The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongnarko, 2022-05-27 04:18:01

แผนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

แผนวิชาทักษะการเรียนรู้ ม.ปลาย

42

9.หากต้องการลงทะเบยี นของ E-mail ฟรีและ Hotmail ให้คลิกไปท่ใี ด
ก. Login
ข. Sing Up
ค. สง่ จะหมาย
ง. สมคั รสมาชิก

10. ช่องทางใด ท่สี ามารถเชอื่ มโยงไปแหลง่ ข้อมูลอื่นไดใ้ นเว็บไซต์
ก. Link
ข. Restore
ค. Connect
ง. Download

43

ใบความรู้ เรื่องการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้

ความหมาย ความสาคัญ ประเภทของแหล่งเรียนรู้
ความรหู้ รือข้อมลู สารสนเทศเกดิ ขน้ึ และพัฒนาอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลา และมกี ารเผยแพรถ่ ึงกัน

โดยใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศภายในไม่ก่ีวนิ าที ทาให้มนุษยต์ ้องเรยี นรกู้ บั ส่ิงท่ีเปล่ยี นแปลงใหม่ๆเพื่อให้สามารถ
รูเ้ ทา่ ทนั เหตุการณ์ และนามาใช้ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อการดารงชวี ติ ได้อย่างมคี วามสุขความรู้หรือขอ้ มูล
สารสนเทศตา่ ง ๆ ดังกลา่ วมอี ยู่ในแหลง่ เรยี นรู้ลอ้ มรอบตวั เรา ดงั น้ันการเรยี นร้ทู ่ีเกิดขึ้นภายในห้องเรยี นย่อม
เป็นการไม่เพียงพอในความรู้ทีไ่ ด้รบั
ความหมายของแหลง่ เรยี นรู้

แหลง่ เรียนรู้ หมายถึง บริเวณ ศูนย์รวม บ่อเกดิ แหง่ หรอื ที่ ที่มสี าระเนื้อหาเปน็ ข้อมลู ความรู้
ความสาคญั ของแหลง่ เรียนรู้

แหล่งเรยี นรมู้ ีบทบาทสาคญั ในการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของประชาชน ดังนี้
1. เป็นแหลง่ ท่ีมีขอ้ มูล/ ความรู้ ตามวัตถปุ ระสงค์ของแหล่งเรียนรู้นนั้ เช่น สวนสตั วใ์ หค้ วามรู้

เรอื่ งสัตว์ พพิ ธิ ภัณฑใ์ ห้ความรู้เรอื่ งโบราณวัตถุสมยั ต่าง ๆ
2. เปน็ ส่ือการเรยี นรสู้ มัยใหม่ทีค่ วามรู้กอ่ ใหเ้ กดิ ทกั ษะ และชว่ ยการเรยี นรู้สะดวกรวดเร็วเช่น

อินเทอร์เน็ต
3. เป็นแหล่งชว่ ยเสริมการเรยี นร้ขู องการศึกษาประเภทตา่ ง ๆ ทั้งการศึกษาในระบบการศึกษา

นอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย
4. เป็นแหลง่ การเรยี นรู้ตลอดชีวติ ทีม่ นุษย์เข้าไปหาความรู้ไดด้ ้วยตนเองตามความสนใจและ

ความสามารถ
5. เป็นแหล่งที่มนษุ ย์สามารถเขา้ ไปปฏบิ ัตไิ ด้จริง เชน่ การประดิษฐเ์ คร่ืองใช้ตา่ ง ๆ การซอ่ ม

เครื่องยนต์ เปน็ ตน้ ช่วยกระตุ้นให้เกดิ ความสนใจ ความใฝรุ ู้
6. เป็นแหล่งท่ีมนษุ ยส์ ามารถเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาการใหม่ ๆ ยงั ไม่มีของจรงิ ให้เห็นหรือไม่

สามารถเขา้ ไปดจู ากของจริงได้โดยเรียนรู้ การดภู าพยนตร์ วีดที ัศน์ หรอื สื่ออ่ืน ๆ
7. เป็นแหล่งสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธ์อันดีระหว่างคนในท้องถ่ินให้เกดิ ความตระหนักและเห็นคณุ ค่า

ของแหลง่ เรียนรู้
8. เปน็ สิง่ ท่ชี ่วยเปล่ยี นแปลงทศั นคติ ค่านยิ มให้เกิดการยอมรบั ส่ิงใหม่ แนวคดิ ใหม่ เกิด

จินตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์กบั ผเู้ รยี น
9. เปน็ การประหยดั คา่ ใช้จ่ายและเพิ่มรายไดใ้ หแ้ หลง่ เรยี นรู้ของชมุ ชน

ความสาคญั และประโยชนข์ องแหล่งเรียนรู้

แหล่งเรียนรมู้ บี ทบาทสาคญั ในการช่วยพัฒนาคุณภาพของมนุษย์ ในยุคความรู้ของมนุษย์เกิดข้ึนใหม่ๆ

และเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ดงั น้ี

1. เป็นแหล่งท่ีมีสาระเนื้อหาท่ีเป็นข้อมูลความรู้ ให้มนุษย์เกิดโลกทัศน์ที่กว้างไกลกว่าเดิมช่วยให้เกิด

ความสนใจในเร่ืองสาคญั ช่วยยกระดบั ความทะเยอทะยานของผู้ศึกษา จากการนาเสนอสาระความรู้ หรือภาพ

ในอุดมคติ หรือเสนอผลสาเร็จและความก้าวหน้าของงาน หรือชิ้นงาน หรือเทคโนโลยี หรือบุคคลต่างๆของ

แหลง่ เรยี นรู้

44

2. เป็นส่ือการเรียนรู้ การเรียนรู้สมัยใหม่ท่ีให้ทั้งสาระ ความรู้ ก่อให้เกิดทักษะและช่วยให้เกิดการ

เรียนร้ไู ด้เรว็ ขึ้นมากยงิ่ ขนึ้

3. เป็นแหล่งช่วยเสริมการเรียนรู้ของการศึกษาประเภทต่าง ๆ ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอก

ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั

4. เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตท่ีมนุษย์สามารถท่ีจะมีปฏิสัมพันธ์ในการหาความรู้ต่าง ๆ ได้ด้วย

ตนเองตลอดเวลา โดยไม่จากัด เพศ วยั ระดับความรู้ความสามารถ

5. เปน็ แหลง่ ท่ีมนุษย์สามารถเข้าไปปฏิสัมพนั ธใ์ นการหาความรู้ จากแหล่งกาเนดิ หรือแหลง่ ตน้ ตอของ

ความรู้ เช่น จากโบราณสถาน โบราณวัตถุ พันธ์ไุ ม้ พันธุส์ ตั ว์ สภาพชีวติ ความเปน็ อยู่ตามธรรมชาตขิ องสตั วเ์ ปน็ ตน้

6. เป็นแหล่งท่ีมนุษย์สามารถเข้าไปปฏิสัมพันธ์ให้เกิดประสบการณ์ตรง หรือลงมือปฏิบัติได้จริง เช่น

การประดษิ ฐ์เคร่ืองใชต้ า่ ง ๆ การซอ่ มแซมเครื่องยนต์ เป็นตน้ ชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ กิดความสนใจความใฝุรู้

7. เปน็ แหล่งทม่ี นษุ ย์สามารถเขา้ ไปปฏสิ ัมพนั ธใ์ ห้เกดิ ความรู้ เก่ียวกับวิทยาการใหม่ๆที่ได้รับการคิดค้น

ขึน้ และยังไม่มขี องจริงใหเ้ ห็น เช่น การดภู าพยนตร์ วดี ทิ ัศน์ หรือส่ืออ่ืน ๆ ในเร่ืองการประดิษฐ์คิดค้นส่ิงต่าง ๆ

ขึน้ มาใหม่

8. เปน็ แหล่งสง่ เสริมความสัมพันธ์อันดี ระหว่างคนในท้องถ่ินกับผู้เข้าศึกษาในการทากิจกรรมร่วมกัน

ช่วยสรา้ งความร้สู ึกของการเปน็ ส่วนหน่ึงของการมีสว่ นร่วม เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าของแหลง่ เรียนรู้

9. เป็นสิ่งที่ช่วยเปล่ียนแปลงทัศนคติ คา่ นิยมให้เกิดการยอมรับสิ่งใหม่ แนวคิดใหม่ เกิดจิตนาการและ

ความคดิ สร้างสรรคก์ บั ผู้เรยี น

10. เปน็ การประหยัดเงินของผู้เรียนในการใชแ้ หล่งเรยี นรขู้ องชุมชนให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด

ประเภทของแหลง่ เรยี นรู้
แหล่งเรยี นรมู้ ีการแบ่งแยกตามลักษณะได้ 6 ประเภท ดงั นี้
1. แหล่งเรียนรปู้ ระเภทบคุ คล ได้แก่ บุคคลท่ีมคี วามรู้ ความสามารถดา้ นต่าง ๆท่สี ามารถ

ถา่ ยทอดความร้ดู ้วยรูปแบบวิธีต่าง ๆ ทต่ี นมอี ยู่ใหผ้ สู้ นใจหรอื ผู้ต้องการเรียนรู้ เชน่ ผเู้ ชย่ี วชาญในสาขาวชิ าการ
ตา่ ง ๆ ผอู้ าวโุ สที่มปี ระสบการณ์มามาก หรืออาจจะเปน็ บคุ คลท่ไี ดร้ บั แตง่ ตง้ั เป็นทางการ มบี ทบาทสถานะทาง
สงั คม หรอื อาจเปน็ บุคคลท่เี ป็นโดยการงานอาชีพหรอื บุคคลที่เปน็ โดยความสามารถเฉพาะตวั หรอื บคุ คลที่
ได้รับแต่งต้ังเปน็ ภูมปิ ัญญา

2. แหลง่ เรียนรู้ประเภทธรรมชาติ ไดแ้ ก่ สิ่งต่าง ๆ ที่เกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ และใหป้ ระโยชนต์ ่อ
มนุษย์ เช่น ดิน น้า อากาศ พืช สตั ว์ ต้นไม้ แรธ่ าตุ ทรัพยากรธรรมชาตเิ หล่านอี้ าจถูกจดั ใหเ้ ปน็ อทุ ยาน วน
อทุ ยาน เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ปาุ สวนพฤกษศาสตร์ ศนู ย์ศึกษาธรรมชาติ เป็นตน้

3. แหล่งเรยี นรปู้ ระเภทวัสดุและสถานที่ ไดแ้ ก่ อาคาร สง่ิ กอ่ สร้าง วัสดุ อุปกรณ์และสง่ิ ตา่ ง ๆ ท่ี
ประชาชนสามารถศึกษาหาความรูใ้ หไ้ ดม้ าซง่ึ คาตอบ หรือสิ่งที่ตอ้ งการจากการเห็นไดย้ ิน สัมผสั เช่น ห้องสมดุ
ศาสนสถาน ศูนยก์ ารเรียน พิพธิ ภัณฑ์ สถานประกอบการ ตลาดนิทรรศการ สถานทีท่ างประวตั ศิ าสตร์ ชมุ ชน
แหง่ การเรียนรตู้ า่ ง ๆ

4. แหล่งเรยี นร้ปู ระเภทสื่อ ไดแ้ ก่ ส่ิงที่ทาหน้าท่ีเป็นสอ่ื กลางในการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้
สารสนเทศ ให้ถึงกันโดยผ่านประสาทสัมผสั ได้แก่ หู ตา จมกู ลิ้น กาย และใจ แหล่งเรยี นร้ปู ระเภทนี้ ทาให้
กระบวนการเรียนรูเ้ ป็นไปได้อยา่ งรวดเรว็ มีประสทิ ธภิ าพสูง ท้งั ส่ืออเิ ล็กทรอนิกสส์ ่ือสิง่ พิมพ์ สื่อโสตทศั น

45

5. แหล่งเรยี นร้ปู ระเภทเทคนิค สง่ิ ประดิษฐ์คิดค้น ได้แก่ ส่ิงทีแ่ สดงถึงความก้าวหนา้ ทาง
นวัตกรรม เทคโนโลยีดา้ นตา่ ง ๆ ท่ีได้มีการประดิษฐ์คดิ ค้นหรอื พัฒนาปรับปรุงขนึ้ มาใหม้ นุษย์ไดเ้ รยี นรถู้ ึง
ความกา้ วหน้า เกดิ จนิ ตนาการ แรงบันดาลใจ

6. แหล่งเรียนรูป้ ระเภทกจิ กรรม ได้แก่ การปฏบิ ตั กิ ารด้านประเพณีวฒั นธรรม ตลอดจนการ
ปฏิบัตกิ ารความเคลื่อนไหวเพ่ือแก้ปัญหา และปรบั ปรงุ พัฒนาสภาพตา่ ง ๆ ในท้องถ่ิน การทมี่ นุษย์เข้าไปมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เชน่ การรณรงคป์ อู งกนั ยาเสพติด การสง่ เสรมิ การเลอื กตั้งตามระบบประชาธปิ ไตย การ
รณรงคค์ วามปลอดภยั ของเด็กและสตรีในทอ้ งถิ่นแหลง่ เรยี นร้ปู ระเภทหอ้ งสมดุ หอ้ งสมุดเป็นแหลง่ เรียนร้ทู ่ี
สาคัญประเภทหนง่ึ ทจ่ี ดั หา รวบรวมสรรพวิชาการตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขึ้นจากทว่ั โลกมาจัดระบบ และใหบ้ ริการแก่
กลมุ่ เปูาหมายศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวติ ปัจจบุ ันมคี าอืน่ ๆ ท่หี นว่ ยงานตา่ ง ๆ ใชใ้ นความหมายของ
คาว่า หอ้ งสมดุ เช่น ห้องสมุดและศนู ยส์ ารสนเทศ สานักบรรณาสารการพฒั นา สานกั บรรณสารสนเทศ
สานักหอสมุด สานกั วทิ ยบริการ เปน็ ตน้

ประเภทของแหลง่ เรียนรูใ้ นชุมชนและแหล่งเรยี นร้ใู กล้ตวั แหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชนมีการแบ่งแยกตามลกั ษณะได้
6 ประเภท ดังน้ี

