลายน้าได้ในน้าที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ดังนั้นจึงมักพบถ้าท่ีมีหินงอกหินย้อยอยู่ในภูเขาหินปูน
หินปูนท่ีอยูใกล้หินแกรนิตจะแปรสภาพกลายเป็นหินอ่อน สามารถน้ามาใช้เป็นหินประดับได้ ส่วนดินที่ผุพังมาจาก
หินปูนมักมีสีส้มแดงที่เรียกว่าดนิ แดงหรือดนิ แทร์รารอสซ่า (Terra rosa) มีแร่ธาตุท่ีจ้าเป็นตอ่ พืชอยู่หลายชนิด ดังน้ัน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-26 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

พ้ื นที่ ราบ ท่ี อยู่ใกล้หิ น ปู นจึ งเป็ น แหล่งเพ าะป ลูกได้ดี แม้ ว่าภูเขา หิ น ปูน จะมี ความสู งชัน แล ะแสด งหน้ าผ าชั ดเจ น
แต่เน่ืองจากไม่มีตะกอนดินสะสมตัวอยู่บนยอดเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่พื้นท่ีท่ีเสี่ยงภัยต่อดินถล่ม แต่อาจพบปรากฏการณ์
หลุมยบุ ในบริเวณท่รี าบใกลภ้ ูเขาหินปนู

กลุ่มหินทุ่งสงพบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของจังหวัด ต้ังแต่อ้าเภอศรีบรรพตลงมาจนถึง
อ้าเภอกงหรา ปรากฏเป็นเทือกเขาสูง เช่น เขาเขียว เขาพญาโฮ้ง เขาในวัง เขาครามเขาทุ่งโตน สามารถจ้าแนก
กลุ่มหนิ ทุ่งสงท่ีพบในจังหวดั พัทลงุ ออกเปน็ 2 หมวดหนิ ยอ่ ย คอื

- หมวดหินแลตอง (Olt) ประกอบด้วย หินดินดาน และหินทรายแป้ง แทรกสลับด้วยหินปูน หินดินดานและ
หินทรายแป้งมีสีเทาแกมเขียว สีน้าตาล แสดงลักษณะเป็นชั้นบาง หินปูนมีสีเทา แสดงลักษณะเป็นเลนส์ พบซากดึกด้าบรรพ์
จา้ พวกหอยกาบคู่

- หมวดหินรังนก (Ork) ประกอบด้วย หินปูนเน้ือปนดิน สีเทาด้า แสดงลักษณ ะเป็นช้ั นบางถึง
ช้นั หนามาก พบซากดกึ ดา้ บรรพ์จ้าพวกแซฟาโลพอด ชนิดนอติลอยด์

3) หนิ ยุคไ ลูเรียน - ดโี วเนียน (SD)
หมวดหินป่าเสม็ด (SDps) ประกอบด้วย หนิ ดินดาน และหินโคลน มสี ีด้า พบซากดึกดา้ บรรพจา้ พวกหอย

กาบคู่แบรคิโอพอด แกรบโตไลต์ไทรโลไบต์และไครนอยด์ หมวดหินนี้อายุประมาณ 438-360 ล้านปี
พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของอ้าเภอศรีบรรพต และด้านเหนือของอ้าเภอกงหรา ดินท่ีผุพังมาจากหินดินดานมี
แรธ่ าตอุ ดุ มสมบูรณพ์ อสมควร โดยเฉพาะแร่ธาตุอาหารเสริมส้าหรับพชื จึงสามารถใช้ประโยชนใ์ นด้านการเพาะปลูกได้
คอ่ นข้างดีแต่ดินอาจมีความร่วนซยุ ตา่้

4) หนิ ยคุ คาร์บอนเิ ฟอรสั (C)
หมวดหินควนกลาง (Ck) ประกอบดวย หินโคลน หินโคลนเนื้อซิลิกา หินดินดาน หินเชิร์ต

และหินทราย มีสีเทา แสดงลกั ษณะเปน็ ชน้ั บางถึงหนา พบซากดึกดา้ บรรพ์จ้าพวกหอยกาบคู่ ไทรโลไบต์และไครนอยด์
หมวดหินน้ีอายุประมาณ 360-286 ล้านปี ส่วนใหญ่พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของจังหวัดพัทลุง และพบที่
อ้าเภอปากพยูน

5) หินยคุ คาร์บอนิเฟอรัส - เพอรเ์ มยี น (CP)
กลุมหินแกงกระจาน (CPk) เป็นช่ือที่ใช้เรียกหินยุคคาร์บอนิเฟอรัส-เพอรเมียน (อายุประมาณ 320-255

ล้านปี) ประกอบด้วย หินโคลน และหินโคลนปนกรวด แทรกสลับด้วยหินทรายเกรย์แวก หินโคลนและ
หินโคลนปนกรวดมีสีเทาแกมเขียวและสีเทาดา้ แสดงลักษณะเป็นช้ันหนา พบซากดึกด้าบรรพ์จ้าพวกไทรโลไบต์แบรคิ
โอพอด หินทรายเกรย์แวกมีสีเทาด้าและสีเทาแกมเขียว เม็ดละเอียดถึงหยาบปานกลาง ส่วนใหญ่พบกระจายตัว
ทางดา้ นตะวันตกเฉยี งเหนือของจังหวดั ตงั้ แตอ่ ้าเภอป่าพะยอมลงมาจนถึงกิ่งอา้ เภอศรีนครินทรว์ างตวั ในแนวตะวนั ตก
เฉยี งเหนอื -ตะวันออกเฉยี งใตแ้ ละพบที่อา้ เภอตะโหมด

6) หินยุคเพอร์เมยี น (P)
กลุ่มหนิ ราชบุรเี ป็นช่ือทีใ่ ชเ้ รียกหนิ ยคุ เพอร์เมยี น (อายปุ ระมาณ 286-245 ล้านป)ี ท่ีแพร่กระจายอยู่ตัง้ แต่

อ้าเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ลงมาจนถึงจังหวัดยะลาส่วนมากมีลักษณะเป็นเขาโดด กลุ่มหินสระบุรีโดยส่วน
ใหญแ่ ล้วเป็นหนิ ปูน แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศแบบคาสต์ (karst)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-27 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองต้น

หินปูนมีส่วนประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) มีประโยชน์สามารถใช้เป็นวัตถุดิบท้ังในอุตสาหกรรม
ปูนซีเมนต์และอตุ สาหกรรมเคมี นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ดีหินปูนมีคุณสมบัติสามารถละลายน้าได้
ในน้าท่ีมีสภาพเปน็ กรดออ่ นๆ ดังนน้ั จงึ มักพบถ้าที่มีหนิ งอกหนิ ยอ้ ยอยใู่ นภเู ขาหนิ ปูน หนิ ปูนทอ่ี ยู่ใกล้หินแกรนิตจะแปร
สภาพกลายเป็นหินอ่อน สามารถน้ามาใช้เป็นหินประดับได้ส่วนดินที่ผุพังมาจากหินปูนมักมีสีส้มแดงที่เรียกวา่ ดินแดง
หรือดินแทร์รารอสซ่า (Terra rosa) มีแรธ่ าตุท่ีจา้ เป็นต่อพืชอยู่หลายชนิด ดังน้ันพ้ืนท่ีราบท่อี ยู่ใกล้หนิ ปูนจึงเปน็ แหล่ง
เพาะปลูกได้ดีแม้ว่าภูเขาหินปูนจะมีความสูงชันและแสดงหน้าผาชัดเจน แต่เนื่องจากไม่มีตะกอนดินสะสมตัวอยู่บน
ยอดเขา ดังนั้นจงึ ไม่ใชพ่ ้ืนทีท่ ีเ่ ส่ียงภัยต่อดินถลม่ แตอ่ าจพบปรากฏการณ์หลมุ ยุบในบริเวณที่ราบใกลภ้ ูเขาหินปูน

กลมุ่ หินราชบุรี ประกอบดว้ ย หินปูน และหนิ ปูนเน้ือโดโลไมต์ มีสีเทาขาว แสดงลกั ษณะเปน็ ช้ันดี ชั้นหนา
ถึงหนามาก พบซากดึกดา้ บรรพจ์ ้าพวกปะการังและแกสโตรพอด มกี ารกระจายตัวเป็นเขาโดดลูกเล็ก ๆ ทมี่ คี วามสงู ไม่
เกิน 300 เมตร บริเวณเขาปู่ เขาย่า เขาวัง ในเขตอ้าเภอศรีบรรพต เขาชัยสน ในเขตอ้าเภอเขาชัยสนและเขาลูกโดด
ทางตะวันตกของอา้ เภอเมอื งพทั ลงุ

7) หินยุคไทรแอส กิ (TR)
หมวดหนิ ไชยบุรี (TRch) ประกอบด้วย หินปูน สเี ทาถึงเทาออ่ น แสดงชั้นหินชัดเจนช้ันหนาถึงไมแ่ สดงช้ัน

เน้ือหนิ ตกผลึก พบซากดกึ ด้าบรรพจ์ า้ พวกโคโนดอนต์หมวดหนิ นีอ้ ายุประมาณ 245-210 ล้านปี พบกระจายตัวเปน็ เขา
ลูกโดดด้านเหนอื ของอา้ เภอเมือง เช่น เขาชัยบุรี เขารุน เขานางชีเขาพลุ เขาจิงโจเ้ ขาอน้ เขาหนิ แท่น เขาผีเขาแดงเขา
อกทะลุ เขาคูหาสวรรค์ หนิ ปูนบริเวณเขาพนมวงั ก์เป็นแหล่งหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างภายใน จังหวัดพัทลงุ

8) หินยุคจูแรส กิ – ครเี ทเชียส (JK)
กลุ่มหินตรัง เป็นช่ือที่ใช้เรียกหินตะกอนที่เกิดบนภาคพื้นทวีปในช่วงตอนต้นยุคจูแรสซิกถึงยุคครีเทเชีย

สตอนปลาย (อายปุ ระมาณ 210-65 ลา้ นป)ี ที่พบในภาคใต้ จังหวดั พัทลุง พบหมวดหนิ ย่อยของกลุ่มหนิ ตรงั เพยี งหมวด
หินเดียว คอื หมวดหินล้าทับ

หมวดหินห้วยล้าทับ (JKI) ประกอบไปด้วย หินทรายอาร์โคส และหินทรายแป้ง สลับด้วยหินกรวดมน
หินทรายอาร์โคสมีสีน้าตาลอ่อนถึงน้าตาลแดง เน้ือละเอียดถึงปานกลาง การคัดขนาดไม่ดีแสดงลักษณะเป็นชั้นบาง
หินทรายแป้งมีสีเทาแกมน้าตาล สีน้าตาลแกมแดง แสดงการวางช้ันเฉียงระดับ พบการกระจายตัวทางด้านตะวันตก
ของทะเลน้อย และด้านใต้ของอา้ เภอปา่ บอน

หินทรายเนื้อละเอียดสามารถใช้เป็นแหล่งหินประดับและหินลับมีดได้บริเวณท่ีราบใกล้ภูเขาหินทรายใช้
ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้ค่อนข้างดี เนื่องจากดินมแี ร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์พอสมควรส้าหรับพืช ยกเว้นบริเวณท่เี ป็น
หนิ ทรายเนอ้ื ควอตซ์ซึ่งจะมีแรธ่ าตุค่อนขา้ งต้่า

9) หินยคุ เทอร์เชียรี (T)
ประกอบดว้ ย หนิ โคลน หินทรายแป้ง หินทราย หนิ มารล์ และหนิ ปูนเนือ้ ดิน ที่มีลักษณะกง่ึ แข็งตัวเป็นหิน

