๔๗
กจิ กรรมยุวกาชาด
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2
คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอุ์ น้ ผูอ้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๔๘
โครงสร้างกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ยุวกาชาดระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2
หน่วย ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ เน้อื หากจิ กรรม ภาคเรยี น เวลาเรยี น น้าหนกั
ท่ี กิจกรรม ๑๒ ชว่ั โมง คะแนน
๑ กิจกรรมกาชาดและ ๑. หลักการกาชาดสากล
ยวุ กาชาด ๒. กิจกรรมของสภากาชาดไทย ๒
และกาชาดสากล ๒
๒ กจิ กรรมสุขภาพ ๓. บทบาทและกิจกรรมของยุว
๒
๓ กิจกรรมสัมพันธภาพ กาชาดไทยและต่างประเทศ
๑. ระบบไหลเวยี นโลหติ กบั ๒
๔ กิจกรรมบาเพ็ญ สุขภาพ
ประโยชน์ ๒. เคหะพยาบาล ๔
๓. การสร้างเสรมิ สมรรถภาทาง ๒
๕ กิจกรรมพิเศษ กายและการออกกาลงั กาย
๔. พฤติกรรมเส่ียงทบ่ี ัน่ ทอน ๒
สุขภาพกาย
๑. หลักการทางานและการอยู่ ๒
รว่ มกับผู้อน่ื
๒. การประชาสัมพันธแ์ ละการ ๒
เผยแพรก่ ิจกรรมยุวกาชาด
๓.การสรา้ งสมั พนั ธภาพระหว่าง ๒
สมาชกิ ยวุ กาชาดภายในประเทศ
และระหว่างประเทศ ๒
๑. การให้ความชว่ ยเหลอื ผู้อนื่ ๒
๒. งานบรกิ ารของยุวกาชาดใน
ชุมชน ๓
๓. การจดั ทาโครงการบาเพ็ญ
ประโยชน์ ๓
๑. กจิ กรรมนกั อนรุ ักษ์และ
พฒั นาส่ิงแวดลอ้ ม ๒
๒. กิจกรรมสมนุ ไพรไทย ๒
๓. กิจกรรมการเดินทางไกล ๓๖
รวมทัง้ หมด
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอน้ ผ้อู านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๔๙
แผนการจัดกจิ กรรม
กล่มุ กจิ กรรมกาชาดและยุวกาชาด ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
เรอ่ื ง หลกั การกาชาดสากล ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๒ ชัว่ โมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคญั
การศึกษาทาความเข้าใจถึงประวัตคิ วามเป็นมาของกาชาดสากลและบทบาทหนา้ ท่ีของกาชาดสากลจะ
ช่วยใหส้ มาชกิ ยุวกาชาดมคี วามรู้ ความเข้าใจ และตระหนกั ถงึ ความสาคัญของกิจการตา่ ง ๆ ทกี่ าชาดสากล
ดาเนนิ การ
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายความหมายของหลักการกาชาดได้
๒. ระบขุ ้อมลู ทเี่ ก่ยี วกบั หลักการกาชาดได้
๓. ศึกษาและร่วมปฏบิ ตั ิกิจกรรมกับเพ่ือนสมาชิกดว้ ยความมวี นิ ยั และใฝ่รู้
๓. เน้ือหา
หลักการกาชาด
- ความหมายและความสาคัญของหลกั การกาชาด
- หลกั การกาชาดสากล
๔. กิจกรรม
1. พิธเี ปดิ การเรียนการสอน
2. เพลง – เกม
3. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกีย่ วกับความสาคัญของหลักการกาชาด
๓.๒ ศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูลเก่ยี วกับหลักการกาชาด
๓.๓ รว่ มศึกษาและปฏบิ ตั ิกิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยวุ กาชาดสรปุ ความรทู้ ไี่ ด้รบั รว่ มกัน
4. พิธีปิดการเรียนการสอน
๕. ส่ือการเรียนการสอน
๑. แผนภมู ิเพลงสวัสดยี ุวกาชาด
๒. เกมกรอกนา้ ใสข่ วด
๓. ภาพแสดงข้อความหลักการกาชาดสากล ๗ ขอ้
๖. การประเมินผล
๑. สังเกตความสนใจและความตง้ั ใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะมสี ว่ นร่วมในการตอบคาถาม
ค่มู อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๕๐
แผนการจดั กจิ กรรม
กลุ่มกจิ กรรมสุขภาพ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
เร่อื ง ระบบไหลเวียนโลหิตกับสุขภาพ ภาคเรยี นท่ี ๑ จานวน ๒ ชว่ั โมง
......................................................................................... .....................................................................................
๑. สาระสาคญั
ระบบไหลเวยี นโลหิตเป็นระบบทีส่ าคญั อยา่ งหนึง่ เพราะเป็นระบบทที่ าหน้าท่ีลาเลียงสารอาหาร และ
ออกซิเจนไปส่เู ซลต่าง ๆ ในร่างกาย ดังน้ันสมาชกิ ยวุ กาชาดควรมีความรเู้ กี่ยวกบั เร่อื งระบบไหลเวียนของโลหิต
เพอื่ นาไปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวนั
๒. จุดประสงค์
๑. อธบิ ายความสาคัญของระบบไหลเวยี นโลหติ กบั สขุ ภาพได้
๒. ระบอุ งค์ประกอบ การบารุงรักษา และการสรา้ งเสรมิ ความทนทานของระบบไหลเวยี นโลหิต
๓. ศึกษาและรว่ มปฏบิ ัติกิจกรรมกบั เพื่อนสมาชิกดว้ ยความมวี ินัยและใฝ่รู้
๓. เน้อื หา
ระบบไหลเวยี นโลหิตกบั สุขภาพ
- องคป์ ระกอบของระบบไหลเวยี นโลหติ
- การบารงุ รกั ษาระบบไหลเวยี นโลหิต
- กจิ กรรมสร้างเสริมความทนทานของระบบไหลเวียนโลหติ
๔. กิจกรรม
๑. พิธีเปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเกยี่ วกับองค์ประกอบและการบารุงรกั ษาระบบไหลเวียนโลหติ
๓.๒ ศึกษากิจกรรมการสรา้ งเสรมิ ความทนทานของระบบไหลเวยี นโลหิต
๓.๓ ร่วมศึกษาและปฏิบตั กิ จิ กรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยวุ กาชาดสรปุ ความร้ทู ่ีได้รับรว่ มกนั
๔. พิธปี ิดการเรียนการสอน
๕. ส่ือการเรยี นการสอน
๑. แผนภมู แิ สดงวิธีการเลน่ เกมต้ังแลว้ ลม้
๒. ใบความรู้เรอ่ื งองค์ประกอบและการบารุงรักษาระบบไหลเวยี นโลหิต
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความตั้งใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะมสี ่วนร่วมในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการนาเสนอผลงาน
คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผ้อู านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๕๑
แผนการจดั กจิ กรรม
กลุ่มกจิ กรรมสขุ ภาพ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒
เรอ่ื ง การเคหพยาบาล ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๔ ชัว่ โมง
................................................................................................................................................................... ...........
๑. สาระสาคัญ
บทบาททีส่ าคญั อย่างหนง่ึ ของสมาชกิ ยวุ กาชาดคือ การให้ความชว่ ยเหลือแก่ผอู้ ่ืน ซึง่ การปฏบิ ัตดิ ังกล่าวมี
ความสอดคล้องกับคาปฏญิ าณตนในข้อท่ี ๒ ทีก่ ล่าวว่า “ข้าจะเป็นมติ รกบั คนท่วั ไปและจะบาเพ็ญตนให้เป็น
ประโยชน์ต่อสว่ นรวม” ดงั น้นั สมาชิกยวุ กาชาดจะไดเ้ รียนร้เู ก่ียวกบั แนวทางปฏบิ ัติทวั่ ไปในการให้ความชว่ ยเหลือ
ผู้อื่นและสิง่ ทีย่ ุวกาชาดควรปฏิบัตติ น
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายวิธีการให้ความช่วยเหลือผอู้ นื่ ได้ถูกต้อง
๒. ปฏิบัตกิ ารใหค้ วามช่วยเหลือผูอ้ ่ืนได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
๓. ศึกษาและร่วมปฏบิ ตั ิกิจกรรมกับเพ่ือนสมาชิกด้วยความมวี นิ ัยและใฝ่รู้
๓. เน้ือหา
การให้ความชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื
แนวทางปฏบิ ัตทิ วั่ ไปในการให้ความช่วยเหลือผู้อน่ื ในกรณตี ่าง ๆ
๔. กจิ กรรม
๑. พธิ ีเปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกี่ยวกับความสาคญั ของการให้ความชว่ ยเหลือผู้อื่น
๓.๒ ศกึ ษาแนวทางปฏบิ ัตทิ ่ัวไปในการให้ความช่วยเหลอื ผู้อ่นื ในกรณีตา่ ง ๆ
๓.๓ ร่วมศึกษาและปฏบิ ตั ิกิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยุวกาชาดสรุปความร้ทู ่ไี ด้รับรว่ มกนั
๔. พธิ ีปดิ การเรียนการสอน
๕. สือ่ การเรยี นการสอน
๑. แผนภูมเิ พลงมารช์ ยวุ กาชาด
๒. แผนภมู แิ นวทางปฏบิ ัตทิ ว่ั ไปในการใหค้ วามช่วยเหลือผูอ้ นื่ ในกรณีต่าง ๆ
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความต้ังใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะมีส่วนร่วมในการตอบคาถาม
คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม
๕๒
แผนการจัดกิจกรรม
กลุ่มกิจกรรมสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒
เรือ่ ง หลักการทางานและการอยูร่ ่วมกับผอู้ ่ืน ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๒ ชว่ั โมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคญั
ในการทางานร่วมกนั สมาชกิ ยุวกาชาดต้องสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ีต่อเพ่ือนร่วมงาน ต้องรับฟงั ความคิดเห็น
ของผู้อืน่ ยดึ เหตผุ ลเป็นสาคญั ช่วยเหลือเพ่อื นร่วมงานด้วยความเต็มใจงานจึงจะบรรลผุ ลสาเรจ็
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายและระบแุ นวทางในการปฏิบตั ิตนในการอยรู่ ว่ มกับผู้อน่ื
๒. วิเคราะห์คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการอยู่รว่ มกนั ตามหลักพระพุทธศาสนา
๓. ศึกษาและร่วมปฏิบตั ิกจิ กรรมกบั เพื่อนสมาชิกด้วยความมวี นิ ัยและใฝร่ ู้
๓. เนื้อหา
หลกั การทางานและการอยู่ร่วมกับผอู้ ื่น
- คุณธรรมและจริยธรรมในการอยรู่ ่วมกันตามหลกั พระพทุ ธศาสนา
- แนวทางในการปฏิบตั ิตนในการอย่รู ่วมกบั ผู้อื่น
๔. กจิ กรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเก่ียวกับแนวทางในการปฏิบตั ิตนในการอยู่รว่ มกับผู้อืน่
๓.๒ ศกึ ษาค้นคว้าเกยี่ วกับหลักธรรมคาสอนของศาสนาให้อยรู่ ่วมกนั อย่างมีความสุข
๓.๓ ร่วมศึกษาและปฏิบัติกจิ กรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรุปความรทู้ ไ่ี ด้รบั รว่ มกัน
๔. พธิ ปี ิดการเรียนการสอน
๕. สื่อการเรียนการสอน
๑. แผนภูมิเพลงบาเพ็ญตน
๒. แผนภูมิแนวทางในการปฏบิ ัติตนในการอยรู่ ่วมกับผูอ้ น่ื
๖. การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตความสนใจและความต้ังใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะมีสว่ นรว่ มในการตอบคาถาม
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๕๓
แผนการจัดกิจกรรม
กลุ่มกจิ กรรมสมั พันธภาพและความเข้าใจอนั ดี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒
เรือ่ ง การประชาสัมพันธแ์ ละการเผยแพร่กิจกรรมยุวกาชาด ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๒ ชั่วโมง
..................................................................................................................................................... .........................
๑. สาระสาคัญ
การกาชาดและยวุ กาชาดเปน็ องค์กรการกศุ ลทบ่ี รรเทาทุกข์แก่ผู้เดอื ดร้อน ดังนนั้ สมาชกิ ยวุ กาชาดตอ้ ง
สรา้ งความเขา้ ใจอันดีเกี่ยวกบั กาชาด โดยอาศยั วธิ กี ารประชาสมั พนั ธ์
๒. จุดประสงค์
๑. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั และวัตถปุ ระสงค์ของการประชาสัมพันธไ์ ด้
๒. อธิบายและระบุการดาเนนิ งานประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่กจิ กรรมของสภากาชาดได้
๓. ศกึ ษาและรว่ มปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกับเพ่ือนสมาชิกด้วยความมวี ินัยและใฝ่รู้
๓. เน้ือหา
การประชาสัมพันธแ์ ละการเผยแพร่กจิ กรรมยวุ กาชาด
- ความหมาย ความสาคญั และวัตถปุ ระสงคข์ องการประชาสัมพนั ธ์
- การดาเนินงานประชาสัมพันธแ์ ละการเผยแพร่กจิ กรรมของสภากาชาดไทย
๔. กิจกรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกีย่ วกับแนวทางในการปฏบิ ัติตนในการอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่นื
๓.๒ ศกึ ษาคน้ ควา้ เกี่ยวกับหลักธรรมคาสอนของศาสนาใหอ้ ยูร่ ่วมกนั อยา่ งมคี วามสุข
๓.๓ รว่ มศกึ ษาและปฏบิ ตั กิ ิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรุปความรูท้ ีไ่ ดร้ ับร่วมกัน
๔. พิธปี ิดการเรยี นการสอน
๕. ส่ือการเรยี นการสอน
๑. เกมนกป้อนเหยื่อ
๒. ภาพแสดงตวั อยา่ งกิจกรรมท่ีใชใ้ นการประชาสัมพนั ธ์
๓. ตัวอยา่ งการดาเนินโครงการเผยแพร่กจิ กรรมยุวกาชาด
๖. การประเมินผล
๑. สังเกตความสนใจและความต้ังใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะมสี ว่ นร่วมในการตอบคาถาม
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๕๔
แผนการจดั กิจกรรม
กลุม่ กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
เร่อื ง การใหค้ วามชว่ ยเหลือผอู้ ่นื ภาคเรยี นท่ี ๑ จานวน ๒ ชง่ั โมง
.................................................................................................................................. ............................................