1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถด้านต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอด
ความรู้ ด้วยรูปแบบวิธีต่างๆท่ีตนมีอยู่ ให้ผู้สนใจ หรือผู้ต้องการเรียนรู้ เช่น ผู้เช่ียวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ผู้
อาวุโสท่ีมีประสบการณ์มามาก หรืออาจเป็นบุคคลท่ีได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการ มีบทบาทสถานะทางสังคม
หรืออาจเป็นบุคคลท่ีเป็นโดยการงานอาชีพ หรือบุคคลท่ีเป็นโดยความสามารถเฉพาะตัวหรือบุคคลที่ได้รับการ
แต่งตั้งเปน็ ภมู ปิ ัญญา

2. แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติ ได้แก่ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและให้ประโยชน์ต่อมนุษย์
เช่น ดิน น้า อากาศ พืช สัตว์ ต้นไม้ แร่ธาตุ ทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ี อาจถูกจัดให้เป็นอุทยาน วนอุทยาน
เขตรกั ษาพนั ธุส์ ตั ว์ปุา สวนพฤกษศาสตร์ ศนู ยศ์ กึ ษาธรรมชาติ เป็นตน้

3. แหล่งเรียนรู้ประเภทวัสดุและสถานท่ี ได้แก่ อาคาร สิ่งก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ และส่ิงต่างๆที่
ประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้ให้ได้มาซ่ึงคาตอบ หรือส่ิงท่ีต้องการเห็น ได้ยิน สัมผัส เช่น ห้องสมุด ศาสน
สถาน ศูนย์การเรียน พิพิธภัณฑ์ สถานประกอบการ ตลาด นิทรรศการ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ชุมชนแห่ง
การเรียนรู้ตา่ งๆ

4. แหล่งเรยี นรู้ประเภทสื่อ ได้แก่ ส่ิงที่ทาหน้าท่ีเป็นส่ือกลางในการถ่ายทอดเน้ือหาความรู้สารสนเทศ
ให้ถึงกัน โดยผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ แหล่งเรียนรู้ประเภทน้ี ทาให้
ขบวนการเรียนรเู้ ปน็ ไปไดอ้ ย่างรวดเรว็ มปี ระสทิ ธิภาพสูง ท้งั สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ สอ่ื โสตทศั นวัสดุ

5. แหล่งเรียนรู้ประเภทเทคนิค ส่ิงประดิษฐ์คิดค้น ได้แก่ ส่ิงท่ีแสดงถึงความก้าวหน้าทางนวัตกรรม
เทคโนโลยีด้านต่างๆท่ีได้มีการประดิษฐ์คิดค้น หรือพัฒนาปรับปรุงขึ้นมา ให้มนุษย์ได้เรียนรู้ถึงความก้าวหน้า
เกดิ จินตนาการ แรงบันดาลใจ

6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม ได้แก่ การปฏิบัติการด้านประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนการ
ปฏิบัติการ ความเคลื่อนไหว เพื่อแก้ปัญหาและปรับปรุงพัฒนาสภาพต่างๆในท้องถ่ิน การที่มนุษย์เข้าไปมีส่วน
รว่ มในกจิ กรรมต่างๆ เชน่ การรณรงค์ปูองกนั ยาเสพตดิ การสง่ เสรมิ การเลอื กต้ังตามระบอบประชาธิปไตย

46

การรณรงค์ความปลอดภัยของเด็กและสตรีในท้องถิ่น ประเภทของแหล่งเรียนรู้แบ่งตามสาระลักษณะ
กายภาพและวตั ถุประสงค์ แบง่ ได้เปน็ 5 กลุ่มดังตอ่ ไปนี้

1. กลุ่มบริการข้อมูล ได้แก่ ห้องสมุด อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ ศูนย์การเรียนสถาน
ประกอบการ

2. กล่มุ งานศิลปวฒั นธรรม ได้แก่ พิพธิ ภัณฑ์ อุทยานประวตั ศิ าสตร์ อนุสรณส์ ถาน อนุสาวรยี ์ศนู ย์
วฒั นธรรม หอศลิ ป์ ศาสนสถาน เปน็ ต้น

3. กลุม่ ข้อมูลท้องถ่ิน ไดแ้ ก่ ภมู ิปัญญา ปราชญ์ชาวบ้าน สอื่ พนื้ บ้าน แหลง่ ทอ่ งเที่ยว
4. กล่มุ สอ่ื ไดแ้ ก่ วิทยุ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว โทรทัศน์ เคเบิลทีวี ส่ืออิเล็กทรอนิกส์อินเทอร์เน็ต
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) กลุ่มสันทนาการ ได้แก่ ศูนย์กีฬา สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ ศูนย์
สันทนาการ เป็นต้น

การศกึ ษาสารวจแหล่งเรยี นรู้ในชุมชน/ใกล้ตัว

1. ภูมิปัญญา
การจดั แบ่งประเภท สาขาของภูมปิ ญั ญาไทย จากการศึกษา พบวา่ ไดม้ ีการกาหนดสาขาของภมู ิ

ปญั ญาไทยไวอ้ ย่างหลากหลาย ขึน้ อยกู่ ับวัตถปุ ระสงคแ์ ละหลักเกณฑ์ต่างๆ ซ่ึงนักวชิ าการแต่ละท่านได้กาหนด
ไว้ในหนงั สอื สารานุกรมไทย โดยได้แบง่ ภมู ิปัญญาไทย ไดเ้ ป็น 10 สาขา ดงั นี้

1.1สาขาเกษตรกรรม หมายถึง ความสามารถในการผสมผสานองค์ความรู้ ทักษะและเทคนิคด้าน
การเกษตรกบั เทคโนโลยี บนพื้นฐานคณุ ค่าดังเดิม ซึ่งความสามารถพึ่งพาตนเองในภาวการณ์ต่างๆได้ เช่น การ
ทาการเกษตรแบบผสมผสาน วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ ไร่นาสวนผสม และสวนผสมผสาน การแก้ปัญหา
การเกษตรด้านการตลาด การแก้ปัญหาด้านการผลิต การแก้ไขปัญหาโรคและแมลงและการรู้จักปรับใช้
เทคโนโลยที เี่ หมาะสมกบั การเกษตร เปน็ ตน้

1.2สาขาอุตสาหกรรมและหัตถกรรม หมายถึง การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการแปร
รปู ผลิตผล เพ่ือชะลอการนาเข้าตลาด เพือ่ แก้ปัญหาด้านการบริโภคอย่างปลอดภัย ประหยัดและเป็นธรรม อัน
เป็นขบวนการท่ีทาให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถพ่ึงพาตนเองทางเศรษฐกิจได้ ตลอดท้ังการผลิตและการจาหน่าย
ผลิตผลทางหัตถกรรม เชน่ การรวมกลุ่มของกลุ่มโรงงานยางพารา กลุ่มโรงสกี ล่มุ หัตถกรรม เป็นต้น

1.3สาขาการแพทย์แผนไทย หมายถึง ความสามารถในการจัดการปูองกันและรักษาสุขภาพของคน
ในชมุ ชน โดยเน้นให้ชุมชน สามารถพ่ึงพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้ เช่น การนวดแผนโบราณ การ
ดูแลและรักษาสุขภาพแบบพื้นฐาน การดูแลและรักษาสขุ ภาพแผนโบราณไทย เป็นตน้

1.4 สาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม หมายถึง ความสามารถเก่ียวกับการ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ทั้งการอนุรักษ์ การพัฒนา และการใช้ประโยชน์จากคุณค่าของ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน เช่น การทาแนวปะการังเทียม การอนุรักษ์ปุาชาย
เลน การจดั การปาุ ตน้ นา้ และปาุ ชุมชน เปน็ ต้น

47

1.5 สาขากองทุนและธุรกิจชุมชน หมายถึง ความสามารถในการบริหารจัดการด้านการสะสมและ
บริการกองทุน และธุรกิจในชุมชนทั้งที่เป็นเงินตราและโภคทรัพย์ เพ่ือส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกใน
ชุมชน เชน่ การจดั การเร่ืองกองทนุ ของชุมชนในรูปของสหกรณ์ออมทรัพยแ์ ละธนาคารหม่บู า้ น เป็นต้น

1.6 สาขาสวัสดิการ หมายถึง ความสามารถในการจัดสวัสดิการในการประกันคุณภาพชีวิตของคนให้
เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น การจัดต้ังกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลของชุมชน
การจัดระบบสวัสดกิ ารบริการในชุมชน การจดั ระบบสิง่ แวดลอ้ มในชุมชน

1.7 สาขาศิลปกรรม หมายถึง ความสามารถในการผลิตผลงานทางด้านศิลปะสาขาต่างๆเช่น
จิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ทัศนศลิ ป์ คตี ศลิ ป์ ศิลปะมวยไทย เป็นต้น

1.8 สาขาการจัดการองค์กร หมายถึง ความสามารถในการบริหารจัดการ ดาเนินงานขององค์กร
ต่างๆ ให้สามารถพัฒนาและบริหารองค์กรของตนเองได้ตามบทบาทและหน้าท่ีขององค์กร เช่นการจัดการ
องคก์ รของกลุ่มแมบ่ ้าน กลมุ่ ออมทรพั ย์ กลุ่มประมงพ้นื บา้ น เป็นตน้

1.9 สาขาภาษาและวรรณกรรม หมายถึง ความสามารถด้านภาษา ท้ังภาษาถิ่น ภาษาโบราณ
ภาษาไทย และการใช้ภาษาตลอดทั้งด้านวรรณกรรมทุกประเภท เช่น การจัดทาสารานุกรม ภาษาถิ่นการ
ปรวิ รรตหนังสือโบราณ การฟ้ืนฟูการเรยี นการสอนภาษาถ่ินของท้องถ่ินต่างๆเปน็ ต้น

1.10 สาขาศาสนาและประเพณี หมายถึง ความสามารถประยุกต์และปรับใช้หลักธรรมคาสอนทาง
ศาสนา ความเชอ่ื และประเพณดี ้ังเดมิ ท่มี คี ุณคา่ ใหเ้ หมาะสมต่อการประพฤติปฏบิ ัติ

วธิ ีการศึกษาเรียนรูจ้ ากภูมิปญั ญา
1. เรียนรู้จากการเลา่ เรื่องราว การเทศน์
2. เรยี นรจู้ ากการปฏบิ ัตจิ ริง
3. เรียนรจู้ ากการทาตาม เลียนแบบ
4. เรียนรู้จากการทดลอง ลองผิด ลองถกู
5. เรยี นรูจ้ ากการศกึ ษาด้วยตนเอง
6. เรียนรู้จากการต่อวิชา
7. เรยี นรู้จากการสอนแบบกลมุ่

วิธกี ารถ่ายทอดความรูข้ องภูมิปัญญา อาจมลี ักษณะแตกต่างกันตามเอกลักษณเ์ ฉพาะ
ตัวการศึกษาเรียนรู้จากครูภูมิปัญญา จะช่วยทาให้ภูมิปัญญาความรู้หรือคุณค่าของท้องถิ่นได้รับการ

สืบทอดและพัฒนาต่อไป ส่วนผู้ท่ีศึกษาเล่าเรียนก็จะเห็นคุณค่าของส่ิงที่ดีงามในท้องถ่ินของตน ด้วยความรัก
ความภาคภมู ใิ จในท้องถิ่นของตน ภมู ปิ ัญญาไทยจึงถือเป็นแหลง่ ขอ้ มูลการเรยี นรู้ท่ีสาคญั ของท้องถน่ิ

2. ศูนยก์ ารเรียนชุมชน
ศูนย์การเรียนชุมชน สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นแหล่งการ

เรียนรู้สาคัญแห่งหนึ่ง ที่สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้ดาเนินการจัดต้ัง
ข้ึนในพ้ืนที่ระดับตาบลท่ัวประเทศ และเป็นแหล่งเรียนรู้ใกล้ตัวนักศึกษา เพื่อให้เป็นแหล่งส่งเสริมการเรียนรู้

48

ตลอดชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของชุมชน มุ่งสร้างโอกาสและ
ให้บริการการเรียนรู้อย่างหลากหลาย วิธีสนองความต้องการและเสนอทางเลือกในการพัฒนาตนเอง นาไปสู่
การพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยยึดหลักการชุมชนเป็นฐานของการพัฒนาศูนย์การเรียนชุมชน อาจแบ่งได้เป็น 2
ลักษณะ ไดแ้ ก่

1. ศูนย์การเรียนชุมชน ได้แก่ สถานที่ถ่ายทอดความรู้ ทาหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรม
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในชุมชน เพ่ือสร้างโอกาสในการเรียนรู้ การถ่ายทอดและเป็น
เวทีแลกเปลย่ี นประสบการณ์ วิทยาการ ตลอดจนภูมปิ ัญญาของชมุ ชน

2. ศูนย์การเรียนชุมชนประจาตาบล ได้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนประจาตาบลที่ได้รับคัดเลือกให้ทา
หน้าท่เี ป็นศูนยก์ ลางประสานงานกับศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชนและหน่วยงาน หรือองค์กร หรือกลุ่มต่างๆในชุมชน ใน
การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในตาบลอีกหน้าท่ีหนึ่งนอกเหนือจากบทบาทหน้าที่ของ
ศูนย์การเรียนชุมชน

วัตถปุ ระสงคข์ องศูนย์การเรียนชุมชน
1. เพ่ือเป็นศูนย์กลางการเรยี นรู้และจัดกิจกรรมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม

อธั ยาศยั เพ่ือให้ประชาชนไดร้ ับการส่งเสรมิ ให้เรยี นรู้อย่างต่อเนอื่ งตลอดชวี ิต
2. เพื่อสรา้ งเสรมิ กระบวนการเรยี นรู้ในชมุ ชน
3. เพ่ือสรา้ งโอกาสการเรยี นรู้สาหรับประชาชนในชุมชน
4. เพื่อให้ชมุ ชนมีส่วนรว่ มในการบริหารจัดการ และจดั การศึกษาใหก้ ับชมุ ชนเอง

3. หอ้ งสมุดประชาชน
ห้องสมุดประชาชน หมายถึง สถานท่ีจัดหา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ เพ่ือการอ่านการศึกษา

ค้นคว้าทุกชนิด มีการจัดระบบหมวดหมู่ตามหลักสากลเพื่อการบริการ และจัดบริการอย่างกว้างขวางแก่
ประชาชนในชมุ ชน สงั คม ในประเทศและตา่ งประเทศ โดยไม่จากดั เพศ วัย ความรู้เชื้อชาติ ศาสนา รวมท้ังการ
จดั กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่าน การศกึ ษาคน้ คว้าโดยไมค่ ิดมูลค่า โดยรัฐเปน็ ผสู้ นบั สนนุ ทางการเงนิ และมีบุคลากร
ท่ีมีความรู้ทางบรรณารักษ์ศาสตร์เปน็ ผดู้ าเนนิ การ