พบซากดึกด้าบรรพ์มาก อีกทั้งพบลิกไนต์และยิปซัม หินยุคน้ี (อายุประมาณ 65-1.8 ล้านปี) พบกระจายตัวเป็นพื้นท่ี
เลก็ ๆ ทางดา้ นตะวันออกของอา้ เภอเขาชยั สนบรเิ วณแหลมจองถนน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-28 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

10) ตะกอนร่วนยุคควอเทอรน์ ารี (Q)
ตะกอนยุคควอเทอร์นารีหมายถึง กรวด ทราย ดิน และดินเหนียว ที่ยังไม่แข็งตัวกลายเป็นหิน

อายุประมาณ 1.8 ล้านปีจนถึงปัจจุบัน กระจายตัวครอบคลุมพ้ืนท่ีจังหวัดพัทลุงเป็นบริเวณกว้างทางตอนกลางและ
ด้านตะวันออกของจังหวัด บริเวณด้านตะวันตกของขอบท่ีราบซึ่งติดต่อกับแนวเทือกเขาทางดา้ นตะวันตกของจังหวัด
เป็นพวกตะกอนเศษหินเชงิ เขา บรเิ วณตอนกลางเปน็ ท่ีราบตะกอนน้าพา สามารถจ้าแนกตะกอนรว่ นในพ้นื ท่ีโดยอาศัย
ชนิดของตะกอนและสภาวะแวดล้อมของการตกตะกอนออกเป็น 7 หนว่ ยตะกอนย่อย คือ

1) ตะกอนน้าพา (Qa) ประกอบด้วย กรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนียว เกิดจากน้าพัดพา กรวด หิน
ดิน ทราย ไปสะสมตัวอย่างไม่เป็นระบบ มีอิทธิพลของความลาดชันและน้าผิวดินปะปนบ้างจึงได้ตะกอนหลากหลาย
ชนิดปนกัน ลักษณะเป็นภูมิประเทศที่ราบริมแม่น้าพ้ืนที่ราบน้ีมักเป็นแหล่งสะสมตัวของชั้นทรายแม่น้า บางแห่ง
สามารถหาแหล่งทรายก่อสรา้ งและดินเหนียวส้าหรับเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเคร่ืองป้ันดินเผา โดยท่ัวไปสภาพดิน
เปน็ ดินร่วนที่มีแรธ่ าตุทจ่ี า้ เปน็ ต่อพืชอดุ มสมบรู ณเ์ หมาะตอ่ การเพาะปลูกมากท่สี ุด แตเ่ นื่องจากเป็นทรี่ าบจึงมักประสบ
กบั น้าท่วมขงั ในช่วงฤดฝู นเปน็ ประจา้

2) ตะกอนเศษหินเชิงเขาและตะกอนผุพังอยู่กับที่ (Qc) เศษหินประกอบด้วย หินควอร์ตไซต์หินทราย
หินทรายแป้ง หนิ แกรนิต ทราย ทรายแปง้ ดนิ ลูกรงั และศิลาแลง เกดิ จากการผุพังของหนิ เดมิ ตะกอนถกู พัดพาไม่ไกล
จึงมักพบตามเชิงเขาหรือขอบแอ่ง หน่วยตะกอนนี้ใช้เป็นแหล่งดินถมส้าหรับการก่อสร้างได้และเป็นหลักฐานส้าหรับ
แสดงถึงการเกิดแผ่นดินถลม่ ในอดีต เนื่องจากการปรบั ตัวสู่สมดุลของธรรมชาติซ่ึงหลายพ้ืนท่ยี ังคงมีความเสี่ยงต่อการ
เกดิ ดนิ ถล่มไดอ้ กี จึงไมเ่ หมาะสา้ หรับการตงั้ ทอ่ี ยอู่ าศัย

3) ตะกอนทลี่ ุ่มป่าชายเลน (Qmp) ประกอบดว้ ย พีต สีด้าถึงน้าตาลเข้ม ผุมาก พบซากไม้ ใบไม้ล้าต้น และราก
แทรกด้วยดนิ เหนยี วเนอื้ นมุ่

4) ตะกอนลากนู (Qlg) ประกอบด้วย ทรายแปง้ ทรายเนือ้ ละเอยี ดมาก มีสเี ทาจาง เนื้อแน่น ร่วน มีจุดประนอ้ ย
5) ตะกอนที่ราบลุ่มน้าขึ้นถึง (Qtf) ประกอบด้วย ดินเหนียว มีสีเทาและสีเทาแกมเขียว มีชั้นบาง ๆ ของ
ทรายเน้ือละเอียดมากหรอื ทรายแปง้ แทรก พบเปลือกหอยและซากพชื
6) ตะกอนที่ราบน้าท่วมน้าขึ้นถึงบนตะกอนป่าชายเลน (Qtm) ประกอบด้วย ดินเหนียว สีเทา สีเทาแกมเขียว
ออ่ นนมุ่ วางตัวบนพีตหรือดินเหนียวเนอ้ื พตี ผุมาก
7) ตะกอนสันทรายเก่า (Qbo) ประกอบด้วย ทราย สีน้าตาลจาง เม็ดละเอียดมากถึงปานกลาง รวน การคัด
ขนาดดเี มด็ กลม

2. หนิ อคั นี
หนิ อัคนีแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ 2 ชนิด คือ 1) หินอัคนีแทรกซอน ซ่ึงเป็นหินอัคนีท่เี กิดอยู่ในระดับลึก

โดยการตกผลึกจากหินหนืด มลี กั ษณะเน้ือหยาบหรอื ค่อนขา้ งหยาบ (เมด็ แร่มีขนาดต้ังแต่ 1 มลิ ลเิ มตรขน้ึ ไป) ที่รู้จักกนั ดี
ก็คือหินแกรนิต ซี่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการก้าเนิดแร่เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น แร่ดีบุก วุลแฟรม ฟลูออไรด์ และ
แบไรต์ หินแกรนติ มีความแขง็ แกร่งสามารถน้ามาใช้เปน็ หนิ ประดับได้และ 2) หนิ ภเู ขาไฟ เป็นหินที่เกิดจากการระเบิด
ของภูเขาไฟท่ีพขุ ึ้นมาเย็นตัวบนผวิ โลก หินชนดิ นี้จะมีเนอื้ ละเอียดหรือเนียนเป็นเนื้อเดยี วกนั หมด มีความสัมพันธอ์ ย่าง
ใกล้ชิดกับแรท่ องค้า ทองแดง และแร่โลหะหลายชนิด ดินที่ผพุ ังมาจากหนิ ภูเขาไฟจะอดุ มสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุที่จ้าเป็น
ต่อพืชจึงเป็นพืน้ ที่ทเี่ หมาะสมส้าหรับการเกษตรกรรมมาก

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-29 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

ประเทศไทยอย่ใู นเขตป่าร้อนชื้นหินอัคนีจึงถกู กระบวนการผุพงั ไดง้ ่าย ท้าให้เกิดชั้นดินหนาสะสมตัวอยูบ่ น
ยอดเขา เมื่อมีฝนตกเป็นจ้านวนมากดินเหล่านี้จะไหลถล่มลงมา ดังน้ัน พ้ืนที่ที่อยู่ใกล้ภูเขาหินอัคนีจึงมีความเสี่ยงต่อ
การเกดิ แผน่ ดินถลม่ มาก จังหวัดพัทลงุ พบหินอัคนเี พียงประเภทเดยี ว คือ

หินอคั นแี ทรก อนชนดิ หินแกรนิต ยุคไทรแอส กิ (Trgr)
ประกอบด้วย หินไบโอไทต์-มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อปานกลางถึงหยาบเน้ือสม่้าเสมอ และเนื้อของหินยุคน้ี
อายปุ ระมาณ 245-210 ล้านปี พบกระจายตัวเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทางด้านตะวันตกของจังหวัด วางตวั ทอดยาว
ในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใตเ้ ป็นแนวเทือกเขาที่ก้ันระหว่างจังหวดั พัทลงุ กับตรัง

3. สภาพธรณีวทิ ยาในพืน้ ท่ีโครงการ
สภาพธรณีวิทยาพื้นที่โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่ว

อันเน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง พบตะกอนเศษหินเชิงเขาและตะกอนผุพงั อยู่กับที่ (Qc) และ หินอคั นแี ทรก
ซอนชนดิ หนิ แกรนติ ยคุ ไทรแอสซกิ (Trgr) ดงั แสดงในรปู ท่ี 3.4.4-2

4. การเกดิ แผน่ ดนิ ไหว
จากการศึกษารอยเล่ือนมีพลังในประเทศไทย ฉบับ พ.ศ.2561 โดยกรมทรัพยากรธรณี กระทรวง

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ก้าหนดรอยเลื่อนมีพลังจ้านวน 15 กลุ่มรอยเลื่อนดังแสดงในรูปที่ 3.4.4-3
ไมพ่ บกลุ่มรอยเลื่อนทอี่ ยู่ใกลพ้ น้ื ที่ศึกษา

จากการศึกษาแผนที่ภัยพิบตั ิแผ่นดนิ ไหวประเทศไทย ของกรมทรัพยากรธรณี พ.ศ.2556 พบว่า พื้นที่โครงการ
ตั้งอยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ ≤ III ตามมาตราเมอร์คัลลี ดังแสดงในรูปที่ 3.4.4-4 ซึ่งอยู่ในระดับเบา
คนธรรมดาจะไมร่ ูส้ ึก แต่เคร่ืองวัดสามารถตรวจจบั ได้

ท้งั นี้ จากตารางที่ 3.4.4-1 พบวา่ ไมม่ สี ถิตกิ ารเกิดแผ่นดนิ ไหวท่ีมศี ูนย์กลางอยใู่ นบริเวณพื้นทศ่ี ึกษา

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-30 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น

รูป ่ที 3.4.4-1 แผนที่ธรณี ิวทยาจังห ัวด ัพทลุง

ท่ีมา : กรมท ัรพยากรธร ีณ, 2550

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-31 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้

อ่างเก็บนา้ เหมืองตะกัว่

ที่มา : ดดั แปลงจาก กรมทรัพยากรธรณวี ทิ ยา, 2550

รูปที่ 3.4.4-2 แผนทีธ่ รณวี ิทยาพืน้ ที่โครงการ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-32 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

พืน้ ที่ศึกษา

ที่มา : กรมทรพั ยากรธรณี, 2561

รูปท่ี 3.4.4-3 แผนทีร่ อยเลือ่ นมีพลงั ในประเทศไทย

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-33 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งต้น

พ้ืนทศ่ี กึ ษา

ท่ีมา : กรมทรพั ยากรธรณี, 2559

รูปที่ 3.4.4-4 แผนทีภ่ ัยพิบตั แิ ผน่ ดินไหวประเทศไทย

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-34 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น

