The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือยุวกาชาด โรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mesa_poolsawat, 2020-06-24 03:38:32

คู่มือยุวกาชาด_โรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม

คู่มือยุวกาชาด โรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม

Keywords: คู่มือยุวกาชาด

๙๗

กิจกรรมท่ี ๕

เรื่อง อนุรกั ษ์ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ช้ัน ม.๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ (๒ คาบ)

จุดประสงค์
๑. บอกความสาคัญของสัตว์ปา่ ได้
๒. บอกประเภทของสตั วป์ า่ ได้

เน้ือหา
๑. ความสาคัญของสตั ว์ปา่
๒. ประเภทของสตั วป์ า่ ตามพระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ า่ พทุ ธศักราช ๒๕๐๓

กจิ กรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ เชญิ วิทยากรบรรยาย เรือ่ ง การอนุรักษส์ ตั ว์ปา่
๓.๒ ทศั นศึกษา
๓.๓ จดั ทารายงาน เร่ือง การอนุรักษส์ ัตว์ปา่
๔. พธิ ีปดิ การเรยี นการสอน

สอ่ื การเรยี นการสอน
๑. แผนภมู เิ พลง
๒. ภาพยนตร์ สไลด์ ภาพ ตวั อย่างสตั วท์ ่ตี อ้ งอนุรักษ์

การประเมนิ ผล
๑. สังเกตจากความสนใจในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒. ตรวจผลการรายงาน

คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๙๘

เอกสารประกอบการสอน

ทรัพยากรสัตว์ปา่

สตั วป์ ่า หมายถึงสัตว์ที่คนไม่ได้เล้ียงดใู หอ้ าหาร หรือไมไ่ ด้เป็นเจ้าของ รวมท้ังสัตว์บก สัตว์น้า และสัตว์
ที่บินอย่ใู นอากาศด้วย สตั วป์ า่ มีลกั ษณะผดิ กบั สัตวบ์ า้ น คอื ไมเ่ ชอื่ งไม่คุ้นกับคน

สัตวป์ า่ เป็นทรพั ยากรท่ีหมดส้ินสูญพันธไุ์ ด้ ขณะเดียวกันก็สามารถใหค้ งมีอยไู่ ด้ตลอดไปโดยการสืบพันธุ์
และแพร่พันธุ์

ความสาคญั ของสตั ว์ป่า

ความสาคญั ของสตั วป์ า่ มีดงั น้คี ือ
๑. ประโยชน์ในการทดลองเพื่อความก้าวหน้าทางด้านวิชาการ ในวงการแพทย์ การศึกษา หรือ

วิทยาศาสตร์ มักจะใช้สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตทดลองยาแทนมนุษย์ เช่น หนูหรือลิง นักจิตวิทยาใช้สุนัข
และหนูทดลองเพอ่ื สรุปการทดลองโครงการอวกาศก็เคยสง่ ลงิ ขน้ึ ไปกับยานอวกาศ เป็นตน้
๒. มีประโยชน์ในการใช้ท่ีดิน บริเวณใดที่ดินไม่ดี อากาศแห้งแล้ว เพาะปลูกไม่ได้ผลก็ใช้เป็นท่ีเลี้ยง
ขณะเดียวกันมลู สตั ว์ยังช่วยใหด้ นิ อุดมสมบูรณข์ ึน้ ด้วย
๓. มปี ระโยชน์เพื่อการศึกษาชวี ิตสัตว์ปา่ เพือ่ ความรู้ ความเพลดิ เพลนิ คนชอบไปเที่ยวชมสัตว์ปา่ เพื่อ
การพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาธรรมชาติและความเป็นอยู่ของสัตว์เหล่าน้ันทาให้เกิดความรัก
ธรรมชาตซิ ่งึ จะเป็นผลใหล้ ะเว้นการทาลายสตั ว์ได้
๔. มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เนื้อสัตว์เป็นอาหารให้โปรตีน ซ่ึงสร้างเสริมความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย
นอกจากนี้สัตว์ทะเลยังให้แร่ธาตุ เช่น แคลเซี่ยมและไอโอดีน ซึ่งสร้างกระดูก เนื้อเยื่อ และ
ป้องกันโรคจากส่วนต่างๆ ของสัตว์ เช่น หนัง ขน เขา งา ก็ใช้ทาสิ่งของเคร่ืองใช้ขายได้ราคาดี
รังนกนางแอ่นรับประทาน สัตว์สตาฟท้ังตัวก็ส่งขายเป็นสินค้าออก นอกจากนี้ยังได้ผลิตผลจากป่า
เชน่ คร่งั นา้ ผึง้ ยางสน เป็นต้น

สัตว์น้า เป็นอาหารของคนในประเทศและส่งออกนอกประเทศ ทารายได้ดีมากจึงมักมี
การลักลอบจบั สัตว์ในเขตหวงหา้ ม หรือจับปลาในฤดวู างไขอ่ ยู่เสมอ

สัตว์ท่ียังมีชีวิตบางชนิดก็เป็นท่ีต้องการ เช่น นกที่มีสีสันสวยงาม สกท่ีฝึกพูดได้ หรือ
นกแปลกๆ ก็นิยมเล้ียงชะนี ทางภาคใต้เล้ยี งลงิ ไวข้ น้ึ ต้นมะพร้าว ภาคเหนอื เล้ียงชา้ งไวล้ ากซงุ เป็น
ตน้

นอกจากน้ีสัตว์ป่ายังช่วยทาลายสัตว์อ่ืน ๆ ที่เป็นศัตรูพืช เช่น นกช่วยกาจัดแมลง หนอน
เหยยี่ วทาลายหนูและงู ทาใหม้ นษุ ย์ไดป้ ระโยชนจ์ ากผลผลิตมากขน้ึ

คู่มือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๙๙

ประเภทของสตั วป์ ่า

โดยท่วั ไปแลว้ เราแบง่ สตั ว์ป่าออก เปน็ ๒ ประเภท คอื
สัตว์บก หมายถึงสตั ว์สี่เท้า เช่น หมูป่า ควายป่า เสือ แรด กวาง สัตว์เลื้อยคลาน เช่น ก้ิงกา่ ตะขาบเป็น
สัตวบ์ ก คางคก องึ่ อา่ ง กบ เป็นสตั วค์ รึ่งบกคร่ึงน้า และนกซึ่งเป็นสตั ว์ปีกก็รวมอยู่ในประเภทสัตว์บกเช่นกัน
สตั ว์น้า เชน่ ก้งุ หอย ปู ปลา ฯลฯ
พระราชบัญญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสตั ว์ปา่ พ.ศ. ๒๕๐๓ ไดแ้ บง่ สตั วป์ ่าออกเป็น ๒ จาพวกใหญๆ่ คือ
๑. สตั ว์ปา่ สงวน หมายถึงสัตว์ปา่ ที่หายากทุกชนดิ เน่อื งจากใกล้จะสูญพันธุห์ รอื บางชนิดกส็ ูญพนั ธุไ์ ปแล้ว
รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะรักษาไว้โดยห้ามล่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือแม้แต่ซากของ
สตั ว์ นอกจากจะได้รบั อนุญาตจากรฐั บาลแล้ว สัตว์ป่าสงวนมี ๙ ชนิด คือ แรด กระซู่ กปู รีหรือโคไพร ควายป่า
ละองหรือละมั่ง สมันหรือเน้ือสมัน ทรายหรือเน้ือทราย หรือตามะแน เลียงผาหรือเยียงผาหรือกูราหรือโครา
และกวางผา
๒. สัตว์ป่าคุ้มครอง แบง่ เป็น ๒ ประเภท คือ

สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทท่ี ๑ หมายถึงสัตว์ป่าซ่ึงตามปกติคนไม่ใช้เน้ือเป็นอาหารหรือไม่ล่าเพ่ือการ
กีฬาหรือเป็นสัตว์ท่ีทาลายศัตรูพืช หรือขจัดส่ิงปฏิกูล หรือสัตว์ป่าที่ควรสงวนไว้เพ่ือประดับความงามตาม
ธรรมชาติ หรือควรสงวนไวม้ ิให้จานวนลดลง การล่าสัตว์ประเภทนี้ต้องได้รับอนญุ าตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ีก่อน
และต้องไมท่ าใหต้ าย มีทัง้ ส้นิ ๑๖๖ รายการ เช่น คา่ งทกุ ชนิด ชะมด ชะนี แมวดาว ลงิ ลม สมเสรจ็ ฯลฯ

สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทท่ี ๒ หมายถึงสัตว์ป่าซ่ึงตามปกติคนนิยมใช้เนื้อเป็นอาหารหรือล่าเพื่อการ
กีฬา มี ๒๖ รายการ เช่น กระทิง กระจง กวาง วัวแดง เสอื โครง่ เสอื ดา หรือเสอื ดาว ฯลฯ

ท่ีอยอู่ าศัยของสัตวป์ ่า

รัฐบาลได้กาหนดป่าธรรมชาติไว้ในรูปของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยห้ามการล่าสัตว์ป่าในเขตนี้ เพ่ือให้
สัตว์ป่ามีท่ีอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยและมีโอกาสทวีจานวนข้ึน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีอยู่ ๑๒ เขต อยู่ในป่าของ
ทุกภาคของประเทศไทย นอกจากจะมีประโยชน์ในการคุ้มครองชีวิตและเป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่าแล้ว เขต
รักษาพนั ธุส์ ัตว์ปา่ ยังชว่ ยรกั ษาปา่ ตน้ น้า ลาธารและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาตใิ หค้ งอยูต่ ลอดไปอกี ดว้ ย

กฎกระทรวงฯ ฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ.๒๕๒๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๐๓ ไดก้ าหนดมาตรการในการสงวนและคมุ้ ครองชีวติ สัตว์ปา่ ดังนค้ี ือ

๑. สัตว์ป่าสงวน มี ๙ ชนิด ท้ังนี้ห้ามมิให้ทาการล่าโดยเด็ดขาด นอกจากจะล่าเพื่อการศึกษาค้นคว้า
และวิจัยทางวิชาการหรือเพ่ือกิจการสวนสาธารณะและจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้เป็นกรณี
พเิ ศษเทา่ น้ัน ผใู้ ดฝา่ ฝนื ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาท หรือท้ังจาทง้ั ปรับและให้
ริบอาวุธเครื่องมือเคร่ืองใช้ เครื่องจักรกลพาหนะ ที่ใช้ในการกระทาผิดท้ังหมด นอกจากน้ียังห้ามมิให้บุคคลมี

คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๐๐

สัตว์ป่าสงวนหรือซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองเว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าสงวนท่ีบุคคลได้ล่ามาเพื่อการศึกษาวิจัย
ทางวิชาการหรือเพื่อกิจการสวนสาธารณะที่ได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้เป็นกรณีพิเศษ หรือมี
เพ่มิ เติมขน้ึ โดยการสืบพันธุ์ของสัตว์ป่าสงวนท่ีรับอนญุ าตใหล้ ่ามาไดน้ ้ัน ผู้ใดฝา่ ฝืนต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสอง
ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสองหมืน่ บาทหรือท้ังจาทงั้ ปรับ

๒. สตั วป์ ่าคุ้มครอง แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ได้แก่
ก สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑ มี ๒๐๖ รายการ การล่าสัตว์ประเภทน้ีจะกระทาได้ต่อเมื่อได้รับ

อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ีและต้องล่าด้วยวิธีจับเป็นเท่านั้น จะล่าด้วยวิธีทาให้ตายได้ก็เฉพาะการล่าเพ่ือ
การศึกษาหรือวิจยั ทางวิชาการและได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้เป็นกรณีพิเศษเท่าน้ัน ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวาง
โทษจาคุกไมเ่ กินหกเดอื นหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทงั้ ปรับทง้ั จาและให้ริบบรรดาอาวธุ เคร่อื งมอื เคร่ืองใช้
ยานพาหนะ ทนี่ ามาใชใ้ นการกระทาผดิ ด้วย

ข. สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทท่ี ๒ เป็นสัตว์ที่คนนิยมใช้เน้ือเป็นอาหารหรือนิยมล่าเพ่ือการกีฬา มี ๓๕
รายการ การล่าสัตว์ประเภทนี้ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหก
เดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ และให้ริบบรรดาอาวุธ เครื่องมือ เคร่ืองใช้ พาหนะ ซ่ึง
นามาใช้ในการกระทาผิดดว้ ย

เพ่ือสนับสนุนนโยบายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า จึงได้มีพระราชกฤษฎีกากาหนดเขตรักษาพนั ธุ์สัตว์
ป่าขึ้น ในปัจจุบันมี ๑๒ เขต มีเน้ือทป่ี ระมาณแปดล้านไร่ (ตามเป้าหมายของกรมป่าไม้จะให้มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์
ป่าประมาณ ๑๐ ลา้ นไร่) เขตรักษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทัง้ ๓๑ เขต มีดังนี้

๑. เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ สลกั พระ จังหวัดกาญจนบุรี
๒. เขตรกั ษาพันธส์ุ ัตวป์ ่าคลองนาคา จงั หวัดระนอง
๓. เขตรกั ษาพนั ธุส์ ตั วป์ า่ ภเู ขียว จังหวัดชยั ภูมิ
๔. เขตรกั ษาพันธส์ุ ัตว์ป่าเขาสอยดาว จงั หวัดจันทบุรี
๕. เขตรักษาพันธ์ุสัตวป์ า่ ห้วยขาแข้ง จังหวัดอทุ ัยธานแี ละตาก
๖. เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ป่าลุม่ นา้ ปาย จงั หวัดแม่ฮ่องสอน
๗. เขตรักษาพนั ธสุ์ ัตวป์ า่ ทงุ่ ใหญน่ เรศวร จงั หวดั กาญจนบุรแี ละตาก
๘. เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู จงั หวดั ชลบรุ ี
๙. เขตรกั ษาพนั ธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี
๑๐. เขตรักษาพันธส์ุ ตั วป์ ่าภหู ลวง จงั หวัดเลย
๑๑. เขตรักษาพนั ธุ์สตั วป์ ่าภวู วั จังหวัดหนองคาย
๑๒. เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เขาบรรทัด จงั หวดั ตรงั พัทลุง สงขลา และสตูล
๑๓. เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ป่ายอดโดม จังหวดั อุบลราชธานี
๑๔. เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา่ ภเู มีย่ งภูทอง จังหวอั ตุ รดิตถแ์ ละพิษณุโลก

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๐๑

๑๕. เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตวป์ ่าเขาอ่างฤาใน จงั หวัดฉะเชิงเทรา
๑๖. เขตรักษาพันธส์ุ ตั ว์ปโ่ ตนงาช้าง จังหวดั สงขลาและสตลู
๑๗. เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั ว์ปา่ แมน่ ้าภาชี จงั หวัดราชบรุ ี
๑๘. เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าแมต่ ่ืน จังหวดั ตาก
๑๙. เขตรักษาพนั ธ์สุ ัตวป์ า่ เชียงดาว จงั หวดั เชยี งใหม่
๒๐. เขตรกั ษาพันธ์ุสัตว์ป่าสาละวนิ จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน
๒๑. เขตรักษาพันธุส์ ตั วป์ า่ พนมดงรัก จงั หวดั ศรสี ะเกษ
๒๒. เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั วป์ ่าดอยผาเมอื ง จังหวัดลาพูนและลาปาง
๒๓. เขตรักษาพนั ธ์สุ ัตว์ปา่ คลองพญา จังหวดั กระบ่ี
๒๔. เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตวป์ ่าดอยผาช้าง จังหวดั พะเยาและนา่ น
๒๕. เขตรกั ษาพนั ธุ์สตั ว์ป่าอมกอ๋ ย จงั หวดั เชยี งใหม่และตาก
๒๖. เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ ดอยหลวง จังหวัดแพร่
๒๗. เขตรกั ษาพันธุ์สตั วป์ ่าเขาสามเพรียง จงั หวดั กาแพงเพชร
๒๘. เขตรกั ษาพันธส์ุ ัตว์ป่าแมย่ วมฝงั่ ขวา จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน
๒๙. เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั วป์ ่าซบั ลงั กา จังหวัดลพบรุ ี
๓๐. เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา่ อทุ ยานเสดจ็ ในกรมหลวงชุมพร จังหวัดชุมพร
๓๑. เขตรกั ษาพันธสุ์ ัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวดั ตาก

ค่มู ือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อน้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๐๒

การผูกเง่ือนและประโยชนข์ องเง่ือน

ลาดบั ที่ เน้ือหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
ภาคเรยี นที่
๑ การทาอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับเง่ือน
๒ การทาอุปกรณ์หรือเคร่ืองใช้ที่เกย่ี วขอ้ งกับเง่ือน ๑๒





คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผ้อู านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๐๓

กิจกรรมท่ี ๖

เร่ือง การผูกเงื่อน และประโยชนข์ องเงอื่ น ช้ัน ม.๓ ภาคเรียนที่ ๑ (๒ คาบ)

จุดประสงค์
ทาอปุ กรณ์หรือเครอ่ื งใช้ทีเ่ ก่ยี วข้องกับเงื่อนได้

เน้ือหา
การทาอุปกรณห์ รือเครื่องใชท้ ี่เก่ียวข้องกับเงือ่ นได้

กจิ กรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ แบ่งกลุ่มจัดทาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น เสาธงลอย สร้างที่พักระหว่างอยู่ค่ายพักแรม
กางเต็นท์ ตอม่อสะพาน ทว่ี างชามจาน ราวตากผ้า ฯลฯ
๓.๒ เกมแขง่ ขนั การผกู เง่ือน
๔. พธิ ปี ิดการเรียนการสอน

สอื่ การเรยี นการสอน
๑. เชือก
๒. ไม้
๓. แผน่ ภาพหรอื ตวั อย่างอุปกรณ์เครือ่ งใช้ต่างๆ

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากความสนใจในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม
๒. ตรวจผลงาน

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๐๔

เอกสารประกอบการสอน

จากการเรียนรู้เรื่องเงือ่ นตา่ งๆ ทง้ั หมด สามารถนาความรู้ท่ไี ด้รบั มาดดั แปลงทาส่ิงตา่ งๆ ทีจ่ าเปน็ อันจะ
เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการอย่คู ่ายพักแรม อาทเิ ช่น เสาธงลอย สร้างท่ีพักระหว่างอยู่ค่ายพักแรม ซ่ึงอาจเป็น
เต็นทห์ รือพิงแบบตา่ งๆ นอกจากนีย้ งั ทาตอม่อสะพาน ทีว่ างคว่าจานชาม ราวตากผ้า เปน็ ตน้

เสาธงลอย

ค่มู อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม

๑๐๕

วธิ สี รา้ ง แบง่ เปน็ ๓ ขน้ั ตอนใหญๆ่ ดงั น้ี

ขัน้ ท่ี ๑ ผกู ไม้ ๓ ท่อน ตอ่ กันใหเ้ ป็นเสาธง โดยทาตามลาดับภาพแรก นาไม้

๒ ท่อนแรกมาวางซ้อนเหลยี่ มกันประมาณ ๓๐ ซม. ใช้เชือกเลก็ ผูก

ตะกรดุ เบ็ด (คอื การพันสว่ นปลายเชอื กเขา้ กับตวั เชือกใหเ้ ป็นเกลยี ว) ยัดลิ่มไม้เข้าไป

ระหว่างไม้

ภาพ ๒ พบั เชอื กรอบไม้ทั้งสองอัน ๘-๑๐ รอบ แลว้ หกั คอไก่ โดยสอดเชือก
เขา้ ระหวา่ งช่องหักคอไก่สัก ๒-๓ รอบ จากน้นั ดงึ ล่ิมออกแล้วดึงเชอื ก
ให้รดั ไมใ้ ห้แน่น

ภาพ ๓ ผูกปลายเชอื กท่เี หลือดว้ ยเง่อื นตะกรดุ เบ็ตที่ไม้คนละตน้ กับอนั ทข่ี ึน้ ตน้
ผูกคู่ละ ๒ เปราะ แลว้ นาไมอ้ ีกอนั หน่งึ มาผกู ตอ่

คูม่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๐๖

ภาพ ๔ ผกู จนสาเรจ็ เปน็ ๓ ทอ่ นติดต่อกัน และเม่อื นาไปประกอบกบั สว่ นฐาน
ก็จะเปน็ เสาธงลอย

ข้ันที่ ๒ สว่ นฐานของเสาธงลอย ซ่งึ ทาได้โดยใชไ้ ม้ ๔ อนั นามาผูกเปน็ ฐาน
เสาธงโดยใช้เงื่อนกากบาทตามภาพแสดงไว้ ๔ ขน้ั ตอน

ขั้นท่ี ๓ นาเสาธงมาประกอบเข้ากับฐาน โดยผกู กากบาทเช่นกัน จากน้ันใช้ ลอย
เชอื กผูกโยงทเี่ สาธงมายังมุมท้งั ส่ีของฐานใหเ้ สาตรงและเชือกตึง แล้วผูก
ทาบ่วงท่ีปลายเสาเพอื่ จะไดร้ อ้ ยเชือกผกู ธง ก็เปน็ อนั วา่ สาเรจ็ เปน็ เสาธง
(ดังภาพสาเรจ็ หนา้ ๓๑๙)

คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๐๗

หมายเหตุ
เสาธงลอย ทาได้มากมายหลายแบบ ไม่จาเพาะว่าจะต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น สาหรับแบบที่นาเสนอนี้

เป็นแบบง่ายๆ ท่ีสามารถทาตามได้

การสร้างและจดั เกบ็ ที่พกั ชวั่ คราว
การอยู่ค่ายพักแรมของยุวกาชาด ถ้าเป็นการจัด ณ ศูนย์กิจกรรมยุวกาชาด “ผิน แจ่ม

วิชาสอน” จะไม่เป็นปัญหาในการสร้างและจัดเก็บที่พักเลย ทั้งน้ีเนื่องจากเป็นศูนย์ฯ ท่ีพร้อมและมีเคร่ือง
อานวยความสะดวกครบถ้วน แต่ถ้าเป็นกรณีท่ีออกไปจัดค่ายพักแรมในต่างจังหวัด ความพร้อมดังกล่าวจะไม่มี
ฉะนัน้ จึงมีความจาเป็นทค่ี วรจะใหย้ ุวกาชาดเรยี นรู้ถึงวธิ กี ารสร้าง และจัดเกบ็ ทพ่ี ักชั่วคราว ซึง่ ไดแ้ ก่การกางเตน็ ท์
และการทาทีพ่ ักแทนเตน็ ท์ เปน็ ตน้

การกางเตน็ ท์
สาหรับเต็นท์ท่ีนิยมใช้ คือ เต็นท์ ๕ ชาย หรือที่เรียกกันว่าเตน็ ทก์ ระแบะ เม่อื กางแลว้ นอนจะ

ได้ ๒ คน สว่ นประกอบของเตน็ ทม์ ีดังนี้
๑. ผ้าเตน็ ท์ ๒ ผืน
๒. ผ้าปูท่นี อน ๑ ผืน
๓. เสาเต็นท์ ๖ ทอ่ น (ประกอบเป็น ๒ เสา เสาละ ๓ ท่อน)
๔. สมอบก ๘ อนั
๕. เชอื กยาว ๒ เมตร ๒ เสน้ สาหรับยดึ หวั และทา้ ยเต็นท์

วิธีการกางเต็นท์
๑. ปูผ้าเต็นท์ท้งั ๒ ผืนลงกับพน้ื โดยใหส้ ว่ นบนหันเข้าหากัน
๒. กลดั กระดุมทอ่ี ยตู่ รงขอบผ้าทัง้ สองผืนทั้งสองแถว
๓. ต่อเสาเต็นท์เสาละ ๓ ท่อน แล้วนาไปใส่เข้าท่ีรูตรงขอบรอยต่อทั้งสองด้าน และต้ังขึ้นทั้ง
สองด้าน ให้คนจบั ไว้ใหม้ ่นั

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๑๐๘

๔. นาเชือกยาว ๒ เมตร ๒ เสน้ มาผูกเข้าทห่ี ัวเสาท้ังสองข้าง แล้วดึงให้หลงั คาเต็นท์ตงึ พร้อม
กบั ตอกสมอบกดา้ นหวั และด้านท้ายของเต็นท์ นาเชือกท้ังสองเส้นท่ีปลายวา่ งไปผูกกับสมอ
บกดว้ ยเงอ่ื นผกู รัง้

๕. นาสมอบกท่ีเหลืออีก ๖ อันไปตอกยดึ ขอบเต็นท์ที่ติดกบั พื้นดิน โดยตอกลงไปในรูเต็นท์ที่มี
ไวแ้ ลว้ ให้ยดึ แนน่ การตอกสมอบกต้องใหท้ ามมุ กบั พืน้ ดินประมาณ ๓๐-๔๕ องศา

