The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการวัดและประเมินทักษะของผู้เรียนตามจุดเน้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางการวัดและประเมินทักษะของผู้เรียนตามจุดเน้น

แนวทางการวัดและประเมินทักษะของผู้เรียนตามจุดเน้น

100

แบบประเมนิ 4/ป3

แบบประเมนิ ทกั ษะชวี ติ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (สงั เกตพฤติกรรม สอบถามและสมั ภาษณ์)
โรงเรียน..................................................................................สพป. ..................... ปีการศึกษา.............

คาช้ีแจง
1. สงั เกตพฤติกรรมตามสถานการณจ์ ริงทเี่ กิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนงึ่ หรอื สถานการณจ์ าลองทค่ี รู
กาหนดข้นึ บางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสัมภาษณ์
2. ใส่ตวั เลขตามระดับพฤติกรรม ดังนี้
3: มีพฤติกรรมสมา่ เสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนข้างสม่าเสมอ 1 : มพี ฤตกิ รรมเป็นบางครง้ั

จดุ เน้น : มองตนเองและผูอ้ ่นื ในแงบ่ วกและจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้

เปน็ ผู้พูดและ ใชภ้ าษาพดู ภาษากายทท่ี าให้ผู้อืน่
ท่ีดี รู้สกึ ผอ่ นคลาย สบายใจ ไม่
ก่อใหเ้ กดิ ความขัดแย้งหรอื รนุ แรง
มีมารยาทในการ ูพด
เลขท่ี ชือ่ สกุล มีมารยาทในการ ๎ฟง
ใช้คา ูพดอ ่ยาง ุสภาพ
และเหมาะสม

ูร้จักใ ้ชคาขอบคุณและขอ
โทษ

ไม่แสดงอาการล้อเ ีลยน
หยาบคาย ่ขม ู่ข

รวมเฉ ่ลีย
สรุปผลการประเมิน

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14.
15.

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรยี น

101

แบบประเมนิ 4/ป4

แบบประเมินทกั ษะชวี ติ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 (สังเกตพฤติกรรม สอบถามและสัมภาษณ)์
โรงเรียน..................................................................................สพป. ..................... ปีการศกึ ษา.............

คาชี้แจง
1. สงั เกตพฤติกรรมตามสถานการณ์จรงิ ที่เกดิ ขนึ้ ในช่วงระยะเวลาหน่ึง หรอื สถานการณจ์ าลองท่ีครู
กาหนดขึน้ บางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสมั ภาษณ์
2. ใส่ตวั เลขตามระดบั พฤติกรรม ดังน้ี
3: มพี ฤติกรรมสมา่ เสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนขา้ งสม่าเสมอ 1 : มีพฤติกรรมเป็นบางคร้ัง

จุดเนน้ : เคารพสทิ ธขิ องตนเองและผู้อืน่

ร่วมมือทางาน
กับกล่มุ เพื่อน
มีความ ัรบผิดชอบใน
เลขที่ ชื่อ สกลุ งาน ่ทีได้รับมอบหมาย
ยอม ัรบหรือเคารพ
กติกาของก ุ่ลม
รับ ๎ฟงความคิดเห็นของผู้อื่น

ช่วยเหลือ ู้ผอ่ืนเ ืม่อ ีมโอกาส
รวมเฉ ีล่ย

สรุปผลการประเมิน

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15.
16.
17.

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผ้เู รียน

ู้รจักห ีลกเลี่ยงสถานการณ์ต่างๆท่ีเ ็ปน 102
อันตรายต่อตนเอง
รู้จักใ ้ช ัทกษะการปฏิเสธอย่าง ีมเห ุตผล แบบประเมิน 4/ป5
ขอความ ่ชวยเหลือเม่ืออยู่ในภาวะ ิวกฤ ิต
ไ ้ด ้ทังในสถานการณ์จาลองและแบบประเมนิ ทกั ษะชวี ติ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 (สังเกตพฤตกิ รรม สอบถามและสัมภาษณ)์
สถานการณ์จริงโรงเรียน..................................................................................สพป. ........................ ปีการศกึ ษา.............

รวมเฉล่ียคาชี้แจง
1. สังเกตพฤติกรรมตามสถานการณจ์ ริงที่เกดิ ขึน้ ในช่วงระยะเวลาหน่งึ หรอื สถานการณจ์ าลองทค่ี รู
สรุปผลการประเ ิมนกาหนดขึ้นบางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสัมภาษณ์
2. ใส่ตวั เลขตามระดบั พฤติกรรม ดงั นี้
3: มพี ฤติกรรมสม่าเสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนข้างสม่าเสมอ 1 : มีพฤติกรรมเป็นบางครัง้

จุดเนน้ : รกั และเหน็ คุณค่าในตนเองและผอู้ ่นื

เลขที่ ช่อื สกลุ

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15.
16.

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผ้เู รยี น

บอกภาคภู ิมใจในตนเอง 103
และผู้อ่ืน
แสดงความเช่ือ ัม่นใน แบบประเมนิ 4/ป6
ตนเองและยกย่องผู้อื่น
เลือกและแสดง ิกจกรรมแบบประเมนิ ทกั ษะชวี ติ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 (สังเกตพฤตกิ รรม สอบถามและสมั ภาษณ์)
ันนทนาการสาหรับตนเองโรงเรียน..................................................................................สพป. ........................ ปีการศึกษา.............

รวมเฉ ่ลียคาช้ีแจง
สรุปผลการประเมิน1. สังเกตพฤติกรรมตามสถานการณจ์ ริงทีเ่ กิดขน้ึ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรอื สถานการณ์จาลองทีค่ รู
กาหนดขึ้นบางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสัมภาษณ์
2. ใส่ตวั เลขตามระดับพฤติกรรม ดงั นี้
3: มพี ฤติกรรมสม่าเสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนขา้ งสม่าเสมอ 1 : มีพฤตกิ รรมเป็นบางครัง้

จดุ เน้น : ภาคภูมใิ จ เชอื่ มนั่ ในตนเองและผู้อนื่

เลขท่ี ช่อื สกลุ

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15.
16.

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผูเ้ รยี น

บอกความถนัดของ 104
ตนเองไ ้ด
บอก ึถงความสามารถ แบบประเมนิ 4/ม.1
ของตนเองไ ้ด
บอก ึถงบุค ิลกภาพของแบบเมินทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 (สงั เกตพฤติกรรม สอบถามและสมั ภาษณ์)
ตนเองได้โรงเรียน..................................................................................สพป. ..................... ปีการศกึ ษา.............
คาชีแ้ จง
รวมเฉ ี่ลย1. สังเกตพฤติกรรมตามสถานการณ์จริงทีเ่ กิดขนึ้ ในชว่ งระยะเวลาหนึง่ หรอื สถานการณจ์ าลองท่ีครู
สรุปผลการประเมินกาหนดขึน้ บางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสมั ภาษณ์
2. ใสต่ วั เลขตามระดับพฤติกรรม ดังน้ี

3: มีพฤติกรรมสม่าเสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนขา้ งสม่าเสมอ 1 : มีพฤตกิ รรมเป็นบางครั้ง

จดุ เนน้ : รู้ความถนัด ความสามารถและบคุ ลกิ ภาพของตนเอง

เลขท่ี ชื่อ สกลุ

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผู้เรยี น

เป็นผู้นาผู้ตาม ่ีท ีด 105
ีม ิจตอาสาช่วยเหลืองานครู
และเ ่ืพอนใน ้หองเสมอ แบบประเมนิ 4/ม.2
เ ้ขาร่วม ิกจกรรม
จิตอาสาอย่างสม่าเสมอแบบประเมินทกั ษะชีวติ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 (สังเกตพฤติกรรม สอบถามและสัมภาษณ์)
โรงเรียน..................................................................................สพป. ..................... ปีการศึกษา.............
รวมเฉ ี่ลยคาช้ีแจง
ผลการประเมิน1. สงั เกตพฤติกรรมตามสถานการณจ์ รงิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ในช่วงระยะเวลาหนง่ึ หรือสถานการณจ์ าลองท่ีครู
กาหนดข้ึนบางพฤติกรรมอาจใชก้ ารสัมภาษณ์
2. ใส่ตัวเลขตามระดับพฤติกรรม ดังนี้

3: มีพฤติกรรมสมา่ เสมอ 2 : มีพฤติกรรมค่อนข้างสม่าเสมอ 1 : มพี ฤติกรรมเป็นบางคร้งั

จดุ เน้น : ทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื บนพ้ืนฐานความเป็นประชาธปิ ไตย

และมีจิตอาสาชว่ ยเหลอื สังคม

เลขท่ี ชอ่ื สกุล

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผ้เู รยี น

ปฏิเสธ/หลีกเล่ียงการกระทา 106
ท่ีผิดท้ังในสถานการณ์จาลอง/
สถานการณ์จริง แบบประเมิน 4/ม.3
แสวงหาความรู้และใ ้ชข้อมูลจาก
แหล่งเรียน ้รูแบบประเมนิ ทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 (สังเกตพฤติกรรม สอบถามและสัมภาษณ์)
ยืนยันความต้องการหรือ ่ตอรองโรงเรียน..................................................................................สพป. ..................... ปีการศกึ ษา.............
บน ้ืพนฐานความ ูถกต้อง ั้ทงใน
สถานการณ์จาลองและคาชีแ้ จง
สถานการณ์จริง1. สงั เกตพฤติกรรมตามสถานการณจ์ ริงท่ีเกิดข้นึ ในชว่ งระยะเวลาหน่งึ หรือสถานการณ์จาลองที่ครู
กาหนดขนึ้ บางพฤติกรรมอาจใช้การสมั ภาษณ์
รวมเฉ ่ลีย2. ใสต่ วั เลขตามระดับพฤติกรรม ดังน้ี
สรุปผลการประเมิน3: มพี ฤติกรรมสมา่ เสมอ 2 : มพี ฤตกิ รรมค่อนขา้ งสม่าเสมอ 1 : มีพฤติกรรมเป็นบางครง้ั

จดุ เน้น : มที กั ษะในการแสวงหาและใช้ข้อมูล

ใหเ้ ปน็ ประโยชนก์ บั ตนเอง รูจ้ ักสร้าง
ความสขุ ใหก้ ับตนเองและผู้อืน่

เลขที่ ชอ่ื สกลุ

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13.
14.

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผ้เู รยี น

107

2. แบบประเมินผลการดาเนินงานของสถานศกึ ษาและครู

แบบประเมินการดาเนินงานเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นตามจดุ เน้นดา้ นทักษะชีวติ
ของผู้บริหารโรงเรียน

คาชแ้ี จง
1. แบบประเมินการดาเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามจุดเน้นด้านทักษะชีวิตของผู้บริหารโรงเรียน

และครูฉบับน้ี แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังน้ี
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไป
ตอนที่ 2 แบบประเมินการสารวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนรายบุคคล จัดกลุ่มนักเรียนและ

จดั ทาแผนพัฒนาผู้เรยี นรายบคุ คล รายกลมุ่ ตามจดุ เนน้ ด้านทักษะชวี ิต ของผบู้ รหิ ารโรงเรยี น
ตอนที่ 3 แบบประเมนิ การจัดกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียนตามจดุ เนน้ ด้านทักษะชีวติ ของครู

2. ให้ผู้ประเมินสัมภาษณ์ สังเกต ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ แล้วใส่เคร่ืองหมาย  ในช่อง 
หน้าข้อความ หรือเติมข้อความในช่องว่างให้สมบูรณ์ในตอนท่ี 1 และใส่เคร่ืองหมาย ในตารางท่ีตรงกับระดับ
คณุ ภาพ ในตอนที่ 2 และ 3 โดยระดับคะแนนดงั นี้

3 หมายถึง มาก 2 หมายถึง ปานกลาง และ 1 หมายถงึ น้อย

ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไป
1. ชือ่ โรงเรยี น......................................................................สังกัด สพป.........................................
2. ชอ่ื ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น........................................................จานวนครู....................................คน
จานวนนกั เรียนท้งั หมด.....................คน
3. โรงเรียนส่งเสริมการจดั กิจกรรมเสรมิ สรา้ งทักษะชีวติ ในแตล่ ะระดับช้ันอยา่ งไร
(ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ )
 บูรณาการในกิจกรรมแนะแนว
 บรู ณาการในกจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ และยุวกาชาด
 บรู ณาการในกจิ กรรมชุมนุม ชมรม
 บรู ณาการในการจัดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้
 อ่นื ๆ (ระบ.ุ ......................................................................................................................)
4. ครูผู้รบั ผดิ ชอบกิจกรรมทกั ษะชีวิตของโรงเรียน คือ (ระบุชอื่ )………………………………………
วชิ าเอกทจี่ บ…………………………………………………………… หรือความสามารถพิเศษด้าน
…………………………………………………………………………………………………………

5. งาน/โครงการ/กจิ กรรมเด่นดา้ นการสง่ เสรมิ และพัฒนาทกั ษะชวี ติ ของนักเรยี น
 ไม่มี
 มี 1) ……………………………………………………………………………………
2) ……………………………………………………………………………………
3) ……………………………………………………………………………………

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รยี น

108

ตอนที่ 2 แบบประเมินผลการดาเนินงานการพัฒนาผู้เรยี นตามจดุ เน้น ด้านทักษะชีวิต ของสถานศกึ ษา

ขอให้ผู้ตอบแบบประเมินพิจารณาตามเกณฑ์ดงั น้ี

ระดบั ปรบั ปรุง(1) วางแผนงาน แตไ่ มไ่ ดด้ าเนนิ การ

ระดับพอใช(้ 2) วางแผนงาน ดาเนนิ การ แตผ่ ลการดาเนินงานยงั ไมช่ ดั เจน

ระดบั ดี(3) วางแผนงาน ดาเนนิ การ มผี ลปรากฏชดั เจนและมหี ลักฐาน

ชิงประจักษ์

ที่ รายการประเมนิ ไม่ปฏิบัติ ระดบั ผลการปฏบิ ัติ
12 3
1 โรงเรียนตรวจสอบความสอดคล้องของ
แผนการจัดกิจกรรมแนะแนวกับจุดเน้นด้าน
ทักษะชวี ิต

2 โรงเรียนจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
จัดกลุ่มผู้เรียนเป็น 3 กลุ่ม (ทักษะชีวิตดี
ปานกลาง และนอ้ ย)

3 โรงเรียนจัดทาแผนพัฒนาทักษะชีวิตสอดคล้อง
กับกลมุ่ ทกั ษะชวี ิตนกั เรียน (3 กลมุ่ )

4 โรงเรียนใช้วิธีการ และเคร่ืองมือจัดกิจกรรม
และวัดประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลาย

5 โรงเรียนจัดระบบนิเทศภายในที่เน้นกิจกรรม
พฒั นาด้านทกั ษะชวี ิต

6 โรงเรียนสรุปผลและนาข้อมูลย้อนกลับไป
พฒั นาต่อยอด

ปญั หา/อุปสรรคในการดาเนนิ งาน
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. ...

ข้อเสนอแนะของผู้ประเมนิ
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
................................................................................................................................