4. พพิ ิธภณั ฑ์ ศาสนสถานและอทุ ยานแห่งชาติ
พพิ ธิ ภัณฑ์ เป็นแหล่งเรยี นรทู้ ่ีรวบรวม รักษา ค้นควา้ วิจัย และจัดแสดงวัตถุสิ่งของที่สัมพันธ์กับมนุษย์

และส่ิงแวดล้อม เป็นบริการการศึกษาที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินแก่ประชาชนทั่วไป เน้นการจัด
กิจกรรมการศึกษาท่ีเอื้อให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระเป็นสาคัญศาสนสถาน วัด โบสถ์
มัสยิด เป็นศาสนสถานที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมในด้านต่างๆ เป็นศูนย์กลางและส่วนประกอบท่ีสาคัญใน
การทากิจกรรมท่ีหลากหลายของชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีค่ามากในทุกด้าน เช่น การให้การอบรมตามคาส่ัง
สอนของศาสนา การให้การศึกษาด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมต่างๆ นับว่าเป็นการให้
การศกึ ษาทางอ้อมแกป่ ระชาชน วัด โบสถ์และมัสยดิ ทีเ่ ป็นแหลง่ การเรยี นรู้ท่ีสาคัญ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมัง

49

คลาราม ถือเป็นมหาวทิ ยาลยั แห่งแรกของไทย ท่ีเป็นแหล่งเรียนรู้สาคัญด้วยการนวดแผนโบราณเพื่อรักษาโรค

ตารายาสมนุ ไพร วัดพระศรีรัตนศาสดารามเปน็ แหล่งเรยี นรู้ ดา้ นจติ รกรรมฝาผนงั เรือ่ งรามเกยี รต์ิ

5. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ

คอมพิวเตอร์ (Computer) หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งท่ีสามารถรับโปรแกรมและ

ขอ้ มูล ประมวลผล สื่อสารเคล่อื นย้ายข้อมลู และแสดงผลลพั ธไ์ ด้

เทคโนโลยี (technology)หมายถึง การนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์หรือความรู้ด้านอ่ืน ๆมา

ประยกุ ตใ์ ช้งานด้านใดด้านหนึง่ เพ่อื ใหง้ านนั้นมีความสามารถและมปี ระสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

สารสนเทศ (Information)หมายถึง ข้อมูลท่ีผ่านกระบวนการเก็บรวบรวม และเรียบเรียงท่ีเป็น

ประโยชน์ต่อผ้ใู ช้

หอ้ งสมุดโดยท่ัวไปแบ่งออกเปน็ 5 ประเภท ดงั นี้
1. หอสมดุ แหง่ ชาตินบั เปน็ ห้องสมุดท่ีใหญ่ทส่ี ุดในประเทศดาเนนิ การโดยรฐั บาล ทาหน้าท่หี ลกั คือ

รวบรวมหนงั สอื สิง่ พิมพ์ และส่ือความรู้ ทกุ อยา่ งทผี่ ลดิ ข้ึนในประเทศ และทุกอย่างทีเ่ กี่ยวกบั ประเทศ ไมว่ ่าจะ
จดั พิมพใ์ นประเทศใดภาษาใด ทั้งนีเ้ ปน็ การอนรุ กั ษ์สื่อความรู้ ซึ่งเปน็ ทรพั ยส์ ินทางปัญญาของชาตมิ ิให้สูญไป
และให้มีไวใ้ ชใ้ นอนาคต นอกจากรวบรวมสง่ิ พิมพใ์ นประเทศแลว้ กม็ ีหน้าทีร่ วบรวมหนงั สือทมี่ ีคุณคา่ ซ่ึงพิมพ์
ในประเทศอ่นื ไว้เพ่ือการค้นควา้ อา้ งอิง ตลอดจนทาหน้าท่เี ป็นศูนย์รวบรวมบรรณานุกรมตา่ ง ๆ และจัดทา
บรรณานุกรมแห่งชาติออกเผยแพร่ใหท้ ราบทว่ั กันว่ามีหนังสอื อะไรบา้ งทผ่ี ลติ ขน้ึ ในประเทศ หอสมดุ แหง่ ชาติจงึ
เป็นแหลง่ ใหบ้ ริการทางความรู้แก่คนทั้งประเทศ ชว่ ยเหลอื การค้นคว้า วิจัย ตอบคาถาม และใหค้ าแนะนา
ปรกึ ษาเกยี่ วกบั หนังสือ

2. ห้องสมุดประชาชน หอ้ งสมุดประชาชนดาเนนิ การโดยรัฐ อาจจะเปน็ รัฐบาลกลาง รัฐบาล
ทอ้ งถิน่ หรอื เทศบาล แลว้ แต่ระบบการปกครอง ตามความหมายเดมิ ห้องสมดุ ประชาชนเปน็ ห้องสมดุ ที่
ประชาชนต้องการให้มีในชุมชนหรอื เมอื งทีเ่ ขาอาศยั อยู่ ประชาชนจะสนับสนนุ โดยยนิ ยอมใหร้ ฐั บาลจ่ายเงิน
รายไดจ้ ากภาษีตา่ ง ๆ ในการจัดต้งั และดาเนินการห้องสมุดประเภทนีใ้ หเ้ ปน็ บริการของรัฐ จงึ มไิ ด้เรียก
คา่ ตอบแทน เช่น ค่าบารงุ ห้องสมดุ หรือคา่ เชา่ หนงั สือทง้ั นี้เพราะถือวา่ ประชาชนได้บารุงแล้ว โดยการเสยี ภาษี
รายได้ใหแ้ กป่ ระเทศ หน้าท่ีของห้องสมุดประชาชนก็คือ ให้บริการหนงั สือและสื่ออ่ืน ๆ เพอ่ื การศึกษาตลอดชีวติ
บริการข่าวและเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ท่ีประชาชนควรทราบสง่ เสริมนสิ ยั รักการอ่านและการรู้จักใช้เวลาว่างให้เปน็
ประโยชน์ ให้ขา่ วสาร ข้อมูลท่ีจาเปน็ ต้องใชใ้ นการปฏิบตั งิ านและการพัฒนาด้านต่าง ๆ

3. หอ้ งสมุดของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย เปน็ ห้องสมุดท่ีตัง้ อยู่ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
ทาหนา้ ท่ีสง่ เสรมิ การเรยี นการสอนตามหลักสตู รโดยการจัดรวบรวมหนงั สอื และสอ่ื ความรู้อน่ื ๆ ในหมวดวชิ า
ตา่ ง ๆ ตามหลักสตู ร ชว่ ยเหลอื ในการค้นคว้าวจิ ยั ของอาจารยแ์ ละผเู้ รยี น สง่ เสริมพฒั นาการทางวชิ าการของ
อาจารยแ์ ละผู้เรยี น และชว่ ยจัดทาบรรณานุกรมและดรรชนสี าหรบั ค้นหาเรอ่ื งราวท่ตี ้องการ แนะนาผู้เรียนใน
การใช้หนังสอื อา้ งองิ บัตรรายการและคู่มือสาหรบั การคน้ เรื่อง

4. ห้องสมุดโรงเรยี น เป็นหอ้ งสมุดท่ีตั้งอยใู่ นโรงเรยี นมธั ยมและโรงเรยี นประถมศกึ ษา มหี น้าท่ี
สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนตามหลักสูตร โดยการรวบรวมหนงั สือและสื่อความรู้อืน่ ๆ ตามรายวิชา แนะนา สอน
การใช้หอ้ งสมุดแกน่ ักเรยี น จัดกิจกรรมส่งเสริมนสิ ัยรักการอ่าน แนะนาให้รจู้ กั หนังสือท่ีควรอ่าน ให้รจู้ กั วิธี
ศกึ ษาค้นควา้ หาความรดู้ ว้ ยตนเอง ใหร้ ้จู ักรักและถนอมหนังสอื และเคารพสทิ ธิของผู้อ่นื ในการใชห้ อ้ งสมุดและ

50

ยมื หนงั สอื ซ่ึงเป็นสมบตั ขิ องทุกคนร่วมกนั ร่วมมือกับครอู าจารยใ์ นการจดั ช่วั โมงใช้ห้องสมดุ จดั หนังสอื และส่ือ
การสอนอ่ืน ๆ ตามรายวชิ าให้แกค่ รูอาจารย์

5. ห้องสมุดเฉพาะ เปน็ ห้องสมดุ ซึ่งรวบรวมหนังสือในสาขาวชิ าบางสาขาโดยเฉพาะ มกั เป็นส่วน
หน่งึ ของหน่วยราชการ องค์การ บริษัทเอกชน หรอื ธนาคาร ทาหน้าท่ีจัดหาหนังสือและใหบ้ รกิ ารความรู้ข้อมูล
และข่าวสารเฉพาะเร่ืองทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการดาเนินงานของหน่วยงานนนั้ ๆ ห้องสมุดเฉพาะจะเนน้ การรวบรวม
รายงานการค้นควา้ วิจัย วารสารทางวชิ าการ และเอกสารเฉพาะเรื่องทีผ่ ลิตเพ่ือการใชใ้ นกลมุ่ นกั วชิ าการบริการ
ของห้องสมุดเฉพาะจดั พิมพ์ข่าวสารเกี่ยวกบั สิ่งพมิ พเ์ ฉพาะเรือ่ งส่งให้ถึงผูใ้ ช้จดั สง่ เอกสารและเรอ่ื งย่อของ
เอกสารเฉพาะเรอื่ งให้ถงึ ผูใ้ ชต้ ามความสนใจเปน็ รายบุคคล

หอ้ งสมดุ ประชาชน ในทน่ี จ้ี ะกลา่ วถึงหอ้ งสมุดประชาชนเป็นหลกั เน่อื งจากเป็นห้องสมุดที่ใหบ้ รกิ าร
ในทกุ อาเภอและใน กทม.บางเขต หรอื ให้บริการประชาชนทั่วไป และอยู่ในชมุ ชนใกลต้ วั ผเู้ รยี นมากทส่ี ดุ
ห้องสมดุ ประชาชน หมายถงึ สถานท่จี ดั หา รวบรวมทรพั ยากรสารสนเทศ เพ่ือการอ่านและการศึกษาค้นคว้า
ทกุ ชนิด ทุกประเภท มีการจดั ระบบหมวดหมตู่ ามหลักสากล เพ่อื การบริการและจดั บรกิ ารอยา่ งกว้างขวางแก่
ประชาชนในชุมชน สังคม โดยไม่จากัดเพศ วยั ความรู้ เชื้อชาตศิ าสนา รวมทง้ั การจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น
โดยมบี รรณารกั ษศาสตร์เป็นผู้อานวยความสะดวกห้องสมุดประชาชนดาเนนิ การโดยหน่วยงานตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
สานกั งาน กศน. (ห้องสมุดประชาชนท่ัวประเทศ) กรุงเทพมหานคร (หอ้ งสมุดประชาชนในเขต กทม.) เทศบาล
(ห้องสมุดประชาชนเทศบาล) เปน็ ต้น

ประเภทของห้องสมุดประชาชน (สงั กัดสานักงาน กศน.)
ห้องสมุดประชาชน แบ่งตามขนาดได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

1. ห้องสมุดประชาชนขนาดใหญ่ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนจงั หวัด สว่ นใหญ่ตง้ั อยู่ในเขตอาเภอ
เมอื ง และหอสมุดรัชมังคลาภิเษกพระราชวังไกลกังวล หวั หนิ ซึ่งมลี กั ษณะอาคารสว่ นใหญเ่ ป็น 2 ชั้น ชน้ั บน
จดั บรกิ ารหนังสือ เอกสาร และสอ่ื เกยี่ วกบั การศกึ ษาตามหลกั สตู รระดับต่าง ๆโดยจดั เป็นหอ้ งการศึกษานอก
โรงเรยี นและหอ้ งโสตทัศนศึกษา หอ้ งหรือมุมหนงั สือมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง
และห้องหรือมุมศูนยข์ ้อมลู ชุมชนทอ้ งถ่นิ เปน็ ต้นสว่ นช้นั ลา่ งจดั เป็นช้นั หนังสือและบริการหนังสอื เอกสาร ส่ือ
ความรู้ทางงวิชาการ สารคดโี ดยทั่วไปและจัดบริการหนังสือสาหรบั เดก็ สือ่ สาหรบั เด็ก เยาวชน มุมจัดกิจกรรม
สาหรับเด็ก

2. หอ้ งสมุดประชาชนขนาดกลาง ได้แก่ หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ลักษณะอาคาร
เปน็ 2 ชัน้ มรี ูปแบบอาคารเหมอื นกันเกือบทุกแห่ง ชน้ั บนจดั เป็นหอ้ งศูนย์ข้อมลู ท้องถิน่ บรกิ ารเกีย่ วกับขอ้ มลู
ชุมชน ห้องการศึกษานอกโรงเรยี น บรกิ ารสื่อความรหู้ ลกั สูตรการศึกษานอกโรงเรยี นทุกหลักสตู ร ทุกประเภท
ตลอดจนห้องโสตทัศนศึกษาและหอ้ งการศึกษาดาวเทียมไทยคม และห้องสาคัญทีส่ ดุ หอ้ งหนงึ่ คือห้องเฉลิมพระ
เกียรติฯ จดั บรกิ ารข้อมูลเกยี่ วกับพระราชประวตั ิ พระราชกรณยี กจิ โครงการในพระราชดารหิ นงั สือพระราช
นพิ นธ์ของสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารแี ละพระราชวงศ์ท่เี กย่ี วขอ้ ง เป็นต้น ชัน้ ล่าง
จดั บรกิ ารมมุ เด็กซ่ึงประกอบด้วยสอ่ื ความรู้สาหรบั เด็กเครื่องเล่นพฒั นาความพร้อม ส่ือความรู้ทกุ ประเภท รวม
ทงั้ เปน็ ทจ่ี ัดกจิ กรรมสาหรับเด็ก และจดั ส่ือเอกสารหนงั สือวิชาการ สารคดี ความรทู้ วั่ ไปสาหรบั ผใู้ หญ่
ประชาชนทั่วไปหอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารี” เปน็ ห้องสมุดท่ีได้พระราชทานพระราชานุญาตจาก
สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทที่ รงมีพระชนมายุครบ 36 พรรษาและพระองค์
ทรงเสด็จเปดิ หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” ทุกแห่งด้วยพระองค์เอง