๖. นาผา้ ปูทน่ี อนเข้าไปปภู ายในเตน็ ทท์ ีก่ างเรียบร้อยแล้ว เป็นอันเสรจ็ สนิ้ วิธกี ารกางเตน็ ท์
เพ่ือป้องกันน้าไหลเข้าเต็นท์เวลาฝนตก เมื่อกางเต็นท์แล้วให้ขุดร่องรอบเต็นท์ห่างจากเต็นท์
ประมาณ ๒ นิ้ว กวา้ งประมาณ ๖ นิว้ และลกึ ประมาณ ๒-๓ นิว้
การรื้อเตน็ ท์ ปฏบิ ตั ดิ ังนี้
๑. แกะกระดมุ หลงั คาเต็นท์ออกจนเสาเตน็ ท์ลม้ ลง
๒. ถอนสมอบกออกใหห้ มดทกุ อัน
๓. แกะกระดมุ ทเ่ี หลอื ออกให้หมด
๔. รอ้ื เสาเต็นท์เก็บออกเปน็ ทอ่ นๆ
๕. แก้เชอื กผกู เต็นท์
๖. นาผ้าเตน็ ท์และผา้ ปูท่ีนอนไปผึง่ แดดใหแ้ ห้ง

คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อ้น ผูอ้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๐๙

เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู ประเภทตา่ ง ๆ

เตน็ ทเ์ ปิด ๒ ข้าง ขนาด ๒-๓ คน ยกดา้ นข้าง เต็นท์ขนาด ๒-๓ คน ลายพราง

เตน็ ท์ขนาด ๑๐ คน แบบโรงเรียน เตน็ ท์ครอบครวั CHALET ขนาด ๘-๑๐ คน

เต็นท์โดม ขนาด ๒-๓ คน เต็นท์ขนาด ๒-๓ คน

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๑๐

การทาทีพ่ ักแทนเต็นท์

ในกรณีที่ไม่มีเต็นท์ อาจทาท่ีพักโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นมาดัดแปลงเป็นท่ีพักช่ัวคราวได้ ท่ีพักนี้คือ เพิง

การทาเพิงทาไดด้ ังน้ี

๑. หหหาาาไไไมมม้ลลง้้ ่าาามแยลข่อาง็มยๆๆาวยยปาารววะปปมรราะะณมมาา๒ณณ๒๑๒๒เ๒๑ม๒๑ตเรมมาตปวรากั งจลพางานดดวินบนปนปรงะรา่ะมมมาไณามณ้ทครั้ง๑สง่ึ เ๕อม-งต๒ทร๐ปี่ ักหลไา่าวง้ มกาันวปารงะพมงิ าเขณา้ กบั๒ราเวมไตมร้ให้
๒.
๓.

เฉๆ โดยการพาดเป็นระยะใหห้ า่ งกนั พองาม กอ่ นพงิ ควรสังเกตดวู ่ากน้ั ทางลมหรือไม่

๔. ตัดกิ่งไม้ท่ีมีใบดกๆ หรือใบไม้ใหญ่หนามามุงเป็นหลังคา จนสามารถกันแดดและคุ้มฝนได้บ้าง

ควรมงุ จากล่างขนึ้ บน

๕. แล้วใชไ้ มซ้ ีกหรือกงิ่ ไม้เล็กๆ วางทาบ และผูกตดิ กบั ไมพ้ าดกนั ไม่ใหใ้ บไมป้ ลวิ

๖. จัดทาท่นี อน โดยหาใบไมห้ นาๆ หรอื หญ้า หรือฟางมาปพู ้ืนให้หนาๆ แล้วใช้ผา้ ปูทบั อีกทีหน่งึ ก็

จะใช้นอนไดเ้ ช่นกนั

เพงิ

คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๑๑

ตอม่อสะพาน (Trestle)

เป็นการนาเงื่อนผูกประกบ และเง่ือนกากบาท มาใช้ การผูกตอม่อสะพาน เมื่อทาเสร็จแล้ว ใหท้ ดสอบ
ความแข็งแรงได้โดยขนึ้ เหยียบบนคานท่ีฐาน (Ledger) ถา้ ไมม่ ีการสั่นโยกสะเทอื นตรงสว่ นใด ถือวา่ ใชไ้ ด้
ประโยชน์

๑. ใช้ทาตอม่อสะพาน
๒. ใชท้ าฐานเสาธงลอย
วิธีผูก
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42

นายเสวก พันธ์ุอน้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๑๒

เตรยี มอปุ กรณใ์ ห้ครบประกอบด้วย
๑. เสาขนาดพอสมควร ยาวเท่ากัน ๖ ตน้
๒. เชือกมนิลา ยาวพอสมควร ๙ เสน้

ขน้ั ท่ี ๑ ใชเ้ สา ๒ ต้น วางขนานกนั หา่ งกันประมาณ ๒ ใน
๓ ของความยาวเสา

ขน้ั ท่ี ๒ ใช้เสาอีก ๒ ทตบ้นแบว่งาง๑ท๖ับบส่วนนเสาเล๒ื่อนตเส้นาแตรอกนบใหน้เเหขล้าหือาปกลันาอยีกเสขา้ายงื่นลอะอก๑๑ไ๖ปขเ้าพง่อื ลทะาใ๖๑หห้สว่รืนอบ๘๑นแขลอ้วง
เอาเชือกวัดความยาวของเสา

เสาสอบเข้าหากนั (ตามแนวเส้นประ)

ขั้นท่ี ๓ ใช้เสาต้นท่ี ๕ วางเฉยี ง
ดา้ นซ้ายพาดขา้ งบนด้านขวาสอดใต้

ขั้นที่ ๔ ใชเ้ สาต้นท่ี ๖ วางเฉียง พาดขา้ งบนทั้ง ซ้ายและขวา
แล้วใชเ้ ชือกผกู ท่จี ดุ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ และ ๘ ดว้ ย วธิ ี ผกู กากบาท
ส่วนจุดกลาง (*) ทแยง

ขั้นสุดท้าย จดุ รอบนอก ๘ จุด ผูกกากบาท จุดกลาง ๑ จุด ผกู ทแยง

ค่มู อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม

๑๑๓

ทว่ี างจาน

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม

๑๑๔

คู่มอื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อน้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๑๕

การเดนิ ทางสารวจ

ลาดับที่ เน้อื หา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓

๑ ความหมาย ประโยชน์ และหลักการของการเดินทางสารวจ ภาคเรียนท่ี
๒ ข้ันตอนในการเดินทางสารวจ
๓ การวางแผนเดนิ ทางสารวจ ๑๒





๔ การเดินทางสารวจชุมชนเกีย่ วกับขนบธรรมเนียมประเพณี 
การประกอบอาชพี การสาธารณปู โภค การสุขาภบิ าล การ 
สาธารณสขุ หรือส่งิ ที่นา่ สนใจอืน่ ๆ ตามระยะทางที่
กาหนดให้

๕ การทาแบบรายงานการสารวจ และลักษณะของการรายงาน
การสารวจ

ค่มู ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม

๑๑๖

กจิ กรรมท่ี ๗

เรื่อง การเดนิ ทางสารวจ ชน้ั ม.๓ ภาคเรียนที่ ๑ (๒ คาบ)

จุดประสงค์
๑. บอกความหมาย ประโยชน์และหลกั การเดนิ ทางสารวจทถ่ี ูกตอ้ งปลอดภัยได้
๒. บอกขัน้ ตอนการเดนิ ทางสารวจตามระยะทางที่กาหนดใหไ้ ด้

เนอ้ื หา

๑. ความหมาย ประโยชน์ และหลักการของการเดินทางสารวจ
๒. ขนั้ ตอนในการเดินทางสารวจ
๓. การวางแผนเดินทางสารวจ

กิจกรรม
๑. พิธเี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ อธิบายนาเรือ่ ง
๓.๒ แบง่ กลมุ่ ค้นควา้ และเสนอรายงาน
๓.๓ อภิปราย ซักถาม
๔. พธิ ปี ิดการเรียนการสอน

สือ่ การเรยี นการสอน

๑. แผนภูมิ
๒. แผน่ ภาพ
๓. วดิ ีโอ สไลด์

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากความสนใจในการเข้ารว่ มกิจกรรม
๒. ซกั ถาม

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อน้ ผ้อู านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๑๗

เอกสารประกอบการสอน

การเดนิ ทางสารวจ

ความหมายของการเดินทางสารวจ
การเดินทาง หมายถึง การไปสูจ่ ุดทีห่ มายอีกแหง่ ทไ่ี กลออกไป
สารวจ หมายถึง การตรวจคน้ ตรวจสอบ เพือ่ ศกึ ษา คน้ ควา้ พจิ ารณา หาสมุฎฐาน
กล่าวโดยสรุปการเดินทางสารวจจึงหมายถึง การเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่กาหนด เพ่ือศึกษา

ค้นคว้า หรือรวบรวมข่าวสารเพ่ือประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึงตามที่ได้รับมอบหมาย เช่น การเดินทางสารวจ
ชุมชนว่ามีปัญหาในด้านใดบ้าง เพ่ือนาข้อมูลจากการสารวจมาศึกษา พิจารณาหาทางช่วยเหลือ หรือแจ้งให้
หน่วยงานทมี่ ีหน้าท่ใี นการแกไ้ ขไดร้ บั ทราบ เป็นต้น

ประโยชนข์ อบงการเดนิ ทางสารวจ
๑. เพ่ือนาข้อมลู ท่ีได้จากการสารวจมาศึกษา วิเคราะห์ ลักษณะ ขอบเขตของสิ่งที่ทาการสารวจ เพ่ือ
พจิ ารณาให้ความช่วยเหลือหรือประชาสมั พนั ธใ์ ห้ผทู้ ่มี สี ่วนเกย่ี วขอ้ งไดร้ บั ทราบ
๒. เพ่ือฝกึ ใหเ้ ป็นผู้มีความสงั เกต ละเอยี ดรอบคอบและมคี วามจาแม่นยา
๓. เพือ่ ฝกึ ให้เป็นผมู้ คี วามอดทน และระมัดระวงั ในการเดินทาง
๔. เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสามัคคี ให้รู้จักปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมเดินทาง ให้ความร่วมมือในการ
ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย
๕. เพือ่ ให้ไดร้ ับความรู้ ประสบการณแ์ ปลกๆ ใหม่ๆ และความสนุกสนานต่นื เต้นจากการเดนิ ทางสารวจ

หลักการเดินทางสารวจ
เมอ่ื ยุวกาชาดจะต้องไปรว่ มกิจกรรมในการเดนิ ทางสารวจควรเตรยี มการไวใ้ หพ้ ร้อมกอ่ นการเดินทางดังนี้
๑. ศกึ ษาหาความรู้เกีย่ วกับสถานทท่ี ่จี ะทาการสารวจ
๒. เตรียมอุปกรณ์และของใช้ทจี่ าเป็นในการเดนิ ทาง ได้แก่
๒.๑ ของใช้ประจาตัว ได้แก่ กระติกน้า ชาม ช้อน ยาประจาตัว หวี กระจก เป็นต้น ถ้าต้องไป
ค้างแรมต้องนาส่ิงต่อไปน้ีไปด้วย คือ เสื้อ กางเกงสาหรับ ผลัดเปล่ียน เครื่องแบบ
ไฟฉาย มดี ยาสฟี นั แปรงสีฟนั เปน็ ต้น
๒.๒ อุปกรณ์ท่ีใช้ในการเดนิ ทาง ไดแ้ ก่ แผนท่ี เข็มทศิ สมดุ บันทกึ ดินสอ เชือก เป็นต้น
๓. เดนิ ทางตามเส้นทางท่ีกาหนดอย่างมีระเบยี บวนิ ัย และด้วยความระมัดระวังไมอ่ อกนอกเสน้ ทาง
๔. การเดินทางสารวจต้องปฏิบัติกิจกรรมเป็นระบบหน่วยสี สมาชิกทุกคนในหน่วยสีต้องปฏิบัติตาม
คาสงั่ ของหัวหนา้ หนว่ ย และใหค้ วามรว่ มมอื ในการปฏิบัติกิจกรรมทุกคน

คมู่ อื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๑๘

๕. ระหวา่ งการเดนิ ทางตอ้ งสงั เกต จดจาและบนั ทกึ ส่งิ ทีส่ าคัญและน่าสนใจตลอดเส้นทางทีผ่ ่าน
๖. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการสารวจท่กี าหนดด้วยความละเอียด รอบคอบ
๗. เขียนรายงานการเดินทางสารวจ