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผเู้ รยี น

109

ตอนที่ 3 แบบประเมนิ การจัดกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี นตามจดุ เน้นดา้ นทักษะชีวติ ของครูผู้สอน

ขอให้ผู้ตอบแบบประเมินพิจารณาตามเกณฑ์ดังนี้

ระดบั ปรบั ปรงุ (1) วางแผนงาน แต่ไมไ่ ดด้ าเนนิ การ

ระดับพอใช้(2) วางแผนงาน ดาเนนิ การ แตผ่ ลการดาเนินงานยงั ไม่ชัดเจน

ระดบั ดี(3) วางแผนงาน ดาเนนิ การ มผี ลปรากฏชดั เจนและมหี ลักฐาน

เชงิ ประจกั ษ์

ท่ี รายการประเมิน ไม่ปฏิบัติ ระดบั ผลการปฏบิ ัติ
12 3

1 ครมู ีความรู้ ความเข้าใจและทักษะการจัดกจิ กรรมแนะแนว

2 ครศู ึกษาแนวทางการจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน (แนะแนว

กิจกรรมนกั เรยี น และกจิ กรรมเพือ่ สงั คม)

3 ครมู คี วามรู้ ความเข้าใจแนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนา

ผ้เู รยี นตามจดุ เน้นดา้ นทกั ษะชีวติ

4 ครูจดั ทาแผนการจดั กิจกรรมพฒั นาทักษะผเู้ รยี นตามกล่มุ

ทักษะที่ไดค้ ัดกรองเป็น 3 กล่มุ

5 ครูจัดกิจกรรมพฒั นาทกั ษะชวี ิตตามแผนทกี่ าหนดดว้ ย

วิธกี าร เครื่องมือและการวดั ผลทห่ี ลากหลาย

6 ครปู ระสานความรว่ มมอื กับผ้ปู กครอง ชุมชนและผู้ท่ี

เกีย่ วข้องสาหรบั จดั กจิ กรรมพัฒนาทักษะชวี ติ

6 ครูมีการชว่ ยเหลือ ส่งเสรมิ สนบั สนุนการพฒั นาผู้เรยี น

เปน็ รายบคุ คล

7 ครูมีการวดั และประเมินผลคณุ ภาพทักษะชีวิตโดย

การบรู ณาการในการเรยี นรู้ตามกล่มุ สาระตา่ งๆ

8 ครจู ัดใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นรว่ มในการวดั และประเมินผล

คณุ ภาพทักษะชีวิตของนกั เรยี น

9 ครูนาผลการวดั และประเมนิ คณุ ภาพการดา้ นทักษะชวี ติ ไป

แลกเปลย่ี นเรยี นรู้เพอื่ เปน็ ข้อมลู ในการพฒั นา

10 ครมู ีการสรุปผลการพัฒนาทักษะชวี ิต นาขอ้ มูลรายงาน

และยอ้ นกลับไปพัฒนา

ปญั หา/อปุ สรรคในการดาเนนิ งาน
............................................................................................................................. ..........................................

ขอ้ เสนอแนะของผ้ปู ระเมนิ
.......................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..............................................ผู้ประเมนิ
(.............................................)

ตาแหน่ง.......................................................
วนั /เดอื น/ปที ่ปี ระเมิน..................................

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผเู้ รียน

110

การสือ่ สารอย่างสร้างสรรค์
การประเมินคุณภาพผู้เรยี นตามจดุ เนน้ การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ดาเนินการดังน้ี

ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1
ความสามารถและทักษะ : ต้ังใจฟ๎งและพูดส่ือสารใหเ้ ขา้ ใจ โดยใชค้ าสภุ าพ

คาชแ้ี จง ใหค้ รูประเมนิ การพูดของนักเรยี นโดยการดาเนนิ การดังนี้
1. ครอู า่ นเร่ืองหรอื เลา่ นทิ าน แล้วใหน้ กั เรียนออกมาพูดสรปุ ความและข้อคิดจากเร่อื งท่ีฟ๎ง
2. ให้ครปู ระเมินการพูดของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ ที่กาหนด

ตวั อยา่ งเครื่องมือประเมนิ การพดู
เรอ่ื ง ชายแก่และลกู

ชายแกค่ นหน่งึ มีลูกหลายคน ลูกเหลา่ น้ันทะเลาะกนั วุ่นวายอยูเ่ สมอมไิ ด้ขาด พ่อสัง่ สอนเท่าใดลกู เหล่านั้น
กไ็ ม่เลิกทะเลาะกนั

วันหนง่ึ พ่อจงึ บอกให้ลกู ไปหาก่งิ ไม้มาคนละสองสามก่ิงตามแต่จะหาได้ เมือ่ ได้มาแลว้ พ่อเอากง่ิ ไม้เหลา่ นัน้
มามดั รวมกันเข้าเป็นมัดเดียวแล้วสง่ กิ่งไม้ใหล้ ูกหักท้งั มดั ท่ลี ะคน ๆ ก็ไม่มีใครหักได้สกั คนเดยี ว พอ่ จึงแกม้ ัดกิง่ ไม้
แลว้ ยื่นใหห้ ักทลี ะกงิ่ ลูกกห็ ักได้ พ่อจงึ พดู ให้ฟง๎ วา่

“นี่แหละลกู ถ้าพวกเจ้ารักกนั พรอ้ มในช่วยกนั ไม่วา่ ทางานใด ๆ ให้สามัคคีกลมเกลยี วเป็นหนงึ่ เดียวกัน
พวกเจา้ จะมีกาลังมน่ั คงเหมอื นกับก่งิ ไม้ทั้งมดั ถึงใครคิดร้ายกจ็ ะทาลายพวกเจา้ มไิ ด้ แต่ถา้ เจ้าทะเลาะววิ าทแตกกัน
เป็นต่างคนตา่ งใจแลว้ กจ็ ะเช่นเดยี วกบั กิง่ ไมเ้ ปน็ กง่ิ ๆ ใครเขาจะทาร้ายก็ทาได้โดยง่าย

กจิ กรรมหลงั การเล่าเร่ือง

1. ใหน้ ักเรียนพดู สรปุ ความสาคัญของเร่ือง (เชน่ ชายคนหน่งึ มีลกู หลายคน แต่ลูก ๆ ของเขา

ไมร่ ักใครส่ ามัคคีกนั ชายคนน้ันจึงให้ลกู ๆ หาก่ิงไม้มาแล้วนามามัดรวมกนั ให้ลกู ทุกคนหัก ก็

ไมม่ ีใครหกั ไดแ้ ต่พอแก้มัดกิ่งไม้แล้วให้ลูกแตล่ ะคนหักกง่ิ ไม้ลูกทุกคนกห็ ักได)้

2. ให้นักเรยี นพดู ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากการฟง๎ (เชน่ ความสามัคคีปรองดอง ความรักใครช่ ่วยเหลือกัน

ไมท่ ะเลาะววิ าทกัน ทาให้ผอู้ ่นื หรือศัตรูทาอนั ตรายเราไม่ได)้

เกณฑ์การประเมินทักษะการพดู

แบบประเมนิ การพดู ของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล โดยเขียนเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมนิ ทีเ่ หมาะสม

ผลการประเมิน

ที่ รายการประเมิน ด(ี 3) พอใช้ ปรับปรุง(1)

(2)

1 มีความตัง้ ใจฟงู และพูด

2 พดู สอ่ื สารให้เข้าใจ

3 พูดสือ่ สารไดช้ ัดเจน เสียงดงั ฟ๎งชดั

4 ใช้ภาษาสภุ าพ

รวมคะแนน

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผ้เู รียน

111

สรุป

เกณฑ์การให้คะแนน
ข้อที่ 1 มีความต้งั ใจฟงู และพูด
ดี (3) หมายถึง ตัง้ ใจฟง๎ ครูอ่านหรือเลา่ เร่ือง และตั้งใจพูด ตลอดเวลา
พอใช้ (2) หมายถงึ ตัง้ ใจฟง๎ ครอู า่ นหรือเล่าเร่ือง และตั้งใจพดู เป็นครั้งคราว
ปรบั ปรุง (1) หมายถึง ไม่ตั้งใจฟงู และพูด
ขอ้ ที่ 2 พดู สอ่ื สารให้เข้าใจ
ดี (3) หมายถึง พดู สือ่ สารให้คนฟง๎ ไดเ้ ข้าใจท้งั หมด
พอใช้ (2) หมายถึง พดู สื่อสารให้คนฟ๎งได้เข้าใจเปน็ บางส่วน
ปรบั ปรุง (1) หมายถึง พูดสื่อสารให้คนฟง๎ ไม่เข้าใจ
ขอ้ ท่ี 3 พูดสือ่ สารไดช้ ดั เจน เสียงดงั ฟง๎ ชัด
ดี (3) หมายถึง พูดสือ่ สารได้ชัดเจน เสยี งดงั ฟ๎งชดั ทัง้ หมด
พอใช้ (2) หมายถงึ พูดสอื่ สารไดช้ ัดเจน เสียงดังฟง๎ ชัดบางสว่ น
ปรับปรงุ (1) หมายถึง พูดสือ่ สารไมช่ ัดเจน เสียงไม่ดัง ฟ๎งไม่ชัดเจน
ขอ้ ท่ี 4 ใชภ้ าษาสภุ าพ
ดี (3) หมายถงึ ใชภ้ าษาพูด สุภาพท้ังหมด
พอใช้ (2) หมายถึง ใช้ภาษาพดู สุภาพ ผสมกับคาพูดไม่สุภาพ
ปรบั ปรุง (1) หมายถึง ใช้ภาษาพูดไม่สุภาพ

สรุปผลการประเมนิ พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 5 - 8 ปรับปรุง คะแนนระหว่าง 1 – 4
ดี คะแนนระหว่าง 9 - 12

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผู้เรียน

112

แบบประเมนิ 5/ป1

แบบบันทึกคะแนนการพูด
การประเมินการสื่อสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1
โรงเรียน......................................................อาเภอ...................................จังหวดั .........

ที่ ชือ่ -สกุล ขอ้ ท่ี 1 ข้อท่ี 2 ข้อท่ี 3 ข้อที่ 4 รวม
คะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 12

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงช่ือ......................................................ผู้ประเมิน
(......................................................)

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผเู้ รยี น

113

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2

ความสามารถและทักษะ : ตั้งใจฟง๎ และพูดสือ่ สารไดช้ ดั เจนตรงตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใช้คาสภุ าพ

คาชี้แจง ใหค้ รูประเมินการพดู ของนักเรยี นโดยการดาเนนิ การดังนี้
1. ครูอ่านเร่ืองหรือเล่านิทาน แล้วใหน้ ักเรียนออกมาพดู สรุปความและข้อคิดจากเรื่องที่ฟง๎
2. ใหค้ รปู ระเมนิ การพูดของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล โดยใช้เกณฑ์การประเมินท่ีกาหนด

ตัวอย่างเคร่ืองมือประเมินการพูด
นทิ านคติธรรม เรอ่ื ง สิงโตเฒ่า
บริเวณปาุ แหง่ หน่งึ ซ่ึงมีความร่มรื่น เป็นทอ่ี ยู่อาศัยของสัตว์ปาุ ชนดิ ตา่ ง ๆ สิงโตตวั หน่งึ วางอานาจเปน็ เจา้
ปุา ชอบรงั แกสัตว์อ่นื และจบั สัตวต์ ่าง ๆ มาเปน็ อาหาร จนเป็นทเี่ กรงกลัวของสัตวใ์ นปุา กาลเวลาผา่ นไปสงิ โตเริ่ม
อายมุ าก กลายเป็นสงิ โตเฒ่า จงึ หาอาหารไดค้ ่อนข้างลาบาก
วันหนง่ึ สงิ โตเฒา่ นอนคอยเหย่ืออยใู่ ตร้ ่มไม้ มองเห็นมา้ ตัวหนึง่ ยนื กนิ หญ้าอยูไ่ กล ๆ มันอยากลองกินเนอื้
ม้าดบู า้ ง จึงแกล้งปาุ วประกาศออกไปว่า “สตั ว์ทง้ั หลาย เราคอื สิงโตกลบั ใจ พอแกต่ วั ลงเราเลกิ กินเนื้อสัตว์ และจะ
ถา่ ยทอดวิชาหมอรักษาพวกท่านท่ีปวดท้อง ปวดหัว ปวดขา ปวดกระเพาะ เชิญทางน้ีจะ๊ ”
มกี ระต่ายตัวหนึง่ หลงเชอ่ื คาประกาศของสิงโตจึงถูกสงิ โตลวงเข้าไปในถ้า เม่ือสิงโตเดนิ กลับออกมาโดยไม่
มกี ระต่าย และมีคราบเลือดอยทู่ ่ปี าก ม้ามองเหน็ เหตกุ ารณ์ทงั้ หมดมันกร็ ูว้ า่ เปน็ กลอบุ ายทสี่ งิ โตเฒ่าวง่ิ ไล่ตามสัตว์
ปุาไม่ไหวจงึ ตอ้ งใชอ้ ุบายหาอาหาร แตม่ า้ ก็แกลง้ เดินตามสิงโตไปในถา้ พอถงึ ปากถา้ เจ้าม้าก็เตะโครมที่ใบหนา้ และ
ดวงตาของสิงโตจนสิงโตลงไปนอนลุกไมข่ ้ึน
ตั้งแต่บัดน้นั เปน็ ตน้ มา สิงโตก็หาอาหารได้ยากขึ้น เพราะสตั วใ์ นปุารูว้ ่าสิงโตเจา้ เล่หไ์ มย่ อมเปลี่ยนนิสัย

ข้อคาถามทีค่ รูควรถามนักเรียน นาเพื่อให้นักเรยี นตอบหรือพดู หน้าช้นั
1. สรุปใจความสาคัญของเรื่อง
2. ทาไมสัตวป์ ุาจึงเกรงกลัวสิงโต(เป็นสัตวใ์ หญ่ ดรุ ้าย มีพละกาลงั กินเน้ือเปน็ อาหาร)
3. ปุาแหง่ น้มี ีส่วนประกอบสาคญั อยา่ งไรบ้าง (มตี น้ ไม้ร่มร่ืน มถี า้ มีท่งุ หญ้า มสี ัตว์ปุาหลายชนดิ )
4. สิงโตมีพละกาลงั ในการจับสตั ว์ปุาเป็นอาหารได้ตลอดไปหรอื ไม่ (ไม่เพราะนานวันเขา้ สิงโตยอ่ มแกช่ ราลง)
5. มา้ ปฏิบัตติ นอย่างไรกับสงิ โต(ต้องการส่งั สอนสิงโต มิใหม้ ีความเจ้าเลห่ ์ และดุร้าย จงึ ทาร้ายสงิ โตโดยการเตะ)
5. จากนิทานคตธิ รรมเร่ืองสงิ โตเฒ่าทาให้นกั เรยี นไดแ้ ง่คดิ สาคัญอยา่ งไรบ้าง (ชีวติ ทุกชวี ิตยอ่ มมีความเสือ่ ม
สลายเม่ือเวลาเปลย่ี นไป ยิ่งแกล่ งไปพละกาลงั อานาจ ที่มีอย่กู ็เสื่อมลงไปดว้ ย ดังน้นั ควรสร้างความดี และใช้
พละกาลงั ในทางทถี่ ูกต้อง เพ่ืออยู่ในสงั คมได้อย่างเป็นสุข)

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผู้เรยี น

114

เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการพูด

แบบประเมนิ การพูดของนักเรียนรายบคุ คล ให้เขยี นเครอื่ งหมาย ลงในช่อผลการประเมนิ ทเี่ หมาะสม

ผลการประเมนิ

ที่ รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรบั ปรุง(1)

(3) (2)