ตารางท่ี 3.4.4-1 สถิติการเกดิ แผ่นดินไหวของกรมอตุ นุ ยิ มวิทยา ปี พ.ศ.2550-2560

วัน เดือน ปี ตาแหน่ง ศูนยก์ ลาง/สถานที่รู้สกึ สน่ั ไหว ขนาด เหตกุ ารณ์
(รกิ เตอร์)
6-ม.ค.-2550 อ.แม่รมิ จ.เชียงใหม่ รสู้ กึ สน่ั สะเทือนได้ท่ี อ.แม่รมิ อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่
22-เม.ย.-2550 อ.เวียงป่าเปา้ 3.1 รู้สกึ ส่นั สะเทอื นไดท้ ่ี อ.เวยี งป่าเป้า จ.เชียงราย และ จ.พะเยา
27-เม.ย.-2550 ตอนเหนือ เกาะสมุ าตรา 4.5 รู้สึกสน่ั สะเทอื นไดท้ ่ี จ.ภูเก็ต
15-พ.ค.-2550 พรมแดนลาว-เมยี นมาร์ 6.1 รู้สกึ สนั่ สะเทือนได้ที่ จ.เชยี งราย
16-พ.ค.-2550 พรมแดนลาว-เมียนมาร์ 5.1 รู้สกึ ส่ันสะเทอื นไดท้ ่ี จ.เชยี งราย และหลายจงั หวัดภาคเหนือ
19-ม.ิ ย.-2550 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 6.1 ร้สู กึ สั่นสะเทอื นได้ที่ อ.แมร่ ิม จ.เชียงใหม่ และ จ.ลา้ พนู
20-ก.พ.-2551 ตอนเหนือเกาะสุมาตรา 4.5 รู้สกึ ส่ันไหวบนตึกสงู ในกรุงเทพฯ และ จ.ภูเก็ต
12-พ.ค.-2551 7.5 รู้สึกส่ันไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ประเทศจีนมี
มณฑลเสฉวน, จีน ผเู้ สียชีวิตประมาณ 20,000 คน
21-ส.ค.2551 7.8 รู้สึกส่ันไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ประเทศจีนมี
22-ก.ย.-2551 ผเู้ สียชีวติ 1 คน บาดเจบ็ หลายคน
30-ก.ย.-2552 พรมแดนพม่า-จนี 5.7 รสู้ กึ สั่นไหวบนตึกสูงหลายแห่งในกรงุ เทพฯ
รู้สึกส่ันไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯ ประเทศอินโดนีเซียมีผเู้ สยี ชวี ิต
20-มี.ค.-2553 ชายฝงั่ ตอนใต้ของพมา่ 5.2 ประมาณ 1,000 คน
7-เม.ย.-2553
9-พ.ค.-2553 ตอนกลางเกาะสุมาตรา 7.9 รู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่ จ.เชียงราย
4-ก.พ.-2554
23-ก.พ.-2554 ประเทศเมียนมาร์ ห่างจากพรมแดนไทย (แม่สาย) 5.0 รสู้ ึกส่ันสะเทือนไดท้ อี่ าคารสงู กทม. หลายแหง่
ประมาณ 80 กโิ ลเมตร ร้สู ึกสั่นไหวอาคารสูง จ.ภูเก็ต พังงา สุราษฏร์ธานี จ.สงขลาและ
24-ม.ี ค.-2554 กรุงเทพมหานคร
ตอนเหนือเกาะสุมาตรา 7.6 รู้สึกบนอาคารสงู กทม. หลายแหง่
30-เม.ย.-2554 รู้สึกท่ี แพร่ น่าน อุดรธานี เลย หนองคาย หนองบัวล้าภู
10-พ.ค.-2554 ตอนเหนอื สมุ าตรา 7.3 ขอนแก่น มหาสารคาม
6-ก.ย.-2554 รู้สึกได้ในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือและ อาคาร สูงใน
5-มี.ค.-2555 พรมแดนพม่า-อินเดีย 6.8 กทม.หลายแห่ง และมีความเสียหายท่ี อ.แม่สาย จ.เชียงราย มี
ผ้เู สียชวี ิต 1 คนจากผนงั บา้ นพงั ทับศรีษะ
11-เม.ย.-2555 ลาว 5.4 รสู้ ึกสั่นสะเทือนที่ จ.ภูเกต็
รสู้ ึกส่นั สะเทอื นที่ อ.แมส่ าย จ.เชยี งราย
16-เม.ย.-2555 พมา่ 6.7 รสู้ กึ สน่ั สะเทือนที่ อ.เมอื ง จ.ภเู กต็ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
รสู้ กึ ไหวเล็กน้อยท่ี จ.ภเู กต็
4-ม.ิ ย.-2555 ทะเลอันดามนั 4.4 รู้สกึ ไดใ้ นหลายจงั หวัดในภาคใต้และภาคกลาง รวมถึง
23-มิ.ย.-2555 พมา่ 4.0 ภาคอสี าน เกิดคลื่นสึนามิสงู 80 ซม. ที่ประเทศอนิ โดนเี ซยี และ
11-พ.ย.-2555 ตอนเหนอื เกาะสมุ าตรา 6.7 30 ซม. ท่ีเกาะเมียง จ.พังงา
11-พ.ย.-2555 ตอนเหนือเกาะสุมาตรา 5.2 รู้สึกไหวในหลายพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต บ้านเรือนแตกร้าวหลายหลัง
ใน อ.ถลาง จ.ภูเกต็ เกดิ อัฟเตอรช์ ็อคมากกวา่ 26 ครั้ง
ชายฝง่ั ตะวันตกทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา 8.6 รสู้ กึ สน่ั ไหวท่ี ต.เขานิเวศน์ ต.บางนอน อ.เมอื งระนอง
จ.ระนอง
ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 4.3 รู้สึกบนอาคารสงู จ.ภูเก็ต และ จ.สงขลา
รสู้ ึกส่ันไหวทจ่ี .เชียงใหม่ จ.นนทบรุ ี จ.กรุงเทพมหานคร
อ.เมือง จ.ระนอง 4.0 รู้ สึ ก สั่ น ไห ว ท่ี จ .เชี ย ง ให ม่ แ ล ะ บ น ตึ ก สู ง ข อ ง
ตอนเหนือเกาะสมุ าตรา 6.3 กรุงเทพมหานคร
เมยี นมาร์ 6.6
เมยี นมาร์ 5.8

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-35 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองตน้

ตารางท่ี 3.4.4-1 สถิตกิ ารเกิดแผน่ ดินไหวของกรมอุตุนยิ มวทิ ยา ปี พ.ศ.2550-2560 (ต่อ)

วนั เดอื น ปี ตาแหน่ง ศูนย์กลาง/สถานที่รสู้ ึกสนั่ ไหว ขนาด เหตกุ ารณ์
(รกิ เตอร์)
20-ธ.ค.-2555 เมียนมาร์ 4.6 รู้สึกส่ันไหวท่ี อ.แม่สาย จ.เชียงราย และบนอาคารสูง
7-ก.พ.-2556 เมียนมาร์ 4.3 จ.เชียงใหม่
11-เม.ย.-2556 เมยี นมาร์ 5.1 รสู้ กึ สนั่ ไหวท่ี อ.แม่สาย จ.เชียงราย
7-พ.ค.-2556 เมียนมาร์ 5.4 รสู้ ึกสนั่ ไหวท่ี จ.แมฮ่ ่องสอน
รู้สึกส่ันไหว ท่ีบ้านและบนอาคาร อ.แม่สาย อ.เมือง
2-ก.ค.-2556 ตอนเหนอื ของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซยี 6.0 จ.เชียงราย
11-ต.ค.-2556 ต.ทุ่งหลวง อ.พร้าว จ.เชยี งใหม่ 4.1 รู้สึกสั่นไหวบริเวณ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และอาคารสูงใน
21-มี.ค.-2557 หมู่เกาะนโิ คบาร์,ประเทศอินเดยี 6.4 กรุงเทพมหานคร
รู้สกึ สั่นไหวท่ี ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
5-พ.ค.-2557 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชยี งราย 6.3 รู้สกึ สั่นไหวท่ี อ.เมือง จ.ภเู ก็ต
ถนน อาคารและบ้านเรือน บริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง
6-ธ.ค.-2557 ยูนนาน ประเทศจนี 5.9 ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิต 1 คน เกิด
อ่าวพังงา ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว โค ล น ผุ ด รู้สึ ก สั่ น ไห ว ท่ี จ .เชี ย งรา ย , จ .แ พ ร่ ,
20-ก.พ.-2558 จ.พงั งา 4.0 จ.แม่ฮ่องสอน, จ.อุตรดิตถ์, จ.พิษณุโลก, จ.เชียงใหม่
6-พ.ค.-2558 ในทะเลบรเิ วณ อ.เกาะยาว จ.พังงา 4.6 และตกึ สูงในกรงุ เทพมหานคร
7-พ.ค.-2558 ในทะเลบรเิ วณ อ.เกาะยาว จ.พงั งา 4.5 รู้สึกสั่นไหวที่ ตึกสูง จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่และ
24-พ.ค.-2558 เมยี นมาร์ 5.1 กรุงเทพมหานคร
14-ก.ค.-2558 ต.ปรงั เผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 4.8 รู้สึกสั่นไหวที่ อ.เมือง อ.กะทู้ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต, เกาะ
8-พ.ย.-2558 หมูเ่ กาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย 6.2 ยาวใหญ่ จ.พงั งา
รู้สกึ สน่ั ไหวบริเวณ จ.พงั งา จ.ภูเก็ต และ จ.กระบ่ี
24-ส.ค.-2559 เมยี นมาร์ 6.8 รู้สกึ สั่นไหวบรเิ วณ จ.พงั งา จ.ภูเก็ต และ จ.กระบ่ี

29-ต.ค.-2559 เมียนมาร์ 4.5 รสู้ กึ สนั่ ไหวบริเวณ จ.เชียงใหม่ จ.เชยี งราย และ จ.แมฮ่ อ่ งสอน
7-ธ.ค.-2559 ทางตอนเหนอื ของเกาะสมุ าตรา, อนิ โดนเี ซยี 6.5
15-ม.ค.-2560 อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 4.2 รู้สกึ ส่ันไหวบรเิ วณ อ.สงั ขละบุรี, อ.ทองผาภมู ิ จ.กาญจนบุรี
18-เม.ย.-2560 เมียนมาร์ 5.1
22-เม.ย.-2560 อ.นาน้อย จ.น่าน 3.9 รสู้ กึ สัน่ ไหวท่ี อ.เมอื ง จ.ภูเก็ต ,อ.ตะกวั่ ปา่ จ.พังงา ,อ.เมือง
จ.สรุ าษฎร์ธานี, อ.เมือง จ.กระบ่ี
รู้สึกสั่นไหวที่บริเวณ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ
กรุงเทพมหานคร
รู้สึกสั่นไหวที่บริเวณ อ.เมืองตาก อ.แม่สอด อ.ท่าสองยาง
จ.ตาก
รู้สึกสนั่ ไหวท่บี รเิ วณ จ.กระบ่ี จ.สงขลา และ จ.ภูเก็ต
รสู้ กึ สนั่ ไหวที่บริเวณ จ.แม่ฮอ่ งสอน และ จ.เชยี งใหม่
รสู้ ึกส่นั ไหวทีบ่ รเิ วณ อ.เมอื ง อ.แม่จัน อ.แมส่ าย อ.เชียงแสน
จ.เชยี งราย
รสู้ ึกส่ันไหวท่ีบริเวณ อ.นาน้อย อ.เวยี งสา จ.นา่ น

ทมี่ า : สา้ นกั เฝ้าระวังแผ่นดนิ ไหว กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา (2560)

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-36 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น

5. วัสดุที่ใช้ในการก่อสรา้ ง
จากการรวบรวมข้อมลู แหลง่ วสั ดุกอ่ สรา้ งในบริเวณพนื้ ทีศ่ กึ ษาโครงการและใกล้เคียง จากรายงานข้อมูล

แหล่งวัสดุส้าหรับงานทางหลวงชนบท (ค้นคว้าเม่ือวันท่ี 11 ธันวาคม 2562) พบแหล่งวัสดุก่อสร้างประเภทบ่อทราย
1 แหล่ง บ่อลูกรัง 4 แหล่ง โรงโม่หิน 1 แหล่ง บ่อดิน 1 แหล่ง โรงผลิตคอนกรีต 2 แหล่ง และอื่นๆ 1 แหล่ง ทั้งหมด
10 แหล่ง มีรายละเอียดดังตารางที่ 3.4.4-2 ท้ังน้ีจะต้องท้าการตรวจสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมของตัวอย่างจากแหล่ง
วสั ดุอกี คร้ังและปรมิ าณสา้ รองในแต่ละแหล่งก่อนน้าไปใช้งาน