๑. สาระสาคัญ
บทบาททสี่ าคัญอย่างหนึ่งของสมาชิกยุวกาชาดคือ การให้ความช่วยเหลอื แกผ่ ู้อื่น ซึ่งการปฏบิ ัตดิ ังกลา่ วมี
ความสอดคล้องกับคาปฏิญาณตนในข้อที่ ๒ ทก่ี ลา่ ววา่ “ข้าจะเปน็ มติ รกบั คนทัว่ ไปและจะบาเพ็ญตนใหเ้ ป็น
ประโยชน์ต่อสว่ นรวม” ดงั น้ันสมาชกิ ยุวกาชาดจะไดเ้ รียนร้เู กยี่ วกบั แนวทางปฏิบตั ิทว่ั ไปในการให้ความชว่ ยเหลอื
ผูอ้ ืน่ และสิ่งที่ยุวกาชาดควรปฏบิ ัตติ น
๒. จุดประสงค์
๑. อธบิ ายวิธีการใหค้ วามช่วยเหลือผอู้ ่นื ได้ถกู ต้อง
๒. ปฏิบตั ิการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผ้อู ่นื ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
๓. เนือ้ หา
การใหค้ วามช่วยเหลือผ้อู ื่น
- แนวทางปฏบิ ตั ทิ ั่วไปในการให้ความชว่ ยเหลือผ้อู ่นื ในกรณีต่าง ๆ
๔. กิจกรรม
๕. พธิ ีเปดิ การเรียนการสอน
๖. เพลง – เกม
๗. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกี่ยวกับความสาคัญของการให้ความชว่ ยเหลอื ผู้อนื่
๓.๒ ศึกษาแนวทางปฏิบัติทั่วไปในการให้ความชว่ ยเหลือผูอ้ นื่ ในกรณตี า่ ง ๆ
๓.๓ รว่ มศกึ ษาและปฏบิ ัติกิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรปุ ความรู้ท่ีได้รบั รว่ มกนั
๘. พิธปี ดิ การเรียนการสอน
๕. สื่อการเรยี นการสอน
๑. แผนภูมเิ พลงมารช์ ยุวกาชาด
๒. แผนภมู ิแนวทางปฏบิ ัตทิ ั่วไปในการใหค้ วามชว่ ยเหลือผ้อู นื่ ในกรณีตา่ ง ๆ
๖. การประเมินผล
๑. สังเกตความสนใจและความตง้ั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะมีสว่ นร่วมในการตอบคาถาม
๓. สงั เกตการนาเสนอผลงาน
คูม่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกัด สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม
๕๕
แผนการจัดกจิ กรรม
กลุ่มกิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
เรอื่ ง งานบริการของยุวกาชาดในชมุ ชน ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๒ ชวั่ โมง
............................................................................................................................................................................ ..
๑. สาระสาคัญ
สมาชิกยวุ กาชาดจาเป็นต้องทราบถงึ สภาพของชมุ ชนและความตอ้ งการของชุมชนนัน้ ๆ เพ่อื ใหส้ ามารถ
ช่วยเหลอื และร่วมมือกบั เจา้ หน้าทท่ี ่เี กีย่ วข้องกบั งานท่ีสมาชิกยุวกาชาดจะดาเนินการเข้าร่วมในรปู แบบของการ
ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ
๒. จุดประสงค์
๑. อธิบายความหมายและความสาคัญของงานบรกิ ารของยุวกาชาดในชมุ ชนในด้านต่าง ๆ ได้
๒. ร่วมปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยความมวี นิ ัยและใฝร่ ู้
๓. เน้ือหา
งานบรกิ ารของยุวกาชาดในชมุ ชน
- การให้บริการด้านอนามยั ในชุมชน
- การให้บริการชว่ ยเหลอื คนชราในชุมชน
- การให้บรกิ ารสิ่งแวดลอ้ มในชุมชน
๔. กจิ กรรม
๑. พิธีเปิดการเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเกย่ี วกับความสาคัญของงานบริการของยวุ กาชาดในชุมชนในด้านต่าง ๆ
๓.๒ ศึกษาแนวทางปฏิบตั ิของงานบริการในชุมชนในดา้ นตา่ ง ๆ
๓.๓ รว่ มศึกษาและปฏิบตั กิ ิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยวุ กาชาดสรปุ ความรทู้ ่ีไดร้ ับร่วมกนั
๔. พธิ ีปิดการเรียนการสอน
๕. สื่อการเรยี นการสอน
๑. เกมนกอยู่ในรงั
๒. แผนภูมิการใหบ้ ริการดา้ นอนามยั ในชุมชน
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความต้ังใจในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะมสี ่วนรว่ มในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการนาเสนอผลงาน
คู่มือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ ้น ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๕๖
แผนการจดั กจิ กรรม
กลุม่ กิจกรรมพเิ ศษ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
เรื่อง กิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม ภาคเรยี นที่ ๑ จานวน ๒ ชวั่ โมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคัญ
ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มมีความสาคญั ต่อความเปน็ อยู่ของมนุษย์ การอนุรักษท์ รัพยากรและ
พัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม ต้องอาศัยความรว่ มมอื ของประชาชน โดยเฉพาะสมาชกิ ยุวกาชาดต้องเป็นตัวอยา่ งที่ดใี นการ
แสดงออกถึงความมีจติ ใจท่เี ป็นนักอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติใหค้ งอยสู่ ืบไป
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายวิธีการอนรุ กั ษท์ รัยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมได้
๒. สามารถนาทรัพยากรธรรมชาตมิ าใช้ใหเ้ กิดประโยชน์อย่างคุม้ คา่
๓. ศกึ ษาและรว่ มปฏบิ ัติกจิ กรรมกับเพื่อนสมาชิกยุวกาชาดดว้ ยความมวี นิ ัยและใฝ่รู้
๓. เน้ือหา
กิจกรรมนกั อนุรกั ษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม
๑. ความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
๒. แนวทางการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
๓. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ให้เกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่
๔. การทาโครงการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
๔. กจิ กรรม
๑. พิธีเปิดการเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเก่ียวกับกจิ กรรมนักอนรุ ักษ์และพัฒนาสง่ิ แวดลอ้ ม
๓.๒ ศึกษาคน้ คว้าเก่ยี วกับกิจกรรมนักอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดลอ้ ม
๓.๓ ร่วมศกึ ษาและปฏบิ ตั ิกิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยวุ กาชาดสรุปความรทู้ ี่ไดร้ ับรว่ มกัน
๔. พธิ ีปิดการเรียนการสอน
๕. สือ่ การเรยี นการสอน
๑. แผนภมู เิ พลงโชคดี
๒. ใบความร้เู รอ่ื งกจิ กรรมนักอนุรักษแ์ ละพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม
๖. การประเมินผล
๑. สังเกตความสนใจและความตงั้ ใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะมีสว่ นร่วมในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการณ์นาเสนอผลงาน
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอุ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม
๕๗
แผนการจดั กจิ กรรม
กลุ่มกจิ กรรมกาชาดและยุวกาชาด ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
เรือ่ ง กิจกรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล ภาคเรยี นที่ ๒ จานวน ๒ ชงั่ โมง
......................................................................................................................................................... .....................
๑. สาระสาคัญ
การศึกษาทาความเข้าใจเก่ียวกับเร่อื ง กจิ กรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล จะช่วยให้สมาชิก
ยุวกาชาดเข้าใจหน้าท่ีความรับผิดชอบและการดาเนนิ งานต่าง ๆ ในกจิ กรรมของหนว่ ยงานสภากาชาดไทยและ
กาชาดสากล
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายกจิ กรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากลได้
๒. วิเคราะห์และระบุกิจกรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากลได้
๓. ศึกษาและรว่ มปฏิบัติกจิ กรรมกบั เพ่ือนสมาชิกด้วยความมวี นิ ยั และใฝร่ ู้
๓. เน้อื หา
กิจกรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล
- กจิ กรรมของสภากาชาดไทย
- กจิ กรรมของสากล
๔. กจิ กรรม
๑. พิธเี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเก่ยี วกับกิจกรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล
๓.๒ ศึกษาค้นควา้ เร่ืองเกี่ยวกับกิจกรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล
๓.๓ สมาชิกยุวกาชาดสรปุ ความรทู้ ีไ่ ด้รบั ร่วมกัน
๔. พธิ ีปดิ การเรยี นการสอน
๕. สื่อการเรยี นการสอน
๑. แผนภูมเิ พลงยินดีท่รี จู้ ัก
๒. เกมต่อขบวนรถไฟ
๓. ใบความรูเ้ ร่ืองกจิ กรรมของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล
๖. การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตความสนใจและความตั้งใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะมีส่วนรว่ มในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการณน์ าเสนอผลงาน
คมู่ อื ยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอุ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๕๘
แผนการจัดกจิ กรรม
กลมุ่ กิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒
เรอื่ ง บทบาทและกจิ กรรมยุวกาชาดไทยและต่างประเทศ ภาคเรยี นที่ ๒ จานวน ๒ ช่ัวโมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคญั
บทบาทและกิจกรรมของยุวกาชาดไทยและต่างประเทศจะช่วยให้สมาชกิ ยุวกาชาดเข้าใจเกยี่ วกับหนา้ ที่
ความรับผดิ ชอบ การดาเนนิ งานต่าง ๆ ในบทบาทและกิจกรรมของยุวกาชาดไทยและต่างประเทศได้อยา่ ง
เหมาะสม
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายและระบบุ ทบาทของยุวกาชาดไทยและตา่ งประเทศได้
๒. อธบิ ายและระบุได้กจิ กรรมของยวุ กาชาดไทยและต่างประเทศได้
๓. ศกึ ษาและรว่ มปฏบิ ัติกิจกรรมกบั เพ่ือนสมาชิกด้วยความมวี ินยั และใฝร่ ู้
๓. เน้ือหา
บทบาทและกิจกรรมยุวกาชาดไทยและต่างประเทศ
- บทบาทและกจิ กรรมของยุวกาชาดไทย
- บทบาทและกจิ กรรมของยวุ กาชาดตา่ งประเทศ
๔. กิจกรรม
๑. พธิ ีเปิดการเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกยี่ วกับบทบาทของยุวกาชาดไทยและตา่ งประเทศ
๓.๒ ศึกษาค้นคว้าเก่ยี วกบั กจิ กรรมของยวุ กาชาดไทยและตา่ งประเทศ
๓.๓ ร่วมศกึ ษาและปฏิบัตกิ จิ กรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรปุ ความรู้ทไ่ี ด้รับรว่ มกนั
๔. พิธีปดิ การเรียนการสอน
๕. สอื่ การเรยี นการสอน
๑. เกมลิงชิงบอล
๒. ภาพแสดงกจิ กรรมของยวุ กาชาดไทยและต่างประเทศ
๓. ใบงานบทบาทและกจิ กรรมของยุวกาชาดไทยและตา่ งประเทศ
๖. การประเมินผล
๑. สังเกตความสนใจและความต้ังใจในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะมสี ว่ นรว่ มในการตอบคาถาม
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุอ์ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๕๙
แผนการจัดกิจกรรม
กลุ่มกจิ กรรมสขุ ภาพ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
เรือ่ ง การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและการออกกาลังกาย ภาคเรียนที่ ๒ จานวน ๒ ช่ัวโมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคญั
การมสี มรรถภาพทางกายที่ดี จะทาใหส้ มาชิกยุวกาชาดมีความสามารถในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ได้
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพดังน้นั การศึกษาเกีย่ วกับการเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกายและการออกกาลังกาย
จึงมคี วามสาคัญตอ่ การดาเนินชวี ิตของสมาชกิ ยุวกาชาดทุกคน
๒. จุดประสงค์
๑. อธบิ ายความหมายและองคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกายได้
๒. อธิบายความสาคญั จุดประสงค์ และหลักการวางแผนการออกกาลังกายได้
๓. วเิ คราะหห์ ลกั ในการเลือกกจิ กรรมในการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย
๔. ศกึ ษาและรว่ มปฏิบัติกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกดว้ ยความมีวนิ ัยและใฝร่ ู้
๓. เนอื้ หา
การเสริมสรา้ งสมรรถภาพทางกายและการออกกาลังกาย
- ความหมายและองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกาย
- หลกั ในการเลือกกจิ กรรมในการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย
- รปู แบบการจัดกจิ กรรมทีน่ ามาใช้ในการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกาย
๔. กจิ กรรม
๑. พธิ ีเปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเก่ียวกับกจิ กรรมและแนวทางในการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย
๓.๒ ศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั รูปแบบการจัดกจิ กรรมการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย
๓.๓ ร่วมศกึ ษาและปฏบิ ัตกิ ิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรปุ ความรทู้ ไ่ี ดร้ ับร่วมกัน
๔. พิธปี ิดการเรยี นการสอน
๕. สื่อการเรียนการสอน
๑. เกมจิงโจ้กระโดด
๒. ภาพแสดงกิจกรรมของยุวกาชาดไทยและต่างประเทศ
๓. ภาพรูปแบบการจัดกจิ กรรมการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางการ
๖. การประเมนิ ผล
๑. สังเกตความสนใจและความตั้งใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะมีส่วนรว่ มในการตอบคาถาม
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ ้น ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๐
แผนการจดั กจิ กรรม
กลมุ่ กิจกรรมสขุ ภาพ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
เรื่อง พฤตกิ รรมเสีย่ งท่ีบ่ันทอนสุขภาพ ภาคเรยี นที่ ๒ จานวน ๒ ชว่ั โมง
.................................................................................................... ..........................................................................
๑. สาระสาคัญ
พฤติกรรมเสีย่ งเปน็ พฤติกรรมท่ีไม่พงึ ประสงค์ เพราะอาจเป็นสาเหตแุ ละปญั หาทน่ี าไปสูก่ ารเกิดอันตราย
ตอ่ ชีวิตและสุขภาพได้ ดงั น้นั สมาชิกยุวกาชาดจะไดเ้ รยี นรเู้ กี่ยวกบั พฤติกรรมเสี่ยงเพื่อสามารถนาไปแนะนาให้
บคุ คลอนื่ ได้
๒. จุดประสงค์
๑. อธิบายความหมายพฤตกิ รรมเสี่ยงที่บ้นั ทอนสขุ ภาพได้
๒. วเิ คราะหพ์ ฤติกรรมเสีย่ งท่ีก่อใหเ้ กิดปัญหาต่อสุขภาพได้
๓. อธบิ ายและระบุกลวิธสี รา้ งเสริมสขุ ภาพได้
๔. ศกึ ษาและร่วมปฏบิ ัติกจิ กรรมกับเพ่ือนสมาชิกดว้ ยความมีวนิ ยั และใฝ่รู้
๓. เนือ้ หา
พฤตกิ รรมเสีย่ งที่บนั่ ทอนสขุ ภาพ
- ความหมายพฤติกรรมเส่ยี งที่บ้ันทอนสขุ ภาพ
- พฤตกิ รรมเสีย่ งท่ีก่อให้เกิดปญั หาต่อสุขภาพ
- กลวิธสี ร้างเสริมสุขภาพ
๔. กจิ กรรม
๑. พิธเี ปิดการเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเก่ียวกับพฤติกรรมเสย่ี งท่ีก่อใหเ้ กิดปัญหาตอ่ สขุ ภาพ
๓.๒ ศึกษาค้นคว้าเกีย่ วกับกลวิธีสรา้ งเสรมิ สุขภาพ
๓.๓ ร่วมศกึ ษาและปฏบิ ตั กิ ิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยวุ กาชาดสรุปความรู้ที่ได้รับร่วมกนั
๔. พธิ ปี ดิ การเรียนการสอน
๕. ส่อื การเรียนการสอน
๑. เกมลูกแก้วชิงชยั
๒. ภาพแสดงพฤติกรรมเสีย่ งท่ีกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาตอ่ สุขภาพ
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความตัง้ ใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะมสี ่วนร่วมในการตอบคาถาม
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๑
แผนการจัดกจิ กรรม
กลุม่ กิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
เร่ือง การจัดทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์ ภาคเรยี นท่ี ๒ จานวน ๓ ช่ัวโมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคญั
กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชนข์ องยุวกาชาด มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อใหส้ มาชกิ ได้แสดงออกทางดา้ นการมีน้าใจต่อ
เพือ่ นมนุษย์ ดังนน้ั สมาชกิ ยุวกาชาดควรตระหนักถึงความสาคญั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์ จึงจะ
นามาสู่การเสรมิ สร้างลกั ษณะนสิ ัยทีด่ ตี ่อไป
๒. จุดประสงค์
๑. อธิบายขั้นตอนวธิ ีดาเนินการจดั ทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนได้
๒. เขยี นโครงการและสามารถดาเนินการในกิจกรรมบาเพ็ญประโยชนใ์ นชมุ ชนได้
๓. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของการจดั ทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชน
๔. ศกึ ษาและรว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรมกบั เพ่ือนสมาชิกยวุ กาชาดดว้ ยความมีวินยั และใฝร่ ู้
๓. เนื้อหา
การจัดทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์
- แนวทางในการจัดทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์
- ประโยชน์ของการจัดทาโครงการบาเพ็ญประโยชน์
๔. กิจกรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ สนทนาซักถามเกย่ี วกับจดั ทาโครงการบาเพญ็ ประโยชน์
๓.๒ ศกึ ษาและดูภาพท่เี ก่ียวกับการจัดทาโครงการบาเพ็ญประโยชน์
๓.๓ ร่วมศึกษาและปฏบิ ตั ิกจิ กรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยุวกาชาดสรุปความรู้ทไ่ี ดร้ บั ร่วมกัน
๔. พิธีปิดการเรยี นการสอน
๕. ส่อื การเรยี นการสอน
๑. เพลงบาเพ็ญประโยชน์
๒. แผนภูมกิ ารจดั ทาโครงการ
๖. การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตความสนใจและความต้งั ใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะมีสว่ นรว่ มในการตอบคาถาม
๓. สงั เกตการนาเสนอผลงาน
คูม่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอุ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๒
แผนการจัดกิจกรรม
กลุ่มกิจกรรมพิเศษ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒
เรอื่ ง สมุนไพรไทย ภาคเรียนที่ ๒ จานวน ๓ ชว่ั โมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคัญ
กจิ กรรมสมนุ ไพรไทยนส้ี มาชิกยวุ กาชาดจะได้ศึกษาเก่ยี วกับเรือ่ ง ความหมาย ความสาคัญ ประเภทและ
ประโยชนข์ องสมุนไพรไทย เพ่อื นาความรู้ไปปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจาวัน
๒. จุดประสงค์
๑. อธบิ ายความหมายและระบปุ ระโยชนข์ องสมนุ ไพรต่าง ๆได้
๒. ศึกษาและรว่ มปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกบั เพ่ือนสมาชิกยวุ กาชาดด้วยความมวี ินัยและใฝร่ ู้
๓. เน้ือหา
สมุนไพรไทย
- ความหมาย ความสาคญั และประเภทของสมุนไพรไทย
- ตวั อย่างสมนุ ไพร สรรพคุณ และวิธใี ช้
- หลกั การเบื้องตน้ ในการใช้สมุนไพร
๔. กจิ กรรม
๑. พิธเี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเก่ยี วกับสมุนไพร
๓.๒ ศกึ ษาประโยชน์ของสมุนไพร
๓.๓ ร่วมศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชิกยุวกาชาดสรุปความรู้ทไี่ ดร้ บั รว่ มกัน
๔. พิธีปิดการเรียนการสอน
๕. สื่อการเรยี นการสอน
๑. เกมต่อตัวอักษร
๒. ตวั อยา่ งสมุนไพรและผลิตภณั ฑ์จากสมนุ ไพร
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความตงั้ ใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะมีส่วนร่วมในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการนาเสนอผลงาน
ค่มู อื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกัด สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม
๖๓
แผนการจัดกจิ กรรม
กลุ่มกิจกรรมพิเศษ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
เรื่อง การเดินทางไกล ภาคเรยี นที่ ๒ จานวน ๓ ชว่ั โมง
............................................................................................................................. .................................................