1 มคี วามต้ังใจฟง๎ และพูด

2 พูดสอ่ื สารได้

3 พดู ส่ือสารได้ชัดเจน เสยี งดังฟ๎งชดั

4 พูดได้ตรงประเด็น

5 ใช้ภาษาพูดสภุ าพ

รวมคะแนน

สรุป

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ขอ้ ที่ 1 มคี วามตั้งใจฟง๎ และพูด

ดี (3) หมายถงึ ตัง้ ใจฟ๎งครอู ่านหรือเล่าเรื่อง และตงั้ ใจพดู ตลอดเวลา

พอใช้ (2) หมายถงึ ตง้ั ใจฟง๎ ครอู ่านหรือเล่าเรื่อง และตงั้ ใจพดู เป็นครั้งคราว

ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ ไม่ต้งั ใจฟงู และพูด

ข้อท่ี 2 พูดสอื่ สารได้

ดี (3) หมายถึง พูดสื่อสารให้คนฟ๎งไดเ้ ขา้ ใจทัง้ หมด

พอใช้ (2) หมายถึง พูดส่อื สารให้คนฟง๎ ได้เข้าใจเป็นบางสว่ น

ปรับปรุง(1) หมายถึง พดู สอ่ื สารให้คนฟ๎งไมเ่ ข้าใจ

ประเมนิ ข้อท่ี 3 พดู ส่ือสารได้ชัดเจน เสยี งดงั ฟง๎ ชดั

ดี (3) หมายถึง พดู สอ่ื สารได้ชัดเจน เสยี งดงั ฟ๎งชดั ทง้ั หมด

พอใช้ (2) หมายถึง พูดส่ือสารได้ชัดเจน เสยี งดังฟ๎งชดั บางส่วน

ปรับปรงุ (1) หมายถงึ พูดส่ือสารไมช่ ดั เจน เสียงไม่ดังฟง๎ ไม่ชดั เจน

ประเมนิ ข้อที่ 4 พูดไดต้ รงประเดน็

ดี (3) หมายถงึ พดู ได้ตรงประเด็น ทั้งหมด

พอใช้ (2) หมายถึง พดู ได้ตรงประเด็นบางส่วน

รบั ปรงุ (1) หมายถงึ พูดไมต่ รงประเดน็

ขอ้ ท่ี 5 ใช้ภาษาพดู สภุ าพ

ดี (3) หมายถึง ใช้ภาษาพูดสภุ าพทง้ั หมด

พอใช้ (2) หมายถึง ใช้ภาษาพดู สุภาพ ผสมกับคาพูดไม่สุภาพ

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ใชภ้ าษาพดู ไม่สุภาพเป็นส่วนใหญ่

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รยี น

115

สรุปผลการประเมิน
ดี คะแนนระหวา่ ง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหว่าง 6 – 10 ปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 5

แบบประเมิน 5/ป2
แบบบันทกึ คะแนนการพูด
การประเมินการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2

โรงเรียน...............................................................................อาเภอ..................................จงั หวัด............

ท่ี ชื่อ -สกุล ขอ้ ท่ี 1 ข้อท่ี 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ข้อท่ี 5 รวมคะแนน
สรุปผล

1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชอ่ื ......................................................ผปู้ ระเมิน
(......................................................)

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผู้เรยี น

116

ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3

ความสามารถและทักษะ : ฟ๎ง ดู พดู อา่ น เขยี นอยา่ งมีมารยาท และพูดเขยี นสือ่ สารจากเรอ่ื งท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้
ชดั เจนตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชค้ าสุภาพ

คาชี้แจง : ให้ครูประเมิน การพูดและการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนนิ การ ดังนี้

1. กาหนดใหน้ ักเรยี น ฟง๎ อ่าน ข่าว บทความ เรอ่ื งสน้ั สารคดี นิทาน เหตกุ ารณ์
บทรอ้ ยกรอง

2. ให้นกั เรยี นออกมาพูดอธิบายช้ีแจงแสดงความคิดเหน็ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ จากเรื่องท่ีฟง๎ และอ่าน
โดยใชภ้ าษาทถ่ี ูกต้อง มีเหตผุ ลน่าเช่ือถือ

3. ให้ครปู ระเมนิ การพูดของนักเรียน โดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูดทก่ี าหนด
4. ให้นกั เรียนเขยี น อธิบายชแ้ี จงแสดงความคดิ เห็น วิเคราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่อื งที่ฟง๎ และอ่าน โดยใช้

ภาษาทีถ่ ูกตอ้ ง มีเหตุผลน่าเชื่อถือ
5. ให้ครูประเมินการเขยี นของนกั เรียน โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นท่ีกาหนด

ตัวอยา่ งเคร่ืองมือประเมินการพูด และการเขยี น

เร่ือง ความรู้

ความเอ๋ยความรู้
ทกุ อย่างอาจเปน็ ครูหากศกึ ษา
เหน็ สิง่ ใดใช้สมองลองปญ๎ ญา
ใครค่ รวญหาเหตผุ ลจนแจง้ ใจ
อนั ความร้เู รยี นเทา่ ใดก็ไมจ่ บ
ย่ิงคน้ พบกย็ ิง่ มีที่สงสยั
ใช้ความรู้ผิดทางสรา้ งทุกขภ์ ัย
รู้จกั ใชน้ าประโยชน์สุขโสตเอย

ขอ้ คาถามที่ครคู วรถามนักเรียน นาเพ่ือใหน้ ักเรยี นตอบ หรอื อธบิ ายพูดหน้าชนั้ และเขยี นสรปุ ความ
1. อธิบายความหมายของบทร้อยกรอง
2. ทาไมคนเราจงึ ต้องศึกษาหาความรู้
3. เม่อื คนเราต้องการความรเู้ ขาจะปฏิบตั ิตนอย่างไร
4. ความรู้มีประโยชน์อยา่ งไร มโี ทษอย่างไร
5. บทกลอนนท้ี าให้นักเรยี นได้แงค่ ดิ อยา่ งไรบา้ ง จงอธิบายพรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ(เขียนบรรยาย)

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผู้เรียน

117

เกณฑ์การประเมินดา้ นการพูด

แบบบันทึกการประเมนิ นกั เรียนแตล่ ะคน เขยี นเคร่ืองหมาย  ลงในช่องผลการประเมินทเี่ หมาะสม

ผลการประเมนิ

ที่ รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ (1)

(3) (2)

1 พดู สอื่ สารจากเร่อื งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้

2 พดู สือ่ สารจากเรอื่ งท่ฟี ๎ง ดู และอ่านได้ชัดเจน

3 พดู สือ่ สารจากเรอื่ งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้ตรงตามวตั ถุประสงค์

4 ฟง๎ ดู และพดู อย่างมีมารยาท

5 ใชภ้ าษาสภุ าพ

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ข้อที่ 1 พูดส่ือสารจากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้
ดี (3) หมายถงึ พดู สือ่ สารจากเร่ืองที่ฟ๎ง ดแู ละอ่านไดท้ ั้งหมด
พอใช้ (2) หมายถึง พดู สื่อสารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดแู ละอา่ นไดบ้ างส่วน
ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพดู สื่อสารจากเร่ืองทฟี่ ง๎ ดูและอ่านได้
ขอ้ ที่ 2 พดู สอ่ื สารจากเรอ่ื งท่ีฟ๎ง ดู และอ่านไดช้ ดั เจน
ดี (3) หมายถึง พดู ส่ือสารจากเรอ่ื งทฟ่ี ๎ง ดู และอา่ นได้ชัดเจนทงั้ หมด
พอใช้ (2) หมายถึง พดู ส่ือสารจากเรอ่ื งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นไดช้ ดั เจนบางสว่ น
ปรับปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพดู ส่ือสารจากเร่อื งที่ฟ๎ง ดูและอ่านได้
ขอ้ ท่ี 3 พดู ส่อื สารจากเรอ่ื งท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้ตรงตามวตั ถุประสงค์
ดี (3) หมายถึง พดู ส่ือสารจากเร่อื งท่ฟี ๎ง ดู และอ่านได้ตรงตามวัตถุประสงค์ทัง้ หมด
พอใช้ (2) หมายถงึ พดู สอ่ื สารจากเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์เปน็ บางส่วน
ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไม่สามารถพดู ส่ือสารจากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดแู ละอา่ นได้ตามวตั ถุประสงค์
ข้อท่ี 4 ฟง๎ ดู และพูดอยา่ งมีมารยาท
ดี (3) หมายถงึ ฟ๎ง ดู และพดู อยา่ งมีมารยาทตลอดเวลา
พอใช้ (2) หมายถึง ฟง๎ ดู และพูดอยา่ งมีมารยาทเปน็ บางเวลา
ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในการฟง๎ ดู พดู
ข้อท่ี 5 ใชภ้ าษาสุภาพ
ดี (3) หมายถึง ใชภ้ าษาพดู สุภาพท้งั หมด
พอใช้ (2) หมายถงึ ใชภ้ าษาพดู สภุ าพผสมกบั คาพดู ไม่สุภาพ
ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ใช้ภาษาพดู ไมส่ ภุ าพเป็นสว่ นใหญ่

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รียน

สรุปผลการประเมิน 118
ดี คะแนนระหวา่ ง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 6 – 10 ปรับปรุง คะแนนระหวา่ ง 1 – 5

แบบบันทึกคะแนนการพดู แบบประเมิน 5/ป3

การประเมินการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3

โรงเรยี น............................................................อาเภอ.................................จงั หวดั .............

ที่ ชอ่ื - สกุล ข้อที่ 1 ข้อท่ี 2 ข้อท่ี 3 ข้อที่ 4 ขอ้ ท่ี 5 รวมคะแนน
สรุปผล

1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงช่ือ......................................................ผ้ปู ระเมิน
(......................................................)

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรียน

119

เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นการเขียน

แบบบันทกึ การประเมนิ นกั เรียนแต่ละคน เขียนเคร่ืองหมาย  ลงในช่องผลการประเมินท่เี หมาะสม

ผลการประเมนิ

ท่ี รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรับปรุง(1)

(3) (2)

1 เขียนสื่อสารจากเรื่องท่ีฟง๎ ดู และอา่ นได้

2 เขียนส่ือสารจากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอ่านได้ชดั เจน

3 เขยี นสือ่ สารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้ตรงตามวตั ถุประสงค์

4 เขยี นอย่างมีมารยาท

5 ใช้ภาษเขียนสภุ าพ

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เขยี นสอื่ สารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านไดท้ ั้งหมด
ขอ้ ท่ี 1 เขียนสอื่ สารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นไดบ้ างสว่ น
ดี (3) หมายถึง ไม่สามารถเขยี นส่ือสารจากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรับปรุง(1) หมายถงึ เขียนส่ือสารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นไดช้ ัดเจนทง้ั หมด
ข้อท่ี 2 เขยี นสอื่ สารจากเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอ่านไดช้ ัดเจนบางส่วน
ดี (3) หมายถงึ ไม่สามารถเขียนสอ่ื สารจากเรอ่ื งที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้
พอใช้ (2) หมายถึง
ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง เขียนสอื่ สารจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้ตามวตั ถุประสงคท์ ้ังหมด
ข้อที่ 3 เขียนส่ือสารจากเรือ่ งท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้ตามวตั ถปุ ระสงค์บางส่วน
ดี (3) หมายถึง ไม่สามารถเขยี นสือ่ สารจากเรือ่ งท่ีฟง๎ ดู และอา่ นได้ตามวัตถุประสงค์
พอใช้ (2) หมายถึง
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ เขียนอยา่ งมมี ารยาทได้ทัง้ หมด
ขอ้ ที่ 4 เขียนอย่างมีมารยาทได้บางส่วน
ดี (3) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในการเขยี น
พอใช้ (2) หมายถึง
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ใชภ้ าษาเขยี นสภุ าพท้ังหมด
ข้อท่ี 5 ใช้ภาษาเขยี นสุภาพผสมกบั ภาษาเขยี นไม่สุภาพ
ดี (3) หมายถงึ ใช้ภาษาเขียนไมส่ ภุ าพ
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรียน

สรุปผลการประเมนิ 120
ดี คะแนนระหว่าง 1-15 พอใช้ คะแนนระหว่าง 6-10 ปรบั ปรุง คะแนนระหวา่ ง 1 – 5

แบบประเมนิ 5/ป3.1

แบบบันทกึ คะแนนการเขียน
การประเมนิ การส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3
โรงเรยี น.................................................................อาเภอ....................................จังหวดั ...........

รวมคะแนน
สรุป
ท่ี ช่อื -สกุล ข้อท่ี 1 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ท่ี 3 ข้อที่ 4 ข้อท่ี 5

12 3 12 3 12 3 12 3 12 3
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชื่อ..............................................ผู้ประเมนิ

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผเู้ รยี น

121

( ............................................)

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

ความสามารถและทักษะ : ฟง๎ ดู พดู อ่าน และเขียนอย่างมมี ารยาท และพดู เขียนแสดงความรู้ ความคดิ
จากเรื่องทฟ่ี ๎ง ดู และอ่านอย่างมเี หตผุ ล

คาช้ีแจง : ใหค้ รปู ระเมนิ การพดู และการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนนิ การ ดังนี้
1. กาหนดให้นักเรียนอ่านบทความ เรอ่ื งสั้น นิทาน ข่าว เหตกุ ารณ์ หรอื บบทรอ้ ยกรองแล้วนักเรยี น
ออกมาพูดแสดงความรู้ ความคิด จากเร่ือง โดยใชภ้ าษาท่ีถกู ต้อง มเี หตุผล
2. ให้ครซู กั ถามและประเมินการพดู ของนักเรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การพดู ที่กาหนด
3. ให้นักเรยี นเขียนแสดงความรู้ ความคดิ จากเรื่อง โดยใชภ้ าษาที่ ถกู ต้อง มเี หตผุ ล
4. ใหค้ รปู ระเมินการเขยี นของนกั เรียน โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นที่กาหนด

ตวั อย่าง เครื่องมือ การประเมินการพูด และการเขยี น

เพลงเดินตามพ่อ
แมไ้ ม่อาจเทียบหนง่ึ ในลา้ น ลูกขอตง้ั ปณิธาน
สานสง่ิ ทีพ่ อ่ สรา้ งไว้ จะขอเดนิ ตาม รอยเทา้ พ่อไป
เหนือ่ ยยากเพยี งไหน ไม่ทาให้พ่อผิดหวงั …
ก่ีลา้ นหยาดเหง่ือทพี่ ่อหลัง่ เพื่อคนไทย กี่แสนนาทีลว่ งไป
ที่พ่อเหนือ่ ยยากตรากตราที่ ฝุาลมฝน พ่อทนสู้ทา

อาบเหงื่อตา่ งน้า นาทางเพื่อลูกเร่ือยมา
พอ่ เปน็ มากกวา่ พ่อคนไหน พ่อเป็นหนง่ึ ในใจตลอดเวลา
เปน็ ภาพจา งดงามอยู่ในสายตา เป็นแรงศรัทธาแรงกลา้ อยู่ในหัวใจ

แมไ้ ม่อาจเทยี บหนึ่งในล้าน ลกู ขอตัง้ ปณิธาน
สานส่งิ ท่ีพอ่ สร้างไว้ จะขอเดินตาม รอยเทา้ พ่อไป

เหน่อื ยยากเพยี งไหน ไม่ทาให้พอ่ ผิดหวงั
พ่อ เปน็ มากกวา่ พ่อคนไหน พ่อเป็นหนงึ่ ในใจตลอดเวลา
เป็นภาพจา งดงามอยใู่ นสายตา เปน็ แรงศรัทธาแรงกล้าอยู่ในหัวใจ