ตารางท่ี 3.4.4-2 แหล่งวสั ดกุ อ่ สรา้ ง บริเวณพ้นื ทศ่ี ึกษาโครงการและใกลเ้ คียง

ลาดับ ช่อื ทอี่ ยู่ ประเภท พิกดั
XY

1 บา้ นชะรดั ตา้ บลชะรดั อ้าเภอกงหรา บ่อทราย 615190 857493

จงั หวัดพัทลงุ

2 บอ่ ลูกรังสมชาย ต้าบลควนขนุน อา้ เภอควนขนุน บอ่ ลูกรัง 610641 859491

จังหวัดพัทลุง

3 โรงโม่หนิ กฤษณ์ศิลา ตา้ บลพนมวังก์ อา้ เภอควนขนนุ โรงโม่หิน 623476 847417

จงั หวัดพทั ลงุ

4 บ้านควนนอ้ ย ต้าบลแพรกษา อ้าเภอควนขนุน บอ่ ดนิ

จังหวดั พัทลงุ

5 บ้านพรนุ ายขาว ตา้ บลคลองใหญ่ อา้ เภอตะโหมด อน่ื ๆ

จงั หวัดพทั ลุง

6 บ่อดนิ เพชรรงุ่ โรจน์ ต้าบลดอนประดู่ อ้าเภอปากพะยนู บ่อลูกรงั 647813 808838

จังหวดั พัทลุง

7 บริษัท ผาทอง 24 จ้ากดั ตา้ บลท่าแค อ้าเภอเมืองพัทลงุ โรงผลิตคอนกรีต 615112 835142

จังหวัดพัทลงุ

8 บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัสดุ ต้าบลท่าแค อา้ เภอเมอื งพทั ลุง โรงผลิตคอนกรีต 614743 834111

กอ่ สรา้ ง จา้ กัด จังหวดั พัทลุง

9 บา้ นควนคง ต้าบลทา่ แค อา้ เภอเมืองพทั ลงุ บ่อลูกรงั

จงั หวดั พัทลุง

10 บอ่ ลูกรงั คุณพัชรินทร์ ตา้ บลพญาขัน อ้าเภอเมืองพทั ลงุ บอ่ ลูกรงั 623591 846308

จังหวัดพัทลงุ

3.4.4.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
จากการศึกษาลักษณะธรณีวิทยา และการเกิดแผ่นดินไหว พบว่าพื้นท่ีโครงการอ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่ว ไม่มี

ความเสี่ยงภยั แผน่ ดินไหวและแนวรอยเลอ่ื นพาดผา่ น

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-37 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องต้น

จากขอ้ มูลเบอื้ งตน้ ไมพ่ บแหล่งวสั ดกุ ่อสร้างท่ีอยใู่ นบริเวณพ้ืนทโี่ ครงการ ดงั น้ันควรมีการส้ารวจหาแหล่งหินและทราย
ทอ่ี ยู่ใกล/้ ในพื้นทโ่ี ครงการเพ่ือเป็นการลดต้นทนุ ในการกอ่ สร้าง

3.4.4.3 แผนการดาเนินงานในข้ันถดั ไป
การส้ารวจเก็บข้อมูลภาคสนามเพ่ิมเติมเพื่อศึกษาคุณสมบัติของชั้นหินที่รองรับพ้ืนที่โครงการ และศึกษาขั้น

รายละเอยี ดบริเวณท่ตี ้งั หัวงาน
ส้ารวจภาคสนามเพื่อหาบรเิ วณที่มศี กั ยภาพสามารถนา้ ไปใช้เป็นวัสดุกอ่ สรา้ งและหาแหลง่ วัสดใุ นบรเิ วณใกล้เคียง

3.4.5 แหล่งแร่ (ผู้เชี่ยวชาญดา้ นธรณีวทิ ยาแผ่นดนิ ไหว/แหลง่ แร่/วัสดกุ ่อสร้าง : ดร.ภาณุ พร้อมพุทธางกรู )
3.4.5.1 ความก้าวหน้าของการศกึ ษา

จังหวัดพัทลุงมีแหล่งทรัพยากรแร่ที่ส้าคัญทางเศรษฐกิจ 2 ชนิด คือ แร่ตะกั่ว และหินปูน (หินปูนเพื่อ
อุตสาหกรรมก่อสร้าง หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมอ่ืนๆ และหินปูนท่ีจ้าแนกประเภทไม่ได้) นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรอีก
ชนิดหนึ่ง คือ ทรายก่อสร้าง โดยแหล่งแร่ดังกล่าว มีประทานบัตรท้าเหมืองแร่ที่ยังไม่สิ้นอายุและเปิดการอยู่ทั้งส้ิน
2 แปลง (หินปูนเพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้าง 2 แปลง) ค้าขอประทานบัตรท้าเหมืองแร่ 4 แปลง (โดโมไมต์ 1 แปลงและ
หินปูนเพ่ืออุตสาหกรรม 3 แปลง) เม่ือคิดในเชิงพื้นที่แล้ว พ้ืนที่แหล่งแร่ในจังหวัดมีเน้ือท่ีทั้งหมด 110.88 ตารางกิโลเมตร
หรอื คิดเป็น 3.24% ของเนื้อท่ีจังหวดั ดงั ตารางที่ 3.4.5-1

ตารางที่ 3.4.5-1 พืน้ ทแี่ หล่งแร่ในจังหวัดพัทลุง เนือ้ ทแ่ี หลง่ แร่ ปรมิ าณสารอง
(ไร)่ (ล้านเมตริกตัน)
ชนดิ แร่ 57,806
1,413 28,430
หินปนู เพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้าง 7,781 415
หินปนู เพื่ออตุ สาหกรรมอื่นๆ 2,300 3,917
หินปูนที่จา้ แนกไม่ได้ 69,300 2
ตะกวั่ 32,764

รวม

ในการจ้าแนกเขตทรัพยากรแร่ได้น้าพ้ืนท่ีแหล่งแร่มาจ้าแนกออกเป็น 3 เขต คือ เขตสงวนทรัพยากรแร่
เขตอนรุ ักษ์ทรัพยากรแร่ และเขตสงวนทรัพยากรแร่ เขตอนุรักษ์ทรัพยากร และพฒั นาทรัพยากรแร่

(1) เขตสงวนทรัพยากรแร่ หมายถึง พ้ืนท่ีแหล่งแร่ที่ควรสงวนรักษาทรัพยากรแร่ไว้ ซ่ึงเป็นพ้ืนที่ท่ีอยู่ภายใต้
ข้อจ้ากัดของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี กฎ ระเบียบต่างๆ ที่ไม่เอ้ืออ้านวยให้น้าทรัพยากรแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ใน
ปัจจบุ ัน ควรเกบ็ รกั ษาไว้ให้ชนรนุ่ หลงั ใชป้ ระโยชนย์ ามจา้ เป็นเมือ่ เกดิ วกิ ฤตทิ างเศรษฐกจิ แกป่ ระเทศชาติเท่าน้ัน

(2) เขตอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ หมายถึง พื้นที่แหล่งแร่ท่ีควรเก็บรักษาเพ่ือส้ารองไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่ง
เปน็ พ้นื ที่ท่เี ปิดโอกาสให้น้าทรพั ยากรแร่ขนึ้ มาใชป้ ระโยชนใ์ นปจั จุบนั ไดโ้ ดยมีเงอื่ นไขพิเศษ ทั้งนต้ี ้องอยูภ่ ายใตข้ อ้ จา้ กัด
ของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี กฎ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลักเกณฑ์ในการพิจารณาจ้าแนกเขตอนุรกั ษ์ทรัพยากรแร่
คอื พื้นทแ่ี หล่งแรท่ ี่อยู่ในเขตพนื้ ทท่ี ี่ผ่อนผนั ใหเ้ ข้าท้าประโยชน์เปน็ กรณีพิเศษ อันได้แก่ พน้ื ท่ีลุ่มน้าช้ันที่ 1 เขตพนื้ ที่ป่า

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-38 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งตน้

อนุรักษ์เพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เขตพ้ืนท่ีป่าเพ่ือการเกษตร เขตปฏิรูปท่ีดินเพื่อการเกษตร เขตป่าชายเลน
เศรษฐกจิ ก เขตประกาศมาตรา 6 ทวิ วรรคหนงึ่

(3) เขตพัฒนาทรัพยากรแร่ หมายถึง พ้ืนท่ีแหล่งแร่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาใช้ประโยชน์ได้ เป็นพื้นที่ที่อยู่
นอกเขตสงวนทรัพยากรแร่และเขตอนรุ ักษ์ทรพั ยากรแร่ในการพัฒนาใชป้ ระโยชน์ตอ้ งอยู่ภายใตข้ ้อจ้ากดั ของกฎหมาย
มติคณะรฐั มนตรี กฎ ระเบียบต่างๆ ที่เก่ียวกบั การใชป้ ระโยชนพ์ น้ื ท่ีดนิ ของรฐั เอกชน

แหล่งแร่ในจังหวัดพัทลุง สามารถจ้าแนกได้เป็น 3 เขต ดังรูปที่ 3.4.5-1 คือ เขตสงวนทรัพยากรแร่
เขตอนรุ กั ษท์ รัพยากรแร่ และเขตพัฒนาทรพั ยากรแร่ดงั แสดงในตารางท่ี 3.4.5-2 ถึงตารางที่ 3.4.5-4

เขตสงวนทรัพยากรแร่มีจ้านวนแหล่งแร่ท้ังหมด 16 แหล่ง โดยแหล่งแร่ตะกั่วพบอยู่ ในเขตอุทยานแห่งชาติ
เขาปู่-เขาย่า ส่วนแหล่งหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างพบอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์
ป่าเขาบรรทัด และเขตวนอุทยานเมืองเก่าชัยบุรี และแหล่งหินปูนท่ีจ้าแนกประเภทไม่ได้พบอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์
ปา่ เขาบรรทัด และบริเวณเกาะสี่เกาะห้า

เขตอนุรักษ์ทรัพยากรแรท่ ่ีมีจ้านวนแร่ท้ังหมด 106 แห่ง โดยแหล่งหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างพบอยู่ใน
เขตลุ่มน้าชัน้ ที่ 1 เขตปฏิรูปทดี่ นิ เพื่อการเกษตร และเขตป่าอนุรกั ษ์เพ่มิ เตมิ ตามมติคณะรัฐมนตรี ส่วนแหล่งหินปูนเพ่ือ
อุตสาหกรรมอ่ืนๆ พบอยใู่ นเขตล่มุ น้าชนั้ ท่ี 1 และแหล่งหนิ ปนู ที่จ้าแนกประเภทไม่ได้พบอยใู่ นเขตล่มุ น้าช้ันท่ี 1

เขตพัฒนาทรัพยากรแร่มีจ้านวนแหล่งแร่ทั้งหมด 138 แหล่ง ไม่จ้านวนน้ีเป้นแหล่งท่ีมีเน้ือที่มากกว่า
0.1 ตารางกิโลเมตร จ้านวน 18 แหลง่ โดนแหล่งหินปนู เพ่ืออตุ สาหกรรม กอ่ สร้างมีจา้ นวนทง้ั ส้ิน 17 แหล่ง และแหล่ง
หนิ ปนู เพอื่ อุตสาหกรรมอนื่ ๆ มีจ้านวน1 แหล่ง