ขนั้ ตอนการเดินทางสารวจ
การสารวจเป็นงานที่สาคัญและจาเป็นเพราะเป็นการฝึกทักษะของการปฏิบัติกิจกรรมในด้านต่างๆ ของ

ยุวกาชาด ขั้นตอนในการสารวจอาจแบ่งออกเป็น ๔ ขนั้ คอื
๑. ขั้นเตรยี มงาน (Preliminary study) เปน็ การศกึ ษาข้อมลู พ้ืนฐานก่อนลงมือสารวจ หัวหนา้ หนว่ ย
สีตรวจทาน มอบหมายหน้าท่ีให้สมาชิกในหน่วยสี ขั้นนี้นับว่าสาคัญมาก การปฏิบัติกิจกรรมจะ
สาเร็จลงดว้ ยดีและรวดเร็วเพยี งใดขึน้ อยู่กบั งานขน้ั น้เี ป็นสาคญั
๒. ข้นั สารวจ (Field Work) แบง่ การทางานออกเป็น ๒ ระยะ
๒.๑ การสารวจท่ัวไป เป็นการสารวจลักษณะ หรือสภาพทัว่ ๆ ไป ของสิ่งท่จี ะทา การสารวจ
๒.๒ การสารวจขั้นหยาบ (Reconnaissance survey) การสารวจขั้นนี้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือทาแผนที่
ประกอบรายงาน
๒.๓ การสารวจละเอียด (Detailed survey) เป็นการสารวจที่ต้องใช้เคร่ืองมือประกอบ เช่น การ
สารวจชุมชนต้องมีแบบสารวจ อาจเป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ การสารวจละเอียดจะ
มีการตรวจสอบรายละเอียดตามวัตถปุ ระสงคข์ องการเดินทางสารวจ
๒.๔ จดั ทาแผนที่ หรือดาเนินการเกบ็ ตวั อยา่ ง (ถา้ มี)
๓. รวบรวมข้อมูลเพ่ือเขียนรายงาน เป็นขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูล และแผนท่ีการเดินทาง เพื่อใช้
ประกอบการเขียนรายงาน
๔. เขียนรายงานผลการเดินทางสารวจ

วางแผนเดนิ ทางสารวจ
แผนการสารวจคือ แผนท่ีกาหนดว่าจะทาการสารวจที่ใด เมื่อไร ระยะเวลานานเท่าใด ใครเป็น

ผู้ดาเนนิ การใชง้ บประมาณเท่าไร ในการวางแผนเดนิ ทางสารวจควรยึดหลกั ต่อไปน้ี
๑. เหตุผลและความจาเป็นในการสารวจ เพ่ือกาหนดเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของการสารวจให้
ชัดเจน
๒. มอบหมายหน้าท่ีความรับผิดชอบ เพื่อแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผู้ร่วมเดินทางทุกคน
รับผิดชอบงานตา่ งๆ เชน่
๒.๑ หัวหน้าหน่วยมหี น้าท่ีปฏิบัตหิ นา้ ท่ีเป็นผู้แทนของหนว่ ย มีหน้าท่ีควบคมุ การ เดินทาง และ
ตัดสินใจเพอ่ื แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ที่อาจเกดิ ขึน้ ระหว่างการเดินทาง
๒.๒ รองหวั หน้าหนว่ ยปฏิบตั ิงานและทาหนา้ ท่ีช่วยเหลือหัวหน้าหนว่ ยเมอื่ ไดร้ บั มอบหมาย

คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๑๑๙

๒.๓ ผู้ดูแลอุปกรณ์ในการเดินทาง ต้องเป็นผู้ท่ีรู้จักวิธีจัดหา การใช้และบารุงรักษา จัดเตรียม
เพือ่ ให้ใชง้ านไดท้ ันทเี มอ่ื ต้องการ

๒.๔ ผู้ทาหน้าท่ีพยาบาล จัดเตรียมเวชภัณฑ์ที่จาเป็น เพื่อทาการปฐมพยาบาลได้ทันทีเมื่อมี
ความจาเป็น

๒.๕ ผู้ดูแลเรื่องอาหาร มีหน้าท่ีจัดหา ประกอบอาหารหรือเก็บอาหารที่สมาชิกภายในหน่วย
นามาอยา่ งถกู หลกั โภชนาการ

๒.๖ ผูร้ ับผิดชอบการเดินทางมีหน้าทีด่ ูแลทิศทางและเส้นทางการเดินทาง ซึ่งต้องมคี วามรู้ในเรื่อง
แผนท่ี เขม็ ทิศ และรูจ้ กั สังเกตหาทศิ เม่อื หลงทาง เปน็ ต้น

๓. ระยะเวลา คอื ระยะเวลาการเดนิ ทางสารวจวา่ จะใช้เวลาในการปฏิบัติกิจกรรมนานเท่าใด สาเหตุ
ท่ีต้องกาหนดเวลาใหแ้ นน่ อนนนั้ เพื่อให้การปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จทันเวลาท่กี าหนด

๔. ประสบการณ์ของสมาชกิ ควรมีการแนะนาและฝึกใหย้ วุ กาชาดไดท้ ราบเหตุการณ์ล่วงหน้าเก่ียวกับ
ส่ิงท่ีต้องเผชิญระหว่างการเดินทาง โดยผู้บังคับบัญชาหรือยุวกาชาดท่ีมีประสบการณ์ในเร่ืองการ
เดินทางสารวจประสบการณ์ของตนในการเดินทางให้เพื่อนยุวกาชาดได้รู้ ทั้งน้ีเพื่อเป็นการเตรียม
ตวั รับสถานการณ์ทีอ่ าจเกิดขนึ้ อยา่ งรอบคอบและปลอดภยั

๕. งบประมาณ คือ การกาหนดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสารวจว่าจะต้องจัดซ้ือวัสดุ อุปกรณ์ หรือ
อาหารท่ีจาเป็นในการเดินทางอะไรบ้าง จะจัดหาเงินบริจาคได้จากแหล่งใดบ้าง จะต้องเฉล่ีย
คา่ ใชจ้ ่ายจากผู้ร่วมเดินทางคนละเทา่ ไร เปน็ ตน้

๖. เส้นทางในการเดินทาง คือ การเลือกวิธีเดินทางที่เหมาะสมที่สุด สารวจ และหาความรู้เกี่ยวกับ
เส้นทางว่ามีสภาพเช่นไร ต้องขออนุญาตในการใช้เส้นทางหรือไม่ เพื่อกาหนดวิธีเดินทาง ซึ่งอาจ
ตอ้ งใช้ รถประจาทาง รถไฟ รถยนต์ หรือบางคร้ังอาจต้องเดนิ ทางโดยเรอื เป็นต้น
หมายเหตุ เพ่ือเป็นการฝึกยุวกาชาดให้มีทักษะในการเดินทางสารวจ และเพ่ือให้เกิดประโยชน์

ดังกล่าวแล้วข้างต้น ผู้บังคับบัญชายุวกาชาดควรหาโอกาสพายุวกาชาดไปฝึกปฏิบัติจริง ก่อนนายุว
กาชาดออกปฏิบัติกิจกรรมในการเดินทางสารวจ ผู้บังคับบัญชายุวกาชาด ควรเตรียมการในเร่ืองต่างๆ
ดงั ตอ่ ไปนี้

๑. ศึกษาหาข้อมูลของสถานที่ และสารวจเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางสารวจให้มากที่สุด ทั้งใน
ดา้ นสภาพภูมิอากาศ ภมู ิประเทศ เสน้ ทางคมนาคม เป็นตน้

๒. กาหนดขอบเขต และวตั ถปุ ระสงค์ ของการสารวจ
๓. จัดเตรียมสิ่งของและอุปกรณ์ท่ีจาเป็น ได้แก่ ยาและเครื่องเวชภัณฑ์ที่จาเป็นในการปฐม

พยาบาลเบ้ืองต้น อุปกรณ์ท่ีใช้ในการฝึกตามหัวข้อที่กาหนดซึ่งต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอน
และการแขง่ ขนั ให้ครบถว้ น

ค่มู ือยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๒๐

๔. เขียนโครงการขออนุมัติโครงการตอ่ ผู้บังคับบัญชาและทาหนังสือถึงผู้ปกครองของยวุ กาชาดเพื่อ
ขออนญุ าตให้ยุวกาชาดไปร่วมเดินทางสารวจ

๕. จัดประชุมวางแผนดาเนินงานและมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการจัด
โครงการทุกทา่ น
ในการเดินทางสารวจนัน้ อาจเดินทางด้วยวธิ ีใดวิธีหนึ่งดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. เดนิ ทางด้วยเทา้ ระยะทางไป-กลับ ไม่น้อยกวา่ ๑๐ กโิ ลเมตร หรือ
๒. ทัศนศกึ ษาโดยรถยนต์ไป-กลับ ไม่น้อยกวา่ ๖ ชว่ั โมง หรือ
๓. จดั กิจกรรมการสารวจควบคู่ไปกับกิจกรรมการเดินทางไกล และอยู่ค่ายพักแรม เป็นเวลา
๒ วัน ๑ คนื

คู่มือยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อน้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๒๑

กจิ กรรมที่ ๘ (๓ คาบ)

เรือ่ ง การกาชาด ช้ัน ม.๓ ภาคเรียนที่ ๒

จุดประสงค์

สมาชกิ ยวุ กาชาดชว่ ยเหลืองานของสภากาชาดไทยได้
เน้ือหา

๑. บทบาทของยุวกาชาดตอ่ สภากาชาดไทย
๒. การช่วยเหลือสภากาชาดไทยโดยจดั หารายไดต้ า่ งๆ
๓. การช่วยเหลือสภากาชาดไทยเก่ียวกบั การบรจิ าคโลหิตหรืองานอ่ืนๆ
๔. การช่วยงานและเขา้ ร่วมกิจกรรมของยุวกาชาด
กจิ กรรม

๑. พธิ ีเปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม

๓.๑ อธิบายถึงวิธกี ารตา่ งๆ ทจ่ี ะสามารถช่วยเหลอื งานสภากาชาดไทยได้
๓.๒ แบง่ กลุ่มจดั ทาโครงการช่วยเหลอื กิจการของสภากาชาดไทย

๓.๓ ให้ปฏบิ ัตหิ น้าท่เี ป็นผนู้ ายุวกาชาดในโอกาสต่างๆ
๔. พิธปี ิดการเรยี นการสอน
สื่อการเรยี นการสอน
๑. แผนภมู เิ พลง

๑.๑ เพลงชว่ ยกนั ทางาน

๑.๒ เพลงเพลนิ ยุวกาชาด
๒. ภาพกจิ กรรมต่าง ๆ ในการช่วยเหลอื งานสภากาชาดไทย
๓. ตวั อย่างโครงการชว่ ยเหลือกจิ กรรมการสภากาชาดไทย
การประเมินผล

๑. สงั เกตจากความสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒. ตรวจผลการปฏิบตั ิงาน

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๒๒

เอกสารประกอบการสอน

บทบาทของยุวกาชาดตอ่ สภากาชาดไทย

กิจกรรมยุวกาชาดมีสถานภาพถือเป็นกองหนึ่งของกรมพลศึกษา ในขณะเดียวกันก็เป็นกองหน่ึงของ
สภากาชาดไทยด้วย กิจกรรมยุวกาชาดน้ันมีความสัมพันธ์กับสภากาชาดไทยในฐานะท่ีสภากาชาดไทยเป็นผู้ให้
กาเนิด แต่การดูแลรับผิดชอบให้กิจกรรมยุวกาชาดเจริญรุ่งเรืองนั้น เป็นหน้าที่ของสภากาชาดไทยและ
กระทรวงศึกษาธิการช่วยกันดาเนินการดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่ากองยุวกาชาดแยกเป็นกองหน่ึ งของสภากาชาดไทย
กองยุวกาชาดจึงต้องมีบทบาทช่วยเหลืองานของสภากาชาดไทยตามความสามารถและกาลัง แต่ในการช่วยงาน
ต่างๆ นั้น กองยุวกาชาดไม่สามารถทาได้โดยลาพังตนเองเสมอไป จะต้องขอร่วมมือจากสมาชิกยุวกาชาดใน
โรงเรียนต่าง ๆ มาร่วมกันชว่ ยเหลอื งานของสภากาชาดไทย สมาชิกยุวกาชาดทุกคนเป็นสว่ นหน่ึงของสภากาชาด
และเป็นกาลังสาคัญอนั หนึ่งของสภากาชาดที่จะช่วยงานของสภากาชาดได้ท้ังในยามสงครามและในยามสงบ เช่น
ช่วยในด้านบรกิ ารสงั คม หรือบาบัดทกุ ข์บารุงสุขใหแ้ ก่ประชาชน เป็นตน้

การชว่ ยเหลือสภากาชาดไทยจัดหารายไดต้ า่ ง ๆ
รายได้ของสภากาชาดไทยน้ัน ส่วนใหญ่ได้มาจากการบริจาคและจากการจัดงานต่างๆ เพื่อหารายได้

สมทบทุน เช่น การจัดงานกาชาดประจาปี การออกร้านค้าโดยคณะภรรยาทูตประเทศต่างๆ ที่อยู่ในประเทศ
ไทยและนอกจากน้ันก็เป็นเงินบริจาคช่วยสนับสนุนกิจการจากรัฐบาล แต่เงินจานวนดังกล่าวท่ีสภากาชาดได้รับ
ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ทางสภากาชาดต้องใช้ในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ผู้ป่วยอนาถาใน
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดาเนินการเรื่องอ่ืน ๆ อีก ดังนั้น
กองจัดหารายได้ของสภากาชาดไทยจึงจาเป็นต้องคิดหาวิธีการเพ่ือนารายได้เข้าสภากาชาดไทย เช่น จัดทา
ส.ค.ส. เข็มที่ระลึก ปากกาท่ีระลึก และสิ่งประดิษฐ์อ่ืนๆ ออกจาหน่ายเผยแพร่เพ่ือเพ่ิมพูนรายได้ เป็นต้น
สมาชิกยุวกาชาดในฐานะที่เป็นส่วนหน่ึงของสภากาชาดจึงควรช่วยเหลือสภากาชาดจัดหารายได้โดยการปฏิบัติ
ดังนี้

๑. ช่วยจาหน่ายของท่ีระลึกตามที่ทางสภากาชาดไทยจัดทาออกจาหน่าย สมาชิก ยุวกาชาด
อาจจะเป็นกลุ่มออกจาหน่ายตามสถานที่ชุมนุมต่างๆ เช่น หน้าโรงภาพยนตร์ ตลาดสด
ศูนยก์ ารค้า เพือ่ นารายได้ชว่ ยเหลอื สภากาชาดไทย

๒. ร่วมออกร้านในงานกาชาดประจาปี ซึ่งจัดให้มีข้ึนทุกอาเภอ จังหวัด เป็นประจาทุก ๆ ปี ใน
งานกาชาดประจาปีน้ีสมาชิกยุวกาชาดสามารถนาของที่ระลึกมาช่วยจาหน่ายในงาน หรือ
จดั การแสดงตา่ ง ๆ เพอ่ื เกบ็ เงินคา่ สมทบทนุ ให้สภากาชาดไทยก็ได้

คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอน้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๑๒๓

๓. จัดกิจกรรมหารายได้เพ่ือมอบให้สภากาชาดไทย เช่น การจัดแสดงดนตรีการกุศล จัดฉาย
ภาพยนตร์ในโอกาสพิเศษ ทาบัตร ส.ค.ส ในนามของสมาชกิ ยุวกาชาดออกจาหนา่ ย เป็นต้น

การช่วยเหลอื สภากาชาดไทยในการบริจาคโลหติ
สมาชิกยุวกาชาดคงจะเคยได้พบบ่อยๆ ว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้ชักชวนให้ประชานช่วยกัน

บริจาคโลหิต เพื่อนาไปใช้ในการรักษาชีวิตของผู้ป่วยและผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ถึงแม้ว่าจะมีการชักชวนให้
บริจาคโลหิตอยู่เสมอ ๆ แต่ก็ยังได้รับโลหิตไม่เพียงพอ สมาชิกยุวกาชาดคงจะเคยเห็นรถบริจาคโลหิตเคล่ือนที่
ไปขอรับบรจิ าคโลหิตตามสถานท่ีต่างๆ เป็นประจา ในต่างจังหวัดนั้น คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจะต้อง
ออกชกั ชวนใหป้ ระชาชนบรจิ าคโลหติ เปน็ ประจาทุกๆ สัปดาห์ หรอื ทกุ ๆ เดือน เพอ่ื จะให้ได้จานวนโลหิตเพยี งพอ
สมาชกิ ยุวกาชาดสามารถช่วยเหลอื สภากาชาดไทยไดโ้ ดยการปฏบิ ตั ดิ ังนี้

(ซ้าย) สมาชิกยุวกาชาดกาลังช่วยกันปิดโปสเตอร์เพ่ือชักชวนคนไปบริจาคโลหิตให้สภากาชาด และ(ขวา)
ตวั อยา่ งโปสเตอร์ชักชวนคนไปบรจิ าคโลหติ

๑. เข้าร่วมกับหน่วยรับบริจาคโลหิตเคล่ือนท่ีหรือคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดทุกๆ สัปดาห์
หรอื ทกุ ๆ เดือน

๒. จัดทาโปสเตอร์รณรงค์การบริจาคโลหิตตามสถานท่ีต่างๆ ตามคาขวัญของกาชาด เช่น “เรา
ชว่ ยกาชาด กาชาดชว่ ยเรา”

๓. จดั กิจกรรมเชิญชวนประชาชนในชุมชนให้บริจาคโลหิตในวันกาชาดโลกคือวันท่ี ๘ พฤษภาคม
ของทกุ ๆ ปี

การชว่ ยเหลือสภากาชาดไทยด้านอาสาสมัคร

ค่มู ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม

๑๒๔

กิจกรรมด้านอาสาสมัครน้ัน เป็นงานในความรับผิดชอบของกองยุวกาชาด สภากาชาดไทย ต้ังข้ึนเพ่ือ
ดาเนินการเกี่ยวกับบริการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากหรือผู้ได้รับภัยพิบัติต่างๆ เม่ือที่ใดมี
เหตุการณ์ที่ทาให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เช่น ไฟไหม้ น้าท่วม แผ่นดินไหว ฯลฯ หน่วยอาสากาชาด
จะไปให้การช่วยเหลือทันที ในยามปกตินั้นสมาชิกเหล่าอาสากาชาดจะดาเนินการในด้านการจัดเตรียมอุปกรณ์
เครื่องใช้ต่าง ๆ บรรจุลงกล่องหรือถุงเตรียมไว้ให้พร้อม และนอกจากน้ีก็จัดเตรียมอุปกรณ์สาหรับใช้ในด้าน
การแพทย์ เช่น พับผ้ากอซ ปั้นสาลีให้แก่โรงพยาบาล ในต่างจังหวัดนั้นจะเป็นหน้าท่ีของคณะกรรมการเหล่า
กาชาดจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบดาเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นสมาชิกยุวกาชาดสามารถช่วยเหลือ
สภากาชาดไทย ในดา้ นอาสาสมคั รโดยการปฏิบตั ิดงั น้ี

๑. อาสาสมัครปฏิบัติงานช่วยเหลือในการช่วยปั้นสาลี พับผ้ากอซ ตัดเย็บเส้ือผ้า เพื่อเตรียมไว้
แจกแก่ผู้ประสบภัยต่างๆ

๒. อาสาสมัครออกปฏิบัติการหน่วยบริการเคล่ือนที่กับคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด ในการ
ช่วยเหลือประชาชนในทอ้ งถิ่นทีไ่ ดร้ บั ภยั พบิ ัตติ า่ งๆ

๓. อาสาสมัครช่วยเล้ียงดูทารก เด็กกาพร้า ตามโรงพยาบาล เช่น จัดหาเครื่องนุ่งห่ม อาหาร
เป็นตน้

๔. อาสาสมัครช่วยทางานในโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัย เช่น เป็นผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาล
จัดเตรียมอปุ กรณ์การแพทย์ ช่วยล้างเครอื่ งมือแพทย์ ช่วยพยาบาลคนเจ็บปว่ ย และให้อาหาร
ผูป้ ว่ ยแทนเจา้ หน้าที่ เปน็ ต้น

การชว่ ยงานกองยุวกาชาด
กองยุวกาชาด เป็นกองหนึ่งของสภากาชาดไทยและขณะเดียวกันก็เป็นกองหน่ึงของกรมพลศึกษา

กระทรวงศึกษาธิการด้วย กองยุวกาชาดมีหน้าที่ทาการอบรมสมาชิกยุวกาชาดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ
สภากาชาดไทยและสนับสนุนกิจการยุวกาชาดของโรงเรียนต่างๆ ให้ดาเนินการไปตามเป้าหมายและบรรลุ
วัตถุประสงค์เช่นกัน ในปีหน่ึงๆ กองยุวกาชาดจะจัดกิจกรรมขึ้นหลายอย่าง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ยุวกาชา
ได้รับการฝึกอบรมเสริมความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าวมานี้เป็นงานในหน้าที่
รับผิดชอบของกองยุวกาชาด สมาชิกยุวกาชาดท้ังหลายสามารถช่วยเหลือกองยุวกาชาดให้ดาเนินการลุล่วงไป
ด้วยดีได้โดยสมัครเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตามกองยุวกาชาดจัดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและตั้งใจจริง รว มท้ังขอ
ความร่วมมือไปยังโรงเรยี นต่างๆ เพ่อื ปฏิบัตดิ ังน้ี

๑. เข้าร่วมกิจกรรมในวันสถาปนายุวกาชาด คือวันที่ ๒๗ มกราคมของทุกปี โดยเข้าร่วมใน
กจิ กรรมต่าง ๆ เชน่
ก. เข้ารว่ มในพธิ ีสวนสนามและปฏญิ าณตน
ข. เขา้ ร่วมในการประกวดกิจกรรมและส่ิงประดษิ ฐ์

ค่มู ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผ้อู านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม

๑๒๕

ค. ออกร้านจาหน่ายและสาธิตส่ิงประดิษฐต์ ่างๆ
ง. จดั ดนตรมี ารว่ มแสดงในงาน
จ. เข้าร่วมจดั นิทรรศการแสดงผลงานของยวุ กาชาดในโรงเรียน
๒. เขา้ รว่ มเผยแพรก่ ิจกรรมงานกาชาดโดยร่วมกบั รา้ นกองยุวกาชาด เพอื่ จัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ เช่น
ก. นาสิ่งประดิษฐ์ท่ีสมาชิกยุวกาชาดจัดทาข้ึนมาจาหน่ายในงานเพื่อมอบรายได้ให้กองยุว

กาชาดนาไปบารงุ สภากาชาดไทย
ข. จดั ประกวดกิจกรรมการประดิษฐ์เศษวัสดุและภาพวาด
ค. จัดนทิ รรศการแสดงผลงานของยุวกาชาด
ง. จดั ดนตรีบรรเลงหรือจดั การแสดงภายในงาน
๓. เข้ารว่ มกิจกรรมยุวกาชาดอาสาสมัคร ซึ่งกองยุวกาชาดจะนายุวกาชาดไปบาเพ็ญประโยชน์ต่าง

ก. นาเคร่ืองอุปโภคและบรโิ ภคไปแจกประชาชนท่ยี ากจนในถิ่นทุรกันดาร
ข. จัดนาถงุ ของขวัญที่ยวุ กาชาดโรงเรียนต่างๆ บริจาคมา ไปมอบให้กบั ทหาร ตารวจตาม

ชายแดน
ค. ไปช่วยสถานสงเคราะห์เด็กหรือคนชรา โดยนาสิ่งของต่างๆ ไปมอบให้ และยุวกาชาด

รว่ มจดั กิจกรรมนันทนาการใหบ้ ุคคลเหล่าน้ัน
ง. รว่ มในกจิ กรรมตามประเพณแี ละวัฒนธรรม เชน่ ไปรว่ มเวียนเทยี นในวันมาฆบูชา วัน

เด็กแหง่ ชาติ หรอื วนั แมต่ ามทีก่ องยุวกาชาดจัดขนึ้
๔. ร่วมกิจกรรมในงานชุมนุมยุวกาชาดที่กองยุวกาชาดจัดข้ึนเป็นประจาทุกปี โดยเข้าร่วมใน

กิจกรรมต่างๆ คอื
ก. เข้าร่วมกจิ กรรมเข้าคา่ ยพักแรม
ข. กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ ปลกู ต้นไม้
ค. การแสดงกลางแจ้ง
ง. ออกรา้ นจาหน่ายสง่ิ ประดิษฐข์ องยุวกาชาด

๕. เข้าร่วมงานอื่นๆ ตามทกี่ องยวุ กาชาดจัดขนึ้ และมีหนงั สือขอความรว่ มมือไปยังโรงเรยี นที่สมาชิก
ยุวกาชาดศึกษาอยู่ สมาชิกควรจะสมัครเข้าร่วมในงานน้ัน ๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนและ
ชว่ ยงานกองยุวกาชาดทกุ คร้งั

การช่วยประชาสัมพนั ธก์ ิจการของสภากาชาด
สภากาชาดไทยเป็นผู้ให้กาเนิดกิจการยุวกาชาดและสนับสนุนอุ้มชูกิจการยุวกาชาดให้เจริญรุ่งเรืองมา

ตลอดระยะเวลากว่า ๖๒ ปีแล้ว และสภากาชาดไทยได้คดิ เสมอวา่ สมาชิก ยวุ กาชาดเป็นกาลังสว่ นหน่ึง
ของสภากาชาดไทยสามารถช่วยงานของสภากาชาดไทยไดท้ ้ังในยามปกตแิ ละในยามสงคราม ในฐานะทสี่ มาชกิ ยุว

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอุ์ ้น ผ้อู านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๒๖

กาชาดทุกคนได้ยึดถืออุดมการณ์อันเดียวกัน ในการที่จะบาบัดทุกข์บารุงสุขให้แก่ประชาชน โดยไม่เลือกช้ัน
วรรณะ เชื้อชาติ ศาสนาหรือลัทธิใดๆ สมาชิกยุวกาชาดจึงควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้จัก
สภากาชาดไทยและเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสภากาชาดไทยด้วย โดยสมาชิกยุวกาชาดท้ังหลายต้อง
ช่วยกนั ประชาสัมพันธด์ งั นี้

๑. แต่งเคร่ืองแบบยุวกาชาดทุกคร้ังท่ีออกปฏิบัติกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้
ประชาชนได้เห็นสญั ลักษณข์ องกากบาทแดง ซงึ่ เปน็ สัญลักษณ์ของกาชาด

๒. ติดโปสเตอร์คาขวัญของกาชาดโลกตามที่ต่าง ๆ ท้ังในโรงเรียนและตามท่ีสาธารณะ เนื่องในวัน
กาชาดโลกซงึ่ ตรงกับวนั ท่ี ๘ พฤษภาคมของทุก ๆ ปี

๓. จัดทาใบปลิวหรือแผ่นพับ เพ่ือแจกจ่ายประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ของสภากาชาดให้เพ่ือน
นักเรยี นและประชาชนในทอ้ งถ่นิ ได้ทราบ

๔. จัดนิทรรศการแสดงผลงานของกาชาดในโรงเรยี นหรือในชมุ ชนเมอื่ มงี านต่างๆ
๕. จัดจาหนา่ ยของท่รี ะลกึ ท่มี สี ญั ลกั ษณก์ าชาดให้แกเ่ พ่ือนนักเรยี นหรือประชาชนในทอ้ งถ่ิน

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกัด สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม

๑๒๗

กจิ กรรมที่ ๙

เรือ่ ง เคหพยาบาล ชั้น ม.๓ ภาคเรียนที่ ๒ (๔ คาบ)

จดุ ประสงค์
บอกอาการและวิธีช่วยเหลือผ้ปู ว่ ยที่มอี าการชักจากไข้ โรคลมชักได้

เนื้อหา
การชว่ ยเหลอื ผปู้ ว่ ยที่มีอาการชัก
๑. อาการชักจากไข้
๒. อาการชักจากโรคลมชัก

กิจกรรม
๑. พธิ เี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ สนทนาซกั ถามอาการชักจากไขแ้ ละอาการโรคลมชักจากใบงาน
๓.๒ สาธิตการชว่ ยเหลอื และฝึกปฏิบตั ิการช่วยเหลือผ้ปู ว่ ยชกั จากไข้และจากโรค ลมชัก
๔. พธิ ปี ิดการเรยี นการสอน

สื่อการเรยี นการสอน
เอกสาร แผ่นภาพ สไลด์ วีดโี อ

การประเมินผล
๑. สงั เกตจากความสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรมและฝกึ ปฏิบัติ
๒. ตรวจผลการปฏบิ ตั งิ าน

คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ ้น ผู้อานวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม

๑๒๘

เอกสารประกอบการสอน

การชว่ ยเหลอื ผู้ป่วยทีม่ ีอาการชกั

อาการชักหรือลมชัก เป็นอาการที่พบบ่อยชนิดหน่ึง ผู้ป่วยจะหมดสติทันทีทันใด มีอาการกระตุกของ
กล้ามเน้ือทว่ั ๆ ไป จะเห็นไดจ้ ากแขน ขา กระตกุ ชดั เจน นา้ ลายฟูมปาก ปสั สาวะราด อาจหยดุ หายใจ

อาการชกั ไม่ใชโ่ รค เป็นเพียงอาการแสดงอย่างหนึ่งของโรคเทา่ น้ัน มีโรคหรือภาวะมากมายหลายอยา่ งท่ี
มีอาการชักเกิดขึ้นด้วย
๑. อาการชักจากไข้

ไข้เป็นสาเหตุสาคัญท่ีจะทาให้เด็กชักได้บ่อยท่ีสุด โดยเฉพาะที่มีอายุระหว่าง ๖ เดือนถึง ๑ ปี
ประมาณไดว้ า่ เดก็ ๑๐๐ คน จะมี ๓ – ๕ คน ทีเ่ คยชักร่วมกับไข้อย่างน้อย ๑ คร้งั

เนื่องจากอาการชักมักมีผลกระเทือนต่อสมองท่ีกาลังเจริญเติบโตของเด็ก ทาให้สมองเส่ือมหน้าที่ไป
ขน้ึ อยกู่ บั ความรุนแรงและระยะเวลาท่ีมอี าการชัก

การชกั เนื่องจากมีไขส้ ูงน้ี สาเหตุของไข้อาจเป็นอะไรก็ได้ยกเว้นความผิดปกติท่ีเกิดกบั สมอง สาเหตุของ
ไข้สว่ นใหญเ่ ป็นการติดเชอ้ื ของทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ทอลซิลอักเสบ
ฟาริงซอ์ กั เสบ นอกจากนไ้ี ขอ้ าจจะเกดิ จากหลอดลมอกั เสบ ปอดบวม หัด (Measle)

การชว่ ยเหลือ
๑. ควรปฏิบัติเหมือนผ้ปู ่วยชกั โดยทว่ั ไป
๒. พยายามลดไข้ โดยการเช็ดตัวเด็กด้วยน้าอุ่น หรือถ้าไม่มีก็ให้ใช้น้าเย็นธรรมดาเช็ดตัวให้ทั่วตัว

โดยเฉพาะซอกคอ รักแร้ จะทาใหไ้ ข้ลดลงเรว็
๓. พาเด็กไปพบแพทย์ เพ่ือหาสาเหตุของไข้ และที่สาคัญจะต้องให้แพทย์ตรวจให้แน่ว่า ผู้ป่วยไม่ได้

ชกั จากการตดิ เช้อื ของสมอง และเยื่อหุ้มสมอง ซ่ึงเป็นอนั ตรายร้ายแรง ถ้ารกั ษาไมท่ ันท่วงที
๔. เมื่อผู้ป่วยเคยชักครั้งหน่ึงแล้ว เม่ือมีไข้สูงครั้งต่อ ๆ ไป มักเกิดอาการชักได้อีก ดังนั้น ควรมียาลด

ไขไ้ วป้ ระจาบา้ น และถ้ามีไขส้ ูงใหร้ บี เช็ดตวั ผู้ป่วยทุกครงั้ จะปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดอาการชักได้
๒. อาการชกั จากโรคลมชกั

ลมชักเป็นผลของความผิดปกติในการทางานของสมอง ที่เกิดขึ้นเป็นพัก ๆ เป็นเพียงช่ัวครั้งชั่วคราว
มักจะเกิดข้ึนทันทีและหยุดเอง แต่มักจะเกิดซ้าขึ้นอีก ลมชักมักเกิดร่วมกับการปลดปล่อยพลังไฟฟ้าท่ีผิดปกติ
จากสมอง ซง่ึ สามารถตรวจได้จากการทาคลืน่ ไฟฟา้ สมอง

ลมชักมีหลายชนิด แต่ชนิดท่ีพบบ่อยท่ีสุด เรียก กรังต์มาล (Grand Mal epilepsy) ผู้ป่วยมักจะหมด
สติทันทีทันใด ถ้ายืนหรือเดินอยู่มักจะล้มลง แขนขาแข็งแกร็ง ขาเหยียดตรง แขนมักงอพับที่ข้อศอก
กล้ามเนื้อลาตัวและแขนขาแกร็งพร้อมกัน ผู้ป่วยหยุดหายใจไปช่ัวขณะ อาการดังกล่าวเป็นอยู่ชั่วครู่แล้ว
กล้ามเน้ือของแขนขาและลาตัวจะเริ่มกระตุก ในระยะแรกของการกระตุกจะถ่ีและแรง แล้วค่อยๆ ลดลง

คู่มือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๒๙

ตามลาดับจนหยุดกระตุก ในระหว่างนี้ผู้ป่วยอาจจะกัดลิ้น มีน้าลายฟูมปากและอาจปัสสาวะราด ผู้ป่วยจะไม่
รู้สึกตัวอยรู่ ะยะเวลาหนง่ึ หลงั หยุดชกั กระตกุ และเมอื่ ฟนื้ มกั จะปวดเม่ือยตัวบางครงั้ ปวดศรี ษะ

ชนิดอ่ืนที่พบได้ เช่น เปติมาล (Petit Mal) ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการตอนเด็ก เกิดข้ึนวันละหลายสิบคร้ังก็
ได้ เด็กมักมีอาการตาค้าง อยู่เฉยๆ ยืนเหม่อ กาลังทาอะไรอยู่ก็จะหยุดทันทีทันใด ผู้ป่วยไม่รู้สติเพียงช่ัว
ระยะเวลาไมก่ วี่ นิ าที อาจทาใหเ้ ดก็ เรียนหนังสอื ไมร่ ู้เรื่อง

การช่วยเหลือ
๑. ช่วยเหลอื ผู้ป่วยให้นอนบนพ้ืนห้อง เพอ่ื ป้องกนั การลม้ เปน็ อนั ตรายได้
๒. คลายเส้ือผ้า เขม็ ขดั รองเทา้ ท่ีรัดแนน่ ให้หลวม
๓. ใหผ้ ปู้ ว่ ยตะแคงก่งึ คว่า เพอ่ื ปอ้ งกันการสาลกั

การจัดทา่ ผู้ป่วยหมดสตใิ ห้นอนท่าตะแคงค่อนข้างไปทางคว่า

๔. ใชผ้ ้าเชด็ หน้าท่อี อ่ นน่มุ พบั ซอ้ นเป็นชั้นๆ ใส่ปากผปู้ ่วยปอ้ งกนั ไม่ให้ผ้ปู ว่ ยกัดลน้ิ ตัวเอง
๕. ให้ผู้ป่วยนอนพักในหอ้ งทเี่ งียบและอบอนุ่ ปลอ่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยได้นอนพกั หลบั

ข้อแนะนาสาหรับผปู้ ่วยลมชกั
๑. ผปู้ ่วยควรกินยาอย่างสม่าเสมอตามแพทย์สั่ง และอาจจะตอ้ งใช้ยานั้นตดิ ตอ่ กนั ไปอีกอยา่ งนอ้ ย ๓ ปี
หลังจากควบคมุ การชักได้
๒. สง่ิ ทีค่ วรหลีกเล่ียงเพราะเป็นส่ิงท่ชี ่วยใหม้ ีโอกาสเกิดอาการชกั ได้แก่
- การอดนอน
- แสงวอบแวบเข้าตา เช่น แสงจากโทรทศั น์ทปี่ รับไม่ดี
- ออกกาลังกายเหนอ่ื ยเกินไป
- อดอาหาร
- ความเครยี ดทางอารมณ์
คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๓๐

- ไข้
- ยาบางชนดิ
๓. สิ่งท่ีควรหลกี เล่ียง หรอื ระมัดระวงั สาหรับผู้ป่วย
- ขับรถยนต์
- วา่ ยน้า
- ปนี ทสี่ ูง
- ขา้ มถนนนอกทางทก่ี าหนดไว้
- ทางานกบั เครอ่ื งจักร หรืออยใู่ กล้ไฟ

ค่มู ือยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๑๓๑

เรอื่ ง บาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมท่ี ๑๐

ชนั้ ม.๓ ภาคเรียนที่ ๒ (๓ คาบ)

จุดประสงค์
ประดิษฐ์สิง่ ของและถุงของขวัญเพื่อนาไปบรจิ าคได้

เนื้อหา
การประดษิ ฐ์ส่ิงของเครื่องใชต้ ่างๆ และถงุ ของขวญั เพ่ือนาไปมอบทหาร ตารวจตระเวนชายแดน

กจิ กรรม
๑. พธิ ีเปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ อธิบายและสาธิตการประดิษฐ์ส่ิงของเพื่อนาไปบริจาคให้ตารวจ ทหารตามชายแดน เช่น
ผา้ พนั คอ ถงุ มอื เส้อื กนั หนาว ฯลฯ
๓.๒ อธบิ ายและสาธติ การทาถุงของขวัญ
๓.๓ แบ่งกลมุ่ ยุวกาชาดจัดทาสงิ่ ของเครือ่ งใช้ตา่ งๆ และถุงของขวัญ
๓.๔ นาไปมอบใหท้ หารตารวจตระเวนชายแดน ฯลฯ
๔. พิธีปดิ การเรียนการสอน

ส่ือการเรียนการสอน
๑. ตัวอย่างส่งิ ประดิษฐ์ เช่น ผา้ พันคอ ถุงมอื เปน็ ตน้
๒. ถุงผา้ หรอื ถงุ พลาสตกิ
๓. สง่ิ ของทจ่ี ะบรรจลุ งในถงุ
๔. เชือกสาหรบั มัดปากถุง

การประเมินผล
๑. สงั เกตพฤติกรรมความสนใจในการปฏบิ ตั ิ
๒. ตรวจผลงานท่ีมอบหมายให้ประดิษฐ์และถงุ ของขวัญ
๓.

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกัด สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์ุอน้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๓๒

เอกสารประกอบการสอน

การประดิษฐ์สง่ิ ของเครอื่ งใช้ต่าง ๆ และถงุ ของขวญั เพื่อนาไปมอบทหารตารวจตระเวนชายแดน
การประดิษฐ์ย่าม
อปุ กรณ์

๑. ผ้าพ้ืนเมืองมีลายตามชอบ ๑.๕๐ เมตร (เยบ็ ย่ามได้ ๒ ใบ)
๒. เข็ม ดา้ ยสเี ดียวกับผ้า
๓. กรรไกร ไม้บรรทัด ดินสอดา
วิธตี ัดผ้า

หยู า่ ม ยาว ๔๘"
๖"

ตวั ย่ามยาว ๒๔"

สนั ทบเป็นกน้ ย่าม

คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผ้อู านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๓๓

วิธเี ยบ็
๑. พับหูย่ามทบกลางตามยาว พับด้านหน้าของผ้าเข้าด้านใน เย็บปลายทั้ง ๒ ข้าง แล้วกลับให้ตะเข็บ
เขา้ ดา้ นใน
๒. นาตวั ยา่ มมาประกบกับผา้ หูย่ามให้สนั ทบกันย่ามอยตู่ รงตะเขบ็ หูยา่ ม
๓. นาผา้ ก๊นุ มาเย็บโดยรอบรมิ ปากและหยู า่ มใหก้ ลมเรียบ และสอยซ่อนด้าย

วธิ ีประดษิ ฐ์บัตรอวยพร
อุปกรณ์

๑. กระดาษค่อนข้างแขง็ สตี ามชอบ
๒. กรรไกร ไมบ้ รรทดั ดินสอดา
๓. สีน้า พรอ้ มพู่กัน
วิธีตดั กระดาษ
แบบท่ี ๑
ใช้กระดาษแผ่นเดียวรูปร่างและขนาดตามที่เห็นว่าสวยงาม เช่น ขนาด ๑๓ x ๘ ตาราง
เซนติเมตร แลว้ วาดรูประบายสีท่มี ุมล่างมุมใดมุมหน่ึงเพื่อใหม้ ีทว่ี า่ งเหลือไว้สาหรับเขียนข้อความหรือคาอวยพร

คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกดั สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอน้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม

๑๓๔

แบบท่ี ๒
ใชก้ ระดาษพบั ครึง่ รปู ร่างและขนาดตามทเ่ี หน็ สมควร เชน่ ๒๖ x ๘ ตารางเซนตเิ มตร

๒๖ ซม.

พบั ครึ่งตามเส้นปะ เมื่อพับคร่ึงแล้วด้านหน้าใชว้ าดรูปไดเ้ ต็มท่ี ดา้ นในว่างไว้สาหรับเขียนข้อความ หรือ
คาอวยพร

วิธปี ระดษิ ฐ์ซองจดหมาย
อุปกรณ์

๑. กระดาษโรเนียวอย่างขาว
๒. กรรไกร ไม้บรรทดั ดนิ สอดา
๓. กาวยางดิบ
วิธีตดั กระดาษ
ตัดกระดาษตามแบบ

คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วิทยาคม

สันทบ ๑๓๕

วธิ พี ับ
๑. พบั ทุกด้านรดี ให้เรียบรอ้ ยเป็นรปู สีเ่ หลยี่ มแล้วกางออก
๒. ชน้ิ ก ทากาวส่วนท่ีแรเงาข้างบน ช้ิน ข และชิน้ ง ดา้ นบนทากาวส่วนทแ่ี รเงาดา้ นหลัง ดา้ นหลังทา
กาวส่วนท่ีแรเงาด้านขา้ งบนช้ิน ค ทากาว ส่วนทแ่ี รเงาขา้ งหลัง
๓. ทิ้งส่วนที่ทากาวไว้ให้แห้ง พับช้ิน ค ข้ึน แล้วพับชิ้น ข และชิ้น ง เข้า ส่วนช้ิน ก ท้ิงไว้เช่นกัน
สาหรบั ใสจ่ ดหมายแล้วพบั ลงมาปดิ ซอง

การทาของขวญั
แบบท่ี ๑
อปุ กรณ์

๑. ผา้ ดบิ และผ้าฝา้ ย กวา้ ง ๓๐ เซนติเมตร ยาว ๕๐ เซนตเิ มตร
๒. เชือกขาวยาวประมาณ ๖๐ เซนตเิ มตร
๓. ด้าย และเข็มเยบ็ ผ้า
วิธที า
๑. ตัดผา้ ตามรอยปะสาหรับเผือ่ เย็บ

ด้านปากถุง

๓๐ ซม.

ค่มู อื ยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุอ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๓๖

๒. พบั รมิ ผา้ ทกุ ดา้ นยกเว้นดา้ นปากถุง เพ่ือกันลยุ่
๓. เย็บขอบปากถงุ ดงั น้ี
๔. พับผ้าตามสันทบให้ตะเข็บท่ีเย็บด้านขอบปากถุงอยู่ด้านใน แล้วเย็บตะเข็บข้างและก้นถุงโดยเว้น

ส่วนทเ่ี ป็นของปากถงุ ไว้สาหรบั รอ้ ยด้าย

๕. กลับถงุ ให้ตะเข็บเขา้ ไปอยู่ด้านใน
๖. ใช้เชอื กขาวร้อยรอบปากถุง ไว้สาหรบั รูดซปิ ปากถุง
แบบที่ ๒
อปุ กรณ์
๑. ผา้ ดิบหรือผ้าฝา้ ย ๒ ช้นิ

ชน้ิ ที่ ๑ ขนาด ๓๙ x ๓๙ ตารางเซนตเิ มตร
ชน้ิ ท่ี ๒ ขนาด ๑๕ x ๑๕ ตารางเซนติเมตร
๒. เชือกขาวยาว ๖๐ เซนติเมตร
๓. ด้ายและเข็มเยบ็ ผ้า

คมู่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธุ์อน้ ผ้อู านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ิทยาคม

๑๓๗

วิธที า
๑. ผ้าช้ินที่ ๑ ตัดผ้าออกมา ๒ เซนติเมตร สาหรับไว้ทาที่ร้อยเชือก แล้วเย็บริม ส่วนที่ตัดผ้า
ออกมากันลยุ่ และให้ด้านนเี้ ปน็ ด้านปากถงุ
๒. ผ้าชิน้ ที่ ๒ ตัดเปน็ รปู วงกลมรัศมี ๗ เซนตเิ มตร

๒ ซม.

๗ ซม.

ผา้ ชนิ้ ท่ี ๑ ๓๗ ซม.

๓. เยบ็ ด้านกวา้ งของผ้าชิน้ ที่ ๑ ใหต้ ิดกัน โดยเวน้ ส่วนท่ีสาหรบั ร้อยด้ายผไา้วช้ นิ้ ท่ี ๒
๔. เยบ็ ผ้าช้นิ ที่ ๑ สว่ นทีเ่ ปน็ กน้ ถุง ใหต้ ดิ กบั ผา้ ช้ินท่ี ๒ ทเ่ี ป็นวงกลม
๕. กลบั ถงุ ใหส้ ่วนทเ่ี ป็นตะเข็บเข้าไปอยดู่ า้ นใน
๖. ใชเ้ ชือกขาวร้อยเขา้ ไปในส่วนท่ีนาผา้ ชิน้ เลก็ มาเย็บทาบเอาไว้สาหรบั รดู ปิดปากถงุ แล้วผกู ปากถุง

ถงุ ใสข่ องแบบท่ี ๒ นีจ้ ะใส่ของได้จุกวา่ ถงุ แบบที่ ๑

การทากล่องกระดาษรูปหกเหลย่ี ม

นอกจากการทาถุงผา้ สาหรับใส่ของขวัญให้ทหาร และตารวจตระเวนชายแดนแล้วเราอาจใชก้ ล่องสาหรับ
ใส่ของขวัญก็ได้ โดยทั่วไปมักใช้กล่องส่ีเหล่ียมซึ่งหาได้โดยทั่วไป แต่อาจทากล่องลักษณะอื่นให้ดูแปลกออกไปก็
ได้ เช่น กล่องกระดาษรูปหกเหลี่ยม
อปุ กรณ์

๑. กระดาษแข็ง
คูม่ ือยวุ กาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สงั กัด สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ ้น ผอู้ านวยการโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๓๘

๒. กระดาษสี หรอื สี และพู่กัน
๓. ดินสอ ไมบ้ รรทดั กรรไกร และวงเวยี น
๔. ตะปู
๕. กาว
๖.
วธิ ีทา
๑. นากระดาษแข็งมาตัดตามขนาดแล้วแบ่งออกเป็น ๖ ส่วน ส่วนละ ๗.๕ ซม. โดยใช้ปลายตะปูขีดให้

เป็นรอย แล้วพบั ตามรอยขีดใช้กาวผนกึ รอยตอ่ เข้าด้วยกนั
๑๐ ซม.

๔๕ ซม.
๒. นากระดาษแข็งอีกแผ่นหน่งึ มาสร้างรูปวงกลมรศั มี ๗ ซม. และ ๑๕ ซม. โดยใช้จุดศนู ย์กลางรว่ มกัน

แล้วกางวงเวียนรัศมี ๗ ซม. แบ่งเส้นรอบวงกลมวงในออกเป็น ๖ ส่วนเท่าๆ กัน แล้วลากเส้นดังรูป
เสรจ็ แลว้ ใชก้ รรไกรตัดส่วนที่เป็นเส้นประออก

๓. นารูปทรงหกเหลี่ยมมาวางซอ้ น พบั กระดาษรปู ส่ีเหลี่ยมผืนผ้าขึ้นทุกด้านผนึกดว้ ยกาว

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์อุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณ์วิทยาคม

๑๓๙

๔. นากระดาษอีกแผ่นหนึ่งมาสร้างรปู วงกลมรัศมี ๗ ซม. และ ๑๐ ซม. โดยใช้จุดศูนย์กลางร่วมกันแล้ว
กางวงเวียนรัศมี ๗ ซม. แบ่งเส้นรอบวงกลมวงในออกเป็น ๖ ส่วนเท่าๆ กัน แล้วลากเส้นให้ริมนอก
เป็นรูปสี่เหลี่ยมดังรูป จากน้ันใช้ดินสอขีดแบ่งริมรอบนอกรูปส่ีเหลี่ยมไว้เป็นเศษสาหรับต่อกันกว้าง
๑ ซม. ตัดสว่ นที่ไมต่ ้องการออกดังรปู แล้วพับเศษรอบนอกรูปสเี่ หลี่ยมต้ังข้ึนทุกด้านเปน็ เศษเกยกัน
อยดู่ า้ นนอก จะได้เป็นฝากล่องดังรูป

๕. นาฝากล่องมาลองสวมกับตัวกล่อง เมื่อสวมพอดีแล้วจึงติดกาวส่วนท่ีเกยกันแล้วตกแต่งด้วย
กระดาษสีหรอื วาดภาพระบายสใี หส้ วยงาม

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอุ์ น้ ผู้อานวยการโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๔๐