51

3. ห้องสมดุ ประชาชนขนาดเล็ก ไดแ้ ก่ ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอท่วั ไป จัดบริการหนงั สอื
และสอ่ื ความรู้ประเภทต่าง ๆ จัดมมุ เดก็ และครอบครวั มุมวารสารหนังสือพมิ พ์ มุมการศึกษานอกโรงเรยี นและ
หนงั สือวิชาการ สารคดีทวั่ ไป รวมทัง้ หนังสืออา้ งอิง เป็นตน้

ทกั ษะการเขา้ ถงึ สารเทศของหอ้ งสมุดประชาชน ปจั จุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ชว่ ยลด
ขัน้ ตอนการหาข้อมูลของห้องสมุดประชาชนผเู้ รยี นสามารถคน้ หาไดจ้ ากอนิ เทอร์เนต็ ว่ามีห้องสมดุ ประชาชนที่
ใดบา้ ง สถานท่ีต้ัง เวลาเปิด-ปิดหมายเลขโทรศัพท์ กิจกรรมท่ีให้บริการ ช่วยให้ผใู้ ช้สะดวกและสามารถเข้าถงึ
ห้องสมุดไดง้ า่ ยห้องสมดุ ทุกประเภททุกชนดิ จะมีการจัดระบบหมวดหมขู่ องสารสนเทศ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์
สาคญั เพ่ือให้ประชาชนเข้าถงึ สิ่งท่ตี อ้ งการสนใจได้ง่าย สะดวกรวดเรว็ และสะดวกในการบริหาร
จัดการห้องสมุดเพื่อการบริการกลมุ่ เปาู หมายในระยะยาวระบบหมวดหมทู่ ่ีห้องสมุดนามาใชจ้ ะเป็นระบบสากล
ที่ท่ัวโลกใช้ และเหมาะกบั กลุ่มเปาู หมายเข้าถงึ ไดง้ ่าย ระบบท่นี ยิ มใช้ในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ มี 2 ระบบ
ไดแ้ ก่ ระบบ ทศนิยมของดวิ อ้ี ซ่ึงใช้ตัวเลขอารบิกเปน็ สญั ลกั ษณ์ แทนหมวดหมสู่ ารสนเทศ นยิ มใช้ในห้องสมดุ
ประชาชนกับอีกระบบหนึ่ง ได้แกร่ ะบบรัฐสภาอเมรกิ ัน ใช้อักษรโรมัน (A-Z) เป็นสญั ลกั ษณ์ นยิ มใชใ้ นห้องสมดุ
มหาวทิ ยาลัยระบบทศนยิ มของดวิ อ้ี แบง่ ความรู้ในโลกออกเปน็ หมวดหมู่จากหมวดใหญ่ไปหาหมวดยอ่ ย จาก
หมวดย่อยแบง่ เป็นหมู่ย่อย และหม่ยู ่อยๆ โดยใช้เลขอารบิก0-9 เปน็ สัญลกั ษณ์ ดงั น้ี

000 สารวิทยาความรู้เบด็ เตล็ดท่ัวไป
100 ปรชั ญาและวิชาทเี่ ก่ยี วข้อง
200 ศาสนา
300 สังคมศาสตร์
400 ภาษาศาสตร์
500 วิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตรบ์ ริสุทธ)์ิ
600 เทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตรป์ ระยกุ ต์)
700 ศิลปกรรมและการบนั เทิง
800 วรรณคดี
900 ภมู ศิ าสตร์และประวตั ิศาสตร์
ระบบรัฐสภาอเมรกิ า (Library of Congress Classification)หอ้ งสมดุ มหาวิทยาลัยในประเทศไทยสว่ นใหญใ่ ช้
ระบบหอสมดุ รฐั สภาอเมรกิ ัน ซง่ึ ปรบั ปรงุ และพฒั นาโดย เฮอรเ์ บริ ์ด พัทนัม (HerbirtPutnum) เมอ่ื ปี พ.ศ.
2445
ระบบหอสมดุ รัฐสภาอเมริกนั แบ่งหมวดหม่วู ชิ าออกเปน็ 20 หมวด ใช้อกั ษรโรมนั ตวั ใหญ่A-Z ยกเวน้ ตัวอกั ษร
I, O, W, X, Y เพือ่ สาหรับการขยายหมวดหมูว่ ิชาการใหม่ ๆ ในอนาคตตารางการแบ่งหมวดหมู่หนงั สอื ระบบ
หอสมดุ อเมริกัน แบ่งหมวดหมู่วิชาการเป็น 20
หมวดใหญ่ ดงั นี้
1. หมวด A :ความรูท้ ั่วไป
2. หมวด B :ปรัชญา ศาสนา
3. หมวด C :ประวตั ศิ าสตร์
4. หมวด D :ประวตั ศิ าสตรส์ ากล
5. หมวด E-F :ประวัติศาสตรอ์ เมรกิ า
6. หมวด G :ภมู ศิ าสตร์ มานุษยวทิ ยา คตชิ นวิทยา
7. หมวด H :สังคมศาสตร์

52

8. หมวด J :รัฐศาสตร์
9. หมวด K :กฎหมาย
10. หมวด L :การศกึ ษา
11. หมวด M :ดนตรี
12. หมวด N :ศลิ ปกรรม
13. หมวด P :ภาษาและวรรณคดี
14. หมวด Q :วทิ ยาศาสตร์
15. หมวด R :แพทยศาสตร์
16. หมวด S :เกษตรศาสตร์
17. หมวด T :เทคโนโลยี
18. หมวด U :วิชาการทหาร
19. หมวด V :นาวกิ ศาสตร์
20. หมวด Z :บรรณารักษศาสตร์

สาหรับห้องสมดุ ประชาชนซึ่งผู้ใชบ้ ริการเป็นประชาชนทวั่ ไป การจดั หมวดหมูห่ นังสอื นอกจากระบบดังกล่าวแล้ว ยังมีชอ่ื หมวด
หนงั สอื และส่อื เพ่อื เพ่ิมความสะดวกในการคน้ หา เชน่ นวนยิ าย เรื่องสน้ั สาร
คดี ประวัตศิ าสตร์ วทิ ยาศาสตร์ กฬี า นนั ทนาการ เป็นตน้

การเขา้ ถงึ สารสนเทศห้องสมุดประชาชน
หอ้ งสมดุ ประชาชนมหี ลากหลายสังกัด เช่น สังกดั สานักงาน กศน. สงั กัดกรุงเทพมหานครสังกัด

เทศบาล การจดั ระบบการสบื ค้นหอ้ งสมุดประชาชนได้อานวยความสะดวกในการสบื ค้นสารสนเทศ ดังนี้
1. การใชโ้ ปรแกรมเพ่ือการสืบค้น ในยุคปัจจบุ ัน สานกั งาน กศน. ได้พัฒนาโปรแกรมเพ่ือบริหาร

จดั การงานหอ้ งสมุดให้ครบวงจร เช่น ขอ้ มูลหนงั สอื สือ่ ข้อมูล สมาชกิ ข้อมูลอ่ืน ๆ ดงั น้ันหากผใู้ ชบ้ รกิ าร
ต้องการร้วู ่ามีหนงั สือหรือสอ่ื ที่ต้องการในห้องสมดุ แห่งนน้ั หรอื ไม่ กส็ ามารถค้นหาได้ดว้ ยโปรแกรมดงั กลา่ ว ซึง่
ห้องสมดุ จะมคี อมพิวเตอร์ให้สบื คน้ ได้ด้วยตนเอง โดยพมิ พ์คาทีเ่ กี่ยวข้องกับหนงั สอื เชน่ ประวัติศาสตร์ สตั ว์
เลีย้ งลูกดว้ ยนม การศึกษา โลกร้อน ฯลฯ สว่ น
รายละเอยี ดวิธกี ารใช้โปรแกรม สามารถศึกษาไดจ้ ากห้องสมดุ ประชาชนแห่งนัน้

2. การสืบคน้ ข้อมูลสารสนเทศด้วยบตั รรายการห้องสมุดประชาชนบางแหง่ อาจยงั จดั บรกิ ารสืบค้น
ดว้ ยบตั รรายการ ซง่ึ มลี กั ษณะเป็นบตั รแขง็ เก็บไว้ในล้นิ ชักในต้บู ัตรรายการ

การใช้แหล่งเรียนรู้ผ่านเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็
มารจู้ กั อินเทอร์เน็ตกนั เถอะ
1. อินเทอร์เน็ต (Internet) คืออะไร

1ถ้าจะถามวา่ อินเทอร์เนต็ (Internet) คอื อะไร ก็คงจะตอบได้ไมช่ ดั เจน คงตอบได้กว้างๆ ว่า คอื
1) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) ขนาดใหญ่ซง่ึ เกิดจากนาเอาคอมพวิ เตอร์

และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์จากทวั่ โลกมาเชอื่ มตอ่ กันเปน็ เครือข่ายเดียวกนั โดยใช้ขอ้ ตกลงในการสอื่ สารระหว่าง
คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายหรือใชภ้ าษาสอื่ สารหลัก (Protocol) เดียวกัน คอื TCP/IP (Transmission Control
Protocol/Internet Protocol)

2) เป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญใ่ ชเ้ ป็นเครื่องมือในการค้นหาข้อมลู ท่ตี ้องการได้เกอื บทกุ ประเภท เป็น
เครื่องมอื ส่ือสารของคนทุกชาตทิ กุ ภาษาท่วั โลก และ 3) เป็นเส่ือ (Media) เผยแพรข่ ้อมูลไดห้ ลายประเภท เชน่
สอื่ ส่งิ พิมพ์, สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อโทรศพั ท์ เป็นตน้

53

2. อินเทอรเ์ นต็ สาคัญอย่างไร
เทคโนโลยีสนเทศ (Information Technology) หลายประเทศท่ัวโลกกาลงั ให้ความสาคญั
เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเรียกโดยยอ่ ว่า “ไอที (IT) ซ่งึ หมายถึงความรู้ในวิธกี ารประมวลผล จดั เกบ็ รวบรวม
เรยี กใช้ และนาเสนอข้อมูลด้วยวิธกี ารทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เครื่องมือที่จาเป็นต้องใช้สาหรับงานไอที คือ
คอมพวิ เตอร์ อุปกรณส์ ่ือสาร โทรคมนาคม โครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการส่อื สาร ไมว่ ่าจะเป็นสายโทรศพั ท์
ดาวเทยี ม หรือเคเบ้ิลใยแกว้ นาแสง อินเทอรเ์ น็ตเปน็ เคร่อื งมอื สาคัญอย่างหน่ึงในการประยกุ ตใ์ ช้ไอที หากเรา
จาเปน็ ต้องอาศัยขอ้ มูลขา่ วสารในการทางานประจาวนั อนิ เทอร์เน็ตจะเปน็ ชอ่ งทางที่ทาให้เราเข้าถึงข้อมูล
ขา่ วสารหรอื เหตกุ ารณค์ วามเป็นไปตา่ งๆ ทัว่ โลกทีเ่ กิดขึ้นไดใ้ นเวลา
อนั รวดเร็ว ในปัจจุบันสามารถสบื ค้นข้อมลู ไดง้ า่ ยๆ กวา่ สื่ออนื่ ๆ อินเทอรเ์ นต็ เป็นแหลง่ รวบรวมขอ้ มลู แหล่ง
ใหญท่ ส่ี ดุ ของโลก และเปน็ ทร่ี วมท้งั บริการเคร่ืองมือสืบค้นข้อมูลหลายประเภท จนกระท่ังกล่าวไดว้ ่า
อินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครื่องมือสาคัญอย่างหนึง่ ในการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศท้ังในระดบั บคุ คลและองค์กร
3. ความหมายของอนิ เทอร์เนต็
อินเทอร์เนต็ (อังกฤษ : Internet) หมายถงึ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ทม่ี ีการเชื่อมต่อ
ระหวา่ งเครือขา่ ยหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใชภ้ าษาท่ใี ช้สื่อการกันระหว่างคอมพิวเตอรท์ ี่เรียกว่า โพรโทร
คอล (Protocol) ผู้ใช้เครือขา่ ยนส้ี ามารถส่อื สารถึงกนั ไดใ้ นหลายๆ ทาง อาทิเชน่ อีเมล(์ E-mail), เว็บบอรด์
(Web bord), แชทรูม (Chat room) การสืบคน้ ข้อมูลและข่าวสารตา่ งๆ รวมทัง้ คัดลอกแฟูมข้อมูลและ
โปรแกรมมาใช้ได้
อนิ เทอรเ์ นต็ ในลักษณะเป็นแหลง่ เรียนรสู้ าคัญในโลกปจั จบุ นั
ถา้ จะพดู ถึงวา่ อินเทอร์เน็ตมีความจาเป็นและเป็นแหลง่ เรยี นรู้ที่สาคญั ท่สี ุดคงจะไม่ผิดนักเพราะเรา
สามารถใช้ช่องทางนีท้ าอะไรได้มากมายโดยที่เราก็คาดไม่ถงึ ถ้าอย่างนัน้ ลองมาดูววิ ่าอนิ เทอรเ์ น็ตมีความสาคัญ
อยา่ งไรกับเราในโลกปจั จบุ นั
1. เหตผุ ลสาคัญทท่ี าให้แหล่งเรียนรูผ้ ่านเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ไดร้ ับความนยิ มแพร่หลาย คอื
1. การสอ่ื สารบนอนิ เทอร์เน็ตเป็นแหลง่ เรยี นรู้ที่ไม่จากดั ระบบปฏบิ ัตกิ ารของเครื่องคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ทตี่ ่างระบบปฏิบัตกิ ารกส็ ามารถติดต่อสอ่ื สารกันได้
2. แหล่งเรียนรู้ผา่ นเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตไม่มขี ้อจากดั ในเร่ืองของระยะทาง ไมว่ ่าจะอยภู่ ายใน
อาคารเดียวกันหา่ งกันคนละมุมโลก ขอ้ มูลกส็ ามารถส่งผา่ นถงึ กันได้ดว้ ยเวลารวดเรว็
3. อนิ เทอรเ์ นต็ ไม่จากดั รูปแบบของข้อมลู ซ่ึงมีได้ท้ังมูลมลู ท่ีเป็นขอ้ ความอยา่ งเดยี ว หรอื อาจมี
ภาพประกอบ รวมไปถงึ ขอ้ มลู ชนิดมัลติมีเดยี คอื มที ัง้ ภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบด้วยได้
2. หน้าทีแ่ ละความสาคญั ของแหลง่ เรียนรอู้ ินเทอร์เนต็ การสอ่ื สารในยุคปัจจบุ นั ทก่ี ลา่ วขานกนั ว่า
เปน็ ยคุ ไร้พรมแดนนั้น การเข้าถึงกลุ่มเปูาหมายจานวนมากๆ ได้ในเวลาอนั รวดเรว็ และใช้ตน้ ทนุ ในการลงทุน
ตา่ เป็นสงิ่ ที่พงึ ปรารถนาของทุกหน่วยงานและอนิ เทอร์เน็ตเป็นสอ่ื ท่ีสามารถตอบสนองต่อความต้องการ
ดังกล่าวได้ จึงเปน็ ความจาเป็นท่ีทุกคนตอ้ งใหค้ วามสนใจและปรบั ตวั ให้เข้ากับเทคโนโลยใี หมน่ ้ี เพื่อจะไดใ้ ช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกลา่ วอย่างเตม็ ที่
อินเทอรเ์ น็ตถือเปน็ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สากลทเ่ี ช่ือมต่อเขา้ ดว้ ยกัน ภายใต้มาตรฐานการส่อื สาร
เดยี วกัน เพอ่ื ใชเ้ ป็นเคร่ืองมือสอ่ื สารและสืบคน้ สารสนเทศจากเครือข่ายตา่ งๆ ท่วั โลก ดังน้ัน อินเทอร์เน็ตจึง
เป็นแหล่งรวมสารสนเทศจากทุกมุมโลก ทุกสาขาวชิ า ทุกด้าน ทัง้ บันเทงิ และวิชาการตลอดจนการประกอบ
ธรุ กจิ ตา่ งๆ