ขอ้ คาถามท่คี รคู วรถามนักเรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นพูด และเขียน

1. ใหน้ กั เรียนพูดสรปุ ใจความสาคัญของเพลง
2. ให้นักเรยี นบอกความรู้สึกเมื่อไดฟ้ ง๎ เพลงนี้
3. ให้นกั เรียนบอกเน้ือเพลงตรงทีช่ อบมากท่ีสุด พร้อมกับเหตุผล

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รียน

122

4. ในฐานะทีน่ ักเรยี นเป็นคนคนไทยให้เขียนอธิบายความรู้สกึ ที่มตี ่อพระราชกรณยี กิจของ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว

5. ใหน้ กั เรียนเขยี นตอบวา่ ผูท้ ี่แต่งเพลงนมี้ จี ดุ ประสงค์อะไร พร้อมทงั้ บอกเหตุผล

เกณฑ์การประเมนิ การพูด

ให้ประเมนิ นักเรยี นรายบคุ คล โดยเขียนเครอ่ื งหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมนิ ท่ีเหมาะสม

ที่ รายการประเมิน ผลการประเมิน
ด(ี 3) พอใช้(2) ปรบั ปรงุ (1)

1 ฟ๎ง ดู พูด และอา่ นอย่างมีมารยาท

2 พดู แสดงความรู้ จากเรื่องทฟ่ี ๎ง ดู และอ่าน

3 พูดแสดงความรู้ จากเรื่องทฟี่ ง๎ ดู และอา่ นอย่างมีเหตผุ ล

4 พูดแสดงความคิดจากเรอ่ื งทฟ่ี ๎ง ดู และอ่าน

5 พูดแสดงความคิดจากเรือ่ งท่ีฟง๎ ดู และอา่ นอยา่ งมเี หตุผล

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ข้อท่ี 1 ฟ๎ง ดู พูด และอา่ นอย่างมีมารยาท

ดี (3) หมายถึง ฟ๎ง ดู พูดและอ่านอย่างมีมารยาททกุ ครง้ั

พอใช้ (2) หมายถึง ฟง๎ ดู พดู และอ่าน อย่างมมี ารยาทบางคร้ัง

ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในกาฟง๎ ดู พดู และอ่าน

ขอ้ ท่ี 2 พดู แสดงความรู้ จากเร่ืองทฟ่ี ๎ง ดู และอา่ น

ดี (3) หมายถงึ พดู แสดงความร้จู ากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถึง พูดแสดงความรจู้ ากเร่ืองท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้บางประการ

ปรบั ปรุง (1) หมายถึง ไม่สามารถพดู แสดงความรู้จากเรอ่ื งทฟี่ ๎ง ดูและอ่านได้

ข้อที่ 3 พูดแสดงความรู้ จากเร่อื งท่ีฟง๎ ดู และอ่านอยา่ งมีเหตผุ ล

ดี (3) หมายถงึ พดู แสดงความรู้ จากเรื่องที่ฟ๎ง ดแู ละอ่านอย่างมีเหตุผล ได้ทุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดแสดงความรู้ จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดแู ละอ่านอยา่ งมเี หตุผล ได้บาง

ประเด็น ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถพดู แสดงความรู้จากเรือ่ งท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้อย่างมเี หตผุ ล

ข้อท่ี 4 พดู แสดงความคดิ จากเรอ่ื งทีฟ่ ๎ง ดู และอา่ น

ดี (3) หมายถงึ พดู แสดงความคิดจากเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอา่ น ไดท้ ุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถึง พูดแสดงความคดิ จากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดู และอ่าน ได้บางประเด็น

ปรับปรงุ (1) หมายถึง ไม่สามารถพูดแสดงความคิดจากเรื่องทีฟ่ ๎ง ดูและอา่ นได้

ขอ้ ท่ี 5 พดู แสดงความคิด จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอ่านอย่างมเี หตผุ ล

ดี (3) หมายถงึ พดู แสดงความคิดจากเรอื่ งฟง๎ ดแู ละอา่ นอยา่ งมเี หตุผล ได้ทกุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พดู แสดงความคดิ จากเร่อื งฟง๎ ดแู ละอา่ นอย่างมีเหตุผล ได้บางประเดน็

ปรับปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพดู แสดงความคดิ จากเรือ่ งท่ฟี ๎ง พูดและอ่านอยา่ งมเี หตุ

ผลได้

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผูเ้ รียน

รวมคะแนน 123
สรุปผล
สรุปผลการประเมนิ
ดี คะแนนระหวา่ ง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 6 – 10 ปรบั ปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 5

แบบประเมิน 5/ป4.1
แบบบันทึกคะแนนการพูด
การประเมนิ การสื่อสารอย่างสรา้ งสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4
โรงเรียน.......................................................อาเภอ.......................................จังหวดั .............

ที่ ช่ือ - ชื่อสกลุ ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ที่ 3 ข้อท่ี 4 ข้อที่ 5

1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชือ่ ......................................................ผปู้ ระเมนิ

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผูเ้ รียน

124

(......................................................)

เกณฑ์การประเมินการเขียน

การประเมินนักเรียนรายบุคคล โดยเขยี นเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมนิ ท่ีเหมาะสม

ที่ รายการประเมนิ ผลการประเมนิ
ดี(3) พอใช้(2) ปรับปรุง(1)

1 เขียนอย่างมีมารยาท

2 เขยี นแสดงความรู้จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอา่ น

3 เขยี นแสดงความรจู้ ากเรื่องท่ีฟง๎ ดแู ละอา่ นอย่างมีเหตผุ ล

4 เขยี นแสดงความคิดจากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอ่าน

5 เขยี นแสดงความคิดจากเรื่องท่ีฟง๎ ดู และอ่านอยา่ งมีเหตผุ ล

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑก์ ารให้คะแนน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ขอ้ ท่ี 1 เขยี นอยา่ งมมี ารยาท

ดี (3) หมายถึง เขยี นอย่างมีมารยาทได้ทงั้ หมด

พอใช้ (2) หมายถงึ เขียนอย่างมมี ารยาทไดบ้ างครัง้

ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไม่สามารถเขยี นอย่างมีมารยาทได้

ข้อท่ี 2 เขยี นแสดงความรู้จากเร่อื งท่ฟี ง๎ ดู และอา่ น

ดี (3) หมายถึง เขยี นแสดงความรจู้ ากเร่ืองที่ฟง๎ ดแู ละอ่านไดท้ ุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนแสดงความรู้จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดแู ละอ่านไดบ้ างประเด็น

ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ไมส่ ามารถเขยี นแสดงความรู้จากเรือ่ งท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้

ข้อที่ 3 เขียนแสดงความรู้จากเรอื่ งทฟ่ี ๎ง ดูและอา่ นอย่างมเี หตผุ ล

ดี (3) หมายถึง เขียนแสดงความรู้จากเรื่องที่ผัง ดู และอ่านได้อยา่ งมีเหตผุ ล ทกุ

ประเด็น พอใช้ (2) หมายถึง เขยี นแสดงความรจู้ ากเรื่องท่ผี ัง ดู และอ่านได้อย่างมีเหตผุ ล บาง

ประเด็น

ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขียนแสดงความรู้จากเรื่องที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้อยา่ งมีเหตผุ ล

ข้อที่ 4 เขยี นแสดงความคิดจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่าน

ดี (3) หมายถึง เขยี นแสดงความคิดจาเรื่องทีฟ๎ง ดู และอ่านได้ทุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนแสดงความคิดจาเร่ืองทฟี ๎ง ดู และอ่านไดบ้ างประเด็น

ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ไม่สามารถเขียนแสดงความคิดจากเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้

ข้อที่ 5 เขยี นแสดงความคิดจากเร่อื งท่ฟี ๎ง ดู และอ่านอย่างมีเหตผุ ล

ดี (3) หมายถึง เขียนแสดงความคดิ จากเรอ่ื งทฟ่ี ง๎ ดู และอ่านได้อย่างมเี หตุผล ทกุ

ประเด็น

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผเู้ รียน

125

พอใช้ (2) หมายถึง เขยี นแสดงความคดิ จากเรื่องที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้อยา่ งมีเหตผุ ล บางประเดน็
ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขยี นแสดงความคิดจากเรือ่ งที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างมเี หตผุ ล

สรุปผลการประเมิน
ดี คะแนนระหว่าง 11-15 พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 6 – 10 ปรบั ปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 5

แบบประเมนิ 5/ป4.2

แบบบนั ทึกคะแนนการเขยี น
การประเมินการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรค์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
โรงเรยี น..................................................................อาเภอ.........................................จงั หวดั .........

ที่ ชอื่ -สกลุ ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ที่ 2 ขอ้ ท่ี 3 ข้อท่ี 4 ข้อท่ี 5 รวมคะแนน
สรุปผล
123123123123123
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผู้เรียน

126

ลงชอื่ ..............................................ผู้ประเมิน
( ............................................)

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5
ความสามารถและทกั ษะ : ฟง๎ ดู พูด อา่ น และเขยี นอยา่ งมมี ารยาท และพดู เขียนแสดงความร้สู ึก ความคิดเหน็

จากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดู อ่าน อย่างสมเหตุสมผล

คาช้แี จง : ให้ครูประเมิน การพดู และการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนินการ ดงั นี้
1. กาหนดใหน้ กั เรียนอ่านบทความ เร่ืองสั้น นิทาน ข่าว เหตกุ ารณ์ หรือบบทร้อยกรอง

แลว้ นกั เรียนออกมาพูดแสดงความคดิ เหน็ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่อื ง โดยใชภ้ าษาท่ีถูกต้อง มีเหตผุ ลน่าเช่ือถือ
2. ใหค้ รูซกั ถามและประเมินการพดู ของนักเรยี น โดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ การพดู ที่กาหนด
3. ใหน้ กั เรียนเขยี นแสดงความคดิ เห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเรอื่ ง โดยใชภ้ าษาท่ีถกู ต้อง มเี หตผุ ล
น่าเชือ่ ถอื
4. ให้ครูประเมนิ การเขยี นของนักเรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการเขียนที่กาหนด

ตวั อยา่ ง เครื่องมือ การประเมินการพูด และการเขียน
เรอ่ื ง ภาวะโลกร้อน

ประเทศไทยอยู่ในอนั ดบั ท่ี 42 ในการจดั อนั ดบั 100 ประเทศที่สามารถปรับตวั ในสถานการณ์ “โลก
ร้อน” ซึ่งมหาวิทยาลยั โคลมั เบียสอบถามจากเครือข่ายนักวทิ ยาศาสตร์ท่วั โลก ประเทศที่อยใู่ นสิบอันดับแรกเปน็
ประเทศพฒั นาท่ีร่ารวยและมีความสามารถในการเตรยี มรับมือกับภยั รา้ ยท่ีเกิดขนึ้ จากธรรมชาตอิ ันวปิ ริตได้อยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ ได้แก่ นอรเ์ วย์ ฟนิ แลนด์ สวเี ดน สวิตเซอรแ์ ลนด์ แคนาดา ญี่ปนุ ออสเตรเลยี ฝรัง่ เศส
สหรัฐอเมริกา และเดนมาร์ก ทง้ั สิบประเทศพร้อมท่จี ะรับมือกบั ภาวะคลนื่ ลมพายุพดั กระหน่าความร้อนแลง้
พลงั งานขาดแคลน หากเกดิ ภัยดงั กล่าว หนว่ ยงานสบิ ประเทศจะมีเครื่องมือปอู งกนั ภัย และมีแผนเตรยี มอพยพคน
ใหพ้ น้ จากเขตภยั พิบัติไดท้ ันท่วงที

ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาจากภาวะโลกร้อน เชน่ ด้านเกษตรกรรมจะมีผลผลิตจากนมววั ลดลง
กิจการโคนมและอุตสาหกรรมทเ่ี กยี่ วเนื่องจะได้รบั ความเสยี หาย พชื ผลทางการเกษตรจะลดลง แมลงวนั และ
วชั พืชทจ่ี ะเป็นศตั รูพืชจะเจริญเติบโตอยา่ งรวดเรว็ อุตสาหกรรมการประมง การท่องเที่ยวไดร้ บั ความ
กระทบกระเทือน

ผ้บู ริหารของประเทศตา่ ง ๆ ต่ืนตัวเกย่ี วกับภาวะโลกร้อน มีการกาหนดมาตรฐานการใช้พลงั งานสะอาด
เช่นพลังงานลม พลงั งานแสงอาทิตย์ ก๊าซชวี มวล(Biomass) มีการตั้งกฎกติกา วา่ ด้วยการปลอ่ ยก๊าซพิษจากทอ่
ไอเสียรถยนต์ ซ่ึงถา้ มีการสารวจข้อมูลการวิเคราะห์ คดิ หาสมมติฐาน และศึกษาวจิ ัย พรอ้ มกบั หาวธิ ีการนามาสู่
ภาคปฏิบตั ิ จะเปน็ อีกหนทางหนง่ึ ในการแก้
โลกร้อนทมี่ ีประสิทธภิ าพ
ข้อคาถามทีค่ รคู วรถามนกั เรยี น เพ่อื ใหน้ ักเรยี นพูด และเขียน

1. ใหน้ ักเรียนพดู สรุปใจความสาคญั ของเรื่อง

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผ้เู รยี น

127

2. ตอบคาถามเกยี่ วกับป๎ญหาสาคญั ของเร่ืองนีค้ ืออะไร
2. มขี ้อมลู ใดที่สนบั สนนุ วา่ มปี ๎ญหาในข้อ 2
3. เขียนอธิบายผลกระทบที่ตามมาจากปญ๎ หาในข้อ 2 ทนี่ บั ว่ารา้ ยแรงมากคืออะไร (อธบิ ายเหตุผล)
4. ให้นักเรียนเขยี นตอบวา่ ป๎ญหาในขอ้ 2 จะสามารถแก้ป๎ญหาด้วยวิธีใด อธิบายเหตุผลประกอบให้

ชัดเจน

เกณฑ์การประเมินการพดู

ใหป้ ระเมนิ นักเรยี นรายบคุ คลเป็นรายบุคคล โดยเขยี นเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมนิ ทีเ่ หมาะสม

ที่ รายการประเมิน ผลการประเมนิ
ดี(3) พอใช้(2) ปรับปรงุ (1)

1 ฟง๎ ดู พูดและอ่านอยา่ งมมี ารยาท

2 พูดแสดงความร้สู กึ จากเร่อื งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ น

3 พูดแสดงความรสู้ ึกจากเรอ่ื งที่ฟง๎ ดู และอา่ นอยา่ ง
สมเหตุสมผล

4 พูดแสดงความคดิ จากเรือ่ งที่ฟง๎ ดู และอ่าน

5 พูดแสดงความคิดจากเร่อื งท่ีฟง๎ ดุ และอา่ นอยา่ งสมเหตสุ มผล

รวมคะแนน

สรุป

เกณฑ์การให้คะแนน

ขอ้ ที่ 1 ฟง๎ ดู พูดและอ่านอย่างมีมารยาท

ดี (3) หมายถงึ ฟง๎ ดู พูด และอ่านอยา่ งมีมารยาทไดท้ ้ังหมด

พอใช้ (2) หมายถึง ฟ๎ง ดู พดู และอ่านอยา่ งมีมารยาทได้บางส่วน

ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ไมม่ ีมารยาทในการฟง๎ ดู พูดและอ่าน

ข้อท่ี 2 พดู แสดงความรูส้ ึกจากเรอื่ งที่ฟง๎ ดู และอา่ น

ดี (3) หมายถงึ พูดแสดงความรูส้ ึกจากเรือ่ งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นไดท้ กุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถึง พูดแสดงความรู้สกึ จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้บางประเดน็

ปรับปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพูดแสดงความรู้สกึ จากเรอื่ งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างมีเหตุผล

ขอ้ ที่ 3 พูดแสดงความรสู้ ึกจากเรอ่ื งทฟ่ี ง๎ ดู และอา่ นอยา่ งสมเหตสุ มผล

ดี (3) หมายถึง พดู แสดงความรสู้ ึกจาเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างมีเหตุผล ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดแสดงความรู้สกึ จากเรอื่ งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างมีเหตุผล บางประเดน็

ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ไมส่ ามารถพูดแสดงความร้สู ึกจากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดู และอา่ นได้

ข้อที่ 4 พดู แสดงความคิดจากเร่อื งท่ฟี ง๎ ดู และอา่ น

ดี (3) หมายถงึ พดู แสดงความคดิ จากเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พดู แสดงความคดิ จากเรือ่ งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้บางประเดน็

ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอ่านได้

ขอ้ ที่ 5 พดู แสดงความคดิ จากเรื่องทฟ่ี ง๎ ดุ และอา่ นอย่างสมเหตุสมผล

ดี (3) หมายถงึ พูดแสดงความคดิ จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดแู ละอ่านได้อย่างมีเหตุผลทกุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดแสดงความคิดจากเร่ืองทีฟ่ ๎ง ดูและอา่ นได้อย่างมเี หตุผล ได้บางประเดน็

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไม่สามารถพดู แสดงความคิดจากเร่ืองทฟี่ ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างมเี หตผุ ล

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผเู้ รยี น

สรปุ ผลการประเมนิ 128
ดี คะแนนระหว่าง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหว่าง 6 – 10 ปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 5

แบบบนั ทึกคะแนนการพดู แบบประเมนิ 5/ป5.1

การประเมนิ การส่ือสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5

โรงเรียน................................................................อาเภอ....................................จังหวัด.........