กจิ กรรมที่ ๑๑

เรื่อง ระเบียบแถว ชน้ั ม.๓ ภาคเรียนท่ี ๒ (๒ คาบ)

จดุ ประสงค์
เดินและจัดรูปขบวนสวนสนามได้

เนอื้ หา
๑. การเดินสวนสนาม
๒. การจัดรูปขบวนสวนสนาม

กิจกรรม
๑. พิธเี ปิดการเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ บรรยาย สาธิต การเดิน และการจดั รปู ขบวนสวนสนามตามสื่อการเรียน การ สอน
๓.๒ ฝึกปฏบิ ตั ิ
๔. พธิ ีปิดการเรยี นการสอน

สื่อการเรียนการสอน
ภาพ วีดีโอ สไลด์

การประเมนิ ผล
การสงั เกต
๑. ความพร้อมเพรยี ง
๒. ความเปน็ ระเบียบ
๓. การฝกึ ปฏบิ ตั ิ

คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ ้น ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๔๑

เอกสารประกอบการสอน

การเดินและจัดรูปขบวนสวนสนาม

คาบอก “สวนสนาม หนา้ – เดิน”

การปฏบิ ตั ิ กา้ วเท้าซ้ายออกเดนิ กอ่ นอย่างแขง็ แรง ขาซา้ ยตึง ปลายเทา้ ง้มุ ยกสน้ เท้าสงู จากพน้ื ประมาณ

๑ เมตร ทรงตวั และศีรษะอยู่ในท่าตรง แกว่งแขนเฉยี งไปขา้ งหน้า ตรงข้ามกบั เทา้ ท่กี ้าว ฝ่า

มอื ผา่ นประมาณกงึ่ กลางลาตัวเสมอแนวหัวเข็มขัด ห่างจากหัวเขม็ ขัดประมาณ ๑ ฝ่ามือ มอื แบ

นิว้ เรยี งชดิ กัน แขนทอ่ นลา่ งขนานกับพ้นื ระดับ และแกว่งไปข้างหลงั ให้แขนเหยยี ดตรงตาม

ธรรมชาติ เม่อื จะวางเท้าและกา้ วต่อใหโ้ น้มน้าหนักตวั ไปขา้ งหน้า และตบเต็มฝา่ เท้าอย่าง

แขง็ แรง ยดื ตัวอย่างองอาจ

การเลี้ยวซา้ ยเข้าลู่

คู่มอื ยุวกาชาดโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอ์ุ น้ ผ้อู านวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๔๒

- ให้สมาชิกหมายเลข (๑) ซอยเท้าหมุนตัวไปทางซ้าย สมาชิกหมายเลข ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘ ก้าว
ยาวตามลาดับ เพ่อื รกั ษาแนวหน้าตับ ป้าย, ธง, ผ้นู า, รองฯ ทาซ้ายหนั

รายละเอียด

ใหจ้ ัดแถวตอนเรยี ง ๕ ตามลาดบั โรงเรยี น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ฯลฯ ท่ี

จุดเรม่ิ ตน้ หนั หนา้ ไปทางประธาน เมือ่ ไดร้ ับสัญญาณเริม่ ใหส้ ง่ั แถว “ขวาหัน” โรงเรยี นหมายเลข ส่ัง

หน้าเดินเขา้ ล๑ตู่ ามแผนผังโรงเรียนหมายเลข ฯ๒ลฯ เ๓ดนิ เข้า๔แทนที่ตามลาดบั เพ่ือรอ

สัญญาณสงั่ เดินต่อไป

คมู่ อื ยวุ กาชาดโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธุ์อ้น ผ้อู านวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๔๓

กิจกรรมท่ี ๑๒

เรอ่ื ง อนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ชน้ั ม.๓ ภาคเรียนท่ี ๒ (๒ คาบ)

จุดประสงค์
๑. บอกสาเหตุการทาลายและปญั หาเก่ียวกบั สัตวป์ า่ ในประเทศไทยได้
๒. บอกวิธีอนุรักษส์ ตั วป์ ่าได้

เนื้อหา
๑. สาเหตกุ ารทาลายสตั วป์ า่
๒. ปญั หาเกยี่ วกบั สัตว์ป่าในประเทศไทย
๓. การอนรุ กั ษ์สตั วป์ า่

กจิ กรรม
๑. พิธีเปดิ การเรยี นการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กิจกรรม
๓.๑ เชญิ วิทยากรบรรยายเร่อื ง สาเหตุการทาลายสัตวป์ า่ และวิธอี นุรักษ์สัตวป์ า่ ในประเทศไทย
๓.๒ แบ่งกลุ่มศกึ ษาปัญหาของการทาลายสตั ว์ป่า
๓.๓ จดั ทาสมุดภาพ
๓.๔ จดั นิทรรศการ
๓.๕ ฉายภาพยนตร์ สไลด์ วีดีโอ
๔. พิธีปดิ การเรยี นการสอน

สื่อการเรียนการสอน
๑. แผนภมู เิ พลง
๒. ภาพยนตร์ สไลด์ วีดโี อ ภาพ เอกสาร

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากความสนใจในการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒. ตรวจผลการรายงาน

คมู่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วิทยาคม สังกัด สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธ์อุ ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม

๑๔๔

เอกสารประกอบการสอน

เหตุการณท์ าลายสตั ว์ปา่

๑. เพื่อเปน็ อาหาร
๒. เพ่ือการกีฬา ปัจจุบันมอี าวธุ ทันสมัยและมปี ระสิทธิภาพ ทาใหล้ ่าสตั ว์ไดม้ ากข้ึน และล้มสัตว์ใหญ่ๆ

มากขึ้น
๓. เพ่ือการค้า เช่น เอาเน้ือขาย ขายสัตว์ยังมีชีวิตเพ่ือเล้ียงดูเล่นหรือซ้ือเข้าสวนสัตว์ ทาสัตว์สต๊าฟ

ทางส่วนของสัตว์ เช่น ขน หนัง เขา งา เพื่อทาเคร่ืองประดับ เคร่อื งเรือน เคร่อื งนุ่งห่ม และ
เคร่อื งใช้ตา่ งๆ นน้ั มรี าคาแพงทั้งสนิ้
๔. เพอ่ื การคน้ ควา้ วจิ ัย ทางวิทยาศาสตร์ การแพทยแ์ ละจติ วทิ ยา เป็นตน้
๕. เพื่อการทามาหากินโดยการตัดไม้ขาย ถางป่าเพื่อทาไร่เลื่อนลอยหรือเพ่ือสร้างถนนจะต้องทาลาย
ปา่ ในการทาลายปา่ และลดท่ีอยู่อาศยั แหลง่ อาหาร แหลง่ นา้ ของสตั ว์ปา่ ทัง้ ส้ิน

ปญั หาเกีย่ วกบั สตั วป์ ่าในประเทศไทย

๑. สัตว์ป่าถูกทาลายมากเกินไป ทั้งน้ีเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น มีอาวุธทันสมัยและมี
ประสิทธิภาพเพ่ือเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่ง คนล่าไม่เคารพกฎหมาย เช่น ล่าในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์
ล่าโดยไม่คานึงถึงฤดูผสมพันธุ์ ฤดูวางไข่ หรือล่าด้วยเครื่องมือที่มีตาถ่ีเล็กเกินไป ทาให้โอกาส
ขยายพันธ์ุและการมีชีวิตเหลือรอดเติบโตต่อไปมีน้อย จากน้ีผลิตผลจากสัตว์ เช่น หนัง ขน เขา
งา ก็มรี าคาแพง คนจึงพยายามล่าสัตวเ์ พื่อขายมากขึ้น

๒. สัตว์ป่าบางประเภทเพิ่มปริมาณมากเกินไป เช่น ต๊ักแตนปาทังก้า ซึ่งทาลายพืชไร่เสียหายเป็น
จานวนมาก

๓. การทาลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น การหักล้างถางพงเข้าไปทาสวนทาไร่ การเปิดป่าเพ่ือการ
คมนาคม ตัดไม้ทาลายป่า การทาไร่เล่อื นลอย

๔. การนาสัตว์บางประเภทเข้าประเทศ อาจเป็นการนาเชื้อโรคเข้ามาเผยแพร่ หรืออาจเข้ามาเป็น
ปัญหา เช่น ปลาปิรันยา ซ่ึงมีผู้ลักลอบนาเข้ามาเล้ียงเพื่อดูเล่น ปรากฏว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ มี
คนถูกปลาชนิดน้ีกัดในแม่น้าเจ้าพระยา จนทาให้ต้องมีการล่าเป็นการใหญ่เพ่ือทาลายให้หมดไป
เปน็ ตน้

การอนุรกั ษ์สัตว์ป่า

การอนรุ ักษส์ ตั ว์ปา่ กระทาได้โดยวธิ ตี อ่ ไปน้ี
๑. ออกพระราชบัญญตั สิ งวนและค้มุ ครองสตั ว์ปา่

คู่มือยวุ กาชาดโรงเรยี นสว่างอารมณว์ ทิ ยาคม สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธอุ์ ้น ผอู้ านวยการโรงเรยี นสว่างอารมณ์วทิ ยาคม

๑๔๕

๒. แก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ให้มีผลใช้บังคับอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือมิให้ท่ีอยู่อาศัย แหล่งอาหาร
และนา้ ของสตั วป์ ่าถูกทาลาย

๓. เร่งประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าทันทีท่ีดาเนินงาน
สารวจเสร็จเรียบรอ้ ย

๔. ปอ้ งกันการทาลายป่า ต้นนา้ ลาธาร โดยหาแหล่งทามาหากินท่ีเหมาะสมให้ชาวเขาแนะนาการปลูก
ตน้ ไมอ้ ยา่ งถูกวธิ ี หาอาชีพใหแ้ ละควบคุมมใิ หม้ ีการทาไร่เลือ่ นลอย

๕. ทะนุบารุงป่าธรรมชาติ โดยการปลูกไม้แซมที่ว่าง ปลูกพืชคลุมดิน หรือสร้างสวนป่าในป่าที่เส่ือม
โทรมหรือถูกทาลายแลว้ เปน็ ต้น

๖. ให้ความรู้เรื่องประโยชนข์ องสัตว์ป่า การอนุรกั ษ์สัตว์ป่าแก่ประชาชนทุกระดับ ท้ังในระบบโรงเรยี น
และนอกระบบโรงเรยี น

๗. ปลูกฝังความรสู้ ึกรกั ธรรมชาตแิ ละสตั ว์ ซ่ึงจะช่วยให้เกดิ ความรู้สึกเมตตาต่อสตั วแ์ ละไม่อยากทาลาย
สตั ว์ เช่น สง่ เสริมใหม้ กี ารตงั้ ชมรมอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น

คูม่ ือยุวกาชาดโรงเรียนสว่างอารมณ์วทิ ยาคม สังกัด สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พนั ธ์ุอ้น ผู้อานวยการโรงเรียนสวา่ งอารมณว์ ทิ ยาคม

๑๔๖

กิจกรรมที่ ๑๓

เร่อื ง การผูกเง่ือนและประโยชนข์ องเงอื่ น ช้ัน ม.๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ (๒ คาบ)

จุดประสงค์
ทาอปุ กรณ์หรือเครือ่ งใชท้ เ่ี ก่ียวข้องกบั เงื่อนได้

เน้อื หา
การทาอปุ กรณเ์ ครื่องใชท้ ่เี กีย่ วขอ้ งกบั เงื่อน

กิจกรรม
๑. พิธเี ปดิ การเรียนการสอน
๒. เพลง – เกม
๓. กจิ กรรม
๓.๑ แบ่งกลุ่มจัดทาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น สายนกหวีด เปลสนาม ชิงช้า ปลอกไม้กวาด
ทางมะพรา้ ว ฯลฯ
๓.๒ เกมแขง่ ขันการผกู เงื่อน
๔. พิธปี ดิ การเรียนการสอน

สอ่ื การเรียนการสอน
๑. เชอื ก
๒. ตัวอย่างเงื่อน
๓. แผ่นภาพของเง่อื น
๔. ตวั อยา่ งอุปกรณ์หรือเครอื่ งใชท้ ่เี กย่ี วกับเงื่อน

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตความสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
๒. ทดสอบจากการแข่งขนั การผูกเง่อื น
๓. ตรวจผลงาน

คู่มือยุวกาชาดโรงเรยี นสวา่ งอารมณว์ ิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
นายเสวก พันธอ์ุ น้ ผู้อานวยการโรงเรียนสว่างอารมณว์ ิทยาคม


Click to View FlipBook Version