54

3. ความสาคัญของแหล่งเรยี นร้อู ินเทอรเ์ น็ตกับงานดา้ นตา่ งๆ
ด้านการศึกษา

1. สามารถใชเ้ ปน็ แหล่งคน้ ควา้ หาข้อมลู ไมว่ ่าจะเปน็ ข้อมูลทางวชิ าการ ข้อมูลดา้ นการเมืองดา้ น
การแพทย์ และอน่ื ๆ ท่ีนา่ สนใจ

2. ระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตจะทาหนา้ ท่เี สมือนเป็นหอ้ งสมุดขนาดใหญ่
3. ผู้ใชส้ ามารถใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ตดิ ต่อกับแหลง่ เรียนรอู้ ืน่ ๆ เพื่อค้นหาข้อมลู ท่กี าลงั ศึกษาอยู่ไดท้ ง้ั ที่
ขอ้ มลู ท่ีเปน็ ข้อความ เสยี ง ภาพเคลอ่ื นไหวตา่ งๆ เปน็ ต้น
ดา้ นธรุ กิจและการพาณิชย์
1. ในการดาเนินงานทางธุรกิจ สามารถคน้ หาข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธรุ กจิ
2. สามารถซื้อขายสินคา้ ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต็
3. บรษิ ทั หรือองค์กรต่าางๆ กส็ ามารถเปิดให้บรกิ ารและสนบั สนนุ ลกู ค้าของตนผ่านระบบเครือขา่ ย
อินเทอร์เน็ตได้ เชน่ การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แกล่ ูกค้า แจกจ่ายตวั โปรแกรมทดลองใช้
(Shareware) หรอื โปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เปน็ ตน้

ด้านการบันเทงิ
1. การพกั ผอ่ นหย่อนใจ สนั ทนาการ เชน่ การคน้ หาวารสารต่างๆ ผ่านระบเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ที่

เรียกว่า Magazine Online รวมทัง้ หนงั สอื พิมพแ์ ละขา่ วสารอืน่ ๆ โดยมภี าพประกอบท่ีจอคอมพิวเตอร์
เหมอื นกบั วารสารตามร้านหนังสือท่วั ๆ ไป

2. สามารถฟงั วิทยุผา่ นระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ ได้
3. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอยา่ งทัง้ ภาพยนตรใ์ หม่และเกา่ มาดไู ดจ้ ากเหตผุ ล
ดงั กลา่ ว พอจะสรปุ ได้ว่ อินเทอรเ์ นต็ มคี วามสาคญั ในรปู แบบ ดงั นี้

3.1 การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศที่ทันสมยั
3.2 การติดต่อสือ่ สารที่สะดวกและรวดเรว็
3.3 แหล่งรวบรวมขอ้ มูลแหลง่ ใหญท่ ่สี ดุ ของโลก โดยสรปุ อินเทอร์เน็ตไดน้ ามาใชเ้ คร่ืองมือท่ี
จาเปน็ สาหรับงานไอที ทาให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลท่ีรวดเร็ว ชว่ ยในการตัดสนิ ใจและบรหิ ารงานท้ัง
ระดับบคุ คลและองค์กร
3. ความสาคัญของแหล่งเรยี นร้ผู า่ นเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต
ความสาคญั ของขอ้ มลู แหล่งเรียนร้ผู า่ นเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ สิง่ ท่ีตระหนักกันอยเู่ สมอ
1. การจดั เก็บขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต ไดง้ ่ายและสือ่ สารไดร้ วดเรว็ การ
จัดเกบ็ ข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรู้ผา่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ ซึ่งอย่ใู นรปู แบบของสัญญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ ผู้เรียน
สามารถจัดเกบ็ ไวใ้ นแผ่นบันทึกขอ้ มลู สามารถบนั ทึกได้มากกว่า 1 ล้านตวั อักษรสาหรบั การส่อื สารขอ้ มูลจาก
แหล่งเรียนรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ นน้ั ข้อมูลสามารถสง่ ผา่ นสญั ญาณอิเล็กทรอนิกส์ ไดด้ ว้ ยอัตรา 120
ตัวอักษรต่อวนิ าที และสามารถสง่ ขอ้ มลู 200 หนา้ ไดใ้ นเวลาเพยี ง40 นาที โดยทผี่ ู้เรยี นไม่ต้องเสยี เวลาน่งั
ปอู นข้อมลู เหลา่ น้ันชา้ ใหม่อกี
2. ความถกู ตอ้ งของข้อมลู จากแหล่งเรยี นรผู้ า่ นเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต โดยปกติมกี ารส่งข้อมูล
ดว้ ยสญั ญาณอิเล็กทรอนิกสจ์ ากจุดหนึ่งไปยังจดุ หนึ่งดว้ ยระบบดจิ ิตอล วิธกี ารรบั สง่ ข้อมูลจะมีการตรวจสอบ

55

สภาพของข้อมูล หากข้อมูลผิดพลาดก็มกี ารรบั ร้แู ละพยายามหาวธิ ีแกไ้ ขให้ข้อมูลที่ไดร้ ับมคี วามถูกต้อง โดย
อาจให้ทาการส่งใหม่ กรณีทผี่ ิดพลาดไม่มาก ผรู้ ับอาจใช้โปรแกรมของตนแก้ไขข้อมูลให้ถูกตอ้ งไดด้ ว้ ยตนเอง

3. ความรวดเรว็ ของการทางานจากแหล่งเรียนรูผ้ า่ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยปกติสญั ญาณ
ทางไฟฟูาจะเดินทางด้วยความเรว็ เท่าแสง ทาให้การสง่ ผา่ นขอ้ มูลจากแหล่งเรียนรผู้ ่านเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็
จากซกี โลกหนง่ึ สามารถทาได้รวดเรว็ ถึงแม้ว่าขอ้ มลู จากฐานขอ้ มูลของแหล่งเรียนรนู้ นั้ จะมีขนาดใหญ่ กต็ าม
ความรวดเร็วของระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต็ จะทาให้ผเู้ รยี นสะดวกสบายอยา่ งยิ่งเชน่ การทาบตั รประจาตัว
ประชาชน ผรู้ บั บรกิ ารสามารถทาท่ใี ดก็ได้ เพราะระบบฐานขอ้ มูลจะเชื่อมตอ่ ถึงกันได้ทุกทท่ี วั่ ประเทศ ทาให้
เกิดความสะดวกกับประชาชนผ้รู บั บริการ

4. แหลง่ เรียนร้ผู า่ นเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ มีต้นทุนประหยดั การเชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ ข้าหากัน
เป็นเครือข่ายเพ่ือรับและสง่ หรอื สาเนาข้อมลู จากแหล่งเรียนรผู้ ่านเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต ทาใหร้ าคาตน้ ทุนของ
การใช้ขอ้ มลู ประหยดั มาก เม่ือเปรยี บเทยี บกับการจดั ส่งแบบอน่ื ซึ่งผู้เรยี นสามารถรับและส่ง ข้อมลู จากแหลง่
เรียนรใู้ ห้ระหวา่ งกันผ่านทางสญั ญาณอิเล็กทรอนิกสไ์ ดส้ ะดวก รวดเร็วและถูกต้อง

5. ช่ือและเลขทีอ่ ยไู่ อพีของแหล่งเรียนรู้ผ่านเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองท่ตี ่ออยู่
บนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตจะมีเลขท่อี ยู่ไอพี (IP address) และแต่ละเครือ่ งท่ัวโลกจะต้องมเี ลขท่ีอยูไ่ อพีไมซ่ ้ากัน
เลขที่อยู่ไอพนี ี้จะได้รับการกาหนดเป็นกฎเกณฑ์ให้แตล่ ะองคก์ รนาไปปฏบิ ัตเิ พ่ือใหร้ ะบบปฏิบตั กิ ารเรยี กชื่อง่าย
และการบรหิ ารจดั การเครือข่ายทาไดด้ ี จงึ กาหนดชือ่ แทนเลขที่อยู่ไอพี เรยี กวา่ โดเมน โดยจะมีการตง้ั ช่ือ
สาหรบั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์แต่ละเครอื่ งท่ีอยู่บนเครือขา่ ย เช่น nfe.go.th ซ่งึ ใชแ้ ทนเลขที่อยไู่ อพี
203.172.142.0 การกาหนดให้มกี ารใช้
ระบบชื่อโดเมนมีการกาหนดรูปแบบเปน็ ลาดบั ชนั้ คอื
หมายเลข 1 หมายถงึ เปน็ มาตรฐานการส่อื สารในอนิ เทอร์เน็ต
หมายเลข 2 หมายถงึ เครือข่ายเวิลดไ์ วดเ์ ว็บ
หมายเลข 3 หมายถึง ชอ่ื ของหน่วยงานหรอื เวบ็ ไซต์
หมายเลข 4 หมายถึง ประเภทของหน่วยงาน
หมายเลข 5 หมายถงึ ชือ่ ย่อของประเทศของเวบ็ ไซต์ที่จดโดเมน คือประเทศไทย

ตารางโดเมนทป่ี ระเทศไทยใช้

ช่ือโดเมนหมายเลข 5 ความหมาย

ac (academic) สถาบันการศึกษา

co (company) บริษทั หา้ งรา้ น

go (government) หน่วยงานของรัฐบาล

or (organization) องค์กรท่ีไมแ่ สวงหากาไร

56

in (individual) สว่ นบคุ คล
mi (military) หน่วยงานทางทหาร
net (network) ผใู้ ห้รกิ ารเครือข่าย
com (commercial) หนว่ ยงานเอกชน ธรุ กจิ

บริการจากอินเทอรเ์ นต็
1. การสืบค้นขอ้ มูลความรูจ้ ากเว็บไซต์ตา่ ง ๆ เพยี งแต่พิมพค์ าสาคญั จากเนื้อหา หรอื เรื่องท่ีตอ้ งการ

คน้ ควา้ กจ็ ะได้ชื่อเวบ็ ไซตจ์ านวนมาก ผเู้ รยี นสามารถเลอื กหาอา่ นได้ตามความตอ้ งการ เช่นกลว้ ยไม้ สตั ว์สงวน
ขา่ วดว่ นวนั นี้ ราคาทองคา อุณหภูมิวันนี้ อตั ราแลกเปลย่ี นเงิน ฯลฯ (ผ้เู รียนสามารถฝกึ การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต จาก
หอ้ งสมดุ ประชาชน หรอื เรียนร้ดู ้วยตนเองจากหนังสือ)

2. ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E-mail) หรือท่เี รยี กกนั วา่ อเี มล์ เปน็ การติดต่อสื่อสารดว้ ยตวั หนังสอื
แบบใหม่ แทนจดหมายบนกระดาษ สามารถรับสง่ ข้อมูลระหวา่ งกนั ได้อยา่ งรวดเร็ว เป็นทีน่ ยิ มในปจั จบุ นั

3. การสนทนาหรือห้องสนทนา (Chat room) เปน็ การสนทนาผา่ นอนิ เทอร์เน็ต สามารถโต้ตอบ
กนั ไดท้ นั ที แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ถามตอบปญั หาไดห้ ลาย ๆ คน ในเวลาเดียวกัน

4. กระดานขา่ ว (Web Board) ผใู้ ช้สามารถแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ข่าวสารตา่ ง ๆ การให้ข้อเสนอ
ข้อคิดเห็น อภิปรายโต้ตอบ ทุกคนสามารถเขา้ ไปให้ข้อคิดเหน็ ได้โดยมผี ู้ให้บริการเป็นผู้ตรวจสอบเนื้อหา และ
สามารถลบออกจากข้อมลู ได้

5. การโฆษณาประชาสมั พันธ์ หนว่ ยงานตา่ ง ๆ จะมีเว็บไซต์ให้บรกิ ารข้อมลู และประชาสัมพันธ์
องค์กรหรือหนว่ ยงาน เราสามารถเขา้ ไปใชบ้ ริการ เชน่ สถานที่ตั้งของหอ้ งสมดุ บทบาทภารกจิ ของพิพิธภณั ฑ์
สวนสตั ว์อยทู่ ใ่ี ดบ้าง แหลง่ เรียนรู้มีทใ่ี ดบ้าง ตารางสอบของผเู้ รียน กศน.เป็นต้น

6. การอา่ นข่าว มีเวบ็ ไซต์บรกิ ารขา่ ว เชน่ CNN New York Time ตลอดจนข่าวจากหนงั สอื พิมพ์
ต่าง ๆ ในประเทศไทย

7. การอา่ นหนงั สือ วารสาร และนติ ยสาร มีบริษัททผี่ ลิตสอ่ื สงิ่ พมิ พ์จานวนมากจดั ทาเปน็ นติ ยสาร
ออนไลน์ เช่น นติ ยสาร MaxPCนิตยสาร Interment ToDayนติ ยสารดฉิ ัน เป็นต้น

8. การสง่ การด์ อวยพร สามารถส่งการ์ดอวยพรอเิ ล็กทรอนิกส์ หรือ E-Card ผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต โดย
ไม่เสียคา่ ใช้จ่าย สะดวก รวดเรว็

9. การซื้อสินคา้ และบรกิ าร เปน็ การซื้อสนิ ค้าออนไลน์ โดยสามารถเลือกดสู ินค้าพร้อมท้ังคุณสมบตั ิ
ของสินค้า และส่ังซ้ือสนิ ค้าพร้อมชาระเงินด้วยบัตรเครดิตในทันที บริษัทต่าง ๆ จึงมกี ารโฆษณาขายสนิ ค้าผา่ น
อนิ เทอร์เนต็ เปน็ การใช้อินเทอร์เนต็ เชงิ พาณิชย์ ซึ่งไดร้ บั ความนิยมในตา่ งประเทศมาก

10. สถานีวทิ ยแุ ละโทรทศั นบ์ นเครือขา่ ย ปัจจบุ ันสถานีวทิ ยบุ นเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตมหี ลายร้อย
สถานี ผ้ใู ชส้ ามารถเลือกสถานที ี.่ .และไดย้ นิ เสยี งเหมือนการเปดิ ฟังวทิ ยุ ขณะเดียวกนั กม็ ีการส่งกระจายภาพ
วดิ ีโอบนเครอื ข่ายดว้ ย แต่ยงั มีปัญหาตรงท่ีความเรว็ ของเครอื ข่ายที่ยังไมส่ ามารถรองรับการส่งข้อมูลจานวน
มาก ทาให้คุณภาพของภาพไมต่ ่อเนื่อง

57

ใบงาน เร่ือง ความหมายและความสาคัญของแหล่งเรยี นรู้

1.ใหอ้ ธบิ ายความหมายของแหลง่ เรียนรู้ มาพอสังเขป
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................... ........................
2.ใหอ้ ธบิ ายความสาคัญของแหลง่ เรียนรู้ มาพอสงั เขป
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
3.ใหอ้ ธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มาของแหล่งเรียนรู้ มาพอสังเขป
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
4.ให้อธบิ ายประเภทของแหล่งเรยี นรู้มาพอสังเขป
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................... ....................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................. ................................................................................................................ .
............................................................................................................................................... ...............................
............................................................................................................................. ................................................

ชอ่ื .............................................. นามสกลุ ................................................... รหสั นกั ศึกษา.................................

58

แผนการจดั การเรยี นรู้คร้ังที่ ๕ (การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง)

กลุม่ สาระทักษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรื่อง การใช้แหล่งเรียนรู้
แผนการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง การใช้แหล่งเรียนรผู้ ่านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต เวลาสอน ๑๕ ชวั่ โมง
สอนวันท.ี่ ........เดือน................................พ.ศ. .........................ภาคเรียนที.่ ............ปีการศกึ ษา...................

มาตรฐานการเรียนรู้
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ่ีดตี ่อการใช้แหลง่ เรียนรู้

ตวั ชวี้ ดั
1.จาแนกความแตกต่างของแหล่งเรยี นรู้ และตดั สินใจเลือกใชแ้ หลง่ เรยี นรู้
2.เรยี งลาดบั ความสาคญั ของแหลง่ เรยี นรู้ และจัดทาระบบในการใช้แหล่งเรยี นร้ขู องตนเอง
3.สามารถปฏบิ ัติการใช้แหล่งเรียนรู้ ตามขน้ั ตอนได้อยา่ งถูกต้อง

สาระสาคัญ
แหล่งเรยี นรมู้ คี วามสาคัญในการพฒั นาความรู้ของมนษุ ย์ให้สมบรู ณม์ ากยิ่งข้ึน นอกเหนือจากการ

เรียนรู้ในช้นั เรยี น และเปน็ แหลง่ ท่อี ย่ใู หส้ งั คมชมุ ชนล้อมรอบตวั ผู้เรียน สามารถเขา้ ไปศกึ ษาคน้ คว้าเพือ่ การ
เรยี นรู้ได้ตลอดชีวติ

เน้ือหา
การใช้แหล่งเรียนรูผ้ ่านเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต

คณุ ธรรม
1. เพ่ือการพฒั นาตน
2. เพื่อการพัฒนาการทางาน
3. เพอื่ การพฒั นาการอยูร่ ว่ มกนั ในสังคม
4. เพือ่ การพัฒนาประเทศชาติ

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ข้นั นา
- การนาเข้าสู่บทเรียนดว้ ยวธิ กี าร ทักทายผูเ้ รียน และช้ีแจงบอกวัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ เรอ่ื งการใช้

แหล่งเรยี นรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต
ขน้ั สอน
- ครอู ธบิ ายการใช้แหลง่ เรยี นรผู้ ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต็ และเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นซกั ถาม
- ผเู้ รยี นใช้แบบเรียนวิชาทักษะการเรยี นรู้ เปดิ เน้ือหา บทท่ี 2 การใช้แหล่งเรียนรู้ เรื่องการใชแ้ หลง่

เรยี นร้ผู า่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต

59

- ครูใหผ้ เู้ รยี นสแกน QR Code ใบความรู้เรอื่ งการใชแ้ หล่งเรียนรู้ (เพม่ิ เติม)

- ครูให้ผ้เู รียนทาใบงาน เรอื่ งการใชแ้ หลง่ เรียนรูผ้ า่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต

- ครูใหผ้ ู้เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น ครัง้ ที่ 3

ข้นั สรปุ
- ครูและผ้เู รียนร่วมกนั สรุปหลังจากทุกกลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
- ครูให้ความรเู้ พิ่มเติมในสว่ นทีย่ ังไม่สมบรู ณ์
ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สอื แบบเรียน
2. ใบความรู้
3. ใบงาน
การวดั และประเมนิ ผล
1. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรู้
2. วดั ความรู้จากการทากิจกรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้
4. แบบทดสอบ

60

แหล่งการเรยี นรู้/สืบค้นข้อมูลเพ่มิ เตมิ
1. ห้องสมดุ ประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
4. Internet
5. ภูมปิ ญั ญา / แหลง่ เรียนรู้

ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา

พิจารณาแล้ว..........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

ลงชื่อ
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผ้อู านวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจนั
วนั ที่ ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........

61

บันทึกหลังการสอน
ความสาเร็จในการจัดการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ปญั หา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................... ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
แนวทางการแกป้ ัญหา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.............................................ครผู ู้สอน
(..............................................)
ครู............................................

วนั ท.่ี .........เดือน..........................พ.ศ. ........................
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
.............................................................................................................................. ................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผูบ้ ังคับบัญชา
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผูอ้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางระจัน

62

แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ืองการใชแ้ หล่งเรียนรู้

1.หอ้ งสมดุ ประชานมีความสาคัญกบั นักศึกษาในข้อใดมากท่ีสดุ
ก. การศึกษาตามอธั ยาศยั
ข. สร้างเสริมประสบการณภ์ าคปฏิบตั ิ
ค. แหล่งสง่ เสริมความรู้ ความคดิ วทิ ยาการ
ง. แหล่งปลูกฝังรกั การอา่ น การศึกษาค้นควา้ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง

2. หลงั จากศกึ ษาเลา่ เรยี นแล้ว ถ้าตอ้ งการเขา้ ถึงสารสนเทศของหอ้ งสมุดประชาชนเพ่ือค้นคว้า ควรใชว้ ิธใี ด
ก. ถามเพื่อน
ข. ศกึ ษาจากผปู้ กครอง
ค. ยืมหนังสือจากเพื่อนคนอ่นื มาอ่าน
ง. ศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้ ทางอินเทอรเ์ น็ต

3. ข้อใดเรยี งข้ันตอนโปรแกรมค้นหา ได้ถูกต้อง
ก. เปิดโปรแกรม – พิมพ์ชอ่ื เว็ปไซต์ – เปิดหน้าต่างเว็ปไซต์ – พมิ พส์ ่งิ ท่ีตอ้ งการค้นหา
ข. เปิดโปรแกรม – เปดิ หนา้ ต่างเวป็ ไซต์ – พมิ พ์ชอ่ื เวป็ ไซต์ - พมิ พ์สิง่ ที่ต้องการคน้ หา
ค. เปิดโปรแกรม – พิมพช์ ื่อเว็ปไซต์ – พมิ พ์สิ่งท่ีตอ้ งการค้นหา - เปดิ หนา้ ตา่ งเวป็ ไซต์
ง. เปดิ โปรแกรม – พมิ พ์สิ่งที่ตอ้ งการคน้ หา – พมิ พช์ อื่ เวป็ ไซต์ - เปิดหน้าตา่ งเวป็ ไซต์

4. ข้อใดเปน็ แหล่งเรยี นรทู้ จ่ี ดั อยู่ในประเภทเดยี วกนั
ก. พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศนู ยก์ ารเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง
ข. อุทยานการศกึ ษา กลุม่ ออมทรพั ย์
ค. วนอทุ ยาน สวนพฤกษศาสตร์
ง. แพทยแ์ ผนไทย หอศิลป์

5. ขอ้ ใดคือการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากแหล่งเรียนรูใ้ นท้องถ่นิ
ก. นิศาชล ไปอ่านหนงั สือคูม่ ือฟิสิกส์ที่ศูนย์วชิ าวิทยาศาสตร์
ข. ธนั ยา ไปเรียนทาขนมไทยจากกลุ่มแมบ่ า้ นวดั นวลจนั ทร์
ค. กมลและเพ่ือน ไปหอ้ งคอมพิวเตอร์ เพื่อสบื ค้นข้อมลู มาทารายงาน
ง. กมลา ไปศึกษาค้นควา้ เร่อื งประโยชนข์ องพืชสมนุ ไพรทสี่ วนสมุนไพรของโรงเรียน

6. หอ้ งสมดุ ประเภทใดทใ่ี ห้ความรคู้ ้นควา้ วจิ ัยมากทีส่ ดุ
ก. หอ้ งสมุดเฉพาะ
ข. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
ค. ห้องสมดุ ประชาชน
ง. ห้องสมุดมหาวิทยาลยั

63

7.บุคคลใดใชบ้ ริการแหลง่ เรียนรไู้ ด้ถกู ตอ้ งทีส่ ุด

ก. เอวา ใช้แหล่งเรียนร้เู ป็นสถานท่ฝี กึ งานของตนโดยตรง
ข. พวิ า รับข้อมูล ข่าวสาร ความรทู้ ่ตี นเองต้องการโดยตรงจากผรู้ ู้
ค. พกิ ุล ใชอ้ ินเตอร์เนต็ เปน็ แหล่งเรยี นรูท้ ่ใี กลต้ ัว ค้นควา้ หาง่าย รวดเรว็
ง. พิมพา ศึกษาหาความร้จู ากห้องสมดุ ประชาชนเพอ่ื ให้เกิดประสบการณจ์ ริง

8. . ขอ้ ใดคอื ความหมาย www
ก. Word wide web
ข. Work wide web
ค.Word widk web
ง.Word walk web

9.หากตอ้ งการลงทะเบยี นของ E-mail ฟรแี ละ Hotmail ให้คลกิ ไปที่ใด
ก. Login
ข. Sing Up
ค. ส่งจะหมาย
ง. สมคั รสมาชกิ

10. ช่องทางใด ทีส่ ามารถเชอ่ื มโยงไปแหลง่ ข้อมลู อน่ื ไดใ้ นเวบ็ ไซต์
ก. Link
ข. Restore
ค. Connect
ง. Download

64

ใบงาน เรือ่ ง การใช้แหล่งเรียนรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต

1.ให้อธบิ ายความหมายของอินเทอร์เนต็ มาพอสังเขป
.......................................................................................................................................................................... ....
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
2.ให้อธบิ ายความสาคัญของอินเทอรเ์ นต็ มาพอสังเขป
......................................................................................................................................................................... .....
....................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3.ใหอ้ ธิบายความสาคัญของแหลง่ เรียนรอู้ นิ เทอร์เนต็ กบั งานด้านตา่ งๆ มาพอสังเขป
......................................................................................................................................................................... .....
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
4.การบรกิ ารแหลง่ เรียนรผู้ า่ นเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต มีอะไรบ้าง อธบิ ายมาพอสังเขป
.......................................................................................................................................................................... ....
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................ ..
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
................................................................................................................................................................. .............

ชือ่ ............................................ นามสกลุ .......................................................รหัสนกั ศึกษา.................................

65

แผนการจัดการเรยี นรู้คร้ังที่ ๖ (การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง)

กลมุ่ สาระทกั ษะการเรยี นรู้ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ืองการจดั การความรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้ เวลาสอน ๙ ช่ัวโมง
สอนวนั ท.ี่ .........เดือน...................................พ.ศ. .........................ภาคเรียนที่...........ปกี ารศกึ ษา.................