๑. สาระสาคัญ
กิจกรรมการเดินทางไกลน้ีสมาชิกยุวกาชาดจะได้ศึกษาความรูแ้ ละฝกึ ฝนเพ่อื ใหเ้ กิดทักษะพ้ืนฐานในการ
ประกอบกจิ กรรมต่าง ๆขณะอยู่ค่าย
๒. จดุ ประสงค์
๑. อธิบายความปลอดภัยในการเดินทางไกลและสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเดินทางไกล
๒. ศึกษาและรว่ มปฏบิ ัติกจิ กรรมกบั เพ่ือนสมาชิกยุวกาชาดดว้ ยความมวี ินยั และใฝ่รู้
๓. เน้อื หา
การเดินทางไกล
- ความปลอดภัยในการเดนิ ทางไกล
- สัญลักษณ์ท่ใี ชใ้ นการเดนิ ทางไกล
๔. กิจกรรม
๑. พธิ ีเปิดการเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามเกีย่ วกับกิจกรรมการเดินทางไกล
๓.๒ ศึกษาสัญลกั ษณ์ท่ีใชใ้ นการเดนิ ทางไกล
๓.๓ รว่ มศึกษาและปฏิบัตกิ ิจกรรมประกอบ
๓.๔ สมาชกิ ยวุ กาชาดสรุปความรู้ท่ไี ด้รับรว่ มกนั
๔. พธิ ปี ดิ การเรยี นการสอน
๕. สอ่ื การเรยี นการสอน
๑. เพลงบรกิ าร
๒. แผ่นปา้ ยแสดงสัญลกั ษณ์ทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทางไกล
๖. การประเมินผล
๑. สงั เกตความสนใจและความตง้ั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒. สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะมีสว่ นร่วมในการตอบคาถาม
๓. สังเกตการนาเสนอผลงาน
คูม่ อื ยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๖๔
กจิ กรรมยวุ กาชาด
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3
คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอุ์ น้ ผูอ้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๖๕
กาหนดการสอนกิจกรรมยุวกาชาด
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
กจิ กรรมวชิ าต่าง ๆ และจานวนคาบเวลาเรียน
คาบเวลาเรยี น
ลาดับที่ กจิ กรรมบังคับ ภาคเรียนที่ กจิ กรรมพเิ ศษ หมายเหตุ
๒
๑๒
๑ การกาชาด ๓ ๓ ๑. ความจงรักภกั ดีต่อชาติ
ศาสนาและพระมหากษตั รยิ ์
๒ เคหพยาบาล ๓ ๓ ๒. มารยาทสังคม
๓ บาเพญ็ ประโยชน์
๔ ระเบียบแถว ๒ ๒ ๓. พ่ีเลีย้ งเด็ก
๕ อนรุ กั ษธ์ รรมชาติและสิง่ แวดล้อม
๖ การผกู เงื่อนและประโยชนข์ องเงอ่ื น ๒ ๒ ๔. วางแผนครอบครัว
๗ การเดินทางสารวจ
๒ ๒ ๕ ฝกึ บริหารจิต
๒ ๒ ๖. พัฒนาบคุ ลิกภาพ
๒ ๒ ๗. ทักษะในครอบครวั
๘. ผจญภัย
๙. บกุ เบิก
๑๐. การอยู่ค่าย
๑๑. เดินทางไกล
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๖
การกาชาด
ลาดับท่ี เน้ือหา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
ภาคเรียนที่
๑ การชว่ ยงานผูน้ ายวุ กาชาด ๑๒
๒ งานท่สี มาชิกยวุ กาชาดสามารถชว่ ยผนู้ ายวุ กาชาดได้
๓ การผลติ อุปกรณ์การเรียนการสอน
๔ บทบาทของยุวกาชาดต่อสภากาชาดไทย
๕ การช่วยเหลอื สภากาชาดไทยโดยจัดหารายได้ตา่ ง ๆ
๖ การชว่ ยเหลือสภากาชาดไทยเก่ยี วกับการบรจิ าคโลหติ
หรืองานอืน่
๗ การช่วยงานและเข้ารับกจิ กรรมของยวุ กาชาด
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๖๗
เรอื่ ง การกาชาด กจิ กรรมที่ ๑
ชั้น ม. ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ (๔ คาบ)
จุดประสงค์
๑. บอกบทบาทหน้าทข่ี องผูน้ ายุวกาชาดได้
๒. สมาชิกยวุ กาชาดสามารถชว่ ยงานผูน้ ายวุ กาชาดได้
เนือ้ หา
๑. หน้าทข่ี องครผู ู้นากล่มุ ยุวกาชาด
๑.๑ การจัดการเรยี นการสอนสมาชิกยุวกาชาดในโรงเรยี น ครผู นู้ าจะต้องมหี นา้ ท่ีสาคัญตา่ ง ๆ
คอื
๑.๒ เปน็ ผู้สอนและอบรมสมาชิกยวุ กาชาด
๑.๓ เปน็ ผนู้ าในการจัดกจิ กรรม
๒. สมาชกิ ยวุ กาชาดสามารถชว่ ยผู้นายุวกาชาดได้
๒.๑ ช่วยจดั นทิ รรศการ
๒.๒ ช่วยกจิ กรรมในพิธีเข้าประจาหมู่
๒.๓ ช่วยปฏิบตั ิงานในหน่วยปฐมพยาบาล
๒.๔ ชว่ ยเหลอื ครูผนู้ าฝกึ ระเบยี บแถว สัญญาณมอื สัญญาณนกหวดี
๒.๕ ชว่ ยเหลือผู้นาสอนวิธปี ฐมพยาบาลและเคหพยาบาล
๒.๖ ชว่ ยครผู ู้นาควบคุมและเสนอแนะสมาชิกรนุ่ นอ้ งปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ
๒.๗ ชว่ ยครูผนู้ าจดั ทาอุปกรณ์การสอนวิชายวุ กาชาด
กิจกรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
แบ่งกลุ่มสาธิตฝึกปฏิบัติและอภิปรายดังน้ี
๓.๑ อภปิ รายบทบาทหน้าท่ีของผู้นายวุ กาชาดว่ามอี ะไรบ้าง
๓.๒ อภิปรายเสนอวา่ สมาชิกยวุ กาชาดสามารถชว่ ยงานผยุ้ ายุวกาชาดไดใ้ นเรื่งใดบา้ ง
คูม่ อื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๘
๓.๓ สาธติ และฝกึ สมชกิ ยวุ กาชาดในฝึกการเป็นผู้นายวุ กาชาด
๓.๔ แบง่ กลุม่ ฝกึ ทาฝกึ บทบาทการเปน็ ผูน้ ายวุ กาชาด
๔. พิธปี ิดการเรยี นการสอน
สื่อการเรียนการสอน
๑. ภาพส่ือเกี่ยวกบั กาชาดและยุวกาชาด
๒. ใบงาน
การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากความสนใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรมและฝึกปฏบิ ตั ิ
๒. ตรวจผลการปฏบิ ตั งิ าน
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผูอ้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๖๙
เอกสารประกอบการสอน
การชว่ ยงานผู้นายวุ กาชาด
หนา้ ทีข่ องครูผนู้ ากลุ่มยุวกาชาด
การจัดการเรียนการสอนสมาชกิ ยุวกาชาดในโรงเรยี น ครูผนู้ าจะต้องมหี น้าทส่ี าคัญตา่ ง ๆ คือ
๑. เปน็ ผบู้ งั คบั บัญชายุวกาชาด
ในการเปน็ ผ้บู ังคับบญั ชายุวกาชาด ครผู ู้นามหี น้าที่ดงั นี้
ก. ควบคุมบงั คบั บัญชาสมาชิกยุวกาชาดให้อย่ใู นระเบียบวนิ ยั และกฎข้อบังคับของยวุ กาชาด
ข. จดั ทาทะเบยี นสมาชกิ ยวุ กาชาดและสมดุ ประจาตวั สมาชิกยวุ กาชาด
๒. เป็นผู้สอนและอบรมสมาชิกยุวกาชาด
มหี นา้ ท่ี
ก. จดั ให้มีการเรยี นการสอนยุวกาชาดตามหลกั สตู รและทาการประเมินผลการเรยี นการสอน
ข. จดั ทาส่ือการเรียนและอปุ กรณก์ ารสอนยวุ กาชาดเน้อื หาในหลักสตู ร
ค. จัดอบรมสมาชิกยุวกาชาดวิชาพิเศษต่าง ๆ พร้อมท้ังประเมินผลเพื่อให้สมาชิกยุวกาชาด
ได้รับเครื่องหมายคุณวุฒิ เช่น วิชาอยู่ค่าย วิชาเดินทางไกล วิชาว่ายน้าหรืออ่ืน ๆ ที่
กาหนดไวใ้ นหลักสตู ร
๓. เป็นผนู้ าในการจัดกจิ กรรม
ในการเรียนการสอนยุวกาชาด ครูผู้สอนจะต้องเป็นผู้นาในการจัดกิจกรรมของยุวกาชาดให้
สอดคล้องกับวตั ถุประสงคข์ องยุวกาชาดดงั น้ี
ก. จัดกิจกรรมในวันสาคัญของกาชาด เช่น วันกาชาดโลก วันสถาปนา ยุว
กาชาดไทย
ข. จดั กจิ กรรมรว่ มกบั สังคมในทอ้ งถิ่น เชน่ งานสงกรานต์ งานลอยกระทง งานปใี หม่ ฯลฯ
ค. จัดกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ เช่น พัฒนาหมู่บ้าน ช่วยเหลือคนชรา ช่วยเหลือแพทย์
และพยาบาลในโรงพยาบาลหรือสกถานีอนามัย
ง. จัดหารายได้เพื่อใช้ในกิจกรรมยุวกาชาด เช่น จัดแสดงดนตรี จัดฉายภาพยนตร์ จัดทา
ขนม ชอ่ ประดษิ ฐ์สิง่ ของ แล้วนารายได้มาใชใ้ นกิจกรรม ยุวกาชาดของกลุม่
สมาชิกยุวกาชาดจะเห็นว่าหน้าท่ีของผู้นากลุ่มยุวกาชาดน้ันมีภาระหน้าท่ีท่จี ะตอ้ งรบั ผิดชอบมากในฐานะ
ที่สมาชิกยุวกาชาดเป็นสมาชิกซึ่งเคยผ่านกิจกรรมหลาย ๆ อย่างมาแล้ว จึงควรที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ
บางอย่างของครตู ามความสามารถดว้ ยความเต็มใจ
คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๗๐
สมาชกิ ยุวกาชาดสามารถช่วยผู้นายุวกาชาดได้
สมาชิกยวุ กาชาดในระดับมัธยมศึกษา ได้ผา่ นการเป็นสมาชกิ ยวุ กาชาดไดเ้ รียนและเคยทางานบางอยา่ งท่ี
เกี่ยวกับยุวกาชาดมาแล้ว ดังนั้น สมาชิกยุวกาชาดจึงสามารถช่วยครูผู้นาได้เป็นอย่างมาก งานท่ีสมาชิกยุว
กาชาดสามารถชว่ ยครผู ้นู าได้มีเรอ่ื งต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี
ชว่ ยจัดนทิ รรศการ
การจัดการเรียนการสอนยุวกาชาดในโรงเรยี นใหเ้ กดิ ผลแกผ่ ู้เรยี นนัน้ ครผู ูส้ อนจะตอ้ งจดั ให้มีส่อื การเรียน
การสอนหลาย ๆ ด้าน การจัดนิทรรศการก็เป็นสื่อการเรียนชนิดหนึ่ง ซึ่งจะทาให้สมาชิกยุวกาชา ดสามารถ
เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ นอกจากนี้การจัดนิทรรศการยังเป็นการเผยแพร่กิจกรรมของยุวกาชาด ซึ่งจะเป็นผลให้
นักเรียนอื่น ๆ ได้รับความรู้และเกิดความสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมยุวกาชาดเพิ่มข้ึน การจัดนิทรรศการเรื่อง
ตา่ ง ๆ สมาชกิ ยุวกาชาดควรช่วยผนู้ าจัดข้นึ ดังน้ี
๑. เกีย่ วกบั เรอ่ื งประวัตคิ วามเป็นมาของกาชาดสากล กาชาดไทย และยวุ กาชาดไทย
๒. แสดงกิจกรรมยวุ กาชาดท่ีไดท้ ามาในรอบปี
๓. แสดงกจิ กรรมการบาเพ็ญประโยชน์ดา้ นตา่ ง ๆ ในสังคม
๔. ความรู้เกีย่ วกับประโยชน์ที่ได้รบั จากการเป็นสมาชิกยวุ กาชาด
ชว่ ยกจิ กรรมในพิธเี ขา้ ประจาหมู่
สมาชิกยุวกาชาดได้เคยผ่านพิธีเข้าประจาหมู่มาแล้ว จึงทราบว่าการจัดพิธีเข้าประจาหมู่นั้นมีขั้นตอนใน
การจัดอย่างไรบ้าง ซึ่งงานบางอย่างนั้น สมาชิกยุวกาชาดสามารถช่วยครูผู้นาจัดดาเนินการได้ เม่ือโรงเรียนจะ
จัดใหม้ ีพิธเี ขา้ ประจาหมูข่ ้ึน งานท่ีสมาชิกยุวกาชาดจะช่วยเหลือครผู ู้นาได้ คอื
๑. ช่วยจัดสถานที่ที่จะใช้ประกอบการทาพิธีเข้าประจาหมู่ เช่น จัดโต๊ะเก้าอ้ี จัดโต๊ะหมู่บูชา
เครือ่ งหมายกาชาดและยวุ กาชาดในบรเิ วณงาน เป็นต้น
๒. คมุ หรือฝึกซอ้ มสมาชกิ ยวุ กาชาดรนุ่ นอ้ งให้น่ังเปน็ ระเบยี บในวนั งาน
๓. ชว่ ยซ้อมร้องเพลงทจ่ี ะใชใ้ นพธิ ใี ห้แก่สมาชกิ รนุ่ นอ้ ง
๔. จดั รายการแสดงบนเวทีหรือกลางแจง้ มารว่ มแสดงในวนั งาน
๕. ทาหนา้ ท่ีต้อนรบั แขกและเตรียมเครื่องดื่มไวค้ อยบริการแขกทมี่ าในวนั งาน
๖. ช่วยเก็บกวาดสถานทีแ่ ละเครือ่ งอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ หลงั จากเสรจ็ พธิ แี ลว้
ชว่ ยปฏบิ ัตงิ านในหนว่ ยปฐมพยาบาล
สมาชิกยวุ กาชาดเคยเรียนเรื่องปฐมพยาบาลมาแลว้ ในชั้นก่อน ๆ และมีความรคู้ วามสามารถทจี่ ะ
ชว่ ยเหลือผอู้ ื่นได้ ดังนนั้ เมื่อโรงเรยี นจัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ ข้ึนในโรงเรยี น เชน่ กฬี าสี งานปีใหม่ งานเปิด
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม
๗๑
ภาคเรยี น สมาชกิ ยวุ กาชาดควรชว่ ยครผู ู้นาจดั หนว่ ยปฐมพยาบาลคอยช่วยเหลือนกั เรียนอ่ืนๆ ท่ีมาร่วมงานซง่ึ