รวมคะแนน
สรุปผล
ท่ี ชอ่ื - ชอื่ สกุล ข้อท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ท่ี 4 ข้อที่ 5

1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชื่อ......................................................ผู้ประเมนิ
(......................................................)

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรียน

129

เกณฑ์การประเมนิ การเขยี น

ใหป้ ระเมินนักเรยี นเปน็ รายบุคคล โดยเขียนเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินทีเ่ หมาะสม

ผลการประเมิน

ที่ รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

(3) (2) (1)

1 เขยี นอย่างมมี ารยาท

2 เขยี นแสดงความรสู้ ึกจากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่าน

3 เขยี นแสดงความรู้สึกจากเร่ืองทีฟ่ ๎ง ดู และอ่านอยา่ งมเี หตุผล

4 เขยี นแสดงความคิดจากเร่ืองที่ฟง๎ ดุและอา่ น

5 เขียนแสดงความคดิ จากเรอ่ื งที่ฟง๎ ดู และอ่านอย่างมเี หตุผล

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑ์การให้คะแนน

ข้อที่ 1

ดี (3) หมายถงึ เขียนอย่างมมี ารยาทได้ทัง้ หมด

พอใช้ (2) หมายถงึ เขยี นอย่างมีมารยาทไดบ้ างครัง้

ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไม่สามารถเขียนอย่างมีมารยาทได้

ข้อท่ี 2

ดี (3) หมายถงึ เขยี นแสดงความรจู้ ากเร่ืองท่ีฟง๎ ดูและอ่านไดท้ ุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ เขียนแสดงความรจู้ ากเรื่องท่ีฟง๎ ดแู ละอ่านไดบ้ างประเดน็

ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไม่สามารถเขยี นแสดงความรู้จากเรอื่ งทฟ่ี ๎ง ดู และอ่านได้

ข้อท่ี 3

ดี (3) หมายถึง เขยี นแสดงความรจู้ ากเร่ืองที่ผัง ดู และอา่ นได้อย่างมีเหตุผล

ทกุ ประเดน็

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนแสดงความร้จู ากเร่ืองทีผ่ ัง ดู และอา่ นได้อย่างมีเหตุผล

บางประเด็น

ปรับปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขยี นแสดงความรู้จากเรื่องที่ฟง๎ ดู และอ่านได้อยา่ งมเี หตผุ ล

ขอ้ ที่ 4

ดี (3) หมายถงึ เขียนแสดงความคิดจาเร่ืองทฟี ๎ง ดู และอ่านได้ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถึง เขยี นแสดงความคิดจาเร่ืองทีฟ๎ง ดู และอ่านได้บางประเด็น

ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไม่สามารถเขียนแสดงความคิดจากเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้

ข้อท่ี 5

ดี (3) หมายถึง เขียนแสดงความคดิ จากเรอ่ื งท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้อยา่ งมีเหตุผล

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผ้เู รียน

130

พอใช้ (2) หมายถึง ทกุ ประเดน็
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ เขียนแสดงความคิดจากเรือ่ งทีฟ่ ง๎ ดู และอ่านได้อย่างมีเหตผุ ลบางประเด็น
สรปุ ผลการประเมิน ไมส่ ามารถเขยี นแสดงความคิดจากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้
ดี คะแนนระหวา่ ง 11-15
พอใช้ คะแนนระหว่าง 5 – 10 ปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 5

แบบประเมิน 5/ป5.2

แบบบันทกึ คะแนนการเขยี น
การประเมินการสื่อสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5
โรงเรียน...............................................................................อาเภอ.........................................จังห วัด.................

ที่ ชือ่ -สกลุ ขอ้ ที่ 1 ข้อที่ 2 ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ที่ 4 ข้อท่ี 5 ข้อที่ 6 รวมคะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 18
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรยี น

131

ลงชอื่ ..............................................ผปู้ ระเมนิ
( ............................................)

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ความสามารถและทกั ษะ : ฟง๎ ดู พดู อ่าน และเขยี นอยา่ งมีมารยาท และพูด เขียนแสดงความคิดเหน็ วิเคราะห์
จากเร่อื งทีฟ่ ๎ง ดู อ่าน อยา่ งสมเหตสุ มผล

คาชีแ้ จง : ให้ครูประเมนิ การพูดและการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนนิ การ ดงั นี้
1. กาหนดให้นกั เรยี นเตรียมบทความ เรอ่ื งสน้ั นทิ าน ขา่ ว เหตุการณ์ หรือบบทรอ้ ยกรองมาใหค้ รู
แลว้ นักเรยี นออกมาพูดแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ จากเร่ืองท่นี กั เรียนเตรียมมา โดยใชภ้ าษา
ที่ถูกตอ้ ง มเี หตุผลน่าเช่อื ถือ
2. ใหค้ รซู ักถามและประเมนิ การพูดของนกั เรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการพดู ท่ีกาหนด
3. ให้นักเรยี นเขียนแสดงความคิดเหน็ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่ืองที่นักเรียนเตรยี มมาโดยใชภ้ าษา
ทีถ่ ูกตอ้ ง มีเหตุผลน่าเชอ่ื ถือ
4. ให้ครปู ระเมนิ การเขียนของนกั เรียน โดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียนที่กาหนด

ตวั อยา่ ง เคร่ืองมือ การประเมินการพดู และการเขยี น
เรื่อง จังหวดั สุพรรณบรุ ี

คาขวญั ประจาจังหวัด :
เมอื งยุทธหตั ถี วรรณคดขี ้นึ ช่อื เลอื่ งลือพระเคร่อื ง ร่งุ เรืองเกษตรกรรม สงู ล้าประวตั ศิ าสตร์
แหล่งปราชญศ์ ิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟง๎

ประวตั คิ วามเปน็ มา :
เมอื งสุพรรณบรุ ี ตัง้ อยทู่ างฝ๎ง่ ขวาของแมน่ ้าสุพรรณบรุ ี (ท่าจนี ) ตัวเมืองในปจ๎ จุบันต้ังอยทู่ ่ีตาบลท่าพี่

เลี้ยงทางฝง๎่ ซ้ายของแม่นา้ สนั นิษฐานวา่ คงย้ายมาเมื่อสมัยตน้ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ เพราะในสมัยกรุงธนบุรีกาลังมีศกึ
พม่าเขา้ มาประชิดติดพนั ยังไมม่ ีเวลาวา่ งทจี่ ะทรงคิดในเร่ืองการสร้างบา้ นเมืองใหมข่ ึ้น ในสมยั รชั กาลที่ 3 แห่ง
กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ เมอื งท่ียา้ ยมาต้งั ข้ึนใหม่น้ี ยงั คงเปน็ ปุาเปลี่ยวอยู่ บ้านเรือนราษฎรก็มีแต่เฉพาะตามริมแม่นา้
เทา่ นนั้ ลึกจากลานา้ เข้าไปยังเปน็ ปุาอยู่แทบทงั้ สิ้น ตามทส่ี ุนทรภู่กวีเอกของไทยไปเทย่ี วเมืองสุพรรณ ยงั พรรณนา
ไว้ในโคลงนริ าศสุพรรณว่า "ได้พบเสอื อย่ใู นบริเวณเมืองสพุ รรณบุรีนี้" ตงั้ แต่สมยั โบราณมีคตถิ ือกนั โดยเคร่งครัดต่อ
กันมาว่า "หา้ มมิให้เจา้ นายเสด็จไปเมืองสพุ รรณ" แตจ่ ะห้ามมาแต่ครัง้ ใดและด้วยเหตผุ ลประการใดนน้ั ไม่มผี ู้
สามารถจะตอบได้ จนกระทัง่ ถงึ ต้นรชั กาลท่ี 5 กย็ งั คงถือกนั เปน็ ประเพณีอยเู่ ชน่ นีเ้ ร่อื ยมา เม่ือสมเดจ็ กรมพระ
ยาดารงราชานุภาพ ดารงตาแหนง่ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย จะเสดจ็ ไปตรวจราชการท่ีเมืองนี้ พระยาอา่ งทอง
ยังทลู หา้ มไว้ โดยถวายเหตุผลว่า เทพารักษห์ ลกั เมืองไมช่ อบเจา้ นาย ถ้าเสดจ็ ไปมักจะทาให้เกิดอันตรายต่างๆ แต่
สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพไม่ทรงเชอื่ ทรงขืนเสด็จไปเมืองสุพรรณบรุ เี ปน็ พระองค์แรก เพอื่ จะทรงตรวจ
ราชการที่เมืองนี้ ควรจะช่วยเหลือให้ความสะดวกอย่างไร หรอื ควรทานุบารุงบ้านเมืองใหเ้ จรญิ รุ่งเรอื งยิง่ ข้ึน
อย่างไร ไมใ่ ช่การไปทาความชั่ว เทพารักษป์ ระจาเมืองคงจะไม่ใหโ้ ทษเป็นแน่ เม่อื เสด็จกลบั จากตรวจราชการคร้ัง

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผูเ้ รียน

132

นนั้ แล้ว กไ็ มท่ รงได้รับภยันตรายประการใด เจา้ นายพระองคอ์ ืน่ ทรงเห็นเชน่ นน้ั กท็ รงเลิกเชื่อถือคตโิ บราณ และ
เรมิ่ เสดจ็ ประภาสกันต่อมาเนืองๆ ครั้นเม่ือ พ.ศ. 2447 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั เสด็จประพาส
เมืองสุพรรณอีกครั้งหนึ่ง ตงั้ แต่นัน้ เป็นมาก็ไม่มีผู้ใดพดู ถึงคตทิ หี่ ้ามเจ้านายมใิ ห้เสด็จไปเมืองสุพรรณอีกเลย ในสมยั
รัชกาลท่ี 5 เมื่อมกี ารปกครองมณฑลเทศาภบิ าล เมอื งสุพรรณก็รวมอยู่ในมณฑลนครชัยศรี ซงึ่ ประกอบดว้ ย เมือง
นครชยั ศรี สพุ รรณบุรี และสมุทรสาคร ในปี พ.ศ. 2438 จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2456 มีการเปลยี่ นชื่อเมอื งมาเปน็
จังหวดั เมอื งสุพรรณบรุ จี ึงเป็นจงั หวดั สุพรรณบรุ ี ต้งั แต่น้ันมา ...
อาณาเขตและการปกครอง :

จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี มพี ื้นท่ที ้งั หมดประมาณ 5358 ตารางกิโลเมตร แบง่ การปกครองออกเป็น 10 อาเภอ
ไดแ้ ก่ อาเภอเมืองสุพรรณบุรี อาเภอบางปลาม้า อาเภอศรปี ระจนั ต์ อาเภอดอนเจดีย์ อาเภออู่ทอง
อาเภอเดิมบางนางบวช อาเภอดา่ นช้าง อาเภอหนองหญ้าไซ อาเภอสองพ่นี ้อง และ อาเภอสามชกุ
อาณาเขตติดต่อ

ทศิ เหนอื ติดต่อกบั จงั หวดั ชัยนาท และจงั หวดั อุทยั ธานี
ทิศใต้ ติดต่อกบั จังหวดั นครปฐม
ทิศตะวันออก ตดิ ต่อกบั จงั หวัดอ่างทอง พระนครศรีอยธุ ยา และสงิ ห์บรุ ี
ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับจงั หวัดกาญจนบรุ ี
เพลงพื้นบา้ นสพุ รรณบรุ ี

มเี พลงพ้นื บา้ นท่รี ้องเล่นกันมาแตส่ มยั โบราณ เชน่ เพลงฉ่อย เพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ เพลงอีแซว ด้วย
สุพรรณบรุ เี ป็นเมืองเกษตรแต่ด้ังเดิม อาชีพหลักคือการทานา และประเพณสี าคัญท่ชี าวสพุ รรณรู้จักดี ก็คือ
ประเพณี "ลงแขกเกยี่ วขา้ ว" คนสพุ รรณเป็นคนที่มีนสิ ัยรื่นเริงชอบความสนกุ สนาน เม่ือออกแรงทานาเกีย่ วขา้ ว ก็
จะหาอะไรท่สี นุกเล่น แก้เหน่ือย ทาใหเ้ กดิ ความคึกคัก ในระหว่างทางานรว่ มกนั ทาให้เกิดเพลงพน้ื บ้านข้นึ
มากมาย ไมว่ ่าจะเป็น เพลงเก่ียวข้าว เพลงเต้นกา เพลงสงฟาง คนสพุ รรณเล่นเพลงเหลา่ นี้มา ต้งั แต่สมัยปุูยา่ ตา
ทวดสบื ตอ่ กันมา และขยายเป็นแหล่งชมุ เพลงใหญ่ของประเทศ การเล่นเพลงพนื้ บ้านนนั้ ไมไ่ ดเ้ ล่นแคค่ นสองคน
แตเ่ ล่นกันเปน็ หมู่คณะ คนไหนเกง่ ก็เปน็ พ่อเพลง แม่เพลง เก่งนอ้ ยหน่อยว่าเองไม่ได้ ก็เป็นลูกคูค่ อยกระทุ้ง บางคน
ก็คอยเคาะจงั หวะ ตเี กราะ เคาะไม้ ตามสนกุ พวกท่ีร้องเล่นไมไ่ ด้ กน็ ่งั ฟ๎งหรือกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะ

ดว้ ยเหตุท่คี นสุพรรณมวี ิถชี ีวิตใกล้ชิดอยู่กบั เพลงพ้ืนบ้าน ทาให้เพลงเปน็ ส่วนหนงึ่ ของชวี ิตจิตวิญญาณ
ของคนสุพรรณเกอื บทกุ คน ทาใหเ้ กิดศิลปนิ พื้นบ้าน ศิลปินแหง่ ชาติ และศิลปนิ ที่มีชอ่ื เสียงมากมาย
ครมู นตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ ปี 2528
แมบ่ ัวผนั จนั ทรศ์ รี ศลิ ปนิ แห่งชาติ (เพลงพ้ืนบ้าน) ปี2533
ครแู จ้ง คลา้ ยสีทอง ศลิ ปินแห่งชาติ ปี 2537
แม่ขวัญจติ ศรีประจันต์ ศลิ ปินแหง่ ชาติ (เพลงพื้นบา้ นแหง่ ยุค) ปี 2539
ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศลิ ปินแหง่ ชาติ (ยอดศลิ ปินเพลงแหล่) ปี 2540
สาเนยี งเสยี ง "เหน่อ"

จดุ เดน่ ของความเป็นคนสพุ รรณ เป็นทร่ี ู้กนั ดีว่าเป็นสาเนียงพดู คนสพุ รรณไปอย่ทู ่ีไหนกต็ าม ผู้คนทั่วไป
จะรไู้ ด้ไมย่ ากนัก จากสาเนียงเสียง "เหน่อ" แต.่ ..ช่างน่าเศร้าใจ ทคี่ นทั่วไปมักจะเหน็ วา่ สาเนยี งเสยี งเหน่อของคน
สพุ รรณนัน้ ฟง๎ แลว้ ชวนขบขัน เขาหาวา่ คนสุพรรณบ้านนอก โง่ เซอ่ เฉ่มิ เชย เลยได้เป็นแคค่ นรับใชใ้ นหนงั ใน
ละครเสียงเหนอ่ ของคนสุพรรณนน้ั นักวิชาการระบุวา่ นา่ จะเป็นสาเนยี งหลวง เปน็ สาเนียงดง้ั เดิมของคนไทย
เพราะเจา้ เมืองสุพรรณเคยเป็นกษัตริยค์ รองกรุงศรีอยุธยา ไดอ้ พยพผู้คนจากสุพรรณบุรี ไปอยู่ที่ราชธานศี รีอยุธยา
ดว้ ย ภาษาท่ีใชใ้ นราชสานกั สมัยน้ัน จึงนา่ จะเปน็ ภาษาที่คนสุพรรณพดู จาอยู่เดิม เมือ่ สิ้นอยุธยา ราชธานีย้ายมา

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรยี น

133

อยู่ท่ีกรุงธนบุรีและพระนคร กม็ ีคนจนี จานวนมากมาตั้งหลักแหล่งทามาค้าขายกัน ทาให้ภาษาคนกรงุ ท่ีเคยเป็น
สาเนยี งสพุ รรณก็เพยี้ นผนั ปนกับสาเนียงจีน กลายเปน็ สาเนียงคนบางกอกไป

เสยี งเหน่อสุพรรณที่ยังฝ๎งแน่นกับคนพื้นถน่ิ บางคนหาว่านา่ ขบขัน แท้จรงิ นัน้ เปน็ สาเนียงของความเป็น
ไทย เป็นเสน่หเ์ ปน็ ความจรงิ ใจ ทจ่ี ะไมล่ บเลือนไปจากหัวใจ และวิถขี องคนสุพรรณ

ตัวอยา่ งข้อคาถามท่ีครูควรถามนกั เรยี น เพื่อใหน้ ักเรียนพูด และเขียน

1. นักเรียนพูดสรปุ ใจความสาคัญของจังหวัดสพุ รรณบุรี

2. ตอบคาถามเกี่ยวกบั เร่ืองน้ี เชน่ อาณาเขตของจงั หวดั สุพรรณบรุ ีติดต่อกับจงั หวัดใดบ้าง ?

ศิลปินแหง่ ชาตทิ ่เี ปน็ คนสุพรรณมีใครบ้าง? ถ้าคนสุพรรณไม่มีสาเนียงเสยี ง “เหนอ่ ” จะเปน็ อยา่ งไร?

3. ใหข้ อ้ มลู และเหตุผลสนบั สนุนขอ้ คาถามในข้อ 2 และขอ้ คาถามอน่ื ๆ ได้

4. เขยี นและพดู อธิบาย และให้เหตุผลประกอบ เกีย่ วกบั คาขวัญของจังหวัดสุพรรณบุรี

เกณฑ์การประเมินการพดู

ให้ประเมินการพูดของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล โดยเขยี นเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินทเ่ี หมาะสม

ผลการประเมิน

ที่ รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

(3) (2) (1)

1 ฟง๎ ดู พูด และอา่ นอยา่ งมมี ารยาท

2 พดู แสดงความคิดเหน็ จากเรือ่ งทฟ่ี ง๎ ดู และอา่ น

3 พดู แสดงความคดิ เห็นจากเรือ่ งท่ีฟง๎ พดู และอา่ นอยา่ งสมเหตุสมผล

4 พูดวเิ คราะห์จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอ่าน

5 พดู วิเคราะห์ จากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอ่านอย่างสมเหตสุ มผล

รวมคะแนน

สรุป

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ขอ้ ท่ี 1

ดี (3) หมายถึง ฟง๎ ดู พดู และอ่านอย่างมีมารยาททุกคร้ัง

พอใช้ (2) หมายถึง ฟง๎ ดู พูด และอ่านอย่างมีมารยาทบางครงั้

ปรับปรุง(1) หมายถึง ไม่มีมารยาทในการฟ๎ง ดู พดู และอ่าน

ข้อที่ 2

ดี (3) หมายถึง พดู แสดงความคดิ เหน็ จากเรือ่ งที่ฟง๎ ดู และอ่านได้ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถึง พดู แสดงความคดิ เหน็ จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้อยา่ งสมเหตุสมผลบางประเดน็

ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไม่สามารถพดู แสดงความคดิ เห็นจากเรอื่ งท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้

ขอ้ ท่ี 3

ดี (3) หมายถงึ พูดแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดู และอา่ นไดอ้ ยา่ งสมเหตสุ มผลทกุ ประเดน็

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดแสดงความคดิ เห็นจากเรือ่ งที่ฟ๎ง ดู และอ่านไดบ้ างประเดน็

ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถพูดแสดงความคิดเหน็ จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้

ข้อที่ 4

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผูเ้ รยี น

134

ดี (3) หมายถึง พดู วิเคราะห์จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างสมเหตสุ มผลทกุ ประเด็น
พอใช้ (2) หมายถึง พดู วเิ คราะห์จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้บางประเด็น
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถพดู วเิ คราะห์จากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างสมเหตุสมผล
ขอ้ ท่ี 5
ดี (3) หมายถงึ พดู วิเคราะหจ์ ากเรื่องท่ีฟง๎ ดู และอ่านไดอ้ ยา่ งสมเหตสุ มผลทุกประเด็น
พอใช้ (2) หมายถงึ พูดวเิ คราะหจ์ ากเร่ืองทฟ่ี ๎ง ดู และอา่ นได้อยา่ งสมเหตสุ มผลบางประเดน็
ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพดู วเิ คราะห์จากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้อย่างสมเหตสุ มผล
สรปุ ผลการประเมนิ
ดี คะแนนระหวา่ ง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 6 – 10 ปรับปรงุ คะแนนระหวา่ ง 1 – 5

แบบบนั ทึกคะแนนการพูด แบบประเมิน 5/ป6.1

การประเมนิ การส่ือสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6

โรงเรยี น..............................................................อาเภอ.......................................จงั หวัด...........

ที่ ช่ือ - ช่อื สกลุ ขอ้ ท่ี 1 ขอ้ ท่ี 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ขอ้ ที่ 5 รวมคะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 15
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรียน

135

20

ลงชือ่ ......................................................ผปู้ ระเมิน
(......................................................)

เกณฑ์การประเมนิ การเขียน

ให้ประเมนิ นักเรียนเปน็ รายบุคคล โดยเขยี นเครอ่ื งหมาย  ลงในช่องผลการประเมินท่เี หมาะสม

ผลการประเมนิ

ที่ รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ

(3) (2) (1)

1 เขยี นอยา่ งมีมารยาท

2 เขยี นแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟง๎ ดู และอ่าน

3 เขยี นแสดงความคดิ เห็นจากเรื่องทฟี่ ง๎ ดู และอ่านอยา่ งสมเหตสุ มผล

4 เขียนวิเคราะหจ์ ากเร่ืองท่ฟี ๎ง ดู และอ่าน

5 เขยี นวเิ คราะห์จากเรอ่ื งทฟี่ ๎ง ดู และอ่านอยา่ งสมเหตสุ มผล

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ข้อท่ี 1

ดี (3) หมายถงึ เขียนอย่างมีมารยาททุกครัง้

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนอย่างมีมีมารยาทบางครั้ง

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในการเขียน

ข้อที่ 2

ดี (3) หมายถงึ เขียนแสดงความคดิ เห็นจากเรอ่ื งที่ฟง๎ ดู และอา่ นไดท้ ุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนแสดงความคดิ เหน็ จากเร่อื งที่ฟง๎ ดแู ละอา่ นได้อยา่ งสมเหตสุ มผล

บางประเดน็

ปรบั ปรงุ (1) หมายถึง ไมส่ ามารถเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดูและอ่านได้

ขอ้ ท่ี 3

ดี (3) หมายถึง เขียนแสดงความคิดเหน็ จากเร่อื งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้อยา่ ง

สมเหตสุ มผล

พอใช้ (2) หมายถงึ เขียนแสดงความคดิ เหน็ จากเรื่องที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้บางประเดน็

ปรับปรงุ (1) หมายถึง ไม่สามารถเขยี นแสดงความคิดเห็นจากเร่อื งทฟ่ี ๎ง ดู และอ่านได้

อยา่ งสมเหตุสมผล

ข้อท่ี 4

ดี (3) หมายถงึ เขียนวเิ คราะหจ์ ากเรือ่ งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นไดท้ ุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนวิเคราะห์จากเร่อื งท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้บางประเด็น

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขยี นวิเคราะห์จากเรือ่ งท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผูเ้ รียน

รวมคะแนน 136
สรุปผล
ขอ้ ท่ี 5
ดี (3) หมายถึง เขยี นวเิ คราะหจ์ ากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้สมเหตุสมผลทุกประเด็น
พอใช้ (2) หมายถึง เขยี นวิเคราะห์จากเร่อื งทฟ่ี ๎ง ดู และอ่านได้อย่างสมเหตสุ มผลบางประเด็น
ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขยี นวิเคราะห์จาเรื่องที่ฟง๎ ดู และอ่านได้อยา่ งสมเหตสุ มผล
สรุปผลการประเมิน
ดี คะแนนระหว่าง 11 – 15 พอใช้ คะแนนระหว่าง 6 – 10 ปรบั ปรุง คะแนนระหวา่ ง 1 – 5

แบบประเมนิ 5/ป6.2
แบบบนั ทึกคะแนนการเขียน
การประเมนิ การสื่อสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
โรงเรยี น.......................................................................อาเภอ.........................................จงั หวัด..............

ท่ี ชอ่ื -สกลุ ขอ้ ที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อท่ี 4 ขอ้ ท่ี 5

123123123123123
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรยี น

137

ลงชื่อ..............................................ผ้ปู ระเมนิ
( ............................................)

ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1

ความสามารถและทักษะ : ฟ๎ง ดู พูด อ่าน และเขยี นอย่างมมี ารยาท และพดู เขยี นอธิบายชี้แจงจากเรื่องที่ฟ๎ง
ดู และอา่ นไดห้ ลายแง่มมุ อยา่ งสมเหตุสมผล

คาชี้แจง : ใหค้ รปู ระเมนิ การพูดและการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนินการ ดังนี้

1. กาหนดให้นักเรยี น ฟง๎ อ่าน ข่าว บทความ เรื่องสัน้ สารคดี นทิ าน เหตุการณ์
บทร้อยกรอง

2. ให้นกั เรียนออกมาพดู อธบิ ายช้ีแจงแสดงความคดิ เห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ จากเรื่องท่ีฟ๎ง และอา่ น โดยใช้
ภาษาท่ถี ูกต้อง มเี หตผุ ลน่าเชือ่ ถือ

3. ใหค้ รูประเมินการพูดของนักเรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การพูดที่กาหนด
4. ให้นกั เรยี นเขยี น อธบิ ายชี้แจงแสดงความคดิ เห็น วิเคราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่ืองท่ีฟง๎ และอ่าน โดยใช้

ภาษาทถ่ี ูกต้อง มีเหตุผลนา่ เช่ือถอื
5. ให้ครปู ระเมินการเขยี นของนักเรียน โดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นที่กาหนด

ตัวอยา่ ง เคร่ืองมือประเมินการพูดและการเขยี น

เรอ่ื ง การอนุรักษ์ปา่ ชายเลน

ปาุ ชายเลนเปน็ ปาุ ไม้ท่ีมรี ะบบนิเวศอนั อดุ มสมบรู ณ์มากท่ีสุดและยังเปน็ ท่ีอยู่อาศัยของพืช
สัตว์น้าและเป็นแหล่งประกอบอาชีพของชาวประมงหรือชาวบ้าน ในแถบละแวกน้ันๆ ปุาชายเลนมีต้นไม้
หลากหลายชนิดข้นึ ปะปนกันอยู่มากมาย เช่น ปุาจาก ปุาแสม ปุาโกงกาง ปุาลาพู รังกะแท้ โปรง ฝาด เปูง เรา
มักพบปุาจากอยูร่ ิมฝง่๎ คลองทเี่ ป็นน้ากรอ่ ยบรเิ วณปากแม่น้า ต้นแสมมีลักษณะเช่นเดียวกับไม้โกงกางข้ึนอยู่บริเวณ
ริมฝ่ง๎ ลาคลองเรียงตัวกนั อยา่ งหนาแนน่ มีรากอากาศโผลพ่ ้นผิวนา้ ข้ึนมาจะเห็นได้ชัดเม่ือน้าทะเลลดลง ปุาแสมและ
ปุาโกงกางจะชว่ ยลดแรงพายจุ ากทะเลท่พี ัดเขา้ ส่ฝู ง่๎ ใหล้ ดความแรงลงได้ ปลากะรัง เป็นปลาทะเลท่ีอาศัยบริเวณปุา
ชายเลนเปน็ แหล่งหาอาหาร ผสมพนั ธ์ุ วางไข่ และเจริญเติบโตในจานวนนี้มีปลาเศรษฐกิจท่ีสาคัญได้แก่ ปลากะรัง
ปลากะพง เป็นต้น

การเพาะเล้ียงปลาในกระชัง แหล่งน้าในบริเวณปุาชายเลนมีแพลงตอนท่ีอุดมสมบรูณ์ อันเนื่องมาจากดิน
ตะกอนในบริเวณปุามีแร่ธาตุมากและเป็นอาหารของสัตว์น้าเราจึงสามารถเพาะเลี้ ยงสัตว์น้าในกระชังได้ผลดีและ
เป็นการประหยัดอาหารของสัตว์ด้วย การทานากุ้ง กุ้งกุลาดา กุ้งแช่บ๊วย เป็นสัตว์น้าท่ีอาศัยอยู่ในปุาชายเลนตาม
ธรรมชาติมาก่อน และในบางพ้ืนที่ของปุาชายเลนท่ีเสื่อมโทรมจึงสามารถนามาทานาเพาะเลี้ยงกุ้งเป็นสัตว์น้า