มาตรฐานการเรยี นรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติท่ดี ีตอ่ การจดั การความรู้

ตัวชีว้ ดั
1.วเิ คราะหผ์ ลทีเ่ กดิ ข้ึนขอบเขตความรู้ ตดั สนิ คุณคา่ กาหนดแนวทางพฒั นา
2.เห็นความสาพนั ธข์ องกระบวนการจดั การความรู้ กับการนาไปใชใ้ นการพัฒนาชมุ ชน
3.ปฏบิ ัติตามกระบวนการการจัดการความรู้ได้อย่างเปน็ ระบบ

สาระสาคญั
การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ

จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ท่ีมีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน
ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี
เปูาหมายเพอ่ื การพัฒนางาน พฒั นาคนและพัฒนาองค์กรใหเ้ ป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้

เนอ้ื หา
ความหมาย ความสาคญั และหลกั การในการจัดการความรู้

คณุ ธรรม
1. เพื่อการพฒั นาตน
2. เพ่ือการพัฒนาการทางาน
3. เพ่อื การพฒั นาการอยูร่ ว่ มกันในสังคม
4. เพ่อื การพัฒนาประเทศชาติ

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขน้ั นา
- การนาเขา้ ส่บู ทเรยี นดว้ ยวธิ กี าร ทักทายผ้เู รียน และชแ้ี จงบอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง

ความหมาย ความสาคญั และหลักการในการจัดการความรู้
- ครูใหผ้ ้เู รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ครั้งที่ 4

66
ขน้ั สอน
- ครอู ธบิ ายความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้และเปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นซกั ถาม
- ผเู้ รียนใชแ้ บบเรียนวิชาทักษะการเรียนรู้ เปดิ เน้ือหา บทท่ี 3 การจดั การความรู้ เร่ืองความหมาย
ความสาคญั และหลกั การในการจดั การความรู้
- ครูให้ผูเ้ รียนสแกน QR Code ใบความรู้ เร่ืองการจดั การความรู้(เพ่มิ เตมิ )

- ครใู ห้ผเู้ รียนทาใบงาน เร่ืองความหมาย ความสาคญั และหลกั การในการจัดการความรู้

ขน้ั สรปุ
- ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ หลังจากทกุ กลุม่ นาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน
- ครูใหค้ วามรเู้ พ่ิมเตมิ ในสว่ นท่ียงั ไม่สมบูรณ์
สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื แบบเรียน
2. ใบความรู้
3. ใบงาน
การวดั และประเมินผล
1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้
2. วดั ความรู้จากการทากจิ กรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้
4. แบบทดสอบ

67

แหล่งการเรยี นร/ู้ สืบคน้ ข้อมูลเพ่มิ เติม
1. ห้องสมดุ ประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
4. Internet
5. ภมู ิปญั ญา / แหลง่ เรียนรู้

ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา

พิจารณาแลว้ ..........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

ลงช่อื
(นางสาวปรารถนา ชีโพธิ์)
ผูอ้ านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน
วนั ท่ี ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........

68

บันทึกหลังการสอน
ความสาเรจ็ ในการจดั การเรียนการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา / อุปสรรค ในการจัดการเรียนการสอน
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................... ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
แนวทางการแกป้ ญั หา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..............................................ครผู ู้สอน
(.............................................)
คร.ู ...........................................

วันท.ี่ .........เดือน...........................พ.ศ. ........................
ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................. ................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื ผู้บงั คบั บัญชา
(นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ)

ผอู้ านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจนั

69

แบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง การจดั การความรู้

1. การจัดการความรู้เรียกสั้นๆว่าอะไร

ก. MK ข. KM

ค. LO ง. QA

2. เปาู หมายของการจัดการความรคู้ ืออะไร

ก. พฒั นาคน

ข. พฒั นางาน

ค. พฒั นาองคกร

ง. ถูกทกุ ขอ

3. ขอ้ ใดถูกตอ้ งมากทสี่ ดุ

ก. การจดั การความรหู้ ากไม่ทา จะไม่รู้

ข. การจัดการความรู้คอื การจัดการความรู้ของผเู้ ชยี่ วชาญ

ค. การจดั การความรู้ถือเปน็ เปูาหมายของการทางาน

ง. การจดั การความรู้คอื การจัดการความรูท้ ่ีมใี นเอกสาร ตารา มาจัดให้เปน็ ระบบ

4. ข้นั สูงสดุ ของการความเรยี นรู้คืออะไร

ก.ปญั ญา ข.สรสนเทศ

ค.ขอ้ มลู ง. ความรู้

5. ชมุ ชนนักปฏิบตั ิ ( COP ) คอื อะไร

ก. การจดั การความรู

ข. เปาหมายของการจดั การความรู

ค. วิธีการหน่งึ ของการจดั การความรู

ง. แนวปฏบิ ัตขิ องการจดั การความรู้

6. รปู แบบการจดั การความรูตามโมเดลปลาทู สว่ น ท้องปลา หมายถึงอะไร

ก. การกาหนดเปูาหมาย

ข. การแลกเปลย่ี นเรียนรู้

ค. การจดั เกบ็ เป็นคลังความรู้

ง. ความรูท้ ชี่ ดั เจน

7. ผทู้ ่ีทาหนา้ ท่ีกระต้นุ ใหเ้ กิดการแลกเปลีย่ นเรียนรู้คือใคร

ก.คณุ เอ้ือ

ข.คุณอานวย

ค.คุณกจิ

ง. คณุ ลขิ ติ

70

8. สารสนเทศเพ่ือเผยแพรค่ วามรใู้ นปัจจุบนั มีอะไรบ้าง
ก. เอกสาร
ข. วีซดี ี
ค. เวบ็ ไซต์
ง. ถูกทุกข้อ

9. การจดั การความรู้ด้วยตนเองกับชมุ ชนแห่งการเรยี นรมู้ ีความเกย่ี วข้องกนั หรือไม่ อย่างไร
ก.เก่ยี วขอ้ งกัน เพราะการจัดการความรู้ในบุคคลหลายๆคน รวมกันเปน็ ชมุ ชน เรยี กวา่ เปน็ ชุมชนแหง่

การเรยี นรู้
ข.เกี่ยวข้องกนั เพราะการจัดการความรู้ให้กับตนเองกเ็ หมือนกับการจัดการความรใู้ ห้ชุมชนด้วย
ค.ไม่เก่ยี วข้องกัน เพราะการจดั การความรดู้ ว้ ยตนเองเปน็ ปักเจกบุคคล ส่วนชมุ ชนแห่งการเรยี นรเู้ ป็น

เรอ่ื งของชุมชน
ง. ไมเ่ กย่ี วข้องกัน เพราะชมุ ชนแหง่ การเรียนรูเ้ ปน็ การเรยี นรเู้ ฉพาะกลมุ่

10. ปจั จัยท่ที าให้การจัดการความรู้การรวมกลุ่มปฏิบัติการประสบผลสาเรจ็ คืออะไร
ก .พฤติกรรมของคนในกลุ่ม
ข.ผู้นากล่มุ
ค.การนาไปใช้
ง.ถกู ทกุ ขอ้

71

ใบงาน เร่อื ง ความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้

1.ใหอ้ ธิบายของการจดั การความรู้มาพอสงั เขป
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................... ........................
.......................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .................................................
2.ใหอ้ ธิบายความสาคญั ของการจัดการความรู้มาพอสังเขป
......................................................................................................................................................................... .....
........................................................................................................................................................................... ...
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................... .......................
............................................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................ ..................................
3.ให้อธบิ ายหลกั การของการจัดการความรู้ มาพอสังเขป
............................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ......................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. ................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................... ...............................

ชอ่ื ........................................ นามสกลุ ........................................................ รหัสนกั ศกึ ษา.................................

72

แผนการจัดการเรียนรู้คร้ังที่ ๗ (การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง)

กลุ่มสาระทกั ษะการเรยี นรู้ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรื่อง การจัดการความรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง กระบวนการในการจดั การความรู้ การรวมกลุ่มเพอื่ ต่อยอดความรู้ และการ
จดั ทาสารสนเทศเพือ่ เผยแพรค่ วามรู้ เวลาสอน ๑๕ ช่ัวโมง
สอนวันท.ี่ ......เดอื น.................................พ.ศ. .........................ภาคเรยี นท่.ี ............ปีการศกึ ษา....................

มาตรฐานการเรยี นรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติทดี่ ีต่อการจัดการความรู้

ตวั ชี้วัด
1.วิเคราะห์ผลท่ีเกิดข้นึ ขอบเขตความรู้ ตัดสนิ คุณค่า กาหนดแนวทางพฒั นา
2.เหน็ ความสาพนั ธข์ องกระบวนการจดั การความรู้ กบั การนาไปใชใ้ นการพฒั นาชมุ ชน
3.ปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการการจัดการความรู้ไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ

สาระสาคญั
การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ

จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน
ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี
เปูาหมายเพื่อการพฒั นางาน พัฒนาคนและพฒั นาองค์กรใหเ้ ปน็ องคก์ รแห่งการเรียนรู้

เน้ือหา
รปู แบบและกระบวนการในการจดั การความรู้

คณุ ธรรม
1. เพื่อการพฒั นาตน
2. เพื่อการพฒั นาการทางาน
3. เพอ่ื การพัฒนาการอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม
4. เพ่ือการพฒั นาประเทศชาติ

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ข้นั นา
- การนาเข้าสู่บทเรียนดว้ ยวธิ ีการ ทักทายผเู้ รยี น และช้แี จงบอกวัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เรื่อรปู แบบ

และกระบวนการในการจดั การความรู้
ขัน้ สอน
- ครอู ธิบายรูปแบบและกระบวนการในการจดั การความรู้และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซกั ถาม
- ผเู้ รยี นใชแ้ บบเรยี นวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ เปดิ เนื้อหา บทท่ี 3 การจดั การความรู้ เร่ืองรูปแบบและ

กระบวนการในการจัดการความรู้

73

- ครใู ห้ผู้เรยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เร่อื งการจดั การความรู้(เพ่ิมเติม)

- ครูใหผ้ ้เู รยี นทาใบงาน เร่ืองรูปแบบและกระบวนการในการจัดการความรู้

ขั้นสรปุ
- ครูและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ หลงั จากทุกกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น
- ครใู หค้ วามร้เู พิ่มเตมิ ในสว่ นท่ียังไมส่ มบูรณ์

สอื่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสือแบบเรยี น
2. ใบความรู้
3. ใบงาน

การวัดและประเมินผล
1. สงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรู้
2. วดั ความรูจ้ ากการทากิจกรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรียนรู้

แหล่งการเรยี นรู้/สบื คน้ ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ
1. ห้องสมดุ ประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
4. Internet
5. ภูมปิ ญั ญา / แหล่งเรียนรู้

74

ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา
พจิ ารณาแลว้ ..........................................................................................................................................
......................................................................................................... ......................................................

ลงชื่อ
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผ้อู านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจัน
วนั ที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. ...........

75

บนั ทึกหลังการสอน
ความสาเรจ็ ในการจัดการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. ................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................... ...............................
ปัญหา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
แนวทางการแกป้ ัญหา
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
....................................................................................................... .......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................ ......................................

ลงช่ือ..............................................ครูผสู้ อน
(.............................................)
ครู............................................

วันท.่ี .........เดอื น...........................พ.ศ. ........................
ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่อื ผ้บู งั คับบญั ชา
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผ้อู านวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน

76

ใบงาน เรอื่ ง กระบวนการในการจดั การความรู้ การรวมกลมุ่ เพ่ือต่อยอดความรู้ และการจดั ทาสารสนเทศ
เพื่อเผยแพร่ความรู้

1.รปู แบบของการจัดการความรู้มอี ะไรบา้ งและมีลกั ษณะอย่างไร อธบิ ายมาพอสงั เขป
.......................................................................................................................................................................... ....
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2.กระบวนการจดั การความรู้มกี ข่ี ั้นตอนอะไรบ้าง
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................. ................................
................................................................................................... ...........................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................... ..........................................
......................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3.จงยกตวั อย่างกล่มุ หรือชมุ ชนท่มี ีการจัดการความรู้ประสบผลสาเรจ็ และอธบิ ายความสาเรจ็ อยา่ งไร เพราะ
อะไร
....................................................................................................................................................... .......................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ช่อื ................................................. นามสกลุ ................................................. รหสั นักศึกษา.................................

77

แผนการจัดการเรยี นร้คู รั้งที่ ๘ (การเรยี นรู้ด้วยตนเอง)

กล่มุ สาระทักษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง การจัดการความรู้

แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง การรวมกลุ่มเพ่อื ต่อยอดความรู้ เวลาสอน ๑๕ ช่ัวโมง

สอนวันท.่ี .........เดือน..................................พ.ศ. .........................ภาคเรียนที่.........ปีการศึกษา....................

มาตรฐานการเรียนรู้
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติทด่ี ีต่อการจัดการความรู้

ตวั ชวี้ ัด
1.วเิ คราะหผ์ ลท่เี กิดข้ึนขอบเขตความรู้ ตัดสนิ คุณค่า กาหนดแนวทางพัฒนา
2.เห็นความสาพันธข์ องกระบวนการจดั การความรู้ กบั การนาไปใช้ในการพัฒนาชุมชน
3.ปฏบิ ัตติ ามกระบวนการการจดั การความรู้ได้อย่างเป็นระบบ

สาระสาคัญ
การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ

จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ท่ีมีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน
ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี
เปูาหมายเพอื่ การพัฒนางาน พัฒนาคนและพฒั นาองค์กรให้เปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรู้

เนอื้ หา
การรวมกลุ่มเพ่ือตอ่ ยอดความรู้

คณุ ธรรม
1. เพื่อการพัฒนาตน
2. เพ่ือการพฒั นาการทางาน
3. เพอ่ื การพฒั นาการอย่รู ่วมกนั ในสงั คม
4. เพื่อการพฒั นาประเทศชาติ

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้ันนา
- การนาเข้าส่บู ทเรียนดว้ ยวธิ กี าร ทกั ทายผเู้ รยี น และชีแ้ จงบอกวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เรอื่ ง การ

รวมกลมุ่ เพื่อต่อยอดความรู้
ขนั้ สอน
- ครอู ธบิ ายการรวมกลุ่มเพื่อต่อยอดความรู้ และเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนซักถาม
- ผู้เรียนใชแ้ บบเรยี นวิชาทักษะการเรียนรู้ เปดิ เน้ือหา บทท่ี 3 การจดั การความรู้ เรื่องการรวมกลมุ่

เพ่อื ต่อยอดความรู้

78

- ครูให้ผเู้ รยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรื่องการจัดการความรู้(เพ่มิ เติม)

- ครูให้ผเู้ รียนทาใบงาน เรื่องการรวมกลุ่มเพื่อตอ่ ยอดความรู้

ขน้ั สรุป
- ครูและผเู้ รยี นร่วมกนั สรปุ หลงั จากทุกกลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น
- ครใู หค้ วามร้เู พิ่มเติมในสว่ นทย่ี ังไม่สมบูรณ์

สอื่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สือแบบเรียน
2. ใบความรู้
3. ใบงาน

การวัดและประเมนิ ผล
1. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรู้
2. วัดความรจู้ ากการทากจิ กรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้

แหล่งการเรยี นร/ู้ สืบค้นข้อมูลเพ่มิ เติม
1. หอ้ งสมดุ ประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
4. Internet
5. ภมู ิปัญญา / แหล่งเรียนรู้

79

ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา
พจิ ารณาแลว้ ..........................................................................................................................................
......................................................................................................... ......................................................

ลงชื่อ
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผ้อู านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจัน
วนั ที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. ...........

80

บนั ทกึ หลังการสอน
ความสาเรจ็ ในการจดั การเรียนการสอน
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ปญั หา / อปุ สรรค ในการจดั การเรียนการสอน
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................... ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
แนวทางการแกป้ ัญหา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผู้สอน
(.............................................)
ครู............................................

วันท.ี่ .........เดอื น...........................พ.ศ. ........................
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
............................................................................................ ..................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ ผบู้ งั คบั บัญชา
(นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์)

ผูอ้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจัน

81

ใบงาน เรอื่ ง การรวมกลุ่มเพื่อต่อยอดความรู้

1.บุคคลทเี่ กยี่ วข้องกบั การจดั การความรูม้ ีใครบ้าง อธบิ ายมาพอสังเขป
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................... ........................
2.ชมุ ชนนกั ปฏิบตั คิ อื อะไร
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
3.ชมุ ชนนักปฏบิ ัติมีความสาคัญอยา่ งไร
...................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................... .......................
........................................................................................................... ...................................................................
4.ชุมชนนกั ปฏบิ ัตเิ กดิ ข้ึนได้อยา่ งไร
......................................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
5.รปู แบบของเวทชี มุ ชนนักปฏิบัติ มีอะไรบ้าง อธิบายมาพอสังเขป
.................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
6.ตวั ชี้วัดระดับกล่มุ มีอะไรบา้ ง อธิบายมาพอสงั เขป
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................ ..................................
................................................................................................ ..............................................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................ ..............................................

ชื่อ............................................... นามสกุล....................................................รหัสนักศึกษา.................................

82

แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งท่ี ๙ (การเรียนรูด้ ้วยตนเอง)

กลุม่ สาระทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง การจดั การความรู้

แผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง ทักษะกระบวนการจดั การความรู้ เวลาสอน ๑๕ ชั่วโมง

สอนวนั ท่ี...........เดอื น......................................พ.ศ........................ภาคเรียนที่.......ปกี ารศึกษา....................

มาตรฐานการเรียนรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติที่ดีตอ่ การจดั การความรู้

ตวั ชี้วัด
1.วิเคราะห์ผลทีเ่ กดิ ขึ้นขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณคา่ กาหนดแนวทางพฒั นา
2.เหน็ ความสาพันธข์ องกระบวนการจดั การความรู้ กับการนาไปใช้ในการพัฒนาชมุ ชน
3.ปฏิบตั ติ ามกระบวนการการจดั การความรู้ได้อยา่ งเปน็ ระบบ

สาระสาคญั
การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ

จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ท่ีมีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน
ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี
เปูาหมายเพื่อการพฒั นางาน พัฒนาคนและพฒั นาองคก์ รใหเ้ ป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้

เนอ้ื หา
การฝกึ ทักษะกระบวนการจัดการความรู้

คุณธรรม
1. เพ่ือการพัฒนาตน
2. เพอ่ื การพัฒนาการทางาน
3. เพื่อการพัฒนาการอยรู่ ่วมกันในสังคม
4. เพ่ือการพฒั นาประเทศชาติ

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขนั้ นา
- การนาเข้าสู่บทเรยี นดว้ ยวธิ ีการ ทักทายผ้เู รยี น และช้แี จงบอกวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เรอื่ งการฝึก

ทกั ษะกระบวนการจัดการความรู้
ขั้นสอน
- ครอู ธบิ ายการฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้และเปิดโอกาสให้ผ้เู รียนซกั ถาม
- ผ้เู รยี นใช้แบบเรยี นวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ เปดิ เนื้อหา บทที่ 3 การจดั การความรู้ เรื่อง ทักษะ

กระบวนการจัดการความรู้

83

- ครูให้ผู้เรยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรือ่ งการจดั การความรู้(เพ่มิ เติม)

- ครใู หผ้ ู้เรยี นทาใบงาน เร่ืองการฝกึ ทักษะกระบวนการจดั การความรู้

- ครูให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น คร้ังที่ 4

ขน้ั สรปุ
- ครูและผเู้ รียนรว่ มกนั สรุปหลงั จากทุกกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น
- ครใู หค้ วามรู้เพิ่มเติมในสว่ นที่ยงั ไม่สมบรู ณ์
สือ่ และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือแบบเรียน
2. ใบความรู้
3. ใบงาน

84

การวดั และประเมนิ ผล
1. สงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรู้
2. วดั ความรจู้ ากการทากิจกรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรียนรู้
4. แบบทดสอบ

แหล่งการเรียนรู้/สบื ค้นขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ
1. หอ้ งสมดุ ประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
4. Internet
5. ภูมิปญั ญา / แหล่งเรยี นรู้

ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา

พิจารณาแล้ว.................................................................................................................. ........................
......................................................................................................... ......................................................

ลงชอ่ื
(นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ)

ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอบางระจนั
วันท่ี ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........

85

บันทกึ หลังการสอน
ความสาเร็จในการจดั การเรยี นการสอน
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................ ..................
................................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
ปัญหา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
แนวทางการแก้ปญั หา
............................................................................................................................. .................................................
..................................................................................................................................................... .........................
.......................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................... ...................................

ลงช่อื ..............................................ครผู สู้ อน
(.............................................)
ครู............................................

วนั ที่..........เดอื น...........................พ.ศ. ........................
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา
............................................................................................................................................................. .................
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................... ...........................
........................................................................................................ ......................................................................

ลงชอ่ื ผู้บงั คบั บญั ชา
(นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ)

ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอบางระจัน

86

แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง การจัดการความรู้
1. การจัดการความรเู้ รยี กสัน้ ๆว่าอะไร

ก. MK ข. KM
ค. LO ง. QA
2. เปูาหมายของการจดั การความรคู้ อื อะไร
ก. พฒั นาคน
ข. พัฒนางาน
ค. พฒั นาองคกร
ง. ถกู ทุกขอ
3. ข้อใดถูกตอ้ งมากทสี่ ุด
ก. การจัดการความรหู้ ากไม่ทา จะไมร่ ู้
ข. การจดั การความรู้คอื การจัดการความรู้ของผ้เู ชย่ี วชาญ
ค. การจัดการความรูถ้ ือเปน็ เปูาหมายของการทางาน
ง. การจดั การความรู้คอื การจัดการความรทู้ ี่มใี นเอกสาร ตารา มาจัดให้เปน็ ระบบ
4. ข้นั สูงสุดของการความเรียนรู้คอื อะไร
ก.ปัญญา
ข.สรสนเทศ
ค.ข้อมลู
ง. ความรู้
5. ชุมชนนกั ปฏิบัติ ( COP ) คอื อะไร
ก. การจัดการความรู
ข. เปาหมายของการจัดการความรู
ค. วธิ ีการหน่ึงของการจัดการความรู
ง. แนวปฏบิ ตั ิของการจดั การความรู้
6. รูปแบบการจัดการความรูตามโมเดลปลาทู สว่ น ท้องปลา หมายถงึ อะไร
ก. การกาหนดเปาู หมาย
ข. การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
ค. การจัดเกบ็ เป็นคลงั ความรู้
ง. ความรู้ที่ชดั เจน

7. ผทู้ ีท่ าหน้าท่ีกระตุ้นให้เกดิ การแลกเปลย่ี นเรยี นรคู้ ือใคร

ก.คณุ เออื้ ข.คณุ อานวย

ค.คุณกจิ ง. คุณลขิ ิต

87

8. สารสนเทศเพื่อเผยแพรค่ วามรใู้ นปจั จบุ นั มีอะไรบ้าง
ก. เอกสาร
ข. วซี ดี ี
ค. เวบ็ ไซต์
ง. ถกู ทกุ ข้อ

9. การจัดการความร้ดู ้วยตนเองกบั ชุมชนแห่งการเรยี นรมู้ ีความเก่ียวข้องกันหรือไม่ อยา่ งไร
ก.เก่ยี วขอ้ งกัน เพราะการจัดการความรู้ในบุคคลหลายๆคน รวมกนั เปน็ ชมุ ชน เรยี กว่าเปน็ ชมุ ชนแหง่

การเรยี นรู้
ข.เกย่ี วขอ้ งกนั เพราะการจดั การความรใู้ ห้กบั ตนเองกเ็ หมือนกับการจัดการความรใู้ ห้ชมุ ชนดว้ ย
ค.ไม่เก่ียวข้องกัน เพราะการจัดการความรู้ดว้ ยตนเองเป็นปักเจกบุคคล สว่ นชมุ ชนแห่งการเรยี นร้เู ป็น

เรอ่ื งของชมุ ชน
ง. ไม่เก่ยี วข้องกัน เพราะชุมชนแหง่ การเรยี นรเู้ ป็นการเรยี นรู้เฉพาะกลมุ่

10. ปจั จยั ท่ีทาให้การจดั การความรกู้ ารรวมกลุ่มปฏบิ ตั กิ ารประสบผลสาเรจ็ คอื อะไร
ก .พฤติกรรมของคนในกลุ่ม
ข.ผ้นู ากลุ่ม
ค.การนาไปใช้
ง.ถูกทกุ ขอ้

88

ใบงาน เรอื่ ง ทักษะกระบวนการจัดการความรู้

1.ผเู้ รียนจะตอ้ งพัฒนาตนเองเพือ่ การเรียนรู้ได้อย่างไรบา้ ง
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
2.ขน้ั ตอนการจัดการความรู้ด้วยตนเองมีอะไรบา้ งอธิบายมาพอสังเขป
......................................................................................................................................................................... .....
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
3.ปัจจยั ท่ีทาใหก้ ารจัดการความรู้ดว้ ยการรวมกลมุ่ ปฏบิ ัติการประสบผลสาเรจ็ อธบิ ายมาพอสังเขป
......................................................................................................................................................................... .....
........................................................................................................................................................................ ......
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................................. ................
................................................................................................................... ...........................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................... ..........................
......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
............................................................................................. .................................................................................

ช่อื .................................................. นามสกุล.................................................รหัสนกั ศกึ ษา.................................

89

แผนการจดั การเรยี นรคู้ ร้ังท่ี 1๐ (พบกลุ่ม)

กลุ่มสาระทักษะการเรียนรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร31001 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง การคิดเป็น

แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง ความเช่ือพนื้ ฐานทางการศกึ ษาผ้ใู หญฯ่ เวลาสอน ๑๐ ชั่วโมง

สอนวันท่ี........เดือน......................................พ.ศ. .....................ภาคเรยี นที่........ปกี ารศึกษา.......................

มาตรฐานการเรียนรู้
มมี คี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติท่ดี ีต่อการคดิ เปน็

ตัวชีว้ ดั
1.อธิบายหรอื ทบทวนปรชั ญาคิดเป็นและลักษณะของขอ้ มูลด้านวชิ าการ ตนเอง สงั คม ส่งิ แวดล้อมท่ี

นามาวิเคราะห์เพ่ือประกอบการจัดการตดั สนิ ใจแกป้ ญั หา
2.จาแนกเปรยี บเทยี บ ตรวจสอบ ขอ้ มูลดา้ นวชิ าการ ตนเอง สงั คม

สาระสาคัญ
ทบทวนความเข้าใจความเช่ือพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกโรงเรียนและการเช่ือมโยง

ไปสู่การเรียนรู้เรื่องของการคิดเป็น ศึกษาวิเคราะห์ลักษณะของข้อมูลท้ังด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม
สิ่งแวดลอ้ ม เพื่อนาไปใชใ้ นการเลอื กเกบ็ ขอ้ มูลดังกลา่ วมาใชป้ ระกอบการคิดตัดสินใจอย่างคนคิดเป็น

เน้อื หา
ทบทวนความเชือ่ พ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ/่ การศึกษานอกโรงเรยี นและการเชอื่ มโยงสู่ปรชั ญาคดิ เปน็

คุณธรรม
1. เพื่อการพัฒนาตน
2. เพ่ือการพฒั นาการทางาน
3. เพื่อการพัฒนาการอยรู่ ่วมกันในสงั คม
4. เพ่อื การพัฒนาประเทศชาติ

กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้ันนา
- การนาเข้าสบู่ ทเรียนด้วยวิธีการ ทักทายผ้เู รยี น และชแี้ จงบอกวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เรอื่ งทบทวน

ความเช่อื พนื้ ฐานทางการศึกษาผูใ้ หญ/่ การศึกษานอกโรงเรียนและการเช่ือมโยงสปู่ รัชญาคิดเป็น
- ครูใหผ้ ้เู รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ครัง้ ท่ี 5

90
ขน้ั สอน
- ครูอธบิ ายทบทวนความเช่ือพน้ื ฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่/การศกึ ษานอกโรงเรยี นและการเชอื่ มโยงสู่
ปรัชญาคดิ เปน็ และเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นซักถาม
- ผเู้ รยี นใช้แบบเรยี นวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ เปดิ เนื้อหา บทที่ 4 การคิดเป็น เรือ่ งความเชื่อพ้นื ฐานทาง
การศึกษาผ้ใู หญ่ กับกระบวนการคิดเปน็ การเช่อื มโยงสปู่ รัชญาคดิ เปน็ และการคิดการตัดสนิ ใจแก้ปัญหาอยา่ ง
เปน็ ระบบแบบคนคดิ เปน็
- ครูให้ผู้เรยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรอ่ื งการคดิ เป็น(เพม่ิ เติม)

- ครใู หผ้ ้เู รียนทาใบงาน เรื่องทบทวนความเช่ือพ้นื ฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ/่ การศึกษานอกโรงเรียน
และการเช่ือมโยงสปู่ รชั ญาคิดเปน็

ข้นั สรปุ
- ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกนั สรปุ หลังจากทุกกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรียน
- ครูใหค้ วามร้เู พิ่มเตมิ ในสว่ นท่ยี งั ไมส่ มบูรณ์
ส่ือและแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สอื แบบเรียน
2. ใบความรู้
3. ใบงาน
การวดั และประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรู้
2. วดั ความร้จู ากการทากจิ กรรมในใบงาน
3. การนาเสนอผลการเรียนรู้
4. แบบทดสอบ

91

แหล่งการเรยี นรู้/สืบคน้ ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ
1. หอ้ งสมุดประชาชน
2. กศน.ตาบล
3. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
4. Internet
5. ภมู ปิ ัญญา / แหลง่ เรียนรู้

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

พิจารณาแล้ว.................................................................................................................. ........................
............................................................................................................................. ..................................

ลงชือ่
(นางสาวปรารถนา ชีโพธิ์)

ผูอ้ านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน
วนั ท่ี ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........


Click to View FlipBook Version