เพ่อื น ๆ เหลา่ นน้ั อาจจะไดร้ ับอบุ ัติเหตตุ ่าง ๆ ระหว่างมาเทย่ี วชมงาน เช่น เป็นลม หกล้ม หรือไมส่ บายด้วย
สาเหตตุ ่าง ๆ สมาชิกยวุ กาชาดจงึ ควรชว่ ยเหลอื ครผู ู้นาโดยปฏิบัตดิ ังน้ี
๑. จดั สถานทีส่ าหรบั ให้การปฐมพยาบาลผมู้ าร่วมงาน
๒. ประชาสัมพนั ธ์ให้เพ่อื น ๆ ทราบวา่ สาถนท่ีสาหรบั บริการปฐมพยาบาลอยทู่ ไี่ หน
๓. ติดต่อครูห้องพยาบาลขอยาและอุปกรณ์การปฐมพยาบาล เช่น แอมโมเนีย ยาใส่แผลสด ยาแก้
ปวด สาลี ผ้ากอซ ฯลฯ จัดเตรียมไว้ใหพ้ ร้อม
๔. แบ่งหน้าที่รับผิดชอบเป็นหน่วย ๆ เช่น หน่วยเคล่ือนย้ายผู้ป่วย หน่วยรักษาและการปฐมพยาบาล
และหน่วยติดต่อประสานงาน ฯลฯ เปน็ ตน้
ช่วยเหลอื ครูผ้นู าฝกึ ระเบยี บแถว สญั ญาณมือ สญั ญาณนกหวดี
รายละเอียดดจู าก “ระเบียบแถว” ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑
ช่วยเหลอื ผู้นาสอนวิธปี ฐมพยาบาลและเคหพยาบาล
การเรียนการสอนวิชายุวกาชาดนั้น สมาชิกยุวกาชาดจะต้องรู้จริงและสามารถฝึกปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
เพื่อให้สมาชิกยุวกาชาดได้ศกึ ษาความรู้จากครูผู้นาไปแล้ว จะต้องนาไปฝึกปฏิบตั ิอีกจนเกิดความชานาญสามารถ
ที่จะนาไปใช้ช่วยเหลือผู้อื่นได้ โดยเฉพาะการเรียนวิชาปฐมพยาบาลและคหพยาบาลซ่ึงเป็นวิชาที่ต้องฝึกฝนบ่อย
ๆ ให้เกิดทักษะแต่ครูผู้สอนไม่มีเวลาพอที่จะมาทบทวนความรู้ให้บ่อย ๆ ได้ ดังน้ัน สมาชิกยุวกาชาดซ่ึงเป็น
สมาชิกยุวกาชาดรุ่นพ่ีควรช่วยเหลือครูผู้นาโดยช่วยสอนและฝึกให้แก่สมาชิกยุวกาชาดรุ่นน้อง ๆ ในการช่วยครู
ผูน้ าสอนสมาชิกยวุ กาชาดรนุ่ น้องอาจทาได้ใน ๒ ลกั ษณะ คือ
๑. ช่วยเหลือครูผู้นายุวกาชาดในขณะที่ครูผู้นากาลังสอนสมาชิกยุวกาชาดรุ่นน้องอยู่ แต่เนื่องจากมี
จานวนผู้เรยี นมาก ครูผสู้ อนไม่สามารถดูแลไดท้ ่ัวถงึ สมาชกิ ยวุ กาชาดซึ่งเปน็ รุ่นพี่ควรช่วยครูสอนโดย
ก. ช่วยทาการสาธิตวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ระหว่างผู้สอนบรรยายเป็นการแสดงท่าประกอบทาให้
เขา้ ใจได้งา่ ยขึ้นและทวั่ ถึงกนั
ข. คอยดูแลตรวจความถูกต้อง
ระหว่างที่รุ่นน้องปฏิบัติตามครู ผู้นา
๒. ช่วยเหลือครูผู้นายุวกาชาดหลังจากการ สอน
แล้วโดยนาสมาชิกรุ่นน้องมาแบ่งกลุ่ม
ปฏิบัติแยกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ ๑๐ – ๑๕
คน เมอ่ื ฝึกทบทวนความรโู้ ดย
ก. ปฏิบัติทบทวนให้รุ่นน้องดูซ้าอีก ค รั้ ง
หน่งึ
คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๗๒
ข. ใหส้ มาชิกรนุ่ นอ้ งปฏบิ ัตติ ามให้ดูแลว้ คอยเสนอแนะ
ค. จดั เกมแขง่ ขนั ทดสอบความรแู้ ละทักษะท่ีไดเ้ รียนมา
ช่วยครผู นู้ าควบคมุ และเสนอแนะสมาชกิ รนุ่ น้องปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ
การเรียนการสอนวิชายุวกาชาด ครูผู้นาจะสอนให้สมาชิกยุวกาชาดได้ปฏิบัติกิจกรรมควบคู่ไปกับการ
เรียนเนอ้ื หาวิชาตา่ ง ๆ ซ่งึ บางครัง้ กจิ กรรมที่จัดขึ้นจะตอ้ งใช้เวลานอกเวลาเรยี น เช่น ตอนเย็บหลังเลิกเรียนหรือ
ในวันหยุด เป็นต้น ทั้งน้ีครูผู้นามีความประสงค์ที่จะให้สมาชิก ยุวกาชาดได้เรียนท้ังวิชายุวกาชาดและ
กิจกรรมยุวกาชาดเพ่ือท่ีจะฝึกให้สมาชิกยุวกาชาดเป็นเยาวชนของชาติท่ีมีคุณค่าสามารถจะทาประโยชน์ให้แก่
ประเทศชาตติ อ่ ไปในภายหน้าได้อย่างเตม็ ภาคภูมิ
กจิ กรรมยวุ กาชาด
กิจกรรมยุวกาชาดจะมุ่งเน้นในทางปฏิบัติเพื่อให้สมาชิกยุวกาชาดเกิดทักษะสามารถนาไปช่วยเหลือผู้อื่น
และเปน็ ประโยชน์แกช่ ีวิตประจาวันของตนเองได้ กิจกรรมทส่ี าคัญ ๆ เชน่
๑. ความจงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนาและพระมหากษตั ริย์ ๖. กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์
๒. ว่ายน้า ๗. พ่ีเล้ียงเดก็
๓. เดินทางไกล ๘. วางแผนครอบครัว
๔. คา่ ยพักแรมนอกโรงเรียน ๙. อนรุ กั ษธ์ รรมชิตและส่งิ แวดลอ้ ม
๕. มารยาทสังคม ๑๐. ฝึกบรหิ ารจิต
๑๑. พฒั นาบุคลิกภาพ
นอกจากวิชาดังกล่าวข้างต้นแล้ว ครูผู้นาอาจจัดกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ ตามวาระสาคัญ ๆ เช่น พิธีเข้า
ประจาหมู่ บาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เข้ารว่ มกจิ กรรมตามประเพณีตา่ ง ๆ เชน่ แห่เทยี นจานาพรรษา
เวียนเทียนในวันมาฆบชู า เป็นตน้ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ดงั กล่าวสมาชิกยวุ กาชาดจะต้องเข้ารว่ มในกิจกรรมทุก
คน ทาให้ครูผู้นาไม่สามารถควบคุมดูแลสมาชิกยุวกาชาดได้ทั่วถึง สมาชิกยุวกาชาดซ่ึงเป็นรุ่นพ่ีและได้เคยผ่าน
กจิ กรรมต่าง ๆ มาแล้ว ย่อมมีประสบการณม์ าก จึงควรช่วยเหลือครูผู้นาควบคมุ และดแู ลใหส้ มาชิกยุวกาชาดรุ่น
น้องได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ อยา่ งถูกตอ้ งตามขน้ั ตอน
วิธปี ฏิบัติ
๑. เม่อื จดั ใหม้ ีกจิ กรรมควรชว่ ยครผู ้นู าจดั แบง่ สมาชกิ ยวุ กาชาดเป็นกลมุ่ ๆ
๒. ควบคมุ ใหส้ มาชกิ รุ่นน้องปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามขั้นตอนที่วางไว้
๓. ควบคุมใหส้ มาชิกรนุ่ นอ้ งปฏิบตั ิกิจกรรมให้ตรงต่อเวลาทกุ คน
๔. เสนอแนะและแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งทนั ทีเมื่อรนุ่ น้องปฏิบัตกิ จิ กรรมไม่ถูกตอ้ ง
๕. กระตุน้ และสนบั สนุนให้สมาชกิ รนุ่ น้องเขา้ ร่วมกิจกรรมเสมอ ๆ
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอุ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๗๓
ชว่ ยครูผ้นู าจัดทาอปุ กรณก์ ารสอนวิชายวุ กาชาด
การสอนวิชายุวกาชาดนั้น จาเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประกอบการสอนมาก เช่นเดียวกับการสอนวิชาอ่ืน ๆ
เพราะการสอนโดยปราศจากอุปกรณ์การสอนจะทาให้สมาชิกยุวกาชาดเข้าใจและจดจาได้ยาก สมาชิกยุวกาชาด
คงจะเห็นแล้วว่าในวิชาต่าง ๆ น้ัน ครูผู้สอนจะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์มาประกอบการสอนในบทเรียนต่าง ๆ ด้วย
สมาชิกยุวกาชาดในชั้นนี้จึงสามารถช่วยครูผู้นาจัดทาอุปกรณ์การสอนเพ่ือใช้ประกอบการบรรยายและการฝึกให้
สมาชกิ ยวุ กาชาดรนุ่ นอ้ งได้ เพราะสมาชิกยุวกาชาดเคยเรียนวชิ าต่าง ๆ มาแลว้ ในปีก่อน ๆ ถา้ หากทาได้ก็จะเร็ว
และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ครูผู้นาได้อย่างมากทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยประหยัดทรัพย์ให้
โรงเรยี นและตัวสมาชกิ ยวุ กาชาดเองยงั ไดป้ ระสบการณใ์ นการทางานอีกด้วย
วัตถปุ ระสงคใ์ นการใช้อปุ กรณก์ ารสอน
การใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบการสอนวิชายวุ กาชาดมีวัตถุประสงค์ดังนี้
๑. เพ่ือเร้าความสนใจของสมาชกิ ยุวกาชาดและสนบั สนุนการสอนของครผู ู้นา
๒. เพอ่ื ใหส้ มาชกิ ยุวกาชาดเกดิ ความเขา้ ใจและจดจางา่ ย
๓. เพื่อช่วยใหเ้ กิดความประทบั ใจและเกิดความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์
๔. เพอ่ื ไม่ใหส้ มาชิกเกิดความเบอ่ื หน่วยในบทเรียนนั้น ๆ
ชนดิ ของอปุ กรณ์
อปุ กรณท์ ี่ใช้ประกอบการสอนวชิ ายวุ กาชาด แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ๓ ประเภท คอื
๑. อปุ กรณ์ของจริง คือ การนาวัสดุจริง ๆ มาแสดงให้สมาชิกยวุ กาชาดดู ช่วยให้สมาชิกยวุ กาชาดได้
เรยี นรแู้ ละเหน็ ภาพจากของจริง เช่น ในการสอนวิชาเคหพยาบาลก็นาเอาเทอรโ์ มมิเตอร์ หม้อนอน
พนกั พิงหลัง ฯลฯ ทีเ่ ปน็ วัสดุจริง ๆ มาใหด้ ู
๒. อุปกรณ์หุ่นจาลอง คอื อุปกรณ์ที่จาลองจากวัสดจุ ริง ๆ ให้มีขนาดและสีเหมือนของจรงิ ซึ่งหุ่นจก
ลองนจี้ ะใชเ้ ม่ือไมส่ ามารถจัดหาของจรงิ ๆ มาแสดงได้ เช่น หุ่นรูปคน หรือหนุ่ ทางสรีรวิทยา
๓. อุปกรณ์อืน่ ๆ ทั่วไป คือ อุปกรณ์ท่ีจัดทาขึ้นประกอบการสอนท่ีจะช่วยให้สมาชิกยุวกาชาดได้เรียน
แลว้ เกิดจติ นาการและเกดิ ความคดิ จดจาในบทเรยี นได้งา่ ย มดี ังน้ี
ก. แผนภูมิและแผ่นป้ายติดผนัง เช่น โครงสร้างการปฏิบัติหรือสานบริหารงานของหน่วยยุว
กาชาด
ข. กระดานดาเปน็ อปุ กรณส์ าหรบั สมาชิกไดใ้ ช้เขยี นประกอบการเรียนวชิ ายุวกาชาด
ค. ปา้ ยประกาศและโฆษณา ซง่ึ ไดแ้ ก่แผ่นภาพหรือแผ่นพบั อธบิ ายรายละเอยี ดตา่ ง ๆ
ง. เคร่ืองฉาย ใช้ประกอบการสอนควบคู่กับการบรรยาย เช่น เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เครื่อง
ฉายสไลต์ และเครอ่ื งฉายวีดิทศั น์ เปน็ ตน้
คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๗๔
จ. สมดุ ภาพพลิก เป็นแผ่นภาพหลายภาพ นามาเจาะรูร้อยเข้าด้วยกัน แตล่ ะภาพจะบรรยาย
เน้ือหาไว้เป็นเร่ือง ๆ เม่ือนามาใช้ก็พลิกภาพเหล่านั้นทีละภาพพร้อมกับการบรรยาย
ประกอบภาพ
ฉ. แผ่นป้ายต่าง ๆ เป็นแผ่นกระดานหรือทาด้วยวัสดุอย่างอื่นเพื่อใช้ในการติดอุปกรณ์ต่าง ๆ
ขณะทาการสอนชนิดแผ่นป้ายแบง่ เปน็
๑. แผ่นป้ายสาลี
๒. แผน่ แมเ่ หล็ก
๓. แผน่ พลาสติก
หลักในการทาอุปกรณ์
การจดั ทาอปุ กรณป์ ระกอบการเรียนการสอนทสี่ มาชิกจะช่วยกันจดั ทาขึน้ เพ่อื ช่วยเหลือครูผู้นาน้ัน วสั ดุ
ทีใ่ ชค้ วรจะเป็นวสั ดุทส่ี ามารถหาได้ในราคาถูก หรืออาจจะใช้เศษวัสดุต่าง ๆ มาจัดทาข้นึ ในการจัดทาอุปกรณก์ าร
สอนจะตอ้ งยดึ หลกั ดังน้ี
๑. เป็นอปุ กรณท์ จี่ ัดทาขนึ้ ดว้ ยความประหยดั
๒. เป็นอปุ กรณท์ ีจ่ ัดทาขึน้ อยา่ งทนทานใชไ้ ดเ้ ปน็ เวลานาน ๆ
๓. เป็นอปุ กรณ์การสอนทต่ี รงกับเนื้อหาวิชา
๔. เปน็ อุปกรณท์ เ่ี คลอ่ื นย้ายสะดวกและสามารถพบั เกบ็ ได้
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อ้น ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม
๗๕
เคหพยาบาล
ลาดับท่ี เนอื้ หา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓
ภาคเรยี นท่ี
๑ การดูแลผชู้ ราทอ่ี ยู่ในบ้าน ๑๒
๒ การพยาบาลผปู้ ่วยโรคเบาหวาน
๓ การชว่ ยเหลอื ผปู้ ว่ ยทม่ี อี าการชกั
คูม่ อื ยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผูอ้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๗๖
เรอื่ ง เคหพยาบาล กิจกรรมท่ี ๒