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผู้เรยี น

138
เศรษฐกิจที่ทารายได้เขา้ ประเทศปีละหลายพันลา้ นบาท กุง้ กุลาดาเป็นสัตว์น้า ที่พบได้บ่อยในบริเวณปุาชายเลน
ลูกก้งุ ได้ใช้บริเวณปาุ ชายเลนเปน็ ท่หี าอาหารและเจริญเตบิ โตและอพยพเคล่ือนย้ายท่ีอยู่ตามการข้ึนลงของน้าทะเล
ปทู ะเล เปน็ ปเู ศรษฐกิจนิยมนามาบรโิ ภคเปน็ อาหารมีถ่ินอาศัย อยู่ตามพ้ืนโคนไม้ในปุาชายเลนโดยการขุดรูหรือ
ฝ๎่งตัวอยู่ตามพื้นโคลน แหล่งประมงเหตุท่ีปุาชายเลนเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรสัตว์น้าจึงก่อให้เกิด
อาชีพประมงขนึ้ หลายอย่าง เช่น การใช้ลอบดักจับปูและปลา ถ่ินอาศัยของสัตว์ปุาปุาชายเลนเป็นปุาดิบไม่ผลัดใบ
และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงท่ีมีอาชีพจับสัตว์น้าบริเวณน้ันมักตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ตามชายปุาริมน้าโดย
การตดั ไม้โกงกางมาทาเล้านาตน้ จากมาทาหลังคาอย่างไรก็ตามปุาชายเลนถูกจัดเป็นปุาสงวนแห่งชาติราษฎรจึงไม่
มีสทิ ธ์ิในทีด่ นิ หรือครอบครองเป็นของตน ปุาทถี่ ูกรกุ ราน ประเทศชาติท่ีเจริญข้ึนทางวัตถุและเทคโนโลยีมากเท่าใด
ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบสมดุลตามธรรมชาติมากเท่าน้ัน เช่น ปุาชายเลนบรเิ วณปากแมน่ ้ามีถุงพลาสติกและขยะ
มากมายกองทับถมอยู่ในปุาสภาพปุาตามธรรมชาติจึงเปล่ียนไปและแน่นอนย่อมส่งผลในอนาคตท่ีจะตามมาก็คือ
(ไม่มปี าุ และไม่มีทรพั ยากรสตั ว์น้าจากปาุ ชายเลนอีกเราเห็นแล้วใช่ไหมว่ามนุษย์เราทาร้ายส่ิงแวดล้อมมากแค่ไหน
ด้วยนิสัยที่เห็นแก่ตัวนั้นเองเพราะฉะน้ันเราทุกคนจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ปุาชายเลนโดยการไม่ท้ิงขยะ ไม่ตัดไม้ไม่
ครอบครองไวเ้ ปน็ ของตน (ปาุ ชายเลนเป็นของสว่ นรวมไม่ใช่ของสว่ นตัว)

ขอ้ คาถามที่ครูควรถามนกั เรียน เพ่ือใหน้ ักเรียนพูด และเขยี น
ให้นักเรยี นพดู สรปุ ใจความสาคัญของเร่อื ง

1. ตอบคาถามปุาชายเลนมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร
2. ตอบคาถามสาเหตุทส่ี าคญั ทท่ี าใหป้ ุาชายเลนถูกทาลายคืออะไร
3. นกั เรยี นตอบคาถามผลกระทบสาคัญที่เกิดจากปุายชายเลนถูกทาลายคอื อะไร จงเรียงลาดับ

ผลกระทบที่รนุ แรงจากมากทีส่ ุดไปน้อยทสี ุด พร้อมทั้งอธบิ ายเหตุผล
4. นักเรียนมวี ิธีการแกป้ ๎ญหาการทาลายปุาชายเลนไดอ้ ยา่ งไร
5. ให้นกั เรียนค้นคว้าความรู้เพิม่ เติมจากหนงั สืออืน่ และแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ แลว้ เขียนโครงการในการ

แกป้ ญ๎ หาปุาชายเลนถูกทาลายอย่างยอ่ ๆ

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รียน

139

เกณฑ์การประเมนิ การพดู
ใหป้ ระเมินนักเรยี นเป็นรายบุคคล โดยเขยี นเคร่อื งหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินทเ่ี หมาะสม

ท่ี รายการประเมนิ ผลการประเมนิ

1 ฟ๎ง ดู พูดและอา่ นอยา่ งมมี ารยาท ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
2 พดู อธิบายช้ีแจงเร่ืองที่ฟง๎ ดแู ละอา่ นได้ (3) (2) (1)
3 พดู อธิบายชี้แจงเรื่องท่ีฟง๎ ดู และอ่านไดห้ ลายแง่มมุ
4 พูดอธิบาย ชีแ้ จง เรื่องท่ีฟง๎ ดูและอา่ นได้หลายแง่มมุ อยา่ ง

สมเหตุสมผล
รวมคะแนน
สรุป

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ฟ๎ง ดู พูดและอา่ นอย่างมีมารยาททุกคร้งั
ข้อที่ 1 ฟง๎ ดู พดู และอ่านอย่างมีมารยาทบางครง้ั
ดี (3) หมายถงึ ไมม่ ีมารยาทในการ ฟ๎ง ดู พูดและอา่ น
พอใช้ (2) หมายถึง
ปรับปรุง(1) หมายถงึ พดู อธบิ ายชี้แจงเรื่องท่ีฟง๎ ดู และอ่านได้ทุกประเด็น
ข้อที่ 2 พูดอธบิ ายชี้แจงเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้หลายแง่มุมบางประเด็น
ดี (3) หมายถงึ ไมส่ ามารถพูดอธิบายชี้แจงเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้หลายแง่มมุ
พอใช้ (2) หมายถึง
ปรับปรุง(1) หมายถึง พดู อธบิ ายชแ้ี จงเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอ่านไดห้ ลายแง่มุมทุกประเดน็
ข้อที่ 3 พูดอธบิ ายชี้แจงเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้หลายแง่มุมบางประเดน็
ดี (3) หมายถงึ ไมส่ ามารถพูดอธบิ ายชแี้ จงเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้หลายแงม่ ุม
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรับปรุง(1) หมายถงึ พูดอธิบายชแี้ จงเร่ืองท่ีฟง๎ ดูและอ่านได้หลายแง่มมุ อย่าง
ขอ้ ที่ 4 สมเหตุสมผลทุกประเดน็
ดี (3) หมายถงึ พูดอธบิ ายชแ้ี จงเรื่องที่ฟ๎ง ดูและอา่ นได้หลายแง่มมุ บางประเดน็
ไม่สามารถพดู อธิบายชี้แจง เร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นได้หลายแง่มมุ
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรับปรุง(1) หมายถงึ ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรียน

140

สรุปผลการประเมนิ
ดี คะแนนระหว่าง 9 – 12 พอใช้ คะแนนระหว่าง 5-8 ปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 4

แบบประเมนิ 5/ม.1.1

แบบบันทึกคะแนนการพูด
การประเมินการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรค์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรยี น.............................................................อาเภอ.................................จังหวัด.......................

ท่ี ช่อื -สกุล ขอ้ ท่ี 1 ขอ้ ท่ี 2 ข้อท่ี 3 ขอ้ ท่ี 4 รวม
คะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 12

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชอื่ ......................................................ผปู้ ระเมิน

ติดตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพัฒนาผเู้ รียน

141

(......................................................)

เกณฑ์การประเมนิ การเขียน
ให้ประเมินนักเรยี นรายบคุ คล โดยขีดเครอ่ื งหมาย / ลงในช่องผลการประเมินท่เี หมาะสม

ท่ี รายการประเมนิ ผลการประเมิน

1 เขยี นอย่างมีมารยาท ดี พอใช้ ปรับปรงุ
2 เขียนอธบิ ายช้แี จงเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้ (3) (2) (1)
3 เขียนอธิบายช้ีแจงเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้หลายแง่มมุ
4 เขียนอธบิ ายช้ีแจงเรื่องทฟ่ี ๎ง ดูและอ่านได้หลายแง่มุมอย่างสมเหตุสมผล

รวมคะแนน
สรุป

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เขียนอย่างมีมารยาททกุ ครัง้
ขอ้ ที่ 1 เขียนอย่างมีมารยาทบางครั้ง
ดี (3) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในการเขียน
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรับปรุง(1) หมายถึง เขยี นอธบิ ายช้ีแจงเร่ืองที่ฟ๎ง ดูและอ่านได้ทุกประเด็น
ข้อท่ี 2 เขยี นอธบิ ายชแ้ี จงเรื่องท่ีฟ๎ง ดูและอา่ นไดบ้ างประเดน็
ดี (3) หมายถงึ ไมส่ ามารถเขียนอธิบายชี้แจงเร่ืองที่ฟง๎ ดแู ละอา่ นได้
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ เขยี นอธิบายชีแ้ จงเร่ืองท่ีฟง๎ ดู และอา่ นได้หลายแง่มมุ ทุกประเด็น
ขอ้ ที่ 3 เขียนอธบิ ายชีแ้ จงเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอา่ นได้หลายแง่มุมบางประเดน็
ดี (3) หมายถึง ไม่สามารถเขยี นอธิบายชแ้ี จงเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้หลายแง่มุม
พอใช้ (2) หมายถงึ
ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ เขยี นอธบิ ายชี้แจงเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอ่านได้หลายแง่มุมอยา่ ง
ขอ้ ท่ี 4 สมเหตุสมผลทุกประเด็น
ดี (3) หมายถงึ เขียนอธิบายชแ้ี จงเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้หลายแง่มมุ อยา่ ง
สมเหตสุ มผลบางประเด็น
พอใช้ (2) หมายถึง ไมส่ ามารถเขยี นอธิบายช้แี จงเร่อื งที่ฟง๎ ดู และอ่านได้หลายแง่มุมอย่าง
สมเหตุสมผล
ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ
ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผ้เู รยี น

142

สรุปผลการประเมนิ
ดี คะแนนระหว่าง 9-12 พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 5-8 ปรบั ปรงุ คะแนนระหวา่ ง 1 – 4

แบบประเมิน 5/ม.1.2

แบบบนั ทึกคะแนนการเขียน
การประเมินการส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1
โรงเรยี น......................................................อาเภอ...................................จังหวดั ...............

ที่ ช่อื -สกุล ขอ้ ท่ี 1 ข้อที่ 2 ขอ้ ท่ี 3 ข้อท่ี 4 รวม
คะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 12

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงชื่อ......................................................ผ้ปู ระเมนิ

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพฒั นาผเู้ รียน

143

(......................................................)

ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2

ความสามารถและทักษะ :ฟง๎ ดู พูด อ่าน เขียนอยา่ งมีมารยาท และพดู เขยี นโต้แย้งจากเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดูและอ่านได้
อยา่ งสมเหตุ สมผล ที่ไมเ่ ปน็ โทษต่อตนเองและผู้อนื่

คาช้ีแจง : ใหค้ รปู ระเมิน การพูดและการเขียน ของนักเรียน โดยดาเนินการ ดงั น้ี
1. กาหนดใหน้ ักเรยี นอา่ นบทความ เร่อื งสัน้ นิทาน ขา่ ว เหตุการณ์ หรอื บบทร้อยกรอง

แล้วนกั เรยี นออกมาพูดอธิบายชแี้ จงแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ จากเรื่อง โดยใชภ้ าษาทถ่ี ูกต้อง มเี หตผุ ล
น่าเชือ่ ถือ

2. ให้ครซู ักถามและประเมินการพดู ของนกั เรยี น โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การพดู ท่ีกาหนด
3. ให้นักเรียนเขยี นอธบิ ายชีแ้ จงแสดงความคิดเหน็ วเิ คราะห์ วิจารณ์ จากเรอ่ื งโดยใช้
ภาษาท่ถี ูกตอ้ ง มเี หตผุ ลน่าเชอื่ ถือ
4. ใหค้ รูประเมินการเขยี นของนกั เรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การเขยี นท่ีกาหนด

ตัวอย่าง เคร่ืองมือประเมินการพดู และการเขยี น

เรอ่ื ง นา้
น้ามีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์ มนุษย์ใช้น้าในการอุปโภค บริโภค ใช้ในทางการเกษตร เป็นแหล่งอาหาร
ของสัตว์นา้ และพืชน้า ใช้เพาะเลย้ี งปลา ปู ก้งุ หอย การอตุ สาหกรรม การคมนาคมขนส่ง การผลติ กระแสไฟฟูา
ป๎จจุบนั น้มี ีปญ๎ หาน้าเสยี หรือมลพิษทางนา้ กล่าวคอื มสี ารมลพิษปนเปือ้ นเกนิ ขีดจากัดซ่ึงจะทาให้มนุษย์
สัตว์ พืช ได้รับอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อม สาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทาให้น้าเน่าเสียได้แก่ การระบานน้าทิ้งจาก
ชุมชน จากโรงงานอุตสาหกรรม จากการเกษตรลงสู่แม่น้า และแหล่งน้า โดยปราศจากการขจัดสารพิษออก
ก่อน นอกจากนั้นยังมีมลพิษจากเร่ือบรรทุกสินค้าหรือน้ามัน มีน้ามันรั่วไหล ทาให้เกิดการสูญเสียการใช้
ประโยชนจ์ ากแหลง่ นา้ ทาใหส้ ญู เสียทางเศรษฐกจิ อนั ตรายต่อสุขภาพอนามัย
มลพิษของน้าท่ีมีต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ทาให้น้ามีกลิ่นและรสเปล่ียนไป ทาให้เกิดการแพร่กระจายของ
เช้ือโรค ทาให้ประมาณออกซิเจนลดลง มีผลต่อสัตว์และพืชน้าไม่มีออกซิเจนในการหายใจ พืชและสัตว์ก็จะตาย
ทาลายความสวยงามของแหล่งน้า
ขอ้ คาถามท่ีครคู วรถามนักเรียน เพื่อให้นักเรียนพูด และเขียน
1. ใหน้ กั เรยี นพูดสรปุ ใจความสาคัญของเร่ือง
2. ตอบคาถามนา้ มปี ระโยชน์อยา่ งไร
3. ตอบคาถามสาเหตุที่สาคญั ท่ีทาให้เกิดน้าเสียคืออะไร
4. นกั เรียนตอบคาถามผลกระทบสาคัญทีเ่ กิดจากน้าเสยี คืออะไร จงเรยี งลาดับผลกระทบทร่ี นุ แรงจากมาก
ท่สี ุดไปน้อยทสี ดุ พร้อมท้งั อธบิ ายเหตุผล

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผ้เู รยี น

144

5. นกั เรยี นมีวิธีการแก้ปญ๎ หาน้าเสียไดอ้ ย่างไร
6. ใหน้ ักเรยี นค้นควา้ ความรู้เพ่ิมเติมจากหนังสืออ่นื และแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ แล้วเขียนโครงการในการ

แก้ป๎ญหาน้าเสียอย่างย่อ ๆ

เกณฑ์การประเมินการพดู
ให้ประเมินนักเรยี นเป็นรายบุคคล โดยเขียนเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินทเ่ี หมาะสม

ผลการประเมิน

ท่ี รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(3) (2) (1)