ตารางท่ี 3.4.5-2 เขตสงวนทรพั ยากรแร่ จงั หวดั พัทลงุ

ชนดิ แร่ จานวนแหลง่ เนอ้ื ทีแ่ หล่งแร่ ปรมิ าณสารอง
รวม (ไร)่ (ล้านเมตรกิ ตนั )
2,300
ตะก่วั 1 42,231 2
28,584
หินปนู เพ่ืออุตสาหกรรม 11 7,544
52,075 3,896
ก่อสร้าง 32,482

หินปูนทจี่ า้ แนกประเภทไม่ได้ 4

รวม 16

ตารางท่ี 3.4.5-3 เขตอนุรกั ษ์ทรัพยากรแร่ จังหวัดพัทลงุ

ชนดิ แร่ จานวนแหลง่ เน้อื ท่ีแหล่งแร่ ปรมิ าณสารอง
รวม ตร.กม.(ไร)่ (ล้านเมตรกิ ตนั )
15.90 (9,938)
หนิ ปูนเพอ่ื อตุ สาหกรรม 99 4,099
1.67 (1,044)
ก่อสร้าง 0.23 (144) 345
17.80 (11,125) 25
หินปนู เพ่ืออตุ สาหกรรมอื่นๆ 4 4,468

หนิ ปนู ท่จี า้ แนกประเภทไมไ่ ด้ 3

รวม 106

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-39 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองต้น

ท่ีมา : กรมทรพั ยากรธรณี

รูปที่ 3.4.5-1 แผนที่จาแนกเขตสงวน เขตอนุรักษ์ และเขตพฒั นาทรพั ยากรแร่ จงั หวัดพทั ลงุ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-40 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งตน้

ตารางท่ี 3.4.5-4 เขตพัฒนาทรพั ยากรแร่ จงั หวดั พทั ลุง

ลาดับ ชนิดแร่ ช่อื พน้ื ท่ีแหลง่ แร่ เนื้อท่แี หล่งแร่ ปรมิ าณสารอง
(ไร)่ (ล้านเมตริกตัน)
1 หินปนู เพอ่ื อตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง เขาผี-เขาแดง 113
2 หนิ ปูนเพอ่ื อุตสาหกรรมก่อสรา้ ง ตะวนั ออกของเขาอกทะลุ 75 6
3 หินปนู เพือ่ อุตสาหกรรมกอ่ สรา้ ง หบุ ระหว่างชอ่ งเขาเหมน 1000 18
ฝง่ั ตรงขา้ ม ร.ร.ตะแพนพทิ ยา 76
4 หนิ ปูนเพือ่ อุตสาหกรรมกอ่ สร้าง ท่รี าบบรเิ วณบา้ นในวงั 444
5 หนิ ปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เขายา่ 31 178
6 หนิ ปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมกอ่ สรา้ ง เขาวัง-เขาโพรกเพลง 406 9
7 หินปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมกอ่ สรา้ ง ดา้ นตะวันตกของเขาหัวชา้ ง 331 74
8 หนิ ปูนเพอื่ อุตสาหกรรมกอ่ สร้าง ตะวันตกของเขาพูด 181 174
9 หินปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมกอ่ สร้าง บ้านนาบอน 75 49
10 หินปูนเพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สร้าง ส้านกั สงฆถ์ า้ พทุ ธโคดม 75 3
11 หินปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมก่อสร้าง บา้ นใสแตระ 456 5
12 หนิ ปูนเพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง ควนข้ีแรด 531 184
13 หินปนู เพือ่ อตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง ทรี่ าบบรเิ วณบ้านท่งุ ใหญ่ 1000 214
ตต.ของเขาในวงั 402
14 หินปนู เพ่ืออตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง เขาพนมวงั กื 413
15 หินปนู เพอ่ื อุตสาหกรรมก่อสรา้ ง ตะวันออกของเขาชัยบุรี 194 96
16 หนิ ปูนเพอ่ื อตุ สาหกรรมก่อสร้าง เขาจิงโจ้ 0.13 (81) 81
17 หนิ ปนู เพ่อื อตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง บา้ นคู 2 0.13 (81) 8
18 หินปนู เพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง เขารนุ 0.39 (244) 33
7.79 (4,869) 37
รวม 1,644

3.4.5.2 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแกไ้ ข
ไม่พบปญั หาและอปุ สรรคแตอ่ ยา่ งใด

3.4.5.3 แผนการดาเนนิ งานในขน้ั ถัดไป
สา้ รวจและเกบ็ ข้อมูลภาคสนามเพิ่มเติมร่วมกบั การสา้ รวจด้านทางธรณวี ทิ ยา

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-41 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้

3.4.6 การกัดเ าะ และการตกตะกอน (ผู้เชีย่ วชาญดา้ นอทุ กวิทยา : นายไชยาพงษ์ เทพประสทิ ธ)์ิ
3.4.6.1 ความก้าวหนา้ ของการศึกษา

ปรมิ าณตะกอน
ท้าการรวบรวมข้อมูลปริมาณตะกอนแขวนลอยรายเดือนจากสถานีตรวจวัดตะกอนท่ีต้ังอยู่ในพ้ืนท่ีโครงการ
และพื้นที่ใกล้เคยี ง โดยรายชื่อสถานวี ัดตะกอนและสถติ ิปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉลี่ย แสดงไว้ในตารางท่ี 3.4.6-1
โดยท่ีต้ังสถานีแสดงไว้แล้วในรูปที่ 3.4.6-1 ซ่ึงพบว่า ปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉล่ียต่อพ้ืนท่ีลุ่มน้า มีค่าเฉลี่ย
192 ตัน/ปี/ตร.กม. โดยท่ีสถานีในคลองรตั ภูมิ ท่ีบ้านนาสีทอง (X.67A) มีคา่ สูงสุดเท่ากับ 329 ตัน/ป/ี ตร.กม. และท่ีสถานี
ในคลองหล้าปงั ที่บา้ นทุ่งปราบ (X.113) มคี า่ ต้า่ สดุ เทา่ กบั 91 ตัน/ป/ี ตร.กม.
จากสถานีวัดตะกอนดังกล่าวข้างต้น น้ามาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปี
เฉลย่ี และพ้ืนท่รี ับนา้ ฝน โดยการวเิ คราะห์ถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression Analysis) ดังแสดงกราฟความสัมพนั ธ์
ระหว่างปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉลี่ยและพื้นท่ีรับน้าฝน ของสถานีวัดตะกอนในบริเวณพ้ืนท่ีโครงการ และ
พ้ืนท่ใี กลเ้ คียง และไดส้ มการถดถอยเชิงเสน้ (Linear Regression) ของความสัมพันธ์ดังนี้

QS = 247.04 A 0.9333 (R2 = 0.8988)

เม่อื QS คอื ปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปเี ฉลี่ย, ตัน

A คือ พ้ืนท่รี บั นา้ ฝน, ตร.กม.

R2 คอื สัมประสทิ ธ์กิ ารตัดสนิ ใจ (Coefficient of Determination)

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-42 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั ตารางท่ี 3.4.6-1 รายช่ือสถานีวดั ตะกอนและสถติ ปิ ริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉล่ียในพน้ื ที่โครงการและบรเิ วณใกล้เคยี ง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด
ลาดับ ชื่อสถานี ลานา อาเภอ จังหวดั หน่วยงาน รหัส พนื ที่รับนา ชว่ งสถิติ ตะกอนแขวนลอย ตะกอนแขวนลอยต่อพนื ท่ี โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว
ท่ี ท่ีรับผดิ ชอบ สถานี (ตร.กม.) ขอ้ มลู รายเดือน รายปีเฉล่ีย (ตนั ) (ตนั /ปี/ตร.กม.) อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง

1 คลองรัตภมู ิ บ้ำนนำสที อง คลองรัตภมู ิ รัตภมู ิ สงขลำ RID X.67 A 248.75 2551 - 2557 81,951 329

2 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนบำงศำลำ คลองอตู่ ะเภำ คลองหอยโขง่ สงขลำ RID X.90 1,546.82 2526 - 2557 176,703 114

3 คลองหลำ้ ปัง บ้ำนทุ่งปรำบ คลองอตู่ ะเภำ สะเดำ สงขลำ RID X.113 118.45 2524 - 2557 10,792 91

4 คลองล้ำ บ้ำนคลองลำ้ คลองท่ำแค ศรีนครินทร์ พัทลงุ RID X.170 257.70 2548 - 2556 54,444 211

5 คลองหวะ บ้ำนคลองหวะ คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ RID X.174 115.91 2546 - 2555 25,761 222

6 คลองวำด บ้ำนหูแร่ คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ RID X.240 127.42 2547 - 2555 33,617 264

3-43 7 คลองตะโหมด บ้ำนแม่ขรี คลองท่ำมะเดื่อ ตะโหมด พทั ลงุ RID X.267 295.00 2550 - 2557 35,626 121

8 ห้วยลำ้ สนิ ธ์ิ บ้ำนโตน คลองท่ำแค ศรีนครินทร์ พัทลงุ DWR 230301 25.00 2526 - 2555 5,413 217

9 คลองนำบอน บ้ำนทุ่งโพธ์ิ คลองใหญ่ กงหรำ พัทลงุ DWR 230302 18.10 2528 - 2555 2,852 158

ท่ีมำ : กรมชลประทำน และกรมทรพั ยำกรน้ำ RID หมำยถึง กรมชลประทำน DWR หมำยถึง กรมทรพั ยำกรน้ำ

รายงานความก้าวหน้า บทที่ 3
(Progress Report) การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น

1,000,000

ป ิรมาณตะกอนแขวนลอยราย ีปเฉลี่ย ( ัตน/ ีป) X.90

100,000 X.67A
X.170
X.240
X.174 X.267

10,000 230301 X.113

230302 QS = 247.04 A0.9333
1,000 R² = 0.8988

10 100 1,000 10,000

พนื้ ท่ีรับนา้ ฝน (ตร.กม.)