ชนั้ ม. ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ (๔ คาบ)
จุดประสงค์
๑. ดแู ลผชู้ ราทอ่ี ยูใ่ นบา้ นได้
๒. พยาบาลผปู้ ่วยโรคเบาหวายได้ถูกต้อง
เนอ้ื หา
๑. การดแู ลผูช้ ราทีอ่ ยใู่ นบ้าน
๑.๑ ความจาเป็นท่ีต้องดแู ลผ้ชู ราท่ีอย่ใู นบ้าน
๑.๒ การเปลี่ยนแปลงทางโครงรา่ ง หนา้ ทีข่ องร่างกายของผชู้ รา
๑.๓ หลกั ในการดูแลผูช้ ราในบา้ น
๑.๔ อาหารสาหรับผ้ชู รา
๑.๕ การป้องกันอุบตั ิเหตุสาหรบั ผชู้ รา
๒. การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน
อาการและภาวะหมดสตขิ องผปู้ ว่ ยด้วยโรคเบาหวานและวิธพี ยาบาล
กจิ กรรม
๑. พิธีเปิดการเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
แบ่งกลุ่มสาธติ ฝึกปฏิบตั ิและอภิปรายดงั น้ี
๓.๑ อภิปรายการดูแลผูช้ ราที่อยใู่ นบ้าน
๓.๒ อภิปรายอาการและภาวะผูห้ มดสติ
๓.๓ สาธิตและฝึกการช่วยเหลือผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน
๓.๔ แบง่ กลมุ่ ฝกึ ทาอาหารคนชราและผปู้ ว่ ยโรคเบาหวาน
๔. พิธีปดิ การเรียนการสอน
คมู่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๗๗
สื่อการเรียนการสอน
๑. ภาพคนชรา
๒. ภาพของจริงหรอื หุน่ จาลอง
๓. เอกสารบทความ
๔. แผนภมู ิ
๕. ใบงาน
การประเมินผล
๑. สังเกตจากความสนใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมและฝึกปฏบิ ัติ
๒. ตรวจผลการปฏบิ ัตงิ าน
ค่มู ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๗๘
เอกสารประกอบการสอน
การดูแลผ้ชู ราท่ีอยู่ในบ้าน
คาว่าผู้ชราหรือผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคลทั้งหญิงและชายท่ีมีอายุสูงกว่า ๔๐ ปีขึ้นไป ซ่ึง
เรายังแบ่งออกได้อีกเป็นสองพวก คือ พวกท่ีมีอายุต้ังแต่ ๔๐ ปี จงถึง ๖๐ ปี เป็นพวกที่อยู่ใน “วัน
กลางคน” สว่ นพวกที่มอี ายตุ ั้งแต่ ๖๐ ปขี ้ึนไป ถอื ว่าเปน็ พวกที่อยใู่ น “วยั ชรา”
๑. ความจาเป็นท่ีตอ้ งดแู ลผชู้ ราทอี่ ยู่ในบ้าน
เหตุที่จาเป็นตอ้ งมีการดแู ลผ้ชู ราท่ีบา้ นกเ็ นอ่ื งมาจากส่งิ ต่อไปนี้คอื
๑) ผู้ชราต้องเผชิญกับการปรับตนให้เข้ากับสภาพการณ์หลายอย่าง ซึ่งทาให้เกิดความยุ่งยากใน
บางครัง้ เราไม่สามารถจะตอบสนองอารมณเ์ ขาได้
๒) ผชู้ ราต้องเผชิญกับการปรับตนให้เข้ากับสภาวะต่าง ๆ โดยกะทันหัน เช่น การจากไปของสามี
หรอื ภรรยาหรือผู้ใกล้ชิด
๓) ผู้ชรามักจะต้องปรับตัวโดยกะทันหันในเร่ืองรายได้ที่ตกต่าลงกว่าเดิม เช่น การถูกปลด
เกษยี ณ ออกจากงาน
๔) เกย่ี วกับความเสอ่ื มของรา่ งกาย โรคภยั ไขเ้ จ็บเบียดเบยี นและโรคเร้อื รังนานาประการ
๒. การเปล่ยี นแปลงทางโครงร่าง หนา้ ท่ขี องร่ายกายของผู้ชรา
การเปล่ียนแปลงทางโครงร่าง และหน้าท่ีของร่างกายเม่ืออายุมากข้ึน การเปลี่ยนแปลงของแต่ละคนก็อาจจะ
เหมือนกนั ขึ้นอยูก่ บั การดารงชวี ติ ความหกั โหมของแต่ละบคุ คล ซงึ่ พอจะรวบรวมได้ดงั นี้
๑) เม่ือมีอายุมากขึ้นเนื้อเยื่อทั่วไปก็จะเหี่ยวแห้ง การแบ่งตัวของเซลล์ก็ช้าลง ทาให้การหายของ
บาดแผลชา้ กวา่ ปกติ
อาการวิงเวียนและอุปัทวเหตุต่าง ๆ อาจเกิดตามมาได้ เนื่องจากเส้นเลือดแดงตีบแข็งทาให้
เลือกไปเล้ียงอวัยวะสาคัญของชีวิต เช่น สมองไม่เพียงพอ การขาดอาหารท่ีสาคัญและมีคุณประโยชน์ในเลือก
อาจปรากฏใหร้ ู้สกึ ไดท้ ันทแี ละถ้าขาดอาหารอยเู่ ป็นเวลานาน อาจทาใหเ้ ปน็ ลมหรือช็อคได้
ร่างกายของผู้ชรามีการทาลาย เส่ือมโทรมไปทีละน้อย ๆ และการหดตัวของระบบประสาท
อาจเกดิ ข้นึ ได้ ซึ่งทาใหล้ ดความเฉียบแหลมหรือความแจ่มใสลงไป และความรสู้ กึ ทางดา้ นสมั ผสั กเ็ ลวลง
๒) ประสิทธิภาพการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดต่าลง อาหารที่กินเข้าไปจะถูก
ยอ่ ยหรอื มกี ารดูดซมึ ได้นอ้ ยลงและช้าลงกวา่ เดิม และยงิ่ มีอายสุ งู ข้ึนเท่าใดย่องมปี ัญหาเกีย่ วกบั การย่อยและการดูด
ซึมมากขึ้นเท่าน้ัน เพราะเซลล์หรือต่อมที่ผลิตน้าย่อยหรือสารเคมีอ่ืน ๆ ท่ีใช้ในการย่อยลดน้อยลง อาหารท่ีถูก
ย่อยอย่างไม่สมบูรณ์ เช่น จะย่อยไขมันน้อยลง เพราะตับอ่อนผลิตเอนไซม์ท่ีใช้ย่อยไขมันได้น้อยลง หรือกรด
เกลือในกระเพาะมีจานวนน้อยลง เป็นเหตุให้เหล็กดูดซึมได้น้อยกว่าท่ีควร ทาให้เกิดโรคเลือดจางได้ง่าย
ในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้รายงานว่า ประมาณ ๘๖ – ๙๔ % ของคนชรามักป่วยเป็นโรคตับ เมื่อตับทางาน
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๗๙
ผิดปกตหิ รือไม่สะดวกก็มีผลถึงการย่อย การดูดซมึ ตลอดจนการใช้สถานอาหารในร่างกายซึ่งเป็นช่องทางให้เกิด
โรคขาดสารอาหารได้งา่ ย
๓) ต่อมไร้ท่อในร่างกายทางานได้น้อยกว่าเดิม ฮอร์โมนซ่ึงเกี่ยวข้องกับการใช้อาหารในร่างกายจึง
ลดลงทาให้อาหารท่ีกินเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ซ่ึงมีผลถึงการสังเคราะห์และการสลายตัวของสารอาหาร
หลายชนิด เช่น โปรตีนได้น้อยกว่าปริมาณโปรตีนในเน้ือเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ ที่สลายตัวสูญเสียไปจาก
ร่างกายหรือย่ิงมีอายุสูงข้ึนการเก็บสะสมไขมันในร่างกายจะมีมากข้ึน นอกจากนี้ความทึบแน่นของกระดูกหรือ
น้าหนักของโครงกระดูกในร่างกายทั้งหมด จะค่าย ๆ ลดต่าลงภายหลังอายุ ๓๕ ปี ซึ่งแสดงว่าเมื่อร่างกายเข้าสู่
วัยกลางคนและวัยชรา การสร้างกระดูกเกิดข้ึนน้อยกว่าเดิม ตรงกันข้ามเซลล์ของกระดูกสลายตัวมากข้ึนทาให้
เกดิ โรคกระดูกเป็นโพรงหรือพรนุ
๔) อวัยวะอ่ืนหย่อนสมรรถภาพในการทางานลง เช่น ไตทาหน้าที่กล่ันกรองของเสียไม่ได้ดีหรือ
ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดน้อยลงทาให้ความดันเลือดสูงข้ึนกว่าเดมิ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขน้ึ นี้เป็นช่องทา
ให้เกิดโรคเก่ียวกับหัวใจ หลอดเลือดและไตได้ง่าย เหตุนี้จงึ ปรากฏว่าผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้อยู่ในวัยกลางคนมัก
เป็นโรคดังกล่าวข้างตน้ หรอื ตายเพราะเป็นโรคเหล่าน้ันมากกวา่ คนในวยั อนื่
๓. หลกั ในการดูแลผชู้ ราในบ้าน
ผู้ดูแลจะต้องสังเกตและเขา้ ใจผู้ชรา โดยแบ่งการดแู ลเป็น ๒ ทาง คือ
- ทางด้านร่างกาย
- ทางดา้ นจิตใจ
ทางด้านร่างกาย ได้แก่ การดูแลเกี่ยวกับคามสะอาดของร่างกาย อาหาร การขับถ่าย การพักผ่อนและ
การนอนหลับ ดงั นี้
การดูแลเกี่ยวกบั ความสะอาดของรา่ งกาย
ผิวหนัง ผิวหนังผู้ชราบาง อ่อนแอ และระคายเคืองต่อความฟกช้าได้ง่าย เน่ืองจากเส้นเลือดแตก
ทีอ่ ยู่ใกลบ้ ริเวณผิวหนังหดตัวและแข็ง ส่วนไขมันท่ีอยู่ใต้ผิวหนังจะสูญหายไป ทาให้เห่ียวย่น ต่อมเหงื่อจะทาให้
การถ่ายเทของผิวหนังน้อยลง จึงต้องรักษาความสะอาดของผิวหนังโดยการอาบน้า และจะต้องระวังอย่าปล่อย
ใหผ้ วิ หนงั แหง้ ควรใช้ครมี หรอื น้ามนั ทาอยเู่ สมอๆ การเลอื กใช้สบกู่ ็ควรเปน็ พวกที่มฤี ทธ์ิอ่อน ๆ เชน่ ของเดก็ เล็กๆ
ผม ผมจะบาง แห้ง ไม่มีสี เช่นเดียวกับเนื้อเยื่อท่ีมีอายุมากข้ึน การนวดหนังศีรษะและการแปรง
ดว้ ยแปรงนุ่มๆ ทุกวันจะช่วยไดเ้ ป็นอย่างดี
ตา ส่วนใหญ่ผู้ชรามักจะสวมแว่น จะต้องระวังอย่าให้แว่นกด เพราะถ้ากดจะทาให้ตาพร่ามองและ
บริเวณนั้นเกิดช้าได้ จะป้องกันได้โดยหาผ้านุ่มๆ รองหรือปรับขนาดแว่นใหม่ในรายท่ีมีขี้ตาจะต้องเช็ดตาโดยใช้
สาลสี ะอาดชุบนา้ สุกอนุ่
คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๘๐
ฟนั ผ้ชู ราส่วนมากฟันจะค่อยๆ หลุดจนเกอื บหมดปาก บางคร้ังจะทาให้ต้องหลกี เล่ียงอาหารลาบาก
แต่มปี ระโยชน์ต่อสุขภาพ ในรายท่ีใส่ฟนั ปลอมก็จะต้องระวังเพราะว่าฟันปลอมเป็นสื่อนาความร้อน จึงต้องระวัง
ในเร่ืองอาหารเพ่ือป้องกนั การถูกลวก
เท้า เป็นส่วนที่อยู่ไกลทาให้การหมุนเวียนของเลือดลาบาก ทาให้เล็บแข็งและด้านจึงควรจะดูแล
และตดั ให้ แตก่ อ่ นตดั ควรแชน่ า้ อ่นุ เสียก่อนเพือ่ ให้เลบ็ น่ิมแลว้ จึงตัด
ทางด้านจิตใจ เน่ืองจากทางด้านการแพทย์และพยาบาลเจริญก้าวรุดหน้าข้ึนเร่ือยๆ ทาให้อายุเรายืน
ยาวข้ึนไปอีก ปัญหาความยุ่งยากต่างๆ เก่ียวกับคนชราจึงเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งปัญหาเหล่าน้ีได้แก่ ปัญหา
ทางเศรษฐกิจ สังคม โรคภัยไข้เจ็บ และที่สาคัญก็คือ ปัญหาทางด้านจิตใจ ซ่ึงถ้าไม่ได้รับการแก้ไขก็ทาให้เกิดเป็น
โรคจิตและเป็นโรคประสาทได้ ซึ่งถ้าดูจากสถิติ จานวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาในปี พ.ศ.๒๕๑๕
พบว่ามีผู้ป่วยโรคจิตวัยชราถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ ของจานวนผู้ป่วยท่ีรับไว้ในโรงพยาบาล วัยสูงอายุเป็นวัยที่คน
ส่วนมากกลัว เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นเอกลักษณ์ของความอ่อนแอ จึงถือว่าเป็นช่วงของวิกฤติทางอารมณ์
ช่วงหน่ึงในชีวิต ตลอดจนความผันแปรในหลายๆ ด้าน ผชู้ ราจึงมคี วามวิตกกังวลสูง กลัวของหาย กลัวสิ้นเปลือง
จะเหน็ ได้จากการสะสมข้าวของตา่ งๆ เก็บซ่อนไว้จนบางครั้งจาไม่ได้ หลงลมื ไป และโทษวา่ ลูกหลานขโมยไปก็มี
การพูดหรือส่ังอะไรมักจะย้าซ้าๆ และในขณะท่ีร่างกายเจ็บป่วย อารมณ์ของผู้สูงอายุจะย่ิงหงุดหงิดมากข้ึนเป็น
ทวคี ูณ ดงั น้ันทาให้การดูแลจึงควรให้ความสนใจมากกว่าธรรมดา นอกจากนี้อาจจะต้องหางานเล็กๆ น้อยๆ ให้
ทาเพ่ือให้เกดิ ความเพลดิ เพลิน จะชว่ ยใหม้ ีอารมณด์ ีขึ้นได้
๔. อาหารสาหรบั ผชู้ รา
ผู้ชราก็มีความต้องการสารอาหารชนิดต่างๆ เช่นเดียวกับบุคคลท่ีอยู่ในวันอ่ืน แต่ควรจะเอาใจใส่ใน
เรอ่ื งตอ่ ไปนเี้ ป็นพิเศษ คือ
๑) แคลอรี อาหารของบุคคลในวัยน้ี ควรจะมีแคลอรีน้อยกว่าท่ีเคยได้รับในระยะท่ียังเป็นหนุ่ม
สาวเพราะเมื่อสูงอายุข้ึนร่างกายมีการเคลื่อนไหว และออกกาลังกายน้อยกว่าเดิม การทางานของต่อมต่างๆ เช่น
ต่อมไทยรอยด์ลดลงทาให้ใช้แคลอรีน้อยกว่าเดิม จากสถิติท่ีรวบรวมโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศ
สหรัฐอเมริกา แสดงไว้ให้คนที่มีน้าหนักร่างกายมากเกินขนาดในวัยนี้มักจะอายุส้ัน ความต้านทานโรคต่ามีอัตรา