1 ฟ๎ง ดู พดู และอา่ นอยา่ งมีมารยาท

2 พดู โตแ้ ยง้ จากเรอ่ื งท่ฟี ง๎ ดูและอ่าน

3 พูดโตแ้ ยง้ จากเรื่องที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างสมเหตุสมผล

4 พดู โตแ้ ย้งจากเรื่องทฟ่ี ง๎ ดู และอ่านได้อย่างสมเหตสุ มผล

ทีไ่ มเ่ ปน็ โทษตอ่ ตนเองและผู้อื่น

รวมคะแนน

สรุป

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ข้อที่ 1

ดี (3) หมายถึง ฟ๎ง ดู พูด และอา่ นอยา่ งมมี ารยาททุกครัง้

พอใช้ (2) หมายถึง ฟง๎ ดู พูด และอ่านอยา่ งมีมารยาทบางครงั้

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไมม่ ีมารยาทในการฟ๎ง ดู พูด และอา่ น

ขอ้ ท่ี 2

ดี (3) หมายถึง พูดโตแ้ ย้งจากเรอ่ื งทฟ่ี ง๎ ดูและอ่านได้ทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พดู โต้แยง้ จากเรื่องที่ฟ๎ง ดูและอา่ นได้บางประเดน็

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไม่สามารถพดู โต้แย้งจากเร่ืองท่ฟี ง๎ ดูและอ่านได้

ข้อที่ 3

ดี (3) หมายถึง พูดโตแ้ ย้งจากเร่ืองท่ฟี ง๎ ดู และอ่านได้อย่างสมเหตุสมผล

ทุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดโต้แยง้ จากเรื่องทีฟ่ ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างสมเหตุสมผลบางประเด็น

ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไมส่ ามารถพูดโต้แย้งจากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู และอา่ นได้อย่างสมเหตุสมผล

ข้อท่ี 4

ดี (3) หมายถงึ พดู โต้แยง้ จากเรื่องทฟ่ี ง๎ ดู และอ่านได้อย่างสมเหตสุ มผล

ไมเ่ ป็นโทษต่อตนเองและผู้อ่นื ทกุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดโตแ้ ยง้ จากเรอ่ื งทฟ่ี ง๎ ดู และอ่านได้อย่างสมเหตสุ มผล

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจดุ เนน้ การพฒั นาผูเ้ รยี น

145

ไม่เปน็ โทษต่อตนเองและผู้อ่นื บางประเดน็
ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไม่สามารถพูดโตแ้ ย้งจากเร่ืองทฟ่ี ๎ง ดู และอา่ นได้อยา่ ง

สมเหตสุ มผล ไมเ่ ปน็ โทษต่อตนเองและผอู้ ืน่
สรปุ ผลการประเมนิ

ดี คะแนนระหว่าง 9 – 12 พอใช้ คะแนนระหว่าง 5 – 8 ปรบั ปรงุ คะแนนระหว่าง 1 – 4

แบบประเมิน 5/ม.2.1

แบบบนั ทึกคะแนนการพูด
การประเมนิ การสื่อสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2
โรงเรยี น......................................................อาเภอ...................................จงั หวดั ..............

ท่ี ชือ่ -สกลุ ขอ้ ท่ี 1 ข้อที่ 2 ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ที่ 4 รวม
คะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 12

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผ้เู รยี น

146

ลงชอ่ื ......................................................ผปู้ ระเมิน

(......................................................)

เกณฑ์การประเมนิ การเขียน
ให้ประเมินนักเรยี นเป็นรายบุคคล โดยเขยี นเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินท่ีเหมาะสม

ผลการประเมิน

ที่ รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(3) (2) (1)

1 เขยี นอย่างมีมารยาท

2 เขียนอธบิ ายชี้แจงเร่ืองท่ีฟง๎ ดูและอ่านได้

3 เขยี นอธิบายชแ้ี จงเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอ่านไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล

4 เขยี นอธบิ ายชี้แจงเรื่องท่ีฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างสมเหตุสมผล

ที่ไมเ่ ป็นโทษต่อตนเองและผู้อ่ีน

รวมคะแนน

สรุป

เกณฑก์ ารให้คะแนน

ขอ้ ที่ 1

ดี (3) หมายถงึ เขียนอย่างมีมารยาททุกคร้ัง

พอใช้ (2) หมายถึง เขียนอย่างมมี ารยาทบางคร้ัง

ปรบั ปรงุ (1) หมายถงึ ไมม่ ีมารยาทในการเขยี น

ข้อท่ี 2

ดี (3) หมายถงึ เขียนอธิบายชแี้ จงเร่ืองท่ีฟ๎ง ดูและอา่ นไดท้ ุกประเดน็

พอใช้ (2) หมายถงึ เขียนอธบิ ายชี้แจงเรื่องที่ฟง๎ ดูและอ่านได้บางประเดน็

ปรับปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถเขียนอธิบายช้แี จงเรอื่ งท่ีฟ๎ง ดแู ละอ่านได้

ขอ้ ท่ี 3

ดี (3) หมายถงึ เขียนอธบิ ายชี้แจงเร่ืองท่ีฟ๎ง ดูและอา่ นได้อยา่ งสมเหตุสมผล

ไดท้ กุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ เขียนอธิบายชแี้ จงเร่ืองที่ฟง๎ ดูและอา่ นได้อยา่ งสมเหตุสมผล

บางประเดน็

ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ ไม่สามารถเขยี นอธบิ ายชี้แจงเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดูและอ่านได้อย่างสมเหตุสมผล

ขอ้ ท่ี 4

ดี (3) หมายถงึ เขียนอธบิ ายชแ้ี จงเรื่องท่ีฟ๎ง ดูและอ่านได้อยา่ งสมเหตุสมผล

ทีไ่ ม่เปน็ โทษต่อตนเองและผู้อ่ืนไดท้ ุกประเด็น

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รยี น

147

พอใช้ (2) หมายถึง เขยี นอธิบายชแ้ี จงเรื่องที่ฟง๎ ดูและอ่านได้อย่างสมเหตุสมผล
ท่ีไม่เป็นโทษต่อตนเองและผู้อ่ืนไดบ้ างประเดน็

ปรับปรงุ (1) หมายถึง ไมส่ ามารถเขยี นอธบิ ายชแ้ี จงเร่อื งท่ีฟ๎ง ดแู ละอ่านได้อยา่ ง
สมเหตุสมผลทไ่ี มเ่ ปน็ โทษต่อตนเองและผู้อน่ื

สรุปผลการประเมิน
ดี คะแนนระหว่าง 9-12 พอใช้ คะแนนระหว่าง 5-8 ปรบั ปรุง คะแนนระหว่าง 1 –4

แบบประเมิน 5/ม.2.2

แบบบันทึกคะแนนการเขยี น
การประเมนิ การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2
โรงเรียน......................................................อาเภอ...................................จงั หวดั ..................

ท่ี ชอ่ื -สกลุ ข้อท่ี 1 ข้อท่ี 2 ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ท่ี 4 รวม
คะแนน
สรุปผล
1 2 3 1 2 3 1 2 3 1 2 3 12

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ตดิ ตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รยี น

148

ลงชอื่ ..............................................ผปู้ ระเมนิ
( ............................................)

ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3

ความสามารถและทักษะ : ฟ๎ง ดู พดู อา่ น เขียน อยา่ งมมี ารยาท และพูด เขยี น วิเคราะห์ วจิ ารณ์จาก
เร่ืองทฟ่ี ๎ง ดู และอ่าน อยา่ งมเี หตผุ ลท่ีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

คาชแ้ี จง : ให้ครปู ระเมนิ การพูดและการเขยี น ของนักเรียน โดยดาเนนิ การ ดงั น้ี
1. กาหนดใหน้ ักเรยี นอ่านบทความ เร่อื งสัน้ นิทาน ขา่ ว เหตกุ ารณ์ หรอื บบทร้อยกรอง

แลว้ นกั เรยี นออกมาพูดอธิบายช้แี จงแสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเรอ่ื ง โดยใช้ภาษาทถ่ี กู ต้อง มีเหตุผล
นา่ เชอ่ื ถือ

2. ใหค้ รซู ักถามและประเมินการพูดของนักเรียน โดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการพูดท่ีกาหนด
3. ให้นักเรียนเขียนอธิบายชแ้ี จงแสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่ืองโดยใช้
ภาษาทถ่ี ูกตอ้ ง มีเหตผุ ลนา่ เชอ่ื ถือ
4. ให้ครูประเมนิ การเขยี นของนกั เรยี น โดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การเขยี นท่ีกาหนด

ตัวอย่างเคร่ืองมือการประเมินการพูดและการเขียน
เรื่อง การออกกาลงั

นักเวชศาสตร์การกีฬากลา่ วว่า ช่วงเช้าตรู่ นับวา่ เปน็ ฤกษด์ ีทส่ี ดุ ของการออกกาลงั กาย ไมค่ วรจะ
เป็นยามคา่ คืน ด้วยเหตผุ ลมากมายหลายอย่างหลายประการด้วยกนั

เรมิ่ แรก เวลาเช้าตรเู่ น้นฤกษเ์ หมาะสมที่สดุ แม้วา่ จะรสู้ กึ ค่อนข้างฝดื ทแี่ รก แต่กลับจะรู้สกึ มี
ชวี ติ ชวี าขนึ้ ภายหลัง การลงมือออกกาลังตอนเชา้ ยังจะชว่ ยใหไ้ ม่พลาดโอกาสท่จี ะทางานหรือพันธะทางครอบครวั
เรอื่ งอ่นื ยง่ิ ใหต้ รงกบั ตอนตะวันขึ้นยงิ่ ดี เพราะจะทาใหร้ ู้สกึ ประสบความสาเร็จทั้งทางการและทางใจ

เปน็ ทพี่ สิ จู น์ให้เห็นกนั แลว้ ว่า การออกแรงอย่างร่าเริง แตเ่ ช้า ช่วยใหไ้ ฟธาตดุ ีและมีพลงั เพิม่ จะ
ทาใหท้ างานไดม้ ากข้นึ ของแต่ละวัน แต่ควรจะดัดแปลงใหแ้ ตกตา่ งกนั ออกไปเลก็ น้อย ในแต่ละวนั อยา่ งเช่น
เปลย่ี นเส้นทางการเดิน หรือฝเี ทา่ เสยี บ้าง เพื่อจะได้ไม่เบ่ือหนา่ ย และควรจะคิดวา่ เปน็ การตอบแทนตนเอง เมอ่ื
ออกกาลงั เสรจ็ ในแต่ละวัน ก็หาของโปรดด่มื เช่น นมตา่ งๆ จะช่วยให้มกี าลังใจเพ่มิ ข้ึน

วธิ กี ระตุ้นตวั อย่างอยา่ งหนึง่ ไดแ้ ก่ การจดั เตรียมเสือ้ ผา้ รองเท้าท่จี ะใชใ้ หพ้ ร้อมไว้ต้งั แต่ค่าวนั
ก่อน จะได้ไม่เปลยี่ นใจ พร้อมจะลงมือไดท้ ันที และข้อสุดท้ายกค็ ือ นอนให้หลบั สนิท ใหไ้ ด้อยา่ งน้อย 7 ช่ัวโมง เมื่อ
ไดน้ อนเต็มอ่ิมจะรสู้ ึกเต็มใจท่ีจะออกกาลงั ตอนเชา้ ในวนั ต่อๆ ไป

กิจกรรมหลงั การอ่าน การพูดหรอื การฟ๎ง

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รียน

149

1. ให้นกั เรียน พดู และ เขียน สรุปความสาคญั ของเรื่อง (เชน่ การออกกาลังตอนเช้า ชว่ งตะวัน
กาลังขน้ึ ดีท่สี ุด เพราะชว่ ยใหไ้ ฟธาตดุ ีและมีพลงั ทางานมากขนึ้ )

2. ให้นกั เรยี น พูด และ เขียน ข้อคดิ ท่ีได้จากการฟง๎ เชน่ จิตใจทีร่ า่ เรงิ แจ่มใส ย่อมอยู่ใน
ร่างกายที่แขง็ แรง

3. ให้นกั เรยี น พดู และ เขยี น วิเคราะห์ วจิ ารณเ์ รอ่ื งทีฟ่ ง๎ หาเหตุผลเพม่ิ เติม เช่น การออกกาลัง
กายคา่ คนื ไม่เหมาะสมอย่างไรบา้ ง เรอื่ งท่ีได้ฟ๎งนน้ี า่ เชือ่ ถือไดม้ ากน้อยเพียงไร

เกณฑ์การประเมินการพูด

ใหป้ ระเมนิ นักเรียนเปน็ รายบุคคล โดยเขยี นเคร่อื งหมาย  ลงในชอ่ งผลการประเมินทเ่ี หมาะสม

ผลการประเมนิ

ที่ รายการประเมนิ ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(3) (2) (1)

1 ฟง๎ พูด และอา่ นอย่างมีมารยาท

2 พูดวิเคราะห์ วิจารณ์ จากเร่ืองที่ฟง๎ ดู อา่ น

3 พูดวเิ คราะห์ วิจารณจ์ ากเรือ่ งที่ฟ๎ง ดู และอา่ นอย่างมเี หตุผล

4 แสดงความคดิ เห็นและมีเหตุผลประกอบนา่ เชือ่ ถือ พดู วิเคราะห์

วจิ ารณ์ จากเร่ืองท่ฟี ง๎ ดู และอ่านอยา่ งมีเหตผุ ล ท่ีเป็นประโยชน์

ต่อสว่ นรวม

รวมคะแนน

สรปุ

เกณฑ์การให้คะแนน

ข้อท่ี 1

ดี (3) หมายถงึ ฟ๎ง ดู และอา่ นอย่างมีมารยาททุกครั้ง

พอใช้ (2) หมายถึง ฟ๎ง ดู และอา่ นอย่างมีมารยาทเป็นบางครงั้

ปรับปรุง(1) หมายถงึ ไม่มีมารยาทในการฟง๎ ดู พูดและอ่าน

ข้อที่ 2

ดี (3) หมายถึง พูดวิเคราะห์ วจิ ารณ์จากเร่ืองที่ฟ๎ง ดู พดู และอา่ นได้ทกุ ประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พูดวเิ คราะห์ วิจารณ์จากเรอ่ื งที่ฟ๎ง ดู พดู และอา่ นไดบ้ างประเดน็

ปรบั ปรุง(1) หมายถึง ไมส่ ามารถพูดวเิ คราะห์ วิจารณจ์ ากเร่ืองท่ีฟ๎ง ดู พดู และอ่านได้

ข้อท่ี 3

ดี (3) หมายถึง พูด วิเคราะห์ วจิ ารณ์จากเร่ืองฟ๎ง ดู และอ่านได้อยา่ งมีเหตุผลทุกประเด็น

พอใช้ (2) หมายถงึ พดู วิเคราะห์ วจิ ารณ์จากเรื่องฟ๎ง ดู และอ่านได้อย่างมีเหตผุ ลได้บา้ ง

บางประเดน็

ปรบั ปรุง(1) หมายถงึ ไม่สามารถพูด วิเคราะห์ จากเร่ืองฟ๎ง พูด และอา่ นได้อยา่ งมีเหตผุ ล

ขอ้ ท่ี 4

ดี (3) หมายถึง พูด วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่ืองที่ฟง๎ ดู และอา่ นอย่างมีเหตผุ ลและ

เปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม

ติดตาม ตรวจสอบฯจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรยี น


Click to View FlipBook Version