ทม่ี า : กล่มุ บริษัททป่ี รึกษา, 2562

รปู ท่ี 3.4.6-1 กราฟความสมั พันธ์ระหว่างปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉล่ียและพ้ืนทร่ี บั น้าฝน
ของสถานวี ดั ตะกอนในพ้นื ท่ีโครงการและบริเวณใกล้เคยี ง

3.4.6.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไมม่ ี

3.4.6.3 แผนการดาเนินงานในข้นั ถดั ไป
วิเคราะหป์ ริมาณตะกอน และการกัดเซาะทจี่ ุดพิจารณาตา่ งๆ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-44 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้

3.4.7 อุทกวิทยานา้ ผิวดิน (ผู้เชี่ยวชาญดา้ นอทุ กวทิ ยา : นายไชยาพงษ์ เทพประสทิ ธ)ิ์

3.4.7.1 ความกา้ วหน้าของการศกึ ษา

(1) ปริมาณนา้ ฝน
กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้ท้าการรวบรวมข้อมูลฝนที่อยู่ในพ้ืนท่ีศึกษาและบริเวณใกล้เคียงจากหน่วยงาน

ต่างๆ และท้าการคัดเลือกสถานีท่ีมีช่วงสถิติข้อมูลและต้าแหน่งที่ตั้งท่ีเหมาะสม ซ่ึงจากการรวบรวมพบว่า
มีสถานีวัดปริมาณฝน 14 สถานี รายละเอียดช่ือสถานี ต้าแหน่งที่ต้ัง รหัสสถานี ช่วงสถิติข้อมูล และปริมาณฝนราย
ปเี ฉล่ยี แสดงในตารางที่ 3.4.7-1 และมีต้าแหน่งทต่ี ัง้ ของสถานีฝน ดังแสดงในรูปที่ 3.4.7-1

ตารางที่ 3.4.7-1 ข้อมลู สถานีวัดน้าฝนท่ไี ด้ทาการคัดเลือก ในพน้ื ทศี่ กึ ษาและบริเวณใกล้เคียง

ลาดบั ที่ ชอื่ สถานี อาเภอ จังหวัด รหัสสถานี พิกัดตาแหน่งท่ีตงั ชว่ งสถิตขิ อ้ มลู ปริมาณฝนรายปีเฉลย่ี (มม.)
ละติจูด ลองติจูด

1 ปำกพยูน ปำกพยูน พัทลุง 350022 7.35 100.33 1972-2012 1,659.20

2 เขำชัยสน เขำชัยสน พัทลุง 350022 7.46 100.14 1957-1982,1984-2013 2,030.30

3 บำ้ นนำทอ่ ม (X.24) เมืองพัทลุง พัทลุง 350061 7.61 100.07 1958-2014 2,161.40

4 คลองทำ่ เชียด เขำชัยสน พัทลุง 350081 7.45 100.13 2002-2008 2,490.40

5 โครงกำรนำทอ่ ม เมอื งพัทลุง พัทลุง 350100 7.59 100.01 1963-2009 2,241.20

6 สถำนเี กษตรพัทลุง เมอื งพัทลุง พัทลุง 350153 7.70 100.20 1984,1986-2015 2,132.90

7 หนว่ ยพิทกั ษ์ปำ่ บำ้ นโตน ตะโหมด พัทลุง 350184 7.55 99.93 1990,1992-2004,2008-2015 2,919.50

8 หนว่ ยพิทกั ษ์ปำ่ บำ้ นตะโหมด ตะโหมด พัทลุง 350204 7.31 100.01 1990-2015 2,418.10

9 เขตรักษำพันธ์สัตว์ปำ่ เขำบรรทดั เมืองพัทลุง พัทลุง 350214 7.45 99.92 1992-2015 2,464.60

10 หนว่ ยพิทกั ษ์ปำ่ บำ้ นพูด กงหรำ พัทลุง 350224 7.36 99.96 1994-1995,1998,2012-2015 2,785.70

11 กงหรำ กงหรำ พัทลุง 350242 7.40 99.95 1994-2015 2,560.90

12 ปำ่ บอน ปำ่ บอน พัทลุง 350262 7.27 100.17 1994-2001,2005-2015 2,023.30

13 บำงแก้ว บำงแก้ว พัทลุง 350292 7.43 100.18 1994-2005,2008-2015 2,161.30

14 ฝำยทำ่ เชียด บำงแก้ว พัทลุง ฝำยทำ่ เชียด 7.36 100.11 1970-2016 2,613.00

ทม่ี า : กรมชลประทาน และกรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา

ท้าการสร้างแผนที่เส้นช้ันน้าฝนรายปีเฉลี่ย จากข้อมูลของสถานีวัดน้าฝนต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงการผัน
แปรของปริมาณฝนในพื้นท่ีศึกษา ดังแสดงในรูปที่ 3.4.7-2 และท้าการสร้างโครงข่ายรปู เหล่ียมธเี อสเสนของสถานีวดั น้าฝน
ดังกลา่ ว เพือ่ ให้ทราบถงึ ขอบเขตอิทธพิ ลของสถานฝี นแต่ละสถานี ดังแสดงในรูปที่ 3.4.7-3

จากผลการศกึ ษาดงั กล่าว พบว่าปริมาณฝนรายปเี ฉลี่ยจะผนั แปรจาก 1,600 มม. ทางด้านทิศตะวนั ออก
ของพนื้ ที่ศกึ ษา โดยมปี รมิ าณฝนน้อยที่สดุ ท่ีบริเวณอ้าเภอปากพะยูน มีปริมาณฝนรายปีเฉลี่ย 1,659 มม. แล้วปริมาณ
ฝนจะเพ่ิมข้ึนจนถงึ 2,900 มม. ไปทางด้านทิศตะวันตกของพืน้ ท่ศี ึกษา โดยมีปรมิ าณฝนมากทีส่ ุดทบ่ี ริเวณหนว่ ยพทิ ักษ์
ป่าบา้ นโตน อา้ เภอตะโหมด (350184) มีปรมิ าณฝนรายปีเฉล่ีย 2,920 มม. ส่วนบริเวณพน้ื ทข่ี องโครงการ จะมปี รมิ าณ
ฝนรายปีเฉลี่ยประมาณ 2,100-2,400 มม.

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-45 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งตน้

ทมี่ า : กลมุ่ บรษิ ทั ท่ีปรกึ ษา, 2562

รปู ท่ี 3.4.7-1 ตาแหนง่ ที่ตงั้ ของสถานวี ัดน้าฝนท่ีไดท้ าการคัดเลือก ในพ้นื ท่ศี กึ ษาและบรเิ วณใกล้เคยี ง

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-46 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บนา้ เหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ทีม่ า : กล่มุ บริษทั ที่ปรกึ ษา, 2562

รูปที่ 3.4.7-2 แผนทเ่ี สน้ ชัน้ นา้ ฝนรายปเี ฉลย่ี ในพืน้ ที่ศึกษาและบริเวณใกล้เคยี ง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-47 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ นา้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ท่มี า : กลุ่มบรษิ ทั ทปี่ รึกษา, 2562

รูปที่ 3.4.7-3 โครงข่ายรปู เหลีย่ มธเี อสเสน ในพน้ื ท่ีศกึ ษาและบรเิ วณใกลเ้ คียง

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-48 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จา้ กดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น

(2) ปรมิ าณนา้ ทา่
ทา้ การรวบรวมข้อมูลน้าท่าที่อยู่ในพ้ืนท่ีศึกษาและบริเวณใกล้เคียง จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจาก

การรวบรวมข้อมูลพบว่า มีสถานีวัดปริมาณน้าท่า 21 สถานี รายละเอียดช่ือสถานี รหัสสถานี และต้าแหน่งที่ต้ัง
แสดงในตารางที่ 3.4.7-2 และมีต้าแหน่งที่ต้ังของสถานีน้าท่า ดังแสดงในรูปท่ี 3.4.7-4 โดยข้อมูลท่ีท้าการรวบรวม
ประกอบด้วย ข้อมลู ปรมิ าณน้าท่ารายวัน รายเดือน และสงู สดุ รายปี ท่ีมชี ่วงสถติ ิข้อมลู ต้งั แตเ่ รม่ิ มกี ารจดบนั ทกึ จนถงึ ปจั จุบัน

วเิ คราะห์ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณนา้ ท่ารายปเี ฉล่ียและพ้นื ทร่ี ับน้าฝน โดยการวเิ คราะหก์ าร
ถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression Analysis) ในเบื้องต้นใช้ข้อมูลจากทุกสถานีน้ามาวิเคราะห์ความสัมพันธ์
ดังแสดงในรปู ท่ี 3.4.7-5 จะไดส้ มการถดถอย (Regression Equation) ในรูปแบบเลขยกก้าลงั ดังน้ี

Qm = 5.9972 A 0.6279 ; R2 = 0.7825
เมื่อ Qm = ปรมิ าณน้าท่ารายปีเฉลย่ี (ลา้ น ลบ.ม./ปี)

A = พ้ืนที่รับน้าฝน (ตร.กม.)
R2 = สมั ประสิทธกิ์ ารตัดสนิ ใจ (Coefficient of Determination)

ในการศึกษาปริมาณน้าท่า ได้พิจารณาช่วงปีขอ้ มูลต้ังแต่ ปี 2532-2561 (30 ปี) และได้ท้าการ
ต่อขยายข้อมูลปริมาณน้าท่ารายเดือนของ สถานีคลองบางแก้วท่ีบ้านควนอินนอโม (X.109) สถานีคลองท่ามะเด่ือ
ที่บ้านคลองอ้ายโต (X.129) และสถานีคลองตะโหมด บ้านแม่ขรี (X.267) ให้ครอบคลุมและครบสมบูรณ์ในช่วงปี
ดังกล่าวด้วยการใช้แบบจ้าลอง HEC-4 Monthly Streamflow Simulation และได้แสดงค่าปริมาณน้าท่าเฉลี่ยราย
เดือนและรายปที ่ีท้าการต่อขยายขอ้ มลู ไว้ในตารางท่ี 3.4.7-3

ผลการค้านวณปรมิ าณน้าท่ารายเดือนเฉลี่ยช่วงปี 2532-2561 ส้าหรับพ้ืนท่ีรับน้าฝนของอา่ งเก็บน้า
เหมืองตะก่วั สรปุ ได้ดังนี้

ปรมิ าณน้าท่าเฉล่ยี รายเดือน, ลา้ น ลบ.ม. รายปีเฉลยี่

เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. (ลา้ น ลบ.ม.)

1.62 1.44 1.09 1.11 1.10 1.18 1.92 8.30 12.47 6.68 2.11 1.75 40.78

จากผลการศึกษาพบว่า ปริมาณน้าท่าเฉล่ียรายปีต่อหน่วยพื้นท่ีรับน้าฝนของอ่างเก็บน้าเหมือง
ตะก่ัว มีค่าเท่ากับ 63.79 ลิตร/วินาที/ตารางกิโลเมตร และแสดงการผันแปรรายปีของปริมาณน้าท่า การกระจาย
รายเดือนของปรมิ าณน้าท่าเฉลี่ยของอ่างเก็บน้าเหมืองตะกั่วได้ดังรูปท่ี 3.4.7-6 ถึงรปู ท่ี 3.4.7-7 รายละเอยี ดปริมาณ
นา้ ท่ารายเดอื นช่วงปี 2532-2561 แสดงไวใ้ นตารางที่ 3.4.7-3

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากัด 3-49 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั ตารางที่ 3.4.7-2 สถานีวัดนา้ ท่า ตาแหนง่ ท่ตี ัง้ และปรมิ าณน้าทา่ รายปเี ฉลย่ี ในพน้ื ที่ศึกษาและบรเิ วณใกล้เคียง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด
ลาดับท่ี ชื่อสถานี ลานา อาเภอ จงั หวัด พกิ ดั ตาแหนง่ ท่ตี ัง รหสั สถานี พืนที่รบั นา ช่วงสถติ ิ จานวนปี ปรมิ าณนาทา่ รายปี ปรมิ าณนาทา่ ต่อพนื ที่ โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว
Lat long ข้อมูลรายเดือน ท่ีข้อมูลครบ (ล้าน ลบ.ม.) (ลิตร/วนิ าท/ี ตร.กม.) อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง
1 คลองอู่ตะเภำ บำ้ นหำดใหญ่ใน คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ 7.00 100.46 X.44 1,719.95 2510-2558 815.14
รตั ภูมิ สงขลำ 7.13 100.28 2510-2558 41 188.02 15.03
2 คลองรตั ภูมิ บ้ำนนำสที อง คลองรตั ภมู ิ เมือง พทั ลงุ 7.57 100.05 X.67 , X.67 A 248.75 2510-2559 46 141.76 23.97
หำดใหญ่ สงขลำ 6.98 100.34 2510-2559 49 99.36 14.87
3 คลองทำ่ แค บำ้ นท่ำแค คลองท่ำแค คลองหอยโขง่ สงขลำ 6.93 100.44 X.68 302.27 2514-2559 43 781.55 21.29
ตะโหมด พทั ลงุ 7.34 100.06 2522-2559 45 200.53 16.02
4 คลองตำ้่ บ้ำนควนลงั คลองอู่ตะเภำ สะเดำ สงขลำ 6.66 100.44 X.71 , X.71 B 148 2522-2551 36 118.52 48.56
สะเดำ สงขลำ 6.70 100.44 2522-2559 30 212.46 14.68
5 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนบำงศำลำ คลองอตู่ ะเภำ สะเดำ สงขลำ 6.63 100.40 X.90 1,546.82 2522-2559 27 60.22 13.67
บำงแกว้ พทั ลงุ 7.39 100.11 2526-2547 38 321.36 16.12
6 คลองบำงแกว้ บ้ำนบำงแกว้ คลองทำ่ มะเดอื่ ศรีนครินทร์ พทั ลงุ 7.56 99.99 X.109 130.96 2532-2559 22 390.12 30.69
สะเดำ สงขลำ 6.78 100.43 2533-2559 28 496.28 48
7 คลองสะเดำ บำ้ นไพร คลองล้ำ หำดใหญ่ สงขลำ 7.00 100.48 X.111 256 2533-2559 25 132.72 14.79
ป่ำบอน พทั ลงุ 7.03 100.10 2550-2559 14 26.53 36.31
3-50 8 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนปรกิ คลองอ่ตู ะเภำ ตะโหมด พทั ลงุ 7.33 100.08 X.112 493 2550-2559 9 185 22.14
สรบี รรพต พทั ลงุ 7.70 99.83 2552-2559 10 88.74 19.89
9 คลองเหลำ้ ปงั บำ้ นทุ่งปรำบ คลองอู่ตะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ 6.94 100.23 X.113 118.45 2523-2557 8 26.42 59.24
ศรนี ครนิ ทร์ พทั ลงุ 7.50 99.91 2526-2557 34 77.14 59.85
10 คลองทำ่ มะเดอื่ บ้ำนคลองอำ้ ยโต ทะเลหลวง กงหรำ พทั ลงุ 7.39 99.94 X.129 332 2528-2557 31 62.89 97.84
เมือง พทั ลงุ 7.63 100.14 2542-2557 29 123.26 110.17
11 คลองลำ้ บำ้ นคลองลำ้ คลองท่ำแค บำงแกว้ พทั ลงุ 7.36 100.11 X.170 257.7 2527-2559 15 365.75 12.86
33 37.63
12 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนม่วงกอ็ ง คลองอู่ตะเภำ X.173 , X.173 A 1,063.90

13 คลองหวะ บำ้ นคลองหวะ คลองอ่ตู ะเภำ X.174 115.91

14 คลองป่ำบอน บำ้ นโหละ๊ หำร คลองรัตภูมิ X.266 38

15 คลองตะโหมด บ้ำนแม่ขรี คลองทำ่ มะเดอ่ื X.267 295

16 คลองทำ่ แนะ (บน) บ้ำนเขำปู่ คลองทำ่ แนะ X.266 47.5 บทที่ 3
การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
17 คลองวำด นำ้ ตกโตนงำชำ้ ง คลองตำ้่ 230102 14

18 คลองล้ำสนิ ธ์ิ บ้ำนโตน คลองทำ่ แค 230301 25

รายงานความก้าวหน้า 19 คลองนำบอน บ้ำนทุ่งโพธ์ิ คลองใหญ่ 230301 18.1
(Progress Report)
20 คลองนำ้ เช่ยี ว บำ้ นหัวควน คลองทำ่ แค 230301 304

21 คลองท่ำเชยี ด ฝำยท่ำเชยี ด คลองทำ่ เชยี ด ฝำยท่ำเชยี ด 308.19

ท่มี า : กรมชลประทำน และกรมทรพั ยำกรน้ำ
หน่วยงานทร่ี บั ผิดชอบ : กรมชลประทำน

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พทั ลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

ท่มี า : กล่มุ บรษิ ัทท่ปี รึกษา, 2562

รปู ท่ี 3.4.7-4 ตาแหนง่ ทีต่ ้งั ของสถานวี ดั นา้ ท่า ในพื้นท่ีศกึ ษาและบริเวณใกลเ้ คยี ง

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-51 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดา้ ริ จังหวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบือ้ งตน้

1,000 X.90 X.44
X.173A
100 X.276
ป ิรมาณน้า ่ทารายปีเฉลี่ย (ล้าน ลบ.ม./ ีป) X.170 ฝายทา่ เชียด
230301
230302 X.129
X.112
X.109 X.67A X.267

X.174 X.111 X.68
230303

X.71

X.113

X.266

230102 Qm = 5.9972 A0.6279
R² = 0.7825
10 100 1,000
10 10,000
พน้ื ทร่ี ับน้าฝน (ตร.กม.)
ท่มี า : กลุ่มบรษิ ทั ท่ปี รกึ ษา, 2562

รูปที่ 3.4.7-5 กราฟความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณน้าท่ารายปเี ฉล่ียและพนื้ ท่ีรบั นา้
ของสถานีวดั นา้ ท่า ในพ้นื ที่โครงการและบริเวณใกล้เคยี ง

140.00 123.12
120.00

100.00

ป ิรมาณ ้นา ่ทาราย ีป, ้ลาน ลบ.ม. 80.00 77.57

64.59 70.41

60.00 55.95 56.22 66.42

40.00 42.96 43.10 36.00 46.09
44.04 40.88 34.73
28.39
34.80 31.71 27.05 23.2626.98 23.84 28.76
20.00 17.7626.88 29.87 26.54 21.65 25.23 23.08
25.46

0.00
2532 2535 2538 2541 2544 2547 2550 2553 2556 2559 2562

รปู ที่ 3.4.7-6 การผันแปรรายปีของปรมิ าณน้าท่าที่ไหลเขา้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะก่วั

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กดั 3-52 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้าเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

14.00
12.47

12.00

ป ิรมาณ ้นา ่ทารายเ ืดอนเฉ ่ีลย, ้ลาน ลบ.ม. 10.00
8.30

8.00 6.68

6.00

4.00 2.11 1.75
2.00 1.62 1.44 1.09 1.11 1.10 1.18 1.92

0.00
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.

รูปที่ 3.4.7-7 การกระจายรายเดอื นของปรมิ าณน้าท่าเฉลี่ยทไี่ หลเขา้ อา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะกว่ั

(3) ปรมิ าณนา้ นองสูงสดุ
ท้าการรวบรวมข้อมูลปริมาณน้านองสูงสุดรายปี ของสถานีวัดน้าในพ้ืนที่ศึกษาและบริเวณ

ใกล้เคียง จากหน่วยงานต่างๆ ซ่ึงจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า มีสถานีวัดปริมาณน้านองสูงสุด 14 สถานี ท่ีมีข้อมูล
เพียงพอที่สามารถน้ามาใช้ในการศึกษาได้ รายละเอียดชื่อสถานี รหัสสถานี และต้าแหน่งท่ีต้ัง แสดงใน
ตารางท่ี 3.4.7-4 แล้วท้าการวิเคราะห์ความสมั พันธ์ระหวา่ งปริมาณน้านองสูงสุดรายปีเฉล่ียและพื้นที่รับน้าฝน โดยการ
วิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression Analysis) ดังแสดงในรูปท่ี 3.4.7-8 จะได้สมการถดถอย
(Regression Equation) ในรปู แบบเลขยกกา้ ลัง ดงั นี้

QF = 9.2176 A 0.489 ; R2 = 0.7099

เมอ่ื QF = ปริมาณนา้ นองสงู สุดรายปเี ฉลย่ี (ลบ.ม./วินาที)

A = พืน้ ที่รับนา้ ฝน (ตร.กม.)

R2 = สัมประสทิ ธิก์ ารตัดสนิ ใจ (Coefficient of Determination)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-53 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้

ตารางที่ 3.4.7-3 ปรมิ าณน้าท่ารายเดือนและรายปชี ่วงปี พ.ศ.2532-2561 ทไ่ี หลเข้าอา่ งเกบ็ นา้ เหมอื งตะกัว่

ปี ปริมำณนำ้ ท่ำรำยเดือน, ลำ้ น ลบ.ม. รำยปี

พ.ศ. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. (ลำ้ น ลบ.ม.)

2532 1.36 1.01 0.81 1.39 1.15 1.06 1.41 5.10 1.98 1.09 0.76 0.65 17.76
2533 0.83 1.45 0.95 0.78 0.77 0.77 1.80 5.39 7.81 2.44 1.24 1.24 25.46
2534 0.97 0.84 0.95 2.28 1.46 1.79 1.65 3.95 8.31 3.90 1.37 0.91 28.39
2535 0.35 0.32 0.36 0.42 0.69 0.47 0.89 7.46 9.04 4.41 1.44 1.04 26.88
2536 1.06 1.04 1.11 0.84 0.69 0.76 2.07 12.27 17.09 2.93 1.50 2.67 44.04
2537 3.63 2.86 1.61 1.68 1.58 1.59 3.86 24.00 7.44 3.65 2.05 1.99 55.95
2538 0.93 0.76 0.69 0.72 0.90 1.45 1.31 13.09 4.90 2.02 2.24 0.85 29.87
2539 1.50 2.37 1.52 1.49 1.45 1.44 2.19 4.90 12.64 2.19 1.62 1.48 34.80
2540 1.43 0.90 0.64 0.88 3.15 1.85 4.29 7.69 17.88 2.50 1.13 0.75 43.10
2541 0.30 0.24 0.26 0.20 0.58 0.73 1.65 3.39 10.98 10.97 11.29 2.39 42.96
2542 2.28 1.00 0.67 0.58 0.69 0.71 1.30 2.27 11.00 4.00 1.82 5.40 31.71
2543 3.86 3.32 1.90 1.47 1.89 1.31 1.54 18.14 7.29 17.62 3.22 3.01 64.59
2544 1.58 1.29 1.03 0.86 0.68 0.70 1.97 5.14 9.58 2.55 1.05 0.63 27.05
2545 1.07 1.46 0.89 0.90 1.47 1.53 2.32 7.28 11.05 4.80 1.66 1.56 36.00
2546 0.41 0.33 0.41 0.72 0.61 0.49 1.78 5.52 8.67 2.37 1.49 0.47 23.26
2547 0.95 1.57 1.05 1.11 0.89 0.97 2.52 8.26 6.11 1.80 0.91 0.84 26.98
2548 0.49 0.61 0.59 0.50 0.45 0.61 1.67 7.81 31.29 4.14 4.66 3.40 56.22
2549 2.91 2.47 1.94 1.95 1.40 1.31 2.00 3.06 3.06 4.05 1.25 1.13 26.54
2550 1.27 1.28 1.22 1.22 1.02 1.04 1.87 3.04 5.29 2.50 1.67 2.41 23.84
2551 2.21 1.78 1.43 1.25 1.02 1.13 1.48 7.84 22.85 2.56 0.97 1.58 46.09
2552 1.50 1.24 1.12 1.27 1.25 1.19 1.45 4.66 4.33 1.88 0.92 0.84 21.65
2553 1.10 0.93 0.83 1.36 1.53 1.48 2.59 26.39 17.84 10.64 1.70 4.00 70.41
2554 4.43 3.22 1.37 1.24 0.69 2.19 1.99 7.89 38.15 9.30 3.48 3.60 77.57
2555 2.91 2.13 2.79 1.89 1.34 1.73 1.90 4.49 9.16 6.27 3.63 2.65 40.88
2556 0.93 1.31 0.96 0.69 0.68 0.51 1.24 6.67 7.86 2.58 1.12 0.68 25.23
2557 0.95 1.08 1.06 1.16 1.20 0.90 1.70 5.87 14.07 4.11 1.30 1.35 34.73
2558 0.96 0.95 0.56 0.67 0.78 1.78 3.05 5.80 3.52 3.20 1.21 0.61 23.08
2559 0.31 0.54 0.71 0.69 0.44 0.27 0.37 2.41 40.61 71.83 3.29 1.65 123.12
2560 4.59 3.27 1.45 0.94 1.51 2.55 2.11 24.57 16.25 4.75 2.56 1.85 66.42
2561 1.39 1.58 1.92 2.11 1.01 1.09 1.74 4.59 8.20 3.36 0.88 0.88 28.76
เฉลยี่ 1.62 1.44 1.09 1.11 1.10 1.18 1.92 8.30 12.47 6.68 2.11 1.75 40.78

สงู สดุ 4.59 3.32 2.79 2.28 3.15 2.55 4.29 26.39 40.61 71.83 11.29 5.40 123.12

ต่ำ้ สดุ 0.30 0.24 0.26 0.20 0.44 0.27 0.37 2.27 1.98 1.09 0.76 0.47 17.76

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-54 รายงานความกา้ วหน้า
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จา้ กัด (Progress Report)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั ตารางท่ี 3.4.7-4 สถานีวดั นา้ ตาแหน่งทต่ี ง้ั และปรมิ าณนา้ นองสงู สดุ รายปีเฉลย่ี ในพ้ืนทีศ่ กึ ษาและบรเิ วณใกล้เคียง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จา้ กัด
ลาดบั ช่อื สถานี ลานา อาเภอ จังหวดั หน่วยงาน รหัส พืนที่รับนา ชว่ งสถิติ ปริมาณนานองสูงสุดรายปี (ลบ.ม./วนิ าที) Yield (ลบ.ม./ โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้าเหมอื งตะกั่ว
ที่ ที่รับผดิ ชอบ สถานี (ตร.กม.) ขอ้ มลู รายเดอื น เฉล่ีย สูงสุด ตา่ สุด วนิ าที/ตร.กม.) อนั เนือ่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวดั พัทลุง

1 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนหำดใหญ่ใน คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ RID X.44 1,720.0 2510-2558 325.72 894.00 79.00 0.19

2 คลองรัตภมู ิ บ้ำนนำสที อง คลองรัตภมู ิ รัตภมู ิ สงขลำ RID X.67, X.67A 248.8 2510-2558 100.09 254.50 22.13 0.40

3 คลองต้่ำ บ้ำนควนลงั คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ RID X.71, X.71B 148.0 2510-2559 118.54 552.00 8.00 0.80

4 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนบำงศำลำ คลองอตู่ ะเภำ คลองหอยโขง่ สงขลำ RID X.90 1,546.8 2514-2559 395.19 2,390.75 69.64 0.26

5 คลองบำงแกว้ บ้ำนบำงแกว้ คลองท่ำมะเด่ือ ตะโหมด พทั ลงุ RID X.109 131.0 2522-2559 183.85 747.00 55.50 1.40

6 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนปริก คลองอตู่ ะเภำ สะเดำ สงขลำ RID X.112 493.0 2522-2559 117.99 309.00 11.00 0.24

7 คลองหลำ้ ปัง บ้ำนทุ่งปรำบ คลองอตู่ ะเภำ สะเดำ สงขลำ RID X.113 118.5 2522-2559 83.36 302.40 16.32 0.70

3-55 8 คลองท่ำมะเด่ือ บ้ำนคลองอำ้ ยโต ทะเลหลวง บำงแกว้ พัทลงุ RID X.129 332.0 2526-2547 179.88 263.90 78.98 0.54

9 คลองอตู่ ะเภำ บ้ำนม่วงกอ็ ง คลองอตู่ ะเภำ สะเดำ สงขลำ RID X.173, X.173A 1,063.9 2533-2559 244.50 1,056.00 37.02 0.23

10 คลองหวะ บ้ำนคลองหวะ คลองอตู่ ะเภำ หำดใหญ่ สงขลำ RID X.174 115.9 2533-2559 173.97 425.00 17.49 1.50

11 คลองตะโหมด บ้ำนแม่ขรี คลองท่ำมะเดื่อ ตะโหมด พทั ลงุ RID X.267 295.0 2550-2559 100.11 172.40 41.34 0.34

12 คลองท่ำแนะ (บน) บ้ำนเขำปู่ คลองท่ำแนะ ศรีบรรพต พัทลงุ RID X.276 47.5 2552-2559 121.69 276.50 30.93 2.56

13 คลองวำด น้ำตกโตนงำชำ้ ง คลองต่้ำ หำดใหญ่ สงขลำ DWR 230102 14.0 2523-2557 13.47 75.13 2.60 0.96

14 ห้วยล้ำสนิ ธ์ิ บ้ำนโตน คลองท่ำแค ศรีนครินทร์ พทั ลงุ DWR 230301 25.0 2526-2557 49.89 98.01 11.25 2.00

ที่มำ : กรมชลประทำน และกรมทรพั ยำกรน้ำ (RID หมำยถึง กรมชลประทำน DWR หมำยถึง กรมทรพั ยำกรน้ำ) บทที่ 3
การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
รายงานความก้าวหน้า
(Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเก็บนา้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้

1,000

ป ิรมาณ ้นานอง ูสง ุสดราย ีปเฉลี่ย (ลบ.ม./วินา ีท) X.90

X.44

X.174 X.109 X.129 X.173A

X.276 X.71B X.267 X.112
X.67A
100 X.113

230301

230102 100 1,000 QF = 9.2176 A 0.489
R² = 0.7099
10 พน้ื ท่รี ับน้าฝน (ตร.กม.)
10 10,000

ทม่ี า : กลมุ่ บรษิ ทั ที่ปรกึ ษา, 2562

รูปท่ี 3.4.7-8 กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณน้านองสงู สดุ รายปเี ฉล่ยี และพื้นท่ีรับน้า
ของสถานวี ัดน้าในพ้ืนท่ีโครงการและบรเิ วณใกล้เคยี ง

3.4.7.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไม่มี

3.4.7.3 แผนการดาเนินงานในขน้ั ถัดไป

1) การวิเคราะหป์ รมิ าณนา้ ทา่ มีดังนี้
- การวเิ คราะหป์ รมิ าณน้าไหลลงอา่ ง
- การวเิ คราะห์ปรมิ าณน้านองและระดับนา้ สงู สดุ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-56 รายงานความก้าวหน้า
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จ้ากัด (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ น้าเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชด้าริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้

3.4.8 คุณภาพน้าผวิ ดนิ (ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ นคุณภาพน้า : นางสาวนชั ษร สงั ขพันธ)์ุ

3.4.8.1 ความก้าวหน้าของการศึกษา
ท้าการวางแผนในการส้ารวจภาคสนาม เพ่ือศึกษาสภาพคุณภาพน้าการเก็บตัวอย่างน้าจะให้ครอบคลุมการ

เปล่ียนแปลงคุณภาพน้าตามกิจกรรมการก่อสร้างโครงการ ส้าหรับจุดเก็บตัวอย่างจะครอบคลุมท้ังบริเวณพน้ื ที่หัวงาน
บริเวณท่ีจะท้าการก่อสร้างฝาย และพ้ืนท่ีชลประทาน โดยเก็บตัวอย่างน้าในคลองเหมืองตะก่ัว คลองญวน คลองบังพรวน
และคลองใหญ่ จ้านวน 4 สถานี 2 ครั้ง เพ่ือเป็นตัวแทนของ 2 ฤดูกาล คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ได้แก่ บริเวณที่ต้ัง
โครงการหัวงาน พิกัด 618471E, 795884N 1 สถานี บริเวณที่ตั้งฝายทดน้าคลองท่ายูง พิกัด 619155E, 797957N
จ้านวน 1 สถานี บริเวณท่ีต้ังฝายทดน้าคลองบ้านใหม่ พิกัด 619878E, 805880N จ้านวน 1 สถานี บริเวณพ้ืนท่ี
ชลประทานท้ายน้า บรเิ วณบา้ นคลองใหญ่ พกิ ดั 619543E, 798848N จ้านวน 1 สถานีดงั แสดงในรูปท่ี 3.4.8-1

3.4.8.2 วิธกี ารเก็บและวิเคราะหต์ ัวอยา่ งนา้
การเก็บตัวอย่างน้าผิวดินจะด้าเนินการโดยใช้กระบอกเก็บตัวอย่างน้า (Water Sampler) ท้าการเก็บน้าที่

บริเวณจุดกงึ่ กลางล้าน้า และกงึ่ กลางความลึกของล้าน้า ตัวอย่างน้าท่ีได้จะน้ามาทา้ การวเิ คราะห์โดยใช้วิธี Standard
Method ซึง่ ก้าหนดโดย AWWA, APHA และ WPEF (1998) และวธิ ีท่ีส้านกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อมยอมรบั ส้าหรบั ดัชนีคณุ ภาพน้าผิวดินท่จี ะทา้ การวิเคราะห์ ดงั ตารางที่ 3.4.8-1

การวิเคราะห์ดัชนีคุณภาพน้าบางปัจจัย เช่น pH, อุณหภูมิ, DO, เสียงและความสั่นสะเทือน, พ้ืนท่ีชุ่มน้า,
พื้นที่ส้าคัญทางธรณีวิทยาและภูมิทัศน์ เป็นต้น จะท้าการตรวจวัดท่ีภาคสนามขณะเก็บรักษาตัวอย่าง เน่ืองจากเป็น
ดัชนีท่ีเปลี่ยนแปลงค่างา่ ย ส่วนดชั นคี ณุ ภาพน้าตัวอน่ื ๆ จะได้ท้าการเก็บรักษาตัวอย่างน้าและน้ามาท้าการวเิ คราะห์ใน
ห้องปฏบิ ัตกิ าร

3.4.8.3 ปญั หาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข

เน่ืองจากพ้ืนท่ีหัวงานและอ่างเก็บน้า มีพื้นท่ีอยู่ในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด ซ่ึงซ้อนทับอยู่ในเขตป่า
สงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัด ป่าเขาจันทร์ ดังน้ันจึงมีความจ้าเป็นในการขออนุญาตเพ่ือเข้าไปท้าการศึกษาหรือ
วิจัยทางวชิ าการในพ้ืนทีป่ ่าอนุรักษ์จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช รวมถึงขออนุญาตเข้าท้าประโยชน์ใน
การศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากกรมป่าไม้ ซึ่งขณะน้ีอย่รู ะหว่างด้าเนินการขออนุญาต
จงึ ยังไม่สามารถด้าเนินการสา้ รวจภาคสนามได้

3.4.8.4 แผนการดาเนินงานในขัน้ ถัดไป

เม่ือได้อนุญาตจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการขอเข้าศึกษาวิจัยในพื้นท่ปี ่าอนุรักษ์จะด้าเนินการเก็บตัวอย่าง
ข้อมูลภาคสนามให้ครอบคลุมพื้นที่โครงการทั้งในช่วงฤดูแล้วและฤดูฝน พรอ้ มท้ังด้าเนินการวิเคราะห์ข้อมูลท้ังข้อมูล
ทุติยภูมแิ ละขอ้ มลู ภาคสนามในล้าดับตอ่ ไป

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จา้ กัด 3-57 รายงานความกา้ วหน้า
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จ้ากดั (Progress Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้าเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดา้ ริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

รูปที่ 3.4.8-1 สถานีเก็บตวั อยา่ งคุณภาพนา้ ผวิ ดนิ และนเิ วศวทิ ยาทางน้าของโครงการ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จ้ากดั 3-58 รายงานความก้าวหน้า
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จา้ กัด (Progress Report)


Click to View FlipBook Version