การป่วยและการตายเน่ืองจากโรคหัวใจ หลอดเลือดหรือโรคอ่ืนสูง ดังนั้น จึงกินอาหารแต่พอควร และพยายาม
รักษาน้าหนักของร่างกายใหเ้ ขา้ ท่ีไมใ่ ห้อ้วนหรอื ผอกเกินไป
๒) โปรตีน อาหารทก่ี ินควรมีโปรตีนสงู คณุ ภาพดี ยอ่ ยง่าน เพราะในระยะนี้เซลล์และเนอ้ื เยอื่ ตา่ งๆ
มกี ารสลายตัวมากข้ึน รา่ งกายจึงต้องการโปรตนี คุณภาพสูงมากขน้ึ และเนื่องจากอาหารท่ีได้รับแคลอรีต่าร่างกาย
ต้องใช้โปรตีนมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงต้องการโปรตีนสูงยิ่งข้ึนเพ่ือป้องกันไม่ให้ขาดโปรตีน นอกจากน้ีถ้าได้
อาหารที่มีโปรตีนก็เป็นท่ีวางใจได้ว่าร่างกายจะได้รับเหล็ก วิตามินบีและแคลเซียมสูงด้วย ซ่ึงจะช่วยป้องกันไม่ให้
เกิดโรคกระดกู พรนุ การทีผ่ ู้สูงอายุเปน็ โรคนมี้ ากเข้าใจวา่ เกิดจากขาดโปรตนี คือ โปรตีนซ่ึงเปน็ พื้นฐานของเซลล์
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๘๑
กระดูกสลายตัวมากขึ้น ทาให้แคลเซียมที่กินเข้าไปจับเกาะสร้างความแข็งแกร่งให้กระดูกไม่ได้เต็มท่ี นอกจากนี้
อวัยวะท่ใี ช้ในการยอ่ ยอาหารหยอ่ นสมรรถภาพในการทางาน
๓) ไขมัน คนในวัยนี้มักจะเสียชีวิตเน่ืองจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเข้าใจกันว่าเกิดจากการ
ไขมันจากสัตว์มากเกินไป และร่างกายขาดกรดไขมันที่จาเป็นแก่ร่างกาย ที่เรียกว่าไลโนลีอิค แอซิค (Linoleic
acid) ดังน้ัน ในระยะน้ีต้องกินไขมันท่ีได้จากสัตว์ให้น้อยท่ีสุด ใช้น้ามันพืชซ่ึงมี Linoleic acid แทน เช่น น้ามัน
ขา้ วโพด นา้ มันถัว่ เหลือง หรือนา้ มนั รา ไขมนั ที่ได้ควรเป็นไขมันทีย่ อ่ ยไดง้ ่ายเช่นเดียวกัน
๔) แคลเซียม ในวัยสูงอายุแม้โครงสร้างจะเจริญเต็มที่แล้วก็ตาม เยื่อกระดูกจะสึกหรออยู่
ตลอดเวลาของการมีชวี ิต เซลล์กระดกู จะคอยดูดเนอ้ื กระดูกท่ีสลายออกมา สารน้ีจะถูกขบั ออกมากับปสั สาวะและ
อุจจาระมากอยู่ในวัยสงู อายุ จึงควรไดร้ ับสารน้ีทกุ วันเพอื่ ชดเชยส่วนท่ถี ูกทาลายหรอื ถูกใช้ไป อาหารแคลเซยี มควร
ได้รับวันละ ๔๐๐-๕๐๐ มิลลิกรัม โดยได้จากนม ผักใบเขียว เน้ือสัตว์ต่างๆ หรือผลไม้ เช่น มะละกอ ฯลฯ การได้
อาหารแคลเซียมท่ีพอเพียงไม่เพียงแต่จะทาให้กระดูกแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยทาให้ประสาทและกล้ามเน้ือมี
สมรรถภาพในการทางานอีกด้วย
๕) วิตามินบี ๑ และ บี ๒ ถึงแม้ว่าอาหารของผู้สูงอายุควรจะลดแคลอรีลงก็ตาม แต่ก็ควรกิน
วติ ามินบี ๑ ใหม้ ากขน้ึ เพราะวติ ามินบี ๑ ช่วยทางานของหัวใจและระบบปราสาท ชว่ ยใหม้ ีความอยากอาหารมาก
ข้ึน อวยั วะยอ่ ยอาหารทางานดขี น้ึ เน่ืองจากวิตามนิ บมี สี ว่ นชว่ ยบารงุ ผิวหนังและนัยนต์ าดว้ ย
๖) น้า ผู้สูงอายุควรด่ืมน้าหรือกินอาหารเหลวที่มีน้าให้ได้อย่างน้อยวันละ ๖-๘ แก้ว น้าจะช่วยขับ
อจุ จาระให้สะดวกขนึ้ และช่วยทาใหไ้ ตทางานดขี นึ้ ด้วย
สรปุ
อาหารสาหรับผู้ชราหรือผู้มีอายุสูงกว่า ๖๐ ปี ควรมีแคลอรีตา่ กว่าตอนอยู่ในวยั กลางคน เพราะในระยะน้ี
มักจะมีการเคลื่อนไหว หรือออกกาลังกายน้อยลงกว่าเดิมมาก ควรลดแคลอรีโดยลดอาหารพวกแป้ง น้าตาล
และไขมันให้น้อยลงกว่าเดิม สาหรับอาหารอ่ืนก็ควรลดปริมาณลงบ้างเล็กน้อย แต่ต้องเลือกในด้านคุณภาพเป็น
พิเศษเช่น เน้ือสัตว์ที่ย่อยง่ายและด่ืมน้านมให้มากข้ึน คนวัยชรามักมีปัญหาเก่ียวกับนัยน์ตา เช่น ตาฝ้าฟาง เคือง
ตา ดังนั้น พวกผักใบเขียวจึงยังต้องกินมากเหมือนเดมิ นอกจากนี้ตอ้ งพยายามกนิ ผลไม้ท่ีมีวิตามินซีสูงให้มากข้ึน
เพ่ือช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย หรือผิวหนังท่ีฟกช้าง่าย และอาหารท่ีกินต้องทาให้ย่อยง่ายควรเปน็ อาหารรอ้ นๆ
เพราะคนชรามักไม่มีความอยากอาหาร การกินซุปหรือแกงร้อนๆ หนึ่งถ้วยก่อนอาหารทุกม้ือ จะช่วยกระตุ้น
น้าย่อยอาหารทาให้อยากอาหารมากขึ้น และการย่อยอาหารดีขึ้น อีกประการหน่ึงอาหารไม่ควรมีรสจัดไม่ควรใส่
เครื่องเทศหรือเครื่องชูรสมากเกนิ ไป แต่ละม้ือควรมีปรมิ าณน้อย แต่กินให้บ่อยคร้ังขนึ้ เพื่อช่วยให้อาหารย่อยได้
สะดวกอาหารมื้อเช้าที่ถกู หลักตอ้ งเปน็ อาหารท่ใี ห้โปรตีนสูง มีผักและผลไม้ ซ่ึงให้เกลือแร่และวิตามนิ ด้วย ส่วนม้ือ
เย็นไม่ควรกินอาหารมาก ก่อนนอนควรดื่มเครื่องด่ืมร้อนประมาณหน่ึงแก้ว เพ่ือช่วยให้นอนหลับสนิท การเดิน
คมู่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๘๒
เล่นหรือการออกกาลังกายพอควรจะช่วยให้มีความอยากอาหารมากข้ึน และอวัยวะต่างๆ ทางานดีขึ้น สาหรับ
คนชราท่ีไม่เป็นโรคเก่ียวกับหัวใจ อาจดื่มเครื่องด่ืมพวกน้าชา กาแฟ หรือเคร่ืองดื่มท่ีมีแอลกอฮอล์ได้บ้างเล็กน้อย
เพราะว่าเคร่ืองด่ืมพวกน้ีจะช่วยกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ทางานดีข้ึน แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปเพราะจะให้โทษแก่
รา่ งกายมากกว่าใหป้ ระโยชน์
การขับถ่าย เนื่องจากคนชรารับประทานอาหารได้น้อย รา่ งกายมีการเคลื่อนไหวนอ้ ยจึงเป็นผลใหก้ ารทา
หน้าท่ขี องลาไส้ใหญน่ ้อยลงไปดว้ ย ดงั นั้นผู้ชราโดยมากมักจะท้องผูก แตถ่ ้ามีการเปล่ยี นแปลงในการถ่ายอจุ จาระ
อย่างมาก อาจจะเป็นอาการของมะเร็งได้ ควรถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน บางคร้ังอาจจะต้องให้ยาระบาย
อย่างอ่อนหรือการสวนอุจจาระช่วยก็ได้ ส่วนการถ่ายปัสสาวะจะเห็นได้ว่าไตทาหน้าท่ีไม่ปกติ คือถ่ายปัสสาวะ
บ่อยๆ ในเวลากลางคืน ความสามารถของไตท่ีจะกล่ันกรองปัสสาวะในระหวา่ งนอนหลับก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงไป
ตามวัย กาลงั ของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะก็อ่อนกาลังไปด้วย การด่มื น้ามากๆ จะช่วยเจือจางปัสสาวะและลด
การระคายเคืองเนื่องจากความเข้มข้นของปัสสาวะได้ ชายชราส่วนมากมีอาการต่อมลูกหมากหดตัว ซ่ึงจะทาให้
ปสั สาวะลาบากขึน้
การพักผ่อนและการนอนหลับ คนชรามักจะนอนไม่ค่อยหลับเน่ืองจากความกังวลใจในด้านต่างๆ เช่น
เศรษฐกิจ โรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ ดังนั้น จงึ ต้องไม่นาเร่อื งที่ทาให้เกิดความกังวล ต่ืนเตน้ ตกใจไปเล่าให้ฟัง เพราะใน
รายที่เป็นโรคอยู่ก่อนแล้วอาจทาให้เกิดอันตรายได้ แต่ถ้าจาเป็นจะต้องเล่าก็ควรจะต้องหาวิธีที่เขายอมรับรู้และ
พยายามใหเ้ ปน็ เร่อื งธรรมดา สว่ นการพักผ่อนให้นอนในเวลากลางวันบ้างซ่งึ อาจจะหลับหรือไม่หลบั ก็ไดแ้ ตไ่ ม่ควร
บงั คบั ใหน้ อนทกุ วนั
๕ การป้องกันอบุ ตั ิเหตุสาหรับคนชรา
๑. ไม่ควรจัดให้นอนหรืออยู่ช้ันบนของบ้าน เพราะอาจพลัดตกบันไดได้งา่ ย และถ้าจาเป็นต้อง
ข้ึนบนั ได บันไดนน้ั ควรจะต้องมีราวใหเ้ กาะด้วย
๒. ไม่ให้เดินเท้าเปล่า เนื่องจากคนสูงอายุอาจมีการเส่ือมของประสาทส่วนปลายมีอาการเท้าชา
และไม่ค่อยรู้สึก จะมอี ันตรายถ้าเดินไปถูกของแหลมคม รองเท้าที่ให้ใส่ควรจัดหาชนิดท่ีพอเหมาะไม่คับหรือหลวม
เกนิ ไปอาจทาให้หกล้มไดง้ า่ ย
๓. ห้องน้าท่ใี ชจ้ ะต้องหมนั่ ทาความสะอาด เพราะถา้ ล่ืนจะทาให้หกล้มงา่ ยในห้องน้าหรือห้องสว้ ม
ควรทาราวไว้ให้ยดึ พยุงร่างกายกจ็ ะช่วยได้
๔. ถา้ มฟี นั ปลอมชนดิ ถอดได้ตอ้ งใหถ้ อดเกบ็ กอ่ นนอน
๕. การข้ามถนนควรจะมีคนช่วยจูง
๖. รับประทานอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย เพราะถ้าท้องผูกและเบ่งอุจจาระแรงๆ อาจเป็น
อนั ตรายได้
คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๘๓
๖. การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคเบาหวาน
อาการและภาวะหมดสตขิ องผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานและวิธพี ยาบาล
อาการของผูป้ ว่ ยโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคท่เี กดิ จากความผิดปกตขิ องตับอ่อนสร้างสารอินซูลนิ ไมเ่ พียงพอกับความต้องการ
ของร่างกาย ทาใหม้ รี ะดับน้าตาลในเลอื ดสงู กว่าปกติ มีนา้ ตาลออกมาในปสั สาวะ
ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะมากทั้งกลางวันกลางคืน ด่ืมน้ามาก รับประทานอาหารได้มากและอาจมี
อาการอ่อนเพลยี น้าหนักลด
เมื่อผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ แพทย์จะทาการตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะจะพบว่า
ผู้ป่วยระดบั น้าตาลในเลือดสูงกว่าปกติ มีน้าตาลออกมาในปสั สาวะ แพทย์จะให้การวินจิ ฉัยว่าเป็นเบาหวาน และ
เริม่ ให้การรักษาซงึ่ อาจเป็นยาชนดิ รับประทานหรือยาฉีด (Insulin) ประเทศไทยการควบคุมระดับนา้ ตาลในเลือดมี
มากใช้ยาชนดิ รบั ประทานเปน็ วิธีท่ีสะดวกและนยิ มกนั แพร่หลายกว่ายาฉดี
ถ้าผู้ป่วยรับประทานยาหรือฉีดยาอย่างสม่าเสมอตามแพทย์ส่ังก็จะไม่มีอาการสามารถดารง
ชีวิตประจาวนั ตามปกติ
ภาวะหมดสตขิ องผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
ในช่วยใดช่วงหน่ึง ผู้ป่วยอาจมีภาวะหมดสติได้ ซ่ึงเป็นภาวะฉุกเฉินต้องรีบให้การปฐมพยาบาลและ
รกั ษาโดยรบี ด่วน โดยทั่วไปภาวะหมดสตใิ นผปู้ ่วยเบาหวาน แบ่งเป็น ๒ ชนดิ
๑. ระดับน้าตาลในเลือดตา่
๒. ภาวะหมดสติจากเบาหวาน
ภาวะหมดสติจากระดับน้าตาลในเลือดต่า เป็นภาวะทีพ่ บได้บ่อยและต้องคานึงถึงอันดับแรกใน
ผูป้ ่วยเบาหวานท่หี มดสติ ซึ่งมักเกดิ ในผู้ป่วยเบาหวานที่รบั ประทานยาหรอื ฉดี ยาตามปกติ แต่รบั ประทานอาหาร
ได้น้องลง ออกกาลังกายมากกว่าปกติ ท้องเดิน หรืออาเจียน ทาให้ระดับน้าตาลต่า ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย
สมองมึนงง กระวนกระวาย เหง่ือออกมาก มือเทา้ เลบ็ ซีดและหมดสติไปในทส่ี ุด อาการเปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็
วิธปี อ้ งกนั
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรพกน้าตาลหรือลูกกวาดชนิดหวานติดตัวเสมอ เม่ือเริ่มมีอาการดังกล่าวมาแล้ว
ให้ผ้ปู ว่ ยอมนา้ ตาลในปากสักครู่อาการจะดขี นึ้
วธิ ีรกั ษา
๑. ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรมกี ระดาษบนั ทกึ ประวตั ิของตัวเอง บอกโรคพกติดตวั เสมอ
- ถ้าพบผู้ป่วยเบาหวานเรมิ่ ไม่ร้สู ึกตัว ใหด้ มื่ นา้ หวาน หรอื อมนา้ ตาลในปาก
- ถ้าผูป้ ่วยไมร่ ูส้ กึ ตัว แต่ถา้ สามารถอ้าปากได้ ใหใ้ สน่ ้าตาลบนล้นิ ของผูป้ ่วย
- รีบนาผปู้ ว่ ยส่งโรงพยาบาลท่ีใกล้ทส่ี ุด
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม
๘๔
๒. ภาวะหมดสตจิ ากเบาหวาน ผู้ป่วยจะมีอินซูลินในร่างกายไม่เพียงพอ ทาให้ระดับนา้ ตาลในเลือดสูง
กว่าปกติ พบได้ในผู้ป่วยท่ีรับประทานยา หรือได้รับอินซูลินไม่สม่าเสมอ หรือมีภาวะติดเชื้อรุนแรง ผู้ป่วยจะมี
อาการสับสน ซึม ปัสสาวะมาก ผิวหนังแห้ง กระวนกระวาย กระหายน้ามาก หายใจหอบเร็วและลึก อาการค่อย
เปน็ คอ่ ยไปเป็นวันๆ
วธิ ีพยาบาล
-ให้ผู้ปว่ ยนอนหงายศรี ษะสงู เลก็ น้อย
- หม่ ผา้ ให้ร่างกายผปู้ ว่ ยอบอ่นุ
- ดูแลผู้ป่วยเหมือนผ้ปู ว่ ยไม่รู้สกึ ตวั โดยท่วั ไป
- รบี นาผปู้ ่วยส่งโรงพยาบาลท่ใี กลท้ ีส่ ดุ
คูม่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอน้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๘๕
บาเพญ็ ประโยชน์ ชนั้ มัธยมศึกษา
ปีที่ ๓
ลาดบั ท่ี เนอื้ หา
ภาคเรยี นท่ี
๑ หลักการพฒั นาชุมชนเบื้องตน้ ๑๒
๒ กิจกรรมที่ยุวกาชาดสามารถปฏบิ ตั ริ ว่ มกับหน่วยงานใน
ชมุ ชน
๓ การประดิษฐ์ส่งิ ของเคร่ืองใช้ต่างๆ และถุงของขวญั เพือ่
นาไปมอบทหาร ตารวจตระเวนชายแดน
คมู่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม
๘๖
กจิ กรรมที่ ๓
เรอ่ื ง บาเพญ็ ประโยชน์ ช้ัน ม.๓ ภาคเรียนท่ี ๑ (๓ คาบ)
จุดประสงค์
ปฏิบัติงานรว่ มกบั หน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาชมุ ชนได้
เน้ือหา
๑. หลักการพัฒนาชุมชนเบ้อื งต้น
๒. กจิ กรรมที่ยวุ กาชาดสามารถปฏบิ ตั ริ ่วมกบั หน่วยงานในชมุ ชน
กจิ กรรม
๑. พธิ ีเปิดการเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ อธิบายความหมายของการพัฒนาชมุ ชน
๓.๒ อธิบายหลกั การพฒั นาชุมชน โดยร่วมมือกับหนว่ ยงานอื่นเพ่ือทางานพัฒนา
๓.๓ อภปิ รายถึงกจิ กรรมท่สี ามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ในการพัฒนาชุมชนของตนเอง
๓.๔ เขยี นโครงการพัฒนาชุมชนจากกจิ กรรมที่รว่ มกันอภปิ ราย
๓.๕ ปฏบิ ัติตามโครงการ
๔. พธิ ปี ิดการเรยี นการสอน
ส่ือการเรยี นการสอน
๑. ภาพกจิ กรรมพัฒนาชมุ ชน
๒. ตัวอย่างโครงการพัฒนาชุมชน
๓. ภาพการพฒั นาชุมชนทเ่ี ป็นการปฏิบัตกิ ารรว่ มกัน
การประเมินผล
๑. สังเกตจากพฤติกรรมความสนใจ
๒. สังเกตจากการตอบคาถาม
๓. ตรวจผลงานการเขยี นโครงการที่ครูมอบหมาย
คู่มือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผ้อู านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๘๗
เอกสารประกอบการสอน
การพัฒนาชุมชนเบอ้ื งต้น
ความหมายของการพัฒนาชุมชน
การพฒั นาชุมชน คือ การกระทาใดๆ กต็ าม ซึง่ จะนามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงปรบั ปรงุ หรือส่งเสรมิ ให้ชุมชน
นน้ั ๆมวี ัฒนาการดีขน้ึ เจริญข้ึน ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม
หลักการในการพัฒนาชุมชน
๑. ยดึ หลกั การใหป้ ระชาชนช่วยตนเอง โดยเรมิ่ จากสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน จากส่ิงเล็ก ๆ
น้อยๆ หรือสิ่งท่ีงา่ ยๆ ไปหายาก โดยใช้ทรพั ยากรที่มีอยูใ่ นทอ้ งถิน่ ให้มากทสี่ ดุ และไม่ควรเรง่ รีบใน
การดาเนินงานตามโครงการ คอ่ ยทาคอ่ ยไป เพ่อื ใหโ้ อกาสประชาชนได้มีส่วนช่วยคดิ ชว่ ยทาไปด้วย
๒. ให้ประชาชนมสี ว่ นร่วมในการพัฒนา
๓. ยึดหลักประชาธิปไตยในการทางาน ไดแ้ ก่
๓.๑ มีความเคารพซ่งึ กันและกัน ทัง้ ด้านกาย วาจา และความคิด
๓.๒ มีการรว่ มงานกนั แบ่งปันกัน และประสานงานกัน ไมบ่ ่ายเบี่ยงหลีกเลยี่ ง ร่วมมือกันทางานตาม
อตั ภาพ ผใู้ ดมคี วามสามารถทางด้านใดก็แบง่ งานกนั ไป ไม่ดื้อดึง กล่ันแกล้ง เนื่องจากความเห็น
แก่ตวั
๓.๓ มคี วามเชื่อม่นั ในวิธีการแหง่ ปัญญา หรือที่เรียกว่า ปัญญาธรรม คนตระกูลสูง-ต่า รา่ รวย การมี
ปัญญาและศลี ธรรมเป็นเครอ่ื งเหน่ยี วรั้งชที้ างให้กระทาในส่ิงท่ีดี
๔. หลักการใช้ประโยชน์จากบุคลากร องค์การ และทรัพยากรในท้องถิ่น ผู้นาท้องถ่ินเป็นบุคลากรท่ี
สาคัญในการพัฒนาชุมชน เป็นบุคคลท่ีมีผู้เคารพนับถือไว้วางใจ มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด และ
การตัดสินใจของมหาชน เราจึงเป็นผู้ช่วยเหลืองานเผยแพร่ให้เกิดความนิยมจูงใจประชาชน ให้
มาร่วมงานอย่างมีประสิทธิภาพ และบางครั้งยังช่วยเป็นวิทยากรในบางสาขาอีกด้วย บุคคลเหล่าน้ี
ไดแ้ ก่ ผใู้ หญบ่ ้าน กานัน เจา้ อาวาส ครใู หญ่ ครู ผอู้ าวโุ ส ฯลฯ
สาหรับองค์การต่าง ๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ได้แก่ อาเภอ สุขาภิบาล ศาลากลางจังหวัด ศาล
กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ อนามัยทอ้ งถน่ิ ฯลฯ ทรัพยากรในทอ้ งถ่นิ เช่น แหล่งน้า แหล่งแร่ ท่งุ หญ้า ป่า
ไม้ สตั วท์ ม่ี อี ยูใ่ นท้องถนิ่ เศษวัสดุเหลือใช้ ฯลฯ
๕. เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและชุมชน เพราะท้องถ่ินแต่ละแห่งนั้น ย่อมมีขนบธรรมเนียมประเพณีเป็น
ของตนเอง การท่จี ะแกไ้ ขหรือพัฒนาน้นั จะต้องกอ่ ให้เกิดความสะเทอื นใจชาวบ้านน้อยท่สี ุด
๖. การประเมินผลและติดตามผล เพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องในการทางานให้ดีขึ้น และเกิดความ
ภาคภมู ิใจแกผ่ ู้ปฏบิ ตั งิ าน และผูเ้ กยี่ วข้อง ปลกู ฝงั ให้เปน็ ผู้รักงานรับผิดชอบตอ่ หน้าทกี่ ารงาน
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๘๘
สงิ่ ที่ตอ้ งพัฒนาชมุ ชน
๑. การพฒั นาคน คนเป็นทรัพยากรท่ีสาคญั อนั ดับแรกทจ่ี าเป็นอยา่ งย่ิงท่ีตอ้ งได้รบั การพฒั นา เพื่อให้คน
มีประสิทธภิ าพ มคี ุณภาพ และคุณคา่ ต่อการพัฒนาชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ
การพัฒนาคนตอ้ งเน้นในด้านตอ่ ไปน้ี
๑.๑ การให้การศึกษาและถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ให้มีความริเริ่ม มีเหตุมีผล
รู้จกั แก้ปญั หา มีความสามารถและอยู่รอดในสงั คมอย่างมคี วามสุข
๑.๒ ให้ความรู้ด้านสุขภาพอนามัย ให้มีอนามัยแข็งแรง มีความเป็นอยู่ถูกสุขลักษณะ บ้านเรือน
สะอาดเรยี บร้อย
๑.๓ ด้านเศรษฐกิจ ให้มวี ิชาชพี สจุ ริต มคี วามมานะอดทน รูจ้ กั ปรับปรุงงานอาชพี ให้ดขี ึน้ มีความ
กระตอื รนื รน้ ในการทางานประกอบอาชพี
๑.๔ ดา้ นความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ทพี่ ลเมืองดี ตอ่ ประเทศชาตแิ ละสว่ นตน
กิจกรรมที่ควรจัดเพื่อพัฒนาคน ได้แก่ กิจกรรมการรักษาสุขภาพส่วนตนและส่วนรวม เผยแพร่ความรู้
เก่ียวกับสุขศึกษา โดยการฉายสไลด์ ฉายภาพยนตร์ วางแผนป้องกันเหตุฉุกเฉิน และอุบัติเหตุ ให้ความรู้เร่ืองกฎ
จราจรและความปลอดภยั ในการจราจร สอนเยบ็ เสือ้ ผา้ ทาดอกไม้ เป็นตน้
๒. การพัฒนาสิ่งแวดล้อม คือ การพัฒนาในด้านวัตถุหรือสิ่งแวดล้อม สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ท่ีจาเป็นต่อ
การครองชีพ การอยู่รอด และการมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย มีความผาสุก ได้แก่ การสร้างถนน
โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น นอกจากน้ันยังหมายความถึงการซ่อมแซมส่ิงที่ปรักหักพัง ให้ใช้การ
ได้หรืออยู่ในสภาพท่ีดี กิจกรรมที่ควรจัด ได้แก่ การรักษาความสะอาด สถานที่สาธารณะ การปลูก
ตน้ ไม้ เป็นตน้
กจิ กรรมที่ยวุ กาชาดสามารถปฏบิ ัตริ ว่ มกับหน่วยงานในชุมชน
คูม่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุอ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๘๙
ตัวอยา่ งโครงการพัฒนาสนามเด็กเลน่ ในทอ้ งถน่ิ
หลกั การและเหตผุ ล
การทากิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ของสมาชิกยุวกาชาดต่อชุมชนมีหลายกิจกรรมตามความสามารถของ
สมาชิกยุวกาชาดและความจาเป็นของสังคม ในขณะน้ีได้พิจารณาเห็นว่าสนามเด็กเล่นในชุมชนใกล้โรงเรียนท่ีมี
สภาพเสื่อมโทรมลงมากและขาดการดูแลบารุงรักษาจากผู้รับผิดชอบเท่าท่ีควร อีกท้ังเป็นสถานทที่ ่ีเด็กๆ มาวงิ่ เล่น
และใช้อุปกรณ์ต่างๆ เป็นประจา ถ้าหากสนามเด็กเล่นและอุปกรณ์ยังคงสภาพเช่นนี้ อาจจะทาให้เกิดอันตราย
และสขุ ภาพของเด็กทั้งร่างกายและจติ ใจได้ จงึ เห็นสมควรดาเนนิ การพัฒนาและปรับปรุงสนามเด็กเล่นแหง่ น้ี
วตั ถุประสงค์
๑. เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสนามเด็กเล่นของชุมชนให้อยู่ในสภาพท่ีดีและใช้ประโยชน์ได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
๒. เพือ่ ให้สมาชกิ ยวุ กาชาดได้รู้จักบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชน
๓. เพื่อใหส้ มาชกิ ยวุ กาชาดไดแ้ สดงออกถึงความรู้และความสามารถในดา้ นการช่าง และการฝีมือตา่ งๆ
วิธีดาเนนิ การ
๑. ประชมุ หัวหนา้ หน่วยยวุ กาชาด เพอ่ื ปรกึ ษาและมอบหมายหนา้ ที่
๒. จดั แบง่ กจิ กรรมให้ทุกๆ กลมุ่
๓. ตดิ ตอ่ ฝ่ายต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้อง
๓.๑ ฝ่ายกจิ กรรมขอความรว่ มมือด้านอุปกรณต์ า่ งๆ
๓.๒ ฝา่ ยปกครองขอความร่วมมือดแู ลสมาชิกขณะปฏบิ ัติงาน
๓.๓ ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสนามเด็กเล่น เพ่ือแจ้งความจานงจะนาสมาชิกยุวกาชาดไปพัฒนา
และปรับปรุงสนามเดก็ เลน่
๔. ประชาสมั พันธใ์ ห้สมาชิกยุวกาชาดอ่ืนๆ ตลอดจนผปู้ กครองไดท้ ราบโดยท่วั กัน
๕. ทาหนงั สือถงึ ผปู้ กครอง เพ่อื ขออนุญาตใหส้ มาชกิ ไปร่วมกิจกรรม
การดาเนินการ
๑. นายกหมยู่ วุ กาชาดโรงเรียน
๒. หัวหนา้ หมวดกิจกรรม
๓. ครูผนู้ ายุวกาชาด
๔. สมาชกิ ยวุ กาชาด
๕. เจา้ หน้าท่ีผู้รับผิดชอบของสนามเด็กเลน่ ในท้องถ่ิน
ค่มู อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๙๐
สถานที่ สนามเดก็ เล่นในท้องถนิ่
วันเวลา วันเสารแ์ ละอาทติ ย์ท่ี.........เดอื น......................พ.ศ................
งบประมาณ
๑. จากเงินยวุ กาชาดโรงเรยี น
๒. จากเงินทีย่ วุ กาชาดได้จากการจดั กจิ กรรมอนื่ ๆ
๓. เงนิ บริจาค
ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ
๑. สมาชิกยุวกาชาดได้มสี ่วนรว่ มในการพฒั นาทอ้ งถิน่
๒. สมาชิกยุวกาชาดได้ร้จู ักเสยี สละและบาเพ็ญประโยชน์ต่อสว่ นรวมมากย่งิ ขึ้น
๓. สมาชิกยวุ กาชาดได้มีโอกาสทางานร่วมกับบคุ คลอื่นๆ ในชุมชน เพอ่ื พัฒนาชมุ ชนของตนเอง
ค่มู ือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม
๙๑
ระเบียบแถว
ลาดบั ที่ เนือ้ หา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
ภาคเรยี นที่
๑ การเดนิ สวนสนามและการทาความเคารพ ๑๒
๑.๑ การทาความเคารพของผูถ้ ือธง
๑.๒ การทาความเคารพของผูถ้ ือป้าย
๑.๓ การทาความเคารพเวลาอยูก่ บั ที่
และเวลาเดินสวนสนาม
การเดินสวนสนาม
๒ การจดั รปู ขบวนสวนสนาม
๓
คู่มือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม
๙๒
เรือ่ ง ระเบยี บแถว กิจกรรท่ี ๔
ชนั้ ม.๓ ภาคเรยี นที่ ๑ (๒ คาบ)
จดุ ประสงค์
เดินสวนสนามและทาความเคารพในพธิ เี ดินสวนสนามได้
เน้ือหา
๑. การเดินสวนสนามและการทาความเคารพ
๑.๑ การทาความเคารพของผู้ถือธง
๑.๒ การทาความเคารพของผถู้ อื ปา้ ย
๑.๓ การทาความเคารพเวลาอยู่กับท่ี และเวลาเดนิ สวนสนาม
กิจกรรม
๑. พธิ เี ปิดการเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
แบง่ กลุม่ สาธิตฝึกปฏิบัตแิ ละอภปิ รายดังน้ี
๓.๑ สาธิตการเดนิ สวนสนามและทาความเคารพในขณะเดินสวนสนาม
๓.๒ ฝกึ ปฏิบตั ิ
๔. พธิ ีปดิ การเรยี นการสอน
ส่ือการเรียนการสอน
ภาพ วีดีโอ สไลด์
การประเมินผล
๑. ความพร้อมเพรียง
๒. ความเปน็ ระเบยี บ
๓. การฝึกปฏิบัติ
คูม่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกัด สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม
๙๓
เอกสารประกอบการสอน
การเดนิ สวนสนาม
คาบอก “สวนสนาม หนา้ -เดิน”
การปฏบิ ัติ ก้าวเท้าซ้ายออกเดินก่อนอย่างเข็งแรง ขาซ้ายตึง ปลายเท้างุ้ม ยกส้นเท้าสูงจากพ้ืนประมาณ ๑
เซนติเมตร ทรงตัวและศีรษะอยู่ในท่าตรงแกว่งแขนเฉียงไปข้างหน้า ตรงข้ามกับเท้าท่ีกา้ ว ฝ่ามือ
ผา่ นประมาณกึ่งกลางลาตัว เสมอแนวหัวเข็มขัด ห่างจากหัวเข็มขัดประมาณ ๑ ฝ่ามือ มือแบน้ิว
เรียงชิดกัน ท่อนล่างขนานกับพื้นระดับ และแกว่งไปข้างหลังให้แขนเหยียดตรงตามธรรมชาติ
เมอ่ื จะวางเท้ากา้ วตอ่ ไปใหโ้ น้มน้าหนักตัวไปขา้ งหน้า และตบเตม็ ฝา่ เทา้ อยา่ งแข็งแรง ยดึ ตวั อยา่ ง
องอาจ
การทาความเคารพ
๑. การทาความเคารพของผู้ถอื ธง
๑.๑ เวลาอยูก่ ับที่
การปฏิบัติ ให้ถือธงด้วยมือขวา โคนคันธงจดกับพ้ืนประมาณโคนน้ิวก้อย-เท้า ขวาคันธงแนบ
กับลาตัวอยู่ร่องไหล่ขวา เวลาทาความเคารพ เม่ือเพลงเคารพเร่ิมบรรเลง ให้ผู้ถือธง
ทาความเคารพดว้ ยท่าธงตดิ ตอ่ กนั ไปดงั นี้
๑.๑.๑ ให้ผู้ถอื ธงใช้มือซ้ายไปจับคันธงชิดมอื ขวา และเหนือมือขวาแล้วใช้มือซ้ายยก คันธงขึ้นมา
ในท่าเสมอบ่าขวา ข้อศอกซ้ายต้ังมุมฉากกับลาตัว มือขวาเล่ือนลงไป จับที่โคนคันธงครั้น
แล้วใหก้ ึ่งขวาหนั
๑.๑.๒ ค่อยๆ ลดปลายคันธงลงขา้ งหน้าอยา่ งชา้ ๆ ตามจงั หวะของเพลง จนคนั ธงอยู่ ในแนวขนาน
กับพื้น มือซ้ายอยู่เสมอแนวบ่า ห่างจากตัวพอสมควร มือขวาจับโคนคันธง แขนเหยียด
ตรงไปคันธง (เม่อื บรรเลงไดค้ รึง่ ของเพลง)
๑.๑.๓ คร้ันแล้วให้ยกปลายคันธงกลับขึ้นในท่าเคารพช้าๆ ให้ได้จังหวะเช่นเดียวกับขาลง เม่ือ
เพลงเคารพบรรเลงจบ กใ็ หล้ ดคันธงอยใู่ นท่าตรงตามเดมิ
๑.๑.๔ แลว้ ลดมอื ซา้ ยกลบั เขา้ ท่ี และทาก่ึงซา้ ยหันกลับท่ีเดมิ
๑.๒ เวลาเคลอ่ื นที่
การปฏิบัติ ให้แบกธงดว้ ยบ่าขวา คอื มือขวาจับดา้ มธงหา่ งจากโคนคันธงพอสมควร ศอกขวาแนบ
ลาตวั ทามมุ ๙๐ องศากบั ลาตัว
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอุ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๙๔
๑.๓ เวลาทาความเคารพเคล่ือนท่ี (สวนสนาม)
การปฏิบตั ิ
๑.๓.๑ เม่ือถึงธงที่ ๑ (ธงระวัง) ให้ลดธงจากท่าแบกมาแนบกบั ลาตวั คนั ธง
ตัง้ ตรง มือขวากาโคนคันธง มือซา้ ยจับคันธงในแนวเสมอบ่า ยกข้อศอกซ้ายให้ต้ังได้ฉาก
กับลาตัว
๑.๓.๒ เมื่อถึงธงที่ ๒ (ธงทาความเคารพ) ให้เหยียดแขนซ้ายตรงออกไปข้างหน้า ให้คันธงเอนไป
ขา้ งหน้าประมาณ ๔๕ องศา แขนขวาเหยียดตรงแนบลาตวั ตาแลตรงไปข้างหน้าขนาน
กับพืน้ (ไมต่ ้องสะบัดหนา้ ไปยงั ผ้เู ป็นประธาน)
๑.๓.๓ เมื่อถึงธงท่ี ๓ (ธงเลิกทาความเคารพ) ให้ยกธงข้ึนมาอยู่ในท่าแบกธงตามเดิม ลดมือซ้าย
ลงแล้วเดนิ ตามปกติ
การทาความเคารพของผูถ้ ือปา้ ยชื่อหมู่ยุวกาชาดโรงเรยี น
๒.๑ เวลาอย่กู บั ท่ี
การปฏิบัติ ให้ถือป้ายทั้งสองมือ คือ มือขวากาคันป้ายชิดกับตัวป้าย มือซ้ายกาต่อลงมาชิด
มือขวาโคนคันป้ายจดพื้นตรงหน้าระหว่างปลายเท้าท้ังสอง เวลาทาความเคารพผู้
ถือป้ายทาทา่ ตรงเท่านน้ั
๒.๒ เวลาเคล่ือนที่
การปฏิบัติ ให้ถอื ป้ายด้วยมือขวา จับโคนป้ายให้น้วิ มืออย่ใู นรอ่ งท่ีโคนคันปา้ ยแขนขวาเหยยี ด
ตรงแนบลาตัว มือซ้ายจับคันป้ายในแนวเสมอบ่าและตั้งได้ฉากกับลาตัว หันหน้า
ปา้ ยไปข้างหนา้
๒.๓ เวลาทาความเคารพเคลอื่ นท่ี
การปฏิบัติ ให้ถือป้ายตามปกติเหมือนเวลาเคล่ือนที่ แต่ให้หันหน้าป้ายเข้าหาผู้เป็นประธาน
เมื่อถึงธงที่ ๒ และหันป้ายกลับที่เดิมเมื่อผ่านพันธงท่ี ๓ แล้ว (ถึงธงที่ ๑ ธงท่ี ๒
หรือธงท่ี ๓ กค็ งเดินสวนสนามตามปกต)ิ ตาแลตรงไปขา้ งหน้าขนานกับพ้ืน (ไมต่ ้อง
สะบัดหนา้ ไปยังผเู้ ปน็ ประธาน)
การทาความเคารพเวลาอย่กู บั ท่ี
เม่ือหมู่ยุวกาชาดต่างๆ เข้าประจาท่ีในสนามเรียบร้อยแล้ว ประธานมาถึงผู้บังคับขบวนสวนสนาม สั่ง
สมาชิกยุวกาชาดทาความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงเคารพ ให้สมาชิกยุวกาชาดและผู้บงั คับบัญชายวุ กาชาดแสดง
ความเคารพโดยการยนื ตรง
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อ้น ผ้อู านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม
๙๕
การทาความเคารพเวลาเดินสวนสนาม
ดา้ นหนา้ ทีน่ ง่ั ประธานจะมีธงเป็นเครอื่ งหมายอยู่ ๓ ธง
๔.๑ สมาชกิ ยวุ กาชาดในแถวเมอื่ ได้ยนิ คาสั่งวา่ “แลขวา-ทา” ให้ทุกคนสะบัดหนา้ ไปยังประธาน จนถึงธงที่ ๓ จึง
จะสะบัดหน้ากลับ แล้วเดินตามปกติ ยกเวน้ คนที่อยู่ขวาสุด ไม่ต้องสะบัดหน้า คงมองตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น
แขนทัง้ สองขา้ งไม่แกวง่
สมาชิกยวุ กาชาดเม่อื ได้ยนิ คาสั่ง “แลขวา-ทา” ให้ทกุ คนทาแม้ตนจะยังไม่ถงึ ธงท่ี ๒ แต่ธงท่ี ๓ น้ัน ตับใด
ถึงตับนนั้ สะบดั หน้ากลบั เองโดยไม่ต้องออกคาสง่ั
คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม
๙๖
เอกสารประกอบการสอน
การเดนิ ทางสารวจ
ความหมายของการเดนิ ทางสารวจ
การเดนิ ทาง หมายถึง การไปสู่จุดที่หมายอีกแหง่ ท่ีไกลออกไป
สารวจ หมายถงึ การตรวจค้น ตรวจสอบ เพื่อศึกษา ค้นคว้า พิจารณา หาสมุฎฐาน
กลา่ วโดยสรปุ การเดินทางสารวจจึงหมายถึง การเดนิ ทางไปสจู่ ดุ หมายปลายทางท่ีกาหนด เพือ่ ศึกษา
คน้ คว้า หรอื รวบรวมข่าวสารเพ่อื ประโยชนอ์ ยา่ งใดอย่างหนึ่งตามที่ไดร้ บั มอบหมาย เชน่ การเดินทางสารวจชุมชน
วา่ มปี ัญหาในด้านใดบา้ ง เพื่อนาข้อมูลจากการสารวจมาศกึ ษา พิจารณาหาทางชว่ ยเหลือ หรอื แจ้งใหห้ น่วยงานที่มี
หน้าทใ่ี นการแก้ไขได้รบั ทราบ เปน็ ตน้
ประโยชน์ของการเดนิ ทางสารวจ
๑. เพอ่ื นาข้อมลู ท่ไี ด้จากการสารวจมาศกึ ษา วเิ คราะห์ ลักษณะ ขอบเขตของส่ิงทที่ าการสารวจพจิ ารณา
ให้ความช่วยเหลอื หรือประชาสัมพนั ธ์ใหผ้ ทู้ มี่ สี ว่ นเกย่ี วข้องไดร้ ับทราบ
๒. เพ่ือฝึกใหเ้ ป็นผู้มคี วามสังเกต ละเอยี ดรอบคอบและมีความจาแมน่ ยา
๓. เพ่ือฝึกใหเ้ ป็นผมู้ คี วามอดทน และระมดั ระวงั ในการเดินทาง
๔. เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความสามัคคี ให้ร้จู กั ปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนรว่ มเดินทาง ให้ความรว่ มมอื ในการ
ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามที่ได้รบั มอบหมาย
๕. เพอ่ื ใหไ้ ด้รบั ความรู้ ประสบการณแ์ ปลกๆ ใหม่ๆ และความสนุกสนานตืน่ เต้นจากการเดินทางสารวจ
หลกั การเดนิ ทางสารวจ
เม่ือยุวกาชาดจะต้องไปรว่ มกิจกรรมในการเดนิ ทางสารวจควรเตรียมการไวใ้ ห้พร้อมก่อนการเดินทาง
๑. ศึกษาหาความรูเ้ ก่ียวกับสถานทท่ี ่ีจะทาการสารวจ
๒. เตรียมอุปกรณแ์ ละของใช้ทจี่ าเปน็ ในการเดนิ ทาง ไดแ้ ก่
๒.๑ ของใช้ประจาตวั ได้แก่ กระติกน้า ชาม ช้อน ยาประจาตัว หวี กระจก เปน็ ตน้ ถ้าตอ้ ง
ค้างแรมต้องนาสิ่งต่อไปนี้ไปด้วย คอื เส้อื กางเกงสาหรับผลัดเปลย่ี น เคร่ืองแบบ ไฟฉาย ยาสฟี ัน
แปรงสฟี นั เปน็ ตน้
๒.๒ อุปกรณท์ ่ใี ช้ในการเดนิ ทาง ได้แก่ แผนที่ เข็มทิศ สมุดบนั ทึก ดนิ สอ เชือก เป็นต้น
๓. เดนิ ทางตามเสน้ ทางที่กาหนดอยา่ งมรี ะเบียบวนิ ยั และดว้ ยความระมัดระวงั ไมอ่ อกนอกเส้นทาง
๔. การเดนิ ทางสารวจต้องปฏิบัติกิจกรรมเป็นระบบหนว่ ยสี สมาชิกทุกคนในหนว่ ยสีตอ้ งปฏิบัตติ าม
คาส่งั ของหวั หนา้ หนว่ ย และให้ความรว่ มมือในการปฏิบัติกิจกรรมทกุ คน
๕. ระหว่างการเดินทางต้องสงั เกต จดจาและบันทึกสิง่ ทส่ี าคัญและนา่ สนใจตลอดเสน้ ทางท่ีผ่าน
๖. ปฏิบตั ิกจิ กรรมการสารวจท่ีกาหนดด้วยความละเอยี ด รอบคอบ
๗. เขียนรายงานการเดินทางสารวจ
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม